• จากเหตุการณ์ถนนทรุดตัวหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล หลายคนเกิดคำถามถึงความรวดเร็วในการซ่อมแซม โดยมีการนำไปเปรียบเทียบกับกรณีหลุมยุบที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งซ่อมเสร็จใน 1 สัปดาห์ ล่าสุด เพจดัง "เจปังเจแปน" ได้ออกมาให้ข้อมูลอีกด้าน ชี้ชัดว่าทั้งสองเหตุการณ์ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกัน พร้อมยกตัวอย่างหลุมยุบที่ญี่ปุ่นอีกเคสที่ใช้เวลาซ่อมนานกว่า 1 ปีเช่นกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091447

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    จากเหตุการณ์ถนนทรุดตัวหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล หลายคนเกิดคำถามถึงความรวดเร็วในการซ่อมแซม โดยมีการนำไปเปรียบเทียบกับกรณีหลุมยุบที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งซ่อมเสร็จใน 1 สัปดาห์ ล่าสุด เพจดัง "เจปังเจแปน" ได้ออกมาให้ข้อมูลอีกด้าน ชี้ชัดว่าทั้งสองเหตุการณ์ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกัน พร้อมยกตัวอย่างหลุมยุบที่ญี่ปุ่นอีกเคสที่ใช้เวลาซ่อมนานกว่า 1 ปีเช่นกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091447 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด.

    ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ

    ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568

    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ

    องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย


    ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC

    ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC

    ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง


    ปี1999
    ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก

    2000
    ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา

    2001
    อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

    2002
    บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย

    2003
    อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย

    2004
    บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก

    2005
    สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก

    ปี 2549
    คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส

    2007
    ชาด ประเทศญี่ปุ่น

    2008
    หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม

    ปี 2009
    ชิลี สาธารณรัฐเช็ก

    2010
    บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์

    ปี 2011
    กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย

    2012
    กัวเตมาลา วานูอาตู

    ปี 2013
    ไอวอรีโคสต์

    ปี 2558
    ปาเลสไตน์

    ปี 2559
    เอลซัลวาดอร์

    ปี 2019
    คิริบาติ

    2023
    อาร์เมเนีย

    2024
    ยูเครน




    #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด. ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง ปี1999 ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก 2000 ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา 2001 อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร 2002 บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย 2003 อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย 2004 บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก 2005 สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก ปี 2549 คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส 2007 ชาด ประเทศญี่ปุ่น 2008 หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม ปี 2009 ชิลี สาธารณรัฐเช็ก 2010 บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์ ปี 2011 กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย 2012 กัวเตมาลา วานูอาตู ปี 2013 ไอวอรีโคสต์ ปี 2558 ปาเลสไตน์ ปี 2559 เอลซัลวาดอร์ ปี 2019 คิริบาติ 2023 อาร์เมเนีย 2024 ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมืองโทโยอาเกะจำกัดเวลาเล่นมือถือวันละ 2 ชั่วโมง — กฎหมายใหม่ที่ไม่มีโทษ แต่หวังเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งเมือง”

    เมืองโทโยอาเกะ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ผ่านร่างข้อบัญญัติที่แปลกใหม่และกล้าหาญ — จำกัดการใช้สมาร์ตโฟนเพื่อความบันเทิงของประชาชนทุกคนไว้ที่วันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป

    ข้อบัญญัตินี้ไม่ได้มีโทษหรือการบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่เป็นแนวทางเชิงแนะนำที่หวังให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนหันกลับมาทบทวนพฤติกรรมการใช้หน้าจอในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับและพัฒนาการทางสุขภาพ

    สำหรับเด็กประถมและต่ำกว่า เมืองแนะนำให้หยุดใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. ส่วนเด็กมัธยมต้นขึ้นไปควรหยุดใช้หลัง 22.00 น. โดยมีข้อยกเว้นสำหรับการใช้งานเพื่อการเรียนหรือการทำงาน

    แม้จะมีเสียงคัดค้านจากบางสมาชิกสภาเมืองที่มองว่าการใช้มือถือควรเป็นเรื่องของวินัยในครอบครัว หรือบางคนชี้ว่ามือถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่มีปัญหาครอบครัว แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าข้อบัญญัตินี้จะช่วยลดการเสพติดหน้าจอ และเป็นโอกาสให้ครอบครัวได้พูดคุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม

    นายกเทศมนตรีมาซาฟูมิ โคกิ กล่าวว่าข้อบัญญัตินี้ไม่ใช่การจำกัดสิทธิ แต่เป็น “แนวทางอ่อนโยน” เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาเรื่องสุขภาพ การนอนหลับ และการเลี้ยงดูเด็กในยุคดิจิทัล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เมืองโทโยอาเกะออกข้อบัญญัติจำกัดการใช้มือถือเพื่อความบันเทิงวันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง
    เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยไม่มีโทษหรือการบังคับใช้
    เด็กประถมควรหยุดใช้มือถือหลัง 21.00 น. และเด็กมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น.
    ข้อบัญญัตินี้ครอบคลุมประชาชนทุกวัย ไม่ใช่แค่เด็ก

    จุดประสงค์และแนวคิดเบื้องหลัง
    หวังลดผลกระทบจากการใช้มือถือเกินขนาด เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ
    ส่งเสริมให้ครอบครัวพูดคุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยี
    ใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เด็กลดเวลาอยู่หน้าจอ
    นายกเทศมนตรีระบุว่าเป็น “แนวทางอ่อนโยน” ไม่ใช่การจำกัดสิทธิ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เด็กญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยวันละกว่า 5 ชั่วโมงในวันธรรมดา
    จังหวัดคางาวะเคยออกข้อบัญญัติคล้ายกันในปี 2020 จำกัดเวลาเล่นเกมของเด็ก
    การใช้มือถือมากเกินไปมีผลต่อสุขภาพจิตและการพัฒนาทางสังคม
    หลายประเทศเริ่มออกแนวทางจำกัดการใช้หน้าจอในเด็ก เช่น ฝรั่งเศสและเกาหลีใต้

    https://www.tomshardware.com/phones/japanese-city-implements-two-hour-daily-recreational-smartphone-usage-limit-ordinance-comes-into-effect-from-october-1-no-enforcement-or-penalties-proposed
    📱 “เมืองโทโยอาเกะจำกัดเวลาเล่นมือถือวันละ 2 ชั่วโมง — กฎหมายใหม่ที่ไม่มีโทษ แต่หวังเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งเมือง” เมืองโทโยอาเกะ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ผ่านร่างข้อบัญญัติที่แปลกใหม่และกล้าหาญ — จำกัดการใช้สมาร์ตโฟนเพื่อความบันเทิงของประชาชนทุกคนไว้ที่วันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป ข้อบัญญัตินี้ไม่ได้มีโทษหรือการบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่เป็นแนวทางเชิงแนะนำที่หวังให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนหันกลับมาทบทวนพฤติกรรมการใช้หน้าจอในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับและพัฒนาการทางสุขภาพ สำหรับเด็กประถมและต่ำกว่า เมืองแนะนำให้หยุดใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. ส่วนเด็กมัธยมต้นขึ้นไปควรหยุดใช้หลัง 22.00 น. โดยมีข้อยกเว้นสำหรับการใช้งานเพื่อการเรียนหรือการทำงาน แม้จะมีเสียงคัดค้านจากบางสมาชิกสภาเมืองที่มองว่าการใช้มือถือควรเป็นเรื่องของวินัยในครอบครัว หรือบางคนชี้ว่ามือถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่มีปัญหาครอบครัว แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าข้อบัญญัตินี้จะช่วยลดการเสพติดหน้าจอ และเป็นโอกาสให้ครอบครัวได้พูดคุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม นายกเทศมนตรีมาซาฟูมิ โคกิ กล่าวว่าข้อบัญญัตินี้ไม่ใช่การจำกัดสิทธิ แต่เป็น “แนวทางอ่อนโยน” เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาเรื่องสุขภาพ การนอนหลับ และการเลี้ยงดูเด็กในยุคดิจิทัล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เมืองโทโยอาเกะออกข้อบัญญัติจำกัดการใช้มือถือเพื่อความบันเทิงวันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง ➡️ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยไม่มีโทษหรือการบังคับใช้ ➡️ เด็กประถมควรหยุดใช้มือถือหลัง 21.00 น. และเด็กมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น. ➡️ ข้อบัญญัตินี้ครอบคลุมประชาชนทุกวัย ไม่ใช่แค่เด็ก ✅ จุดประสงค์และแนวคิดเบื้องหลัง ➡️ หวังลดผลกระทบจากการใช้มือถือเกินขนาด เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ ➡️ ส่งเสริมให้ครอบครัวพูดคุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยี ➡️ ใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เด็กลดเวลาอยู่หน้าจอ ➡️ นายกเทศมนตรีระบุว่าเป็น “แนวทางอ่อนโยน” ไม่ใช่การจำกัดสิทธิ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เด็กญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยวันละกว่า 5 ชั่วโมงในวันธรรมดา ➡️ จังหวัดคางาวะเคยออกข้อบัญญัติคล้ายกันในปี 2020 จำกัดเวลาเล่นเกมของเด็ก ➡️ การใช้มือถือมากเกินไปมีผลต่อสุขภาพจิตและการพัฒนาทางสังคม ➡️ หลายประเทศเริ่มออกแนวทางจำกัดการใช้หน้าจอในเด็ก เช่น ฝรั่งเศสและเกาหลีใต้ https://www.tomshardware.com/phones/japanese-city-implements-two-hour-daily-recreational-smartphone-usage-limit-ordinance-comes-into-effect-from-october-1-no-enforcement-or-penalties-proposed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • SoftBank ส่ง 5G จากฟ้า — ทดสอบสำเร็จครั้งแรกของโลกด้วยเครื่องบินเหนือเกาะฮาจิโจ

    SoftBank ประสบความสำเร็จในการส่งสัญญาณ 5G จากฟากฟ้าโดยใช้เครื่องบินขนาดเบาบินเหนือเกาะฮาจิโจ ประเทศญี่ปุ่น ในการทดลองภาคสนามเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 โดยใช้เทคโนโลยี High-Altitude Platform Station (HAPS) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่ต่างจากการใช้ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO)

    เครื่องบินบินที่ระดับความสูง 3,000 เมตร ติดตั้ง payload ที่สามารถสร้างเซลล์สัญญาณ 6 จุดแบบ beamforming ซึ่งสามารถตรึงตำแหน่งบนพื้นดินได้แม้เครื่องบินจะบินวนเป็นวงกลม โดยระบบจะปรับมุมการส่งสัญญาณทุก 60 องศา เพื่อจำลองพฤติกรรมของแพลตฟอร์มในชั้นบรรยากาศสูง

    การเชื่อมต่อใช้คลื่น 26 GHz สำหรับ feeder link จากพื้นดินสู่เครื่องบิน และคลื่น 1.7 GHz สำหรับ service link จากเครื่องบินสู่สมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นคลื่นที่รองรับโดยโทรศัพท์ 5G ส่วนใหญ่ในตลาดโลกอยู่แล้ว

    SoftBank ยังได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น การแก้ไข Doppler shift, การควบคุมพลังงานอัตโนมัติ และการติดตามสัญญาณแบบ adaptive beam tracking ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการให้บริการเชิงพาณิชย์ในอนาคต

    ข้อได้เปรียบของ HAPS คือ latency ต่ำกว่า, การใช้พลังงานน้อยกว่า และสามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างโดยไม่ต้องพึ่งเสาสัญญาณบนพื้นดิน เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะกลางทะเล พื้นที่ภัยพิบัติ หรือเขตที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน

    แม้ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ แต่ SoftBank ได้รับสิทธิ์จาก ITU ให้ใช้คลื่นความถี่มือถือภาคพื้นดิน เช่น 700 MHz, 850 MHz, 1.7 GHz และ 2.5 GHz สำหรับ HAPS แล้ว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การใช้งานจริง

    SoftBank ทดสอบส่ง 5G จากเครื่องบินสำเร็จ
    ใช้เครื่องบินบินที่ระดับ 3,000 เมตรเหนือเกาะฮาจิโจ
    ใช้เทคโนโลยี HAPS แทนดาวเทียม LEO

    ระบบ beamforming สร้างเซลล์สัญญาณ 6 จุด
    ปรับมุมทุก 60 องศาเพื่อครอบคลุมพื้นที่
    ตรึงตำแหน่งสัญญาณแม้เครื่องบินเคลื่อนที่

    ใช้คลื่นความถี่ที่สมาร์ตโฟนทั่วไปรองรับ
    feeder link ที่ 26 GHz / service link ที่ 1.7 GHz
    รองรับโทรศัพท์ 5G ส่วนใหญ่ในตลาด

    ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญสำหรับบริการเชิงพาณิชย์
    Doppler correction / adaptive beam tracking / power control
    ครอบคลุมพื้นที่กว้างด้วย latency ต่ำ

    ได้รับสิทธิ์จาก ITU ให้ใช้คลื่นมือถือภาคพื้นดิน
    ครอบคลุมคลื่น 700 MHz ถึง 2.5 GHz
    เตรียมขยายสู่บริการในพื้นที่ห่างไกล

    https://www.tomshardware.com/phones/softbank-beams-5g-to-phones-from-sky
    📰 SoftBank ส่ง 5G จากฟ้า — ทดสอบสำเร็จครั้งแรกของโลกด้วยเครื่องบินเหนือเกาะฮาจิโจ SoftBank ประสบความสำเร็จในการส่งสัญญาณ 5G จากฟากฟ้าโดยใช้เครื่องบินขนาดเบาบินเหนือเกาะฮาจิโจ ประเทศญี่ปุ่น ในการทดลองภาคสนามเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 โดยใช้เทคโนโลยี High-Altitude Platform Station (HAPS) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่ต่างจากการใช้ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) เครื่องบินบินที่ระดับความสูง 3,000 เมตร ติดตั้ง payload ที่สามารถสร้างเซลล์สัญญาณ 6 จุดแบบ beamforming ซึ่งสามารถตรึงตำแหน่งบนพื้นดินได้แม้เครื่องบินจะบินวนเป็นวงกลม โดยระบบจะปรับมุมการส่งสัญญาณทุก 60 องศา เพื่อจำลองพฤติกรรมของแพลตฟอร์มในชั้นบรรยากาศสูง การเชื่อมต่อใช้คลื่น 26 GHz สำหรับ feeder link จากพื้นดินสู่เครื่องบิน และคลื่น 1.7 GHz สำหรับ service link จากเครื่องบินสู่สมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นคลื่นที่รองรับโดยโทรศัพท์ 5G ส่วนใหญ่ในตลาดโลกอยู่แล้ว SoftBank ยังได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น การแก้ไข Doppler shift, การควบคุมพลังงานอัตโนมัติ และการติดตามสัญญาณแบบ adaptive beam tracking ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการให้บริการเชิงพาณิชย์ในอนาคต ข้อได้เปรียบของ HAPS คือ latency ต่ำกว่า, การใช้พลังงานน้อยกว่า และสามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างโดยไม่ต้องพึ่งเสาสัญญาณบนพื้นดิน เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะกลางทะเล พื้นที่ภัยพิบัติ หรือเขตที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน แม้ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ แต่ SoftBank ได้รับสิทธิ์จาก ITU ให้ใช้คลื่นความถี่มือถือภาคพื้นดิน เช่น 700 MHz, 850 MHz, 1.7 GHz และ 2.5 GHz สำหรับ HAPS แล้ว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การใช้งานจริง ✅ SoftBank ทดสอบส่ง 5G จากเครื่องบินสำเร็จ ➡️ ใช้เครื่องบินบินที่ระดับ 3,000 เมตรเหนือเกาะฮาจิโจ ➡️ ใช้เทคโนโลยี HAPS แทนดาวเทียม LEO ✅ ระบบ beamforming สร้างเซลล์สัญญาณ 6 จุด ➡️ ปรับมุมทุก 60 องศาเพื่อครอบคลุมพื้นที่ ➡️ ตรึงตำแหน่งสัญญาณแม้เครื่องบินเคลื่อนที่ ✅ ใช้คลื่นความถี่ที่สมาร์ตโฟนทั่วไปรองรับ ➡️ feeder link ที่ 26 GHz / service link ที่ 1.7 GHz ➡️ รองรับโทรศัพท์ 5G ส่วนใหญ่ในตลาด ✅ ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญสำหรับบริการเชิงพาณิชย์ ➡️ Doppler correction / adaptive beam tracking / power control ➡️ ครอบคลุมพื้นที่กว้างด้วย latency ต่ำ ✅ ได้รับสิทธิ์จาก ITU ให้ใช้คลื่นมือถือภาคพื้นดิน ➡️ ครอบคลุมคลื่น 700 MHz ถึง 2.5 GHz ➡️ เตรียมขยายสู่บริการในพื้นที่ห่างไกล https://www.tomshardware.com/phones/softbank-beams-5g-to-phones-from-sky
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    SoftBank beams 5G to phones from the sky in successful stratospheric test flight
    A high-altitude aircraft circling a Japanese island successfully delivered 5G to standard smartphones using a six-cell beamforming array.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.139 : “ญี่ปุ่น” ลงทุนอะไรใน “กัมพูชา” ?
    .
    ปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาถึงแม้ว่าจะมี “ข้อตกลงหยุดยิง” เบื้องต้น แล้ว แต่ว่าในตอนนี้ เรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากก็คือ การ “เปิดพรมแดน” ซึ่งไทยและกัมพูชาได้หารือกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา หลังการประชุมก็มีการเปิดเผยว่า มีประเทศที่ 3 ก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น” ได้เรียกร้องให้มีการเปิดพรมแดน
    .
    คำถามที่น่าสนใจก็คือ “กัมพูชา” มีดีอะไร “ธุรกิจญี่ปุ่น” ถึงเลือกเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ และทำไมญี่ปุ่นถึงกดดันให้ไทยกับกัมพูชาเร่งกลับมาเปิดด่านอีกครั้ง ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=EGImGWe_-Fc
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #ญี่ปุ่นลงทุนอะไรมากัมพูชา #Thailandplusone #ไทยกัมพูชา
    บูรพาไม่แพ้ Ep.139 : “ญี่ปุ่น” ลงทุนอะไรใน “กัมพูชา” ? . ปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาถึงแม้ว่าจะมี “ข้อตกลงหยุดยิง” เบื้องต้น แล้ว แต่ว่าในตอนนี้ เรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากก็คือ การ “เปิดพรมแดน” ซึ่งไทยและกัมพูชาได้หารือกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา หลังการประชุมก็มีการเปิดเผยว่า มีประเทศที่ 3 ก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น” ได้เรียกร้องให้มีการเปิดพรมแดน . คำถามที่น่าสนใจก็คือ “กัมพูชา” มีดีอะไร “ธุรกิจญี่ปุ่น” ถึงเลือกเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ และทำไมญี่ปุ่นถึงกดดันให้ไทยกับกัมพูชาเร่งกลับมาเปิดด่านอีกครั้ง ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=EGImGWe_-Fc . #บูรพาไม่แพ้ #ญี่ปุ่นลงทุนอะไรมากัมพูชา #Thailandplusone #ไทยกัมพูชา
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ้เหี้ยนี้ดูแบบไหนก็อันตรายโคตรๆ แล้วก็จริงที่สุด, มีสองสัญชาติอีกด้วย,แล้วจะจัดการมันได้มั้ย มันมีเชื้อผู้ดีนะธรรมดาที่ไหน,ชนชั้นผู้ดีค้ำมันจึงลอยหน้าลอยตามาถึงขนาดนี้ได้,คนทรยศแผ่นดินไทยเต็มๆอีกตัว,ถ้าแผ่นดินไทยไม่สามารถลงโทษคนแบบนี้ เอาผิดได้ถือว่าเหี้ยโคตรๆกับระบบเรา,เสื่อมและเสื่อมจนสามารถพังพินาศไปเลยเถอะ,ตำตาขนาดนี้แล้ว ต้องฟ้องดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด เป็นใหญ่เป็นโตเสือกทำผิดต่อชาติบ้านเมืองเสียเอง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต สมควรลบชื่อออกจากทะเบียนนายกฯด้วย.,ระดับนีัไม่รู้เป็นไปไม่ได้,จนบ้านเมืองเสียดินแดนแผ่นดินไปถึง1:150,000 มันใช่ทีเหรอ,ทุจริตในตำแหน่งชัดเจน ผลประโยชน์บ่อน้ำมันอ่าวไทยแน่นอนแล้ว.,ไม่เป็นอย่างอีก คือเป้าหมายสูงสุดในหมากกระดานนี้ที่มันพากันเล่น.
    ..ญี่ปุ่นก็เหี้ยตะบัตย์สัตย์เมื่อถูกจับไป บิดเบือนว่าถูกใส่ร้าย ไปกดดันเขมรโน้นให้เปิดด่าน,ตอแหลโคตรๆสันดานญี่ปุ่นคนชาตินี้อีกลักษณะหนึ่ง,มรึงจะมาในนามนอมินีมรึงก็ตามก็คือสมยอมด้วยกันแน่นอนเพราะคนเชื้อชาติญี่ปุ่นเดียวกัน,จังหวะนี้ตัวช่วยจะเป็นมาเลย์เป็นอเมริกามาช่วยเขมรคงกระโดดมาช่วยแบบมุกเดิมไม่ได้แล้ว ญี่ปุ่นจึงคือตัวเลือกที่ดีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาคนไทยมันว่า บวกอ้างมีกิจการธุรกิจญี่ปุ่นในเขมรด้วยดูทรงความเป็นกลางดูดีที่สุด เข้ามาแสดงบทบาทท่าทีได้,แทรกแซงได้เนียนๆนิ่มๆไม่น่าเกียจ คนไทยเกรงกลัวเกรงใจคนชาติญี่ปุ่นแน่นอนเพราะมีบุญคุณมากแก่คนไทย ในสายตาคนญี่ปุ่นไทยกากกระจอกอยู่แล้วทาสชาติญี่ปุ่น สั่งซ้ายหันขวาหันได้ ญี่ปุ่นจึงเหมาะสมในหมากกระดานนี้เป็นตัวเดินเวลานี้,รุกฆาตกดดันบีบบังคับไทยให้ต้องเปิดด่านให้ได้ช่วยฮุนเซนฝั่งเขมรคนของฝรั่งแบบกูได้ หรือเมื่อเปิดด่านเจ้าสัวในไทย เจ้าสัวต่างชาติทุกๆคนรอดได้แดกแน่นอนมันว่า จึงลงขันสนับสนุนญี่ปุ่นบีบไทยเต็มที่ โดยเผื่อกันทางหนีไว้ด้วยคือเอกชนญี่ปุ่นต้องเปิดหน้าเล่นแทน มรึงพลาดกูในนามรัฐบาลญี่ปุ่นฑูตญี่ปุ่นแบบกูจะได้หาทางแก้ตัวได้,และก็ออกมาสไตล์แก้ทางปัจจุบัน,ญี่ปุ่นตอนนี้คือศัตรูของอธิปไตยไทยชัดเจน อย่างปกป้องมันอีกเลย เหี้ยนี้เปิดหน้าชัดเจนแล้ว ขี้ข้าอเมริกาตัวพ่อมือขวาของเอเชียหน้าไหว้หลังหลอกสันดานเดียวกับเขมรคือญี่ปุ่นนี้ล่ะ,ช่องไหนปกป้องญี่ปุ่น แสดงว่าคนแบบนั่นถูกตังญี่ปุ่นซื้อตัวปิดปากไปแล้ว,ญี่ปุ่นมันหักหลังไทยปล้นชิงลับหลังตลอด ดูง่ายที่สุดคือสิทธิบัตรทางยาสมุนไพรไทยเรา อัตลักษณ์ของไทยมันอ้างว่าเป็นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นมันโน้น นักวิจัยมันเต็มประเทศไทย รวบรวมสมุนไพรไทยทั่วประเทศ แล้วแอบจดลิขสิทธิ์แดกอ้างเป็นของมันเกือบหมดแผ่นดินไทย นี้คือมิตรชั่วสารเลวมั้ย ,มาแกล้งทำเป็นมิตร,หลอกลวงคนไทยทั้งประเทศให้นิยมชมชอบคนญี่ปุ่นแบบมัน เช่นค่านิยมโคตรพ่อโคตรแมร่งมันมีระเบียบนั้นล่ะมันภูมิใจมาก,นักการเมืองอ้างตรึมเวลาบังคับใช้ทางกฎหมาย,ทีทำผิดต้องลาออกจากตำแหน่งทันที นักการเมืองไทยที่อยากให้ประชาชนมีสำนึกระเบียบวินัยแบบญี่ปุ่น มันกล้าลาออกจากตำแหน่งกี่คน นายกฯลาออกเองมีมั้ยแมร่งไล่ออกเห็นๆ,ข้าราชการลาออกจริงกี่คนเวลาตนรู้อยู่แก่ใจว่าผิดแต่เหี้ยไม่ลาออกหาอะไรจนศาลตัดสินว่าผิดโน้น,คือเลวจริงๆ.
    ..ญี่ปุ่นเห็นแก่ประโยชน์ตนเองมานานแล้ว คอยแต่เอาเปรียบประเทศไทย เอาเปรียบประชาชนคนไทยมาตลอดเมื่อมีจังหวะพร้อมแสดงธาตุแท้การเอาชนะออกมาทุกๆรูปแบบจะคตโกงแบบไหนก็ตาม มึน ด้าน หนา แบบไหนก็ชั่ง เราคนเอเชียด้วยกันเห็นสันดานธาตุแท้ญี่ปุ่นด้วยกันทุกๆคนไทย เห็นชัดแบบตัวอย่างง่ายๆในอดีตคือนักมวยไทยเราชกกับญี่ปุ่นมัน ห้ามศอก ห้ามเข่าโน่น มวยสากลก็โกงเราสาระพัดตัวกรรมการบนเวทีมันและรอบเวทียิ่งชัดเจน,เราเสียพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณก็เหี้ยญี่ปุ่นนี้ล่ะ.





    https://youtube.com/watch?v=ExqaZLO73F0&si=31Pf2fNqeXezQDjN
    ไอ้เหี้ยนี้ดูแบบไหนก็อันตรายโคตรๆ แล้วก็จริงที่สุด, มีสองสัญชาติอีกด้วย,แล้วจะจัดการมันได้มั้ย มันมีเชื้อผู้ดีนะธรรมดาที่ไหน,ชนชั้นผู้ดีค้ำมันจึงลอยหน้าลอยตามาถึงขนาดนี้ได้,คนทรยศแผ่นดินไทยเต็มๆอีกตัว,ถ้าแผ่นดินไทยไม่สามารถลงโทษคนแบบนี้ เอาผิดได้ถือว่าเหี้ยโคตรๆกับระบบเรา,เสื่อมและเสื่อมจนสามารถพังพินาศไปเลยเถอะ,ตำตาขนาดนี้แล้ว ต้องฟ้องดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด เป็นใหญ่เป็นโตเสือกทำผิดต่อชาติบ้านเมืองเสียเอง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต สมควรลบชื่อออกจากทะเบียนนายกฯด้วย.,ระดับนีัไม่รู้เป็นไปไม่ได้,จนบ้านเมืองเสียดินแดนแผ่นดินไปถึง1:150,000 มันใช่ทีเหรอ,ทุจริตในตำแหน่งชัดเจน ผลประโยชน์บ่อน้ำมันอ่าวไทยแน่นอนแล้ว.,ไม่เป็นอย่างอีก คือเป้าหมายสูงสุดในหมากกระดานนี้ที่มันพากันเล่น. ..ญี่ปุ่นก็เหี้ยตะบัตย์สัตย์เมื่อถูกจับไป บิดเบือนว่าถูกใส่ร้าย ไปกดดันเขมรโน้นให้เปิดด่าน,ตอแหลโคตรๆสันดานญี่ปุ่นคนชาตินี้อีกลักษณะหนึ่ง,มรึงจะมาในนามนอมินีมรึงก็ตามก็คือสมยอมด้วยกันแน่นอนเพราะคนเชื้อชาติญี่ปุ่นเดียวกัน,จังหวะนี้ตัวช่วยจะเป็นมาเลย์เป็นอเมริกามาช่วยเขมรคงกระโดดมาช่วยแบบมุกเดิมไม่ได้แล้ว ญี่ปุ่นจึงคือตัวเลือกที่ดีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาคนไทยมันว่า บวกอ้างมีกิจการธุรกิจญี่ปุ่นในเขมรด้วยดูทรงความเป็นกลางดูดีที่สุด เข้ามาแสดงบทบาทท่าทีได้,แทรกแซงได้เนียนๆนิ่มๆไม่น่าเกียจ คนไทยเกรงกลัวเกรงใจคนชาติญี่ปุ่นแน่นอนเพราะมีบุญคุณมากแก่คนไทย ในสายตาคนญี่ปุ่นไทยกากกระจอกอยู่แล้วทาสชาติญี่ปุ่น สั่งซ้ายหันขวาหันได้ ญี่ปุ่นจึงเหมาะสมในหมากกระดานนี้เป็นตัวเดินเวลานี้,รุกฆาตกดดันบีบบังคับไทยให้ต้องเปิดด่านให้ได้ช่วยฮุนเซนฝั่งเขมรคนของฝรั่งแบบกูได้ หรือเมื่อเปิดด่านเจ้าสัวในไทย เจ้าสัวต่างชาติทุกๆคนรอดได้แดกแน่นอนมันว่า จึงลงขันสนับสนุนญี่ปุ่นบีบไทยเต็มที่ โดยเผื่อกันทางหนีไว้ด้วยคือเอกชนญี่ปุ่นต้องเปิดหน้าเล่นแทน มรึงพลาดกูในนามรัฐบาลญี่ปุ่นฑูตญี่ปุ่นแบบกูจะได้หาทางแก้ตัวได้,และก็ออกมาสไตล์แก้ทางปัจจุบัน,ญี่ปุ่นตอนนี้คือศัตรูของอธิปไตยไทยชัดเจน อย่างปกป้องมันอีกเลย เหี้ยนี้เปิดหน้าชัดเจนแล้ว ขี้ข้าอเมริกาตัวพ่อมือขวาของเอเชียหน้าไหว้หลังหลอกสันดานเดียวกับเขมรคือญี่ปุ่นนี้ล่ะ,ช่องไหนปกป้องญี่ปุ่น แสดงว่าคนแบบนั่นถูกตังญี่ปุ่นซื้อตัวปิดปากไปแล้ว,ญี่ปุ่นมันหักหลังไทยปล้นชิงลับหลังตลอด ดูง่ายที่สุดคือสิทธิบัตรทางยาสมุนไพรไทยเรา อัตลักษณ์ของไทยมันอ้างว่าเป็นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นมันโน้น นักวิจัยมันเต็มประเทศไทย รวบรวมสมุนไพรไทยทั่วประเทศ แล้วแอบจดลิขสิทธิ์แดกอ้างเป็นของมันเกือบหมดแผ่นดินไทย นี้คือมิตรชั่วสารเลวมั้ย ,มาแกล้งทำเป็นมิตร,หลอกลวงคนไทยทั้งประเทศให้นิยมชมชอบคนญี่ปุ่นแบบมัน เช่นค่านิยมโคตรพ่อโคตรแมร่งมันมีระเบียบนั้นล่ะมันภูมิใจมาก,นักการเมืองอ้างตรึมเวลาบังคับใช้ทางกฎหมาย,ทีทำผิดต้องลาออกจากตำแหน่งทันที นักการเมืองไทยที่อยากให้ประชาชนมีสำนึกระเบียบวินัยแบบญี่ปุ่น มันกล้าลาออกจากตำแหน่งกี่คน นายกฯลาออกเองมีมั้ยแมร่งไล่ออกเห็นๆ,ข้าราชการลาออกจริงกี่คนเวลาตนรู้อยู่แก่ใจว่าผิดแต่เหี้ยไม่ลาออกหาอะไรจนศาลตัดสินว่าผิดโน้น,คือเลวจริงๆ. ..ญี่ปุ่นเห็นแก่ประโยชน์ตนเองมานานแล้ว คอยแต่เอาเปรียบประเทศไทย เอาเปรียบประชาชนคนไทยมาตลอดเมื่อมีจังหวะพร้อมแสดงธาตุแท้การเอาชนะออกมาทุกๆรูปแบบจะคตโกงแบบไหนก็ตาม มึน ด้าน หนา แบบไหนก็ชั่ง เราคนเอเชียด้วยกันเห็นสันดานธาตุแท้ญี่ปุ่นด้วยกันทุกๆคนไทย เห็นชัดแบบตัวอย่างง่ายๆในอดีตคือนักมวยไทยเราชกกับญี่ปุ่นมัน ห้ามศอก ห้ามเข่าโน่น มวยสากลก็โกงเราสาระพัดตัวกรรมการบนเวทีมันและรอบเวทียิ่งชัดเจน,เราเสียพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณก็เหี้ยญี่ปุ่นนี้ล่ะ. https://youtube.com/watch?v=ExqaZLO73F0&si=31Pf2fNqeXezQDjN
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 8 – นักวิ่ง
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 8 : นักวิ่ง
    มีกลุ่มนักคิด แล้วจะให้ดีก็ต้องมีกลุ่มคนพูด คนดำเนินการ คนวิ่งเต้นเหมือนเป็น lobbyist แต่เป็น lobbyist ระดับ cream หน้าขนมเค้ก แต่คราวนี้ไม่ใช่เค้กธรรมดาเป็นขนมเค้กประดับมงกุฎเสียด้วย ปี ค.ศ.1954 พวกคนในสังคมระดับสูง ถึงสูงมากๆ ในยุโรป อังกฤษ และอเมริกา จึงรวมตัวกันจัดตั้ง the Bilderberg Group ขึ้นที่ประเทศ Netherlands หลังจากน้ันทุกปี กลุ่มนี้จะจัดประชุมลับ มีคนเข้าร่วมประมาณ 100 กว่าคน จากบุคคลชั้นสูงในวงการเมือง ธุรกิจการเงินการธนาคาร การทหาร บรรษัทข้ามชาติใหญ่ นักวิชาการ สื่อจากอเมริกา (เหนือ) และยุโรปตะวันตก เป็นเครือข่ายของผู้ทรงอิทธิพลรวมถึงพระราชวงศ์ในยุโรปซึ่งสามารถจะคุยกันได้อย่างเปิดอก และไม่ต้องเกรงว่าจะมีการรั่วไหลของการคุย ขาประจำจะเป็นพวกหัวหน้าผู้บริหาร หรือประธานของบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ใหญ่ๆ ในโลก บริษัทน้ำมันเช่น Royal Dutch, British Petroleum, Total SA รวมทั้งพระราชวงศ์ในยุโรป นายธนาคารระดับนานาชาติ เช่น (แน่นอน) นาย David Rockefeller ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และพวกธนาคารกลางของโลก Bilderberg เป็นถังความคิด แบบเปิดฝาแต่ปิดตัว ตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะเป็นห่วงคล้อง (ชักใย) รัฐบาลกับเศรษฐกิจของยุโรปกับอเมริกา ในระหว่างสงครามเย็นให้ไปในทิศทางเดียวกัน
    ปี ค.ศ.1970 David Rockefeller เป็นประธานของ CFR และเป็นประธานกรรมการและประธานผู้บริหารของ Chase Manhattan Bank ไปเชิญนักวิชาการเข้ามาร่วมอยู่ ใน CFR (ใช่แล้วครับ เจ้าเก่า) นาย Zbigniew Brzezinski ซึ่งเขียนหนังสือ Between Two ages : Americans Role in the Tecnetronic Era บอกว่าปัจจุบันนี้ ความสนิทสนมกลมเกลียว ความร่วมมือระหว่างรัฐประเทศมันน้อยลง แทนที่จะหันหน้าเข้ามาหากัน ดันตะแคงข้างหรือหันหลังใส่กัน ขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างบรรษัทข้ามชาติด้วยกันมีมากขึ้น เงินมันมีแรงดึงดูดสูงกว่า ดังนั้นจึงควรมีการรวมตัวกันระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ประเทศในยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น เพราะต่อจากนี้ไป ธนาคารและบรรษัทข้ามชาติทุนใหญ่ เช่น ธนาคาร บริษัท หรือ องค์กรระหว่างประเทศ จะเป็นผู้มีบทบาทใหญ่ขึ้น ในการกำหนดทิศทางการเมืองของโลกนี้
    แล้วในปี ค.ศ.1972 David Rockefeller และนาย Brzezinski ก็เสนอความคิดนี้ในที่ประชุมประจำปีของ Bilderberg หลังจากนั้นผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหญ่เกือบ 20 คน ก็พากันยกโขยงมาพบนาย David ที่บ้าน แล้วก็บอกว่า พร้อมแล้วครับท่าน พวกเราเห็นพ้องกันตามที่ท่านกล่อม (สั่ง !) ค.ศ.1973 Trilateral Commission ซึ่งถือเสมือนเป็นน้องน้อยของ Bilderberg ก็คลอด เป็นการเชื่อมผู้ครองโลกใน 3 ทวีป เข้าด้วยกัน ยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น
    ขอแจ้งข้อมูลปัจจุบันหน่อยครับ ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ Trilateral Commission นี้ เมื่อตอนเขียนนิทานเรื่องมายากลยุทธและผมได้แพลมออกไปว่า มีสมาชิกของ Trilateral Commission เป็นคนไทยด้วย ผมนำชื่อมาลงทั้งหมด ปรากฎว่าหลังจากลงไปได้ไม่เท่าไหร่ เพจผม (บังเอิญ ? !)ออกอาการเหมือนถูกกวนจนเละ หน้าจอเดี๋ยวดับบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง ข้อความที่ลงก็หายเป็น ตอนๆ โดยเฉพาะตอนที่มีรายชื่อสมาชิกคนไทยที่โด่งดัง หายแล้วหายอีก ต้องลงซ้ำลงซาก คราวนี้ต้องเขียนถึงกลุ่มนี้อีก เพื่อให้ต่อเนื่องกัน ก็เลยแวะไปเช็คข้อมูล ซึ่งก็มีท่านผู้อ่านรายหนึ่ง inbox มาบอกล่วงหน้าแล้ว (ขอบคุณนะครับ) ผลการเช็คข้อมูลล่าสุดนี้ ปรากฎว่ากรรมการชุดเก่าเปลี่ยนตัวไปกันเกือบหมด ! เขาตั้งคนอื่นมาแทน เลยขอลงรายชื่อ ทั้งเก่าทั้งใหม่ให้ชื่นชมกัน ว่าคนไทยเราก็ติดอันดับโลก แบบนี้เหมือนกัน (แหม ! ไม่กล้าอ้างความดีความชอบว่า เป็นผู้แฉจนต้องมีการเปลี่ยนตัว เดี๋ยวมีคนเชื่อ ฮา !)
    – รายชื่อเมื่อปี ค.ศ.2011
นายอานันท์ ปันยารชุน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี
นายสารสิน วีรผล
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ
    – รายชื่อใน ค.ศ.2013 (น่าจะออกมาปลายปี ค.ศ.2013 หลังจากที่เขียนนิทานมายากลยุทธ หน่อยหนึ่งครับ)
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (อดีตเลขาธิการอาเซียน ปริญญาโท ปริญญาเอก มหาวิทยาลัย Harvard)
นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศ ปริญญาตรี, โท ทางเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย เคโอะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น)
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ (ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ปริญญาโทและเอก วิทยาการคอมพิวเตอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว )
นายกานต์ ตระกุลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ ไทย ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ (จุฬา) ปริญญาโท บริหารธุรกิจ The Georgia Institute of Technology (อเมริกา) )
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 8 – นักวิ่ง นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 8 : นักวิ่ง มีกลุ่มนักคิด แล้วจะให้ดีก็ต้องมีกลุ่มคนพูด คนดำเนินการ คนวิ่งเต้นเหมือนเป็น lobbyist แต่เป็น lobbyist ระดับ cream หน้าขนมเค้ก แต่คราวนี้ไม่ใช่เค้กธรรมดาเป็นขนมเค้กประดับมงกุฎเสียด้วย ปี ค.ศ.1954 พวกคนในสังคมระดับสูง ถึงสูงมากๆ ในยุโรป อังกฤษ และอเมริกา จึงรวมตัวกันจัดตั้ง the Bilderberg Group ขึ้นที่ประเทศ Netherlands หลังจากน้ันทุกปี กลุ่มนี้จะจัดประชุมลับ มีคนเข้าร่วมประมาณ 100 กว่าคน จากบุคคลชั้นสูงในวงการเมือง ธุรกิจการเงินการธนาคาร การทหาร บรรษัทข้ามชาติใหญ่ นักวิชาการ สื่อจากอเมริกา (เหนือ) และยุโรปตะวันตก เป็นเครือข่ายของผู้ทรงอิทธิพลรวมถึงพระราชวงศ์ในยุโรปซึ่งสามารถจะคุยกันได้อย่างเปิดอก และไม่ต้องเกรงว่าจะมีการรั่วไหลของการคุย ขาประจำจะเป็นพวกหัวหน้าผู้บริหาร หรือประธานของบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ใหญ่ๆ ในโลก บริษัทน้ำมันเช่น Royal Dutch, British Petroleum, Total SA รวมทั้งพระราชวงศ์ในยุโรป นายธนาคารระดับนานาชาติ เช่น (แน่นอน) นาย David Rockefeller ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และพวกธนาคารกลางของโลก Bilderberg เป็นถังความคิด แบบเปิดฝาแต่ปิดตัว ตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะเป็นห่วงคล้อง (ชักใย) รัฐบาลกับเศรษฐกิจของยุโรปกับอเมริกา ในระหว่างสงครามเย็นให้ไปในทิศทางเดียวกัน ปี ค.ศ.1970 David Rockefeller เป็นประธานของ CFR และเป็นประธานกรรมการและประธานผู้บริหารของ Chase Manhattan Bank ไปเชิญนักวิชาการเข้ามาร่วมอยู่ ใน CFR (ใช่แล้วครับ เจ้าเก่า) นาย Zbigniew Brzezinski ซึ่งเขียนหนังสือ Between Two ages : Americans Role in the Tecnetronic Era บอกว่าปัจจุบันนี้ ความสนิทสนมกลมเกลียว ความร่วมมือระหว่างรัฐประเทศมันน้อยลง แทนที่จะหันหน้าเข้ามาหากัน ดันตะแคงข้างหรือหันหลังใส่กัน ขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างบรรษัทข้ามชาติด้วยกันมีมากขึ้น เงินมันมีแรงดึงดูดสูงกว่า ดังนั้นจึงควรมีการรวมตัวกันระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ประเทศในยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น เพราะต่อจากนี้ไป ธนาคารและบรรษัทข้ามชาติทุนใหญ่ เช่น ธนาคาร บริษัท หรือ องค์กรระหว่างประเทศ จะเป็นผู้มีบทบาทใหญ่ขึ้น ในการกำหนดทิศทางการเมืองของโลกนี้ แล้วในปี ค.ศ.1972 David Rockefeller และนาย Brzezinski ก็เสนอความคิดนี้ในที่ประชุมประจำปีของ Bilderberg หลังจากนั้นผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหญ่เกือบ 20 คน ก็พากันยกโขยงมาพบนาย David ที่บ้าน แล้วก็บอกว่า พร้อมแล้วครับท่าน พวกเราเห็นพ้องกันตามที่ท่านกล่อม (สั่ง !) ค.ศ.1973 Trilateral Commission ซึ่งถือเสมือนเป็นน้องน้อยของ Bilderberg ก็คลอด เป็นการเชื่อมผู้ครองโลกใน 3 ทวีป เข้าด้วยกัน ยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น ขอแจ้งข้อมูลปัจจุบันหน่อยครับ ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ Trilateral Commission นี้ เมื่อตอนเขียนนิทานเรื่องมายากลยุทธและผมได้แพลมออกไปว่า มีสมาชิกของ Trilateral Commission เป็นคนไทยด้วย ผมนำชื่อมาลงทั้งหมด ปรากฎว่าหลังจากลงไปได้ไม่เท่าไหร่ เพจผม (บังเอิญ ? !)ออกอาการเหมือนถูกกวนจนเละ หน้าจอเดี๋ยวดับบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง ข้อความที่ลงก็หายเป็น ตอนๆ โดยเฉพาะตอนที่มีรายชื่อสมาชิกคนไทยที่โด่งดัง หายแล้วหายอีก ต้องลงซ้ำลงซาก คราวนี้ต้องเขียนถึงกลุ่มนี้อีก เพื่อให้ต่อเนื่องกัน ก็เลยแวะไปเช็คข้อมูล ซึ่งก็มีท่านผู้อ่านรายหนึ่ง inbox มาบอกล่วงหน้าแล้ว (ขอบคุณนะครับ) ผลการเช็คข้อมูลล่าสุดนี้ ปรากฎว่ากรรมการชุดเก่าเปลี่ยนตัวไปกันเกือบหมด ! เขาตั้งคนอื่นมาแทน เลยขอลงรายชื่อ ทั้งเก่าทั้งใหม่ให้ชื่นชมกัน ว่าคนไทยเราก็ติดอันดับโลก แบบนี้เหมือนกัน (แหม ! ไม่กล้าอ้างความดีความชอบว่า เป็นผู้แฉจนต้องมีการเปลี่ยนตัว เดี๋ยวมีคนเชื่อ ฮา !) – รายชื่อเมื่อปี ค.ศ.2011
นายอานันท์ ปันยารชุน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี
นายสารสิน วีรผล
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ – รายชื่อใน ค.ศ.2013 (น่าจะออกมาปลายปี ค.ศ.2013 หลังจากที่เขียนนิทานมายากลยุทธ หน่อยหนึ่งครับ)
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (อดีตเลขาธิการอาเซียน ปริญญาโท ปริญญาเอก มหาวิทยาลัย Harvard)
นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศ ปริญญาตรี, โท ทางเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย เคโอะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น)
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ (ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ปริญญาโทและเอก วิทยาการคอมพิวเตอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว )
นายกานต์ ตระกุลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ ไทย ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ (จุฬา) ปริญญาโท บริหารธุรกิจ The Georgia Institute of Technology (อเมริกา) ) คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โปรดเกล้า3วันออกลายกัน
    #รัฐบาล3วันงานหลักคือเปิดด่าน.
    #รัฐบาลไทยสู้เพื่อเขมรกอดmou43และ44ให้มั่น
    #ทหารไทยสู้เพื่อชาติรัฐบาลมาใหม่สู้เพื่อเปิดด่าน.
    #เชื่อใจได้งานเปิดด่านคืออุดมการณ์เรา.
    #รัฐบาลเพื่อประเทศญี่ปุ่นที่สาม
    #รัฐบาลเขมร3mouต้องรอเขมรเห็นชอบด้วยอย่างเดียว.
    #แก้ต่างช่วยเขมรคืองานของเรา
    #ปกป้องเขมรกลัวปะทะคืองานของเรา

    ..คลิปนี้นายกฯหนูพูดชัดมั้ย.

    https://youtube.com/watch?v=6HNNyIwgnhk&si=7zmjrufaq8-2iNwG
    #โปรดเกล้า3วันออกลายกัน #รัฐบาล3วันงานหลักคือเปิดด่าน. #รัฐบาลไทยสู้เพื่อเขมรกอดmou43และ44ให้มั่น #ทหารไทยสู้เพื่อชาติรัฐบาลมาใหม่สู้เพื่อเปิดด่าน. #เชื่อใจได้งานเปิดด่านคืออุดมการณ์เรา. #รัฐบาลเพื่อประเทศญี่ปุ่นที่สาม #รัฐบาลเขมร3mouต้องรอเขมรเห็นชอบด้วยอย่างเดียว. #แก้ต่างช่วยเขมรคืองานของเรา #ปกป้องเขมรกลัวปะทะคืองานของเรา ..คลิปนี้นายกฯหนูพูดชัดมั้ย. https://youtube.com/watch?v=6HNNyIwgnhk&si=7zmjrufaq8-2iNwG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะพัดญี่ปุ่นกดดันไทย เปิดด่านให้เขมร

    การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือจีบีซี (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม เป็นผู้แทนฝ่ายไทย หนึ่งในข้อตกลงที่คนไทยทั้งประเทศไม่พอใจ คือ หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด ระหว่างที่สถานการณ์ยังไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และการขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไปหารือความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้ขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนตามแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด

    พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า เป็นเพียงการผ่อนปรนด้าน การขนส่งสินค้า ไม่ใช่การผ่อนปรนบุคคล โดยรถขนส่งไม่ได้เปิดเสรี แต่มีการจำกัดจำนวนเที่ยว เช่นเดียวกับที่ผ่านมา หากสังคมยังไม่ยอมรับ อาจพิจารณาผ่อนปรนเป็นรายกรณี เช่น 2–3 เที่ยวต่อวัน แต่หากมีเสียงสนับสนุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจขยายเป็น 20–30 เที่ยวต่อวัน ต้นเหตุของการเปิดด่านเกิดจากประเทศที่สาม ไม่ได้เกิดจากประเทศไทยและกัมพูชา เนื่องจากประเทศที่สาม แจ้งมาว่าไทย-กัมพูชา มีความขัดแย้งกัน เขาเกี่ยวอะไรด้วย ทำให้เขาเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่เรารับฟัง จึงเป็นที่มาของการหาทางออก ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เห็นด้วย

    แม้ พล.อ.ณัฐพล จะไม่ระบุว่าประเทศที่สามคือประเทศอะไร แต่สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชา ระบุแล้วว่าเป็นประเทศญี่ปุ่น สอดคล้องกับ น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ระบุว่า ข่าวว่าประเทศที่ 3 เช่น ญี่ปุ่น ที่ได้รับผลกระทบเพราะส่งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เข้ากัมพูชาไม่ได้ และมีบางประเทศที่ส่งออกอุปกรณ์สื่อสารไปยังกัมพูชา

    ขณะที่สังคมไทยรับไม่ได้กับมาตรการที่เกิดขึ้น หากญี่ปุ่นต้องการส่งสินค้าไปยังกัมพูชาจริง ยังสามารถขนส่งทางเรือได้ เพราะกัมพูชามีท่าเรือน้ำลึก โดยมองว่าการตัดสินใจเปิดด่าน ทั้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบเรียบร้อย เป็นการทำร้ายจิตใจคนไทย ที่ต้องสูญเสียทหารและพลเรือนนับสิบราย จากภาพจำเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์รวมทั้งเด็กต้องเสียชีวิต เพราะความขัดแย้งระหว่างตระกูลชินวัตร และตระกูลฮุน เซน ของกัมพูชา

    #Newskit
    สะพัดญี่ปุ่นกดดันไทย เปิดด่านให้เขมร การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือจีบีซี (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม เป็นผู้แทนฝ่ายไทย หนึ่งในข้อตกลงที่คนไทยทั้งประเทศไม่พอใจ คือ หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด ระหว่างที่สถานการณ์ยังไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และการขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไปหารือความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้ขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนตามแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า เป็นเพียงการผ่อนปรนด้าน การขนส่งสินค้า ไม่ใช่การผ่อนปรนบุคคล โดยรถขนส่งไม่ได้เปิดเสรี แต่มีการจำกัดจำนวนเที่ยว เช่นเดียวกับที่ผ่านมา หากสังคมยังไม่ยอมรับ อาจพิจารณาผ่อนปรนเป็นรายกรณี เช่น 2–3 เที่ยวต่อวัน แต่หากมีเสียงสนับสนุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจขยายเป็น 20–30 เที่ยวต่อวัน ต้นเหตุของการเปิดด่านเกิดจากประเทศที่สาม ไม่ได้เกิดจากประเทศไทยและกัมพูชา เนื่องจากประเทศที่สาม แจ้งมาว่าไทย-กัมพูชา มีความขัดแย้งกัน เขาเกี่ยวอะไรด้วย ทำให้เขาเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่เรารับฟัง จึงเป็นที่มาของการหาทางออก ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เห็นด้วย แม้ พล.อ.ณัฐพล จะไม่ระบุว่าประเทศที่สามคือประเทศอะไร แต่สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชา ระบุแล้วว่าเป็นประเทศญี่ปุ่น สอดคล้องกับ น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ระบุว่า ข่าวว่าประเทศที่ 3 เช่น ญี่ปุ่น ที่ได้รับผลกระทบเพราะส่งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เข้ากัมพูชาไม่ได้ และมีบางประเทศที่ส่งออกอุปกรณ์สื่อสารไปยังกัมพูชา ขณะที่สังคมไทยรับไม่ได้กับมาตรการที่เกิดขึ้น หากญี่ปุ่นต้องการส่งสินค้าไปยังกัมพูชาจริง ยังสามารถขนส่งทางเรือได้ เพราะกัมพูชามีท่าเรือน้ำลึก โดยมองว่าการตัดสินใจเปิดด่าน ทั้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบเรียบร้อย เป็นการทำร้ายจิตใจคนไทย ที่ต้องสูญเสียทหารและพลเรือนนับสิบราย จากภาพจำเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์รวมทั้งเด็กต้องเสียชีวิต เพราะความขัดแย้งระหว่างตระกูลชินวัตร และตระกูลฮุน เซน ของกัมพูชา #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • “MostereRAT: มัลแวร์สายลับยุคใหม่ ใช้ AnyDesk และ TightVNC ยึดเครื่อง Windows แบบเงียบๆ!”

    ลองจินตนาการว่าคุณเปิดอีเมลจากลูกค้าใหม่ที่ดูน่าเชื่อถือ มีไฟล์แนบเป็นเอกสาร Word ดูไม่มีพิษภัย แต่ทันทีที่คุณเปิดไฟล์นั้น…คุณได้เปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามานั่งอยู่ในเครื่องคุณโดยไม่รู้ตัว

    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับมัลแวร์ตัวใหม่ชื่อว่า “MostereRAT” ซึ่งถูกค้นพบโดยนักวิจัยจาก FortiGuard Labs และกำลังโจมตีผู้ใช้ Windows โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นผ่านแคมเปญฟิชชิ่งที่แนบเนียนมาก

    เมื่อเหยื่อคลิกลิงก์ในอีเมล มัลแวร์จะดาวน์โหลดไฟล์ Word ที่มี archive ซ่อนอยู่ภายใน และเมื่อเปิดไฟล์นั้น โปรแกรมอันตรายจะถูกติดตั้งทันที โดยใช้เทคนิคหลบเลี่ยงการตรวจจับขั้นสูง เช่น เขียนด้วยภาษา Easy Programming Language (EPL) ซึ่งเป็นภาษาสำหรับผู้ใช้จีนที่เครื่องมือวิเคราะห์มัลแวร์ทั่วไปไม่ค่อยรองรับ

    จากนั้น MostereRAT จะปิดการทำงานของโปรแกรมป้องกันไวรัส, บล็อกการอัปเดต Windows และใช้การเข้ารหัสแบบ mutual TLS (mTLS) เพื่อซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ทำให้แทบไม่มีใครตรวจจับได้

    ที่น่ากลัวคือ มันใช้โปรแกรมที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่าง AnyDesk และ TightVNC เพื่อควบคุมเครื่องของเหยื่อแบบเต็มรูปแบบ พร้อมสร้างบัญชีผู้ใช้ลับที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบ เพื่อให้กลับเข้ามาได้แม้เหยื่อจะพยายามลบมัลแวร์ออกไปแล้ว

    ลักษณะของ MostereRAT
    เป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่ให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องจากระยะไกล
    ถูกส่งผ่านอีเมลฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นธุรกิจจริง
    ใช้ไฟล์ Word ที่มี archive ซ่อนอยู่เพื่อหลอกให้เหยื่อเปิด
    เขียนด้วยภาษา Easy Programming Language (EPL) เพื่อหลบการตรวจจับ
    ปิดการทำงานของโปรแกรมป้องกันและบล็อกการอัปเดต Windows
    ใช้การเข้ารหัสแบบ mTLS เพื่อซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม
    ติดตั้งโปรแกรม AnyDesk และ TightVNC เพื่อควบคุมเครื่องเหยื่อ
    สร้างบัญชีผู้ใช้ลับที่มีสิทธิ์ระดับ admin เพื่อรักษาการเข้าถึง
    พัฒนามาจาก banking trojan ที่เคยพบในปี 2020

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรตั้งค่าบราวเซอร์ให้ถามก่อนดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก
    จำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ในระบบ ไม่ควรให้สิทธิ์ระดับ SYSTEM หรือ TrustedInstaller
    ใช้นโยบายควบคุมแอปพลิเคชันเพื่อป้องกันการรันโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
    อัปเดตระบบและโปรแกรมป้องกันไวรัสอย่างสม่ำเสมอ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Windows
    การคลิกลิงก์ในอีเมลที่ดูน่าเชื่อถืออาจเปิดทางให้มัลแวร์เข้ามา
    โปรแกรม AnyDesk และ TightVNC แม้จะถูกต้องตามกฎหมาย แต่สามารถถูกใช้ในทางร้ายได้
    การปิดการทำงานของ Windows Security โดยมัลแวร์จะทำให้ระบบไร้การป้องกัน
    บัญชีผู้ใช้ลับที่ถูกสร้างขึ้นอาจยังอยู่แม้จะลบมัลแวร์ไปแล้ว
    การใช้ภาษา EPL ทำให้เครื่องมือวิเคราะห์ทั่วไปไม่สามารถตรวจจับได้

    https://hackread.com/mostererat-windows-anydesk-tightvnc-access/
    🕵️‍♂️ “MostereRAT: มัลแวร์สายลับยุคใหม่ ใช้ AnyDesk และ TightVNC ยึดเครื่อง Windows แบบเงียบๆ!” ลองจินตนาการว่าคุณเปิดอีเมลจากลูกค้าใหม่ที่ดูน่าเชื่อถือ มีไฟล์แนบเป็นเอกสาร Word ดูไม่มีพิษภัย แต่ทันทีที่คุณเปิดไฟล์นั้น…คุณได้เปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามานั่งอยู่ในเครื่องคุณโดยไม่รู้ตัว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับมัลแวร์ตัวใหม่ชื่อว่า “MostereRAT” ซึ่งถูกค้นพบโดยนักวิจัยจาก FortiGuard Labs และกำลังโจมตีผู้ใช้ Windows โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นผ่านแคมเปญฟิชชิ่งที่แนบเนียนมาก เมื่อเหยื่อคลิกลิงก์ในอีเมล มัลแวร์จะดาวน์โหลดไฟล์ Word ที่มี archive ซ่อนอยู่ภายใน และเมื่อเปิดไฟล์นั้น โปรแกรมอันตรายจะถูกติดตั้งทันที โดยใช้เทคนิคหลบเลี่ยงการตรวจจับขั้นสูง เช่น เขียนด้วยภาษา Easy Programming Language (EPL) ซึ่งเป็นภาษาสำหรับผู้ใช้จีนที่เครื่องมือวิเคราะห์มัลแวร์ทั่วไปไม่ค่อยรองรับ จากนั้น MostereRAT จะปิดการทำงานของโปรแกรมป้องกันไวรัส, บล็อกการอัปเดต Windows และใช้การเข้ารหัสแบบ mutual TLS (mTLS) เพื่อซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ทำให้แทบไม่มีใครตรวจจับได้ ที่น่ากลัวคือ มันใช้โปรแกรมที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่าง AnyDesk และ TightVNC เพื่อควบคุมเครื่องของเหยื่อแบบเต็มรูปแบบ พร้อมสร้างบัญชีผู้ใช้ลับที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบ เพื่อให้กลับเข้ามาได้แม้เหยื่อจะพยายามลบมัลแวร์ออกไปแล้ว ✅ ลักษณะของ MostereRAT ➡️ เป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่ให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องจากระยะไกล ➡️ ถูกส่งผ่านอีเมลฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นธุรกิจจริง ➡️ ใช้ไฟล์ Word ที่มี archive ซ่อนอยู่เพื่อหลอกให้เหยื่อเปิด ➡️ เขียนด้วยภาษา Easy Programming Language (EPL) เพื่อหลบการตรวจจับ ➡️ ปิดการทำงานของโปรแกรมป้องกันและบล็อกการอัปเดต Windows ➡️ ใช้การเข้ารหัสแบบ mTLS เพื่อซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม ➡️ ติดตั้งโปรแกรม AnyDesk และ TightVNC เพื่อควบคุมเครื่องเหยื่อ ➡️ สร้างบัญชีผู้ใช้ลับที่มีสิทธิ์ระดับ admin เพื่อรักษาการเข้าถึง ➡️ พัฒนามาจาก banking trojan ที่เคยพบในปี 2020 ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรตั้งค่าบราวเซอร์ให้ถามก่อนดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก ➡️ จำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ในระบบ ไม่ควรให้สิทธิ์ระดับ SYSTEM หรือ TrustedInstaller ➡️ ใช้นโยบายควบคุมแอปพลิเคชันเพื่อป้องกันการรันโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต ➡️ อัปเดตระบบและโปรแกรมป้องกันไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Windows ⛔ การคลิกลิงก์ในอีเมลที่ดูน่าเชื่อถืออาจเปิดทางให้มัลแวร์เข้ามา ⛔ โปรแกรม AnyDesk และ TightVNC แม้จะถูกต้องตามกฎหมาย แต่สามารถถูกใช้ในทางร้ายได้ ⛔ การปิดการทำงานของ Windows Security โดยมัลแวร์จะทำให้ระบบไร้การป้องกัน ⛔ บัญชีผู้ใช้ลับที่ถูกสร้างขึ้นอาจยังอยู่แม้จะลบมัลแวร์ไปแล้ว ⛔ การใช้ภาษา EPL ทำให้เครื่องมือวิเคราะห์ทั่วไปไม่สามารถตรวจจับได้ https://hackread.com/mostererat-windows-anydesk-tightvnc-access/
    HACKREAD.COM
    MostereRAT Targets Windows, Uses AnyDesk and TightVNC for Full Access
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดินรถไฟ Kiha ธันวาฯ นี้ ประเดิมดอนเมือง-อยุธยา

    ความคืบหน้าการปรับปรุงรถดีเซลรางรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น และขนส่งทางเรือมาถึงประเทศไทยเมื่อกลางปี 2567 ล่าสุดพบว่ารถต้นแบบคันแรกยังคงต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย และทดลองเดินรถเส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา

    ปัจจุบันยังคงต้องปรับปรุงครอบคลุมทั้งด้านวิศวกรรมและระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบปรับอากาศที่ต้องดัดแปลงใหม่ เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวของภูมิภาคอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น การรถไฟฯ จึงได้ปรับปรุงช่องจ่ายลมเย็นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ ชุดคอยล์ระบายความร้อน และคอยล์เย็น อีกทั้งยังได้ทดสอบด้านสมรรถนะของรถ อาทิ การทดสอบระยะห้ามล้อ อัตราเร่ง และการสั่นสะเทือนเชิงกล

    คาดว่ารถต้นแบบคันแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 และจะมีอีกหนึ่งคันแล้วเสร็จตามมาในเดือน ต.ค. 2568 ก่อนทยอยปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถนำรถที่ปรับปรุงเสร็จแล้วจำนวน 4 คัน ออกให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เบื้องต้นวางแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-อยุธยา เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    สำหรับเส้นทางดอนเมือง-อยุธยา มีระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร รถรุ่นดังกล่าวเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรถเชื่อมต่อ (Feeder) กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) และท่าอากาศยานดอนเมือง แนวเส้นทางผ่านสถานีรังสิต คลองหนึ่ง เชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นวนคร เชียงรากน้อย คลองพุทรา บางปะอิน บ้านโพ และสถานีปลายทางอยุธยา

    โดยปกติถ้าเป็นรถไฟธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันรถไฟธรรมดาและรถไฟชานเมือง (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ค่าโดยสาร 11 บาท, รถนั่งชั้นโทปรับอากาศ - JRWEST (เบาะแดง) ขบวน 133 ราคา 104 บาท, รถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ขบวน 75 ราคา 234 บาท, ขบวน 7 และขบวน 21 ราคา 254 บาท

    อนึ่ง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ อาคาร Service Hall ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Terminal 1) มีรถประจำทาง ขสมก. ปลายทางหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และสนามหลวง รวมทั้งรถเชื่อมต่อของ บขส. ปลายทางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

    #Newskit
    เดินรถไฟ Kiha ธันวาฯ นี้ ประเดิมดอนเมือง-อยุธยา ความคืบหน้าการปรับปรุงรถดีเซลรางรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น และขนส่งทางเรือมาถึงประเทศไทยเมื่อกลางปี 2567 ล่าสุดพบว่ารถต้นแบบคันแรกยังคงต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย และทดลองเดินรถเส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังคงต้องปรับปรุงครอบคลุมทั้งด้านวิศวกรรมและระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบปรับอากาศที่ต้องดัดแปลงใหม่ เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวของภูมิภาคอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น การรถไฟฯ จึงได้ปรับปรุงช่องจ่ายลมเย็นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ ชุดคอยล์ระบายความร้อน และคอยล์เย็น อีกทั้งยังได้ทดสอบด้านสมรรถนะของรถ อาทิ การทดสอบระยะห้ามล้อ อัตราเร่ง และการสั่นสะเทือนเชิงกล คาดว่ารถต้นแบบคันแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 และจะมีอีกหนึ่งคันแล้วเสร็จตามมาในเดือน ต.ค. 2568 ก่อนทยอยปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถนำรถที่ปรับปรุงเสร็จแล้วจำนวน 4 คัน ออกให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เบื้องต้นวางแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-อยุธยา เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับเส้นทางดอนเมือง-อยุธยา มีระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร รถรุ่นดังกล่าวเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรถเชื่อมต่อ (Feeder) กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) และท่าอากาศยานดอนเมือง แนวเส้นทางผ่านสถานีรังสิต คลองหนึ่ง เชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นวนคร เชียงรากน้อย คลองพุทรา บางปะอิน บ้านโพ และสถานีปลายทางอยุธยา โดยปกติถ้าเป็นรถไฟธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันรถไฟธรรมดาและรถไฟชานเมือง (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ค่าโดยสาร 11 บาท, รถนั่งชั้นโทปรับอากาศ - JRWEST (เบาะแดง) ขบวน 133 ราคา 104 บาท, รถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ขบวน 75 ราคา 234 บาท, ขบวน 7 และขบวน 21 ราคา 254 บาท อนึ่ง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ อาคาร Service Hall ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Terminal 1) มีรถประจำทาง ขสมก. ปลายทางหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และสนามหลวง รวมทั้งรถเชื่อมต่อของ บขส. ปลายทางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.136 : ญี่ปุ่นแฉ Scambodia ร้ายกว่า “ยากูซ่า”
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวโด่งดังในประเทศญี่ปุ่น คือ กรณีที่ตำรวจญี่ปุ่นเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อควบคุมตัวชาวญี่ปุ่น 29 คนที่เข้าร่วมกับแก๊งคอลเซนเตอร์ กลับมาดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนครั้งใหญ่ของญี่ปุ่น และคดีนี้ยังเปิดเผยให้เห็นถึงความเลวร้ายของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ที่ว่ากันว่า ร้ายแรงยิ่งกว่า “เครือข่ายยากูซ่า” เสียอีก
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=4RbMiI7hDoQ
    .
    #Scambodia #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #กัมพูชา #ยากูซ่า
    บูรพาไม่แพ้ Ep.136 : ญี่ปุ่นแฉ Scambodia ร้ายกว่า “ยากูซ่า” . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวโด่งดังในประเทศญี่ปุ่น คือ กรณีที่ตำรวจญี่ปุ่นเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อควบคุมตัวชาวญี่ปุ่น 29 คนที่เข้าร่วมกับแก๊งคอลเซนเตอร์ กลับมาดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนครั้งใหญ่ของญี่ปุ่น และคดีนี้ยังเปิดเผยให้เห็นถึงความเลวร้ายของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ที่ว่ากันว่า ร้ายแรงยิ่งกว่า “เครือข่ายยากูซ่า” เสียอีก . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=4RbMiI7hDoQ . #Scambodia #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #กัมพูชา #ยากูซ่า
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเมืองหนึ่งในญี่ปุ่นลุกขึ้นมาบอกว่า “พอแล้วกับจอ!”

    ลองจินตนาการว่าเมืองที่คุณอยู่ประกาศแนะนำให้ทุกคนใช้สมาร์ตโฟนไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง (นอกเวลางานหรือเรียน) ไม่ใช่เพราะต้องการควบคุมชีวิตคุณ แต่เพราะห่วงสุขภาพจิตและการนอนหลับของประชาชน

    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองโทโยอาเกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำลังพิจารณาร่างข้อเสนอที่ไม่บังคับใช้ตามกฎหมาย ไม่มีบทลงโทษ แต่มีเป้าหมายชัดเจน: ลดผลกระทบจากการใช้หน้าจอมากเกินไป โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน

    ข้อเสนอแนะนำให้เด็กประถมเลิกใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. และเด็กมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น. โดยอ้างอิงจากผลสำรวจที่พบว่าเยาวชนญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดา

    แม้ข้อเสนอจะได้รับเสียงชื่นชมจากบางฝ่าย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ไม่น้อย โดยเฉพาะจากผู้ใช้โซเชียลที่มองว่า “สองชั่วโมงมันน้อยเกินไป” และ “ควรปล่อยให้ครอบครัวตัดสินใจเอง”

    นายกเทศมนตรีออกมาชี้แจงว่า ข้อเสนอไม่ได้บังคับ และยังยอมรับว่าสมาร์ตโฟนเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ก็หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้คนตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้มากเกินไป

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    เมืองโทโยอาเกะเสนอให้จำกัดเวลาใช้สมาร์ตโฟนไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน (นอกงาน/เรียน)
    ข้อเสนอเป็นแนวทาง ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีบทลงโทษ
    เด็กประถมควรเลิกใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. และมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น.
    เป้าหมายคือป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและการนอนหลับจากการใช้หน้าจอมากเกินไป
    นายกเทศมนตรียืนยันว่าแนวทางนี้ไม่บังคับ และยอมรับว่าสมาร์ตโฟนมีประโยชน์
    ข้อเสนอจะเข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์หน้า และอาจมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม
    เคยมีกรณีคล้ายกันในจังหวัดคางาวะ ปี 2020 ที่จำกัดเวลาเล่นเกมของเด็ก
    ผลสำรวจจาก Children and Families Agency พบว่าเยาวชนญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้หน้าจอมากเกินไปเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และปัญหาการนอนในวัยรุ่น
    สมาร์ตโฟนมีผลต่อการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้ร่างกายเข้าใจผิดว่า “ยังไม่ถึงเวลานอน”
    การจำกัดเวลาใช้หน้าจอช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนและสมาธิในการเรียน
    หลายประเทศเริ่มรณรงค์ “Digital Detox” เพื่อให้ประชาชนพักจากหน้าจอ
    การใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไปในเด็กเล็กอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางภาษาและสังคม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/japan-city-proposes-two-hour-daily-smartphone-limit
    🎙️ เมื่อเมืองหนึ่งในญี่ปุ่นลุกขึ้นมาบอกว่า “พอแล้วกับจอ!” ลองจินตนาการว่าเมืองที่คุณอยู่ประกาศแนะนำให้ทุกคนใช้สมาร์ตโฟนไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง (นอกเวลางานหรือเรียน) ไม่ใช่เพราะต้องการควบคุมชีวิตคุณ แต่เพราะห่วงสุขภาพจิตและการนอนหลับของประชาชน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองโทโยอาเกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำลังพิจารณาร่างข้อเสนอที่ไม่บังคับใช้ตามกฎหมาย ไม่มีบทลงโทษ แต่มีเป้าหมายชัดเจน: ลดผลกระทบจากการใช้หน้าจอมากเกินไป โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ข้อเสนอแนะนำให้เด็กประถมเลิกใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. และเด็กมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น. โดยอ้างอิงจากผลสำรวจที่พบว่าเยาวชนญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดา แม้ข้อเสนอจะได้รับเสียงชื่นชมจากบางฝ่าย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ไม่น้อย โดยเฉพาะจากผู้ใช้โซเชียลที่มองว่า “สองชั่วโมงมันน้อยเกินไป” และ “ควรปล่อยให้ครอบครัวตัดสินใจเอง” นายกเทศมนตรีออกมาชี้แจงว่า ข้อเสนอไม่ได้บังคับ และยังยอมรับว่าสมาร์ตโฟนเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ก็หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้คนตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้มากเกินไป 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ เมืองโทโยอาเกะเสนอให้จำกัดเวลาใช้สมาร์ตโฟนไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน (นอกงาน/เรียน) ➡️ ข้อเสนอเป็นแนวทาง ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีบทลงโทษ ➡️ เด็กประถมควรเลิกใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. และมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น. ➡️ เป้าหมายคือป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและการนอนหลับจากการใช้หน้าจอมากเกินไป ➡️ นายกเทศมนตรียืนยันว่าแนวทางนี้ไม่บังคับ และยอมรับว่าสมาร์ตโฟนมีประโยชน์ ➡️ ข้อเสนอจะเข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์หน้า และอาจมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม ➡️ เคยมีกรณีคล้ายกันในจังหวัดคางาวะ ปี 2020 ที่จำกัดเวลาเล่นเกมของเด็ก ➡️ ผลสำรวจจาก Children and Families Agency พบว่าเยาวชนญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้หน้าจอมากเกินไปเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และปัญหาการนอนในวัยรุ่น ➡️ สมาร์ตโฟนมีผลต่อการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้ร่างกายเข้าใจผิดว่า “ยังไม่ถึงเวลานอน” ➡️ การจำกัดเวลาใช้หน้าจอช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนและสมาธิในการเรียน ➡️ หลายประเทศเริ่มรณรงค์ “Digital Detox” เพื่อให้ประชาชนพักจากหน้าจอ ➡️ การใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไปในเด็กเล็กอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางภาษาและสังคม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/japan-city-proposes-two-hour-daily-smartphone-limit
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Japan city proposes two-hour daily smartphone limit
    A Japanese city will urge all smartphone users to limit screen time to two hours a day outside work or school under a proposed ordinance that includes no penalties.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนกลับไปเมื่อ 80 ปี
    6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ ใส่ประเทศญี่ปุ่น

    https://rarehistoricalphotos.com/hiroshima-atomic-bombing-1945/?fbclid=IwY2xjawMAGTpleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFVQlgxZ3ZtVVZDZUxBUVdRAR65uBFuY8eemYjypZs2ZOdrHukZlFUScyVBe4QUfFKgkpM-Ue7CEEe0hp5tdg_aem_pZE_N51Lao_x1nLRtHYT-g
    .
    https://rarehistoricalphotos.com/the-fall-of-imperial-japan-in-pictures-1945/?fbclid=IwY2xjawMAGTdleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFVQlgxZ3ZtVVZDZUxBUVdRAR65uBFuY8eemYjypZs2ZOdrHukZlFUScyVBe4QUfFKgkpM-Ue7CEEe0hp5tdg_aem_pZE_N51Lao_x1nLRtHYT-g
    ย้อนกลับไปเมื่อ 80 ปี 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ ใส่ประเทศญี่ปุ่น https://rarehistoricalphotos.com/hiroshima-atomic-bombing-1945/?fbclid=IwY2xjawMAGTpleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFVQlgxZ3ZtVVZDZUxBUVdRAR65uBFuY8eemYjypZs2ZOdrHukZlFUScyVBe4QUfFKgkpM-Ue7CEEe0hp5tdg_aem_pZE_N51Lao_x1nLRtHYT-g . https://rarehistoricalphotos.com/the-fall-of-imperial-japan-in-pictures-1945/?fbclid=IwY2xjawMAGTdleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFVQlgxZ3ZtVVZDZUxBUVdRAR65uBFuY8eemYjypZs2ZOdrHukZlFUScyVBe4QUfFKgkpM-Ue7CEEe0hp5tdg_aem_pZE_N51Lao_x1nLRtHYT-g
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เมื่อ 80 ปีก่อน: เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เป็นวันที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ หรือที่มีเรียกว่า "ลิตเติลบอย" (Little Boy) ลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น

    ระเบิดลูกนี้มีปริมาณระเบิดเทียบเท่ากับทีเอ็นที 15,000 ตัน ทำลายเมืองและเผาผลาญเมืองไปประมาณ 70%
    หลังการทิ้งระเบิดเพียงไม่กี่เดือนในฮิโรชิมา ผู้คนล้มตายไปประมาณ 140,000 คน
    ราว 50% ของผู้ที่อยู่ภายในรัศมี 1.2 กิโลเมตรจากศูนย์กลางการระเบิดเสียชีวิตทันทีในวันนั้น โอกาสเสียชีวิตสูงถึง 80-100% หากอยู่ในรัสมีการระเบิด
    ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผู้เสียชีวิตตามมาอีกจำนวนมากในปีต่อๆ มา จากผลกระทบของการได้รับรังสี รวมถึงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็ง และโรคอื่นๆ
    วันนี้เมื่อ 80 ปีก่อน: เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เป็นวันที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ หรือที่มีเรียกว่า "ลิตเติลบอย" (Little Boy) ลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น 👉 ระเบิดลูกนี้มีปริมาณระเบิดเทียบเท่ากับทีเอ็นที 15,000 ตัน ทำลายเมืองและเผาผลาญเมืองไปประมาณ 70% 👉 หลังการทิ้งระเบิดเพียงไม่กี่เดือนในฮิโรชิมา ผู้คนล้มตายไปประมาณ 140,000 คน 👉 ราว 50% ของผู้ที่อยู่ภายในรัศมี 1.2 กิโลเมตรจากศูนย์กลางการระเบิดเสียชีวิตทันทีในวันนั้น โอกาสเสียชีวิตสูงถึง 80-100% หากอยู่ในรัสมีการระเบิด 👉 ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผู้เสียชีวิตตามมาอีกจำนวนมากในปีต่อๆ มา จากผลกระทบของการได้รับรังสี รวมถึงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็ง และโรคอื่นๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • วันนี้เมื่อ 80 ปีก่อน: เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เป็นวันที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ หรือที่มีเรียกว่า "ลิตเติลบอย" (Little Boy) ลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น

    ระเบิดลูกนี้มีปริมาณระเบิดเทียบเท่ากับทีเอ็นที 15,000 ตัน ทำลายเมืองและเผาผลาญเมืองไปประมาณ 70%

    หลังการทิ้งระเบิดเพียงไม่กี่เดือนในฮิโรชิมา ผู้คนล้มตายไปประมาณ 140,000 คน

    ราว 50% ของผู้ที่อยู่ภายในรัศมี 1.2 กิโลเมตรจากศูนย์กลางการระเบิดเสียชีวิตทันทีในวันนั้น โอกาสเสียชีวิตสูงถึง 80-100% หากอยู่ในรัสมีการระเบิด

    ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผู้เสียชีวิตตามมาอีกจำนวนมากในปีต่อๆ มา จากผลกระทบของการได้รับรังสี รวมถึงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็ง และโรคอื่นๆ
    วันนี้เมื่อ 80 ปีก่อน: เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เป็นวันที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ หรือที่มีเรียกว่า "ลิตเติลบอย" (Little Boy) ลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น 👉 ระเบิดลูกนี้มีปริมาณระเบิดเทียบเท่ากับทีเอ็นที 15,000 ตัน ทำลายเมืองและเผาผลาญเมืองไปประมาณ 70% 👉 หลังการทิ้งระเบิดเพียงไม่กี่เดือนในฮิโรชิมา ผู้คนล้มตายไปประมาณ 140,000 คน 👉 ราว 50% ของผู้ที่อยู่ภายในรัศมี 1.2 กิโลเมตรจากศูนย์กลางการระเบิดเสียชีวิตทันทีในวันนั้น โอกาสเสียชีวิตสูงถึง 80-100% หากอยู่ในรัสมีการระเบิด 👉 ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผู้เสียชีวิตตามมาอีกจำนวนมากในปีต่อๆ มา จากผลกระทบของการได้รับรังสี รวมถึงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็ง และโรคอื่นๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สกู๊ตเปิดเส้นทางใหม่ สิงคโปร์-โกตาบารู

    สกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัดในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ด้วยเครื่องบิน Embraer E190-E2 สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ทุกวันศุกร์และวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่ ขาไป เที่ยวบินที่ TR460 ออกจากสิงคโปร์ 20.40 น. ถึงโกตาบารู 21.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที และขากลับ TR461 ออกจากโกตาบารู 22.30 น. ถึงสิงคโปร์ 23.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 25 นาที

    โกตาบารู เมืองหลวงของรัฐกลันตัน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย มีท่าอากาศยานสุลต่านอิสมาอิล เปตรา (KBR) ห่างจากด่านเป็งกาลันกูโบ ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 37 กิโลเมตร และด่านรันเตาปันจัน ตรงข้าม อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส 50 กิโลเมตร เปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่เมื่อ 1 พ.ค. 2567 มีเที่ยวบินให้บริการวันละกว่า 30 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี กำลังขยายอาคารผู้โดยสารและรันเวย์เพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 4 ล้านคนต่อปี

    ก่อนหน้านี้สกู๊ตเคยเปิดเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู เมื่อปี 2562 ด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ได้ยกเลิกไป การเปิดเส้นทางบินใหม่ดังกล่าว จะทำให้สกู๊ตมีเที่ยวบินรวมกัน 115 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยัง 12 เมืองในมาเลเซีย

    นอกจากนี้ สกู๊ตเตรียมเปิดเส้นทางสิงคโปร์-ดานัง และสิงคโปร์-ญาจาง ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานชางงีมีเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมกว่า 170 เมือง อีกทั้งสกู๊ตมีแผนเปิดเส้นทางใหม่ไปยังเมดาน ลาบวน ประเทศอินโดนีเซีย และโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางไปยังคลาร์ก ดาเวา มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หาดใหญ่ ประเทศไทย และเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรองรับความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น

    สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ปัจจุบันมีท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีเที่ยวบินไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยสายการบินสกู๊ตเป็นประจำทุกวัน 1 เที่ยวบิน และมีไฟล์ตดึกทุกวันจันทร์ ศุกร์ และอาทิตย์ อีก 1 เที่ยวบิน จึงเป็นไปได้ว่าสกู๊ตต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองโกตาบารู ชมสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม และหมู่เกาะเปอร์เฮนเทียน (Pulau Perhentian) แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและดำน้ำยอดนิยมในรัฐตรังกานูมากกว่า ซึ่งจากสนามบินโกตาบารู เดินทางด้วยรถยนต์ไปอีก 60 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือกัวลาบูซุต (Kuala Besut) แล้วต่อด้วยเรือเฟอร์รี่เพื่อไปยังเกาะดังกล่าว

    #Newskit
    สกู๊ตเปิดเส้นทางใหม่ สิงคโปร์-โกตาบารู สกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัดในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ด้วยเครื่องบิน Embraer E190-E2 สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ทุกวันศุกร์และวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่ ขาไป เที่ยวบินที่ TR460 ออกจากสิงคโปร์ 20.40 น. ถึงโกตาบารู 21.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที และขากลับ TR461 ออกจากโกตาบารู 22.30 น. ถึงสิงคโปร์ 23.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 25 นาที โกตาบารู เมืองหลวงของรัฐกลันตัน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย มีท่าอากาศยานสุลต่านอิสมาอิล เปตรา (KBR) ห่างจากด่านเป็งกาลันกูโบ ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 37 กิโลเมตร และด่านรันเตาปันจัน ตรงข้าม อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส 50 กิโลเมตร เปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่เมื่อ 1 พ.ค. 2567 มีเที่ยวบินให้บริการวันละกว่า 30 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี กำลังขยายอาคารผู้โดยสารและรันเวย์เพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 4 ล้านคนต่อปี ก่อนหน้านี้สกู๊ตเคยเปิดเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู เมื่อปี 2562 ด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ได้ยกเลิกไป การเปิดเส้นทางบินใหม่ดังกล่าว จะทำให้สกู๊ตมีเที่ยวบินรวมกัน 115 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยัง 12 เมืองในมาเลเซีย นอกจากนี้ สกู๊ตเตรียมเปิดเส้นทางสิงคโปร์-ดานัง และสิงคโปร์-ญาจาง ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานชางงีมีเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมกว่า 170 เมือง อีกทั้งสกู๊ตมีแผนเปิดเส้นทางใหม่ไปยังเมดาน ลาบวน ประเทศอินโดนีเซีย และโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางไปยังคลาร์ก ดาเวา มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หาดใหญ่ ประเทศไทย และเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรองรับความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ปัจจุบันมีท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีเที่ยวบินไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยสายการบินสกู๊ตเป็นประจำทุกวัน 1 เที่ยวบิน และมีไฟล์ตดึกทุกวันจันทร์ ศุกร์ และอาทิตย์ อีก 1 เที่ยวบิน จึงเป็นไปได้ว่าสกู๊ตต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองโกตาบารู ชมสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม และหมู่เกาะเปอร์เฮนเทียน (Pulau Perhentian) แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและดำน้ำยอดนิยมในรัฐตรังกานูมากกว่า ซึ่งจากสนามบินโกตาบารู เดินทางด้วยรถยนต์ไปอีก 60 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือกัวลาบูซุต (Kuala Besut) แล้วต่อด้วยเรือเฟอร์รี่เพื่อไปยังเกาะดังกล่าว #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 651 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนกรุงฯ รอลุ้น นั่งรถไฟคิฮะติดแอร์

    เฟซบุ๊ก "ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย" ได้เผยแพร่ภาพประชาสัมพันธ์ "รฟท. ยกระดับการเดินทางชานเมือง เตรียมเปิดให้บริการขบวน KIHA 40/48 ปรับอากาศ เสริมความสะดวก ปลอดภัย เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ -ปริมณฑล อย่างไร้รอยต่อ" โดยระบุว่า ขบวนรถไฟญี่ปุ่น KIHA 40 และ KIHA 48 รถดีเซลรางปรับอากาศ ดำเนินการทดสอบและปรับปรุง พร้อมให้บริการปลายปีนี้ พร้อมระบุคุณสมบัติ อาทิ เบาะนั่งสบาย มีทั้งแบบนั่งยาวและนั่งขวาง ห้องน้ำสะอาดตามมาตรฐาน ตู้โดยสารปรับอากาศ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพ-ปริมณฑล รวดเร็วไร้รอยต่อ ตอบโจทย์การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ประหยัด สะดวก และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง

    สำหรับขบวนรถคิฮะ 40 จำนวน 9 คัน และคิฮะ 48 จำนวน 11 คัน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยประจำการที่ศูนย์ Minami Akita เมื่อปี 2520 เพื่อใช้งานในสาย Gono และ สาย Oga ก่อนถูกปลดระวางในเดือน มี.ค. 2564 โดยมีการส่งมอบเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2567 และได้ออกเดินทางสู่ประเทศไทยโดยขนส่งทางเรือเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 ก่อนนำรถต้นแบบปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร ให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย จากนั้นปรับปรุงสภาพตามมาตรฐานของการรถไฟฯ โดยเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    เมื่อเร็วๆ นี้ได้นำขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่นคิฮะ 40 และคิฮะ 48 ที่ผ่านการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วมาทดสอบ จำนวน 2 คัน เส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนี้จะปรับปรุงสีภายนอกและห้องสุขาเพิ่มเติม ก่อนที่จะนำออกให้บริการแก่ประชาชนในช่วงปลายปี 2568 จำนวน 6 คัน และจะทยอยปรับปรุงจนครบทั้ง 20 คันต่อไป รฟท. มีแผนจะนำขบวนรถคิฮะ 40 และคิฮะ 48 มาให้บริการในเส้นทางชานเมือง (FEEDER) ไปยังปลายทางสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา สถานีอยุธยา และสถานีนครปฐม เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เป็นต้น

    เหตุที่ไม่สามารถนำขบวนรถคิฮะมาให้บริการในต่างจังหวัด มีการพูดกันในกลุ่มคนรักรถไฟว่า เนื่องจากเป็นรถได้รับบริจาคจากญี่ปุ่น ซึ่งเลิกผลิตไปแล้ว ไม่มีอะไหล่ จำเป็นต้องได้รับการดูแลและซ่อมบำรุงจากโรงงานรถไฟมักกะสันอย่างใกล้ชิด อาจต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติสั่งซื้อรถดีเซลรางปรับอากาศ พร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150 ล้านบาท หรือรอปรับโฉมรถโดยสารชั้น 3 จากระบบพัดลมเป็นปรับอากาศ จำนวน 40 คันในปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 295.60 ล้านบาท

    #Newskit
    คนกรุงฯ รอลุ้น นั่งรถไฟคิฮะติดแอร์ เฟซบุ๊ก "ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย" ได้เผยแพร่ภาพประชาสัมพันธ์ "รฟท. ยกระดับการเดินทางชานเมือง เตรียมเปิดให้บริการขบวน KIHA 40/48 ปรับอากาศ เสริมความสะดวก ปลอดภัย เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ -ปริมณฑล อย่างไร้รอยต่อ" โดยระบุว่า ขบวนรถไฟญี่ปุ่น KIHA 40 และ KIHA 48 รถดีเซลรางปรับอากาศ ดำเนินการทดสอบและปรับปรุง พร้อมให้บริการปลายปีนี้ พร้อมระบุคุณสมบัติ อาทิ เบาะนั่งสบาย มีทั้งแบบนั่งยาวและนั่งขวาง ห้องน้ำสะอาดตามมาตรฐาน ตู้โดยสารปรับอากาศ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพ-ปริมณฑล รวดเร็วไร้รอยต่อ ตอบโจทย์การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ประหยัด สะดวก และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง สำหรับขบวนรถคิฮะ 40 จำนวน 9 คัน และคิฮะ 48 จำนวน 11 คัน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยประจำการที่ศูนย์ Minami Akita เมื่อปี 2520 เพื่อใช้งานในสาย Gono และ สาย Oga ก่อนถูกปลดระวางในเดือน มี.ค. 2564 โดยมีการส่งมอบเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2567 และได้ออกเดินทางสู่ประเทศไทยโดยขนส่งทางเรือเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 ก่อนนำรถต้นแบบปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร ให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย จากนั้นปรับปรุงสภาพตามมาตรฐานของการรถไฟฯ โดยเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเร็วๆ นี้ได้นำขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่นคิฮะ 40 และคิฮะ 48 ที่ผ่านการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วมาทดสอบ จำนวน 2 คัน เส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนี้จะปรับปรุงสีภายนอกและห้องสุขาเพิ่มเติม ก่อนที่จะนำออกให้บริการแก่ประชาชนในช่วงปลายปี 2568 จำนวน 6 คัน และจะทยอยปรับปรุงจนครบทั้ง 20 คันต่อไป รฟท. มีแผนจะนำขบวนรถคิฮะ 40 และคิฮะ 48 มาให้บริการในเส้นทางชานเมือง (FEEDER) ไปยังปลายทางสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา สถานีอยุธยา และสถานีนครปฐม เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เป็นต้น เหตุที่ไม่สามารถนำขบวนรถคิฮะมาให้บริการในต่างจังหวัด มีการพูดกันในกลุ่มคนรักรถไฟว่า เนื่องจากเป็นรถได้รับบริจาคจากญี่ปุ่น ซึ่งเลิกผลิตไปแล้ว ไม่มีอะไหล่ จำเป็นต้องได้รับการดูแลและซ่อมบำรุงจากโรงงานรถไฟมักกะสันอย่างใกล้ชิด อาจต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติสั่งซื้อรถดีเซลรางปรับอากาศ พร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150 ล้านบาท หรือรอปรับโฉมรถโดยสารชั้น 3 จากระบบพัดลมเป็นปรับอากาศ จำนวน 40 คันในปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 295.60 ล้านบาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.122 : วิกฤตญี่ปุ่นข้าวแพง กินข้าวไทยแทนได้ไหม ?
    .
    ตอนนี้ในประเทศญี่ปุ่น กำลังเผชิญปัญหา “ข้าวสารแพง” ครับ โดยตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ราคาข้าวในญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงกว่า 2 เท่าตัวเลยทีเดียว ทั้งนี้ ข้าวสารบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม ที่ขายกันในซูเปอร์มาเก็ตของญี่ปุ่น ที่ผ่านมาขายกันอยู่ที่ราว ๆ 2,000 เยน หรือประมาณ 450 บาท ... แต่ตอนนี้ ราคาพุ่งสูงไปเป็นกว่า 5,000 เยน หรือกว่า 1,100 บาท ...
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=4DF4ii0zJUs
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #วิกฤตญี่ปุ่นข้าวแพง #ข้าวญี่ปุ่น #ข้าวไทย
    บูรพาไม่แพ้ Ep.122 : วิกฤตญี่ปุ่นข้าวแพง กินข้าวไทยแทนได้ไหม ? . ตอนนี้ในประเทศญี่ปุ่น กำลังเผชิญปัญหา “ข้าวสารแพง” ครับ โดยตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ราคาข้าวในญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงกว่า 2 เท่าตัวเลยทีเดียว ทั้งนี้ ข้าวสารบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม ที่ขายกันในซูเปอร์มาเก็ตของญี่ปุ่น ที่ผ่านมาขายกันอยู่ที่ราว ๆ 2,000 เยน หรือประมาณ 450 บาท ... แต่ตอนนี้ ราคาพุ่งสูงไปเป็นกว่า 5,000 เยน หรือกว่า 1,100 บาท ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=4DF4ii0zJUs . #บูรพาไม่แพ้ #วิกฤตญี่ปุ่นข้าวแพง #ข้าวญี่ปุ่น #ข้าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีต CEO ของ Google Eric Schmidt กำลังผลักดันแนวคิด ศูนย์ข้อมูลในอวกาศ ผ่านบริษัท Relativity Space ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านการปล่อยจรวด โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากศูนย์ข้อมูลบนโลก

    Schmidt เตือนว่า การเติบโตของ AI อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานมากขึ้น โดยอาจเพิ่มจาก 3% เป็น 99% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก ในอนาคต เขาจึงเสนอให้ สร้างศูนย์ข้อมูลในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้ พลังงานแสงอาทิตย์และระบบระบายความร้อนด้วยสุญญากาศ

    Eric Schmidt เสนอแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ
    - ใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ และ ระบบระบายความร้อนด้วยสุญญากาศ
    - ช่วยลด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากศูนย์ข้อมูลบนโลก

    การเติบโตของ AI อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานมากขึ้น
    - อาจเพิ่มจาก 3% เป็น 99% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก
    - ศูนย์ข้อมูล AI อาจต้องใช้พลังงานเทียบเท่า 10 เท่าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

    Relativity Space กำลังพัฒนา Terran R เพื่อปล่อยศูนย์ข้อมูลขึ้นสู่อวกาศ
    - เป็นจรวด รีไซเคิลได้ ที่สามารถบรรทุกน้ำหนัก 30 ตัน
    - แข่งขันกับ SpaceX Falcon 9 และ Blue Origin New Glenn

    รายงานของ IEA คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ศูนย์ข้อมูลจะใช้ไฟฟ้าเท่ากับการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศญี่ปุ่น
    - แสดงให้เห็นถึง ความจำเป็นในการหาทางออกด้านพลังงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/could-there-soon-be-data-centres-in-space
    อดีต CEO ของ Google Eric Schmidt กำลังผลักดันแนวคิด ศูนย์ข้อมูลในอวกาศ ผ่านบริษัท Relativity Space ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านการปล่อยจรวด โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากศูนย์ข้อมูลบนโลก Schmidt เตือนว่า การเติบโตของ AI อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานมากขึ้น โดยอาจเพิ่มจาก 3% เป็น 99% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก ในอนาคต เขาจึงเสนอให้ สร้างศูนย์ข้อมูลในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้ พลังงานแสงอาทิตย์และระบบระบายความร้อนด้วยสุญญากาศ ✅ Eric Schmidt เสนอแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ - ใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ และ ระบบระบายความร้อนด้วยสุญญากาศ - ช่วยลด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากศูนย์ข้อมูลบนโลก ✅ การเติบโตของ AI อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานมากขึ้น - อาจเพิ่มจาก 3% เป็น 99% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก - ศูนย์ข้อมูล AI อาจต้องใช้พลังงานเทียบเท่า 10 เท่าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ✅ Relativity Space กำลังพัฒนา Terran R เพื่อปล่อยศูนย์ข้อมูลขึ้นสู่อวกาศ - เป็นจรวด รีไซเคิลได้ ที่สามารถบรรทุกน้ำหนัก 30 ตัน - แข่งขันกับ SpaceX Falcon 9 และ Blue Origin New Glenn ✅ รายงานของ IEA คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ศูนย์ข้อมูลจะใช้ไฟฟ้าเท่ากับการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศญี่ปุ่น - แสดงให้เห็นถึง ความจำเป็นในการหาทางออกด้านพลังงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/could-there-soon-be-data-centres-in-space
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Could there soon be data centres in space?
    Former Google CEO Eric Schmidt recently took the helm of Relativity Space, a startup specialising in space launchers. His ambition is to one day place data centres directly into orbit, powered by solar energy, with the aim of alleviating their environmental footprint on Earth.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ruby เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมแบบไดนามิกและโอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อให้การเขียนโค้ดเป็นเรื่องที่ทรงพลังและสนุกสนาน ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงกลางปี 1990 โดย Yukihiro “Matz” Matsumoto ในประเทศญี่ปุ่น โดย Ruby ได้รับแรงบันดาลใจจากภาษาโปรแกรมที่เขาชื่นชอบ เช่น Perl, Smalltalk, Eiffel, Ada และ Lisp

    Ruby มีจุดเด่นที่สำคัญคือการเป็นภาษาเชิงวัตถุ (Object-Oriented) ที่ทุกอย่างในภาษาเป็นวัตถุ รวมถึงตัวเลขและข้อความ ทำให้โค้ดมีความยืดหยุ่นและอ่านง่าย นอกจากนี้ Ruby ยังมีชุมชนผู้ใช้งานที่เข้มแข็งและทรัพยากรที่หลากหลาย เช่น RubyGems ซึ่งเป็นตัวจัดการแพ็กเกจที่ช่วยเพิ่มความสามารถของภาษา

    ในปี 2025 Ruby ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการอัปเดตที่สำคัญ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ การปรับปรุงความปลอดภัย และการรองรับ Unicode รุ่นใหม่

    คุณสมบัติของ Ruby
    - เป็นภาษาเชิงวัตถุที่ทุกอย่างเป็นวัตถุ
    - มีไวยากรณ์ที่อ่านง่ายและเป็นธรรมชาติ

    การใช้งานและความนิยม
    - ใช้ในงานพัฒนาเว็บ เช่น Ruby on Rails
    - ใช้ในงานอัตโนมัติ การประมวลผลข้อมูล และ DevOps

    การพัฒนาในปี 2025
    - Ruby 3.5.0-preview1 เพิ่มการรองรับ Unicode 15.1.0 และปรับปรุงประสิทธิภาพ
    - Ruby 3.4.3 และ 3.3.8 แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    ชุมชนและทรัพยากร
    - ชุมชนผู้ใช้งานที่เข้มแข็งและทรัพยากรฟรี เช่น Ruby Weekly และ GoRails

    https://computercity.com/software/ruby-computer-language-explained
    Ruby เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมแบบไดนามิกและโอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อให้การเขียนโค้ดเป็นเรื่องที่ทรงพลังและสนุกสนาน ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงกลางปี 1990 โดย Yukihiro “Matz” Matsumoto ในประเทศญี่ปุ่น โดย Ruby ได้รับแรงบันดาลใจจากภาษาโปรแกรมที่เขาชื่นชอบ เช่น Perl, Smalltalk, Eiffel, Ada และ Lisp Ruby มีจุดเด่นที่สำคัญคือการเป็นภาษาเชิงวัตถุ (Object-Oriented) ที่ทุกอย่างในภาษาเป็นวัตถุ รวมถึงตัวเลขและข้อความ ทำให้โค้ดมีความยืดหยุ่นและอ่านง่าย นอกจากนี้ Ruby ยังมีชุมชนผู้ใช้งานที่เข้มแข็งและทรัพยากรที่หลากหลาย เช่น RubyGems ซึ่งเป็นตัวจัดการแพ็กเกจที่ช่วยเพิ่มความสามารถของภาษา ในปี 2025 Ruby ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการอัปเดตที่สำคัญ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ การปรับปรุงความปลอดภัย และการรองรับ Unicode รุ่นใหม่ ✅ คุณสมบัติของ Ruby - เป็นภาษาเชิงวัตถุที่ทุกอย่างเป็นวัตถุ - มีไวยากรณ์ที่อ่านง่ายและเป็นธรรมชาติ ✅ การใช้งานและความนิยม - ใช้ในงานพัฒนาเว็บ เช่น Ruby on Rails - ใช้ในงานอัตโนมัติ การประมวลผลข้อมูล และ DevOps ✅ การพัฒนาในปี 2025 - Ruby 3.5.0-preview1 เพิ่มการรองรับ Unicode 15.1.0 และปรับปรุงประสิทธิภาพ - Ruby 3.4.3 และ 3.3.8 แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ✅ ชุมชนและทรัพยากร - ชุมชนผู้ใช้งานที่เข้มแข็งและทรัพยากรฟรี เช่น Ruby Weekly และ GoRails https://computercity.com/software/ruby-computer-language-explained
    COMPUTERCITY.COM
    Ruby Computer Language Explained
    Ruby is a dynamic, open-source programming language that’s designed to make coding not just powerful, but joyful. Created by Yukihiro "Matz" Matsumoto in
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTok กำลังเตรียมเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศญี่ปุ่น โดยมีแผนเปิดตัว TikTok Shop ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บริษัทกำลังเริ่มกระบวนการรับสมัครผู้ขายเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย

    การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นของ TikTok เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ โดยใช้ความนิยมของแพลตฟอร์มในหมู่ผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นเป็นฐานสำคัญ

    การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ
    - TikTok เตรียมเปิดตัว TikTok Shop ในญี่ปุ่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
    - บริษัทเริ่มรับสมัครผู้ขายเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์ม

    เป้าหมายของ TikTok
    - ขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย
    - สร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์

    ความนิยมของแพลตฟอร์มในญี่ปุ่น
    - ใช้ฐานผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายธุรกิจ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/tiktok-to-enter-japan-e-commerce-nikkei-reports
    TikTok กำลังเตรียมเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศญี่ปุ่น โดยมีแผนเปิดตัว TikTok Shop ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บริษัทกำลังเริ่มกระบวนการรับสมัครผู้ขายเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นของ TikTok เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ โดยใช้ความนิยมของแพลตฟอร์มในหมู่ผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นเป็นฐานสำคัญ ✅ การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ - TikTok เตรียมเปิดตัว TikTok Shop ในญี่ปุ่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า - บริษัทเริ่มรับสมัครผู้ขายเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์ม ✅ เป้าหมายของ TikTok - ขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย - สร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ ✅ ความนิยมของแพลตฟอร์มในญี่ปุ่น - ใช้ฐานผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายธุรกิจ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/tiktok-to-enter-japan-e-commerce-nikkei-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    TikTok to enter Japan e-commerce, Nikkei reports
    (Reuters) -Chinese social media platform TikTok will enter the online shopping industry in Japan within the next few months, Nikkei reported on Sunday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1251 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thailand Pavilion โปร่งใสทุกขั้นตอน งานโชว์เปลี่ยนทุกเดือน
    .
    หนึ่งในประเด็นดราม่าที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันขณะนี้ คือ การมีหลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงการจัดทำนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo 2025 Osaka, Kansai ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ไม่สมศักดิ์ศรีกับงบประมาณที่ใช้เกือบ 900 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการเปิดประเด็นถึงกระบวนการใช้จ่ายงบประมาณด้วย ส่งผลให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่รับผิดชอบในการจัดทำนิทรรศการต้องออกมาอธิบายเพื่อให้สังคมเข้าใจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000037523

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Thailand Pavilion โปร่งใสทุกขั้นตอน งานโชว์เปลี่ยนทุกเดือน . หนึ่งในประเด็นดราม่าที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันขณะนี้ คือ การมีหลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงการจัดทำนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo 2025 Osaka, Kansai ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ไม่สมศักดิ์ศรีกับงบประมาณที่ใช้เกือบ 900 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการเปิดประเด็นถึงกระบวนการใช้จ่ายงบประมาณด้วย ส่งผลให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่รับผิดชอบในการจัดทำนิทรรศการต้องออกมาอธิบายเพื่อให้สังคมเข้าใจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000037523 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 711 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาจเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับชาวต่างชาติ

    หากมองในอีกมุม ประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำมาก และมีถนนสะอาดมาก แม้แต่ผู้หญิงเมายังนอนหลับได้อย่างสบายบนท้องถนน
    อาจเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับชาวต่างชาติ หากมองในอีกมุม ประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำมาก และมีถนนสะอาดมาก แม้แต่ผู้หญิงเมายังนอนหลับได้อย่างสบายบนท้องถนน
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 25 0 รีวิว
Pages Boosts