• #ห้างสรรพสินค้า #Jelmoli #ซูริค #ปิดตัวลง🇨🇭 ใจหายเหมือนกันนะ เห็นกันมานาน แต่ไม่ค่อยได้อุดหนุน😁
    #ห้างสรรพสินค้า #Jelmoli #ซูริค #ปิดตัวลง🇨🇭 ใจหายเหมือนกันนะ เห็นกันมานาน แต่ไม่ค่อยได้อุดหนุน😁
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ห้าง #Jelmoli #ซูริค🇨🇭กำลังจะปิดตัวลงปลายปีนี้ หลังจากเปิดให้บริการมา 100 กว่าปี
    #ห้าง #Jelmoli #ซูริค🇨🇭กำลังจะปิดตัวลงปลายปีนี้ หลังจากเปิดให้บริการมา 100 กว่าปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 68 0 รีวิว
  • #ดาราประเภทจมไม่ลงหาทางออกหาทางรอดแบบลงเหว
    ท้าวความนิดนึงสำหรับแฟนเพจที่ติดตามข่าวไม่ปะติดปะต่อ
    ปัจจุบัน ฝั่งยุโรป เอเชีย เช่นจีน ไต้หวัน และตะวันออกลาง
    กลุ่มฟอก ได้ใช้ระบบในตต. ในการทำเงินดาร์คให้เป็นข่าวมาระยะเวลาพอสมควร ผ่านการพีเค บิ๊กแม็ต หากอยากรู้รายะละเอียดวิธีการรบกวนแฟนเพจย้อนกลับไปอ่านโพสก่อนๆหน้า
    ดังนั้น จากปรากฏการแน๊กชาลีกามิจ ทำให้ขบวนการฟอกขาว ได้มาใช้บริการ ผ่านการติดต่อเอเจนซี่ทุนดาร์คกิมจิ ที่ร่วมงานกับเจ้าพ่อเว็บ888 ซักฟอกได้มหาศาลในช่วยแปดเดือนที่ผ่านมา
    ทำให้เกิดการสร้างความยั่งยืน โดยจะใช้ประเทศไทย
    เป็นศูนย์กลางการฟอกของทั่วโลก
    การจัดพีเค บิ๊กแม็ตเท่านั้น เป็นเงื่อนไข
    ที่จะทำให้กระบวนการฟอกเกิดขึ้นได้
    เพื่ออ้างว่าได้รับรายได้มาจากของขวัญในการแข่งขัน
    ที่จะไม่ผิดจากความเป็นธรรมชาติ
    มีองค์ประกอบสำคัญคือ
    1. ตัวแสดง ต้องมี 2 ฝั่ง ที่มีความนิยม ที่จะสร้างสตอรี่ และดันให้ดังก่อน แล้วจึงมีการจัดตารางในการทำบิ๊กแม๊ต ผ่านการโปรโมท
    2. คนดู ที่ต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะมีการส่งของขวัญอย่างเอิกเกริก
    โดยตามข้อที่ 2 นี้ วิธีการที่จะยั่งยืนคือ ใช้ยูซตต. ที่ถูกสร้างขึ้น แทนคนจริง เพื่อไม่ต้องโฆมาก เสียงบประมาณแบบในปัจจุบัน และดันยูซผีเข้าไปวิวดูทั้งสองฝ่าย และเริ่มโยนของขวัญจากงบมหาศาล ตั้งแต่ 5 - 20% แต่จะถอดเหรียญตต.ออกมา 100 % ทั้งจำนวนคน และจำนวนเหรียญ และความยิ่งใหญ่ของบิ๊กแม๊ต ดูสมดุล ก็ถอนออกมาแล้วชำระภาษี ก็จะได้เงินที่สะอาดบริสุทธิ์
    ในส่วนของตัวแสดง ทางกลุ่มดาร์คเห็นแล้วว่า แน๊กชาลี เป็นผู้ทำปรากฏการ
    แต่แน๊ก ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสิ่งใดที่จะทำให้คนไทยต้องเสียเงินมากๆ
    แน๊ก จึงกลายเป็นเป้า ที่ทุนดาร์คต้องใช้ระบบยูซผี เข้าไปเล่นช่องให้ปลิว แบบที่แน๊กช่องแท้โดนจนปลิว ถ้าเล่นแน๊กได้ ก็เล่นช่องที่เป็นด้อมของแน๊กได้ ตอนนี้ต่างทะยอยปลิวกันวันละเป็นสิบที่
    แล้วเหตุการณ์จะดำเนินอย่างไรต่อ
    ต่อไป ก็คือการช็อปคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วที่ไม่ต้องปั้นอะไรมาก
    ตอนแรก จะใช้ ตต.เกอร์ แต่ ตต.เกอร์หลายคนก็ยังเยาว์ และมีความรู้สึกยุ่งยาก เพราะต้องติดสัญญาสารพัดสี่ห้าปี และมีผปค ต้องเข้ามาช่วยดูอีก ซึ่งกลุ่มนี้ก็กลัวจะหลุด
    และในจังหวะที่วงการละครไทย กำลังดิ่ง ทำให้นักแสดงหลายคน ค่ายหลายๆ ต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย เพราะการดิสรับของโซเชียล ที่ทำให้ทีวีไทยที่อยู่ได้ด้วยโฆ ไม่สามารถเดินต่อไปได้ เพราะบริษัทต่างๆ ก็หันมาในสนามADโซเชียล เพราะเห็นผลกว่าในงบที่เท่ากัน
    ดาราส่วนหนึ่ง เป็นคนที่มีนิสายเก็บออม หรือสร้างธุรกิจไว้รองรับ ก็อยู่ได้อย่างสบาย แต่ดาราอีกจำนวนไม่น้อย ที่ติดหล่มจมไม่ลง ต้องแสวงหารายได้ทางอื่น โดยบางคนรู้ แต่บางคนไม่รู้ตัว ว่ารายได้อันมากมาย มาจากกลุ่มทุนดาร์คข้ามชาติ
    ข้อมูลที่พี่คิงส์มี ก็ทำให้ตกใจ ที่ดาราที่ดูใสสะอาดหลายคน ได้รับการติดต่อการช็อป จากเอเจนซี่หลายสำนักที่มาเปิดในไทย ต่างเสนอค่าตอบแทนให้ชนิดที่อยู่ได้ และมากกว่าการแสดงละครหลายเท่า ซึ่งแน่นอน สิ่งนี้คนที่จมไม่ลง ยังรักชีวิตที่สุขสบาย ย่อมตาโต และพร้อมโผเข้าใส่ และดาราบางราย คิดการใหญ่ ไปดิลทุนดาร์คยังต่างประเทศ อยากเปิดเอเจนซี่ด้วยตัวเอง โดยอ้างว่าตนเอง อยู่ในระบบอยู่แล้วในตต. มีผู้ติดตามเท่านั้นเท่านี้ และมีตัวเด่นๆที่รู้จัก และสามารถติดต่อคนในวงการเข้ามาในระบบนี้ ก็มีการเจรจาต่อรอง
    ซึ่งพี่คิงส์เคยบอกแล้วว่า กรณีที่มีการส่งค่าตอบแทนผ่านระบบของกลุ่มทุนดาร์ค มันจะผ่านบัญชีที่ตัวมัน ปลอดภัย แต่ไม่มีความจำเป็น ที่กลุ่มทุนดาร์คจะเซฟผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งวันหนึ่ง เส้นเงินจะเข้ามาถึงบรรดาดาราไทยที่หลงผิด แต่ก็มีอีกหลายคน พลาด เพียงเพราะคิดว่ามันคือธุรกิจใหม่ นำชื่อเสียงและความสามารถของตัวเอง เปลี่ยนเป็นรายได้ ผ่านเอเจนซี่ ที่จะคอยผลักดันให้เป็นดาวในโลกตต. ทั้งชือเสียง ทั้งรายได้ ทุกอย่างมันดูดีไปหมด อย่างน่าแปลกใจ
    โพสนี้ พี่คิงส์ขอส่งสัญญาณไปถึงดาราที่ยังไม่พลาดพลั้ง ให้ทบทวนในสิ่งที่พี่คิงส์แจ้ง แล้วลองตัดสินใจให้ดีว่า อยากเป็นเหมือนหลายๆคน ที่ถูกโยงเรื่องการฟอก และต้องจบไปตารางหรือเปล่า
    เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เงินสุจริต อาจต้องแลกด้วยความยากลำบาก
    แต่มันมีค่า มีศิริมงคล แต่เมื่อไหร่ที่เงินดาร์คคือรายได้หลักของคน ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว มันมีวันเริ่ม ที่ดูสวยงาม แต่วันจบของมัน ไม่เคยสวยงามซักราย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ดาราประเภทจมไม่ลงหาทางออกหาทางรอดแบบลงเหว ท้าวความนิดนึงสำหรับแฟนเพจที่ติดตามข่าวไม่ปะติดปะต่อ ปัจจุบัน ฝั่งยุโรป เอเชีย เช่นจีน ไต้หวัน และตะวันออกลาง กลุ่มฟอก ได้ใช้ระบบในตต. ในการทำเงินดาร์คให้เป็นข่าวมาระยะเวลาพอสมควร ผ่านการพีเค บิ๊กแม็ต หากอยากรู้รายะละเอียดวิธีการรบกวนแฟนเพจย้อนกลับไปอ่านโพสก่อนๆหน้า ดังนั้น จากปรากฏการแน๊กชาลีกามิจ ทำให้ขบวนการฟอกขาว ได้มาใช้บริการ ผ่านการติดต่อเอเจนซี่ทุนดาร์คกิมจิ ที่ร่วมงานกับเจ้าพ่อเว็บ888 ซักฟอกได้มหาศาลในช่วยแปดเดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดการสร้างความยั่งยืน โดยจะใช้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการฟอกของทั่วโลก การจัดพีเค บิ๊กแม็ตเท่านั้น เป็นเงื่อนไข ที่จะทำให้กระบวนการฟอกเกิดขึ้นได้ เพื่ออ้างว่าได้รับรายได้มาจากของขวัญในการแข่งขัน ที่จะไม่ผิดจากความเป็นธรรมชาติ มีองค์ประกอบสำคัญคือ 1. ตัวแสดง ต้องมี 2 ฝั่ง ที่มีความนิยม ที่จะสร้างสตอรี่ และดันให้ดังก่อน แล้วจึงมีการจัดตารางในการทำบิ๊กแม๊ต ผ่านการโปรโมท 2. คนดู ที่ต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะมีการส่งของขวัญอย่างเอิกเกริก โดยตามข้อที่ 2 นี้ วิธีการที่จะยั่งยืนคือ ใช้ยูซตต. ที่ถูกสร้างขึ้น แทนคนจริง เพื่อไม่ต้องโฆมาก เสียงบประมาณแบบในปัจจุบัน และดันยูซผีเข้าไปวิวดูทั้งสองฝ่าย และเริ่มโยนของขวัญจากงบมหาศาล ตั้งแต่ 5 - 20% แต่จะถอดเหรียญตต.ออกมา 100 % ทั้งจำนวนคน และจำนวนเหรียญ และความยิ่งใหญ่ของบิ๊กแม๊ต ดูสมดุล ก็ถอนออกมาแล้วชำระภาษี ก็จะได้เงินที่สะอาดบริสุทธิ์ ในส่วนของตัวแสดง ทางกลุ่มดาร์คเห็นแล้วว่า แน๊กชาลี เป็นผู้ทำปรากฏการ แต่แน๊ก ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสิ่งใดที่จะทำให้คนไทยต้องเสียเงินมากๆ แน๊ก จึงกลายเป็นเป้า ที่ทุนดาร์คต้องใช้ระบบยูซผี เข้าไปเล่นช่องให้ปลิว แบบที่แน๊กช่องแท้โดนจนปลิว ถ้าเล่นแน๊กได้ ก็เล่นช่องที่เป็นด้อมของแน๊กได้ ตอนนี้ต่างทะยอยปลิวกันวันละเป็นสิบที่ แล้วเหตุการณ์จะดำเนินอย่างไรต่อ ต่อไป ก็คือการช็อปคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วที่ไม่ต้องปั้นอะไรมาก ตอนแรก จะใช้ ตต.เกอร์ แต่ ตต.เกอร์หลายคนก็ยังเยาว์ และมีความรู้สึกยุ่งยาก เพราะต้องติดสัญญาสารพัดสี่ห้าปี และมีผปค ต้องเข้ามาช่วยดูอีก ซึ่งกลุ่มนี้ก็กลัวจะหลุด และในจังหวะที่วงการละครไทย กำลังดิ่ง ทำให้นักแสดงหลายคน ค่ายหลายๆ ต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย เพราะการดิสรับของโซเชียล ที่ทำให้ทีวีไทยที่อยู่ได้ด้วยโฆ ไม่สามารถเดินต่อไปได้ เพราะบริษัทต่างๆ ก็หันมาในสนามADโซเชียล เพราะเห็นผลกว่าในงบที่เท่ากัน ดาราส่วนหนึ่ง เป็นคนที่มีนิสายเก็บออม หรือสร้างธุรกิจไว้รองรับ ก็อยู่ได้อย่างสบาย แต่ดาราอีกจำนวนไม่น้อย ที่ติดหล่มจมไม่ลง ต้องแสวงหารายได้ทางอื่น โดยบางคนรู้ แต่บางคนไม่รู้ตัว ว่ารายได้อันมากมาย มาจากกลุ่มทุนดาร์คข้ามชาติ ข้อมูลที่พี่คิงส์มี ก็ทำให้ตกใจ ที่ดาราที่ดูใสสะอาดหลายคน ได้รับการติดต่อการช็อป จากเอเจนซี่หลายสำนักที่มาเปิดในไทย ต่างเสนอค่าตอบแทนให้ชนิดที่อยู่ได้ และมากกว่าการแสดงละครหลายเท่า ซึ่งแน่นอน สิ่งนี้คนที่จมไม่ลง ยังรักชีวิตที่สุขสบาย ย่อมตาโต และพร้อมโผเข้าใส่ และดาราบางราย คิดการใหญ่ ไปดิลทุนดาร์คยังต่างประเทศ อยากเปิดเอเจนซี่ด้วยตัวเอง โดยอ้างว่าตนเอง อยู่ในระบบอยู่แล้วในตต. มีผู้ติดตามเท่านั้นเท่านี้ และมีตัวเด่นๆที่รู้จัก และสามารถติดต่อคนในวงการเข้ามาในระบบนี้ ก็มีการเจรจาต่อรอง ซึ่งพี่คิงส์เคยบอกแล้วว่า กรณีที่มีการส่งค่าตอบแทนผ่านระบบของกลุ่มทุนดาร์ค มันจะผ่านบัญชีที่ตัวมัน ปลอดภัย แต่ไม่มีความจำเป็น ที่กลุ่มทุนดาร์คจะเซฟผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งวันหนึ่ง เส้นเงินจะเข้ามาถึงบรรดาดาราไทยที่หลงผิด แต่ก็มีอีกหลายคน พลาด เพียงเพราะคิดว่ามันคือธุรกิจใหม่ นำชื่อเสียงและความสามารถของตัวเอง เปลี่ยนเป็นรายได้ ผ่านเอเจนซี่ ที่จะคอยผลักดันให้เป็นดาวในโลกตต. ทั้งชือเสียง ทั้งรายได้ ทุกอย่างมันดูดีไปหมด อย่างน่าแปลกใจ โพสนี้ พี่คิงส์ขอส่งสัญญาณไปถึงดาราที่ยังไม่พลาดพลั้ง ให้ทบทวนในสิ่งที่พี่คิงส์แจ้ง แล้วลองตัดสินใจให้ดีว่า อยากเป็นเหมือนหลายๆคน ที่ถูกโยงเรื่องการฟอก และต้องจบไปตารางหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เงินสุจริต อาจต้องแลกด้วยความยากลำบาก แต่มันมีค่า มีศิริมงคล แต่เมื่อไหร่ที่เงินดาร์คคือรายได้หลักของคน ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว มันมีวันเริ่ม ที่ดูสวยงาม แต่วันจบของมัน ไม่เคยสวยงามซักราย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 783 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!!

    ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!!

    ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev
    ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน……
    ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน……
    แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี)

    ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน
    หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol
    ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ……
    แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า
    “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด
    คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก
    เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..”

    ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง
    เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน
    และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002
    ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค

    ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ
    ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ
    ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน
    ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน
    แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน……

    ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้
    เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์
    แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว
    แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี
    บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน……

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี
    และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด?
    ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า
    “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด..
    เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……”
    ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ
    เขาพูดต่อไปว่า…
    “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ
    ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!”

    ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง……
    แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!!

    ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์
    และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง

    เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

    แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด

    ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan
    ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า
    Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย
    รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว

    เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว
    และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่
    ฟังแต่เพลงร๊อค
    ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช
    จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
    จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก
    เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!”

    กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง…
    ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย
    สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ
    และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ
    ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น

    ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา
    “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย……
    ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS
    มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย

    แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า……
    เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ
    ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ
    บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า
    “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง”
    “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย”
    “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด……

    วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด
    ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!!
    เลยต้องร้องขอไป.……
    สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย
    และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
    กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด
    MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก…
    ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia
    และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS
    โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา
    ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า……
    “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว”

    ซาร์โกซี่รีบค้าน…
    “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร?
    ปูตินย้อนทันทีว่า……
    “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!”
    แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า……
    “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ
    บุชลูกหรือ..?!!

    สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่……
    ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008)

    ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย……

    ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช
    ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า
    สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad

    หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล

    แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!!

    Wiwanda W. Vichit
    มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!! ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!! ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน…… ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน…… แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี) ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ…… แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..” ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002 ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน…… ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้ เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์ แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน…… หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด? ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด.. เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……” ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ เขาพูดต่อไปว่า… “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!” ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง…… แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!! ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่ ฟังแต่เพลงร๊อค ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!” กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง… ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย…… ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า…… เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง” “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย” “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด…… วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!! เลยต้องร้องขอไป.…… สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก… ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า…… “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว” ซาร์โกซี่รีบค้าน… “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร? ปูตินย้อนทันทีว่า…… “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!” แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า…… “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ บุชลูกหรือ..?!! สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่…… ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008) ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย…… ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • TEXAS CHICKEN อำลาไทย

    ร้านไก่ทอดเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ปิดตัวลงทุกสาขาในวันที่ 30 ก.ย. 2567 นับเป็นการปิดตำนานร้านไก่ทอดสัญชาติอเมริกันที่ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก สร้างความทรงจำให้กับผู้บริโภคมานานถึง 9 ปี โดยข้อมูล ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่าเหลือ 97 สาขา ลดลงจากเมื่อไตรมาส 4 ปี 2566 ที่มี 100 สาขา และไตรมาส 4 ปี 2565 ที่มี 107 สาขา

    นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์ ระบุว่า อยู่ระหว่างทบทวนและปรับปรุงการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่ได้เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ เพื่อประเมินความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป้าหมายในอนาคต รวมถึงกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B)

    "โออาร์ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และได้พิจารณายุติการดำเนินธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น โดยคาดว่าจะทยอยปิดทุกสาขาภายในเดือน ก.ย. นี้ โดยยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสและพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต่อไป"

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2558 บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามสัญญาการให้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ เท็กซัสชิคเก้น กับ Cajun Global LLC ก่อนเปิดสาขาแรกที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2558 สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการจำหน่ายชุดไก่ทอดพร้อมเครื่องดื่มรีฟิล ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่างเคเอฟซีถึงกับลงมาทำเครื่องดื่มรีฟิลแข่งกัน นอกจากนี้ ยังมีเมนูขนมหวานอย่างฮันนี่บิสกิตอันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

    ในระยะแรกร้านเท็กซัสชิคเก้นได้เปิดสาขาในศูนย์การค้าเป็นหลัก ก่อนที่แบรนด์จะเป็นที่ยอมรับและเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเวลาต่อมา จากนั้น ปตท. ได้แยกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็นบริษัทใหม่อย่างโออาร์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 ทำให้ร้านเท็กซัส ชิคเก้น ในประเทศไทย จึงถูกรวมเข้าไปในกลุ่มธุรกิจ F&B ของโออาร์

    แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แม้ร้านเท็กซัส ชิคเก้นจะทำกำไร แต่ไม่ถึงเป้าพอที่จะต่อสัญญากับได้ โดยประเมินว่าหากต่อสัญญาแล้วเดินหน้าธุรกิจต่ออาจไม่คุ้ม นอกจากนี้ อดีตผู้บริหาร ปตท. ที่เคยเป็นแม่งานสำคัญอย่าง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ที่เคยผลักดันธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น สมัยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ได้ออกจากตำแหน่งไปแล้ว

    #Newskit #TexasChicken #OR
    TEXAS CHICKEN อำลาไทย ร้านไก่ทอดเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ปิดตัวลงทุกสาขาในวันที่ 30 ก.ย. 2567 นับเป็นการปิดตำนานร้านไก่ทอดสัญชาติอเมริกันที่ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก สร้างความทรงจำให้กับผู้บริโภคมานานถึง 9 ปี โดยข้อมูล ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่าเหลือ 97 สาขา ลดลงจากเมื่อไตรมาส 4 ปี 2566 ที่มี 100 สาขา และไตรมาส 4 ปี 2565 ที่มี 107 สาขา นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์ ระบุว่า อยู่ระหว่างทบทวนและปรับปรุงการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่ได้เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ เพื่อประเมินความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป้าหมายในอนาคต รวมถึงกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) "โออาร์ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และได้พิจารณายุติการดำเนินธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น โดยคาดว่าจะทยอยปิดทุกสาขาภายในเดือน ก.ย. นี้ โดยยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสและพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต่อไป" ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2558 บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามสัญญาการให้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ เท็กซัสชิคเก้น กับ Cajun Global LLC ก่อนเปิดสาขาแรกที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2558 สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการจำหน่ายชุดไก่ทอดพร้อมเครื่องดื่มรีฟิล ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่างเคเอฟซีถึงกับลงมาทำเครื่องดื่มรีฟิลแข่งกัน นอกจากนี้ ยังมีเมนูขนมหวานอย่างฮันนี่บิสกิตอันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย ในระยะแรกร้านเท็กซัสชิคเก้นได้เปิดสาขาในศูนย์การค้าเป็นหลัก ก่อนที่แบรนด์จะเป็นที่ยอมรับและเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเวลาต่อมา จากนั้น ปตท. ได้แยกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็นบริษัทใหม่อย่างโออาร์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 ทำให้ร้านเท็กซัส ชิคเก้น ในประเทศไทย จึงถูกรวมเข้าไปในกลุ่มธุรกิจ F&B ของโออาร์ แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แม้ร้านเท็กซัส ชิคเก้นจะทำกำไร แต่ไม่ถึงเป้าพอที่จะต่อสัญญากับได้ โดยประเมินว่าหากต่อสัญญาแล้วเดินหน้าธุรกิจต่ออาจไม่คุ้ม นอกจากนี้ อดีตผู้บริหาร ปตท. ที่เคยเป็นแม่งานสำคัญอย่าง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ที่เคยผลักดันธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น สมัยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ได้ออกจากตำแหน่งไปแล้ว #Newskit #TexasChicken #OR
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ติ่งขาาาา……มาช่วยกันเป็นกำลังใจให้พี่ปูหน่อยยยย……กำลังเคว้งคว้างหาที่ลงสวยๆไม่ได้………!!!

    ตอนหก…..……ดวงรุ่งไม่นาน…ต้องหางานใหม่ซะแล้วววว…!!!

    ปูตินทำงานอยู่แค่ในเบื้องหลังของอนาโตลี ในขณะที่เจ้านายใช้เวลาส่วนใหญ่เดินทางระหว่างเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก กับมอสโคว์ เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับเยลซิน การทำงานของปูติน จากปากคำของเลขาฯ Marina Yentaltseva ที่บอกว่า

    “เขาเป็นคนจริงจังกับงานมาก แต่ไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร……งานที่สั่งมา
    เขาไม่สนใจว่าใครจะเอาไปทำ หรือมีปัญหาอะไร ……แต่ต้องเสร็จตามเวลา……ไม่มีใครรู้เลยว่า เขากำลังคิดอะไร เก็บอารมณ์ดีเป็นที่สุด ครั้งหนึ่งสุนัขสุดที่รักที่บ้าน ถูกรถชนตาย ฉันเอาข่าวไปบอก….เขาพยักหน้านิดนึง
    ไม่มีอากัปกิริยาอะไรมากกว่านั้นเลย……”

    ปูตินทำงานทั้งงานราษฎร์งานหลวง งานราษฎร์คือการที่ต้องขับเคี่ยวกับเหล่าแก๊งค์มาเฟียระดับตลาดล่าง ที่มีมากมายในเมือง โดยเฉพาะยิ่งจะมีบริษัทใหญ่ Golden Gate ที่จะมาทำการสร้างบริษัทส่งออกน้ำมัน โดย Gennady Timchenko เป็นนายทุนใหญ่
    เรื่องอันธพาลกลางเมืองคือเรื่องที่เป็นอุปสรรค ต่อการที่จะพัฒนา
    ดังนั้น ปูตินจึงต้องรีบจัดการส่งลูกสาวทั้งสองคน มาชาและแคทยา ไปที่เยอรมันสักพักหนึ่งเพื่อความปลอดภัย
    เพื่อที่จะจัดการกับพวกอุปสรรคทั้งหลาย (ไม่ทราบว่าวิธีไหน……?)
    แต่ เยนนาดี ได้ดำเนินการธุรกิจอย่างปลอดโปร่งจนเป็นอภิมหาเศรษฐีและเป็นสหายของปูตินจนถึงปัจจุบัน

    นอกจากนั้น งานแจกจ่ายใบอนุญาตการค้าต่างๆ ก็ต้องเร่งมือ เพราะต้องเร่งหาเงินเข้ามาบำรุงท้องถิ่น
    จะหวังพึ่งทางมอสโคว์ก็ริบหรี่ เพราะช่วงเดือน ตุลาคม เกิดการประท้วงใหญ่ ที่มีการจับกุม ทุบตีผู้ประท้วง จนเยลซินก็ประกาศกฎอัยการศึก
    ถึงขนาดต้องใช้รถถังมาควบคุมสถานการณ์

    ความยุ่งยากยืดเยื้อมาจนถึงปี 1993 การทำงานของอนาโตลี ที่มีปูตินเป็นเบื้องหลังให้นั้น เริ่มมีปัญหาจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเค้าของการเลือกตั้งใหม่เริ่มมีการเตรียมตัวส่งแคนดิเดทมาร่วมเปิดตัวลงสมัคร และการดิสเครดิต สาดโคลนตามมาเป็นระลอก
    ที่ทำให้ปูตินต้องทำงานทั้งวัน…ต่อไปจนถึงมืดค่ำ

    เช้าวันที่ 23 ตุลาคม ปูตินขับรถไปส่งมาชาที่โรงเรียน
    ลุดมิลาจะต้องพาแคทยาไปซ้อมละครเวที
    ระหว่างที่กำลังขับรถกำลังจะขึ้นสะพาน
    มีรถคันหนึ่งขับผ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนอย่างจัง กลางลำ……
    กว่าเธอและลูกสาวจะไปถึงโรงพยาบาลเพราะรอรถพยาบาล ต้องใช้เวลาถึง 45 นาที
    แคทยา ฟกช้ำดำเขียวไปพอประมาณ แต่ลุดมิลากระดูกสันหลังเคลื่อนและมีบาดแผลตามตัว
    มารินา เลขาฯพยายามติดต่อปูติน เธอได้รับเอาแคทยามาดูแล

    แต่เขายังอยู่ในการประชุมกับ Ted Turner และ Jane Fonda (ตอนนั้นเป็นสามีภรรยากัน) ในเรื่องการจัดแข่งกีฬา Goodwill Games ครั้งที่สาม
    ทันทีที่รู้เรื่อง……ปูตินรีบไปที่โรงพยาบาล เพื่อไปถามแพทย์ว่า หนักหนาหรือไม่?
    เมื่อทราบจากแพทย์ว่า กำลังดูแลเป็นอย่างดี…
    เขาก็กลับไปประชุมต่อ……ไม่ได้แวะไปดูลุดมิลาแต่อย่างใด

    มารินาได้เข้ามาดูแลลุดมิลาที่โรงพยาบาลและเด็กๆในช่วงที่รอมารดาของลุดมิลาจะเดินทางมาจากคาลินินกราด
    แม้ว่าหลังจากหนึ่งเดือนในโรงพยาบาลเมื่อออกมา……เธอก็ยังต้องใส่เฝือกอ่อนรัดตัว
    แต่ปูติน……มีความห่วงใย(แบบไม่แสดงออก) ในเรื่องการรักษาเขาไปปรึกษากับ เซอร์เก เพื่อนรักโดยเขาต้องการให้ลุดมิลาไปรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลที่เดรสเดน เยอรมัน ที่เป็นที่ที่ดีที่สุด

    แต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ
    ปัญหาเหล่านั้น……ได้สลายลงด้วยการช่วยเหลือของ Matthias Waring***
    อดีตหัวหน้า Stasi ที่ผันตัวมาเป็นนายธนาคาร Dresdner ในกรุงเซนต์
    โดยได้รับใบอนุญาตจากอนาโตลี (ผ่านปูติน) จนได้มาเปิดธนาคารในเมืองเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรก

    ที่เยอรมันนี ลุดมิลาได้รับการรักษาอย่างดี ในโรงพยาบาลที่ Bad Homburg จนหายเป็นปรกติ

    หลังจากที่มอสโคว์เสร็จสิ้นจากการปราบม็อบไปในปี 1993 นั้น
    สัมพันธภาพระหว่าง อนาโตลีกับเยลซิน เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก
    การเลือกตั้งนกยกเทศมนตรีในเมืองต่างๆจะมีขึ้นในในเดือนมีนาคม 1994 ซึ่ง เยลซินเห็นว่า ถ้าอนาโตลีได้รับเลือกอีกสมัยหนึ่ง ก็อาจจะอาจเอื้อมเข้ามาเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสมัยต่อไป
    ซึ่งตัวเยลซินเองนั้นไม่เท่าไหร่ แต่คณะคนที่รายล้อมรอบตัวเขา แต่ละคนคือมาเฟียตัวพ่อ ที่ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินให้กับพรรค
    คนเหล่านั้น……ต้องการให้เยลซินอยู่ต่อไป หรือถ้าจะมีคนมาแทนก็ต้อวเป็นพรรคพวกของตัวเอง
    อย่าง……อนาโตลี นั้นไม่ใช่……!!

    งานสาดโคลนตามประเพณีเลือกตั้งจึงตามมา อนาโตลีถูกแฉว่าได้ยักยอกทรัพย์ออกนอกประเทศ ได้ทำการคอร์รัปชั่นในใบอนุญาต รวมทั้งการกระจายข่าวลือว่า อนาโตลีได้ติดต่อกับทางนายกรัฐมนตรีเยอรมันเพื่อที่จะโค่นล้มเยลซิน……
    ซึ่งปูตินได้ติดร่างแหไปด้วย เพราะเป็นหนึ่งในทีม
    แต่ในที่สุดเขาก็เคลียร์ตัวเองได้ ……เพราะตรวจสอบได้หมด
    เนื่องจากไม่มีสมบัติอะไร

    เวลาแห่งการหาเสียงมาถึง อนาโตลีต้องพบกับความประหลาดใจ ที่ผู้สมัครเข้าแข่งขันนั้น คือ รองของเขาเอง Vladimir Yakovlev
    ที่ตอนนั้น อนาโตลีมีความรู้สึกว่าโดนหักหลังจากคนใกล้ชิดที่สุด
    พวกกลุ่มทำงานในสำนักงานได้เริ่มแยกฝ่าย ไปตามคนที่ตัวเองถือหาง
    แต่ปูตินยังมั่นคงอยู่กับอนาโตลีไม่เปลี่ยนแปลง…

    การหาเสียงเป็นไปอย่างเข้าข้น เป็นการหาเสียงที่ต้องใช้เงินมากมาย
    ที่อนาโตลีด้อยกว่า เพราะท่อน้ำเลี้ยงจากมอสโคว์เหือดแห้งไปแล้ว
    สรุปว่า โยโกสเลฟ ชนะด้วยคะแนนเฉี่ยวฉิว……
    อนาโตลี มีน้ำใจเป็นนักกีฬาพอ เขาได้ใช้ประโยคเด็ดของ Winston Churchill ในตอนที่แพ้เลือกตั้งในปี 1945 ว่า
    “การที่เราได้ช่วยชาติให้แล้วรอดปลอดภัย……นั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

    แต่นั่นหมายถึงว่า เมื่อหมดวาระ(ในไม่กี่เดือนข้างหน้า) ปูตินจะต้องหางานใหม่ทำ เพราะเขาไม่คิดที่จะทำงานกับโยโกสเลฟ ที่จะผันตัวจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นนาย……

    ปูตินมีบ้านพักเล็กๆสำหรับพักผ่อนที่นอกเมือง เป็นบังกาโลไม้ธรรมดา ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้
    เขาและครอบครัวใช้เป็นที่หย่อนใจ ในเดือนสิงหาคม อันเป็นเดือนของการพักร้อนที่งานไม่ค่อยเดิน
    เขาจึงได้เชิญครอบครัวของมารินาไปพักผ่อนด้วยกัน
    พวกผู้หญิงอยู่กันที่ชั้นบน ผู้ชายปูที่นอนกันที่ข้างล่าง…

    ปูตินออกไปว่ายน้ำในทะเลสาบ เมื่อเขาเดินกลับมา เห็นควันไฟพลุ่งออกมาจากตัวบ้าน เปลวไฟกำลังลามขึ้นไปชั้นบน เขารีบวิ่งฝ่าขึ้นไป ส่งเด็กๆลงมาจากระเบียงโดยใช้ผ้าปูที่นอนผูกแทนเชือก ทุกคนออกมาอย่างปลอดภัย
    แต่ทันใดนั้น เขานึกขึ้นได้ว่า กระเป๋าเอกสารที่มีเงินอยู่ราวๆห้าพัน (ดอลล่าร์ โดยประมาณ) อันเป็นเงินก้อนเดียวที่เขามี
    ปูตินรีบวิ่งเข้าไปเอามันออกมา และโรยตัวออกทางระเบียงเช่นกัน
    กว่ารถดับเพลิงจะมาได้ บ้านทั้งหลังก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
    และเมื่อรถมาถึง……พนักงานดับไฟบอกว่า ไม่มีน้ำ…
    ปูตินโกรธจนตัวสั่น เขาชี้ไปที่ทะเลสาบ……บอกว่า นั่นไง……น้ำ…!!
    ไอ้หมอนั่นตอบกลับมาว่า……สายยางยาวไม่พอ…!!!

    เมื่อค้นหาสาเหตุได้ มาจากเครื่องทำความร้อนที่ชั้นล่าง ที่ได้เกิดช๊อตขึ้นมา……เมื่อทุกอย่างเริ่มเย็นลง
    ปูตินได้เข้าไปคุ้ยหาของที่อาจจะไม่เสียหายมาก เขาได้พบกับก้อนโลหะเล็กๆ ที่ได้หลอมละลายไป นั่นก็คือ กางเขนน้อยที่มาเรียมารดาของเขาได้ให้มา พร้อมกับกำชับว่าให้นำไปขอพรที่พระวิหารในนครเยรูซาเล็ม, อิสราเอล
    ที่ปูตินได้จัดการให้ตามนั้น เมื่อครั้งที่เขาติดตามอนาโตลีไปเยือนเมื่อสามปีที่แล้ว……!!

    ที่มอสโคว์……ปลายปี 1995 เยลซินได้เกิดอาการหัวใจกำเริบ ที่ค่อนข้างน่าตกใจ กลุ่มนายทุนที่รายล้อมรอบตัวเขา รีบตื่นตัวกันจ้าละหวั่น เพราะการเลือกตั้งจะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า
    บางคนบอกว่า รีบออกกฎหมายให้เลื่อนการลงคะแนนออกไปก่อน
    บางคนรีบเสนอชื่อแคนดิเดทพวกพ้องของตัวเองที่จะให้มาลงแทน
    บางคนเสนอตัวเอง…
    เยลซินถึงกับบรรลุในสัจธรรม……ว่า…..ทุกคนมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาวางใจใครไม่ได้เลยจริงๆ

    มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเหล่า Oligarchs พวกนี้คือเหลือบไรที่เกาะตามตัวของท่านผู้นำที่เนรมิตรสัมปทานทั้งแผ่นดินใหักับพวกเขาจนร่ำรวยกันมหาศาล……เขาเหล่านั้นคือ
    1 Boris Berezovsky
    2 Mikhaïl Fridman
    3 Vladimir Gusinsky
    4 Mikhaïl Khodorkovsky
    5 Vladimir Potanin

    (ดิฉันเคยเล่าถึง หมายเลข 1 และ 4 ไปแล้ว …จะนำมาลงให้อีกในคอมเม้นต์)

    สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุด คือ ถ้าเยลซินหลุดไปจากอำนาจ แล้วถ้าคนใหม่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์……นั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างจะหายวับไปกับตา
    อาจรวมถึงชีวิต ดังที่เยลซินพูดบ่อยๆว่า มันจะเอาพวกเราไปแขวนคอที่เสาไฟฟ้า……!!
    เหล่ามหาเศรษฐีพวกนั้นเลยระดมทุนกันใหญ่ ว่ากันว่า ถึงสองพันล้านดอลล่าร์……
    สุขภาพของเยลซินก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ข่าวที่ออกก็เลือกแต่ส่วนช่วงดีๆ ………………ปกปิดเรื่องการป่วยไข้อย่างสนิท
    ในส่วนตัวของเยลซินเอง……เขาถอดใจแล้ว เขาเริ่มมองหาตัวแทนที่จะมาเป็นผู้นำด้วยตัวเอง
    เขามุ่งไปที่ลักษณะของนายทหาร ที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น
    และสามารถเข้ากับทุกกลุ่มได้ คนที่เขาหมายตา
    คือ นายพลหนุ่ม Aleksandr Lebed ที่กะจะมาเอามาเป็นเด็กสร้าง
    เขาจึงเรียกตัวให้มารับหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลความมั่นคงในส่วนของเครมลิน
    หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งได้วันเดียว นายพลหนุ่ม Alexandr ได้พบกับอดีตนายพลอาวุโส แห่งหน่วย คอสแซค ที่ทักทายเขาด้วยความมีไมตรีว่า…”ทราบว่าคุณก็มาจากกองพันคอสแซคเช่นกัน…ยินดีที่ได้รู้จัก”
    นายพลหนุ่มเชิดใส่……สบัดเสียงตอบไปว่า
    “ทำไมพูดจาเหมือนพวกยิว……!!”

    เยลซินถึงได้รู้ว่า เขาดูคนผิด เพราะนายพลที่เขาวาดภาพถึงนั้น คงมีแต่ในหนังสือที่อ่านสมัยเป็นเด็กๆ……ตอนนี้นายพลพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกยามรักษาความปลอดภัยดีๆนี่เอง

    การเลือกตั้งได้เกิดขึ้น ตัวเยลซินเองก็ต้องแอบไปลงคะแนนในหน่วยใกล้บ้านแต่เช้าตรู่ เพราะเขาป่วยจนแทบเดินไม่ไหว ต้องมีคนคอยประคอง
    แต่อย่างไรเสีย……เขาก็ชนะด้วยคะแนนไม่มากนัก เพราะแรงทุนที่ทุ่มไม่อั้น

    ปูตินได้ช่วยเยลซินหาเสียงอยู่ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ถือว่าเป็นหน่วยสนับสนุนเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นกลไกสำคัญอะไร
    แต่ที่มอสโคว์……เมื่อเยลซินได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ เขาได้จัดการเอาพวกที่คอยแทงข้างหลังออกไปเป็นแผง ที่ต้องหาคนมาแทนใหม่
    และเขาได้เลือก Alexsei Bolshakov อดีตอัยการแห่งกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    เข้าไปรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รองจาก Viktor Chernomyrdrin
    ซึ่ง Alexsei คนนี้ ได้เป็นผู้นำปูตินเข้าไปพบกับเยลซิน เพราะเขาเลื่อมใสในการทำงาน เฝ้าดูมาตลอด แต่ไม่ได้สนิทกัน

    งานที่ปูตินได้รับการแต่งตั้ง คือ ผู้อำนวยการในฝ่ายมวลชนและประชาสัมพันธ์ ที่ต้องประสานกับ Pavel Borodin
    ที่เผอิญปูตินได้เคยสัมผัสกัน……โดยปาเวลได้ถือเป็นบุญคุณอย่างมากมาย กล่าวคือ
    บุตรสาวของปาเวลเคยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เมื่อครั้ง
    ปูตินเป็นคณบดี และได้เกิดป่วยไข้ขึ้นมา ปูตินได้จัดการให้เธอได้พบแพทย์และช่วยเรื่องการทดแทนชั้นเรียนในช่วงการขาดลา……
    ยิ่งพอมาพบกันจริงๆ…ปาเวลยิ่งปลาบปลื้มขอบอกขอบใจ และสะดวกใจที่จะช่วยเหลืองานอย่างเต็มที่

    แต่นั่นหมายถึง……ปูตินจะต้องย้ายไปอยู่ที่มอสโคว์…นี่คือสิ่งเดียวที่เขายังรู้สึกลังเล………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขาาาา……มาช่วยกันเป็นกำลังใจให้พี่ปูหน่อยยยย……กำลังเคว้งคว้างหาที่ลงสวยๆไม่ได้………!!! ตอนหก…..……ดวงรุ่งไม่นาน…ต้องหางานใหม่ซะแล้วววว…!!! ปูตินทำงานอยู่แค่ในเบื้องหลังของอนาโตลี ในขณะที่เจ้านายใช้เวลาส่วนใหญ่เดินทางระหว่างเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก กับมอสโคว์ เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับเยลซิน การทำงานของปูติน จากปากคำของเลขาฯ Marina Yentaltseva ที่บอกว่า “เขาเป็นคนจริงจังกับงานมาก แต่ไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร……งานที่สั่งมา เขาไม่สนใจว่าใครจะเอาไปทำ หรือมีปัญหาอะไร ……แต่ต้องเสร็จตามเวลา……ไม่มีใครรู้เลยว่า เขากำลังคิดอะไร เก็บอารมณ์ดีเป็นที่สุด ครั้งหนึ่งสุนัขสุดที่รักที่บ้าน ถูกรถชนตาย ฉันเอาข่าวไปบอก….เขาพยักหน้านิดนึง ไม่มีอากัปกิริยาอะไรมากกว่านั้นเลย……” ปูตินทำงานทั้งงานราษฎร์งานหลวง งานราษฎร์คือการที่ต้องขับเคี่ยวกับเหล่าแก๊งค์มาเฟียระดับตลาดล่าง ที่มีมากมายในเมือง โดยเฉพาะยิ่งจะมีบริษัทใหญ่ Golden Gate ที่จะมาทำการสร้างบริษัทส่งออกน้ำมัน โดย Gennady Timchenko เป็นนายทุนใหญ่ เรื่องอันธพาลกลางเมืองคือเรื่องที่เป็นอุปสรรค ต่อการที่จะพัฒนา ดังนั้น ปูตินจึงต้องรีบจัดการส่งลูกสาวทั้งสองคน มาชาและแคทยา ไปที่เยอรมันสักพักหนึ่งเพื่อความปลอดภัย เพื่อที่จะจัดการกับพวกอุปสรรคทั้งหลาย (ไม่ทราบว่าวิธีไหน……?) แต่ เยนนาดี ได้ดำเนินการธุรกิจอย่างปลอดโปร่งจนเป็นอภิมหาเศรษฐีและเป็นสหายของปูตินจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น งานแจกจ่ายใบอนุญาตการค้าต่างๆ ก็ต้องเร่งมือ เพราะต้องเร่งหาเงินเข้ามาบำรุงท้องถิ่น จะหวังพึ่งทางมอสโคว์ก็ริบหรี่ เพราะช่วงเดือน ตุลาคม เกิดการประท้วงใหญ่ ที่มีการจับกุม ทุบตีผู้ประท้วง จนเยลซินก็ประกาศกฎอัยการศึก ถึงขนาดต้องใช้รถถังมาควบคุมสถานการณ์ ความยุ่งยากยืดเยื้อมาจนถึงปี 1993 การทำงานของอนาโตลี ที่มีปูตินเป็นเบื้องหลังให้นั้น เริ่มมีปัญหาจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเค้าของการเลือกตั้งใหม่เริ่มมีการเตรียมตัวส่งแคนดิเดทมาร่วมเปิดตัวลงสมัคร และการดิสเครดิต สาดโคลนตามมาเป็นระลอก ที่ทำให้ปูตินต้องทำงานทั้งวัน…ต่อไปจนถึงมืดค่ำ เช้าวันที่ 23 ตุลาคม ปูตินขับรถไปส่งมาชาที่โรงเรียน ลุดมิลาจะต้องพาแคทยาไปซ้อมละครเวที ระหว่างที่กำลังขับรถกำลังจะขึ้นสะพาน มีรถคันหนึ่งขับผ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนอย่างจัง กลางลำ…… กว่าเธอและลูกสาวจะไปถึงโรงพยาบาลเพราะรอรถพยาบาล ต้องใช้เวลาถึง 45 นาที แคทยา ฟกช้ำดำเขียวไปพอประมาณ แต่ลุดมิลากระดูกสันหลังเคลื่อนและมีบาดแผลตามตัว มารินา เลขาฯพยายามติดต่อปูติน เธอได้รับเอาแคทยามาดูแล แต่เขายังอยู่ในการประชุมกับ Ted Turner และ Jane Fonda (ตอนนั้นเป็นสามีภรรยากัน) ในเรื่องการจัดแข่งกีฬา Goodwill Games ครั้งที่สาม ทันทีที่รู้เรื่อง……ปูตินรีบไปที่โรงพยาบาล เพื่อไปถามแพทย์ว่า หนักหนาหรือไม่? เมื่อทราบจากแพทย์ว่า กำลังดูแลเป็นอย่างดี… เขาก็กลับไปประชุมต่อ……ไม่ได้แวะไปดูลุดมิลาแต่อย่างใด มารินาได้เข้ามาดูแลลุดมิลาที่โรงพยาบาลและเด็กๆในช่วงที่รอมารดาของลุดมิลาจะเดินทางมาจากคาลินินกราด แม้ว่าหลังจากหนึ่งเดือนในโรงพยาบาลเมื่อออกมา……เธอก็ยังต้องใส่เฝือกอ่อนรัดตัว แต่ปูติน……มีความห่วงใย(แบบไม่แสดงออก) ในเรื่องการรักษาเขาไปปรึกษากับ เซอร์เก เพื่อนรักโดยเขาต้องการให้ลุดมิลาไปรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลที่เดรสเดน เยอรมัน ที่เป็นที่ที่ดีที่สุด แต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ปัญหาเหล่านั้น……ได้สลายลงด้วยการช่วยเหลือของ Matthias Waring*** อดีตหัวหน้า Stasi ที่ผันตัวมาเป็นนายธนาคาร Dresdner ในกรุงเซนต์ โดยได้รับใบอนุญาตจากอนาโตลี (ผ่านปูติน) จนได้มาเปิดธนาคารในเมืองเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรก ที่เยอรมันนี ลุดมิลาได้รับการรักษาอย่างดี ในโรงพยาบาลที่ Bad Homburg จนหายเป็นปรกติ หลังจากที่มอสโคว์เสร็จสิ้นจากการปราบม็อบไปในปี 1993 นั้น สัมพันธภาพระหว่าง อนาโตลีกับเยลซิน เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก การเลือกตั้งนกยกเทศมนตรีในเมืองต่างๆจะมีขึ้นในในเดือนมีนาคม 1994 ซึ่ง เยลซินเห็นว่า ถ้าอนาโตลีได้รับเลือกอีกสมัยหนึ่ง ก็อาจจะอาจเอื้อมเข้ามาเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสมัยต่อไป ซึ่งตัวเยลซินเองนั้นไม่เท่าไหร่ แต่คณะคนที่รายล้อมรอบตัวเขา แต่ละคนคือมาเฟียตัวพ่อ ที่ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินให้กับพรรค คนเหล่านั้น……ต้องการให้เยลซินอยู่ต่อไป หรือถ้าจะมีคนมาแทนก็ต้อวเป็นพรรคพวกของตัวเอง อย่าง……อนาโตลี นั้นไม่ใช่……!! งานสาดโคลนตามประเพณีเลือกตั้งจึงตามมา อนาโตลีถูกแฉว่าได้ยักยอกทรัพย์ออกนอกประเทศ ได้ทำการคอร์รัปชั่นในใบอนุญาต รวมทั้งการกระจายข่าวลือว่า อนาโตลีได้ติดต่อกับทางนายกรัฐมนตรีเยอรมันเพื่อที่จะโค่นล้มเยลซิน…… ซึ่งปูตินได้ติดร่างแหไปด้วย เพราะเป็นหนึ่งในทีม แต่ในที่สุดเขาก็เคลียร์ตัวเองได้ ……เพราะตรวจสอบได้หมด เนื่องจากไม่มีสมบัติอะไร เวลาแห่งการหาเสียงมาถึง อนาโตลีต้องพบกับความประหลาดใจ ที่ผู้สมัครเข้าแข่งขันนั้น คือ รองของเขาเอง Vladimir Yakovlev ที่ตอนนั้น อนาโตลีมีความรู้สึกว่าโดนหักหลังจากคนใกล้ชิดที่สุด พวกกลุ่มทำงานในสำนักงานได้เริ่มแยกฝ่าย ไปตามคนที่ตัวเองถือหาง แต่ปูตินยังมั่นคงอยู่กับอนาโตลีไม่เปลี่ยนแปลง… การหาเสียงเป็นไปอย่างเข้าข้น เป็นการหาเสียงที่ต้องใช้เงินมากมาย ที่อนาโตลีด้อยกว่า เพราะท่อน้ำเลี้ยงจากมอสโคว์เหือดแห้งไปแล้ว สรุปว่า โยโกสเลฟ ชนะด้วยคะแนนเฉี่ยวฉิว…… อนาโตลี มีน้ำใจเป็นนักกีฬาพอ เขาได้ใช้ประโยคเด็ดของ Winston Churchill ในตอนที่แพ้เลือกตั้งในปี 1945 ว่า “การที่เราได้ช่วยชาติให้แล้วรอดปลอดภัย……นั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” แต่นั่นหมายถึงว่า เมื่อหมดวาระ(ในไม่กี่เดือนข้างหน้า) ปูตินจะต้องหางานใหม่ทำ เพราะเขาไม่คิดที่จะทำงานกับโยโกสเลฟ ที่จะผันตัวจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นนาย…… ปูตินมีบ้านพักเล็กๆสำหรับพักผ่อนที่นอกเมือง เป็นบังกาโลไม้ธรรมดา ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ เขาและครอบครัวใช้เป็นที่หย่อนใจ ในเดือนสิงหาคม อันเป็นเดือนของการพักร้อนที่งานไม่ค่อยเดิน เขาจึงได้เชิญครอบครัวของมารินาไปพักผ่อนด้วยกัน พวกผู้หญิงอยู่กันที่ชั้นบน ผู้ชายปูที่นอนกันที่ข้างล่าง… ปูตินออกไปว่ายน้ำในทะเลสาบ เมื่อเขาเดินกลับมา เห็นควันไฟพลุ่งออกมาจากตัวบ้าน เปลวไฟกำลังลามขึ้นไปชั้นบน เขารีบวิ่งฝ่าขึ้นไป ส่งเด็กๆลงมาจากระเบียงโดยใช้ผ้าปูที่นอนผูกแทนเชือก ทุกคนออกมาอย่างปลอดภัย แต่ทันใดนั้น เขานึกขึ้นได้ว่า กระเป๋าเอกสารที่มีเงินอยู่ราวๆห้าพัน (ดอลล่าร์ โดยประมาณ) อันเป็นเงินก้อนเดียวที่เขามี ปูตินรีบวิ่งเข้าไปเอามันออกมา และโรยตัวออกทางระเบียงเช่นกัน กว่ารถดับเพลิงจะมาได้ บ้านทั้งหลังก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว และเมื่อรถมาถึง……พนักงานดับไฟบอกว่า ไม่มีน้ำ… ปูตินโกรธจนตัวสั่น เขาชี้ไปที่ทะเลสาบ……บอกว่า นั่นไง……น้ำ…!! ไอ้หมอนั่นตอบกลับมาว่า……สายยางยาวไม่พอ…!!! เมื่อค้นหาสาเหตุได้ มาจากเครื่องทำความร้อนที่ชั้นล่าง ที่ได้เกิดช๊อตขึ้นมา……เมื่อทุกอย่างเริ่มเย็นลง ปูตินได้เข้าไปคุ้ยหาของที่อาจจะไม่เสียหายมาก เขาได้พบกับก้อนโลหะเล็กๆ ที่ได้หลอมละลายไป นั่นก็คือ กางเขนน้อยที่มาเรียมารดาของเขาได้ให้มา พร้อมกับกำชับว่าให้นำไปขอพรที่พระวิหารในนครเยรูซาเล็ม, อิสราเอล ที่ปูตินได้จัดการให้ตามนั้น เมื่อครั้งที่เขาติดตามอนาโตลีไปเยือนเมื่อสามปีที่แล้ว……!! ที่มอสโคว์……ปลายปี 1995 เยลซินได้เกิดอาการหัวใจกำเริบ ที่ค่อนข้างน่าตกใจ กลุ่มนายทุนที่รายล้อมรอบตัวเขา รีบตื่นตัวกันจ้าละหวั่น เพราะการเลือกตั้งจะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า บางคนบอกว่า รีบออกกฎหมายให้เลื่อนการลงคะแนนออกไปก่อน บางคนรีบเสนอชื่อแคนดิเดทพวกพ้องของตัวเองที่จะให้มาลงแทน บางคนเสนอตัวเอง… เยลซินถึงกับบรรลุในสัจธรรม……ว่า…..ทุกคนมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาวางใจใครไม่ได้เลยจริงๆ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเหล่า Oligarchs พวกนี้คือเหลือบไรที่เกาะตามตัวของท่านผู้นำที่เนรมิตรสัมปทานทั้งแผ่นดินใหักับพวกเขาจนร่ำรวยกันมหาศาล……เขาเหล่านั้นคือ 1 Boris Berezovsky 2 Mikhaïl Fridman 3 Vladimir Gusinsky 4 Mikhaïl Khodorkovsky 5 Vladimir Potanin (ดิฉันเคยเล่าถึง หมายเลข 1 และ 4 ไปแล้ว …จะนำมาลงให้อีกในคอมเม้นต์) สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุด คือ ถ้าเยลซินหลุดไปจากอำนาจ แล้วถ้าคนใหม่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์……นั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างจะหายวับไปกับตา อาจรวมถึงชีวิต ดังที่เยลซินพูดบ่อยๆว่า มันจะเอาพวกเราไปแขวนคอที่เสาไฟฟ้า……!! เหล่ามหาเศรษฐีพวกนั้นเลยระดมทุนกันใหญ่ ว่ากันว่า ถึงสองพันล้านดอลล่าร์…… สุขภาพของเยลซินก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ข่าวที่ออกก็เลือกแต่ส่วนช่วงดีๆ ………………ปกปิดเรื่องการป่วยไข้อย่างสนิท ในส่วนตัวของเยลซินเอง……เขาถอดใจแล้ว เขาเริ่มมองหาตัวแทนที่จะมาเป็นผู้นำด้วยตัวเอง เขามุ่งไปที่ลักษณะของนายทหาร ที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น และสามารถเข้ากับทุกกลุ่มได้ คนที่เขาหมายตา คือ นายพลหนุ่ม Aleksandr Lebed ที่กะจะมาเอามาเป็นเด็กสร้าง เขาจึงเรียกตัวให้มารับหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลความมั่นคงในส่วนของเครมลิน หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งได้วันเดียว นายพลหนุ่ม Alexandr ได้พบกับอดีตนายพลอาวุโส แห่งหน่วย คอสแซค ที่ทักทายเขาด้วยความมีไมตรีว่า…”ทราบว่าคุณก็มาจากกองพันคอสแซคเช่นกัน…ยินดีที่ได้รู้จัก” นายพลหนุ่มเชิดใส่……สบัดเสียงตอบไปว่า “ทำไมพูดจาเหมือนพวกยิว……!!” เยลซินถึงได้รู้ว่า เขาดูคนผิด เพราะนายพลที่เขาวาดภาพถึงนั้น คงมีแต่ในหนังสือที่อ่านสมัยเป็นเด็กๆ……ตอนนี้นายพลพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกยามรักษาความปลอดภัยดีๆนี่เอง การเลือกตั้งได้เกิดขึ้น ตัวเยลซินเองก็ต้องแอบไปลงคะแนนในหน่วยใกล้บ้านแต่เช้าตรู่ เพราะเขาป่วยจนแทบเดินไม่ไหว ต้องมีคนคอยประคอง แต่อย่างไรเสีย……เขาก็ชนะด้วยคะแนนไม่มากนัก เพราะแรงทุนที่ทุ่มไม่อั้น ปูตินได้ช่วยเยลซินหาเสียงอยู่ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ถือว่าเป็นหน่วยสนับสนุนเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นกลไกสำคัญอะไร แต่ที่มอสโคว์……เมื่อเยลซินได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ เขาได้จัดการเอาพวกที่คอยแทงข้างหลังออกไปเป็นแผง ที่ต้องหาคนมาแทนใหม่ และเขาได้เลือก Alexsei Bolshakov อดีตอัยการแห่งกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก เข้าไปรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รองจาก Viktor Chernomyrdrin ซึ่ง Alexsei คนนี้ ได้เป็นผู้นำปูตินเข้าไปพบกับเยลซิน เพราะเขาเลื่อมใสในการทำงาน เฝ้าดูมาตลอด แต่ไม่ได้สนิทกัน งานที่ปูตินได้รับการแต่งตั้ง คือ ผู้อำนวยการในฝ่ายมวลชนและประชาสัมพันธ์ ที่ต้องประสานกับ Pavel Borodin ที่เผอิญปูตินได้เคยสัมผัสกัน……โดยปาเวลได้ถือเป็นบุญคุณอย่างมากมาย กล่าวคือ บุตรสาวของปาเวลเคยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เมื่อครั้ง ปูตินเป็นคณบดี และได้เกิดป่วยไข้ขึ้นมา ปูตินได้จัดการให้เธอได้พบแพทย์และช่วยเรื่องการทดแทนชั้นเรียนในช่วงการขาดลา…… ยิ่งพอมาพบกันจริงๆ…ปาเวลยิ่งปลาบปลื้มขอบอกขอบใจ และสะดวกใจที่จะช่วยเหลืองานอย่างเต็มที่ แต่นั่นหมายถึง……ปูตินจะต้องย้ายไปอยู่ที่มอสโคว์…นี่คือสิ่งเดียวที่เขายังรู้สึกลังเล………!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 687 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ในความคิดเห็นของแอดมิน "เงินสดไม่ใช่หนี้"
    แต่จริงๆแล้ว เงินสด คือโอกาส
    เช่น ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายหุ้น
    ในพอร์ต หลายๆตัว เพื่อเก็บเงินสดไว้
    ในบริษัทเบิร์กเชียร์ เพื่อรอโอกาส และจังหวะดีๆ
    ในการเข้าไปลงทุน ในโอกาสใหม่ๆ
    นี่คือ ตัวอย่างของการมีกระแส เงินสด หรือ
    Cash Flow ไว้ในมือ

    อีกตัวอย่างที่ชัดเจน มากคือ ธุรกิจร้านค้า
    เช่น SME ถ้าไม่มีเงินสด หรือ กระแสเงินสด
    ในมือ เพื่อหมุน ต่อลมธุรกิจ ให้ดำเนินต่อไปได้
    ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง แบบนี้คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้

    ดังนั้น เงินสด หรือ กระแสเงินสด ไม่ใช่หนี้
    แต่คือ โอกาส การนำไปลงทุน และ การต่อลมหาย
    ให้กับหลายๆธุรกิจใขณะนี้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เงินสดไม่ใช่หนี้
    #thaitimes
    💥💥ในความคิดเห็นของแอดมิน "เงินสดไม่ใช่หนี้" แต่จริงๆแล้ว เงินสด คือโอกาส เช่น ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายหุ้น ในพอร์ต หลายๆตัว เพื่อเก็บเงินสดไว้ ในบริษัทเบิร์กเชียร์ เพื่อรอโอกาส และจังหวะดีๆ ในการเข้าไปลงทุน ในโอกาสใหม่ๆ นี่คือ ตัวอย่างของการมีกระแส เงินสด หรือ Cash Flow ไว้ในมือ อีกตัวอย่างที่ชัดเจน มากคือ ธุรกิจร้านค้า เช่น SME ถ้าไม่มีเงินสด หรือ กระแสเงินสด ในมือ เพื่อหมุน ต่อลมธุรกิจ ให้ดำเนินต่อไปได้ ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง แบบนี้คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ ดังนั้น เงินสด หรือ กระแสเงินสด ไม่ใช่หนี้ แต่คือ โอกาส การนำไปลงทุน และ การต่อลมหาย ให้กับหลายๆธุรกิจใขณะนี้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เงินสดไม่ใช่หนี้ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 970 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขาย'พรอมเมนาดา' ตำนานห้างเชียงใหม่

    นับเป็นการปิดฉากตำนานรีสอร์ตมอลล์ในเมืองเชียงใหม่ เมื่อกรมบังคับคดีเตรียมขายทรัพย์สินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โครงการพรอมเมนาดา รีสอร์ต มอลล์ บริเวณแยกดอนจั่น ถนนวงแหวนรอบ 2 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากคดีหมายเลขแดงที่ ล.2966/2562 ที่ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง บริษัท อีซีซี เชียงใหม่ โครงการ 1 จำกัด และศาลได้พิพากษาให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 โดยจะทำการขายรวม 24 แปลง กำหนดราคาประเมินรวม 2,058,375,055 บาท

    ทั้งนี้ กรมบังคับคดีจะทำการขายโดยปลอดการจำนอง โดยได้กำหนดจำหน่ายทรัพย์ครั้งแรกวันที่ 21 ต.ค. 2567 ที่กรมบังคับคดี ถนนบางขุนนนท์ กรุงเทพฯ ผู้ประสงค์จะเข้าเสนอราคาต้องวางหลักประกันเป็นจำนวน 105,000,000.00 บาท จึงเป็นที่จับตามองว่า ผู้พัฒนาศูนย์การค้าหรืออสังหาริมทรัพย์รายใดจะคว้าศูนย์การค้านี้ไปครอง หลังจากถูกปล่อยทิ้งร้างมานานกว่า 2 ปี แม้ว่าทำเลจะอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ ไปทางถนนซูเปอร์ไฮเวย์ประมาณ 10 กิโลเมตรก็ตาม

    สำหรับพรอมเมนาดา เชียงใหม่ เป็นศูนย์การค้าสไตล์รีสอร์ต มอลล์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 58 ไร่ ลงทุนและบริหารโครงการโดยอีซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้เงินลงทุนกว่า 2,900 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2556 แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ได้แก่ อาคาร A และอาคาร B มีผู้เช่าหลักหลักประกอบด้วย ริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านชิชาง ดิ เอ็กซ์พีเรียน สโตร์, โรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่า จำนวน 8 โรง เป็นต้น

    ในช่วงเปิดตัวได้รับความนิยม เนื่องจากสถาปัตยกรรมแปลกใหม่และความหรูหรา แต่ด้วยการแข่งขันด้านชอปปิ้งมอลล์ที่รุนแรงขึ้น อีกทั้งทำเลที่ตั้งอยู่ไกลจากเมือง ทำให้ความนิยมค่อยๆ ลดลง มีผู้ใช้บริการค่อนข้างน้อย ส่วนร้านดังต่างทยอยปิดตัวลง

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ศูนย์การค้าฯ แจ้งร้านค้าปิดให้บริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 เป็นต้นมา แม้พยายามประคับประคองและต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี พยายามให้ส่วนลดค่าเช่ารวมถึงงดเก็บค่าเช่าในบางเดือน แต่ไม่อาจแบกรับภาระได้ ภายหลังยอมรับว่าค้างชำระค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่จำนวนหนึ่ง แม้ผ่อนชำระตามเงื่อนไข แต่กลับแจ้งให้ชำระเต็มจำนวน ซึ่งไม่สามารถหาเงินมาได้ทัน

    #Newskit #กรมบังคับคดี #Promenada
    ขาย'พรอมเมนาดา' ตำนานห้างเชียงใหม่ นับเป็นการปิดฉากตำนานรีสอร์ตมอลล์ในเมืองเชียงใหม่ เมื่อกรมบังคับคดีเตรียมขายทรัพย์สินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โครงการพรอมเมนาดา รีสอร์ต มอลล์ บริเวณแยกดอนจั่น ถนนวงแหวนรอบ 2 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากคดีหมายเลขแดงที่ ล.2966/2562 ที่ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง บริษัท อีซีซี เชียงใหม่ โครงการ 1 จำกัด และศาลได้พิพากษาให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 โดยจะทำการขายรวม 24 แปลง กำหนดราคาประเมินรวม 2,058,375,055 บาท ทั้งนี้ กรมบังคับคดีจะทำการขายโดยปลอดการจำนอง โดยได้กำหนดจำหน่ายทรัพย์ครั้งแรกวันที่ 21 ต.ค. 2567 ที่กรมบังคับคดี ถนนบางขุนนนท์ กรุงเทพฯ ผู้ประสงค์จะเข้าเสนอราคาต้องวางหลักประกันเป็นจำนวน 105,000,000.00 บาท จึงเป็นที่จับตามองว่า ผู้พัฒนาศูนย์การค้าหรืออสังหาริมทรัพย์รายใดจะคว้าศูนย์การค้านี้ไปครอง หลังจากถูกปล่อยทิ้งร้างมานานกว่า 2 ปี แม้ว่าทำเลจะอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ ไปทางถนนซูเปอร์ไฮเวย์ประมาณ 10 กิโลเมตรก็ตาม สำหรับพรอมเมนาดา เชียงใหม่ เป็นศูนย์การค้าสไตล์รีสอร์ต มอลล์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 58 ไร่ ลงทุนและบริหารโครงการโดยอีซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้เงินลงทุนกว่า 2,900 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2556 แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ได้แก่ อาคาร A และอาคาร B มีผู้เช่าหลักหลักประกอบด้วย ริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านชิชาง ดิ เอ็กซ์พีเรียน สโตร์, โรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่า จำนวน 8 โรง เป็นต้น ในช่วงเปิดตัวได้รับความนิยม เนื่องจากสถาปัตยกรรมแปลกใหม่และความหรูหรา แต่ด้วยการแข่งขันด้านชอปปิ้งมอลล์ที่รุนแรงขึ้น อีกทั้งทำเลที่ตั้งอยู่ไกลจากเมือง ทำให้ความนิยมค่อยๆ ลดลง มีผู้ใช้บริการค่อนข้างน้อย ส่วนร้านดังต่างทยอยปิดตัวลง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ศูนย์การค้าฯ แจ้งร้านค้าปิดให้บริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 เป็นต้นมา แม้พยายามประคับประคองและต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี พยายามให้ส่วนลดค่าเช่ารวมถึงงดเก็บค่าเช่าในบางเดือน แต่ไม่อาจแบกรับภาระได้ ภายหลังยอมรับว่าค้างชำระค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่จำนวนหนึ่ง แม้ผ่อนชำระตามเงื่อนไข แต่กลับแจ้งให้ชำระเต็มจำนวน ซึ่งไม่สามารถหาเงินมาได้ทัน #Newskit #กรมบังคับคดี #Promenada
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 780 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุมยุบกัวลาลัมเปอร์ นักท่องเที่ยวอินเดียร่วง

    โศกนาฎกรรมที่สร้างความตกใจให้แก่ผู้พบเห็น เมื่อเกิดอุบัติเหตุหลุมยุบบริเวณถนนมัสยิดอินเดีย (Jalan Masjid India) เป็นเหตุทำให้นางวิชัยลักษณี (Vijayalakshmi) นักท่องเที่ยวหญิงชาวอินเดียวัย 48 ปี ตกลงไปในหลุมดังกล่าว ซึ่งมีความลึกประมาณ 8 เมตร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.44 น. ตามเวลาบนกล้องวงจรปิด ของวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา

    ทีมปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัย (SAR) เข้าค้นหานักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยเปิดท่อระบายน้ำรอบพื้นที่รวม 6 แห่ง เข้าไปค้นหาครั้งละ 2-3 คน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที รวมทั้งโรงบำบัดน้ำเสียบริษัทอินดะห์ วอเตอร์ คอนซอร์เตียม (Indah Water Konsortium หรือ IWK) ย่านปันตาย ดาลัม ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องรับมือกับกระแสน้ำเชี่ยวในท่อระบายน้ำ และมีแก๊สที่อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปกว่า 3 วัน กลับไม่พบเบาะแสใดๆ

    สำนักข่าวเบอร์นามา รายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยืนยันว่าปฎิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายจะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ศาลาว่าการกรุงกัวลาลัมเปอร์ (DKBL) ให้ไปพบกับครอบครัวของผู้สูญหายแล้ว

    ด้านนายฟาดิลลาห์ ยูซอฟ รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุว่า เกิดจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์และโครงสร้างของดิน โดยเมื่อชั้นหินปูนขัดขวางการไหลของน้ำใต้ดิน ส่งผลให้ดินไม่มั่นคงและเกิดหลุมยุบ บางครั้งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าหลุมยุบจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด

    เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในมาเลเซียเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีหินปูนและสภาพธรณีวิทยาเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้และเทคโนโลยีที่ถูกต้องจะทำให้เหตุการณ์เช่นนี้ลดน้อยลงและดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อปกป้องชุมชนและบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้

    ขณะที่นายเจฟฟรีย์ เชียง ชุง ลุยน์ ประธานสถาบันวิศวกรแห่งมาเลเซีย (IEM) เรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียด เพราะจากการสังเกตผ่าน Google Maps พบว่าตำแหน่งหลุมยุบอยู่ห่างจากแม่น้ำแคลงประมาณ 24 เมตร และจากภาพที่สื่อมวลชนนำเสนอ พบว่าหลุมยุบอาจเกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน แม้ว่าจะยังไม่ระบุสาเหตุที่แน่ชัดก็ตาม

    จากรายงานหัวข้อ "Karstic Features of Kuala Lumpur Limestone" [1] ที่กล่าวถึงลักษณะของหินปูนของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเขียนโดย นายตัน ไซมอน เสี่ยว เมง จากสถาบันวิศวกรแห่งมาเลเซีย ระบุว่า ชั้นหินปูนในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีลักษณะไม่แน่นอน พบในบริเวณเหมืองแร่ดีบุก แต่หลังเหมืองปิดตัวลง พื้นที่เหมืองแร่ถูกปกคลุมไปด้วยเศษซากตั้งแต่โคลนถึงทราย

    โดยคาดว่าหินปูนมีความหนาประมาณ 1,850 เมตร ทับอยู่บนหินชนวนกราไฟต์ที่เรียกว่า ฮอร์ธอร์นเดน ชีสต์ (Hawthornden Schist) ส่วนบนสุดของลำดับชั้นคือชั้นหินเคนนี่ ฮิลล์ (Kenny Hill) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ รวมถึงพื้นที่ย่าน KLCC (Kuala Lumpur City Centre) และบูกิตบินตัง (Bukit Bintang)

    ในตอนหนึ่งของรายงานระบุว่า หินปูนเกิดจากกระบวนการละลายทางเคมี ซึ่งเป็นกระบวนการที่ยาวนาน ประกอบด้วยหลุม แอ่งชัน และช่องทางสารละลาย ส่งผลให้ชั้นหินปูนมีรูปร่างไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการก่อสร้างฐานราก ซึ่งการเกิดหลุมยุบมาจากการเคลื่อนตัวของชั้นหินปูน เนื่องจากการซึมของน้ำใต้ดิน ระดับน้ำใต้ดินที่ลดลง การรับน้ำหนักเพิ่ม การสั่นสะเทือน การเจาะรูหรือเสาเข็มบนช่องว่างของหินปูนโดยตรง ซึ่งหินปูนที่ปกคลุมด้วยดินบางจะเสี่ยงต่อการเกิดหลุมยุบมากกว่า

    อีกด้านหนึ่ง การก่อสร้างรถไฟใต้ดินสายสุไหงบูเลาะห์-กาจัง (Sungai Buloh-Kajang) [2] บางช่วงเป็นเส้นทางใต้ดิน ยาว 9.5 กิโลเมตร มี 7 สถานีใต้ดิน หนึ่งในนั้นคือสถานีตุน ราซัค เอ็กซ์เชนจ์ (TRX) ซึ่งมีความลึกเทียบเท่าตึก 13 ชั้น พบว่ามีหินปูนในชั้นหินปูนกัวลาลัมเปอร์ บริเวณอยู่ทางทิศตะวันออกของย่านบูกิตบินตังมีลักษณะไม่แน่นอน หากไม่ค้นพบก่อนอาจเกิดอันตราย

    จึงต้องพัฒนาเครื่องเจาะอุโมงค์ (TBM) แบบพิเศษที่เรียกว่า แวริเอเบิล เดนซิตี้ (Variable Density) ที่พัฒนาระหว่างบริษัทเฮอร์เร็นคเน็ช เอจี (Herrenknecht AG) ผู้ผลิตเครื่องเจาะอุโมงค์จากเยอรมนี และบริษัทร่วมทุน เอ็มเอ็มซี กามูดา (MMC Gamuda) สามารถปรับความหนาแน่นและความหนืดของสารละลายได้ ป้องกันไม่ให้ไหลเข้าไปในโพรงหรือรอยแยกไปสู่พื้นผิว

    เหตุการณ์หลุมยุบกะทันหันใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการป้องกันภัยพิบัติ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ชั้นนำของอาเซียน ที่มีประชากรกว่า 8.8 ล้านคน อุดมไปด้วยความเจริญทางเศรษฐกิจ อาคารสูง และโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าที่เพียบพร้อม นอกจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเมื่อฝนตกหนักมากกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป

    ที่มา : [1] https://nrmt.wordpress.com/wp-content/uploads/2011/04/kl-limestone-paper.pdf

    [2] https://thehub.mmc.com.my/2017Q3/page54.html

    #Newskit #KualaLumpur #JalanMasjidIndia
    หลุมยุบกัวลาลัมเปอร์ นักท่องเที่ยวอินเดียร่วง โศกนาฎกรรมที่สร้างความตกใจให้แก่ผู้พบเห็น เมื่อเกิดอุบัติเหตุหลุมยุบบริเวณถนนมัสยิดอินเดีย (Jalan Masjid India) เป็นเหตุทำให้นางวิชัยลักษณี (Vijayalakshmi) นักท่องเที่ยวหญิงชาวอินเดียวัย 48 ปี ตกลงไปในหลุมดังกล่าว ซึ่งมีความลึกประมาณ 8 เมตร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.44 น. ตามเวลาบนกล้องวงจรปิด ของวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ทีมปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัย (SAR) เข้าค้นหานักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยเปิดท่อระบายน้ำรอบพื้นที่รวม 6 แห่ง เข้าไปค้นหาครั้งละ 2-3 คน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที รวมทั้งโรงบำบัดน้ำเสียบริษัทอินดะห์ วอเตอร์ คอนซอร์เตียม (Indah Water Konsortium หรือ IWK) ย่านปันตาย ดาลัม ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องรับมือกับกระแสน้ำเชี่ยวในท่อระบายน้ำ และมีแก๊สที่อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปกว่า 3 วัน กลับไม่พบเบาะแสใดๆ สำนักข่าวเบอร์นามา รายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยืนยันว่าปฎิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายจะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ศาลาว่าการกรุงกัวลาลัมเปอร์ (DKBL) ให้ไปพบกับครอบครัวของผู้สูญหายแล้ว ด้านนายฟาดิลลาห์ ยูซอฟ รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุว่า เกิดจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์และโครงสร้างของดิน โดยเมื่อชั้นหินปูนขัดขวางการไหลของน้ำใต้ดิน ส่งผลให้ดินไม่มั่นคงและเกิดหลุมยุบ บางครั้งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าหลุมยุบจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในมาเลเซียเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีหินปูนและสภาพธรณีวิทยาเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้และเทคโนโลยีที่ถูกต้องจะทำให้เหตุการณ์เช่นนี้ลดน้อยลงและดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อปกป้องชุมชนและบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ ขณะที่นายเจฟฟรีย์ เชียง ชุง ลุยน์ ประธานสถาบันวิศวกรแห่งมาเลเซีย (IEM) เรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียด เพราะจากการสังเกตผ่าน Google Maps พบว่าตำแหน่งหลุมยุบอยู่ห่างจากแม่น้ำแคลงประมาณ 24 เมตร และจากภาพที่สื่อมวลชนนำเสนอ พบว่าหลุมยุบอาจเกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน แม้ว่าจะยังไม่ระบุสาเหตุที่แน่ชัดก็ตาม จากรายงานหัวข้อ "Karstic Features of Kuala Lumpur Limestone" [1] ที่กล่าวถึงลักษณะของหินปูนของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเขียนโดย นายตัน ไซมอน เสี่ยว เมง จากสถาบันวิศวกรแห่งมาเลเซีย ระบุว่า ชั้นหินปูนในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีลักษณะไม่แน่นอน พบในบริเวณเหมืองแร่ดีบุก แต่หลังเหมืองปิดตัวลง พื้นที่เหมืองแร่ถูกปกคลุมไปด้วยเศษซากตั้งแต่โคลนถึงทราย โดยคาดว่าหินปูนมีความหนาประมาณ 1,850 เมตร ทับอยู่บนหินชนวนกราไฟต์ที่เรียกว่า ฮอร์ธอร์นเดน ชีสต์ (Hawthornden Schist) ส่วนบนสุดของลำดับชั้นคือชั้นหินเคนนี่ ฮิลล์ (Kenny Hill) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ รวมถึงพื้นที่ย่าน KLCC (Kuala Lumpur City Centre) และบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) ในตอนหนึ่งของรายงานระบุว่า หินปูนเกิดจากกระบวนการละลายทางเคมี ซึ่งเป็นกระบวนการที่ยาวนาน ประกอบด้วยหลุม แอ่งชัน และช่องทางสารละลาย ส่งผลให้ชั้นหินปูนมีรูปร่างไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการก่อสร้างฐานราก ซึ่งการเกิดหลุมยุบมาจากการเคลื่อนตัวของชั้นหินปูน เนื่องจากการซึมของน้ำใต้ดิน ระดับน้ำใต้ดินที่ลดลง การรับน้ำหนักเพิ่ม การสั่นสะเทือน การเจาะรูหรือเสาเข็มบนช่องว่างของหินปูนโดยตรง ซึ่งหินปูนที่ปกคลุมด้วยดินบางจะเสี่ยงต่อการเกิดหลุมยุบมากกว่า อีกด้านหนึ่ง การก่อสร้างรถไฟใต้ดินสายสุไหงบูเลาะห์-กาจัง (Sungai Buloh-Kajang) [2] บางช่วงเป็นเส้นทางใต้ดิน ยาว 9.5 กิโลเมตร มี 7 สถานีใต้ดิน หนึ่งในนั้นคือสถานีตุน ราซัค เอ็กซ์เชนจ์ (TRX) ซึ่งมีความลึกเทียบเท่าตึก 13 ชั้น พบว่ามีหินปูนในชั้นหินปูนกัวลาลัมเปอร์ บริเวณอยู่ทางทิศตะวันออกของย่านบูกิตบินตังมีลักษณะไม่แน่นอน หากไม่ค้นพบก่อนอาจเกิดอันตราย จึงต้องพัฒนาเครื่องเจาะอุโมงค์ (TBM) แบบพิเศษที่เรียกว่า แวริเอเบิล เดนซิตี้ (Variable Density) ที่พัฒนาระหว่างบริษัทเฮอร์เร็นคเน็ช เอจี (Herrenknecht AG) ผู้ผลิตเครื่องเจาะอุโมงค์จากเยอรมนี และบริษัทร่วมทุน เอ็มเอ็มซี กามูดา (MMC Gamuda) สามารถปรับความหนาแน่นและความหนืดของสารละลายได้ ป้องกันไม่ให้ไหลเข้าไปในโพรงหรือรอยแยกไปสู่พื้นผิว เหตุการณ์หลุมยุบกะทันหันใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการป้องกันภัยพิบัติ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ชั้นนำของอาเซียน ที่มีประชากรกว่า 8.8 ล้านคน อุดมไปด้วยความเจริญทางเศรษฐกิจ อาคารสูง และโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าที่เพียบพร้อม นอกจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเมื่อฝนตกหนักมากกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป ที่มา : [1] https://nrmt.wordpress.com/wp-content/uploads/2011/04/kl-limestone-paper.pdf [2] https://thehub.mmc.com.my/2017Q3/page54.html #Newskit #KualaLumpur #JalanMasjidIndia
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 943 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานการณ์แรงงานช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 67)
    โดย อ.รุ่งโรจน์
    ///////

    เริ่มวางแผนกันไว้บ้างก็ดีครับ
    ขอแชร์ข้อมูลที่หลาย ๆ Business เริ่มกังวลส่งสัญญาณทึ่น่าเป็นห่วงเริ่มมาเป็นระลอก

    1. เริ่มจากจังหวัดที่เริ่มกระทบแล้ว
    - ชลบุรี สมุทรปราการ กทม ปทุมธานี อยุธยา..
    คาดว่ากค. ถึงสิ้นปี 67คงมีตาม มาอีกหลายจังหวัด

    2. Business ที่เริ่มเจอตั้งแต่ต้นปี 67
    - งานบริการร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, สื่อสาร, อสังหาริมทรัพย์
    - ก่อสร้าง, ชิ้นส่วนยานยนต์ , รถมือ 2, ขายของออนไลน์
    คาดว่า ครึ่งปีหลังที่จะเจอ
    - กระดาษ ไม้ ยาง เหล็ก ไฟฟ้า พลาสติก เหล็ก
    - สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม
    ค่อย ๆ ทะยอยตามมา

    3. กลุ่มพนักงานที่น่าเป็นห่วงมาก ๆ
    - Sub Contract, งานรายวัน
    - อัตรากำลังเกิน
    - Performance ต่ำ
    - น้องใหม่อายุงานไม่มาก

    4. แนวทางที่เริ่มใช้กันช่วงครึ่งปีหลัง
    - ตัดงบด้าน HR อบรม พัฒนา เลี้ยงสังสรร มากขึ้น
    - ปลด Sub Contracts
    - จ่าย 75% ช่วง หยุดผลิต
    - ปรับลดค่าจ้าง เงินช่วยเหลือ
    - ปรับผัง ลดคน
    - โยกย้ายคนทำงานหลายตำแหน่ง
    - ไม่รับคนใหม่
    - อาจเลิกจ้างหนักขึ้น

    HR คงต้องต้องปรับแผนปรับตัวกันไว้ล่วงหน้า
    เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คน

    ~ อ.รุ่งโรจน์

    *****
    หมายเหตุ : ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก ประชาชาติ และ ศูนย์วิจัย
    ค้ากสิกร

    - สำหรับข้อมูลการปิดโรงงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 พบว่า 5 อันดับจังหวัดที่มีโรงงานปิดตัวลงมากที่สุด มีดังนี้

    ชลบุรี 118 แห่ง
    สมุทรปราการ 45 แห่ง
    กรุงเทพฯ 44 แห่ง
    ปทุมธานี 36 แห่ง
    พระนครศรีอยุธยา 28 แห่ง

    - ขณะที่ประเภทอุตสาหกรรมของโรงงานที่ปิดตัวมากที่สุด
    ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ตามจำนวนของโรงงาน ได้แก่ โรงโม่ บดย่อยหิน/โรงขุด, อาหารและเครื่องดื่ม, การทำยางขั้นต้น/ผลิตภัณฑ์ยาง, อโลหะ และเหล็ก โลหะ

    ส่วนอุตสาหกรรมที่มีแรงงานที่ถูกเลิกจ้างคือ อุตสาหกรรมแปรรูปไม้/ผลิตภัณฑ์กระดาษ, ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า, สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, การทำยางขั้นต้นและพลาสติก และเหล็ก โลหะ...

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/MWMxQtbfnVJUkyxs/?mibextid=CTbP7E
    สถานการณ์แรงงานช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 67) โดย อ.รุ่งโรจน์ /////// เริ่มวางแผนกันไว้บ้างก็ดีครับ ขอแชร์ข้อมูลที่หลาย ๆ Business เริ่มกังวลส่งสัญญาณทึ่น่าเป็นห่วงเริ่มมาเป็นระลอก 1. เริ่มจากจังหวัดที่เริ่มกระทบแล้ว - ชลบุรี สมุทรปราการ กทม ปทุมธานี อยุธยา.. คาดว่ากค. ถึงสิ้นปี 67คงมีตาม มาอีกหลายจังหวัด 2. Business ที่เริ่มเจอตั้งแต่ต้นปี 67 - งานบริการร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, สื่อสาร, อสังหาริมทรัพย์ - ก่อสร้าง, ชิ้นส่วนยานยนต์ , รถมือ 2, ขายของออนไลน์ คาดว่า ครึ่งปีหลังที่จะเจอ - กระดาษ ไม้ ยาง เหล็ก ไฟฟ้า พลาสติก เหล็ก - สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ค่อย ๆ ทะยอยตามมา 3. กลุ่มพนักงานที่น่าเป็นห่วงมาก ๆ - Sub Contract, งานรายวัน - อัตรากำลังเกิน - Performance ต่ำ - น้องใหม่อายุงานไม่มาก 4. แนวทางที่เริ่มใช้กันช่วงครึ่งปีหลัง - ตัดงบด้าน HR อบรม พัฒนา เลี้ยงสังสรร มากขึ้น - ปลด Sub Contracts - จ่าย 75% ช่วง หยุดผลิต - ปรับลดค่าจ้าง เงินช่วยเหลือ - ปรับผัง ลดคน - โยกย้ายคนทำงานหลายตำแหน่ง - ไม่รับคนใหม่ - อาจเลิกจ้างหนักขึ้น HR คงต้องต้องปรับแผนปรับตัวกันไว้ล่วงหน้า เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คน ~ อ.รุ่งโรจน์ ***** หมายเหตุ : ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก ประชาชาติ และ ศูนย์วิจัย ค้ากสิกร - สำหรับข้อมูลการปิดโรงงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 พบว่า 5 อันดับจังหวัดที่มีโรงงานปิดตัวลงมากที่สุด มีดังนี้ ชลบุรี 118 แห่ง สมุทรปราการ 45 แห่ง กรุงเทพฯ 44 แห่ง ปทุมธานี 36 แห่ง พระนครศรีอยุธยา 28 แห่ง - ขณะที่ประเภทอุตสาหกรรมของโรงงานที่ปิดตัวมากที่สุด ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ตามจำนวนของโรงงาน ได้แก่ โรงโม่ บดย่อยหิน/โรงขุด, อาหารและเครื่องดื่ม, การทำยางขั้นต้น/ผลิตภัณฑ์ยาง, อโลหะ และเหล็ก โลหะ ส่วนอุตสาหกรรมที่มีแรงงานที่ถูกเลิกจ้างคือ อุตสาหกรรมแปรรูปไม้/ผลิตภัณฑ์กระดาษ, ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า, สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, การทำยางขั้นต้นและพลาสติก และเหล็ก โลหะ... ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/MWMxQtbfnVJUkyxs/?mibextid=CTbP7E
    Facebook
    Sieh dir auf Facebook Beiträge, Fotos und vieles mehr an.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พีเอ็ม วิลล่า” โคราช ฟื้นซูเปอร์ฯ สู้ทุนยักษ์

    วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนท้องถิ่น เฉกเช่น กลุ่มคลังพลาซ่า ของตระกูลมานะศิลป์ ที่ปิดกิจการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา ไล่ตั้งแต่คลังพลาซ่า จอมสุรางค์ (คลังใหม่) คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ส่วนคลังพลาซ่า อัษฎางค์ (คลังเก่า) ปรับพื้นที่เหลือแผนกดีพาร์ตเมนต์สโตร์

    แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2565 เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่ในนาม "พีเอ็ม วิลล่า" ที่นำโดย บริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้น 1 คลังวิลล่า จากตระกูลมานะศิลป์ เป็นเวลา 3 ปี และลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จำหน่ายอาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม

    เปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ 3 สิงหาคม 2567 ชูจุดเด่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แตกต่างจากโมเดิร์นเทรดของบรรดาทุนยักษ์ พร้อมเตรียมรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย

    สำหรับผู้บริหารพี เอ็ม วิลล่า คือ นายขวัญชัย วันชัย กรรมการบริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในโคราช อดีตผู้บริหารธนาคาร และเป็นข้าราชการบำนาญ โดยมีอดีตผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตของคลังวิลล่ามาร่วมงานด้วย

    สำหรับทำเลที่ตั้งคลังวิลล่า สุรนารายน์ ตั้งอยู่บนถนนสุรนารายน์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ใกล้ซอย 30 กันยา แหล่งที่อยู่อาศัยของนักศึกษาและกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน (First Jobber) ในจังหวัดนครราชสีมา

    ต้องคอยดูว่า ธุรกิจใหม่ ภายใต้ทำเลที่กลุ่มทุนท้องถิ่นในตำนานเป็นผู้บุกเบิก จะมีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน เพราะวงการค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งกลุ่มทุนใหญ่ "เดอะมอลล์-บิ๊กซี-ซีพี-เซ็นทรัล-คาราบาว" มากันเกือบครบ และกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ปรับตัวสู่ความเป็นโมเดิร์นเทรด นับว่าแข่งขันกันสูงไม่แพ้จังหวัดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจจังหวัดอื่น

    #Newskit #PMVilla #นครราชสีมา
    “พีเอ็ม วิลล่า” โคราช ฟื้นซูเปอร์ฯ สู้ทุนยักษ์ วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนท้องถิ่น เฉกเช่น กลุ่มคลังพลาซ่า ของตระกูลมานะศิลป์ ที่ปิดกิจการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา ไล่ตั้งแต่คลังพลาซ่า จอมสุรางค์ (คลังใหม่) คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ส่วนคลังพลาซ่า อัษฎางค์ (คลังเก่า) ปรับพื้นที่เหลือแผนกดีพาร์ตเมนต์สโตร์ แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2565 เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่ในนาม "พีเอ็ม วิลล่า" ที่นำโดย บริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้น 1 คลังวิลล่า จากตระกูลมานะศิลป์ เป็นเวลา 3 ปี และลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จำหน่ายอาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม เปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ 3 สิงหาคม 2567 ชูจุดเด่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แตกต่างจากโมเดิร์นเทรดของบรรดาทุนยักษ์ พร้อมเตรียมรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย สำหรับผู้บริหารพี เอ็ม วิลล่า คือ นายขวัญชัย วันชัย กรรมการบริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในโคราช อดีตผู้บริหารธนาคาร และเป็นข้าราชการบำนาญ โดยมีอดีตผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตของคลังวิลล่ามาร่วมงานด้วย สำหรับทำเลที่ตั้งคลังวิลล่า สุรนารายน์ ตั้งอยู่บนถนนสุรนารายน์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ใกล้ซอย 30 กันยา แหล่งที่อยู่อาศัยของนักศึกษาและกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน (First Jobber) ในจังหวัดนครราชสีมา ต้องคอยดูว่า ธุรกิจใหม่ ภายใต้ทำเลที่กลุ่มทุนท้องถิ่นในตำนานเป็นผู้บุกเบิก จะมีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน เพราะวงการค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งกลุ่มทุนใหญ่ "เดอะมอลล์-บิ๊กซี-ซีพี-เซ็นทรัล-คาราบาว" มากันเกือบครบ และกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ปรับตัวสู่ความเป็นโมเดิร์นเทรด นับว่าแข่งขันกันสูงไม่แพ้จังหวัดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจจังหวัดอื่น #Newskit #PMVilla #นครราชสีมา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 762 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”บอร์กโดซ์ “ของฝรั่งเศสอดีตแชมป์ลีก6สมัย ประกาศยุบสโมสรฟุตบอลแล้ว!!

    26 กรกฎาคม 2567- รายงานข่าวสยามสปอร์ตระบุว่า ชิรงแดงส์ เดอ บอร์กโดซ์ สโมสรชั้นนำของวงการฟุตบอล ฝรั่งเศส ที่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุด 6 สมัย ประกาศยุติสถานะสโมสรฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาด้านการเงินของสโมสร

    บอร์กโดซ์ ได้แจ้งยุบสโมสรกับทาง สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (แอฟแอฟแอฟ) เรียบร้อย โดยนักเตะทุกคนในทีมจะถูกยกเลิกสัญญา และศูนย์ฝึกซ้อมของสโมสรก็จะถูกปิดตัวลง

    สำหรับฤดูกาล 2023/24 ที่ผ่านมา บอร์กโดซ์ จบอันดับ 12 ในศึก ลีก เดอซ์ (ดิวิชั่น 2) แต่พวกเขาถูกปรับตกชั้นลงสู่ระดับดิวิชั่น 3 เมื่อวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม หลังจากที่ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) ขอถอนตัวจากการเข้าเทคโอเวอร์สโมสร กระทั่งล่าสุด บอร์กโดซ์ ตัดสินใจขอยอมแพ้ในการรักษาสถานะสโมสรฟุตบอลอาชีพในที่สุด
    ทั้งนี้ บอร์กโดซ์ นอกจากเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของวงการลูกหนังเมืองน้ำหอมแล้ว พวกเขายังเป็นสโมสรที่เคยเป็นต้นสังกัดของตำนานอย่าง ซีเนดีน ซีดาน, บิเซนเต้ ลิซาราซู, อแล็ง ชิแรส, ฌอง ติกาน่า, ซิลแว็ง วิลตอร์ และ เปาเลต้า อีกด้วย

    ที่มา : Siam Sport
    ”บอร์กโดซ์ “ของฝรั่งเศสอดีตแชมป์ลีก6สมัย ประกาศยุบสโมสรฟุตบอลแล้ว!! 26 กรกฎาคม 2567- รายงานข่าวสยามสปอร์ตระบุว่า ชิรงแดงส์ เดอ บอร์กโดซ์ สโมสรชั้นนำของวงการฟุตบอล ฝรั่งเศส ที่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุด 6 สมัย ประกาศยุติสถานะสโมสรฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาด้านการเงินของสโมสร บอร์กโดซ์ ได้แจ้งยุบสโมสรกับทาง สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (แอฟแอฟแอฟ) เรียบร้อย โดยนักเตะทุกคนในทีมจะถูกยกเลิกสัญญา และศูนย์ฝึกซ้อมของสโมสรก็จะถูกปิดตัวลง สำหรับฤดูกาล 2023/24 ที่ผ่านมา บอร์กโดซ์ จบอันดับ 12 ในศึก ลีก เดอซ์ (ดิวิชั่น 2) แต่พวกเขาถูกปรับตกชั้นลงสู่ระดับดิวิชั่น 3 เมื่อวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม หลังจากที่ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) ขอถอนตัวจากการเข้าเทคโอเวอร์สโมสร กระทั่งล่าสุด บอร์กโดซ์ ตัดสินใจขอยอมแพ้ในการรักษาสถานะสโมสรฟุตบอลอาชีพในที่สุด ทั้งนี้ บอร์กโดซ์ นอกจากเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของวงการลูกหนังเมืองน้ำหอมแล้ว พวกเขายังเป็นสโมสรที่เคยเป็นต้นสังกัดของตำนานอย่าง ซีเนดีน ซีดาน, บิเซนเต้ ลิซาราซู, อแล็ง ชิแรส, ฌอง ติกาน่า, ซิลแว็ง วิลตอร์ และ เปาเลต้า อีกด้วย ที่มา : Siam Sport
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว