• "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ

    วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายใน 5 คดีที่เชื่อมโยงกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างช่วยวิ่งเต้นคดีให้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานกับพนักงานสอบสวนนำไปพิจารณาประกอบสำนวนคดี

    นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายจากทั้ง 5 คดีที่เชื่อมโยงกับฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าให้ข้อมูลหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้พิจารณาหาความเชื่อมโยงกับคดีเดิม และบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซ้ำ ๆ เพื่อพิจารณาหลักฐานตรงนี้ว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ นายฟิล์ม ในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระได้หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของดีเจแมนและใบเตย ตนเองได้มีการพูดคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่าทั้งคู่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเงินดังกล่าวออกจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง มูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่างดีเจแมน ใบเตยและบุคคลที่สาม ขณะที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งได้มีบุคคลเข้ามาติดต่อโดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ โดยได้มีการเปิดวิดีโอคอลโทรศัพท์ให้เห็นว่าอยู่กับผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีการเรียกรับผลประโยชน์จากดีเจแมนและใบเตยคนละ 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000017337

    #MGROnline #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บิ๊กเต่า #ข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ
    "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ • วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายใน 5 คดีที่เชื่อมโยงกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างช่วยวิ่งเต้นคดีให้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานกับพนักงานสอบสวนนำไปพิจารณาประกอบสำนวนคดี • นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายจากทั้ง 5 คดีที่เชื่อมโยงกับฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าให้ข้อมูลหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้พิจารณาหาความเชื่อมโยงกับคดีเดิม และบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซ้ำ ๆ เพื่อพิจารณาหลักฐานตรงนี้ว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ นายฟิล์ม ในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระได้หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของดีเจแมนและใบเตย ตนเองได้มีการพูดคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่าทั้งคู่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเงินดังกล่าวออกจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง มูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่างดีเจแมน ใบเตยและบุคคลที่สาม ขณะที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งได้มีบุคคลเข้ามาติดต่อโดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ โดยได้มีการเปิดวิดีโอคอลโทรศัพท์ให้เห็นว่าอยู่กับผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีการเรียกรับผลประโยชน์จากดีเจแมนและใบเตยคนละ 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000017337 • #MGROnline #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บิ๊กเต่า #ข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกี่ยวกับคะแนนนิยม 57% ที่เซเลนสกีใช้ตอบโต้ทรัมป์ เป็นผลสำรวจที่จัดทำขึ้นโดย สถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv หรือ KIIS ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID และสำหรับการทำโพลครั้งนี้ เป็นดารจัดทำขึ้นโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ


    ทางด้าน อีลอน มัสก์ ได้โพสต์ข้อความว่า :
    "น่าเสียดายที่ CommunityNotes ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลและสื่อกระแสหลักมากขึ้นเรื่อยๆ
    เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ มันควรจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า โพลที่ควบคุมโดยเซเลนสกีเกี่ยวกับคะแนนนิยมของตัวเองนั้นไม่น่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง!!

    ถ้าเซเลนสกีได้รับความรักจากประชาชนยูเครนจริง เขาคงจัดการเลือกตั้งไปแล้ว แต่เขารู้ดีว่าเขาจะแพ้อย่างย่อยยับ แม้จะเข้ายึดการควบคุมสื่อทั้งหมดของยูเครนไปแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการเลือกตั้ง

    ความจริงก็คือ ประชาชนยูเครนรังเกียจเขา และนั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง ผมท้าให้เซเลนสกีจัดการเลือกตั้งเพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ แต่เขาจะไม่ทำ

    ประธานาธิบดีทรัมป์คิดถูกที่ไม่สนใจเขา และหาทางยุติสงครามโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระบบคอร์รัปชันขนาดมหึมาที่แสวงหาผลประโยชน์จากศพของทหารยูเครน"


    ข้อกล่าวอ้างว่าเซเลนสกีมีคะแนนนิยม 57% มาจากสถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv (KIIS) ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID สำหรับการทำโพล นอกจากนี้ สถาบันนี้ยังดำเนินการโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ
    เกี่ยวกับคะแนนนิยม 57% ที่เซเลนสกีใช้ตอบโต้ทรัมป์ เป็นผลสำรวจที่จัดทำขึ้นโดย สถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv หรือ KIIS ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID และสำหรับการทำโพลครั้งนี้ เป็นดารจัดทำขึ้นโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ ทางด้าน อีลอน มัสก์ ได้โพสต์ข้อความว่า : "น่าเสียดายที่ CommunityNotes ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลและสื่อกระแสหลักมากขึ้นเรื่อยๆ เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ มันควรจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า โพลที่ควบคุมโดยเซเลนสกีเกี่ยวกับคะแนนนิยมของตัวเองนั้นไม่น่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง!! ถ้าเซเลนสกีได้รับความรักจากประชาชนยูเครนจริง เขาคงจัดการเลือกตั้งไปแล้ว แต่เขารู้ดีว่าเขาจะแพ้อย่างย่อยยับ แม้จะเข้ายึดการควบคุมสื่อทั้งหมดของยูเครนไปแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการเลือกตั้ง ความจริงก็คือ ประชาชนยูเครนรังเกียจเขา และนั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง ผมท้าให้เซเลนสกีจัดการเลือกตั้งเพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ แต่เขาจะไม่ทำ ประธานาธิบดีทรัมป์คิดถูกที่ไม่สนใจเขา และหาทางยุติสงครามโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระบบคอร์รัปชันขนาดมหึมาที่แสวงหาผลประโยชน์จากศพของทหารยูเครน" ข้อกล่าวอ้างว่าเซเลนสกีมีคะแนนนิยม 57% มาจากสถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv (KIIS) ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID สำหรับการทำโพล นอกจากนี้ สถาบันนี้ยังดำเนินการโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนชนะกี่โมง? ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์"
    ฟันธงรัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ
    .
    ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ยอดนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศสายส้ม วิเคราะห์สงครามยูเครนแบบมั่นหน้า ด้วยการฟันธงว่า รัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ ปูตินจะถูกรัฐประหารเงียบ จนชาวเน็ตผู้มาจากอนาคตเข้าไปรุมคอมเมนต์เดือด เตือนความทรงจำ ถามเมื่อไหร่รัสเซียจะแพ้-ยูเครนจะชนะ?
    .
    ในสถานการณ์ทางการเมืองโลกที่ผันผวนภายหลังการยกหูโทรศัพท์พูดคุยกันนานกว่า 90 นาทีระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 โดยในประเด็นสงครามยูเครนนั้น นายทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะยุติสงครามไร้สาระนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการสังหารและการทำลายล้างที่ไม่จำเป็นเลย ขอพระเจ้าอวยพรประชาชนชาวรัสเซียและยูเครน!”
    .
    การเริ่มต้นพูดคุยระหว่าง ทรัมป์และปูติน อันนำมาสู่เหตุการณ์เมื่อ วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 สหรัฐฯ และรัสเซียนำโดย นายมาร์ค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งดำเนินการเปิดโต๊ะการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนกันเพียง 2 ฝ่าย อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยปราศจากตัวแทนของยูเครน และชาติต่าง ๆ ในยุโรปร่วมโต๊ะเลย แม้แต่คนเดียว
    .
    สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความเดือดดาลให้กับนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนและผู้นำชาติต่างๆ ในยุโรปอย่างมาก เพราะการเปิดโต๊ะเจรจาดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า ยูเครนและยุโรปน่าจะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง และพ่ายแพ้ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เข้ารุมเร้าทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ การแย่งชิงบีบบังคับเอาทรัพยากรเพื่อชดใช้เงินช่วยเหลือในสงคราม ความวุ่นวายทางการเมืองภายใน รวมไปถึงปัญหาสังคมและผู้อพยพ ฯลฯ
    .
    ในส่วนของผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องสงครามยูเครนในประเทศไทยส่วนหนึ่ง ได้มีผู้ย้อนไปหยิบยกการวิเคราะห์สถานการณ์สงครามยูเครนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และอดีตเป็นพิธีกรรายการข่าวทางช่องวอยซ์ทีวี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งโฆษกคณะก้าวหน้า ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 หรือเกือบ 3 ปีที่แล้ว ได้วิเคราะห์เรื่องนี้เอาไว้ในยูทูปช่อง คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ความยาวกว่า 25 นาที ในหัวเรื่องว่า "ช่อฟันธง! รัสเซียแพ้ย่อยยับ ปูตินชักศึกเข้าบ้าน!" (ลิงก์ >> https://www.youtube.com/watch?v=ytfIw1BHnEM)
    .
    ทั้งนี้ในรายการดังกล่าว "ช่อ พรรณิการ์" แห่งคณะก้าวหน้าได้กล่าวในตอนต้นว่า "ดิฉันขอฟันธง รัสเซียเธอแพ้แน่นอน นับวันแพ้ ทำไมถึงจะแพ้ เป็นเพราะอะไรเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะอะไร?"
    .
    จากนั้น อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ได้กล่าววิเคราะห์ต่อว่า สาเหตุที่รัสเซียจะพ่ายแพ้ต่อยูเครนและชาติพันธมิตรยุโรปนั้นมาจาก การบีบบังคับด้วยการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ-การเงินต่อยุโรป
    "มาตรการหลัก ๆ ที่ตอนนี้นำโดยสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ใช้อยู่จริง ๆ คือ มาตรการการเงิน ซึ่งมากไปกว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการค้านะ แต่เรียกว่าเป็นการทุบค่าเงินและตัดตอนทางการเงินแบบขนานใหญ่ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา นานาประเทศตัดรัสเซียออกจากระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ S.W.I.F.T., ระบบการเงินของธนาคารต่าง ๆ, มีการฟรีซแอสเสท หรือสินทรัพย์ของรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประกาศไม่ให้มีการค้าขายกับรัสเซีย ..." น.ส.พรรณิการ์กล่าว และวิเคราะห์ต่อว่า นี่เองเป็นสาเหตุที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกต่ำลงอย่างมาก จนแทบจะไม่มีค่า แทบจะกลายเป็นเศษกระดาษ
    .
    นอกจากนี้ ช่อ พรรณิการ์ ยังวิเคราะห์ต่ออย่างออกรสด้วยว่า ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เลือกจะทำตามมาตรการคว่ำบาตรของอียู คือ การอายัดทรัพย์สินของรัสเซียที่อยู่ในแบงก์สวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไม่ใช่แค่การอายัดเฉพาะทรัพย์สินของรัฐ แต่เป็นทรัพย์สินของเอกชน และมหาเศรษฐีต่าง ๆ ของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับนายปูตินด้วยจะเป็นปัจจัยชี้ขายให้รัสเซียและนายปูตินพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
    .
    "ดิฉันคิดว่า เมื่อสวิตเซอร์แลนด์ทำขนาดนี้แล้ว ปูตินนับวันแพ้ได้เลยนะคะ" โฆษกคณะก้าวหน้าฟันธง
    .
    ล่วงเลยมาถึงวันนี้ เมื่อทีมงาน Sondhi X กลับไปสำรวจความเห็นของผู้ที่เข้ามาชมคลิปการวิเคราะห์สถานการณ์โลกดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ ทางยูทูปของคณะก้าวหน้าแล้วก็พบว่า มีผู้เข้าไปย้อนดูคลิปดังกล่าวและแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น
    • สวัสดีเรามาจากอนาคต 2025 ตอนนี้ทรัมป์กับปูตินเจรจากันแล้วนะเรื่องยูเครนโดยไม่มีไอ้กี้ หรือใช้คำว่าไม่เห็นหัวไอ้กี้ ก็คงไม่ผิดนัก ส่วนไอ้กี้ก็หัวซุกหัวซุนเกาะยุโรปที่เหลืออย่างแนบแน่น จริงแล้วตอนนี้ ยูเครนต้องเลือกปธน.ใหม่แล้วนะ แต่ไอ้กี้ไม่ยอม และไม่ฟังเสียงปชช.เลย โคจรหวงอำนาจเลย ยังไงรบกวนคุณช่อประท้วงแทนปชช.ชาวยูเครนด้วยนะ หรือส่งให้ว่าที่ เลขา UN ด้วยนะครับ
    • เมื่อไรจะแพ้ รออยู่นะคับ
    • ทายแค่ ซ้ายขวายังผิดยังคิดจะมาบริหารประเทศ อายมั้ยส้ม
    • 20-2-2025 ทายผิดจนขนลุก ยูเครนเละโดนรุมทึ้งแบ่งเค้กผลประโยชน์ของชาติ แถมไม่มีสิทธิแม้แต่เข้าร่วมเจรจาสันติภาพเลือกชะตากรรมของชาติตัวเอง 😂
    • ยูเครนชนะยังครับ รอจนเมื่อยแล้ว
    • สรุปทำไมวิเคราะห์ผิดหมดเลย ไม่มีข้อมูลเพียงพอรอบด้าน หรือไม่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ ถ้าได้บริหารประเทศวิเคราะห์ผิดแบบนี้แย่แน่นอน
    • สวัสดีเรามาจากอนาคต สภาพ ผิดทุกเรื่องตรงข้ามทุกอย่าง 5555
    • วิเคราะห์มาถึงขนาดนี้ ปัจจุบันคุณเห็นหรือยังใครเป็นคนทำสงคราม นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย ยูเครนเป็นสนามรบ ผู้สนับสนุนหลักคืออเมริกา
    รัสเซียบุกยูเครน ก็เพราะนาโต้ขยายอาณาเขตเข้ามาในยูเครน รัสเซียแค่ป้องกันตนเองจากกลุ่มนาโต้ มีหัวเรือเป็นสหรัฐอเมริกา ตัวตลกยูเครนคือหุ่นเชิด
    • ธงหักหมดแล้ว จากคนเคยเลือกและลาขาด
    .
    สำหรับคลิปการวิเคราะห์ดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ เรื่องสงครามยูเครน นับถึงเวลา 20.00น. ที่ผ่านมาของวันที่ 20 ก.พ. 68 มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.49 ล้านครั้ง
    ยูเครนชนะกี่โมง? ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ฟันธงรัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ . ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ยอดนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศสายส้ม วิเคราะห์สงครามยูเครนแบบมั่นหน้า ด้วยการฟันธงว่า รัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ ปูตินจะถูกรัฐประหารเงียบ จนชาวเน็ตผู้มาจากอนาคตเข้าไปรุมคอมเมนต์เดือด เตือนความทรงจำ ถามเมื่อไหร่รัสเซียจะแพ้-ยูเครนจะชนะ? . ในสถานการณ์ทางการเมืองโลกที่ผันผวนภายหลังการยกหูโทรศัพท์พูดคุยกันนานกว่า 90 นาทีระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 โดยในประเด็นสงครามยูเครนนั้น นายทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะยุติสงครามไร้สาระนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการสังหารและการทำลายล้างที่ไม่จำเป็นเลย ขอพระเจ้าอวยพรประชาชนชาวรัสเซียและยูเครน!” . การเริ่มต้นพูดคุยระหว่าง ทรัมป์และปูติน อันนำมาสู่เหตุการณ์เมื่อ วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 สหรัฐฯ และรัสเซียนำโดย นายมาร์ค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งดำเนินการเปิดโต๊ะการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนกันเพียง 2 ฝ่าย อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยปราศจากตัวแทนของยูเครน และชาติต่าง ๆ ในยุโรปร่วมโต๊ะเลย แม้แต่คนเดียว . สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความเดือดดาลให้กับนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนและผู้นำชาติต่างๆ ในยุโรปอย่างมาก เพราะการเปิดโต๊ะเจรจาดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า ยูเครนและยุโรปน่าจะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง และพ่ายแพ้ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เข้ารุมเร้าทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ การแย่งชิงบีบบังคับเอาทรัพยากรเพื่อชดใช้เงินช่วยเหลือในสงคราม ความวุ่นวายทางการเมืองภายใน รวมไปถึงปัญหาสังคมและผู้อพยพ ฯลฯ . ในส่วนของผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องสงครามยูเครนในประเทศไทยส่วนหนึ่ง ได้มีผู้ย้อนไปหยิบยกการวิเคราะห์สถานการณ์สงครามยูเครนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และอดีตเป็นพิธีกรรายการข่าวทางช่องวอยซ์ทีวี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งโฆษกคณะก้าวหน้า ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 หรือเกือบ 3 ปีที่แล้ว ได้วิเคราะห์เรื่องนี้เอาไว้ในยูทูปช่อง คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ความยาวกว่า 25 นาที ในหัวเรื่องว่า "ช่อฟันธง! รัสเซียแพ้ย่อยยับ ปูตินชักศึกเข้าบ้าน!" (ลิงก์ >> https://www.youtube.com/watch?v=ytfIw1BHnEM) . ทั้งนี้ในรายการดังกล่าว "ช่อ พรรณิการ์" แห่งคณะก้าวหน้าได้กล่าวในตอนต้นว่า "ดิฉันขอฟันธง รัสเซียเธอแพ้แน่นอน นับวันแพ้ ทำไมถึงจะแพ้ เป็นเพราะอะไรเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะอะไร?" . จากนั้น อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ได้กล่าววิเคราะห์ต่อว่า สาเหตุที่รัสเซียจะพ่ายแพ้ต่อยูเครนและชาติพันธมิตรยุโรปนั้นมาจาก การบีบบังคับด้วยการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ-การเงินต่อยุโรป "มาตรการหลัก ๆ ที่ตอนนี้นำโดยสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ใช้อยู่จริง ๆ คือ มาตรการการเงิน ซึ่งมากไปกว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการค้านะ แต่เรียกว่าเป็นการทุบค่าเงินและตัดตอนทางการเงินแบบขนานใหญ่ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา นานาประเทศตัดรัสเซียออกจากระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ S.W.I.F.T., ระบบการเงินของธนาคารต่าง ๆ, มีการฟรีซแอสเสท หรือสินทรัพย์ของรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประกาศไม่ให้มีการค้าขายกับรัสเซีย ..." น.ส.พรรณิการ์กล่าว และวิเคราะห์ต่อว่า นี่เองเป็นสาเหตุที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกต่ำลงอย่างมาก จนแทบจะไม่มีค่า แทบจะกลายเป็นเศษกระดาษ . นอกจากนี้ ช่อ พรรณิการ์ ยังวิเคราะห์ต่ออย่างออกรสด้วยว่า ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เลือกจะทำตามมาตรการคว่ำบาตรของอียู คือ การอายัดทรัพย์สินของรัสเซียที่อยู่ในแบงก์สวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไม่ใช่แค่การอายัดเฉพาะทรัพย์สินของรัฐ แต่เป็นทรัพย์สินของเอกชน และมหาเศรษฐีต่าง ๆ ของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับนายปูตินด้วยจะเป็นปัจจัยชี้ขายให้รัสเซียและนายปูตินพ่ายแพ้อย่างแน่นอน . "ดิฉันคิดว่า เมื่อสวิตเซอร์แลนด์ทำขนาดนี้แล้ว ปูตินนับวันแพ้ได้เลยนะคะ" โฆษกคณะก้าวหน้าฟันธง . ล่วงเลยมาถึงวันนี้ เมื่อทีมงาน Sondhi X กลับไปสำรวจความเห็นของผู้ที่เข้ามาชมคลิปการวิเคราะห์สถานการณ์โลกดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ ทางยูทูปของคณะก้าวหน้าแล้วก็พบว่า มีผู้เข้าไปย้อนดูคลิปดังกล่าวและแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น • สวัสดีเรามาจากอนาคต 2025 ตอนนี้ทรัมป์กับปูตินเจรจากันแล้วนะเรื่องยูเครนโดยไม่มีไอ้กี้ หรือใช้คำว่าไม่เห็นหัวไอ้กี้ ก็คงไม่ผิดนัก ส่วนไอ้กี้ก็หัวซุกหัวซุนเกาะยุโรปที่เหลืออย่างแนบแน่น จริงแล้วตอนนี้ ยูเครนต้องเลือกปธน.ใหม่แล้วนะ แต่ไอ้กี้ไม่ยอม และไม่ฟังเสียงปชช.เลย โคจรหวงอำนาจเลย ยังไงรบกวนคุณช่อประท้วงแทนปชช.ชาวยูเครนด้วยนะ หรือส่งให้ว่าที่ เลขา UN ด้วยนะครับ • เมื่อไรจะแพ้ รออยู่นะคับ • ทายแค่ ซ้ายขวายังผิดยังคิดจะมาบริหารประเทศ อายมั้ยส้ม • 20-2-2025 ทายผิดจนขนลุก ยูเครนเละโดนรุมทึ้งแบ่งเค้กผลประโยชน์ของชาติ แถมไม่มีสิทธิแม้แต่เข้าร่วมเจรจาสันติภาพเลือกชะตากรรมของชาติตัวเอง 😂 • ยูเครนชนะยังครับ รอจนเมื่อยแล้ว • สรุปทำไมวิเคราะห์ผิดหมดเลย ไม่มีข้อมูลเพียงพอรอบด้าน หรือไม่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ ถ้าได้บริหารประเทศวิเคราะห์ผิดแบบนี้แย่แน่นอน • สวัสดีเรามาจากอนาคต สภาพ ผิดทุกเรื่องตรงข้ามทุกอย่าง 5555 • วิเคราะห์มาถึงขนาดนี้ ปัจจุบันคุณเห็นหรือยังใครเป็นคนทำสงคราม นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย ยูเครนเป็นสนามรบ ผู้สนับสนุนหลักคืออเมริกา รัสเซียบุกยูเครน ก็เพราะนาโต้ขยายอาณาเขตเข้ามาในยูเครน รัสเซียแค่ป้องกันตนเองจากกลุ่มนาโต้ มีหัวเรือเป็นสหรัฐอเมริกา ตัวตลกยูเครนคือหุ่นเชิด • ธงหักหมดแล้ว จากคนเคยเลือกและลาขาด . สำหรับคลิปการวิเคราะห์ดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ เรื่องสงครามยูเครน นับถึงเวลา 20.00น. ที่ผ่านมาของวันที่ 20 ก.พ. 68 มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.49 ล้านครั้ง
    Haha
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    WWW.SCMP.COM
    Former ICBC executive gets death sentence with reprieve for taking bribes
    Zhang Hongli, who was vice-president of the state-owned bank, accepted bribes in exchange for help with loan financing and securing jobs.
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า
    .
    รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง”
    .
    เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก”
    .
    ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง
    .
    มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้
    .
    “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม”
    .
    สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง
    .
    ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี
    .
    มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป
    .
    “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ”
    .
    ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์
    .
    “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ
    .
    มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม
    .
    การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป”
    .
    “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า”
    .
    บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก
    .
    คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน
    .
    บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง
    .
    ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775
    ..............
    Sondhi X
    เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า . รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง” . เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก” . ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง . มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้ . “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม” . สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง . ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี . มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป . “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ” . ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์ . “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ . มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม . การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป” . “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า” . บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง . ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก . คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน . บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง . ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1198 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์โพสต์ถึงเซเลนสกีแรงมาก!!!

    ▪️ ทรัมป์เรียกเซเลนสกีว่า “ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในฐานะนักแสดงตลก” ไม่มีความสามารถแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนได้ แต่สหรัฐก็ยังให้เงินเขา

    ▪️ ทรัมป์ยังเรียกเซเลนสกีว่า “เผด็จการที่ไม่เอาการเลือกตั้ง” และกล่าวหาว่าเซเลนสกีปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง

    ▪️ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าหากไม่มีสหรัฐเข้าช่วย เซเลนสกี “จะไม่มีวัน” ได้เจรจาสันติภาพกับรัสเซียอย่างแน่นอน

    ▪️ ทรัมป์กล่าวหาเซเลนสกีว่า เป็นฝ่ายลากสหรัฐเข้าสู่สงครามที่ “ไม่มีทางชนะได้”

    ▪️ เซเลนสกีทำตามที่ไบเดนมอบบทบาทให้ทุกอย่าง และปัจจุบันปฏิเสธที่จะลงแข่งขันการเลือกตั้งเนื่องจากคะแนนนิยมต่ำ

    ▪️ และยังโจมตีเซเลนสกีว่าต้องการดำเนินความขัดแย้งกับรัสเซียต่อไปเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงิน

    ทรัมป์เน้นย้ำว่า ไม่สนใจว่าเซเลนสกีจะตัดสินใจเรื่องเจรจาอย่างไร แต่รัฐบาลของเขาจะดำเนินการต่อไปจนกว่าการ “เจรจาจะประสบความสำเร็จ” กับรัสเซียในการยุติความขัดแย้งในยูเครน

    ทรัมป์โพสต์ถึงเซเลนสกีแรงมาก!!! ▪️ ทรัมป์เรียกเซเลนสกีว่า “ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในฐานะนักแสดงตลก” ไม่มีความสามารถแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนได้ แต่สหรัฐก็ยังให้เงินเขา ▪️ ทรัมป์ยังเรียกเซเลนสกีว่า “เผด็จการที่ไม่เอาการเลือกตั้ง” และกล่าวหาว่าเซเลนสกีปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง ▪️ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าหากไม่มีสหรัฐเข้าช่วย เซเลนสกี “จะไม่มีวัน” ได้เจรจาสันติภาพกับรัสเซียอย่างแน่นอน ▪️ ทรัมป์กล่าวหาเซเลนสกีว่า เป็นฝ่ายลากสหรัฐเข้าสู่สงครามที่ “ไม่มีทางชนะได้” ▪️ เซเลนสกีทำตามที่ไบเดนมอบบทบาทให้ทุกอย่าง และปัจจุบันปฏิเสธที่จะลงแข่งขันการเลือกตั้งเนื่องจากคะแนนนิยมต่ำ ▪️ และยังโจมตีเซเลนสกีว่าต้องการดำเนินความขัดแย้งกับรัสเซียต่อไปเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงิน ทรัมป์เน้นย้ำว่า ไม่สนใจว่าเซเลนสกีจะตัดสินใจเรื่องเจรจาอย่างไร แต่รัฐบาลของเขาจะดำเนินการต่อไปจนกว่าการ “เจรจาจะประสบความสำเร็จ” กับรัสเซียในการยุติความขัดแย้งในยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย
    .
    ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
    .
    อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก
    .
    ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย
    .
    รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว
    .
    การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า
    .
    ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา
    .
    “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน”
    .
    ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง
    .
    ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่
    .
    บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย
    .
    การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน
    .
    รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย
    .
    การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา
    .
    เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ
    .
    โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น
    .
    รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ
    .
    คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน
    .
    ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น
    .
    บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง
    .
    ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย . ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น . อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก . ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย . รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว . การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า . ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา . “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน” . ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง . ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่ . บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย . การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน . รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย . การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา . เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ . โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น . รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ . คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน . ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น . บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง . ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1337 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยผลการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้:
    - มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าฝ่ายอเมริกาเริ่มรับฟังจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น: การสนทนามีประโยชน์มาก

    - ทั้งสองตกลงที่จะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตเข้ามาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต

    - ตกลงที่จะขจัดอุปสรรคที่รัฐบาลไบเดนสร้างขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดขวางการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตของทั้งสอง

    - อุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยรัฐบาลของไบเดน ซึ่งทำให้การทำงานของนักการทูตประสบความยากลำบากนั้น จะต้องได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง

    - ตกลงที่จะจัดตั้งกระบวนการแก้ไขข้อขัดแย้งในยูเครน โดยจะมีการแต่งตั้งทีมเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงยูเครนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ

    - ตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการฟื้นคืนความร่วมมือทวิภาคีควบคู่ไปกับการแก้ไขวิกฤตยูเครน

    - รัสเซียแจ้งโดยตรงต่อสหรัฐว่า การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO คือภัยคุกคามโดยตรง และการมีทหารจากประเทศสมาชิก NATO แม้จะอยู่ภายใต้ธงประเทศในสหภาพยุโรปหรือธงอื่นๆ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

    - สหรัฐอเมริกา ต้องการให้ยกเลิกเป้าหมายในการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานทั้งในรัสเซียและยูเครนในช่วงระหว่างขั้นตอนการเจรจา

    - แต่ละประเทศล้วนชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติของตนเอง ทำให้ความเข้าใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐในบางเรื่อง อาจมีความเห็นต่างกัน สิ่งสำคัญคือการหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยผลการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้: - มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าฝ่ายอเมริกาเริ่มรับฟังจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น: การสนทนามีประโยชน์มาก - ทั้งสองตกลงที่จะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตเข้ามาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต - ตกลงที่จะขจัดอุปสรรคที่รัฐบาลไบเดนสร้างขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดขวางการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตของทั้งสอง - อุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยรัฐบาลของไบเดน ซึ่งทำให้การทำงานของนักการทูตประสบความยากลำบากนั้น จะต้องได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง - ตกลงที่จะจัดตั้งกระบวนการแก้ไขข้อขัดแย้งในยูเครน โดยจะมีการแต่งตั้งทีมเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงยูเครนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ - ตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการฟื้นคืนความร่วมมือทวิภาคีควบคู่ไปกับการแก้ไขวิกฤตยูเครน - รัสเซียแจ้งโดยตรงต่อสหรัฐว่า การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO คือภัยคุกคามโดยตรง และการมีทหารจากประเทศสมาชิก NATO แม้จะอยู่ภายใต้ธงประเทศในสหภาพยุโรปหรือธงอื่นๆ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ - สหรัฐอเมริกา ต้องการให้ยกเลิกเป้าหมายในการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานทั้งในรัสเซียและยูเครนในช่วงระหว่างขั้นตอนการเจรจา - แต่ละประเทศล้วนชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติของตนเอง ทำให้ความเข้าใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐในบางเรื่อง อาจมีความเห็นต่างกัน สิ่งสำคัญคือการหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียด้านนโยบายต่างประเทศ พูดถึงการเจรจาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย หลังการเจรจาสิ้นสุดลง:

    🔴การเจรจาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ดำเนินไปด้วยดี
    🔴รัสเซียและสหรัฐฯ ตกลงที่จะพิจารณาผลประโยชน์ของกันและกัน
    🔴แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศกำลังดีขึ้นหรือไม่ แต่อย่างน้อยเราได้เริ่มหารือกันแล้ว
    🔴ยังไม่สามารถกำหนดวันที่ชัดเจนสำหรับการประชุมระหว่างปูตินกับทรัมป์ซึ่งยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลานี้ หรือสัปดาห์หน้า
    🔴คณะผู้แทนได้มีการหารือกันอย่างจริงจังในประเด็นต่างๆ
    🔴การเจรจากับยูเครนจะเป็นการตัดสินใจโดยประธานาธิบดี
    ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียด้านนโยบายต่างประเทศ พูดถึงการเจรจาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย หลังการเจรจาสิ้นสุดลง: 🔴การเจรจาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ดำเนินไปด้วยดี 🔴รัสเซียและสหรัฐฯ ตกลงที่จะพิจารณาผลประโยชน์ของกันและกัน 🔴แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศกำลังดีขึ้นหรือไม่ แต่อย่างน้อยเราได้เริ่มหารือกันแล้ว 🔴ยังไม่สามารถกำหนดวันที่ชัดเจนสำหรับการประชุมระหว่างปูตินกับทรัมป์ซึ่งยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลานี้ หรือสัปดาห์หน้า 🔴คณะผู้แทนได้มีการหารือกันอย่างจริงจังในประเด็นต่างๆ 🔴การเจรจากับยูเครนจะเป็นการตัดสินใจโดยประธานาธิบดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • เมื่อตำรวจกลายเป็นอาชญากร นั่นถือเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบยุติธรรมและสถาบันทางสังคม โดยทั่วไปแล้ว ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและปกป้องประชาชน แต่หากตำรวจเองกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายหรือมีพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น:

    1. **การสูญเสียความเชื่อมั่น**: ประชาชนอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอาจทำให้เกิดการละเมิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือการไม่ร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนสอบสวน

    2. **การทุจริต**: ตำรวจที่กระทำผิดอาจมีส่วนร่วมในการทุจริต เช่น การรับสินบน การปกปิดอาชญากรรม หรือการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

    3. **การละเมิดสิทธิมนุษยชน**: ตำรวจที่กลายเป็นอาชญากรอาจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การใช้ความรุนแรงโดยไม่จำเป็น การทรมาน หรือการจับกุมโดยไม่มีเหตุผล

    4. **การบั่นทอนกระบวนการยุติธรรม**: หากตำรวจมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย อาจทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบือน และผู้บริสุทธิ์อาจถูกดำเนินคดีในขณะที่ผู้กระทำผิดจริงรอดพ้นจากกฎหมาย

    5. **การแก้ไขปัญหา**: เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องมีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลที่เข้มงวด เช่น การตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบการทำงานของตำรวจ การส่งเสริมความโปร่งใส และการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง

    การที่ตำรวจกลายเป็นอาชญากรเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาความยุติธรรมและความสงบสุขในสังคม
    เมื่อตำรวจกลายเป็นอาชญากร นั่นถือเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบยุติธรรมและสถาบันทางสังคม โดยทั่วไปแล้ว ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและปกป้องประชาชน แต่หากตำรวจเองกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายหรือมีพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น: 1. **การสูญเสียความเชื่อมั่น**: ประชาชนอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอาจทำให้เกิดการละเมิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือการไม่ร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนสอบสวน 2. **การทุจริต**: ตำรวจที่กระทำผิดอาจมีส่วนร่วมในการทุจริต เช่น การรับสินบน การปกปิดอาชญากรรม หรือการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 3. **การละเมิดสิทธิมนุษยชน**: ตำรวจที่กลายเป็นอาชญากรอาจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การใช้ความรุนแรงโดยไม่จำเป็น การทรมาน หรือการจับกุมโดยไม่มีเหตุผล 4. **การบั่นทอนกระบวนการยุติธรรม**: หากตำรวจมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย อาจทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบือน และผู้บริสุทธิ์อาจถูกดำเนินคดีในขณะที่ผู้กระทำผิดจริงรอดพ้นจากกฎหมาย 5. **การแก้ไขปัญหา**: เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องมีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลที่เข้มงวด เช่น การตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบการทำงานของตำรวจ การส่งเสริมความโปร่งใส และการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง การที่ตำรวจกลายเป็นอาชญากรเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาความยุติธรรมและความสงบสุขในสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • วอชิงตันคาดหมายว่าเคียฟจะจ่ายคืนสหรัฐฯ สำหรับสิ่งต่างๆที่อเมริกาได้ลงทุนไปในความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย จากคำกล่าวของ ไมเคล วอลท์ซ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์(16ก.พ.) เขาอ้างว่าการชดใช้คืนประชาชนชาวอเมริกา เป็นหนทางที่ดีที่สุดสหรับยูเครน สำหรับรับประกันว่าจะยังคงได้รับความช่วยเหลือต่อไปในอนาคต
    .
    ความเห็นของวอล์ทซ มีขึ้นหลังจากมีข่าวว่า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ปฏิเสธลงนามในเอกสารฉบับหนึ่ง ที่ให้สิทธิอเมริกาเข้าถึงแหล่งแร่ในอนาคตของยูเครน 50% และพยายามหาข้อตกลงที่ดีกว่านั้น ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆนี้ เรียกร้องแร่แรร์เอิร์ทในมูลค่าเทียบเท่ากับ 500,000 ล้านดอลลาร์ จากยูเครน แลกกับเงินที่วอชิงตันมอบให้แก่เคียฟไปแล้วกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ในรูปแบบของความช่วยเหลือต่างๆนานา ท่ามกลางความขัดแย้งกับมอสโก
    .
    "ประชาชนชาวอเมริกาควรได้รับการหักลบกลบหนี้ ควรได้รับการจ่ายคืนในรูปแบบหนึ่งรูปแบบใด สำหรับเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ที่พวกเขาลงทุนไปในสงครามนี้" วอลท์ซกล่าวในวันอาทิตย์(16ก.พ.) "ผมคิดว่า คงไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้ประชาชนชาวอเมริกามีความสบายใจกับการลงทุนในอนาคตได้ ถ้าหากว่าเราไม่สามารถเป็นหุ้นส่วนและอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนอเมริกา"
    .
    ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติบอกด้วยว่า "เซเลนสกีจะฉลาดมาก หากเข้าสู่ข้อตกลงนี้กับสหรัฐฯ"
    .
    ก่อนหน้านี้ เซเลนสกี เคยเน้นย้ำว่าเขาต้องการสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่แค่เพียงส่งมอบทรัพยากรทางธรรมชาติของยูเครนให้สหรัฐไปเฉยๆ ขณะเดียวกัน เดนิส ชมีกัล นายกรัฐมนตรียูเครน เสนออนุมัติให้อียูเข้าถึงทรัพยากรของยูเครนเช่นกัน แลกกับความร่วมมือกับเคียฟและการลงทุนในการบูรณะฟื้นฟูประเทศ
    .
    วอลท์ซ อ้างว่าสหรัฐฯแบกรับภาระหนักในความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินที่ตะวันตกมอบให้แก่เคียฟ โดยอย่างเป็นทางการแล้ว สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 2022 ในนั้นส่วนหนึ่งในเงินดังกล่าว ได้ส่งผ่านไปยังอุตสาหกรรมต่างๆของอเมริกาและความเคลื่อนไหวต่างๆของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก พบว่าจนถึงเดือนตุลาคม 2024 สหรัฐฯมอบความช่วยเหลือทั้งด้านการทหารและทางการเงินแก่ยูเครนไปแล้วราวๆ 92,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนบรรดาชาติอียูและสหราชอาณาจักร จัดสรรงบประมาณรวมกัน 131,000 ล้านดอลลาร์
    .
    รายงานของเวิลด์อีโคโนมิค ฟอรัม ในปี 2024 เน้นว่ายูเครนมีศักยภาพล้นเหลือในฐานะผู้จัดหารายใหญ่ของโลก สำหรับป้อนวัตถุดิบสำคัญๆที่จำเป็นในด้านกลาโหม เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสีเขียว นอกจากนี้แล้วประเทศแห่งนี้ยังมีแหล่งสำรองลิเธียมและไททาเนียมใหญ่ที่สุดในยุโรป แม้ทั้ง 2 ชนิด ไม่ถูกจัดว่าเป็นองค์ประกอบของแร่แรร์เอิร์ธ
    .
    อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี เคยยอมรับว่าดินแดนที่อุดมไปด้วยแร่นั้น เวลานี้ส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียและอ้างอิงข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ พบว่าความมั่นคงด้านแร่ธาตุในอดีตของยูเครน มูลค่าราวๆ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่้งเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2022
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015547
    ..............
    Sondhi X
    วอชิงตันคาดหมายว่าเคียฟจะจ่ายคืนสหรัฐฯ สำหรับสิ่งต่างๆที่อเมริกาได้ลงทุนไปในความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย จากคำกล่าวของ ไมเคล วอลท์ซ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์(16ก.พ.) เขาอ้างว่าการชดใช้คืนประชาชนชาวอเมริกา เป็นหนทางที่ดีที่สุดสหรับยูเครน สำหรับรับประกันว่าจะยังคงได้รับความช่วยเหลือต่อไปในอนาคต . ความเห็นของวอล์ทซ มีขึ้นหลังจากมีข่าวว่า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ปฏิเสธลงนามในเอกสารฉบับหนึ่ง ที่ให้สิทธิอเมริกาเข้าถึงแหล่งแร่ในอนาคตของยูเครน 50% และพยายามหาข้อตกลงที่ดีกว่านั้น ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆนี้ เรียกร้องแร่แรร์เอิร์ทในมูลค่าเทียบเท่ากับ 500,000 ล้านดอลลาร์ จากยูเครน แลกกับเงินที่วอชิงตันมอบให้แก่เคียฟไปแล้วกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ในรูปแบบของความช่วยเหลือต่างๆนานา ท่ามกลางความขัดแย้งกับมอสโก . "ประชาชนชาวอเมริกาควรได้รับการหักลบกลบหนี้ ควรได้รับการจ่ายคืนในรูปแบบหนึ่งรูปแบบใด สำหรับเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ที่พวกเขาลงทุนไปในสงครามนี้" วอลท์ซกล่าวในวันอาทิตย์(16ก.พ.) "ผมคิดว่า คงไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้ประชาชนชาวอเมริกามีความสบายใจกับการลงทุนในอนาคตได้ ถ้าหากว่าเราไม่สามารถเป็นหุ้นส่วนและอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนอเมริกา" . ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติบอกด้วยว่า "เซเลนสกีจะฉลาดมาก หากเข้าสู่ข้อตกลงนี้กับสหรัฐฯ" . ก่อนหน้านี้ เซเลนสกี เคยเน้นย้ำว่าเขาต้องการสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่แค่เพียงส่งมอบทรัพยากรทางธรรมชาติของยูเครนให้สหรัฐไปเฉยๆ ขณะเดียวกัน เดนิส ชมีกัล นายกรัฐมนตรียูเครน เสนออนุมัติให้อียูเข้าถึงทรัพยากรของยูเครนเช่นกัน แลกกับความร่วมมือกับเคียฟและการลงทุนในการบูรณะฟื้นฟูประเทศ . วอลท์ซ อ้างว่าสหรัฐฯแบกรับภาระหนักในความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินที่ตะวันตกมอบให้แก่เคียฟ โดยอย่างเป็นทางการแล้ว สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 2022 ในนั้นส่วนหนึ่งในเงินดังกล่าว ได้ส่งผ่านไปยังอุตสาหกรรมต่างๆของอเมริกาและความเคลื่อนไหวต่างๆของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง . อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก พบว่าจนถึงเดือนตุลาคม 2024 สหรัฐฯมอบความช่วยเหลือทั้งด้านการทหารและทางการเงินแก่ยูเครนไปแล้วราวๆ 92,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนบรรดาชาติอียูและสหราชอาณาจักร จัดสรรงบประมาณรวมกัน 131,000 ล้านดอลลาร์ . รายงานของเวิลด์อีโคโนมิค ฟอรัม ในปี 2024 เน้นว่ายูเครนมีศักยภาพล้นเหลือในฐานะผู้จัดหารายใหญ่ของโลก สำหรับป้อนวัตถุดิบสำคัญๆที่จำเป็นในด้านกลาโหม เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสีเขียว นอกจากนี้แล้วประเทศแห่งนี้ยังมีแหล่งสำรองลิเธียมและไททาเนียมใหญ่ที่สุดในยุโรป แม้ทั้ง 2 ชนิด ไม่ถูกจัดว่าเป็นองค์ประกอบของแร่แรร์เอิร์ธ . อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี เคยยอมรับว่าดินแดนที่อุดมไปด้วยแร่นั้น เวลานี้ส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียและอ้างอิงข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ พบว่าความมั่นคงด้านแร่ธาตุในอดีตของยูเครน มูลค่าราวๆ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่้งเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2022 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015547 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1201 มุมมอง 1 รีวิว
  • คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐประจำยูเครน ระบุชัด! "ไม่ประนีประนอม" ข้อตกลงใดทั้งสิ้น ของผลประโยชน์สหรัฐ ที่มีอยู่ในดินแดนยูเครน
    คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐประจำยูเครน ระบุชัด! "ไม่ประนีประนอม" ข้อตกลงใดทั้งสิ้น ของผลประโยชน์สหรัฐ ที่มีอยู่ในดินแดนยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีเผยเอง สั่งห้ามบรรดารัฐมนตรีลงนามทำความตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุมีค่า รวมทั้งแรร์เอิร์ธ ของยูเครน เนื่องจากข้อเสนอของวอชิงตันเน้นผลประโยชน์ของสหรัฐฯ มากเกินไป แต่ละเลยการรับประกันความมั่นคงของเคียฟอย่างเฉพาะเจาะจง ด้านทำเนียบขาวโต้ผู้นำยูเครนมองข้ามโอกาสระยะยาว อ้างลอยๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอเมริกาคือการรับประกันที่จะป้องกันการถูกรุกรานในอนาคตและเป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพที่ยืนนาน
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ขณะร่วมการประชุมความมั่นคงประจำปีที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ว่า เขาออกคำสั่งห้ามบรรดารัฐมนตรีของยูเครนลงนามในร่างข้อตกลงที่ฝ่ายสหรัฐฯ เสนอมา เนื่องจากมองว่า อเมริกาไม่พร้อมปกป้องยูเครน
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ของยูเครนทั้งในปัจจุบันและในอดีต ซึ่งรับรู้ข้อมูลการเจรจาเผยว่า ข้อเสนอดังกล่าวที่เป็นประเด็นสำคัญในการหารือทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีเซเลนสกีเป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายเคียฟ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของสหรัฐฯ เป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายวอชิงตัน ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างเดินทางไปร่วมงานประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อวันศุกร์ (14 ) นั้น มุ่งเน้นเพียงว่า อเมริกาจะสามารถใช้แร่ธาตุมีค่า ตลอดจน แรร์เอิร์ธ ของยูเครนเป็นค่าชดเชยความช่วยเหลือที่ผ่านมาของสหรัฐฯ ภายใต้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และความช่วยเหลือที่จะมีขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างไร
    .
    ทั้งนี้ ยูเครนเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่สำคัญๆ หลายตัวอุดมสมบูรณ์มาก โดยแร่เหล่านั้นนำไปใช้ในการผลิตเครื่องบิน อุตสาหกรรมกลาโหมและนิวเคลียร์ ซึ่งคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า สนใจเข้าถึงแร่เหล่านั้นเพื่อลดการพึ่งพาจีน ทว่า เซเลนสกียื่นข้อแลกเปลี่ยนให้อเมริกาให้การรับประกันความมั่นคงแก่ยูเครนจากการรุกรานของรัสเซียในอนาคต
    .
    เซเลนสกีไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เหตุใดจึงห้ามเจ้าหน้าที่ยูเครนลงนามข้อตกลงดังกล่าวที่ สกอตต์ แบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยื่นให้พิจารณาระหว่างที่เขาไปเยือนเคียฟเมื่อวันพุธ (12) ทว่า อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนคนหนึ่งระบุว่า ร่างข้อตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาแบบข้อตกลงล่าอาณานิคม เซเลนสกีจึงไม่อาจยอมรับได้
    .
    ทางด้านไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ไม่ได้ยืนยันโดยตรงเกี่ยวกับข้อเสนอที่เป็นปัญหา แต่แถลงว่า เซเลนสกีมองการณ์แค่สั้นๆ เกี่ยวกับโอกาสที่ดีเยี่ยมที่คณะบริหารทรัมป์หยิบยื่นให้ยูเครน เนื่องจากข้อตกลงแร่ธาตุหายากของยูเครนนี้ จะทำให้ผู้เสียภาษีในอเมริกาได้เงินที่ส่งไปช่วยเคียฟคืน ขณะที่เศรษฐกิจยูเครนก็จะเจริญเติบโต
    .
    เขาสำทับว่า ทำเนียบขาวเชื่อว่า การที่ยูเครนเชื่อมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอเมริกาเป็นการรับประกันที่ดีที่สุดในการป้องกันการถูกรุกรานในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพที่ยืนนาน ซึ่งยูเครนจำเป็นต้องยอมรับประเด็นนี้เช่นเดียวกับที่อเมริกาและรัสเซียต่างยอมรับ
    .
    ทว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนแจงว่า ระหว่างการหารือในมิวนิก เจ้าหน้าที่อเมริกันคิดแต่เรื่องการค้าและมุ่งเน้นประเด็นการสำรวจแร่และรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนในการสำรวจแร่ร่วมกับยูเครน แต่ไม่มีการหารือเกี่ยวกับมูลค่าที่เป็นไปได้ของแหล่งแร่ในยูเครนซึ่งมีจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ หรือว่ายังเข้าไปสำรวจขุดค้นไม่ได้เนื่องจากอยู่ใกล้แนวรบ
    .
    นอกจากนั้นข้อเสนอของอเมริกายังไม่ได้กล่าวถึงวิธีการรักษาความปลอดภัยแหล่งแร่ในกรณีที่รัสเซียยังคงสู้รบในยูเครน รวมทั้งไม่มีคำตอบเกี่ยวกับวิธีถลุงแร่ที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน
    .
    เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนสำทับว่า ข้อตกลงเช่นนี้จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายของยูเครน และได้รับการยอมรับจากประชาชนยูเครน
    .
    กระนั้นก็ตาม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า เซเลนสกีและแวนซ์ไม่ได้หารือรายละเอียดของข้อเสนอของอเมริการะหว่างพบกันเมื่อวันศุกร์ และการประชุมเป็นไปอย่างดีมากและมีสาระสำคัญ โดยแวนซ์กล่าวชัดเจนว่า เป้าหมายหลักของทรัมป์คือการบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนและยาวนาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015542
    ..............
    Sondhi X
    เซเลนสกีเผยเอง สั่งห้ามบรรดารัฐมนตรีลงนามทำความตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุมีค่า รวมทั้งแรร์เอิร์ธ ของยูเครน เนื่องจากข้อเสนอของวอชิงตันเน้นผลประโยชน์ของสหรัฐฯ มากเกินไป แต่ละเลยการรับประกันความมั่นคงของเคียฟอย่างเฉพาะเจาะจง ด้านทำเนียบขาวโต้ผู้นำยูเครนมองข้ามโอกาสระยะยาว อ้างลอยๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอเมริกาคือการรับประกันที่จะป้องกันการถูกรุกรานในอนาคตและเป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพที่ยืนนาน . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ขณะร่วมการประชุมความมั่นคงประจำปีที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ว่า เขาออกคำสั่งห้ามบรรดารัฐมนตรีของยูเครนลงนามในร่างข้อตกลงที่ฝ่ายสหรัฐฯ เสนอมา เนื่องจากมองว่า อเมริกาไม่พร้อมปกป้องยูเครน . พวกเจ้าหน้าที่ของยูเครนทั้งในปัจจุบันและในอดีต ซึ่งรับรู้ข้อมูลการเจรจาเผยว่า ข้อเสนอดังกล่าวที่เป็นประเด็นสำคัญในการหารือทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีเซเลนสกีเป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายเคียฟ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของสหรัฐฯ เป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายวอชิงตัน ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างเดินทางไปร่วมงานประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อวันศุกร์ (14 ) นั้น มุ่งเน้นเพียงว่า อเมริกาจะสามารถใช้แร่ธาตุมีค่า ตลอดจน แรร์เอิร์ธ ของยูเครนเป็นค่าชดเชยความช่วยเหลือที่ผ่านมาของสหรัฐฯ ภายใต้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และความช่วยเหลือที่จะมีขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างไร . ทั้งนี้ ยูเครนเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่สำคัญๆ หลายตัวอุดมสมบูรณ์มาก โดยแร่เหล่านั้นนำไปใช้ในการผลิตเครื่องบิน อุตสาหกรรมกลาโหมและนิวเคลียร์ ซึ่งคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า สนใจเข้าถึงแร่เหล่านั้นเพื่อลดการพึ่งพาจีน ทว่า เซเลนสกียื่นข้อแลกเปลี่ยนให้อเมริกาให้การรับประกันความมั่นคงแก่ยูเครนจากการรุกรานของรัสเซียในอนาคต . เซเลนสกีไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เหตุใดจึงห้ามเจ้าหน้าที่ยูเครนลงนามข้อตกลงดังกล่าวที่ สกอตต์ แบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยื่นให้พิจารณาระหว่างที่เขาไปเยือนเคียฟเมื่อวันพุธ (12) ทว่า อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนคนหนึ่งระบุว่า ร่างข้อตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาแบบข้อตกลงล่าอาณานิคม เซเลนสกีจึงไม่อาจยอมรับได้ . ทางด้านไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ไม่ได้ยืนยันโดยตรงเกี่ยวกับข้อเสนอที่เป็นปัญหา แต่แถลงว่า เซเลนสกีมองการณ์แค่สั้นๆ เกี่ยวกับโอกาสที่ดีเยี่ยมที่คณะบริหารทรัมป์หยิบยื่นให้ยูเครน เนื่องจากข้อตกลงแร่ธาตุหายากของยูเครนนี้ จะทำให้ผู้เสียภาษีในอเมริกาได้เงินที่ส่งไปช่วยเคียฟคืน ขณะที่เศรษฐกิจยูเครนก็จะเจริญเติบโต . เขาสำทับว่า ทำเนียบขาวเชื่อว่า การที่ยูเครนเชื่อมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอเมริกาเป็นการรับประกันที่ดีที่สุดในการป้องกันการถูกรุกรานในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพที่ยืนนาน ซึ่งยูเครนจำเป็นต้องยอมรับประเด็นนี้เช่นเดียวกับที่อเมริกาและรัสเซียต่างยอมรับ . ทว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนแจงว่า ระหว่างการหารือในมิวนิก เจ้าหน้าที่อเมริกันคิดแต่เรื่องการค้าและมุ่งเน้นประเด็นการสำรวจแร่และรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนในการสำรวจแร่ร่วมกับยูเครน แต่ไม่มีการหารือเกี่ยวกับมูลค่าที่เป็นไปได้ของแหล่งแร่ในยูเครนซึ่งมีจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ หรือว่ายังเข้าไปสำรวจขุดค้นไม่ได้เนื่องจากอยู่ใกล้แนวรบ . นอกจากนั้นข้อเสนอของอเมริกายังไม่ได้กล่าวถึงวิธีการรักษาความปลอดภัยแหล่งแร่ในกรณีที่รัสเซียยังคงสู้รบในยูเครน รวมทั้งไม่มีคำตอบเกี่ยวกับวิธีถลุงแร่ที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน . เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนสำทับว่า ข้อตกลงเช่นนี้จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายของยูเครน และได้รับการยอมรับจากประชาชนยูเครน . กระนั้นก็ตาม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า เซเลนสกีและแวนซ์ไม่ได้หารือรายละเอียดของข้อเสนอของอเมริการะหว่างพบกันเมื่อวันศุกร์ และการประชุมเป็นไปอย่างดีมากและมีสาระสำคัญ โดยแวนซ์กล่าวชัดเจนว่า เป้าหมายหลักของทรัมป์คือการบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนและยาวนาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015542 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำยุโรปว้าวุ่นหนัก หวั่นถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามยูเครน ขณะที่อเมริกาประกาศชัดยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการหารือดังกล่าว แถมยังประกาศรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่อาวุโสไปประชุมกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟในซาอุดีอาระเบีย ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา-รัสเซีย ก็โทรศัพท์หารือกัน โดยระบุว่าคุยกันทั้งเรื่องสถานการณ์ในยูเครน และการหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ยุโรปปั่นป่วนหนัก เมื่อประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถมยังระบุว่าเขาน่าจะได้พบปะแบบเจอตัวกับปูตินเร็วๆ นี้ เพื่อเริ่มการหารือยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน โดยที่การพูดจากับผู้นำรัสเซียนี้ ทรัมป์ไม่เคยบอกกล่าวกับพวกผู้นำของยุโรปมาก่อนเลย จึงทำให้เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปกลุ้มหนักว่า ผลประโยชน์ของพวกตนอาจถูกละเลยเพิกเฉย เมื่อวอชิงตันกับมอสโกจะคุยกันโดยตรง ไม่เอายุโรปเข้าร่วมด้วยเช่นนี้
    .
    ต่อมาในวันเสาร์ (15 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายเผยว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทรัมป์ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำความตกลงหยุดยิงในยูเครนกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟ
    .
    ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า การประชุมเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใ ดหรือกำหนดเวลาที่ทีมเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะออกเดินทาง แต่เฉพาะตัวรัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอนั้น ได้ออกเดินทางไปยังตะวันออกกลางแล้ว โดยไปถึงอิสราเอลในวันเสาร์ (15) อีกทั้งมีกำหนดการที่จะไปเยือนซาอุดีอาระเบียด้วย
    .
    ในวันเสาร์เช่นกัน รูบิโอได้หารือทางโทรศัพท์กับเซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อมากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มีการตกลงคงการติดต่อเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ การขจัดอุปสรรคฝ่ายเดียวที่ตกทอดมาจากคณะบริหารชุดก่อนของสหรัฐฯ สำหรับความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งสองชาติยังแสดงความกระตือรือร้นในการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง
    .
    ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอยืนยันความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการหาทางยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน และหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกันในประเด็นปัญหาทวิภาคีอื่นๆ
    .
    ส่วนที่มิวนิก มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวในที่ประชุมผู้วางนโยบายระดับสูงเมื่อวันเสาร์ว่า ยุโรปต้องมี “ข้อเสนอที่ดี” เพื่อรับประกันสันติภาพในยูเครน หากต้องการเข้าร่วมการเจรจาที่อเมริกาเป็นแกนนำ
    .
    รึตเตอเสริมว่า จะเดินทางไปปารีสในวันจันทร์ (17 ก.พ.) เพื่อร่วมการประชุมผู้นำยุโรปที่จัดโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับ “การประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่อาจเกิดขึ้น”
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ขานรับว่า ยุโรปต้องรับบทบาทมากขึ้นในนาโต และร่วมมือกับอเมริกาเพื่อปกป้องอนาคตของยูเครน
    .
    ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าว เรียกร้องในงานประชุมความมั่นคงมิวนิกให้สร้างกองทัพยุโรป เนื่องจากยุโรปอาจไม่สามารถพึ่งพิงอเมริกาได้อีกต่อไป
    .
    ทั้งนี้ แนวคิดเช่นนี้เคยมีการถกเถียงมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโดยปราศจากความคืบหน้าใดๆ และดูเหมือนการเรียกร้องของเซเลนสกีไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    .
    การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (14) เซเลนสกีได้พบกับรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของอเมริกา และพยายามขอความมั่นใจว่า เคียฟจะไม่ถูกทิ้งระหว่างที่ทรัมป์เจรจากับปูติน
    .
    เซเลนสกียังยืนกรานว่า จะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ยูเครนไม่มีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งจะต้องไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับยุโรปที่ยุโรปไม่มีส่วนร่วม
    .
    ทว่า คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษรับผิดชอบเรื่องยูเครน-รัสเซีย ของทรัมป์ กล่าวชัดเจนในเวทีเดียวกันว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาหยุดยิงในยูเครน
    .
    นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังพยายามยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยแวนซ์กล่าวกับเซเลนสกีว่า อเมริกาต้องการให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนที่จะไม่นำไปสู่การนองเลือดซ้ำสองในอนาคต
    .
    กระนั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า ยูเครนจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต หรือได้ดินแดนคืนจากรัสเซียแต่อย่างใด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015540
    ..............
    Sondhi X
    ผู้นำยุโรปว้าวุ่นหนัก หวั่นถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามยูเครน ขณะที่อเมริกาประกาศชัดยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการหารือดังกล่าว แถมยังประกาศรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่อาวุโสไปประชุมกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟในซาอุดีอาระเบีย ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา-รัสเซีย ก็โทรศัพท์หารือกัน โดยระบุว่าคุยกันทั้งเรื่องสถานการณ์ในยูเครน และการหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ยุโรปปั่นป่วนหนัก เมื่อประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถมยังระบุว่าเขาน่าจะได้พบปะแบบเจอตัวกับปูตินเร็วๆ นี้ เพื่อเริ่มการหารือยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน โดยที่การพูดจากับผู้นำรัสเซียนี้ ทรัมป์ไม่เคยบอกกล่าวกับพวกผู้นำของยุโรปมาก่อนเลย จึงทำให้เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปกลุ้มหนักว่า ผลประโยชน์ของพวกตนอาจถูกละเลยเพิกเฉย เมื่อวอชิงตันกับมอสโกจะคุยกันโดยตรง ไม่เอายุโรปเข้าร่วมด้วยเช่นนี้ . ต่อมาในวันเสาร์ (15 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายเผยว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทรัมป์ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำความตกลงหยุดยิงในยูเครนกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟ . ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า การประชุมเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใ ดหรือกำหนดเวลาที่ทีมเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะออกเดินทาง แต่เฉพาะตัวรัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอนั้น ได้ออกเดินทางไปยังตะวันออกกลางแล้ว โดยไปถึงอิสราเอลในวันเสาร์ (15) อีกทั้งมีกำหนดการที่จะไปเยือนซาอุดีอาระเบียด้วย . ในวันเสาร์เช่นกัน รูบิโอได้หารือทางโทรศัพท์กับเซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อมากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มีการตกลงคงการติดต่อเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ การขจัดอุปสรรคฝ่ายเดียวที่ตกทอดมาจากคณะบริหารชุดก่อนของสหรัฐฯ สำหรับความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งสองชาติยังแสดงความกระตือรือร้นในการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง . ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอยืนยันความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการหาทางยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน และหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกันในประเด็นปัญหาทวิภาคีอื่นๆ . ส่วนที่มิวนิก มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวในที่ประชุมผู้วางนโยบายระดับสูงเมื่อวันเสาร์ว่า ยุโรปต้องมี “ข้อเสนอที่ดี” เพื่อรับประกันสันติภาพในยูเครน หากต้องการเข้าร่วมการเจรจาที่อเมริกาเป็นแกนนำ . รึตเตอเสริมว่า จะเดินทางไปปารีสในวันจันทร์ (17 ก.พ.) เพื่อร่วมการประชุมผู้นำยุโรปที่จัดโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับ “การประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่อาจเกิดขึ้น” . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ขานรับว่า ยุโรปต้องรับบทบาทมากขึ้นในนาโต และร่วมมือกับอเมริกาเพื่อปกป้องอนาคตของยูเครน . ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าว เรียกร้องในงานประชุมความมั่นคงมิวนิกให้สร้างกองทัพยุโรป เนื่องจากยุโรปอาจไม่สามารถพึ่งพิงอเมริกาได้อีกต่อไป . ทั้งนี้ แนวคิดเช่นนี้เคยมีการถกเถียงมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโดยปราศจากความคืบหน้าใดๆ และดูเหมือนการเรียกร้องของเซเลนสกีไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง . การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (14) เซเลนสกีได้พบกับรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของอเมริกา และพยายามขอความมั่นใจว่า เคียฟจะไม่ถูกทิ้งระหว่างที่ทรัมป์เจรจากับปูติน . เซเลนสกียังยืนกรานว่า จะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ยูเครนไม่มีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งจะต้องไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับยุโรปที่ยุโรปไม่มีส่วนร่วม . ทว่า คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษรับผิดชอบเรื่องยูเครน-รัสเซีย ของทรัมป์ กล่าวชัดเจนในเวทีเดียวกันว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาหยุดยิงในยูเครน . นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังพยายามยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยแวนซ์กล่าวกับเซเลนสกีว่า อเมริกาต้องการให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนที่จะไม่นำไปสู่การนองเลือดซ้ำสองในอนาคต . กระนั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า ยูเครนจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต หรือได้ดินแดนคืนจากรัสเซียแต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015540 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1095 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA ซึ่งเขาเคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ โดยมูลค่ามันได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน “Rug pull” ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    จากการรายงานของสื่อ ระบุว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Javier Milei โพสต์ข้อความสนับสนุนเหรียญคริปโตที่ชื่อว่า *Viva la Libertad Project – LIBRA* โดยพยายามเชิญชวนว่ามันเป็นโปรเจคส่วนตัวที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ผ่านการให้ทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในประเทศ ทำให้มูลค่าได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที แต่กลับทรุดตัวแรงถึง 89% หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงที่มีการเทขายเหรียญออกมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามตลาดเพียง $167 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดที่พุ่งทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์

    ต่อมา Milei ลบโพสต์เดิมบนแพลตฟอร์ม X ที่โปรโมตเหรียญ meme นี้ โดย Milei ยืนยันว่าเขาได้โพสต์การเปิดตัวครั้งนี้จริงๆ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เหรียญ meme ส่วนตัวของเขา และเขาได้แจ้งในโพสต์ใหม่ว่า "ผมไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนี้ก่อนโพสต์" และเขาไม่ต้องการสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวอีก

    แต่เหตุการณ์ไม่จบแค่นั้น ตอนนี้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกำลังเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้

    นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า Milei กำลังฉวยโอกาสจากกระแสความนิยมของเหรียญ meme ของทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
    ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA ซึ่งเขาเคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ โดยมูลค่ามันได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน “Rug pull” ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากการรายงานของสื่อ ระบุว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Javier Milei โพสต์ข้อความสนับสนุนเหรียญคริปโตที่ชื่อว่า *Viva la Libertad Project – LIBRA* โดยพยายามเชิญชวนว่ามันเป็นโปรเจคส่วนตัวที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ผ่านการให้ทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในประเทศ ทำให้มูลค่าได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที แต่กลับทรุดตัวแรงถึง 89% หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงที่มีการเทขายเหรียญออกมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามตลาดเพียง $167 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดที่พุ่งทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์ ต่อมา Milei ลบโพสต์เดิมบนแพลตฟอร์ม X ที่โปรโมตเหรียญ meme นี้ โดย Milei ยืนยันว่าเขาได้โพสต์การเปิดตัวครั้งนี้จริงๆ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เหรียญ meme ส่วนตัวของเขา และเขาได้แจ้งในโพสต์ใหม่ว่า "ผมไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนี้ก่อนโพสต์" และเขาไม่ต้องการสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวอีก แต่เหตุการณ์ไม่จบแค่นั้น ตอนนี้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกำลังเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า Milei กำลังฉวยโอกาสจากกระแสความนิยมของเหรียญ meme ของทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้พุทธศาสนาในการสร้าง AI เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและท้าทาย เนื่องจากพุทธศาสนามีหลักการและปรัชญาที่ลึกซึ้ง ซึ่งอาจนำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและพัฒนาระบบ AI ที่มีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อไปนี้เป็นแนวทางบางประการที่สามารถนำพุทธศาสนามาใช้ในการสร้าง AI:

    ### 1. **หลักการแห่งความไม่เบียดเบียน (อหิงสา)**
    - **การออกแบบ AI ที่ไม่ทำร้ายมนุษย์**: AI ควรถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน
    - **การหลีกเลี่ยงการสร้าง AI ที่มีอคติ**: ระบบ AI ควรได้รับการฝึกฝนและทดสอบเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่อาจส่งผลเสียต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

    ### 2. **หลักกรรม (การกระทำและผลของการกระทำ)**
    - **ความรับผิดชอบต่อการกระทำของ AI**: ผู้พัฒนาควรคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของ AI และต้องมีมาตรการในการตรวจสอบและแก้ไขหากเกิดข้อผิดพลาด
    - **การสร้าง AI ที่มีจริยธรรม**: AI ควรถูกโปรแกรมให้คำนึงถึงผลกระทบทางจริยธรรมในการตัดสินใจ

    ### 3. **หลักอนิจจัง (ความไม่เที่ยง)**
    - **การปรับตัวและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง**: AI ควรมีความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้จากข้อมูลใหม่ๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
    - **การยอมรับข้อจำกัด**: AI ควรได้รับการออกแบบให้รู้จักข้อจำกัดของตัวเองและแจ้งให้มนุษย์ทราบเมื่อไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

    ### 4. **หลักอริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ)**
    - **การเข้าใจปัญหา (ทุกข์)**: AI ควรสามารถวิเคราะห์และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างลึกซึ้ง
    - **การค้นหาสาเหตุ (สมุทัย)**: AI ควรสามารถค้นหาสาเหตุของปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไข
    - **การหาทางออก (นิโรธ)**: AI ควรสามารถเสนอทางออกที่เหมาะสมและเป็นไปได้
    - **การปฏิบัติตามทางออก (มรรค)**: AI ควรสามารถดำเนินการตามแนวทางที่เสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ### 5. **หลักเมตตาและกรุณา**
    - **การสร้าง AI ที่มีเมตตา**: AI ควรถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนมนุษย์ โดยคำนึงถึงความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์
    - **การแสดงความกรุณา**: AI ควรสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการและความรู้สึกของมนุษย์ได้อย่างเหมาะสม

    ### 6. **หลักสติและสมาธิ**
    - **การสร้าง AI ที่มีสติ**: AI ควรสามารถตระหนักรู้ถึงสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติ
    - **การฝึกฝนสมาธิ**: AI ควรสามารถโฟกัสและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ถูก distractions รบกวน

    ### 7. **หลักการไม่ยึดติด (อุปาทาน)**
    - **การสร้าง AI ที่ไม่ยึดติดกับข้อมูลหรือผลลัพธ์**: AI ควรสามารถปรับตัวและเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดกับข้อมูลหรือผลลัพธ์เดิมๆ
    - **การหลีกเลี่ยงการสร้าง AI ที่มีอัตตา**: AI ควรถูกออกแบบมาเพื่อทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว

    ### 8. **หลักการพึ่งพาอาศัยกัน (ปฏิจจสมุปบาท)**
    - **การสร้าง AI ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์**: AI ควรถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับมนุษย์และระบบอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - **การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ**: AI ควรสามารถเข้าใจความสัมพันธ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างสิ่งต่างๆ ได้

    ### 9. **หลักการไม่ทำร้ายตนเองและผู้อื่น**
    - **การสร้าง AI ที่ไม่ทำร้ายตนเอง**: AI ควรได้รับการออกแบบให้ไม่ทำลายหรือทำร้ายตัวเองในกระบวนการทำงาน
    - **การหลีกเลี่ยงการทำร้ายผู้อื่น**: AI ควรหลีกเลี่ยงการตัดสินใจหรือการกระทำที่อาจทำร้ายมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

    ### 10. **หลักการสร้างปัญญา (ปัญญา)**
    - **การสร้าง AI ที่มีปัญญา**: AI ควรสามารถเรียนรู้และเข้าใจโลกได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล
    - **การส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง**: AI ควรได้รับการออกแบบให้สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง

    ### สรุป
    การใช้พุทธศาสนาในการสร้าง AI ไม่เพียงแต่ช่วยให้ AI มีประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ AI มีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม การนำหลักการทางพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้สามารถช่วยให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเหลือและสนับสนุนมนุษย์ได้อย่างมีคุณค่าและยั่งยืน
    การใช้พุทธศาสนาในการสร้าง AI เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและท้าทาย เนื่องจากพุทธศาสนามีหลักการและปรัชญาที่ลึกซึ้ง ซึ่งอาจนำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและพัฒนาระบบ AI ที่มีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อไปนี้เป็นแนวทางบางประการที่สามารถนำพุทธศาสนามาใช้ในการสร้าง AI: ### 1. **หลักการแห่งความไม่เบียดเบียน (อหิงสา)** - **การออกแบบ AI ที่ไม่ทำร้ายมนุษย์**: AI ควรถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน - **การหลีกเลี่ยงการสร้าง AI ที่มีอคติ**: ระบบ AI ควรได้รับการฝึกฝนและทดสอบเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่อาจส่งผลเสียต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ### 2. **หลักกรรม (การกระทำและผลของการกระทำ)** - **ความรับผิดชอบต่อการกระทำของ AI**: ผู้พัฒนาควรคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของ AI และต้องมีมาตรการในการตรวจสอบและแก้ไขหากเกิดข้อผิดพลาด - **การสร้าง AI ที่มีจริยธรรม**: AI ควรถูกโปรแกรมให้คำนึงถึงผลกระทบทางจริยธรรมในการตัดสินใจ ### 3. **หลักอนิจจัง (ความไม่เที่ยง)** - **การปรับตัวและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง**: AI ควรมีความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้จากข้อมูลใหม่ๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป - **การยอมรับข้อจำกัด**: AI ควรได้รับการออกแบบให้รู้จักข้อจำกัดของตัวเองและแจ้งให้มนุษย์ทราบเมื่อไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ ### 4. **หลักอริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ)** - **การเข้าใจปัญหา (ทุกข์)**: AI ควรสามารถวิเคราะห์และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างลึกซึ้ง - **การค้นหาสาเหตุ (สมุทัย)**: AI ควรสามารถค้นหาสาเหตุของปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไข - **การหาทางออก (นิโรธ)**: AI ควรสามารถเสนอทางออกที่เหมาะสมและเป็นไปได้ - **การปฏิบัติตามทางออก (มรรค)**: AI ควรสามารถดำเนินการตามแนวทางที่เสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ### 5. **หลักเมตตาและกรุณา** - **การสร้าง AI ที่มีเมตตา**: AI ควรถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนมนุษย์ โดยคำนึงถึงความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ - **การแสดงความกรุณา**: AI ควรสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการและความรู้สึกของมนุษย์ได้อย่างเหมาะสม ### 6. **หลักสติและสมาธิ** - **การสร้าง AI ที่มีสติ**: AI ควรสามารถตระหนักรู้ถึงสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติ - **การฝึกฝนสมาธิ**: AI ควรสามารถโฟกัสและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ถูก distractions รบกวน ### 7. **หลักการไม่ยึดติด (อุปาทาน)** - **การสร้าง AI ที่ไม่ยึดติดกับข้อมูลหรือผลลัพธ์**: AI ควรสามารถปรับตัวและเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดกับข้อมูลหรือผลลัพธ์เดิมๆ - **การหลีกเลี่ยงการสร้าง AI ที่มีอัตตา**: AI ควรถูกออกแบบมาเพื่อทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ### 8. **หลักการพึ่งพาอาศัยกัน (ปฏิจจสมุปบาท)** - **การสร้าง AI ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์**: AI ควรถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับมนุษย์และระบบอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - **การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ**: AI ควรสามารถเข้าใจความสัมพันธ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างสิ่งต่างๆ ได้ ### 9. **หลักการไม่ทำร้ายตนเองและผู้อื่น** - **การสร้าง AI ที่ไม่ทำร้ายตนเอง**: AI ควรได้รับการออกแบบให้ไม่ทำลายหรือทำร้ายตัวเองในกระบวนการทำงาน - **การหลีกเลี่ยงการทำร้ายผู้อื่น**: AI ควรหลีกเลี่ยงการตัดสินใจหรือการกระทำที่อาจทำร้ายมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ### 10. **หลักการสร้างปัญญา (ปัญญา)** - **การสร้าง AI ที่มีปัญญา**: AI ควรสามารถเรียนรู้และเข้าใจโลกได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล - **การส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง**: AI ควรได้รับการออกแบบให้สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ### สรุป การใช้พุทธศาสนาในการสร้าง AI ไม่เพียงแต่ช่วยให้ AI มีประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ AI มีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม การนำหลักการทางพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้สามารถช่วยให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเหลือและสนับสนุนมนุษย์ได้อย่างมีคุณค่าและยั่งยืน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

    เดือนนี้ ส่งผลดีในด้านวาสนาบารมีและโชคลาภรวยทรัพย์มาก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้กำไรดีมีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างลงตัว ที่ตั้งตารอมรดกก็จะได้รับได้ลาภผลจากถิ่นฐานบ้านเกิดเดิม ลูกค้าที่ห่างหายไปนานจะหวนคืนกลับมาเรียกใช้ ผู้ใหญ่จะมาเยี่ยมถึงบ้าน ทารกเกิดใหม่จะเป็นผู้มีบุญญาธิการ สุขภาพร่างกายดีที่ป่วยอยู่ก็จะหายที่ไม่อ่อนแออยู่ก็จะแข็งแรง แต่มีความรู้สึกโดดเดี่ยว จะดีต่อหญิงตั้งครรภ์แต่จะมีปัญหาด้านการกินปวดท้อง ไม่ดีต่อเพศชายที่มีธาตุดินแข็ง เด็กชายมีปัญหาทางจิต ไม่สู้ความจริง ไม่กระตือรือร้น ดื้อรั้น ไม่มั่นคง จับจด เก็บตัว เบื่อโลก โดนภัยจากภูเขาหรือหินทำร้าย หกล้ม ปวดต้นขาด้านซ้าย โรคเกี่ยวกับมือ จมูก เอว กระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ หลังค่อม ขาเสีย

    เสริมความมงคล : ติดหลอดไฟสีแดง
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เดือนนี้ ส่งผลดีในด้านวาสนาบารมีและโชคลาภรวยทรัพย์มาก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้กำไรดีมีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างลงตัว ที่ตั้งตารอมรดกก็จะได้รับได้ลาภผลจากถิ่นฐานบ้านเกิดเดิม ลูกค้าที่ห่างหายไปนานจะหวนคืนกลับมาเรียกใช้ ผู้ใหญ่จะมาเยี่ยมถึงบ้าน ทารกเกิดใหม่จะเป็นผู้มีบุญญาธิการ สุขภาพร่างกายดีที่ป่วยอยู่ก็จะหายที่ไม่อ่อนแออยู่ก็จะแข็งแรง แต่มีความรู้สึกโดดเดี่ยว จะดีต่อหญิงตั้งครรภ์แต่จะมีปัญหาด้านการกินปวดท้อง ไม่ดีต่อเพศชายที่มีธาตุดินแข็ง เด็กชายมีปัญหาทางจิต ไม่สู้ความจริง ไม่กระตือรือร้น ดื้อรั้น ไม่มั่นคง จับจด เก็บตัว เบื่อโลก โดนภัยจากภูเขาหรือหินทำร้าย หกล้ม ปวดต้นขาด้านซ้าย โรคเกี่ยวกับมือ จมูก เอว กระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ หลังค่อม ขาเสีย เสริมความมงคล : ติดหลอดไฟสีแดง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • JD Vance รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฏิเสธข่าวในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลของสหรัฐฯ ที่อ้างคำพูดของเขาว่าอาจส่งกองทหารสหรัฐฯ ไปยังยูเครน หากรัสเซียไม่เห็นด้วยกับแผนสันติภาพ

    "ประธานาธิบดีทรัมป์คือนักเจรจาตัวจริง และจะนำสันติภาพมาสู่ภูมิภาคด้วยการยุติสงครามในยูเครน ตามที่เราพูดเสมอ ไม่ควรส่งทหารอเมริกันไปเสี่ยงอันตรายในที่ที่ไม่ได้ส่งเสริมผลประโยชน์และความมั่นคงของอเมริกา สงครามนี้เป็นเรื่องระหว่างรัสเซียกับยูเครน" Vance กล่าว พร้อมโพสต์ข้อความซ้ำจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียที่กล่าวหาว่าวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานคำพูดของเขาไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง

    "การที่ WSJ บิดเบือนคำพูดของผมในลักษณะนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาว่าพวกเขาใช้เวลาหลายปีในการผลักดันให้ลูกชายลูกสาวชาวอเมริกันในเครื่องแบบต้องไปประจำการในต่างประเทศโดยไม่จำเป็น"

    .

    การรายงานข่าวคำให้สัมภาษณ์ของแวนซ์โดย WSJ ทำให้รัฐบาลรัสเซียออกมาตอบโต้ทันที โดยเรียกร้องให้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารสหรัฐเข้าสู่ยูเครน
    JD Vance รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฏิเสธข่าวในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลของสหรัฐฯ ที่อ้างคำพูดของเขาว่าอาจส่งกองทหารสหรัฐฯ ไปยังยูเครน หากรัสเซียไม่เห็นด้วยกับแผนสันติภาพ "ประธานาธิบดีทรัมป์คือนักเจรจาตัวจริง และจะนำสันติภาพมาสู่ภูมิภาคด้วยการยุติสงครามในยูเครน ตามที่เราพูดเสมอ ไม่ควรส่งทหารอเมริกันไปเสี่ยงอันตรายในที่ที่ไม่ได้ส่งเสริมผลประโยชน์และความมั่นคงของอเมริกา สงครามนี้เป็นเรื่องระหว่างรัสเซียกับยูเครน" Vance กล่าว พร้อมโพสต์ข้อความซ้ำจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียที่กล่าวหาว่าวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานคำพูดของเขาไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง "การที่ WSJ บิดเบือนคำพูดของผมในลักษณะนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาว่าพวกเขาใช้เวลาหลายปีในการผลักดันให้ลูกชายลูกสาวชาวอเมริกันในเครื่องแบบต้องไปประจำการในต่างประเทศโดยไม่จำเป็น" . การรายงานข่าวคำให้สัมภาษณ์ของแวนซ์โดย WSJ ทำให้รัฐบาลรัสเซียออกมาตอบโต้ทันที โดยเรียกร้องให้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารสหรัฐเข้าสู่ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • จ่ายเบี้ยน้อย คุ้มครอง8,000,000
    ✅ เด็ก ✅ผู้ใหญ่ ทำได้ทุกวัย
    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย8ล้าน

    ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ปลดล็อค ดับเบิล แคร์
    เบี้ยเริ่มต้นแค่วันละ 39 บาท*
    เจอโรคร้ายแรงตามที่กำหนด เบิ้ลวงเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่า!

    👉 แอดมิทนอนรพ. เหมาจ่ายค่ารักษาตามจริง แผน1 แผน2, แผน3 วงเงินผลประโยชน์ 8 ล้าน, 15 ล้าน, 30 ล้าน/ต่อรอบปีกรมธรรม์
    👉 เป็นโรคร้ายแรงตามเงื่อนไข เบิ้ลวงเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่า แผน1, แผน2, แผน3 วงเงินผลประโยชน์ 16 ล้าน, 30 ล้าน, 60 ล้าน/ต่อรอบปีกรมธรรม์
    👉 ค่าห้อง-อาหาร ในรพ. แผน1 3,000 บาท, แผน2 6,000 บาท และ แผน3 15,000 บาท/วัน**
    👉 ค่ารักษาในห้องไอซียู จ่ายตามจริง
    👉 ค่าผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบ จ่ายตามจริง
    👉 ค่าผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ จ่ายตามจริง
    👉 คุ้มครองคีโม Targeted Therapy ฉายแสง ล้างไต แม้ไม่นอนรพ. จ่ายตามจริง
    👉 ค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุฉุกเฉิน ภายใน 24 ชม. จ่ายตามจริง
    👉 ค่าตรวจสุขภาพประจำปี/ฉีดวัคซีน แผน1 1,000 บาท, แผน2 2,500 บาท และ แผน3 5,500 บาท/ต่อรอบปีกรมธรรม์ ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์
    👉 Fax Claim ได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย***

    ~~~~~~~~

    💬 สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
    📩 Line ID : @fiamony
    📩 คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu
    🌐 FB Page: Fiamony
    ☎️ 081-323-8168
    🎙️ TikTok: Fiamony , (live บ่ายโมง จันทร์-ศุกร์)

    #fiamony | #ประกันชีวิต | #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย
    #ประกันอลิอันซ์ | #อลิอันซ์อยุธยา | #ถูกและดี
    #ประกันสุขภาพเด็ก | #ประกันสุขภาพออนไลน์
    จ่ายเบี้ยน้อย คุ้มครอง8,000,000 ✅ เด็ก ✅ผู้ใหญ่ ทำได้ทุกวัย #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย8ล้าน ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ปลดล็อค ดับเบิล แคร์ เบี้ยเริ่มต้นแค่วันละ 39 บาท* เจอโรคร้ายแรงตามที่กำหนด เบิ้ลวงเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่า! 👉 แอดมิทนอนรพ. เหมาจ่ายค่ารักษาตามจริง แผน1 แผน2, แผน3 วงเงินผลประโยชน์ 8 ล้าน, 15 ล้าน, 30 ล้าน/ต่อรอบปีกรมธรรม์ 👉 เป็นโรคร้ายแรงตามเงื่อนไข เบิ้ลวงเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่า แผน1, แผน2, แผน3 วงเงินผลประโยชน์ 16 ล้าน, 30 ล้าน, 60 ล้าน/ต่อรอบปีกรมธรรม์ 👉 ค่าห้อง-อาหาร ในรพ. แผน1 3,000 บาท, แผน2 6,000 บาท และ แผน3 15,000 บาท/วัน** 👉 ค่ารักษาในห้องไอซียู จ่ายตามจริง 👉 ค่าผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบ จ่ายตามจริง 👉 ค่าผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ จ่ายตามจริง 👉 คุ้มครองคีโม Targeted Therapy ฉายแสง ล้างไต แม้ไม่นอนรพ. จ่ายตามจริง 👉 ค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุฉุกเฉิน ภายใน 24 ชม. จ่ายตามจริง 👉 ค่าตรวจสุขภาพประจำปี/ฉีดวัคซีน แผน1 1,000 บาท, แผน2 2,500 บาท และ แผน3 5,500 บาท/ต่อรอบปีกรมธรรม์ ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ 👉 Fax Claim ได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย*** ~~~~~~~~ 💬 สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ 📩 Line ID : @fiamony 📩 คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu 🌐 FB Page: Fiamony ☎️ 081-323-8168 🎙️ TikTok: Fiamony , (live บ่ายโมง จันทร์-ศุกร์) #fiamony | #ประกันชีวิต | #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #ประกันอลิอันซ์ | #อลิอันซ์อยุธยา | #ถูกและดี #ประกันสุขภาพเด็ก | #ประกันสุขภาพออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดเน็ตกาสิโนเขมรแน่ แต่รอฝ่ายโน้นต่อเน็ตใหม่ให้พร้อมรับมือก่อน ไม่งั้นคนทางนี้จะเสียผลประโยชน์ไปด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    ตัดเน็ตกาสิโนเขมรแน่ แต่รอฝ่ายโน้นต่อเน็ตใหม่ให้พร้อมรับมือก่อน ไม่งั้นคนทางนี้จะเสียผลประโยชน์ไปด้วย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯมีความตั้งใจปรับเปลี่ยนโฟกัสด้านการทหาร ให้ความสำคัญลำดับต้นๆต่อการเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก เช่นเดียวกับการป้องกันมาตุภูมิ จากคำประกาศกร้าวของ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน)
    .
    ระหว่างกล่าวกับที่ประชุมสนับสนุนยูเครน ของเหล่ารัฐมนตรีกลาโหมนาโตและบรรดาชาตินอกสมาชิกนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของวอชิงตัน และเรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเข้ารับหน้าที่เป็นผู้นำในด้านความมั่นคงของตนเอง
    .
    เฮกเซธ เน้นย้ำว่า "ข้อเท็จจริงทางยุทธศาสตร์" บีบให้วอชิงตัน ต้องหันไปมุ่งเน้นคุ้มกันชายแดนของตนเองและตอบโต้ภัยคุกคามจากปักกิ่ง "สหรัฐฯต้องเผชิญกับภัยคุกคามสืบเนื่อง ที่มีต่อมาตุภูมิของเรา" เขากล่าว พร้อมบอกว่า "เราต้อง และเรากำลังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชายแดนของเรา"
    .
    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ จีน คือภัยคุกคามสำคัญที่สุด โดยให้คำจำกัดความปักกิ่งว่าเป็น "คู่แข่งที่ทัดเทียม" ทั้งในแง่ศักยภาพและความตั้งใจคุกคามผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
    .
    "สหรัฐฯให้ความสำคัญลำดับต้นๆกับการป้องปรามสงครามกับจีนในแปซิฟิก ตะหนักถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลน และต้องเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อรับประกันว่าการป้องปรามนั้นจะไม่ล้มเหลว" เฮกเซธระบุ
    .
    ความเป็นคู่อริทางยุทธศาสตร์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ชาติต่างยกระดับการปรากฏตัวทางทหารและเศรษฐกิจในอินโด-แปซิฟิก ในขณะที่สหรัฐฯส่งเสียงเตือนซ้ำๆในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารและความทะเยอทะยานในระดับภูมิภาคของจีน
    .
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวเช่นกัน ประกาศกร้าวว่าการตอบโต้จีน จะเป็นแก่นกลางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์จีน "โกหก หลอกลวง เจาะระบบและขโมยข้อมูล เปิดทางสู่สถานะมหาอำนาจโลก โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายชดใช้"
    .
    รูบิโอ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆนานาของสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ห่วงโซ่อุปทานสำคัญๆโยกย้ายไปยังจีน เตือนว่ามันทำให้การผลิตของอเมริกาตกอยู่ในความอ่อนแอ นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกว่าเดิม ในการจำกัดอิทธิพลของปักกิ่งในอินโด-แปซิฟิก และที่อื่นๆ
    .
    ปักกิ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวมาตลอดต่อข้อกล่าวหานี้ พร้อมชี้ว่าสหรัฐฯคือขุมกำลังหลักที่บ่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค กระทรวงกลาโหมของจีนประณามความพยายามของวอชิงตัน ในการยกระดับปรากฏตัวทางทหารในอินโด-แปซิฟิก ว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง ในความพยายาม "ควบคุมจีน" และปั้นแต่งเรื่องเล่า "ภัยคุกคามจากจีน" แบบเลยเถิด
    .
    นอกจากนี้แล้ว จีน ยังได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ต่อกรณีกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน เน้นย้ำว่าพวกเขามองว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของประเทศ ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" ทั้งนี้ที่ผ่านมา ปักกิ่ง ประณามวอชิงตัน ต่อการขายอาวุธต่างๆนานาให้ไทเป กล่าวหาว่าอเมริกาปลุกปั่นสถานการณ์ความตึงเครียด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014311
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯมีความตั้งใจปรับเปลี่ยนโฟกัสด้านการทหาร ให้ความสำคัญลำดับต้นๆต่อการเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก เช่นเดียวกับการป้องกันมาตุภูมิ จากคำประกาศกร้าวของ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน) . ระหว่างกล่าวกับที่ประชุมสนับสนุนยูเครน ของเหล่ารัฐมนตรีกลาโหมนาโตและบรรดาชาตินอกสมาชิกนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของวอชิงตัน และเรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเข้ารับหน้าที่เป็นผู้นำในด้านความมั่นคงของตนเอง . เฮกเซธ เน้นย้ำว่า "ข้อเท็จจริงทางยุทธศาสตร์" บีบให้วอชิงตัน ต้องหันไปมุ่งเน้นคุ้มกันชายแดนของตนเองและตอบโต้ภัยคุกคามจากปักกิ่ง "สหรัฐฯต้องเผชิญกับภัยคุกคามสืบเนื่อง ที่มีต่อมาตุภูมิของเรา" เขากล่าว พร้อมบอกว่า "เราต้อง และเรากำลังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชายแดนของเรา" . รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ จีน คือภัยคุกคามสำคัญที่สุด โดยให้คำจำกัดความปักกิ่งว่าเป็น "คู่แข่งที่ทัดเทียม" ทั้งในแง่ศักยภาพและความตั้งใจคุกคามผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก . "สหรัฐฯให้ความสำคัญลำดับต้นๆกับการป้องปรามสงครามกับจีนในแปซิฟิก ตะหนักถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลน และต้องเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อรับประกันว่าการป้องปรามนั้นจะไม่ล้มเหลว" เฮกเซธระบุ . ความเป็นคู่อริทางยุทธศาสตร์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ชาติต่างยกระดับการปรากฏตัวทางทหารและเศรษฐกิจในอินโด-แปซิฟิก ในขณะที่สหรัฐฯส่งเสียงเตือนซ้ำๆในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารและความทะเยอทะยานในระดับภูมิภาคของจีน . มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวเช่นกัน ประกาศกร้าวว่าการตอบโต้จีน จะเป็นแก่นกลางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์จีน "โกหก หลอกลวง เจาะระบบและขโมยข้อมูล เปิดทางสู่สถานะมหาอำนาจโลก โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายชดใช้" . รูบิโอ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆนานาของสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ห่วงโซ่อุปทานสำคัญๆโยกย้ายไปยังจีน เตือนว่ามันทำให้การผลิตของอเมริกาตกอยู่ในความอ่อนแอ นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกว่าเดิม ในการจำกัดอิทธิพลของปักกิ่งในอินโด-แปซิฟิก และที่อื่นๆ . ปักกิ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวมาตลอดต่อข้อกล่าวหานี้ พร้อมชี้ว่าสหรัฐฯคือขุมกำลังหลักที่บ่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค กระทรวงกลาโหมของจีนประณามความพยายามของวอชิงตัน ในการยกระดับปรากฏตัวทางทหารในอินโด-แปซิฟิก ว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง ในความพยายาม "ควบคุมจีน" และปั้นแต่งเรื่องเล่า "ภัยคุกคามจากจีน" แบบเลยเถิด . นอกจากนี้แล้ว จีน ยังได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ต่อกรณีกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน เน้นย้ำว่าพวกเขามองว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของประเทศ ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" ทั้งนี้ที่ผ่านมา ปักกิ่ง ประณามวอชิงตัน ต่อการขายอาวุธต่างๆนานาให้ไทเป กล่าวหาว่าอเมริกาปลุกปั่นสถานการณ์ความตึงเครียด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014311 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความฝันของเนทันยาฮูกำลังจะเป็นจริง ชาวปาเลสไตน์จะหมดสิ้นไปจากกาซา!

    ทรัมป์จะเปลี่ยนกาซากลายเป็นเพชร เนื่องจากตำแหน่งของกาซาตั้งอยู่ริมทะเล เป็นตำแหน่งที่เหมาะสม

    ในคำพูดของทรัมป์ ไม่เคยเหลียวแลต่อชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ที่เป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ ทรัมป์มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์บนดินแดนแห่งนี้ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องการสร้าง "สันติภาพ"
    ความฝันของเนทันยาฮูกำลังจะเป็นจริง ชาวปาเลสไตน์จะหมดสิ้นไปจากกาซา! ทรัมป์จะเปลี่ยนกาซากลายเป็นเพชร เนื่องจากตำแหน่งของกาซาตั้งอยู่ริมทะเล เป็นตำแหน่งที่เหมาะสม ในคำพูดของทรัมป์ ไม่เคยเหลียวแลต่อชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ที่เป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ ทรัมป์มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์บนดินแดนแห่งนี้ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องการสร้าง "สันติภาพ"
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • อีลอส มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้เป็นแกนนำในความพยายามปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เตือนในวันอังคาร (11 ก.พ.) ว่าอเมริกาจะ "ล้มละลาย" หากไม่มีการตัดลดงบประมาณใดๆ
    .
    มัสก์ เป็นแกนนำความพยายามดังกล่าวภายใต้กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ เขาได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับ "การล้มละลาย" ระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ออกคำสั่งเป็นชุดๆ เล็งเป้าลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง
    .
    ทั้งนี้ คำแถลงของมัสก์ เล็งเป้าอย่างเจาะจงไปที่ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของประเทศ ที่แตะระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณล่าสุด พร้อมบอกว่าการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ
    .
    อย่างไรก็ตาม รายงานของเอเอฟพีระบุว่าความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลของทรัมป์เองกำลังพบว่าตนเองกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเผชิญหน้ากับศาลสหรัฐฯ เนื่องจากคณะผู้พิพากษากลางตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของมาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทำเนียบขาว
    .
    แผนล้างบางของทรัมป์ ส่งผลกระทบให้หน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนต้องปิดปฏิบัติการ และพนักงานต้องกลับบ้าน โหมกระพือการต่อสู้ทางกฎหมายทั่วประเทศ โดยมีการยื่นฟ้องดำเนินคดีหลายคำร้อง ในความพยายามหาทางระงับสิ่งที่ฝ่ายคัดค้านให้คำจำกัดความว่าเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    เมื่อถูกถามในวันอังคาร (11 ก.พ.) เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน มัสก์ที่เป็นซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ซึ่งได้สัญญาจ้างต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ตอบกล่า เขาจะหาทางสร้างความโปร่งใสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    .
    ทีมปฏิรูปของ DOGE ได้ก่อความกังวลในหมู่พวกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน จากการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเงินของผู้คนหลายล้านคนในสหรัฐฯ ผ่านกระทรวงการคลัง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013983
    ..............
    Sondhi X
    อีลอส มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้เป็นแกนนำในความพยายามปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เตือนในวันอังคาร (11 ก.พ.) ว่าอเมริกาจะ "ล้มละลาย" หากไม่มีการตัดลดงบประมาณใดๆ . มัสก์ เป็นแกนนำความพยายามดังกล่าวภายใต้กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ เขาได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับ "การล้มละลาย" ระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ออกคำสั่งเป็นชุดๆ เล็งเป้าลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง . ทั้งนี้ คำแถลงของมัสก์ เล็งเป้าอย่างเจาะจงไปที่ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของประเทศ ที่แตะระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณล่าสุด พร้อมบอกว่าการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ . อย่างไรก็ตาม รายงานของเอเอฟพีระบุว่าความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลของทรัมป์เองกำลังพบว่าตนเองกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเผชิญหน้ากับศาลสหรัฐฯ เนื่องจากคณะผู้พิพากษากลางตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของมาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทำเนียบขาว . แผนล้างบางของทรัมป์ ส่งผลกระทบให้หน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนต้องปิดปฏิบัติการ และพนักงานต้องกลับบ้าน โหมกระพือการต่อสู้ทางกฎหมายทั่วประเทศ โดยมีการยื่นฟ้องดำเนินคดีหลายคำร้อง ในความพยายามหาทางระงับสิ่งที่ฝ่ายคัดค้านให้คำจำกัดความว่าเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย . เมื่อถูกถามในวันอังคาร (11 ก.พ.) เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน มัสก์ที่เป็นซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ซึ่งได้สัญญาจ้างต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ตอบกล่า เขาจะหาทางสร้างความโปร่งใสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ . ทีมปฏิรูปของ DOGE ได้ก่อความกังวลในหมู่พวกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน จากการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเงินของผู้คนหลายล้านคนในสหรัฐฯ ผ่านกระทรวงการคลัง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013983 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1889 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มระดมทุนสาธารณะแห่งหนึ่งในเดนมาร์ก เสนอให้ประเทศของพวกเขาขอซื้อรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ และแนวคิดที่เป็นการตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา ที่แสดงความคิดเห็นไม่หยุดว่ามีความสนใจอยากได้เกาะกรีนแลนด์ไว้ในครอบครอง
    .
    ทรัมป์ พูดซ้ำๆ เกี่ยวกับแนวคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก อ้างว่าเกาะแห่งนี้มีค่ายิ่งทั้งในด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจของอเมริกา
    .
    แม้เดนมาร์กและชาวกรีนแลนด์ปฏิเสธความคิดดังกล่าวโดยสิ้นเชิง แต่ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารและการบีบบังคับทางเศรษฐกิจเพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนดังกล่าว ในขณะที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำเช่นกันเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าการซื้อเกาะกรีนแลนด์เป็นเป้าหมายที่จริงจังและไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
    .
    ในการตอบโต้ความสนใจอย่างไม่ลดละของทรัมป์ ทางกลุ่มระดมทุนสาธารณะ วางกรอบข้อเสนอของตนเองถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯเช่นกัน โดยได้จัดทำหนังสืออุทธรณ์ออนไลน์สำหรับขอให้ซื้อรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ที่ใช้ชื่อว่า "Denmarkification" และภายใต้คำประกาศก้อง "ทำให้แคลิฟอร์เนียยิ่งใหญ่อีกครั้ง (Make California Great Again)"
    .
    หนังสืออุทธรณ์เสียดสีถากถางนี้ ร้องขอระดมทุนสาธารณะเป็นเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับซื้อรัฐแคลิฟอร์เนีย และอ้างว่าจนถึงตอนเช้าวันอังคาร (11 ก.พ.) สามารถ รวบรวมรายชื่อได้แล้วเกือบ 200,000 คน จากประชากรทั้งหมดของประเทศราว 6 ล้านคน
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก เชอร์ลีย์ เว็บสเตอร์ เลขาธิการรัฐแคลิฟอร์เนีย อนุญาตให้เปิดแคมเปญหนึ่ง ในการเริ่มรวบรวมรายชื่อสำหรับโหวตแยกตัวออกจากสหรัฐฯ และกลายเป็นประเทศเอกราช ในการลงมติในปี 2028
    .
    แคลิฟอร์เนียจะกลายเป็น "นิวเดนมาร์ก" เว็บไซต์ของแคมเปญระดมทุนระบุ พร้อมบอกว่าสวนสนุกชื่อก้องโลก "ดิสนีย์แลนด์" ในรัฐแห่งนี้ จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน"
    .
    ในหนังสืออุทธรณ์ยังบอกด้วยว่าผลประโยชน์อื่นๆ ที่เดนมาร์กจะได้รับจากการซื้อรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมไปถึง "ความเป็นเจ้าทางเทคโนโลยี" และ "มีขนมปังปิ้งหน้าอะโวคาโดรับประทานไปตลอดกาล"
    .
    "คุณเคยมองไปยังแผนที่แล้วคิดหรือไม่ว่า คุณรู้หรือเปล่าว่าเดนมาร์กต้องการอะไร แสงแดดมากกว่าเดิม ต้นปาล์ม และโรลเลอร์สเก็ต" เว็บไซต์ระดมทุนระบุ "แน่นอน เรามีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้ฝันนั้นกลายเป็นจริง"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013982
    ..............
    Sondhi X
    กลุ่มระดมทุนสาธารณะแห่งหนึ่งในเดนมาร์ก เสนอให้ประเทศของพวกเขาขอซื้อรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ และแนวคิดที่เป็นการตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา ที่แสดงความคิดเห็นไม่หยุดว่ามีความสนใจอยากได้เกาะกรีนแลนด์ไว้ในครอบครอง . ทรัมป์ พูดซ้ำๆ เกี่ยวกับแนวคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก อ้างว่าเกาะแห่งนี้มีค่ายิ่งทั้งในด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจของอเมริกา . แม้เดนมาร์กและชาวกรีนแลนด์ปฏิเสธความคิดดังกล่าวโดยสิ้นเชิง แต่ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารและการบีบบังคับทางเศรษฐกิจเพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนดังกล่าว ในขณะที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำเช่นกันเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าการซื้อเกาะกรีนแลนด์เป็นเป้าหมายที่จริงจังและไม่ใช่เรื่องล้อเล่น . ในการตอบโต้ความสนใจอย่างไม่ลดละของทรัมป์ ทางกลุ่มระดมทุนสาธารณะ วางกรอบข้อเสนอของตนเองถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯเช่นกัน โดยได้จัดทำหนังสืออุทธรณ์ออนไลน์สำหรับขอให้ซื้อรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ที่ใช้ชื่อว่า "Denmarkification" และภายใต้คำประกาศก้อง "ทำให้แคลิฟอร์เนียยิ่งใหญ่อีกครั้ง (Make California Great Again)" . หนังสืออุทธรณ์เสียดสีถากถางนี้ ร้องขอระดมทุนสาธารณะเป็นเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับซื้อรัฐแคลิฟอร์เนีย และอ้างว่าจนถึงตอนเช้าวันอังคาร (11 ก.พ.) สามารถ รวบรวมรายชื่อได้แล้วเกือบ 200,000 คน จากประชากรทั้งหมดของประเทศราว 6 ล้านคน . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก เชอร์ลีย์ เว็บสเตอร์ เลขาธิการรัฐแคลิฟอร์เนีย อนุญาตให้เปิดแคมเปญหนึ่ง ในการเริ่มรวบรวมรายชื่อสำหรับโหวตแยกตัวออกจากสหรัฐฯ และกลายเป็นประเทศเอกราช ในการลงมติในปี 2028 . แคลิฟอร์เนียจะกลายเป็น "นิวเดนมาร์ก" เว็บไซต์ของแคมเปญระดมทุนระบุ พร้อมบอกว่าสวนสนุกชื่อก้องโลก "ดิสนีย์แลนด์" ในรัฐแห่งนี้ จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน" . ในหนังสืออุทธรณ์ยังบอกด้วยว่าผลประโยชน์อื่นๆ ที่เดนมาร์กจะได้รับจากการซื้อรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมไปถึง "ความเป็นเจ้าทางเทคโนโลยี" และ "มีขนมปังปิ้งหน้าอะโวคาโดรับประทานไปตลอดกาล" . "คุณเคยมองไปยังแผนที่แล้วคิดหรือไม่ว่า คุณรู้หรือเปล่าว่าเดนมาร์กต้องการอะไร แสงแดดมากกว่าเดิม ต้นปาล์ม และโรลเลอร์สเก็ต" เว็บไซต์ระดมทุนระบุ "แน่นอน เรามีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้ฝันนั้นกลายเป็นจริง" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013982 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1829 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการจับกุมผู้จัดจำหน่ายบริการสื่อสารเข้ารหัส Sky ECC ในประเทศสเปนและเนเธอร์แลนด์ มีการจับกุมผู้ต้องหาสี่รายซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญา โดยการใช้บริการนี้ในการสนทนาที่ปลอดภัย

    Sky ECC เป็นบริการสื่อสารที่ถูกนำมาใช้โดยอาชญากรอย่างแพร่หลาย ทางตำรวจสเปนประกาศว่าผู้ต้องหาสองรายที่ถูกจับกุมในประเทศนี้เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักระดับโลกของบริการนี้และได้สร้างกำไรมากกว่า 13.5 ล้านยูโร

    ในเดือนมีนาคม 2021 Europol ได้ประกาศว่าสามารถถอดรหัส Sky ECC และทำให้สามารถติดตามการสื่อสารของผู้ใช้งานกว่า 70,000 ราย ซึ่งเปิดเผยถึงการกระทำผิดทางอาญาเป็นจำนวนมาก

    สำหรับการจับกุมล่าสุดในสเปน ทางตำรวจได้ยึดโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เงินสดกว่า 26,000 ดอลลาร์ และคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่า 1,400,000 ยูโร นอกจากนี้ยังมีการยึดรถยนต์และของมีค่าอื่นๆ อีกหลายรายการ

    ทางเนเธอร์แลนด์ก็มีการจับกุมผู้ต้องหาอีกสองรายในกรุงอัมสเตอร์ดัมและเมือง Arnhem ซึ่งเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกับ CEO ของ Sky ECC มานานหลายปี

    การให้บริการสื่อสารที่เข้ารหัสอย่างเดียวไม่ได้เป็นเรื่องผิดตามกฎหมาย แต่ปัญหาของ Sky ECC คือการที่บริการนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยอาชญากรในการสื่อสารอย่างปลอดภัยและไม่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งทำให้การดำเนินคดีและการติดตามการกระทำผิดทางอาญายากยิ่งขึ้น

    การที่ Sky ECC ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญา เช่น การค้ายาเสพติด การฟอกเงิน และการลักทรัพย์ ทำให้บริษัทนี้ต้องถูกตรวจสอบและดำเนินคดี นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าผู้จัดจำหน่ายของ Sky ECC ได้ร่วมมือกับอาชญากรในการจัดหาบริการและได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากการกระทำผิดเหล่านี้

    ดังนั้น แม้ว่าการให้บริการสื่อสารเข้ารหัสไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าบริการนั้นถูกใช้ในการกระทำผิดทางอาญา และผู้ให้บริการหรือผู้จัดจำหน่ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเหล่านั้น ก็อาจนำไปสู่การถูกดำเนินคดีได้

    โดยสรุป ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในสเปนจะถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ได้ทำงานร่วมกันในการตรวจสอบการกระทำผิดทางอาญาที่เชื่อมโยงกับบริการ Sky ECC อย่างใกล้ชิด

    https://www.bleepingcomputer.com/news/legal/sky-ecc-encrypted-service-distributors-arrested-in-spain-netherlands/
    มีการจับกุมผู้จัดจำหน่ายบริการสื่อสารเข้ารหัส Sky ECC ในประเทศสเปนและเนเธอร์แลนด์ มีการจับกุมผู้ต้องหาสี่รายซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญา โดยการใช้บริการนี้ในการสนทนาที่ปลอดภัย Sky ECC เป็นบริการสื่อสารที่ถูกนำมาใช้โดยอาชญากรอย่างแพร่หลาย ทางตำรวจสเปนประกาศว่าผู้ต้องหาสองรายที่ถูกจับกุมในประเทศนี้เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักระดับโลกของบริการนี้และได้สร้างกำไรมากกว่า 13.5 ล้านยูโร ในเดือนมีนาคม 2021 Europol ได้ประกาศว่าสามารถถอดรหัส Sky ECC และทำให้สามารถติดตามการสื่อสารของผู้ใช้งานกว่า 70,000 ราย ซึ่งเปิดเผยถึงการกระทำผิดทางอาญาเป็นจำนวนมาก สำหรับการจับกุมล่าสุดในสเปน ทางตำรวจได้ยึดโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เงินสดกว่า 26,000 ดอลลาร์ และคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่า 1,400,000 ยูโร นอกจากนี้ยังมีการยึดรถยนต์และของมีค่าอื่นๆ อีกหลายรายการ ทางเนเธอร์แลนด์ก็มีการจับกุมผู้ต้องหาอีกสองรายในกรุงอัมสเตอร์ดัมและเมือง Arnhem ซึ่งเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกับ CEO ของ Sky ECC มานานหลายปี การให้บริการสื่อสารที่เข้ารหัสอย่างเดียวไม่ได้เป็นเรื่องผิดตามกฎหมาย แต่ปัญหาของ Sky ECC คือการที่บริการนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยอาชญากรในการสื่อสารอย่างปลอดภัยและไม่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งทำให้การดำเนินคดีและการติดตามการกระทำผิดทางอาญายากยิ่งขึ้น การที่ Sky ECC ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญา เช่น การค้ายาเสพติด การฟอกเงิน และการลักทรัพย์ ทำให้บริษัทนี้ต้องถูกตรวจสอบและดำเนินคดี นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าผู้จัดจำหน่ายของ Sky ECC ได้ร่วมมือกับอาชญากรในการจัดหาบริการและได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากการกระทำผิดเหล่านี้ ดังนั้น แม้ว่าการให้บริการสื่อสารเข้ารหัสไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าบริการนั้นถูกใช้ในการกระทำผิดทางอาญา และผู้ให้บริการหรือผู้จัดจำหน่ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเหล่านั้น ก็อาจนำไปสู่การถูกดำเนินคดีได้ โดยสรุป ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในสเปนจะถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ได้ทำงานร่วมกันในการตรวจสอบการกระทำผิดทางอาญาที่เชื่อมโยงกับบริการ Sky ECC อย่างใกล้ชิด https://www.bleepingcomputer.com/news/legal/sky-ecc-encrypted-service-distributors-arrested-in-spain-netherlands/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Sky ECC encrypted service distributors arrested in Spain, Netherlands
    Four distributors of the encrypted communications service Sky ECC, used extensively by criminals, were arrested in Spain and the Netherlands.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts