• ผลงานเพลงดีย์มีคุณภาพจาก Pj-Miny อีกแล้วครับท่าน https://www.youtube.com/watch?v=nKd7nA9SBe0
    ผลงานเพลงดีย์มีคุณภาพจาก Pj-Miny อีกแล้วครับท่าน https://www.youtube.com/watch?v=nKd7nA9SBe0
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • “ศึก GPU สำหรับสายครีเอทีฟ: Nvidia นำโด่งทุกสนาม ขณะที่ Intel แอบแจ้งเกิดในงาน AI และ AMD ยืนหยัดในตลาดกลาง”

    ในยุคที่งานสร้างสรรค์ไม่ใช่แค่เรื่องของศิลปะ แต่เป็นการประมวลผลระดับสูง ทั้งการตัดต่อวิดีโอแบบเรียลไทม์ การเรนเดอร์ 3D และการใช้ AI ช่วยสร้างเนื้อหา GPU จึงกลายเป็นหัวใจของเวิร์กโฟลว์สายครีเอทีฟ ล่าสุด TechRadar ได้เผยผลการทดสอบจาก PugetSystem ที่เปรียบเทียบ GPU รุ่นใหม่จาก Nvidia, AMD และ Intel ในงาน content creation และ AI

    ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า Nvidia ยังคงครองบัลลังก์ โดยเฉพาะ RTX 5090 ที่ทำคะแนนสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4090 ถึง 20–30% ในหลายการทดสอบ เช่น Blender, V-Ray และ Octane แม้รุ่นอื่นในซีรีส์ 50 จะยังไม่ทิ้งห่างจากซีรีส์ 40 มากนัก แต่ RTX 5090 กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับสายงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

    AMD เข้ามาในตลาดด้วย RX 7900 XTX และ RX 9070 XT ซึ่งมีผลลัพธ์ผสมผสาน บางงานเช่น LongGOP codec กลับทำได้ดีกว่า Nvidia แต่ในงาน 3D และ ray tracing ยังตามหลังอยู่ โดย RX 9070 XT มีจุดเด่นด้านการใช้พลังงานต่ำและราคาที่เข้าถึงได้

    Intel กลายเป็นม้ามืดที่น่าสนใจ โดย Arc GPU แม้ยังไม่เหมาะกับงานตัดต่อระดับมืออาชีพ แต่กลับทำผลงานได้ดีในงาน AI inference เช่น MLPerf Client โดยเฉพาะการสร้าง token แรกที่เร็วที่สุดในกลุ่ม และมีราคาต่อประสิทธิภาพที่คุ้มค่า เหมาะกับงานทดลองหรือระบบรอง

    ในภาพรวม Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่ AMD และ Intel เสนอทางเลือกที่น่าสนใจในบางเวิร์กโหลดหรือระดับราคาที่ต่างกัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia RTX 5090 ทำคะแนนสูงสุดในงานเรนเดอร์ เช่น Blender, V-Ray, Octane
    RTX 5090 แรงกว่ารุ่น RTX 4090 ถึง 20–30% ในหลายการทดสอบ
    GPU ซีรีส์ 50 รุ่นอื่นยังมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับซีรีส์ 40
    AMD RX 7900 XTX และ RX 9070 XT ทำผลงานดีในบาง codec แต่ยังตามหลังในงาน 3D
    RX 9070 XT มีจุดเด่นด้านพลังงานต่ำและราคาคุ้มค่า
    Intel Arc GPU ทำผลงานดีในงาน AI inference โดยเฉพาะ MLPerf Client
    Intel มีราคาต่อประสิทธิภาพที่ดี เหมาะกับงานทดลองหรือระบบรอง
    Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความเสถียร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RTX 5090 ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม Tensor Core รุ่นที่ 5 และ GDDR7
    RX 9070 XT ใช้ RDNA4 พร้อม Ray Accelerator รุ่นที่ 3 และ AI Engine รุ่นที่ 2
    Intel Arc Battlemage A980 รองรับ OpenVINO และ oneAPI สำหรับงาน AI
    MLPerf เป็นมาตรฐานการทดสอบ AI ที่วัดความเร็วในการประมวลผลโมเดล
    CUDA และ RTX ยังคงเป็นพื้นฐานของซอฟต์แวร์เรนเดอร์ส่วนใหญ่ ทำให้ Nvidia ได้เปรียบ

    https://www.techradar.com/pro/which-gpu-is-best-for-content-creation-well-nvidia-seems-to-have-all-the-answers-to-that-question-but-intel-is-the-dark-horse
    🎨 “ศึก GPU สำหรับสายครีเอทีฟ: Nvidia นำโด่งทุกสนาม ขณะที่ Intel แอบแจ้งเกิดในงาน AI และ AMD ยืนหยัดในตลาดกลาง” ในยุคที่งานสร้างสรรค์ไม่ใช่แค่เรื่องของศิลปะ แต่เป็นการประมวลผลระดับสูง ทั้งการตัดต่อวิดีโอแบบเรียลไทม์ การเรนเดอร์ 3D และการใช้ AI ช่วยสร้างเนื้อหา GPU จึงกลายเป็นหัวใจของเวิร์กโฟลว์สายครีเอทีฟ ล่าสุด TechRadar ได้เผยผลการทดสอบจาก PugetSystem ที่เปรียบเทียบ GPU รุ่นใหม่จาก Nvidia, AMD และ Intel ในงาน content creation และ AI ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า Nvidia ยังคงครองบัลลังก์ โดยเฉพาะ RTX 5090 ที่ทำคะแนนสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4090 ถึง 20–30% ในหลายการทดสอบ เช่น Blender, V-Ray และ Octane แม้รุ่นอื่นในซีรีส์ 50 จะยังไม่ทิ้งห่างจากซีรีส์ 40 มากนัก แต่ RTX 5090 กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับสายงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด AMD เข้ามาในตลาดด้วย RX 7900 XTX และ RX 9070 XT ซึ่งมีผลลัพธ์ผสมผสาน บางงานเช่น LongGOP codec กลับทำได้ดีกว่า Nvidia แต่ในงาน 3D และ ray tracing ยังตามหลังอยู่ โดย RX 9070 XT มีจุดเด่นด้านการใช้พลังงานต่ำและราคาที่เข้าถึงได้ Intel กลายเป็นม้ามืดที่น่าสนใจ โดย Arc GPU แม้ยังไม่เหมาะกับงานตัดต่อระดับมืออาชีพ แต่กลับทำผลงานได้ดีในงาน AI inference เช่น MLPerf Client โดยเฉพาะการสร้าง token แรกที่เร็วที่สุดในกลุ่ม และมีราคาต่อประสิทธิภาพที่คุ้มค่า เหมาะกับงานทดลองหรือระบบรอง ในภาพรวม Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่ AMD และ Intel เสนอทางเลือกที่น่าสนใจในบางเวิร์กโหลดหรือระดับราคาที่ต่างกัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia RTX 5090 ทำคะแนนสูงสุดในงานเรนเดอร์ เช่น Blender, V-Ray, Octane ➡️ RTX 5090 แรงกว่ารุ่น RTX 4090 ถึง 20–30% ในหลายการทดสอบ ➡️ GPU ซีรีส์ 50 รุ่นอื่นยังมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับซีรีส์ 40 ➡️ AMD RX 7900 XTX และ RX 9070 XT ทำผลงานดีในบาง codec แต่ยังตามหลังในงาน 3D ➡️ RX 9070 XT มีจุดเด่นด้านพลังงานต่ำและราคาคุ้มค่า ➡️ Intel Arc GPU ทำผลงานดีในงาน AI inference โดยเฉพาะ MLPerf Client ➡️ Intel มีราคาต่อประสิทธิภาพที่ดี เหมาะกับงานทดลองหรือระบบรอง ➡️ Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความเสถียร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RTX 5090 ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม Tensor Core รุ่นที่ 5 และ GDDR7 ➡️ RX 9070 XT ใช้ RDNA4 พร้อม Ray Accelerator รุ่นที่ 3 และ AI Engine รุ่นที่ 2 ➡️ Intel Arc Battlemage A980 รองรับ OpenVINO และ oneAPI สำหรับงาน AI ➡️ MLPerf เป็นมาตรฐานการทดสอบ AI ที่วัดความเร็วในการประมวลผลโมเดล ➡️ CUDA และ RTX ยังคงเป็นพื้นฐานของซอฟต์แวร์เรนเดอร์ส่วนใหญ่ ทำให้ Nvidia ได้เปรียบ https://www.techradar.com/pro/which-gpu-is-best-for-content-creation-well-nvidia-seems-to-have-all-the-answers-to-that-question-but-intel-is-the-dark-horse
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • “Eric Raymond จุดชนวนถกเถียงในวงการโอเพ่นซอร์ส — เสนอให้ลบ ‘Code of Conduct’ ทิ้งทั้งหมด เพราะสร้างปัญหามากกว่าปกป้อง”

    ในโลกของโอเพ่นซอร์สที่เคยขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์เสรีภาพและความร่วมมือ ล่าสุด Eric S. Raymond ผู้เขียนบทความระดับตำนาน “The Cathedral and the Bazaar” และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Open Source Initiative ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่แรงและชัดเจนว่า “Code of Conduct” หรือแนวปฏิบัติด้านพฤติกรรมในชุมชนโอเพ่นซอร์ส ควรถูกยกเลิกทั้งหมด

    Raymond ระบุว่า Code of Conduct ไม่ได้ช่วยสร้างความร่วมมืออย่างที่ตั้งใจไว้ แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือให้ “ผู้ก่อกวน” ใช้เพื่อสร้างดราม่า การเมือง และความขัดแย้งในชุมชน เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “โรคทางสังคมที่แพร่กระจาย” และเสนอให้ทุกโปรเจกต์ที่ยังไม่มี Code อย่าไปเริ่ม ส่วนโปรเจกต์ที่มีอยู่แล้ว — “ลบทิ้งซะ”

    เขาเสนอทางเลือกสำหรับโปรเจกต์ที่จำเป็นต้องมี Code ด้วยเหตุผลทางระบบราชการว่า ควรใช้เพียงประโยคเดียวแทนกฎยาวเหยียด: “ถ้าคุณน่ารำคาญเกินกว่าที่ผลงานของคุณจะคุ้มค่า คุณจะถูกไล่ออก”

    Raymond เตือนว่าการเขียนกฎให้ละเอียดเกินไปจะกลายเป็นช่องโหว่ให้คนใช้กฎเป็นอาวุธโจมตีผู้อื่น โดยเฉพาะในกรณีที่คำว่า “Be kind!” ถูกบิดเบือนให้กลายเป็นเครื่องมือกดดันคนในชุมชน เขายอมรับว่าความเมตตาควรมี แต่ต้องเด็ดขาดกับคนที่ใช้ความเมตตาเป็นข้ออ้างในการควบคุมผู้อื่น

    แม้แนวคิดของ Raymond จะได้รับเสียงสนับสนุนจากบางกลุ่มที่เบื่อกับความซับซ้อนของกฎเกณฑ์ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการไม่มี Code อาจเปิดช่องให้เกิดการละเมิดโดยไม่มีระบบจัดการ และอาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ร่วมงานหลากหลายกลุ่ม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Eric S. Raymond เสนอให้ยกเลิก Code of Conduct ในโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สทั้งหมด
    เขาเรียก Code ว่า “โรคทางสังคม” ที่สร้างดราม่าและการเมืองในชุมชน
    เสนอให้ใช้เพียงประโยคเดียวแทนกฎทั้งหมด: “ถ้าคุณน่ารำคาญเกินกว่าที่ผลงานของคุณจะคุ้มค่า คุณจะถูกไล่ออก”
    เตือนว่าการเขียนกฎละเอียดเกินไปจะกลายเป็นช่องโหว่ให้คนใช้โจมตีผู้อื่น
    ยอมรับว่าความเมตตาควรมี แต่ต้องเด็ดขาดกับคนที่ใช้มันเป็นอาวุธ
    ชุมชนโอเพ่นซอร์สหลายแห่ง เช่น Linux, Fedora, Debian, Python มี Code of Conduct อยู่แล้ว
    Raymond เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานแนวคิดโอเพ่นซอร์สตั้งแต่ยุคแรก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Code of Conduct ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเท่าเทียมในชุมชนเทคโนโลยี
    หลายองค์กรใช้ CoC เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานจากกลุ่มที่ถูกกีดกันเข้ามามีส่วนร่วม
    การไม่มี CoC อาจทำให้เกิดการล่วงละเมิดโดยไม่มีระบบจัดการหรือรายงาน
    แนวคิด “Be kind!” ถูกใช้ในหลายชุมชนเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นมิตร
    การจัดการความขัดแย้งในชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องอาศัยทั้งกฎและความเข้าใจมนุษย์

    https://news.itsfoss.com/codes-of-conduct-debate/
    ⚖️ “Eric Raymond จุดชนวนถกเถียงในวงการโอเพ่นซอร์ส — เสนอให้ลบ ‘Code of Conduct’ ทิ้งทั้งหมด เพราะสร้างปัญหามากกว่าปกป้อง” ในโลกของโอเพ่นซอร์สที่เคยขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์เสรีภาพและความร่วมมือ ล่าสุด Eric S. Raymond ผู้เขียนบทความระดับตำนาน “The Cathedral and the Bazaar” และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Open Source Initiative ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่แรงและชัดเจนว่า “Code of Conduct” หรือแนวปฏิบัติด้านพฤติกรรมในชุมชนโอเพ่นซอร์ส ควรถูกยกเลิกทั้งหมด Raymond ระบุว่า Code of Conduct ไม่ได้ช่วยสร้างความร่วมมืออย่างที่ตั้งใจไว้ แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือให้ “ผู้ก่อกวน” ใช้เพื่อสร้างดราม่า การเมือง และความขัดแย้งในชุมชน เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “โรคทางสังคมที่แพร่กระจาย” และเสนอให้ทุกโปรเจกต์ที่ยังไม่มี Code อย่าไปเริ่ม ส่วนโปรเจกต์ที่มีอยู่แล้ว — “ลบทิ้งซะ” เขาเสนอทางเลือกสำหรับโปรเจกต์ที่จำเป็นต้องมี Code ด้วยเหตุผลทางระบบราชการว่า ควรใช้เพียงประโยคเดียวแทนกฎยาวเหยียด: “ถ้าคุณน่ารำคาญเกินกว่าที่ผลงานของคุณจะคุ้มค่า คุณจะถูกไล่ออก” Raymond เตือนว่าการเขียนกฎให้ละเอียดเกินไปจะกลายเป็นช่องโหว่ให้คนใช้กฎเป็นอาวุธโจมตีผู้อื่น โดยเฉพาะในกรณีที่คำว่า “Be kind!” ถูกบิดเบือนให้กลายเป็นเครื่องมือกดดันคนในชุมชน เขายอมรับว่าความเมตตาควรมี แต่ต้องเด็ดขาดกับคนที่ใช้ความเมตตาเป็นข้ออ้างในการควบคุมผู้อื่น แม้แนวคิดของ Raymond จะได้รับเสียงสนับสนุนจากบางกลุ่มที่เบื่อกับความซับซ้อนของกฎเกณฑ์ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการไม่มี Code อาจเปิดช่องให้เกิดการละเมิดโดยไม่มีระบบจัดการ และอาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ร่วมงานหลากหลายกลุ่ม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Eric S. Raymond เสนอให้ยกเลิก Code of Conduct ในโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สทั้งหมด ➡️ เขาเรียก Code ว่า “โรคทางสังคม” ที่สร้างดราม่าและการเมืองในชุมชน ➡️ เสนอให้ใช้เพียงประโยคเดียวแทนกฎทั้งหมด: “ถ้าคุณน่ารำคาญเกินกว่าที่ผลงานของคุณจะคุ้มค่า คุณจะถูกไล่ออก” ➡️ เตือนว่าการเขียนกฎละเอียดเกินไปจะกลายเป็นช่องโหว่ให้คนใช้โจมตีผู้อื่น ➡️ ยอมรับว่าความเมตตาควรมี แต่ต้องเด็ดขาดกับคนที่ใช้มันเป็นอาวุธ ➡️ ชุมชนโอเพ่นซอร์สหลายแห่ง เช่น Linux, Fedora, Debian, Python มี Code of Conduct อยู่แล้ว ➡️ Raymond เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานแนวคิดโอเพ่นซอร์สตั้งแต่ยุคแรก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Code of Conduct ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเท่าเทียมในชุมชนเทคโนโลยี ➡️ หลายองค์กรใช้ CoC เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานจากกลุ่มที่ถูกกีดกันเข้ามามีส่วนร่วม ➡️ การไม่มี CoC อาจทำให้เกิดการล่วงละเมิดโดยไม่มีระบบจัดการหรือรายงาน ➡️ แนวคิด “Be kind!” ถูกใช้ในหลายชุมชนเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นมิตร ➡️ การจัดการความขัดแย้งในชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องอาศัยทั้งกฎและความเข้าใจมนุษย์ https://news.itsfoss.com/codes-of-conduct-debate/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    The Man Who Started Open Source Initiative Advocates for Abolishing Codes of Conduct
    Between Anarchy and Bureaucracy: The Code of Conduct Debate Ignited by Eric Raymond.
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • ขอประกาศเรื่อง The Momento เนื่องจากเว็บไซต์เดิมที่เป็นเว็บไซต์ติดสัญญานั้น มีปัญหาเรื่องความไม่ตรงไปตรงมาของข้อตกลงและสัญญานะคะ นักเขียนจึงประกาศขอเปลี่ยนมาลงเว็บไซต์ Kawebook.com แทน

    ขอความเห็นใจจากนักอ่านทุกท่าน เนื่องจากนิยายทุกเรื่อง นักเขียนตั้งใจเขียนและมีการปรับปรุงหลายครั้งจึงได้ผลงานออกมา ดังนั้นรบกวนเข้ามาอ่านในเว็บไซต์ใหม่แทนนะคะ

    ลิงค์ตามนิยายค่ะ
    https://www.kawebook.com/story/20951/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%9C%E0%B8%88%E0%B8%8D%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B9%84%E0%B8%9F/the-momento
    ขอประกาศเรื่อง The Momento เนื่องจากเว็บไซต์เดิมที่เป็นเว็บไซต์ติดสัญญานั้น มีปัญหาเรื่องความไม่ตรงไปตรงมาของข้อตกลงและสัญญานะคะ นักเขียนจึงประกาศขอเปลี่ยนมาลงเว็บไซต์ Kawebook.com แทน ขอความเห็นใจจากนักอ่านทุกท่าน เนื่องจากนิยายทุกเรื่อง นักเขียนตั้งใจเขียนและมีการปรับปรุงหลายครั้งจึงได้ผลงานออกมา ดังนั้นรบกวนเข้ามาอ่านในเว็บไซต์ใหม่แทนนะคะ ลิงค์ตามนิยายค่ะ https://www.kawebook.com/story/20951/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%9C%E0%B8%88%E0%B8%8D%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B9%84%E0%B8%9F/the-momento
    WWW.KAWEBOOK.COM
    The Momento
    นิยายเป็นเพียงเรื่องเล่าเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะเธโอ ตัวเอกของเรื่องเป็นเจ้าของร้าน The Momento ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกและของมือสองซึ่งส่วนใหญ่เป็นของมีประวัติหรือหลักฐานทางคดีเก่าๆ พ่อกับแม่ของเธโอเป็นนักอาชญวิทยาปัจจุบันช่วยงานวิจัยอยู่ต่างประเทศ เธโอจึงต้องดูแลร้านแทน วันหนึ่งนักข่าวช่องออนไลน์นามว่าเฟรเข้ามาหลบฝนในร้าน สินค้าชิ้นหนึ่งที่ตั้งอยู่หน้าตู้กระจกดึงดูดสายตาเธอมันคือโคมไฟที่ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นกล่องดนตรีเพราะเธอจำได้ว่าเคยเห็นมันส่องแสงพร้อมกับเสียงดนตรี และเธอยังเป็นเพื่อนเก่าของเธโอสมัยเด็กแต่เพื่อนของเธอน่าจะบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะและหายตัวไปจากเกาะออลันด์เมื่อสิบปีก่อนเธอจำคดีในครั้งนั้นไม่ได้เพราะอาการความจำเสื่อมชั่วคราวที่เกิดจากการสะเทือนใจอย่างรุนแรงทว่าเธโอบอกว่าเขาจำเธอไม่ได้เพราะมีอาการความจำเสื่อม
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • 'สุชาติ ชมกลิ่น' สั่ง ทส. เร่งสร้างผลงาน 5 ด้านวัดผล 4 เดือน ชูธงแก้ภัยแล้ง-กัดเซาะชายฝั่งเพื่อประชาชน
    https://www.thai-tai.tv/news/21743/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #ทส.23ปี #วัดผล4เดือน #แก้ภัยแล้ง #PM25 #ปราบปรามบุกรุกป่า #EIA #AIภาครัฐ
    'สุชาติ ชมกลิ่น' สั่ง ทส. เร่งสร้างผลงาน 5 ด้านวัดผล 4 เดือน ชูธงแก้ภัยแล้ง-กัดเซาะชายฝั่งเพื่อประชาชน https://www.thai-tai.tv/news/21743/ . #สุชาติชมกลิ่น #ทส.23ปี #วัดผล4เดือน #แก้ภัยแล้ง #PM25 #ปราบปรามบุกรุกป่า #EIA #AIภาครัฐ
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • “Jim Keller ชี้ Intel ยังไม่พร้อมเต็มที่สำหรับชิประดับ 2nm — แต่มีโอกาสเป็นผู้เล่นหลัก หากปรับแผนผลิตให้แข็งแรง”

    Jim Keller สุดยอดนักออกแบบชิประดับตำนาน ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ AMD, Apple, Tesla และ Intel ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ถึงความคืบหน้าของ Intel Foundry โดยระบุว่า Intel กำลังถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm สำหรับบริษัทของเขา Tenstorrent ซึ่งกำลังพัฒนา AI accelerator บนสถาปัตยกรรม RISC-V

    แม้ Keller จะมองว่า Intel มีศักยภาพสูง แต่ก็ยังต้อง “ทำงานอีกมาก” เพื่อให้เทคโนโลยีของตนพร้อมสำหรับการผลิตในระดับปริมาณมาก โดยเฉพาะในแง่ของ roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ซึ่งยังตามหลังคู่แข่งอย่าง TSMC, Samsung และ Rapidus อยู่พอสมควร

    Tenstorrent กำลังพูดคุยกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกเทคโนโลยี 2nm ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น TSMC, Samsung, Rapidus และ Intel โดย Keller ย้ำว่าเขาไม่ปิดโอกาสให้ Intel แต่ต้องการเห็นความชัดเจนในแผนการผลิตและความสามารถในการส่งมอบจริง

    Intel ได้เปิดตัวกระบวนการผลิตใหม่อย่าง 18A และ 14A ซึ่งใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia โดยมีแผนจะผลิตชิปให้กับลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia และ Qualcomm ในอนาคต หากสามารถพิสูจน์ความเสถียรได้

    ในขณะเดียวกัน Rapidus จากญี่ปุ่นก็เร่งสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่เมือง Chitose และร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี EUV lithography โดยมีแผนเริ่มผลิตจริงในปี 2027 ซึ่งอาจกลายเป็นคู่แข่งใหม่ที่น่าจับตามองในตลาด foundry ระดับโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jim Keller กล่าวว่า Intel ยังต้องปรับปรุง roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต
    Tenstorrent กำลังพิจารณา Intel เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm
    Intel เปิดตัวกระบวนการผลิต 18A และ 14A พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia
    Intel มีแผนผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia, Qualcomm
    Tenstorrent เป็นบริษัท AI ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และกำลังพัฒนา accelerator แบบ multi-chiplet
    Rapidus จากญี่ปุ่นร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่จะเปิดในปี 2027
    Keller เคยทำงานกับ AMD, Apple, Tesla และ Intel จึงมีอิทธิพลสูงในวงการออกแบบชิป
    Intel ต้องการเปลี่ยนจากการผลิตภายในเป็นการให้บริการ foundry แบบเปิด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    18A และ 14A ของ Intel ใช้โครงสร้าง GAA transistor ที่เรียกว่า RibbonFET
    PowerVia เป็นเทคโนโลยีส่งไฟฟ้าจากด้านหลังของชิป ช่วยลดความซับซ้อนของ routing
    Rapidus เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและมีเป้าหมายเป็น foundry ระดับโลก
    TSMC และ Samsung เป็นผู้นำในตลาด 2nm แต่ยังมีปัญหาเรื่อง yield และต้นทุน
    การแข่งขันในตลาด foundry กำลังเปลี่ยนจาก “ขนาดเล็กที่สุด” ไปสู่ “ความเสถียรและความยืดหยุ่นในการผลิต”

    https://wccftech.com/chip-expert-jim-keller-says-intel-is-being-considered-for-cutting-edge-chips/
    🔧 “Jim Keller ชี้ Intel ยังไม่พร้อมเต็มที่สำหรับชิประดับ 2nm — แต่มีโอกาสเป็นผู้เล่นหลัก หากปรับแผนผลิตให้แข็งแรง” Jim Keller สุดยอดนักออกแบบชิประดับตำนาน ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ AMD, Apple, Tesla และ Intel ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ถึงความคืบหน้าของ Intel Foundry โดยระบุว่า Intel กำลังถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm สำหรับบริษัทของเขา Tenstorrent ซึ่งกำลังพัฒนา AI accelerator บนสถาปัตยกรรม RISC-V แม้ Keller จะมองว่า Intel มีศักยภาพสูง แต่ก็ยังต้อง “ทำงานอีกมาก” เพื่อให้เทคโนโลยีของตนพร้อมสำหรับการผลิตในระดับปริมาณมาก โดยเฉพาะในแง่ของ roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ซึ่งยังตามหลังคู่แข่งอย่าง TSMC, Samsung และ Rapidus อยู่พอสมควร Tenstorrent กำลังพูดคุยกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกเทคโนโลยี 2nm ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น TSMC, Samsung, Rapidus และ Intel โดย Keller ย้ำว่าเขาไม่ปิดโอกาสให้ Intel แต่ต้องการเห็นความชัดเจนในแผนการผลิตและความสามารถในการส่งมอบจริง Intel ได้เปิดตัวกระบวนการผลิตใหม่อย่าง 18A และ 14A ซึ่งใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia โดยมีแผนจะผลิตชิปให้กับลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia และ Qualcomm ในอนาคต หากสามารถพิสูจน์ความเสถียรได้ ในขณะเดียวกัน Rapidus จากญี่ปุ่นก็เร่งสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่เมือง Chitose และร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี EUV lithography โดยมีแผนเริ่มผลิตจริงในปี 2027 ซึ่งอาจกลายเป็นคู่แข่งใหม่ที่น่าจับตามองในตลาด foundry ระดับโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jim Keller กล่าวว่า Intel ยังต้องปรับปรุง roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ➡️ Tenstorrent กำลังพิจารณา Intel เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm ➡️ Intel เปิดตัวกระบวนการผลิต 18A และ 14A พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ➡️ Intel มีแผนผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia, Qualcomm ➡️ Tenstorrent เป็นบริษัท AI ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และกำลังพัฒนา accelerator แบบ multi-chiplet ➡️ Rapidus จากญี่ปุ่นร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่จะเปิดในปี 2027 ➡️ Keller เคยทำงานกับ AMD, Apple, Tesla และ Intel จึงมีอิทธิพลสูงในวงการออกแบบชิป ➡️ Intel ต้องการเปลี่ยนจากการผลิตภายในเป็นการให้บริการ foundry แบบเปิด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 18A และ 14A ของ Intel ใช้โครงสร้าง GAA transistor ที่เรียกว่า RibbonFET ➡️ PowerVia เป็นเทคโนโลยีส่งไฟฟ้าจากด้านหลังของชิป ช่วยลดความซับซ้อนของ routing ➡️ Rapidus เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและมีเป้าหมายเป็น foundry ระดับโลก ➡️ TSMC และ Samsung เป็นผู้นำในตลาด 2nm แต่ยังมีปัญหาเรื่อง yield และต้นทุน ➡️ การแข่งขันในตลาด foundry กำลังเปลี่ยนจาก “ขนาดเล็กที่สุด” ไปสู่ “ความเสถียรและความยืดหยุ่นในการผลิต” https://wccftech.com/chip-expert-jim-keller-says-intel-is-being-considered-for-cutting-edge-chips/
    WCCFTECH.COM
    ‘Iconic’ Chip Expert Jim Keller Says Intel Is Being Considered For Cutting-Edge Chips, But They Have a Lot to Do to Deliver a Solid Product
    The legendary chip architect Jim Keller has shared his thoughts on Intel's processes, claiming that they need to refine the 'foundry game'.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • ..นิมิตหมายที่ดีเยี่ยม ให้เป็นทางการแบบนี้เลย.
    ..นายกฯหนูมีข้ออ้างได้ชูหาเสียงสบาย,ว่าเกิดจริงอย่างเป็นทางการในสมัยตน4เดือนนี้ก็ว่า,เสมือนทำงาน 1เดือน=1ปี ไปเลย,อาจมีต่ออายุอีก1เดือนอีก,หากผลงานภาพรวมถีบ รมต.กลาโหมคนปัจจุบันออกไปสะ ข้อหาสร้างความแตกแยกแก่ประชาชนคนในประเทศตนเอง,ฝักใฝ่ช่วยเหลือศัตรูตั้งแต่อุ๊งอิ๊งแล้วจากผลงานบัดสบกะจะเปิดด่านอย่างเดียว,สมช.หากไม่เกี่ยวกับนายกฯหนู ก็แสดงว่าปาหี่แหกตาประชาชนไร้ความจริงใจแก่ประชาชนไม่สนับสนุนกองทัพฯสร้างรั้วลวดหนามจริง.,และหากทหารทุจริตเงินก่อสร้างรั้วลวดหนามมีเกิดขึ้น ขอให้กองทัพสั่งประหารเดอะแก๊งพวกนี้ทั้งหมดที่ไร้จิตสำนึกโคตรๆบนสถานการณ์ภัยความมั่นคงนี้ของประเทศ.
    ..สร้างสิ่งดีเราก็ชมและให้กำลังใจ.,ทำสิ่งชั่วเราต้องด่าและห้ามปรามเลิกกระทำชั่ว,ตลอดไม่สำนึกก็ไล่ล่าจัดการทันทีตามแนวทางที่สมควรของมัน,คนไทยและคนดีๆมีเต็มประเทศเราแน่นอนพร้อมออกมาอาสาด้วย.

    ..นี้คือแผ่นดินไทยเรา,เสาเขตแดนสยามทั้ง73-74ต้น ปักเขต1:1ชัดเจนแล้วสมัย ร.5 เรา,ใดๆที่ตกลงกันทีหลังทั้งหมดเป็นโมฆะยกเลิกอัตโนมัติด้วย,ทั้งจริงๆสามารถจับฑูตฝรั่งเศสมาชี้แจงสิ่งชั่วเลวที่ชาติมันทำผิดพลาดด้วย,ต้องจบที่สันปันน้ำและเขตแดน1:1เสาปักหมุดที่ตกลงกันจบแล้วทั้ง73ต้นหลักและ1ต้นย่อย,รวม74เสาเขตแดนนี้,ทหารไทยมีอำนาจชอบธรรมสร้างรั้วลวดหนามถาวรเราได้เลยทันที,หากเขมรไม่ยินยอมก็ฟ้องฝรั่งเศสให้คืนพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เกาะกง และมลฑลบูรพาในอดีตของไทยที่ฝรั่งเศสรับตังไทยไปแล้วที่ใช้ซื้อแผ่นดินเราคืนมา,ฝรั่งเศสต้องมาเคลียร์คืนค่าจริงความจริงทั้งหมด กดดันเขมรบีบบังคับเขมรต้องคืนให้ไทยทั้งหมดใหม่ทันทีด้วย,เสาเขตปักหมุดเส้นแดนนี้จะยุติทันทีเพราะเราจะได้คืนเกินครึ่งประเทศเขมรด้วยเพราะสมัยนั้นเขมรยังไม่เกิด ไม่มีชื่อประเทศเขมรด้วยซ้ำ เรา..ประเทศไทยมีสิทธิยึดคืนด้วยกำลังทางกองทัพโดยชอบธรรมอีกด้วยหากเขมรไม่คืนดินแดนมาจากที่ฝรั่งเศสคืนผิดเจ้าของ.

    https://youtube.com/shorts/AUlbg7NaZTs?si=J_Wp3BOfEv6Z3OOt
    ..นิมิตหมายที่ดีเยี่ยม ให้เป็นทางการแบบนี้เลย. ..นายกฯหนูมีข้ออ้างได้ชูหาเสียงสบาย,ว่าเกิดจริงอย่างเป็นทางการในสมัยตน4เดือนนี้ก็ว่า,เสมือนทำงาน 1เดือน=1ปี ไปเลย,อาจมีต่ออายุอีก1เดือนอีก,หากผลงานภาพรวมถีบ รมต.กลาโหมคนปัจจุบันออกไปสะ ข้อหาสร้างความแตกแยกแก่ประชาชนคนในประเทศตนเอง,ฝักใฝ่ช่วยเหลือศัตรูตั้งแต่อุ๊งอิ๊งแล้วจากผลงานบัดสบกะจะเปิดด่านอย่างเดียว,สมช.หากไม่เกี่ยวกับนายกฯหนู ก็แสดงว่าปาหี่แหกตาประชาชนไร้ความจริงใจแก่ประชาชนไม่สนับสนุนกองทัพฯสร้างรั้วลวดหนามจริง.,และหากทหารทุจริตเงินก่อสร้างรั้วลวดหนามมีเกิดขึ้น ขอให้กองทัพสั่งประหารเดอะแก๊งพวกนี้ทั้งหมดที่ไร้จิตสำนึกโคตรๆบนสถานการณ์ภัยความมั่นคงนี้ของประเทศ. ..สร้างสิ่งดีเราก็ชมและให้กำลังใจ.,ทำสิ่งชั่วเราต้องด่าและห้ามปรามเลิกกระทำชั่ว,ตลอดไม่สำนึกก็ไล่ล่าจัดการทันทีตามแนวทางที่สมควรของมัน,คนไทยและคนดีๆมีเต็มประเทศเราแน่นอนพร้อมออกมาอาสาด้วย. ..นี้คือแผ่นดินไทยเรา,เสาเขตแดนสยามทั้ง73-74ต้น ปักเขต1:1ชัดเจนแล้วสมัย ร.5 เรา,ใดๆที่ตกลงกันทีหลังทั้งหมดเป็นโมฆะยกเลิกอัตโนมัติด้วย,ทั้งจริงๆสามารถจับฑูตฝรั่งเศสมาชี้แจงสิ่งชั่วเลวที่ชาติมันทำผิดพลาดด้วย,ต้องจบที่สันปันน้ำและเขตแดน1:1เสาปักหมุดที่ตกลงกันจบแล้วทั้ง73ต้นหลักและ1ต้นย่อย,รวม74เสาเขตแดนนี้,ทหารไทยมีอำนาจชอบธรรมสร้างรั้วลวดหนามถาวรเราได้เลยทันที,หากเขมรไม่ยินยอมก็ฟ้องฝรั่งเศสให้คืนพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เกาะกง และมลฑลบูรพาในอดีตของไทยที่ฝรั่งเศสรับตังไทยไปแล้วที่ใช้ซื้อแผ่นดินเราคืนมา,ฝรั่งเศสต้องมาเคลียร์คืนค่าจริงความจริงทั้งหมด กดดันเขมรบีบบังคับเขมรต้องคืนให้ไทยทั้งหมดใหม่ทันทีด้วย,เสาเขตปักหมุดเส้นแดนนี้จะยุติทันทีเพราะเราจะได้คืนเกินครึ่งประเทศเขมรด้วยเพราะสมัยนั้นเขมรยังไม่เกิด ไม่มีชื่อประเทศเขมรด้วยซ้ำ เรา..ประเทศไทยมีสิทธิยึดคืนด้วยกำลังทางกองทัพโดยชอบธรรมอีกด้วยหากเขมรไม่คืนดินแดนมาจากที่ฝรั่งเศสคืนผิดเจ้าของ. https://youtube.com/shorts/AUlbg7NaZTs?si=J_Wp3BOfEv6Z3OOt
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 2 : “ขวาง 3”

    ประมาณ ค.ศ. 1882 น้อยคนในโลกจะรู้จักว่า ไอ้ดำ ๆ เหนียว ๆ และที่ทุกวันนี้เรียกกันว่า น้ำมันดิบน่ะ มันมีค่ามหาศาลขนาดไหน ถึงกับเรียกเป็นทองดำกันเลย สมัยนั้นรู้จักกันแต่น้ำมันเติมตะเกียง ซึ่งโรงงานของเยอรมันนั่นแหละ เป็นผู้ผลิตตะเกียง ชื่อ Stohwasser น้ำมันนี้ เรียกว่า “rock oil” เพราะมันไหลออกมาจากหิน ซึ่งมีอยู่มากในแถบ Titusville ของ รัฐPennsylvania และที่ Baku ของรัสเซีย หรือ Galicia ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์

    ค.ศ. 1870 นาย John D Rockefeller ตั้งบริษัท Standard Oil ขึ้นเพื่อหาน้ำมันมาเติมตะเกียง (ไม่ได้หรูหรา ตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลกัน อย่างที่คิดหรอกนะ ในสมัยนั้น) และเอามาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำยาในอเมริกา ตอนนั้นยังไม่มีใครคิด เอาน้ำมันมาใช้ในการอุตสาหกรรม ฝรั่งก็ไม่ได้ฉลาดล้ำไปทุกเรื่องหรอก

    แต่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจ และรู้จักคิด คือ กัปตัน Fisher ทหารเรืออังกฤษ ปี ค.ศ. 1882 กัปตันบอกว่า ถ้ากองทัพเรืออังกฤษเปลี่ยนจากใช้ถ่านหิน มาเป็นใช้น้ำมัน เรือรบอังกฤษจะวิ่งฉิวเลย เพราะไม่ต้องไปเปลืองน้ำหนักกับถ่านหิน ผลของการคิดก้าวไกล คุณกัปตันได้ก้อนอิฐเต็มหัว ใคร ๆ หาว่าเขาบ๊อง (เคยเขียนให้อ่านกันแล้วครับ ในนิทานเรื่องมายากลยุทธ) คุณกัปตันเจ็บใจ ซุ่มทำการบ้านอยู่หลายปี

    ขณะเดียวกัน ค.ศ. 1885 วิศวกรชาวเยอรมัน นาย Gottlieb Daimler ก็เป็นคนคิดเครื่องยนต์ให้รถวิ่งโดยใช้น้ำมัน แต่ขณะนั้นรถยนต์มันเป็นเครื่องวิ่งแทนเท้าของพวกเศรษฐีเท่านั้น ชาวบ้านทั่วไปคงยังต้องใช้เท้าส่วนตัววิ่งเองตามเดิม ไม่ได้มีโอกาสได้ชื่นชมผลงานอันแสนสุดยอดนี้ในตอนนั้น แต่ถึงอย่างไรข่าวนี้แน่นอน ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้แก่อังกฤษ

    ปี ค.ศ. 1905 อังกฤษเริ่ม “รู้สึก” ว่าน้ำมันนี่ น่าจะเป็นอาวุธสำคัญ แต่ทำอย่างไรล่ะ ทั้งเกาะใหญ่ของอังกฤษมีแต่น้ำมันตะเกียง ไม่มีแหล่งน้ำมันดิบของตัวเอง ใครรู้อายเขาตาย เป็นตั้งจักรภพอังกฤษ ใหญ่ซะไม่มีละ แต่ดันต้องพึงอเมริกา รัสเซีย หรือเม็กซิโก ให้ส่งน้ำมันให้ เป็นสิ่งที่อังกฤษรังเกียจ และเสียหน้าอันใหญ่โตมาก ตามประสาคนยะโส

    ย้อนไปในปี ค.ศ. 1904 คุณกัปตัน Fisher มีคนตาแหลมมองเห็นว่า ไอ้หมอนี่นอกจากไม่บ๊องแล้ว มันยังเป็นอัจฉริยะอีกด้วย (2 อย่างนี้เส้นตัดแบ่ง มันบางมากนะครับ) คุณกัปตันเลยได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงผู้บัญชาการทหารเรือ เขารีบตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาว่า จะหาน้ำมันมาจากไหนและทำอย่างไร เพื่อเอามาให้กองทัพเรืออังกฤษใช้ คราวนี้เอาจริง !
    ขณะนั้นอังกฤษไปจับจองครองพื้นที่อยู่ที่เปอร์เซีย (Persia) และ Arabia Gulf ที่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมานแล้ว เปอร์เซียเองไม่ได้เป็นอาณานิคมของอังกฤษ แต่อังกฤษมีวิธีไปตั้งสถานกงสุลอยู่ที่เมือง Bushier และ Bandar Abbas โดยการเอากองทัพเรือมาจอดขวางกลางอ่าว ก็เท่านั้นเองแหละ เป็นการขวางไม่ให้ใครใช้เส้นทางไปสู่อินเดีย อังกฤษทำแบบนี้มาทุกครั้งที่ต้องการข่มขู่เหยื่อ สมันน้อยก็โดนมาแล้ว ยังจำ ร.ศ. 112 ได้หรือเปล่า หรือต้องให้ลุงนิทานเล่า เกินไปนะ ประวัติศาสตร์สำคัญของบ้านเรานะ หาอ่านกันเองบ้าง

    ค.ศ. 1905 อังกฤษส่งสายลับมือหนึ่ง ชื่อ นาย Sidney Reilly (ซึ่งจริง ๆ เป็นชาวรัสเซีย ชื่อ Sigmund Georgjevich Rosenblum ชาวเมือง Odessa ในรัสเซีย) ให้เดินทางเข้าไปในเปอร์เซีย ภายใต้คำสั่งลับสุดยอดให้ไปควานหาตัวบุคคลลึกลับ ชื่อ นาย William Knox D’Arcy!

    ต้องยอมรับว่าการข่าวกรองและการจารกรรมของอังกฤษ นำหน้ามาตลอดเป็นหลายร้อยปี ปัจจุบันก็ยังอยู่แถวหน้า ตัวใหญ่ ๆ ของ CIA ของนักล่ารุ่นใหม่ ก็เรียนงานมาจากรุ่นเก่านี้ทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกและสงครามเย็น

    นาย D’Arcy เป็นวิศวกรชาวออสเตรเลีย ซึ่งสนใจและศึกษาประวัติศาสตร์เป็นงานอดิเรก อย่างเอาจริงและลึกซึ้ง ชนิดพูดกับก้อนหินรู้เรื่อง และเป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด เขามีความเชื่อแบบฝันเฟื่องว่า เทพเจ้าแห่งไฟของเปอร์เซีย (Ormuzd) จุดน้ำมันตะเกียงถวายพระผู้เป็นเจ้าในสมัยโบราณตลอดเวลา แสดงว่าแถบนั้นน่าจะต้องมีน้ำมัน “rock oil” (พวกเฟื่อง พวกบ๊อง นี่ดูดี ๆ นะครับ บอกแล้วเส้นแบ่ง มันบางมาก !) เขาจึงไปเดินสำรวจแถวนั้นอยู่หลายรอบ และเมื่อเชื่อมากขึ้นว่า น่าจะมี “rock oil” เขาก็ไปติดต่อขอกู้เงินจากนายธนาคารของอังกฤษ เพื่อสนับสนุนความฝันเฟื่องของเขา (ข่าวมันน่าจะหลุดรอด ไปในช่วงนี่แหละ เพราะฉะนั้นถ้าอยากมีความลับอย่าไปยุ่งกับนายธนาคารเชียว !)

    ประมาณช่วงปลาย ค.ศ. 1890 กว่า ๆ กษัตริย์ Reza Khan Pahlevi เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์เปอร์เซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นอิหร่าน ได้เรียก นาย D’Arcy เข้าไปคุย เพราะนาย D’Arcy เป็นวิศวกรฝรั่งที่เดินทางเข้าออกหาน้ำมันอยู่แถวนั้น จนเป็นที่รู้จักกันดี ท่าน Khan อยากสร้างทางรถไฟ และอยากทำอุตสาหกรรมในเปอร์เซีย เลยอาศัยนาย D’Arcy เป็นที่ปรึกษา ตอนนั้นคงมีฝรั่งให้คุยด้วยไม่มาก

    ค.ศ. 1901 บุญหล่นใส่นาย D’Arcy โครมใหญ่ ท่าน Khan ให้รางวัลเป็นสินน้ำใจที่นาย D’Arcy มาให้คำแนะนำ เป็นสัมปทานอายุ 60 ปี ที่อนุญาตให้นาย D’Arcy จะค้น จะขุด จะเจาะ อย่างไรก็ได้บนแผ่นดินของเปอร์เซีย และขุดได้อะไรมาก็ให้เป็นสมบัติของนาย D’Arcy โดยไม่มีใครจะมาขวางได้ !
    นาย D’Arcy จ่ายเงินไปประมาณเท่ากับ 2 หมื่นปอนด์ และตกลงจะแบ่งให้ ท่าน Khan 16% จากจำนวนรายได้ที่ได้จากขายน้ำมัน ถ้าขุดเจอจากแหล่งนี้ นาย D’Arcy ไม่รู้เลยว่า เขาได้เอกสารมีค่ามหาศาล มันรวมไปถึงให้เป็นสิทธิตกทอดถึงทายาทและผู้รับโอนด้วย แม่เจ้าโว้ย ! สิทธิในการจะขุดน้ำมันไปจนถึง ค.ศ. 1961 เชียวนะ

    นาย Reilly สมกับเป็นสายลับมือหนึ่ง เขาควานหาตัวนาย D’Arcy จนเจอ ในปี คศ 1905 ขณะที่นาย D’Arcy กำลังจะเซ็นสัญญา เลือกฝรั่งเศสมาเป็นหุ้นส่วน เป็นฝรั่งเศสที่ส่งมาโดยกลุ่มธนาคาร ของ Rothschild ในปารีส (แสดงว่า Rothschild มีการข่าวดี จำเรื่องปั่นหุ้น insider trading ครั้งแรกของโลกโดย Rothschild ฝ่ายอังกฤษได้ไหมครับ ก็มาจากการข่าวพิเศษของพวก Rothschild เล่าอยู่ในนิทานเรื่องมายากลยุทธ) นาย D’Arcy กะว่าจะให้หุ้นส่วนฝรั่งเศสขุดต่อ และตัวเขาจะเดินทางกลับไปออสเตรเลีย แหม เดินกลางแดด หาน้ำมันอยู่นาน ไอ้ที่ยังไม่เพี้ยน ก็เพี้ยนจริงได้เหมือนกัน

    สายลับ Reilly ลงทุนปลอมตัวเป็นพระ ไปตีสนิทกับนาย D’Arcy นั่งกล่อมนาย D’Arcy ว่า ทั้งหมดนี่น่า คงเป็นรางวัลที่พระผู้เป็นเจ้า ประทานให้กับสาวกที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ คงไม่มีใครที่จะมีบุญขนาดนี้อีกแล้ว แต่จะได้บุญมากขึ้น ถ้าไม่เก็บไว้คนเดียว แต่ให้คนส่วนมากได้ประโยชน์ด้วย พระผู้เป็นเจ้าจะยิ่งดีใจ นาย Reilly คงกล่าวอย่างนั้น

    ในที่สุด นาย D’Arcy ก็ตกลงโอนสิทธิสัมปทานให้แก่บริษัท ที่มีชื่อว่า Anglo Persian Oil Company ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อ Lord Strathcona นักการเงินชาวสก๊อต ซึ่งรัฐบาลอังกฤษส่งมาให้เป็นนอ มินี (ตกลงนอมินีน้ำมัน รายที่ 1 เท่าที่เรารู้นี่ เริ่มโดยอังกฤษนะครับ สำหรับสมันน้อย ปตท. ใครเป็นนอมินี ให้ใครบ้าง โปรดช่วยกันสืบต่อ อาจจะย้อนกลับไปที่เดิม อย่าแปลกใจก็แล้วกัน) ส่วนสายลับ Reilly ก็คงเกษียณไปพร้อมด้วยเงินรางวัลก้อนโต หรือไม่ก็โดนเก็บลงหีบ ตามธรรมเนียมชะตาชีวิต ของคนที่เป็นสายลับที่รู้ความลับชนิดปิดลึก วงการนี้เขาโหดร้ายอย่างนี้แหละ !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 2 : “ขวาง 3” ประมาณ ค.ศ. 1882 น้อยคนในโลกจะรู้จักว่า ไอ้ดำ ๆ เหนียว ๆ และที่ทุกวันนี้เรียกกันว่า น้ำมันดิบน่ะ มันมีค่ามหาศาลขนาดไหน ถึงกับเรียกเป็นทองดำกันเลย สมัยนั้นรู้จักกันแต่น้ำมันเติมตะเกียง ซึ่งโรงงานของเยอรมันนั่นแหละ เป็นผู้ผลิตตะเกียง ชื่อ Stohwasser น้ำมันนี้ เรียกว่า “rock oil” เพราะมันไหลออกมาจากหิน ซึ่งมีอยู่มากในแถบ Titusville ของ รัฐPennsylvania และที่ Baku ของรัสเซีย หรือ Galicia ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์ ค.ศ. 1870 นาย John D Rockefeller ตั้งบริษัท Standard Oil ขึ้นเพื่อหาน้ำมันมาเติมตะเกียง (ไม่ได้หรูหรา ตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลกัน อย่างที่คิดหรอกนะ ในสมัยนั้น) และเอามาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำยาในอเมริกา ตอนนั้นยังไม่มีใครคิด เอาน้ำมันมาใช้ในการอุตสาหกรรม ฝรั่งก็ไม่ได้ฉลาดล้ำไปทุกเรื่องหรอก แต่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจ และรู้จักคิด คือ กัปตัน Fisher ทหารเรืออังกฤษ ปี ค.ศ. 1882 กัปตันบอกว่า ถ้ากองทัพเรืออังกฤษเปลี่ยนจากใช้ถ่านหิน มาเป็นใช้น้ำมัน เรือรบอังกฤษจะวิ่งฉิวเลย เพราะไม่ต้องไปเปลืองน้ำหนักกับถ่านหิน ผลของการคิดก้าวไกล คุณกัปตันได้ก้อนอิฐเต็มหัว ใคร ๆ หาว่าเขาบ๊อง (เคยเขียนให้อ่านกันแล้วครับ ในนิทานเรื่องมายากลยุทธ) คุณกัปตันเจ็บใจ ซุ่มทำการบ้านอยู่หลายปี ขณะเดียวกัน ค.ศ. 1885 วิศวกรชาวเยอรมัน นาย Gottlieb Daimler ก็เป็นคนคิดเครื่องยนต์ให้รถวิ่งโดยใช้น้ำมัน แต่ขณะนั้นรถยนต์มันเป็นเครื่องวิ่งแทนเท้าของพวกเศรษฐีเท่านั้น ชาวบ้านทั่วไปคงยังต้องใช้เท้าส่วนตัววิ่งเองตามเดิม ไม่ได้มีโอกาสได้ชื่นชมผลงานอันแสนสุดยอดนี้ในตอนนั้น แต่ถึงอย่างไรข่าวนี้แน่นอน ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้แก่อังกฤษ ปี ค.ศ. 1905 อังกฤษเริ่ม “รู้สึก” ว่าน้ำมันนี่ น่าจะเป็นอาวุธสำคัญ แต่ทำอย่างไรล่ะ ทั้งเกาะใหญ่ของอังกฤษมีแต่น้ำมันตะเกียง ไม่มีแหล่งน้ำมันดิบของตัวเอง ใครรู้อายเขาตาย เป็นตั้งจักรภพอังกฤษ ใหญ่ซะไม่มีละ แต่ดันต้องพึงอเมริกา รัสเซีย หรือเม็กซิโก ให้ส่งน้ำมันให้ เป็นสิ่งที่อังกฤษรังเกียจ และเสียหน้าอันใหญ่โตมาก ตามประสาคนยะโส ย้อนไปในปี ค.ศ. 1904 คุณกัปตัน Fisher มีคนตาแหลมมองเห็นว่า ไอ้หมอนี่นอกจากไม่บ๊องแล้ว มันยังเป็นอัจฉริยะอีกด้วย (2 อย่างนี้เส้นตัดแบ่ง มันบางมากนะครับ) คุณกัปตันเลยได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงผู้บัญชาการทหารเรือ เขารีบตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาว่า จะหาน้ำมันมาจากไหนและทำอย่างไร เพื่อเอามาให้กองทัพเรืออังกฤษใช้ คราวนี้เอาจริง ! ขณะนั้นอังกฤษไปจับจองครองพื้นที่อยู่ที่เปอร์เซีย (Persia) และ Arabia Gulf ที่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมานแล้ว เปอร์เซียเองไม่ได้เป็นอาณานิคมของอังกฤษ แต่อังกฤษมีวิธีไปตั้งสถานกงสุลอยู่ที่เมือง Bushier และ Bandar Abbas โดยการเอากองทัพเรือมาจอดขวางกลางอ่าว ก็เท่านั้นเองแหละ เป็นการขวางไม่ให้ใครใช้เส้นทางไปสู่อินเดีย อังกฤษทำแบบนี้มาทุกครั้งที่ต้องการข่มขู่เหยื่อ สมันน้อยก็โดนมาแล้ว ยังจำ ร.ศ. 112 ได้หรือเปล่า หรือต้องให้ลุงนิทานเล่า เกินไปนะ ประวัติศาสตร์สำคัญของบ้านเรานะ หาอ่านกันเองบ้าง ค.ศ. 1905 อังกฤษส่งสายลับมือหนึ่ง ชื่อ นาย Sidney Reilly (ซึ่งจริง ๆ เป็นชาวรัสเซีย ชื่อ Sigmund Georgjevich Rosenblum ชาวเมือง Odessa ในรัสเซีย) ให้เดินทางเข้าไปในเปอร์เซีย ภายใต้คำสั่งลับสุดยอดให้ไปควานหาตัวบุคคลลึกลับ ชื่อ นาย William Knox D’Arcy! ต้องยอมรับว่าการข่าวกรองและการจารกรรมของอังกฤษ นำหน้ามาตลอดเป็นหลายร้อยปี ปัจจุบันก็ยังอยู่แถวหน้า ตัวใหญ่ ๆ ของ CIA ของนักล่ารุ่นใหม่ ก็เรียนงานมาจากรุ่นเก่านี้ทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกและสงครามเย็น นาย D’Arcy เป็นวิศวกรชาวออสเตรเลีย ซึ่งสนใจและศึกษาประวัติศาสตร์เป็นงานอดิเรก อย่างเอาจริงและลึกซึ้ง ชนิดพูดกับก้อนหินรู้เรื่อง และเป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด เขามีความเชื่อแบบฝันเฟื่องว่า เทพเจ้าแห่งไฟของเปอร์เซีย (Ormuzd) จุดน้ำมันตะเกียงถวายพระผู้เป็นเจ้าในสมัยโบราณตลอดเวลา แสดงว่าแถบนั้นน่าจะต้องมีน้ำมัน “rock oil” (พวกเฟื่อง พวกบ๊อง นี่ดูดี ๆ นะครับ บอกแล้วเส้นแบ่ง มันบางมาก !) เขาจึงไปเดินสำรวจแถวนั้นอยู่หลายรอบ และเมื่อเชื่อมากขึ้นว่า น่าจะมี “rock oil” เขาก็ไปติดต่อขอกู้เงินจากนายธนาคารของอังกฤษ เพื่อสนับสนุนความฝันเฟื่องของเขา (ข่าวมันน่าจะหลุดรอด ไปในช่วงนี่แหละ เพราะฉะนั้นถ้าอยากมีความลับอย่าไปยุ่งกับนายธนาคารเชียว !) ประมาณช่วงปลาย ค.ศ. 1890 กว่า ๆ กษัตริย์ Reza Khan Pahlevi เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์เปอร์เซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นอิหร่าน ได้เรียก นาย D’Arcy เข้าไปคุย เพราะนาย D’Arcy เป็นวิศวกรฝรั่งที่เดินทางเข้าออกหาน้ำมันอยู่แถวนั้น จนเป็นที่รู้จักกันดี ท่าน Khan อยากสร้างทางรถไฟ และอยากทำอุตสาหกรรมในเปอร์เซีย เลยอาศัยนาย D’Arcy เป็นที่ปรึกษา ตอนนั้นคงมีฝรั่งให้คุยด้วยไม่มาก ค.ศ. 1901 บุญหล่นใส่นาย D’Arcy โครมใหญ่ ท่าน Khan ให้รางวัลเป็นสินน้ำใจที่นาย D’Arcy มาให้คำแนะนำ เป็นสัมปทานอายุ 60 ปี ที่อนุญาตให้นาย D’Arcy จะค้น จะขุด จะเจาะ อย่างไรก็ได้บนแผ่นดินของเปอร์เซีย และขุดได้อะไรมาก็ให้เป็นสมบัติของนาย D’Arcy โดยไม่มีใครจะมาขวางได้ ! นาย D’Arcy จ่ายเงินไปประมาณเท่ากับ 2 หมื่นปอนด์ และตกลงจะแบ่งให้ ท่าน Khan 16% จากจำนวนรายได้ที่ได้จากขายน้ำมัน ถ้าขุดเจอจากแหล่งนี้ นาย D’Arcy ไม่รู้เลยว่า เขาได้เอกสารมีค่ามหาศาล มันรวมไปถึงให้เป็นสิทธิตกทอดถึงทายาทและผู้รับโอนด้วย แม่เจ้าโว้ย ! สิทธิในการจะขุดน้ำมันไปจนถึง ค.ศ. 1961 เชียวนะ นาย Reilly สมกับเป็นสายลับมือหนึ่ง เขาควานหาตัวนาย D’Arcy จนเจอ ในปี คศ 1905 ขณะที่นาย D’Arcy กำลังจะเซ็นสัญญา เลือกฝรั่งเศสมาเป็นหุ้นส่วน เป็นฝรั่งเศสที่ส่งมาโดยกลุ่มธนาคาร ของ Rothschild ในปารีส (แสดงว่า Rothschild มีการข่าวดี จำเรื่องปั่นหุ้น insider trading ครั้งแรกของโลกโดย Rothschild ฝ่ายอังกฤษได้ไหมครับ ก็มาจากการข่าวพิเศษของพวก Rothschild เล่าอยู่ในนิทานเรื่องมายากลยุทธ) นาย D’Arcy กะว่าจะให้หุ้นส่วนฝรั่งเศสขุดต่อ และตัวเขาจะเดินทางกลับไปออสเตรเลีย แหม เดินกลางแดด หาน้ำมันอยู่นาน ไอ้ที่ยังไม่เพี้ยน ก็เพี้ยนจริงได้เหมือนกัน สายลับ Reilly ลงทุนปลอมตัวเป็นพระ ไปตีสนิทกับนาย D’Arcy นั่งกล่อมนาย D’Arcy ว่า ทั้งหมดนี่น่า คงเป็นรางวัลที่พระผู้เป็นเจ้า ประทานให้กับสาวกที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ คงไม่มีใครที่จะมีบุญขนาดนี้อีกแล้ว แต่จะได้บุญมากขึ้น ถ้าไม่เก็บไว้คนเดียว แต่ให้คนส่วนมากได้ประโยชน์ด้วย พระผู้เป็นเจ้าจะยิ่งดีใจ นาย Reilly คงกล่าวอย่างนั้น ในที่สุด นาย D’Arcy ก็ตกลงโอนสิทธิสัมปทานให้แก่บริษัท ที่มีชื่อว่า Anglo Persian Oil Company ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อ Lord Strathcona นักการเงินชาวสก๊อต ซึ่งรัฐบาลอังกฤษส่งมาให้เป็นนอ มินี (ตกลงนอมินีน้ำมัน รายที่ 1 เท่าที่เรารู้นี่ เริ่มโดยอังกฤษนะครับ สำหรับสมันน้อย ปตท. ใครเป็นนอมินี ให้ใครบ้าง โปรดช่วยกันสืบต่อ อาจจะย้อนกลับไปที่เดิม อย่าแปลกใจก็แล้วกัน) ส่วนสายลับ Reilly ก็คงเกษียณไปพร้อมด้วยเงินรางวัลก้อนโต หรือไม่ก็โดนเก็บลงหีบ ตามธรรมเนียมชะตาชีวิต ของคนที่เป็นสายลับที่รู้ความลับชนิดปิดลึก วงการนี้เขาโหดร้ายอย่างนี้แหละ ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • “รมว.สุชาติ” ร่วมยินดี 23 ปี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มุ่งเน้นการทำงานที่เห็นผล กำหนดแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว
    https://www.thai-tai.tv/news/21724/
    .
    #กรมอุทยานแห่งชาติ #สุชาติชมกลิ่น #ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #รุกป่า #นายทุน #ผลงานจับต้องได้ #ไทยไท
    “รมว.สุชาติ” ร่วมยินดี 23 ปี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มุ่งเน้นการทำงานที่เห็นผล กำหนดแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว https://www.thai-tai.tv/news/21724/ . #กรมอุทยานแห่งชาติ #สุชาติชมกลิ่น #ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #รุกป่า #นายทุน #ผลงานจับต้องได้ #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • เอาจริงๆนะ ประเทศสมาชิกอาเชียนเรากากและกระจอกมาก,ไม่ร่วมมือกันจริงจังในการกำจัดเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ เน็ตดาวเทียมวงโคจรต่ำแบบstarlinkเองด้วยอาจร่วมเป็นเครื่องมือก่อเกิดแก๊งสแกมเมอร์นี้,ประเทศสมาชิกอาเชียนไร้ศักยภาพร่วมมือกัน ช่วยกันอย่างจริงจัง,เช่นมีในพม่า 9ประเทศอาเชียนต้องลงพื้นที่ทุกๆตารางนิ้วช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมของแก๊งสแกมเมอร์ในพม่านี้ ลงสแกนตรวจค้นร่วมกันจริงจัง เครื่องบิน,ขับไล่,ฮ.ก็มีก็ร่วมกันสามัคคีกันสิ สร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในชาติอาเชียนตน, แบบเขมรอีก ชาติสมาชิกส่งทหารตำรวจอาเชียนเข้าตรวจค้นเสรีเลยในอาคารตึกต่างๆที่ต้องสงสัยเพื่อช่วยเหลือเหยื่อเหล่านั้นซึ่งอาจมาสาระทิศจากทั่วทุกมุมโลก,นี้คือความอ่อนแอชัดเจน กลัวกันได้ดิบได้ดี ไม่ช่วยเหลือกันกำจัดภัยร้ายในพื้นที่อาเชียนตน,ระดับชาติเอเชียก็ด้วย,ต้องอิสระเสรีเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ประเทศพม่า เขมร ชาติที่ต้องสงสัยได้หมด,อะไรไม่ดีต้องรีบช่วยกันกำจัดออกจากเอเชีย ออกจากอาเชียน,แก๊งคอลเซ็นเตอร์มันรวมสาระพัดอาชญากรรมในชื่อนี้ ทั้งฟอกเงิน ค้ามนุษย์ ค้าแรงงาน ค้ากาม หมดประโยชน์ชำแหละร่างกายเหยื่อค้าอวัยวะต่ออีก บางร่างแบบเด็กๆทรมานเอาอะดริโนโครมขายแก่พวกฮอลลีวูดอีกเป็นต้น, ค้ายาเสพติด ค้าอาวุธ สาระพัพชั่วเลว แฮ็กข้อมูลทั่วโลก ทำลายระบบทั่วโลกมันทำได้หมด,โทษประหารจึงเหมาะสมแก่พวกมันทุกๆคน มันทรมานเหยื่อทั้งหมดแน่นอนที่จับตัวมา หลอกลวงมาจากทั่วโลก,มันจึงไม่ใช่เรื่องของชาติใครชาติมัน แผ่นดินใครแผ่นดินมัน ประเทศใครประเทศมัน ภูมิภาคใครภูมิภาคมัน เพราะเหยื่อเหล่านี้คือมนุษย์โลก ประชาชนโลกจากชาติใดชาติหนึ่งทั่วโลกเรานี้,เรา..ต้องสามัคคีกันช่วยเหลือเขาเหล่านี้ทั้งหมดออกมา.และกำจัดสังหารไล่ล่าเดอะแก๊งเดอะคนพวกนี้ให้หมดทุกๆตัวคนด้วย มันอาจไม่ใช่มนุษย์ด้วยเพียงใส่ชุดมนุษย์แค่นั้น.,นี้คือสงครามช่วยมนุษยชาติโลกก็ไม่ผิด.

    ..เขมรเป้าหมายคือช่วยเหลือเหยื่อมากมายบนตึกอาคารมากมายในเขมรนี้โดยมีรัฐบาลเผด็จการหัวหน้าโจรตัวจริงแบบฮุนเซนฮุนมาเนตและตระกูลฮุนคุ้มครองพวกเถื่อนๆนี้จริง,ฮุนเซนต้องถูกเด็ดหัว,จีน อเมริกา ฝรั่งเศส รัสเชีย ต้องเด็ดหัวฮุนเซนและกำจัดตระกูลฮุนทั้งหมดทันที,เขมรคือประเทศที่เป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษย์บนโลกนี้ พร้อมถูกชาติเขมรทำอาชญากรรมเขาทุกๆเมื่อ,ผลงานชั่วเลวของเขมรปรากฎชัดเจนแล้ว,ถ้ามหาอำนาจโลก องค์กรสากลโลกยังไม่เด็ดหัวฮุนเซน ก็ปิดตัวลงเถอะ เสียของ ไร้น้ำยาดูแลความสงบสุขจริงแก่ชาวโลกและอาจเป็นภัยร้ายแรงร่วมกับชาติเขมรลักษณะนี้ด้วยหรือคนสันดานเดียวกันกับเขมรนั้นเอง.

    ..ในโซนเขตอาเชียนหรือเขตเอเชียเรา ทุกๆประเทศต้องร่วมกันลงพื้นที่จับกุมแก๊งสแกมเมอร์นี้จริงจังพร้อมประหารชีวิตจริงๆด้วย,อย่าเก็บไว้เพราะพวกนี้ฆ่าสังหารเหยื่อ ทรมานเหยื่อสาระพัดแล้วร่วมกันแน่นอน,ต้องตายสถานเดียว.

    ..เอเชียและอาเชียนเราจะปลอดภัยทันที,พวกนี้ใช้เน็ตใช้มือถือหมดล่ะ,พวกกิจการเน็ตกิจการมือถือคือผู้ร่วมก่ออาชญากรรมนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อมแน่นอน.,ต้นเหตุต้นเรื่อง ตรวจจับ เริ่มจับกุมตั้งแต่พวกนี้ได้เลยเพราะพวกมันทำกันเป็นทีม วางคนของมันได้หมด บริษัทมือถือบริษัทเน็ตอาจคือบริษัทมันเองนั้นล่ะที่ซื้อกิจการไว้แล้วด้วยตังสกปกรกเถื่อนๆของพวกมันที่ฟอกเงินกระจายอยู่ทั่วโลก.

    https://youtube.com/watch?v=ubH13Yb0aZo&si=RX1EPuyAsOXRFHIP
    เอาจริงๆนะ ประเทศสมาชิกอาเชียนเรากากและกระจอกมาก,ไม่ร่วมมือกันจริงจังในการกำจัดเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ เน็ตดาวเทียมวงโคจรต่ำแบบstarlinkเองด้วยอาจร่วมเป็นเครื่องมือก่อเกิดแก๊งสแกมเมอร์นี้,ประเทศสมาชิกอาเชียนไร้ศักยภาพร่วมมือกัน ช่วยกันอย่างจริงจัง,เช่นมีในพม่า 9ประเทศอาเชียนต้องลงพื้นที่ทุกๆตารางนิ้วช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมของแก๊งสแกมเมอร์ในพม่านี้ ลงสแกนตรวจค้นร่วมกันจริงจัง เครื่องบิน,ขับไล่,ฮ.ก็มีก็ร่วมกันสามัคคีกันสิ สร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในชาติอาเชียนตน, แบบเขมรอีก ชาติสมาชิกส่งทหารตำรวจอาเชียนเข้าตรวจค้นเสรีเลยในอาคารตึกต่างๆที่ต้องสงสัยเพื่อช่วยเหลือเหยื่อเหล่านั้นซึ่งอาจมาสาระทิศจากทั่วทุกมุมโลก,นี้คือความอ่อนแอชัดเจน กลัวกันได้ดิบได้ดี ไม่ช่วยเหลือกันกำจัดภัยร้ายในพื้นที่อาเชียนตน,ระดับชาติเอเชียก็ด้วย,ต้องอิสระเสรีเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ประเทศพม่า เขมร ชาติที่ต้องสงสัยได้หมด,อะไรไม่ดีต้องรีบช่วยกันกำจัดออกจากเอเชีย ออกจากอาเชียน,แก๊งคอลเซ็นเตอร์มันรวมสาระพัดอาชญากรรมในชื่อนี้ ทั้งฟอกเงิน ค้ามนุษย์ ค้าแรงงาน ค้ากาม หมดประโยชน์ชำแหละร่างกายเหยื่อค้าอวัยวะต่ออีก บางร่างแบบเด็กๆทรมานเอาอะดริโนโครมขายแก่พวกฮอลลีวูดอีกเป็นต้น, ค้ายาเสพติด ค้าอาวุธ สาระพัพชั่วเลว แฮ็กข้อมูลทั่วโลก ทำลายระบบทั่วโลกมันทำได้หมด,โทษประหารจึงเหมาะสมแก่พวกมันทุกๆคน มันทรมานเหยื่อทั้งหมดแน่นอนที่จับตัวมา หลอกลวงมาจากทั่วโลก,มันจึงไม่ใช่เรื่องของชาติใครชาติมัน แผ่นดินใครแผ่นดินมัน ประเทศใครประเทศมัน ภูมิภาคใครภูมิภาคมัน เพราะเหยื่อเหล่านี้คือมนุษย์โลก ประชาชนโลกจากชาติใดชาติหนึ่งทั่วโลกเรานี้,เรา..ต้องสามัคคีกันช่วยเหลือเขาเหล่านี้ทั้งหมดออกมา.และกำจัดสังหารไล่ล่าเดอะแก๊งเดอะคนพวกนี้ให้หมดทุกๆตัวคนด้วย มันอาจไม่ใช่มนุษย์ด้วยเพียงใส่ชุดมนุษย์แค่นั้น.,นี้คือสงครามช่วยมนุษยชาติโลกก็ไม่ผิด. ..เขมรเป้าหมายคือช่วยเหลือเหยื่อมากมายบนตึกอาคารมากมายในเขมรนี้โดยมีรัฐบาลเผด็จการหัวหน้าโจรตัวจริงแบบฮุนเซนฮุนมาเนตและตระกูลฮุนคุ้มครองพวกเถื่อนๆนี้จริง,ฮุนเซนต้องถูกเด็ดหัว,จีน อเมริกา ฝรั่งเศส รัสเชีย ต้องเด็ดหัวฮุนเซนและกำจัดตระกูลฮุนทั้งหมดทันที,เขมรคือประเทศที่เป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษย์บนโลกนี้ พร้อมถูกชาติเขมรทำอาชญากรรมเขาทุกๆเมื่อ,ผลงานชั่วเลวของเขมรปรากฎชัดเจนแล้ว,ถ้ามหาอำนาจโลก องค์กรสากลโลกยังไม่เด็ดหัวฮุนเซน ก็ปิดตัวลงเถอะ เสียของ ไร้น้ำยาดูแลความสงบสุขจริงแก่ชาวโลกและอาจเป็นภัยร้ายแรงร่วมกับชาติเขมรลักษณะนี้ด้วยหรือคนสันดานเดียวกันกับเขมรนั้นเอง. ..ในโซนเขตอาเชียนหรือเขตเอเชียเรา ทุกๆประเทศต้องร่วมกันลงพื้นที่จับกุมแก๊งสแกมเมอร์นี้จริงจังพร้อมประหารชีวิตจริงๆด้วย,อย่าเก็บไว้เพราะพวกนี้ฆ่าสังหารเหยื่อ ทรมานเหยื่อสาระพัดแล้วร่วมกันแน่นอน,ต้องตายสถานเดียว. ..เอเชียและอาเชียนเราจะปลอดภัยทันที,พวกนี้ใช้เน็ตใช้มือถือหมดล่ะ,พวกกิจการเน็ตกิจการมือถือคือผู้ร่วมก่ออาชญากรรมนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อมแน่นอน.,ต้นเหตุต้นเรื่อง ตรวจจับ เริ่มจับกุมตั้งแต่พวกนี้ได้เลยเพราะพวกมันทำกันเป็นทีม วางคนของมันได้หมด บริษัทมือถือบริษัทเน็ตอาจคือบริษัทมันเองนั้นล่ะที่ซื้อกิจการไว้แล้วด้วยตังสกปกรกเถื่อนๆของพวกมันที่ฟอกเงินกระจายอยู่ทั่วโลก. https://youtube.com/watch?v=ubH13Yb0aZo&si=RX1EPuyAsOXRFHIP
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 5”
    เป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่นักธุรกิจชาว Chicago (มาแล้ว !) ชื่อ Charles Crane และนักเทววิทยา (อีกแล้ว) ชาวอเมริกัน ชื่อ Henry King เดินทางไปทั่วตะวันออกกลางตามที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี Wilson เพื่อสอบถามชาวอาหรับระดับหัวหน้าหลายร้อยคน แม้ว่าอังกฤษและฝรั่งเศสจะพยายามใช้อิทธิพลของตนเอง กำหนดโผของตนเองให้ชาวอาหรับท่องตาม แต่ผลของการสำรวจก็ดูจะออกมาทางตรงกันข้ามกับโผที่คู่หูคู่กัดอังกฤษฝรั่งเศสที่ไปกำกับบทไว้
    ชาวซีเรียไม่ต้องการอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส และชาวปาเลสไตน์ไม่สนใจที่จะอยู่ในความปกครองของอังกฤษ แต่อังกฤษประสบผลสำเร็จในการสกัดไม่ให้อเมริกาทำการสำรวจในแถบเมโสโปแตเมีย (น่าคิดอังกฤษทำได้อย่างไรนะ)
    เดือนสิงหาคม King และ Crane ส่งรายงานสำรวจ เขาเสนอให้มีการปกครองซีเรียและปาเลสไตน์ร่วมกัน โดยคนกลางคืออเมริกา แทนการปกครองโดยพวกอดีตนักล่าอาณานิคมยุโรป และเสนอให้ Faisal ลูกชายของ Hussein เป็นหัวหน้ารัฐอาหรับ ถือเป็นการพยายามเป็นตาอยู่ของอเมริกาที่น่าสนใจ แม้จะโป๊อล่างฉ่าง ตามสไตล์และตามประสานักล่าหน้าใหม่ แต่ต้องให้คะแนนความกล้าหน้าด้านแข่งกับพวกนักล่ารุ่นเก๋า ในเกมการแย่งชิงชามข้าวหรือขนมเค้ก คติพจน์ที่เราไม่ควรลืมคือ ด้านได้ อาย อด เขาใช้กันมาทุกชาติ ทุกสมัย จนถึงปัจจุบันนี้
    ภายใต้ความกดดันของอังกฤษและของฝรั่งเศส และเพราะความป่วยไข้ของประธานาธิบดี Wilson รายงานนี้ได้ถูกซ่อน และได้นำออกมาเปิดเผย 3 ปีให้หลัง ซึ่งถึงตอนนั้น ปารีสและลอนดอน ก็ตกลงกันในแผนที่ใหม่ของตะวันออกกลางเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งแน่นอนออกมาตรงกันข้ามกับที่ King และ Crane เสนอ
    ฝรั่งเศสตกลงได้ปกครองเลบานอนและซีเรียตามต้องการ
    ส่วนอังกฤษได้ปกครองเมโสโปเตเมีย ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอีรัค ซึ่งได้รวมเอา Mosul ส่วนที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันเข้าไว้ด้วย พร้อมกับได้ปกครองปาเลสไตน์ (ชื่อ Mosul นี้ คงทำให้ท่านผู้อ่านนิทานเริ่มเห็นภาพ หรือเข้าใจบางอย่างได้อย่างลาง ๆ แล้ว)
    ส่วนจอร์แดนให้เป็นรัฐกันชน โดยให้ Prince Abdullah ลูกชายของ Sharif Hussein มาเป็นกษัตริย์ปกครอง ภายใต้การดูแลของอังกฤษและฝรั่งเศสร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสก็ยังเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง เหนือดินแดนของลูกถูกเสี้ยมทั้งหมด มันเป็นการหลอกและต้ม Sharif Hussein จนเปื่อยยุ่ย
    ส่วนพวกยิว ได้รับอนุญาตจากอังกฤษให้ตั้งรกรากอยู่ที่ปาเลสไตน์ โดยมีข้อจำกัดบางประการ อังกฤษยังไม่พร้อมที่จะให้กลุ่มอาหรับ ที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์อยู่แล้วลุกฮือขึ้นมา ดังนั้น จึงพยายามจำกัดจำนวนยิว ที่จะอพยพเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ การจำกัดจำนวนนี้ ก็ทำให้ฝ่ายยิวไม่พอใจ หาทางที่จะเล็ดลอดอพยพเข้าไปในดินแดนนี้อยู่ดีในช่วงปี ค.ศ. 1920-1940 ขณะเดียวกันฝ่ายอาหรับที่อาศัยตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ ก็ถือว่าการอพยพชาวยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ เป็นการละเมิดสิทธิของพวกเขาที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1187
    ข้อตกลงทั้งหมดนี้ ภายหลังได้รับความเห็นชอบและยืนยัน โดยสันนิบาตชาติ (League of Nations ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสหประชาชาติ) ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อ ค.ศ. 1918 ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุด หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อแบ่งสมบัติส่วนที่เคยเป็นอาณาจักรออตโตมาน ในระหว่างฝ่ายผู้ชนะสงคราม
    สันนิบาตชาตินี้ นำโดยสมาชิกที่เป็นชาติมหาอำนาจที่ชนะสงคราม คือ อังกฤษและฝรั่งเศส อีก 2 ชาติมหาอำนาจ รัสเซียกับเยอรมัน ไม่มีสิทธิร่วมด้วย เพราะเยอรมันเป็นผู้แพ้สงคราม ส่วนรัสเซียหลังสงคราม เกิดปฏิวัติบอคเชวิก เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ถูกจำกัดสิทธิไม่ให้เป็นสมาชิก การแบ่งเค้กที่ ตกลงข้างต้น จึงไม่มีทางแหกโผของอังกฤษ !
    ต้องยอมรับในความตอแหล หน้าด้านของอังกฤษว่าสามารถจริง ๆ ค.ศ. 1917 โลกส่วนหนึ่งมึนงงกับข้อตกลงที่อังกฤษทำไว้กับ 3 กลุ่ม ตกลงเกี่ยวกับอนาคตของตะวันออกกลาง 3 แบบ พวกอาหรับยืนยันว่าพวกเขาต้องได้อาณาจักรอาหรับในฝัน ตามที่อังกฤษตกลงไว้กับ Sharif Hussein ส่วนฝรั่งเศส และอังกฤษ ตั้งใจที่จะเดินหน้าแบ่งเค้กอาหรับตามที่ตกลงกัน และชาวยิวก็เชื่อว่าตัวเองจะต้องได้ครอบครอง ปาเลสไตน์ ตามที่นาย Balfour รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษตกลงไว้
    อังกฤษทำได้อย่างไร อังกฤษบอกทำได้สบายมาก เพราะเป็นสันดานที่เห็นแก่ได้ โกหก ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน ที่ทำมาตลอดในการล่าเหยื่อ และเด็กชายสยามก็เกือบจะไม่รอดจากการเป็นเหยื่อ จากการกระทำเยี่ยงนี้ของอังกฤษ
    ชาวอาหรับบอกว่า จนถึงทุกวันนี้ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับดินแดน ในตะวันออกกลาง ไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งอย่างแท้จริงระหว่างกลุ่มชนพื้นเมือง ระหว่างชาวอิรัค ชาวซีเรีย ชาวจอร์แดน ฯลฯ แต่เป็นความขัดแย้งที่มีรากมาจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่ง “ตั้งใจ” วางรูปแบบและแผนการณ์ที่จะให้มีความขัดแย้ง และการแตกแยกเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มชนชาวอาหรับด้วยกันเองต่างหาก อังกฤษและพวกได้กำหนดเขตแดนของพวกเขาโดยไม่เคารพ ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ถึงจริยธรรมและความต้องการพวกเขา เหมือนพวกเขาไม่มีตัวตนเกี่ยวข้องกับแผนที่และพื้นที่ ราวกับพวกเขาเป็นมนุษย์ล่องหน พวกเขาตกเป็นเหยื่อแห่งความกระหาย ตะกระ ตะกรามของอังกฤษและพวก ซึ่งกำหนดเขตแดนขึ้นมาอย่างชนิดที่ คนที่อยู่ในเขตแดนก็รับไม่ได้ และที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่พอใจ แล้วแบบนี้ความสงบ ความปรองดอง มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นผลงานที่สร้างตะวันออกกลางใหม่ จากอำนาจ และจากความพอใจของผู้สร้าง คือ นักล่าอาณานิคม ที่ควบคุมโดยอังกฤษแต่ผู้เดียว
    มันเป็นการจงใจสร้างให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สามัคคีในระหว่างชาวอาหรับ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ทั่วทั้งตะวันออกกลาง ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังมีผลสืบเนื่องอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้
    ไม้เสี้ยมของอังกฤษ ยังทำงานได้ผลดีเยี่ยม แม้ว่าจะได้เสียบไว้นาน 100 ปี แล้ว
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 ส.ค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 5” เป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่นักธุรกิจชาว Chicago (มาแล้ว !) ชื่อ Charles Crane และนักเทววิทยา (อีกแล้ว) ชาวอเมริกัน ชื่อ Henry King เดินทางไปทั่วตะวันออกกลางตามที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี Wilson เพื่อสอบถามชาวอาหรับระดับหัวหน้าหลายร้อยคน แม้ว่าอังกฤษและฝรั่งเศสจะพยายามใช้อิทธิพลของตนเอง กำหนดโผของตนเองให้ชาวอาหรับท่องตาม แต่ผลของการสำรวจก็ดูจะออกมาทางตรงกันข้ามกับโผที่คู่หูคู่กัดอังกฤษฝรั่งเศสที่ไปกำกับบทไว้ ชาวซีเรียไม่ต้องการอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส และชาวปาเลสไตน์ไม่สนใจที่จะอยู่ในความปกครองของอังกฤษ แต่อังกฤษประสบผลสำเร็จในการสกัดไม่ให้อเมริกาทำการสำรวจในแถบเมโสโปแตเมีย (น่าคิดอังกฤษทำได้อย่างไรนะ) เดือนสิงหาคม King และ Crane ส่งรายงานสำรวจ เขาเสนอให้มีการปกครองซีเรียและปาเลสไตน์ร่วมกัน โดยคนกลางคืออเมริกา แทนการปกครองโดยพวกอดีตนักล่าอาณานิคมยุโรป และเสนอให้ Faisal ลูกชายของ Hussein เป็นหัวหน้ารัฐอาหรับ ถือเป็นการพยายามเป็นตาอยู่ของอเมริกาที่น่าสนใจ แม้จะโป๊อล่างฉ่าง ตามสไตล์และตามประสานักล่าหน้าใหม่ แต่ต้องให้คะแนนความกล้าหน้าด้านแข่งกับพวกนักล่ารุ่นเก๋า ในเกมการแย่งชิงชามข้าวหรือขนมเค้ก คติพจน์ที่เราไม่ควรลืมคือ ด้านได้ อาย อด เขาใช้กันมาทุกชาติ ทุกสมัย จนถึงปัจจุบันนี้ ภายใต้ความกดดันของอังกฤษและของฝรั่งเศส และเพราะความป่วยไข้ของประธานาธิบดี Wilson รายงานนี้ได้ถูกซ่อน และได้นำออกมาเปิดเผย 3 ปีให้หลัง ซึ่งถึงตอนนั้น ปารีสและลอนดอน ก็ตกลงกันในแผนที่ใหม่ของตะวันออกกลางเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งแน่นอนออกมาตรงกันข้ามกับที่ King และ Crane เสนอ ฝรั่งเศสตกลงได้ปกครองเลบานอนและซีเรียตามต้องการ ส่วนอังกฤษได้ปกครองเมโสโปเตเมีย ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอีรัค ซึ่งได้รวมเอา Mosul ส่วนที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันเข้าไว้ด้วย พร้อมกับได้ปกครองปาเลสไตน์ (ชื่อ Mosul นี้ คงทำให้ท่านผู้อ่านนิทานเริ่มเห็นภาพ หรือเข้าใจบางอย่างได้อย่างลาง ๆ แล้ว) ส่วนจอร์แดนให้เป็นรัฐกันชน โดยให้ Prince Abdullah ลูกชายของ Sharif Hussein มาเป็นกษัตริย์ปกครอง ภายใต้การดูแลของอังกฤษและฝรั่งเศสร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสก็ยังเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง เหนือดินแดนของลูกถูกเสี้ยมทั้งหมด มันเป็นการหลอกและต้ม Sharif Hussein จนเปื่อยยุ่ย ส่วนพวกยิว ได้รับอนุญาตจากอังกฤษให้ตั้งรกรากอยู่ที่ปาเลสไตน์ โดยมีข้อจำกัดบางประการ อังกฤษยังไม่พร้อมที่จะให้กลุ่มอาหรับ ที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์อยู่แล้วลุกฮือขึ้นมา ดังนั้น จึงพยายามจำกัดจำนวนยิว ที่จะอพยพเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ การจำกัดจำนวนนี้ ก็ทำให้ฝ่ายยิวไม่พอใจ หาทางที่จะเล็ดลอดอพยพเข้าไปในดินแดนนี้อยู่ดีในช่วงปี ค.ศ. 1920-1940 ขณะเดียวกันฝ่ายอาหรับที่อาศัยตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ ก็ถือว่าการอพยพชาวยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ เป็นการละเมิดสิทธิของพวกเขาที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1187 ข้อตกลงทั้งหมดนี้ ภายหลังได้รับความเห็นชอบและยืนยัน โดยสันนิบาตชาติ (League of Nations ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสหประชาชาติ) ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อ ค.ศ. 1918 ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุด หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อแบ่งสมบัติส่วนที่เคยเป็นอาณาจักรออตโตมาน ในระหว่างฝ่ายผู้ชนะสงคราม สันนิบาตชาตินี้ นำโดยสมาชิกที่เป็นชาติมหาอำนาจที่ชนะสงคราม คือ อังกฤษและฝรั่งเศส อีก 2 ชาติมหาอำนาจ รัสเซียกับเยอรมัน ไม่มีสิทธิร่วมด้วย เพราะเยอรมันเป็นผู้แพ้สงคราม ส่วนรัสเซียหลังสงคราม เกิดปฏิวัติบอคเชวิก เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ถูกจำกัดสิทธิไม่ให้เป็นสมาชิก การแบ่งเค้กที่ ตกลงข้างต้น จึงไม่มีทางแหกโผของอังกฤษ ! ต้องยอมรับในความตอแหล หน้าด้านของอังกฤษว่าสามารถจริง ๆ ค.ศ. 1917 โลกส่วนหนึ่งมึนงงกับข้อตกลงที่อังกฤษทำไว้กับ 3 กลุ่ม ตกลงเกี่ยวกับอนาคตของตะวันออกกลาง 3 แบบ พวกอาหรับยืนยันว่าพวกเขาต้องได้อาณาจักรอาหรับในฝัน ตามที่อังกฤษตกลงไว้กับ Sharif Hussein ส่วนฝรั่งเศส และอังกฤษ ตั้งใจที่จะเดินหน้าแบ่งเค้กอาหรับตามที่ตกลงกัน และชาวยิวก็เชื่อว่าตัวเองจะต้องได้ครอบครอง ปาเลสไตน์ ตามที่นาย Balfour รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษตกลงไว้ อังกฤษทำได้อย่างไร อังกฤษบอกทำได้สบายมาก เพราะเป็นสันดานที่เห็นแก่ได้ โกหก ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน ที่ทำมาตลอดในการล่าเหยื่อ และเด็กชายสยามก็เกือบจะไม่รอดจากการเป็นเหยื่อ จากการกระทำเยี่ยงนี้ของอังกฤษ ชาวอาหรับบอกว่า จนถึงทุกวันนี้ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับดินแดน ในตะวันออกกลาง ไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งอย่างแท้จริงระหว่างกลุ่มชนพื้นเมือง ระหว่างชาวอิรัค ชาวซีเรีย ชาวจอร์แดน ฯลฯ แต่เป็นความขัดแย้งที่มีรากมาจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่ง “ตั้งใจ” วางรูปแบบและแผนการณ์ที่จะให้มีความขัดแย้ง และการแตกแยกเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มชนชาวอาหรับด้วยกันเองต่างหาก อังกฤษและพวกได้กำหนดเขตแดนของพวกเขาโดยไม่เคารพ ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ถึงจริยธรรมและความต้องการพวกเขา เหมือนพวกเขาไม่มีตัวตนเกี่ยวข้องกับแผนที่และพื้นที่ ราวกับพวกเขาเป็นมนุษย์ล่องหน พวกเขาตกเป็นเหยื่อแห่งความกระหาย ตะกระ ตะกรามของอังกฤษและพวก ซึ่งกำหนดเขตแดนขึ้นมาอย่างชนิดที่ คนที่อยู่ในเขตแดนก็รับไม่ได้ และที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่พอใจ แล้วแบบนี้ความสงบ ความปรองดอง มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นผลงานที่สร้างตะวันออกกลางใหม่ จากอำนาจ และจากความพอใจของผู้สร้าง คือ นักล่าอาณานิคม ที่ควบคุมโดยอังกฤษแต่ผู้เดียว มันเป็นการจงใจสร้างให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สามัคคีในระหว่างชาวอาหรับ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ทั่วทั้งตะวันออกกลาง ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังมีผลสืบเนื่องอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ไม้เสี้ยมของอังกฤษ ยังทำงานได้ผลดีเยี่ยม แม้ว่าจะได้เสียบไว้นาน 100 ปี แล้ว สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • ใครว่าไม่มีผลงาน วันเกษียณ มภ.1 อย่างตึง!WOW (1/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #มภ1
    #วันเกษียณ
    #กองทัพไทย
    #ผลงาน
    ใครว่าไม่มีผลงาน วันเกษียณ มภ.1 อย่างตึง!WOW (1/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #มภ1 #วันเกษียณ #กองทัพไทย #ผลงาน
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 0 Reviews
  • ..ยกเลิกได้เลยโดยคณะรัฐมนตรีนั้นล่ะเพราะอำนาจอยู่ที่ ครม.และตัวจริงเสียงจริงคือนายกฯด้วย ,สถานะนายกฯในปัจจุบันที่ตนกำลังเป็นอยู่นี้มีอำนาจเต็มแล้วโดยสมบูรณ์สามารถทำการยกเลิกได้ทันที,จะไปอ้างว่า ถ้าตนไปทำเอง ตนจะยกเลิกไปแล้ว แบบนั้นอ้างไม่ได้,เพราะสถานะคนที่ไปทำในยุคนั้นมิใช่สถานะนายนางสาวบุคคลธรรมดาไทบ้านประชาชน,แต่มันไปทำกันโดยสถานะนายกฯซึ่งตนมีสถานะเดียวกันนี้นั้นเต็มบริบูรณ์เหมือนกัน,ไปทำกันเองด้วยแบบไม่ผ่านลงมติกับประชาชนทั่วประเทศอะไรเลยในปี43, ลุแก่อำนาจทำจนให้สำเร็จสมบูรณ์จนบรรลุเป้าหมายเองชัดเจน .,สถานะนายกฯและคณะครม.ชุดนั้นๆในอดีตปฏิบัติหน้าที่สมบูรณ์แล้ว มิใช่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมความจึงทำการให้สมบูรณ์แล้วนั้นเองในอดีตจนเขมรสามารถอ้างการปฏิบัติหน้าที่ของสถานะนายกฯและคณะครม.ชุดสมัยนั้นดำเนินการรุกรานคุกคามอธิปไตยไทยได้อย่าหน้าด้านหน้าหนาหน้ามึนในปัจจุบันของปี68ยิงประชาชนเราตายคาปั้มน้ำมันคา7/11ด้วย และคนบริสุทธิ์ไม่รู้ห่าอะไรด้วยตรึม,พวกนี้ทั้งหมดต้องถูกอาญาแผ่นดินไทยลงโทษทั้งหมดในฐานะใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ผิดจริยธรรมด้านอธิปไตยความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรงด้วย และอื่นๆอีกเพียบ,นายกฯหนู เรา..ประชาชนเตือนท่านแล้ว,เนปาล2อาจเกิดในยุคท่านได้หากตัดสินใจผิดพลาด,นักการเมืองทัังอดีตและปัจจุบันอาจถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด,สัญชาติไทยอาจถูกถอดถอนทั้งวงศ์ตระกูล,อย่าล่อเล่นกับระบบประชาชนคนไทยเรา,พฤษภาทมิฬอาจเด็กๆรวมถึง14ตุลาด้วย.

    ..หากรัฐบาลอนุทินและคณะครม.ผลักภาระการตัดสินใจยกเลิกmou43,44,tor46ให้ประชาชนสำเร็จแบบกาลงมติสำเร็จ แน่นอนเข้าแผนชั่วร้ายคนจะล้มพรรคภูมิใจไทยแบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดแน่นอนล่ะ ได้ข้อหา ม.157เต็มๆและอาจผิดจริยธรรมร้ายแรงในฐานะนายกฯผู้นำประเทศด้วย ขยายความซวยกรณีอื่นๆอีกตรึม,

    ..นายกฯอนุทินและคณะครม.ชุดปัจจุบันนี้ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยสมบูรณ์ทันที ม.157เต็มๆนั้นเอง

    ..ศัตรูพรรคภูมิใจไทยสูบบุหรี่นั่งรอดูบวกหัวเราะขี้แตกขี้แตนเลยล่ะ รอดูการล่มสลายของพรรคภูมิใจไทยอย่างสบายใจบวกรอเก็บเกี่ยวกำไรชื่อเสียงผลงานเป็นว่าเล่น,มีคนโคตรบรมโง่และหน้าโง่มาเป็นแพะแทนกูแล้วมันว่าหรือแทนอดีตนายกฯแบบกูและแทนคณะครม.ต่างๆของยุคกู อดีตรัฐบาลกูก่อนๆชุดก่อนๆกูก็ว่า,กูรอดแล้ว รอด ม.157แล้วโว้ยมันว่าโน้น ,

    ..ไม่ต้องศึกษาอะไรอีกหรอก หากผลของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา MOU 2543-2544 ออกมาว่าไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว ไม่เป็นประโยชน์ใดกับประเทศไทยตลอดระยะเวลา25ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำเขมรลุแก่ใจ ยึดดินแดนอธิปไตยไทยกว่า20-30จุดอีก สร้างบ่อนคาสิโนบนแผ่นดินไทย สร้างอาคารสถานที่เป็นฮับค้ามนุษย์ข้ามชาติระดับสากลโลกโน้น ,ฮับสแกมเมอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับโลกอีก,ถ้ายังผีบ้าไปกอดไว้หรือโยนความรับผิดชอบไปให้ประชาชนซวยแน่นอน อาจถูกฟ้องโดยประชาชนได้ด้วยจากทั่วประเทศ มรึงในนามนายกฯเวลาพวกมรึงเซ็นต์ลงนามตกลงผีบ้าอะไรกันเสือกไม่ผ่านสภาฯไม่ทำประชามติลงมติจากประชาชนพอเกิดเรื่องแดงขึ้นเสือกมาโยนให้ประชาชนมาจัดการช่วยด้วย ลงมติยกเลิกมั้ยครับประชาชนท่านสมันว่า,จึงเตรียมตัวซวยเลยในอนาคต,

    ..เรา..ประเทศไทยที่นำโดยผู้นำคนปัจจุบันคือ นายกฯอนุทินและพร้อมคณะครม.ต้องยกเลิกทันทีเลย, มันยกเลิกได้อยู่แล้ว กูรูระดับเทพเรายืนยันแล้ว,ยกเลิกฝ่ายเดียวแม้ระดับสนธิสัญญาก็ยกเลิกได้,นายกฯสมัยหน้าคือคนที่33 เป็นนายกฯอนุทินอีกแน่นอน อย่างยืดอกภาคภูมิใจสมชื่อภูมิใจไทยล่ะ,คะแนนมาแน่นอน คนไทยเกือบทั้งประเทศกาให้แน่นอน เผลอ สส.พรรคภูมิใจไทยลงสมัครที่ไหนได้สส.หมดล่ะ,เพราะคนไทยให้โอกาสแน่นอน.ลอยมานอนมาเลยตำแหน่งนายกฯคนที่33..

    https://youtu.be/aNnnPaNhAaQ?si=amZCpV5Jz4CLJN4N
    ..ยกเลิกได้เลยโดยคณะรัฐมนตรีนั้นล่ะเพราะอำนาจอยู่ที่ ครม.และตัวจริงเสียงจริงคือนายกฯด้วย ,สถานะนายกฯในปัจจุบันที่ตนกำลังเป็นอยู่นี้มีอำนาจเต็มแล้วโดยสมบูรณ์สามารถทำการยกเลิกได้ทันที,จะไปอ้างว่า ถ้าตนไปทำเอง ตนจะยกเลิกไปแล้ว แบบนั้นอ้างไม่ได้,เพราะสถานะคนที่ไปทำในยุคนั้นมิใช่สถานะนายนางสาวบุคคลธรรมดาไทบ้านประชาชน,แต่มันไปทำกันโดยสถานะนายกฯซึ่งตนมีสถานะเดียวกันนี้นั้นเต็มบริบูรณ์เหมือนกัน,ไปทำกันเองด้วยแบบไม่ผ่านลงมติกับประชาชนทั่วประเทศอะไรเลยในปี43, ลุแก่อำนาจทำจนให้สำเร็จสมบูรณ์จนบรรลุเป้าหมายเองชัดเจน .,สถานะนายกฯและคณะครม.ชุดนั้นๆในอดีตปฏิบัติหน้าที่สมบูรณ์แล้ว มิใช่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมความจึงทำการให้สมบูรณ์แล้วนั้นเองในอดีตจนเขมรสามารถอ้างการปฏิบัติหน้าที่ของสถานะนายกฯและคณะครม.ชุดสมัยนั้นดำเนินการรุกรานคุกคามอธิปไตยไทยได้อย่าหน้าด้านหน้าหนาหน้ามึนในปัจจุบันของปี68ยิงประชาชนเราตายคาปั้มน้ำมันคา7/11ด้วย และคนบริสุทธิ์ไม่รู้ห่าอะไรด้วยตรึม,พวกนี้ทั้งหมดต้องถูกอาญาแผ่นดินไทยลงโทษทั้งหมดในฐานะใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ผิดจริยธรรมด้านอธิปไตยความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรงด้วย และอื่นๆอีกเพียบ,นายกฯหนู เรา..ประชาชนเตือนท่านแล้ว,เนปาล2อาจเกิดในยุคท่านได้หากตัดสินใจผิดพลาด,นักการเมืองทัังอดีตและปัจจุบันอาจถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด,สัญชาติไทยอาจถูกถอดถอนทั้งวงศ์ตระกูล,อย่าล่อเล่นกับระบบประชาชนคนไทยเรา,พฤษภาทมิฬอาจเด็กๆรวมถึง14ตุลาด้วย. ..หากรัฐบาลอนุทินและคณะครม.ผลักภาระการตัดสินใจยกเลิกmou43,44,tor46ให้ประชาชนสำเร็จแบบกาลงมติสำเร็จ แน่นอนเข้าแผนชั่วร้ายคนจะล้มพรรคภูมิใจไทยแบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดแน่นอนล่ะ ได้ข้อหา ม.157เต็มๆและอาจผิดจริยธรรมร้ายแรงในฐานะนายกฯผู้นำประเทศด้วย ขยายความซวยกรณีอื่นๆอีกตรึม, ..นายกฯอนุทินและคณะครม.ชุดปัจจุบันนี้ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยสมบูรณ์ทันที ม.157เต็มๆนั้นเอง ..ศัตรูพรรคภูมิใจไทยสูบบุหรี่นั่งรอดูบวกหัวเราะขี้แตกขี้แตนเลยล่ะ รอดูการล่มสลายของพรรคภูมิใจไทยอย่างสบายใจบวกรอเก็บเกี่ยวกำไรชื่อเสียงผลงานเป็นว่าเล่น,มีคนโคตรบรมโง่และหน้าโง่มาเป็นแพะแทนกูแล้วมันว่าหรือแทนอดีตนายกฯแบบกูและแทนคณะครม.ต่างๆของยุคกู อดีตรัฐบาลกูก่อนๆชุดก่อนๆกูก็ว่า,กูรอดแล้ว รอด ม.157แล้วโว้ยมันว่าโน้น , ..ไม่ต้องศึกษาอะไรอีกหรอก หากผลของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา MOU 2543-2544 ออกมาว่าไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว ไม่เป็นประโยชน์ใดกับประเทศไทยตลอดระยะเวลา25ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำเขมรลุแก่ใจ ยึดดินแดนอธิปไตยไทยกว่า20-30จุดอีก สร้างบ่อนคาสิโนบนแผ่นดินไทย สร้างอาคารสถานที่เป็นฮับค้ามนุษย์ข้ามชาติระดับสากลโลกโน้น ,ฮับสแกมเมอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับโลกอีก,ถ้ายังผีบ้าไปกอดไว้หรือโยนความรับผิดชอบไปให้ประชาชนซวยแน่นอน อาจถูกฟ้องโดยประชาชนได้ด้วยจากทั่วประเทศ มรึงในนามนายกฯเวลาพวกมรึงเซ็นต์ลงนามตกลงผีบ้าอะไรกันเสือกไม่ผ่านสภาฯไม่ทำประชามติลงมติจากประชาชนพอเกิดเรื่องแดงขึ้นเสือกมาโยนให้ประชาชนมาจัดการช่วยด้วย ลงมติยกเลิกมั้ยครับประชาชนท่านสมันว่า,จึงเตรียมตัวซวยเลยในอนาคต, ..เรา..ประเทศไทยที่นำโดยผู้นำคนปัจจุบันคือ นายกฯอนุทินและพร้อมคณะครม.ต้องยกเลิกทันทีเลย, มันยกเลิกได้อยู่แล้ว กูรูระดับเทพเรายืนยันแล้ว,ยกเลิกฝ่ายเดียวแม้ระดับสนธิสัญญาก็ยกเลิกได้,นายกฯสมัยหน้าคือคนที่33 เป็นนายกฯอนุทินอีกแน่นอน อย่างยืดอกภาคภูมิใจสมชื่อภูมิใจไทยล่ะ,คะแนนมาแน่นอน คนไทยเกือบทั้งประเทศกาให้แน่นอน เผลอ สส.พรรคภูมิใจไทยลงสมัครที่ไหนได้สส.หมดล่ะ,เพราะคนไทยให้โอกาสแน่นอน.ลอยมานอนมาเลยตำแหน่งนายกฯคนที่33.. https://youtu.be/aNnnPaNhAaQ?si=amZCpV5Jz4CLJN4N
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • "อนุทิน" ลั่น “ผู้แพ้เห็นปัญหา ผู้ชนะเห็นทางออก” ยกคำ "ทักษิณ" ตอกหน้าเพื่อไทย – เคลมผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ยันพร้อมนั่ง สธ.เองหากฟอกไตฟรีไม่กลับมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000093303

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "อนุทิน" ลั่น “ผู้แพ้เห็นปัญหา ผู้ชนะเห็นทางออก” ยกคำ "ทักษิณ" ตอกหน้าเพื่อไทย – เคลมผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ยันพร้อมนั่ง สธ.เองหากฟอกไตฟรีไม่กลับมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000093303 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 398 Views 0 Reviews
  • “Jonathan Clements จากไปอย่างสงบ — นักเขียนผู้เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาด้วยคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความหมาย’”

    Jonathan Clements ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HumbleDollar และอดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของ The Wall Street Journal ได้เขียนข้อความอำลาครั้งสุดท้ายไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของเว็บไซต์ ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี

    เขาเริ่มต้นข้อความว่า “ถ้าคุณเห็นโพสต์นี้ แปลว่าผมจากไปแล้ว” พร้อมขอให้ผู้อ่านไม่เศร้า เพราะเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ประสบการณ์ และโอกาสที่ดีในอาชีพ เขาหวังว่าใต้ต้นไม้หน้าบ้านในฟิลาเดลเฟีย ภรรยาของเขา Elaine จะวางแผ่นหินจารึกชื่อของเขา พร้อมคำว่า “Family • Readers • Words” ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต

    Jonathan เล่าถึงชีวิตตั้งแต่เกิดในลอนดอน ย้ายไปอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank และต้องเผชิญกับชีวิตในโรงเรียนประจำที่โหดร้ายในอังกฤษ ก่อนจะสอบเข้า Cambridge และเริ่มต้นเส้นทางนักข่าวที่ Forbes และ The Wall Street Journal ซึ่งเขาเขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน

    เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (index fund) ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เป็นที่นิยม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีเป้าหมาย เขาเคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และคว้าอันดับหนึ่งในฮาล์ฟมาราธอนบนเรือกลางทะเลแอนตาร์กติกา

    แม้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นนัก แต่เขาพบรักครั้งสุดท้ายกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 เพียงห้าวันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

    เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายจัดการชีวิต เตรียมเว็บไซต์ HumbleDollar ให้ดำเนินต่อได้ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตายอย่างมีสติ จนได้รับความสนใจจากสื่อหลายแห่ง เช่น The New York Times, WSJ และ AARP

    Jonathan ไม่เพียงเป็นนักเขียนด้านการเงิน แต่เป็นนักคิดที่ใช้ “คำ” เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจชีวิต เขาจากไปอย่างสงบ แต่ทิ้งไว้ซึ่งบทเรียนเรื่องเงิน ความรัก และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jonathan Clements เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี
    เขาเขียนข้อความอำลาไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของ HumbleDollar
    ขอให้ภรรยาวางแผ่นหินจารึกคำว่า “Family • Readers • Words” ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน
    เกิดในลอนดอน ย้ายมาอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank
    เรียนที่ Cambridge และเริ่มงานที่ Forbes ก่อนย้ายไป The Wall Street Journal
    เขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน และผลักดันแนวคิด index fund
    เคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และชนะการแข่งขันหลายรายการ
    พบรักกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 หลังรู้ว่าเป็นมะเร็ง
    เตรียม HumbleDollar ให้ดำเนินต่อ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตาย
    ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายแห่ง เช่น NYT, WSJ, AARP

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Jonathan เป็นหนึ่งในนักเขียนด้านการเงินที่ผลักดัน index fund สู่กระแสหลัก
    หนังสือ “How to Think About Money” เป็นผลงานที่ขายดีที่สุดของเขา
    เขาเคยทำงานกับ Citigroup และ Creative Planning ในบทบาทด้านการศึกษาการเงิน
    HumbleDollar เปิดให้ผู้เขียนสมัครเล่นร่วมเขียนบทความ โดยเขาเป็นผู้แก้ไขด้วยตัวเอง
    เขาเชื่อว่าความสุขมาจากการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ

    https://humbledollar.com/forum/farewell-friends/
    🕊️ “Jonathan Clements จากไปอย่างสงบ — นักเขียนผู้เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาด้วยคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความหมาย’” Jonathan Clements ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HumbleDollar และอดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของ The Wall Street Journal ได้เขียนข้อความอำลาครั้งสุดท้ายไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของเว็บไซต์ ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี เขาเริ่มต้นข้อความว่า “ถ้าคุณเห็นโพสต์นี้ แปลว่าผมจากไปแล้ว” พร้อมขอให้ผู้อ่านไม่เศร้า เพราะเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ประสบการณ์ และโอกาสที่ดีในอาชีพ เขาหวังว่าใต้ต้นไม้หน้าบ้านในฟิลาเดลเฟีย ภรรยาของเขา Elaine จะวางแผ่นหินจารึกชื่อของเขา พร้อมคำว่า “Family • Readers • Words” ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต Jonathan เล่าถึงชีวิตตั้งแต่เกิดในลอนดอน ย้ายไปอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank และต้องเผชิญกับชีวิตในโรงเรียนประจำที่โหดร้ายในอังกฤษ ก่อนจะสอบเข้า Cambridge และเริ่มต้นเส้นทางนักข่าวที่ Forbes และ The Wall Street Journal ซึ่งเขาเขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (index fund) ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เป็นที่นิยม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีเป้าหมาย เขาเคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และคว้าอันดับหนึ่งในฮาล์ฟมาราธอนบนเรือกลางทะเลแอนตาร์กติกา แม้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นนัก แต่เขาพบรักครั้งสุดท้ายกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 เพียงห้าวันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายจัดการชีวิต เตรียมเว็บไซต์ HumbleDollar ให้ดำเนินต่อได้ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตายอย่างมีสติ จนได้รับความสนใจจากสื่อหลายแห่ง เช่น The New York Times, WSJ และ AARP Jonathan ไม่เพียงเป็นนักเขียนด้านการเงิน แต่เป็นนักคิดที่ใช้ “คำ” เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจชีวิต เขาจากไปอย่างสงบ แต่ทิ้งไว้ซึ่งบทเรียนเรื่องเงิน ความรัก และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jonathan Clements เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี ➡️ เขาเขียนข้อความอำลาไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของ HumbleDollar ➡️ ขอให้ภรรยาวางแผ่นหินจารึกคำว่า “Family • Readers • Words” ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ➡️ เกิดในลอนดอน ย้ายมาอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank ➡️ เรียนที่ Cambridge และเริ่มงานที่ Forbes ก่อนย้ายไป The Wall Street Journal ➡️ เขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน และผลักดันแนวคิด index fund ➡️ เคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และชนะการแข่งขันหลายรายการ ➡️ พบรักกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 หลังรู้ว่าเป็นมะเร็ง ➡️ เตรียม HumbleDollar ให้ดำเนินต่อ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตาย ➡️ ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายแห่ง เช่น NYT, WSJ, AARP ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Jonathan เป็นหนึ่งในนักเขียนด้านการเงินที่ผลักดัน index fund สู่กระแสหลัก ➡️ หนังสือ “How to Think About Money” เป็นผลงานที่ขายดีที่สุดของเขา ➡️ เขาเคยทำงานกับ Citigroup และ Creative Planning ในบทบาทด้านการศึกษาการเงิน ➡️ HumbleDollar เปิดให้ผู้เขียนสมัครเล่นร่วมเขียนบทความ โดยเขาเป็นผู้แก้ไขด้วยตัวเอง ➡️ เขาเชื่อว่าความสุขมาจากการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ https://humbledollar.com/forum/farewell-friends/
    HUMBLEDOLLAR.COM
    Farewell Friends - HumbleDollar
    If this post is appearing, it means I’ve succumbed to cancer or one of its side effects. Please don’t feel sad for me. I’ve had a life filled with love, great experiences and wonderful career opportunities. Despite my demise at a relatively young age, I consider myself beyond fortunate. I’m hoping that, under the tree in front of our little Philadelphia rowhome, my wife Elaine will place a stone tablet inscribed with my name, and the year I was born and died.
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • ..พันธมิตรหลายท่านไปฉีดวัคซีนโควิด19ยุคลุงตู่ไม่น้อยเลย,แกนนำและรองแกนนำด้วย.
    ..deep state ไซออนิสต์ในไทยเรามีไม่น้อยนะ,คาร์บอนเครดิตคือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะคือผลงานการควบคุมรัฐบาลอนุทินว่า ,นายกฯคือบ๋อยมันอีกคนนั้นเอง.
    ..ขอแสดงความเสียใจกับสายธารพันธมิตรทุกๆคนด้วยที่หลงไปรับวัคซีนโควิดมา,ใครของแท้ก็ออกอาการเร็วหน่อย,ใครของปลอมน้ำเกลือๆแร่ก็รอดไป,แต่3เข็มอัพ อาจมี1เข็มที่เป็นของแท้,1เข็มมันจะแสดงอากรเมื่อผ่านเวลาไป5-10ปีอย่างน้อยขึ้นอยู่กับภูมิnkcellตน.

    https://youtube.com/shorts/Mo7xr-9R73g?si=_1NDsCioPO_xZSt-
    ..พันธมิตรหลายท่านไปฉีดวัคซีนโควิด19ยุคลุงตู่ไม่น้อยเลย,แกนนำและรองแกนนำด้วย. ..deep state ไซออนิสต์ในไทยเรามีไม่น้อยนะ,คาร์บอนเครดิตคือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะคือผลงานการควบคุมรัฐบาลอนุทินว่า ,นายกฯคือบ๋อยมันอีกคนนั้นเอง. ..ขอแสดงความเสียใจกับสายธารพันธมิตรทุกๆคนด้วยที่หลงไปรับวัคซีนโควิดมา,ใครของแท้ก็ออกอาการเร็วหน่อย,ใครของปลอมน้ำเกลือๆแร่ก็รอดไป,แต่3เข็มอัพ อาจมี1เข็มที่เป็นของแท้,1เข็มมันจะแสดงอากรเมื่อผ่านเวลาไป5-10ปีอย่างน้อยขึ้นอยู่กับภูมิnkcellตน. https://youtube.com/shorts/Mo7xr-9R73g?si=_1NDsCioPO_xZSt-
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • บทเพลงแห่งความขัดแย้งที่กลายเป็นอมตะ: เรื่องราวเบื้องหลังเพลง 'I Can't Tell You Why' โดย Eagles

    ในช่วงปลายยุค 70 วงดนตรีร็อกชื่อดังอย่าง Eagles ได้ก้าวสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จระดับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากอัลบั้มยอดเยี่ยม Hotel California (1976) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้กลับนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลและความขัดแย้งที่ร้าวลึกภายในวง โดยเฉพาะระหว่างแกนนำอย่าง Don Henley และ Glenn Frey

    ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดนี้ การบันทึกเสียงอัลบั้มถัดมา The Long Run (1979) จึงเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก ทีมงานของค่ายเพลงถึงกับเรียกมันว่า “The Long One” หรือ “สิ่งที่ยาวนาน” ซึ่ง Don Henley เองก็ยอมรับในภายหลังว่าอัลบั้มนี้โดยรวมแล้ว “ไม่ใช่แผ่นเสียงที่ดีนัก” เพราะสมาชิกวงต่าง “หมดไฟ” และ “ตึงเครียด” จนเกินไป

    แต่ท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว บทเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกอย่าง “I Can't Tell You Why” ได้ถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นข้อยกเว้นที่โดดเด่น เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่วงสามารถบันทึกเสร็จสมบูรณ์สำหรับอัลบั้มนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันสั้นที่ Eagles สามารถกลับมาร่วมงานกันได้อย่างสร้างสรรค์ ก่อนที่ความขัดแย้งภายในจะกลับมาอีกครั้งและนำไปสู่การยุบวงในที่สุด เพลงนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามารถอันน่าทึ่งของวงในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สวยงามและลงตัวจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะพังทลาย

    เรื่องราวเริ่มขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ที่แทน Randy Meisner ในปี 1977 Schmit ได้นำไอเดียเพลงจากประสบการณ์ส่วนตัวมาเสนอ และร่วมแต่งกับ Frey และ Henley ภายในไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า

    เรื่องราวของเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ผู้มากประสบการณ์จากวง Poco ที่เข้ามาแทน Randy Meisner ซึ่งลาออกไปในปี 1977 Schmit เข้ามาในฐานะคนวงนอก ผู้ที่ตั้งใจ “ทำทุกอย่างเพื่อรักษาสันติภาพ” และช่วยให้สถานการณ์ภายในวงดีขึ้น เขาได้นำไอเดียตั้งต้นของเพลงที่เขาบอกว่า “อิงจากประสบการณ์ส่วนตัว” มาเสนอต่อ Frey และ Henley เพื่อเป็นเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเขาใน Eagles ทั้งสามคนได้ร่วมกันแต่งเพลงนี้อย่างรวดเร็วในช่วง “ไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า” จนได้ผลงานที่สมบูรณ์ Don Henley และ Glenn Frey ต้องการนำเสนอ Timothy B. Schmit ด้วยเสียงที่แตกต่างจากดนตรีคันทรี่ร็อกที่เขาเคยทำ โดย Frey ที่มี “รากฐานลึกซึ้งในดนตรีโซล” ได้แนะนำ Schmit อย่างชัดเจนว่า “คุณสามารถร้องเพลงแบบ Smokey Robinson ได้” และให้เปลี่ยนมาทำ “เพลงแนว R&B” แทน ขณะที่ Henley ก็กล่าวเสริมว่าเพลงนี้มีสไตล์แบบ “Al Green ชัดๆ”

    ในด้านองค์ประกอบทางดนตรี Frey ยังมีบทบาทสำคัญในการเรียบเรียง โดย Timothy B. Schmit ถึงกับเรียกเขาว่า "The Lone Arranger" (ผู้เรียบเรียงเพียงหนึ่งเดียว) เนื่องจากความสามารถในการจัดการพาร์ทดนตรีต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะท่อนโซโล่กีตาร์ที่ไพเราะและโดดเด่นในเพลงนี้ที่ Frey เป็นผู้บรรเลงเอง นอกจากนี้ Joe Walsh ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศของเพลงด้วยการเล่นคีย์บอร์ดทั้งหมด ทั้ง Hammond organ, Fender Rhodes electric piano และ ARP String Synthesizer ทั้งหมดนี้ได้หลอมรวมกันเป็นงานบัลลาดที่แตกต่างจากเพลงร็อกและคันทรี่-ร็อกที่แข็งกร้าวของวง 7 และได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่ “มีจิตวิญญาณมากที่สุด” ของ Eagles

    เนื้อเพลงของ “I Can't Tell You Why” สะท้อนถึงความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวดในความสัมพันธ์ได้อย่างลึกซึ้ง มันเล่าเรื่องราวของคนที่ต้องการจะเดินจากไปแต่กลับถูกดึงดูดให้กลับมาเสมอ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แม้จะอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Schmit แต่เขาก็ยืนยันว่ามันถ่ายทอด “แก่นสากลของความรัก, ความไม่แน่นอน และการสื่อสารที่ล้มเหลว” ได้อย่างครอบคลุม ด้านเสียงร้องนำโดย Timothy B. Schmit ซึ่งถูกบรรยายว่าเป็นเสียง “ใสกังวาน” และ “เสียงสูงแบบเจ็บปวด” ได้เพิ่มมิติที่ลึกซึ้งและคุณภาพที่น่าจดจำให้กับเพลง เพลงนี้ถือเป็นเพลงแรกที่ Eagles ให้ Schmit ร้องนำอย่างเต็มตัว ซึ่งทำให้เขาได้สร้างเอกลักษณ์ทางเสียงของตนเองได้อย่างชัดเจนและเป็นที่จดจำในฐานะนักร้องนำอีกคนหนึ่งของวง

    หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาในฐานะซิงเกิลที่สามในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1980 เพลง “I Can't Tell You Why” ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นไปถึงอันดับ 8 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ในเดือนเมษายน 1980 และขึ้นไปถึงอันดับ 3 บนชาร์ต Adult Contemporary ความสำเร็จนี้ทำให้เป็นเพลงท็อป 10 เพลงที่สามติดต่อกันจากอัลบั้ม The Long Run และที่สำคัญที่สุด มันยังกลายเป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของ Eagles บนชาร์ต Billboard Hot 100 ก่อนที่พวกเขาจะประกาศยุบวงในเวลาต่อมา แม้จะไม่ได้เป็นเพลงที่ทำยอดขายสูงสุดเท่ากับเพลงยอดนิยมอื่นๆ แต่ “I Can't Tell You Why” ได้กลายเป็นเพลงโปรดของแฟนๆ และเป็น “ช่วงเวลาไฮไลต์” สำหรับ Timothy B. Schmit ในการแสดงสด เพลงนี้อยู่ในอันดับที่ 9 ของเพลงที่ถูกเล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวง นอกจากนี้ เพลงยังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดย

    Billboard จัดให้เพลงนี้อยู่ในอันดับ 6 ของผลงาน Eagles ที่ดีที่สุด (2017) และ Rolling Stone ให้อันดับ 11 (2019)

    ความสำคัญของเพลงนี้ยังคงดำเนินต่อไปผ่านเพลงคัฟเวอร์จำนวนมากที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางดนตรี ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่

    วง R&B อย่าง Brownstone ที่นำเพลงนี้มาทำใหม่ในรูปแบบอาร์แอนด์บีร่วมสมัยในปี 1995 ซึ่งเวอร์ชันของพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 54 บน Billboard Hot 100 และอันดับ 22 บนชาร์ต Hot R&B ศิลปินเพลงคันทรี่

    ศิลปินเพลงคันทรี่ Vince Gill ก็เคยนำเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ในปี 1993 โดยมี Timothy B. Schmit มาร่วมร้องประสานให้ด้วย ซึ่งเวอร์ชันนี้สามารถไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 42 บนชาร์ต Hot Country Songs

    นอกจากนี้ ศิลปินแจ๊สอย่าง Diana Krall ก็ได้นำเพลงนี้ไปตีความใหม่ในแนวแจ๊สอันนุ่มนวลสำหรับอัลบั้ม Wallflower ของเธอในปี 2015 ซึ่งเวอร์ชันนี้ขึ้นไปถึงอันดับ 10 บนชาร์ต Billboard Smooth Jazz การที่เพลงสามารถถูกนำไปคัฟเวอร์ในหลากหลายแนวเพลง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเนื้อหาและโครงสร้างทางดนตรีของเพลงต้นฉบับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นเพลงที่โดดเด่นและมีอิทธิพลเหนือกาลเวลา

    “I Can't Tell You Why” จึงเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของบทเพลงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงแต่กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์และการสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จทางพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเพลงที่เชื่อมโยง Eagles เข้ากับยุคใหม่ ด้วยการแนะนำสมาชิกใหม่และสำรวจแนวเพลงที่ไม่เคยทำมาก่อน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของวงในยุคนั้น ท้ายที่สุด “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นหนึ่งในบัลลาดที่สำคัญและได้รับความนิยมสูงสุดของ Eagles เพราะเรื่องราวที่ซับซ้อนและย้อนแย้งที่อยู่เบื้องหลังการกำเนิดของมัน เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด Eagles ก็ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ไร้กาลเวลาซึ่งยังคงดึงดูดและสะท้อนความรู้สึกของผู้ฟังมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/Odcn6qk94bs
    🎶 บทเพลงแห่งความขัดแย้งที่กลายเป็นอมตะ: เรื่องราวเบื้องหลังเพลง 'I Can't Tell You Why' โดย Eagles ✨ ในช่วงปลายยุค 70 วงดนตรีร็อกชื่อดังอย่าง Eagles ได้ก้าวสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จระดับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากอัลบั้มยอดเยี่ยม Hotel California (1976) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้กลับนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลและความขัดแย้งที่ร้าวลึกภายในวง โดยเฉพาะระหว่างแกนนำอย่าง Don Henley และ Glenn Frey 💿 ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดนี้ การบันทึกเสียงอัลบั้มถัดมา The Long Run (1979) จึงเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก ทีมงานของค่ายเพลงถึงกับเรียกมันว่า “The Long One” หรือ “สิ่งที่ยาวนาน” ซึ่ง Don Henley เองก็ยอมรับในภายหลังว่าอัลบั้มนี้โดยรวมแล้ว “ไม่ใช่แผ่นเสียงที่ดีนัก” เพราะสมาชิกวงต่าง “หมดไฟ” และ “ตึงเครียด” จนเกินไป ❤️ แต่ท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว บทเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกอย่าง “I Can't Tell You Why” ได้ถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นข้อยกเว้นที่โดดเด่น เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่วงสามารถบันทึกเสร็จสมบูรณ์สำหรับอัลบั้มนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันสั้นที่ Eagles สามารถกลับมาร่วมงานกันได้อย่างสร้างสรรค์ ก่อนที่ความขัดแย้งภายในจะกลับมาอีกครั้งและนำไปสู่การยุบวงในที่สุด เพลงนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามารถอันน่าทึ่งของวงในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สวยงามและลงตัวจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะพังทลาย 👤 เรื่องราวเริ่มขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ที่แทน Randy Meisner ในปี 1977 Schmit ได้นำไอเดียเพลงจากประสบการณ์ส่วนตัวมาเสนอ และร่วมแต่งกับ Frey และ Henley ภายในไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า 🎤 เรื่องราวของเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ผู้มากประสบการณ์จากวง Poco ที่เข้ามาแทน Randy Meisner ซึ่งลาออกไปในปี 1977 Schmit เข้ามาในฐานะคนวงนอก ผู้ที่ตั้งใจ “ทำทุกอย่างเพื่อรักษาสันติภาพ” และช่วยให้สถานการณ์ภายในวงดีขึ้น เขาได้นำไอเดียตั้งต้นของเพลงที่เขาบอกว่า “อิงจากประสบการณ์ส่วนตัว” มาเสนอต่อ Frey และ Henley เพื่อเป็นเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเขาใน Eagles ทั้งสามคนได้ร่วมกันแต่งเพลงนี้อย่างรวดเร็วในช่วง “ไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า” จนได้ผลงานที่สมบูรณ์ Don Henley และ Glenn Frey ต้องการนำเสนอ Timothy B. Schmit ด้วยเสียงที่แตกต่างจากดนตรีคันทรี่ร็อกที่เขาเคยทำ โดย Frey ที่มี “รากฐานลึกซึ้งในดนตรีโซล” ได้แนะนำ Schmit อย่างชัดเจนว่า “คุณสามารถร้องเพลงแบบ Smokey Robinson ได้” และให้เปลี่ยนมาทำ “เพลงแนว R&B” แทน ขณะที่ Henley ก็กล่าวเสริมว่าเพลงนี้มีสไตล์แบบ “Al Green ชัดๆ” 🎸 ในด้านองค์ประกอบทางดนตรี Frey ยังมีบทบาทสำคัญในการเรียบเรียง โดย Timothy B. Schmit ถึงกับเรียกเขาว่า "The Lone Arranger" (ผู้เรียบเรียงเพียงหนึ่งเดียว) เนื่องจากความสามารถในการจัดการพาร์ทดนตรีต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะท่อนโซโล่กีตาร์ที่ไพเราะและโดดเด่นในเพลงนี้ที่ Frey เป็นผู้บรรเลงเอง นอกจากนี้ Joe Walsh ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศของเพลงด้วยการเล่นคีย์บอร์ดทั้งหมด ทั้ง Hammond organ, Fender Rhodes electric piano และ ARP String Synthesizer ทั้งหมดนี้ได้หลอมรวมกันเป็นงานบัลลาดที่แตกต่างจากเพลงร็อกและคันทรี่-ร็อกที่แข็งกร้าวของวง 7 และได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่ “มีจิตวิญญาณมากที่สุด” ของ Eagles 💔 เนื้อเพลงของ “I Can't Tell You Why” สะท้อนถึงความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวดในความสัมพันธ์ได้อย่างลึกซึ้ง มันเล่าเรื่องราวของคนที่ต้องการจะเดินจากไปแต่กลับถูกดึงดูดให้กลับมาเสมอ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แม้จะอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Schmit แต่เขาก็ยืนยันว่ามันถ่ายทอด “แก่นสากลของความรัก, ความไม่แน่นอน และการสื่อสารที่ล้มเหลว” ได้อย่างครอบคลุม ด้านเสียงร้องนำโดย Timothy B. Schmit ซึ่งถูกบรรยายว่าเป็นเสียง “ใสกังวาน” และ “เสียงสูงแบบเจ็บปวด” ได้เพิ่มมิติที่ลึกซึ้งและคุณภาพที่น่าจดจำให้กับเพลง เพลงนี้ถือเป็นเพลงแรกที่ Eagles ให้ Schmit ร้องนำอย่างเต็มตัว ซึ่งทำให้เขาได้สร้างเอกลักษณ์ทางเสียงของตนเองได้อย่างชัดเจนและเป็นที่จดจำในฐานะนักร้องนำอีกคนหนึ่งของวง 📀 หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาในฐานะซิงเกิลที่สามในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1980 เพลง “I Can't Tell You Why” ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นไปถึงอันดับ 8 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ในเดือนเมษายน 1980 และขึ้นไปถึงอันดับ 3 บนชาร์ต Adult Contemporary ความสำเร็จนี้ทำให้เป็นเพลงท็อป 10 เพลงที่สามติดต่อกันจากอัลบั้ม The Long Run และที่สำคัญที่สุด มันยังกลายเป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของ Eagles บนชาร์ต Billboard Hot 100 ก่อนที่พวกเขาจะประกาศยุบวงในเวลาต่อมา แม้จะไม่ได้เป็นเพลงที่ทำยอดขายสูงสุดเท่ากับเพลงยอดนิยมอื่นๆ แต่ “I Can't Tell You Why” ได้กลายเป็นเพลงโปรดของแฟนๆ และเป็น “ช่วงเวลาไฮไลต์” สำหรับ Timothy B. Schmit ในการแสดงสด เพลงนี้อยู่ในอันดับที่ 9 ของเพลงที่ถูกเล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวง นอกจากนี้ เพลงยังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดย 🏆 Billboard จัดให้เพลงนี้อยู่ในอันดับ 6 ของผลงาน Eagles ที่ดีที่สุด (2017) และ Rolling Stone ให้อันดับ 11 (2019) 🎵 ความสำคัญของเพลงนี้ยังคงดำเนินต่อไปผ่านเพลงคัฟเวอร์จำนวนมากที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางดนตรี ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่ 🎤 วง R&B อย่าง Brownstone ที่นำเพลงนี้มาทำใหม่ในรูปแบบอาร์แอนด์บีร่วมสมัยในปี 1995 ซึ่งเวอร์ชันของพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 54 บน Billboard Hot 100 และอันดับ 22 บนชาร์ต Hot R&B ศิลปินเพลงคันทรี่ 🎧 🎤 ศิลปินเพลงคันทรี่ Vince Gill ก็เคยนำเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ในปี 1993 โดยมี Timothy B. Schmit มาร่วมร้องประสานให้ด้วย ซึ่งเวอร์ชันนี้สามารถไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 42 บนชาร์ต Hot Country Songs 🤠 🎤 นอกจากนี้ ศิลปินแจ๊สอย่าง Diana Krall ก็ได้นำเพลงนี้ไปตีความใหม่ในแนวแจ๊สอันนุ่มนวลสำหรับอัลบั้ม Wallflower ของเธอในปี 2015 ซึ่งเวอร์ชันนี้ขึ้นไปถึงอันดับ 10 บนชาร์ต Billboard Smooth Jazz การที่เพลงสามารถถูกนำไปคัฟเวอร์ในหลากหลายแนวเพลง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเนื้อหาและโครงสร้างทางดนตรีของเพลงต้นฉบับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นเพลงที่โดดเด่นและมีอิทธิพลเหนือกาลเวลา 🎹 ⌛ 🌟 “I Can't Tell You Why” จึงเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของบทเพลงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงแต่กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์และการสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จทางพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเพลงที่เชื่อมโยง Eagles เข้ากับยุคใหม่ ด้วยการแนะนำสมาชิกใหม่และสำรวจแนวเพลงที่ไม่เคยทำมาก่อน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของวงในยุคนั้น ท้ายที่สุด “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นหนึ่งในบัลลาดที่สำคัญและได้รับความนิยมสูงสุดของ Eagles เพราะเรื่องราวที่ซับซ้อนและย้อนแย้งที่อยู่เบื้องหลังการกำเนิดของมัน เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด Eagles ก็ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ไร้กาลเวลาซึ่งยังคงดึงดูดและสะท้อนความรู้สึกของผู้ฟังมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ 🌈 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/Odcn6qk94bs
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • “Splash Damage หลุดจากเงา Tencent — สตูดิโอเกมเก๋าอังกฤษเปลี่ยนมือสู่กลุ่มทุนเอกชน หลังยกเลิกโปรเจกต์ Transformers”

    Splash Damage สตูดิโอเกมจากอังกฤษที่อยู่เบื้องหลังผลงานดังอย่าง Gears 5, Batman: Arkham Origins และ Brink ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Tencent อย่างเป็นทางการ โดยเปลี่ยนมือไปอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มนักลงทุนเอกชน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในขณะนี้

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากโปรเจกต์เกม Transformers: Reactive ถูกยกเลิกในปี 2024 ซึ่งส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานจำนวนหนึ่งในทีม Splash Damage โดยทางสตูดิโอระบุว่า “การต้องบอกลาเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องเจ็บปวดที่สุด” และยืนยันว่าจะดูแลทั้งผู้ที่อยู่และผู้ที่จากไปอย่างเต็มที่

    แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าการยกเลิกโปรเจกต์ Transformers เป็นสาเหตุหลักของการแยกตัวจาก Tencent แต่หลายฝ่ายคาดว่าอาจมีความเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมื่อ Hasbro ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ Transformers ก็มีบทบาทในการตัดสินใจครั้งนั้น

    Splash Damage ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 และมีประสบการณ์ในวงการเกมมากกว่า 20 ปี การที่สตูดิโอยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้แม้จะเปลี่ยนมือ ถือเป็นข่าวดีในยุคที่สตูดิโอเกมเก่าแก่หลายแห่งต้องปิดตัวลง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Splash Damage แยกตัวจาก Tencent และถูกซื้อโดยกลุ่มทุนเอกชน
    ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางสตูดิโอในขณะนี้
    การเปลี่ยนมือเกิดขึ้นหลังโปรเจกต์ Transformers: Reactive ถูกยกเลิก
    การยกเลิกโปรเจกต์ส่งผลให้มีการปลดพนักงานในทีม
    สตูดิโอยืนยันว่าจะดูแลทั้งผู้ที่อยู่และผู้ที่จากไปอย่างเต็มที่
    Splash Damage มีผลงานเด่น เช่น Gears 5, Brink, Batman: Arkham Origins
    ก่อตั้งในปี 2001 และมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในวงการเกม
    การเปลี่ยนมือครั้งนี้ไม่ใช่การปิดกิจการ แต่เป็นการปรับโครงสร้างใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Splash Damage เคยถูก Leyou Technologies ซื้อกิจการในปี 2016 ก่อนที่ Tencent จะเข้ามาเป็นเจ้าของผ่านการซื้อ Leyou
    สตูดิโอมีชื่อเสียงด้านเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และการร่วมพัฒนาเกมกับค่ายใหญ่
    การเปลี่ยนมือไปสู่กลุ่มทุนเอกชนอาจเปิดโอกาสให้สตูดิโอมีอิสระในการพัฒนาเกมมากขึ้น
    ตลาดเกมในอังกฤษยังคงมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเกม AAA และเกมออนไลน์
    การยกเลิกโปรเจกต์ Transformers อาจเกี่ยวข้องกับการปรับกลยุทธ์ของ Hasbro ในการจัดการลิขสิทธิ์เกม

    https://wccftech.com/developer-splash-damage-no-longer-owned-by-tencent-acquired-by-private-equity-investors/
    🎮 “Splash Damage หลุดจากเงา Tencent — สตูดิโอเกมเก๋าอังกฤษเปลี่ยนมือสู่กลุ่มทุนเอกชน หลังยกเลิกโปรเจกต์ Transformers” Splash Damage สตูดิโอเกมจากอังกฤษที่อยู่เบื้องหลังผลงานดังอย่าง Gears 5, Batman: Arkham Origins และ Brink ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Tencent อย่างเป็นทางการ โดยเปลี่ยนมือไปอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มนักลงทุนเอกชน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในขณะนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากโปรเจกต์เกม Transformers: Reactive ถูกยกเลิกในปี 2024 ซึ่งส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานจำนวนหนึ่งในทีม Splash Damage โดยทางสตูดิโอระบุว่า “การต้องบอกลาเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องเจ็บปวดที่สุด” และยืนยันว่าจะดูแลทั้งผู้ที่อยู่และผู้ที่จากไปอย่างเต็มที่ แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าการยกเลิกโปรเจกต์ Transformers เป็นสาเหตุหลักของการแยกตัวจาก Tencent แต่หลายฝ่ายคาดว่าอาจมีความเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมื่อ Hasbro ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ Transformers ก็มีบทบาทในการตัดสินใจครั้งนั้น Splash Damage ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 และมีประสบการณ์ในวงการเกมมากกว่า 20 ปี การที่สตูดิโอยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้แม้จะเปลี่ยนมือ ถือเป็นข่าวดีในยุคที่สตูดิโอเกมเก่าแก่หลายแห่งต้องปิดตัวลง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Splash Damage แยกตัวจาก Tencent และถูกซื้อโดยกลุ่มทุนเอกชน ➡️ ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางสตูดิโอในขณะนี้ ➡️ การเปลี่ยนมือเกิดขึ้นหลังโปรเจกต์ Transformers: Reactive ถูกยกเลิก ➡️ การยกเลิกโปรเจกต์ส่งผลให้มีการปลดพนักงานในทีม ➡️ สตูดิโอยืนยันว่าจะดูแลทั้งผู้ที่อยู่และผู้ที่จากไปอย่างเต็มที่ ➡️ Splash Damage มีผลงานเด่น เช่น Gears 5, Brink, Batman: Arkham Origins ➡️ ก่อตั้งในปี 2001 และมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในวงการเกม ➡️ การเปลี่ยนมือครั้งนี้ไม่ใช่การปิดกิจการ แต่เป็นการปรับโครงสร้างใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Splash Damage เคยถูก Leyou Technologies ซื้อกิจการในปี 2016 ก่อนที่ Tencent จะเข้ามาเป็นเจ้าของผ่านการซื้อ Leyou ➡️ สตูดิโอมีชื่อเสียงด้านเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และการร่วมพัฒนาเกมกับค่ายใหญ่ ➡️ การเปลี่ยนมือไปสู่กลุ่มทุนเอกชนอาจเปิดโอกาสให้สตูดิโอมีอิสระในการพัฒนาเกมมากขึ้น ➡️ ตลาดเกมในอังกฤษยังคงมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเกม AAA และเกมออนไลน์ ➡️ การยกเลิกโปรเจกต์ Transformers อาจเกี่ยวข้องกับการปรับกลยุทธ์ของ Hasbro ในการจัดการลิขสิทธิ์เกม https://wccftech.com/developer-splash-damage-no-longer-owned-by-tencent-acquired-by-private-equity-investors/
    WCCFTECH.COM
    Developer Splash Damage No Longer Owned by Tencent, Acquired by Private Equity Investors
    Developer Splash Damage is no longer owned by Tencent, and has been acquired by private equity investors, the studio confirms.
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • “IonQ ทำลายสถิติวงการควอนตัมด้วย #AQ 64 — คำนวณได้เทียบเท่า 1 พันล้าน GPU ในพื้นที่เท่าโต๊ะทำงาน”

    IonQ บริษัทผู้นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการพัฒนาเครื่องควอนตัมรุ่นใหม่ “IonQ Tempo” ซึ่งสามารถทำคะแนน Algorithmic Qubit (#AQ) ได้ถึงระดับ 64 — เป็นครั้งแรกในโลกที่มีระบบควอนตัมแตะระดับนี้ได้สำเร็จ และเร็วกว่ากำหนดถึง 3 เดือน

    คะแนน #AQ คือมาตรวัดความสามารถของระบบควอนตัมในการรันอัลกอริธึมที่ซับซ้อน โดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ยิ่ง #AQ สูงเท่าไร พื้นที่การคำนวณที่ระบบสามารถเข้าถึงได้ก็ยิ่งขยายตัวแบบทวีคูณ เช่น #AQ 64 เท่ากับการพิจารณาความเป็นไปได้ได้มากกว่า 18 ควินทิลเลียน หรือ 2^64 ซึ่งมากกว่า #AQ 36 ถึง 268 ล้านเท่า

    IonQ Tempo ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นที่ 5 ของบริษัท ใช้เทคโนโลยี trapped-ion ที่ควบคุมอะตอมด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้สามารถควบคุม qubit ได้อย่างแม่นยำและลดข้อผิดพลาดได้มากกว่าระบบ superconducting ที่คู่แข่งใช้อยู่

    ความสามารถของ Tempo ทำให้สามารถประมวลผลงานที่เคยต้องใช้ GPU กว่า 1 พันล้านตัวได้ในเครื่องเดียว โดยใช้พลังงานน้อยกว่ามาก และกินพื้นที่เพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การค้นคว้ายา, การจำลองวิศวกรรม, การวิเคราะห์ความผิดปกติทางการเงิน และการจัดการโครงข่ายพลังงาน

    นอกจาก #AQ แล้ว IonQ ยังเตรียมรายงานค่าต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น logical qubits, error rate และ benchmark ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนว่าระบบของ IonQ สามารถสร้างคุณค่าเชิงพาณิชย์ได้จริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IonQ ทำคะแนน #AQ ได้ถึง 64 เป็นครั้งแรกในโลก
    ใช้เครื่องควอนตัมรุ่นใหม่ชื่อ IonQ Tempo ซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 ของบริษัท
    #AQ 64 เท่ากับพื้นที่การคำนวณมากกว่า 18 ควินทิลเลียน หรือ 2^64
    มากกว่า #AQ 36 ถึง 268 ล้านเท่า ซึ่งเคยทำได้ในต้นปี 2024
    Tempo ใช้เทคโนโลยี trapped-ion ที่ควบคุม qubit ได้แม่นยำ
    สามารถประมวลผลงานที่เคยต้องใช้ GPU กว่า 1 พันล้านตัว
    เหมาะกับงานด้านพลังงาน, ยา, วิศวกรรม, การเงิน และ AI
    เตรียมรายงาน logical qubits, error rate และ benchmark เชิงอุตสาหกรรม
    IonQ Aria และ Forte เคย outperform IBM ได้ถึง 182% ในบางอัลกอริธึม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    #AQ เป็นการวัด “คุณภาพ” ของ qubit ไม่ใช่แค่จำนวน
    Trapped-ion มีความเสถียรสูงและลดข้อผิดพลาดได้ดีกว่า superconducting qubit
    Quantum computing กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักในงาน AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
    IonQ มีแผนพัฒนา #AQ 256 ภายในปี 2027 ซึ่งจะเพิ่มความสามารถอีกหลายล้านเท่า
    บริษัทมีพันธมิตรกับ Amazon, Microsoft และหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ

    https://www.techpowerup.com/341357/ionq-achieves-record-breaking-quantum-performance-milestone-of-aq-64
    🧮 “IonQ ทำลายสถิติวงการควอนตัมด้วย #AQ 64 — คำนวณได้เทียบเท่า 1 พันล้าน GPU ในพื้นที่เท่าโต๊ะทำงาน” IonQ บริษัทผู้นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการพัฒนาเครื่องควอนตัมรุ่นใหม่ “IonQ Tempo” ซึ่งสามารถทำคะแนน Algorithmic Qubit (#AQ) ได้ถึงระดับ 64 — เป็นครั้งแรกในโลกที่มีระบบควอนตัมแตะระดับนี้ได้สำเร็จ และเร็วกว่ากำหนดถึง 3 เดือน คะแนน #AQ คือมาตรวัดความสามารถของระบบควอนตัมในการรันอัลกอริธึมที่ซับซ้อน โดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ยิ่ง #AQ สูงเท่าไร พื้นที่การคำนวณที่ระบบสามารถเข้าถึงได้ก็ยิ่งขยายตัวแบบทวีคูณ เช่น #AQ 64 เท่ากับการพิจารณาความเป็นไปได้ได้มากกว่า 18 ควินทิลเลียน หรือ 2^64 ซึ่งมากกว่า #AQ 36 ถึง 268 ล้านเท่า IonQ Tempo ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นที่ 5 ของบริษัท ใช้เทคโนโลยี trapped-ion ที่ควบคุมอะตอมด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้สามารถควบคุม qubit ได้อย่างแม่นยำและลดข้อผิดพลาดได้มากกว่าระบบ superconducting ที่คู่แข่งใช้อยู่ ความสามารถของ Tempo ทำให้สามารถประมวลผลงานที่เคยต้องใช้ GPU กว่า 1 พันล้านตัวได้ในเครื่องเดียว โดยใช้พลังงานน้อยกว่ามาก และกินพื้นที่เพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การค้นคว้ายา, การจำลองวิศวกรรม, การวิเคราะห์ความผิดปกติทางการเงิน และการจัดการโครงข่ายพลังงาน นอกจาก #AQ แล้ว IonQ ยังเตรียมรายงานค่าต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น logical qubits, error rate และ benchmark ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนว่าระบบของ IonQ สามารถสร้างคุณค่าเชิงพาณิชย์ได้จริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IonQ ทำคะแนน #AQ ได้ถึง 64 เป็นครั้งแรกในโลก ➡️ ใช้เครื่องควอนตัมรุ่นใหม่ชื่อ IonQ Tempo ซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 ของบริษัท ➡️ #AQ 64 เท่ากับพื้นที่การคำนวณมากกว่า 18 ควินทิลเลียน หรือ 2^64 ➡️ มากกว่า #AQ 36 ถึง 268 ล้านเท่า ซึ่งเคยทำได้ในต้นปี 2024 ➡️ Tempo ใช้เทคโนโลยี trapped-ion ที่ควบคุม qubit ได้แม่นยำ ➡️ สามารถประมวลผลงานที่เคยต้องใช้ GPU กว่า 1 พันล้านตัว ➡️ เหมาะกับงานด้านพลังงาน, ยา, วิศวกรรม, การเงิน และ AI ➡️ เตรียมรายงาน logical qubits, error rate และ benchmark เชิงอุตสาหกรรม ➡️ IonQ Aria และ Forte เคย outperform IBM ได้ถึง 182% ในบางอัลกอริธึม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ #AQ เป็นการวัด “คุณภาพ” ของ qubit ไม่ใช่แค่จำนวน ➡️ Trapped-ion มีความเสถียรสูงและลดข้อผิดพลาดได้ดีกว่า superconducting qubit ➡️ Quantum computing กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักในงาน AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ IonQ มีแผนพัฒนา #AQ 256 ภายในปี 2027 ซึ่งจะเพิ่มความสามารถอีกหลายล้านเท่า ➡️ บริษัทมีพันธมิตรกับ Amazon, Microsoft และหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ https://www.techpowerup.com/341357/ionq-achieves-record-breaking-quantum-performance-milestone-of-aq-64
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    IonQ Achieves Record Breaking Quantum Performance Milestone of #AQ 64
    IonQ, the leader in the quantum computing and networking industries, today announced it has achieved a record algorithmic qubit score of #AQ 64. This milestone was achieved on an IonQ Tempo system, three months ahead of schedule, establishing IonQ as the only company to reach #AQ 64 setting a new st...
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 4 “ท่อส่งอีกแล้ว”
    South Pars เป็นแหล่งแก๊สที่ใหญ่มหาศาลอยู่ในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีอิหร่านและ Qatar เป็นเจ้าของ ส่วนของอิหร่านเรียก South Pars ส่วนของ Qatar เรียก North Dome
    ปี ค.ศ. 2009 Emir ของ Qatar ลงทุนบินไปเจรจากับประธานาธิบดี Assad ของซีเรียด้วยตัวเอง เกี่ยวกับเส้นทางก่อสร้างท่อแก๊สของ North Dome
    Qatar นั้นเป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งทางเอเซียเป็นส่วนมากอยู่แล้ว เมื่อมี North Dome หล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทาง EU Qatar เสนอให้ซีเรียสร้างท่อส่ง เส้นทาง Qatar Turkey (ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Qatar) และ Syria ปรากฎว่า Assad ปฏิเสธหน้าตาเฉย อ้างว่าเพราะมีไมตรีใกล้ชิดกับ Russia เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก
    Emir หน้าแตก พกเอาความแค้นบินกลับบ้าน
    Assad ตอบตรงไปหน่อย และ Emir ก็คงจะลืมยาก Assad เหมือนไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป หรือตั้งใจ !
    เดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ความไม่สงบในซีเรียเริ่มก่อตัว และค่อยเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ
    เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 ในขณะที่ NATO และพวกลูกหาบ เดินหน้าถล่มรัฐบาล Assad รัฐบาลซีเรีย อิหร่าน และอิรัค ก็แอบจับมือลงนามในบันทึกข้อตกลงสร้างท่อส่งแก๊สมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เมื่อเสร็จ ท่อส่งจะวิ่งจากท่าเรือของอิหร่าน ที่ Assalouyeh ใกล้กับแหล่งแก๊ส South Pars ในอ่าวเปอร์เซีย วิ่งมายัง Damascus ในซีเรีย โดยผ่านเขตแดนของ Iraq นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผนที่จะขยายเส้นทาง ท่อส่ง วิ่งจาก Damascus ไปถึงท่าเรือของ Lebanon ที่ทะเล Mediterranean เพื่อส่งแก๊สจากอิหร่านให้ EU อีกด้วย ทั้งซีเรียและอิรัค ต่างทำสัญญาตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านเรียบร้อยแล้ว เป็นแก๊สที่มาจาก South Pars
    (หมายเหตุ : เส้นทางท่อแก๊ส South Pars นี้ ปัจจุบันระงับการดำเนินการ เนื่องจากอเมริกาคว่ำบาตรอิหร่าน ถล่มซีเรีย และกำลังกลับมาทุบอิรัคให้แตกแยกอย่างสมบูรณ์ ผ่านขบวนการของ ISIS อยู่ในขณะนี้ ต้องยกให้เป็นผลงานโดดเด่นของ Qatar เข้าตาลูกพี่อย่างยิ่ง ! )
    Qatar เหมือนเป็น สาขาต่างประเทศของ Pentagon เพราะที่ Qatar เต็มไปด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา ตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ และ Qatar ในฐานะที่เป็นเจ้าของโทรทัศน์ Al-Jazeera ที่สร้างรายการย้อมสี ฟอกข่าวความเลวร้ายของซีเรียราย วัน กระจายไปทั่วแดนอาหรับแล้ว Qatar ยังมีสัมพันธ์ ชนิดแน่นแบบแกะแทบไม่ออก กับหน่วยงานของอเมริกาและ NATO ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย
    Imir ของ Qatar อมเลือดมาตั้งแต่วันไปพบกับ Assad เมื่อปี ค.ศ. 2009 แม้ Aljazeera จะไม่ออกข่าวการจับมือสร้างท่อส่ง ของกลุ่มอิหร่าน อิรัก ซีเรีย แต่จริง ๆ แล้ว Qatar พร้อมทำทุกอย่างให้แผนของอิหร่าน ซีเรีย ล่มและพังทลาย เพราะถ้าแผนท่อส่งของอิหร่าน เส้นทางอิรัค ซีเรียสำเร็จ ไม่ใช่แค่หน้าของ Imir จะแตกค้างปี Qatar และตุรกีก็จะคงมีสภาพเหมือนเจ้าของด่านเก็บเงิน แต่เส้นทางมาด่าน ถูกมือดีเอาแท่งคอนกรีตมาขวางแบบปิดตาย ก่อนถึงประตูด่านนั้นแหละ
    แค้นนี้จะไม่มีการชำระหรืออย่างไร
    ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ถึงมีกลุ่ม Jihadists มากมาย ส่งตรงมาร่วมรายการจากหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และลิเบีย คงพอมองกันออกว่าใครเป็นหัวคิดและใครเป็นผู้อุปถัมภ์รายการ
    แค่เรื่อง South Pars / North Dome มันก็ทำให้หน้าเขียว มือสั่น กันเป็นแถวแล้ว ซีเรียยังดันมีส้มหล่น เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 บริษัทสำรวจของซีเรีย ฟลุ๊ก ไปเจอแหล่งแก๊สบ่อใหญ่ใน Qara ใกล้กับเขตแดนของเลบาบอน และใกล้กับฐานทัพเรือของรัสเซีย แถบ Mediterranean ที่ Tarsus ซึ่งรัสเซียมีสัญญาเช่ากับซีเรีย การส่งน้ำมันและแก๊สของอิหร่านและซีเรีย ไปให้ EU จะต้องผ่านท่าเรือ Tarsus แม้ซีเรียจะพยายามทำให้เป็นข่าวเล็ก แต่นักสำรวจทรัพยากรต่างรู้กัน ว่า แหล่ง Qara นี่ อย่างน้อย ๆ ก็ใหญ่เท่า North Dome ของ Qatar แต่ส่วนใหญ่ บอกว่าใหญ่กว่าของ North Dome แยะนัก ฟังเท่านี้ก็คงพอนึกภาพกันออกว่า หน้าของ Imir แห่ง Qatar จะยิ่งออกสีเขียวเข้มขึ้นขนาดไหน !
    Asia Times ลงข่าวว่า Qatar เองก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว Aqaba ของ Jordan ซึ่งพวก Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์ Jordan อยู่ Qatar แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวก Muslim Brotherhood ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้าน Qatar นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่
    Muslim Brotherhood ที่กระจายอยู่เต็ม Jordan และซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดย Qatar อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมืองเรื่องท่อส่งแก๊ส ที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ Qatar นี้ ถ้าสำเร็จนอกจากจะทำให้ฝันของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค สลายล่มแล้ว ยังสามารถทำให้มิตรรักของพวกเขาคือจีน ตกรางวิ่งไม่ได้ตามไปด้วย
    ซีเรียเป็นส่วนหนึ่งของเกมชิงความได้เปรียบในเรื่องการค้าแก๊สผ่านท่อส่ง และการชิงอำนาจระหว่างพวกอิสลาม นิกาย/กลุ่ม ต่าง ๆ อีกด้วย Qatar กำลังยกตัวขึ้นมาเทียบชั้นกับอิหร่าน เป็นการวัดกำลังระหว่างสุนนี่กับซีอะห์
    แล้วตุรกีไปเกี่ยวอะไรด้วย
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 4 “ท่อส่งอีกแล้ว” South Pars เป็นแหล่งแก๊สที่ใหญ่มหาศาลอยู่ในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีอิหร่านและ Qatar เป็นเจ้าของ ส่วนของอิหร่านเรียก South Pars ส่วนของ Qatar เรียก North Dome ปี ค.ศ. 2009 Emir ของ Qatar ลงทุนบินไปเจรจากับประธานาธิบดี Assad ของซีเรียด้วยตัวเอง เกี่ยวกับเส้นทางก่อสร้างท่อแก๊สของ North Dome Qatar นั้นเป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งทางเอเซียเป็นส่วนมากอยู่แล้ว เมื่อมี North Dome หล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทาง EU Qatar เสนอให้ซีเรียสร้างท่อส่ง เส้นทาง Qatar Turkey (ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Qatar) และ Syria ปรากฎว่า Assad ปฏิเสธหน้าตาเฉย อ้างว่าเพราะมีไมตรีใกล้ชิดกับ Russia เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก Emir หน้าแตก พกเอาความแค้นบินกลับบ้าน Assad ตอบตรงไปหน่อย และ Emir ก็คงจะลืมยาก Assad เหมือนไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป หรือตั้งใจ ! เดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ความไม่สงบในซีเรียเริ่มก่อตัว และค่อยเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 ในขณะที่ NATO และพวกลูกหาบ เดินหน้าถล่มรัฐบาล Assad รัฐบาลซีเรีย อิหร่าน และอิรัค ก็แอบจับมือลงนามในบันทึกข้อตกลงสร้างท่อส่งแก๊สมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เมื่อเสร็จ ท่อส่งจะวิ่งจากท่าเรือของอิหร่าน ที่ Assalouyeh ใกล้กับแหล่งแก๊ส South Pars ในอ่าวเปอร์เซีย วิ่งมายัง Damascus ในซีเรีย โดยผ่านเขตแดนของ Iraq นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผนที่จะขยายเส้นทาง ท่อส่ง วิ่งจาก Damascus ไปถึงท่าเรือของ Lebanon ที่ทะเล Mediterranean เพื่อส่งแก๊สจากอิหร่านให้ EU อีกด้วย ทั้งซีเรียและอิรัค ต่างทำสัญญาตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านเรียบร้อยแล้ว เป็นแก๊สที่มาจาก South Pars (หมายเหตุ : เส้นทางท่อแก๊ส South Pars นี้ ปัจจุบันระงับการดำเนินการ เนื่องจากอเมริกาคว่ำบาตรอิหร่าน ถล่มซีเรีย และกำลังกลับมาทุบอิรัคให้แตกแยกอย่างสมบูรณ์ ผ่านขบวนการของ ISIS อยู่ในขณะนี้ ต้องยกให้เป็นผลงานโดดเด่นของ Qatar เข้าตาลูกพี่อย่างยิ่ง ! ) Qatar เหมือนเป็น สาขาต่างประเทศของ Pentagon เพราะที่ Qatar เต็มไปด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา ตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ และ Qatar ในฐานะที่เป็นเจ้าของโทรทัศน์ Al-Jazeera ที่สร้างรายการย้อมสี ฟอกข่าวความเลวร้ายของซีเรียราย วัน กระจายไปทั่วแดนอาหรับแล้ว Qatar ยังมีสัมพันธ์ ชนิดแน่นแบบแกะแทบไม่ออก กับหน่วยงานของอเมริกาและ NATO ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย Imir ของ Qatar อมเลือดมาตั้งแต่วันไปพบกับ Assad เมื่อปี ค.ศ. 2009 แม้ Aljazeera จะไม่ออกข่าวการจับมือสร้างท่อส่ง ของกลุ่มอิหร่าน อิรัก ซีเรีย แต่จริง ๆ แล้ว Qatar พร้อมทำทุกอย่างให้แผนของอิหร่าน ซีเรีย ล่มและพังทลาย เพราะถ้าแผนท่อส่งของอิหร่าน เส้นทางอิรัค ซีเรียสำเร็จ ไม่ใช่แค่หน้าของ Imir จะแตกค้างปี Qatar และตุรกีก็จะคงมีสภาพเหมือนเจ้าของด่านเก็บเงิน แต่เส้นทางมาด่าน ถูกมือดีเอาแท่งคอนกรีตมาขวางแบบปิดตาย ก่อนถึงประตูด่านนั้นแหละ แค้นนี้จะไม่มีการชำระหรืออย่างไร ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ถึงมีกลุ่ม Jihadists มากมาย ส่งตรงมาร่วมรายการจากหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และลิเบีย คงพอมองกันออกว่าใครเป็นหัวคิดและใครเป็นผู้อุปถัมภ์รายการ แค่เรื่อง South Pars / North Dome มันก็ทำให้หน้าเขียว มือสั่น กันเป็นแถวแล้ว ซีเรียยังดันมีส้มหล่น เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 บริษัทสำรวจของซีเรีย ฟลุ๊ก ไปเจอแหล่งแก๊สบ่อใหญ่ใน Qara ใกล้กับเขตแดนของเลบาบอน และใกล้กับฐานทัพเรือของรัสเซีย แถบ Mediterranean ที่ Tarsus ซึ่งรัสเซียมีสัญญาเช่ากับซีเรีย การส่งน้ำมันและแก๊สของอิหร่านและซีเรีย ไปให้ EU จะต้องผ่านท่าเรือ Tarsus แม้ซีเรียจะพยายามทำให้เป็นข่าวเล็ก แต่นักสำรวจทรัพยากรต่างรู้กัน ว่า แหล่ง Qara นี่ อย่างน้อย ๆ ก็ใหญ่เท่า North Dome ของ Qatar แต่ส่วนใหญ่ บอกว่าใหญ่กว่าของ North Dome แยะนัก ฟังเท่านี้ก็คงพอนึกภาพกันออกว่า หน้าของ Imir แห่ง Qatar จะยิ่งออกสีเขียวเข้มขึ้นขนาดไหน ! Asia Times ลงข่าวว่า Qatar เองก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว Aqaba ของ Jordan ซึ่งพวก Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์ Jordan อยู่ Qatar แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวก Muslim Brotherhood ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้าน Qatar นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่ Muslim Brotherhood ที่กระจายอยู่เต็ม Jordan และซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดย Qatar อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมืองเรื่องท่อส่งแก๊ส ที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ Qatar นี้ ถ้าสำเร็จนอกจากจะทำให้ฝันของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค สลายล่มแล้ว ยังสามารถทำให้มิตรรักของพวกเขาคือจีน ตกรางวิ่งไม่ได้ตามไปด้วย ซีเรียเป็นส่วนหนึ่งของเกมชิงความได้เปรียบในเรื่องการค้าแก๊สผ่านท่อส่ง และการชิงอำนาจระหว่างพวกอิสลาม นิกาย/กลุ่ม ต่าง ๆ อีกด้วย Qatar กำลังยกตัวขึ้นมาเทียบชั้นกับอิหร่าน เป็นการวัดกำลังระหว่างสุนนี่กับซีอะห์ แล้วตุรกีไปเกี่ยวอะไรด้วย สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • 'สุชาติ ชมกลิ่น' ย้ำ 'กลุ่ม 16 สส.' ยังไม่ย้ายพรรค ลั่น ขอทำผลงานรัฐบาล 4 เดือนก่อน
    https://www.thai-tai.tv/news/21606/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #ภูมิใจไทย #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    'สุชาติ ชมกลิ่น' ย้ำ 'กลุ่ม 16 สส.' ยังไม่ย้ายพรรค ลั่น ขอทำผลงานรัฐบาล 4 เดือนก่อน https://www.thai-tai.tv/news/21606/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #ภูมิใจไทย #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • ..มองผ่านๆว่านี้ของเล่นๆนะ,มันคือภัยความมั่นคงของชาติอีกด้านหนึ่งเลยล่ะ,นี้อาจมาจากผลงานวัคซีนยุคลุงตู่ที่ฉีดวัคซีนโควิดให้คนไทยอย่าง2เข็มจึงจะอนุญาตเข้าสังคมร้านค้า,ตลาด การค้า การขาย การบริการ การรับจ้างรับงานต่างๆ ขนส่งไม่ต่อใบอนุญาตให้หากไม่ฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย2เข็ม อาชีพเอกชนก็ด้วย ราชการก็ไม่รอด นี้คือภัยความมั่นคงด้านการดำรงอยู่ของประชากรคนไทยเลยล่ะ, เช่นพ่อแม่เสียชีวิตไปก่อนลูกน้อยๆซึ่งมีมากมาย ทางรัฐบาลและหน่วยงานราชการไทยมียุทธศาสตร์ในสงครามนี้แล้วหรือยัง,มีองค์กรหน่วยใดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อสู้ภัยนี้ รับมือกันจริงจังแล้วหรือยัง อย่าปล่อยเยาวชนไทยเราต้องโดดเดียว,รัฐบาลต้องร่วมดูแลเยียวยาอาจเลี้ยงดูเด็กๆเยาวชนไทยเราในโครงการพิเศษเลย,,และตั้งจัดตั้งกระทรวงพิเศษขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาทางตรงทันที,เด็กๆเยาวชนใดๆไทยเรา พ่อแม่เสียชีวิตแบบเคสนี้กรณีนี้สามารถเข้ารับการดูแลพิเศษทันทีจากกระทรวงนี้โดยตรง,รัฐมีหน้าที่ตรงต้องดูแลเยาวชนไทยเราจนกว่าจะสามารถทำงานเลี้ยงดูตนเองได้,ที่ขาดญาติไร้มิตรหรือญาติพี่น้องผิดใจกันไม่เอามาเป็นภาระ,รัฐต้องเอามาเป็นภาระ,และสามารถสืบสวนการตายอย่างผิดปกติของพ่อแม่เด็กๆเหล่านี้ได้ว่า ,เป็นหนักขึ้นหลังไปรับวัคซีนmRNAโควิดมามั้ย,
    ..การตั้งกระทรวงพิเศษเพื่อรับภัยพิบัติจากสถานการณ์นี้ถือว่าสมควรมาก,คนไทยเราจะยิ่งมั่นใจในรัฐบาลของประเทศชาติตนเองมากขึ้น ฝากเป็นฝากตายกันได้,และนั้นคือทุกๆคนไทยเราจะสามัคคีร่วมกันสร้างชาติ ปกป้องชาติร่วมกันอย่างแข็งขัน,แม้ตนเสียชีวิตไปจากวัคซีนพิษที่รัฐบาลเชิญชวนกระตุ้นบีบบังคับทั้งทางตรงทางอ้อมให้ไปฉีดมา ฉีดใส่ร่างกายตนเอง ซึ่งมีโอกาสสูงในการก่อโรคใดโรคหนึ่งใน1,291โรค โรควูบ ลิ่มเลือดอุดตัน มะเร็งโทเบอร์ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทำลายภูมิตุ้มกันธรรมชาติลงไปเรื่อยๆ เป็นต้น,เมื่อประชาชนพ่อแม่เขาตายไป รัฐบาลมีหน้าที่ตรงต้องรับเลี้ยงดูเด็กๆเยาวชนคนไทยเราต่อไปอย่างมีมาตราฐานอารยะธรรม ธรรมชาติที่ดีงามด้วย, หน่วยงานระดับอำเภอต้องเกิด,เพื่อบริหารจัดการส่งต่อเยาวชนเหล่านั้นไปรับการศึกษาเลี้ยงดูต่อไป,1ตำบล อาจมีเด็กๆลักษณะนี้ที่พ่อแม่ตายทั้งสองคน,ปู่ย่าตายายวูบตายอุบัติเหตุหมด ไร้ใครเลี้ยงดู รัฐบาลหน่วยงานที่ว่าต้องเข้าไปทำหน้าที่ทันที,1ตำบลมี10-15หมู่บ้าน อาจมีหมู่บ้านล่ะคนก็10-15คนต่อตำบล,1อำเภอมี8-10ตำบลก็ประมาณ150คนต่ออำเภอ,1จังหวัดมี18-20อำเภอก็3,000คนต่อจังหวัดอย่างน้อย,77จังหวัดก็ประมาณ231,000คน การตั้งกระทรวงพิเศษเพื่อดูแลปัญหานี้จึงสำคัญมาก,เพราะเยาวชนไทยเราเหล่านี้อนาคตคือกำลังพลที่สำคัญของชาติเช่นกันในการร่วมพัฒนาชาติไทยเราให้ก้าวไปด้วยร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของจริง.

    https://youtube.com/shorts/JGs1GNVGpFE?si=YGu7boLHFVNVvl_i
    ..มองผ่านๆว่านี้ของเล่นๆนะ,มันคือภัยความมั่นคงของชาติอีกด้านหนึ่งเลยล่ะ,นี้อาจมาจากผลงานวัคซีนยุคลุงตู่ที่ฉีดวัคซีนโควิดให้คนไทยอย่าง2เข็มจึงจะอนุญาตเข้าสังคมร้านค้า,ตลาด การค้า การขาย การบริการ การรับจ้างรับงานต่างๆ ขนส่งไม่ต่อใบอนุญาตให้หากไม่ฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย2เข็ม อาชีพเอกชนก็ด้วย ราชการก็ไม่รอด นี้คือภัยความมั่นคงด้านการดำรงอยู่ของประชากรคนไทยเลยล่ะ, เช่นพ่อแม่เสียชีวิตไปก่อนลูกน้อยๆซึ่งมีมากมาย ทางรัฐบาลและหน่วยงานราชการไทยมียุทธศาสตร์ในสงครามนี้แล้วหรือยัง,มีองค์กรหน่วยใดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อสู้ภัยนี้ รับมือกันจริงจังแล้วหรือยัง อย่าปล่อยเยาวชนไทยเราต้องโดดเดียว,รัฐบาลต้องร่วมดูแลเยียวยาอาจเลี้ยงดูเด็กๆเยาวชนไทยเราในโครงการพิเศษเลย,,และตั้งจัดตั้งกระทรวงพิเศษขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาทางตรงทันที,เด็กๆเยาวชนใดๆไทยเรา พ่อแม่เสียชีวิตแบบเคสนี้กรณีนี้สามารถเข้ารับการดูแลพิเศษทันทีจากกระทรวงนี้โดยตรง,รัฐมีหน้าที่ตรงต้องดูแลเยาวชนไทยเราจนกว่าจะสามารถทำงานเลี้ยงดูตนเองได้,ที่ขาดญาติไร้มิตรหรือญาติพี่น้องผิดใจกันไม่เอามาเป็นภาระ,รัฐต้องเอามาเป็นภาระ,และสามารถสืบสวนการตายอย่างผิดปกติของพ่อแม่เด็กๆเหล่านี้ได้ว่า ,เป็นหนักขึ้นหลังไปรับวัคซีนmRNAโควิดมามั้ย, ..การตั้งกระทรวงพิเศษเพื่อรับภัยพิบัติจากสถานการณ์นี้ถือว่าสมควรมาก,คนไทยเราจะยิ่งมั่นใจในรัฐบาลของประเทศชาติตนเองมากขึ้น ฝากเป็นฝากตายกันได้,และนั้นคือทุกๆคนไทยเราจะสามัคคีร่วมกันสร้างชาติ ปกป้องชาติร่วมกันอย่างแข็งขัน,แม้ตนเสียชีวิตไปจากวัคซีนพิษที่รัฐบาลเชิญชวนกระตุ้นบีบบังคับทั้งทางตรงทางอ้อมให้ไปฉีดมา ฉีดใส่ร่างกายตนเอง ซึ่งมีโอกาสสูงในการก่อโรคใดโรคหนึ่งใน1,291โรค โรควูบ ลิ่มเลือดอุดตัน มะเร็งโทเบอร์ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทำลายภูมิตุ้มกันธรรมชาติลงไปเรื่อยๆ เป็นต้น,เมื่อประชาชนพ่อแม่เขาตายไป รัฐบาลมีหน้าที่ตรงต้องรับเลี้ยงดูเด็กๆเยาวชนคนไทยเราต่อไปอย่างมีมาตราฐานอารยะธรรม ธรรมชาติที่ดีงามด้วย, หน่วยงานระดับอำเภอต้องเกิด,เพื่อบริหารจัดการส่งต่อเยาวชนเหล่านั้นไปรับการศึกษาเลี้ยงดูต่อไป,1ตำบล อาจมีเด็กๆลักษณะนี้ที่พ่อแม่ตายทั้งสองคน,ปู่ย่าตายายวูบตายอุบัติเหตุหมด ไร้ใครเลี้ยงดู รัฐบาลหน่วยงานที่ว่าต้องเข้าไปทำหน้าที่ทันที,1ตำบลมี10-15หมู่บ้าน อาจมีหมู่บ้านล่ะคนก็10-15คนต่อตำบล,1อำเภอมี8-10ตำบลก็ประมาณ150คนต่ออำเภอ,1จังหวัดมี18-20อำเภอก็3,000คนต่อจังหวัดอย่างน้อย,77จังหวัดก็ประมาณ231,000คน การตั้งกระทรวงพิเศษเพื่อดูแลปัญหานี้จึงสำคัญมาก,เพราะเยาวชนไทยเราเหล่านี้อนาคตคือกำลังพลที่สำคัญของชาติเช่นกันในการร่วมพัฒนาชาติไทยเราให้ก้าวไปด้วยร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของจริง. https://youtube.com/shorts/JGs1GNVGpFE?si=YGu7boLHFVNVvl_i
    0 Comments 0 Shares 211 Views 0 Reviews
  • ♣ ลูกชายผู้รับเหมาก่อสร้างมาตรวจผลงานเอง เข้าทางการก่อสร้างที่ล่าช้า ได้ยืดเวลาออกไปแบบไม่โดนค่าปรับ
    #7ดอกจิก
    ♣ ลูกชายผู้รับเหมาก่อสร้างมาตรวจผลงานเอง เข้าทางการก่อสร้างที่ล่าช้า ได้ยืดเวลาออกไปแบบไม่โดนค่าปรับ #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • “นักวิทยาศาสตร์สร้างชิป 6G ตัวแรก — เร็วกว่า 5G ถึง 500 เท่า พร้อมครอบคลุมคลื่นความถี่ตั้งแต่ไมโครเวฟถึงเทราเฮิร์ตซ์”

    ในเดือนสิงหาคม 2025 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งและ City University of Hong Kong ได้เผยแพร่ผลงานในวารสาร Nature ว่าพวกเขาได้สร้างชิป 6G ตัวแรกของโลก ซึ่งมีขนาดเพียง 11 x 1.7 มิลลิเมตร แต่สามารถทำงานได้ครอบคลุมคลื่นความถี่ตั้งแต่ 0.5 GHz ไปจนถึง 115 GHz — ครอบคลุมทั้งไมโครเวฟ, มิลลิเมตรเวฟ และเทราเฮิร์ตซ์ ซึ่งถือว่า “กว้างที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

    ชิปนี้ใช้วัสดุใหม่ชื่อ thin-film lithium niobate (TFLN) ซึ่งช่วยให้สามารถรวมระบบไฟฟ้าและแสงเข้าไว้ด้วยกันในพื้นที่เล็กมาก โดยใช้เทคนิค broadband electro-optic modulator เพื่อแปลงสัญญาณไร้สายเป็นสัญญาณแสง และส่งผ่าน optoelectronic oscillator เพื่อสร้างคลื่นวิทยุที่เสถียรและสะอาด

    ความเร็วของชิปนี้สามารถแตะระดับ 100 Gbps ซึ่งมากกว่า 5G ที่ทำได้เฉลี่ยเพียง 150–300 Mbps และสูงสุดที่ 10 Gbps ในทางทฤษฎี นั่นหมายความว่า 6G อาจเร็วกว่า 5G ถึง 500 เท่า และยังมี latency ต่ำมากจนสามารถใช้กับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การผ่าตัดทางไกล, ยานยนต์อัตโนมัติ หรือการสื่อสารแบบโฮโลกราฟิก

    แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ชิปนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเครือข่าย 6G ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2030 โดยต้องมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่, กำหนดมาตรฐานระดับโลก และพัฒนาอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยีใหม่นี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    นักวิจัยสร้างชิป 6G ตัวแรก ขนาดเพียง 11 x 1.7 มม.
    ใช้วัสดุ thin-film lithium niobate (TFLN) เพื่อรวมระบบไฟฟ้าและแสง
    ครอบคลุมคลื่นความถี่ตั้งแต่ 0.5 GHz ถึง 115 GHz
    ใช้ broadband electro-optic modulator และ optoelectronic oscillator
    ความเร็วสูงสุด 100 Gbps — เร็วกว่า 5G ถึง 500 เท่า
    latency ต่ำมาก เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง คาดว่าเครือข่าย 6G จะเริ่มใช้งานจริงในปี 2030

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    5G ใช้คลื่น sub-6GHz และ mmWave แต่ยังไม่ครอบคลุมเทราเฮิร์ตซ์
    ชิป 6G นี้สามารถแทนระบบวิทยุ 9 ตัวที่ต้องใช้ในปัจจุบัน
    6G จะรวม AI เข้าไปในระบบเครือข่ายเพื่อปรับตัวอัตโนมัติ
    การสื่อสารแบบโฮโลกราฟิกและ IoT อุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์จาก 6G
    การปรับคลื่นความถี่ของชิปใช้เวลาเพียง 180 ไมโครวินาที

    https://www.slashgear.com/1976834/scientists-have-created-6g-chip-how-does-it-compare-to-5g/
    📡 “นักวิทยาศาสตร์สร้างชิป 6G ตัวแรก — เร็วกว่า 5G ถึง 500 เท่า พร้อมครอบคลุมคลื่นความถี่ตั้งแต่ไมโครเวฟถึงเทราเฮิร์ตซ์” ในเดือนสิงหาคม 2025 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งและ City University of Hong Kong ได้เผยแพร่ผลงานในวารสาร Nature ว่าพวกเขาได้สร้างชิป 6G ตัวแรกของโลก ซึ่งมีขนาดเพียง 11 x 1.7 มิลลิเมตร แต่สามารถทำงานได้ครอบคลุมคลื่นความถี่ตั้งแต่ 0.5 GHz ไปจนถึง 115 GHz — ครอบคลุมทั้งไมโครเวฟ, มิลลิเมตรเวฟ และเทราเฮิร์ตซ์ ซึ่งถือว่า “กว้างที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ชิปนี้ใช้วัสดุใหม่ชื่อ thin-film lithium niobate (TFLN) ซึ่งช่วยให้สามารถรวมระบบไฟฟ้าและแสงเข้าไว้ด้วยกันในพื้นที่เล็กมาก โดยใช้เทคนิค broadband electro-optic modulator เพื่อแปลงสัญญาณไร้สายเป็นสัญญาณแสง และส่งผ่าน optoelectronic oscillator เพื่อสร้างคลื่นวิทยุที่เสถียรและสะอาด ความเร็วของชิปนี้สามารถแตะระดับ 100 Gbps ซึ่งมากกว่า 5G ที่ทำได้เฉลี่ยเพียง 150–300 Mbps และสูงสุดที่ 10 Gbps ในทางทฤษฎี นั่นหมายความว่า 6G อาจเร็วกว่า 5G ถึง 500 เท่า และยังมี latency ต่ำมากจนสามารถใช้กับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การผ่าตัดทางไกล, ยานยนต์อัตโนมัติ หรือการสื่อสารแบบโฮโลกราฟิก แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ชิปนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเครือข่าย 6G ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2030 โดยต้องมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่, กำหนดมาตรฐานระดับโลก และพัฒนาอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยีใหม่นี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ นักวิจัยสร้างชิป 6G ตัวแรก ขนาดเพียง 11 x 1.7 มม. ➡️ ใช้วัสดุ thin-film lithium niobate (TFLN) เพื่อรวมระบบไฟฟ้าและแสง ➡️ ครอบคลุมคลื่นความถี่ตั้งแต่ 0.5 GHz ถึง 115 GHz ➡️ ใช้ broadband electro-optic modulator และ optoelectronic oscillator ความเร็วสูงสุด 100 Gbps — เร็วกว่า 5G ถึง 500 เท่า ➡️ latency ต่ำมาก เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง ➡️ คาดว่าเครือข่าย 6G จะเริ่มใช้งานจริงในปี 2030 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 5G ใช้คลื่น sub-6GHz และ mmWave แต่ยังไม่ครอบคลุมเทราเฮิร์ตซ์ ➡️ ชิป 6G นี้สามารถแทนระบบวิทยุ 9 ตัวที่ต้องใช้ในปัจจุบัน ➡️ 6G จะรวม AI เข้าไปในระบบเครือข่ายเพื่อปรับตัวอัตโนมัติ ➡️ การสื่อสารแบบโฮโลกราฟิกและ IoT อุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์จาก 6G ➡️ การปรับคลื่นความถี่ของชิปใช้เวลาเพียง 180 ไมโครวินาที https://www.slashgear.com/1976834/scientists-have-created-6g-chip-how-does-it-compare-to-5g/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Scientists Have Created A 6G Chip (And It Can Be Way Faster Than 5G) - SlashGear
    Scientists have developed the first 6G wireless chip, and it promises to be a large leap over 5G technology. It might be a while before it's available, though.
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
More Results