• Financial Times รายงานว่า ทางการยูเครนสามารถระดมชาวยูเครนได้อีก เพียง 3.7 ล้านคน หรืออาจจะน้อยกว่านั้น
    “เคียฟหวังที่จะชะลอการรุกคืบของกองทัพรัสเซียและยึดความคิดริเริ่มได้ทันเวลาที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนมั่นใจว่าความสำเร็จของกองทัพยูเครนจะสามารถโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่สนับสนุนพวกเขาได้

    ท่ามกลางการขาดแคลนบุคลากรในกองทัพ เคียฟมีแผนจะระดมกำลังเพิ่มเติม แต่ความพยายามที่จะเพิ่มจำนวนทหารใหม่สร้างความวิตกกังวลและหวาดกลัว ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าปัจจุบันการรับราชการทหาร "ไม่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน" และสิ่งที่แน่นอนคือ "ความตาย"

    ตามข้อมูลที่รวบรวมได้ ขณะนี้จำนวนพลเมืองชายยูเครนอายุระหว่าง 25 ถึง 60 ปี มีทั้งหมดอยู่ที่ 11.1 ล้านคน โดยที่ในจำนวนนี้แบ่งเป็น:
    - 1.1 ล้านคน ประจำการในกองทัพยูเครนแล้ว
    - 2.9 ล้านคน อยู่ในดินแดนที่รัสเซียรวมทั้งดินแดนาที่รัสเซียยึดครองได้
    - 1.3 ล้านคน อพยพอยู่ต่างประเทศ
    - 1.5 ล้านคน ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยเหตุผลต่างๆ
    - 600,000 คน ได้รับการยกเว้นหรือเลื่อนการรับราชการ

    จากตัวเลขด้านบนจำนวน 7.4 ล้านคน "ไม่สามารถเข้ารับราชการทหารได้"
    ทำให้เหลือจำนวนผู้มีสิทธิเรียกระดมพลอีก 3.7 ล้านคน
    แต่ 2.8 ล้านคนในจำนวนนี้ เป็นผู้ประกอบการอิสระและเป็นผู้เสียภาษีที่จดทะเบียนแล้ว และอีก 900,000 คนไม่ได้ลงทะเบียนในทะเบียนใดๆเลย

    จากจำนวนที่เหลือนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ยูเครนจะสามารถเรียกระดมพลได้หมดทุกคน

    ในขณะที่จากรายงานจำนวนของทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในแนวหน้าแต่ละวันมีจำนวนหลายร้อยนาย บางวันอาจสูงนับพันราย ทำให้ยูเครนมาถึงช่วงสุดท้ายของการป้องกันดินแดนของตนเองแล้ว หากไม่รีบเข้าสู่กระบวนการเจรจาทางการทูต
    Financial Times รายงานว่า ทางการยูเครนสามารถระดมชาวยูเครนได้อีก เพียง 3.7 ล้านคน หรืออาจจะน้อยกว่านั้น “เคียฟหวังที่จะชะลอการรุกคืบของกองทัพรัสเซียและยึดความคิดริเริ่มได้ทันเวลาที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนมั่นใจว่าความสำเร็จของกองทัพยูเครนจะสามารถโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่สนับสนุนพวกเขาได้ ท่ามกลางการขาดแคลนบุคลากรในกองทัพ เคียฟมีแผนจะระดมกำลังเพิ่มเติม แต่ความพยายามที่จะเพิ่มจำนวนทหารใหม่สร้างความวิตกกังวลและหวาดกลัว ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าปัจจุบันการรับราชการทหาร "ไม่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน" และสิ่งที่แน่นอนคือ "ความตาย" ตามข้อมูลที่รวบรวมได้ ขณะนี้จำนวนพลเมืองชายยูเครนอายุระหว่าง 25 ถึง 60 ปี มีทั้งหมดอยู่ที่ 11.1 ล้านคน โดยที่ในจำนวนนี้แบ่งเป็น: - 1.1 ล้านคน ประจำการในกองทัพยูเครนแล้ว - 2.9 ล้านคน อยู่ในดินแดนที่รัสเซียรวมทั้งดินแดนาที่รัสเซียยึดครองได้ - 1.3 ล้านคน อพยพอยู่ต่างประเทศ - 1.5 ล้านคน ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยเหตุผลต่างๆ - 600,000 คน ได้รับการยกเว้นหรือเลื่อนการรับราชการ จากตัวเลขด้านบนจำนวน 7.4 ล้านคน "ไม่สามารถเข้ารับราชการทหารได้" ทำให้เหลือจำนวนผู้มีสิทธิเรียกระดมพลอีก 3.7 ล้านคน แต่ 2.8 ล้านคนในจำนวนนี้ เป็นผู้ประกอบการอิสระและเป็นผู้เสียภาษีที่จดทะเบียนแล้ว และอีก 900,000 คนไม่ได้ลงทะเบียนในทะเบียนใดๆเลย จากจำนวนที่เหลือนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ยูเครนจะสามารถเรียกระดมพลได้หมดทุกคน ในขณะที่จากรายงานจำนวนของทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในแนวหน้าแต่ละวันมีจำนวนหลายร้อยนาย บางวันอาจสูงนับพันราย ทำให้ยูเครนมาถึงช่วงสุดท้ายของการป้องกันดินแดนของตนเองแล้ว หากไม่รีบเข้าสู่กระบวนการเจรจาทางการทูต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผู้ใหญ่ใจดี"
    รัฐบาลไบเดนยกหนี้เงินกู้ 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐที่สหรัฐฯ มอบให้กับยูเครน

    แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลของไบเดนกำลังเคลื่อนไหวเพื่อยกหนี้ของสหรัฐมูลค่าประมาณ 4,700 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน

    เงินกู้เหล่านี้ได้รับการอนุมัติเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับยูเครนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำหรับเงินกู้ก้อนนี้ จะถูกแบ่งมา 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้สำหรับการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณแก่รัฐบาลยูเครน ซึ่งเป็นจำนวนที่รัฐบาลไบเดนสามารถอนุมัติเพื่อยกหนี้ได้ครึ่งหนึ่งคือ 4,700 ล้านดอลลาร์ หลังจากผ่านวันที่ 15 พฤศจิกายนไปแล้ว

    "เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในกฎหมายการจัดสรรเงินทุนเพื่อยูเครนที่ผ่านโดยรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งรวมถึงการยกเลิกเงินกู้เหล่านั้น" มิลเลอร์กล่าวในการแถลงข่าว และเสริมว่าขั้นตอนดังกล่าวได้ดำเนินการไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

    มิลเลอร์ ยังกล่าวอีกว่า ขั้นตอนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของรัฐสภา ซึ่งยังคงสามารถขัดขวางการดำเนินการดังกล่าวได้

    หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นลง รัฐบาลของไบเดน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือยูเครนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ท่ามกลางความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจยกเลิกการสนับสนุนของสหรัฐฯที่มีต่อยูเครน
    "ผู้ใหญ่ใจดี" รัฐบาลไบเดนยกหนี้เงินกู้ 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐที่สหรัฐฯ มอบให้กับยูเครน แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลของไบเดนกำลังเคลื่อนไหวเพื่อยกหนี้ของสหรัฐมูลค่าประมาณ 4,700 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน เงินกู้เหล่านี้ได้รับการอนุมัติเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับยูเครนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำหรับเงินกู้ก้อนนี้ จะถูกแบ่งมา 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้สำหรับการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณแก่รัฐบาลยูเครน ซึ่งเป็นจำนวนที่รัฐบาลไบเดนสามารถอนุมัติเพื่อยกหนี้ได้ครึ่งหนึ่งคือ 4,700 ล้านดอลลาร์ หลังจากผ่านวันที่ 15 พฤศจิกายนไปแล้ว "เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในกฎหมายการจัดสรรเงินทุนเพื่อยูเครนที่ผ่านโดยรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งรวมถึงการยกเลิกเงินกู้เหล่านั้น" มิลเลอร์กล่าวในการแถลงข่าว และเสริมว่าขั้นตอนดังกล่าวได้ดำเนินการไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มิลเลอร์ ยังกล่าวอีกว่า ขั้นตอนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของรัฐสภา ซึ่งยังคงสามารถขัดขวางการดำเนินการดังกล่าวได้ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นลง รัฐบาลของไบเดน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือยูเครนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ท่ามกลางความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจยกเลิกการสนับสนุนของสหรัฐฯที่มีต่อยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) และ คาริม ข่าน หัวหน้าอัยการของศาลแห่งนี้ ควรถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร หากว่ายังคงเดินหาทางจับกุมพวกผู้นำอิสราเอล จากเสียงขู่ของ จอห์น ธูน ว่าที่ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาอเมริกา เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
    .
    ข่าน แถลงเมื่อเดือนพฤษภาคม ว่าเขากำลังหาทางเดินหน้าดำเนินคดีกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล และ โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหม ณ ขณะนั้น เช่นเดียวกับพวกผู้นำฮามาส 3 คน โทษฐานก่ออาชญากรรมกับมนุษยชาติในกาซา
    .
    "ถ้าไอซีซีและอัยการของศาลแห่งนี้ ไม่กลับลำการกระทำที่น่าโมโหและไม่ชอบด้วยกฎหมายของพวกเขา ในการหาทางออกหมายจับพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอล วุฒิสภาควรเดินหน้าออกกฎหมายคว่ำบาตรในทันที ในขณะที่สภาผู้แทนราษฏร ได้ดำเนินการไปแล้ว บนพื้นฐานความร่วมมือของทั้ง 2 พรรค" ธูนกล่าวในช่วงเย็นวันจันทร์(18พ.ย.)
    .
    "ถ้า ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากไม่ลงมือ วุฒิสภาที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก จะยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล พันธมิตรสำคัญของเรา และจะทำให้เรื่องนี้ และกฎหมายสนับสนุนอื่นๆ มีความสำคัญลำดับต้นๆในสภาคองเกรสชุดใหม่" เขากล่าว
    .
    ธูน สมาชิกรีพับลิกันจากเซาท์ ดาโคตา ได้รับเลือกเป็นการภายในให้เป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าพันธมิตรของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเขามีความใกล้ชิดกับสถาบันดั้งเดิมมากเกินไป
    .
    ชูเมอร์ สมาชิกเดโมแครตจากนิวยอร์ก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ที่พรรคของเขาครองเสียงข้างมากอย่างฉิวเฉียด อย่างไรก็ตามสภาแห่งนี้เตรียมตกไปอยู่ภายใต้การนำของรีพับลิกัน ครั้งที่บรรดาวุฒิสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งหนล่าสุด เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม
    .
    ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่นำโดยรีพับลิกัน ผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่จะยกเลิกวีซ่าและกำหนดข้อจำกัดทางการเงินกับบรรดาเจ้าหน้าที่ไอซีซีรายใดก็ตามที่ดำเนินคดีกับเหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 247 ต่อ 155 เสียง โดยมีสมาชิกเดโมแครต 42 ราย ข้ามฟากยกมือเห็นชอบ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่าเขาคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อร่างกฎหมายนี้
    .
    อ้างอิงกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2022 ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีอำนาจในการใช้ "ทุกวิถีทางที่จำเป็นและเหมาะสม ในการปลดปล่อยบุคคลกรสหรัฐฯหรือพันธมิตรรายใดก็ตาม ที่ถูกควบคุมหรือกังขัง ภายในนามหรือตามคำร้องขอของไอซซี" กฎหมายฉบับนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "The Hague Invasion Act"
    .
    ปัจจุบันศาลอาญาระหว่างประเทศยังไม่ดำเนินการตามคำร้องขอของอัยการข่าน ในการออกหมายจับเนทันยาฮูและกัลแลนท์ และนับตั้งแต่นั้น อิสราเอล ได้สังหารพวกผู้นำฮามาสทั้ง 3 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ กัลแลนท์ ถูก เนทันยาฮู ตะเพิดพ้นเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมเมื่อเดือนก่อน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111856
    ..............
    Sondhi X
    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) และ คาริม ข่าน หัวหน้าอัยการของศาลแห่งนี้ ควรถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร หากว่ายังคงเดินหาทางจับกุมพวกผู้นำอิสราเอล จากเสียงขู่ของ จอห์น ธูน ว่าที่ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาอเมริกา เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ . ข่าน แถลงเมื่อเดือนพฤษภาคม ว่าเขากำลังหาทางเดินหน้าดำเนินคดีกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล และ โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหม ณ ขณะนั้น เช่นเดียวกับพวกผู้นำฮามาส 3 คน โทษฐานก่ออาชญากรรมกับมนุษยชาติในกาซา . "ถ้าไอซีซีและอัยการของศาลแห่งนี้ ไม่กลับลำการกระทำที่น่าโมโหและไม่ชอบด้วยกฎหมายของพวกเขา ในการหาทางออกหมายจับพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอล วุฒิสภาควรเดินหน้าออกกฎหมายคว่ำบาตรในทันที ในขณะที่สภาผู้แทนราษฏร ได้ดำเนินการไปแล้ว บนพื้นฐานความร่วมมือของทั้ง 2 พรรค" ธูนกล่าวในช่วงเย็นวันจันทร์(18พ.ย.) . "ถ้า ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากไม่ลงมือ วุฒิสภาที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก จะยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล พันธมิตรสำคัญของเรา และจะทำให้เรื่องนี้ และกฎหมายสนับสนุนอื่นๆ มีความสำคัญลำดับต้นๆในสภาคองเกรสชุดใหม่" เขากล่าว . ธูน สมาชิกรีพับลิกันจากเซาท์ ดาโคตา ได้รับเลือกเป็นการภายในให้เป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าพันธมิตรของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเขามีความใกล้ชิดกับสถาบันดั้งเดิมมากเกินไป . ชูเมอร์ สมาชิกเดโมแครตจากนิวยอร์ก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ที่พรรคของเขาครองเสียงข้างมากอย่างฉิวเฉียด อย่างไรก็ตามสภาแห่งนี้เตรียมตกไปอยู่ภายใต้การนำของรีพับลิกัน ครั้งที่บรรดาวุฒิสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งหนล่าสุด เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม . ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่นำโดยรีพับลิกัน ผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่จะยกเลิกวีซ่าและกำหนดข้อจำกัดทางการเงินกับบรรดาเจ้าหน้าที่ไอซีซีรายใดก็ตามที่ดำเนินคดีกับเหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 247 ต่อ 155 เสียง โดยมีสมาชิกเดโมแครต 42 ราย ข้ามฟากยกมือเห็นชอบ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่าเขาคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อร่างกฎหมายนี้ . อ้างอิงกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2022 ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีอำนาจในการใช้ "ทุกวิถีทางที่จำเป็นและเหมาะสม ในการปลดปล่อยบุคคลกรสหรัฐฯหรือพันธมิตรรายใดก็ตาม ที่ถูกควบคุมหรือกังขัง ภายในนามหรือตามคำร้องขอของไอซซี" กฎหมายฉบับนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "The Hague Invasion Act" . ปัจจุบันศาลอาญาระหว่างประเทศยังไม่ดำเนินการตามคำร้องขอของอัยการข่าน ในการออกหมายจับเนทันยาฮูและกัลแลนท์ และนับตั้งแต่นั้น อิสราเอล ได้สังหารพวกผู้นำฮามาสทั้ง 3 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ กัลแลนท์ ถูก เนทันยาฮู ตะเพิดพ้นเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมเมื่อเดือนก่อน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111856 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1036 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนยิงขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่จัดหาให้โดยสหราชอาณาจักร เข้าใส่รัสเซียเป็นครั้งแรก ตามรายงานของสื่อมวลชนสหราชอาณาจักร หลังได้รับไฟเขียวจากลอนดอน
    .
    หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตะวันตกที่ไม่เปิดเผยตัวตน ระบุว่าขีปนาวธหลายลูกถูกยิงเข้าใส่เป้าหมายทางทหารของรัสเซียอย่างน้อย 1 เป้าหมาย พร้อมรายงานต่อว่าแหล่งข่าวยืนยัน ปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลสตอร์ม ชาโดว์ เป็นครั้งแรก
    .
    ส่วนหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน รายงานว่าสหราชอาณจักรให้ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธในรัสเซีย ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของมอสโก ที่ประจำการทหารเกาหลีเหนือตามแนวชายแดน
    .
    เหล่าบล็อกเกอร์ทหารรัสเซียฝักใฝ่เครมลิน เขียนว่าขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ นับสิบลูกถูกยิงเข้าใส่เป้าหมายหนึ่งในแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งถูกกองกำลังเคียฟยึดครองบางส่วน
    .
    ขณะที่สื่อมวลชนยูเครนโพสต์ภาพคลิปวิดีโอภาพถ่ายทางอากาศจากโดรน เป็นภาพการระเบิดป็นชุดๆ ณ จุดๆ หนึ่งที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคฤหาสถ์หลังหนึ่งในพื้นที่ห่างไกล ที่พวกชาวบ้านเรียกว่าเขต "มารีโน" พร้อมระบุว่าการโจมตีน่าจะเล็งเป้าเล่นงานศูนย์บัญชาการทหารที่อยู่ใต้ดิน
    .
    ทั้งมอสโก และเคียฟ ต่างยังไม่ออกมายืนยันอย่างเป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธ หรือการใช้สตอร์ม ชาโดว์
    .
    รายงานข่าวนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ วอชิงตันเปิดเผยว่าพวกเขาอนญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของพวกเขา ATACMS โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ภายในรัสเซีย ตามคำร้องขอที่มีมาอย่างยาวนานของเคียฟ
    .
    ในวันอังคาร (19 พ.ย.) รัสเซียระบุว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกใช้เล่นงานที่ตั้งทางทหารแห่งหนึ่งของพวกเขาในแคว้นบรีอันสค์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน
    .
    ทั้งนี้ รายงานข่าวเกี่ยวกับการโจมตีล่าสุด มีขึ้นในขณะที่มอสโกกำลังหาทางแก้แค้นยูเครน สำหรับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ เข้าใส่ดินแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรก และคำกล่าวหาจากเครมลิน ที่ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กำลังหาทางลากยาวสงคราม
    .
    รัสเซียยกระดับการโจมตีนองเลือดด้วยขีปนาวุธในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เล็งเป้าเล่นงานพื้นที่ที่อยู่อาศัยต่างๆ และเครือข่ายพลังงานของยูเครน กระตุ้นให้ระบบเตือนภัยทางอากาศทั่วประเทศดังระงมในทุกวัน
    .
    สหรัฐฯ เปิดเผยในตอนเช้าวันพุธ (20 พ.ย.) ว่ากำลังปิดสถานทูตในกรุงเคียฟ หลังได้รับข้อมูลอย่างเจาะจงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการโจมตีทางอากาศ จากนั้นแคนาดา กรีซ ฮังการี อิตาลี และสเปนก็ทำตาม
    .
    อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ทางสถานทูตสหรัฐฯ เผยว่าจะกลับมาเปิดให้บริการในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) ภายใต้ปฏิบัติการที่เปลี่ยนไปเป็นการชั่วคราว สืบเนื่องจากคำเตือนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการโจมตีทางอากาศ
    .
    เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังระงมทั่วกรุงเคียฟในวันพุธ (20 พ.ย.) และเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าเศษซากของโดรนโจมตีที่ถูกยิงสกัด ได้ก่อความเสียหายเล็กน้อย
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยในช่วงค่ำ เตือนว่าข้อความแห่งความตื่นตระหนกที่โพสต์ซ้ำๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ รังแต่จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจแก่รัสเซีย
    .
    คำเตือนนี้มีขึ้นในขณะที่ความกังวลกำลังแผ่ลามในกรุงเคียฟ ท่ามกลางสงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี เนื่องจากชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังนำมาซึ่งความไม่แน่นอนรอบใหม่ เกี่ยวกับแรงสนับสนุนของวอชิงตันที่จะมอบแก่เคียฟในอนาคต
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ วิพากษ์วิจารณ์แรงสนับสนุนที่สหรัฐฯ มอบให้แก่เคียฟ และอ้างว่าเขาจะเป็นคนกลางในข้อตกลงหยุดยิงภายในไม่กี่ชั่วโมง ความเห็นที่กระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป เกี่ยวกับศักยภาพของยูเครนในการยืนหยัดรับมือการโจมตีของรัสเซีย โดยปราศจากแรงสนับสนุนของอเมริกา
    .
    ในวันพุธ (20 พ.ย.) รัสเซียกล่าวหา ไบเดน ลากยาวสงคราม ด้วยการยกระดับป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ของการดำรงตำแหน่ง "ถ้าคุณมองดูทิศทางของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง พวกเขามุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในการเดินหน้าสงครามในยูเครน และทำทุกอย่างเท่าที่พวกเขาทำได้ เพื่อให้เป็นเช่นนั้น" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินกล่าว
    .
    ความคิดเห็นของ เปสคอฟ เป็นการตอบโต้สหรัฐฯ ที่บอกว่าพวกเขาจะจัดหาทุ่นระเบิดต่อต้านกำลังพลแก่ยูเครนเร็วๆ นี้ การตัดสินใจดังกล่าวกระตุ้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรการกุศลต่างๆ เกี่ยวกับความเสี่ยงระยะยาวที่จะเกิดกับพลเมือง แต่ เซเลนสกี เน้นว่าทุ่นระเบิดมีความสำคัญยิ่งที่จะหยุดการจู่โจมของรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111854
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนยิงขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่จัดหาให้โดยสหราชอาณาจักร เข้าใส่รัสเซียเป็นครั้งแรก ตามรายงานของสื่อมวลชนสหราชอาณาจักร หลังได้รับไฟเขียวจากลอนดอน . หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตะวันตกที่ไม่เปิดเผยตัวตน ระบุว่าขีปนาวธหลายลูกถูกยิงเข้าใส่เป้าหมายทางทหารของรัสเซียอย่างน้อย 1 เป้าหมาย พร้อมรายงานต่อว่าแหล่งข่าวยืนยัน ปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลสตอร์ม ชาโดว์ เป็นครั้งแรก . ส่วนหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน รายงานว่าสหราชอาณจักรให้ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธในรัสเซีย ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของมอสโก ที่ประจำการทหารเกาหลีเหนือตามแนวชายแดน . เหล่าบล็อกเกอร์ทหารรัสเซียฝักใฝ่เครมลิน เขียนว่าขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ นับสิบลูกถูกยิงเข้าใส่เป้าหมายหนึ่งในแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งถูกกองกำลังเคียฟยึดครองบางส่วน . ขณะที่สื่อมวลชนยูเครนโพสต์ภาพคลิปวิดีโอภาพถ่ายทางอากาศจากโดรน เป็นภาพการระเบิดป็นชุดๆ ณ จุดๆ หนึ่งที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคฤหาสถ์หลังหนึ่งในพื้นที่ห่างไกล ที่พวกชาวบ้านเรียกว่าเขต "มารีโน" พร้อมระบุว่าการโจมตีน่าจะเล็งเป้าเล่นงานศูนย์บัญชาการทหารที่อยู่ใต้ดิน . ทั้งมอสโก และเคียฟ ต่างยังไม่ออกมายืนยันอย่างเป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธ หรือการใช้สตอร์ม ชาโดว์ . รายงานข่าวนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ วอชิงตันเปิดเผยว่าพวกเขาอนญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของพวกเขา ATACMS โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ภายในรัสเซีย ตามคำร้องขอที่มีมาอย่างยาวนานของเคียฟ . ในวันอังคาร (19 พ.ย.) รัสเซียระบุว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกใช้เล่นงานที่ตั้งทางทหารแห่งหนึ่งของพวกเขาในแคว้นบรีอันสค์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน . ทั้งนี้ รายงานข่าวเกี่ยวกับการโจมตีล่าสุด มีขึ้นในขณะที่มอสโกกำลังหาทางแก้แค้นยูเครน สำหรับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ เข้าใส่ดินแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรก และคำกล่าวหาจากเครมลิน ที่ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กำลังหาทางลากยาวสงคราม . รัสเซียยกระดับการโจมตีนองเลือดด้วยขีปนาวุธในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เล็งเป้าเล่นงานพื้นที่ที่อยู่อาศัยต่างๆ และเครือข่ายพลังงานของยูเครน กระตุ้นให้ระบบเตือนภัยทางอากาศทั่วประเทศดังระงมในทุกวัน . สหรัฐฯ เปิดเผยในตอนเช้าวันพุธ (20 พ.ย.) ว่ากำลังปิดสถานทูตในกรุงเคียฟ หลังได้รับข้อมูลอย่างเจาะจงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการโจมตีทางอากาศ จากนั้นแคนาดา กรีซ ฮังการี อิตาลี และสเปนก็ทำตาม . อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ทางสถานทูตสหรัฐฯ เผยว่าจะกลับมาเปิดให้บริการในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) ภายใต้ปฏิบัติการที่เปลี่ยนไปเป็นการชั่วคราว สืบเนื่องจากคำเตือนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการโจมตีทางอากาศ . เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังระงมทั่วกรุงเคียฟในวันพุธ (20 พ.ย.) และเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าเศษซากของโดรนโจมตีที่ถูกยิงสกัด ได้ก่อความเสียหายเล็กน้อย . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยในช่วงค่ำ เตือนว่าข้อความแห่งความตื่นตระหนกที่โพสต์ซ้ำๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ รังแต่จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจแก่รัสเซีย . คำเตือนนี้มีขึ้นในขณะที่ความกังวลกำลังแผ่ลามในกรุงเคียฟ ท่ามกลางสงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี เนื่องจากชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังนำมาซึ่งความไม่แน่นอนรอบใหม่ เกี่ยวกับแรงสนับสนุนของวอชิงตันที่จะมอบแก่เคียฟในอนาคต . ว่าที่ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ วิพากษ์วิจารณ์แรงสนับสนุนที่สหรัฐฯ มอบให้แก่เคียฟ และอ้างว่าเขาจะเป็นคนกลางในข้อตกลงหยุดยิงภายในไม่กี่ชั่วโมง ความเห็นที่กระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป เกี่ยวกับศักยภาพของยูเครนในการยืนหยัดรับมือการโจมตีของรัสเซีย โดยปราศจากแรงสนับสนุนของอเมริกา . ในวันพุธ (20 พ.ย.) รัสเซียกล่าวหา ไบเดน ลากยาวสงคราม ด้วยการยกระดับป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ของการดำรงตำแหน่ง "ถ้าคุณมองดูทิศทางของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง พวกเขามุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในการเดินหน้าสงครามในยูเครน และทำทุกอย่างเท่าที่พวกเขาทำได้ เพื่อให้เป็นเช่นนั้น" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินกล่าว . ความคิดเห็นของ เปสคอฟ เป็นการตอบโต้สหรัฐฯ ที่บอกว่าพวกเขาจะจัดหาทุ่นระเบิดต่อต้านกำลังพลแก่ยูเครนเร็วๆ นี้ การตัดสินใจดังกล่าวกระตุ้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรการกุศลต่างๆ เกี่ยวกับความเสี่ยงระยะยาวที่จะเกิดกับพลเมือง แต่ เซเลนสกี เน้นว่าทุ่นระเบิดมีความสำคัญยิ่งที่จะหยุดการจู่โจมของรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111854 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1154 มุมมอง 0 รีวิว
  • มอสโกกร้าวเอาคืนยูเครน รวมถึงนาโตที่จัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้เคียฟโจมตีดินแดนรัสเซีย พร้อมกันนี้ยังกล่าวหาอเมริกาต้องการยื้อสงครามด้วยการเร่งส่งอาวุธให้ยูเครนก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ขณะที่ในวันพุธ (20 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สั่งปิดสถานทูตในเคียฟและเตือนพลเมืองอเมริกันในยูเครนเตรียมพร้อมหาที่หลบภัยรวมถึงเสบียงและของใช้จำเป็นโดยด่วน หลังได้รับข้อมูลว่า อาจมีการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่
    .
    กองทัพยูเครนแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธของรัสเซียห่างจากชายแดนราว 110 กม. เมื่อเช้าวันอังคาร (19) ซึ่งทำให้เกิดระเบิดตามมา แต่ไม่ได้ระบุว่า ใช้อาวุธชนิดใด กระนั้น แหล่งข่าวในรัฐบาลยูเครนและเจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งยืนยันว่า อาวุธที่ใช้โจมตีคือ อะแทคซิมส์ (ATACMS ย่อมาจาก MGM-140 Army Tactical Missile System ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีกองทัพบกแบบ เอ็มจีเอ็ม-140) ซึ่งเป็นขีปนาวุธยุทธวิธีที่ยิงได้ไกลประมาณ 300 กิโลเมตร ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งอนุมัติให้ยูเครนใช้ในการโจมตีดินแดนรัสเซียได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ด้านรัสเซียระบุว่า ยิงขีปนาวุธอะแทคซิมส์จำนวน 5 จาก 6 ลูกตก ในพื้นที่ทางทหารในแคว้นบรีแยนสก์ของตน และซากจรวดทำให้เกิดไฟไหม้แต่ดับได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่มีผู้เสียชีวิตและไม่มีความเสียหายใดๆ
    .
    การโจมตีคราวนี้เกิดขึ้นขณะสงครามยูเครนดำเนินมาครบ 1,000 วัน โดยที่ยูเครนเสียดินแดนประมาณ 1 ใน 5 ให้รัสเซีย และท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับความช่วยเหลือของตะวันตกที่จะให้แก่ยูเครนในอนาคต หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้นปีหน้า
    .
    เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (18) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามกฤษฎีกาแก้ไขหลักนิยมนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์
    .
    นอกจากนั้น การรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่าแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย
    .
    เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวระหว่างร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มจี20 ที่บราซิลเมื่อวันอังคาร (19) ว่า การโจมตีของยูเครนด้วยจรวดอะแทคซิมส์ของอเมริกา เป็นเครื่องฟ้องว่า ตะวันตกต้องการให้ความขัดแย้งลุกลาม และถือเป็นเฟสใหม่ของสงครามที่ฝ่ายตะวันตกกระทำต่อรัสเซีย
    .
    ขณะที่ เซียร์เก นาริชกิน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันพุธ (20) ว่า รัสเซียจะแก้แค้นชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จัดหาขีปนาวุธให้ยูเครนใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย และสำทับว่า การแก้ไขหลักนิยมนิวเคลียร์ของปูตินหมายความว่า ศัตรูไม่มีทางเอาชนะรัสเซียในสนามรบได้
    .
    วันเดียวกันนั้น ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาแถลงกล่าวหาอเมริกาพยายามทำทุกทางเพื่อยื้อสงครามในยูเครน ซึ่งรวมถึงการรีบเร่งจัดส่งอาวุธให้เคียฟก่อนที่ทรัมป์จะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว โดยที่ผ่านมา ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอเมริกาผู้นี้วิจารณ์การสนับสนุนยูเครนของคณะบริหารไบเดน และประกาศว่า จะผลักดันให้มีข้อตกลงหยุดยิงภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่ง
    .
    นอกจากนั้น เมื่อคืนวันอังคาร เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งเปิดเผยว่า เร็วๆ นี้อเมริกาจะจัดส่งกับระเบิดสังหารบุคคลไปให้ยูเครน โดยขอให้เคียฟใช้อาวุธนี้เฉพาะในบริเวณที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยและในดินแดนของตนเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อพลเรือน
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพุธกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำสั่งปิดสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในกรุงเคียฟ โดยกล่าวว่าเนื่องจากได้รับข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ พร้อมเตือนพลเมืองอเมริกันในยูเครนให้เตรียมพร้อมหาที่หลบภัยโดยด่วน รวมทั้งสำรองน้ำ อาหาร และสิ่งจำเป็นอื่นๆ เช่น ยา เผื่อไว้สำหรับกรณีที่ระบบไฟฟ้าและน้ำประปายูเครนเสียหายจากการโจมตีของรัสเซีย
    .
    ทางด้าน อันดริว โควาเลนโก ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการเผยแพร่ข้อมูลเท็จของสภาความมั่นคงแห่งยูเครน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า รัสเซียพร้อมโจมตีทางอากาศเพิ่มขึ้น และสำทับว่า รัสเซียตุนขีปนาวุธสำหรับโจมตียูเครนมานานหลายเดือน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธเคเอช-101 และคาลิบร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111834
    ..............
    Sondhi X
    มอสโกกร้าวเอาคืนยูเครน รวมถึงนาโตที่จัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้เคียฟโจมตีดินแดนรัสเซีย พร้อมกันนี้ยังกล่าวหาอเมริกาต้องการยื้อสงครามด้วยการเร่งส่งอาวุธให้ยูเครนก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ขณะที่ในวันพุธ (20 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สั่งปิดสถานทูตในเคียฟและเตือนพลเมืองอเมริกันในยูเครนเตรียมพร้อมหาที่หลบภัยรวมถึงเสบียงและของใช้จำเป็นโดยด่วน หลังได้รับข้อมูลว่า อาจมีการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ . กองทัพยูเครนแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธของรัสเซียห่างจากชายแดนราว 110 กม. เมื่อเช้าวันอังคาร (19) ซึ่งทำให้เกิดระเบิดตามมา แต่ไม่ได้ระบุว่า ใช้อาวุธชนิดใด กระนั้น แหล่งข่าวในรัฐบาลยูเครนและเจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งยืนยันว่า อาวุธที่ใช้โจมตีคือ อะแทคซิมส์ (ATACMS ย่อมาจาก MGM-140 Army Tactical Missile System ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีกองทัพบกแบบ เอ็มจีเอ็ม-140) ซึ่งเป็นขีปนาวุธยุทธวิธีที่ยิงได้ไกลประมาณ 300 กิโลเมตร ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งอนุมัติให้ยูเครนใช้ในการโจมตีดินแดนรัสเซียได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . ด้านรัสเซียระบุว่า ยิงขีปนาวุธอะแทคซิมส์จำนวน 5 จาก 6 ลูกตก ในพื้นที่ทางทหารในแคว้นบรีแยนสก์ของตน และซากจรวดทำให้เกิดไฟไหม้แต่ดับได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่มีผู้เสียชีวิตและไม่มีความเสียหายใดๆ . การโจมตีคราวนี้เกิดขึ้นขณะสงครามยูเครนดำเนินมาครบ 1,000 วัน โดยที่ยูเครนเสียดินแดนประมาณ 1 ใน 5 ให้รัสเซีย และท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับความช่วยเหลือของตะวันตกที่จะให้แก่ยูเครนในอนาคต หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้นปีหน้า . เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (18) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามกฤษฎีกาแก้ไขหลักนิยมนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์ . นอกจากนั้น การรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่าแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย . เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวระหว่างร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มจี20 ที่บราซิลเมื่อวันอังคาร (19) ว่า การโจมตีของยูเครนด้วยจรวดอะแทคซิมส์ของอเมริกา เป็นเครื่องฟ้องว่า ตะวันตกต้องการให้ความขัดแย้งลุกลาม และถือเป็นเฟสใหม่ของสงครามที่ฝ่ายตะวันตกกระทำต่อรัสเซีย . ขณะที่ เซียร์เก นาริชกิน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันพุธ (20) ว่า รัสเซียจะแก้แค้นชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จัดหาขีปนาวุธให้ยูเครนใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย และสำทับว่า การแก้ไขหลักนิยมนิวเคลียร์ของปูตินหมายความว่า ศัตรูไม่มีทางเอาชนะรัสเซียในสนามรบได้ . วันเดียวกันนั้น ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาแถลงกล่าวหาอเมริกาพยายามทำทุกทางเพื่อยื้อสงครามในยูเครน ซึ่งรวมถึงการรีบเร่งจัดส่งอาวุธให้เคียฟก่อนที่ทรัมป์จะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว โดยที่ผ่านมา ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอเมริกาผู้นี้วิจารณ์การสนับสนุนยูเครนของคณะบริหารไบเดน และประกาศว่า จะผลักดันให้มีข้อตกลงหยุดยิงภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่ง . นอกจากนั้น เมื่อคืนวันอังคาร เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งเปิดเผยว่า เร็วๆ นี้อเมริกาจะจัดส่งกับระเบิดสังหารบุคคลไปให้ยูเครน โดยขอให้เคียฟใช้อาวุธนี้เฉพาะในบริเวณที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยและในดินแดนของตนเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อพลเรือน . ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพุธกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำสั่งปิดสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในกรุงเคียฟ โดยกล่าวว่าเนื่องจากได้รับข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ พร้อมเตือนพลเมืองอเมริกันในยูเครนให้เตรียมพร้อมหาที่หลบภัยโดยด่วน รวมทั้งสำรองน้ำ อาหาร และสิ่งจำเป็นอื่นๆ เช่น ยา เผื่อไว้สำหรับกรณีที่ระบบไฟฟ้าและน้ำประปายูเครนเสียหายจากการโจมตีของรัสเซีย . ทางด้าน อันดริว โควาเลนโก ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการเผยแพร่ข้อมูลเท็จของสภาความมั่นคงแห่งยูเครน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า รัสเซียพร้อมโจมตีทางอากาศเพิ่มขึ้น และสำทับว่า รัสเซียตุนขีปนาวุธสำหรับโจมตียูเครนมานานหลายเดือน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธเคเอช-101 และคาลิบร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111834 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1157 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาด่าทอ "พวกงี่เง่ากระหายสงคราม" หลังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทิ้งทวนก่อนพ้นตำแหน่ง ให้ไฟเขียวยูเครน ใช้อาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    ทรัมป์ จูเนียร์ ซึ่งหาเสียงเคียงข้างผู้เป็นพ่อ ระหว่างศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 และกำลังช่วยพ่อเลือกตัวเลือกคณะรัฐมนตรี โพสต์แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดบนสื่อสังคมออนไลน์
    .
    "ดูเหมือนอุตสาหกรรมทางทหารต้องการทำให้แน่ใจว่า พวกเขากำลังจะได้สงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิต" เขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) "ตั้งใจกันจริงกับเงินล้านล้านดอลลาร์ ชีวิตบัดซบ!! พวกงี่เง่า!"
    .
    ก่อนหน้านี้รัฐบาลไบเดน เคยกำหนดข้อจำกัดการใช้ขีปนาวุธ ATACMS โดยยูเครน อ้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าจะถูกรัสเซียแก้แค้น อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ทำเนียบขาวกลับลำนโยบายดังกล่าวแล้ว แม้ทั้งทำเนียบขาวและเพนตากอน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    รายงานเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามสุดท้ายในการเพิ่มแสนยานุภาพแก่กองทัพยูเครน ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    ระหว่างการหาเสียงเลือกั้ง ทรัมป์ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องมอบความช่วยเหลือแบบไม่มีเงื่อนไขแก่เคียฟ และประกาศคลี่คลายความขัดแย้งด้วยหนทางด้านการทูต ทั้งนี้การที่ทรัมป์ใกล้กลับสู่ทำเนียบขาวทุกขณะ ได้ก่อความกังวลแก่ทั้งพรรคเดโมแครต พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและอียู ที่วิตกว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะทอดทิ้งยูเครน
    .
    มอสโกเน้นย้ำมาตลอดว่าการที่ตะวันตกไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธของพวกเขาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะเป็นการส่งสัญญาณของการเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงของนาโตในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า "รัสเซียจะตัดสินใจอย่างเหมาะสมในการตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าว"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111070
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาด่าทอ "พวกงี่เง่ากระหายสงคราม" หลังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทิ้งทวนก่อนพ้นตำแหน่ง ให้ไฟเขียวยูเครน ใช้อาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . ทรัมป์ จูเนียร์ ซึ่งหาเสียงเคียงข้างผู้เป็นพ่อ ระหว่างศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 และกำลังช่วยพ่อเลือกตัวเลือกคณะรัฐมนตรี โพสต์แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดบนสื่อสังคมออนไลน์ . "ดูเหมือนอุตสาหกรรมทางทหารต้องการทำให้แน่ใจว่า พวกเขากำลังจะได้สงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิต" เขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) "ตั้งใจกันจริงกับเงินล้านล้านดอลลาร์ ชีวิตบัดซบ!! พวกงี่เง่า!" . ก่อนหน้านี้รัฐบาลไบเดน เคยกำหนดข้อจำกัดการใช้ขีปนาวุธ ATACMS โดยยูเครน อ้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าจะถูกรัสเซียแก้แค้น อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ทำเนียบขาวกลับลำนโยบายดังกล่าวแล้ว แม้ทั้งทำเนียบขาวและเพนตากอน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . รายงานเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามสุดท้ายในการเพิ่มแสนยานุภาพแก่กองทัพยูเครน ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . ระหว่างการหาเสียงเลือกั้ง ทรัมป์ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องมอบความช่วยเหลือแบบไม่มีเงื่อนไขแก่เคียฟ และประกาศคลี่คลายความขัดแย้งด้วยหนทางด้านการทูต ทั้งนี้การที่ทรัมป์ใกล้กลับสู่ทำเนียบขาวทุกขณะ ได้ก่อความกังวลแก่ทั้งพรรคเดโมแครต พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและอียู ที่วิตกว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะทอดทิ้งยูเครน . มอสโกเน้นย้ำมาตลอดว่าการที่ตะวันตกไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธของพวกเขาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะเป็นการส่งสัญญาณของการเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงของนาโตในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า "รัสเซียจะตัดสินใจอย่างเหมาะสมในการตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าว" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111070 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 880 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไบเดนอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียแล้ว!

    โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯโจมตีเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้แล้ว

    นับเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญของไบเดน ก่อนพ้นจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯเริ่มกระบวนการแต่งตั้งตัวแทนในการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด พร้อมให้คำมั่นที่จะจำกัดการสนับสนุนยูเครน

    คาดว่าอาวุธที่สามารถโจมตีดินแดนรัสเซียในระยะไกลได้นั้นคือ ขีปนาวุธ ATACMS ที่มีพิสัยทำการถึง 300 กม. ตามที่เจ้าหน้าระดับสูงของสหรัฐรายหนึ่งระบุ และสามารถติดตั้งหัวรบที่บรรจุลูกระเบิดคลัสเตอร์ได้หลายร้อยลูก
    ไบเดนอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียแล้ว! โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯโจมตีเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้แล้ว นับเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญของไบเดน ก่อนพ้นจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯเริ่มกระบวนการแต่งตั้งตัวแทนในการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด พร้อมให้คำมั่นที่จะจำกัดการสนับสนุนยูเครน คาดว่าอาวุธที่สามารถโจมตีดินแดนรัสเซียในระยะไกลได้นั้นคือ ขีปนาวุธ ATACMS ที่มีพิสัยทำการถึง 300 กม. ตามที่เจ้าหน้าระดับสูงของสหรัฐรายหนึ่งระบุ และสามารถติดตั้งหัวรบที่บรรจุลูกระเบิดคลัสเตอร์ได้หลายร้อยลูก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำจีน สี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ที่เมืองลิมาว่า จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๐๒๕:
    .
    Chinese leader Xi Jinping said at a meeting in Lima with US President Joe Biden that China is ready to work with the new administration of US President-elect Donald Trump who will assume the office on January 20, 2025:
    https://tass.com/world/1873531
    .
    7:51 AM · Nov 17, 2024 · 3,337 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1857949576247783505
    ผู้นำจีน สี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ที่เมืองลิมาว่า จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๐๒๕: . Chinese leader Xi Jinping said at a meeting in Lima with US President Joe Biden that China is ready to work with the new administration of US President-elect Donald Trump who will assume the office on January 20, 2025: https://tass.com/world/1873531 . 7:51 AM · Nov 17, 2024 · 3,337 Views https://x.com/tassagency_en/status/1857949576247783505
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวว่า เขาไม่ทราบว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งใจจะคลี่คลายวิกฤตในยูเครนอย่างไร, แต่มอสโกว์ตั้งตารอที่จะดูว่าเขาจะคิดอย่างไร:
    .
    Russian Foreign Minister Sergey Lavrov has said that he has no idea how US President-elect Donald Trump intends to settle the crisis in Ukraine, but Moscow looks forward to seeing what he comes up with:
    https://tass.com/politics/1873241
    .
    2:08 AM · Nov 16, 2024 · 2,216 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1857500920244003110
    รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวว่า เขาไม่ทราบว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งใจจะคลี่คลายวิกฤตในยูเครนอย่างไร, แต่มอสโกว์ตั้งตารอที่จะดูว่าเขาจะคิดอย่างไร: . Russian Foreign Minister Sergey Lavrov has said that he has no idea how US President-elect Donald Trump intends to settle the crisis in Ukraine, but Moscow looks forward to seeing what he comes up with: https://tass.com/politics/1873241 . 2:08 AM · Nov 16, 2024 · 2,216 Views https://x.com/tassagency_en/status/1857500920244003110
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลที่นำโดย โจ ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งควรยุติการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่เหลือ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเข้ารับตำแหน่ง, วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการีกล่าวในรายการวิทยุ Kossuth Radio ช่วงเช้า:
    .
    The outgoing Joe Biden-led administration should end military support for Ukraine in the remaining days before US President-elect Donald Trump takes office, Hungarian Prime Minister Viktor Orban stated on the morning program of Kossuth Radio:
    https://tass.com/world/1872703
    .
    5:50 PM · Nov 15, 2024 · 2,014 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1857375724857905387
    รัฐบาลที่นำโดย โจ ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งควรยุติการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่เหลือ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเข้ารับตำแหน่ง, วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการีกล่าวในรายการวิทยุ Kossuth Radio ช่วงเช้า: . The outgoing Joe Biden-led administration should end military support for Ukraine in the remaining days before US President-elect Donald Trump takes office, Hungarian Prime Minister Viktor Orban stated on the morning program of Kossuth Radio: https://tass.com/world/1872703 . 5:50 PM · Nov 15, 2024 · 2,014 Views https://x.com/tassagency_en/status/1857375724857905387
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะเลือกผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโคตา ดั๊ก เบิร์กัม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย:
    .
    US President-elect Donald Trump said he would pick Governor Doug Burgum of North Dakota to lead the Interior Department:
    https://tass.com/world/1872627
    .
    1:37 PM · Nov 15, 2024 · 2,044 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1857311829451583538
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะเลือกผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโคตา ดั๊ก เบิร์กัม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย: . US President-elect Donald Trump said he would pick Governor Doug Burgum of North Dakota to lead the Interior Department: https://tass.com/world/1872627 . 1:37 PM · Nov 15, 2024 · 2,044 Views https://x.com/tassagency_en/status/1857311829451583538
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่เปลี่ยนแนวทางของวอชิงตันต่อวิกฤตยูเครน เนื่องจากสหรัฐฯจะไม่เพียงแค่ละทิ้งผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่นั่น, เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าว:
    .
    Donald Trump’s victory in the US presidential election will not change Washington’s approach to the Ukraine crisis as the US will not just abandon its strategic interests there, Sergey Lavrov said:
    https://tass.com/politics/1871983
    .
    2:12 AM · Nov 14, 2024 · 5,774 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1856777243202138538
    ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่เปลี่ยนแนวทางของวอชิงตันต่อวิกฤตยูเครน เนื่องจากสหรัฐฯจะไม่เพียงแค่ละทิ้งผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่นั่น, เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าว: . Donald Trump’s victory in the US presidential election will not change Washington’s approach to the Ukraine crisis as the US will not just abandon its strategic interests there, Sergey Lavrov said: https://tass.com/politics/1871983 . 2:12 AM · Nov 14, 2024 · 5,774 Views https://x.com/tassagency_en/status/1856777243202138538
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่ออังกฤษปลดแอก เลิกใช้แพลตฟอร์ม X

    แม้โซเชียลมีเดียจะทำให้พฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป สื่อดั้งเดิมต่างพึ่งพาโซเชียลมีเดียเผยแพร่ผลงาน แต่สำหรับเดอะการ์เดียน (The Guardian) สื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่ยึดมั่นในแนวทางเสรีนิยม ตัดสินใจประกาศเลิกเผยแพร่เนื้อหาข่าวผ่านแพลตฟอร์ม X (หรือ Twitter เดิม) เช่น บัญชีหลัก @guardian มีผู้ติดตามกว่า 10.8 ล้านบัญชี โดยให้เหตุผลว่า จากแคมเปญการหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า X คือแพลตฟอร์มสื่อที่เป็นพิษ

    "เราอยากให้ผู้อ่านทราบว่า เราจะไม่โพสต์เนื้อหาในบัญชีทางการของ The Guardian บน X อีกต่อไป เราคิดว่าข้อดีของการอยู่ใน X นั้นถูกชดเชยด้วยข้อเสียไปแล้ว และทรัพยากรต่างๆ สามารถนำมาใช้ส่งเสริมการสื่อสารมวลชนของเราในทางอื่นได้ดีกว่า"

    "นี่เป็นสิ่งที่เราพิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องมาจากเนื้อหาที่มักจะสร้างความรำคาญใจ ที่ได้รับการส่งเสริมหรือพบเห็นบนแพลตฟอร์ม รวมถึงทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายขวาจัด และการเหยียดเชื้อชาติ ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เน้นย้ำถึงสิ่งที่พิจารณามาเป็นเวลานาน นั่นคือ X เป็นแพลตฟอร์มสื่อที่เป็นพิษ และเจ้าของแพลตฟอร์มอย่างอีลอน มัสก์ สามารถใช้อิทธิพลของแพลตฟอร์มนี้เพื่อกำหนดทิศทางทางการเมืองได้"

    เดอะการ์เดียน ยังกล่าวอีกว่า โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กรข่าว และช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ แต่ในขณะนี้ X มีบทบาทน้อยลงในการส่งเสริมผลงาน ข่าวสารต่างๆ สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซต์ อยากให้ทุกคนเข้าไปที่เว็บไซต์ theguardian.com และสนับสนุนผลงานที่นั่น ซึ่งรูปแบบธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาไวรัลที่ปรับแต่งตามอัลกอริทึม (Algorithm) ของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ แต่ได้รับเงินทุนโดยตรงจากผู้อ่าน

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ X ยังสามารถแชร์บทความจากเว็บไซต์ได้ และกองบรรณาธิการจะฝังเนื้อหาจาก X ไว้ในบทความเป็นครั้งคราว รวมทั้งผู้สื่อข่าวสามารถรวบรวมข่าวได้เช่นเดียวกันกับเครือข่ายโซเชียลอื่นๆ ที่องค์กรไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการ

    พร้อมกันนี้ ข้อความโฆษณาที่ให้ผู้อ่านสนับสนุนเริ่มต้นที่ 1 ปอนด์ หรือ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระบุว่า สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ คือ ระบบนิเวศสื่อที่ถูกครอบงำโดยเจ้าของมหาเศรษฐีเพียงไม่กี่คน การเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางออนไลน์เพื่อปลุกปั่นความไม่ยอมรับผู้อื่น ทีมทนายความจากเหล่าคนรวยและผู้ทรงอิทธิพล พยายามหยุดยั้งไม่ให้เผยแพร่เรื่องราวที่พวกเขาไม่อยากให้ผู้อ่านเห็น กลุ่มล็อบบี้ที่ได้รับเงินทุนไม่โปร่งใส และรัฐเผด็จการที่ไม่คำนึงถึงเสรีภาพของสื่อมวลชน

    #Newskit #X #TheGuardian
    สื่ออังกฤษปลดแอก เลิกใช้แพลตฟอร์ม X แม้โซเชียลมีเดียจะทำให้พฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป สื่อดั้งเดิมต่างพึ่งพาโซเชียลมีเดียเผยแพร่ผลงาน แต่สำหรับเดอะการ์เดียน (The Guardian) สื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่ยึดมั่นในแนวทางเสรีนิยม ตัดสินใจประกาศเลิกเผยแพร่เนื้อหาข่าวผ่านแพลตฟอร์ม X (หรือ Twitter เดิม) เช่น บัญชีหลัก @guardian มีผู้ติดตามกว่า 10.8 ล้านบัญชี โดยให้เหตุผลว่า จากแคมเปญการหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า X คือแพลตฟอร์มสื่อที่เป็นพิษ "เราอยากให้ผู้อ่านทราบว่า เราจะไม่โพสต์เนื้อหาในบัญชีทางการของ The Guardian บน X อีกต่อไป เราคิดว่าข้อดีของการอยู่ใน X นั้นถูกชดเชยด้วยข้อเสียไปแล้ว และทรัพยากรต่างๆ สามารถนำมาใช้ส่งเสริมการสื่อสารมวลชนของเราในทางอื่นได้ดีกว่า" "นี่เป็นสิ่งที่เราพิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องมาจากเนื้อหาที่มักจะสร้างความรำคาญใจ ที่ได้รับการส่งเสริมหรือพบเห็นบนแพลตฟอร์ม รวมถึงทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายขวาจัด และการเหยียดเชื้อชาติ ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เน้นย้ำถึงสิ่งที่พิจารณามาเป็นเวลานาน นั่นคือ X เป็นแพลตฟอร์มสื่อที่เป็นพิษ และเจ้าของแพลตฟอร์มอย่างอีลอน มัสก์ สามารถใช้อิทธิพลของแพลตฟอร์มนี้เพื่อกำหนดทิศทางทางการเมืองได้" เดอะการ์เดียน ยังกล่าวอีกว่า โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กรข่าว และช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ แต่ในขณะนี้ X มีบทบาทน้อยลงในการส่งเสริมผลงาน ข่าวสารต่างๆ สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซต์ อยากให้ทุกคนเข้าไปที่เว็บไซต์ theguardian.com และสนับสนุนผลงานที่นั่น ซึ่งรูปแบบธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาไวรัลที่ปรับแต่งตามอัลกอริทึม (Algorithm) ของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ แต่ได้รับเงินทุนโดยตรงจากผู้อ่าน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ X ยังสามารถแชร์บทความจากเว็บไซต์ได้ และกองบรรณาธิการจะฝังเนื้อหาจาก X ไว้ในบทความเป็นครั้งคราว รวมทั้งผู้สื่อข่าวสามารถรวบรวมข่าวได้เช่นเดียวกันกับเครือข่ายโซเชียลอื่นๆ ที่องค์กรไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการ พร้อมกันนี้ ข้อความโฆษณาที่ให้ผู้อ่านสนับสนุนเริ่มต้นที่ 1 ปอนด์ หรือ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระบุว่า สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ คือ ระบบนิเวศสื่อที่ถูกครอบงำโดยเจ้าของมหาเศรษฐีเพียงไม่กี่คน การเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางออนไลน์เพื่อปลุกปั่นความไม่ยอมรับผู้อื่น ทีมทนายความจากเหล่าคนรวยและผู้ทรงอิทธิพล พยายามหยุดยั้งไม่ให้เผยแพร่เรื่องราวที่พวกเขาไม่อยากให้ผู้อ่านเห็น กลุ่มล็อบบี้ที่ได้รับเงินทุนไม่โปร่งใส และรัฐเผด็จการที่ไม่คำนึงถึงเสรีภาพของสื่อมวลชน #Newskit #X #TheGuardian
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 770 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ ทำการเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ทางเหนือของโปแลนด์ ความเคลื่อนไหวที่ทางวอร์ซอหาทางสร้างความอุ่นใจแก่พลเมืองว่านาโตการันตีความปลอดภัยของพวกเขา ท่ามกลางความหวั่นวิตก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา
    .
    ฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษ 2000 และวอร์ซอระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างโปแลนด์กับวอชิงตันยังคงเหนียวแน่น ไม่ว่าใครจะอยู่ในทำเนียบขาวก็ตาม
    .
    "มันใช้เวลาพักใหญ่ แต่โครงการก่อสร้างนี้พิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ" ราโดสลอว์ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ประธานาธิบดีอันด์แซย์ ดูดา ของโปแลนด์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมซึ่งเน้นย้ำความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับทรัมป์ เข้าร่วมในพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ด้วย ในขณะที่วังเครมลินเรียกความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามควบคุมรัสเซีย ด้วยการเคลื่อนย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอเมริกาเข้ามาใกล้ชายแดนของพวกเขา
    .
    ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คัดค้านแผนการต่างๆ สำหรับฐานขีปนาวุธแห่งนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2000 ครั้งที่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เป็นประธานาธิบดี
    .
    โฆษกรายนี้บอกว่า ปูติน เคยเน้นย้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าสหรัฐฯ กำลังโกหก ที่อ้างว่ามันมีจุดประสงค์เพื่อสกัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะยิงขีปนาวุธเข้ามา "มันเป็นการยืนยันว่าประธานาธิบดีพูดถูก พวกเขายังคงเดินหน้าแผนการนี้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำสมัยของอเมริกาบนดินแดนยุโรป ที่หันหน้าเข้าหาเขตแดนของเรา" เปสคอฟกล่าว "มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามควบคุมแสนยานุภาพทางทหารของเรา และแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่้งการใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อรับประกันความเท่าเทียม"
    .
    อย่างไรก็ตาม เปสคอฟ ไม่ได้ระบุว่ารัสเซียจะใช้มาตรการใดในการตอบโต้
    .
    การเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในโปแลนด์ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อนาโตในอดีต ได้ก่อความไม่สบายใจแก่รัฐสมาชิกบางส่วน โดยเขาเคยประกาศกร้าวว่าอเมริกาภายใต้การบริหารงานของเขา จะไม่ปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช้จ่ายในด้านกลาโหมอย่างเพียงพอ
    .
    กระนั้นก็ตาม โปแลนด์ บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ
    .
    ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองเรดซิโคโว เป็นส่วนหนึ่งของโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างครอบคลุมของนาโต ที่ได้รับสมญานามว่า "Aegis Ashore" ซึ่งพันธมิตรทหารแห่งนี้อวดอ้างว่าสามารถสกัดขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปจนถึงพิสัยปานกลางที่พุ่งเข้ามาได้
    .
    มอสโกเคยตราหน้าฐานทัพแห่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม ย้อนกลับไปในปี 2007 ตั้งแต่ช่วงที่มันยังอยู่ในขั้นของการวางแผน อย่างไรก็ตาม นาโตอ้างว่าโล่ดังกล่าวมีไว้เพื่อจุดประสงค์ป้องกันตนเองแต่เพียงอย่างเดียว
    .
    แหล่งข่าวด้านการทหารบอกกับรอยเตอร์ว่า ด้วยการติดตั้งระบบนี้ในโปแลนด์ เวลานี้นาโตไม่ใช่แค่สามารถใช้มันสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มันยังมีระบบเรดาร์ที่จำเป็นที่้สามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากรัสเซียด้วยเช่นกัน
    .
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ระบุในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ว่าจำเป็นต้องขยายขอบเขตโล่ป้องกันขีปนาวุธนี้เพิ่มเติม ซึ่งทางวอร์ซอจะมีการพูดคุยหารือกับนาโตและสหรัฐฯ อีกครั้ง
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานว่า มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี ดูดา และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ในกรุงวอร์ซอ หลังจากพิธีเปิดฐานทัพในวันพุธ (13 พ.ย.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109494
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ ทำการเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ทางเหนือของโปแลนด์ ความเคลื่อนไหวที่ทางวอร์ซอหาทางสร้างความอุ่นใจแก่พลเมืองว่านาโตการันตีความปลอดภัยของพวกเขา ท่ามกลางความหวั่นวิตก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา . ฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษ 2000 และวอร์ซอระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างโปแลนด์กับวอชิงตันยังคงเหนียวแน่น ไม่ว่าใครจะอยู่ในทำเนียบขาวก็ตาม . "มันใช้เวลาพักใหญ่ แต่โครงการก่อสร้างนี้พิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ" ราโดสลอว์ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ประธานาธิบดีอันด์แซย์ ดูดา ของโปแลนด์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมซึ่งเน้นย้ำความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับทรัมป์ เข้าร่วมในพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ด้วย ในขณะที่วังเครมลินเรียกความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามควบคุมรัสเซีย ด้วยการเคลื่อนย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอเมริกาเข้ามาใกล้ชายแดนของพวกเขา . ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คัดค้านแผนการต่างๆ สำหรับฐานขีปนาวุธแห่งนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2000 ครั้งที่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เป็นประธานาธิบดี . โฆษกรายนี้บอกว่า ปูติน เคยเน้นย้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าสหรัฐฯ กำลังโกหก ที่อ้างว่ามันมีจุดประสงค์เพื่อสกัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะยิงขีปนาวุธเข้ามา "มันเป็นการยืนยันว่าประธานาธิบดีพูดถูก พวกเขายังคงเดินหน้าแผนการนี้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำสมัยของอเมริกาบนดินแดนยุโรป ที่หันหน้าเข้าหาเขตแดนของเรา" เปสคอฟกล่าว "มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามควบคุมแสนยานุภาพทางทหารของเรา และแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่้งการใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อรับประกันความเท่าเทียม" . อย่างไรก็ตาม เปสคอฟ ไม่ได้ระบุว่ารัสเซียจะใช้มาตรการใดในการตอบโต้ . การเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในโปแลนด์ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อนาโตในอดีต ได้ก่อความไม่สบายใจแก่รัฐสมาชิกบางส่วน โดยเขาเคยประกาศกร้าวว่าอเมริกาภายใต้การบริหารงานของเขา จะไม่ปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช้จ่ายในด้านกลาโหมอย่างเพียงพอ . กระนั้นก็ตาม โปแลนด์ บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ . ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองเรดซิโคโว เป็นส่วนหนึ่งของโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างครอบคลุมของนาโต ที่ได้รับสมญานามว่า "Aegis Ashore" ซึ่งพันธมิตรทหารแห่งนี้อวดอ้างว่าสามารถสกัดขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปจนถึงพิสัยปานกลางที่พุ่งเข้ามาได้ . มอสโกเคยตราหน้าฐานทัพแห่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม ย้อนกลับไปในปี 2007 ตั้งแต่ช่วงที่มันยังอยู่ในขั้นของการวางแผน อย่างไรก็ตาม นาโตอ้างว่าโล่ดังกล่าวมีไว้เพื่อจุดประสงค์ป้องกันตนเองแต่เพียงอย่างเดียว . แหล่งข่าวด้านการทหารบอกกับรอยเตอร์ว่า ด้วยการติดตั้งระบบนี้ในโปแลนด์ เวลานี้นาโตไม่ใช่แค่สามารถใช้มันสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มันยังมีระบบเรดาร์ที่จำเป็นที่้สามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากรัสเซียด้วยเช่นกัน . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ระบุในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ว่าจำเป็นต้องขยายขอบเขตโล่ป้องกันขีปนาวุธนี้เพิ่มเติม ซึ่งทางวอร์ซอจะมีการพูดคุยหารือกับนาโตและสหรัฐฯ อีกครั้ง . ทั้งนี้ มีรายงานว่า มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี ดูดา และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ในกรุงวอร์ซอ หลังจากพิธีเปิดฐานทัพในวันพุธ (13 พ.ย.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109494 .............. Sondhi X
    Like
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1153 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรดาผู้นำประเทศต่างๆจำเป็นต้องตระหนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "จริงจังอย่างมาก" เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งยูเครน จากความเห็นของ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งทูตพิเศษสำหรับเป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเขาเคยประกาศระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟภายใน 24 ชั่วโมง ที่กลับเข้าสู่อำนาจ
    .
    ประธานาธิบดีโปแลนด์ ทำนายเหมือนกับหลายคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ หลังจากได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(11พ.ย.) ทั้งนี้ สตับบ์ ชี้แนะว่าบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ ควรอำนวยความสะดวกแก่การเจรจา ก่อน ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    "ผมคิดว่า เราในยุโรปและทั่วทั้งโลก จำเป็นต้องเข้าใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงจังอย่างมากเกี่ยวกับการได้ข้อตกลงสันติภาพ โดยไม่ชักช้าเกินไป" เขากล่าวในวันอังคาร(12พ.ย.) รอบนอกการประชุมภาวะโลกร้อนในอาเซอร์ไบจาน "ตัวผมเองเคยบอกว่า มันมีประตูแห่งโอกาสของการเจรจานี้ ในระหว่างศึกเลือกตั้งและวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง"
    .
    ที่ผ่านมา สตับบ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ส่งเสียงสนับสนุนเหตุผลของยูเครนอย่างแข็งขัน และเมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่า ทรัมป์ จะได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับยูเครน ทาง สตับบ์ เน้นย้ำว่าในความคิดเห็นของเขา ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับยูเครน คือยูเครนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ รัสเซีย เรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเลือกเขากลับเข้าสู่อำนาจ ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการ แต่สื่อมวลชนบ่งชี้ว่าบางที ทรัมป์อาจถาโถมแรงกดดันใส่ทั้งมอสโกและเคียฟ เพื่อบีบให้ยอมประนีประนอม
    .
    ความเห็นของผู้นำโปแลนด์ มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันพุธ(13พ.ย.) ว่า ทรัมป์ เตรียมแต่งตั้งทูตพิเศษที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเผยว่าเขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอนาคตอันใกล้
    .
    "คุณกำลังได้เห็นทูตพิเศษระดับอาวุโสมากๆ บางคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ผู้ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้หนทางออกหนึ่งๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติ" แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ พร้อมระบุว่า "คุณกำลังจะได้เห็นสิ่งนี้ ในอนาคตอันใกล้"
    .
    ราว 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เขาคว้าชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยรายชื่อบุคคลต่างๆเป็นชุดๆ ที่เขามีความตั้งใจเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ในนั้นรวมถึงกรณีที่เขาเปิดเผยว่าจะแต่งตั้ง สตีเฟน วิตคอฟฟ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลาง โดยบอกว่า วิตคอฟฟ์ จะส่งเสียงเรียกร้องแบบไม่หยุดสำหรับร้องหาสันติภาพในภูมิภาค
    .
    ทรัมป์ พูดคุยกับ เซเลนสกี ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และบอกกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าเขาอยากพูดคุยกับปูตินในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ปูติน แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(7พ.ย.) และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาพร้อมหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ตามวังเครมลินปฏิเสธซ้ำๆเกี่ยวกับคำพูดอวดอ้างว่า ทรัมป์ จะสามารถยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างง่ายดาย แม้ ปูติน ชี้ว่าถ้อยแถลงของทรัมป์ในเรื่องนี้ "อย่างน้อยๆ ก็คู่ควรได้รับความสนใจ"
    .
    ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์ จะผลักดันทางออกใดในความขัดแย้งนี้ ระหว่างการหาเสียง ว่าที่รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ บ่งชี้ว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงและจัดตั้งเขตปลอดทหารหนึ่งๆตามแนวหน้าในปัจจุบัน พร้อมกับไม่ไฟเขียวให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต
    .
    รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ สนับสนุนแนวคิดบางส่วนของแผนนี้ และสนับสนุนให้ว่าที่ประธานาธิบดีนำเสนอมันกับทั้งเซเลนสกีและปูติน
    .
    มอสโก ยืนกรานว่าทางออกใดๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการที่ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหารและยอมรับ "ความเป็นจริงด้านดินแดน" ที่ว่าพวกเขาไม่มีวันทวงคืนแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียได้อีกแล้ว ในนั้นประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์, แคว้นลูฮันสก์, แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย รวมไปถึงแคว้นไครเมีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109496
    ..............
    Sondhi X
    บรรดาผู้นำประเทศต่างๆจำเป็นต้องตระหนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "จริงจังอย่างมาก" เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งยูเครน จากความเห็นของ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งทูตพิเศษสำหรับเป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเขาเคยประกาศระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟภายใน 24 ชั่วโมง ที่กลับเข้าสู่อำนาจ . ประธานาธิบดีโปแลนด์ ทำนายเหมือนกับหลายคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ หลังจากได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(11พ.ย.) ทั้งนี้ สตับบ์ ชี้แนะว่าบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ ควรอำนวยความสะดวกแก่การเจรจา ก่อน ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . "ผมคิดว่า เราในยุโรปและทั่วทั้งโลก จำเป็นต้องเข้าใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงจังอย่างมากเกี่ยวกับการได้ข้อตกลงสันติภาพ โดยไม่ชักช้าเกินไป" เขากล่าวในวันอังคาร(12พ.ย.) รอบนอกการประชุมภาวะโลกร้อนในอาเซอร์ไบจาน "ตัวผมเองเคยบอกว่า มันมีประตูแห่งโอกาสของการเจรจานี้ ในระหว่างศึกเลือกตั้งและวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง" . ที่ผ่านมา สตับบ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ส่งเสียงสนับสนุนเหตุผลของยูเครนอย่างแข็งขัน และเมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่า ทรัมป์ จะได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับยูเครน ทาง สตับบ์ เน้นย้ำว่าในความคิดเห็นของเขา ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับยูเครน คือยูเครนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ รัสเซีย เรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง . ทรัมป์ กล่าวอ้างระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเลือกเขากลับเข้าสู่อำนาจ ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการ แต่สื่อมวลชนบ่งชี้ว่าบางที ทรัมป์อาจถาโถมแรงกดดันใส่ทั้งมอสโกและเคียฟ เพื่อบีบให้ยอมประนีประนอม . ความเห็นของผู้นำโปแลนด์ มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันพุธ(13พ.ย.) ว่า ทรัมป์ เตรียมแต่งตั้งทูตพิเศษที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเผยว่าเขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอนาคตอันใกล้ . "คุณกำลังได้เห็นทูตพิเศษระดับอาวุโสมากๆ บางคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ผู้ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้หนทางออกหนึ่งๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติ" แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ พร้อมระบุว่า "คุณกำลังจะได้เห็นสิ่งนี้ ในอนาคตอันใกล้" . ราว 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เขาคว้าชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยรายชื่อบุคคลต่างๆเป็นชุดๆ ที่เขามีความตั้งใจเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ในนั้นรวมถึงกรณีที่เขาเปิดเผยว่าจะแต่งตั้ง สตีเฟน วิตคอฟฟ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลาง โดยบอกว่า วิตคอฟฟ์ จะส่งเสียงเรียกร้องแบบไม่หยุดสำหรับร้องหาสันติภาพในภูมิภาค . ทรัมป์ พูดคุยกับ เซเลนสกี ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และบอกกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าเขาอยากพูดคุยกับปูตินในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ปูติน แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(7พ.ย.) และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาพร้อมหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ . อย่างไรก็ตามวังเครมลินปฏิเสธซ้ำๆเกี่ยวกับคำพูดอวดอ้างว่า ทรัมป์ จะสามารถยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างง่ายดาย แม้ ปูติน ชี้ว่าถ้อยแถลงของทรัมป์ในเรื่องนี้ "อย่างน้อยๆ ก็คู่ควรได้รับความสนใจ" . ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์ จะผลักดันทางออกใดในความขัดแย้งนี้ ระหว่างการหาเสียง ว่าที่รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ บ่งชี้ว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงและจัดตั้งเขตปลอดทหารหนึ่งๆตามแนวหน้าในปัจจุบัน พร้อมกับไม่ไฟเขียวให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต . รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ สนับสนุนแนวคิดบางส่วนของแผนนี้ และสนับสนุนให้ว่าที่ประธานาธิบดีนำเสนอมันกับทั้งเซเลนสกีและปูติน . มอสโก ยืนกรานว่าทางออกใดๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการที่ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหารและยอมรับ "ความเป็นจริงด้านดินแดน" ที่ว่าพวกเขาไม่มีวันทวงคืนแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียได้อีกแล้ว ในนั้นประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์, แคว้นลูฮันสก์, แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย รวมไปถึงแคว้นไครเมีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109496 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1069 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน
    .
    มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
    .
    ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ
    .
    กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา
    .
    คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต
    .
    ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย
    .
    สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้
    .
    สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่
    .
    ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย
    .
    ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า
    .
    นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน . มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง . ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ . กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา . คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต . ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย . สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์ . นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้ . สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ . นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล . อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่ . ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย . ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า . นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❗️ทรัมป์แต่งตั้ง ทัลซี แกบบาร์ด เป็นผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ

    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาได้เลือก ทัลซี แกบบาร์ด อดีตสมาชิกพรรคเดโมแครตเป็นผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติคนต่อไป

    ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ผมยินดีที่จะประกาศว่า พันโททัลซี แกบบาร์ด, อดีตสมาชิกสภาคองเกรส, จะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ,"

    ในแถลงการณ์, ทรัมป์เน้นย้ำถึง "การสนับสนุนอย่างกว้างขวาง" ที่แกบบาร์ดมีต่อทั้งสองพรรค
    .
    ❗️ TRUMP NAMES TULSI GABBARD AS INTENDED DIRECTOR OF NATIONAL INTELLIGENCE

    US President-elect Donald Trump said on Wednesday that he picked former Democrat Tulsi Gabbard to be the next Director of National Intelligence.

    "I am pleased to announce that former Congresswoman, Lieutenant Colonel Tulsi Gabbard, will serve as Director of National Intelligence," Trump said in a statement.

    In the statement, Trump highlighted "broad support" that Gabbard has in both parties.
    .
    3:24 AM · Nov 14, 2024 · 2,507 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1856795206236205494
    ❗️ทรัมป์แต่งตั้ง ทัลซี แกบบาร์ด เป็นผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาได้เลือก ทัลซี แกบบาร์ด อดีตสมาชิกพรรคเดโมแครตเป็นผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติคนต่อไป ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ผมยินดีที่จะประกาศว่า พันโททัลซี แกบบาร์ด, อดีตสมาชิกสภาคองเกรส, จะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ," ในแถลงการณ์, ทรัมป์เน้นย้ำถึง "การสนับสนุนอย่างกว้างขวาง" ที่แกบบาร์ดมีต่อทั้งสองพรรค . ❗️ TRUMP NAMES TULSI GABBARD AS INTENDED DIRECTOR OF NATIONAL INTELLIGENCE US President-elect Donald Trump said on Wednesday that he picked former Democrat Tulsi Gabbard to be the next Director of National Intelligence. "I am pleased to announce that former Congresswoman, Lieutenant Colonel Tulsi Gabbard, will serve as Director of National Intelligence," Trump said in a statement. In the statement, Trump highlighted "broad support" that Gabbard has in both parties. . 3:24 AM · Nov 14, 2024 · 2,507 Views https://x.com/SputnikInt/status/1856795206236205494
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❗️ทรัมป์ได้เลือกวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ เป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างเป็นทางการ

    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะเสนอชื่อวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ จากฟลอริดาให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ

    “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ, จากฟลอริดา, ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โกเป็นผู้นำที่ได้รับการเคารพนับถือ, และเป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังสำหรับเสรีภาพ เขาจะเป็นผู้สนับสนุนประเทศชาติของเรา, เพื่อนแท้ของพันธมิตรของเรา, และเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่จะไม่ยอมแพ้ต่อศัตรู ผมตั้งตารอที่จะร่วมงานกับมาร์โกเพื่อให้ประเทศอเมริกา, และโลก, ปลอดภัยและยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!” ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์

    รูบิโอถือเป็นคู่หูของทรัมป์ในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปี ๒๐๒๔, แต่เลือกรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์แทน นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน, เขาได้เสนอร่างกฎหมายต่อต้านรัสเซียหลายฉบับและมีมุมมองที่รุนแรงต่อจีนและรัสเซีย หากได้รับการแต่งตั้ง, รูบิโอจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกที่เป็นชาวฮิสแปนิก
    .
    ❗️ TRUMP HAS OFFICIALLY SELECTED SEN. MARCO RUBIO AS HIS PICK FOR SECRETARY OF STATE

    US President-elect Donald Trump said on Wednesday that he will nominate Florida Senator Marco Rubio to be the US Secretary of State.

    "It is my Great Honor to announce that Senator Marco Rubio, of Florida, is hereby nominated to be The United States Secretary of State. Marco is a Highly Respected Leader, and a very powerful Voice for Freedom. He will be a strong Advocate for our Nation, a true friend to our Allies, and a fearless Warrior who will never back down to our adversaries. I look forward to working with Marco to Make America, and the World, Safe and Great Again!" Trump said in a statement.

    Rubio was considered as Trump's running mate for the position of the US vice president in the 2024 election, but Vice President-elect J.D. Vance was chosen instead. Since the beginning of the Russian special military operation in Ukraine, he has introduced a number of Anti-Russian bills and holds harsh views on China and Russia. If appointed, Rubio would be the first Hispanic secretary of state.
    .
    Last edited 3:24 AM · Nov 14, 2024 · 2,086 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1856795310355300520
    ❗️ทรัมป์ได้เลือกวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ เป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างเป็นทางการ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะเสนอชื่อวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ จากฟลอริดาให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ, จากฟลอริดา, ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โกเป็นผู้นำที่ได้รับการเคารพนับถือ, และเป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังสำหรับเสรีภาพ เขาจะเป็นผู้สนับสนุนประเทศชาติของเรา, เพื่อนแท้ของพันธมิตรของเรา, และเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่จะไม่ยอมแพ้ต่อศัตรู ผมตั้งตารอที่จะร่วมงานกับมาร์โกเพื่อให้ประเทศอเมริกา, และโลก, ปลอดภัยและยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!” ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์ รูบิโอถือเป็นคู่หูของทรัมป์ในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปี ๒๐๒๔, แต่เลือกรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์แทน นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน, เขาได้เสนอร่างกฎหมายต่อต้านรัสเซียหลายฉบับและมีมุมมองที่รุนแรงต่อจีนและรัสเซีย หากได้รับการแต่งตั้ง, รูบิโอจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกที่เป็นชาวฮิสแปนิก . ❗️ TRUMP HAS OFFICIALLY SELECTED SEN. MARCO RUBIO AS HIS PICK FOR SECRETARY OF STATE US President-elect Donald Trump said on Wednesday that he will nominate Florida Senator Marco Rubio to be the US Secretary of State. "It is my Great Honor to announce that Senator Marco Rubio, of Florida, is hereby nominated to be The United States Secretary of State. Marco is a Highly Respected Leader, and a very powerful Voice for Freedom. He will be a strong Advocate for our Nation, a true friend to our Allies, and a fearless Warrior who will never back down to our adversaries. I look forward to working with Marco to Make America, and the World, Safe and Great Again!" Trump said in a statement. Rubio was considered as Trump's running mate for the position of the US vice president in the 2024 election, but Vice President-elect J.D. Vance was chosen instead. Since the beginning of the Russian special military operation in Ukraine, he has introduced a number of Anti-Russian bills and holds harsh views on China and Russia. If appointed, Rubio would be the first Hispanic secretary of state. . Last edited 3:24 AM · Nov 14, 2024 · 2,086 Views https://x.com/SputnikInt/status/1856795310355300520
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศเลือก สส.ไมค์ วอลท์ซ (Mike Waltz) เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Adviser) (ตำแหน่งของเจค ซัลลิแวน ในรัฐบาลไบเดน)

    ทำความรู้จักกับ "ไมค์ วอลท์ซ"
    วอลซ์ อดีตหน่วยเบเรต์เขียวและที่ปรึกษาต่อต้านการก่อการร้ายในรัฐบาลจอร์จ บุช และเป็นผู้ต่อต้านจีนอย่างเปิดเผย
    .
    "ไมค์ วอลท์ซ" ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นวันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวกับแนวคิดของเขาในการยุติสงครามยูเครนดังนี้:

    - เพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซีย
    - "ปลดกุญแจมือ" ยูเครน โดยปล่อยให้ยูเครนโจมตีภายในรัสเซียมากขึ้น
    - วอลท์ซ ยังเคยวิจารณ์นโยบายของไบเดนเกี่ยวกับยูเครนตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นความขัดแย้งกับรัสเซียว่า ไบเดนไม่ได้จริงจัง และเร่งสงครามอย่างรวดเร็วและก้าวร้าวเพียงพอ
    .
    สำหรับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง:
    - วอลท์ซ เคยแสดงความเห็นไว้ว่า การถอนทหารออกจากตะวันออกกลางเป็นเรื่องไร้เดียงสาแบบเด็กๆ เราต้องเดินหน้ารุกต่อไป
    - "ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน อิรัก หรือซีเรีย เราต้องเดินหน้ารุกต่อไป มิฉะนั้นเราจะถูกโจมตีภายในประเทศ"
    .
    สำหรับความสัมพันธ์กับจีน:
    - วอลท์ซ มองว่าจีนเป็นภัยคุกคามสูงสุดต่อสหรัฐฯ โดยเปรียบเทียบจีนในลักษณะเดียวกับอาวุธทำลายล้างสูง
    - เขาส่งเสริมการแบ่งแยกดินแดนด้วยอาวุธในไต้หวัน รวมถึงเสนอให้ประกาศแยกไต้หวันออกจากจีนอย่างเปิดเผย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและข้อตกลงทวิภาคีระหว่างวอชิงตันกับจีนอย่างชัดเจน
    ทรัมป์ประกาศเลือก สส.ไมค์ วอลท์ซ (Mike Waltz) เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Adviser) (ตำแหน่งของเจค ซัลลิแวน ในรัฐบาลไบเดน) ทำความรู้จักกับ "ไมค์ วอลท์ซ" วอลซ์ อดีตหน่วยเบเรต์เขียวและที่ปรึกษาต่อต้านการก่อการร้ายในรัฐบาลจอร์จ บุช และเป็นผู้ต่อต้านจีนอย่างเปิดเผย . "ไมค์ วอลท์ซ" ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นวันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวกับแนวคิดของเขาในการยุติสงครามยูเครนดังนี้: - เพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซีย - "ปลดกุญแจมือ" ยูเครน โดยปล่อยให้ยูเครนโจมตีภายในรัสเซียมากขึ้น - วอลท์ซ ยังเคยวิจารณ์นโยบายของไบเดนเกี่ยวกับยูเครนตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นความขัดแย้งกับรัสเซียว่า ไบเดนไม่ได้จริงจัง และเร่งสงครามอย่างรวดเร็วและก้าวร้าวเพียงพอ . สำหรับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง: - วอลท์ซ เคยแสดงความเห็นไว้ว่า การถอนทหารออกจากตะวันออกกลางเป็นเรื่องไร้เดียงสาแบบเด็กๆ เราต้องเดินหน้ารุกต่อไป - "ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน อิรัก หรือซีเรีย เราต้องเดินหน้ารุกต่อไป มิฉะนั้นเราจะถูกโจมตีภายในประเทศ" . สำหรับความสัมพันธ์กับจีน: - วอลท์ซ มองว่าจีนเป็นภัยคุกคามสูงสุดต่อสหรัฐฯ โดยเปรียบเทียบจีนในลักษณะเดียวกับอาวุธทำลายล้างสูง - เขาส่งเสริมการแบ่งแยกดินแดนด้วยอาวุธในไต้หวัน รวมถึงเสนอให้ประกาศแยกไต้หวันออกจากจีนอย่างเปิดเผย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและข้อตกลงทวิภาคีระหว่างวอชิงตันกับจีนอย่างชัดเจน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯกำลังพิจารณาจัดการเลือกตั้งในยูเครนในปีหน้า สำหรับเป็นหนทางที่ชอบธรรมในการหาคนมาแทนรัฐบาลของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี จากคำกล่าวของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย (SVR)
    .
    เซเลนสกี ยังคงอยู่ในอำนาจในยูเครน แม้สมัยการดำรงตำแหน่งของเขาหมดวาระลงไปอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขาประกาศเลื่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยอ้างกฎอัยการศึกที่เขาประกาศบังคับใช้ในปี 2022
    .
    หน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซียระบุในถ้อยแถลง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเชื่อว่า เซเลนสกี ใช้สิทธิ์ที่เลยเถิดเกินไป และอาจจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภายูเครน เพื่อเขี่ยเขาพ้นจากอำนาจในปี 2025 แม้ยังอยู่ระหว่างการทำศึกสงครามก็ตาม
    .
    ข้อมูลตามคำกล่าวอ้างของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่ารัสเซียตัดสินใจเริ่มทำงานในขั้นต้นแล้ว โดยมีเป้าหมายสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆสำหรับเปิดแคมเปญรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในยูเครน
    .
    ในขั้นแรกของแผนดังกล่าว จะได้เห็นบรรดาเอ็นจีโอที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสหรัฐฯ ใช้โครงสร้างประชาสังคมยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา ผลักดันให้มีการเดินหน้าริเริ่มจัดการเลือกตั้ง
    .
    ถ้อยแถลงระบุต่อว่า หลังจากได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในวงกว้างแล้ว บรรดาแคนดิเดทที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง จะถูกเลือกภายใต้การประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วบรรดาผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งนั้น จะเป็นกลุ่มคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากเอ็นจีโอทั้งหลาย ที่มีความเกี่ยวข้องกับวอชิงตัน
    .
    หน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย อ้างด้วยว่าสหรัฐฯได้เริ่มพูดคุยหารือกันในเบื้องต้นกันไปแล้ว สำหรับการจัดตั้งพรรคการเมืองฝักใฝ่อเมริกาพรรคใหม่ในยูเครน นอกเหนือจากบรรดานักเคลื่อนไหวยูเครนที่กินเงินเดือนของพวกเขา
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯคาดหวังว่าพรรคการเมืองพรรคนี้ จะสามารถผงาดก้าวเข้าสู่รัฐสภา และช่วยทำให้ประธานาธิบดีรายหนึ่งรายใดของยูเครนในอนาคต ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของอเมริกาต่อไป จากคำกล่าวอ้างของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย
    .
    ทั้งนี้หน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย บ่งชี้ว่าความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวาทกรรม "ไม่มีอะไรเกี่ยวกับยูเครน หากปราศจากยูเครน" ที่พวกเจ้าหน้าที่อเมริกามักพูดซ้ำๆตลอดความขัดแย้ง เป็นเพียงแต่คำพูดที่ว่างเปล่า และในความเป็นจริงคือ ชะตากรรมของประเทศนี้และบรรดาผู้นำหุ่นเชิดของพวกเขา จะยังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวอชิงตัน
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เซเลนสกีขยายกรอบเวลากฎอัยการศึกออกไปอีก และประกาศระดมพลในยูเครนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ถือเป็นการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นครั้งที่ 13 แล้ว นับตั้งแต่ความขัดแย้งกับรัสเซีย ลุกลามบานปลายในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัญญาหลายต่อหลายครั้งระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะจบความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างรวดเร็ว ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเซเลนสกี จะไร้ซึ่งอำนาจในการขัดขืนใดๆ หากว่า ทรัมป์ ต้องการให้ผู้นำยูเครนรายนี้ หยุดการสู้รบและเสาะหาสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108689
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯกำลังพิจารณาจัดการเลือกตั้งในยูเครนในปีหน้า สำหรับเป็นหนทางที่ชอบธรรมในการหาคนมาแทนรัฐบาลของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี จากคำกล่าวของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย (SVR) . เซเลนสกี ยังคงอยู่ในอำนาจในยูเครน แม้สมัยการดำรงตำแหน่งของเขาหมดวาระลงไปอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขาประกาศเลื่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยอ้างกฎอัยการศึกที่เขาประกาศบังคับใช้ในปี 2022 . หน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซียระบุในถ้อยแถลง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเชื่อว่า เซเลนสกี ใช้สิทธิ์ที่เลยเถิดเกินไป และอาจจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภายูเครน เพื่อเขี่ยเขาพ้นจากอำนาจในปี 2025 แม้ยังอยู่ระหว่างการทำศึกสงครามก็ตาม . ข้อมูลตามคำกล่าวอ้างของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่ารัสเซียตัดสินใจเริ่มทำงานในขั้นต้นแล้ว โดยมีเป้าหมายสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆสำหรับเปิดแคมเปญรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในยูเครน . ในขั้นแรกของแผนดังกล่าว จะได้เห็นบรรดาเอ็นจีโอที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสหรัฐฯ ใช้โครงสร้างประชาสังคมยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา ผลักดันให้มีการเดินหน้าริเริ่มจัดการเลือกตั้ง . ถ้อยแถลงระบุต่อว่า หลังจากได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในวงกว้างแล้ว บรรดาแคนดิเดทที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง จะถูกเลือกภายใต้การประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วบรรดาผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งนั้น จะเป็นกลุ่มคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากเอ็นจีโอทั้งหลาย ที่มีความเกี่ยวข้องกับวอชิงตัน . หน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย อ้างด้วยว่าสหรัฐฯได้เริ่มพูดคุยหารือกันในเบื้องต้นกันไปแล้ว สำหรับการจัดตั้งพรรคการเมืองฝักใฝ่อเมริกาพรรคใหม่ในยูเครน นอกเหนือจากบรรดานักเคลื่อนไหวยูเครนที่กินเงินเดือนของพวกเขา . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯคาดหวังว่าพรรคการเมืองพรรคนี้ จะสามารถผงาดก้าวเข้าสู่รัฐสภา และช่วยทำให้ประธานาธิบดีรายหนึ่งรายใดของยูเครนในอนาคต ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของอเมริกาต่อไป จากคำกล่าวอ้างของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย . ทั้งนี้หน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย บ่งชี้ว่าความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวาทกรรม "ไม่มีอะไรเกี่ยวกับยูเครน หากปราศจากยูเครน" ที่พวกเจ้าหน้าที่อเมริกามักพูดซ้ำๆตลอดความขัดแย้ง เป็นเพียงแต่คำพูดที่ว่างเปล่า และในความเป็นจริงคือ ชะตากรรมของประเทศนี้และบรรดาผู้นำหุ่นเชิดของพวกเขา จะยังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวอชิงตัน . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เซเลนสกีขยายกรอบเวลากฎอัยการศึกออกไปอีก และประกาศระดมพลในยูเครนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ถือเป็นการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นครั้งที่ 13 แล้ว นับตั้งแต่ความขัดแย้งกับรัสเซีย ลุกลามบานปลายในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัญญาหลายต่อหลายครั้งระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะจบความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างรวดเร็ว ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเซเลนสกี จะไร้ซึ่งอำนาจในการขัดขืนใดๆ หากว่า ทรัมป์ ต้องการให้ผู้นำยูเครนรายนี้ หยุดการสู้รบและเสาะหาสันติภาพกับรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108689 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 905 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน
    .
    หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5)
    .
    วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้
    .
    ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ
    .
    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้
    .
    อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป
    .
    เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
    .
    “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ
    .
    เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา”
    .
    ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์
    .
    ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร
    .
    ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ
    .
    นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ
    .
    ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน
    .
    ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์
    .
    ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน
    .
    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน . หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5) . วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้ . นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้ . ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ . ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้ . อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป . เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว . “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ . เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา” . ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ . ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย . ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์ . ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร . ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ . นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ . ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน . ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์ . ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน . สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1003 มุมมอง 0 รีวิว
  • โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มีความกังวลใหญ่หลวงเกี่ยวกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเกรงว่ามันอาจนำมาซึ่งการระงับความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางการเงินจากวอชิงตัน จากการเปิดเผยของโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นในวันเสาร์ (9 พ.ย.) ฟิโก พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางที่นโยบายต่างๆ ของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศและความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรีรายนี้อ้างว่าตอนที่เขาพบเจอ เซเลนสกี ระหว่างการประชุมซัมมิตอียูในบูดาเปสต์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนดูมีอาการหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด
    .
    "คุณเคยเห็นคนคนหนึ่งที่กลัวว่าสงครามจะจบลงหรือเปล่า? ผมได้เห็นแล้ว และเขาชื่อ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี" ฟิโกบอกกับรายงานวิทยุ พร้อมเล่าต่อว่า "ดูเหมือน เซเลนสกี จะช็อกที่ ทรัมป์ ชนะ และความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ อาจถูกระงับ"
    .
    ตลอดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์เน้นย้ำคำสัญญาจะยุติการสู้รบในยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เจาะจงว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฟิโก โต้แย้งว่าการสู้รบจะไม่มีวันจบลง ตราบใดที่ตะวันตกยังคงส่งอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่เขตสงครามนี้
    .
    "นั่นหมายความว่าอาจจะมีการตัดสินใจระดับรากฐานบางอย่างในเรื่องเกี่ยวกับสงครามในยูเครน เขาเป็นบางคนที่ไม่ชอบสงครามในลักษณะดังกล่าว" ฟิโกให้ความเห็น โดยชี้ว่า ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่มีความโอนเอียงใช้การรีดภาษีและมาตรการคว่ำบาตรเหนือการเผชิญหน้าทางทหาร พร้อมเชื่อว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะใช้ก้าวย่างที่เด็ดขาด
    .
    "ถ้าวอชิงตันตัดเงินสนับสนุนที่มอบแก่เคียฟ อียูจะจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ และผลักดันให้เกิดการเจรจา แทนที่จะเพิ่มความพยายามป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในความหวังว่าท้ายที่สุด รัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้" ฟิโกระบุ "เป็นอีกครั้งที่เราทำตัวเหมือนเป็นคณะรัฐมนตรีทหารในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน แล้วอียูพร้อมสำหรับรับผิดชอบทุกค่าใช้จ่ายของสงครามในยูเครนแล้วงั้นหรือ?"
    .
    "มันยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือก ถ้าหากเรายังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป เราจะทำให้รัสเซียยอมคุกเข่า แต่ดูเแล้วมันคงไม่ได้ผล" เขาโต้แย้ง พร้อมเรียกร้องให้อียูตระหนักว่าตรรกะนี้คือจุดด่างพร้อย เนื่องจาก "อียูคือโครงการแห่งสันติ และสงครามควรหยุดลง"
    .
    บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปหารือกันในบูดาเปสต์ ว่าพวกเขาจะสามารถเดินหน้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กองทัพยูเครนต่อไปได้หรือไม่ หากว่า ทรัมป์ ตัดสินใจถอนแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ตามรายงานของบลูมเบิร์กเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) อย่างไรก็ตามสื่อแห่งนี้อ้างอิงแหล่งข่าว ระบุว่า นอกเหนือจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว บรรดาผู้นำอียูยังมีความกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรทางทหาร ซึ่งที่ผ่านมานั้น หลักๆ แล้วมาจากสหรัฐฯ
    .
    ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า เซเลนสกี เริ่มแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ โดยเขาเรียกร้องให้อียูนำสินทรัพย์ของรัสเซียที่อียูอายัดไว้มูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ มอบแก่ยูเครน หากถูกสหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือ อ้างว่าเงินเหล่านี้ "เป็นของยูเครนโดยชอบธรรม"
    .
    เซเลนสกี บอกกับที่ประชุมด้วยว่า เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ และมีเพียงเคียฟเท่านั้นที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108288
    ..............
    Sondhi X
    โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มีความกังวลใหญ่หลวงเกี่ยวกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเกรงว่ามันอาจนำมาซึ่งการระงับความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางการเงินจากวอชิงตัน จากการเปิดเผยของโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นในวันเสาร์ (9 พ.ย.) ฟิโก พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางที่นโยบายต่างๆ ของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศและความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรีรายนี้อ้างว่าตอนที่เขาพบเจอ เซเลนสกี ระหว่างการประชุมซัมมิตอียูในบูดาเปสต์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนดูมีอาการหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด . "คุณเคยเห็นคนคนหนึ่งที่กลัวว่าสงครามจะจบลงหรือเปล่า? ผมได้เห็นแล้ว และเขาชื่อ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี" ฟิโกบอกกับรายงานวิทยุ พร้อมเล่าต่อว่า "ดูเหมือน เซเลนสกี จะช็อกที่ ทรัมป์ ชนะ และความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ อาจถูกระงับ" . ตลอดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์เน้นย้ำคำสัญญาจะยุติการสู้รบในยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เจาะจงว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฟิโก โต้แย้งว่าการสู้รบจะไม่มีวันจบลง ตราบใดที่ตะวันตกยังคงส่งอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่เขตสงครามนี้ . "นั่นหมายความว่าอาจจะมีการตัดสินใจระดับรากฐานบางอย่างในเรื่องเกี่ยวกับสงครามในยูเครน เขาเป็นบางคนที่ไม่ชอบสงครามในลักษณะดังกล่าว" ฟิโกให้ความเห็น โดยชี้ว่า ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่มีความโอนเอียงใช้การรีดภาษีและมาตรการคว่ำบาตรเหนือการเผชิญหน้าทางทหาร พร้อมเชื่อว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะใช้ก้าวย่างที่เด็ดขาด . "ถ้าวอชิงตันตัดเงินสนับสนุนที่มอบแก่เคียฟ อียูจะจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ และผลักดันให้เกิดการเจรจา แทนที่จะเพิ่มความพยายามป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในความหวังว่าท้ายที่สุด รัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้" ฟิโกระบุ "เป็นอีกครั้งที่เราทำตัวเหมือนเป็นคณะรัฐมนตรีทหารในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน แล้วอียูพร้อมสำหรับรับผิดชอบทุกค่าใช้จ่ายของสงครามในยูเครนแล้วงั้นหรือ?" . "มันยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือก ถ้าหากเรายังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป เราจะทำให้รัสเซียยอมคุกเข่า แต่ดูเแล้วมันคงไม่ได้ผล" เขาโต้แย้ง พร้อมเรียกร้องให้อียูตระหนักว่าตรรกะนี้คือจุดด่างพร้อย เนื่องจาก "อียูคือโครงการแห่งสันติ และสงครามควรหยุดลง" . บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปหารือกันในบูดาเปสต์ ว่าพวกเขาจะสามารถเดินหน้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กองทัพยูเครนต่อไปได้หรือไม่ หากว่า ทรัมป์ ตัดสินใจถอนแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ตามรายงานของบลูมเบิร์กเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) อย่างไรก็ตามสื่อแห่งนี้อ้างอิงแหล่งข่าว ระบุว่า นอกเหนือจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว บรรดาผู้นำอียูยังมีความกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรทางทหาร ซึ่งที่ผ่านมานั้น หลักๆ แล้วมาจากสหรัฐฯ . ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า เซเลนสกี เริ่มแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ โดยเขาเรียกร้องให้อียูนำสินทรัพย์ของรัสเซียที่อียูอายัดไว้มูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ มอบแก่ยูเครน หากถูกสหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือ อ้างว่าเงินเหล่านี้ "เป็นของยูเครนโดยชอบธรรม" . เซเลนสกี บอกกับที่ประชุมด้วยว่า เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ และมีเพียงเคียฟเท่านั้นที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108288 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไบเดนเตรียมเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับทรัมป์ และยืนยันจะไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยข้ออ้างว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มจัดตั้งคณะบริหาร ทางด้านเดโมแครตกลับไล่หาแพะรับผิดชอบความพ่ายแพ้ของแฮร์ริส โดยเพโลซี อดีตประธานสภาล่างชี้ว่า ถ้าไบเดนถอนตัวเร็วขึ้น เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยหลังคว้าชัยขาดลอยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา
    .
    ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) ว่าไบเดนจะพบทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ซึ่งการพบกันระหว่างประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้เชิญโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เยี่ยมเยียนทำเนียบขาว แต่กลับอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ตนเองถูกโกงเลือกตั้งและนำไปสู่การก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021
    .
    นอกจากนั้นทรัมป์ยังแหกธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค.ปีเดียวกัน แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดนจะไปร่วมพิธีดังกล่าวของทรัมป์ต้นปีหน้า
    .
    นอกจากนี้ ช่วงต้นปีหน้าไบเดนจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกคนที่ต้องถ่ายโอนอำนาจคืนให้ประธานาธิบดีคนก่อนตนเอง โดยครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คือตอนที่ประธานาธิบดีเบนจามิน แฮร์ริสัน ส่งคืนทำเนียบขาวให้โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 19
    .
    ทรัมป์ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์วัย 78 ปี กวาดชัยชนะท่วมท้นกว่าครั้งที่แล้ว แม้ถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา ถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้งตอนที่เป็นประธานาธิบดี และถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานตีตราว่า เป็นเผด็จการฟาสซิสต์ก็ตาม
    .
    ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลล์พบว่า สิ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกังวลมากที่สุดคือปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยุคไบเดนภายหลังอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
    .
    ไบเดน วัย 81 ปี ที่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอายุ สุขภาพ และความเฉียบคมทางความคิดนั้น โทรแสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.)
    .
    สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนมองหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 100 วัน
    .
    แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ไบเดนถอนตัวช้าเกินไป แถมประกาศรับรองแฮร์ริสทันที ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่อาจทำให้พรรคมีแคนดิเดตให้เลือกมากขึ้น
    .
    เพโลซีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีบทบาทสำคัญในการกล่อมให้ไบเดนยอมถอนตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การทบทวนผลการเลือกตั้งควรมุ่งที่จุดแข็งของแฮร์ริสที่สามารถกระตุ้นความหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและทำให้แคมเปญหาเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างมาก
    .
    ขณะที่เดโมแครตกำลังหาแพะรับบาป ทรัมป์ได้เริ่มฟอร์มคณะบริหารสมัยที่ 2 ด้วยการแต่งตั้งซูซี ไวลส์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และเป็นการแต่งตั้งสมาชิกคณะบริหารคนแรกของทรัมป์
    .
    ตัวเก็งคนอื่นๆ ในคณะบริหารทรัมป์ 2 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ แกนนำการต่อต้านวัคซีนที่ทรัมป์ประกาศว่า จะได้รับบทบาทสำคัญด้านสุขอนามัย
    .
    อีกคนคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก ที่อาจรับหน้าที่ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล หลังจากนายใหญ่สเปซเอ็กซ์, เทสลา และเอ็กซ์ ที่มีอุดมการณ์การเมืองปีกขวาผู้นี้ ให้การสนับสนุนทรัมป์สุดตัว
    .
    นอกจากนั้นยังคาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกนโยบายสำคัญของไบเดนหลายอย่าง โดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ผู้นี้เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธแนวคิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถมประกาศเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108252
    ..............
    Sondhi X
    ไบเดนเตรียมเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับทรัมป์ และยืนยันจะไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยข้ออ้างว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มจัดตั้งคณะบริหาร ทางด้านเดโมแครตกลับไล่หาแพะรับผิดชอบความพ่ายแพ้ของแฮร์ริส โดยเพโลซี อดีตประธานสภาล่างชี้ว่า ถ้าไบเดนถอนตัวเร็วขึ้น เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้ . โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยหลังคว้าชัยขาดลอยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา . ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) ว่าไบเดนจะพบทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ซึ่งการพบกันระหว่างประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้เชิญโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เยี่ยมเยียนทำเนียบขาว แต่กลับอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ตนเองถูกโกงเลือกตั้งและนำไปสู่การก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 . นอกจากนั้นทรัมป์ยังแหกธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค.ปีเดียวกัน แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดนจะไปร่วมพิธีดังกล่าวของทรัมป์ต้นปีหน้า . นอกจากนี้ ช่วงต้นปีหน้าไบเดนจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกคนที่ต้องถ่ายโอนอำนาจคืนให้ประธานาธิบดีคนก่อนตนเอง โดยครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คือตอนที่ประธานาธิบดีเบนจามิน แฮร์ริสัน ส่งคืนทำเนียบขาวให้โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 19 . ทรัมป์ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์วัย 78 ปี กวาดชัยชนะท่วมท้นกว่าครั้งที่แล้ว แม้ถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา ถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้งตอนที่เป็นประธานาธิบดี และถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานตีตราว่า เป็นเผด็จการฟาสซิสต์ก็ตาม . ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลล์พบว่า สิ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกังวลมากที่สุดคือปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยุคไบเดนภายหลังอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 . ไบเดน วัย 81 ปี ที่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอายุ สุขภาพ และความเฉียบคมทางความคิดนั้น โทรแสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.) . สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนมองหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 100 วัน . แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ไบเดนถอนตัวช้าเกินไป แถมประกาศรับรองแฮร์ริสทันที ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่อาจทำให้พรรคมีแคนดิเดตให้เลือกมากขึ้น . เพโลซีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีบทบาทสำคัญในการกล่อมให้ไบเดนยอมถอนตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การทบทวนผลการเลือกตั้งควรมุ่งที่จุดแข็งของแฮร์ริสที่สามารถกระตุ้นความหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและทำให้แคมเปญหาเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างมาก . ขณะที่เดโมแครตกำลังหาแพะรับบาป ทรัมป์ได้เริ่มฟอร์มคณะบริหารสมัยที่ 2 ด้วยการแต่งตั้งซูซี ไวลส์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และเป็นการแต่งตั้งสมาชิกคณะบริหารคนแรกของทรัมป์ . ตัวเก็งคนอื่นๆ ในคณะบริหารทรัมป์ 2 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ แกนนำการต่อต้านวัคซีนที่ทรัมป์ประกาศว่า จะได้รับบทบาทสำคัญด้านสุขอนามัย . อีกคนคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก ที่อาจรับหน้าที่ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล หลังจากนายใหญ่สเปซเอ็กซ์, เทสลา และเอ็กซ์ ที่มีอุดมการณ์การเมืองปีกขวาผู้นี้ ให้การสนับสนุนทรัมป์สุดตัว . นอกจากนั้นยังคาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกนโยบายสำคัญของไบเดนหลายอย่าง โดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ผู้นี้เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธแนวคิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถมประกาศเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108252 .............. Sondhi X
    Love
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 874 มุมมอง 0 รีวิว
  • อับบาส อารากชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ปฏิเสธคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่ว่าเตหะรานเกี่ยวข้องกับแผนลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ และเรียกร้อง ให้เสริมสร้างความเชื่อมั่นระหว่าง 2 ชาติปรปักษ์
    .
    "มีเรื่องราวใหม่ถูกแต่งแต้มขึ้น มือสังหารไม่มีอยู่จริง พวกเขียนสคริปต์ถูกนำพาเข้ามาเพื่อสร้างสรรค์หนังตลกระดับล่าง" อารากชีโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    อารากชี อ้างถึงกรณีที่วอชิงตันกล่าวหาว่ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ออกคำสั่งให้ลอบสังหาร ทรัมป์ ผู้ซึ่งชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) และมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม
    .
    "ประชาชนชาวอเมริกาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว และอิหร่านเคารพสิทธิของพวกเขาในการเลือกตัวเลือกประธานาธิบดีของพวกเขา เส้นทางข้างหน้าก็สามารถเลือกได้เช่นกัน มันควรเริ่มต้นขึ้นด้วยความเคารพ" อารากชี กล่าว
    .
    "อิหร่านไม่ได้ไล่ล่าอาวุธนิวเคลียร์ นี่คือนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานคำสอนของอิสลาม และการคำนวณด้านความมั่นคงของเรา การเสริมสร้างความเชื่อมั่นมีความจำเป็นสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่ใช่ถนนทางเดียว" เขากล่าว
    .
    ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า คำกล่าวหาที่น่ารังเกียจโดยอิสราเอลและพวกฝ่ายค้านอิหร่านที่อยู่นอกประเทศ "ก่อปัญหาซับซ้อนแก่อเมริกาและอิหร่าน"
    .
    บรรดานักวิเคราะห์และแหล่งข่าววงในอิหร่าน ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ของสถานการณ์ที่ผ่อนคลายลงระหว่างเตหะรานกับวอชิงตัน ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ แม้ไม่มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตใดๆ
    .
    "อิหร่านจะดำเนินการต่างๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของตนเอง มีความเป็นไปได้ที่การพูดคุยอย่างลับๆ ระหว่างเตหะรานกับวอชิงตันจะเกิดขึ้น ถ้าภัยคุกคามด้านความมั่นคงของอิหร่านถูกปลดออกไป ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้" ซาอีด เลย์ลาซ นักวิเคราะห์ในเตหะราน ให้ความเห็น
    .
    ในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับคู่อริอย่างอิสราเอล ทางผู้นำอิหร่านก็มีความกังวลเช่นกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาค ดินแดนที่อิสราเอลกำลังสู้รบในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรของเตหะราน ทั้งในฉนวนกาซา และเลบานอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108070
    ..............
    Sondhi X
    อับบาส อารากชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ปฏิเสธคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่ว่าเตหะรานเกี่ยวข้องกับแผนลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ และเรียกร้อง ให้เสริมสร้างความเชื่อมั่นระหว่าง 2 ชาติปรปักษ์ . "มีเรื่องราวใหม่ถูกแต่งแต้มขึ้น มือสังหารไม่มีอยู่จริง พวกเขียนสคริปต์ถูกนำพาเข้ามาเพื่อสร้างสรรค์หนังตลกระดับล่าง" อารากชีโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . อารากชี อ้างถึงกรณีที่วอชิงตันกล่าวหาว่ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ออกคำสั่งให้ลอบสังหาร ทรัมป์ ผู้ซึ่งชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) และมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม . "ประชาชนชาวอเมริกาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว และอิหร่านเคารพสิทธิของพวกเขาในการเลือกตัวเลือกประธานาธิบดีของพวกเขา เส้นทางข้างหน้าก็สามารถเลือกได้เช่นกัน มันควรเริ่มต้นขึ้นด้วยความเคารพ" อารากชี กล่าว . "อิหร่านไม่ได้ไล่ล่าอาวุธนิวเคลียร์ นี่คือนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานคำสอนของอิสลาม และการคำนวณด้านความมั่นคงของเรา การเสริมสร้างความเชื่อมั่นมีความจำเป็นสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่ใช่ถนนทางเดียว" เขากล่าว . ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า คำกล่าวหาที่น่ารังเกียจโดยอิสราเอลและพวกฝ่ายค้านอิหร่านที่อยู่นอกประเทศ "ก่อปัญหาซับซ้อนแก่อเมริกาและอิหร่าน" . บรรดานักวิเคราะห์และแหล่งข่าววงในอิหร่าน ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ของสถานการณ์ที่ผ่อนคลายลงระหว่างเตหะรานกับวอชิงตัน ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ แม้ไม่มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตใดๆ . "อิหร่านจะดำเนินการต่างๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของตนเอง มีความเป็นไปได้ที่การพูดคุยอย่างลับๆ ระหว่างเตหะรานกับวอชิงตันจะเกิดขึ้น ถ้าภัยคุกคามด้านความมั่นคงของอิหร่านถูกปลดออกไป ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้" ซาอีด เลย์ลาซ นักวิเคราะห์ในเตหะราน ให้ความเห็น . ในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับคู่อริอย่างอิสราเอล ทางผู้นำอิหร่านก็มีความกังวลเช่นกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาค ดินแดนที่อิสราเอลกำลังสู้รบในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรของเตหะราน ทั้งในฉนวนกาซา และเลบานอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108070 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 833 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวในกรุงเคียฟ ให้สัญญาสนับสนุนยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางข้อสงสัยเกี่ยวกับท่าทีนับแต่นี้ของสหรัฐฯ คำยืนยันซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเยือนยูเครนเป็นครั้งแรก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา
    .
    ชัยชนะของตัวแทนจากรีพับลิกันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อความกังวลปกคลุมยูเครนและยุโรป ต่อกรณีที่ว่า ทรัมป์ อาจหยุดการสนับสนุนของวอชิงตันที่มอบแก่เคียฟ ในการทำศึกสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย
    .
    "จุดประสงค์ที่ชัดเจนของการเดินทางเยือนครั้งนี้ก็คือ แสดงจุดยืนของสหภาพยุโรปในการสนับสนุนยูเครน และแรงสนับสนุนนี้จะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง" บอร์เรลกล่าว ในขณะที่เขามีกำหนดพ้นจากตำแหน่งในเดือนหน้า "แน่นอนว่าแรงสนับสนุนนี้มีความจำเป็นสำหรับพวกคุณอย่างยิ่ง ในการเดินหน้าปกป้องตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย"
    .
    ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ก่อความสงสัยต่อการคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนทางทหารและทางการเงินอันมหาศาลที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ยูเครน และบอกว่าจะหาทางบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็วเพื่อยุติทำสงคราม
    .
    "ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ารัฐบาลใหม่กำลังทำอะไร" บอร์เรลระบุ พร้อมชี้ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังเหลือเวลาอยู่ในอำนาจอีก 2 เดือน สำหรับทำการตัดสินใจต่างๆ "เราจำเป็นต้องทำให้มากกว่าเดิมและรวดเร็วขึ้น สนับสนุนทางทหารมากขึ้น เพิ่มปริมาณการฝึกฝน เพิ่มเงิน จัดหาอาวุธยุทธโปกรณ์รวดเร็วกว่าเดิม และเช่นกัน เราจำเป็นต้องอนุญาตให้โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ของศัตรูที่อยู่ในดินแดนของพวกเขา"
    .
    บอร์เรลกล่าวต่อว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย "ไม่ต้องการเจรจาและจะไม่เจรจาจนกว่าเขาจะถูกบีบให้ทำเช่นนั้น"
    .
    รวมกันแล้ว ยุโรปใช้จ่ายเงินไปแล้วราว 125,000 ล้านดอลลาร์ ในการสนับสนุนยูเครน นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในปี 2022 ขณะที่สหรัฐฯ เพียงชาติเดียวมอบแรงสนับสนนแก่เคียฟ ไปแล้วมากกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์
    .
    การคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ถูกมองว่ามีความสำคัญที่สุดในการรับประกันว่าเคียฟจะสามารถเดินหน้าสู้รบกับรัสเซียได้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้มีความไม่แน่นอนทางการเมืองในบรรดามหาอำนาจยุโรปทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี และฝรั่งเศส
    .
    ในสมรภูมิรบ ทหารที่เหนื่อยอ่อนของยูเครน กำลังดิ้นรนสกัดการรุกคืบของรัสเซีย ในขณะที่การสู้รบเต็มรูปแบบลากยาวใกล้เข้าครบ 3 ปีแล้ว
    .
    คำยืนยันของบอร์เรล มีขึ้นในขณะที่เหล่าประเทศสมาชิกหลายชาติ ในนั้นรวมถึงฮังการี ซึ่งคัดค้านการมอบแรงสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน มีความฮึกเหิมมากขึ้นในจุดยืนดังกล่าว ตามหลัง ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง ซึ่งมันยิ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่อียูจะมีความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในวิกฤตความขัดแย้งยูเครน
    .
    อันดรีย์ ชีบีกา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เน้นย้ำเสียงคัดค้านของเคียฟ โดยบอกว่าพวกเขาไม่ควรถูกบีบบังคับให้ยอมอ่อนข้อแก่รัสเซีย "ทุกๆ คนจำเป็นต้องตระหนักว่าการเอาใจพวกผู้รุกรานนั้นไม่ได้ผล" เขากล่าว "เราต้องการสันติภาพที่แท้จริง ไม่ใช่การเอาใจที่จะนำมาซึ่งสงครามเพิ่มเติม"
    .
    นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน บอกว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ "มักเป็นตัวแทนแห่งความหวังและโอกาสเสมอ โอกาสที่จะเร่งเข้าสู่สันติภาพ"
    .
    เขาบอกว่าได้มีการติดต่อกับทีมงานของทรัมป์ หลังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โทรศัพท์แสดงความยินดีกับตัวแทนพรรครีพับลิกัน และเวลานี้อยู่ระหว่างการทำงานในความเป็นไปได้ที่จะมีการประชุมพูดคุยรอบใหม่ระหว่างผู้นำทั้ง 2
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108072
    ..............
    Sondhi X
    โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวในกรุงเคียฟ ให้สัญญาสนับสนุนยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางข้อสงสัยเกี่ยวกับท่าทีนับแต่นี้ของสหรัฐฯ คำยืนยันซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเยือนยูเครนเป็นครั้งแรก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา . ชัยชนะของตัวแทนจากรีพับลิกันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อความกังวลปกคลุมยูเครนและยุโรป ต่อกรณีที่ว่า ทรัมป์ อาจหยุดการสนับสนุนของวอชิงตันที่มอบแก่เคียฟ ในการทำศึกสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย . "จุดประสงค์ที่ชัดเจนของการเดินทางเยือนครั้งนี้ก็คือ แสดงจุดยืนของสหภาพยุโรปในการสนับสนุนยูเครน และแรงสนับสนุนนี้จะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง" บอร์เรลกล่าว ในขณะที่เขามีกำหนดพ้นจากตำแหน่งในเดือนหน้า "แน่นอนว่าแรงสนับสนุนนี้มีความจำเป็นสำหรับพวกคุณอย่างยิ่ง ในการเดินหน้าปกป้องตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย" . ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ก่อความสงสัยต่อการคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนทางทหารและทางการเงินอันมหาศาลที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ยูเครน และบอกว่าจะหาทางบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็วเพื่อยุติทำสงคราม . "ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ารัฐบาลใหม่กำลังทำอะไร" บอร์เรลระบุ พร้อมชี้ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังเหลือเวลาอยู่ในอำนาจอีก 2 เดือน สำหรับทำการตัดสินใจต่างๆ "เราจำเป็นต้องทำให้มากกว่าเดิมและรวดเร็วขึ้น สนับสนุนทางทหารมากขึ้น เพิ่มปริมาณการฝึกฝน เพิ่มเงิน จัดหาอาวุธยุทธโปกรณ์รวดเร็วกว่าเดิม และเช่นกัน เราจำเป็นต้องอนุญาตให้โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ของศัตรูที่อยู่ในดินแดนของพวกเขา" . บอร์เรลกล่าวต่อว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย "ไม่ต้องการเจรจาและจะไม่เจรจาจนกว่าเขาจะถูกบีบให้ทำเช่นนั้น" . รวมกันแล้ว ยุโรปใช้จ่ายเงินไปแล้วราว 125,000 ล้านดอลลาร์ ในการสนับสนุนยูเครน นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในปี 2022 ขณะที่สหรัฐฯ เพียงชาติเดียวมอบแรงสนับสนนแก่เคียฟ ไปแล้วมากกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์ . การคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ถูกมองว่ามีความสำคัญที่สุดในการรับประกันว่าเคียฟจะสามารถเดินหน้าสู้รบกับรัสเซียได้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้มีความไม่แน่นอนทางการเมืองในบรรดามหาอำนาจยุโรปทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี และฝรั่งเศส . ในสมรภูมิรบ ทหารที่เหนื่อยอ่อนของยูเครน กำลังดิ้นรนสกัดการรุกคืบของรัสเซีย ในขณะที่การสู้รบเต็มรูปแบบลากยาวใกล้เข้าครบ 3 ปีแล้ว . คำยืนยันของบอร์เรล มีขึ้นในขณะที่เหล่าประเทศสมาชิกหลายชาติ ในนั้นรวมถึงฮังการี ซึ่งคัดค้านการมอบแรงสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน มีความฮึกเหิมมากขึ้นในจุดยืนดังกล่าว ตามหลัง ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง ซึ่งมันยิ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่อียูจะมีความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในวิกฤตความขัดแย้งยูเครน . อันดรีย์ ชีบีกา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เน้นย้ำเสียงคัดค้านของเคียฟ โดยบอกว่าพวกเขาไม่ควรถูกบีบบังคับให้ยอมอ่อนข้อแก่รัสเซีย "ทุกๆ คนจำเป็นต้องตระหนักว่าการเอาใจพวกผู้รุกรานนั้นไม่ได้ผล" เขากล่าว "เราต้องการสันติภาพที่แท้จริง ไม่ใช่การเอาใจที่จะนำมาซึ่งสงครามเพิ่มเติม" . นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน บอกว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ "มักเป็นตัวแทนแห่งความหวังและโอกาสเสมอ โอกาสที่จะเร่งเข้าสู่สันติภาพ" . เขาบอกว่าได้มีการติดต่อกับทีมงานของทรัมป์ หลังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โทรศัพท์แสดงความยินดีกับตัวแทนพรรครีพับลิกัน และเวลานี้อยู่ระหว่างการทำงานในความเป็นไปได้ที่จะมีการประชุมพูดคุยรอบใหม่ระหว่างผู้นำทั้ง 2 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108072 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 815 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts