• อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ระวังมัคคภาวนา : มีทั้งไม่ถูก(ผิด)​และถูก
    สัทธรรมลำดับที่ : 1012
    ชื่อบทธรรม :- หมวด ฉ. ว่าด้วย อุปมาธรรมของมรรค
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1012
    เนื้อความทั้งหมด :-
    หมวด ฉ. ว่าด้วย อุปมาธรรมของมรรค
    --ระวังมัคคภาวนา : มีทั้ง-ไม่ถูก(ผิด)​และถูก

    ( ฝ่ายไม่ถูกหรือผิด )
    --ภิกษุ ท. ! เดือยแห่งเมล็ดข้าวสาลี หรือเดือยแห่งเมล็ดข้าวยวะที่วางไว้ไม่ถูกท่า
    จักตำมือ หรือตำเท้าที่เหยียบกดลงไป หรือจักทำโลหิตให้ห้อขึ้นมา ได้นั้น
    : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ?
    เพราะเหตุว่า เดือยแห่งเมล็ดข้าวเหล่านั้น วางไว้ไม่ถูกท่า (สำหรับที่จะตำ),
    ข้อนี้ฉันใด ;
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ผิด มัคคภาวนาเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ไม่ถูก(ผิด)​แล้ว
    ภิกษุนั้น จักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น
    หรือ จักกระทำนิพพานให้แจ้ง ได้นั้น
    : นั่น ไม่เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
    เพราะเหตุว่า ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ไม่ถูก(ผิด)​, ฉันนั้นเหมือนกัน.

    ( ฝ่ายถูก )
    --ภิกษุ ท. ! เดือยแห่งเมล็ดข้าวสาลี หรือเดือยแห่งเมล็ดข้าวยวะที่วางอยู่ถูกท่า
    จักตำมือ หรือตำเท้าที่เหยียบกดลงไป หรือจักทำโลหิตให้ห้อขึ้นมา ได้นั้น
    : นั่นเป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
    เพราะเหตุว่าเดือยแห่งเมล็ดข้าวเหล่านั้น วางอยู่ถูกท่า (สำหรับที่จะตำ),
    ข้อนี้ฉันใด ;
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก มัคคภาวนาเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก แล้ว
    ภิกษุนั้น จักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น หรือ จักกระทำนิพพานให้แจ้งได้นั้น
    : นั่น เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
    เพราะ​ เหตุว่าทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก, ฉันนั้นเหมือนกัน.

    +--ภิกษุ ท. ! อย่างไรเล่า ที่เรียกว่า เมื่อทิฏฐิตั้งไว้ถูก มัคคภาวนาตั้งไว้ถูก แล้ว
    ภิกษุนั้นจักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น หรือจักกระทำนิพพานให้แจ้ง ได้ ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เจริญสัมมาทิฏฐิ
    อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อการสลัดลง (ซึ่งอุปาทานขันธ์);
    เจริญสัมมาสังกัปปะ....;
    เจริญสัมมาวาจา….; เจริญสัมมากัมมันตะ….; เจริญสัมมาอาชีวะ….;
    เจริญสัมมาวายามะ ….; เจริญสัมมาสติ....;
    เจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อการสลัดลง (ซึ่งอุปทานขันธ).
    +--ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล คือข้อที่กล่าวว่า #เมื่อทิฏฐิตั้งไว้ถูกมัคคภาวนาตั้งไว้ถูก แล้ว
    ภิกษุนั้นจักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้ เกิดขึ้น หรือ จักกระทำ #นิพพานให้แจ้ง ได้.-
    http://etipitaka.com/read/pali/19/14/?keywords=นิพฺพาน

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/9/42 - 44.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/9/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๑๓/๔๒ - ๔๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/13/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1012
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1012
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87
    ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ระวังมัคคภาวนา : มีทั้งไม่ถูก(ผิด)​และถูก สัทธรรมลำดับที่ : 1012 ชื่อบทธรรม :- หมวด ฉ. ว่าด้วย อุปมาธรรมของมรรค https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1012 เนื้อความทั้งหมด :- หมวด ฉ. ว่าด้วย อุปมาธรรมของมรรค --ระวังมัคคภาวนา : มีทั้ง-ไม่ถูก(ผิด)​และถูก ( ฝ่ายไม่ถูกหรือผิด ) --ภิกษุ ท. ! เดือยแห่งเมล็ดข้าวสาลี หรือเดือยแห่งเมล็ดข้าวยวะที่วางไว้ไม่ถูกท่า จักตำมือ หรือตำเท้าที่เหยียบกดลงไป หรือจักทำโลหิตให้ห้อขึ้นมา ได้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? เพราะเหตุว่า เดือยแห่งเมล็ดข้าวเหล่านั้น วางไว้ไม่ถูกท่า (สำหรับที่จะตำ), ข้อนี้ฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ผิด มัคคภาวนาเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ไม่ถูก(ผิด)​แล้ว ภิกษุนั้น จักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น หรือ จักกระทำนิพพานให้แจ้ง ได้นั้น : นั่น ไม่เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะเหตุว่า ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ไม่ถูก(ผิด)​, ฉันนั้นเหมือนกัน. ( ฝ่ายถูก ) --ภิกษุ ท. ! เดือยแห่งเมล็ดข้าวสาลี หรือเดือยแห่งเมล็ดข้าวยวะที่วางอยู่ถูกท่า จักตำมือ หรือตำเท้าที่เหยียบกดลงไป หรือจักทำโลหิตให้ห้อขึ้นมา ได้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะเหตุว่าเดือยแห่งเมล็ดข้าวเหล่านั้น วางอยู่ถูกท่า (สำหรับที่จะตำ), ข้อนี้ฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก มัคคภาวนาเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก แล้ว ภิกษุนั้น จักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น หรือ จักกระทำนิพพานให้แจ้งได้นั้น : นั่น เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะ​ เหตุว่าทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก, ฉันนั้นเหมือนกัน. +--ภิกษุ ท. ! อย่างไรเล่า ที่เรียกว่า เมื่อทิฏฐิตั้งไว้ถูก มัคคภาวนาตั้งไว้ถูก แล้ว ภิกษุนั้นจักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น หรือจักกระทำนิพพานให้แจ้ง ได้ ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อการสลัดลง (ซึ่งอุปาทานขันธ์); เจริญสัมมาสังกัปปะ....; เจริญสัมมาวาจา….; เจริญสัมมากัมมันตะ….; เจริญสัมมาอาชีวะ….; เจริญสัมมาวายามะ ….; เจริญสัมมาสติ....; เจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อการสลัดลง (ซึ่งอุปทานขันธ). +--ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล คือข้อที่กล่าวว่า #เมื่อทิฏฐิตั้งไว้ถูกมัคคภาวนาตั้งไว้ถูก แล้ว ภิกษุนั้นจักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้ เกิดขึ้น หรือ จักกระทำ #นิพพานให้แจ้ง ได้.- http://etipitaka.com/read/pali/19/14/?keywords=นิพฺพาน #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/9/42 - 44. http://etipitaka.com/read/thai/19/9/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๑๓/๔๒ - ๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/19/13/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1012 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1012 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87 ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ฉ. ว่าด้วย อุปมาธรรมของมรรค
    -หมวด ฉ. ว่าด้วย อุปมาธรรมของมรรค ระวังมัคคภาวนา : มีทั้งผิดและถูก ( ฝ่ายผิด ) ภิกษุ ท. ! เดือยแห่งเมล็ดข้าวสาลี หรือเดือยแห่งเมล็ดข้าวยวะที่วางไว้ไม่ถูกท่า จักตำมือ หรือตำเท้าที่เหยียบกดลงไป หรือจักทำโลหิตให้ห้อขึ้นมา ได้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? เพราะ เหตุว่า เดือยแห่งเมล็ดข้าวเหล่านั้น วางไว้ไม่ถูกท่า (สำหรับที่จะตำ), ข้อนี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! เมื่อ ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ผิด มัคคภาวนาเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ผิดแล้ว ภิกษุนั้น จักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น หรือ จักกระทำนิพพานให้แจ้ง ได้นั้น : นั่น ไม่เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะเหตุว่า ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ผิด, ฉันนั้นเหมือนกัน. ( ฝ่ายถูก ) ภิกษุ ท. ! เดือยแห่งเมล็ดข้าวสาลี หรือเดือยแห่งเมล็ดข้าวยวะที่วางอยู่ถูกท่า จักตำมือ หรือตำเท้าที่เหยียบกดลงไป หรือจักทำโลหิตให้ห้อขึ้นมา ได้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะเหตุว่าเดือยแห่งเมล็ดข้าวเหล่านั้น วางอยู่ถูกท่า (สำหรับที่จะตำ), ข้อนี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! เมื่อ ทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก มัคคภาวนาเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก แล้ว ภิกษุนั้น จักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น หรือ จักกระทำนิพพานให้แจ้งได้นั้น : นั่น เป็นฐานะที่มีได้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะเหตุว่าทิฏฐิเป็นสิ่งที่ตั้งไว้ถูก, ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิกษุ ท. ! อย่างไรเล่า ที่เรียกว่า เมื่อทิฏฐิตั้งไว้ถูก มัคคภาวนาตั้งไว้ถูก แล้ว ภิกษุนั้นจักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้เกิดขึ้น หรือจักกระทำนิพพานให้แจ้ง ได้ ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อการสลัดลง (ซึ่งอุปาทานขันธ์); เจริญสัมมาสังกัปปะ....; เจริญสัมมาวาจา….; เจริญสัมมากัมมันตะ….; เจริญสัมมาอาชีวะ….; เจริญสัมมาวายามะ ….; เจริญสัมมาสติ....; เจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อการ สลัดลง (ซึ่งอุปทานขันธ). ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล คือข้อที่กล่าวว่า เมื่อทิฏฐิตั้งไว้ถูก มัคคภาวนาตั้งไว้ถูก แล้ว ภิกษุนั้นจักทำลายอวิชชา จักทำวิชชาให้ เกิดขึ้น หรือจักกระทำนิพพานให้แจ้ง ได้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาเป็นลำดับในลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 644
    ชื่อบทธรรม :- ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=644
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
    --ภิกษุ ท. ! อวิชชาภิกษุละได้แล้ว
    วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ในกาลใด,
    ในกาลนั้น ภิกษุนั้น,
    เพราะความสำรอกออกโดยไม่เหลือแห่งอวิชชา เพราะการเกิดขึ้นแห่งวิชชา, เธอ
    ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นบุญ ;
    ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันมิใช่บุญ ;
    ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นอเนญชา ;
    เมื่อ ไม่ปรุงแต่ง อยู่,
    เมื่อ ไม่มุ่งมาด อยู่,
    เธอย่อม ไม่ถือมั่นสิ่งไรๆ ในโลก ;
    เมื่อไม่ถือมั่นอยู่,
    เธอย่อม ไม่สะดุ้งหวาดเสียว;
    เมื่อไม่สะดุ้งหวาดเสียวอยู่,
    เธอย่อม #ปรินิพพานเฉพาะตน นั่นเทียว.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=ปรินิพฺพายติ
    เธอย่อมรู้ประจักษ์ว่า
    “ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว,
    กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว,
    กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
    ดังนี้.
    --ภิกษุนั้น ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
    “เวทนานั้น ไม่เที่ยงอันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
    ดังนี้.
    ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
    “เวทนานั้น ไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
    ดังนี้.
    ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
    “เวทนานั้นไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
    ดังนี้.
    +-ภิกษุนั้น
    ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ;
    ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ;
    ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น.
    --ภิกษุนั้น
    เมื่อเสวย เวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
    “เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ”
    ดังนี้.
    เมื่อเธอนั้น เสวย เวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
    “เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ”
    ดังนี้.
    ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
    “เวทนาทั้งหลายทั้งปวง
    อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว
    จักเป็นของเย็น ในอัตตภาพนี้เอง ;
    สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ;
    จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต
    เพราะการแตกทำลายแห่งกาย”
    ดังนี้.

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือน
    บุรุษยกหม้อที่ยังร้อนออกจากเตาเผาหม้อ วางไว้พื้นดินอันเรียบ
    ไออุ่นที่หม้อนั้นพึงระงับหายไป ในที่นั้นเอง กระเบื้องทั้งหลายก็เหลืออยู่ นี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน กล่าวคือ
    เมื่อเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษว่า
    “เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ”
    ดังนี้.
    เมื่อเธอนั้น เสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
    “เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ”
    ดังนี้.
    +-ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
    “เวทนาทั้งหลายทั้งปวง
    อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว
    จักเป็นของเย็นในอัตตภาพนี้เอง;
    สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ;
    จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต
    เพราะการแตกทำลายแห่งกาย”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ;
    คือ ภิกษุผู้ขีณาสพ
    +--พึงปรุงแต่งปุญญาภิสังขาร,
    หรือว่าพึงปรุงแต่ง อปุญญาภิสังขาร,
    หรือว่าพึงปรุงแต่งอเนญชาภิสังขาร,
    บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่อสังขารทั้งหลาย ไม่มี, เพราะความดับแห่งสังขาร
    โดยประการทั้งปวง,
    วิญญาณ พึงปรากฎ บ้างหรือหนอ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่อวิญญาณ ไม่มี, เพราะความดับแห่งวิญญาณ
    โดยประการทั้งปวง,
    นามรูป พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่อนามรูป ไม่มี, เพราะความดับแห่งนามรูป
    โดยประการทั้งปวง,
    สฬายตนะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่อสฬายตนะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งสฬายตนะ
    โดยประการทั้งปวง,
    ผัสสะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่อผัสสะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งผัสสะ
    โดยประการทั้งปวง,
    เวทนา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่อเวทนา ไม่มี, เพราะความดับแห่งเวทนา
    โดยประการทั้งปวง,
    ตัณหา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่อตัณหา ไม่มี, เพราะความดับแห่งตัณหา
    โดยประการทั้งปวง,
    อุปาทาน พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่ออุปาทาน ไม่มี, เพราะความดับแห่งอุปาทาน
    โดยประการทั้งปวง,
    ภพ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    +--เมื่อภพ ไม่มี, เพราะความดับแห่งภพ
    โดยประการทั้งปวง,
    ชาติ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --เมื่อชาติ ไม่มี, เพราะความดับแห่งชาติ
    โดยประการทั้งปวง.
    ชรามรณะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว ถูกแล้ว.
    +--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงทำความสำคัญ จงเชื่อซึ่งข้อนั้น ไว้อย่างนั้นเถิด.
    +--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงปลงซึ่งความเชื่อ ในข้อนั้นอย่างนั้นเถิด ;
    จงเป็นผู้หมดความเคลือบแคลงสงสัยในข้อนั้นเถิด; #นั่นแหละที่สุดแห่งทุกข์ละ,
    http://etipitaka.com/read/pali/16/101/?keywords=เอเสวนฺโต+ทุกฺขสฺสาติ
    ดังนี้ แล.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/81-83/192-195.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๙๙-๑๐๑/๑๙๒-๑๙๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=644
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=644
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44
    ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาเป็นลำดับในลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 644 ชื่อบทธรรม :- ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=644 เนื้อความทั้งหมด :- --ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์ --ภิกษุ ท. ! อวิชชาภิกษุละได้แล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ในกาลใด, ในกาลนั้น ภิกษุนั้น, เพราะความสำรอกออกโดยไม่เหลือแห่งอวิชชา เพราะการเกิดขึ้นแห่งวิชชา, เธอ ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นบุญ ; ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันมิใช่บุญ ; ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นอเนญชา ; เมื่อ ไม่ปรุงแต่ง อยู่, เมื่อ ไม่มุ่งมาด อยู่, เธอย่อม ไม่ถือมั่นสิ่งไรๆ ในโลก ; เมื่อไม่ถือมั่นอยู่, เธอย่อม ไม่สะดุ้งหวาดเสียว; เมื่อไม่สะดุ้งหวาดเสียวอยู่, เธอย่อม #ปรินิพพานเฉพาะตน นั่นเทียว. http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=ปรินิพฺพายติ เธอย่อมรู้ประจักษ์ว่า “ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว, กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว, กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. --ภิกษุนั้น ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า “เวทนานั้น ไม่เที่ยงอันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว” ดังนี้. ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า “เวทนานั้น ไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว” ดังนี้. ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า “เวทนานั้นไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว” ดังนี้. +-ภิกษุนั้น ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ; ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ; ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น. --ภิกษุนั้น เมื่อเสวย เวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ” ดังนี้. เมื่อเธอนั้น เสวย เวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เวทนาทั้งหลายทั้งปวง อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว จักเป็นของเย็น ในอัตตภาพนี้เอง ; สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ; จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต เพราะการแตกทำลายแห่งกาย” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือน บุรุษยกหม้อที่ยังร้อนออกจากเตาเผาหม้อ วางไว้พื้นดินอันเรียบ ไออุ่นที่หม้อนั้นพึงระงับหายไป ในที่นั้นเอง กระเบื้องทั้งหลายก็เหลืออยู่ นี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน กล่าวคือ เมื่อเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษว่า “เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ” ดังนี้. เมื่อเธอนั้น เสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ” ดังนี้. +-ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เวทนาทั้งหลายทั้งปวง อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว จักเป็นของเย็นในอัตตภาพนี้เอง; สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ; จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต เพราะการแตกทำลายแห่งกาย” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ; คือ ภิกษุผู้ขีณาสพ +--พึงปรุงแต่งปุญญาภิสังขาร, หรือว่าพึงปรุงแต่ง อปุญญาภิสังขาร, หรือว่าพึงปรุงแต่งอเนญชาภิสังขาร, บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่อสังขารทั้งหลาย ไม่มี, เพราะความดับแห่งสังขาร โดยประการทั้งปวง, วิญญาณ พึงปรากฎ บ้างหรือหนอ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่อวิญญาณ ไม่มี, เพราะความดับแห่งวิญญาณ โดยประการทั้งปวง, นามรูป พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่อนามรูป ไม่มี, เพราะความดับแห่งนามรูป โดยประการทั้งปวง, สฬายตนะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่อสฬายตนะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งสฬายตนะ โดยประการทั้งปวง, ผัสสะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่อผัสสะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งผัสสะ โดยประการทั้งปวง, เวทนา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่อเวทนา ไม่มี, เพราะความดับแห่งเวทนา โดยประการทั้งปวง, ตัณหา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่อตัณหา ไม่มี, เพราะความดับแห่งตัณหา โดยประการทั้งปวง, อุปาทาน พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่ออุปาทาน ไม่มี, เพราะความดับแห่งอุปาทาน โดยประการทั้งปวง, ภพ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” +--เมื่อภพ ไม่มี, เพราะความดับแห่งภพ โดยประการทั้งปวง, ชาติ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --เมื่อชาติ ไม่มี, เพราะความดับแห่งชาติ โดยประการทั้งปวง. ชรามรณะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว ถูกแล้ว. +--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงทำความสำคัญ จงเชื่อซึ่งข้อนั้น ไว้อย่างนั้นเถิด. +--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงปลงซึ่งความเชื่อ ในข้อนั้นอย่างนั้นเถิด ; จงเป็นผู้หมดความเคลือบแคลงสงสัยในข้อนั้นเถิด; #นั่นแหละที่สุดแห่งทุกข์ละ, http://etipitaka.com/read/pali/16/101/?keywords=เอเสวนฺโต+ทุกฺขสฺสาติ ดังนี้ แล.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/81-83/192-195. http://etipitaka.com/read/thai/16/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๙๙-๑๐๑/๑๙๒-๑๙๕. http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=644 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=644 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44 ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
    -ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์ ภิกษุ ท. ! อวิชชาภิกษุละได้แล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ในกาลใด, ในกาลนั้น ภิกษุนั้น, เพราะความสำรอกออกโดยไม่เหลือแห่งอวิชชา เพราะการเกิดขึ้นแห่งวิชชา, เธอย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่งอภิสังขารอันเป็นบุญ ; ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่งอภิสังขารอันมิใช่บุญ ; ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นอเนญชา ; เมื่อ ไม่ปรุงแต่ง อยู่, เมื่อ ไม่มุ่งมาด อยู่, เธอย่อม ไม่ถือมั่นสิ่งไรๆ ในโลก ; เมื่อไม่ถือมั่นอยู่, เธอย่อม ไม่สะดุ้งหวาดเสียว; เมื่อไม่สะดุ้งหวาดเสียวอยู่, เธอย่อม ปรินิพพานเฉพาะตน นั่นเทียว. เธอย่อมรู้ประจักษ์ว่า “ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว, กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว, กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. ภิกษุนั้น ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า “เวทนานั้น ไม่เที่ยงอันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว” ดังนี้. ถ้าเสวยทุกขเวทนาก็รู้ประจักษ์ว่า “เวทนานั้น ไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว” ดังนี้. ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า “เวทนานั้นไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว” ดังนี้. ภิกษุนั้น ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ; ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ; ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น. ภิกษุนั้น เมื่อเสวย เวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ” ดังนี้. เมื่อเธอนั้น เสวย เวทนาอันมี ชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เวทนาทั้งหลายทั้งปวง อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว จักเป็นของเย็น ในอัตตภาพนี้เอง ; สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ; จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต เพราะการแตกทำลายแห่งกาย” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือน บุรุษยกหม้อที่ยังร้อนออกจากเตาเผาหม้อ วางไว้พื้นดินอันเรียบ ไออุ่นที่หม้อนั้นพึงระงับหายไป ในที่นั้นเอง กระเบื้องทั้งหลายก็เหลืออยู่ นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน กล่าวคือ เมื่อเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษว่า “เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ” ดังนี้. เมื่อเธอนั้น เสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า “เวทนาทั้งหลายทั้งปวง อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว จักเป็นของเย็นในอัตตภาพนี้เอง; สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ; จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต เพราะการแตกทำลายแห่งกาย” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ; คือ ภิกษุผู้ขีณาสพ พึงปรุงแต่งปุญญาภิสังขาร, หรือว่าพึงปรุงแต่ง อปุญญาภิสังขาร, หรือว่า พึงปรุงแต่ง อเนญชาภิสังขาร, บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อสังขารทั้งหลาย ไม่มี, เพราะความดับแห่งสังขาร โดยประการทั้งปวง, วิญญาณ พึงปรากฎ บ้างหรือหนอ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อวิญญาณ ไม่มี, เพราะความดับแห่งวิญญาณ โดยประการทั้งปวง, นามรูป พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อนามรูป ไม่มี, เพราะความดับแห่งนามรูป โดยประการทั้งปวง, สฬายตนะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อสฬายตนะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งสฬายตนะ โดยประการทั้งปวง, ผัสสะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อผัสสะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งผัสสะ โดยประการทั้งปวง, เวทนา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อเวทนา ไม่มี, เพราะความดับแห่งเวทนา โดยประการทั้งปวง, ตัณหา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อตัณหา ไม่มี, เพราะความดับแห่งตัณหา โดยประการทั้งปวง, อุปาทาน พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่ออุปาทาน ไม่มี, เพราะความดับแห่งอุปาทาน โดยประการทั้งปวง, ภพ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อภพ ไม่มี, เพราะความดับแห่งภพ โดยประการทั้งปวง, ชาติ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” เมื่อชาติ ไม่มี, เพราะความดับแห่งชาติ โดยประการทั้งปวง. ชรามรณะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว ถูกแล้ว. ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงทำความสำคัญ จงเชื่อซึ่งข้อนั้น ไว้อย่างนั้นเถิด. ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงปลงซึ่งความเชื่อ ในข้อนั้นอย่างนั้นเถิด ; จงเป็นผู้หมดความเคลือบแคลงสงสัยในข้อนั้นเถิด ; นั่นแหละที่สุดแห่งทุกข์ละ, ดังนี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • กิเลสมายา
    พาร่วมสมสู่
    ความจริงไม่รู้
    สู่ทางจัญไร

    กิเลสมายา
    เปลี่ยนมาเป็นไป
    บดบังชั่วไว้
    ไร้ความจริงแท้

    ความจริงเป็นธรรม
    นำพาแน่วแน่
    จิตธรรมจริงแท้
    แก้โรคทุกข์กรรม

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    กิเลสมายา พาร่วมสมสู่ ความจริงไม่รู้ สู่ทางจัญไร กิเลสมายา เปลี่ยนมาเป็นไป บดบังชั่วไว้ ไร้ความจริงแท้ ความจริงเป็นธรรม นำพาแน่วแน่ จิตธรรมจริงแท้ แก้โรคทุกข์กรรม ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า
    สัทธรรมลำดับที่ : 1010
    ชื่อบทธรรม :- ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1010
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า

    --ก. พวกที่ไม่ทำความเย็น
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ
    เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า.
    ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : -
    ๑--ไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( น นิคฺคเหตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=นิคฺคณฺห
    ๒--ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( น ปคฺคเหตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=ปคฺคเห
    ๓--ไม่ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( น สมฺปหํสิตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=สมฺปหํสิ
    ๔--ไม่เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( น อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=อชฺฌุเปกฺขิ
    ๕--เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมทราม ( หีนาธิมุตฺติโก ) ; และ
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=หีนาธิมุตฺติโก
    ๖--เป็นผู้ยินดียิ่งใน สักกายะ ( สกฺกายาภิรโต ).
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=สกฺกายาภิรโต
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล้ว
    เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า.

    ข. พวกที่ทำความเย็น
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ
    เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า.
    ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : -
    ๑--ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( นิคฺคเหตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=นิคฺคเหตพฺพํ
    ๒--ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( ปคฺคเหตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=ปคฺคเหตพฺพํ
    ๓--ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( สมฺปหํสิตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=สมฺปหํสิตพฺพํ
    ๔--เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ
    ๕--เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมประณีต ( ปณีตาธิมุตฺติโก ) ; และ
    http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=ปณีตาธิมุตฺติโก
    ๖--เป็นผู้ยินดียิ่งใน นิพพาน ( นิพฺพานาภิรโต ).
    http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=นิพฺพานาภิรโต
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล้ว
    เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่ง #ความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า แล.-

    ( ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า
    ในที่นี้ทรงแสดง สักกายะ
    ไว้ในฐานะเป็นสิ่งที่ตรงกัน ข้ามจาก นิพพาน,
    ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
    ทั้งสองอย่างเป็นที่ตั้งแห่งความยินดีได้โดยเท่ากัน
    แล้วแต่ว่าจะเป็น ฝ่ายผิดทาง หรือ ฝ่ายถูกทาง
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/388/356.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/388/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๕/๓๕๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%96
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1010
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1010
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87
    ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า สัทธรรมลำดับที่ : 1010 ชื่อบทธรรม :- ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1010 เนื้อความทั้งหมด :- --ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า --ก. พวกที่ไม่ทำความเย็น --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : - ๑--ไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( น นิคฺคเหตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=นิคฺคณฺห ๒--ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( น ปคฺคเหตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=ปคฺคเห ๓--ไม่ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( น สมฺปหํสิตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=สมฺปหํสิ ๔--ไม่เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( น อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=อชฺฌุเปกฺขิ ๕--เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมทราม ( หีนาธิมุตฺติโก ) ; และ http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=หีนาธิมุตฺติโก ๖--เป็นผู้ยินดียิ่งใน สักกายะ ( สกฺกายาภิรโต ). http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=สกฺกายาภิรโต --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล้ว เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ข. พวกที่ทำความเย็น --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : - ๑--ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( นิคฺคเหตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=นิคฺคเหตพฺพํ ๒--ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( ปคฺคเหตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=ปคฺคเหตพฺพํ ๓--ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( สมฺปหํสิตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=สมฺปหํสิตพฺพํ ๔--เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ๕--เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมประณีต ( ปณีตาธิมุตฺติโก ) ; และ http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=ปณีตาธิมุตฺติโก ๖--เป็นผู้ยินดียิ่งใน นิพพาน ( นิพฺพานาภิรโต ). http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=นิพฺพานาภิรโต --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล้ว เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่ง #ความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า แล.- ( ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ในที่นี้ทรงแสดง สักกายะ ไว้ในฐานะเป็นสิ่งที่ตรงกัน ข้ามจาก นิพพาน, ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองอย่างเป็นที่ตั้งแห่งความยินดีได้โดยเท่ากัน แล้วแต่ว่าจะเป็น ฝ่ายผิดทาง หรือ ฝ่ายถูกทาง ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/388/356. http://etipitaka.com/read/thai/22/388/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๕/๓๕๖. http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%96 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1010 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1010 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87 ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า
    -ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า ก. พวกที่ไม่ทำความเย็น ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : ไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( น นิคฺคเหตพฺพํ ) ; ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( น ปคฺคเหตพฺพํ ) ; ไม่ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( น สมฺปหํสิตพฺพํ ) ; ไม่เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( น อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ; เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมทราม ( หีนาธิมุตฺติโก ) ; และ เป็นผู้ยินดียิ่งใน สักกายะ ( สกฺกายาภิรโต ). ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล้ว เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ข. พวกที่ทำความเย็น ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( นิคฺคเหตพฺพํ ) ; ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( ปคฺคเหตพฺพํ ) ; ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( สมฺปหํสิตพฺพํ ) ; เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ; เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมประณีต ( ปณีตาธิมุตฺติโก ) ; และ เป็นผู้ยินดียิ่งใน นิพพาน ( นิพฺพานาภิรโต ). ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล้ว เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่ง ความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดว่ากามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือหรือเป็นดุจหัวงู
    สัทธรรมลำดับที่ : 271
    ชื่อบทธรรม :- กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    --เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่,
    ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว,
    เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม
    +--เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่,
    ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น.
    +--ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู
    ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้.
    +--ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และ
    กามทั้งหลายอื่น ๆ เป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้,
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม
    อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ;
    +--เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น.
    --เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ,
    พึงเว้นขาดจากกาม,
    #ละกามแล้วพึงข้ามโอฆะเสียได้ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้วก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้
    ฉะนั้น แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. 25/360/408.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/360/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. ๒๕/๔๘๔/๔๐๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=271
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดว่ากามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือหรือเป็นดุจหัวงู สัทธรรมลำดับที่ : 271 ชื่อบทธรรม :- กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271 เนื้อความทั้งหมด :- --กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ --เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว, เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้. http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม +--เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น. +--ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้. +--ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และ กามทั้งหลายอื่น ๆ เป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้, http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ; +--เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น. --เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ, พึงเว้นขาดจากกาม, #ละกามแล้วพึงข้ามโอฆะเสียได้ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้วก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้ ฉะนั้น แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. 25/360/408. http://etipitaka.com/read/thai/25/360/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. ๒๕/๔๘๔/๔๐๘. http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=271 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    -กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว, เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้. เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น. ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้. ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และกามทั้งหลายอื่น ๆเป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้, อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ; เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น. เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ, พึงเว้นขาดจากกาม, ละกามแล้ว พึงข้ามโอฆะเสียได้ ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้ว ก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้ ฉะนั้น แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระวังตัณหา
    พาก่อกรรมชั่ว
    เดือดร้อนไปทั่ว
    พัวพันถึงตัว

    กิเลสความอยาก
    ลากพาไปทั่ว
    ก่อกรรมทำชั่ว
    นัวเนียติดอยู่

    อยากหรือไม่อยาก
    หากไม่ตามรู้
    ควบคุมให้อยู่
    สู้ทุกข์ไม่ได้

    อยากหรือไม่อยาก
    หากสติหาย
    กระวนกระวาย
    ไปตามความอยาก

    กิเลสกรรมชั่ว
    พัวพันความอยาก
    ยึดแล้วลำบาก
    ลากสู่ทุกข์ภัย

    ยิ่งยึดยิ่งทุกข์
    ซุกหมักหมมไว้
    ชำระไม่ได้
    ล้วนไม่สบาย

    ศีลธรรมกรรมดี
    มีอยากทำไป
    สติครองไว้
    ทำไปวางไป

    มีธรรมสายกลาง
    ทางประเสริฐไว้
    รู้ตามจริงได้
    ไกลทุกข์พอใจ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ระวังตัณหา พาก่อกรรมชั่ว เดือดร้อนไปทั่ว พัวพันถึงตัว กิเลสความอยาก ลากพาไปทั่ว ก่อกรรมทำชั่ว นัวเนียติดอยู่ อยากหรือไม่อยาก หากไม่ตามรู้ ควบคุมให้อยู่ สู้ทุกข์ไม่ได้ อยากหรือไม่อยาก หากสติหาย กระวนกระวาย ไปตามความอยาก กิเลสกรรมชั่ว พัวพันความอยาก ยึดแล้วลำบาก ลากสู่ทุกข์ภัย ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ซุกหมักหมมไว้ ชำระไม่ได้ ล้วนไม่สบาย ศีลธรรมกรรมดี มีอยากทำไป สติครองไว้ ทำไปวางไป มีธรรมสายกลาง ทางประเสริฐไว้ รู้ตามจริงได้ ไกลทุกข์พอใจ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมณะพราหมณ์ทั้งหลาย จะสายฮินดู สายพุทธ ต่างก็หาทางหลุดพ้นจากทุกข์ ทุกข์ในโลกนี้ แต่ทางพุทธที่พราหมณ์ท่านนับถือปฏิบัติยังไปอีกหลายไปอีกชั้นในสวรรค์ จนถึงชั้นพรหม พรหมที่สูงสุดแล้วเข้าสู่นิพพาน
    สมณะพราหมณ์ทั้งหลาย จะสายฮินดู สายพุทธ ต่างก็หาทางหลุดพ้นจากทุกข์ ทุกข์ในโลกนี้ แต่ทางพุทธที่พราหมณ์ท่านนับถือปฏิบัติยังไปอีกหลายไปอีกชั้นในสวรรค์ จนถึงชั้นพรหม พรหมที่สูงสุดแล้วเข้าสู่นิพพาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ปฏิบัติในศิลธรรม ท่านมองเรื่องบุญ การปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญ ถึงในปัจจุบันจะทุกข์ลำบากอะไรท่านอดทนกัน..มุ่งหน้าสู่แดนสวรรค์แดนพระนิพพาน
    ผู้ปฏิบัติในศิลธรรม ท่านมองเรื่องบุญ การปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญ ถึงในปัจจุบันจะทุกข์ลำบากอะไรท่านอดทนกัน..มุ่งหน้าสู่แดนสวรรค์แดนพระนิพพาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรรมดีไม่ผุด
    ไม่หยุดกรรมชั่ว
    พาให้เมามัว
    ชั่วพามืดมิด

    กิเลสตัณหา
    พามาปกปิด
    ความเห็นก็ผิด
    บิดเบือนธรรมแท้

    ธรรมแท้ถูกตรง
    คงความจริงแน่
    รู้แล้วดูแล
    แก้ไขขวนขวาย

    ชำระกำจัด
    ปัดเป่าทุกข์ภัย
    กิเลสมารร้าย
    ให้ดับสิ้นไป

    มีธรรมความจริง
    อิงแนบอาศัย
    ศรัทธาไว้ใจ
    ให้ธรรมความจริง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลขัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    กรรมดีไม่ผุด ไม่หยุดกรรมชั่ว พาให้เมามัว ชั่วพามืดมิด กิเลสตัณหา พามาปกปิด ความเห็นก็ผิด บิดเบือนธรรมแท้ ธรรมแท้ถูกตรง คงความจริงแน่ รู้แล้วดูแล แก้ไขขวนขวาย ชำระกำจัด ปัดเป่าทุกข์ภัย กิเลสมารร้าย ให้ดับสิ้นไป มีธรรมความจริง อิงแนบอาศัย ศรัทธาไว้ใจ ให้ธรรมความจริง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลขัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​มีปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้
    สัทธรรมลำดับที่ : 1007
    ชื่อบทธรรม :- ปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1007
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้
    --ภิกษุ ท. ! ถ้า ธรรมห้าประการ
    ไม่เว้นห่างไปเสียจากคนเจ็บไข้ทุพพลภาพคนใด ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นั้นพึงหวังได้ คือ
    เขาจักกระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้
    เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้
    เข้าถึงแล้วแลอยู่ต่อกาลไม่นานเทียว.
    ธรรมห้าประการนั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ : -
    ๑--เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่งามในกาย อยู่ ;
    ๒--เป็นผู้มีปกติสำคัญว่าปฏิกูลในอาหาร อยู่ ;
    ๓--เป็นผู้มีปกติสำคัญว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง อยู่ ;
    ๔--เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง อยู่ ;
    ๕--มรณสัญญาอันเขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน อยู่.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=มรณสญฺญา

    --ภิกษุ ท. ! ธรรมห้าประการเหล่านี้
    ไม่เว้นห่างไปเสียจาก &คนเจ็บไข้ทุพพลภาพคนใด
    ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นั้นพึงหวังได้ คือ
    เขาจักกระทำให้แจ้งได้ซึ่ง #เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้
    เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้
    เข้าถึงแล้วแลอยู่ ต่อกาลไม่นานเทียว.-

    [ ธรรมทั้งห้าประการนี้ ในสูตรอื่น
    ( ปญฺจก. อํ. ๒๒/๙๔/๖๙ )
    http://etipitaka.com/read/pali/22/94/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%99
    #ตรัสไว้ไม่เฉพาะคนเจ็บไข้ แต่ตรัสไว้ &สำหรับคนทั่วไป
    ว่าเป็นธรรมที่เมื่อเจริญทำให้มากแล้ว จะเป็นไปพร้อมเพื่อเบื่อหน่าย
    คลายกำหนัด ดับสนิท สงบรำงับ รู้ยิ่ง รู้พร้อม และ #นิพพาน โดยส่วนเดียว.
    --สูตรถัดไปอีก ( ๒๒/๙๕/๗๐ )
    http://etipitaka.com/read/pali/22/95/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%90
    ตรัสว่า เมื่อเจริญทำให้มากแล้ว &เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะทั้งหลาย.
    --อีกสูตรถัดไป (๒๒/๙๕/๗๑)
    http://etipitaka.com/read/pali/22/95/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%91
    ตรัสว่า เมื่อเจริญทำให้มากแล้ว มี $เจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ เป็นผลเป็นอานิสงส์
    ].

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปัญฺจก. อํ. 22/128/121.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/128/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปัญฺจก. อํ. ๒๒/๑๖๐/๑๒๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/160/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1007
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87
    ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​มีปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้ สัทธรรมลำดับที่ : 1007 ชื่อบทธรรม :- ปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1007 เนื้อความทั้งหมด :- --ปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้ --ภิกษุ ท. ! ถ้า ธรรมห้าประการ ไม่เว้นห่างไปเสียจากคนเจ็บไข้ทุพพลภาพคนใด ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นั้นพึงหวังได้ คือ เขาจักกระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ต่อกาลไม่นานเทียว. ธรรมห้าประการนั้นเป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ : - ๑--เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่งามในกาย อยู่ ; ๒--เป็นผู้มีปกติสำคัญว่าปฏิกูลในอาหาร อยู่ ; ๓--เป็นผู้มีปกติสำคัญว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง อยู่ ; ๔--เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง อยู่ ; ๕--มรณสัญญาอันเขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน อยู่. http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=มรณสญฺญา --ภิกษุ ท. ! ธรรมห้าประการเหล่านี้ ไม่เว้นห่างไปเสียจาก &คนเจ็บไข้ทุพพลภาพคนใด ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นั้นพึงหวังได้ คือ เขาจักกระทำให้แจ้งได้ซึ่ง #เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ ต่อกาลไม่นานเทียว.- [ ธรรมทั้งห้าประการนี้ ในสูตรอื่น ( ปญฺจก. อํ. ๒๒/๙๔/๖๙ ) http://etipitaka.com/read/pali/22/94/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%99 #ตรัสไว้ไม่เฉพาะคนเจ็บไข้ แต่ตรัสไว้ &สำหรับคนทั่วไป ว่าเป็นธรรมที่เมื่อเจริญทำให้มากแล้ว จะเป็นไปพร้อมเพื่อเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ดับสนิท สงบรำงับ รู้ยิ่ง รู้พร้อม และ #นิพพาน โดยส่วนเดียว. --สูตรถัดไปอีก ( ๒๒/๙๕/๗๐ ) http://etipitaka.com/read/pali/22/95/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%90 ตรัสว่า เมื่อเจริญทำให้มากแล้ว &เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะทั้งหลาย. --อีกสูตรถัดไป (๒๒/๙๕/๗๑) http://etipitaka.com/read/pali/22/95/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%91 ตรัสว่า เมื่อเจริญทำให้มากแล้ว มี $เจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ เป็นผลเป็นอานิสงส์ ]. #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปัญฺจก. อํ. 22/128/121. http://etipitaka.com/read/thai/22/128/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปัญฺจก. อํ. ๒๒/๑๖๐/๑๒๑. http://etipitaka.com/read/pali/22/160/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1007 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87 ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้
    -ปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข้ ภิกษุ ท. ! ถ้า ธรรมห้าประการ ไม่เว้นห่างไปเสียจากคนเจ็บไข้ทุพพลภาพคนใด ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นั้นพึงหวังได้ คือ เขาจักกระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ต่อกาลไม่นานเทียว. ธรรมห้าประการนั้นเป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ : เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่งามในกาย อยู่ ; เป็นผู้มีปกติสำคัญว่าปฏิกูลในอาหาร อยู่ ; เป็นผู้มีปกติสำคัญว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง อยู่ ; เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง อยู่ ; มรณสัญญาอันเขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน อยู่. ภิกษุ ท. ! ธรรมห้าประการเหล่านี้ ไม่เว้นห่างไปเสียจากคนเจ็บไข้ทุพพลภาพคนใด ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นั้นพึงหวังได้ คือเขาจักกระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ ต่อกาลไม่นานเทียว.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเมื่อเห็นอนัตตาเป็นลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด
    สัทธรรมลำดับที่ : 639
    ชื่อบทธรรม :- ลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=639
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด-เมื่อเห็นอนัตตา
    --ภิกษุ ท. ! รูป เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง,
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์,
    สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา,
    สิ่งใดเป็น #อนัตตา สิ่งนั้นนั่น
    "ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่เป็นตัวตนของเรา"
    http://etipitaka.com/read/pali/17/57/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
    : เธอทั้งหลาย พึงเห็นข้อนั้น ด้วยปัญญาโดยชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้
    ด้วยประการดังนี้.
    (ในกรณีแห่ง
    เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
    ก็ตรัสอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง รูป
    ทุกประการ).

    --ภิกษุ ท. !
    +--เมื่อบุคคลเห็นข้อนั้น ด้วยปัญญาโดยชอบตรงตามที่เป็นจริง อยู่อย่างนี้,
    ปุพพันตานุทิฏฐิ ทั้งหลาย ย่อมไม่มี ;
    +--เมื่อปุพพันตานุทิฏฐิไม่มี, อปรันตานุทิฏฐิ ทั้งหลายย่อมไม่มี ;
    +--เมื่ออปรันตานุทิฏฐิไม่มี, ความยึดมั่นลูบคลำอย่างแรงกล้า ย่อมไม่มี ;*--๑
    +--เมื่อความยึดมั่นลูบคลำอย่างแรงกล้าไม่มี,
    จิตย่อมจางคลายกำหนัดในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณ ;
    ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่มีความยึดมั่นถือมั่น.
    +--เพราะจิตหลุดพ้นแล้ว จิตจึง ดำรงอยู่ (ตามสภาพของจิต) ;
    +--เพราะเป็นจิตที่ดำรงอยู่ จิตจึง ยินดีร่าเริงด้วยดี ;
    +--เพราะเป็นจิตที่ยินดีร่าเริงด้วยดี จิตจึง ไม่หวาดสะดุ้ง ;
    +--เมื่อไม่หวาดสะดุ้ง ย่อม #ปรินิพพาน (ดับรอบ) เฉพาะตน นั่นเทียว.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/57/?keywords=ปรินิพฺพายติ
    +--เธอนั้น ย่อม รู้ชัดว่า
    “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
    ดังนี้.-

    *--๑รายละเอียดเรื่อง ปุพพันตานุทิฏฐิ และอปรันตานุทิฏฐิ
    ทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องต้น (อดีต-ปุพพันตานุทิฏฐิ) ย่อมไม่มี
    เมื่อทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องต้น ไม่มี
    ทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องปลาย (อนาคต-อปรันตานุทิฏฐิ) ย่อมไม่มี
    เมื่อทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องปลาย ไม่มี
    ความยึดมั่นอย่างแรงกล้า ย่อมไม่มี.

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/57/93.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/45/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๗/๙๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/57/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=639
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43&id=639
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43
    ลำดับสาธยายธรรม : 43 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_43.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเมื่อเห็นอนัตตาเป็นลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด สัทธรรมลำดับที่ : 639 ชื่อบทธรรม :- ลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=639 เนื้อความทั้งหมด :- --ลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด-เมื่อเห็นอนัตตา --ภิกษุ ท. ! รูป เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง, สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์, สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา, สิ่งใดเป็น #อนัตตา สิ่งนั้นนั่น "ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่เป็นตัวตนของเรา" http://etipitaka.com/read/pali/17/57/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ : เธอทั้งหลาย พึงเห็นข้อนั้น ด้วยปัญญาโดยชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ด้วยประการดังนี้. (ในกรณีแห่ง เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็ตรัสอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง รูป ทุกประการ). --ภิกษุ ท. ! +--เมื่อบุคคลเห็นข้อนั้น ด้วยปัญญาโดยชอบตรงตามที่เป็นจริง อยู่อย่างนี้, ปุพพันตานุทิฏฐิ ทั้งหลาย ย่อมไม่มี ; +--เมื่อปุพพันตานุทิฏฐิไม่มี, อปรันตานุทิฏฐิ ทั้งหลายย่อมไม่มี ; +--เมื่ออปรันตานุทิฏฐิไม่มี, ความยึดมั่นลูบคลำอย่างแรงกล้า ย่อมไม่มี ;*--๑ +--เมื่อความยึดมั่นลูบคลำอย่างแรงกล้าไม่มี, จิตย่อมจางคลายกำหนัดในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณ ; ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่มีความยึดมั่นถือมั่น. +--เพราะจิตหลุดพ้นแล้ว จิตจึง ดำรงอยู่ (ตามสภาพของจิต) ; +--เพราะเป็นจิตที่ดำรงอยู่ จิตจึง ยินดีร่าเริงด้วยดี ; +--เพราะเป็นจิตที่ยินดีร่าเริงด้วยดี จิตจึง ไม่หวาดสะดุ้ง ; +--เมื่อไม่หวาดสะดุ้ง ย่อม #ปรินิพพาน (ดับรอบ) เฉพาะตน นั่นเทียว. http://etipitaka.com/read/pali/17/57/?keywords=ปรินิพฺพายติ +--เธอนั้น ย่อม รู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้.- *--๑รายละเอียดเรื่อง ปุพพันตานุทิฏฐิ และอปรันตานุทิฏฐิ ทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องต้น (อดีต-ปุพพันตานุทิฏฐิ) ย่อมไม่มี เมื่อทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องต้น ไม่มี ทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องปลาย (อนาคต-อปรันตานุทิฏฐิ) ย่อมไม่มี เมื่อทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องปลาย ไม่มี ความยึดมั่นอย่างแรงกล้า ย่อมไม่มี. #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/57/93. http://etipitaka.com/read/thai/17/45/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๗/๙๓. http://etipitaka.com/read/pali/17/57/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=639 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43&id=639 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43 ลำดับสาธยายธรรม : 43 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_43.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด
    -ลำดับการหลุดพ้นโดยละเอียด เมื่อเห็นอนัตตา ภิกษุ ท. ! รูป เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง, สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์, สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา, สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นนั่น ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่เป็นตัวตนของเรา: เธอทั้งหลาย พึงเห็นข้อนั้น ด้วยปัญญาโดยชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ด้วยประการดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็ตรัสอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งรูป ทุกประการ). ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคลเห็นข้อนั้น ด้วยปัญญาโดยชอบตรงตามที่เป็นจริง อยู่อย่างนี้, ปุพพันตานุทิฏฐิ ทั้งหลาย ย่อมไม่มี ; เมื่อปุพพันตานุทิฏฐิไม่มี, อปรันตานุทิฏฐิ๑ ทั้งหลายย่อมไม่มี ; เมื่ออปรันตานุทิฏฐิไม่มี, ความยึดมั่นลูบคลำอย่างแรงกล้า ย่อมไม่มี ; เมื่อความยึดมั่นลูบคลำอย่างแรงกล้าไม่มี, จิตย่อมจางคลายกำหนัดในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณ ; ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่มีความยึดมั่นถือมั่น. เพราะจิตหลุดพ้นแล้ว จิตจึง ดำรงอยู่ (ตามสภาพของจิต) ; เพราะเป็นจิตที่ดำรงอยู่ จิตจึง ยินดีร่าเริงด้วยดี ; เพราะเป็นจิตที่ยินดีร่าเริงด้วยดี จิตจึง ไม่หวาดสะดุ้ง ; เมื่อไม่หวาดสะดุ้ง ย่อม ปรินิพพาน (ดับรอบ) เฉพาะตน นั่นเทียว. เธอนั้น ย่อม รู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคนงานการความคิด
    วิปริตผิดครรลอง
    จึงพินาศขาดธรรมครอง
    ล้วนเกี่ยวข้องต้องทุกข์ภัย

    ความจัญไรหมายครองเมือง
    วิบัติเยือนเตือนไม่ได้
    ก่อเวรกรรมซ้ำเลวร้าย
    พากระจายไฟลามทุ่ง

    ความระยำทำเอาไว้
    งานเลวร้ายหมายแต่มุ่ง
    คิดชั่วทำกรรมล้วนยุ่่ง
    บาปกรรมฟุ้งรุ่งริ่งได้

    ตั้งสติจิตตั้งมั่น
    นิ่งรู้ทันปัญญาใช้
    ธรรมความจริงทิ้งไม่ได้
    เพียรขวนขวายให้เห็นจริง

    จริงหนึ่งเดียวเกี่ยวโยงใย
    เพียงมุ่งหมายไว้พึ่งพิง
    ตื่นรู้ตื่นยืนหยัดจริง
    ได้สุงสิงยิ่งสว่าง

    ขอให้พบธรรมความจริงความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    มีคนงานการความคิด วิปริตผิดครรลอง จึงพินาศขาดธรรมครอง ล้วนเกี่ยวข้องต้องทุกข์ภัย ความจัญไรหมายครองเมือง วิบัติเยือนเตือนไม่ได้ ก่อเวรกรรมซ้ำเลวร้าย พากระจายไฟลามทุ่ง ความระยำทำเอาไว้ งานเลวร้ายหมายแต่มุ่ง คิดชั่วทำกรรมล้วนยุ่่ง บาปกรรมฟุ้งรุ่งริ่งได้ ตั้งสติจิตตั้งมั่น นิ่งรู้ทันปัญญาใช้ ธรรมความจริงทิ้งไม่ได้ เพียรขวนขวายให้เห็นจริง จริงหนึ่งเดียวเกี่ยวโยงใย เพียงมุ่งหมายไว้พึ่งพิง ตื่นรู้ตื่นยืนหยัดจริง ได้สุงสิงยิ่งสว่าง ขอให้พบธรรมความจริงความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • มงคลชีวิต
    นิพพานปัจจโยโหตุ
    มงคลชีวิต นิพพานปัจจโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • สติดูรู้เท่าทัน
    จิตตั้งมั่นปัญญาเกิด
    เห็นกระจ่างทางประเสริฐ
    ไม่เตลิดเกิดธรรมจริง

    ธรรมถูกตรงคงที่แน่
    กิเลสแย่แก้ดั่งลิง
    ถูกตัณหาพารุ่งริ่ง
    กรรมยุ่งยิ่งยิ่งทุกข์ตรม

    ธรรมถูกตรงปลงได้แน่
    จริงแน่แท้และเกลียวกลม
    ธรรมสว่างทางเหมาะสม
    ปัญญาคมบ่มฟอกจิต

    ธรรมฟอกจิตจิตผ่องแผ้ว
    ถูกตรงแนวแผ้วถางจิต
    บริสุทธิ์ผุดผ่องจิต
    แท้ธรรมจิตมิตรเพื่อนตาย

    จิตฟอกกายให้ผุดผ่อง
    พาคล้องจองต้องจิตกาย
    ธรรมความจริงยิ่งอาศัย
    ปีติได้ให้ศรัทธา

    ขอให้พบธรรมความจริงมีความสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    สติดูรู้เท่าทัน จิตตั้งมั่นปัญญาเกิด เห็นกระจ่างทางประเสริฐ ไม่เตลิดเกิดธรรมจริง ธรรมถูกตรงคงที่แน่ กิเลสแย่แก้ดั่งลิง ถูกตัณหาพารุ่งริ่ง กรรมยุ่งยิ่งยิ่งทุกข์ตรม ธรรมถูกตรงปลงได้แน่ จริงแน่แท้และเกลียวกลม ธรรมสว่างทางเหมาะสม ปัญญาคมบ่มฟอกจิต ธรรมฟอกจิตจิตผ่องแผ้ว ถูกตรงแนวแผ้วถางจิต บริสุทธิ์ผุดผ่องจิต แท้ธรรมจิตมิตรเพื่อนตาย จิตฟอกกายให้ผุดผ่อง พาคล้องจองต้องจิตกาย ธรรมความจริงยิ่งอาศัย ปีติได้ให้ศรัทธา ขอให้พบธรรมความจริงมีความสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระทุกขัง พระอนิจจัง พระอนัตตา
    นิพพานปัจจโยโหตุ
    พระทุกขัง พระอนิจจัง พระอนัตตา นิพพานปัจจโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตายไม่สูญ..แล้วไปไหน

    “ ตายแล้วไม่สูญ ” และ “ ตายแล้วไปไหน ” นี้ไม่น่าจะเป็นข้องใจของท่านเลยเพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วอย่างละเอียดว่าเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางที่ไปก็มี 5 สาย คือ

    • อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย และเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    • เกิดเป็นมนุษย์

    • เกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์

    • เกิดเป็นพรหม

    • ไปพระนิพพาน

    ท่านที่ตายแล้วจะไปเกิดที่ใด พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกเหตุที่จะไปเกิดไว้ครบถ้วนตามกฎของกรรม คือการกระทำ ได้แก่ความประพฤติดีหรือชั่ว ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรมหรือความประพฤติดีหรือชั่ว ที่จะพาไปเกิดในที่ใดที่หนึ่งตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 ทางนั้น ท่านว่าไว้อย่างนี้
    ตายไม่สูญ..แล้วไปไหน “ ตายแล้วไม่สูญ ” และ “ ตายแล้วไปไหน ” นี้ไม่น่าจะเป็นข้องใจของท่านเลยเพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วอย่างละเอียดว่าเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางที่ไปก็มี 5 สาย คือ • อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย และเป็นสัตว์เดรัจฉาน • เกิดเป็นมนุษย์ • เกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ • เกิดเป็นพรหม • ไปพระนิพพาน ท่านที่ตายแล้วจะไปเกิดที่ใด พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกเหตุที่จะไปเกิดไว้ครบถ้วนตามกฎของกรรม คือการกระทำ ได้แก่ความประพฤติดีหรือชั่ว ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรมหรือความประพฤติดีหรือชั่ว ที่จะพาไปเกิดในที่ใดที่หนึ่งตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 ทางนั้น ท่านว่าไว้อย่างนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมจริงกระจ่าง
    ทางประเสริฐธรรม
    เป็นกลางเลิศล้ำ
    นำจิตหลุดพ้น

    เตือนตนบากบั่น
    หมั่นเพียรดั้นด้น
    วิจัยให้พ้น
    หนทางบ่วงมาร

    ขันธ์ห้าเป็นอยู่
    รู้มีการงาน
    กิเลสดื้อด้าน
    พาลพาบาปกรรม

    สังขารปรุงแต่ง
    แข่งแก่งแย่งทำ
    ไม่เอาศีลธรรม
    ไร้สำนึกดี

    ความตายตัดรอน
    พรดีไม่มี
    วิบากชีวี
    ดีไม่ได้ทำ

    ติดบ่วงมายา
    พาบาปก่อกรรม
    บดบังศีลธรรม
    บุญกรรมไม่มี

    ไม่เอาศีลธรรม
    กรรมดีหลีกหนี
    ก่อแต่อัปรีย์
    มีแต่อบาย

    หนึ่งธรรมความจริง
    ยิ่งพามั่นใจ
    บุญมีอาศัย
    ให้สุขผ่องแผ้ว

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุขผุดผ่องแผ้ว

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ธรรมจริงกระจ่าง ทางประเสริฐธรรม เป็นกลางเลิศล้ำ นำจิตหลุดพ้น เตือนตนบากบั่น หมั่นเพียรดั้นด้น วิจัยให้พ้น หนทางบ่วงมาร ขันธ์ห้าเป็นอยู่ รู้มีการงาน กิเลสดื้อด้าน พาลพาบาปกรรม สังขารปรุงแต่ง แข่งแก่งแย่งทำ ไม่เอาศีลธรรม ไร้สำนึกดี ความตายตัดรอน พรดีไม่มี วิบากชีวี ดีไม่ได้ทำ ติดบ่วงมายา พาบาปก่อกรรม บดบังศีลธรรม บุญกรรมไม่มี ไม่เอาศีลธรรม กรรมดีหลีกหนี ก่อแต่อัปรีย์ มีแต่อบาย หนึ่งธรรมความจริง ยิ่งพามั่นใจ บุญมีอาศัย ให้สุขผ่องแผ้ว ขอให้พบธรรมความดีมีสุขผุดผ่องแผ้ว นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • สติครองจิต
    กิจควรแยแส
    สมาธิแน่น
    แล่นสู่ปัญญา

    ปัญญาโดดเด่น
    เป็นได้วิชชา
    ธรรมวิจัยพา
    มาเป็นกำลัง

    คุณธรรมความเพียร
    เรียนรู้สอนสั่ง
    ให้ธรรมความจริง
    ยิ่งพาปีติ

    สงบระงับ
    จับธรรมถึงจิต
    เป็นสมาธิ
    จิตอุเบกขา

    ธรรมจริงรวมหนึ่ง
    ถึงจิตแน่นหนา
    เข้ากันนำพา
    มาเป็นกำลัง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลขัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    สติครองจิต กิจควรแยแส สมาธิแน่น แล่นสู่ปัญญา ปัญญาโดดเด่น เป็นได้วิชชา ธรรมวิจัยพา มาเป็นกำลัง คุณธรรมความเพียร เรียนรู้สอนสั่ง ให้ธรรมความจริง ยิ่งพาปีติ สงบระงับ จับธรรมถึงจิต เป็นสมาธิ จิตอุเบกขา ธรรมจริงรวมหนึ่ง ถึงจิตแน่นหนา เข้ากันนำพา มาเป็นกำลัง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลขัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิตเจตนา
    พาวนเวียนว่าย
    เจตนาร้าย
    ได้กรรมเดือดร้อน

    เจตนาดี
    มีบุญโคจร
    ไร้กรรมเดือดร้อน
    พรดีอาศัย

    สติที่ดี
    มีธรรมครองไว้
    จิตเกี่ยวโยงใย
    ได้สำนึกดี

    จิตสำนึกดี
    มีกรรมคลุกคลี
    ศีลธรรมกรรมดี
    มีแล้วร่มเย็น

    มีความประมาท
    พลาดพลั้งทุกข์เข็ญ
    เพียรระวังเป็น
    เห็นทุกข์รู้ทัน

    สมาธิจิต
    กิจควรมุ่งมั่น
    ธรรมจริงยืนยัน
    ปัญญารู้แจ้ง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมีชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    จิตเจตนา พาวนเวียนว่าย เจตนาร้าย ได้กรรมเดือดร้อน เจตนาดี มีบุญโคจร ไร้กรรมเดือดร้อน พรดีอาศัย สติที่ดี มีธรรมครองไว้ จิตเกี่ยวโยงใย ได้สำนึกดี จิตสำนึกดี มีกรรมคลุกคลี ศีลธรรมกรรมดี มีแล้วร่มเย็น มีความประมาท พลาดพลั้งทุกข์เข็ญ เพียรระวังเป็น เห็นทุกข์รู้ทัน สมาธิจิต กิจควรมุ่งมั่น ธรรมจริงยืนยัน ปัญญารู้แจ้ง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมีชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาการปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
    สัทธรรมลำดับที่ : 632
    ชื่อบทธรรม :- การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=632
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
    --ภิกษุ ท. !
    --ถ้าภิกษุ แสดงธรรม
    เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด
    เพื่อความดับไม่เหลือ แห่ง #ชราและมรณะ อยู่ไซร้ ;
    ก็เป็นการสมควร เพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า
    +--“ผู้กล่าวซึ่งธรรม(ธมฺมกถิ)​” ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/22/?keywords=ธมฺมกถิ

    +--ถ้าภิกษุเป็นผู้ ปฏิบัติแล้ว
    เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด
    เพื่อความดับไม่เหลือ แห่งชราและมรณะ อยู่ไซร้ ;
    ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียก ภิกษุนั้นว่า
    +--“ผู้ปฏิบัติแล้วซึ่งธรรมตามสมควรแก่ธรรม(ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺ)​” ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/22/?keywords=ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺ

    +--ถ้าภิกษุเป็นผู้ หลุดพ้นแล้ว
    เพราะความเบื่อหน่าย เพราะความคลายกำหนัด
    เพราะความดับไม่เหลือ แห่งชราและมรณะ ด้วยความเป็นผู้ไม่ยึดมั่น ถือมั่น อยู่แล้วไซร้ ;
    ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า
    +--“ผู้บรรลุแล้วซึ่งนิพพานในทิฏฐธรรม(ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปฺปตฺ)​” ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/22/?keywords=ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปฺปตฺ
    --
    (ในกรณีแห่ง
    ๒.ชาติ ๓.ภพ ๔.อุปาทาน ๕.ตัณหา ๖.เวทนา ๗.ผัสสะ ๘.สฬายตนะ ๙.นามรูป ๑๐.วิญญาณ ๑๑.สังขาร และ ๑๒.อวิชชา
    ก็มีข้อความที่กล่าวไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง
    ๑.ชราและมรณะ ที่กล่าวไว้ข้างบนนี้
    ).-

    #ทุุกขมรรค#อริยสัจสึ่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/16/46.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/16/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๒/๔๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/22/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=632
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43&id=632
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43
    ลำดับสาธยายธรรม : 43 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_43.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาการปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) สัทธรรมลำดับที่ : 632 ชื่อบทธรรม :- การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=632 เนื้อความทั้งหมด :- --การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) --ภิกษุ ท. ! --ถ้าภิกษุ แสดงธรรม เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่ง #ชราและมรณะ อยู่ไซร้ ; ก็เป็นการสมควร เพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า +--“ผู้กล่าวซึ่งธรรม(ธมฺมกถิ)​” ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/16/22/?keywords=ธมฺมกถิ +--ถ้าภิกษุเป็นผู้ ปฏิบัติแล้ว เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่งชราและมรณะ อยู่ไซร้ ; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียก ภิกษุนั้นว่า +--“ผู้ปฏิบัติแล้วซึ่งธรรมตามสมควรแก่ธรรม(ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺ)​” ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/16/22/?keywords=ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺ +--ถ้าภิกษุเป็นผู้ หลุดพ้นแล้ว เพราะความเบื่อหน่าย เพราะความคลายกำหนัด เพราะความดับไม่เหลือ แห่งชราและมรณะ ด้วยความเป็นผู้ไม่ยึดมั่น ถือมั่น อยู่แล้วไซร้ ; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า +--“ผู้บรรลุแล้วซึ่งนิพพานในทิฏฐธรรม(ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปฺปตฺ)​” ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/16/22/?keywords=ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปฺปตฺ -- (ในกรณีแห่ง ๒.ชาติ ๓.ภพ ๔.อุปาทาน ๕.ตัณหา ๖.เวทนา ๗.ผัสสะ ๘.สฬายตนะ ๙.นามรูป ๑๐.วิญญาณ ๑๑.สังขาร และ ๑๒.อวิชชา ก็มีข้อความที่กล่าวไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง ๑.ชราและมรณะ ที่กล่าวไว้ข้างบนนี้ ).- #ทุุกขมรรค​ #อริยสัจสึ่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/16/46. http://etipitaka.com/read/thai/16/16/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๒/๔๖. http://etipitaka.com/read/pali/16/22/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=632 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43&id=632 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43 ลำดับสาธยายธรรม : 43 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_43.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
    -การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุ แสดงธรรม เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่ง ชราและมรณะ อยู่ไซร้ ; ก็เป็นการสมควร เพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า “ผู้กล่าวซึ่งธรรม” ดังนี้. ถ้าภิกษุเป็นผู้ ปฏิบัติแล้ว เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่งชราและมรณะ อยู่ไซร้ ; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียก ภิกษุนั้นว่า “ผู้ปฏิบัติแล้วซึ่งธรรมตามสมควรแก่ธรรม” ดังนี้. ถ้าภิกษุเป็นผู้ หลุดพ้นแล้ว เพราะความเบื่อหน่าย เพราะความคลายกำหนัด เพราะความดับไม่เหลือ แห่งชราและมรณะ ด้วยความเป็นผู้ไม่ยึดมั่น ถือมั่น อยู่แล้วไซร้ ; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า “ผู้บรรลุแล้วซึ่งนิพพานในทิฏฐธรรม” ดังนี้. (ในกรณีแห่ง ชาติ ภพ อุปาทาน ตัณหา เวทนา ผัสสะ สฬายตนะ นามรูป วิญญาณ สังขาร และ อวิชชา ก็มีข้อความที่กล่าวไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง ชราและมรณะที่กล่าวไว้ข้างบนนี้).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • อำนาจกรรมทำเอาไว้
    เหตุปัจจัยได้ตามกรรม
    ปัญญาญาณทานแห่งธรรม
    ขอน้อมนำกรรมอาศัย

    กรรมเก่าใหม่ได้มีอยู่
    ขอให้รู้สู้ขวนขวาย
    จงผ่านพ้นหนทางได้
    ซึ้งถึงใจให้ถึงฝั่ง

    ธรรมความจริงยิ่งขวนขวาย
    มีที่หมายได้สอนสั่ง
    ธรรมกับใจไม่ชิงชัง
    ยังสว่างทางธรรมได้

    เมตตาธรรมนำถึงจิต
    พาได้มิตรจิตอาศัย
    บริสุทธิ์ผุดผ่องได้
    สุขเป็นได้ให้ทุกข์ไกล

    ชีวีครองต้องระวัง
    รู้ยับยั้งชั่งใจได้
    เพียรระวังยังทุกข์ภัย
    ทั้งนอกในกายใจมี

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    อำนาจกรรมทำเอาไว้ เหตุปัจจัยได้ตามกรรม ปัญญาญาณทานแห่งธรรม ขอน้อมนำกรรมอาศัย กรรมเก่าใหม่ได้มีอยู่ ขอให้รู้สู้ขวนขวาย จงผ่านพ้นหนทางได้ ซึ้งถึงใจให้ถึงฝั่ง ธรรมความจริงยิ่งขวนขวาย มีที่หมายได้สอนสั่ง ธรรมกับใจไม่ชิงชัง ยังสว่างทางธรรมได้ เมตตาธรรมนำถึงจิต พาได้มิตรจิตอาศัย บริสุทธิ์ผุดผ่องได้ สุขเป็นได้ให้ทุกข์ไกล ชีวีครองต้องระวัง รู้ยับยั้งชั่งใจได้ เพียรระวังยังทุกข์ภัย ทั้งนอกในกายใจมี ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม
    สัทธรรมลำดับที่ : 999
    ชื่อบทธรรม :- การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=999
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม
    ...
    ---ถูกแล้ว ถูกแล้ว
    --สารีบุตร ! สารีบุตร ! อริยสาวกใด
    มีความเลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว,
    เขาย่อมไม่สงสัยหรือลังเลใน #ตถาคตหรือคำสอนในตถาคต.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=ตถาคต
    --สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธาแล้ว
    พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้ปรารภความเพียร
    เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย
    เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย.
    +--สารีบุตร ! ความเพียรเช่นนั้นของอริยสาวกนั้นย่อมเป็น #วิริยินทรีย์
    ของเธอนั้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=วิริยินฺทฺริ
    --สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา
    เป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่แล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า
    เขาจักเป็นผู้มีสติ ประกอบพร้อมด้วยสติเป็นเครื่องระวังรักษาตนเป็นอย่างยิ่ง
    เป็นผู้ระลึกได้ ตามระลึกได้ ซึ่งสิ่งที่ทำและคำที่พูดแม้ นานได้.
    +--สารีบุตร ! ความระลึกเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น #สตินทรีย์
    ของเธอนั้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=สตินฺทฺริ
    --สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา
    ปรารภความเพียร มีสติเข้าไปตั้งไว้แล้ว มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ แล้ว
    พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้กระทำแล้วได้ซึ่งโวสสัคคารมณ์
    จักได้ซึ่งความตั้งมั่นแห่งจิต กล่าวคือความที่จิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว.
    +--สารีบุตร ! ความตั้งมั่นแห่งจิตเช่นนั้นของอริย สาวกนั้น ย่อมเป็น #สมาธินทรีย์
    ของเธอนั้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=สมาธินฺทฺริ
    --สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา
    ปรารภความเพียร มีสติเข้าไปตั้งไว้มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ แล้ว
    พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า
    “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งที่มีที่สุดอันบุคคลรู้ไม่ได้,
    ที่สุดฝ่ายข้างต้น ย่อมไม่ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย
    ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังแล่นไป ท่องเที่ยวไป.
    ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้นเสียได้ มีอยู่
    : นั่นเป็นบทที่สงบ นั่นเป็นบทที่ประณีต
    กล่าวคือธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่
    สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน”.
    +--สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น #ปัญญินทรีย์
    ของเธอนั้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/300/?keywords=ปญฺญินฺทฺริ
    --สารีบุตร ! อริยสาวกนั้นนั่นแหละ
    ตั้งไว้แล้ว ตั้งไว้แล้ว (ซึ่งวิริยะ) ด้วยอาการอย่างนี้,
    ระลึกแล้ว ระลึกแล้ว (ด้วยสติ) ด้วยอาการอย่างนี้,
    ตั้งมั่นแล้ว ตั้งมั่นแล้ว (ด้วยสมาธิ) ด้วยอาการอย่างนี้,
    รู้ชัดแล้ว รู้ชัดแล้ว (ด้วยปัญญา) ด้วยอาการอย่างนี้,
    เขาย่อมเชื่ออย่างยิ่ง อย่างนี้ว่า
    “ธรรมเหล่าใดเป็นธรรมที่เราเคยฟังแล้วในกาลก่อน,
    ในบัดนี้ เราถูกต้องธรรมเหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ด้วย
    และแทงตลอดธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญาแล้วเห็นอยู่ ด้วย”
    ดังนี้.
    --สารีบุตร ! ความเชื่อเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น #สัทธินทรีย์
    ของเธอนั้น,
    http://etipitaka.com/read/pali/19/300/?keywords=สทฺธินฺทฺริ
    ดังนี้แล.
    --- มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙๙–๓๐๐/๑๐๑๗–๑๐๒๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%91%E0%B9%97

    (ข้อควรสังเกตอย่างยิ่งในกรณีนี้ คือข้อที่ สัทธินทรีย์ทำกิจของตน
    เมื่ออินทรีย์ทั้งสี่นอกนั้นทำกิจเสร็จแล้ว.
    ข้อนี้หมายความว่า สิ่งที่เรียกว่าสัทธาหรือความเชื่อนั้น
    จะถึงที่สุดก็ต่อเมื่อทำกิจอันบุคคลนั้นจะต้องทำนั้นๆ ประสบผลสำเร็จแล้ว.
    สัทธาที่เกิดขึ้นเป็นตัวนำในเบื้องต้น ดังที่แสดงอยู่ในหมวดธรรมต่างๆนั้น
    ยังมิใช่สัทธาที่สมบูรณ์;
    ทำให้กล่าวได้ว่า สัทธาสมบูรณ์ปรากฏแก่จิตใจต่อเมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว
    คือประกอบอยู่ในญาณที่เห็นความหลุดพ้นของตนแล้ว
    )

    --สัมมัตตะ เป็นธรรมเครื่องสิ้นอาสวะ
    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๑๐ ประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=สมฺมา
    +--สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการคือ
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
    สัมมาญาณ สัมมาวิมุตติ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/255/?keywords=สมฺมาญาณํ+สมฺมาวิมุตฺติ
    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๑๐ ประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อม
    เป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/207/122.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/207/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๒๕๔/๑๒๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=999
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=999
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86
    ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม สัทธรรมลำดับที่ : 999 ชื่อบทธรรม :- การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=999 เนื้อความทั้งหมด :- --การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม ... ---ถูกแล้ว ถูกแล้ว --สารีบุตร ! สารีบุตร ! อริยสาวกใด มีความเลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว, เขาย่อมไม่สงสัยหรือลังเลใน #ตถาคตหรือคำสอนในตถาคต. http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=ตถาคต --สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธาแล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย. +--สารีบุตร ! ความเพียรเช่นนั้นของอริยสาวกนั้นย่อมเป็น #วิริยินทรีย์ ของเธอนั้น. http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=วิริยินฺทฺริ --สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา เป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่แล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้มีสติ ประกอบพร้อมด้วยสติเป็นเครื่องระวังรักษาตนเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้ระลึกได้ ตามระลึกได้ ซึ่งสิ่งที่ทำและคำที่พูดแม้ นานได้. +--สารีบุตร ! ความระลึกเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น #สตินทรีย์ ของเธอนั้น. http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=สตินฺทฺริ --สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา ปรารภความเพียร มีสติเข้าไปตั้งไว้แล้ว มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ แล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้กระทำแล้วได้ซึ่งโวสสัคคารมณ์ จักได้ซึ่งความตั้งมั่นแห่งจิต กล่าวคือความที่จิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว. +--สารีบุตร ! ความตั้งมั่นแห่งจิตเช่นนั้นของอริย สาวกนั้น ย่อมเป็น #สมาธินทรีย์ ของเธอนั้น. http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=สมาธินฺทฺริ --สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา ปรารภความเพียร มีสติเข้าไปตั้งไว้มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ แล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งที่มีที่สุดอันบุคคลรู้ไม่ได้, ที่สุดฝ่ายข้างต้น ย่อมไม่ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังแล่นไป ท่องเที่ยวไป. ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้นเสียได้ มีอยู่ : นั่นเป็นบทที่สงบ นั่นเป็นบทที่ประณีต กล่าวคือธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่ สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน”. +--สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น #ปัญญินทรีย์ ของเธอนั้น. http://etipitaka.com/read/pali/19/300/?keywords=ปญฺญินฺทฺริ --สารีบุตร ! อริยสาวกนั้นนั่นแหละ ตั้งไว้แล้ว ตั้งไว้แล้ว (ซึ่งวิริยะ) ด้วยอาการอย่างนี้, ระลึกแล้ว ระลึกแล้ว (ด้วยสติ) ด้วยอาการอย่างนี้, ตั้งมั่นแล้ว ตั้งมั่นแล้ว (ด้วยสมาธิ) ด้วยอาการอย่างนี้, รู้ชัดแล้ว รู้ชัดแล้ว (ด้วยปัญญา) ด้วยอาการอย่างนี้, เขาย่อมเชื่ออย่างยิ่ง อย่างนี้ว่า “ธรรมเหล่าใดเป็นธรรมที่เราเคยฟังแล้วในกาลก่อน, ในบัดนี้ เราถูกต้องธรรมเหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ด้วย และแทงตลอดธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญาแล้วเห็นอยู่ ด้วย” ดังนี้. --สารีบุตร ! ความเชื่อเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น #สัทธินทรีย์ ของเธอนั้น, http://etipitaka.com/read/pali/19/300/?keywords=สทฺธินฺทฺริ ดังนี้แล. --- มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙๙–๓๐๐/๑๐๑๗–๑๐๒๒. http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%91%E0%B9%97 (ข้อควรสังเกตอย่างยิ่งในกรณีนี้ คือข้อที่ สัทธินทรีย์ทำกิจของตน เมื่ออินทรีย์ทั้งสี่นอกนั้นทำกิจเสร็จแล้ว. ข้อนี้หมายความว่า สิ่งที่เรียกว่าสัทธาหรือความเชื่อนั้น จะถึงที่สุดก็ต่อเมื่อทำกิจอันบุคคลนั้นจะต้องทำนั้นๆ ประสบผลสำเร็จแล้ว. สัทธาที่เกิดขึ้นเป็นตัวนำในเบื้องต้น ดังที่แสดงอยู่ในหมวดธรรมต่างๆนั้น ยังมิใช่สัทธาที่สมบูรณ์; ทำให้กล่าวได้ว่า สัทธาสมบูรณ์ปรากฏแก่จิตใจต่อเมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว คือประกอบอยู่ในญาณที่เห็นความหลุดพ้นของตนแล้ว ) --สัมมัตตะ เป็นธรรมเครื่องสิ้นอาสวะ --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๑๐ ประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย. http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=สมฺมา +--สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณ สัมมาวิมุตติ. http://etipitaka.com/read/pali/24/255/?keywords=สมฺมาญาณํ+สมฺมาวิมุตฺติ --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๑๐ ประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อม เป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/207/122. http://etipitaka.com/read/thai/24/207/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๒๕๔/๑๒๒. http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=999 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=999 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86 ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม
    -(ในพระบาลีสูตรอื่นๆ แสดงลักษณะแห่งสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ อันเป็นองค์แห่งอัฏฐังคิกมรรคในกรณีเช่นนี้ แปลกออกไปคือ ราคปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน, โทสวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน, โมหวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๗) ; อมโตคธ : หยั่งลงสู่อมตะ, อมตปรายน : มีเบื้องหน้าเป็นอมตะ, อมตปริโยสาน : มีอมตะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๙) ; นิพฺพานนินฺน : เอียงไปสู่นิพพาน, นิพฺพานโปณ : โน้มไปสู่นิพพาน, นิพฺพานปพฺภาร : เงื้อมไปสู่นิพพาน (๑๙/๖๙/๒๗๑) ; ดังนี้ก็มี). การทำกิจของอินทรีย์ ในขณะบรรลุธรรม ถูกแล้ว ถูกแล้ว สารีบุตร ! สารีบุตร ! อริยสาวกใด มีความเลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว, เขาย่อมไม่สงสัยหรือลังเลในตถาคตหรือคำสอนในตถาคต. สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธาแล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย. สารีบุตร ! ความเพียรเช่นนั้นของอริยสาวกนั้นย่อมเป็น วิริยินทรีย์ ของเธอนั้น. สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา เป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่แล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้มีสติ ประกอบพร้อมด้วยสติเป็นเครื่องระวังรักษาตนเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้ระลึกได้ ตามระลึกได้ ซึ่งสิ่งที่ทำและคำที่พูดแม้ นานได้. สารีบุตร ! ความระลึกเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น สตินทรีย์ ของเธอนั้น. สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา ปรารภความเพียร มีสติเข้าไปตั้งไว้แล้ว มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ แล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้กระทำแล้วได้ซึ่ง โวสสัคคารมณ์ จักได้ซึ่งความตั้งมั่นแห่งจิต กล่าวคือความที่จิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว. สารีบุตร ! ความตั้งมั่นแห่งจิตเช่นนั้นของอริย สาวกนั้น ย่อมเป็น สมาธินทรีย์ ของเธอนั้น. สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา ปรารภความเพียร มีสติเข้าไปตั้งไว้มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ แล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งที่มีที่สุดอันบุคคลรู้ไม่ได้, ที่สุดฝ่ายข้างต้น ย่อมไม่ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังแล่นไป ท่องเที่ยวไป. ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้นเสียได้ มีอยู่ : นั่นเป็นบทที่สงบ นั่นเป็นบทที่ประณีต กล่าวคือธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน”. สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น ปัญญินทรีย์ ของเธอนั้น. สารีบุตร ! อริยสาวกนั้นนั่นแหละ ตั้งไว้แล้ว ตั้งไว้แล้ว (ซึ่งวิริยะ) ด้วยอาการอย่างนี้, ระลึกแล้ว ระลึกแล้ว (ด้วยสติ) ด้วยอาการอย่างนี้, ตั้งมั่นแล้ว ตั้งมั่นแล้ว (ด้วยสมาธิ) ด้วยอาการอย่างนี้, รู้ชัดแล้ว รู้ชัดแล้ว (ด้วยปัญญา) ด้วยอาการอย่างนี้, เขาย่อมเชื่ออย่างยิ่ง อย่างนี้ว่า “ธรรมเหล่าใดเป็นธรรมที่เราเคยฟังแล้วในกาลก่อน, ในบัดนี้ เราถูกต้องธรรมเหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ด้วย และแทงตลอดธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญาแล้วเห็นอยู่ ด้วย” ดังนี้. สารีบุตร ! ความเชื่อเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น สัทธินทรีย์ ของเธอนั้น, ดังนี้แล. มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙๙ – ๓๐๐/๑๐๑๗ – ๑๐๒๒. (ข้อควรสังเกตอย่างยิ่งในกรณีนี้ คือข้อที่สัทธินทรีย์ทำกิจของตน เมื่ออินทรีย์ทั้งสี่นอกนั้นทำกิจเสร็จแล้ว. ข้อนี้หมายความว่า สิ่งที่เรียกว่าสัทธาหรือความเชื่อนั้น จะถึงที่สุดก็ต่อเมื่อทำกิจอันบุคคลนั้นจะต้องทำนั้นๆ ประสบผลสำเร็จแล้ว. สัทธาที่เกิดขึ้นเป็นตัวนำในเบื้องต้น ดังที่แสดงอยู่ในหมวดธรรมต่างๆนั้น ยังมิใช่สัทธาที่สมบูรณ์; ทำให้กล่าวได้ว่า สัทธาสมบูรณ์ปรากฏแก่จิตใจต่อเมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว คือประกอบอยู่ในญาณที่เห็นความหลุดพ้นของตนแล้ว). สัมมัตตะ เป็นธรรมเครื่องสิ้นอาสวะ ภิกษุ ท. ! ธรรม ๑๐ ประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย. สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณ สัมมาวิมุตติ. ภิกษุ ท. ! ธรรม ๑๐ ประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อม เป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาการปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
    สัทธรรมลำดับที่ : 631
    ชื่อบทธรรม :- การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=631
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
    --ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุ แสดงธรรม
    เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่ง จักษุ
    อยู่ไซร้ ;
    ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า
    “ผู้กล่าวซึ่งธรรม” (ธมฺมกถิโก)
    http://etipitaka.com/read/pali/18/177/?keywords=ธมฺมกถิโก
    ดังนี้.
    --ถ้าภิกษุเป็นผู้ ปฏิบัติแล้ว
    เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่งจักษุ
    อยู่ไซร้ ;
    ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า
    “ผู้ปฏิบัติแล้วซึ่งธรรมตามสมควรแก่ธรรม” (ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน)
    http://etipitaka.com/read/pali/18/177/?keywords=ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน
    ดังนี้.
    --ถ้าภิกษุเป็นผู้ หลุดพ้นแล้ว
    เพราะความเบื่อหน่าย เพราะความคลายกำหนัด เพราะความดับไม่เหลือ แห่งจักษุ
    ด้วยความเป็นผู้ไม่ยึดมั่นถือมั่น อยู่แล้วไซร้;
    ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า
    “ผู้บรรลุแล้วซึ่งนิพพานในทิฏฐธรรม” (ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปตฺโต)
    http://etipitaka.com/read/pali/18/177/?keywords=ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปตฺโต
    ดังนี้.

    [+--
    ในกรณีแห่ง หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
    ก็มีข้อความที่กล่าวไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง ตา
    ที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้ ;
    ในสูตรอื่น (ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๙/๓๐๒)
    - ทรงแสดงไว้ด้วยรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
    แทนอายตนะภายในหก
    อย่างในสูตรนี้ ก็มี
    *---ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๙/๓๐๒
    http://etipitaka.com/read/pali/17/199/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%92
    +--].-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/145/244.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/145/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๗/๒๔๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/177/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=631
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43&id=631
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43
    ลำดับสาธยายธรรม : 43 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_43.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาการปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) สัทธรรมลำดับที่ : 631 ชื่อบทธรรม :- การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=631 เนื้อความทั้งหมด :- --การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) --ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุ แสดงธรรม เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่ง จักษุ อยู่ไซร้ ; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า “ผู้กล่าวซึ่งธรรม” (ธมฺมกถิโก) http://etipitaka.com/read/pali/18/177/?keywords=ธมฺมกถิโก ดังนี้. --ถ้าภิกษุเป็นผู้ ปฏิบัติแล้ว เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่งจักษุ อยู่ไซร้ ; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า “ผู้ปฏิบัติแล้วซึ่งธรรมตามสมควรแก่ธรรม” (ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน) http://etipitaka.com/read/pali/18/177/?keywords=ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน ดังนี้. --ถ้าภิกษุเป็นผู้ หลุดพ้นแล้ว เพราะความเบื่อหน่าย เพราะความคลายกำหนัด เพราะความดับไม่เหลือ แห่งจักษุ ด้วยความเป็นผู้ไม่ยึดมั่นถือมั่น อยู่แล้วไซร้; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า “ผู้บรรลุแล้วซึ่งนิพพานในทิฏฐธรรม” (ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปตฺโต) http://etipitaka.com/read/pali/18/177/?keywords=ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปตฺโต ดังนี้. [+-- ในกรณีแห่ง หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็มีข้อความที่กล่าวไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง ตา ที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้ ; ในสูตรอื่น (ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๙/๓๐๒) - ทรงแสดงไว้ด้วยรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ แทนอายตนะภายในหก อย่างในสูตรนี้ ก็มี *---ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๙/๓๐๒ http://etipitaka.com/read/pali/17/199/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%92 +--].- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/145/244. http://etipitaka.com/read/thai/18/145/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๗/๒๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/18/177/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=631 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43&id=631 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43 ลำดับสาธยายธรรม : 43 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_43.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
    -การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุ แสดงธรรม เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่ง จักษุ อยู่ไซร้ ; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า “ผู้กล่าวซึ่งธรรม” (ธมฺมกถิโก) ดังนี้. ถ้าภิกษุเป็นผู้ ปฏิบัติแล้ว เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับไม่เหลือ แห่งจักษุ อยู่ไซร้ ; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า “ผู้ปฏิบัติแล้วซึ่งธรรมตามสมควรแก่ธรรม” (ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน)ดังนี้. ถ้าภิกษุเป็นผู้ หลุดพ้นแล้ว เพราะความเบื่อหน่าย เพราะความคลายกำหนัด เพราะความดับไม่เหลือ แห่งจักษุ ด้วยความเป็นผู้ไม่ยึดมั่นถือมั่น อยู่แล้วไซร้; ก็เป็นการสมควรเพื่อจะเรียกภิกษุนั้นว่า “ผู้บรรลุแล้วซึ่งนิพพานในทิฏฐธรรม” (ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานปตฺโต) ดังนี้. [ในกรณีแห่ง หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็มีข้อความที่กล่าวไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งตา ที่กล่าวไว้ข้างบนนี้ ; ในสูตรอื่น (ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๙/๓๐๒) ทรงแสดงไว้ด้วยรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ แทนอายตนะภายในหก อย่างในสูตรนี้ ก็มี].
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้อมกราบสักการะบูชาหลวงพ่อวัดไร่ขิง..🙏🙏🙏
    มีประสบการณ์เรื่องจริงของตนเองกับความศักดิ์สิทธิ์ความศรัทธาหลวงพ่อวัดไร่ขิง..🙏🙏🙏

    สมัยวัยรุ่น บ้านอยู่หน้าประตู 4 รร.นายร้อยตำรวจสามพราน ช่วงงานวัดไร่ขิงทุกๆปี จะเป็นช่วงที่พวกเราต้องไปเที่ยวโชว์พลังวัยรุ่นสามพรานเจ้าถิ่นทุกคืน เงินทองที่พ่อแม่ให้มาก็มารวมกันลงขวดหมด ก็เข้ากราบไหว้บูชาหลวงพ่อด้วยมือเปล่าในโบสถ์ ไม่ได้บูชาดอกไม้และพระเครื่องใดเลย คงได้แต่นำผ้าเหลืองห่มหลวงพ่อมาผูกข้อมือ ช่วงปี 2519 มีวันหนึ่งไปร่วมงานศพพี่สาวที่นับถือที่วัดบางช้างเหนือ พี่สาวบอกก่อนจะเสียให้มีดนตรีมาเล่นในงานด้วย งานนี้ก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเด็กหอมเกร็ด มันมีปืนยิงในระยะประชิดเข้ามาที่ท้องข้างขวา 1 นัด เราทรุดตัวลงด้วยแรงลูกกระสุนปืนนึกว่าตายแน่แล้ว มันยังยิงนัดต่อๆมาอีกแต่ปืนมันยิงไม่ออกขัดลำกล้อง พอดีเพื่อนอี๊ด มือมีดมาช่วย ชุลมุนกัน สุดท้ายก็ถูกตำรวจจับทั้งสองฝ่าย ตำรวจเห็นว่าเราถูกยิงก็นำตัวมาส่งรพ.สามพราน หมอตรวจดูแล้วใช้คีมที่คีบผ้าก๊อตถางแยกแผลที่เป็นจุดแดงไหม้ดู ก็ไม่เห็นมีรูที่ลูกปืนยิงเข้า จึงรู้ว่ายิงไม่เข้า ตำรวจ หมอ พยาบาล เพื่อนๆ และชาวบ้าน มาขอดูว่าในตัวมีของดีอะไร ดูแล้วก็มีแต่ผ้าเหลืองผูกข้อมือของหลวงพ่อวัดไร่ขิง (นี่แหละของดี) ตำรวจก็นำตัวไปดำเนินคดี สุดท้ายพ่อเรา (ตร.เมืองกาญจน์ย้ายมาสามพราน) กับพ่อคนยิงรู้จักกัน ดคีก็เลยจบไป..
    กรรมดีที่เคยทำในอดีตชาติคงปรารถนาให้มีชีวิตอยู่เติบโตต่อไปเพื่อสะสมบุญกุศลกรรมปฏิบัติธรรมให้พบกับพระธรรมของพระพุทธองค์ทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆไปจนกว่าจะพบมรรคผลพระนิพพานในกาลอันควรด้วยเทอญฯ..🙏🙏🙏
    น้อมกราบสักการะบูชาหลวงพ่อวัดไร่ขิง..🙏🙏🙏 มีประสบการณ์เรื่องจริงของตนเองกับความศักดิ์สิทธิ์ความศรัทธาหลวงพ่อวัดไร่ขิง..🙏🙏🙏 สมัยวัยรุ่น บ้านอยู่หน้าประตู 4 รร.นายร้อยตำรวจสามพราน ช่วงงานวัดไร่ขิงทุกๆปี จะเป็นช่วงที่พวกเราต้องไปเที่ยวโชว์พลังวัยรุ่นสามพรานเจ้าถิ่นทุกคืน เงินทองที่พ่อแม่ให้มาก็มารวมกันลงขวดหมด ก็เข้ากราบไหว้บูชาหลวงพ่อด้วยมือเปล่าในโบสถ์ ไม่ได้บูชาดอกไม้และพระเครื่องใดเลย คงได้แต่นำผ้าเหลืองห่มหลวงพ่อมาผูกข้อมือ ช่วงปี 2519 มีวันหนึ่งไปร่วมงานศพพี่สาวที่นับถือที่วัดบางช้างเหนือ พี่สาวบอกก่อนจะเสียให้มีดนตรีมาเล่นในงานด้วย งานนี้ก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเด็กหอมเกร็ด มันมีปืนยิงในระยะประชิดเข้ามาที่ท้องข้างขวา 1 นัด เราทรุดตัวลงด้วยแรงลูกกระสุนปืนนึกว่าตายแน่แล้ว มันยังยิงนัดต่อๆมาอีกแต่ปืนมันยิงไม่ออกขัดลำกล้อง พอดีเพื่อนอี๊ด มือมีดมาช่วย ชุลมุนกัน สุดท้ายก็ถูกตำรวจจับทั้งสองฝ่าย ตำรวจเห็นว่าเราถูกยิงก็นำตัวมาส่งรพ.สามพราน หมอตรวจดูแล้วใช้คีมที่คีบผ้าก๊อตถางแยกแผลที่เป็นจุดแดงไหม้ดู ก็ไม่เห็นมีรูที่ลูกปืนยิงเข้า จึงรู้ว่ายิงไม่เข้า ตำรวจ หมอ พยาบาล เพื่อนๆ และชาวบ้าน มาขอดูว่าในตัวมีของดีอะไร ดูแล้วก็มีแต่ผ้าเหลืองผูกข้อมือของหลวงพ่อวัดไร่ขิง (นี่แหละของดี) ตำรวจก็นำตัวไปดำเนินคดี สุดท้ายพ่อเรา (ตร.เมืองกาญจน์ย้ายมาสามพราน) กับพ่อคนยิงรู้จักกัน ดคีก็เลยจบไป.. กรรมดีที่เคยทำในอดีตชาติคงปรารถนาให้มีชีวิตอยู่เติบโตต่อไปเพื่อสะสมบุญกุศลกรรมปฏิบัติธรรมให้พบกับพระธรรมของพระพุทธองค์ทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆไปจนกว่าจะพบมรรคผลพระนิพพานในกาลอันควรด้วยเทอญฯ..🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริงเป็นธรรม
    น้อมนำอาศัย
    กิเลสห่างไกล
    ให้สุขผ่องแผ้ว

    บิดเบือนความจริง
    ยิ่งไม่เพริศแพร้ว
    ทุกข์ไม่คลาดแคล้ว
    แจวสู่บาปกรรม

    หนีกรรมความจริง
    ยิ่งผิดศีลธรรม
    ยิ่งทุกข์ระส่ำ
    เวรกรรมทั้งนั้น

    กรรมนี้มีเวร
    เป็นเงาผูกพัน
    ดีร้ายเสกสรร
    เผ่าพันธุ์ตามกรรม

    ธรรมจริงถูกตรง
    ทรงอยู่ตอกย้ำ
    ทุกกาลเช้าค่ำ
    นำแก้ไขทำ

    บุญกรรมมีสุข
    ทุกข์เพราะบาปกรรม
    สายกลางทางธรรม
    บำเพ็ญทุกข์ไกล

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ความจริงเป็นธรรม น้อมนำอาศัย กิเลสห่างไกล ให้สุขผ่องแผ้ว บิดเบือนความจริง ยิ่งไม่เพริศแพร้ว ทุกข์ไม่คลาดแคล้ว แจวสู่บาปกรรม หนีกรรมความจริง ยิ่งผิดศีลธรรม ยิ่งทุกข์ระส่ำ เวรกรรมทั้งนั้น กรรมนี้มีเวร เป็นเงาผูกพัน ดีร้ายเสกสรร เผ่าพันธุ์ตามกรรม ธรรมจริงถูกตรง ทรงอยู่ตอกย้ำ ทุกกาลเช้าค่ำ นำแก้ไขทำ บุญกรรมมีสุข ทุกข์เพราะบาปกรรม สายกลางทางธรรม บำเพ็ญทุกข์ไกล ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts