• เปิดวีรกรรมนายประศาสน์ ตัวแทนเจรจาทำตัวเหมือนยอมกัมพูชาทุกอย่าง? (23/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #นายประศาสน์ #กัมพูชา #การเจรจา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    เปิดวีรกรรมนายประศาสน์ ตัวแทนเจรจาทำตัวเหมือนยอมกัมพูชาทุกอย่าง? (23/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #นายประศาสน์ #กัมพูชา #การเจรจา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้:


    ---

    ช่วงการลงนาม TOR 2003

    18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003)

    นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ:
    นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย

    ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย:
    นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น)



    ---

    ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี

    เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003



    ---

    JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554)

    นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

    รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์

    ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
    นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ)

    JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)
    นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน
    จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง

    ---

    JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด
    นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
    รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี)

    ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
    นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ


    สรุป:
    ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ”
    โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI
    ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร)


    --พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย:


    ---

    วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา

    1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ


    2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto


    3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม”


    4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ




    ---

    สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”:

    ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย

    1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000
    2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN
    3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม”
    4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง
    5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน



    ---

    ความเสี่ยง:

    หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ
    → จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว”

    หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล

    เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก


    TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้: --- 📌 ช่วงการลงนาม TOR 2003 📅 18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 🕴️ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ: นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย 📌 ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย: นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น) --- 📌 ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี 🧾 เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003 --- 📌 JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์ 🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย: นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ) 📌 JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง --- 📌 JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี) 🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย: นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ 📍 สรุป: ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ” โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร) --พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย: --- ✅ วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา 1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ 2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto 3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม” 4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ --- 📌 สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”: ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย 1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000 2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN 3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม” 4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง 5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน --- 🚨 ความเสี่ยง: หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ → จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว” หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 802 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ

    กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

    การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก

    สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา

    ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด

    "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์"

    #Newskit
    ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์" #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 634 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เขมรเดินเกมยึดแผ่นดินไทย ขณะที่ ในประเทศไทยอาจมีไส้ศึก...!!! ##
    ..
    ..
    จากการประมวลข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ดังนี้...
    .
    ประเทศไทยยึดถือแค่ แผ่นที่ 1:50,000 ซึ่งละเอียดและแม่นยำกว่ามาก...
    .
    ประเทศไทย ไม่เคยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่ง หยาบ มีความคาดเคลื่อนอย่างน้อย 200 เมตร ทำให้เกิดความขัดแย้ง และ เขมร ลุกล้ำดนแดนไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
    .
    เมื่อครั้งที่เสียตัวปราสาทพระวิหารด้วยกฎหมายปิดปาก บนศาลโล และ ครั้งที่เสียพื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็เพราะแผนที่ 1:200,000 ที่ฝรั่งเศส จัดทำไว้แต่ฝ่ายเดียว และ วางยาประเทศไทยไว้...!!!
    .
    MOU43-MOU44 ระบุว่าจะปักปันเขตแดนตามแผนที่ 1:200,000 ทั้งๆที่ การปักปันจริงๆ เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชการลที่ 5 ด้วยสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส 1904-1907 คือแผนที่ 1:500,000 นั่นเอง (บางส่วนไม่ต้องปักหมุด เพราะสภาพพื้นที่สันปันน้ำมันชัด เป็นขอบหน้าผาชัดเจน)
    .
    เพียงแต่ บางส่วนปัจจุบัน หลักหมุดมันหายไป ให้ทำให้สมบูรณ์เท่านั้น และ ปัจจุบัน เทคโนโลยีดาวเทียมมันละเอียดมาก ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว
    ....
    ....
    ในรายการ News Hour มี การแฉ แชทกลุ่ม ของ กระทรวงการต่างประเทศ ว่า...
    .
    นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) พิมพ์ในไลน์กลุ่มประมาณว่า จะยึดถือแผนที่ 1:200,000 เพราะประเทศไทยจะได้เปรียบ และ ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผูกพันธ์ทางกฎหมาย
    .
    คำว่า "ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย" คำๆนี้ ผิดเต็มๆครับ
    .
    ต้องบอกก่อนเลยว่า ประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาลโลก โดยประเทศไทย ได้เคยสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนตัวปราสาทพระวิหารในอนาคตไว้แล้วด้วย
    .
    และ ที่สำคัญ ศาลโลกไม่ได้ ตัดสินในเรื่องของแผนที่และเขตแดน (เขมร ขอ แต่ศาลไม่ได้ตัดสิน บอกให้พวกคุณไปคุยกันเอาเอง)
    .
    แต่ ศาลตัดสินเรื่องตัวปราสาทพระวิหาร และ ตีความเพิ่มเรื่อง พื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศรายนึง ไปยอมให้ เขมร ขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว
    .
    ดังนั้น เมื่อเราไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลกแล้ว ไม่ว่าศาลโลก จะพูด จะพ่น จะถ่มถุยอะไร ออกมา สิ่งนั้น ไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมายต่อประเทศไทย
    .
    และ ในรายการ News Hour มีกาาแฉต่อว่า นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ คนนี้...!!!
    .
    คือคนที่ ไปชี้หน้าด่า นาย วีระ สมความคิด ว่าเป็นตวปัญหา และ บีบให้คนไทย 7 คน รวมทั้ง นาย วีระ สมความคิด ให้ยอมรับ และ เซ็นในเอกสาร ว่า นาย วีระ สมความคิด และ พวก รุกล้ำพื้นที่ แผ่นดินเขมร ทั้งๆที่ นาย วีระ สมความคิด และ พวก ถูกจับในผืนแผ่นดินไทย...!!!
    .
    ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นพฤติการณ์ที่ นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย มีแนวควมคิดที่ ยอมรับพื้นที่เขมร แต่ไม่ยอมรับพื้นที่ประเทศไทย และ มีแนวคิด ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ด้วย...!!!
    .
    ดังนั้น...
    .
    ถ้า Chat นี้เป็นของจริง นี่เท่ากับว่า เราเจอ ขบวนการขายชาติของแท้ แล้วใช่หรือไม่...???
    ...
    ...
    เท่าที่ทั้งฟังทั้งอ่านมา ผมยังไม่เคยเห็นผู้รู้ท่านไหนเคยพูดซักครั้งเดียวว่า แผนที่ 1:200,000 ทำให้ประเทสไทยได้เปรียบ
    ....
    ....
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 โทษประหารชีวิต เพราะทำใหสูญเสียดินแดน สมควรนำออกมาใช้แล้วหรือไม่ ในยามนี้...???
    .
    https://youtu.be/cSyAF_g4BiQ?si=ppZ15Ve6ZYuigbAC
    ## เขมรเดินเกมยึดแผ่นดินไทย ขณะที่ ในประเทศไทยอาจมีไส้ศึก...!!! ## .. .. จากการประมวลข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ดังนี้... . ประเทศไทยยึดถือแค่ แผ่นที่ 1:50,000 ซึ่งละเอียดและแม่นยำกว่ามาก... . ประเทศไทย ไม่เคยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่ง หยาบ มีความคาดเคลื่อนอย่างน้อย 200 เมตร ทำให้เกิดความขัดแย้ง และ เขมร ลุกล้ำดนแดนไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา . เมื่อครั้งที่เสียตัวปราสาทพระวิหารด้วยกฎหมายปิดปาก บนศาลโล และ ครั้งที่เสียพื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็เพราะแผนที่ 1:200,000 ที่ฝรั่งเศส จัดทำไว้แต่ฝ่ายเดียว และ วางยาประเทศไทยไว้...!!! . MOU43-MOU44 ระบุว่าจะปักปันเขตแดนตามแผนที่ 1:200,000 ทั้งๆที่ การปักปันจริงๆ เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชการลที่ 5 ด้วยสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส 1904-1907 คือแผนที่ 1:500,000 นั่นเอง (บางส่วนไม่ต้องปักหมุด เพราะสภาพพื้นที่สันปันน้ำมันชัด เป็นขอบหน้าผาชัดเจน) . เพียงแต่ บางส่วนปัจจุบัน หลักหมุดมันหายไป ให้ทำให้สมบูรณ์เท่านั้น และ ปัจจุบัน เทคโนโลยีดาวเทียมมันละเอียดมาก ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว .... .... ในรายการ News Hour มี การแฉ แชทกลุ่ม ของ กระทรวงการต่างประเทศ ว่า... . นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) พิมพ์ในไลน์กลุ่มประมาณว่า จะยึดถือแผนที่ 1:200,000 เพราะประเทศไทยจะได้เปรียบ และ ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผูกพันธ์ทางกฎหมาย . คำว่า "ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย" คำๆนี้ ผิดเต็มๆครับ . ต้องบอกก่อนเลยว่า ประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาลโลก โดยประเทศไทย ได้เคยสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนตัวปราสาทพระวิหารในอนาคตไว้แล้วด้วย . และ ที่สำคัญ ศาลโลกไม่ได้ ตัดสินในเรื่องของแผนที่และเขตแดน (เขมร ขอ แต่ศาลไม่ได้ตัดสิน บอกให้พวกคุณไปคุยกันเอาเอง) . แต่ ศาลตัดสินเรื่องตัวปราสาทพระวิหาร และ ตีความเพิ่มเรื่อง พื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศรายนึง ไปยอมให้ เขมร ขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว . ดังนั้น เมื่อเราไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลกแล้ว ไม่ว่าศาลโลก จะพูด จะพ่น จะถ่มถุยอะไร ออกมา สิ่งนั้น ไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมายต่อประเทศไทย . และ ในรายการ News Hour มีกาาแฉต่อว่า นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ คนนี้...!!! . คือคนที่ ไปชี้หน้าด่า นาย วีระ สมความคิด ว่าเป็นตวปัญหา และ บีบให้คนไทย 7 คน รวมทั้ง นาย วีระ สมความคิด ให้ยอมรับ และ เซ็นในเอกสาร ว่า นาย วีระ สมความคิด และ พวก รุกล้ำพื้นที่ แผ่นดินเขมร ทั้งๆที่ นาย วีระ สมความคิด และ พวก ถูกจับในผืนแผ่นดินไทย...!!! . ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นพฤติการณ์ที่ นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย มีแนวควมคิดที่ ยอมรับพื้นที่เขมร แต่ไม่ยอมรับพื้นที่ประเทศไทย และ มีแนวคิด ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ด้วย...!!! . ดังนั้น... . ถ้า Chat นี้เป็นของจริง นี่เท่ากับว่า เราเจอ ขบวนการขายชาติของแท้ แล้วใช่หรือไม่...??? ... ... เท่าที่ทั้งฟังทั้งอ่านมา ผมยังไม่เคยเห็นผู้รู้ท่านไหนเคยพูดซักครั้งเดียวว่า แผนที่ 1:200,000 ทำให้ประเทสไทยได้เปรียบ .... .... ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 โทษประหารชีวิต เพราะทำใหสูญเสียดินแดน สมควรนำออกมาใช้แล้วหรือไม่ ในยามนี้...??? . https://youtu.be/cSyAF_g4BiQ?si=ppZ15Ve6ZYuigbAC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 674 มุมมอง 0 รีวิว