• แกะรอยเก่า ตอนที่ 3

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
    ตอนที่ 3
    หลังจากอยู่กรุงเทพฯได้ 1 ปี นาย Kenneth และครอบครัว ก็ถูกให้ย้ายไปประจำที่นครศรีธรรมราช เขาอยู่ที่นั่น 1 ปี จากนั้นก็ย้ายมาประจำที่ตรัง รวมๆ แล้ว เขาอยู่แถวภาคใต้ของไทย ประมาณเกือบ 10 ปี ตอนที่อยู่ที่นครศรีธรรมราช เขาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรี ซึ่งเป็นของพวกมิชชั่นนารี ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นที่พระราชทานจากกรมพระยาดำรงราชานุภาพ แต่เมื่อมาอยู่ตรัง เขามีบ้านแยกต่างหากจากโรงเรียน ระหว่างที่เขาอยู่ตรังเขาเดินทาง ไปทั่ว ขึ้นมาจนทับสะแก (คือหัวหินในปัจจุบัน) และลงใต้ไปถึงแหลมมาลายู เขาบอกว่าในภาคใต้ของไทย มีคนจีนอาศัยอยู่มาก และส่วนมากเป็นพวกใช้แรงงาน หรือขายของชำ บ้างก็เปิดร้านค้าเล็กๆ ในตลาด ครอบครัวเขามีคนรับใช้และคนทำอาหารเป็นชาวจีน เขาจึงหัดพูดภาษาจีนกับคนรับใช้ทุกวัน
    จากการที่เขาคุยกับคนรับใช้ชาวจีน เขารู้ว่าคนจีนเหล่านั้นไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ ไม่มีโรงเรียนของคนจีน เขาจึงพยายามให้ทางคณะมิชชั่นนารีช่วยจัดตั้งโรงเรียนให้คนจีน โดยเอาครูมาจากกรุงเทพฯ สิงคโปร์ ปีนัง ส่วนค่าก่อสร้างเขาก็ขอรับบริจาคบ้างจากคนในจังหวัด เขาสามารถสร้างใด้ถึง 4 โรงเรียน การคลุกคลีกับคนจีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนแต้จิ๋วได้และเทศน์เป็นภาษาจีนได้อีกด้วย การสอนภาษาของ นาย Kenneth ขยายไปตั้งแต่คอขอดกระจนถึงชายแดนมาลายู และทำให้เขาต้องเดินทางแถบนั้นบ่อยมาก โดยรถไฟ เกวียน ช้าง เรือข้ามฝั่ง เรือเล็กตามคลอง รวมทั้งที่จักรยาน และการเดินเท้าของตนเอง และเพื่อให้มีการติดต่อระหว่างสังคมไทยและจีน ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน นาย Kenneth ลงทุนพิมพ์จดหมายเหตุรายเดือน เป็นภาษาไทยและจีน เพื่อให้คนเหล่านั้นได้ข้อมูลและข่าว (ตามที่เขาเขียน !) ต้องนับถือผู้ที่เลือกถิ่นที่ทำงานให้นาย Kenneth จริงๆ ภาคใต้น่าสนใจหลายอย่าง รวมทั้งภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่ยาวตลอดไป ตามอ่าวไทยของไทยจนไปถึงเขตแดนมลายู
    นาย Kenneth และครอบครัว ย้ายกลับไปอเมริกาใน ค.ศ. 1937 โดยอ้างว่า เบื่อที่จะเป็น มิชชั่นนารีแล้ว เพราะรายได้ไม่พอ (หรือภาระกิจสำเร็จได้ตามเป้า เลยเก็บฉากขนของกลับบ้านซะเฉยๆ งั้นแหละ !?) เมื่อเขากลับ เขาหอบหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่ออกเป็นงวด ที่เกี่ยวกับเมืองไทยที่เขาเก็บสะสมไว้ ตลอด 10 ปีที่อยู่เมืองกลับไปด้วย รวมทั้งแผนที่ของเมืองไทยแสดงอาณาบริเวณต่างๆ ทั่วประเทศอย่างละเอียด ยังไม่หมดยังหอบเอาหนังสือจากห้องสมุดของไทย ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เท่าที่ตัวเองจะหาได้กลับไปด้วย ที่สำคัญ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย เมื่อปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) นาย Kenneth บอกว่าเป็นช่วงเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย เขาเก็บเอกสารในช่วง 5 ปี ระหว่างนั้นไว้หมด โดยตั้งใจจะเขียนหนังสือ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย (นับว่าเป็นมิชชั่นนารี “ตัวอย่าง” จริงๆ ตกลงจะมาเผยแพร่ศาสนาหรือมาทำอะไรกันแน่)
    วันหนึ่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 ขณะที่เขาเริ่มเขียนหนังสือ เรื่อง Siam in Transition เขายังอยู่ที่ตรังกับครอบครัว มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสนิทของนายปรีดี พนมยงค์ ตอนเป็นผู้สำเร็จราชการ เกิดอยากจะแต่งงานในโบสถ์คริสเตียน กับสาวตรังซึ่งเป็นคริสเตียน นายคนสนิทนี้ก็มาหา นาย Kenneth เพื่อขออนุญาตนาย Kenneth ให้คู่บ่าวสาวได้แต่งงานและทำพิธีในโบสถ์ นาย Kenneth ดีใจจนบอกไม่ถูก เห็นโอกาสทองลอยอยู่ข้างหน้า เขาบอกกับนายคนสนิทว่า ได้สิ ถ้าคุณหาเอกสารมาให้ผมชิ้นหนึ่ง เอกสารนั้นคือบทความเค้าโครงเศรษฐกิจ ฉบับที่นายปรีดีเขียน เพื่อจะนำมาใช้กับประเทศไทย หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงไม่เห็นด้วย ทรงเห็นว่านายปรีดีมีแนวความคิดเช่นลัทธิคอมมิวนิสม์ ต่อมาเอกสารนั้นก็ถูกเก็บ เป็นเอกสารต้องห้าม ไม่มีใครได้เห็นอีก (นาย Kenneth นี่ต้องนับว่าเป็นนักฉวยโอกาสตัวยงจริงๆ) คงจะเป็นเพราะกำลังหน้ามืดอยากแต่งงานเต็มแก่ นายคนสนิทลงทุนไปเอาเอกสารมาให้นาย Kenneth รวมทั้งแถมรายงานการประชุมคณะอภิรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่านายปรีดี เป็นคอมมิวนิสต์และที่ประชุมเห็นว่านายปรีดี ควรลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
    ภายหลังเมื่อนาย Kenneth ได้เขียนหนังสือ Siam in Transition เขาได้นำเอกสารทั้ง 2 ชิ้นมาแนบท้ายหนังสือไว้ด้วย แต่หนังสือนี้ถูกห้ามขายในประเทศไทย
    หลังจากเขาได้เอกสารนี้มาไม่นาน พระองค์เจ้าธานีฯ (นาย Kenneth เขียนชื่อไว้เช่นนั้น) ทรงทราบข่าวที่นาย Kenneth ได้เอกสารนี้มา ท่านสนใจมากถึงขนาดลงทุนเดินทางจากกรุงเทพมาหานาย Kenneth ที่ตรัง เพื่อขออ่านเอกสารทั้ง 2 ชิ้น (แสดงว่าเอกสาร 2 ชิ้นนี้ต้องมีความสำคัญมากสำหรับ การเมืองของไทย แล้วมิชชั่นนารี ซึ่งไม่น่าจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองบ้านเรา ทำไมถึงให้ความสนใจจนลืมมรรยาท ถึงกับใช้วิธีการฉวยโอกาสอย่างคนไม่มีระดับถึงขนาดนี้!?) นาย Kenneth รู้ว่าเอกสารนี้ต้องห้าม เขาเลยเอาไปซ่อนไว้ในกองหนังสือพิมพ์ในห้องส้วมของเขาและ พระองค์เจ้าธานีฯ ก็ต้องไปนั่งอ่านเอกสาร โดยล็อคตัวเองอยู่ในส้วมของนาย Kenneth !
    หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เจ้านายหลายพระองค์ รวมทั้งกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต้องเสด็จลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ กรมพระยาดำรงฯเสด็จไปอยู่ปีนัง เมื่อนาย Kenneth และครอบครัวจะกลับอเมริกา เขาเดินทางไปเยี่ยมท่านที่ปีนัง เขาอ้างว่าเป็นการเยี่ยมในฐานะเพื่อนเก่า ระหว่างคุยกัน เขาถามกรมพระยาดำรงฯ ว่าท่านจะยินยอมให้เขานำหนังสือที่ท่านทรงสะสมไว้ มอบให้แก่มหาวิทยาลัยในอเมริกาหรือไม่ เพราะกรมพระยาดำรงฯ ท่านเป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาฯ อยู่ช่วงหนึ่ง และท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งกรมพระยาดำรงฯก็จัดตั้งเรียบร้อย โดยหนังสือทุกเล่มที่อยู่ในหอสมุด ท่านก็จะมีอีกชุดหนึ่งเก็บไว้ที่ท่านเอง รวมทั้งหนังสือที่ท่านทรงสะสม เอง ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วรรณคดี ศาสนา ฯลฯ ของไทยและเอเซียตะวันออก มีทั้งเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส กรมพระยาดำรงฯ ตอบว่าท่านเสียดายที่หนังสือนั้นจะไม่มีใครสนใจอีกต่อไป แต่ถ้ามีมหาวิทยาลัยที่สนใจ มีคนได้ศึกษาและมีคนอย่างนาย Kenneth ดูแลท่านก็ยินดีที่จะยกให้
    แล้วนาย Kenneth ก็นำรายชื่อหนังสือประมาณ 600 เล่ม ของกรมพระยาดำรงกลับอเมริกาไปด้วย โดยเขาอ้างว่า เขาจะนำไปจัดทำห้องสมุดไทยหรือเอเซียตะวันออก ที่มหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ค่าเดินทางไปปีนังนี่มันคงไม่ใช่ราคาถูกๆ แต่คงจะเป็นการลงทุนที่เกินคุ้มหลายร้อยเท่า เมื่อเทียบกับรายชื่อหนังสือ 600 เล่ม ที่นาย Kenneth จะเอาไป อ้างว่าเป็นของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ อดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยของเมืองไทยที่จะมอบให้นาย Kenneth ที่จะได้มาโดยการ “กล่อม” ซึ่งต่อมาเขาได้นำไปใช้ประโยชน์ให้แก่ตัวเองและสร้างประโยชน์ให้แก่อเมริกาอย่างมหาศาล ในการใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือการล่าชนิดหนึ่ง!
    (หมายเหตุคนเล่านิทาน : เข้าใจว่า กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านคงกำลังเศร้าพระทัย จากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และจากการที่คณะราษฎร์แสดงความไม่ประสงค์ดีต่อท่าน จนท่านถึงกับต้องเสด็จไปประทับอยู่ปีนัง ท่านเป็นนักประวัติศาสตร์ สนใจศึกษาหาความรู้ ทรงเก็บสะสมหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทยไว้แยะ เมื่อคณะราษฎร์ทำการปฏิวัติ เปลี่ยนการปกครอง ซึ่งอาจจะกระทบถึงวัฒนธรรมประเพณี รวมทั้งหลักสูตรการศึกษา ฯลฯ หนังสือต่างๆ เหล่านั้น คณะราษฎร์อาจไม่เห็นประโยชน์อีกต่อไป เมื่อนาย Kenneth เข้าไปขอในจังหวะนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ท่านจะคล้อยตาม !)

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า” ตอนที่ 3 หลังจากอยู่กรุงเทพฯได้ 1 ปี นาย Kenneth และครอบครัว ก็ถูกให้ย้ายไปประจำที่นครศรีธรรมราช เขาอยู่ที่นั่น 1 ปี จากนั้นก็ย้ายมาประจำที่ตรัง รวมๆ แล้ว เขาอยู่แถวภาคใต้ของไทย ประมาณเกือบ 10 ปี ตอนที่อยู่ที่นครศรีธรรมราช เขาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรี ซึ่งเป็นของพวกมิชชั่นนารี ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นที่พระราชทานจากกรมพระยาดำรงราชานุภาพ แต่เมื่อมาอยู่ตรัง เขามีบ้านแยกต่างหากจากโรงเรียน ระหว่างที่เขาอยู่ตรังเขาเดินทาง ไปทั่ว ขึ้นมาจนทับสะแก (คือหัวหินในปัจจุบัน) และลงใต้ไปถึงแหลมมาลายู เขาบอกว่าในภาคใต้ของไทย มีคนจีนอาศัยอยู่มาก และส่วนมากเป็นพวกใช้แรงงาน หรือขายของชำ บ้างก็เปิดร้านค้าเล็กๆ ในตลาด ครอบครัวเขามีคนรับใช้และคนทำอาหารเป็นชาวจีน เขาจึงหัดพูดภาษาจีนกับคนรับใช้ทุกวัน จากการที่เขาคุยกับคนรับใช้ชาวจีน เขารู้ว่าคนจีนเหล่านั้นไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ ไม่มีโรงเรียนของคนจีน เขาจึงพยายามให้ทางคณะมิชชั่นนารีช่วยจัดตั้งโรงเรียนให้คนจีน โดยเอาครูมาจากกรุงเทพฯ สิงคโปร์ ปีนัง ส่วนค่าก่อสร้างเขาก็ขอรับบริจาคบ้างจากคนในจังหวัด เขาสามารถสร้างใด้ถึง 4 โรงเรียน การคลุกคลีกับคนจีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนแต้จิ๋วได้และเทศน์เป็นภาษาจีนได้อีกด้วย การสอนภาษาของ นาย Kenneth ขยายไปตั้งแต่คอขอดกระจนถึงชายแดนมาลายู และทำให้เขาต้องเดินทางแถบนั้นบ่อยมาก โดยรถไฟ เกวียน ช้าง เรือข้ามฝั่ง เรือเล็กตามคลอง รวมทั้งที่จักรยาน และการเดินเท้าของตนเอง และเพื่อให้มีการติดต่อระหว่างสังคมไทยและจีน ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน นาย Kenneth ลงทุนพิมพ์จดหมายเหตุรายเดือน เป็นภาษาไทยและจีน เพื่อให้คนเหล่านั้นได้ข้อมูลและข่าว (ตามที่เขาเขียน !) ต้องนับถือผู้ที่เลือกถิ่นที่ทำงานให้นาย Kenneth จริงๆ ภาคใต้น่าสนใจหลายอย่าง รวมทั้งภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่ยาวตลอดไป ตามอ่าวไทยของไทยจนไปถึงเขตแดนมลายู นาย Kenneth และครอบครัว ย้ายกลับไปอเมริกาใน ค.ศ. 1937 โดยอ้างว่า เบื่อที่จะเป็น มิชชั่นนารีแล้ว เพราะรายได้ไม่พอ (หรือภาระกิจสำเร็จได้ตามเป้า เลยเก็บฉากขนของกลับบ้านซะเฉยๆ งั้นแหละ !?) เมื่อเขากลับ เขาหอบหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่ออกเป็นงวด ที่เกี่ยวกับเมืองไทยที่เขาเก็บสะสมไว้ ตลอด 10 ปีที่อยู่เมืองกลับไปด้วย รวมทั้งแผนที่ของเมืองไทยแสดงอาณาบริเวณต่างๆ ทั่วประเทศอย่างละเอียด ยังไม่หมดยังหอบเอาหนังสือจากห้องสมุดของไทย ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เท่าที่ตัวเองจะหาได้กลับไปด้วย ที่สำคัญ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย เมื่อปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) นาย Kenneth บอกว่าเป็นช่วงเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย เขาเก็บเอกสารในช่วง 5 ปี ระหว่างนั้นไว้หมด โดยตั้งใจจะเขียนหนังสือ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย (นับว่าเป็นมิชชั่นนารี “ตัวอย่าง” จริงๆ ตกลงจะมาเผยแพร่ศาสนาหรือมาทำอะไรกันแน่) วันหนึ่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 ขณะที่เขาเริ่มเขียนหนังสือ เรื่อง Siam in Transition เขายังอยู่ที่ตรังกับครอบครัว มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสนิทของนายปรีดี พนมยงค์ ตอนเป็นผู้สำเร็จราชการ เกิดอยากจะแต่งงานในโบสถ์คริสเตียน กับสาวตรังซึ่งเป็นคริสเตียน นายคนสนิทนี้ก็มาหา นาย Kenneth เพื่อขออนุญาตนาย Kenneth ให้คู่บ่าวสาวได้แต่งงานและทำพิธีในโบสถ์ นาย Kenneth ดีใจจนบอกไม่ถูก เห็นโอกาสทองลอยอยู่ข้างหน้า เขาบอกกับนายคนสนิทว่า ได้สิ ถ้าคุณหาเอกสารมาให้ผมชิ้นหนึ่ง เอกสารนั้นคือบทความเค้าโครงเศรษฐกิจ ฉบับที่นายปรีดีเขียน เพื่อจะนำมาใช้กับประเทศไทย หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงไม่เห็นด้วย ทรงเห็นว่านายปรีดีมีแนวความคิดเช่นลัทธิคอมมิวนิสม์ ต่อมาเอกสารนั้นก็ถูกเก็บ เป็นเอกสารต้องห้าม ไม่มีใครได้เห็นอีก (นาย Kenneth นี่ต้องนับว่าเป็นนักฉวยโอกาสตัวยงจริงๆ) คงจะเป็นเพราะกำลังหน้ามืดอยากแต่งงานเต็มแก่ นายคนสนิทลงทุนไปเอาเอกสารมาให้นาย Kenneth รวมทั้งแถมรายงานการประชุมคณะอภิรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่านายปรีดี เป็นคอมมิวนิสต์และที่ประชุมเห็นว่านายปรีดี ควรลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ภายหลังเมื่อนาย Kenneth ได้เขียนหนังสือ Siam in Transition เขาได้นำเอกสารทั้ง 2 ชิ้นมาแนบท้ายหนังสือไว้ด้วย แต่หนังสือนี้ถูกห้ามขายในประเทศไทย หลังจากเขาได้เอกสารนี้มาไม่นาน พระองค์เจ้าธานีฯ (นาย Kenneth เขียนชื่อไว้เช่นนั้น) ทรงทราบข่าวที่นาย Kenneth ได้เอกสารนี้มา ท่านสนใจมากถึงขนาดลงทุนเดินทางจากกรุงเทพมาหานาย Kenneth ที่ตรัง เพื่อขออ่านเอกสารทั้ง 2 ชิ้น (แสดงว่าเอกสาร 2 ชิ้นนี้ต้องมีความสำคัญมากสำหรับ การเมืองของไทย แล้วมิชชั่นนารี ซึ่งไม่น่าจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองบ้านเรา ทำไมถึงให้ความสนใจจนลืมมรรยาท ถึงกับใช้วิธีการฉวยโอกาสอย่างคนไม่มีระดับถึงขนาดนี้!?) นาย Kenneth รู้ว่าเอกสารนี้ต้องห้าม เขาเลยเอาไปซ่อนไว้ในกองหนังสือพิมพ์ในห้องส้วมของเขาและ พระองค์เจ้าธานีฯ ก็ต้องไปนั่งอ่านเอกสาร โดยล็อคตัวเองอยู่ในส้วมของนาย Kenneth ! หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เจ้านายหลายพระองค์ รวมทั้งกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต้องเสด็จลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ กรมพระยาดำรงฯเสด็จไปอยู่ปีนัง เมื่อนาย Kenneth และครอบครัวจะกลับอเมริกา เขาเดินทางไปเยี่ยมท่านที่ปีนัง เขาอ้างว่าเป็นการเยี่ยมในฐานะเพื่อนเก่า ระหว่างคุยกัน เขาถามกรมพระยาดำรงฯ ว่าท่านจะยินยอมให้เขานำหนังสือที่ท่านทรงสะสมไว้ มอบให้แก่มหาวิทยาลัยในอเมริกาหรือไม่ เพราะกรมพระยาดำรงฯ ท่านเป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาฯ อยู่ช่วงหนึ่ง และท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งกรมพระยาดำรงฯก็จัดตั้งเรียบร้อย โดยหนังสือทุกเล่มที่อยู่ในหอสมุด ท่านก็จะมีอีกชุดหนึ่งเก็บไว้ที่ท่านเอง รวมทั้งหนังสือที่ท่านทรงสะสม เอง ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วรรณคดี ศาสนา ฯลฯ ของไทยและเอเซียตะวันออก มีทั้งเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส กรมพระยาดำรงฯ ตอบว่าท่านเสียดายที่หนังสือนั้นจะไม่มีใครสนใจอีกต่อไป แต่ถ้ามีมหาวิทยาลัยที่สนใจ มีคนได้ศึกษาและมีคนอย่างนาย Kenneth ดูแลท่านก็ยินดีที่จะยกให้ แล้วนาย Kenneth ก็นำรายชื่อหนังสือประมาณ 600 เล่ม ของกรมพระยาดำรงกลับอเมริกาไปด้วย โดยเขาอ้างว่า เขาจะนำไปจัดทำห้องสมุดไทยหรือเอเซียตะวันออก ที่มหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ค่าเดินทางไปปีนังนี่มันคงไม่ใช่ราคาถูกๆ แต่คงจะเป็นการลงทุนที่เกินคุ้มหลายร้อยเท่า เมื่อเทียบกับรายชื่อหนังสือ 600 เล่ม ที่นาย Kenneth จะเอาไป อ้างว่าเป็นของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ อดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยของเมืองไทยที่จะมอบให้นาย Kenneth ที่จะได้มาโดยการ “กล่อม” ซึ่งต่อมาเขาได้นำไปใช้ประโยชน์ให้แก่ตัวเองและสร้างประโยชน์ให้แก่อเมริกาอย่างมหาศาล ในการใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือการล่าชนิดหนึ่ง! (หมายเหตุคนเล่านิทาน : เข้าใจว่า กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านคงกำลังเศร้าพระทัย จากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และจากการที่คณะราษฎร์แสดงความไม่ประสงค์ดีต่อท่าน จนท่านถึงกับต้องเสด็จไปประทับอยู่ปีนัง ท่านเป็นนักประวัติศาสตร์ สนใจศึกษาหาความรู้ ทรงเก็บสะสมหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทยไว้แยะ เมื่อคณะราษฎร์ทำการปฏิวัติ เปลี่ยนการปกครอง ซึ่งอาจจะกระทบถึงวัฒนธรรมประเพณี รวมทั้งหลักสูตรการศึกษา ฯลฯ หนังสือต่างๆ เหล่านั้น คณะราษฎร์อาจไม่เห็นประโยชน์อีกต่อไป เมื่อนาย Kenneth เข้าไปขอในจังหวะนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ท่านจะคล้อยตาม !) คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 1

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
    ตอนที่ 1
    เมื่อตัดสินใจเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ค.ศ. 1942 อเมริกาไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่จะไปทำสงคราม แต่เป้าหมายของอเมริกาไกลกว่านั้น เขามองถึงการเป็นพี่เบิ้มใหญ่ของโลกหลังสงคราม และอเมริกาก็ทำได้ตามเป้าหมายมาตลอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน กลยุทธใด แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นนักล่าหน้าใหม่ แต่ฝีไม้ลายมือในการล่าไม่เบา หลังจากเป็นผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกามองตัวเองว่าเป็นจักรวรรดิอเมริกา เพราะจักรวรรดิต่างๆ ได้ล่มสลายไปหมดเหลือไว้แต่ซากกับประวัติ อเมริกาหมดคู่แข่งชั่วคราว ผงาดตัวมาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง แม้ตอนนี้ แท่นยืนของนักล่าหมายเลขหนึ่ง จะออกอาการง่อนแง่น แท่นเอียง ขาเก เพราะโดนทั้งปลวกทั้งด้วงแมงแทะในบ้านอยู่ แถมหลายประเทศที่อเมริกาเคยใช้กลยุทธ โกหก ตอแหล สร้างเรื่องสาระพัด หลอกโลกและใช้หน่วยงานที่ตนเองชักใย รุมกันจนประเทศเหล่านั้นแตกเป็นเสี่ยง หรือโดนกองทัพอันเกรียงไกรของพี่เบิ้มบุกเข้าประเทศ ประหนึ่งขี่ช้างจับตั๊กแตน จนบ้างเมืองเขาพินาศ เหลือเป็นซากเศษอิฐ หรือที่เคยมองประเทศเหล่านั้นอย่างหยามเหยียดด้วยหางตา ประเทศเหล่านั้นเริ่มขยับมาตีเสมอ เผลอๆ จะจับมือกันร่วมหัว ร่วมท้าย ท้าทายอเมริกา กระแซะพี่เบิ้มให้ตกจากแท่นยืนในฐานะหมายเลขหนึ่งเอาเสียด้วย ซ้ำ แต่เกมการล่า การแข่งขันชิงแชมป์โลก ต้องมองกันนานๆ ดูกันไปยาวๆ อย่าเพิ่งตัดสินแค่ยกสองยก มวยใหญ่มันอึด มีท่วงทีลีลาน่าศึกษา แต่ที่สำคัญอยู่ที่ชั้นเชิง ไม่รู้ปล่อยกันออกมาหมดหรือยัง
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าสู่ยุคสงครามเย็น ระบอบคอมมิวนิสต์ออกดอกแพร่พันธ์ ไปหลายแห่งในโลก สายหนึ่งไปทางสหภาพโซเวียต สายหนึ่งมาทางเอเซีย สู่จีนและเวียตนาม ใครเป็นคนเอาพันธ์มาแพร่ ก็รู้ๆ กันอยู่ อเมริกาทำเป็นทนดูไม่ได้ แบบนี้เสียหน้าผู้พิทักษ์โลกสวยใบนี้หมด (แหม! ใช้ศัพท์สมัยใหม่เป็นเหมือนกันเหรอลุง ฮา!) ดังนั้น อเมริกาจึงทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้ชาวโลกเชื่อว่า สงครามเท่านั้นแหละ ที่จะเป็นยาขจัดการแพร่พันธ์คอมมิวนิสต์อย่างชงัด
    เมื่ออเมริกาตัดสินใจทำมาหากินกับสงครามเวียตนาม ก็จำเป็นต้องมีเหยื่อเข้ามาร่วมกิจกรรม จะไปรบคนเดียวได้ยังไงเหงาตาย ไทยแลนด์สมันน้อยถูกผู้กำกับคัดตัวให้ไปเล่นบทตัวเอก แต่สมันน้อย อ่านบทไม่แตก ไม่ตัดสินใจเสียที อเมริกาจึงลงทุนประคองคุณป๋าสฤษดิ์บินไปอเมริกาเพื่อไปรักษาตัวตอนคุณป๋าป่วย พอไปถึงคุณป๋านอกจากจะถูกบรรดาหมอรุมกันรักษาแล้วคูณป๋ายังถูกอุ้มลงเปลเห่กล่อม ติวเข้มเกี่ยวกับภัยคอมมี่ กลับมาคุณป๋าร้องเฮ้ยเว้ย เอาไง เอากัน จะปล่อยให้คอมมี่มันบุกบ้านเรา บ้านพี่เมืองน้องเราได้ยังไง (ท่านที่ยังไม่เคยอ่านนิทานจิกโก๋ปากซอย ตอนนี้เป็นโอกาสดี เชิญแวะไปอ่านหน่อยนะครับ ทำลิงค์ไว้ให้แล้ว หาไม่เจอบอกมาจะลงให้ใหม่ จะได้อ่านนิทานเรื่องนี้แบบไม่ขาดลอย เพราะมันเกี่ยวเนื่องกันครับ แหม ! เอาใจคนอ่านจังนะลุง กลัวแฟนเพจไม่ถึงหมื่นหรือไง ฮา !)
    ขบวนการล่อเหยื่อ จับลงเปลเห่กล่อมเขาน่าสนใจ อเมริกาจะทำอะไร ไม่ใช่ทำวันนี้คิดพรุ่งนี้ จะทำวันนี้เขาคิดมา 20-30 ปีก่อนหน้าแล้ว วางแผนซับซ้อน วิธีการวางแผน หาข้อมูล ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ เหมือนพวกไอ้ป้อดอีแป้ดมันออกรุ่นใหม่ มีลูกเล่นมาหลอกให้เราซื้ออยู่เรื่อย แต่ลูกหลักมันก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะฉะนั้นถึงแม้นักล่าจะเปลี่ยนลูกเล่นอยู่เรื่อย แต่ลูกหลักมันก็พอมองออก ถ้าหมั่นติดตาม
    แกะสะเก็ด แกะรอยเก่า รอยใหม่ เอาแว่นมาส่องดู ก็คงพอจะตามรอยมันได้บ้าง ตอนนี้นักล่าประกาศไปทั่วโลก ว่าจะกลับมาวิ่งเล่นลิงชิงหลักอยู่แถวเอเซีย ตามนโยบาย Rebalancing ไทยแลนด์แดนสมันน้อยก็ไม่แคล้วจะถูกคัดตัวมาเข้าฉากอีก แต่คราวนี้จะได้รับบทตัวเอก ตัวประกอบ หรือบทไหน เรายังไม่รู้แน่ แต่จะไปรอรู้เอาตอนจบ นอนนับศพนับซากในบ้านเรา มันจะไหวหรือ สมันน้อยตื่นตัว ตามศึกษาแกะรอยนักล่ากันหน่อย อย่าดูแค่ที่เห็นข้างหน้า หัดเหลียวหลังแลข้างบ้างน่าจะดีกว่านะ
    มารู้จักสามีภรรยาคู่หนึ่งกันหน่อย นาย Kenneth และนาง Margaret Landon เขา 2 คนนี้ น่าสนใจมาก เขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของไทยกับอเมริกา ช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้าง เครื่องมือการล่าเหยื่อของอเมริกาในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในเมืองไทย เครื่องมือการล่าเหยื่อชนิดนี้ยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ อุปกรณ์หลักเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนอุปกรณ์เสริมให้ทันตามสมัยนิยมเท่านั้นเอง
    นาง Margaret มีชื่อเสียงเพราะเป็นคนเขียนหนังสือ เรื่อง Anna and the King ซึ่งตอนหลังHollywood เอาไปสร้างหนังเรื่อง The King and I นำแสดงโดย Rex Harrison ตอนรุ่นแรก แต่มาดังตอนสร้างครั้งที่สองโดยเอานาย Yul Brynner มารับบทเป็น The King หนังเรื่องนี้ถูกห้ามฉายในประเทศไทย นอกจากนั้นหนังสือเรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นละคร Broadway ดังระเบิด เพลงเพราะ ฉากสวย แต่เนื้อเรื่องแต่งตามความคิดของฝรั่งมองไทย ที่รู้จักไทยอย่างครึ่งๆ กลางๆ แต่คิดเอาเองว่ารู้จักหมด แต่นิทานเรื้องนี้จะไม่เล่าเกี่ยวกับนาง Margaret แต่จะเล่าเกี่ยวกับสามีนาง Margaret ที่ชื่อนาย Kenneth ผู้สร้างรอยเก่าน่าสนใจตามแกะดู


    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า” ตอนที่ 1 เมื่อตัดสินใจเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ค.ศ. 1942 อเมริกาไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่จะไปทำสงคราม แต่เป้าหมายของอเมริกาไกลกว่านั้น เขามองถึงการเป็นพี่เบิ้มใหญ่ของโลกหลังสงคราม และอเมริกาก็ทำได้ตามเป้าหมายมาตลอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน กลยุทธใด แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นนักล่าหน้าใหม่ แต่ฝีไม้ลายมือในการล่าไม่เบา หลังจากเป็นผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกามองตัวเองว่าเป็นจักรวรรดิอเมริกา เพราะจักรวรรดิต่างๆ ได้ล่มสลายไปหมดเหลือไว้แต่ซากกับประวัติ อเมริกาหมดคู่แข่งชั่วคราว ผงาดตัวมาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง แม้ตอนนี้ แท่นยืนของนักล่าหมายเลขหนึ่ง จะออกอาการง่อนแง่น แท่นเอียง ขาเก เพราะโดนทั้งปลวกทั้งด้วงแมงแทะในบ้านอยู่ แถมหลายประเทศที่อเมริกาเคยใช้กลยุทธ โกหก ตอแหล สร้างเรื่องสาระพัด หลอกโลกและใช้หน่วยงานที่ตนเองชักใย รุมกันจนประเทศเหล่านั้นแตกเป็นเสี่ยง หรือโดนกองทัพอันเกรียงไกรของพี่เบิ้มบุกเข้าประเทศ ประหนึ่งขี่ช้างจับตั๊กแตน จนบ้างเมืองเขาพินาศ เหลือเป็นซากเศษอิฐ หรือที่เคยมองประเทศเหล่านั้นอย่างหยามเหยียดด้วยหางตา ประเทศเหล่านั้นเริ่มขยับมาตีเสมอ เผลอๆ จะจับมือกันร่วมหัว ร่วมท้าย ท้าทายอเมริกา กระแซะพี่เบิ้มให้ตกจากแท่นยืนในฐานะหมายเลขหนึ่งเอาเสียด้วย ซ้ำ แต่เกมการล่า การแข่งขันชิงแชมป์โลก ต้องมองกันนานๆ ดูกันไปยาวๆ อย่าเพิ่งตัดสินแค่ยกสองยก มวยใหญ่มันอึด มีท่วงทีลีลาน่าศึกษา แต่ที่สำคัญอยู่ที่ชั้นเชิง ไม่รู้ปล่อยกันออกมาหมดหรือยัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าสู่ยุคสงครามเย็น ระบอบคอมมิวนิสต์ออกดอกแพร่พันธ์ ไปหลายแห่งในโลก สายหนึ่งไปทางสหภาพโซเวียต สายหนึ่งมาทางเอเซีย สู่จีนและเวียตนาม ใครเป็นคนเอาพันธ์มาแพร่ ก็รู้ๆ กันอยู่ อเมริกาทำเป็นทนดูไม่ได้ แบบนี้เสียหน้าผู้พิทักษ์โลกสวยใบนี้หมด (แหม! ใช้ศัพท์สมัยใหม่เป็นเหมือนกันเหรอลุง ฮา!) ดังนั้น อเมริกาจึงทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้ชาวโลกเชื่อว่า สงครามเท่านั้นแหละ ที่จะเป็นยาขจัดการแพร่พันธ์คอมมิวนิสต์อย่างชงัด เมื่ออเมริกาตัดสินใจทำมาหากินกับสงครามเวียตนาม ก็จำเป็นต้องมีเหยื่อเข้ามาร่วมกิจกรรม จะไปรบคนเดียวได้ยังไงเหงาตาย ไทยแลนด์สมันน้อยถูกผู้กำกับคัดตัวให้ไปเล่นบทตัวเอก แต่สมันน้อย อ่านบทไม่แตก ไม่ตัดสินใจเสียที อเมริกาจึงลงทุนประคองคุณป๋าสฤษดิ์บินไปอเมริกาเพื่อไปรักษาตัวตอนคุณป๋าป่วย พอไปถึงคุณป๋านอกจากจะถูกบรรดาหมอรุมกันรักษาแล้วคูณป๋ายังถูกอุ้มลงเปลเห่กล่อม ติวเข้มเกี่ยวกับภัยคอมมี่ กลับมาคุณป๋าร้องเฮ้ยเว้ย เอาไง เอากัน จะปล่อยให้คอมมี่มันบุกบ้านเรา บ้านพี่เมืองน้องเราได้ยังไง (ท่านที่ยังไม่เคยอ่านนิทานจิกโก๋ปากซอย ตอนนี้เป็นโอกาสดี เชิญแวะไปอ่านหน่อยนะครับ ทำลิงค์ไว้ให้แล้ว หาไม่เจอบอกมาจะลงให้ใหม่ จะได้อ่านนิทานเรื่องนี้แบบไม่ขาดลอย เพราะมันเกี่ยวเนื่องกันครับ แหม ! เอาใจคนอ่านจังนะลุง กลัวแฟนเพจไม่ถึงหมื่นหรือไง ฮา !) ขบวนการล่อเหยื่อ จับลงเปลเห่กล่อมเขาน่าสนใจ อเมริกาจะทำอะไร ไม่ใช่ทำวันนี้คิดพรุ่งนี้ จะทำวันนี้เขาคิดมา 20-30 ปีก่อนหน้าแล้ว วางแผนซับซ้อน วิธีการวางแผน หาข้อมูล ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ เหมือนพวกไอ้ป้อดอีแป้ดมันออกรุ่นใหม่ มีลูกเล่นมาหลอกให้เราซื้ออยู่เรื่อย แต่ลูกหลักมันก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะฉะนั้นถึงแม้นักล่าจะเปลี่ยนลูกเล่นอยู่เรื่อย แต่ลูกหลักมันก็พอมองออก ถ้าหมั่นติดตาม แกะสะเก็ด แกะรอยเก่า รอยใหม่ เอาแว่นมาส่องดู ก็คงพอจะตามรอยมันได้บ้าง ตอนนี้นักล่าประกาศไปทั่วโลก ว่าจะกลับมาวิ่งเล่นลิงชิงหลักอยู่แถวเอเซีย ตามนโยบาย Rebalancing ไทยแลนด์แดนสมันน้อยก็ไม่แคล้วจะถูกคัดตัวมาเข้าฉากอีก แต่คราวนี้จะได้รับบทตัวเอก ตัวประกอบ หรือบทไหน เรายังไม่รู้แน่ แต่จะไปรอรู้เอาตอนจบ นอนนับศพนับซากในบ้านเรา มันจะไหวหรือ สมันน้อยตื่นตัว ตามศึกษาแกะรอยนักล่ากันหน่อย อย่าดูแค่ที่เห็นข้างหน้า หัดเหลียวหลังแลข้างบ้างน่าจะดีกว่านะ มารู้จักสามีภรรยาคู่หนึ่งกันหน่อย นาย Kenneth และนาง Margaret Landon เขา 2 คนนี้ น่าสนใจมาก เขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของไทยกับอเมริกา ช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้าง เครื่องมือการล่าเหยื่อของอเมริกาในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในเมืองไทย เครื่องมือการล่าเหยื่อชนิดนี้ยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ อุปกรณ์หลักเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนอุปกรณ์เสริมให้ทันตามสมัยนิยมเท่านั้นเอง นาง Margaret มีชื่อเสียงเพราะเป็นคนเขียนหนังสือ เรื่อง Anna and the King ซึ่งตอนหลังHollywood เอาไปสร้างหนังเรื่อง The King and I นำแสดงโดย Rex Harrison ตอนรุ่นแรก แต่มาดังตอนสร้างครั้งที่สองโดยเอานาย Yul Brynner มารับบทเป็น The King หนังเรื่องนี้ถูกห้ามฉายในประเทศไทย นอกจากนั้นหนังสือเรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นละคร Broadway ดังระเบิด เพลงเพราะ ฉากสวย แต่เนื้อเรื่องแต่งตามความคิดของฝรั่งมองไทย ที่รู้จักไทยอย่างครึ่งๆ กลางๆ แต่คิดเอาเองว่ารู้จักหมด แต่นิทานเรื้องนี้จะไม่เล่าเกี่ยวกับนาง Margaret แต่จะเล่าเกี่ยวกับสามีนาง Margaret ที่ชื่อนาย Kenneth ผู้สร้างรอยเก่าน่าสนใจตามแกะดู คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันตรายมากๆตอนนี้มีทหารไทยใจอเมริกาแบบพรรคส้มด้วย,ค่าจริงคือบ้านหนองจานตัวบทพิสูจน์ผลลัพธ์,ต่างจากอีสานใต้มหาศาล,บูรพาพยัคฆ์อันตรายมากตอนนี้ต่อสถานะการแสดงตัวตนของตน,และการรัฐประหารที่ผ่านๆมาทุกๆครั้งได้ไฟเขียวจากciaอเมริกาสนับสนุนหนุนหลังนี้ล่ะ,อเมริกาปล้นบ่อปิโตรเลียมไทยสำเร็จเรื่อยมาในอดีตก็แบบนี้,ต่ออายุสัมปทานเฉยๆอเมริกามันสั่งมวลชนหลอกคนไทยจนไปสู่การยึดอำนาจสำเร็จเพื่อต่ออายุสัมปทานบ่อน้ำมันบริษัทอเมริกาและแจกสัมปทานให้ชาติซาอุฯแดกใบ้บนอ่าวไทยเต็มขนาดใหญ่จนซาอุฯคุยจะสร้างคลังแสงเก็บน้ำมันขนาดใหญ่บนแผ่นดินไทย ,อเมริกาจึงรีบมายึดพังงาไทยยึดคลองคอกกระไทยหากสร้่งจริงกูจะได้คุมและได้ประโยชน์มหาศาลทำตังได้มากมายกองเป็นภูเขาด้วยกับแลนด์บริดจ์ไทย,บ้านเมืองไทยจึงสงบสุขไม่ได้ ต้องโกลาหลอยู่ตลอดเวลามิให้ตั้งตัวได้,อเมริกาชาติฝรั่งแบบยุโรปเลวชั่วเหมือนกันหมดจริงๆนะ,ไทยจึงต้องสามัคคีกันจริงๆนักการเมืองคิอศัตรูที่แท้จริงของคนไทยแล้ว คือขี้ข้าอเมริกา สิ่งนี้ต้องประชาสัมพันธ์ให้คนไทยตื่นรู้,มาร่วมถีบฝรั่งอเมริกาฝรั่งเศสออกจากแผ่นดินไทย มันปกปิดค่าจริงมิให้ลูกหลานเรารู้ประวัติศาสตร์ไทยว่าชาติฝรั่งอเมริกาเลวชั่วแบบใดบ้าง จึงตัดตำราเรียนเราออกไปมากมาย มันอเมริกาและชาติฝรั่งเศสก็ปกครองควบคุมการเรียนการสอนเด็กๆเราด้วย,คนไทยเลยโง่มากในปัจจุบัน สิ่งนี้ต้องยอมรับ,ภาพรวมระบบการศึกษาเราโง่ อุปถัมภ์มาแรง กู้เรียนก็สไตล์การทำลายคนไทยที่ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย,เป็นพลเมืองไทย มันวางแผนทำลายแบบนี้ อเมริกาและชาติฝรั่งเศสจึงอำมหิตไม่เลิกและไม่เคยเปลี่ยนแปลงสันดานเดิมนี้เลย,จะแรปทีเลี่ยนฝ่ายมืดอะไรก็ตามมาอ้างเป็นสายปกครองอยู่ในอำนาจ พวกนี้ก็ต้องถูกกำจัดทันที เมื่อทฤษฎีต่างดาวมีจริง สภากาแล็คติกถ้ามีจริงต้องสแกนกำจัดทันทีเช่นกันจากผิวโลกมิใช่ผีบ้าตามเจตจำนงเสรีห่าเหวอะไร,ต้องลงมาดูดพวกนี้ไป ลงมากำจัดพวกนี้ไปเพราะต่างดาวเหมือนกันแต่ลงมาทำชั่วบนผิวโลกด้วยใช้ความล้ำสมัยตนมันรังแกคนบนโลกก็ด้วย ต้องถูกดูดออกจากโลกนี้ทั้งหมด จากนั้นชาวโลกจะกำจัดส่วนที่เหลือจริงค้างอีกที,คนเหนือมนุษย์ทั่วโลกต้องออกมาจากรูได้แล้ว ออกมากำจัดคนพวกนี้จริงๆทำความสะอาดโลกใบนี้ร่วมกันจริงๆ,อย่าอยู่รกโลกหนักโลกใบนี้อีกเลย,ไม่สนใจก็ย้ายดวงดาวไปอยู่โลกใบอื่นสะ ไปเป็นยอดมนุษย์คนเหนือมนุษย์ในโลกอื่นเถอะ,ไม่ได้ช่วยร่วมสร้างสันติสุขจริงห่าเหวอะไร,ไปอยู่กรอบรอบรรลุธรรมโลกอื่นเถอะ,โลกใบนี้สกปรกเกินไป อย่าแสดงมาเป็นบัวใต้ตมเหนือตมอีกเลย, หนองน้ำนี้ตื่นรู้จริงจากคนเหนือมนุษย์แสดงตัวตนจริงบอกค่าจริงบนโดมบนกรอบนี้มันจะดีขนาดไหน,กฎจักรวาบผีบ้าฉีกทิ้งไปเถอะ,สภาจักรวาลแท้ๆยังมีฝ่ายมือเป็นประธานได้โน้น.
    https://youtube.com/shorts/B-9Krpc-fB4?si=bDnZe3lXFwwKbq2E
    อันตรายมากๆตอนนี้มีทหารไทยใจอเมริกาแบบพรรคส้มด้วย,ค่าจริงคือบ้านหนองจานตัวบทพิสูจน์ผลลัพธ์,ต่างจากอีสานใต้มหาศาล,บูรพาพยัคฆ์อันตรายมากตอนนี้ต่อสถานะการแสดงตัวตนของตน,และการรัฐประหารที่ผ่านๆมาทุกๆครั้งได้ไฟเขียวจากciaอเมริกาสนับสนุนหนุนหลังนี้ล่ะ,อเมริกาปล้นบ่อปิโตรเลียมไทยสำเร็จเรื่อยมาในอดีตก็แบบนี้,ต่ออายุสัมปทานเฉยๆอเมริกามันสั่งมวลชนหลอกคนไทยจนไปสู่การยึดอำนาจสำเร็จเพื่อต่ออายุสัมปทานบ่อน้ำมันบริษัทอเมริกาและแจกสัมปทานให้ชาติซาอุฯแดกใบ้บนอ่าวไทยเต็มขนาดใหญ่จนซาอุฯคุยจะสร้างคลังแสงเก็บน้ำมันขนาดใหญ่บนแผ่นดินไทย ,อเมริกาจึงรีบมายึดพังงาไทยยึดคลองคอกกระไทยหากสร้่งจริงกูจะได้คุมและได้ประโยชน์มหาศาลทำตังได้มากมายกองเป็นภูเขาด้วยกับแลนด์บริดจ์ไทย,บ้านเมืองไทยจึงสงบสุขไม่ได้ ต้องโกลาหลอยู่ตลอดเวลามิให้ตั้งตัวได้,อเมริกาชาติฝรั่งแบบยุโรปเลวชั่วเหมือนกันหมดจริงๆนะ,ไทยจึงต้องสามัคคีกันจริงๆนักการเมืองคิอศัตรูที่แท้จริงของคนไทยแล้ว คือขี้ข้าอเมริกา สิ่งนี้ต้องประชาสัมพันธ์ให้คนไทยตื่นรู้,มาร่วมถีบฝรั่งอเมริกาฝรั่งเศสออกจากแผ่นดินไทย มันปกปิดค่าจริงมิให้ลูกหลานเรารู้ประวัติศาสตร์ไทยว่าชาติฝรั่งอเมริกาเลวชั่วแบบใดบ้าง จึงตัดตำราเรียนเราออกไปมากมาย มันอเมริกาและชาติฝรั่งเศสก็ปกครองควบคุมการเรียนการสอนเด็กๆเราด้วย,คนไทยเลยโง่มากในปัจจุบัน สิ่งนี้ต้องยอมรับ,ภาพรวมระบบการศึกษาเราโง่ อุปถัมภ์มาแรง กู้เรียนก็สไตล์การทำลายคนไทยที่ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย,เป็นพลเมืองไทย มันวางแผนทำลายแบบนี้ อเมริกาและชาติฝรั่งเศสจึงอำมหิตไม่เลิกและไม่เคยเปลี่ยนแปลงสันดานเดิมนี้เลย,จะแรปทีเลี่ยนฝ่ายมืดอะไรก็ตามมาอ้างเป็นสายปกครองอยู่ในอำนาจ พวกนี้ก็ต้องถูกกำจัดทันที เมื่อทฤษฎีต่างดาวมีจริง สภากาแล็คติกถ้ามีจริงต้องสแกนกำจัดทันทีเช่นกันจากผิวโลกมิใช่ผีบ้าตามเจตจำนงเสรีห่าเหวอะไร,ต้องลงมาดูดพวกนี้ไป ลงมากำจัดพวกนี้ไปเพราะต่างดาวเหมือนกันแต่ลงมาทำชั่วบนผิวโลกด้วยใช้ความล้ำสมัยตนมันรังแกคนบนโลกก็ด้วย ต้องถูกดูดออกจากโลกนี้ทั้งหมด จากนั้นชาวโลกจะกำจัดส่วนที่เหลือจริงค้างอีกที,คนเหนือมนุษย์ทั่วโลกต้องออกมาจากรูได้แล้ว ออกมากำจัดคนพวกนี้จริงๆทำความสะอาดโลกใบนี้ร่วมกันจริงๆ,อย่าอยู่รกโลกหนักโลกใบนี้อีกเลย,ไม่สนใจก็ย้ายดวงดาวไปอยู่โลกใบอื่นสะ ไปเป็นยอดมนุษย์คนเหนือมนุษย์ในโลกอื่นเถอะ,ไม่ได้ช่วยร่วมสร้างสันติสุขจริงห่าเหวอะไร,ไปอยู่กรอบรอบรรลุธรรมโลกอื่นเถอะ,โลกใบนี้สกปรกเกินไป อย่าแสดงมาเป็นบัวใต้ตมเหนือตมอีกเลย, หนองน้ำนี้ตื่นรู้จริงจากคนเหนือมนุษย์แสดงตัวตนจริงบอกค่าจริงบนโดมบนกรอบนี้มันจะดีขนาดไหน,กฎจักรวาบผีบ้าฉีกทิ้งไปเถอะ,สภาจักรวาลแท้ๆยังมีฝ่ายมือเป็นประธานได้โน้น. https://youtube.com/shorts/B-9Krpc-fB4?si=bDnZe3lXFwwKbq2E
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากบรรทัดแรกของ Microsoft: เมื่อโค้ดที่ Bill Gates เขียนในปี 1976 กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกโอเพ่นซอร์ส

    Microsoft ได้เปิดซอร์สโค้ดของ “BASIC for 6502 Microprocessor – Version 1.1” บน GitHub ภายใต้ MIT license ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถดาวน์โหลด แก้ไข แชร์ หรือแม้แต่ขายซ้ำได้อย่างเสรี โค้ดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก เพราะเป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ที่อยู่ในเครื่อง Apple II, Commodore PET, VIC-20 และ Commodore 64—คอมพิวเตอร์ที่ทำให้คนหลายล้านคนเริ่มเขียนโปรแกรมด้วยคำสั่งง่าย ๆ อย่าง:

    10 PRINT “HELLO”
    20 GOTO 10
    RUN

    BASIC เวอร์ชันนี้ถูกพอร์ตโดย Bill Gates และ Ric Weiland ไปยังชิป MOS 6502 ในปี 1976 และถูกใช้ในเครื่องที่ขายดีที่สุดในยุคนั้น เช่น Commodore 64 ซึ่งขายไปมากกว่า 17 ล้านเครื่องทั่วโลก

    ที่น่าสนใจคือ Commodore ได้ซื้อสิทธิ์ใช้โค้ดนี้แบบไม่จำกัดจำนวนเครื่องในราคาเพียง $25,000 โดยไม่มีค่าลิขสิทธิ์รายเครื่อง ซึ่งเป็นดีลที่ดูเล็กในตอนนั้น แต่กลายเป็นการวางรากฐานให้ Microsoft กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก

    โค้ดที่เปิดเผยนี้มีจำนวน 6,955 บรรทัด เป็นภาษา Assembly สำหรับชิป 6502 และยังมีการแก้ไขระบบ garbage collector ที่ Bill Gates ร่วมพัฒนากับวิศวกรของ Commodore ในปี 1978 รวมถึง easter egg ที่ซ่อนอยู่ใน label STORDO และ STORD0 ซึ่ง Gates ยืนยันว่าเขาใส่ไว้เอง

    การเปิดซอร์ส Microsoft BASIC for 6502
    เปิดเผยบน GitHub ภายใต้ MIT license
    มีทั้งหมด 6,955 บรรทัด เป็นภาษา Assembly สำหรับ MOS 6502
    สามารถใช้งาน แก้ไข และเผยแพร่ได้อย่างเสรี

    ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
    เป็นซอฟต์แวร์ตัวแรกของ Microsoft ที่เขียนโดย Bill Gates และ Paul Allen
    ถูกใช้ใน Apple II, Commodore PET, VIC-20, และ C64
    เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมสำหรับคนหลายล้านคน

    ดีลกับ Commodore และผลกระทบ
    Commodore ซื้อสิทธิ์ใช้แบบไม่จำกัดในราคา $25,000
    ไม่มีค่าลิขสิทธิ์รายเครื่อง ทำให้ Microsoft ได้การเผยแพร่ในวงกว้าง
    ช่วยให้ Microsoft สร้างชื่อเสียงในยุคเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

    รายละเอียดทางเทคนิคและการพัฒนา
    มีการแก้ไข garbage collector ร่วมกับวิศวกรของ Commodore ในปี 1978
    มี easter egg ที่ซ่อนอยู่ใน label STORDO และ STORD0
    รองรับระบบ Apple II, Commodore PET, KIM-1, OSI และ PDP-10 simulation

    https://www.tomshardware.com/software/bill-gates-48-year-old-microsoft-6502-basic-goes-open-source
    🎙️ เรื่องเล่าจากบรรทัดแรกของ Microsoft: เมื่อโค้ดที่ Bill Gates เขียนในปี 1976 กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกโอเพ่นซอร์ส Microsoft ได้เปิดซอร์สโค้ดของ “BASIC for 6502 Microprocessor – Version 1.1” บน GitHub ภายใต้ MIT license ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถดาวน์โหลด แก้ไข แชร์ หรือแม้แต่ขายซ้ำได้อย่างเสรี โค้ดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก เพราะเป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ที่อยู่ในเครื่อง Apple II, Commodore PET, VIC-20 และ Commodore 64—คอมพิวเตอร์ที่ทำให้คนหลายล้านคนเริ่มเขียนโปรแกรมด้วยคำสั่งง่าย ๆ อย่าง: 10 PRINT “HELLO” 20 GOTO 10 RUN BASIC เวอร์ชันนี้ถูกพอร์ตโดย Bill Gates และ Ric Weiland ไปยังชิป MOS 6502 ในปี 1976 และถูกใช้ในเครื่องที่ขายดีที่สุดในยุคนั้น เช่น Commodore 64 ซึ่งขายไปมากกว่า 17 ล้านเครื่องทั่วโลก ที่น่าสนใจคือ Commodore ได้ซื้อสิทธิ์ใช้โค้ดนี้แบบไม่จำกัดจำนวนเครื่องในราคาเพียง $25,000 โดยไม่มีค่าลิขสิทธิ์รายเครื่อง ซึ่งเป็นดีลที่ดูเล็กในตอนนั้น แต่กลายเป็นการวางรากฐานให้ Microsoft กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก โค้ดที่เปิดเผยนี้มีจำนวน 6,955 บรรทัด เป็นภาษา Assembly สำหรับชิป 6502 และยังมีการแก้ไขระบบ garbage collector ที่ Bill Gates ร่วมพัฒนากับวิศวกรของ Commodore ในปี 1978 รวมถึง easter egg ที่ซ่อนอยู่ใน label STORDO และ STORD0 ซึ่ง Gates ยืนยันว่าเขาใส่ไว้เอง ✅ การเปิดซอร์ส Microsoft BASIC for 6502 ➡️ เปิดเผยบน GitHub ภายใต้ MIT license ➡️ มีทั้งหมด 6,955 บรรทัด เป็นภาษา Assembly สำหรับ MOS 6502 ➡️ สามารถใช้งาน แก้ไข และเผยแพร่ได้อย่างเสรี ✅ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ➡️ เป็นซอฟต์แวร์ตัวแรกของ Microsoft ที่เขียนโดย Bill Gates และ Paul Allen ➡️ ถูกใช้ใน Apple II, Commodore PET, VIC-20, และ C64 ➡️ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมสำหรับคนหลายล้านคน ✅ ดีลกับ Commodore และผลกระทบ ➡️ Commodore ซื้อสิทธิ์ใช้แบบไม่จำกัดในราคา $25,000 ➡️ ไม่มีค่าลิขสิทธิ์รายเครื่อง ทำให้ Microsoft ได้การเผยแพร่ในวงกว้าง ➡️ ช่วยให้ Microsoft สร้างชื่อเสียงในยุคเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ✅ รายละเอียดทางเทคนิคและการพัฒนา ➡️ มีการแก้ไข garbage collector ร่วมกับวิศวกรของ Commodore ในปี 1978 ➡️ มี easter egg ที่ซ่อนอยู่ใน label STORDO และ STORD0 ➡️ รองรับระบบ Apple II, Commodore PET, KIM-1, OSI และ PDP-10 simulation https://www.tomshardware.com/software/bill-gates-48-year-old-microsoft-6502-basic-goes-open-source
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Bill Gates’ 48-year-old Microsoft 6502 BASIC goes open source
    Named after the MOS Technology 6502 CPU, but a port of BASIC for the Altair 8800 microcomputer (1975) which used the Intel 8080 processor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bratislava River Cruise Port ท่าเรือหลักริมแม่น้ำดานูบในเมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย ตั้งอยู่ใกล้เมืองเก่า ห่างจากปราสาทบราติสลาวาเพียง 1 กิโล เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบารอก คาเฟ่ท้องถิ่น และแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ

    Bratislava Castle ปราสาทบราติสลาวา
    ปราสาทสีขาวเด่นเป็นสง่าบนเนินเขา ริมแม่น้ำดานูบ เป็นจุดชมวิวเมืองบราติสลาวาแบบพาโนรามา และเคยเป็นพระราชวังของราชวงศ์ฮังการี

    Old Town Bratislava เมืองเก่าบราติสลาวา
    ใจกลางเมืองเก่า เดินตรงจากท่าเรือผ่านถนน Hviezdoslav จัดเป็นเป็นหัวใจของบราติสลาวา เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และอาคารเก่าแก่ มีหอคอยให้ชมวิวจัตุรัส

    UFO Bridge สะพานยูเอฟโอและจุดชมวิว
    ฝั่ง Petržalka วิวพาโนรามาแบบ 360 องศา เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตก หอคอย UFO มีร้านอาหารหมุนได้ และ Skywalk บนดาดฟ้า

    Hviezdoslav Square จัตุรัสฮวีเอสดอสลาฟ
    จัตุรัสกว้างใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองเก่า ใกล้กับแม่น้ำดานูบและท่าเรือ รูปปั้นนักกวี Pavol Országh Hviezdoslav ด้านข้างมี โรงละครแห่งชาติ Slovak National Theatre

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #BratislavaRiverCruisePort #DanubeRiver #BratislavaCastle #OldTownBratislava #UFOBridge #HviezdoslavSquare #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    🅿️ Bratislava River Cruise Port ท่าเรือหลักริมแม่น้ำดานูบในเมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย ตั้งอยู่ใกล้เมืองเก่า ห่างจากปราสาทบราติสลาวาเพียง 1 กิโล เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบารอก คาเฟ่ท้องถิ่น และแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ 🏰 ✔️ Bratislava Castle ✨ ปราสาทบราติสลาวา ปราสาทสีขาวเด่นเป็นสง่าบนเนินเขา ริมแม่น้ำดานูบ เป็นจุดชมวิวเมืองบราติสลาวาแบบพาโนรามา และเคยเป็นพระราชวังของราชวงศ์ฮังการี ✔️ Old Town Bratislava ✨ เมืองเก่าบราติสลาวา ใจกลางเมืองเก่า เดินตรงจากท่าเรือผ่านถนน Hviezdoslav จัดเป็นเป็นหัวใจของบราติสลาวา เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และอาคารเก่าแก่ มีหอคอยให้ชมวิวจัตุรัส ✔️ UFO Bridge ✨ สะพานยูเอฟโอและจุดชมวิว ฝั่ง Petržalka วิวพาโนรามาแบบ 360 องศา เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตก หอคอย UFO มีร้านอาหารหมุนได้ และ Skywalk บนดาดฟ้า ✔️ Hviezdoslav Square ✨ จัตุรัสฮวีเอสดอสลาฟ จัตุรัสกว้างใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองเก่า ใกล้กับแม่น้ำดานูบและท่าเรือ รูปปั้นนักกวี Pavol Országh Hviezdoslav ด้านข้างมี โรงละครแห่งชาติ Slovak National Theatre 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #BratislavaRiverCruisePort #DanubeRiver #BratislavaCastle #OldTownBratislava #UFOBridge #HviezdoslavSquare #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากนิวเม็กซิโก: จากจุดเริ่มต้นของระเบิดปรมาณู สู่ศูนย์กลางของควอนตัมแห่งอนาคต

    ย้อนกลับไปในปี 1945 นิวเม็กซิโกคือสถานที่ที่โลกได้เห็นการทดสอบระเบิดปรมาณูครั้งแรก แต่ในปี 2025 รัฐนี้กำลังเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการลงทุนกว่า 315 ล้านดอลลาร์เพื่อผลักดันเทคโนโลยีควอนตัมให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ

    ผู้ว่าการรัฐ Michelle Lujan Grisham ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่ที่รวมถึงการสร้างเครือข่ายควอนตัม, สนับสนุนบริษัทเอกชน, และตั้ง venture studio เพื่อเร่งการพัฒนาและการค้าเทคโนโลยีควอนตัม โดยมี Roadrunner Venture Studios เป็นหัวหอกในการจับคู่ระหว่างนักวิทยาศาสตร์และผู้ประกอบการ

    เงินทุนนี้มาจากหลายแหล่ง: 185 ล้านจากกองทุนความมั่งคั่งของรัฐ, 60 ล้านจาก DARPA และอีก 60 ล้านจากรัฐเพื่อสนับสนุนโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายชัดเจน—ทำให้นิวเม็กซิโกกลายเป็น launchpad สำหรับบริษัทควอนตัมรุ่นใหม่

    โครงการนี้จะสร้าง quantum campus ใน Albuquerque ที่มีทั้ง quantum testbed, dilution refrigerators, rapid prototyping center และ multi-node quantum network ซึ่งจะเชื่อมโยงห้องแล็บและธุรกิจเข้าด้วยกัน

    การลงทุนของรัฐนิวเม็กซิโกในควอนตัม
    รวมมูลค่า 315 ล้านดอลลาร์จากรัฐ, DARPA และกองทุนเอกชน
    185 ล้านจาก sovereign wealth fund เพื่อสนับสนุน VC ที่ลงทุนในบริษัทควอนตัม
    60 ล้านจาก DARPA และรัฐเพื่อคัดกรองโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์
    25 ล้านสำหรับการจับคู่นักวิทยาศาสตร์กับผู้ประกอบการ

    โครงสร้างพื้นฐานที่กำลังสร้าง
    quantum campus ใน Albuquerque Innovation District
    มี quantum testbed, dilution refrigerators, packaging facility และ rapid prototyping center
    เชื่อมโยงผ่าน multi-node quantum network เพื่อรองรับการทดลองและการค้า

    บทบาทของ Roadrunner Venture Studios
    นำทีมสร้าง venture studio สำหรับควอนตัมโดยเฉพาะ
    เปิดโปรแกรม “Founder-in-Residence” เพื่อดึงผู้ประกอบการระดับประเทศ
    ร่วมมือกับ Sandia, Los Alamos, QuEra, Qunnect, Resonance และมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโก
    ตั้งเป้าให้ Albuquerque เป็น launchpad สำหรับบริษัทควอนตัมระดับโลก

    เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ทำให้นิวเม็กซิโกเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมในสหรัฐฯ
    สนับสนุนการเปลี่ยนจาก “ผู้นำด้านวิทยาศาสตร์” สู่ “ผู้นำด้านการใช้งานจริง”
    สร้างงานที่มีรายได้สูงและโอกาสทางเศรษฐกิจระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/new-mexico-to-invest-315-million-in-quantum-computing-drive
    🎙️ เรื่องเล่าจากนิวเม็กซิโก: จากจุดเริ่มต้นของระเบิดปรมาณู สู่ศูนย์กลางของควอนตัมแห่งอนาคต ย้อนกลับไปในปี 1945 นิวเม็กซิโกคือสถานที่ที่โลกได้เห็นการทดสอบระเบิดปรมาณูครั้งแรก แต่ในปี 2025 รัฐนี้กำลังเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการลงทุนกว่า 315 ล้านดอลลาร์เพื่อผลักดันเทคโนโลยีควอนตัมให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ ผู้ว่าการรัฐ Michelle Lujan Grisham ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่ที่รวมถึงการสร้างเครือข่ายควอนตัม, สนับสนุนบริษัทเอกชน, และตั้ง venture studio เพื่อเร่งการพัฒนาและการค้าเทคโนโลยีควอนตัม โดยมี Roadrunner Venture Studios เป็นหัวหอกในการจับคู่ระหว่างนักวิทยาศาสตร์และผู้ประกอบการ เงินทุนนี้มาจากหลายแหล่ง: 185 ล้านจากกองทุนความมั่งคั่งของรัฐ, 60 ล้านจาก DARPA และอีก 60 ล้านจากรัฐเพื่อสนับสนุนโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายชัดเจน—ทำให้นิวเม็กซิโกกลายเป็น launchpad สำหรับบริษัทควอนตัมรุ่นใหม่ โครงการนี้จะสร้าง quantum campus ใน Albuquerque ที่มีทั้ง quantum testbed, dilution refrigerators, rapid prototyping center และ multi-node quantum network ซึ่งจะเชื่อมโยงห้องแล็บและธุรกิจเข้าด้วยกัน ✅ การลงทุนของรัฐนิวเม็กซิโกในควอนตัม ➡️ รวมมูลค่า 315 ล้านดอลลาร์จากรัฐ, DARPA และกองทุนเอกชน ➡️ 185 ล้านจาก sovereign wealth fund เพื่อสนับสนุน VC ที่ลงทุนในบริษัทควอนตัม ➡️ 60 ล้านจาก DARPA และรัฐเพื่อคัดกรองโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ ➡️ 25 ล้านสำหรับการจับคู่นักวิทยาศาสตร์กับผู้ประกอบการ ✅ โครงสร้างพื้นฐานที่กำลังสร้าง ➡️ quantum campus ใน Albuquerque Innovation District ➡️ มี quantum testbed, dilution refrigerators, packaging facility และ rapid prototyping center ➡️ เชื่อมโยงผ่าน multi-node quantum network เพื่อรองรับการทดลองและการค้า ✅ บทบาทของ Roadrunner Venture Studios ➡️ นำทีมสร้าง venture studio สำหรับควอนตัมโดยเฉพาะ ➡️ เปิดโปรแกรม “Founder-in-Residence” เพื่อดึงผู้ประกอบการระดับประเทศ ➡️ ร่วมมือกับ Sandia, Los Alamos, QuEra, Qunnect, Resonance และมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโก ➡️ ตั้งเป้าให้ Albuquerque เป็น launchpad สำหรับบริษัทควอนตัมระดับโลก ✅ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ทำให้นิวเม็กซิโกเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมในสหรัฐฯ ➡️ สนับสนุนการเปลี่ยนจาก “ผู้นำด้านวิทยาศาสตร์” สู่ “ผู้นำด้านการใช้งานจริง” ➡️ สร้างงานที่มีรายได้สูงและโอกาสทางเศรษฐกิจระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/new-mexico-to-invest-315-million-in-quantum-computing-drive
    WWW.THESTAR.COM.MY
    New Mexico to invest $315 million in quantum computing drive
    SAN FRANCISCO (Reuters) -New Mexico, site of the world's first atomic bomb tests, on Tuesday plans to invest $315 million in a bid to become a leader in another potentially era-defining technology: quantum computing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานนี้ อ.วีระ ฟ้องมันทุกๆตัวเลย,ทีมพิทักษ์ชาติอธิปไตยไทยเดอะแก๊งทนายแผ่นดิน กางแต่ละมาตราอะไรบ้างให้เหมาะสมแต่ละตัวแต่ละคนเลย ย้อนอดีตถึงนายกฯสมัยต่างๆนั้นที่เข้าสู่สายพานเกี่ยวกันเพื่อปล้นชาติขายชาติหรือเพื่อสมยอมผลประโยชน์ใดๆจะต่างตอบแทนลักษณะใดๆก็เอาให้โดนทุกๆตัวเลยนะ, อ.วีระ ต้องการทนายอาสาด่วนเพื่อกำจัดภัยของแผ่นดินไทยเรา อย่าส่งต่อภัยนี้แก่รุ่นต่อไปเลย เราคนร่วมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จริงอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายจะเป็นตำนานผู้กระทำคุณงามความดีต่อชาติไทยเราแน่นอน เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายแผ่นดินไทยตน บอกแก่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเราว่าปู่ย่าตาทวดได้มีโอกาสรับใช้ชาติเยี่ยงสนามรบหนึ่งของกองทัพทหารไทยยุคสงครามไทยเขมรร่วมสมัยแน่นอน,

    ...ทนายแผ่นดินไทย อย่าให้อ.วีระ ต่อสู้เพียงลำพัง พวกท่านๆมาร่วมกันกวาดล้างทหารเลวชั่วก็ด้วยออกจากกองทัพไทยที่มีเกียรติแห่งคนไทยเราร่วมกันเถิด,ฝ่ายพลเรือนแบบเราๆสามารถคล่องตัวกว่าฝ่ายทหารไทยดีๆอย่างมาก,ร่วมเป็นเดอะทีมกำจัดคนเลวย่อมสุดยอดมาก.

    https://youtube.com/watch?v=nba8KenqRIk&si=o3B8WvtLrqxqmWtV
    งานนี้ อ.วีระ ฟ้องมันทุกๆตัวเลย,ทีมพิทักษ์ชาติอธิปไตยไทยเดอะแก๊งทนายแผ่นดิน กางแต่ละมาตราอะไรบ้างให้เหมาะสมแต่ละตัวแต่ละคนเลย ย้อนอดีตถึงนายกฯสมัยต่างๆนั้นที่เข้าสู่สายพานเกี่ยวกันเพื่อปล้นชาติขายชาติหรือเพื่อสมยอมผลประโยชน์ใดๆจะต่างตอบแทนลักษณะใดๆก็เอาให้โดนทุกๆตัวเลยนะ, อ.วีระ ต้องการทนายอาสาด่วนเพื่อกำจัดภัยของแผ่นดินไทยเรา อย่าส่งต่อภัยนี้แก่รุ่นต่อไปเลย เราคนร่วมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จริงอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายจะเป็นตำนานผู้กระทำคุณงามความดีต่อชาติไทยเราแน่นอน เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายแผ่นดินไทยตน บอกแก่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเราว่าปู่ย่าตาทวดได้มีโอกาสรับใช้ชาติเยี่ยงสนามรบหนึ่งของกองทัพทหารไทยยุคสงครามไทยเขมรร่วมสมัยแน่นอน, ...ทนายแผ่นดินไทย อย่าให้อ.วีระ ต่อสู้เพียงลำพัง พวกท่านๆมาร่วมกันกวาดล้างทหารเลวชั่วก็ด้วยออกจากกองทัพไทยที่มีเกียรติแห่งคนไทยเราร่วมกันเถิด,ฝ่ายพลเรือนแบบเราๆสามารถคล่องตัวกว่าฝ่ายทหารไทยดีๆอย่างมาก,ร่วมเป็นเดอะทีมกำจัดคนเลวย่อมสุดยอดมาก. https://youtube.com/watch?v=nba8KenqRIk&si=o3B8WvtLrqxqmWtV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-แพทองธาร' ประวัติศาสตร์เดินซ้ำรอย ถึงเวลาตระกูล 'ชินวัตร' ต้องอำลา : ข่าวลึกปมลับ 02-09-68
    'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-แพทองธาร' ประวัติศาสตร์เดินซ้ำรอย ถึงเวลาตระกูล 'ชินวัตร' ต้องอำลา : ข่าวลึกปมลับ 02-09-68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ง่ายๆบิ๊กปูกับบิ๊กกุ้งยึดอำนาจเลยระหว่างกำลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในขณะนี้,จากนั้นยุบกระทรวงการต่างประเทศทิ้งทันที ,จัดตั้งกระทรวงใหม่ในการติดต่อกับต่างชาติ,โมฆะสัญญาทั้งหมดที่กระทรวงการต่างประเทศไปตกลงใดๆไว้ ตลอดเรื่องเขตแดนที่ไม่เคยนำเข้าสภาด้วยซึ่งโดยพื้นฐานผิดมาตั้งแต่ต้นสิ้นผลในข้อตกลงบังคับใช้ใดๆ ก้าวล่วงพระราชอำนาจสถาบันกษัตริย์ด้วยในการตัดสินใจเรื่องดินแดนแผ่นดินไทยและอธิปไตยชาติไทยโดยตรง,กระทรวงการต่างประเทศเข้าข่ายกระทำผิดชัดเจน ร่างข้อตกลงต่างๆอันมีความรู้รับรู้อยู่แก่ใจว่าเสียเปรียบทางดินแดนโดยไม่ต่อต้่นคัดค้านในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่สำนึกผิดชอบชั่วดี ไม่ปกป้องอธิปไตยตนถึงที่สุด มีเจตนาร่วมกับนักการเมืองทำให้ประเทศไทยตนสูญเสียดินแดนชัดเจนที่1:200,000 จากปกติสามัญทหารพรมแดนและในหลวงร.9ใช้อัตรา1:50,000 ผิดม.157และม.119อย่างแน่นอนแล้ว รวมมาตราอื่นๆอีกมากมาย กระทรวงการต่างประเทศย่อมรู้ดีในเส้นเขตแดนตตและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของบ้านเมืองตลอดแนวแน่นอน ไม่ใช้ความสามารถตนความพยายามตนทั้งกระทรวงในการปกป้องอธิปไตยชาติ มีความผิดมหันร้ายแรงถึงที่สุดจนนำพาบ้านเมืองก่อเกิดสงครามถึงปัจจุบัน ทั้งยังร่วมกันพยายามกอดmou43,44,tor2546ไว้อย่างเหนียวแน่นร่วมกัน,ผู้มีตำแหน่งอำนาจปัจจุบันและที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องถูกลงโทษในข้อหาร้ายแรงทันทีคือม.157และม.119แน่แล้ว.

    ..รัฐบาลในอนาคตต้องเป็นรัฐบาลพระราชทานเท่านั้น.

    https://youtube.com/watch?v=T4qJpR5xEfA&si=gh2rmbKcTJkEwT4d
    ง่ายๆบิ๊กปูกับบิ๊กกุ้งยึดอำนาจเลยระหว่างกำลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในขณะนี้,จากนั้นยุบกระทรวงการต่างประเทศทิ้งทันที ,จัดตั้งกระทรวงใหม่ในการติดต่อกับต่างชาติ,โมฆะสัญญาทั้งหมดที่กระทรวงการต่างประเทศไปตกลงใดๆไว้ ตลอดเรื่องเขตแดนที่ไม่เคยนำเข้าสภาด้วยซึ่งโดยพื้นฐานผิดมาตั้งแต่ต้นสิ้นผลในข้อตกลงบังคับใช้ใดๆ ก้าวล่วงพระราชอำนาจสถาบันกษัตริย์ด้วยในการตัดสินใจเรื่องดินแดนแผ่นดินไทยและอธิปไตยชาติไทยโดยตรง,กระทรวงการต่างประเทศเข้าข่ายกระทำผิดชัดเจน ร่างข้อตกลงต่างๆอันมีความรู้รับรู้อยู่แก่ใจว่าเสียเปรียบทางดินแดนโดยไม่ต่อต้่นคัดค้านในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่สำนึกผิดชอบชั่วดี ไม่ปกป้องอธิปไตยตนถึงที่สุด มีเจตนาร่วมกับนักการเมืองทำให้ประเทศไทยตนสูญเสียดินแดนชัดเจนที่1:200,000 จากปกติสามัญทหารพรมแดนและในหลวงร.9ใช้อัตรา1:50,000 ผิดม.157และม.119อย่างแน่นอนแล้ว รวมมาตราอื่นๆอีกมากมาย กระทรวงการต่างประเทศย่อมรู้ดีในเส้นเขตแดนตตและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของบ้านเมืองตลอดแนวแน่นอน ไม่ใช้ความสามารถตนความพยายามตนทั้งกระทรวงในการปกป้องอธิปไตยชาติ มีความผิดมหันร้ายแรงถึงที่สุดจนนำพาบ้านเมืองก่อเกิดสงครามถึงปัจจุบัน ทั้งยังร่วมกันพยายามกอดmou43,44,tor2546ไว้อย่างเหนียวแน่นร่วมกัน,ผู้มีตำแหน่งอำนาจปัจจุบันและที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องถูกลงโทษในข้อหาร้ายแรงทันทีคือม.157และม.119แน่แล้ว. ..รัฐบาลในอนาคตต้องเป็นรัฐบาลพระราชทานเท่านั้น. https://youtube.com/watch?v=T4qJpR5xEfA&si=gh2rmbKcTJkEwT4d
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประวัติศาสตร์ 15ปีแห่งการต่อสู้ ล้าง1:2แสน (31/8/68)

    #TruthFromThailand
    #152แสน
    #MOU43
    #MOU44
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ข่าวด่วน
    #ThailandPolitics
    #การเมืองไทย
    #ข่าววันนี้
    #BorderConflict
    ประวัติศาสตร์ 15ปีแห่งการต่อสู้ ล้าง1:2แสน (31/8/68) #TruthFromThailand #152แสน #MOU43 #MOU44 #ThaiTimes #news1 #shorts #ข่าวด่วน #ThailandPolitics #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #BorderConflict
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ตำแหน่งคร่าวๆของหลักเขตแดนที่ 46 47 48 49 50
    สำหรับหลักเขตแดนที่ 46 47 48 มีรายงานว่าถูกเขมรทำลายไปหมดแล้ว จนทำให้เกิดปัญหาจนถึงทุกวันนี้
    ส่วนหลักเขตแดนที่ 49 และ 50 อยู่บริเวณต.คลองลึก จ.สระแก้ว ถ้าเอาแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ อยู่บริเวณพื้นที่แถวๆตลาดโรงเกลือ ที่ติดกับปอยเปต ของเขมร บริเวณปอยเปตตรงนี้หลายคนทราบดีว่าเป็นแหล่งรวมกาสิโนมากมาย
    .
    หลักเขตแดนที่ 49 ขณะนี้เก็บรักษาไว้ที่ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
    พิกัดตำแหน่งเดิมที่ปอยเปต
    13.66155489467777, 102.54992655363289

    หลักเขตแดนที่ 50 ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในจังหวัดปราจีนบุรี
    พิกัดพิกัดตำแหน่งเดิมที่คลองลึกฝั่งไทย
    13.660528074179178, 102.5486064600379
    .
    ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับหลักเขตแดนที่ 49 และ 50 อ้างอิงจากเพจ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี : Prachinburi National Museum"
    https://www.facebook.com/100063787953622/posts/4494669500571760/

    หลักเขตแดนที่ 50 กรุงสยาม-กัมพูชา เดิมตั้งอยู่ที่ด่านปอยเปต อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2483 กองทัพฝรั่งเศสเคลื่อนกำลังเข้าประชิดชายแดนไทย ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่จังหวัดนครพนม วันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2484 ไทยประกาศสงครามกับฝรั่งเศส แม่ทัพคือพลเอกมังกร พรหมโยธี ทัพไทยเปิดแนวรบโดยกองพลพายัพ กองทัพอีสาน กองทัพบูรพา กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ร่วมกันโจมตีอินโดจีนของฝรั่งเศสในทุกๆ ด้าน

    ในที่สุดฝ่ายไทยมีท่าทีว่าจะชนะเด็ดขาด ญี่ปุ่นซึ่งมีฐานทัพอยู่ในอินโดจีนเสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ยด้วยเกรงว่าหากไทยชนะ จะเป็นอุปสรรคต่อการที่ญี่ปุ่นจะรุกรานลงใต้ ผลจากการไกล่เกลี่ย ฝรั่งเศสยินยอมยกดินแดนที่เคยยึดไปจากไทยสมัยรัชกาลที่ 5 คืนให้ฝ่ายไทย โดยมีการลงนามในอนุสัญญา 3 ฝ่ายระหว่างไทย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2484 หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่อรัญประเทศจึงถูกยกเลิกหลักเขตหมายเลข 49 และ 50 ถูกถอนออก
    .
    สำหรับหลักเขตหมายเลข 49 ได้มอบไว้แก่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์

    ส่วนหลักเขตหมายเลข 50 พลเอกมังกร พรหมโยธี ได้รักษาไว้และตกทอดสู่ทายาท ซึ่งภายหลังทายาทพลเอกมังกร พรหมโยธี ได้แก่ คุณเจตกำจร พรหมโยธี คุณกำจรเดช พรหมโยธี คุณอภิภู พรหมโยธี และคุณองคฤทธิ์ พรหมโยธี ได้มอบไว้ให้กรมศิลปากรเพื่อดูแลรักษา และเป็นสาธารณประโยชน์ในการเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป และที่ จ.ปราจีนบุรี ยังมีค่ายพรหมโยธี เป็นชื่อค่ายทหารในจังหวัดปราจีนบุรี โดยตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ พันเอกหลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี) อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด รองแม่ทัพบก และแม่ทัพภาคบูรพา ค่ายแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กองพลทหารราบยานเกราะที่สมบูรณ์แบบในประเทศแห่งแรก

    ตำแหน่งคร่าวๆของหลักเขตแดนที่ 46 47 48 49 50 สำหรับหลักเขตแดนที่ 46 47 48 มีรายงานว่าถูกเขมรทำลายไปหมดแล้ว จนทำให้เกิดปัญหาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนหลักเขตแดนที่ 49 และ 50 อยู่บริเวณต.คลองลึก จ.สระแก้ว ถ้าเอาแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ อยู่บริเวณพื้นที่แถวๆตลาดโรงเกลือ ที่ติดกับปอยเปต ของเขมร บริเวณปอยเปตตรงนี้หลายคนทราบดีว่าเป็นแหล่งรวมกาสิโนมากมาย . 👉หลักเขตแดนที่ 49 ขณะนี้เก็บรักษาไว้ที่ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พิกัดตำแหน่งเดิมที่ปอยเปต 13.66155489467777, 102.54992655363289 👉หลักเขตแดนที่ 50 ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในจังหวัดปราจีนบุรี พิกัดพิกัดตำแหน่งเดิมที่คลองลึกฝั่งไทย 13.660528074179178, 102.5486064600379 . ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับหลักเขตแดนที่ 49 และ 50 อ้างอิงจากเพจ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี : Prachinburi National Museum" https://www.facebook.com/100063787953622/posts/4494669500571760/ 👉หลักเขตแดนที่ 50 กรุงสยาม-กัมพูชา เดิมตั้งอยู่ที่ด่านปอยเปต อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2483 กองทัพฝรั่งเศสเคลื่อนกำลังเข้าประชิดชายแดนไทย ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่จังหวัดนครพนม วันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2484 ไทยประกาศสงครามกับฝรั่งเศส แม่ทัพคือพลเอกมังกร พรหมโยธี ทัพไทยเปิดแนวรบโดยกองพลพายัพ กองทัพอีสาน กองทัพบูรพา กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ร่วมกันโจมตีอินโดจีนของฝรั่งเศสในทุกๆ ด้าน 👉ในที่สุดฝ่ายไทยมีท่าทีว่าจะชนะเด็ดขาด ญี่ปุ่นซึ่งมีฐานทัพอยู่ในอินโดจีนเสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ยด้วยเกรงว่าหากไทยชนะ จะเป็นอุปสรรคต่อการที่ญี่ปุ่นจะรุกรานลงใต้ ผลจากการไกล่เกลี่ย ฝรั่งเศสยินยอมยกดินแดนที่เคยยึดไปจากไทยสมัยรัชกาลที่ 5 คืนให้ฝ่ายไทย โดยมีการลงนามในอนุสัญญา 3 ฝ่ายระหว่างไทย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2484 หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่อรัญประเทศจึงถูกยกเลิกหลักเขตหมายเลข 49 และ 50 ถูกถอนออก . 👉สำหรับหลักเขตหมายเลข 49 ได้มอบไว้แก่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ 👉ส่วนหลักเขตหมายเลข 50 พลเอกมังกร พรหมโยธี ได้รักษาไว้และตกทอดสู่ทายาท ซึ่งภายหลังทายาทพลเอกมังกร พรหมโยธี ได้แก่ คุณเจตกำจร พรหมโยธี คุณกำจรเดช พรหมโยธี คุณอภิภู พรหมโยธี และคุณองคฤทธิ์ พรหมโยธี ได้มอบไว้ให้กรมศิลปากรเพื่อดูแลรักษา และเป็นสาธารณประโยชน์ในการเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป และที่ จ.ปราจีนบุรี ยังมีค่ายพรหมโยธี เป็นชื่อค่ายทหารในจังหวัดปราจีนบุรี โดยตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ พันเอกหลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี) อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด รองแม่ทัพบก และแม่ทัพภาคบูรพา ค่ายแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กองพลทหารราบยานเกราะที่สมบูรณ์แบบในประเทศแห่งแรก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจนัว เมืองท่าประวัติศาสตร์แห่งอิตาลี จุดเริ่มต้นของการเดินทางระดับโลก
    แหล่งรวมสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า 🛳

    Acquario di Genova ⭐️ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเจนัว
    พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเจนัว สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง งาน Expo 1992 ซึ่งเป็นนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึง 500 ปีแห่งการเดินทางของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ไปยังทวีปอเมริกา

    Casa di Colombo ⭐️ บ้านคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
    บ้านหลังนี้เชื่อกันว่าเป็น บ้านที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส อาศัยอยู่เมื่อตอนเด็ก นักเดินเรือที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์สเปนให้ออกเดินทางเพื่อค้นหาเส้นทางใหม่ไปยังเอเชีย

    Cattedrale di San Lorenzo ⭐️ มหาวิหารซานลอเรนโซ
    โบสถ์หลักของเมืองเจนัว สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยโรมัน มหาวิหารนี้เคยถูก ระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยระเบิดลูกหนึ่งตกลงมาแต่ ไม่ระเบิด ทำให้เกิดความเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์

    Boccadasse ⭐️ หมู่บ้านชาวประมง
    หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ อายุหลายร้อยปี โดยชื่อ Boccadasse หมายถึง “ปากของลา” มีเสน่ห์แบบดั้งเดิม บ้านสีพาสเทลริมทะเลของที่นี่เป็นภาพที่มีชื่อเสียงมาก

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #GenoaCruisePort #ITALY #AcquariodiGenova #CasadiColombo #CattedralediSanLorenzo #Boccadasse #Genoa #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    ⚓ เจนัว เมืองท่าประวัติศาสตร์แห่งอิตาลี จุดเริ่มต้นของการเดินทางระดับโลก แหล่งรวมสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า 🏰🛳 ✅ Acquario di Genova ⭐️ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเจนัว พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเจนัว สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง งาน Expo 1992 ซึ่งเป็นนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึง 500 ปีแห่งการเดินทางของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ไปยังทวีปอเมริกา ✅ Casa di Colombo ⭐️ บ้านคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส บ้านหลังนี้เชื่อกันว่าเป็น บ้านที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส อาศัยอยู่เมื่อตอนเด็ก นักเดินเรือที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์สเปนให้ออกเดินทางเพื่อค้นหาเส้นทางใหม่ไปยังเอเชีย ✅ Cattedrale di San Lorenzo ⭐️ มหาวิหารซานลอเรนโซ โบสถ์หลักของเมืองเจนัว สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยโรมัน มหาวิหารนี้เคยถูก ระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยระเบิดลูกหนึ่งตกลงมาแต่ ไม่ระเบิด ทำให้เกิดความเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ ✅ Boccadasse ⭐️ หมู่บ้านชาวประมง หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ อายุหลายร้อยปี โดยชื่อ Boccadasse หมายถึง “ปากของลา” มีเสน่ห์แบบดั้งเดิม บ้านสีพาสเทลริมทะเลของที่นี่เป็นภาพที่มีชื่อเสียงมาก 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #GenoaCruisePort #ITALY #AcquariodiGenova #CasadiColombo #CattedralediSanLorenzo #Boccadasse #Genoa #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..555,เอาเลย ดีต่อคนทั้งโลกแน่นอนเพราะตัดตอนสงครามโลกได้ด้วย ลบเขมรออกจากแผนที่โลกร่วมกัน แบ่งพื้นที่เขมรกันเลย ไทยก็เอาแค่ที่ฝรั่งเศสแย่งชิงไปตามประวัติศาสตร์เสียดินแดนสยามเราครั้งที่12นั้นล่ะ ไม่ไปทวงลาวทวงเวียดนามคืนอีกหรอก,พื้นที่แค่นี้ก็พอแล้ว,ลาวกับเวียดนามตกลงแบ่งกันเองจะ50:50ก็ตามสบายหลังจากไทยคืนพื้นที่ตามที่ว่านั้นแล้ว,โดยมีเงื่อนไขแถมอีกนิดคือถีบประชาชนเขมรทั้งหมดไปยึดเกาะมาเลย์ฝั่งบรูไนแทนเพราะสนิทสนมรักพอรักใคร่กันมากเป็นตัวกลางแบบบังคับไทยให้หยุดวันที่28เลยทันทีนะ ทหารไทยต้องการ48ชม. มันสมคบคิดกันต้องหยุด24ชม.จากมาเลย์คนไม่เป็นกลางช่วยเขมรเต็มที่ เช่นนั้นจงช่วยมันให้ถึงที่สุด ถีบไปเกาะมาเลย์มึงติดบรูไนเลย,เพราะเวียดนามและลาวจะยิงทิ้งหมดหากไม่ไป.ไม่ออกจากพื้นที่ เผ่าพันธ์นี้ไว้ใจไม่ได้ ต้องถีบไปไกลๆจากพวกเราสถานเดียว,
    ..วิธีการคือเขมรยิงใส่ลาวแล้ว ลาวเปิดก่อนเลย จากนั้นเวียดนามจึงค่อยตามหลังมีกระสุนไปถึงพื้นที่เวียดนามจะลาวเจตนายิงใส่เวียดนามการละครก่อนก็ได้แต่เวียดนามเข้าใจว่าเขมรยิงใส่หรือจ้างฝ่ายเขมรที่ทรยศฮุนเซนยิงตกใส่เวียดนามจริง,เวียดนามก็เปิดเลย บุกยึดเขมรร่วมกันกับลาวกับไทยที่คู่ศัตรูอยู่แล้ว.,เด็ดหัวฮุนเซนเสร็จ ถีบชาวเขมรไปเกาะพักพิงหลยหนีสงครามประเทศโลกที่สองที่สามมาเลย์ก็ว่าไปตามสิทธิมนุษยชน เพราะมาไทย ไทยยิงทิ้งทุกๆตัวทันทีแล้ว,ไปลาว ลาวก็เด็ดหัวทุกๆตัวเขมร ไปเวียดนามยิงดับอนาถเช่นกัน.
    ..ลาวจึงใช่มุกเปิดก่อนได้ ไม่น่าอายอะไร อ้างว่าลาวมั่นไส้เขมรนานแล้วที่ยิงลาวจึงไม่พอใจอยู่แล้ว,ให้ทหารลาวแอบไปตีหัวทหารเขมรก็ได้ อ้างจะช่วยไทยยึดเขมรมาแบ่งกับลาวกับเวียดนามก็ได้,
    ..อาเชียนเราสงบสุขแน่นอน.

    https://youtube.com/watch?v=4Je1aNj-xYc&si=BzBYu4Jslp-Y3NQJ
    ..555,เอาเลย ดีต่อคนทั้งโลกแน่นอนเพราะตัดตอนสงครามโลกได้ด้วย ลบเขมรออกจากแผนที่โลกร่วมกัน แบ่งพื้นที่เขมรกันเลย ไทยก็เอาแค่ที่ฝรั่งเศสแย่งชิงไปตามประวัติศาสตร์เสียดินแดนสยามเราครั้งที่12นั้นล่ะ ไม่ไปทวงลาวทวงเวียดนามคืนอีกหรอก,พื้นที่แค่นี้ก็พอแล้ว,ลาวกับเวียดนามตกลงแบ่งกันเองจะ50:50ก็ตามสบายหลังจากไทยคืนพื้นที่ตามที่ว่านั้นแล้ว,โดยมีเงื่อนไขแถมอีกนิดคือถีบประชาชนเขมรทั้งหมดไปยึดเกาะมาเลย์ฝั่งบรูไนแทนเพราะสนิทสนมรักพอรักใคร่กันมากเป็นตัวกลางแบบบังคับไทยให้หยุดวันที่28เลยทันทีนะ ทหารไทยต้องการ48ชม. มันสมคบคิดกันต้องหยุด24ชม.จากมาเลย์คนไม่เป็นกลางช่วยเขมรเต็มที่ เช่นนั้นจงช่วยมันให้ถึงที่สุด ถีบไปเกาะมาเลย์มึงติดบรูไนเลย,เพราะเวียดนามและลาวจะยิงทิ้งหมดหากไม่ไป.ไม่ออกจากพื้นที่ เผ่าพันธ์นี้ไว้ใจไม่ได้ ต้องถีบไปไกลๆจากพวกเราสถานเดียว, ..วิธีการคือเขมรยิงใส่ลาวแล้ว ลาวเปิดก่อนเลย จากนั้นเวียดนามจึงค่อยตามหลังมีกระสุนไปถึงพื้นที่เวียดนามจะลาวเจตนายิงใส่เวียดนามการละครก่อนก็ได้แต่เวียดนามเข้าใจว่าเขมรยิงใส่หรือจ้างฝ่ายเขมรที่ทรยศฮุนเซนยิงตกใส่เวียดนามจริง,เวียดนามก็เปิดเลย บุกยึดเขมรร่วมกันกับลาวกับไทยที่คู่ศัตรูอยู่แล้ว.,เด็ดหัวฮุนเซนเสร็จ ถีบชาวเขมรไปเกาะพักพิงหลยหนีสงครามประเทศโลกที่สองที่สามมาเลย์ก็ว่าไปตามสิทธิมนุษยชน เพราะมาไทย ไทยยิงทิ้งทุกๆตัวทันทีแล้ว,ไปลาว ลาวก็เด็ดหัวทุกๆตัวเขมร ไปเวียดนามยิงดับอนาถเช่นกัน. ..ลาวจึงใช่มุกเปิดก่อนได้ ไม่น่าอายอะไร อ้างว่าลาวมั่นไส้เขมรนานแล้วที่ยิงลาวจึงไม่พอใจอยู่แล้ว,ให้ทหารลาวแอบไปตีหัวทหารเขมรก็ได้ อ้างจะช่วยไทยยึดเขมรมาแบ่งกับลาวกับเวียดนามก็ได้, ..อาเชียนเราสงบสุขแน่นอน. https://youtube.com/watch?v=4Je1aNj-xYc&si=BzBYu4Jslp-Y3NQJ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน”
    ตอนที่ 21 : ตายเพราะงู
    J P Morgan ไม่ได้นอนฝันแล้ว คิดเรื่อง Federal Reserve Bank คนเดียวเองหรอก แต่มันเป็นการจับมือกันเล่นกล ที่น่าสนใจมาก เจ้าของทฤษฎีเล่นกล บางทีมันก็โดนกลลวงได้เหมือนกัน เหมือนหมองู ตายเพราะงู
    ท่านผู้อ่านนิทานคงรู้จักประวัติศาสตร์อเมริกาแล้วว่า อเมริกาก็เป็นหน่อไผ่ แยกกอมาจากอังกฤษนั่นแหละ เขาถึงพูดภาษาเดียวกัน แค่คนละสำเนียง อย่าไปนึกเป็นอันขาดเชียวว่า เขาคนละพวกกัน จะทำให้เข้าใจเรื่องราวไขว้เข้วไปหมด เขาเพียงแต่พลัดกันเล่น พลัดกันตี จำได้ไหม ท่านที่เคยอ่านนิทานจิกโก๋ปากซอยมาแล้ว
    อเมริกาตั้งบ้านเมืองใหม่ ระบบต่าง ๆ ก็แน่นอนลอกมาจากอังกฤษ แต่มันยังตั้งไข่ล้มอยู่เรื่อย โดยเฉพาะระบบการเงิน ตลอดเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1800 กว่า จนถึง 1900 กว่า อเมริกาประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจหลายรอบ และยิ่งเกิดวิกฤติ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็กว้างขึ้นทุกที พวกที่จนก็ถึงกับไม่มีจะกิน เดี๋ยวนี้ไปดูแถว New York พวกเอาหนังสือพิมพ์ปูนอนก็ยังมีอยู่แยะ อย่านึกว่าเป็นมหาอำนาจแล้ว ประชาชนจะอยู่ดีมีสุขทั้งหมด นั้นมันในหนัง ของจริงเขาไม่ปล่อยให้เรารู้ง่าย ๆ หรอก พวกที่รวยเอา ๆ จากความ ฉ ห ของธุรกิจ แน่นอน คือ Rockefeller, J P Morgan, Astors ,Vanderbilts และ Carnegies เป็นต้น แล้วพวกเศรษฐีก็จับมือกัน จัดการแบ่งเค็กกันเพื่ิอให้รวยขึ้นไปอีก J P Morgan รับประทานเค็กส่วนรางรถไฟกับธนาคาร ส่วน Rockefeller บอกเรื่องน้ำมันเป็นของข้าพเจ้า แต่เสร็จแล้วเขาก็ขยายตัวไปธุรกิจธนาคารด้วย ใครมั่งไม่ชอบนับแบงค์
    J P Morgan แม้จะตั้งธนาคารของตนเอง เช่น First National Bank of New York และNational City Bank of New York แต่มันก็เป็นการร่วมมือกับ Rockefeller ในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะพวกผู้จัดการของ 2 ธนาคารน่ะ มันคนของ Rockefeller เขาทั้งนั้นแหละ แต่ที่น่าสนใจตระกูล Morgan เคยค้าขายในอังกฤษมาก่อนต้ังแต่รุ่นพ่อ ดังนั้นเขาก็มีพรรคพวก อยู่แถวอังกฤษและยุโรปด้วย
    อังกฤษในช่วงนั้นยังเป็นยุคที่อังกฤษยังเฟื่องฟู มีอาณานิคมแผ่ไปทั่ว นักล่าชื่อนาย Cecil Rhodes เข้าไปเผชิญโชคใน Africa เขาตะลุยไปทั่วจนในที่สุด เป็นเจ้าของเหมืองทองและเหมืองเพชร ที่มีชื่อคือ De Beers เขาดังมากถึงขนาด Rhodesia ตั้งชื่อประเทศตาม ตามชื่อเขานั่นแหละ (Rhodesia ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe) คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัท De Beers แต่ที่จริงแล้วเศรษฐีล้มหล่น Nathaniel de Rothschild ต่างหากที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ใน De Beers พวก Rothschild ไม่ต้องไปออกแรงรบกับคนป่าอาฟริกาและฝรั่งชาติอื่น เช่น พวกดัชท์ เขาใช้วิธินั่งสบายอยู่ในลอนดอน แต่ส่งเงินสนับสนุนให้นายRhodes ไปคลุกดินกินฝุ่นแทน ในปี ค.ศ. 1899 หุ้นของ Rothschild ใน De Beers
    ก็มากกว่า นาย Rhodes ถึงเท่าตัว
    นาย Rhodes นี้ เป็นแบบฉบับนักล่าของอังกฤษ เขาคิดว่าจักรภพอังกฤษควรต้องขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ และจะให้ดีต้องเอาอเมริกากลับมาเป็นอาณานิคมเหมือนเดิม และมาร่วมสร้างจักรภพอังกฤษยุคใหม่ ที่ใช้ระบบเดียว คุมทุกชาติภายใต้การปกครองของหนึ่งเดียว คืออังกฤษผู้เกรียงไกร (มาแล้วไง ! กลุ่มนักล่าฝั่งขวาของมหาสมุทร) และแน่นอน ผู้ที่สนับสนุนความคิดนี้ และร่วมปฏิบัติการ คือ พวก Rothschild และธนาคารในเครือข่าย เมื่อประธานาธิบดี Wilson ลงนาม Federal Reserve Act เสียงสะท้อนข้ามมาจากอีกฝั่งมหาสมุทรแอทแลนติคบอกว่า เราเอาอเมริกากลับมาอยู่ในจักรภพอังกฤษ (ยุคใหม่) แล้ว โดยไม่ต้องใช้กำลังทหารเลยล่ะ !

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน” ตอนที่ 21 : ตายเพราะงู J P Morgan ไม่ได้นอนฝันแล้ว คิดเรื่อง Federal Reserve Bank คนเดียวเองหรอก แต่มันเป็นการจับมือกันเล่นกล ที่น่าสนใจมาก เจ้าของทฤษฎีเล่นกล บางทีมันก็โดนกลลวงได้เหมือนกัน เหมือนหมองู ตายเพราะงู ท่านผู้อ่านนิทานคงรู้จักประวัติศาสตร์อเมริกาแล้วว่า อเมริกาก็เป็นหน่อไผ่ แยกกอมาจากอังกฤษนั่นแหละ เขาถึงพูดภาษาเดียวกัน แค่คนละสำเนียง อย่าไปนึกเป็นอันขาดเชียวว่า เขาคนละพวกกัน จะทำให้เข้าใจเรื่องราวไขว้เข้วไปหมด เขาเพียงแต่พลัดกันเล่น พลัดกันตี จำได้ไหม ท่านที่เคยอ่านนิทานจิกโก๋ปากซอยมาแล้ว อเมริกาตั้งบ้านเมืองใหม่ ระบบต่าง ๆ ก็แน่นอนลอกมาจากอังกฤษ แต่มันยังตั้งไข่ล้มอยู่เรื่อย โดยเฉพาะระบบการเงิน ตลอดเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1800 กว่า จนถึง 1900 กว่า อเมริกาประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจหลายรอบ และยิ่งเกิดวิกฤติ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็กว้างขึ้นทุกที พวกที่จนก็ถึงกับไม่มีจะกิน เดี๋ยวนี้ไปดูแถว New York พวกเอาหนังสือพิมพ์ปูนอนก็ยังมีอยู่แยะ อย่านึกว่าเป็นมหาอำนาจแล้ว ประชาชนจะอยู่ดีมีสุขทั้งหมด นั้นมันในหนัง ของจริงเขาไม่ปล่อยให้เรารู้ง่าย ๆ หรอก พวกที่รวยเอา ๆ จากความ ฉ ห ของธุรกิจ แน่นอน คือ Rockefeller, J P Morgan, Astors ,Vanderbilts และ Carnegies เป็นต้น แล้วพวกเศรษฐีก็จับมือกัน จัดการแบ่งเค็กกันเพื่ิอให้รวยขึ้นไปอีก J P Morgan รับประทานเค็กส่วนรางรถไฟกับธนาคาร ส่วน Rockefeller บอกเรื่องน้ำมันเป็นของข้าพเจ้า แต่เสร็จแล้วเขาก็ขยายตัวไปธุรกิจธนาคารด้วย ใครมั่งไม่ชอบนับแบงค์ J P Morgan แม้จะตั้งธนาคารของตนเอง เช่น First National Bank of New York และNational City Bank of New York แต่มันก็เป็นการร่วมมือกับ Rockefeller ในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะพวกผู้จัดการของ 2 ธนาคารน่ะ มันคนของ Rockefeller เขาทั้งนั้นแหละ แต่ที่น่าสนใจตระกูล Morgan เคยค้าขายในอังกฤษมาก่อนต้ังแต่รุ่นพ่อ ดังนั้นเขาก็มีพรรคพวก อยู่แถวอังกฤษและยุโรปด้วย อังกฤษในช่วงนั้นยังเป็นยุคที่อังกฤษยังเฟื่องฟู มีอาณานิคมแผ่ไปทั่ว นักล่าชื่อนาย Cecil Rhodes เข้าไปเผชิญโชคใน Africa เขาตะลุยไปทั่วจนในที่สุด เป็นเจ้าของเหมืองทองและเหมืองเพชร ที่มีชื่อคือ De Beers เขาดังมากถึงขนาด Rhodesia ตั้งชื่อประเทศตาม ตามชื่อเขานั่นแหละ (Rhodesia ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe) คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัท De Beers แต่ที่จริงแล้วเศรษฐีล้มหล่น Nathaniel de Rothschild ต่างหากที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ใน De Beers พวก Rothschild ไม่ต้องไปออกแรงรบกับคนป่าอาฟริกาและฝรั่งชาติอื่น เช่น พวกดัชท์ เขาใช้วิธินั่งสบายอยู่ในลอนดอน แต่ส่งเงินสนับสนุนให้นายRhodes ไปคลุกดินกินฝุ่นแทน ในปี ค.ศ. 1899 หุ้นของ Rothschild ใน De Beers ก็มากกว่า นาย Rhodes ถึงเท่าตัว นาย Rhodes นี้ เป็นแบบฉบับนักล่าของอังกฤษ เขาคิดว่าจักรภพอังกฤษควรต้องขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ และจะให้ดีต้องเอาอเมริกากลับมาเป็นอาณานิคมเหมือนเดิม และมาร่วมสร้างจักรภพอังกฤษยุคใหม่ ที่ใช้ระบบเดียว คุมทุกชาติภายใต้การปกครองของหนึ่งเดียว คืออังกฤษผู้เกรียงไกร (มาแล้วไง ! กลุ่มนักล่าฝั่งขวาของมหาสมุทร) และแน่นอน ผู้ที่สนับสนุนความคิดนี้ และร่วมปฏิบัติการ คือ พวก Rothschild และธนาคารในเครือข่าย เมื่อประธานาธิบดี Wilson ลงนาม Federal Reserve Act เสียงสะท้อนข้ามมาจากอีกฝั่งมหาสมุทรแอทแลนติคบอกว่า เราเอาอเมริกากลับมาอยู่ในจักรภพอังกฤษ (ยุคใหม่) แล้ว โดยไม่ต้องใช้กำลังทหารเลยล่ะ ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไทยเคยโอบกอดผู้ลี้ภัย: ย้อนรอยประวัติศาสตร์ "บ้านหนองจาน" จากที่พักพิงสู่ประเด็นปัญหา
    https://www.thai-tai.tv/news/21168/
    .

    #กองทัพภาคที่1 #RTA #กองทัพบก #สนามไชย2 #รวมใจไทยเป็นหนึ่ง #ทีมไทยแลนด์ #TruthFromThailand #บ้านหนองจาน #สระแก้ว
    เมื่อไทยเคยโอบกอดผู้ลี้ภัย: ย้อนรอยประวัติศาสตร์ "บ้านหนองจาน" จากที่พักพิงสู่ประเด็นปัญหา https://www.thai-tai.tv/news/21168/ . #กองทัพภาคที่1 #RTA #กองทัพบก #สนามไชย2 #รวมใจไทยเป็นหนึ่ง #ทีมไทยแลนด์ #TruthFromThailand #บ้านหนองจาน #สระแก้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • Viking River Cruise เส้นทาง 3 แม่น้ำยุโรป เปิดประตูสู่หัวใจของยุโรปกลาง ผ่านไรน์ ไมน์ และดานูบ
    18 วัน 17 คืน ล่องผ่าน 4 ประเทศ ชมเมืองประวัติศาสตร์ & มรดกโลก UNESCO
    เส้นทาง Switzerland - Germany - France - Netherland

    เดินทาง เม.ย. - ต.ค. 2569

    ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD 11,495
    โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม

    ราคานี้รวมครบ
    ทัวร์ชายฝั่ง 1 รายการทุกเมืองที่เรือจอด
    Wi-Fi บนเรือสำราญ
    เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ
    ค่าภาษีและค่าทิปพนักงานบนเรือ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-18D17N-BSL-BUD-2610281
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e63bfa

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #VikingRiverCruise #DanubeRiver #RhineRiver #MainRiver #Austria #Hungary #LuxuryCruise #ล่องเรือยุโรป #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #โปรโมชั่นพิเศษ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    🚢 Viking River Cruise เส้นทาง 3 แม่น้ำยุโรป เปิดประตูสู่หัวใจของยุโรปกลาง ผ่านไรน์ ไมน์ และดานูบ 18 วัน 17 คืน ล่องผ่าน 4 ประเทศ ชมเมืองประวัติศาสตร์ & มรดกโลก UNESCO เส้นทาง Switzerland - Germany - France - Netherland 📅 เดินทาง เม.ย. - ต.ค. 2569 ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD 11,495 โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม 💥 ✨ ราคานี้รวมครบ ✅ ทัวร์ชายฝั่ง 1 รายการทุกเมืองที่เรือจอด ✅ Wi-Fi บนเรือสำราญ ✅ เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ ✅ ค่าภาษีและค่าทิปพนักงานบนเรือ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-18D17N-BSL-BUD-2610281 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e63bfa ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #VikingRiverCruise #DanubeRiver #RhineRiver #MainRiver #Austria #Hungary #LuxuryCruise #ล่องเรือยุโรป #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #โปรโมชั่นพิเศษ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อซีพียูทะลุ 9 GHz และมนุษย์ยังไม่หยุดท้าทายขีดจำกัด

    ในโลกของการโอเวอร์คล็อก ซีพียูที่เร็วที่สุดไม่ใช่แค่เรื่องของประสิทธิภาพ แต่เป็นการแสดงออกถึงความกล้าท้าทายขีดจำกัดของเทคโนโลยี และล่าสุด นักโอเวอร์คล็อกจากจีนชื่อ wytiwx ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการดัน Intel Core i9-14900KF ไปถึง 9,130.33 MHz หรือ 9.13 GHz ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่เคยมีการบันทึกอย่างเป็นทางการ

    การทำลายสถิตินี้ใช้เทคนิคสุดขั้ว — ระบายความร้อนด้วย “ฮีเลียมเหลว” ซึ่งเย็นกว่าลิควิดไนโตรเจน และต้องใช้แรงดันไฟสูงถึง 1.388V เพื่อให้ซีพียูเสถียรในสภาวะสุดโต่งนี้ โดยใช้เมนบอร์ด ASUS ROG Maximus Z790 Apex ที่ออกแบบมาเพื่อการโอเวอร์คล็อกโดยเฉพาะ พร้อมแรม DDR5-5744 จาก Corsair และการ์ดจอ RTX 3050 เพื่อให้ระบบทำงานครบถ้วน

    ก่อนหน้านี้ สถิติสูงสุดอยู่ที่ 9.117 GHz โดย Elmor และ 9.121 GHz โดย wytiwx เองในรอบก่อน แต่ครั้งนี้เขาแซงตัวเองไปอีก 13 MHz ซึ่งในโลกของโอเวอร์คล็อก นั่นถือว่า “เยอะมาก”

    แม้จะเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องเข้าใจ — การโอเวอร์คล็อกระดับนี้ไม่สามารถใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้ และอาจทำให้ชิปเสียหายถาวมหากไม่ควบคุมอย่างถูกต้อง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    wytiwx นักโอเวอร์คล็อกจากจีนทำลายสถิติโลกด้วยการดัน Core i9-14900KF ไปถึง 9.13 GHz
    ใช้ฮีเลียมเหลวในการระบายความร้อน ซึ่งเย็นกว่าลิควิดไนโตรเจน
    ใช้แรงดันไฟ 1.388V เพื่อให้ซีพียูเสถียรในสภาวะสุดขั้ว
    เมนบอร์ดที่ใช้คือ ASUS ROG Maximus Z790 Apex พร้อมแรม Corsair DDR5-5744
    การ์ดจอที่ใช้คือ RTX 3050 และพาวเวอร์ซัพพลาย Corsair HX1200i
    สถิติใหม่แซงสถิติเดิมของ Core i9-14900KS ไป 13 MHz
    สถิตินี้ได้รับการรับรองโดย HWBot และ CPU-Z
    ซีพียูรุ่น Raptor Lake Refresh มีศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกสูงกว่ารุ่นก่อน
    AMD เคยครองสถิติด้วย FX-8370 ที่ 8.722 GHz นานถึง 9 ปี
    Intel Raptor Lake ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักโอเวอร์คล็อกทั่วโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ฮีเลียมเหลวมีจุดเดือดต่ำกว่าลิควิดไนโตรเจนมาก ทำให้สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง -269°C
    HWBot เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้บันทึกและรับรองสถิติการโอเวอร์คล็อกระดับโลก
    การโอเวอร์คล็อกระดับ extreme ต้องใช้ระบบไฟฟ้าและความเย็นที่ออกแบบเฉพาะ
    CPU-Z เป็นเครื่องมือมาตรฐานในการตรวจสอบความเร็วและแรงดันของซีพียู
    การโอเวอร์คล็อกแบบนี้มักใช้ Windows 7 เพราะมี latency ต่ำและเสถียรกว่าในบางกรณี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/core-i9-14900kf-overclocked-to-9-13-ghz-to-become-the-highest-clocked-cpu-of-all-time-13-mhz-faster-than-the-previous-record-holder
    ⚡ เมื่อซีพียูทะลุ 9 GHz และมนุษย์ยังไม่หยุดท้าทายขีดจำกัด ในโลกของการโอเวอร์คล็อก ซีพียูที่เร็วที่สุดไม่ใช่แค่เรื่องของประสิทธิภาพ แต่เป็นการแสดงออกถึงความกล้าท้าทายขีดจำกัดของเทคโนโลยี และล่าสุด นักโอเวอร์คล็อกจากจีนชื่อ wytiwx ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการดัน Intel Core i9-14900KF ไปถึง 9,130.33 MHz หรือ 9.13 GHz ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่เคยมีการบันทึกอย่างเป็นทางการ การทำลายสถิตินี้ใช้เทคนิคสุดขั้ว — ระบายความร้อนด้วย “ฮีเลียมเหลว” ซึ่งเย็นกว่าลิควิดไนโตรเจน และต้องใช้แรงดันไฟสูงถึง 1.388V เพื่อให้ซีพียูเสถียรในสภาวะสุดโต่งนี้ โดยใช้เมนบอร์ด ASUS ROG Maximus Z790 Apex ที่ออกแบบมาเพื่อการโอเวอร์คล็อกโดยเฉพาะ พร้อมแรม DDR5-5744 จาก Corsair และการ์ดจอ RTX 3050 เพื่อให้ระบบทำงานครบถ้วน ก่อนหน้านี้ สถิติสูงสุดอยู่ที่ 9.117 GHz โดย Elmor และ 9.121 GHz โดย wytiwx เองในรอบก่อน แต่ครั้งนี้เขาแซงตัวเองไปอีก 13 MHz ซึ่งในโลกของโอเวอร์คล็อก นั่นถือว่า “เยอะมาก” แม้จะเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องเข้าใจ — การโอเวอร์คล็อกระดับนี้ไม่สามารถใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้ และอาจทำให้ชิปเสียหายถาวมหากไม่ควบคุมอย่างถูกต้อง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ wytiwx นักโอเวอร์คล็อกจากจีนทำลายสถิติโลกด้วยการดัน Core i9-14900KF ไปถึง 9.13 GHz ➡️ ใช้ฮีเลียมเหลวในการระบายความร้อน ซึ่งเย็นกว่าลิควิดไนโตรเจน ➡️ ใช้แรงดันไฟ 1.388V เพื่อให้ซีพียูเสถียรในสภาวะสุดขั้ว ➡️ เมนบอร์ดที่ใช้คือ ASUS ROG Maximus Z790 Apex พร้อมแรม Corsair DDR5-5744 ➡️ การ์ดจอที่ใช้คือ RTX 3050 และพาวเวอร์ซัพพลาย Corsair HX1200i ➡️ สถิติใหม่แซงสถิติเดิมของ Core i9-14900KS ไป 13 MHz ➡️ สถิตินี้ได้รับการรับรองโดย HWBot และ CPU-Z ➡️ ซีพียูรุ่น Raptor Lake Refresh มีศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกสูงกว่ารุ่นก่อน ➡️ AMD เคยครองสถิติด้วย FX-8370 ที่ 8.722 GHz นานถึง 9 ปี ➡️ Intel Raptor Lake ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักโอเวอร์คล็อกทั่วโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ฮีเลียมเหลวมีจุดเดือดต่ำกว่าลิควิดไนโตรเจนมาก ทำให้สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง -269°C ➡️ HWBot เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้บันทึกและรับรองสถิติการโอเวอร์คล็อกระดับโลก ➡️ การโอเวอร์คล็อกระดับ extreme ต้องใช้ระบบไฟฟ้าและความเย็นที่ออกแบบเฉพาะ ➡️ CPU-Z เป็นเครื่องมือมาตรฐานในการตรวจสอบความเร็วและแรงดันของซีพียู ➡️ การโอเวอร์คล็อกแบบนี้มักใช้ Windows 7 เพราะมี latency ต่ำและเสถียรกว่าในบางกรณี https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/core-i9-14900kf-overclocked-to-9-13-ghz-to-become-the-highest-clocked-cpu-of-all-time-13-mhz-faster-than-the-previous-record-holder
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 2 ตอน ผู้ดีขี้ขโมย
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 19 : ผู้ดีขี้ขโมย
    คงจำกันได้ อิหร่านพบน้ำมันตั้งแต่ยังใช้ชื่อประเทศว่าเปอร์เซีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 อังกฤษไม่มีน้ำมันของตนเอง จึงโดดเข้าไปคว้าข้อมือมาทำสัญญา ยังไม่หยุดแค่นั้น กลิ่นน้ำมันมันแรงเกินห้ามใจ อังกฤษบุกเข้าไปในอิหร่าน และบังคับให้อิหร่านให้สัญญาสัมปทานกับ Royal Dutch Shell ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นร่วมอยู่ด้วย
    วันดีคืนดี ปี ค.ศ. 1944 คนรักชาติ ชื่อนาย Mohammad Mossadegh ทนไม่ไหว ลุกขึ้นเสนอให้อิหร่านออกกฎหมาย ห้ามเจรจาขายน้ำมันกับบริษัทต่างชาติ (สมันน้อยอ่านเรื่องอิหร่าน หลายหนหน่อยนะ เผื่อต้องใช้) อังกฤษโมโหจนหน้ามืด ยกทัพบุกเข้าไปในอิหร่านต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ ค.ศ. 1948 อังกฤษก็ถอนทัพออกมา แต่บอกว่า ประเทศยูอยู่ในความควบคุมของไอแล้วนะ ผ่านการควบคุม โดย Anglo Iranian Oil Company แหล่งน้ำมันอิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกขณะนั้น เออ ! หน้าด้าน ๆ แบบนั้นแหละ
    ระหว่างการต่อสู้ ปีค.ศ. 1947 รัฐบาลอิหร่านกระซิบเบา ๆ บอกอังกฤษว่า นายท่าน Venezuela ที่เขาทำสัญญากับ Standard Oil น่ะนะ เขาให้ส่วนแบ่ง 50:50 นะ นายท่านฉุนขาด บังอาจมาก ไม่ตกลงโว้ย คุณ Mossadegh แกก็อดทน รอไว้ก่อนวันหน้ายังมี ก็รบแพ้เขานี่ แล้วแกก็ตัดสินใจเข้าสู่การเมือง
เมื่อได้เป็นผู้แทนก็พยายามอภิปรายหว่านล้อมสภา จนสภามีมติให้ไปเจรจาขอส่วนแบ่ง 50:50 กับอังกฤษต่อ
    อังกฤษปฏิเสธเหมือนเดิม แต่คราวนี้โลกมันคงหมุนกลับทาง คุณ Mossadegh ได้เป็นนายกรัฐมนตรี งานแรกที่คุณ Mossadegh ทำคือ ยึดคืนบริษัท Anglo Iranian Oil Company (คนเล่านิทานขอสดุดี) โดยยอมจ่ายค่าเสียหายให้อังกฤษ (สุภาพบุรุษมาก) แต่อังกฤษไม่เป็นสุภาพบุรุษด้วย กลับใช้วิธีขี้แพ้ชั้นเลวตอบโต้ อังกฤษไม่รอช้า เริ่มใช้วิธีคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่าน (Economic Sanction) และห้ามการซื้อขายน้ำมันตามมา (Oil Embargo) นอกจากนี้ ทรัพย์สินของอิหร่านที่ฝากอยู่ในธนาคารอังกฤษถูกอายัด ค่ายน้ำมันฝั่ง Anglo – American ต่างสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรของอังกฤษ เศรษฐกิจอิหร่านพังทลาย จากที่มีรายได้จากขายน้ำมัน ในปีค.ศ. 1950 จำนวน 400 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 2 ล้าน (อ่านว่าสองล้าน) เหรียญในปีค.ศ. 1951 ! มันโหดจริง ๆ นะ น้ำมันก็ของเขา อยู่ในบ้านเขา พอเขาไม่ยอมให้โกงต่อไป มันก็ใช้อำนาจข่มขู่
    มันไม่ใช่แค่นั้น อเมริกาช่วยส่งนักจัดรายการยี่ห้อ CIA บวก SIS ของอังกฤษเข้าไปร่วมกระชับวงล้อม ผลคงเดากันออก คุณ Mossadegh ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง และมีการอุ้ม Shah Reza Pahlavi เข้ามาในตำแหน่งแทน การคว่ำบาตรยกเลิก หงายบาตรรับเงินต่อไป อเมริกาและอังกฤษก็ได้เข้าไปทำการค้าควบคุมเหมือนเดิม ผ่านไป 30 ปี วงจรอุบาทย์ก็กลับมาใหม่ โดยคนกำกับการแสดงรายเก่า นักจัดรายการยี่ห้อเก่า แต่เหยื่อเปลี่ยนจากคุณ Mossadegh เป็นท่าน Shah เฮ้อ ! โลกมันเป็นอย่างนี้แหละ น้ำมันมันมีค่าถึงขนาดนี้เชียวหรือ เรามาพากันรณณรงค์ใช้น้ำมันหมู หรือน้ำมันมะพร้าวกันดีไหม สมันน้อย พวกมันจะได้ไม่ยุ่งกับเรา 555
    เรื่องของอิหร่านไม่จบง่าย ๆ อังกฤษพยายามทำเป็นลืมเรื่อง 50:50 กับอิหร่าน แต่มันก็มีคนมากระตุก ทำให้โลหิตกระอักขึ้นมาใหม่
    ประมาณปีค.ศ. 1957 มีบริษัทน้ำมันอิตาเลี่ยนเกิดขึ้นมาใหม่ ชื่อ Azienda Generale Italiana Petroli ชื่อยาวจัง แต่ที่เรารู้จักเขาในนาม AGIP น่ะ ผู้ก่อตั้งชื่อ Enrico Mattei คุณ Mattei นี้ไม่ธรรมดา แกพยายามหาแหล่งน้ำมันให้ประเทศแก แต่ไม่สำเร็จ เพราะตอนที่ Anglo American คว่ำบาตรอิหร่าน คุณ Mattei แสดงความไม่เห็นด้วย แน่นอนแกย่อมถูกขึ้นบัญชีดำไว้ คุณ Mattei ไม่ย่อท้อ พยายามเดินเรื่องให้มีการออกกฎหมายใหม่ และในที่สุดอิตาลี ก็ตั้งบริษัทน้ำมันแบบรัฐถือหุ้นร่วมด้วย ชื่อ Ente Nazionale Idrocarburi (ENI) โดยมี AGIP เป็นบริษัทลูก
    แล้วคุณ Mattei ก็เดินเข้าไปขอเจรจาขุดเจาะน้ำมันกับอิหร่านโดยเสนอส่วนแบ่งให้อิหร่าน 75 และผู้ขุดเอา 25 มันกลับทางจากที่อิหร่านได้อยู่จากอังกฤษ เป็นไปได้ยังไง ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ พวกเราก็รวยน้อยลงซินะ พวกนายท่านต่างไม่พอใจ เรื่องนี้ต้องจบ เข้าใจไหม
    คุณ Mattei นอกจากบอกว่าไม่เข้าใจ และยังไม่สนใจ เขาเดินหน้าต่อ ท้าทายบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายหนักเข้าไปอีก ด้วยการเข้าไปติดต่อกับแหล่งน้ำมันในประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของนายท่าน ด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่านายท่านแบ่งมาให้ ท้าทายแค่นี้คงยังไม่สะใจ (เฮ้อ ! อยากได้คุณ Mattei พันธ์ไทยสักคน)
    ปีค.ศ. 1960 คุณ Mattei ได้กระทำการที่นายท่านบอกว่า พอกันที มันไม่ใช่แค่หยามหน้าเราแล้วนะ แต่มันกำลังเหยียบหน้าเรา เพราะคุณ Mattei เข้าไปเจรจากับโซเวียตเจ้าของแหล่งน้ำมัน ที่นายท่านโคตรรวยทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้น่ะ เขาทำสัญญาตกลงซื้อน้ำมันดิบปีละ 2.4 ล้านตัน จากโซเวียตเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่ต้องจ่ายเป็นเงิน แต่ตกลงจะสร้างท่อส่งน้ำมัน ที่โซเวียตอยากได้หนักหนาแทนให้ มันจะเป็นท่อส่งน้ำมันที่เป็น network ระหว่างน้ำมันในรัสเซียไปยัง Czechoslovakia Poland และ Hungary จำนวน 15 ล้านตันต่อปี เมื่อเสร็จสมบูรณ์
    หลังจากทำสัญญาได้ 1 เดือน คุณ Mattei ก็ตาย ตายจริง ๆ เนื่องจากเครื่องบินส่วนตัวตก หลังจากขึ้นบินไปไม่นาน สัญญาที่คุณ Mattei สร้างประวัติศาสตร์ไว้มีกับ อิหร่าน รัสเซีย โมรอคโค ซูดาน แทนซาเนีย กานา อินเดีย และอาร์เจนตินา แน่นอนสัญญาเหล่านี้ ทำให้พวกโคตรรวย นายท่าน ทั้งหลาย กลายเป็นผู้ร้ายแทนผู้ดีโคตรรวย !

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 2 ตอน ผู้ดีขี้ขโมย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 19 : ผู้ดีขี้ขโมย คงจำกันได้ อิหร่านพบน้ำมันตั้งแต่ยังใช้ชื่อประเทศว่าเปอร์เซีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 อังกฤษไม่มีน้ำมันของตนเอง จึงโดดเข้าไปคว้าข้อมือมาทำสัญญา ยังไม่หยุดแค่นั้น กลิ่นน้ำมันมันแรงเกินห้ามใจ อังกฤษบุกเข้าไปในอิหร่าน และบังคับให้อิหร่านให้สัญญาสัมปทานกับ Royal Dutch Shell ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นร่วมอยู่ด้วย วันดีคืนดี ปี ค.ศ. 1944 คนรักชาติ ชื่อนาย Mohammad Mossadegh ทนไม่ไหว ลุกขึ้นเสนอให้อิหร่านออกกฎหมาย ห้ามเจรจาขายน้ำมันกับบริษัทต่างชาติ (สมันน้อยอ่านเรื่องอิหร่าน หลายหนหน่อยนะ เผื่อต้องใช้) อังกฤษโมโหจนหน้ามืด ยกทัพบุกเข้าไปในอิหร่านต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ ค.ศ. 1948 อังกฤษก็ถอนทัพออกมา แต่บอกว่า ประเทศยูอยู่ในความควบคุมของไอแล้วนะ ผ่านการควบคุม โดย Anglo Iranian Oil Company แหล่งน้ำมันอิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกขณะนั้น เออ ! หน้าด้าน ๆ แบบนั้นแหละ ระหว่างการต่อสู้ ปีค.ศ. 1947 รัฐบาลอิหร่านกระซิบเบา ๆ บอกอังกฤษว่า นายท่าน Venezuela ที่เขาทำสัญญากับ Standard Oil น่ะนะ เขาให้ส่วนแบ่ง 50:50 นะ นายท่านฉุนขาด บังอาจมาก ไม่ตกลงโว้ย คุณ Mossadegh แกก็อดทน รอไว้ก่อนวันหน้ายังมี ก็รบแพ้เขานี่ แล้วแกก็ตัดสินใจเข้าสู่การเมือง
เมื่อได้เป็นผู้แทนก็พยายามอภิปรายหว่านล้อมสภา จนสภามีมติให้ไปเจรจาขอส่วนแบ่ง 50:50 กับอังกฤษต่อ อังกฤษปฏิเสธเหมือนเดิม แต่คราวนี้โลกมันคงหมุนกลับทาง คุณ Mossadegh ได้เป็นนายกรัฐมนตรี งานแรกที่คุณ Mossadegh ทำคือ ยึดคืนบริษัท Anglo Iranian Oil Company (คนเล่านิทานขอสดุดี) โดยยอมจ่ายค่าเสียหายให้อังกฤษ (สุภาพบุรุษมาก) แต่อังกฤษไม่เป็นสุภาพบุรุษด้วย กลับใช้วิธีขี้แพ้ชั้นเลวตอบโต้ อังกฤษไม่รอช้า เริ่มใช้วิธีคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่าน (Economic Sanction) และห้ามการซื้อขายน้ำมันตามมา (Oil Embargo) นอกจากนี้ ทรัพย์สินของอิหร่านที่ฝากอยู่ในธนาคารอังกฤษถูกอายัด ค่ายน้ำมันฝั่ง Anglo – American ต่างสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรของอังกฤษ เศรษฐกิจอิหร่านพังทลาย จากที่มีรายได้จากขายน้ำมัน ในปีค.ศ. 1950 จำนวน 400 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 2 ล้าน (อ่านว่าสองล้าน) เหรียญในปีค.ศ. 1951 ! มันโหดจริง ๆ นะ น้ำมันก็ของเขา อยู่ในบ้านเขา พอเขาไม่ยอมให้โกงต่อไป มันก็ใช้อำนาจข่มขู่ มันไม่ใช่แค่นั้น อเมริกาช่วยส่งนักจัดรายการยี่ห้อ CIA บวก SIS ของอังกฤษเข้าไปร่วมกระชับวงล้อม ผลคงเดากันออก คุณ Mossadegh ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง และมีการอุ้ม Shah Reza Pahlavi เข้ามาในตำแหน่งแทน การคว่ำบาตรยกเลิก หงายบาตรรับเงินต่อไป อเมริกาและอังกฤษก็ได้เข้าไปทำการค้าควบคุมเหมือนเดิม ผ่านไป 30 ปี วงจรอุบาทย์ก็กลับมาใหม่ โดยคนกำกับการแสดงรายเก่า นักจัดรายการยี่ห้อเก่า แต่เหยื่อเปลี่ยนจากคุณ Mossadegh เป็นท่าน Shah เฮ้อ ! โลกมันเป็นอย่างนี้แหละ น้ำมันมันมีค่าถึงขนาดนี้เชียวหรือ เรามาพากันรณณรงค์ใช้น้ำมันหมู หรือน้ำมันมะพร้าวกันดีไหม สมันน้อย พวกมันจะได้ไม่ยุ่งกับเรา 555 เรื่องของอิหร่านไม่จบง่าย ๆ อังกฤษพยายามทำเป็นลืมเรื่อง 50:50 กับอิหร่าน แต่มันก็มีคนมากระตุก ทำให้โลหิตกระอักขึ้นมาใหม่ ประมาณปีค.ศ. 1957 มีบริษัทน้ำมันอิตาเลี่ยนเกิดขึ้นมาใหม่ ชื่อ Azienda Generale Italiana Petroli ชื่อยาวจัง แต่ที่เรารู้จักเขาในนาม AGIP น่ะ ผู้ก่อตั้งชื่อ Enrico Mattei คุณ Mattei นี้ไม่ธรรมดา แกพยายามหาแหล่งน้ำมันให้ประเทศแก แต่ไม่สำเร็จ เพราะตอนที่ Anglo American คว่ำบาตรอิหร่าน คุณ Mattei แสดงความไม่เห็นด้วย แน่นอนแกย่อมถูกขึ้นบัญชีดำไว้ คุณ Mattei ไม่ย่อท้อ พยายามเดินเรื่องให้มีการออกกฎหมายใหม่ และในที่สุดอิตาลี ก็ตั้งบริษัทน้ำมันแบบรัฐถือหุ้นร่วมด้วย ชื่อ Ente Nazionale Idrocarburi (ENI) โดยมี AGIP เป็นบริษัทลูก แล้วคุณ Mattei ก็เดินเข้าไปขอเจรจาขุดเจาะน้ำมันกับอิหร่านโดยเสนอส่วนแบ่งให้อิหร่าน 75 และผู้ขุดเอา 25 มันกลับทางจากที่อิหร่านได้อยู่จากอังกฤษ เป็นไปได้ยังไง ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ พวกเราก็รวยน้อยลงซินะ พวกนายท่านต่างไม่พอใจ เรื่องนี้ต้องจบ เข้าใจไหม คุณ Mattei นอกจากบอกว่าไม่เข้าใจ และยังไม่สนใจ เขาเดินหน้าต่อ ท้าทายบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายหนักเข้าไปอีก ด้วยการเข้าไปติดต่อกับแหล่งน้ำมันในประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของนายท่าน ด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่านายท่านแบ่งมาให้ ท้าทายแค่นี้คงยังไม่สะใจ (เฮ้อ ! อยากได้คุณ Mattei พันธ์ไทยสักคน) ปีค.ศ. 1960 คุณ Mattei ได้กระทำการที่นายท่านบอกว่า พอกันที มันไม่ใช่แค่หยามหน้าเราแล้วนะ แต่มันกำลังเหยียบหน้าเรา เพราะคุณ Mattei เข้าไปเจรจากับโซเวียตเจ้าของแหล่งน้ำมัน ที่นายท่านโคตรรวยทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้น่ะ เขาทำสัญญาตกลงซื้อน้ำมันดิบปีละ 2.4 ล้านตัน จากโซเวียตเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่ต้องจ่ายเป็นเงิน แต่ตกลงจะสร้างท่อส่งน้ำมัน ที่โซเวียตอยากได้หนักหนาแทนให้ มันจะเป็นท่อส่งน้ำมันที่เป็น network ระหว่างน้ำมันในรัสเซียไปยัง Czechoslovakia Poland และ Hungary จำนวน 15 ล้านตันต่อปี เมื่อเสร็จสมบูรณ์ หลังจากทำสัญญาได้ 1 เดือน คุณ Mattei ก็ตาย ตายจริง ๆ เนื่องจากเครื่องบินส่วนตัวตก หลังจากขึ้นบินไปไม่นาน สัญญาที่คุณ Mattei สร้างประวัติศาสตร์ไว้มีกับ อิหร่าน รัสเซีย โมรอคโค ซูดาน แทนซาเนีย กานา อินเดีย และอาร์เจนตินา แน่นอนสัญญาเหล่านี้ ทำให้พวกโคตรรวย นายท่าน ทั้งหลาย กลายเป็นผู้ร้ายแทนผู้ดีโคตรรวย ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง มายากลยุทธ
    ภาคสอง เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 18 : สร้างฉาก
    นักเล่นกลไม่ให้เสียเวลา สถานการณ์การเมืองในรัสเซียกำลังวุ่นวาย โอกาสทองมาถึงแล้ว พวกเขาจึงสร้างคอมมี่ตัวพ่อขึ้นในรัสเซีย Trotsky และพวก เข้ามานั่งประชุมวางแผนอยู่ใน New York ปี ค.ศ. 1917 โดยใช้ passport อเมริกา ซึ่งอนุมัติออกโดยประธานาธิบดี Wilson บวกได้วีซ่าเข้าประเทศ
อังกฤษ โดยมีเงื่อนไขว่า ประชุมเสร็จแล้ว รีบกลับไปรัสเซียนะเพื่อน กลับไป “ดำเนินการ” เรื่องการปฏิวัติต่อให้เรียบร้อยนะ ระหว่างเดินทางกลับ Trotsky โดนจับที่ Canada แต่ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากอังกฤษส่งสาย มากระซิบสั่ง ! เอ้อ ! จับผิดจังหวะนะไอ้น้อง ! 555 ตำรวจฝรั่งก็บื้อเหมือนกัน !
    Trotsky เดินทางต่อทางเรือใน ค.ศ. 1917 มีเพื่อนร่วมทางน่าสนใจ เช่น นักลงทุนจาก Wall Street, คอมมี่สายอเมริกา และบุรุษลึกลับ ชื่อนาย Charles Crane คุณ Crane ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นลูกของผู้คุมกระเป๋าเงินของพรรค Democrat อเมริกา (มิใช่ ปชป ของพี่ชวนนะคร้าบ !) ตัวคุณ Crane เอง ก็เป็นผู้ช่วยของรมว.ต่างประเทศของอเมริกา ขณะนั้นชื่อ Robert Lansing
    การปฏิวัติในรัสเซีย เริ่มต้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังลุยกันอยู่ ตระกูล Morgan และตระกูล Rockefeller สนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย อย่างปิดไม่มิด เขาใช้สภากาชาดอเมริกาเป็นหน้าฉาก (ดูมันเล่นซี !) แต่คนจ่ายเงิน คือ กรรมการของ Federal Reserve Bank of New York ชื่อนาย William Boyce Thompson ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน Chase National Bank ขบวนการสนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย จริง ๆ แล้ว ก็ประกอบไปด้วย ผู้คนที่เกี่ยวข้องของ Standard Oil และ National City Bank ของนักเล่นกลตระกูล Rockefeller นั่นเอง เมื่อการปฏิวัติประสบผลสำเร็จ National City Bank สาขา Petrograd เป็นธนาคารต่างประเทศ ธนาคารเดียวที่ไม่ถูกคณะปฏิวัติ ยึดเป็นของรัฐ และเมื่อโซเวียตมีแผนปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศ เขาจำเป็นต้องใช้ technology และผู้ชำนาญการจากตปท.เข้ามาช่วย และแน่นอน บริษัทที่ส่งคนไปช่วยก็มาจาก Ford, General Electric, Dupont, Standard Oil, General Motors เป็นต้น และบริษัทเหล่านี้ก็ได้เข้าทำสัญญา ทำธุรกิจในโซเวียตกันถ้วนหน้า และบริษัทพวกนี้ ก็แน่นอนเป็นเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller ทั้งนั้น
    ค.ศ. 1945 สถานการณ์โลกเปลี่ยนไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นแชมป์ หมายเลข 1 จักรภพอังกฤษ แผ่ไปถึง 1 ใน 4 ของพื้นที่โลก แต่ 30 ปีให้หลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรภพอังกฤษกลายเป็นประวัติศาสตร์ และทำให้อังกฤษต้องหันมาพึ่งลูกรัก ชื่ออเมริกาแทน
    ความสัมพันธ์พิเศษของประเทศไผ่กอเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ปฏิบัติการขย่มเยอรมัน จากสนธิสัญญา Versailles หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และจากความร่วมมือในการทำจารกรรมช่วงสงครามโลก ระหว่างหน่วยสืบราชการลับของ CIA (ซึ่งช่วงนั้นยังใช้ชื่อ OSS Office of trategic Services) กับหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ สัมพันธ์ดังกล่าวยังมีอยู่ต่อมาถึงปัจจุบันนี้
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันสัญชาติ Anglo – American มาแรง ขยายตลาดไปทั่วจากกลไกของ World Bank IMF และการค้าเสรี GATT ซึ่งเกิดขึ้นเพราะข้อตกลง Bretton Wood ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1944 ทั้ง 3 กลไก ได้กำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าอังกฤษและอเมริกา จะเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินและการค้า ทั้ง 2 ประเทศคุมคะแนนเสียงของ 3 กลไก โดยสร้างระบบแลกเปลี่ยนทอง ภายใต้ระบบนี้ เงินสกุลต่าง ๆ ต้องผูกไว้กับดอลล่าร์ และใช้ดอลล่าร์ เป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับทอง 35 ดอลล่าร์ แลกทองได้ 1 ออนซ์ อเมริกาชอบใจเพราะตอนนั้นมีทองอยู่ล้นลิ้นชัก
    ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่น้ำมันกับพี่เบิ้มวงการธนาคาร และนักค้าเงินแถว Wall Street ก็จับมือกันเล่นกล ปั่นหุ้นปั่นเงิน ในที่สุดก็ตลาดเงินก็อยู่ในมือของพวกเขา
    ที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับการเข้าไปในลาตินอเมริกาของพวกโคตรรวย เขามองหาเป้าหมายและปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องอาหาร เขาใช้โลกที่ 3 โดยเฉพาะลาตินอเมริกาเป็นเหยือ ในโลกของน้ำมันและการเงินก็มีเหยื่อเช่นเดียวกัน

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง มายากลยุทธ ภาคสอง เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 18 : สร้างฉาก นักเล่นกลไม่ให้เสียเวลา สถานการณ์การเมืองในรัสเซียกำลังวุ่นวาย โอกาสทองมาถึงแล้ว พวกเขาจึงสร้างคอมมี่ตัวพ่อขึ้นในรัสเซีย Trotsky และพวก เข้ามานั่งประชุมวางแผนอยู่ใน New York ปี ค.ศ. 1917 โดยใช้ passport อเมริกา ซึ่งอนุมัติออกโดยประธานาธิบดี Wilson บวกได้วีซ่าเข้าประเทศ
อังกฤษ โดยมีเงื่อนไขว่า ประชุมเสร็จแล้ว รีบกลับไปรัสเซียนะเพื่อน กลับไป “ดำเนินการ” เรื่องการปฏิวัติต่อให้เรียบร้อยนะ ระหว่างเดินทางกลับ Trotsky โดนจับที่ Canada แต่ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากอังกฤษส่งสาย มากระซิบสั่ง ! เอ้อ ! จับผิดจังหวะนะไอ้น้อง ! 555 ตำรวจฝรั่งก็บื้อเหมือนกัน ! Trotsky เดินทางต่อทางเรือใน ค.ศ. 1917 มีเพื่อนร่วมทางน่าสนใจ เช่น นักลงทุนจาก Wall Street, คอมมี่สายอเมริกา และบุรุษลึกลับ ชื่อนาย Charles Crane คุณ Crane ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นลูกของผู้คุมกระเป๋าเงินของพรรค Democrat อเมริกา (มิใช่ ปชป ของพี่ชวนนะคร้าบ !) ตัวคุณ Crane เอง ก็เป็นผู้ช่วยของรมว.ต่างประเทศของอเมริกา ขณะนั้นชื่อ Robert Lansing การปฏิวัติในรัสเซีย เริ่มต้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังลุยกันอยู่ ตระกูล Morgan และตระกูล Rockefeller สนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย อย่างปิดไม่มิด เขาใช้สภากาชาดอเมริกาเป็นหน้าฉาก (ดูมันเล่นซี !) แต่คนจ่ายเงิน คือ กรรมการของ Federal Reserve Bank of New York ชื่อนาย William Boyce Thompson ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน Chase National Bank ขบวนการสนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย จริง ๆ แล้ว ก็ประกอบไปด้วย ผู้คนที่เกี่ยวข้องของ Standard Oil และ National City Bank ของนักเล่นกลตระกูล Rockefeller นั่นเอง เมื่อการปฏิวัติประสบผลสำเร็จ National City Bank สาขา Petrograd เป็นธนาคารต่างประเทศ ธนาคารเดียวที่ไม่ถูกคณะปฏิวัติ ยึดเป็นของรัฐ และเมื่อโซเวียตมีแผนปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศ เขาจำเป็นต้องใช้ technology และผู้ชำนาญการจากตปท.เข้ามาช่วย และแน่นอน บริษัทที่ส่งคนไปช่วยก็มาจาก Ford, General Electric, Dupont, Standard Oil, General Motors เป็นต้น และบริษัทเหล่านี้ก็ได้เข้าทำสัญญา ทำธุรกิจในโซเวียตกันถ้วนหน้า และบริษัทพวกนี้ ก็แน่นอนเป็นเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller ทั้งนั้น ค.ศ. 1945 สถานการณ์โลกเปลี่ยนไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นแชมป์ หมายเลข 1 จักรภพอังกฤษ แผ่ไปถึง 1 ใน 4 ของพื้นที่โลก แต่ 30 ปีให้หลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรภพอังกฤษกลายเป็นประวัติศาสตร์ และทำให้อังกฤษต้องหันมาพึ่งลูกรัก ชื่ออเมริกาแทน ความสัมพันธ์พิเศษของประเทศไผ่กอเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ปฏิบัติการขย่มเยอรมัน จากสนธิสัญญา Versailles หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และจากความร่วมมือในการทำจารกรรมช่วงสงครามโลก ระหว่างหน่วยสืบราชการลับของ CIA (ซึ่งช่วงนั้นยังใช้ชื่อ OSS Office of trategic Services) กับหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ สัมพันธ์ดังกล่าวยังมีอยู่ต่อมาถึงปัจจุบันนี้ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันสัญชาติ Anglo – American มาแรง ขยายตลาดไปทั่วจากกลไกของ World Bank IMF และการค้าเสรี GATT ซึ่งเกิดขึ้นเพราะข้อตกลง Bretton Wood ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1944 ทั้ง 3 กลไก ได้กำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าอังกฤษและอเมริกา จะเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินและการค้า ทั้ง 2 ประเทศคุมคะแนนเสียงของ 3 กลไก โดยสร้างระบบแลกเปลี่ยนทอง ภายใต้ระบบนี้ เงินสกุลต่าง ๆ ต้องผูกไว้กับดอลล่าร์ และใช้ดอลล่าร์ เป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับทอง 35 ดอลล่าร์ แลกทองได้ 1 ออนซ์ อเมริกาชอบใจเพราะตอนนั้นมีทองอยู่ล้นลิ้นชัก ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่น้ำมันกับพี่เบิ้มวงการธนาคาร และนักค้าเงินแถว Wall Street ก็จับมือกันเล่นกล ปั่นหุ้นปั่นเงิน ในที่สุดก็ตลาดเงินก็อยู่ในมือของพวกเขา ที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับการเข้าไปในลาตินอเมริกาของพวกโคตรรวย เขามองหาเป้าหมายและปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องอาหาร เขาใช้โลกที่ 3 โดยเฉพาะลาตินอเมริกาเป็นเหยือ ในโลกของน้ำมันและการเงินก็มีเหยื่อเช่นเดียวกัน คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ใครก็ได้ไปฉายหนังกลางแปลงการฆ่าพวกมันเองให้พวกเขมรพรมแดนในปัจจุบันนี้ดูหน่อย มันอาจไม่เคยเห็นเคยเรียนเคยรับรู้ความจริงที่ไหนมาก่อนก็ได้ กันมันลืมขี้พื้น!!!

    #ฉายหนังกลางแปลงการฆ่าล้างคนเขมรให้มันดูเลย.

    #ฉายหนังกลางแปลงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เขมรแดง

    #ฉายหนังกลางแปลงเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธ์เขมร

    #ฉายหนังกลางแปลงตอนมันคนเขมรอพยพหนีตายมาพึ่งแดนไทย ณ หนองจาน

    #ตั้งลำโพงใหญ่ยักษ์เปิดเสียงดังๆบรรยายเป็นภาษาเขมร

    #พากษ์สดเป็นภาษาเขมรก็ได้.

    ..ขึ้นป้ายแลนด์มาร์คใหม่ว่า
    #แลนด์มาร์คเขมรหนีตายที่หนองจาน

    ..รัฐบาลเขมรกลัวเขารู้ความจริง ที่ลืมบุญคุณไทย
    เขมรรุ่นใหม่เขตพรมแดนลืมกำพืดตัวเองหมด จึงฉายหนังกลางแปลงช่วยจำได้ ฉายวนซ้ำไปมาดังๆเปิดเสียงดังๆพากษ์ภาษาเขมรให้มันแถวๆนั้นได้ยินทุกๆคืน1-2กม.มันได้ยินแน่ๆอาจไกลกว่า3-4กม.อีกก็ได้ ตั้งลำโพงยักษ์หันไปฝั่งชุมชนเขมรในไทยที่ไล่ไม่ไปถีบไม่ยอมออก ตั้งฉายรอบๆแนวรั้วลวดหนามฝั่งไทยเรานี้ล่ะ เปิดแมร่งใส่หูใส่ตาบอกให้มันมาดูนั่งดูทุกๆคืนก็ได้ มีหลายตอน บันทึกเขมรฆ่าคนเขมรแบบมรึงๆพวกมรึงกันเองแบบใด, มีไม่มีคนดูก็เปิดแมร่งตลอดแนวรั้วลวดหนามนั้นล่ะ มี10ตอน 100ตอน100ฉากการฆ่าการอพยพที่มีบันทึกไว้ เปิดให้แมร่งพวกมันนี้ดูให้เต็มตาเลย ใครจะยิงหนังกลางแปลงเราทิ้งก็ยิงหัวมันเลยสวนไป,

    ..ฝ่ายทหารไทยเราหรือฝ่ายประวัติศาสตร์เรามีคลิปมีวิดีโอมีภาพ เอามาฉายให้พวกเฮี้ยเขมรบ้านหนองจานดูหน่อยก็ดีเลย ที่ลืมๆกัน มันอาจจำได้.ในรุ่นพ่อรุ่นแม่ปู่ย่าตายายมันก็ตาม.ดิบเถื่อนขนาดไหนเอามาเปิดค่าจริงความจริงให้พวกมันดูเลย.

    https://youtube.com/watch?v=EiR4nCn7DJo&si=fK7SFWVIcxx6wz_C

    ..ใครก็ได้ไปฉายหนังกลางแปลงการฆ่าพวกมันเองให้พวกเขมรพรมแดนในปัจจุบันนี้ดูหน่อย มันอาจไม่เคยเห็นเคยเรียนเคยรับรู้ความจริงที่ไหนมาก่อนก็ได้ กันมันลืมขี้พื้น!!! #ฉายหนังกลางแปลงการฆ่าล้างคนเขมรให้มันดูเลย. #ฉายหนังกลางแปลงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เขมรแดง #ฉายหนังกลางแปลงเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธ์เขมร #ฉายหนังกลางแปลงตอนมันคนเขมรอพยพหนีตายมาพึ่งแดนไทย ณ หนองจาน #ตั้งลำโพงใหญ่ยักษ์เปิดเสียงดังๆบรรยายเป็นภาษาเขมร #พากษ์สดเป็นภาษาเขมรก็ได้. ..ขึ้นป้ายแลนด์มาร์คใหม่ว่า #แลนด์มาร์คเขมรหนีตายที่หนองจาน ..รัฐบาลเขมรกลัวเขารู้ความจริง ที่ลืมบุญคุณไทย เขมรรุ่นใหม่เขตพรมแดนลืมกำพืดตัวเองหมด จึงฉายหนังกลางแปลงช่วยจำได้ ฉายวนซ้ำไปมาดังๆเปิดเสียงดังๆพากษ์ภาษาเขมรให้มันแถวๆนั้นได้ยินทุกๆคืน1-2กม.มันได้ยินแน่ๆอาจไกลกว่า3-4กม.อีกก็ได้ ตั้งลำโพงยักษ์หันไปฝั่งชุมชนเขมรในไทยที่ไล่ไม่ไปถีบไม่ยอมออก ตั้งฉายรอบๆแนวรั้วลวดหนามฝั่งไทยเรานี้ล่ะ เปิดแมร่งใส่หูใส่ตาบอกให้มันมาดูนั่งดูทุกๆคืนก็ได้ มีหลายตอน บันทึกเขมรฆ่าคนเขมรแบบมรึงๆพวกมรึงกันเองแบบใด, มีไม่มีคนดูก็เปิดแมร่งตลอดแนวรั้วลวดหนามนั้นล่ะ มี10ตอน 100ตอน100ฉากการฆ่าการอพยพที่มีบันทึกไว้ เปิดให้แมร่งพวกมันนี้ดูให้เต็มตาเลย ใครจะยิงหนังกลางแปลงเราทิ้งก็ยิงหัวมันเลยสวนไป, ..ฝ่ายทหารไทยเราหรือฝ่ายประวัติศาสตร์เรามีคลิปมีวิดีโอมีภาพ เอามาฉายให้พวกเฮี้ยเขมรบ้านหนองจานดูหน่อยก็ดีเลย ที่ลืมๆกัน มันอาจจำได้.ในรุ่นพ่อรุ่นแม่ปู่ย่าตายายมันก็ตาม.ดิบเถื่อนขนาดไหนเอามาเปิดค่าจริงความจริงให้พวกมันดูเลย. https://youtube.com/watch?v=EiR4nCn7DJo&si=fK7SFWVIcxx6wz_C
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 16 : คนรวยอีกโคตร
    อเมริกามีตระกูล Rockefeller ที่โคตรรวย อังกฤษก็มีเหมือนกัน ใครรวยกว่าใคร เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกัน ดูกันไป ตระกูล Rothchilds เริ่มต้นหากินอยู่ ทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ที่ทำให้เขารวยแบบส้มหล่น คือจากการใช้ข่าววงในเล่นหุ้นในตลาดหุ้นอังกฤษ (สงสัยเป็น insider trading เจ้าแรกของโลก)
    ประมาณปี ค.ศ. 1815 อังกฤษและพวก ยกทัพไปขยี้จักรพรรดิ์ Napoleon ที่ Waterloo ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Belgium ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ Netherlands ตระกูล Rothchilds ซึ่งมีเชื้อสายของตระกูล แผ่ไปทั่วยุโรป กำลังครอบครองอาณาจักรการเงิน ผ่านเครือข่ายธนาคารของพวกเขา ตั้งแต่ London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples หัวหน้าตระกูลสายอังกฤษ คือ นาย Nathan Rothchilds เป็นนักเล่นหุ้นตัวยง เมื่อเครือข่ายของเขาส่งข่าวมาว่า กองทัพอังกฤษขยี้ Napoleon ได้ เขารู้ก่อนใคร ๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งรัฐบาลอังกฤษเอง ก็ยังไม่รู้ข่าวนี้ (ถ้ามันจะมีนกพิราบพันธ์พิเศษส่งข่าว !) เขาเดินเข้าไปตลาดหุ้น London ตีหน้าขรึมและสั่งเทขายหุ้นทุก
    ตัวที่เขามีอยู่ในพอร์ต แน่นอน เมื่อท่านเศรษฐีขายหุ้นทิ้งทุกตัว แมงเม่าก็ย่อมขายตาม ความอลหม่านก็เกิดขึ้นในตลาดหุ้น London แล้วหุ้นทุกตัวก็พุ่งหลาวลงไปติดพื้น สิ่งที่แมงเม่ามองไม่เห็นคือ หลังจากหุ้นทุกตัวลงมากองอยู่กับพื้น นาย Nathan แอบกลับไปซื้อหุ้นเกือบทุกตัว ในตลาดกลับในราคาหุ้นละตังค์เดียว (penny to a dollar) หลังจากนาย Nathan ซื้อกลับไม่ถึงชั่วอึดใจ ม้าเร็วก็วิ่งมาถึง London พร้อมประกาศว่า เราชนะ เราชนะ แล้วหุ้นที่นาย Nathan ซื้อ ก็พุ่งกลับขึ้นไปชนเพดาน เศรษฐีก็รวยบนซากของแมงเม่ารุ่นประวัติศาสตร์ พวกเศรษฐีเขาเล่นหุ้นกับแบบนี้ แมงเม่าจำไว้ด้วย
    ช่วงปี ค.ศ. 1800 – 1900 เศรษฐกิจของอเมริกาเหมือนเสาปักอยู่บนเลน แล้วปี ค.ศ. 1873 ก็เกิดสภาพเศรษฐกิจถดถอย (The Great Depression) บริษัทใหญ่ ตระกูลใหญ่ ตระกูลน้อย วายวอด แต่ตระกูล Rockefeller และ J P Morgan ก็รอดมาได้
    J P Morgan ยึดหัวหาดในการสร้างทางรถไฟ และธนาคาร ขณะที่ Rockefeller ตอนแรกเล่นแต่น้ำมัน ต่อมากลิ่นเงินมันหอม เลยเริ่มมาลงทุนทำธนาคารด้วย ช่วงนั้น House of Morgan เป็นผู้นำในการทำธุรกิจธนาคาร ตั้ง First National Bank of New York และ National City Bank of New York แต่คนบริหารธนาคารนี้ ก็เป็นเด็กในคาถาของ Rockefeller อีกต่อหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1912 ประมาณว่าทรัพย์สินของ 2 เศรษฐีรวมกัน น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น ล้านล้าน (นับตัวเลขถูกหรือเปล่าหว่า ? !)
    ปลายค.ศ. 1870 อาณาจักรน้ำมัน Standard Oil ของตระกูลโคตรรวย Rockefeller ครองตลาดน้ำมันทั่วอเมริกาและได้ก้าวไปยังต่างประเทศด้วย ค.ศ. 1890 กษัตริย์แห่งฮอลแลนด์ (Dutch) ตั้งบริษัทค้าน้ำมันชื่อ Royal Dutch Oil Company ขายน้ำมันที่มาจากแหล่งในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอาณานิคมของฮอลแลนด์ Dutch มีน้ำมันแต่ไม่มีเรือขน อังกฤษบอกพี่ทำให้เองน้อง แล้วอังกฤษก็ตั้งบริษัทขนส่งน้ำมัน ชื่อ Shell Transport and Trading Company ขนส่งน้ำมัน Dutch จากสุมาตรา ไปทุกแห่งที่อังกฤษต้องการ ท้ายที่สุดก็เปิดตัว คู่รักควบรวมเป็นบริษัท Royal Dutch Shell


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 16 : คนรวยอีกโคตร อเมริกามีตระกูล Rockefeller ที่โคตรรวย อังกฤษก็มีเหมือนกัน ใครรวยกว่าใคร เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกัน ดูกันไป ตระกูล Rothchilds เริ่มต้นหากินอยู่ ทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ที่ทำให้เขารวยแบบส้มหล่น คือจากการใช้ข่าววงในเล่นหุ้นในตลาดหุ้นอังกฤษ (สงสัยเป็น insider trading เจ้าแรกของโลก) ประมาณปี ค.ศ. 1815 อังกฤษและพวก ยกทัพไปขยี้จักรพรรดิ์ Napoleon ที่ Waterloo ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Belgium ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ Netherlands ตระกูล Rothchilds ซึ่งมีเชื้อสายของตระกูล แผ่ไปทั่วยุโรป กำลังครอบครองอาณาจักรการเงิน ผ่านเครือข่ายธนาคารของพวกเขา ตั้งแต่ London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples หัวหน้าตระกูลสายอังกฤษ คือ นาย Nathan Rothchilds เป็นนักเล่นหุ้นตัวยง เมื่อเครือข่ายของเขาส่งข่าวมาว่า กองทัพอังกฤษขยี้ Napoleon ได้ เขารู้ก่อนใคร ๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งรัฐบาลอังกฤษเอง ก็ยังไม่รู้ข่าวนี้ (ถ้ามันจะมีนกพิราบพันธ์พิเศษส่งข่าว !) เขาเดินเข้าไปตลาดหุ้น London ตีหน้าขรึมและสั่งเทขายหุ้นทุก ตัวที่เขามีอยู่ในพอร์ต แน่นอน เมื่อท่านเศรษฐีขายหุ้นทิ้งทุกตัว แมงเม่าก็ย่อมขายตาม ความอลหม่านก็เกิดขึ้นในตลาดหุ้น London แล้วหุ้นทุกตัวก็พุ่งหลาวลงไปติดพื้น สิ่งที่แมงเม่ามองไม่เห็นคือ หลังจากหุ้นทุกตัวลงมากองอยู่กับพื้น นาย Nathan แอบกลับไปซื้อหุ้นเกือบทุกตัว ในตลาดกลับในราคาหุ้นละตังค์เดียว (penny to a dollar) หลังจากนาย Nathan ซื้อกลับไม่ถึงชั่วอึดใจ ม้าเร็วก็วิ่งมาถึง London พร้อมประกาศว่า เราชนะ เราชนะ แล้วหุ้นที่นาย Nathan ซื้อ ก็พุ่งกลับขึ้นไปชนเพดาน เศรษฐีก็รวยบนซากของแมงเม่ารุ่นประวัติศาสตร์ พวกเศรษฐีเขาเล่นหุ้นกับแบบนี้ แมงเม่าจำไว้ด้วย ช่วงปี ค.ศ. 1800 – 1900 เศรษฐกิจของอเมริกาเหมือนเสาปักอยู่บนเลน แล้วปี ค.ศ. 1873 ก็เกิดสภาพเศรษฐกิจถดถอย (The Great Depression) บริษัทใหญ่ ตระกูลใหญ่ ตระกูลน้อย วายวอด แต่ตระกูล Rockefeller และ J P Morgan ก็รอดมาได้ J P Morgan ยึดหัวหาดในการสร้างทางรถไฟ และธนาคาร ขณะที่ Rockefeller ตอนแรกเล่นแต่น้ำมัน ต่อมากลิ่นเงินมันหอม เลยเริ่มมาลงทุนทำธนาคารด้วย ช่วงนั้น House of Morgan เป็นผู้นำในการทำธุรกิจธนาคาร ตั้ง First National Bank of New York และ National City Bank of New York แต่คนบริหารธนาคารนี้ ก็เป็นเด็กในคาถาของ Rockefeller อีกต่อหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1912 ประมาณว่าทรัพย์สินของ 2 เศรษฐีรวมกัน น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น ล้านล้าน (นับตัวเลขถูกหรือเปล่าหว่า ? !) ปลายค.ศ. 1870 อาณาจักรน้ำมัน Standard Oil ของตระกูลโคตรรวย Rockefeller ครองตลาดน้ำมันทั่วอเมริกาและได้ก้าวไปยังต่างประเทศด้วย ค.ศ. 1890 กษัตริย์แห่งฮอลแลนด์ (Dutch) ตั้งบริษัทค้าน้ำมันชื่อ Royal Dutch Oil Company ขายน้ำมันที่มาจากแหล่งในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอาณานิคมของฮอลแลนด์ Dutch มีน้ำมันแต่ไม่มีเรือขน อังกฤษบอกพี่ทำให้เองน้อง แล้วอังกฤษก็ตั้งบริษัทขนส่งน้ำมัน ชื่อ Shell Transport and Trading Company ขนส่งน้ำมัน Dutch จากสุมาตรา ไปทุกแห่งที่อังกฤษต้องการ ท้ายที่สุดก็เปิดตัว คู่รักควบรวมเป็นบริษัท Royal Dutch Shell คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดข้อมูลต้นเหตุเขมรรุก “ฝรั่งเศส” คืนแผ่นดินผิดประเทศ! (25/8/68)

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #ฝรั่งเศส
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ThailandPolitics
    #BorderConflict
    #ประวัติศาสตร์การเมือง
    #คืนแผ่นดินผิดประเทศ
    เปิดข้อมูลต้นเหตุเขมรรุก “ฝรั่งเศส” คืนแผ่นดินผิดประเทศ! (25/8/68) #TruthFromThailand #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #ฝรั่งเศส #ThaiTimes #news1 #shorts #ThailandPolitics #BorderConflict #ประวัติศาสตร์การเมือง #คืนแผ่นดินผิดประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จริงเท็จไม่รู้ ,มาเลย์ปะทะอินโดฯหากเกิดขึ้นจริง อินโดฯจะถือโอกาสชำระประวัติศาสตร์เขาทันที,อาจยึดสิงคโปร์ ยึดมาเลย์ด้วยนั้นเอง,ขีปนาวุธบังเอิญตกใส่สิงคโปร์ด้วยนั้นเอง.
    ..อินโดฯอาจแนะนำไทยให้ย้ายเผ่าพันธ์เขมรทั้งหมดถีบไปอยู่เกาะมาเลย์ที่อินโดฯยึดมาเลย์ได้ก็ว่า,เพื่อมนุษยธรรม,อาจให้พื้นที่แคบๆติดติมอร์พอดี,อาหารของคนติมอร์อาจมากขึ้นหน่อย.



    https://youtube.com/shorts/Bh_DSdONeiE?si=0Ujq7p9ZW6PLyQR1
    จริงเท็จไม่รู้ ,มาเลย์ปะทะอินโดฯหากเกิดขึ้นจริง อินโดฯจะถือโอกาสชำระประวัติศาสตร์เขาทันที,อาจยึดสิงคโปร์ ยึดมาเลย์ด้วยนั้นเอง,ขีปนาวุธบังเอิญตกใส่สิงคโปร์ด้วยนั้นเอง. ..อินโดฯอาจแนะนำไทยให้ย้ายเผ่าพันธ์เขมรทั้งหมดถีบไปอยู่เกาะมาเลย์ที่อินโดฯยึดมาเลย์ได้ก็ว่า,เพื่อมนุษยธรรม,อาจให้พื้นที่แคบๆติดติมอร์พอดี,อาหารของคนติมอร์อาจมากขึ้นหน่อย. https://youtube.com/shorts/Bh_DSdONeiE?si=0Ujq7p9ZW6PLyQR1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุ๊ย! MOU43 ที่อาจจะไม่ได้เริ่มที่ปี 2543!!?? (24/8/68)

    #TruthFromThailand
    #MOU43
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #SAVEThailand
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ThailandPolitics
    #ชายแดนไทย
    #ประวัติศาสตร์การเมือง
    #ข้อเท็จจริงMOU43
    อุ๊ย! MOU43 ที่อาจจะไม่ได้เริ่มที่ปี 2543!!?? (24/8/68) #TruthFromThailand #MOU43 #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #SAVEThailand #ThaiTimes #news1 #shorts #ThailandPolitics #ชายแดนไทย #ประวัติศาสตร์การเมือง #ข้อเท็จจริงMOU43
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 13 : สิ่งมหัศจรรย์
    ตกลงนาย Kissinger ไม่ได้โม้ แต่พูดเรื่องจริงและไม่ใช่จริงธรรมดา แต่มันเป็นประกาศ บอกทิศทางการเมืองโลก ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ เป็นอยู่ในปัจจุบันและที่กำลังจะเป็นต่อไปในอนาคต
    คนแรกที่มองเห็นว่าน้ำมันคืออาวุธที่สำคัญ สำหรับผู้ที่จะครองโลก ไม่ใช่นาย Kissinger แต่เป็นนาย Winston Churchill นายกรัฐมนตรีจอมอึดของอังกฤษ ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาอังกฤษ ตั้งแต่ยังมีตำแหน่งเป็นนายพลเรือ เมื่อ ปี ค.ศ. 1919 ว่า “เราจะต้องพยายามเป็นเจ้าของ หรืออย่างน้อยต้องควบคุมแหล่งน้ำมันให้ได้ ตามจำนวนที่เราต้องการใช้ ไม่ว่าจากแหล่งน้ำมันที่เรามีเอง หรือมีอิทธิพลเหนือ” เรียกว่าเป็นคนมองไกลกว่ามือเอื้อมจริง ๆ
    แล้วเชื่อหรือไม่ว่า สงคราม การรุกราน การขัดแย้ง การอ้างเป็นผู้พิทักษ์ การอ้างเป็นผู้คุ้มครอง ฯลฯ ที่เกิดขึ้นในโลกในศตวรรษที่ผ่านมา และที่เป็นอยู่ขณะนี้ ล้วนเกี่ยวกับเรื่องการแย่งชิงน้ำมันเกือบทั้งสิ้น เพราะน้ำมันเป็นเครื่องมือสำคัญในการครองโลก
    ก่อนที่น้ำมันจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ทุกชาติแสวงหาและต้องการเป็นเจ้าของ สิ่งมหัศจรรย์รุ่นเก่า คือ “ถ่านหิน” จะทำอุตสาหกรรมได้ ต้องมีถ่านหิน ปลายศตวรรษที่ 19 อุตสาหกรรมเยอรมันพุ่งแซงหน้าอังกฤษ ที่กำลังเริ่มเดินลงเขา การผลิตเหล็กของเยอรมันแซงหน้าอังกฤษ การผลิตยา ปุ๋ยการเกษตร ทุกอย่างแซงหน้าอังกฤษ เพราะเยอรมันมีแหล่งถ่านหิน และเหล็กมหาศาลอยู่ในแคว้น Ruhr ที่สำคัญเยอรมันกำลังคิดการใหญ่วางแผน สร้างทางรถไฟ ยาวเข้าไปในอาณาจักร Ottoman ของตุรกี ปี ค.ศ. 1899 แผนของเยอรมันทำท่าจะเป็นจริง เยอรมันได้ทำข้อตกลงกับตุรกี เพื่อสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad เป็นการขยายตลาดการค้าของตนไปทางตะวันออก กะจะไปให้ถึง Kuwait มันเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุด และถูกที่สุดในการเข้าไปสู่แหล่งน้ำมันมหาศาลในภูมิภาคนั้นอังกฤษไม่ได้ฉลาด เป็นชาติเดียวนะ !
    ข่าวนี้ทำให้อังกฤษเปลี่ยนจากมาดผู้ดี ทำท่าจะตั้งโรงงิ้วแทน จะยอมได้อย่างไร มันหักหน้ากันชัด ๆ อังกฤษถือว่า กองกำลังทางเรือของตนนั้นสุดแข็งแกร่ง เป็นหน้าเป็นตา และที่สำคัญเป็นกลไกที่อังกฤษ ใช้ในการแสดงแสนยานุภาพ ในการเข้าไปยึดประเทศต่างๆ มาเป็นอาณานิคมของตนมาตลอดเวลา แต่เรือจะแล่นได้ นอกจากใช้กำลังคนแล้ว ในสมัยต่อมาต้องใช้เครื่องจักรกล เครื่องจักรกลสมัยก่อน ใช้ถ่านหินจำนวนมหาศาล ซึ่งแน่นอนมันกินน้ำหนักเรือมาก
    ย้อนไปประมาณปี ค.ศ. 1882 เกิดมีนายพลเรือของอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งคิดนอกหัวสี่เหลี่ยม ผิดธรรมเนียมทหาร (เอะ ! หรือทหารหัวสี่เหลี่ยมนี้จะมีเฉพาะบางประเทศ?) ชื่อท่าน Lord Fisher เห็นว่าน้ำมันน่าจะมีคุณสมบัติดีกว่าถ่านหิน เนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่า ถ้าอังกฤษจะพัฒนาเปลี่ยนเครื่องจักรกลของกองทัพเรือ จากการใช้ถ่านหินเป็นน้ำมัน จะทำให้อังกฤษสามารถขยายกองทัพเรือได้ถึง 4 เท่า
    นักการเมืองผู้ดีตาถลนออกมานอกเบ้า นี่มันบ้าหรือกินยาผิดวะ เรามีถ่านหินอยู่เต็มประเทศ คนของเราก็ขุดถ่านหินกันจนหน้าดำมะเมี่ยมอย่างนี้ มันจะไปเลิกไปเปลี่ยนได้ยังไง เหมืองถ่านหินเราก็เจ็งหมดซิวุ้ย
    คำทักท้วงแบบนี้เราจะได้ยินเสมอ เวลาที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรจากรูปแบบเดิม ๆ ที่เคยชินกัน ใช้ได้เหรอ ใช่เหรอ ทำได้เหรอ แบบนี้มันต้องน้อยลงบ้างนะ ทุกอย่างมันจะก้าวหน้า ต้องมีคนเริ่มฝันก่อน และที่สำคัญ ทำฝันนั้นให้เป็นความจริง กองทัพเรืออังกฤษไม่สนใจคำทักท้วงของนักการ เมือง กองทัพเขาไม่ได้เชื่อนักการเมืองจนแยกแยะไม่ออก แบบบางประเทศ แต่กลับก้มหน้าก้มตา ออกแบบเปลี่ยนเครื่องจักรกล เพื่อใช้น้ำมันแทนถ่านหิน ใช้เวลาดำเนินการไป 20 ปี กว่าจะสำเร็จ อังกฤษเหมือนวาสนาดี แต่กรรมยังบัง เกิดปัญหาคาดไม่ถึง อังกฤษไม่มีน้ำมันของตัวเองพอ ! อ้าว ! แล้วกัน และจำเป็นต้องรีบหาแหล่งน้ำมันเป็นการด่วน ! ฝันเกือบเป็นจริง แต่ยังไม่สลาย ไม่เป็นไร ท่าน Lord Winston จึงออกมาตั้งเข็มทิศใหม่ให้อังกฤษ เราไปหาน้ำมันกันเร็ว รีบด่วน ทำยังไงก็ได้
    แล้วการล่าอาณานิคมของอังกฤษ เพื่อเข้าไปถึงแหล่งน้ำมันก็ทยอยเกิดขึ้น

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 13 : สิ่งมหัศจรรย์ ตกลงนาย Kissinger ไม่ได้โม้ แต่พูดเรื่องจริงและไม่ใช่จริงธรรมดา แต่มันเป็นประกาศ บอกทิศทางการเมืองโลก ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ เป็นอยู่ในปัจจุบันและที่กำลังจะเป็นต่อไปในอนาคต คนแรกที่มองเห็นว่าน้ำมันคืออาวุธที่สำคัญ สำหรับผู้ที่จะครองโลก ไม่ใช่นาย Kissinger แต่เป็นนาย Winston Churchill นายกรัฐมนตรีจอมอึดของอังกฤษ ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาอังกฤษ ตั้งแต่ยังมีตำแหน่งเป็นนายพลเรือ เมื่อ ปี ค.ศ. 1919 ว่า “เราจะต้องพยายามเป็นเจ้าของ หรืออย่างน้อยต้องควบคุมแหล่งน้ำมันให้ได้ ตามจำนวนที่เราต้องการใช้ ไม่ว่าจากแหล่งน้ำมันที่เรามีเอง หรือมีอิทธิพลเหนือ” เรียกว่าเป็นคนมองไกลกว่ามือเอื้อมจริง ๆ แล้วเชื่อหรือไม่ว่า สงคราม การรุกราน การขัดแย้ง การอ้างเป็นผู้พิทักษ์ การอ้างเป็นผู้คุ้มครอง ฯลฯ ที่เกิดขึ้นในโลกในศตวรรษที่ผ่านมา และที่เป็นอยู่ขณะนี้ ล้วนเกี่ยวกับเรื่องการแย่งชิงน้ำมันเกือบทั้งสิ้น เพราะน้ำมันเป็นเครื่องมือสำคัญในการครองโลก ก่อนที่น้ำมันจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ทุกชาติแสวงหาและต้องการเป็นเจ้าของ สิ่งมหัศจรรย์รุ่นเก่า คือ “ถ่านหิน” จะทำอุตสาหกรรมได้ ต้องมีถ่านหิน ปลายศตวรรษที่ 19 อุตสาหกรรมเยอรมันพุ่งแซงหน้าอังกฤษ ที่กำลังเริ่มเดินลงเขา การผลิตเหล็กของเยอรมันแซงหน้าอังกฤษ การผลิตยา ปุ๋ยการเกษตร ทุกอย่างแซงหน้าอังกฤษ เพราะเยอรมันมีแหล่งถ่านหิน และเหล็กมหาศาลอยู่ในแคว้น Ruhr ที่สำคัญเยอรมันกำลังคิดการใหญ่วางแผน สร้างทางรถไฟ ยาวเข้าไปในอาณาจักร Ottoman ของตุรกี ปี ค.ศ. 1899 แผนของเยอรมันทำท่าจะเป็นจริง เยอรมันได้ทำข้อตกลงกับตุรกี เพื่อสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad เป็นการขยายตลาดการค้าของตนไปทางตะวันออก กะจะไปให้ถึง Kuwait มันเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุด และถูกที่สุดในการเข้าไปสู่แหล่งน้ำมันมหาศาลในภูมิภาคนั้นอังกฤษไม่ได้ฉลาด เป็นชาติเดียวนะ ! ข่าวนี้ทำให้อังกฤษเปลี่ยนจากมาดผู้ดี ทำท่าจะตั้งโรงงิ้วแทน จะยอมได้อย่างไร มันหักหน้ากันชัด ๆ อังกฤษถือว่า กองกำลังทางเรือของตนนั้นสุดแข็งแกร่ง เป็นหน้าเป็นตา และที่สำคัญเป็นกลไกที่อังกฤษ ใช้ในการแสดงแสนยานุภาพ ในการเข้าไปยึดประเทศต่างๆ มาเป็นอาณานิคมของตนมาตลอดเวลา แต่เรือจะแล่นได้ นอกจากใช้กำลังคนแล้ว ในสมัยต่อมาต้องใช้เครื่องจักรกล เครื่องจักรกลสมัยก่อน ใช้ถ่านหินจำนวนมหาศาล ซึ่งแน่นอนมันกินน้ำหนักเรือมาก ย้อนไปประมาณปี ค.ศ. 1882 เกิดมีนายพลเรือของอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งคิดนอกหัวสี่เหลี่ยม ผิดธรรมเนียมทหาร (เอะ ! หรือทหารหัวสี่เหลี่ยมนี้จะมีเฉพาะบางประเทศ?) ชื่อท่าน Lord Fisher เห็นว่าน้ำมันน่าจะมีคุณสมบัติดีกว่าถ่านหิน เนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่า ถ้าอังกฤษจะพัฒนาเปลี่ยนเครื่องจักรกลของกองทัพเรือ จากการใช้ถ่านหินเป็นน้ำมัน จะทำให้อังกฤษสามารถขยายกองทัพเรือได้ถึง 4 เท่า นักการเมืองผู้ดีตาถลนออกมานอกเบ้า นี่มันบ้าหรือกินยาผิดวะ เรามีถ่านหินอยู่เต็มประเทศ คนของเราก็ขุดถ่านหินกันจนหน้าดำมะเมี่ยมอย่างนี้ มันจะไปเลิกไปเปลี่ยนได้ยังไง เหมืองถ่านหินเราก็เจ็งหมดซิวุ้ย คำทักท้วงแบบนี้เราจะได้ยินเสมอ เวลาที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรจากรูปแบบเดิม ๆ ที่เคยชินกัน ใช้ได้เหรอ ใช่เหรอ ทำได้เหรอ แบบนี้มันต้องน้อยลงบ้างนะ ทุกอย่างมันจะก้าวหน้า ต้องมีคนเริ่มฝันก่อน และที่สำคัญ ทำฝันนั้นให้เป็นความจริง กองทัพเรืออังกฤษไม่สนใจคำทักท้วงของนักการ เมือง กองทัพเขาไม่ได้เชื่อนักการเมืองจนแยกแยะไม่ออก แบบบางประเทศ แต่กลับก้มหน้าก้มตา ออกแบบเปลี่ยนเครื่องจักรกล เพื่อใช้น้ำมันแทนถ่านหิน ใช้เวลาดำเนินการไป 20 ปี กว่าจะสำเร็จ อังกฤษเหมือนวาสนาดี แต่กรรมยังบัง เกิดปัญหาคาดไม่ถึง อังกฤษไม่มีน้ำมันของตัวเองพอ ! อ้าว ! แล้วกัน และจำเป็นต้องรีบหาแหล่งน้ำมันเป็นการด่วน ! ฝันเกือบเป็นจริง แต่ยังไม่สลาย ไม่เป็นไร ท่าน Lord Winston จึงออกมาตั้งเข็มทิศใหม่ให้อังกฤษ เราไปหาน้ำมันกันเร็ว รีบด่วน ทำยังไงก็ได้ แล้วการล่าอาณานิคมของอังกฤษ เพื่อเข้าไปถึงแหล่งน้ำมันก็ทยอยเกิดขึ้น คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts