• 3ปราชญ์ผู้รักชาติ ขวางจักรภพ-ประศาสน์ กมธ.MOU43 (23/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #MOU43
    #จักรภพ
    #ประศาสน์
    #การเมืองไทย
    3ปราชญ์ผู้รักชาติ ขวางจักรภพ-ประศาสน์ กมธ.MOU43 (23/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #MOU43 #จักรภพ #ประศาสน์ #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 0 Reviews
  • 'กมธ.พิจารณา MOU43-44' เคาะชื่อ 'ไชยชนก' เป็นประธาน กมธ. หลังมีผู้เสนอ 'ทูตประศาสน์' เข้าชิง แต่ขอถอนตัว ยันทำหน้าที่เป็นกลาง แม้มีความเห็นต่าง แต่จะหาทางออกที่ดีที่สุด ขณะ 'จักรภพ-สฤษฎ์พงษ์-ศุภโชติ' รั้งรองประธาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086728

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    'กมธ.พิจารณา MOU43-44' เคาะชื่อ 'ไชยชนก' เป็นประธาน กมธ. หลังมีผู้เสนอ 'ทูตประศาสน์' เข้าชิง แต่ขอถอนตัว ยันทำหน้าที่เป็นกลาง แม้มีความเห็นต่าง แต่จะหาทางออกที่ดีที่สุด ขณะ 'จักรภพ-สฤษฎ์พงษ์-ศุภโชติ' รั้งรองประธาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086728 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้:


    ---

    ช่วงการลงนาม TOR 2003

    18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003)

    นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ:
    นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย

    ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย:
    นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น)



    ---

    ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี

    เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003



    ---

    JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554)

    นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

    รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์

    ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
    นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ)

    JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)
    นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน
    จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง

    ---

    JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด
    นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
    รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี)

    ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
    นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ


    สรุป:
    ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ”
    โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI
    ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร)


    --พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย:


    ---

    วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา

    1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ


    2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto


    3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม”


    4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ




    ---

    สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”:

    ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย

    1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000
    2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN
    3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม”
    4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง
    5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน



    ---

    ความเสี่ยง:

    หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ
    → จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว”

    หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล

    เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก


    TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้: --- 📌 ช่วงการลงนาม TOR 2003 📅 18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 🕴️ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ: นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย 📌 ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย: นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น) --- 📌 ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี 🧾 เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003 --- 📌 JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์ 🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย: นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ) 📌 JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง --- 📌 JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี) 🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย: นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ 📍 สรุป: ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ” โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร) --พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย: --- ✅ วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา 1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ 2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto 3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม” 4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ --- 📌 สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”: ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย 1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000 2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN 3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม” 4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง 5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน --- 🚨 ความเสี่ยง: หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ → จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว” หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก
    0 Comments 0 Shares 587 Views 0 Reviews
  • ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ

    กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

    การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก

    สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา

    ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด

    "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์"

    #Newskit
    ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์" #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 529 Views 0 Reviews
  • อบจ.โคราช ปัดฝุ่นแปลนก่อสร้าง สนง.แห่งใหม่
    หลัง สภาฯ ไฟเขียว กู้เงิน “ก.ส.อ.”

    สภา อบจ.โคราช ไฟเขียวยกมือผ่านญัตติเห็นชอบ ให้กู้เงินสร้าง สนง.อบจ.แห่งใหม่ หลังพบว่าอาคารหลังเก่าทรุดโทรม เนื่องจากใช้งานมาเป็นระยะเวลานานร่วม 30 ปี ด้าน “ดร.ยลดาฯ” เผย เมื่อเข้ามาเป็นนายก อบจ. ได้พยายามผลักดันที่จะสร้าง สนง.แห่งใหม่ เพราะเห็นถึงปัญหาและอุปสรรคด้านอาคารสถานที่ ที่คับแคบไม่เพียงพอ ต้องเช่าอาคารสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ค่าเช่าในแต่ละปีมีมูลค่าสูง การติดต่อประสานงานในเรื่องเอกสารล่าช้า อีกทั้งเวลาจัดประชุมสภา อบจ. แต่ละครั้ง ต้องเช่าสถานที่ภายนอกซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากเช่นกัน เชื่อว่า หากได้สำนักงานแห่งใหม่ ทุกส่วนราชการก็จะรวมอยู่ที่เดียวกัน ส่งผลให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ในเรื่องการประสานงาน รวมถึงการให้บริการพี่น้องประชาชน ก็จะสะดวกและรวดเร็วตามมาด้วย
    .
    วันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมแกรนดด์ บอลรูม โรงแรมฟอร์จูน โคราช สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) นครราชสีมา จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2568 โดยฝ่ายสภาประกอบด้วย นายเลิศชัย ธนประศาสน์ ประธานสภา อบจ. พร้อมรองประธานสภา เลขานุการสภา, ฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. พร้อมรองนายก และสมาชิกสภา อบจ. 40 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 48 คน นอกจากนี้ ยังมีหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
    .
    ในระเบียบวาระการประชุมที่ 3 เป็นวาระที่สมาชิกสภาฯ ให้ความสนใจลุกขึ้นอภิปรายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็น ญัตติเรื่องขอความเห็นชอบกู้เงินทุนส่งเสริมกิจการ อบจ. (ก.ส.อ.) ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ก่อนที่จะมีมติเห็นชอบ 36 คน และงดออกเสียง 4 คน ให้ฝ่ายบริหารกู้เงิน ก.ส.อ. เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคาร สนง. แห่งใหม่ ให้เป็นศูนย์กลางการบริหารงานที่มีความเหมาะสม ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ
    .
    นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังการลงมติจากที่ประชุมว่า ขอขอบคุณสภา อบจ.นครราชสีมา อันทรงเกียรติแห่งนี้ ที่ได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อบจ. นครราชสีมา แห่งใหม่ เนื่องจากอาคารสำนักงาน ณ ปัจจุบันที่ตั้งอยู่บริเวณริมคูเมืองเก่า สภาพแออัด ชำรุดทรุดโทรม คับแคบ พื้นที่ใช้สอยน้อย พื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าเช่าสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ฉะนั้นหากเราสร้าง สนง.แห่งใหม่ จะเป็นการรวมศูนย์ราชการในสังกัดฯ ไว้ที่เดียวกันก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่าเช่าสถานที่ และอำนวยความสะดวกด้านการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    อาคารสำนักงาน อบจ.นครราชสีมา แห่งใหม่ ก่อสร้างบนที่ดินสาธารณประโยชน์ บ.เดื่อ หมู่ที่ 8 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 289 ไร่ 3 งาน 65.3 ตรว. โดย อบจ. ได้ใช้ที่ดินตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 46 ไร่ 99 ตรว. แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 อาคารสำนักงาน คสล. 9 ชั้น และอาคารประกอบอื่น งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 985,130,000 บาท ระยะที่ 2 อาคารที่จอดรถ คสล. 5 ชั้น งบประมาณ 149,870,000 บาท (ค่อยดำเนินการทีหลัง) ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างจะดำเนินงานตามแผน 4 ปี (2569 – 2572) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในอนาคต”
    อบจ.โคราช ปัดฝุ่นแปลนก่อสร้าง สนง.แห่งใหม่ หลัง สภาฯ ไฟเขียว กู้เงิน “ก.ส.อ.” สภา อบจ.โคราช ไฟเขียวยกมือผ่านญัตติเห็นชอบ ให้กู้เงินสร้าง สนง.อบจ.แห่งใหม่ หลังพบว่าอาคารหลังเก่าทรุดโทรม เนื่องจากใช้งานมาเป็นระยะเวลานานร่วม 30 ปี ด้าน “ดร.ยลดาฯ” เผย เมื่อเข้ามาเป็นนายก อบจ. ได้พยายามผลักดันที่จะสร้าง สนง.แห่งใหม่ เพราะเห็นถึงปัญหาและอุปสรรคด้านอาคารสถานที่ ที่คับแคบไม่เพียงพอ ต้องเช่าอาคารสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ค่าเช่าในแต่ละปีมีมูลค่าสูง การติดต่อประสานงานในเรื่องเอกสารล่าช้า อีกทั้งเวลาจัดประชุมสภา อบจ. แต่ละครั้ง ต้องเช่าสถานที่ภายนอกซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากเช่นกัน เชื่อว่า หากได้สำนักงานแห่งใหม่ ทุกส่วนราชการก็จะรวมอยู่ที่เดียวกัน ส่งผลให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ในเรื่องการประสานงาน รวมถึงการให้บริการพี่น้องประชาชน ก็จะสะดวกและรวดเร็วตามมาด้วย . วันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมแกรนดด์ บอลรูม โรงแรมฟอร์จูน โคราช สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) นครราชสีมา จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2568 โดยฝ่ายสภาประกอบด้วย นายเลิศชัย ธนประศาสน์ ประธานสภา อบจ. พร้อมรองประธานสภา เลขานุการสภา, ฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. พร้อมรองนายก และสมาชิกสภา อบจ. 40 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 48 คน นอกจากนี้ ยังมีหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม . ในระเบียบวาระการประชุมที่ 3 เป็นวาระที่สมาชิกสภาฯ ให้ความสนใจลุกขึ้นอภิปรายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็น ญัตติเรื่องขอความเห็นชอบกู้เงินทุนส่งเสริมกิจการ อบจ. (ก.ส.อ.) ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ก่อนที่จะมีมติเห็นชอบ 36 คน และงดออกเสียง 4 คน ให้ฝ่ายบริหารกู้เงิน ก.ส.อ. เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคาร สนง. แห่งใหม่ ให้เป็นศูนย์กลางการบริหารงานที่มีความเหมาะสม ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ . นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังการลงมติจากที่ประชุมว่า ขอขอบคุณสภา อบจ.นครราชสีมา อันทรงเกียรติแห่งนี้ ที่ได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อบจ. นครราชสีมา แห่งใหม่ เนื่องจากอาคารสำนักงาน ณ ปัจจุบันที่ตั้งอยู่บริเวณริมคูเมืองเก่า สภาพแออัด ชำรุดทรุดโทรม คับแคบ พื้นที่ใช้สอยน้อย พื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าเช่าสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ฉะนั้นหากเราสร้าง สนง.แห่งใหม่ จะเป็นการรวมศูนย์ราชการในสังกัดฯ ไว้ที่เดียวกันก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่าเช่าสถานที่ และอำนวยความสะดวกด้านการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ . อาคารสำนักงาน อบจ.นครราชสีมา แห่งใหม่ ก่อสร้างบนที่ดินสาธารณประโยชน์ บ.เดื่อ หมู่ที่ 8 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 289 ไร่ 3 งาน 65.3 ตรว. โดย อบจ. ได้ใช้ที่ดินตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 46 ไร่ 99 ตรว. แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 อาคารสำนักงาน คสล. 9 ชั้น และอาคารประกอบอื่น งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 985,130,000 บาท ระยะที่ 2 อาคารที่จอดรถ คสล. 5 ชั้น งบประมาณ 149,870,000 บาท (ค่อยดำเนินการทีหลัง) ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างจะดำเนินงานตามแผน 4 ปี (2569 – 2572) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในอนาคต”
    0 Comments 0 Shares 581 Views 0 Reviews
  • “ประศาสน์” ยันคุยปมเขตแดนไทย-กัมพูชาในเวที JBC ที่พนมเปญ ไม่เกี่ยวเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 200,000 หรือ 1 ต่อ 50,000 แต่เป็นเรื่องแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศที่ทำร่วมกันขึ้นมาใหม่ ยันคุยกันครั้งนี้ราบรื่นที่สุดแล้ว ส่วนที่เขมรแถลงคลาดเคลื่อนเป็นหน้าที่โฆษกต้องเคลียร์ ตนทำเรื่องเทคนิคล้วนๆ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000056644

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ประศาสน์” ยันคุยปมเขตแดนไทย-กัมพูชาในเวที JBC ที่พนมเปญ ไม่เกี่ยวเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 200,000 หรือ 1 ต่อ 50,000 แต่เป็นเรื่องแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศที่ทำร่วมกันขึ้นมาใหม่ ยันคุยกันครั้งนี้ราบรื่นที่สุดแล้ว ส่วนที่เขมรแถลงคลาดเคลื่อนเป็นหน้าที่โฆษกต้องเคลียร์ ตนทำเรื่องเทคนิคล้วนๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000056644 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    Like
    5
    2 Comments 0 Shares 543 Views 0 Reviews
  • “ประศาสน์” ปัดเห็นชอบแผนที่ 1:200,000 ชี้ประชุม JBC ถือว่าประสบความสำเร็จในแง่ของด้านเทคนิคและการประนีประนอม
    https://www.thai-tai.tv/news/19461/
    “ประศาสน์” ปัดเห็นชอบแผนที่ 1:200,000 ชี้ประชุม JBC ถือว่าประสบความสำเร็จในแง่ของด้านเทคนิคและการประนีประนอม https://www.thai-tai.tv/news/19461/
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • ## เขมรเดินเกมยึดแผ่นดินไทย ขณะที่ ในประเทศไทยอาจมีไส้ศึก...!!! ##
    ..
    ..
    จากการประมวลข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ดังนี้...
    .
    ประเทศไทยยึดถือแค่ แผ่นที่ 1:50,000 ซึ่งละเอียดและแม่นยำกว่ามาก...
    .
    ประเทศไทย ไม่เคยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่ง หยาบ มีความคาดเคลื่อนอย่างน้อย 200 เมตร ทำให้เกิดความขัดแย้ง และ เขมร ลุกล้ำดนแดนไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
    .
    เมื่อครั้งที่เสียตัวปราสาทพระวิหารด้วยกฎหมายปิดปาก บนศาลโล และ ครั้งที่เสียพื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็เพราะแผนที่ 1:200,000 ที่ฝรั่งเศส จัดทำไว้แต่ฝ่ายเดียว และ วางยาประเทศไทยไว้...!!!
    .
    MOU43-MOU44 ระบุว่าจะปักปันเขตแดนตามแผนที่ 1:200,000 ทั้งๆที่ การปักปันจริงๆ เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชการลที่ 5 ด้วยสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส 1904-1907 คือแผนที่ 1:500,000 นั่นเอง (บางส่วนไม่ต้องปักหมุด เพราะสภาพพื้นที่สันปันน้ำมันชัด เป็นขอบหน้าผาชัดเจน)
    .
    เพียงแต่ บางส่วนปัจจุบัน หลักหมุดมันหายไป ให้ทำให้สมบูรณ์เท่านั้น และ ปัจจุบัน เทคโนโลยีดาวเทียมมันละเอียดมาก ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว
    ....
    ....
    ในรายการ News Hour มี การแฉ แชทกลุ่ม ของ กระทรวงการต่างประเทศ ว่า...
    .
    นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) พิมพ์ในไลน์กลุ่มประมาณว่า จะยึดถือแผนที่ 1:200,000 เพราะประเทศไทยจะได้เปรียบ และ ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผูกพันธ์ทางกฎหมาย
    .
    คำว่า "ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย" คำๆนี้ ผิดเต็มๆครับ
    .
    ต้องบอกก่อนเลยว่า ประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาลโลก โดยประเทศไทย ได้เคยสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนตัวปราสาทพระวิหารในอนาคตไว้แล้วด้วย
    .
    และ ที่สำคัญ ศาลโลกไม่ได้ ตัดสินในเรื่องของแผนที่และเขตแดน (เขมร ขอ แต่ศาลไม่ได้ตัดสิน บอกให้พวกคุณไปคุยกันเอาเอง)
    .
    แต่ ศาลตัดสินเรื่องตัวปราสาทพระวิหาร และ ตีความเพิ่มเรื่อง พื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศรายนึง ไปยอมให้ เขมร ขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว
    .
    ดังนั้น เมื่อเราไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลกแล้ว ไม่ว่าศาลโลก จะพูด จะพ่น จะถ่มถุยอะไร ออกมา สิ่งนั้น ไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมายต่อประเทศไทย
    .
    และ ในรายการ News Hour มีกาาแฉต่อว่า นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ คนนี้...!!!
    .
    คือคนที่ ไปชี้หน้าด่า นาย วีระ สมความคิด ว่าเป็นตวปัญหา และ บีบให้คนไทย 7 คน รวมทั้ง นาย วีระ สมความคิด ให้ยอมรับ และ เซ็นในเอกสาร ว่า นาย วีระ สมความคิด และ พวก รุกล้ำพื้นที่ แผ่นดินเขมร ทั้งๆที่ นาย วีระ สมความคิด และ พวก ถูกจับในผืนแผ่นดินไทย...!!!
    .
    ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นพฤติการณ์ที่ นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย มีแนวควมคิดที่ ยอมรับพื้นที่เขมร แต่ไม่ยอมรับพื้นที่ประเทศไทย และ มีแนวคิด ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ด้วย...!!!
    .
    ดังนั้น...
    .
    ถ้า Chat นี้เป็นของจริง นี่เท่ากับว่า เราเจอ ขบวนการขายชาติของแท้ แล้วใช่หรือไม่...???
    ...
    ...
    เท่าที่ทั้งฟังทั้งอ่านมา ผมยังไม่เคยเห็นผู้รู้ท่านไหนเคยพูดซักครั้งเดียวว่า แผนที่ 1:200,000 ทำให้ประเทสไทยได้เปรียบ
    ....
    ....
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 โทษประหารชีวิต เพราะทำใหสูญเสียดินแดน สมควรนำออกมาใช้แล้วหรือไม่ ในยามนี้...???
    .
    https://youtu.be/cSyAF_g4BiQ?si=ppZ15Ve6ZYuigbAC
    ## เขมรเดินเกมยึดแผ่นดินไทย ขณะที่ ในประเทศไทยอาจมีไส้ศึก...!!! ## .. .. จากการประมวลข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ดังนี้... . ประเทศไทยยึดถือแค่ แผ่นที่ 1:50,000 ซึ่งละเอียดและแม่นยำกว่ามาก... . ประเทศไทย ไม่เคยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่ง หยาบ มีความคาดเคลื่อนอย่างน้อย 200 เมตร ทำให้เกิดความขัดแย้ง และ เขมร ลุกล้ำดนแดนไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา . เมื่อครั้งที่เสียตัวปราสาทพระวิหารด้วยกฎหมายปิดปาก บนศาลโล และ ครั้งที่เสียพื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็เพราะแผนที่ 1:200,000 ที่ฝรั่งเศส จัดทำไว้แต่ฝ่ายเดียว และ วางยาประเทศไทยไว้...!!! . MOU43-MOU44 ระบุว่าจะปักปันเขตแดนตามแผนที่ 1:200,000 ทั้งๆที่ การปักปันจริงๆ เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชการลที่ 5 ด้วยสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส 1904-1907 คือแผนที่ 1:500,000 นั่นเอง (บางส่วนไม่ต้องปักหมุด เพราะสภาพพื้นที่สันปันน้ำมันชัด เป็นขอบหน้าผาชัดเจน) . เพียงแต่ บางส่วนปัจจุบัน หลักหมุดมันหายไป ให้ทำให้สมบูรณ์เท่านั้น และ ปัจจุบัน เทคโนโลยีดาวเทียมมันละเอียดมาก ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว .... .... ในรายการ News Hour มี การแฉ แชทกลุ่ม ของ กระทรวงการต่างประเทศ ว่า... . นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) พิมพ์ในไลน์กลุ่มประมาณว่า จะยึดถือแผนที่ 1:200,000 เพราะประเทศไทยจะได้เปรียบ และ ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผูกพันธ์ทางกฎหมาย . คำว่า "ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย" คำๆนี้ ผิดเต็มๆครับ . ต้องบอกก่อนเลยว่า ประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาลโลก โดยประเทศไทย ได้เคยสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนตัวปราสาทพระวิหารในอนาคตไว้แล้วด้วย . และ ที่สำคัญ ศาลโลกไม่ได้ ตัดสินในเรื่องของแผนที่และเขตแดน (เขมร ขอ แต่ศาลไม่ได้ตัดสิน บอกให้พวกคุณไปคุยกันเอาเอง) . แต่ ศาลตัดสินเรื่องตัวปราสาทพระวิหาร และ ตีความเพิ่มเรื่อง พื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศรายนึง ไปยอมให้ เขมร ขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว . ดังนั้น เมื่อเราไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลกแล้ว ไม่ว่าศาลโลก จะพูด จะพ่น จะถ่มถุยอะไร ออกมา สิ่งนั้น ไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมายต่อประเทศไทย . และ ในรายการ News Hour มีกาาแฉต่อว่า นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ คนนี้...!!! . คือคนที่ ไปชี้หน้าด่า นาย วีระ สมความคิด ว่าเป็นตวปัญหา และ บีบให้คนไทย 7 คน รวมทั้ง นาย วีระ สมความคิด ให้ยอมรับ และ เซ็นในเอกสาร ว่า นาย วีระ สมความคิด และ พวก รุกล้ำพื้นที่ แผ่นดินเขมร ทั้งๆที่ นาย วีระ สมความคิด และ พวก ถูกจับในผืนแผ่นดินไทย...!!! . ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นพฤติการณ์ที่ นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย มีแนวควมคิดที่ ยอมรับพื้นที่เขมร แต่ไม่ยอมรับพื้นที่ประเทศไทย และ มีแนวคิด ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ด้วย...!!! . ดังนั้น... . ถ้า Chat นี้เป็นของจริง นี่เท่ากับว่า เราเจอ ขบวนการขายชาติของแท้ แล้วใช่หรือไม่...??? ... ... เท่าที่ทั้งฟังทั้งอ่านมา ผมยังไม่เคยเห็นผู้รู้ท่านไหนเคยพูดซักครั้งเดียวว่า แผนที่ 1:200,000 ทำให้ประเทสไทยได้เปรียบ .... .... ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 โทษประหารชีวิต เพราะทำใหสูญเสียดินแดน สมควรนำออกมาใช้แล้วหรือไม่ ในยามนี้...??? . https://youtu.be/cSyAF_g4BiQ?si=ppZ15Ve6ZYuigbAC
    0 Comments 0 Shares 543 Views 0 Reviews
  • “วีระ” ซัด กต.ปล่อยเขมรชิงแถลงรับแผนที่ 1:200,000 ถาม “ประศาสน์” แอบยอมรับแบบนั้นหรือไม่ จี้แสดงหลักฐานข้อตกลง
    https://www.thai-tai.tv/news/19446/
    “วีระ” ซัด กต.ปล่อยเขมรชิงแถลงรับแผนที่ 1:200,000 ถาม “ประศาสน์” แอบยอมรับแบบนั้นหรือไม่ จี้แสดงหลักฐานข้อตกลง https://www.thai-tai.tv/news/19446/
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • แฉแชทหลุด “ประศาสน์” ประธานฝ่ายไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ของกัมพูชา ไทยเสี่ยงเสีย 2 ล้านไร่
    https://www.thai-tai.tv/news/19411/
    แฉแชทหลุด “ประศาสน์” ประธานฝ่ายไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ของกัมพูชา ไทยเสี่ยงเสีย 2 ล้านไร่ https://www.thai-tai.tv/news/19411/
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • #ความเลว ของ #คนไทย บางคน #MOU2543 #MOU2544 #ชายเแดนไทยเขมร #กัมพูชา #วีระสมความคิด #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #สุเทพเทือกสุบรรณ #ประศาสน์ประศาสน์วินิจฉัย #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #ประยุทธ์จันทร์โอชา #ชวนหลีกภัย #สุขุมพันธ์บริพัตร #ทักษิณชินวัตร #สุรเกียรติเสถียรไทย # #ภูมิธรรมเวชยชัย #นพดลปัทมะ และ #ข้าราชการ #ทหารไทย บางคน #กองทัพไทย #กระทรวงการต่างประเทศ #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ที่เท่าแมวดิ้นตาย #ไทยฆ่าไทยให้ขาติอื่นครอง
    https://youtu.be/-QIgSAn8XSk
    #ความเลว ของ #คนไทย บางคน #MOU2543 #MOU2544 #ชายเแดนไทยเขมร #กัมพูชา #วีระสมความคิด #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #สุเทพเทือกสุบรรณ #ประศาสน์ประศาสน์วินิจฉัย #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #ประยุทธ์จันทร์โอชา #ชวนหลีกภัย #สุขุมพันธ์บริพัตร #ทักษิณชินวัตร #สุรเกียรติเสถียรไทย # #ภูมิธรรมเวชยชัย #นพดลปัทมะ และ #ข้าราชการ #ทหารไทย บางคน #กองทัพไทย #กระทรวงการต่างประเทศ #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ที่เท่าแมวดิ้นตาย #ไทยฆ่าไทยให้ขาติอื่นครอง https://youtu.be/-QIgSAn8XSk
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 707 Views 0 Reviews
  • “วีระ” แฉ “ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย” ประธาน JBC ฝ่ายไทย อดีตทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เคยบีบบังคับให้ตนยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนเขมร แถมด่าว่าเป็นตัวปัญหาทำให้กลับมาฉลองปีใหม่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ จี้เปลี่ยนตัวด่วน หวั่นทำประเทศไทยเสียหาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054440

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “วีระ” แฉ “ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย” ประธาน JBC ฝ่ายไทย อดีตทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เคยบีบบังคับให้ตนยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนเขมร แถมด่าว่าเป็นตัวปัญหาทำให้กลับมาฉลองปีใหม่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ จี้เปลี่ยนตัวด่วน หวั่นทำประเทศไทยเสียหาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054440 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    7
    0 Comments 0 Shares 520 Views 1 Reviews
  • "ประศาสน์" นำทัพถก JBC ปมเขตแดนไทย-กัมพูชา เคลียร์ช่องบก
    https://www.thai-tai.tv/news/19313/
    "ประศาสน์" นำทัพถก JBC ปมเขตแดนไทย-กัมพูชา เคลียร์ช่องบก https://www.thai-tai.tv/news/19313/
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • หากกฎบัญญัติยิ่งมากมาย
    โจรผู้ร้ายจักยิ่งชุกชุม
    (法令滋彰,盜賊多有。)


    จรรยาเสื่อมกฎหมายจึงเกิด จรรยามีกฎหมายก็ไม่มี
    ดังนั้น หากบ้านใดเมืองใดที่ผู้ปกครองบัญญัติข้อกฎหมายไว้มากมาย โดยหาได้มุ่งประศาสน์ปวงชนด้วยคุณธรรมความดีแล้วไซร้ นี่คือการแก้ไขที่ปลายเหตุ โดยหาได้ปรับปรุงแก้ไขที่ต้นเหตุแห่งปัญหาเลยไม่ หากยังกระทำเช่นนี้อยู่ต่อไป ยามนั้นประชาชนจะขาดความละอายที่จะรู้ยั้งคิดไม่ทำความผิด หากจะมีแต่ใจที่เปี่ยมด้วยทิฐิไม่ยอมรับผิดและมุ่งแต่แหกกฎไม่เคารพกฎหมาย สังคมยามนั้นก็จะมีแต่โจรผู้ร้าย ทั้งโจรที่ประกาศตัวเป็นโจรอย่างเปิดเผย หรือโจรที่แฝงเร้นไม่ประกาศตัวเป็นโจรและอาศัยอยู่ตามชุมชนอีกมากมาย สังคมเช่นนี้จึงเป็นสังคมที่เห็นแก่ตัวและแก่งแย่งชิงดี ด้วยแม้นจะพยายามยกระดับกฎหมายให้มากขึ้นเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็จะยิ่งมีแต่โจรผู้ร้ายเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

    อุปมาดั่งมนุษย์ที่พยายามอุดกั้นน้ำ แลมนุษย์ก็หาได้เคยเอาชนะน้ำแต่อย่างใดไม่ เป็นฉันใด การปกครองที่มุ่งแต่สร้างกฎหมายข้อบังคับอันมากมาย ก็มิอาจปิดกั้นโจรผู้ร้ายที่มีใจมุ่งคิดแต่จะก่ออกุศลได้ฉันนั้นดุจเดียวกัน

    นับหลายพันปีล่วงมา กฎหมายตราตั้งมีมากมายสุดประมาณ แต่หลายพันปีมานี้ หาได้เห็นโจรผู้ร้ายลดลงแต่อย่างใดไม่

    แก้ปลายเหตุ จึงหาได้มีประสิทธิภาพเท่าการแก้ไขที่ต้นเหตุไม่

    (เต๋าเต็กเก็ง)
    หากกฎบัญญัติยิ่งมากมาย โจรผู้ร้ายจักยิ่งชุกชุม (法令滋彰,盜賊多有。) จรรยาเสื่อมกฎหมายจึงเกิด จรรยามีกฎหมายก็ไม่มี ดังนั้น หากบ้านใดเมืองใดที่ผู้ปกครองบัญญัติข้อกฎหมายไว้มากมาย โดยหาได้มุ่งประศาสน์ปวงชนด้วยคุณธรรมความดีแล้วไซร้ นี่คือการแก้ไขที่ปลายเหตุ โดยหาได้ปรับปรุงแก้ไขที่ต้นเหตุแห่งปัญหาเลยไม่ หากยังกระทำเช่นนี้อยู่ต่อไป ยามนั้นประชาชนจะขาดความละอายที่จะรู้ยั้งคิดไม่ทำความผิด หากจะมีแต่ใจที่เปี่ยมด้วยทิฐิไม่ยอมรับผิดและมุ่งแต่แหกกฎไม่เคารพกฎหมาย สังคมยามนั้นก็จะมีแต่โจรผู้ร้าย ทั้งโจรที่ประกาศตัวเป็นโจรอย่างเปิดเผย หรือโจรที่แฝงเร้นไม่ประกาศตัวเป็นโจรและอาศัยอยู่ตามชุมชนอีกมากมาย สังคมเช่นนี้จึงเป็นสังคมที่เห็นแก่ตัวและแก่งแย่งชิงดี ด้วยแม้นจะพยายามยกระดับกฎหมายให้มากขึ้นเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็จะยิ่งมีแต่โจรผู้ร้ายเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น อุปมาดั่งมนุษย์ที่พยายามอุดกั้นน้ำ แลมนุษย์ก็หาได้เคยเอาชนะน้ำแต่อย่างใดไม่ เป็นฉันใด การปกครองที่มุ่งแต่สร้างกฎหมายข้อบังคับอันมากมาย ก็มิอาจปิดกั้นโจรผู้ร้ายที่มีใจมุ่งคิดแต่จะก่ออกุศลได้ฉันนั้นดุจเดียวกัน นับหลายพันปีล่วงมา กฎหมายตราตั้งมีมากมายสุดประมาณ แต่หลายพันปีมานี้ หาได้เห็นโจรผู้ร้ายลดลงแต่อย่างใดไม่ แก้ปลายเหตุ จึงหาได้มีประสิทธิภาพเท่าการแก้ไขที่ต้นเหตุไม่ (เต๋าเต็กเก็ง)
    0 Comments 0 Shares 355 Views 0 Reviews
  • วันนี้ตัดหญ้าบ้านลูกค้าเหมือนโชคหล่น เจอเห็ดโคนขึ้นใต้ต้นลิ้นจี่ เก็บซิครับจะรออะไร lit nit ยังไม่เคยกินเห็ดโคนมาก่อนด้วยเพราะราคาแพง วันนี้โชคดีนักที่ได้มาหนึ่งดอก ครูผู้ประศาสน์วิชาการเพาะเห็ดให้ lit nit เคยกล่าวไว้ว่า
    "เห็ดน่ะอร่อยโดยตัวของมันเองแต่คนเราไปหลงคิดวิธีการปรุงให้ยุ่งยาก นายจำไว้เลยลิต ไม่ว่าจะปรุงเห็ดด้วยเมนูอะไรก็ตามให้ใช้อัตราส่วนดังนี้ เห็ดหนึ่งดอกไก่หรือหมูหรือเนื้อหนึ่งกิโลยังไงก็อร่อยเชื่อครู !"
    #แต่ประสบการณ์ครั้งแรกที่จะได้กินเห็ดโคนทั้งที lit nit ขอดื้อครูใส่หมูสัก 2 โลเลยดีกว่า
    วันนี้ตัดหญ้าบ้านลูกค้าเหมือนโชคหล่น เจอเห็ดโคนขึ้นใต้ต้นลิ้นจี่ เก็บซิครับจะรออะไร lit nit ยังไม่เคยกินเห็ดโคนมาก่อนด้วยเพราะราคาแพง วันนี้โชคดีนักที่ได้มาหนึ่งดอก ครูผู้ประศาสน์วิชาการเพาะเห็ดให้ lit nit เคยกล่าวไว้ว่า "เห็ดน่ะอร่อยโดยตัวของมันเองแต่คนเราไปหลงคิดวิธีการปรุงให้ยุ่งยาก นายจำไว้เลยลิต ไม่ว่าจะปรุงเห็ดด้วยเมนูอะไรก็ตามให้ใช้อัตราส่วนดังนี้ เห็ดหนึ่งดอกไก่หรือหมูหรือเนื้อหนึ่งกิโลยังไงก็อร่อยเชื่อครู !" #แต่ประสบการณ์ครั้งแรกที่จะได้กินเห็ดโคนทั้งที lit nit ขอดื้อครูใส่หมูสัก 2 โลเลยดีกว่า
    0 Comments 0 Shares 381 Views 0 Reviews