• ## ท่าทีที่น่ากังวล ของ สส. ผู้ทรงเกียรติ ##
    ..
    ..
    นายคนนี้ คือ สส. พรรคสีสัม ใครเลือกมา ได้โปรด ติดตามผลงานของท่านด้วย...!!!
    .
    นายคนนี้คือ นาย รอมฎอน ปันจอร์ สส. ที่อยู่ทางภาคใต้ ของ พรรคประชาชน
    .
    ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเหตุก่อขึ้นโดย กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้...
    .
    สส. พรรคสีส้ม รายนี้ ไม่เคยตำหนิผู้ก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเลย...
    .
    อย่างเดียวที่เขาพูดคือ ตำหนิ รัฐไทย ว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีปัญหา กดขี่ ข่มขู่ ไม่จริงใจในการแสวงหาสันติภาพ...!!!
    .
    ให้ยกเลิก กฎอัยการศึก ให้ยกเลิก ศอ.บต.
    .
    จริงหรือไม่ หลายครั้ง สส.ท่านนี้ ไปงานสัมนา มากกว่า 1 ครั้ง และ พูด ชวัดเชวียน ไปมา ในทำนอง ประกาศอิสรภาพ เอกราช ประชามติ ปกครองตัวเอง
    .
    โดยครั้งหนึ่ง งานเสวนาที่ท่านเป็นแขกรับเชิญ ท่าน อาจะเป็น นกรู้ หรือ อย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านไม่มา...
    .
    แต่ในงานนั้นมีการ "จัดการจำลอง" การ "ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน" ให้ รัฐปาตานี ปกครองตัวเอง (ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐทางภาคใต้)
    .
    ซึ่ง รัฐปาตานี นี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงกลุ่มคนผลักดันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
    .
    ถึงขั้น คนอีกกลุ่ม เอาไปทำบอร์ดเกม เนื้อหาระบุว่า รัฐไทยกระทำการเหี้ยมโหด โหดร้ายทารุณ ต่อ ชาวปาตานี
    .
    ปาตานี ในที่นี้ พวกเขาไม่ได้หมายถึง จังหวัดปัตตานี นะครับ เขาหมายรวม ครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน รวมทั้งตอนเหนือของมาเลเซียในบางยุคสมัย ด้วย (นี่คือชุดข้อมูลของพวกเขา)
    .
    ซึ่งหลายครั้ง คุณ พวกคุณ คณะก้าวหน้า ธนาธร ช่อ ปิยะบุตร รวมไปถึง นักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง เวลาไปเสวนา ก็จะพูดไปในทำนองนี้ รัฐไทยกดขี่ สร้างความเจ็บปวดให้ ใช่หรือไม่...???
    .
    คลิป มันมีนะครับ สมัยนี้เขาเรียก Digital Footprint พวกคุณหนีความจริงไม่พ้นหรอก
    .
    พวกเราประชาชนตาดำๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่ไม่ใช่พรรคการเมือง ต้องช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของ สส. ที่พวกคุณเลือกเข้ามาด้วยนะครับ ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง...???
    .
    ลึกๆแล้วพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่...???
    .
    ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมไม่สบายใจกับท่าที ของ สส. ผู้ทรงเกียรติหลายท่าน รวมไปถึง อดีต สส.เอย NGO เอย มานานพอสมควรแล้วครับ
    .
    แล้วจริงหรือไม่ ที่พรรคก้าวไกล เคยเสนอแก้รัฐนูญ นอกจากหมวด 2 ที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว...
    .
    พรรคก้าวไกล ยังเคยเสนอแก้รัฐนูญ หมวด 1 อีกด้วย
    .
    หากผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ระบุว่า
    .
    มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้
    .
    มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
    .
    ผมถาม ใน 3 มาตรานี้ พวกคุณต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อไหน...???
    .
    ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่า เรื่อง "มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ไว้ว่า...
    .
    "มันต้องแบ่งได้"
    .
    ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอาจารย์ท่านนั้นคนเดียวก็ได้...
    .
    แต่ผมเห็น หลายๆท่าน หลายๆกระบวนการ บอกตามตรงในฐานะ "พลเมืองไทย" ผมกังวลต่อท่าทีของหลายๆท่านมากนะครับ...
    .
    สงสารตัวเอง สงสารลูกหลาน...
    .
    และ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนที่ยังไม่รู้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ...
    ## ท่าทีที่น่ากังวล ของ สส. ผู้ทรงเกียรติ ## .. .. นายคนนี้ คือ สส. พรรคสีสัม ใครเลือกมา ได้โปรด ติดตามผลงานของท่านด้วย...!!! . นายคนนี้คือ นาย รอมฎอน ปันจอร์ สส. ที่อยู่ทางภาคใต้ ของ พรรคประชาชน . ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเหตุก่อขึ้นโดย กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้... . สส. พรรคสีส้ม รายนี้ ไม่เคยตำหนิผู้ก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเลย... . อย่างเดียวที่เขาพูดคือ ตำหนิ รัฐไทย ว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีปัญหา กดขี่ ข่มขู่ ไม่จริงใจในการแสวงหาสันติภาพ...!!! . ให้ยกเลิก กฎอัยการศึก ให้ยกเลิก ศอ.บต. . จริงหรือไม่ หลายครั้ง สส.ท่านนี้ ไปงานสัมนา มากกว่า 1 ครั้ง และ พูด ชวัดเชวียน ไปมา ในทำนอง ประกาศอิสรภาพ เอกราช ประชามติ ปกครองตัวเอง . โดยครั้งหนึ่ง งานเสวนาที่ท่านเป็นแขกรับเชิญ ท่าน อาจะเป็น นกรู้ หรือ อย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านไม่มา... . แต่ในงานนั้นมีการ "จัดการจำลอง" การ "ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน" ให้ รัฐปาตานี ปกครองตัวเอง (ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐทางภาคใต้) . ซึ่ง รัฐปาตานี นี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงกลุ่มคนผลักดันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง . ถึงขั้น คนอีกกลุ่ม เอาไปทำบอร์ดเกม เนื้อหาระบุว่า รัฐไทยกระทำการเหี้ยมโหด โหดร้ายทารุณ ต่อ ชาวปาตานี . ปาตานี ในที่นี้ พวกเขาไม่ได้หมายถึง จังหวัดปัตตานี นะครับ เขาหมายรวม ครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน รวมทั้งตอนเหนือของมาเลเซียในบางยุคสมัย ด้วย (นี่คือชุดข้อมูลของพวกเขา) . ซึ่งหลายครั้ง คุณ พวกคุณ คณะก้าวหน้า ธนาธร ช่อ ปิยะบุตร รวมไปถึง นักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง เวลาไปเสวนา ก็จะพูดไปในทำนองนี้ รัฐไทยกดขี่ สร้างความเจ็บปวดให้ ใช่หรือไม่...??? . คลิป มันมีนะครับ สมัยนี้เขาเรียก Digital Footprint พวกคุณหนีความจริงไม่พ้นหรอก . พวกเราประชาชนตาดำๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่ไม่ใช่พรรคการเมือง ต้องช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของ สส. ที่พวกคุณเลือกเข้ามาด้วยนะครับ ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง...??? . ลึกๆแล้วพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่...??? . ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมไม่สบายใจกับท่าที ของ สส. ผู้ทรงเกียรติหลายท่าน รวมไปถึง อดีต สส.เอย NGO เอย มานานพอสมควรแล้วครับ . แล้วจริงหรือไม่ ที่พรรคก้าวไกล เคยเสนอแก้รัฐนูญ นอกจากหมวด 2 ที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว... . พรรคก้าวไกล ยังเคยเสนอแก้รัฐนูญ หมวด 1 อีกด้วย . หากผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ระบุว่า . มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ . มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ . ผมถาม ใน 3 มาตรานี้ พวกคุณต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อไหน...??? . ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่า เรื่อง "มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ไว้ว่า... . "มันต้องแบ่งได้" . ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอาจารย์ท่านนั้นคนเดียวก็ได้... . แต่ผมเห็น หลายๆท่าน หลายๆกระบวนการ บอกตามตรงในฐานะ "พลเมืองไทย" ผมกังวลต่อท่าทีของหลายๆท่านมากนะครับ... . สงสารตัวเอง สงสารลูกหลาน... . และ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนที่ยังไม่รู้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ
    .
    “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน
    .
    เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ
    .
    ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง
    .
    นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ)
    .
    “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม
    .
    นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม
    .
    “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว
    .
    นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ
    .
    “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย
    .
    ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”.
    ............
    Sondhi X
    ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ . “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน . เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ . ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง . นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) . “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว . อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม . นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม . “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว . นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ . “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย . ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้ . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”. ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1683 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พรรคประชาชน มี DNA สืบเชื้อสายจากพรรคก้าวไกล ขนาดยื่นขออภิปราย ยังขอรุมโท-รมนายกฯหญิง เพียงคนเดียว ก้าวไกลก้าวกามจริงๆ
    #7ดอกจิก
    ♣ พรรคประชาชน มี DNA สืบเชื้อสายจากพรรคก้าวไกล ขนาดยื่นขออภิปราย ยังขอรุมโท-รมนายกฯหญิง เพียงคนเดียว ก้าวไกลก้าวกามจริงๆ #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    Wow
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • พร้อมเข้าชื่อถอด 'สุชาติ' พ้นเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.'ประชาชน' ไม่ได้เอาคืนคดี 112
    .
    แม้ว่ากระแสเรื่องคลิปการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะจางลงไปแล้ว แต่สำหรับพรรคประชาชน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่าส.ส.ของพรรคจะมีการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 236 เพื่อยื่นให้ศาลฎีกาไต่สวน
    .
    นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนมีมติพรรคแล้ว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกรณีป.ป.ช.เรียก 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา112 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ในการที่เราเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องชี้แจงอย่างตรงไปมา ว่า ในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏ แต่ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง
    .
    “ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี สส.พรรคอื่น และ สว. เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี44ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว
    .
    สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234 (1) (มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง
    .............
    Sondhi X
    พร้อมเข้าชื่อถอด 'สุชาติ' พ้นเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.'ประชาชน' ไม่ได้เอาคืนคดี 112 . แม้ว่ากระแสเรื่องคลิปการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะจางลงไปแล้ว แต่สำหรับพรรคประชาชน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่าส.ส.ของพรรคจะมีการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 236 เพื่อยื่นให้ศาลฎีกาไต่สวน . นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนมีมติพรรคแล้ว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกรณีป.ป.ช.เรียก 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา112 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ในการที่เราเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องชี้แจงอย่างตรงไปมา ว่า ในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏ แต่ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง . “ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี สส.พรรคอื่น และ สว. เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี44ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว . สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234 (1) (มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง ............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Love
    Haha
    Yay
    Angry
    24
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2403 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณี ป.ป.ช.ส่งหนังสือลับเรียก 44 ส.ส.พรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหา ปม มาตรา112 ทำเอาบรรดาขุนพลเสื้อส้ม หลายคนเก็บอาการไม่อยู่ ออกมาใช้สื่อออนไลน์วิจารณ์การทำงานของ ป.ป.ช.อย่างดุเดือด

    #112เขย่าขวัญพรรคส้ม #พรรคส้มวิกฤต #25สสเสี่ยงหลุดเก้าอี้ #มาตรา112 #พรรคประชาชน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    กรณี ป.ป.ช.ส่งหนังสือลับเรียก 44 ส.ส.พรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหา ปม มาตรา112 ทำเอาบรรดาขุนพลเสื้อส้ม หลายคนเก็บอาการไม่อยู่ ออกมาใช้สื่อออนไลน์วิจารณ์การทำงานของ ป.ป.ช.อย่างดุเดือด #112เขย่าขวัญพรรคส้ม #พรรคส้มวิกฤต #25สสเสี่ยงหลุดเก้าอี้ #มาตรา112 #พรรคประชาชน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    19
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1713 มุมมอง 58 0 รีวิว
  • ศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายจับ "ไชยามพวาน" ส.ส.พรรคไทยก้าวหน้า ที่เคยถูกขับจากพรรคก้าวไกล ขืนใจนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ตำรวจส่งหมายถึงสภา ขอตัวไปดำเนินคดี

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000012473

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายจับ "ไชยามพวาน" ส.ส.พรรคไทยก้าวหน้า ที่เคยถูกขับจากพรรคก้าวไกล ขืนใจนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ตำรวจส่งหมายถึงสภา ขอตัวไปดำเนินคดี อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000012473 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 867 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    ตร.ขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรตจิตต์ (ปูอัด) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า(อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล) ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี หลังศาลเชียงใหม่ออกหมายจับคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเหยื่อสาวได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว

    ที่ผ่านมาส.ส.คนดังกล่าวเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหลายครั้ง จนถูกขับออกจากพรรคและย้ายสังกัดพรรคไปก่อนหน้านี้
    ด่วน! ตร.ขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรตจิตต์ (ปูอัด) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า(อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล) ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี หลังศาลเชียงใหม่ออกหมายจับคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเหยื่อสาวได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ที่ผ่านมาส.ส.คนดังกล่าวเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหลายครั้ง จนถูกขับออกจากพรรคและย้ายสังกัดพรรคไปก่อนหน้านี้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดประวัติ 'สุชาติ' ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีแก้ 112
    .
    ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เลือก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี เป็นประธานป.ป.ช. ซึ่งจะทำหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2570 หลังจากนายสุชาติได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับประวัติ นายสุชาติ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง/เนติบัณทิตไทย เนติบัณทิตย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นิติศาสตร์ มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ เคยทำหน้าที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รองอธิบดีผู้พิพากษาแรงงานกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี
    .
    ขณะที่ ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ในมือป.ป.ช.นั้น นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิจารณา เรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ยังคงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา
    .
    นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงานมานั้น ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการไต่สวนว่า หลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ภายในปีนี้ จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นส่วนตัว หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากมีการชี้แจงแล้วก็จะมีการสรุปสำนวน และพิจารณาว่าคำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ และข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ตัองไปดำเนินการเพิ่มเติมมาก
    ..............
    Sondhi X
    เปิดประวัติ 'สุชาติ' ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีแก้ 112 . ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เลือก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี เป็นประธานป.ป.ช. ซึ่งจะทำหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2570 หลังจากนายสุชาติได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับประวัติ นายสุชาติ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง/เนติบัณทิตไทย เนติบัณทิตย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นิติศาสตร์ มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ เคยทำหน้าที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รองอธิบดีผู้พิพากษาแรงงานกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี . ขณะที่ ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ในมือป.ป.ช.นั้น นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิจารณา เรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ยังคงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา . นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงานมานั้น ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการไต่สวนว่า หลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน . เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ภายในปีนี้ จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นส่วนตัว หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากมีการชี้แจงแล้วก็จะมีการสรุปสำนวน และพิจารณาว่าคำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ และข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ตัองไปดำเนินการเพิ่มเติมมาก .............. Sondhi X
    Like
    22
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2220 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขาฯ ป.ป.ช. คาดแจ้งข้อหา 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล เข้าชื่อแก้ ม.112 ใน 1-2 เดือนนี้ แต่ยังไม่ใช่การชี้มูลว่าผิดแจ้งข้อหาเพื่อให้โอกาสชี้แจง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011746

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เลขาฯ ป.ป.ช. คาดแจ้งข้อหา 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล เข้าชื่อแก้ ม.112 ใน 1-2 เดือนนี้ แต่ยังไม่ใช่การชี้มูลว่าผิดแจ้งข้อหาเพื่อให้โอกาสชี้แจง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011746 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ประชาชน' โวมีของเพียบ พร้อมเปิดศึกซักฟอก อัดรัฐบาลไม่ตรงปก
    .
    สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น คาดว่าสปอตไลท์น่าจะจับมาที่พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวมีข้อมูลเตรียมไว้ 3-4 เรื่อง กําลังปรึกษาทางพรรคว่าจะพูดเองในเรื่องใด หรือมอบหมายเรื่องใดให้คนอื่นพูด ซึ่งข้อมูลแต่ละด้าน เรารวบรวมจากข้าราชการภายในที่ส่งต่อมาให้ และจากประชาชนทั่วไป
    .
    นายณัฐชา กล่าวว่า ส่วนเนื้อหาจะเป็นเรื่องใดนั้น ภาพรวมจะมีครบทุกอย่าง เป็นการบริหารตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 รัฐบาลทําให้ประชาชนผิดหวัง ในส่วนรัฐมนตรีบางคน มีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต และการใช้อํานาจหน้าที่ในทางที่ผิด
    .
    ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า นายพิธา กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังไม่ตรงปกเหมือนตอนที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ตอนนั้นที่อภิปรายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดชัดเจนจนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ตอนนี้ไม่ได้ตรงกับตอนนั้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นเวทีดีเบตที่ช่อง 3 นางสาวแพทองธาร ก็มีการพูดเกี่ยวกับผู้นำอาเซียน ตอนนั้นก็ยังตอบได้ดี แต่พอมาบริหารจัดการเอง ก็น่าเสียดาย ที่ไม่ตรงกับการอภิปรายและหาเสียงไว้ หากทำตามที่เคยพูดไว้ก็น่าจะทุเลาลงได้
    ..............
    Sondhi X
    'ประชาชน' โวมีของเพียบ พร้อมเปิดศึกซักฟอก อัดรัฐบาลไม่ตรงปก . สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น คาดว่าสปอตไลท์น่าจะจับมาที่พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวมีข้อมูลเตรียมไว้ 3-4 เรื่อง กําลังปรึกษาทางพรรคว่าจะพูดเองในเรื่องใด หรือมอบหมายเรื่องใดให้คนอื่นพูด ซึ่งข้อมูลแต่ละด้าน เรารวบรวมจากข้าราชการภายในที่ส่งต่อมาให้ และจากประชาชนทั่วไป . นายณัฐชา กล่าวว่า ส่วนเนื้อหาจะเป็นเรื่องใดนั้น ภาพรวมจะมีครบทุกอย่าง เป็นการบริหารตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 รัฐบาลทําให้ประชาชนผิดหวัง ในส่วนรัฐมนตรีบางคน มีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต และการใช้อํานาจหน้าที่ในทางที่ผิด . ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า นายพิธา กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังไม่ตรงปกเหมือนตอนที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ตอนนั้นที่อภิปรายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดชัดเจนจนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ตอนนี้ไม่ได้ตรงกับตอนนั้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นเวทีดีเบตที่ช่อง 3 นางสาวแพทองธาร ก็มีการพูดเกี่ยวกับผู้นำอาเซียน ตอนนั้นก็ยังตอบได้ดี แต่พอมาบริหารจัดการเอง ก็น่าเสียดาย ที่ไม่ตรงกับการอภิปรายและหาเสียงไว้ หากทำตามที่เคยพูดไว้ก็น่าจะทุเลาลงได้ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1452 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมดบารมี ประชาธิปปัตย์ นับถอยหลังปิดตำนาน
    นับถอยหลัง เหลืออีกไม่กี่เดือน จะถึงวันหยอดบัตรเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันเสาร์ที่1 กุมภาพันธ์จํานวน 47 จังหวัด ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะรวมทั้งการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาจังหวัดด้วย
    ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศไทยนั้นมีบรรยากาศความเข้มข้นแตกต่างจากการเลือกตั้งระดับประเทศอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้งส.ส.ระดับประเทศแม้จะเป็นการช่วงชิงอํานาจในการบริหารประเทศ แต่มุมหนึ่งก็ไม่ได้มีการวางเดิมพันที่สูงเหมือนกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
    โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความเข้มข้น เพราะนั่นหมายถึงการควบคุมทรัพยากรของรัฐที่เป็นเอกเทศจากฝ่ายบริหารส่วนกลาง จึงไม่แปลกที่จะมีเหตุการณ์ไข้โป้งและเหตุการณ์ความรุนแรงให้เห็นเป็นระยะหนึ่งในสนามที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างคาดไม่ถึงคือจังหวัดตรัง ซึ่งเวลานี้ ภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองของจังหวัดตรัง มีโฉมหน้าแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยในอดีตเป็นฐานที่มั่นสําคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากหลายทศวรรษพรรคประชาธิปัตย์สามารถครองเก้าอี้ส.ส.ของจังหวัดนี้ได้มาตลอด แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนถึงฐานราก
    วันนี้จังหวัดตรังไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยอิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์แบบเด็ดขาดเหมือนในอดีต ภายหลังพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถเข้ามาคล้องเก้าอี้ส.ส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดตรังไปได้บางส่วน
    หรือแม้แต่คะแนนส สบัญชีรายชื่อเฉพาะตรังก็พบว่าประชาธิปัตย์อยู่อันดับที่3ตามหลังพรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกล
    ที่ปัจจุบันเป็นพรรคประชาชนเกือบ100 000 คะแนนประกอบกับสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือภายหลังเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
    ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าชวนหลีกภัยไม่ได้มีความหมายต่อพรรคประชาธิปัตย์แบบอดีตอีกแล้วเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลง จึงทําให้สมรภูมิเลือกตั้งท้องถิ่นตรังเปลี่ยนไปด้วยระดับประเทศครั้งต่อไป
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    หมดบารมี ประชาธิปปัตย์ นับถอยหลังปิดตำนาน นับถอยหลัง เหลืออีกไม่กี่เดือน จะถึงวันหยอดบัตรเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันเสาร์ที่1 กุมภาพันธ์จํานวน 47 จังหวัด ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะรวมทั้งการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาจังหวัดด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศไทยนั้นมีบรรยากาศความเข้มข้นแตกต่างจากการเลือกตั้งระดับประเทศอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้งส.ส.ระดับประเทศแม้จะเป็นการช่วงชิงอํานาจในการบริหารประเทศ แต่มุมหนึ่งก็ไม่ได้มีการวางเดิมพันที่สูงเหมือนกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความเข้มข้น เพราะนั่นหมายถึงการควบคุมทรัพยากรของรัฐที่เป็นเอกเทศจากฝ่ายบริหารส่วนกลาง จึงไม่แปลกที่จะมีเหตุการณ์ไข้โป้งและเหตุการณ์ความรุนแรงให้เห็นเป็นระยะหนึ่งในสนามที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างคาดไม่ถึงคือจังหวัดตรัง ซึ่งเวลานี้ ภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองของจังหวัดตรัง มีโฉมหน้าแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยในอดีตเป็นฐานที่มั่นสําคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากหลายทศวรรษพรรคประชาธิปัตย์สามารถครองเก้าอี้ส.ส.ของจังหวัดนี้ได้มาตลอด แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนถึงฐานราก วันนี้จังหวัดตรังไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยอิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์แบบเด็ดขาดเหมือนในอดีต ภายหลังพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถเข้ามาคล้องเก้าอี้ส.ส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดตรังไปได้บางส่วน หรือแม้แต่คะแนนส สบัญชีรายชื่อเฉพาะตรังก็พบว่าประชาธิปัตย์อยู่อันดับที่3ตามหลังพรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกล ที่ปัจจุบันเป็นพรรคประชาชนเกือบ100 000 คะแนนประกอบกับสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือภายหลังเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าชวนหลีกภัยไม่ได้มีความหมายต่อพรรคประชาธิปัตย์แบบอดีตอีกแล้วเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลง จึงทําให้สมรภูมิเลือกตั้งท้องถิ่นตรังเปลี่ยนไปด้วยระดับประเทศครั้งต่อไป ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 667 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่
    .
    สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี
    .
    วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้
    .
    “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน"
    .
    ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ
    .
    "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์"
    .
    กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง
    .
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"
    นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว
    .
    นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง"
    “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน
    .
    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง”
    การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา
    .
    "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น
    .
    "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน”
    .
    - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก
    .
    - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง
    .
    “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
    .
    “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน
    .
    คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา”
    .
    ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป
    ...............
    Sondhi X
    "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่ . สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี . วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้ . “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน" . ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ . "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์" . กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง . นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก" นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว . นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง" “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน . นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง” การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา . "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น . "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน” . - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก . - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง . “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป . “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน . คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา” . ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป ............... Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2106 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปชน.” อยู่ไม่ไหวโร่แจงยันปืน 5 กระบอกของสมาชิกพรรคปราจีนฯมีทะเบียนไม่ใช่ปืนเถื่อน-พกพาในที่สาธารณะ ชี้ไม่ได้ทำผิดเมินขับพ้นพรรค บอกตอนนี้เจ้าตัวไม่ไม่มีตำแหน่ง โบ้ยฝ่ายตรงข้ามวางงาน

    วันที่ (20 ธ.ค.2567) ที่รัฐสภา นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักของประธานสาขาพรรคประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน 5 กระบอกและเครื่องกระสุน โดยแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ว่า ผู้ที่ปรากฏในข่าวดังกล่าวไม่ใช่ผอ.พรรค นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม เคยเป็นอดีตผู้ประสานงาน จ.ปราจีนบุรี ของพรรคก้าวไกล และเคยเป็นผู้ช่วย สส. ของน.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อน.ส.เบญจาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายสุเมธจึงไม่ได้เป็นทั้งผู้ช่วย สส. และผู้ประสานงานประจำจังหวัดแล้ว แต่ก่อนหน้านี้นายสุเมธ เป็นประธานคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นปราจีนบุรี ซึ่งมันจบไปแล้ว ปัจจุบันเป็นนายสุเมธ ไสลวงษ์ ที่เป็น ผอ.พรรคประชาชน จ.ปราจีนบุรี ไม่ใช่นายสุเมธที่ถูกจับกุมเรื่องอาวุธปืน อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากชื่อสุเมธเหมือนกัน ยืนยันว่าขณะนี้นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเนื่องจากการคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นจบเรียบร้อย เราได้ผู้สมัครและประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000122229

    #MGROnline #รองโฆษกพรรคประชาชน #พรรคประชาชน

    “ปชน.” อยู่ไม่ไหวโร่แจงยันปืน 5 กระบอกของสมาชิกพรรคปราจีนฯมีทะเบียนไม่ใช่ปืนเถื่อน-พกพาในที่สาธารณะ ชี้ไม่ได้ทำผิดเมินขับพ้นพรรค บอกตอนนี้เจ้าตัวไม่ไม่มีตำแหน่ง โบ้ยฝ่ายตรงข้ามวางงาน • วันที่ (20 ธ.ค.2567) ที่รัฐสภา นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักของประธานสาขาพรรคประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน 5 กระบอกและเครื่องกระสุน โดยแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ว่า ผู้ที่ปรากฏในข่าวดังกล่าวไม่ใช่ผอ.พรรค นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม เคยเป็นอดีตผู้ประสานงาน จ.ปราจีนบุรี ของพรรคก้าวไกล และเคยเป็นผู้ช่วย สส. ของน.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อน.ส.เบญจาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายสุเมธจึงไม่ได้เป็นทั้งผู้ช่วย สส. และผู้ประสานงานประจำจังหวัดแล้ว แต่ก่อนหน้านี้นายสุเมธ เป็นประธานคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นปราจีนบุรี ซึ่งมันจบไปแล้ว ปัจจุบันเป็นนายสุเมธ ไสลวงษ์ ที่เป็น ผอ.พรรคประชาชน จ.ปราจีนบุรี ไม่ใช่นายสุเมธที่ถูกจับกุมเรื่องอาวุธปืน อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากชื่อสุเมธเหมือนกัน ยืนยันว่าขณะนี้นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเนื่องจากการคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นจบเรียบร้อย เราได้ผู้สมัครและประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000122229 • #MGROnline #รองโฆษกพรรคประชาชน #พรรคประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • มอบตัวแล้วมือยิงพ่อ สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ที่แท้หลานชายเจ้าของร้านข้าวต้มจุดเกิดเหตุ ปมทะเลาะวิวาทถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ลูกสาวยันไม่เกี่ยวการเมืองขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ด้าน ตร.ตั้งข้อหาพยายามฆ่า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118693

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    มอบตัวแล้วมือยิงพ่อ สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ที่แท้หลานชายเจ้าของร้านข้าวต้มจุดเกิดเหตุ ปมทะเลาะวิวาทถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ลูกสาวยันไม่เกี่ยวการเมืองขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ด้าน ตร.ตั้งข้อหาพยายามฆ่า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118693 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1178 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัดบานได้ที เข้มงวดคัดกรองแรงงานต่างด้าว เน้นตะเพิดพวกฝักใฝ่พรรคก้าวไกล-ประชาชวย ที่เข้ามาหาแดรกแต่กลับร่วมบ่.อนทำล..ายชาติ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    รัดบานได้ที เข้มงวดคัดกรองแรงงานต่างด้าว เน้นตะเพิดพวกฝักใฝ่พรรคก้าวไกล-ประชาชวย ที่เข้ามาหาแดรกแต่กลับร่วมบ่.อนทำล..ายชาติ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลไม่รับคดีล้มล้าง ขาดหลักฐานชัดเจน จับตาคดีในมือ กกต.-ปปช.
    .
    ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย
    .
    สำหรับคำร้องที่นายธีรยุทธยื่นมี 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต
    .
    ประเด็นที่ 2 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
    .
    ประเด็นที่ 3 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    ประเด็นที่ 4 นายทักษิณสั่งการแทนพรรคเพื่อไทย โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ
    .
    ประเด็นที่ 5 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
    .
    ประเด็นที่ 6 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของนายทักษิณที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
    .
    ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
    .
    ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6
    .
    สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
    .
    ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
    .
    ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้
    .
    ด้านดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตส.ว. แสดงความคิดเห็นว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษรที่ขอให้สั่งหยุดการกระทำของคุณทักษิณและ พท.ทั้ง 6 ประเด็น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯแต่ข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็นก็ยังมีผู้ยื่นคำร้องต่อ ปปช.และ กกต.กล่าวหานายทักษิณ พรรคเพื่อไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมทำผิดตามกฎหมายอื่นที่มีโทษรุนแรงทั้งต่อบุคคลและพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปสิ้นสุดการพิจารณาที่ศาลยุติธรรมหรือ ศาลรัฐธรรมนูญได้อีกเป็นหลายกรณี ประชาชนพลเมืองดีของไทยจึงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    ศาลไม่รับคดีล้มล้าง ขาดหลักฐานชัดเจน จับตาคดีในมือ กกต.-ปปช. . ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย . สำหรับคำร้องที่นายธีรยุทธยื่นมี 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต . ประเด็นที่ 2 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา . ประเด็นที่ 3 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . ประเด็นที่ 4 นายทักษิณสั่งการแทนพรรคเพื่อไทย โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ . ประเด็นที่ 5 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล . ประเด็นที่ 6 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของนายทักษิณที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา . ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ . ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 . สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย . ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง . ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ . ด้านดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตส.ว. แสดงความคิดเห็นว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษรที่ขอให้สั่งหยุดการกระทำของคุณทักษิณและ พท.ทั้ง 6 ประเด็น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯแต่ข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็นก็ยังมีผู้ยื่นคำร้องต่อ ปปช.และ กกต.กล่าวหานายทักษิณ พรรคเพื่อไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมทำผิดตามกฎหมายอื่นที่มีโทษรุนแรงทั้งต่อบุคคลและพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปสิ้นสุดการพิจารณาที่ศาลยุติธรรมหรือ ศาลรัฐธรรมนูญได้อีกเป็นหลายกรณี ประชาชนพลเมืองดีของไทยจึงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป .............. Sondhi X
    Sad
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2374 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "ชัยธวัช" อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลรวย 19.3 ล้านบาท ‘อภิชาติ ศิริสุนทร’ 13.2 ล้านบาท ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ อู้ฟู่ 263 ล้านบาท มีหนี้สินแค่แสนกว่าบาท เก็บปืน เครื่องประดับ นาฬิกาหรู ทองคำแท่ง กระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111988

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "ชัยธวัช" อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลรวย 19.3 ล้านบาท ‘อภิชาติ ศิริสุนทร’ 13.2 ล้านบาท ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ อู้ฟู่ 263 ล้านบาท มีหนี้สินแค่แสนกว่าบาท เก็บปืน เครื่องประดับ นาฬิกาหรู ทองคำแท่ง กระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111988 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Yay
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1833 มุมมอง 1 รีวิว
  • 'พิธา' โต้เดือด 'ทักษิณ' เกลียดรัฐประหาร แต่จับมือลุง
    .
    ช่วงนี้อุดรธานีต้องคอยต้อนรับผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อไม่นานมานี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพิ่งลงทุนลงแรงช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยทิ้งวาทกรรมให้มากมายก่อนจากไป มาคราวนี้ถึงคิว 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' อดีตแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ช่วยผู้สมัครของพรรคประชาชนบ้าง พร้อมกับประกาศว่าอีก 9 ปีจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
    .
    ประโยคเด็ดที่ว่านี้เกิดระหว่าง 'พิธา' เดินหาเสียงที่ตลาดนิยม อ.บ้านผือ อุดรธานี และได้พบกับนางสวาท วังดู่ อายุ 86 ปี ที่เดินทางมาให้กำลังใจ โดยพิธาบอกว่า "ขอให้คุณยายอายุมั่นขวัญยืนนะครับคุณยาย รออีก 9 ปี กลับมาจะเป็นนายกฯ ให้ดีกว่านี้"
    .
    จากนั้นอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้ขึ้นเวทีปราศรัย ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการตอบโต้พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ
    .
    “คุณทักษิณ บอกว่าประชาชนยังไม่หายจน เพราะถูกยึดอำนาจไป 2 ครั้ง คุณทักษิณพูดถูก แต่ทำไมไปจับมือกับพรรคจากรัฐประหาร อันนี้ตนเองไม่เข้าใจจริงๆ พี่น้องเข้าใจหรือเปล่า คุณทักษิณก็บอกว่ารู้อยู่แล้วปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความยากจนประชาชนตลอด 18 ปีที่ผ่านมา มาจากการทำรัฐประหาร เสร็จแล้วสละมือกับฝ่ายประชาธิปไตย ไปจับมือกับพรรค 2 ลุง ไปจับทำไม แบบนี้ไม่อยากจะบอกว่า เกลียดตัวกินไข่ เกียดปลาไหลกินน้ำแกง หรือเปล่า"
    ...............
    Sondhi X
    'พิธา' โต้เดือด 'ทักษิณ' เกลียดรัฐประหาร แต่จับมือลุง . ช่วงนี้อุดรธานีต้องคอยต้อนรับผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อไม่นานมานี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพิ่งลงทุนลงแรงช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยทิ้งวาทกรรมให้มากมายก่อนจากไป มาคราวนี้ถึงคิว 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' อดีตแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ช่วยผู้สมัครของพรรคประชาชนบ้าง พร้อมกับประกาศว่าอีก 9 ปีจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี . ประโยคเด็ดที่ว่านี้เกิดระหว่าง 'พิธา' เดินหาเสียงที่ตลาดนิยม อ.บ้านผือ อุดรธานี และได้พบกับนางสวาท วังดู่ อายุ 86 ปี ที่เดินทางมาให้กำลังใจ โดยพิธาบอกว่า "ขอให้คุณยายอายุมั่นขวัญยืนนะครับคุณยาย รออีก 9 ปี กลับมาจะเป็นนายกฯ ให้ดีกว่านี้" . จากนั้นอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้ขึ้นเวทีปราศรัย ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการตอบโต้พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ . “คุณทักษิณ บอกว่าประชาชนยังไม่หายจน เพราะถูกยึดอำนาจไป 2 ครั้ง คุณทักษิณพูดถูก แต่ทำไมไปจับมือกับพรรคจากรัฐประหาร อันนี้ตนเองไม่เข้าใจจริงๆ พี่น้องเข้าใจหรือเปล่า คุณทักษิณก็บอกว่ารู้อยู่แล้วปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความยากจนประชาชนตลอด 18 ปีที่ผ่านมา มาจากการทำรัฐประหาร เสร็จแล้วสละมือกับฝ่ายประชาธิปไตย ไปจับมือกับพรรค 2 ลุง ไปจับทำไม แบบนี้ไม่อยากจะบอกว่า เกลียดตัวกินไข่ เกียดปลาไหลกินน้ำแกง หรือเปล่า" ............... Sondhi X
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1258 มุมมอง 1 รีวิว
  • ทักษิณ-ธนาธร โต้เดือด อย่ารื้อโครงสร้าง ม.112 สวนกลับไม่เคยพูด-ตั้งแง่ร่วมรัฐบาล
    .
    ทักษิณให้สัมภาษณ์พาดพิงธนาธร เคยคุยเรื่องมาตรา 112 ว่าตัวเองก็โดน ขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ด้านธนาธรโต้ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับทักษิณ และไม่ใช่เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ทักษิณก็รู้ดี เหน็บแทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
    .
    วันนี้ (15 พ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ว่า นายทักษิณรู้ดีที่สุด ว่าเหตุผลที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 สิ่งที่นายทักษิณกล่าว อาจทำให้คนทั่วเข้าใจไปได้ว่า ตนเคยคุยกับคุณทักษิณเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือมีความคิดรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันเรื่องนี้เลย การพูดคลุมเครือยังเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งต่อพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน เพื่อพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่าเหตุที่ดีลร่วมรัฐบาลล่ม เป็นเพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดราวาศอกเรื่อง 112
    .
    "มาตรา 112 ไม่ใช่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลเสนอให้การแก้ไขมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล และเมื่อถูกทักท้วงจากพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นแล้วก็ไม่ยอมถอย มาตรา 112 ไม่เคยอยู่ในเงื่อนไขตั้งแต่แรกต่างหาก ไม่มีอยู่ในเอ็มโอยูร่วมรัฐบาลที่เซ็นร่วมกันและเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะ คุณทักษิณรู้ดีที่สุด ไม่ใช่แกนนำพรรคก้าวไกลมุทะลุ ไม่มีวุฒิภาวะ แต่มีเหตุผลอื่นที่จะไม่ร่วมกัน แล้วใช้มาตรา 112 เป็นข้ออ้างต่างหาก ในทางกลับกัน คุณทักษิณเอง น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา" นายธนาธร กล่าว
    .
    นายธนาธร กล่าวว่า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ไม่เคยโฆษณาหรือใช้เรื่องมาตรา 112 เป็นประเด็นหลักในการรณรงค์เพื่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง ซึ่งจะตอบหรือพูดเรื่องมาตรา 112 เมื่อถูกสื่อมวลชนหรือประชาชนถามเท่านั้น ตนทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่สั่งสมมาหลายสิบปีของประเทศไม่ใช่สิ่งที่ลัดขั้นตอนได้ แต่ต้องทำงานความคิดอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมเห็นชอบร่วมกัน และแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตนเห็นว่าถ้าไม่แก้ปัญหาโครงสร้าง ก็ปะผุประเทศไทยกันต่อไป ประเทศจะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มีแต่การให้คนในสังคมมีวุฒิภาวะพอ กล้ายอมรับปัญหา เผชิญหน้า และค่อยๆ พูดคุยหาทางออกร่วมกัน
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายทักษิณให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยหาเสียงตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ว่า คดีมาตรา 112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันไว้ว่า จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่แตะเรื่อง 112 แต่จริงๆ แล้วปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ตนก็เป็นเหยื่อรายหนึ่ง ในการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 คนที่รับคดีครั้งแรกบอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่จงรักภักดี ฟ้องไปก่อน ทั้งที่หลักฐานไม่มี คนที่สองไม่ฟ้องเดี๋ยวโดนอีก ก็ฟ้อง โดยที่ไม่ได้ดูความถูกต้องของพยานหลักฐาน จึงทำให้การจงรักภักดีและรักสถาบันฯ ไม่ถูกต้อง การจงรักภักดีที่ถูกต้อง คือการรักษากฎหมายที่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ง่ายในการแก้ซึ่งต้องใช้เวลา
    .
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในแต่ละเหตุการณ์มีบริบทเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ทั้งเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549, 2557 จนถึงพรรคการเมืองโดนยุบเพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนเคยคุยกับนายธนาธร ว่าตนก็โดน 3 พรรค ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ดังนั้นขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้จะดีที่สุด อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบันฯ เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ตนไม่ได้บอกว่านายธนาธรหรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดที่โฆษณามันอันตรายกว่าความตั้งใจที่จะทำ
    ..............
    Sondhi X
    ทักษิณ-ธนาธร โต้เดือด อย่ารื้อโครงสร้าง ม.112 สวนกลับไม่เคยพูด-ตั้งแง่ร่วมรัฐบาล . ทักษิณให้สัมภาษณ์พาดพิงธนาธร เคยคุยเรื่องมาตรา 112 ว่าตัวเองก็โดน ขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ด้านธนาธรโต้ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับทักษิณ และไม่ใช่เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ทักษิณก็รู้ดี เหน็บแทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา . วันนี้ (15 พ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ว่า นายทักษิณรู้ดีที่สุด ว่าเหตุผลที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 สิ่งที่นายทักษิณกล่าว อาจทำให้คนทั่วเข้าใจไปได้ว่า ตนเคยคุยกับคุณทักษิณเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือมีความคิดรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันเรื่องนี้เลย การพูดคลุมเครือยังเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งต่อพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน เพื่อพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่าเหตุที่ดีลร่วมรัฐบาลล่ม เป็นเพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดราวาศอกเรื่อง 112 . "มาตรา 112 ไม่ใช่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลเสนอให้การแก้ไขมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล และเมื่อถูกทักท้วงจากพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นแล้วก็ไม่ยอมถอย มาตรา 112 ไม่เคยอยู่ในเงื่อนไขตั้งแต่แรกต่างหาก ไม่มีอยู่ในเอ็มโอยูร่วมรัฐบาลที่เซ็นร่วมกันและเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะ คุณทักษิณรู้ดีที่สุด ไม่ใช่แกนนำพรรคก้าวไกลมุทะลุ ไม่มีวุฒิภาวะ แต่มีเหตุผลอื่นที่จะไม่ร่วมกัน แล้วใช้มาตรา 112 เป็นข้ออ้างต่างหาก ในทางกลับกัน คุณทักษิณเอง น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา" นายธนาธร กล่าว . นายธนาธร กล่าวว่า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ไม่เคยโฆษณาหรือใช้เรื่องมาตรา 112 เป็นประเด็นหลักในการรณรงค์เพื่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง ซึ่งจะตอบหรือพูดเรื่องมาตรา 112 เมื่อถูกสื่อมวลชนหรือประชาชนถามเท่านั้น ตนทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่สั่งสมมาหลายสิบปีของประเทศไม่ใช่สิ่งที่ลัดขั้นตอนได้ แต่ต้องทำงานความคิดอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมเห็นชอบร่วมกัน และแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตนเห็นว่าถ้าไม่แก้ปัญหาโครงสร้าง ก็ปะผุประเทศไทยกันต่อไป ประเทศจะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มีแต่การให้คนในสังคมมีวุฒิภาวะพอ กล้ายอมรับปัญหา เผชิญหน้า และค่อยๆ พูดคุยหาทางออกร่วมกัน . ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายทักษิณให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยหาเสียงตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ว่า คดีมาตรา 112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันไว้ว่า จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่แตะเรื่อง 112 แต่จริงๆ แล้วปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ตนก็เป็นเหยื่อรายหนึ่ง ในการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 คนที่รับคดีครั้งแรกบอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่จงรักภักดี ฟ้องไปก่อน ทั้งที่หลักฐานไม่มี คนที่สองไม่ฟ้องเดี๋ยวโดนอีก ก็ฟ้อง โดยที่ไม่ได้ดูความถูกต้องของพยานหลักฐาน จึงทำให้การจงรักภักดีและรักสถาบันฯ ไม่ถูกต้อง การจงรักภักดีที่ถูกต้อง คือการรักษากฎหมายที่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ง่ายในการแก้ซึ่งต้องใช้เวลา . ผู้สื่อข่าวถามว่า ในแต่ละเหตุการณ์มีบริบทเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ทั้งเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549, 2557 จนถึงพรรคการเมืองโดนยุบเพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนเคยคุยกับนายธนาธร ว่าตนก็โดน 3 พรรค ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ดังนั้นขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้จะดีที่สุด อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบันฯ เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ตนไม่ได้บอกว่านายธนาธรหรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดที่โฆษณามันอันตรายกว่าความตั้งใจที่จะทำ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1814 มุมมอง 0 รีวิว
  • อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน
    โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ https://www.facebook.com/surawich.verawan

    การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็นที่ข้อยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของ รฟท.จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้”

    กำลังท้าทายกับกระแสสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นบรรทัดฐานของประเทศ เข้าใจครับว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวแต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองในคดีที่การรถไฟฯ ฟ้องกรมที่ดิน แต่นัยของคำสั่งนั้นหากอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว จะพบว่า ศาลต้องการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อเพิกถอนสิทธิการถือครองที่ดินตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผู้ถือครองที่ดินเขากระโดงจำนวน 37 แปลงฟ้องการรถไฟฯ (คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 8027/2561 และ 842-876/260 ) แต่คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งศาลปกครองหมายรวมถึงแปลงอื่นที่อยู่นอกเหนือแปลงที่นำขึ้นสู่ศาลฎีกาด้วย

    แต่กรมที่ดินซึ่งตั้งกรรมการขึ้นตามคำสั่งศาลปกครองกลับมีมติว่า การรถไฟฯ ไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินเขากระโดงทั้งที่ศาลฎีกาชี้แล้วว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯแม้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ไม่ได้สั่งการอะไรกรมที่ดิน แต่คำถามว่า มีใครบ้างที่จะเชื่อ

    อนุทินอ้างว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองตั้งขึ้นมาก่อนที่พรรคภูมิใจไทยและตัวเองจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แต่จุดหมายสำคัญก็คือ กรรมการชุดนี้สามารถมีมติได้ในวันที่พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจในกระทรวงมหาดไทย และอนุทินมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีและเมื่อไม่นานมานี้อธิบดีกรมที่ดินคนหนึ่งก็ได้ชิงลาออกไป ซึ่งกล่าวขานกันว่า เพราะปมที่ดินเขากระโดงนั่นเอง

    เป็นที่รู้กันว่า ในจำนวนที่ดิน 800 กว่าแปลงในพื้นที่เขากระโดงนั้น ผู้ถือครองรายใหญ่ก็คือ ตระกูลชิดชอบ ไปถามพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะเคยอภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในสภาฯ เพียงแต่วันนี้ พ.ต.อ.ทวีอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แน่นอนถึงตอนนี้พ.ต.อ.ทวีก็ต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ต่างกับที่เคยหวงแหนสมบัติของชาติในขณะที่เป็นฝ่ายค้าน

    และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยก็คือนายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงในทางพฤตินัย จะเห็นได้ว่าในงานวันเกิดของนายเนวินนั้นข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับนั้นจะต้องเข้าไปร่วมงานถึงบุรีรัมย์เพื่อแสดงตัวให้เห็น เพราะเขารู้ว่าใครคือ คนที่ให้คุณให้โทษได้ และในหมู่ข้าราชการก็รู้กันว่า การโยกย้ายตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวงของพรรคภูมิใจไทยนั้นคนที่มีบทบาทสำคัญคือใคร

    ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ระหว่างอำนาจทางการเมืองกับความยุติธรรมทางกฎหมายที่เป็นขื่อแปของบ้านเมืองอย่างไหนจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน คำสั่งของกรมที่ดินจะใหญ่กว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาไหม

    แต่ต้องยอมรับนะครับว่า การเล่นการเมืองอยู่หลังม่านของคนคนหนึ่งวันนี้นั้นทำให้กระบวนการตรวจสอบคนที่อยู่ในอำนาจทางการเมืองไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งใดในรัฐบาล หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารพรรค เพียงแต่เป็นสมาชิกของพรรคที่สามารถเตะตูดหัวหน้าพรรคได้เท่านั้น ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นการเมืองอยู่หลังฉาก แต่มีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงที่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคที่ข้าราชการทุกคนต้องเกรงใจและหวั่นกลัว

    มาที่เรื่อง สว.นอกจากในวันนี้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นที่รู้กันว่า สว.กว่า 150 คนนั้นอยู่ภายใต้การกำกับของใครที่เรียกว่ากันว่า สว.สีน้ำเงินนั่นเอง แล้วอำนาจที่สำคัญของ สว.ก็คือ การแต่งตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ซึ่งทำให้หากใครจะขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวก็จะต้องวิ่งเข้าหาเจ้าของ สว.เพื่อให้ สว.ยกมือให้ หากผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาเข้าสู่วุฒิสภามา

    ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกและเป็นอันตรายมากหากอำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระอยู่ในอำนาจของใครบางคนหรือคนเพียงคนเดียวในทางพฤตินัย

    และหากมีการประชุมรัฐสภาคือประชุมร่วมระหว่าง สส. และ สว.เสียงของพรรคภูมิใจไทยและ สว.จะรวมกันเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา และการดำเนินการใดที่จะต้องผ่านรัฐสภาเช่น การแก้รัฐธรรมนูญก็จะตกอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าของสว.ที่จะต้องการให้เป็นไปในทิศทางไหนก็ได้

    วันนี้พรรคภูมิใจไทยแม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง แต่ก็มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลไปแล้ว แม้ว่า เราจะเห็นอนุทินนอบน้อมต่ออุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพร้อมจะยืนเป็นวอลเปเปอร์หรือพี่เลี้ยงของอุ๊งอิ๊งค์ตลอดเวลาก็ตาม พรรคภูมิใจไทยจึงขบเหลี่ยมอยู่กับพรรคเพื่อไทยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกัญชา เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ รวมถึงการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถสลัดพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลได้

    แล้วคอยดูว่า กรณีที่ดินเขากระโดง แม้ว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทยซึ่งกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแสดงให้เห็นว่า ไม่อาจยอมรับคำสั่งของคณะกรรมการของกรมที่ดินในกรณีที่ดินเขากระโดงได้ แต่ก็ต้องดูว่า สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการแสดงออกไปตามบทบาทที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่จะรุกไล่เอาจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจนสุดทางไหม หรือเป็นเพียงการแสดงอำนาจออกมาให้เห็นเพียงเพื่อคะคานแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์กันทางการเมืองเท่านั้นเอง

    อิทธิพลของคนโตแห่งบุรีรัมย์ยังสะท้อนอยู่ในองค์กรอิสระอย่าง กกต. เห็นไหมว่า เมื่อไม่นานอยู่ดีๆ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ก็ออกมาบอกว่า กรณีของพรรคภูมิใจไทยที่ถูกร้องเรียนในลักษณะความผิดที่คล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลยไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่บอกว่ายังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นยังไม่มีบทสรุปออกมา จึงไม่ใช่เรื่องที่เลขาธิการ กกต.จะออกมาแถลงชี้นำหรือออกมาแถลงแม้หลายคนจะตั้งคำถามว่า การสอบสวนกรณีดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะใช้เวลานานมากก็ตาม

    วันนี้เราคงเห็นแล้วว่า สำหรับนักการเมืองแล้วระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติกับผลประโยชน์ของตัวเองนั้นอย่างไหนสำคัญกว่าในบทบาทของคนที่เข้ามาเล่นการเมือง จะมีคนกี่คนที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง และมีกฎเกณฑ์กติกาไหนที่จะตรวจสอบนักการเมืองที่มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและพวกพ้องได้อย่างแท้จริง

    วันนี้เราคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยพรรคสีน้ำเงินจึงเล่นการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น


    ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9670000109483

    #Thaitimes
    อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ https://www.facebook.com/surawich.verawan การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็นที่ข้อยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของ รฟท.จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้” กำลังท้าทายกับกระแสสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นบรรทัดฐานของประเทศ เข้าใจครับว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวแต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองในคดีที่การรถไฟฯ ฟ้องกรมที่ดิน แต่นัยของคำสั่งนั้นหากอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว จะพบว่า ศาลต้องการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อเพิกถอนสิทธิการถือครองที่ดินตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผู้ถือครองที่ดินเขากระโดงจำนวน 37 แปลงฟ้องการรถไฟฯ (คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 8027/2561 และ 842-876/260 ) แต่คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งศาลปกครองหมายรวมถึงแปลงอื่นที่อยู่นอกเหนือแปลงที่นำขึ้นสู่ศาลฎีกาด้วย แต่กรมที่ดินซึ่งตั้งกรรมการขึ้นตามคำสั่งศาลปกครองกลับมีมติว่า การรถไฟฯ ไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินเขากระโดงทั้งที่ศาลฎีกาชี้แล้วว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯแม้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ไม่ได้สั่งการอะไรกรมที่ดิน แต่คำถามว่า มีใครบ้างที่จะเชื่อ อนุทินอ้างว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองตั้งขึ้นมาก่อนที่พรรคภูมิใจไทยและตัวเองจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แต่จุดหมายสำคัญก็คือ กรรมการชุดนี้สามารถมีมติได้ในวันที่พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจในกระทรวงมหาดไทย และอนุทินมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีและเมื่อไม่นานมานี้อธิบดีกรมที่ดินคนหนึ่งก็ได้ชิงลาออกไป ซึ่งกล่าวขานกันว่า เพราะปมที่ดินเขากระโดงนั่นเอง เป็นที่รู้กันว่า ในจำนวนที่ดิน 800 กว่าแปลงในพื้นที่เขากระโดงนั้น ผู้ถือครองรายใหญ่ก็คือ ตระกูลชิดชอบ ไปถามพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะเคยอภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในสภาฯ เพียงแต่วันนี้ พ.ต.อ.ทวีอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แน่นอนถึงตอนนี้พ.ต.อ.ทวีก็ต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ต่างกับที่เคยหวงแหนสมบัติของชาติในขณะที่เป็นฝ่ายค้าน และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยก็คือนายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงในทางพฤตินัย จะเห็นได้ว่าในงานวันเกิดของนายเนวินนั้นข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับนั้นจะต้องเข้าไปร่วมงานถึงบุรีรัมย์เพื่อแสดงตัวให้เห็น เพราะเขารู้ว่าใครคือ คนที่ให้คุณให้โทษได้ และในหมู่ข้าราชการก็รู้กันว่า การโยกย้ายตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวงของพรรคภูมิใจไทยนั้นคนที่มีบทบาทสำคัญคือใคร ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ระหว่างอำนาจทางการเมืองกับความยุติธรรมทางกฎหมายที่เป็นขื่อแปของบ้านเมืองอย่างไหนจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน คำสั่งของกรมที่ดินจะใหญ่กว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาไหม แต่ต้องยอมรับนะครับว่า การเล่นการเมืองอยู่หลังม่านของคนคนหนึ่งวันนี้นั้นทำให้กระบวนการตรวจสอบคนที่อยู่ในอำนาจทางการเมืองไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งใดในรัฐบาล หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารพรรค เพียงแต่เป็นสมาชิกของพรรคที่สามารถเตะตูดหัวหน้าพรรคได้เท่านั้น ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นการเมืองอยู่หลังฉาก แต่มีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงที่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคที่ข้าราชการทุกคนต้องเกรงใจและหวั่นกลัว มาที่เรื่อง สว.นอกจากในวันนี้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นที่รู้กันว่า สว.กว่า 150 คนนั้นอยู่ภายใต้การกำกับของใครที่เรียกว่ากันว่า สว.สีน้ำเงินนั่นเอง แล้วอำนาจที่สำคัญของ สว.ก็คือ การแต่งตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ซึ่งทำให้หากใครจะขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวก็จะต้องวิ่งเข้าหาเจ้าของ สว.เพื่อให้ สว.ยกมือให้ หากผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาเข้าสู่วุฒิสภามา ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกและเป็นอันตรายมากหากอำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระอยู่ในอำนาจของใครบางคนหรือคนเพียงคนเดียวในทางพฤตินัย และหากมีการประชุมรัฐสภาคือประชุมร่วมระหว่าง สส. และ สว.เสียงของพรรคภูมิใจไทยและ สว.จะรวมกันเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา และการดำเนินการใดที่จะต้องผ่านรัฐสภาเช่น การแก้รัฐธรรมนูญก็จะตกอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าของสว.ที่จะต้องการให้เป็นไปในทิศทางไหนก็ได้ วันนี้พรรคภูมิใจไทยแม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง แต่ก็มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลไปแล้ว แม้ว่า เราจะเห็นอนุทินนอบน้อมต่ออุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพร้อมจะยืนเป็นวอลเปเปอร์หรือพี่เลี้ยงของอุ๊งอิ๊งค์ตลอดเวลาก็ตาม พรรคภูมิใจไทยจึงขบเหลี่ยมอยู่กับพรรคเพื่อไทยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกัญชา เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ รวมถึงการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถสลัดพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลได้ แล้วคอยดูว่า กรณีที่ดินเขากระโดง แม้ว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทยซึ่งกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแสดงให้เห็นว่า ไม่อาจยอมรับคำสั่งของคณะกรรมการของกรมที่ดินในกรณีที่ดินเขากระโดงได้ แต่ก็ต้องดูว่า สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการแสดงออกไปตามบทบาทที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่จะรุกไล่เอาจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจนสุดทางไหม หรือเป็นเพียงการแสดงอำนาจออกมาให้เห็นเพียงเพื่อคะคานแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์กันทางการเมืองเท่านั้นเอง อิทธิพลของคนโตแห่งบุรีรัมย์ยังสะท้อนอยู่ในองค์กรอิสระอย่าง กกต. เห็นไหมว่า เมื่อไม่นานอยู่ดีๆ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ก็ออกมาบอกว่า กรณีของพรรคภูมิใจไทยที่ถูกร้องเรียนในลักษณะความผิดที่คล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลยไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่บอกว่ายังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นยังไม่มีบทสรุปออกมา จึงไม่ใช่เรื่องที่เลขาธิการ กกต.จะออกมาแถลงชี้นำหรือออกมาแถลงแม้หลายคนจะตั้งคำถามว่า การสอบสวนกรณีดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะใช้เวลานานมากก็ตาม วันนี้เราคงเห็นแล้วว่า สำหรับนักการเมืองแล้วระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติกับผลประโยชน์ของตัวเองนั้นอย่างไหนสำคัญกว่าในบทบาทของคนที่เข้ามาเล่นการเมือง จะมีคนกี่คนที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง และมีกฎเกณฑ์กติกาไหนที่จะตรวจสอบนักการเมืองที่มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและพวกพ้องได้อย่างแท้จริง วันนี้เราคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยพรรคสีน้ำเงินจึงเล่นการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9670000109483 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน
    การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1659 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'อุดรธานี' จ่อไฟลุก 'พิธา' พร้อมชน 'ทักษิณ' ชิงดำเก้าอี้นายกอบจ.โค้งสุดท้าย
    .
    ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถือว่ามีความเข้มข้นและดุเดือดอย่างยิ่ง ภายหลังรุ่นใหญ่พรรคเพื่อไทยและรุ่นใหม่พรรคประชาชนเตรียมวัดพลังกันครั้งสำคัญ โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า เตรียมลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน เพื่อช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหาเสียงพร้อมกับพบปะประชาชนในหลายอำเภอ
    .
    ขณะที่ พรรคประชาชน 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะบินกลับมาจากสหรัฐอเมริกา มาลงพื้นที่ช่วยนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครของพรรคหาเสียงระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน หลังจากก่อนหน้านี้มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มาร่วมขบวนหาเสียงด้วย เพื่อหวังว่าจังหวัดอุดรธานีจะเป็นจังหวัดแรกที่จะสามารถปักธงส้มในพื้นที่สีแดงให้ได้เป็นครั้งแรก
    .
    ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงรอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า ผลงานของนายทักษิณในอดีต ยังอยู่ในใจพี่น้องประชาชน การเดินทางไปแต่ละที่ประชาชนยังพูดถึงความสำเร็จของท่านในอดีตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดอื่นๆของนายทักษิณ ถือเป็นเรื่องปกติเพราะท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งจะเดินทางไปไหนก็ได้
    ..............
    Sondhi X
    'อุดรธานี' จ่อไฟลุก 'พิธา' พร้อมชน 'ทักษิณ' ชิงดำเก้าอี้นายกอบจ.โค้งสุดท้าย . ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถือว่ามีความเข้มข้นและดุเดือดอย่างยิ่ง ภายหลังรุ่นใหญ่พรรคเพื่อไทยและรุ่นใหม่พรรคประชาชนเตรียมวัดพลังกันครั้งสำคัญ โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า เตรียมลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน เพื่อช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหาเสียงพร้อมกับพบปะประชาชนในหลายอำเภอ . ขณะที่ พรรคประชาชน 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะบินกลับมาจากสหรัฐอเมริกา มาลงพื้นที่ช่วยนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครของพรรคหาเสียงระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน หลังจากก่อนหน้านี้มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มาร่วมขบวนหาเสียงด้วย เพื่อหวังว่าจังหวัดอุดรธานีจะเป็นจังหวัดแรกที่จะสามารถปักธงส้มในพื้นที่สีแดงให้ได้เป็นครั้งแรก . ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงรอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า ผลงานของนายทักษิณในอดีต ยังอยู่ในใจพี่น้องประชาชน การเดินทางไปแต่ละที่ประชาชนยังพูดถึงความสำเร็จของท่านในอดีตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดอื่นๆของนายทักษิณ ถือเป็นเรื่องปกติเพราะท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งจะเดินทางไปไหนก็ได้ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1576 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จิรัฏฐ์ "สส.แปดริ้ว อดีตพรรคก้าวไกล สู้คดีปลอมแปลงเอกสารใบเกณฑ์ทหาร สด.43 เตรียมพยานเข้าสืบ 4 ปาก ด้านอัยการนำพยานเอกสารมัดตัว ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก 17 ต.ค.ปีหน้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106259

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "จิรัฏฐ์ "สส.แปดริ้ว อดีตพรรคก้าวไกล สู้คดีปลอมแปลงเอกสารใบเกณฑ์ทหาร สด.43 เตรียมพยานเข้าสืบ 4 ปาก ด้านอัยการนำพยานเอกสารมัดตัว ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก 17 ต.ค.ปีหน้า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106259 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2452 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..พันธมิตรน่าจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง,แล้วยึดอำนาจโดยภาคมหาประชาชนจริงครั้งแรกของประเทศไทยเลย,เสียศูนย์แล้วในยุคเก่า,หมาเอาไปแดกและเสียของด้วย,ยึดอำนาจเสร็จ เป็นนายกฯจากภาคมหาประชาชนเลย,ตัังคณะบริหารประเทศเอง ยึดคืนทรัพยากรมีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยทั้งหมดจากทุกๆเอกชนไม่ว่าใครหน้าไหนร่วมเอกชนต่างชาติด้วย,คืนมาเป็นของแผ่นดินไทยใหม่หมด อาทิบ่อปิโตรเลียมบ่อน้ำมันทั้งบนบกบนทะเล,บ่อทองคำ เป็นต้นซึ่งมีมากมายตีมูลค่าเป็นตังทุกๆทรัพยากรมีค่าของชาติกว่าแสนล้านล้านล้านแน่นอน พื้นๆคือแสนล้านล้านบาทอย่างสบาย,เมื่อชาติเรามีวัตถุดิบเป็นของตนเองจากอดีตที่ฝรั่งปล้นชิงบ่อน้ำมันเราก็ว่าเป็นต้น เราไม่สามารถทำอะไรสะดวกรื่นไหลใดๆเลย อเมริกาฝ่ายดำอีลิทแรปทีเลี่ยนยิวผสมพันธุ์ท่านลอร์ดมันยึดครองไทยเบื้องหลังก็ว่า,เมื่อเราได้คืนทั้งหมดมันย่อมง่ายที่จะเจริญรุ่งเรืองสาระพัดทิศรอบด้านสะดวกสบายค้าขายควบคุมต้นทุนและแบ่งปันมิตรสหายชาติที่ขาดแคลนได้สบาย ในเอเชียเราเองร่วมกัน,ปัญหาในเอเชียทั้งหมดเพราะฝรั่งนี้ล่ะ ยุยงก่อกวนแทรกแซงไปทั่วแบบunมายุ่งวุ่นวายคดียุบพรรคก้าวไกลและบอกเราให้รับเลี้ยงดูคนพม่าด้วยโน้นธรรมดาที่ไหน,
    ..พันธมิตรจะมารุ่งโรจน์อีกแน่,คนเก่งคนดีๆแค่เตรียมอุดมฯขึ้นร่วมปกครองบ้านเมืองสู่ยุคศิวิไลซ์แค่นั้น,เรายังมีคนไทย คนดี คนเก่งๆคนล้ำคู่คุณธรรมความดีที่รักชาติบ้านเมืองในหมู่พันธมิตรอีกเพรียบ.,สามารถผลักดันคนรุ่นหลังเรานี้สามัคคีปกป้องชาติและแผ่นดินไทยเราได้สบายมาก.
    ..พันธมิตรน่าจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง,แล้วยึดอำนาจโดยภาคมหาประชาชนจริงครั้งแรกของประเทศไทยเลย,เสียศูนย์แล้วในยุคเก่า,หมาเอาไปแดกและเสียของด้วย,ยึดอำนาจเสร็จ เป็นนายกฯจากภาคมหาประชาชนเลย,ตัังคณะบริหารประเทศเอง ยึดคืนทรัพยากรมีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยทั้งหมดจากทุกๆเอกชนไม่ว่าใครหน้าไหนร่วมเอกชนต่างชาติด้วย,คืนมาเป็นของแผ่นดินไทยใหม่หมด อาทิบ่อปิโตรเลียมบ่อน้ำมันทั้งบนบกบนทะเล,บ่อทองคำ เป็นต้นซึ่งมีมากมายตีมูลค่าเป็นตังทุกๆทรัพยากรมีค่าของชาติกว่าแสนล้านล้านล้านแน่นอน พื้นๆคือแสนล้านล้านบาทอย่างสบาย,เมื่อชาติเรามีวัตถุดิบเป็นของตนเองจากอดีตที่ฝรั่งปล้นชิงบ่อน้ำมันเราก็ว่าเป็นต้น เราไม่สามารถทำอะไรสะดวกรื่นไหลใดๆเลย อเมริกาฝ่ายดำอีลิทแรปทีเลี่ยนยิวผสมพันธุ์ท่านลอร์ดมันยึดครองไทยเบื้องหลังก็ว่า,เมื่อเราได้คืนทั้งหมดมันย่อมง่ายที่จะเจริญรุ่งเรืองสาระพัดทิศรอบด้านสะดวกสบายค้าขายควบคุมต้นทุนและแบ่งปันมิตรสหายชาติที่ขาดแคลนได้สบาย ในเอเชียเราเองร่วมกัน,ปัญหาในเอเชียทั้งหมดเพราะฝรั่งนี้ล่ะ ยุยงก่อกวนแทรกแซงไปทั่วแบบunมายุ่งวุ่นวายคดียุบพรรคก้าวไกลและบอกเราให้รับเลี้ยงดูคนพม่าด้วยโน้นธรรมดาที่ไหน, ..พันธมิตรจะมารุ่งโรจน์อีกแน่,คนเก่งคนดีๆแค่เตรียมอุดมฯขึ้นร่วมปกครองบ้านเมืองสู่ยุคศิวิไลซ์แค่นั้น,เรายังมีคนไทย คนดี คนเก่งๆคนล้ำคู่คุณธรรมความดีที่รักชาติบ้านเมืองในหมู่พันธมิตรอีกเพรียบ.,สามารถผลักดันคนรุ่นหลังเรานี้สามัคคีปกป้องชาติและแผ่นดินไทยเราได้สบายมาก.
    ความจริงมีหนึ่งเดียว#3 : การเดินครั้งสุดท้ายของสนธิ

    'สนธิ' ประกาศจะทำ 3 เรื่อง ใครทุจริตผิดจริยธรรม เจอพันธมิตรฯแน่ นอกจากนี้ สนธิยังทิ้งมรดกชิ้นสุดท้ายให้คนไทย นั่นคือ แอพพลิเคชั่น Thaitimes โซเชียลมีเดียของคนไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 2798 0 รีวิว
  • อเมริกามีไม่ต่ำกว่า10,000ลูกกระจายไปทั่วในตาสมุนขี้ข้ารับใช้อเมริกาและเก็บในชั้นใต้ดินตรึม,อิสราเอลเคยได้ยินมาลอยๆว่ามีกว่า100ลูกอาจถึง1,000ลูกนิวเคลียร์ก็ได้ตามชั้นใต้ดิน,อิหร่านก็มีตรึมจริง,พวกนี้ขนส่งผ่านรถไฟฟ้าความเร็วสูงใต้ผิวเปลือกโลก,ผีบ้ามโนเอาเองว่า ในอดีตๆที่เราพบเห็นการระเบิดแผ่นดินไหวทั้งหลาย นั้นอาจคือการระเบิดเจาะทำถนนหนทางรถไฟฟ้าล้ำๆก็ว่า บางสายวิ่งที่ความเร็วกว่า2-3พันกม.ต่อนาทีเลย,มันเชื่อมทวีปโลกหากันได้หมด,ที่เห็นๆบนผิวโลกแค่ฐานเด็กๆหลอกๆ,อุดรเราที่เห็นฐานล้างๆอเมริกาสร้างแล้วเผาทิ้งทำลายหลักฐาน ใต้ฐานแบบอู่ตะเภาหรือกทม.ที่อุดรก็มีสายอุโมงค์ตรึมล่ะอาจเป็นพรุนเป็นโพรงทั่วอีสานทะลุลาวไปจีนถึงเขื่อนสามผาแหล่งค้ามนุษย์ฟอกเงินค้าอวัยวะร่วมถึงbtcที่ปั่นๆตรึม,ไฟฟ้าเพียงพอ เครื่องขุดปั่นระดับโลกโน้น,เชื่อมแอเรีย51เชื่อมอิสราเอลยูเครนวาติกันตรึมอีก,
    ..ที่แน่ๆสมุนท่านลอร์ดในไทยเยอะจริงๆ เร่งงานบ่อน้ำมันไทยเขมรก็ท่านลอร์ดสั่งให้รีบดำเนินการแน่ๆจะเสียแผนagendaควบคุมทาสโลกก็ด้วย.
    ..ถ้าทหารพระราชาเราจะจัดการต้องเร่งรีบเคลียร์เลย,หมากเกมส์ต่างๆจะหายทันที ไทยเราจะรอด ความโกลาหลต่างๆจะควบคุมได้ ปลอดภัยทุกๆตารางนิ้วแก่คนไทยเราเอง,และเร่งรีบผลักดันต่างด้าว&ต่างชาติที่มิใช่สัญชาติไทยออกจากประเทศไทยทั้งหมดชั่วคราวอย่างเร่งด่วนทั้งหมดโดยเร็วคนพวกนี้จะเป็นมือเท้าสร้างความโกลาหลในไทยอย่างง่ายๆและเจ้าหน้าที่เราจะระวังภัยลำบาก,ควบคุมยาก&เปิดโอกาสให้กมากเกมส์ที่เป็นมือชั่วพร้อมแทรกแซงแบบยุบพรรคก้าวไกลหรือบอกไทยชุบเลี้ยงพม่าทัังหมดนั้นล่ะแทรกแซงสบายๆ,ไทยจะเป็นกลางลำบาก,ภัยหรือระเบิดนิวเคลียร์จะลงไทย คนอเมริกามันลงอุโมงค์ใต้ดินที่ขุดไว้แล้วทางภาคเหนือและกระจายอยู่ทั่วไทยทั้งที่เก่าและที่ใหม่แน่นอนพวกมันจะช่วยแค่คนของชาติมัน,คนไทยจะแย่,ตัดตอนคือถีบต่างด้าวและต่างชาติออกไปก่อนทั้งหมดดีที่สุดก่อนสิ้นปีนี้แล้วเราจะเห็นศัตรูข้าศึกบวกภัยของไทยได้สะดวกชัดเจนขึ้นอีกหลายร้อยเท่า.
    อเมริกามีไม่ต่ำกว่า10,000ลูกกระจายไปทั่วในตาสมุนขี้ข้ารับใช้อเมริกาและเก็บในชั้นใต้ดินตรึม,อิสราเอลเคยได้ยินมาลอยๆว่ามีกว่า100ลูกอาจถึง1,000ลูกนิวเคลียร์ก็ได้ตามชั้นใต้ดิน,อิหร่านก็มีตรึมจริง,พวกนี้ขนส่งผ่านรถไฟฟ้าความเร็วสูงใต้ผิวเปลือกโลก,ผีบ้ามโนเอาเองว่า ในอดีตๆที่เราพบเห็นการระเบิดแผ่นดินไหวทั้งหลาย นั้นอาจคือการระเบิดเจาะทำถนนหนทางรถไฟฟ้าล้ำๆก็ว่า บางสายวิ่งที่ความเร็วกว่า2-3พันกม.ต่อนาทีเลย,มันเชื่อมทวีปโลกหากันได้หมด,ที่เห็นๆบนผิวโลกแค่ฐานเด็กๆหลอกๆ,อุดรเราที่เห็นฐานล้างๆอเมริกาสร้างแล้วเผาทิ้งทำลายหลักฐาน ใต้ฐานแบบอู่ตะเภาหรือกทม.ที่อุดรก็มีสายอุโมงค์ตรึมล่ะอาจเป็นพรุนเป็นโพรงทั่วอีสานทะลุลาวไปจีนถึงเขื่อนสามผาแหล่งค้ามนุษย์ฟอกเงินค้าอวัยวะร่วมถึงbtcที่ปั่นๆตรึม,ไฟฟ้าเพียงพอ เครื่องขุดปั่นระดับโลกโน้น,เชื่อมแอเรีย51เชื่อมอิสราเอลยูเครนวาติกันตรึมอีก, ..ที่แน่ๆสมุนท่านลอร์ดในไทยเยอะจริงๆ เร่งงานบ่อน้ำมันไทยเขมรก็ท่านลอร์ดสั่งให้รีบดำเนินการแน่ๆจะเสียแผนagendaควบคุมทาสโลกก็ด้วย. ..ถ้าทหารพระราชาเราจะจัดการต้องเร่งรีบเคลียร์เลย,หมากเกมส์ต่างๆจะหายทันที ไทยเราจะรอด ความโกลาหลต่างๆจะควบคุมได้ ปลอดภัยทุกๆตารางนิ้วแก่คนไทยเราเอง,และเร่งรีบผลักดันต่างด้าว&ต่างชาติที่มิใช่สัญชาติไทยออกจากประเทศไทยทั้งหมดชั่วคราวอย่างเร่งด่วนทั้งหมดโดยเร็วคนพวกนี้จะเป็นมือเท้าสร้างความโกลาหลในไทยอย่างง่ายๆและเจ้าหน้าที่เราจะระวังภัยลำบาก,ควบคุมยาก&เปิดโอกาสให้กมากเกมส์ที่เป็นมือชั่วพร้อมแทรกแซงแบบยุบพรรคก้าวไกลหรือบอกไทยชุบเลี้ยงพม่าทัังหมดนั้นล่ะแทรกแซงสบายๆ,ไทยจะเป็นกลางลำบาก,ภัยหรือระเบิดนิวเคลียร์จะลงไทย คนอเมริกามันลงอุโมงค์ใต้ดินที่ขุดไว้แล้วทางภาคเหนือและกระจายอยู่ทั่วไทยทั้งที่เก่าและที่ใหม่แน่นอนพวกมันจะช่วยแค่คนของชาติมัน,คนไทยจะแย่,ตัดตอนคือถีบต่างด้าวและต่างชาติออกไปก่อนทั้งหมดดีที่สุดก่อนสิ้นปีนี้แล้วเราจะเห็นศัตรูข้าศึกบวกภัยของไทยได้สะดวกชัดเจนขึ้นอีกหลายร้อยเท่า.
    ตุลาเดือด?
    เพนตากอน บอกว่าเป็นข่าวที่ตั้งใจปกปิดแต่ (ตั้งใจให้ ) รั่ว จนรู้ไปทั้งโลกว่า “ สหรัฐหนุนอิสราเอลใช้นิวเคลียร์จัดการกับอิหร่าน”
    ในคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกรัฐบาล ตามคลิปนี้ (ในcomment) ยืนยันว่า แท้จริงสนับสนุนให้จัดการ

    ทีนี้อะไรจะเกิดขึ้น หรือที่ทำเป็นข่าวรั่วออกไปเพื่อจะเป็นการข่มขู่ให้ไม่ทำสงครามต่อ (คิดในแง่ดี)
    หรือ เป็นการแสดงความแข็งแกร่งมีอิทธิพลเต็มที่ว่าเอาแน่
    แต่ขณะนี้ BRICS เริ่มมีการประชุมและที่สำคัญเป็นการ dethrone dollar ถอดดอลล่าร์ออกจากสกุลสำคัญของโลก ในขณะเดียวกัน เป็นการกระชับความสัมพันธ์และความมั่นคงไม่ใช่แต่เศรษฐกิจแต่เป็นเรื่องทางการทหารและการปกป้องพันธมิตรในเครือ
    และจีนขณะนี้ประกาศให้เตรียมตัวภาวะสงครามเต็มที่ ไม่นับไต้หวันซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ไม่น่าจะลุยกัน มั้ย?
    เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ประกาศว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง และ ทำลายพื้นที่บัฟเฟอร์ระหว่างประเทศไปแล้ว

    ยูเครนกับรัสเซีย คล้ายกับฝ่ายแรกขาดทุนต่อเนื่อง และขอปัจจัยจากตะวันตกอีกมหาศาลนัยว่า เป็นกำแพงยอมตาย เพื่อปกป้องยุโรปและสหรัฐ (จริงหรือ?)

    และตามที่ศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs ให้ความเห็นต่อเนื่องว่าเหมือนกับอิสราเอลสามารถชักนำสหรัฐได้ตลอดทุกรัฐบาลและเพื่อให้คงอำนาจไว้ทั้งสองฝ่าย และอิสราเอลจะได้บรรลุจุดประสงค์ของ greater Israel ตามแผนที่ที่ได้แสดงว่าจะรวบ ตะวันออกกลางให้หมด และสหรัฐยังคงเป็น นัมเบอร์วัน
    จึงดูไม่น่าแปลกใจที่ อิสราเอล ทำการลดประชากรอย่างต่อเนื่องในกาซาร์ และพยายามในเลบานอน และประเทศอื่นๆ จะให้สูญพันธุ์เลยหรือ?
    คำถามคือใครจะยอมและศักยภาพทาง
    ขีปนาวุธและนิวเคลียร์ ของภาคีต้านอิสราเอลมีมหาศาลเช่นกันรวมทั้งมีจีน เกาหลีเหนือ รัสเซียอยู่ด้วย
    Deep state New World order
    คิดคำนึงยืดยาว คงเป็นเพราะ
    • ประเทศไทยใกล้จะกลายเป็นมหาอำนาจของโลกแล้ว เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เพราะที่อื่นรบกันไม่เหลือ
    • ข้อสำคัญประเทศไทยต้องรีบกำจัดการคอรัปชั่น การโกงหั่นแหลก ความโลภบ้าคลั่ง สถาบันองค์กรฉิบหาย จากผู้บริหาร
    และไทยจะได้เป็นแผ่นดินทองจริง
    • แต่ต้องเอาผีโกงเหล่านี้ไป ถ่วงน้ำโสโครกให้หมดชั่วกัปชั่วกัลป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุด ขอทราบการดำเนินการ-รวบรวมหลักฐาน ตามคำร้อง "ธีรยุทธ " ปม "ทักษิณ-เพื่อไทย" ล้มล้างการปกครองฯ ภายใน 15 วัน

    22 ตุลาคม .2567- ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นเป็นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 (เรื่องพิจารณาที่ 36/2567)

    นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 3) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 6 ประเด็น ดังนี้

    ประเด็นที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต

    ประเด็นที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา

    ประเด็นที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิมที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธธธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

    ประเด็นที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการแทนผู้ถูกร้องที่ 2 โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของผู้ถูกร้องที่ 1

    ประเด็นที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

    ประเด็นที่ 6 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 นำนโยบายของผู้ถูกร้องที่ 1 ที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา

    ผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 ขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำ แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการดังกล่าวและให้ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกยินยอมให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการดังกล่าว

    ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ ให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/AQ6ESAWFP4idRqEr/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุด ขอทราบการดำเนินการ-รวบรวมหลักฐาน ตามคำร้อง "ธีรยุทธ " ปม "ทักษิณ-เพื่อไทย" ล้มล้างการปกครองฯ ภายใน 15 วัน 22 ตุลาคม .2567- ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นเป็นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 (เรื่องพิจารณาที่ 36/2567) นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 3) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 6 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต ประเด็นที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา ประเด็นที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิมที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธธธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเด็นที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการแทนผู้ถูกร้องที่ 2 โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของผู้ถูกร้องที่ 1 ประเด็นที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ประเด็นที่ 6 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 นำนโยบายของผู้ถูกร้องที่ 1 ที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา ผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 ขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำ แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการดังกล่าวและให้ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกยินยอมให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการดังกล่าว ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ ให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/AQ6ESAWFP4idRqEr/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1030 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts