• บทเพลงแห่งความขัดแย้งที่กลายเป็นอมตะ: เรื่องราวเบื้องหลังเพลง 'I Can't Tell You Why' โดย Eagles

    ในช่วงปลายยุค 70 วงดนตรีร็อกชื่อดังอย่าง Eagles ได้ก้าวสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จระดับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากอัลบั้มยอดเยี่ยม Hotel California (1976) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้กลับนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลและความขัดแย้งที่ร้าวลึกภายในวง โดยเฉพาะระหว่างแกนนำอย่าง Don Henley และ Glenn Frey

    ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดนี้ การบันทึกเสียงอัลบั้มถัดมา The Long Run (1979) จึงเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก ทีมงานของค่ายเพลงถึงกับเรียกมันว่า “The Long One” หรือ “สิ่งที่ยาวนาน” ซึ่ง Don Henley เองก็ยอมรับในภายหลังว่าอัลบั้มนี้โดยรวมแล้ว “ไม่ใช่แผ่นเสียงที่ดีนัก” เพราะสมาชิกวงต่าง “หมดไฟ” และ “ตึงเครียด” จนเกินไป

    แต่ท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว บทเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกอย่าง “I Can't Tell You Why” ได้ถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นข้อยกเว้นที่โดดเด่น เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่วงสามารถบันทึกเสร็จสมบูรณ์สำหรับอัลบั้มนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันสั้นที่ Eagles สามารถกลับมาร่วมงานกันได้อย่างสร้างสรรค์ ก่อนที่ความขัดแย้งภายในจะกลับมาอีกครั้งและนำไปสู่การยุบวงในที่สุด เพลงนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามารถอันน่าทึ่งของวงในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สวยงามและลงตัวจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะพังทลาย

    เรื่องราวเริ่มขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ที่แทน Randy Meisner ในปี 1977 Schmit ได้นำไอเดียเพลงจากประสบการณ์ส่วนตัวมาเสนอ และร่วมแต่งกับ Frey และ Henley ภายในไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า

    เรื่องราวของเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ผู้มากประสบการณ์จากวง Poco ที่เข้ามาแทน Randy Meisner ซึ่งลาออกไปในปี 1977 Schmit เข้ามาในฐานะคนวงนอก ผู้ที่ตั้งใจ “ทำทุกอย่างเพื่อรักษาสันติภาพ” และช่วยให้สถานการณ์ภายในวงดีขึ้น เขาได้นำไอเดียตั้งต้นของเพลงที่เขาบอกว่า “อิงจากประสบการณ์ส่วนตัว” มาเสนอต่อ Frey และ Henley เพื่อเป็นเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเขาใน Eagles ทั้งสามคนได้ร่วมกันแต่งเพลงนี้อย่างรวดเร็วในช่วง “ไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า” จนได้ผลงานที่สมบูรณ์ Don Henley และ Glenn Frey ต้องการนำเสนอ Timothy B. Schmit ด้วยเสียงที่แตกต่างจากดนตรีคันทรี่ร็อกที่เขาเคยทำ โดย Frey ที่มี “รากฐานลึกซึ้งในดนตรีโซล” ได้แนะนำ Schmit อย่างชัดเจนว่า “คุณสามารถร้องเพลงแบบ Smokey Robinson ได้” และให้เปลี่ยนมาทำ “เพลงแนว R&B” แทน ขณะที่ Henley ก็กล่าวเสริมว่าเพลงนี้มีสไตล์แบบ “Al Green ชัดๆ”

    ในด้านองค์ประกอบทางดนตรี Frey ยังมีบทบาทสำคัญในการเรียบเรียง โดย Timothy B. Schmit ถึงกับเรียกเขาว่า "The Lone Arranger" (ผู้เรียบเรียงเพียงหนึ่งเดียว) เนื่องจากความสามารถในการจัดการพาร์ทดนตรีต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะท่อนโซโล่กีตาร์ที่ไพเราะและโดดเด่นในเพลงนี้ที่ Frey เป็นผู้บรรเลงเอง นอกจากนี้ Joe Walsh ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศของเพลงด้วยการเล่นคีย์บอร์ดทั้งหมด ทั้ง Hammond organ, Fender Rhodes electric piano และ ARP String Synthesizer ทั้งหมดนี้ได้หลอมรวมกันเป็นงานบัลลาดที่แตกต่างจากเพลงร็อกและคันทรี่-ร็อกที่แข็งกร้าวของวง 7 และได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่ “มีจิตวิญญาณมากที่สุด” ของ Eagles

    เนื้อเพลงของ “I Can't Tell You Why” สะท้อนถึงความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวดในความสัมพันธ์ได้อย่างลึกซึ้ง มันเล่าเรื่องราวของคนที่ต้องการจะเดินจากไปแต่กลับถูกดึงดูดให้กลับมาเสมอ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แม้จะอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Schmit แต่เขาก็ยืนยันว่ามันถ่ายทอด “แก่นสากลของความรัก, ความไม่แน่นอน และการสื่อสารที่ล้มเหลว” ได้อย่างครอบคลุม ด้านเสียงร้องนำโดย Timothy B. Schmit ซึ่งถูกบรรยายว่าเป็นเสียง “ใสกังวาน” และ “เสียงสูงแบบเจ็บปวด” ได้เพิ่มมิติที่ลึกซึ้งและคุณภาพที่น่าจดจำให้กับเพลง เพลงนี้ถือเป็นเพลงแรกที่ Eagles ให้ Schmit ร้องนำอย่างเต็มตัว ซึ่งทำให้เขาได้สร้างเอกลักษณ์ทางเสียงของตนเองได้อย่างชัดเจนและเป็นที่จดจำในฐานะนักร้องนำอีกคนหนึ่งของวง

    หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาในฐานะซิงเกิลที่สามในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1980 เพลง “I Can't Tell You Why” ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นไปถึงอันดับ 8 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ในเดือนเมษายน 1980 และขึ้นไปถึงอันดับ 3 บนชาร์ต Adult Contemporary ความสำเร็จนี้ทำให้เป็นเพลงท็อป 10 เพลงที่สามติดต่อกันจากอัลบั้ม The Long Run และที่สำคัญที่สุด มันยังกลายเป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของ Eagles บนชาร์ต Billboard Hot 100 ก่อนที่พวกเขาจะประกาศยุบวงในเวลาต่อมา แม้จะไม่ได้เป็นเพลงที่ทำยอดขายสูงสุดเท่ากับเพลงยอดนิยมอื่นๆ แต่ “I Can't Tell You Why” ได้กลายเป็นเพลงโปรดของแฟนๆ และเป็น “ช่วงเวลาไฮไลต์” สำหรับ Timothy B. Schmit ในการแสดงสด เพลงนี้อยู่ในอันดับที่ 9 ของเพลงที่ถูกเล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวง นอกจากนี้ เพลงยังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดย

    Billboard จัดให้เพลงนี้อยู่ในอันดับ 6 ของผลงาน Eagles ที่ดีที่สุด (2017) และ Rolling Stone ให้อันดับ 11 (2019)

    ความสำคัญของเพลงนี้ยังคงดำเนินต่อไปผ่านเพลงคัฟเวอร์จำนวนมากที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางดนตรี ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่

    วง R&B อย่าง Brownstone ที่นำเพลงนี้มาทำใหม่ในรูปแบบอาร์แอนด์บีร่วมสมัยในปี 1995 ซึ่งเวอร์ชันของพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 54 บน Billboard Hot 100 และอันดับ 22 บนชาร์ต Hot R&B ศิลปินเพลงคันทรี่

    ศิลปินเพลงคันทรี่ Vince Gill ก็เคยนำเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ในปี 1993 โดยมี Timothy B. Schmit มาร่วมร้องประสานให้ด้วย ซึ่งเวอร์ชันนี้สามารถไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 42 บนชาร์ต Hot Country Songs

    นอกจากนี้ ศิลปินแจ๊สอย่าง Diana Krall ก็ได้นำเพลงนี้ไปตีความใหม่ในแนวแจ๊สอันนุ่มนวลสำหรับอัลบั้ม Wallflower ของเธอในปี 2015 ซึ่งเวอร์ชันนี้ขึ้นไปถึงอันดับ 10 บนชาร์ต Billboard Smooth Jazz การที่เพลงสามารถถูกนำไปคัฟเวอร์ในหลากหลายแนวเพลง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเนื้อหาและโครงสร้างทางดนตรีของเพลงต้นฉบับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นเพลงที่โดดเด่นและมีอิทธิพลเหนือกาลเวลา

    “I Can't Tell You Why” จึงเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของบทเพลงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงแต่กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์และการสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จทางพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเพลงที่เชื่อมโยง Eagles เข้ากับยุคใหม่ ด้วยการแนะนำสมาชิกใหม่และสำรวจแนวเพลงที่ไม่เคยทำมาก่อน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของวงในยุคนั้น ท้ายที่สุด “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นหนึ่งในบัลลาดที่สำคัญและได้รับความนิยมสูงสุดของ Eagles เพราะเรื่องราวที่ซับซ้อนและย้อนแย้งที่อยู่เบื้องหลังการกำเนิดของมัน เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด Eagles ก็ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ไร้กาลเวลาซึ่งยังคงดึงดูดและสะท้อนความรู้สึกของผู้ฟังมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/Odcn6qk94bs
    🎶 บทเพลงแห่งความขัดแย้งที่กลายเป็นอมตะ: เรื่องราวเบื้องหลังเพลง 'I Can't Tell You Why' โดย Eagles ✨ ในช่วงปลายยุค 70 วงดนตรีร็อกชื่อดังอย่าง Eagles ได้ก้าวสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จระดับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากอัลบั้มยอดเยี่ยม Hotel California (1976) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้กลับนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลและความขัดแย้งที่ร้าวลึกภายในวง โดยเฉพาะระหว่างแกนนำอย่าง Don Henley และ Glenn Frey 💿 ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดนี้ การบันทึกเสียงอัลบั้มถัดมา The Long Run (1979) จึงเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก ทีมงานของค่ายเพลงถึงกับเรียกมันว่า “The Long One” หรือ “สิ่งที่ยาวนาน” ซึ่ง Don Henley เองก็ยอมรับในภายหลังว่าอัลบั้มนี้โดยรวมแล้ว “ไม่ใช่แผ่นเสียงที่ดีนัก” เพราะสมาชิกวงต่าง “หมดไฟ” และ “ตึงเครียด” จนเกินไป ❤️ แต่ท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว บทเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกอย่าง “I Can't Tell You Why” ได้ถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นข้อยกเว้นที่โดดเด่น เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่วงสามารถบันทึกเสร็จสมบูรณ์สำหรับอัลบั้มนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันสั้นที่ Eagles สามารถกลับมาร่วมงานกันได้อย่างสร้างสรรค์ ก่อนที่ความขัดแย้งภายในจะกลับมาอีกครั้งและนำไปสู่การยุบวงในที่สุด เพลงนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามารถอันน่าทึ่งของวงในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สวยงามและลงตัวจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะพังทลาย 👤 เรื่องราวเริ่มขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ที่แทน Randy Meisner ในปี 1977 Schmit ได้นำไอเดียเพลงจากประสบการณ์ส่วนตัวมาเสนอ และร่วมแต่งกับ Frey และ Henley ภายในไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า 🎤 เรื่องราวของเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ผู้มากประสบการณ์จากวง Poco ที่เข้ามาแทน Randy Meisner ซึ่งลาออกไปในปี 1977 Schmit เข้ามาในฐานะคนวงนอก ผู้ที่ตั้งใจ “ทำทุกอย่างเพื่อรักษาสันติภาพ” และช่วยให้สถานการณ์ภายในวงดีขึ้น เขาได้นำไอเดียตั้งต้นของเพลงที่เขาบอกว่า “อิงจากประสบการณ์ส่วนตัว” มาเสนอต่อ Frey และ Henley เพื่อเป็นเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเขาใน Eagles ทั้งสามคนได้ร่วมกันแต่งเพลงนี้อย่างรวดเร็วในช่วง “ไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า” จนได้ผลงานที่สมบูรณ์ Don Henley และ Glenn Frey ต้องการนำเสนอ Timothy B. Schmit ด้วยเสียงที่แตกต่างจากดนตรีคันทรี่ร็อกที่เขาเคยทำ โดย Frey ที่มี “รากฐานลึกซึ้งในดนตรีโซล” ได้แนะนำ Schmit อย่างชัดเจนว่า “คุณสามารถร้องเพลงแบบ Smokey Robinson ได้” และให้เปลี่ยนมาทำ “เพลงแนว R&B” แทน ขณะที่ Henley ก็กล่าวเสริมว่าเพลงนี้มีสไตล์แบบ “Al Green ชัดๆ” 🎸 ในด้านองค์ประกอบทางดนตรี Frey ยังมีบทบาทสำคัญในการเรียบเรียง โดย Timothy B. Schmit ถึงกับเรียกเขาว่า "The Lone Arranger" (ผู้เรียบเรียงเพียงหนึ่งเดียว) เนื่องจากความสามารถในการจัดการพาร์ทดนตรีต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะท่อนโซโล่กีตาร์ที่ไพเราะและโดดเด่นในเพลงนี้ที่ Frey เป็นผู้บรรเลงเอง นอกจากนี้ Joe Walsh ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศของเพลงด้วยการเล่นคีย์บอร์ดทั้งหมด ทั้ง Hammond organ, Fender Rhodes electric piano และ ARP String Synthesizer ทั้งหมดนี้ได้หลอมรวมกันเป็นงานบัลลาดที่แตกต่างจากเพลงร็อกและคันทรี่-ร็อกที่แข็งกร้าวของวง 7 และได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่ “มีจิตวิญญาณมากที่สุด” ของ Eagles 💔 เนื้อเพลงของ “I Can't Tell You Why” สะท้อนถึงความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวดในความสัมพันธ์ได้อย่างลึกซึ้ง มันเล่าเรื่องราวของคนที่ต้องการจะเดินจากไปแต่กลับถูกดึงดูดให้กลับมาเสมอ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แม้จะอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Schmit แต่เขาก็ยืนยันว่ามันถ่ายทอด “แก่นสากลของความรัก, ความไม่แน่นอน และการสื่อสารที่ล้มเหลว” ได้อย่างครอบคลุม ด้านเสียงร้องนำโดย Timothy B. Schmit ซึ่งถูกบรรยายว่าเป็นเสียง “ใสกังวาน” และ “เสียงสูงแบบเจ็บปวด” ได้เพิ่มมิติที่ลึกซึ้งและคุณภาพที่น่าจดจำให้กับเพลง เพลงนี้ถือเป็นเพลงแรกที่ Eagles ให้ Schmit ร้องนำอย่างเต็มตัว ซึ่งทำให้เขาได้สร้างเอกลักษณ์ทางเสียงของตนเองได้อย่างชัดเจนและเป็นที่จดจำในฐานะนักร้องนำอีกคนหนึ่งของวง 📀 หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาในฐานะซิงเกิลที่สามในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1980 เพลง “I Can't Tell You Why” ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นไปถึงอันดับ 8 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ในเดือนเมษายน 1980 และขึ้นไปถึงอันดับ 3 บนชาร์ต Adult Contemporary ความสำเร็จนี้ทำให้เป็นเพลงท็อป 10 เพลงที่สามติดต่อกันจากอัลบั้ม The Long Run และที่สำคัญที่สุด มันยังกลายเป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของ Eagles บนชาร์ต Billboard Hot 100 ก่อนที่พวกเขาจะประกาศยุบวงในเวลาต่อมา แม้จะไม่ได้เป็นเพลงที่ทำยอดขายสูงสุดเท่ากับเพลงยอดนิยมอื่นๆ แต่ “I Can't Tell You Why” ได้กลายเป็นเพลงโปรดของแฟนๆ และเป็น “ช่วงเวลาไฮไลต์” สำหรับ Timothy B. Schmit ในการแสดงสด เพลงนี้อยู่ในอันดับที่ 9 ของเพลงที่ถูกเล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวง นอกจากนี้ เพลงยังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดย 🏆 Billboard จัดให้เพลงนี้อยู่ในอันดับ 6 ของผลงาน Eagles ที่ดีที่สุด (2017) และ Rolling Stone ให้อันดับ 11 (2019) 🎵 ความสำคัญของเพลงนี้ยังคงดำเนินต่อไปผ่านเพลงคัฟเวอร์จำนวนมากที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางดนตรี ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่ 🎤 วง R&B อย่าง Brownstone ที่นำเพลงนี้มาทำใหม่ในรูปแบบอาร์แอนด์บีร่วมสมัยในปี 1995 ซึ่งเวอร์ชันของพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 54 บน Billboard Hot 100 และอันดับ 22 บนชาร์ต Hot R&B ศิลปินเพลงคันทรี่ 🎧 🎤 ศิลปินเพลงคันทรี่ Vince Gill ก็เคยนำเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ในปี 1993 โดยมี Timothy B. Schmit มาร่วมร้องประสานให้ด้วย ซึ่งเวอร์ชันนี้สามารถไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 42 บนชาร์ต Hot Country Songs 🤠 🎤 นอกจากนี้ ศิลปินแจ๊สอย่าง Diana Krall ก็ได้นำเพลงนี้ไปตีความใหม่ในแนวแจ๊สอันนุ่มนวลสำหรับอัลบั้ม Wallflower ของเธอในปี 2015 ซึ่งเวอร์ชันนี้ขึ้นไปถึงอันดับ 10 บนชาร์ต Billboard Smooth Jazz การที่เพลงสามารถถูกนำไปคัฟเวอร์ในหลากหลายแนวเพลง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเนื้อหาและโครงสร้างทางดนตรีของเพลงต้นฉบับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นเพลงที่โดดเด่นและมีอิทธิพลเหนือกาลเวลา 🎹 ⌛ 🌟 “I Can't Tell You Why” จึงเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของบทเพลงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงแต่กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์และการสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จทางพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเพลงที่เชื่อมโยง Eagles เข้ากับยุคใหม่ ด้วยการแนะนำสมาชิกใหม่และสำรวจแนวเพลงที่ไม่เคยทำมาก่อน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของวงในยุคนั้น ท้ายที่สุด “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นหนึ่งในบัลลาดที่สำคัญและได้รับความนิยมสูงสุดของ Eagles เพราะเรื่องราวที่ซับซ้อนและย้อนแย้งที่อยู่เบื้องหลังการกำเนิดของมัน เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด Eagles ก็ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ไร้กาลเวลาซึ่งยังคงดึงดูดและสะท้อนความรู้สึกของผู้ฟังมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ 🌈 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/Odcn6qk94bs
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ รวม 38 นาย มีผล 1 ต.ค. พบหนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ทรงวิทย์ ผบ.ทสส. และ พล.ท.บุญสิน แม่ทัพภาคที่ 2

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092444

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ รวม 38 นาย มีผล 1 ต.ค. พบหนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ทรงวิทย์ ผบ.ทสส. และ พล.ท.บุญสิน แม่ทัพภาคที่ 2 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092444 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 Reviews
  • 'สุชาติ' เข้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ย้ำใช้แนวพระราชดำริเป็นหลักทำงาน วางเป้า 4 เดือนเห็นผล ทุ่มเทบริหารเต็มความสามารถ
    https://www.thai-tai.tv/news/21629/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ทส #5แนวทาง #PM25 #บริหารจัดการทรัพยากร #รองนายกรัฐมนตรี #ไทยไท
    'สุชาติ' เข้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ย้ำใช้แนวพระราชดำริเป็นหลักทำงาน วางเป้า 4 เดือนเห็นผล ทุ่มเทบริหารเต็มความสามารถ https://www.thai-tai.tv/news/21629/ . #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ทส #5แนวทาง #PM25 #บริหารจัดการทรัพยากร #รองนายกรัฐมนตรี #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • “AI Coding Assistants: เครื่องมือเร่งงานที่อาจกลายเป็นระเบิดเวลา — เมื่อความเร็วกลายเป็นช่องโหว่ในระบบความปลอดภัยองค์กร”

    ในยุคที่ AI เข้ามาช่วยเขียนโค้ดให้เร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาดเล็กน้อย หลายองค์กรกลับต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ลึกและซับซ้อนมากขึ้น งานวิจัยจาก Apiiro และบทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเผยว่า AI coding assistants เช่น GitHub Copilot, GPT-5 หรือ Claude Code อาจช่วยลด syntax error ได้จริง แต่กลับเพิ่มช่องโหว่เชิงโครงสร้าง เช่น privilege escalation, การออกแบบระบบที่ไม่ปลอดภัย และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ

    ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ในโค้ด แต่ยังรวมถึง “พฤติกรรมใหม่” ของนักพัฒนา เช่น การสร้าง pull request ขนาดใหญ่ที่รวมหลายไฟล์และหลายบริการในครั้งเดียว ทำให้ทีมรีวิวโค้ดตรวจสอบได้ยากขึ้น และอาจปล่อยช่องโหว่เข้าสู่ production โดยไม่รู้ตัว

    ที่น่ากังวลคือ “shadow engineers” หรือผู้ใช้ที่ไม่ใช่นักพัฒนาโดยตรง เช่น ฝ่ายธุรกิจหรือฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ที่ใช้ AI เขียนสคริปต์หรือแดชบอร์ดโดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัย ส่งผลให้ระบบมีช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกมองเห็นมาก่อน

    ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่า AI coding assistants มักสร้างโค้ดที่ “verbose” หรือยาวเกินจำเป็น และอาจรวม dependency หรือการตั้งค่าที่ไม่ปลอดภัยเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ เช่น การ hardcode secret key หรือการเปิดสิทธิ์ให้กับโมดูลที่ไม่ควรเข้าถึง

    แม้จะมีข้อดีด้าน productivity แต่การใช้ AI coding assistants โดยไม่มีการวางระบบตรวจสอบที่ดี อาจทำให้องค์กร “เร่งงานแต่เร่งความเสี่ยงไปพร้อมกัน” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายบริษัทเริ่มตระหนักและปรับแนวทาง เช่น การใช้ AI เพื่อตรวจสอบโค้ดที่ AI เขียน, การจำกัดขนาด pull request, และการบังคับใช้การตรวจสอบความปลอดภัยในทุกขั้นตอนของ CI/CD

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AI coding assistants ลด syntax error และ logic bug ได้จริง
    แต่เพิ่มช่องโหว่เชิงโครงสร้าง เช่น privilege escalation และ design flaw
    Pull request จาก AI มักมีขนาดใหญ่และซับซ้อน ทำให้ตรวจสอบยาก
    Shadow engineers ใช้ AI เขียนโค้ดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย
    ระบบ SAST, DAST และ manual review ยังไม่พร้อมรับมือกับโค้ดที่สร้างโดย AI
    AI มักสร้างโค้ด verbose และรวม dependency ที่ไม่จำเป็น
    Apiiro พบว่า AI-generated code สร้างช่องโหว่ใหม่กว่า 10,000 รายการต่อเดือน
    การใช้ AI coding assistants ต้องมีระบบตรวจสอบและความรับผิดชอบจากนักพัฒนา
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ AI เพื่อตรวจสอบโค้ดที่ AI เขียน และบังคับใช้ security policy

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GitHub Copilot เพิ่ม productivity ได้ถึง 3–4 เท่า แต่เพิ่มช่องโหว่ 10 เท่าในบางกรณี
    AI coding assistants มีความแม่นยำในการเขียนโค้ด TypeScript มากกว่า PHP
    การใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรมี traceability เช่น ระบุว่าโมเดลใดเป็นผู้สร้าง
    การใช้ AI ในการพัฒนา cloud-native apps ต้องมีการจัดการ secret และ credential อย่างรัดกุม
    การใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรเปรียบเสมือน “นักพัฒนาฝึกหัด” ที่ต้องมี senior ตรวจสอบเสมอ

    https://www.csoonline.com/article/4062720/ai-coding-assistants-amplify-deeper-cybersecurity-risks.html
    🧠 “AI Coding Assistants: เครื่องมือเร่งงานที่อาจกลายเป็นระเบิดเวลา — เมื่อความเร็วกลายเป็นช่องโหว่ในระบบความปลอดภัยองค์กร” ในยุคที่ AI เข้ามาช่วยเขียนโค้ดให้เร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาดเล็กน้อย หลายองค์กรกลับต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ลึกและซับซ้อนมากขึ้น งานวิจัยจาก Apiiro และบทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเผยว่า AI coding assistants เช่น GitHub Copilot, GPT-5 หรือ Claude Code อาจช่วยลด syntax error ได้จริง แต่กลับเพิ่มช่องโหว่เชิงโครงสร้าง เช่น privilege escalation, การออกแบบระบบที่ไม่ปลอดภัย และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ในโค้ด แต่ยังรวมถึง “พฤติกรรมใหม่” ของนักพัฒนา เช่น การสร้าง pull request ขนาดใหญ่ที่รวมหลายไฟล์และหลายบริการในครั้งเดียว ทำให้ทีมรีวิวโค้ดตรวจสอบได้ยากขึ้น และอาจปล่อยช่องโหว่เข้าสู่ production โดยไม่รู้ตัว ที่น่ากังวลคือ “shadow engineers” หรือผู้ใช้ที่ไม่ใช่นักพัฒนาโดยตรง เช่น ฝ่ายธุรกิจหรือฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ที่ใช้ AI เขียนสคริปต์หรือแดชบอร์ดโดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัย ส่งผลให้ระบบมีช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกมองเห็นมาก่อน ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่า AI coding assistants มักสร้างโค้ดที่ “verbose” หรือยาวเกินจำเป็น และอาจรวม dependency หรือการตั้งค่าที่ไม่ปลอดภัยเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ เช่น การ hardcode secret key หรือการเปิดสิทธิ์ให้กับโมดูลที่ไม่ควรเข้าถึง แม้จะมีข้อดีด้าน productivity แต่การใช้ AI coding assistants โดยไม่มีการวางระบบตรวจสอบที่ดี อาจทำให้องค์กร “เร่งงานแต่เร่งความเสี่ยงไปพร้อมกัน” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายบริษัทเริ่มตระหนักและปรับแนวทาง เช่น การใช้ AI เพื่อตรวจสอบโค้ดที่ AI เขียน, การจำกัดขนาด pull request, และการบังคับใช้การตรวจสอบความปลอดภัยในทุกขั้นตอนของ CI/CD ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AI coding assistants ลด syntax error และ logic bug ได้จริง ➡️ แต่เพิ่มช่องโหว่เชิงโครงสร้าง เช่น privilege escalation และ design flaw ➡️ Pull request จาก AI มักมีขนาดใหญ่และซับซ้อน ทำให้ตรวจสอบยาก ➡️ Shadow engineers ใช้ AI เขียนโค้ดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย ➡️ ระบบ SAST, DAST และ manual review ยังไม่พร้อมรับมือกับโค้ดที่สร้างโดย AI ➡️ AI มักสร้างโค้ด verbose และรวม dependency ที่ไม่จำเป็น ➡️ Apiiro พบว่า AI-generated code สร้างช่องโหว่ใหม่กว่า 10,000 รายการต่อเดือน ➡️ การใช้ AI coding assistants ต้องมีระบบตรวจสอบและความรับผิดชอบจากนักพัฒนา ➡️ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ AI เพื่อตรวจสอบโค้ดที่ AI เขียน และบังคับใช้ security policy ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GitHub Copilot เพิ่ม productivity ได้ถึง 3–4 เท่า แต่เพิ่มช่องโหว่ 10 เท่าในบางกรณี ➡️ AI coding assistants มีความแม่นยำในการเขียนโค้ด TypeScript มากกว่า PHP ➡️ การใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรมี traceability เช่น ระบุว่าโมเดลใดเป็นผู้สร้าง ➡️ การใช้ AI ในการพัฒนา cloud-native apps ต้องมีการจัดการ secret และ credential อย่างรัดกุม ➡️ การใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรเปรียบเสมือน “นักพัฒนาฝึกหัด” ที่ต้องมี senior ตรวจสอบเสมอ https://www.csoonline.com/article/4062720/ai-coding-assistants-amplify-deeper-cybersecurity-risks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    AI coding assistants amplify deeper cybersecurity risks
    Although capable of reducing trivial mistakes, AI coding copilots leave enterprises at risk of increased insecure coding patterns, exposed secrets, and cloud misconfigurations, research reveals.
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • “BRICKSTORM: ช่องโหว่เงียบจากจีนที่แฝงตัวในระบบสหรัฐฯ นานกว่า 1 ปี — เมื่อขอบระบบกลายเป็นประตูหลังของการจารกรรมไซเบอร์”

    ในรายงานล่าสุดจาก Mandiant และ Google Threat Intelligence Group ได้เปิดเผยการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนและยาวนานโดยกลุ่มแฮกเกอร์จีน UNC5221 ซึ่งสามารถแฝงตัวอยู่ในระบบของบริษัทเทคโนโลยี, กฎหมาย, SaaS และ BPO ในสหรัฐฯ ได้ถึง 393 วันโดยไม่ถูกตรวจจับ

    กลุ่มนี้ใช้มัลแวร์ชื่อว่า “BRICKSTORM” ซึ่งเป็น backdoor ที่เขียนด้วยภาษา Go สำหรับระบบ Linux และ BSD โดยถูกฝังไว้ในอุปกรณ์ edge เช่น firewall, VPN gateway และ network appliance ที่มักไม่มีระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบ endpoint หรือ SIEM ทำให้การตรวจจับแทบเป็นไปไม่ได้หากไม่มีการ threat hunting เชิงรุก

    จากจุดเริ่มต้นที่อุปกรณ์ edge แฮกเกอร์สามารถเคลื่อนตัวไปยังระบบภายใน เช่น VMware vCenter, ESXi, Windows Server และแม้แต่ Microsoft 365 โดยใช้เทคนิคหลากหลาย เช่น การขโมย credentials, การฝัง Java Servlet filter (BRICKSTEAL) เพื่อดัก username/password และการติดตั้ง web shell (SLAYSTYLE) เพื่อควบคุมระบบผ่าน HTTP

    เป้าหมายของการโจมตีไม่ใช่แค่การขโมยข้อมูล แต่รวมถึงการวิเคราะห์ source code เพื่อพัฒนา zero-day exploit และการเข้าถึงระบบ downstream ของลูกค้าบริษัทเป้าหมาย เช่น SaaS ที่มีข้อมูลผู้ใช้จำนวนมาก

    ที่น่ากังวลคือ BRICKSTORM ยังสามารถทำงานเป็น SOCKS proxy เพื่อเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบภายในโดยตรง และใช้ Microsoft Entra ID เพื่อเข้าถึง mailbox ของผู้ดูแลระบบหรือผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งมักมีข้อมูลสำคัญระดับองค์กร

    แม้จะมีการออก scanner script เพื่อค้นหา BRICKSTORM แล้ว แต่การตรวจสอบย้อนหลังยังเป็นเรื่องยาก เพราะ log ของอุปกรณ์ edge มักถูกลบหรือไม่มีการเก็บไว้แบบ centralized ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าการเจาะระบบเริ่มต้นจากจุดใด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    กลุ่ม UNC5221 จากจีนใช้มัลแวร์ BRICKSTORM เจาะระบบบริษัทสหรัฐฯ นานกว่า 393 วัน
    ฝังตัวในอุปกรณ์ edge เช่น firewall และ VPN gateway ที่ไม่มีระบบตรวจจับภัยคุกคาม
    เคลื่อนตัวไปยังระบบภายใน เช่น VMware vCenter, ESXi, Windows Server และ Microsoft 365
    ใช้ Java Servlet filter (BRICKSTEAL) เพื่อดัก username/password
    ใช้ web shell (SLAYSTYLE) เพื่อควบคุมระบบผ่าน HTTP
    ใช้ Microsoft Entra ID เพื่อเข้าถึง mailbox ของผู้ดูแลระบบ
    BRICKSTORM ทำงานเป็น SOCKS proxy เพื่อเปิดช่องเข้าระบบภายใน
    เป้าหมายรวมถึงการขโมยข้อมูล, วิเคราะห์ source code และพัฒนา zero-day exploit
    Mandiant ออก scanner script เพื่อค้นหา BRICKSTORM บนอุปกรณ์ edge

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BRICKSTORM ถูกพบครั้งแรกในยุโรปตั้งแต่ปี 2022 และกลับมาโจมตีในสหรัฐฯ ปี 2025
    มัลแวร์นี้ใช้ nested TLS และ reverse proxy ผ่าน Cloudflare/Heroku เพื่อหลบการตรวจจับ
    UNC5221 มีความเชื่อมโยงกับ Silk Typhoon แต่ Google เชื่อว่าเป็นกลุ่มแยกต่างหาก
    การโจมตีเน้นเป้าหมายที่มีข้อมูลเชิงเศรษฐกิจและความมั่นคง เช่น กฎหมายและเทคโนโลยี
    การใช้ edge device เป็นจุดเริ่มต้นทำให้การตรวจจับยากและการป้องกันต้องเปลี่ยนแนวคิด

    https://www.csoonline.com/article/4062723/chinese-spies-had-year-long-access-to-us-tech-and-legal-firms.html
    🕵️ “BRICKSTORM: ช่องโหว่เงียบจากจีนที่แฝงตัวในระบบสหรัฐฯ นานกว่า 1 ปี — เมื่อขอบระบบกลายเป็นประตูหลังของการจารกรรมไซเบอร์” ในรายงานล่าสุดจาก Mandiant และ Google Threat Intelligence Group ได้เปิดเผยการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนและยาวนานโดยกลุ่มแฮกเกอร์จีน UNC5221 ซึ่งสามารถแฝงตัวอยู่ในระบบของบริษัทเทคโนโลยี, กฎหมาย, SaaS และ BPO ในสหรัฐฯ ได้ถึง 393 วันโดยไม่ถูกตรวจจับ กลุ่มนี้ใช้มัลแวร์ชื่อว่า “BRICKSTORM” ซึ่งเป็น backdoor ที่เขียนด้วยภาษา Go สำหรับระบบ Linux และ BSD โดยถูกฝังไว้ในอุปกรณ์ edge เช่น firewall, VPN gateway และ network appliance ที่มักไม่มีระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบ endpoint หรือ SIEM ทำให้การตรวจจับแทบเป็นไปไม่ได้หากไม่มีการ threat hunting เชิงรุก จากจุดเริ่มต้นที่อุปกรณ์ edge แฮกเกอร์สามารถเคลื่อนตัวไปยังระบบภายใน เช่น VMware vCenter, ESXi, Windows Server และแม้แต่ Microsoft 365 โดยใช้เทคนิคหลากหลาย เช่น การขโมย credentials, การฝัง Java Servlet filter (BRICKSTEAL) เพื่อดัก username/password และการติดตั้ง web shell (SLAYSTYLE) เพื่อควบคุมระบบผ่าน HTTP เป้าหมายของการโจมตีไม่ใช่แค่การขโมยข้อมูล แต่รวมถึงการวิเคราะห์ source code เพื่อพัฒนา zero-day exploit และการเข้าถึงระบบ downstream ของลูกค้าบริษัทเป้าหมาย เช่น SaaS ที่มีข้อมูลผู้ใช้จำนวนมาก ที่น่ากังวลคือ BRICKSTORM ยังสามารถทำงานเป็น SOCKS proxy เพื่อเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบภายในโดยตรง และใช้ Microsoft Entra ID เพื่อเข้าถึง mailbox ของผู้ดูแลระบบหรือผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งมักมีข้อมูลสำคัญระดับองค์กร แม้จะมีการออก scanner script เพื่อค้นหา BRICKSTORM แล้ว แต่การตรวจสอบย้อนหลังยังเป็นเรื่องยาก เพราะ log ของอุปกรณ์ edge มักถูกลบหรือไม่มีการเก็บไว้แบบ centralized ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าการเจาะระบบเริ่มต้นจากจุดใด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ กลุ่ม UNC5221 จากจีนใช้มัลแวร์ BRICKSTORM เจาะระบบบริษัทสหรัฐฯ นานกว่า 393 วัน ➡️ ฝังตัวในอุปกรณ์ edge เช่น firewall และ VPN gateway ที่ไม่มีระบบตรวจจับภัยคุกคาม ➡️ เคลื่อนตัวไปยังระบบภายใน เช่น VMware vCenter, ESXi, Windows Server และ Microsoft 365 ➡️ ใช้ Java Servlet filter (BRICKSTEAL) เพื่อดัก username/password ➡️ ใช้ web shell (SLAYSTYLE) เพื่อควบคุมระบบผ่าน HTTP ➡️ ใช้ Microsoft Entra ID เพื่อเข้าถึง mailbox ของผู้ดูแลระบบ ➡️ BRICKSTORM ทำงานเป็น SOCKS proxy เพื่อเปิดช่องเข้าระบบภายใน ➡️ เป้าหมายรวมถึงการขโมยข้อมูล, วิเคราะห์ source code และพัฒนา zero-day exploit ➡️ Mandiant ออก scanner script เพื่อค้นหา BRICKSTORM บนอุปกรณ์ edge ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BRICKSTORM ถูกพบครั้งแรกในยุโรปตั้งแต่ปี 2022 และกลับมาโจมตีในสหรัฐฯ ปี 2025 ➡️ มัลแวร์นี้ใช้ nested TLS และ reverse proxy ผ่าน Cloudflare/Heroku เพื่อหลบการตรวจจับ ➡️ UNC5221 มีความเชื่อมโยงกับ Silk Typhoon แต่ Google เชื่อว่าเป็นกลุ่มแยกต่างหาก ➡️ การโจมตีเน้นเป้าหมายที่มีข้อมูลเชิงเศรษฐกิจและความมั่นคง เช่น กฎหมายและเทคโนโลยี ➡️ การใช้ edge device เป็นจุดเริ่มต้นทำให้การตรวจจับยากและการป้องกันต้องเปลี่ยนแนวคิด https://www.csoonline.com/article/4062723/chinese-spies-had-year-long-access-to-us-tech-and-legal-firms.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Chinese spies had year-long access to US tech and legal firms
    Backdoor on edge devices allowed a starting point for threat actors to use lateral movement to access VMware vCenter and ESXi hosts, Windows workstations and servers and Microsoft 365 mailboxes.
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 4 “ท่อส่งอีกแล้ว”
    South Pars เป็นแหล่งแก๊สที่ใหญ่มหาศาลอยู่ในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีอิหร่านและ Qatar เป็นเจ้าของ ส่วนของอิหร่านเรียก South Pars ส่วนของ Qatar เรียก North Dome
    ปี ค.ศ. 2009 Emir ของ Qatar ลงทุนบินไปเจรจากับประธานาธิบดี Assad ของซีเรียด้วยตัวเอง เกี่ยวกับเส้นทางก่อสร้างท่อแก๊สของ North Dome
    Qatar นั้นเป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งทางเอเซียเป็นส่วนมากอยู่แล้ว เมื่อมี North Dome หล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทาง EU Qatar เสนอให้ซีเรียสร้างท่อส่ง เส้นทาง Qatar Turkey (ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Qatar) และ Syria ปรากฎว่า Assad ปฏิเสธหน้าตาเฉย อ้างว่าเพราะมีไมตรีใกล้ชิดกับ Russia เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก
    Emir หน้าแตก พกเอาความแค้นบินกลับบ้าน
    Assad ตอบตรงไปหน่อย และ Emir ก็คงจะลืมยาก Assad เหมือนไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป หรือตั้งใจ !
    เดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ความไม่สงบในซีเรียเริ่มก่อตัว และค่อยเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ
    เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 ในขณะที่ NATO และพวกลูกหาบ เดินหน้าถล่มรัฐบาล Assad รัฐบาลซีเรีย อิหร่าน และอิรัค ก็แอบจับมือลงนามในบันทึกข้อตกลงสร้างท่อส่งแก๊สมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เมื่อเสร็จ ท่อส่งจะวิ่งจากท่าเรือของอิหร่าน ที่ Assalouyeh ใกล้กับแหล่งแก๊ส South Pars ในอ่าวเปอร์เซีย วิ่งมายัง Damascus ในซีเรีย โดยผ่านเขตแดนของ Iraq นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผนที่จะขยายเส้นทาง ท่อส่ง วิ่งจาก Damascus ไปถึงท่าเรือของ Lebanon ที่ทะเล Mediterranean เพื่อส่งแก๊สจากอิหร่านให้ EU อีกด้วย ทั้งซีเรียและอิรัค ต่างทำสัญญาตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านเรียบร้อยแล้ว เป็นแก๊สที่มาจาก South Pars
    (หมายเหตุ : เส้นทางท่อแก๊ส South Pars นี้ ปัจจุบันระงับการดำเนินการ เนื่องจากอเมริกาคว่ำบาตรอิหร่าน ถล่มซีเรีย และกำลังกลับมาทุบอิรัคให้แตกแยกอย่างสมบูรณ์ ผ่านขบวนการของ ISIS อยู่ในขณะนี้ ต้องยกให้เป็นผลงานโดดเด่นของ Qatar เข้าตาลูกพี่อย่างยิ่ง ! )
    Qatar เหมือนเป็น สาขาต่างประเทศของ Pentagon เพราะที่ Qatar เต็มไปด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา ตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ และ Qatar ในฐานะที่เป็นเจ้าของโทรทัศน์ Al-Jazeera ที่สร้างรายการย้อมสี ฟอกข่าวความเลวร้ายของซีเรียราย วัน กระจายไปทั่วแดนอาหรับแล้ว Qatar ยังมีสัมพันธ์ ชนิดแน่นแบบแกะแทบไม่ออก กับหน่วยงานของอเมริกาและ NATO ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย
    Imir ของ Qatar อมเลือดมาตั้งแต่วันไปพบกับ Assad เมื่อปี ค.ศ. 2009 แม้ Aljazeera จะไม่ออกข่าวการจับมือสร้างท่อส่ง ของกลุ่มอิหร่าน อิรัก ซีเรีย แต่จริง ๆ แล้ว Qatar พร้อมทำทุกอย่างให้แผนของอิหร่าน ซีเรีย ล่มและพังทลาย เพราะถ้าแผนท่อส่งของอิหร่าน เส้นทางอิรัค ซีเรียสำเร็จ ไม่ใช่แค่หน้าของ Imir จะแตกค้างปี Qatar และตุรกีก็จะคงมีสภาพเหมือนเจ้าของด่านเก็บเงิน แต่เส้นทางมาด่าน ถูกมือดีเอาแท่งคอนกรีตมาขวางแบบปิดตาย ก่อนถึงประตูด่านนั้นแหละ
    แค้นนี้จะไม่มีการชำระหรืออย่างไร
    ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ถึงมีกลุ่ม Jihadists มากมาย ส่งตรงมาร่วมรายการจากหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และลิเบีย คงพอมองกันออกว่าใครเป็นหัวคิดและใครเป็นผู้อุปถัมภ์รายการ
    แค่เรื่อง South Pars / North Dome มันก็ทำให้หน้าเขียว มือสั่น กันเป็นแถวแล้ว ซีเรียยังดันมีส้มหล่น เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 บริษัทสำรวจของซีเรีย ฟลุ๊ก ไปเจอแหล่งแก๊สบ่อใหญ่ใน Qara ใกล้กับเขตแดนของเลบาบอน และใกล้กับฐานทัพเรือของรัสเซีย แถบ Mediterranean ที่ Tarsus ซึ่งรัสเซียมีสัญญาเช่ากับซีเรีย การส่งน้ำมันและแก๊สของอิหร่านและซีเรีย ไปให้ EU จะต้องผ่านท่าเรือ Tarsus แม้ซีเรียจะพยายามทำให้เป็นข่าวเล็ก แต่นักสำรวจทรัพยากรต่างรู้กัน ว่า แหล่ง Qara นี่ อย่างน้อย ๆ ก็ใหญ่เท่า North Dome ของ Qatar แต่ส่วนใหญ่ บอกว่าใหญ่กว่าของ North Dome แยะนัก ฟังเท่านี้ก็คงพอนึกภาพกันออกว่า หน้าของ Imir แห่ง Qatar จะยิ่งออกสีเขียวเข้มขึ้นขนาดไหน !
    Asia Times ลงข่าวว่า Qatar เองก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว Aqaba ของ Jordan ซึ่งพวก Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์ Jordan อยู่ Qatar แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวก Muslim Brotherhood ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้าน Qatar นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่
    Muslim Brotherhood ที่กระจายอยู่เต็ม Jordan และซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดย Qatar อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมืองเรื่องท่อส่งแก๊ส ที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ Qatar นี้ ถ้าสำเร็จนอกจากจะทำให้ฝันของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค สลายล่มแล้ว ยังสามารถทำให้มิตรรักของพวกเขาคือจีน ตกรางวิ่งไม่ได้ตามไปด้วย
    ซีเรียเป็นส่วนหนึ่งของเกมชิงความได้เปรียบในเรื่องการค้าแก๊สผ่านท่อส่ง และการชิงอำนาจระหว่างพวกอิสลาม นิกาย/กลุ่ม ต่าง ๆ อีกด้วย Qatar กำลังยกตัวขึ้นมาเทียบชั้นกับอิหร่าน เป็นการวัดกำลังระหว่างสุนนี่กับซีอะห์
    แล้วตุรกีไปเกี่ยวอะไรด้วย
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 4 “ท่อส่งอีกแล้ว” South Pars เป็นแหล่งแก๊สที่ใหญ่มหาศาลอยู่ในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีอิหร่านและ Qatar เป็นเจ้าของ ส่วนของอิหร่านเรียก South Pars ส่วนของ Qatar เรียก North Dome ปี ค.ศ. 2009 Emir ของ Qatar ลงทุนบินไปเจรจากับประธานาธิบดี Assad ของซีเรียด้วยตัวเอง เกี่ยวกับเส้นทางก่อสร้างท่อแก๊สของ North Dome Qatar นั้นเป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งทางเอเซียเป็นส่วนมากอยู่แล้ว เมื่อมี North Dome หล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทาง EU Qatar เสนอให้ซีเรียสร้างท่อส่ง เส้นทาง Qatar Turkey (ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Qatar) และ Syria ปรากฎว่า Assad ปฏิเสธหน้าตาเฉย อ้างว่าเพราะมีไมตรีใกล้ชิดกับ Russia เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก Emir หน้าแตก พกเอาความแค้นบินกลับบ้าน Assad ตอบตรงไปหน่อย และ Emir ก็คงจะลืมยาก Assad เหมือนไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป หรือตั้งใจ ! เดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ความไม่สงบในซีเรียเริ่มก่อตัว และค่อยเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 ในขณะที่ NATO และพวกลูกหาบ เดินหน้าถล่มรัฐบาล Assad รัฐบาลซีเรีย อิหร่าน และอิรัค ก็แอบจับมือลงนามในบันทึกข้อตกลงสร้างท่อส่งแก๊สมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เมื่อเสร็จ ท่อส่งจะวิ่งจากท่าเรือของอิหร่าน ที่ Assalouyeh ใกล้กับแหล่งแก๊ส South Pars ในอ่าวเปอร์เซีย วิ่งมายัง Damascus ในซีเรีย โดยผ่านเขตแดนของ Iraq นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผนที่จะขยายเส้นทาง ท่อส่ง วิ่งจาก Damascus ไปถึงท่าเรือของ Lebanon ที่ทะเล Mediterranean เพื่อส่งแก๊สจากอิหร่านให้ EU อีกด้วย ทั้งซีเรียและอิรัค ต่างทำสัญญาตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านเรียบร้อยแล้ว เป็นแก๊สที่มาจาก South Pars (หมายเหตุ : เส้นทางท่อแก๊ส South Pars นี้ ปัจจุบันระงับการดำเนินการ เนื่องจากอเมริกาคว่ำบาตรอิหร่าน ถล่มซีเรีย และกำลังกลับมาทุบอิรัคให้แตกแยกอย่างสมบูรณ์ ผ่านขบวนการของ ISIS อยู่ในขณะนี้ ต้องยกให้เป็นผลงานโดดเด่นของ Qatar เข้าตาลูกพี่อย่างยิ่ง ! ) Qatar เหมือนเป็น สาขาต่างประเทศของ Pentagon เพราะที่ Qatar เต็มไปด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา ตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ และ Qatar ในฐานะที่เป็นเจ้าของโทรทัศน์ Al-Jazeera ที่สร้างรายการย้อมสี ฟอกข่าวความเลวร้ายของซีเรียราย วัน กระจายไปทั่วแดนอาหรับแล้ว Qatar ยังมีสัมพันธ์ ชนิดแน่นแบบแกะแทบไม่ออก กับหน่วยงานของอเมริกาและ NATO ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย Imir ของ Qatar อมเลือดมาตั้งแต่วันไปพบกับ Assad เมื่อปี ค.ศ. 2009 แม้ Aljazeera จะไม่ออกข่าวการจับมือสร้างท่อส่ง ของกลุ่มอิหร่าน อิรัก ซีเรีย แต่จริง ๆ แล้ว Qatar พร้อมทำทุกอย่างให้แผนของอิหร่าน ซีเรีย ล่มและพังทลาย เพราะถ้าแผนท่อส่งของอิหร่าน เส้นทางอิรัค ซีเรียสำเร็จ ไม่ใช่แค่หน้าของ Imir จะแตกค้างปี Qatar และตุรกีก็จะคงมีสภาพเหมือนเจ้าของด่านเก็บเงิน แต่เส้นทางมาด่าน ถูกมือดีเอาแท่งคอนกรีตมาขวางแบบปิดตาย ก่อนถึงประตูด่านนั้นแหละ แค้นนี้จะไม่มีการชำระหรืออย่างไร ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ถึงมีกลุ่ม Jihadists มากมาย ส่งตรงมาร่วมรายการจากหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และลิเบีย คงพอมองกันออกว่าใครเป็นหัวคิดและใครเป็นผู้อุปถัมภ์รายการ แค่เรื่อง South Pars / North Dome มันก็ทำให้หน้าเขียว มือสั่น กันเป็นแถวแล้ว ซีเรียยังดันมีส้มหล่น เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 บริษัทสำรวจของซีเรีย ฟลุ๊ก ไปเจอแหล่งแก๊สบ่อใหญ่ใน Qara ใกล้กับเขตแดนของเลบาบอน และใกล้กับฐานทัพเรือของรัสเซีย แถบ Mediterranean ที่ Tarsus ซึ่งรัสเซียมีสัญญาเช่ากับซีเรีย การส่งน้ำมันและแก๊สของอิหร่านและซีเรีย ไปให้ EU จะต้องผ่านท่าเรือ Tarsus แม้ซีเรียจะพยายามทำให้เป็นข่าวเล็ก แต่นักสำรวจทรัพยากรต่างรู้กัน ว่า แหล่ง Qara นี่ อย่างน้อย ๆ ก็ใหญ่เท่า North Dome ของ Qatar แต่ส่วนใหญ่ บอกว่าใหญ่กว่าของ North Dome แยะนัก ฟังเท่านี้ก็คงพอนึกภาพกันออกว่า หน้าของ Imir แห่ง Qatar จะยิ่งออกสีเขียวเข้มขึ้นขนาดไหน ! Asia Times ลงข่าวว่า Qatar เองก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว Aqaba ของ Jordan ซึ่งพวก Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์ Jordan อยู่ Qatar แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวก Muslim Brotherhood ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้าน Qatar นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่ Muslim Brotherhood ที่กระจายอยู่เต็ม Jordan และซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดย Qatar อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมืองเรื่องท่อส่งแก๊ส ที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ Qatar นี้ ถ้าสำเร็จนอกจากจะทำให้ฝันของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค สลายล่มแล้ว ยังสามารถทำให้มิตรรักของพวกเขาคือจีน ตกรางวิ่งไม่ได้ตามไปด้วย ซีเรียเป็นส่วนหนึ่งของเกมชิงความได้เปรียบในเรื่องการค้าแก๊สผ่านท่อส่ง และการชิงอำนาจระหว่างพวกอิสลาม นิกาย/กลุ่ม ต่าง ๆ อีกด้วย Qatar กำลังยกตัวขึ้นมาเทียบชั้นกับอิหร่าน เป็นการวัดกำลังระหว่างสุนนี่กับซีอะห์ แล้วตุรกีไปเกี่ยวอะไรด้วย สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • “OpenAI เตรียมเช่า GPU จาก NVIDIA แทนการซื้อ — กลยุทธ์ลดต้นทุนเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10GW”

    ในยุคที่การสร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล OpenAI กำลังพลิกเกมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการเจรจาเช่าชิป GPU ประสิทธิภาพสูงจาก NVIDIA แทนการซื้อขาด โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการเทคโนโลยี

    แผนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง OpenAI และ NVIDIA ที่ประกาศเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2025 โดย NVIDIA จะลงทุนใน OpenAI พร้อมให้การสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์และการเงิน รวมถึงถือหุ้นประมาณ 2% ในมูลค่าบริษัทที่ประเมินไว้ที่ 500 พันล้านดอลลาร์

    การเช่า GPU แบบระยะยาว 5 ปีจะช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ลงได้ราว 10–15% และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเสื่อมราคาของอุปกรณ์ โดย NVIDIA อาจตั้งบริษัทลูกเพื่อจัดการด้านการเงิน โดยใช้ GPU เป็นหลักประกันในการกู้เงิน แล้วให้ OpenAI จ่ายค่าเช่าเพื่อชำระหนี้ในระยะยาว

    แม้ OpenAI จะมีมูลค่าสูง แต่ก็ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอในการซื้อฮาร์ดแวร์หลายแสนล้านดอลลาร์ การเช่าชิปโดยตรงจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล การออกแบบระบบ และการจัดการโหลดงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    หากดีลนี้สำเร็จ จะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงภายใน OpenAI แต่จะส่งผลต่อทั้งอุตสาหกรรม เช่น วิธีการจัดสรรสินค้าของ NVIDIA, การเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ และการวางตำแหน่งของคู่แข่งในตลาด AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenAI อยู่ระหว่างเจรจาเช่า GPU จาก NVIDIA แทนการซื้อขาด
    เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ที่ประกาศเมื่อ 22 กันยายน 2025
    NVIDIA จะลงทุน 10 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI และถือหุ้นประมาณ 2%
    แผนการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10GW ต้องใช้ GPU หลายล้านตัว
    การเช่าระยะยาว 5 ปีช่วยลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ลง 10–15%
    NVIDIA อาจตั้งบริษัทลูกเพื่อจัดการด้านการเงิน โดยใช้ GPU เป็นหลักประกัน
    OpenAI จะมีอิสระในการเลือกสถานที่ตั้งและออกแบบศูนย์ข้อมูล
    การเช่าชิปโดยตรงช่วยลดการพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น Microsoft หรือ Oracle

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    10GW เทียบเท่ากับพลังงานที่ใช้ในเมืองขนาดกลาง และเป็นมาตรฐานใหม่ของศูนย์ข้อมูล AI
    การเช่า GPU แบบนี้คล้ายกับโมเดล “Infrastructure-as-a-Service” แต่เป็นระดับฮาร์ดแวร์ลึก
    NVIDIA เคยทำดีลลักษณะนี้กับ Lambda โดยเช่า GPU 18,000 ตัวในระยะเวลา 4 ปี
    การใช้ GPU เป็นหลักประกันในการกู้เงินสะท้อนถึงการเปลี่ยนบทบาทของฮาร์ดแวร์เป็นสินทรัพย์ทางการเงิน
    OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคน และต้องการขยายโครงสร้างเพื่อรองรับโมเดลใหม่

    https://www.tomshardware.com/openai-may-lease-nvidia-gpus-instead-of-buying-them
    💸 “OpenAI เตรียมเช่า GPU จาก NVIDIA แทนการซื้อ — กลยุทธ์ลดต้นทุนเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10GW” ในยุคที่การสร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล OpenAI กำลังพลิกเกมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการเจรจาเช่าชิป GPU ประสิทธิภาพสูงจาก NVIDIA แทนการซื้อขาด โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการเทคโนโลยี แผนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง OpenAI และ NVIDIA ที่ประกาศเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2025 โดย NVIDIA จะลงทุนใน OpenAI พร้อมให้การสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์และการเงิน รวมถึงถือหุ้นประมาณ 2% ในมูลค่าบริษัทที่ประเมินไว้ที่ 500 พันล้านดอลลาร์ การเช่า GPU แบบระยะยาว 5 ปีจะช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ลงได้ราว 10–15% และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเสื่อมราคาของอุปกรณ์ โดย NVIDIA อาจตั้งบริษัทลูกเพื่อจัดการด้านการเงิน โดยใช้ GPU เป็นหลักประกันในการกู้เงิน แล้วให้ OpenAI จ่ายค่าเช่าเพื่อชำระหนี้ในระยะยาว แม้ OpenAI จะมีมูลค่าสูง แต่ก็ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอในการซื้อฮาร์ดแวร์หลายแสนล้านดอลลาร์ การเช่าชิปโดยตรงจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล การออกแบบระบบ และการจัดการโหลดงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากดีลนี้สำเร็จ จะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงภายใน OpenAI แต่จะส่งผลต่อทั้งอุตสาหกรรม เช่น วิธีการจัดสรรสินค้าของ NVIDIA, การเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ และการวางตำแหน่งของคู่แข่งในตลาด AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenAI อยู่ระหว่างเจรจาเช่า GPU จาก NVIDIA แทนการซื้อขาด ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ที่ประกาศเมื่อ 22 กันยายน 2025 ➡️ NVIDIA จะลงทุน 10 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI และถือหุ้นประมาณ 2% ➡️ แผนการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10GW ต้องใช้ GPU หลายล้านตัว ➡️ การเช่าระยะยาว 5 ปีช่วยลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ลง 10–15% ➡️ NVIDIA อาจตั้งบริษัทลูกเพื่อจัดการด้านการเงิน โดยใช้ GPU เป็นหลักประกัน ➡️ OpenAI จะมีอิสระในการเลือกสถานที่ตั้งและออกแบบศูนย์ข้อมูล ➡️ การเช่าชิปโดยตรงช่วยลดการพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น Microsoft หรือ Oracle ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 10GW เทียบเท่ากับพลังงานที่ใช้ในเมืองขนาดกลาง และเป็นมาตรฐานใหม่ของศูนย์ข้อมูล AI ➡️ การเช่า GPU แบบนี้คล้ายกับโมเดล “Infrastructure-as-a-Service” แต่เป็นระดับฮาร์ดแวร์ลึก ➡️ NVIDIA เคยทำดีลลักษณะนี้กับ Lambda โดยเช่า GPU 18,000 ตัวในระยะเวลา 4 ปี ➡️ การใช้ GPU เป็นหลักประกันในการกู้เงินสะท้อนถึงการเปลี่ยนบทบาทของฮาร์ดแวร์เป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ➡️ OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคน และต้องการขยายโครงสร้างเพื่อรองรับโมเดลใหม่ https://www.tomshardware.com/openai-may-lease-nvidia-gpus-instead-of-buying-them
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • “OpenSSF เตือนหนัก: โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่ของฟรี — ถึงเวลาที่องค์กรต้องจ่ายคืนให้ระบบที่พวกเขาพึ่งพา”

    Open Source Security Foundation (OpenSSF) พร้อมด้วยมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สชั้นนำ เช่น Eclipse, Python, Rust, OpenJS และ Sonatype ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเดือนกันยายน 2025 เพื่อประกาศจุดยืนว่า “โอเพ่นซอร์สไม่ใช่บริการฟรี” และเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน

    องค์กรเหล่านี้ต้องรับภาระการดาวน์โหลดแพ็กเกจระดับ “หลายล้านล้านครั้งต่อเดือน” โดยไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการบริจาค, เงินทุนจากผู้สนับสนุนไม่กี่ราย และแรงงานอาสาสมัคร ซึ่งไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากระบบ CI/CD, container builds และ AI agents ที่สแกน repository แบบอัตโนมัติ

    OpenSSF ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่ package registry แต่ยังรวมถึงระบบ build, test, deploy, CDN, cloud storage และระบบความปลอดภัยที่ต้องทำงานตลอดเวลา — ทั้งหมดนี้มีต้นทุนที่องค์กรผู้ใช้งานจำนวนมากไม่ได้แบกรับ

    เพื่อแก้ปัญหา OpenSSF เสนอแนวทางใหม่ เช่น การสร้างโมเดล “tiered access” ที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่คิดค่าบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่, การจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานตามสัดส่วนการใช้งาน, และการเพิ่มบริการเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น analytics หรือ SLA ที่มีความน่าเชื่อถือสูง

    แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ OpenSSF เตือนว่า หากไม่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลกอาจล่มสลายได้ในอนาคตอันใกล้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenSSF และมูลนิธิซอฟต์แวร์หลายแห่งออกแถลงการณ์ร่วมเตือนเรื่องความยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส
    โครงสร้างพื้นฐานรองรับการดาวน์โหลดหลายล้านล้านครั้งต่อเดือน แต่ยังพึ่งพาการบริจาค
    ระบบที่เกี่ยวข้องรวมถึง build, test, deploy, CDN, cloud และระบบความปลอดภัย
    ปริมาณการใช้งานจากระบบอัตโนมัติ เช่น CI/CD และ AI agents เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    OpenSSF เสนอโมเดล tiered access และความร่วมมือเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้
    มีการเสนอให้เพิ่มบริการเสริม เช่น analytics และ SLA สำหรับองค์กร
    แถลงการณ์ร่วมลงนามโดย Eclipse, Python, Rust, OpenJS, Sonatype และอื่น ๆ
    สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์ส

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GitHub เคยเสนอให้รัฐบาลมองโอเพ่นซอร์สเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” และสนับสนุนงบประมาณ
    EU เสนอ Sovereign Tech Fund มูลค่า €350 ล้านเพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส
    โครงการ Asahi Linux เคยประสบปัญหาบุคลากรลาออกเพราะความเหนื่อยล้าและขาดทุนสนับสนุน
    Bruce Perens เสนอ “Post-Open Zero Cost License” เพื่อบังคับให้บริษัทที่ใช้โอเพ่นซอร์สต้องจ่าย
    โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สมีบทบาทสำคัญในระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทั่วโลก

    https://securityonline.info/openssf-warns-open-source-software-is-not-a-free-service/
    🌍 “OpenSSF เตือนหนัก: โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่ของฟรี — ถึงเวลาที่องค์กรต้องจ่ายคืนให้ระบบที่พวกเขาพึ่งพา” Open Source Security Foundation (OpenSSF) พร้อมด้วยมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สชั้นนำ เช่น Eclipse, Python, Rust, OpenJS และ Sonatype ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเดือนกันยายน 2025 เพื่อประกาศจุดยืนว่า “โอเพ่นซอร์สไม่ใช่บริการฟรี” และเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน องค์กรเหล่านี้ต้องรับภาระการดาวน์โหลดแพ็กเกจระดับ “หลายล้านล้านครั้งต่อเดือน” โดยไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการบริจาค, เงินทุนจากผู้สนับสนุนไม่กี่ราย และแรงงานอาสาสมัคร ซึ่งไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากระบบ CI/CD, container builds และ AI agents ที่สแกน repository แบบอัตโนมัติ OpenSSF ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่ package registry แต่ยังรวมถึงระบบ build, test, deploy, CDN, cloud storage และระบบความปลอดภัยที่ต้องทำงานตลอดเวลา — ทั้งหมดนี้มีต้นทุนที่องค์กรผู้ใช้งานจำนวนมากไม่ได้แบกรับ เพื่อแก้ปัญหา OpenSSF เสนอแนวทางใหม่ เช่น การสร้างโมเดล “tiered access” ที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่คิดค่าบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่, การจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานตามสัดส่วนการใช้งาน, และการเพิ่มบริการเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น analytics หรือ SLA ที่มีความน่าเชื่อถือสูง แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ OpenSSF เตือนว่า หากไม่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลกอาจล่มสลายได้ในอนาคตอันใกล้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenSSF และมูลนิธิซอฟต์แวร์หลายแห่งออกแถลงการณ์ร่วมเตือนเรื่องความยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส ➡️ โครงสร้างพื้นฐานรองรับการดาวน์โหลดหลายล้านล้านครั้งต่อเดือน แต่ยังพึ่งพาการบริจาค ➡️ ระบบที่เกี่ยวข้องรวมถึง build, test, deploy, CDN, cloud และระบบความปลอดภัย ➡️ ปริมาณการใช้งานจากระบบอัตโนมัติ เช่น CI/CD และ AI agents เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ➡️ OpenSSF เสนอโมเดล tiered access และความร่วมมือเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้ ➡️ มีการเสนอให้เพิ่มบริการเสริม เช่น analytics และ SLA สำหรับองค์กร ➡️ แถลงการณ์ร่วมลงนามโดย Eclipse, Python, Rust, OpenJS, Sonatype และอื่น ๆ ➡️ สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์ส ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GitHub เคยเสนอให้รัฐบาลมองโอเพ่นซอร์สเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” และสนับสนุนงบประมาณ ➡️ EU เสนอ Sovereign Tech Fund มูลค่า €350 ล้านเพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส ➡️ โครงการ Asahi Linux เคยประสบปัญหาบุคลากรลาออกเพราะความเหนื่อยล้าและขาดทุนสนับสนุน ➡️ Bruce Perens เสนอ “Post-Open Zero Cost License” เพื่อบังคับให้บริษัทที่ใช้โอเพ่นซอร์สต้องจ่าย ➡️ โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สมีบทบาทสำคัญในระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทั่วโลก https://securityonline.info/openssf-warns-open-source-software-is-not-a-free-service/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenSSF Warns: Open Source Software Is Not a Free Service
    OpenSSF and other foundations warn that they can no longer be the unpaid gatekeepers of the software supply chain and that enterprises must contribute financially.
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • หลุมยุบย่านดุสิตหน้า รพ.วชิรพยาบาล ปลัด ทส.ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบดินยุบตัวตามแนวถนน ไม่กระทบโครงสร้างทางธรณีวิทยา คาดสาเหตุจากท่อประปาแตก-ฝนตกหนักชะล้างดินถมใต้ถนนเกิดเป็นโพรง กรมทรัพยากรธรณีเร่งหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมแจงประชาชนลดความตื่นตระหนก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091557

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    หลุมยุบย่านดุสิตหน้า รพ.วชิรพยาบาล ปลัด ทส.ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบดินยุบตัวตามแนวถนน ไม่กระทบโครงสร้างทางธรณีวิทยา คาดสาเหตุจากท่อประปาแตก-ฝนตกหนักชะล้างดินถมใต้ถนนเกิดเป็นโพรง กรมทรัพยากรธรณีเร่งหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมแจงประชาชนลดความตื่นตระหนก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091557 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 3 Emperor Bush !?

    George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ

    เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย
    นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม

    นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย

    Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ

    และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด
    คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO

    ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า !

    เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด

    คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 3 Emperor Bush !? George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า ! เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๘
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ตของนายปลาซิโด โดมิงโก (Mr. Plácido Domingo) ศิลปินโอเปราระดับตำนาน ในงานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติกรุงเทพ ฯ ครั้งที่ ๒๗ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. https://www.facebook.com/share/p/15zaWortt1/
    วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ตของนายปลาซิโด โดมิงโก (Mr. Plácido Domingo) ศิลปินโอเปราระดับตำนาน ในงานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติกรุงเทพ ฯ ครั้งที่ ๒๗ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. https://www.facebook.com/share/p/15zaWortt1/
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • “Oracle เปลี่ยนผู้นำครั้งใหญ่ — ตั้ง 2 Co-CEO คนใหม่แทน Safra Catz พร้อมเดินหน้าสู่ยุค AI เต็มตัว”

    หลังจากดำรงตำแหน่ง CEO มานานกว่า 10 ปี Safra Catz ประกาศลงจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ Oracle โดยจะย้ายไปดำรงตำแหน่ง Executive Vice Chair ในคณะกรรมการบริษัทแทน พร้อมเปิดทางให้กับผู้นำรุ่นใหม่สองคนคือ Clay Magouyrk และ Mike Sicilia ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น Co-CEO อย่างเป็นทางการ

    Clay Magouyrk เคยเป็นประธานฝ่าย Oracle Cloud Infrastructure (OCI) และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Gen2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับกิกะวัตต์ ส่วน Mike Sicilia เคยเป็นประธานฝ่าย Oracle Industries และเป็นผู้นำการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การเงิน การสื่อสาร และค้าปลีก

    Larry Ellison ผู้ก่อตั้งและ CTO ของ Oracle กล่าวว่าทั้งสองคนเป็นผู้นำที่พิสูจน์แล้ว และการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Oracle กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในธุรกิจคลาวด์และ AI ที่มีดีลระดับหลายแสนล้านดอลลาร์กับลูกค้ารายใหญ่ เช่น OpenAI

    Safra Catz กล่าวในแถลงการณ์ว่า “นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการส่งต่อบทบาทให้กับผู้นำรุ่นใหม่” โดยเธอจะยังคงทำงานร่วมกับ Larry Ellison ในการกำหนดทิศทางของบริษัทต่อไป

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังรวมถึงการแต่งตั้ง Mark Hura เป็นประธานฝ่าย Global Field Operations และ Doug Kehring เป็น Chief Financial Officer คนใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในยุค AI

    https://www.techradar.com/pro/oracle-appoints-not-one-but-two-co-ceos-as-safra-catz-leaves-top-job
    👥 “Oracle เปลี่ยนผู้นำครั้งใหญ่ — ตั้ง 2 Co-CEO คนใหม่แทน Safra Catz พร้อมเดินหน้าสู่ยุค AI เต็มตัว” หลังจากดำรงตำแหน่ง CEO มานานกว่า 10 ปี Safra Catz ประกาศลงจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ Oracle โดยจะย้ายไปดำรงตำแหน่ง Executive Vice Chair ในคณะกรรมการบริษัทแทน พร้อมเปิดทางให้กับผู้นำรุ่นใหม่สองคนคือ Clay Magouyrk และ Mike Sicilia ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น Co-CEO อย่างเป็นทางการ Clay Magouyrk เคยเป็นประธานฝ่าย Oracle Cloud Infrastructure (OCI) และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Gen2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับกิกะวัตต์ ส่วน Mike Sicilia เคยเป็นประธานฝ่าย Oracle Industries และเป็นผู้นำการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การเงิน การสื่อสาร และค้าปลีก Larry Ellison ผู้ก่อตั้งและ CTO ของ Oracle กล่าวว่าทั้งสองคนเป็นผู้นำที่พิสูจน์แล้ว และการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Oracle กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในธุรกิจคลาวด์และ AI ที่มีดีลระดับหลายแสนล้านดอลลาร์กับลูกค้ารายใหญ่ เช่น OpenAI Safra Catz กล่าวในแถลงการณ์ว่า “นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการส่งต่อบทบาทให้กับผู้นำรุ่นใหม่” โดยเธอจะยังคงทำงานร่วมกับ Larry Ellison ในการกำหนดทิศทางของบริษัทต่อไป การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังรวมถึงการแต่งตั้ง Mark Hura เป็นประธานฝ่าย Global Field Operations และ Doug Kehring เป็น Chief Financial Officer คนใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในยุค AI https://www.techradar.com/pro/oracle-appoints-not-one-but-two-co-ceos-as-safra-catz-leaves-top-job
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • “Google Chrome อัปเดตด่วน! แก้ 3 ช่องโหว่ร้ายแรงใน V8 — หนึ่งในนั้นอาจทำให้ข้อมูลรั่วโดยไม่ต้องคลิกอะไรเลย”

    Google ได้ปล่อยอัปเดตเวอร์ชันใหม่ของ Chrome สำหรับ Windows, macOS และ Linux (140.0.7339.207/.208) เพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 3 รายการใน V8 ซึ่งเป็นเอนจิน JavaScript ที่ขับเคลื่อนเว็บแอปทั่วโลก โดยช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบทั้งจากนักวิจัยอิสระและระบบ AI ของ Google เอง

    ช่องโหว่แรกคือ CVE-2025-10890 ซึ่งเป็นการรั่วไหลข้อมูลแบบ side-channel — หมายถึงการที่ผู้โจมตีสามารถสังเกตพฤติกรรมเล็ก ๆ ของระบบ เช่น เวลาในการประมวลผล หรือการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในหน่วยความจำ เพื่อสกัดข้อมูลลับ เช่น session ID หรือคีย์เข้ารหัส โดยไม่ต้องเจาะระบบโดยตรง

    ช่องโหว่ที่สองและสาม (CVE-2025-10891 และ CVE-2025-10892) เป็นช่องโหว่แบบ integer overflow ซึ่งเกิดจากการคำนวณที่เกินขนาดหน่วยความจำ ทำให้สามารถเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยความจำและอาจนำไปสู่การรันโค้ดอันตรายได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบโดยระบบ AI ที่ชื่อว่า Big Sleep ซึ่งพัฒนาโดย DeepMind และทีม Project Zero ของ Google

    การค้นพบโดย AI แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการใช้ระบบอัตโนมัติในการตรวจสอบช่องโหว่ โดยเฉพาะในเอนจินที่ซับซ้อนอย่าง V8 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันจำนวนมหาศาล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Google Chrome อัปเดตเวอร์ชัน 140.0.7339.207/.208 เพื่อแก้ 3 ช่องโหว่ร้ายแรงใน V8
    CVE-2025-10890 เป็นช่องโหว่แบบ side-channel ที่อาจทำให้ข้อมูลลับรั่ว
    CVE-2025-10891 และ CVE-2025-10892 เป็นช่องโหว่แบบ integer overflow
    ช่องโหว่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยอิสระและระบบ AI “Big Sleep” ของ Google
    การโจมตีแบบ side-channel สามารถขโมยข้อมูลโดยไม่ต้องเจาะระบบโดยตรง
    ช่องโหว่แบบ overflow อาจนำไปสู่การรันโค้ดอันตรายในหน่วยความจำ
    ผู้ใช้ควรอัปเดต Chrome ทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    V8 เป็นเอนจิน JavaScript ที่ใช้ใน Chrome, Edge, Brave และเบราว์เซอร์อื่น ๆ ที่ใช้ Chromium
    Side-channel attack เคยถูกใช้ในการขโมยคีย์เข้ารหัสจาก CPU โดยไม่ต้องเข้าถึงระบบโดยตรง
    Integer overflow เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบที่จัดการหน่วยความจำแบบ low-level
    AI อย่าง Big Sleep ใช้เทคนิค fuzzing และ symbolic execution เพื่อค้นหาช่องโหว่
    การอัปเดต Chrome สามารถทำได้โดยไปที่ Settings > About Chrome แล้วรีสตาร์ตเบราว์เซอร์

    https://securityonline.info/google-chrome-patches-three-high-severity-flaws-in-v8-engine/
    🛡️ “Google Chrome อัปเดตด่วน! แก้ 3 ช่องโหว่ร้ายแรงใน V8 — หนึ่งในนั้นอาจทำให้ข้อมูลรั่วโดยไม่ต้องคลิกอะไรเลย” Google ได้ปล่อยอัปเดตเวอร์ชันใหม่ของ Chrome สำหรับ Windows, macOS และ Linux (140.0.7339.207/.208) เพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 3 รายการใน V8 ซึ่งเป็นเอนจิน JavaScript ที่ขับเคลื่อนเว็บแอปทั่วโลก โดยช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบทั้งจากนักวิจัยอิสระและระบบ AI ของ Google เอง ช่องโหว่แรกคือ CVE-2025-10890 ซึ่งเป็นการรั่วไหลข้อมูลแบบ side-channel — หมายถึงการที่ผู้โจมตีสามารถสังเกตพฤติกรรมเล็ก ๆ ของระบบ เช่น เวลาในการประมวลผล หรือการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในหน่วยความจำ เพื่อสกัดข้อมูลลับ เช่น session ID หรือคีย์เข้ารหัส โดยไม่ต้องเจาะระบบโดยตรง ช่องโหว่ที่สองและสาม (CVE-2025-10891 และ CVE-2025-10892) เป็นช่องโหว่แบบ integer overflow ซึ่งเกิดจากการคำนวณที่เกินขนาดหน่วยความจำ ทำให้สามารถเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยความจำและอาจนำไปสู่การรันโค้ดอันตรายได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบโดยระบบ AI ที่ชื่อว่า Big Sleep ซึ่งพัฒนาโดย DeepMind และทีม Project Zero ของ Google การค้นพบโดย AI แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการใช้ระบบอัตโนมัติในการตรวจสอบช่องโหว่ โดยเฉพาะในเอนจินที่ซับซ้อนอย่าง V8 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันจำนวนมหาศาล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Google Chrome อัปเดตเวอร์ชัน 140.0.7339.207/.208 เพื่อแก้ 3 ช่องโหว่ร้ายแรงใน V8 ➡️ CVE-2025-10890 เป็นช่องโหว่แบบ side-channel ที่อาจทำให้ข้อมูลลับรั่ว ➡️ CVE-2025-10891 และ CVE-2025-10892 เป็นช่องโหว่แบบ integer overflow ➡️ ช่องโหว่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยอิสระและระบบ AI “Big Sleep” ของ Google ➡️ การโจมตีแบบ side-channel สามารถขโมยข้อมูลโดยไม่ต้องเจาะระบบโดยตรง ➡️ ช่องโหว่แบบ overflow อาจนำไปสู่การรันโค้ดอันตรายในหน่วยความจำ ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเดต Chrome ทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ V8 เป็นเอนจิน JavaScript ที่ใช้ใน Chrome, Edge, Brave และเบราว์เซอร์อื่น ๆ ที่ใช้ Chromium ➡️ Side-channel attack เคยถูกใช้ในการขโมยคีย์เข้ารหัสจาก CPU โดยไม่ต้องเข้าถึงระบบโดยตรง ➡️ Integer overflow เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบที่จัดการหน่วยความจำแบบ low-level ➡️ AI อย่าง Big Sleep ใช้เทคนิค fuzzing และ symbolic execution เพื่อค้นหาช่องโหว่ ➡️ การอัปเดต Chrome สามารถทำได้โดยไปที่ Settings > About Chrome แล้วรีสตาร์ตเบราว์เซอร์ https://securityonline.info/google-chrome-patches-three-high-severity-flaws-in-v8-engine/
    SECURITYONLINE.INFO
    Google Chrome Patches Three High-Severity Flaws in V8 Engine
    Google has released an urgent update for Chrome, patching three high-severity flaws in its V8 JavaScript engine, two of which were discovered by AI.
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทั่วโลกลดระดับการอพยพย้ายถิ่นฐาน และละทิ้งนโยบายต่อสู้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ในบทสุนทรพจน์ต่อเวทีสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่เข้มข้นเผ็ดร้อนและออกไปในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำชาติอื่นๆ อย่างรุนแรง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000091292

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทั่วโลกลดระดับการอพยพย้ายถิ่นฐาน และละทิ้งนโยบายต่อสู้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ในบทสุนทรพจน์ต่อเวทีสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่เข้มข้นเผ็ดร้อนและออกไปในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำชาติอื่นๆ อย่างรุนแรง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000091292 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 407 Views 0 Reviews
  • 'ฮุน เซน' เล่นบทสันติภาพ!!! ลั่นไม่เคยง้อไทยบอกปิดด่านอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ล่มสลาย แนะญี่ปุ่นไปคุยกับไทยเพราะเขมรยอมแล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/21590/
    .
    #ไทยไท #ฮุนเซน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #เศรษฐกิจกัมพูชา
    'ฮุน เซน' เล่นบทสันติภาพ!!! ลั่นไม่เคยง้อไทยบอกปิดด่านอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ล่มสลาย แนะญี่ปุ่นไปคุยกับไทยเพราะเขมรยอมแล้ว https://www.thai-tai.tv/news/21590/ . #ไทยไท #ฮุนเซน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #เศรษฐกิจกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • “Samsung ได้รับการรับรอง HBM3E จาก Nvidia — หุ้นพุ่ง 5% พร้อมเร่งเครื่องสู่สนาม HBM4 แข่งกับ SK hynix และ Micron”

    หลังจากรอคอยมานานกว่า 18 เดือน Samsung ก็ได้รับการรับรองจาก Nvidia สำหรับชิปหน่วยความจำ HBM3E แบบ 12 ชั้น ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการ์ดเร่ง AI รุ่นสูงอย่าง DGX B300 ของ Nvidia และ MI350 ของ AMD ข่าวนี้ส่งผลให้หุ้นของ Samsung พุ่งขึ้นทันที 5% สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนว่าบริษัทสามารถกลับเข้าสู่การแข่งขันในตลาดหน่วยความจำความเร็วสูงได้อีกครั้ง

    ก่อนหน้านี้ SK hynix และ Micron ได้รับการรับรองและเริ่มส่งมอบ HBM3E ให้ Nvidia ไปแล้ว ทำให้ Samsungกลายเป็นผู้ผลิตรายที่สามที่เข้าร่วมในห่วงโซ่อุปทานนี้ โดยแม้จะยังไม่สามารถส่งมอบในปริมาณมากจนถึงปี 2026 แต่การผ่านการรับรองถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Samsung กลับมาอยู่ในเกม

    HBM3E เป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วสูงสุดในตลาดปัจจุบัน โดยมีแบนด์วิดธ์ถึง 1.2 TB/s ต่อ stack และใช้เทคโนโลยี 12-layer DRAM ซึ่งเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง HBM3 ที่มีเพียง 8 ชั้น

    ขณะเดียวกัน Samsung ก็เร่งพัฒนา HBM4 ซึ่งเป็นหน่วยความจำรุ่นถัดไปที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 2 TB/s ต่อ stack และใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 3–4 นาโนเมตร ทำให้สามารถเพิ่มความจุเป็น 64 GB ต่อชิป พร้อมลดการใช้พลังงานลงถึง 30%

    แม้ SK hynix จะประกาศเสร็จสิ้นการพัฒนา HBM4 ไปก่อนแล้ว แต่ Samsung ก็อยู่ระหว่างการส่งตัวอย่างให้ Nvidia และตั้งเป้าเริ่มผลิตจำนวนมากในครึ่งแรกของปี 2026 โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการแซงคู่แข่งทั้งด้านประสิทธิภาพและปริมาณการผลิต

    ความคืบหน้าของ Samsung ในตลาด HBM
    Samsung ได้รับการรับรองจาก Nvidia สำหรับชิป HBM3E แบบ 12 ชั้น
    หุ้น Samsung พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังข่าวการรับรองเผยแพร่
    ชิป HBM3E จะถูกใช้ใน Nvidia DGX B300 และ AMD MI350
    Samsung เป็นผู้ผลิตรายที่สามที่ได้รับการรับรอง ต่อจาก SK hynix และ Micron

    คุณสมบัติของ HBM3E และ HBM4
    HBM3E มีแบนด์วิดธ์ 1.2 TB/s ต่อ stack และใช้เทคโนโลยี 12-layer DRAM
    HBM4 จะมีแบนด์วิดธ์สูงถึง 2 TB/s และความจุ 64 GB ต่อชิป
    ใช้กระบวนการผลิตระดับ 3–4 นาโนเมตร ลดการใช้พลังงานลง 20–30%
    Samsung ตั้งเป้าเริ่มผลิต HBM4 จำนวนมากในครึ่งแรกของปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Nvidia กำหนดมาตรฐาน HBM4 ที่สูงขึ้น เช่น 10–11 Gbps ต่อ pin
    Samsung แสดงความสามารถถึง 11 Gbps ซึ่งเหนือกว่า SK hynix ที่ทำได้ 10 Gbps
    Micron ยังประสบปัญหาในการผ่านมาตรฐาน HBM4 ของ Nvidia2
    ตลาด HBM คาดว่าจะเติบโต 30% ต่อปีจนถึงปี 2030 ตามการคาดการณ์ของ SK hynix

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/samsung-earns-nvidias-certification-for-its-hbm3-memory-stock-jumps-5-percent-as-company-finally-catches-up-to-sk-hynix-and-micron-in-hbm3e-production
    🚀 “Samsung ได้รับการรับรอง HBM3E จาก Nvidia — หุ้นพุ่ง 5% พร้อมเร่งเครื่องสู่สนาม HBM4 แข่งกับ SK hynix และ Micron” หลังจากรอคอยมานานกว่า 18 เดือน Samsung ก็ได้รับการรับรองจาก Nvidia สำหรับชิปหน่วยความจำ HBM3E แบบ 12 ชั้น ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการ์ดเร่ง AI รุ่นสูงอย่าง DGX B300 ของ Nvidia และ MI350 ของ AMD ข่าวนี้ส่งผลให้หุ้นของ Samsung พุ่งขึ้นทันที 5% สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนว่าบริษัทสามารถกลับเข้าสู่การแข่งขันในตลาดหน่วยความจำความเร็วสูงได้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ SK hynix และ Micron ได้รับการรับรองและเริ่มส่งมอบ HBM3E ให้ Nvidia ไปแล้ว ทำให้ Samsungกลายเป็นผู้ผลิตรายที่สามที่เข้าร่วมในห่วงโซ่อุปทานนี้ โดยแม้จะยังไม่สามารถส่งมอบในปริมาณมากจนถึงปี 2026 แต่การผ่านการรับรองถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Samsung กลับมาอยู่ในเกม HBM3E เป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วสูงสุดในตลาดปัจจุบัน โดยมีแบนด์วิดธ์ถึง 1.2 TB/s ต่อ stack และใช้เทคโนโลยี 12-layer DRAM ซึ่งเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง HBM3 ที่มีเพียง 8 ชั้น ขณะเดียวกัน Samsung ก็เร่งพัฒนา HBM4 ซึ่งเป็นหน่วยความจำรุ่นถัดไปที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 2 TB/s ต่อ stack และใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 3–4 นาโนเมตร ทำให้สามารถเพิ่มความจุเป็น 64 GB ต่อชิป พร้อมลดการใช้พลังงานลงถึง 30% แม้ SK hynix จะประกาศเสร็จสิ้นการพัฒนา HBM4 ไปก่อนแล้ว แต่ Samsung ก็อยู่ระหว่างการส่งตัวอย่างให้ Nvidia และตั้งเป้าเริ่มผลิตจำนวนมากในครึ่งแรกของปี 2026 โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการแซงคู่แข่งทั้งด้านประสิทธิภาพและปริมาณการผลิต ✅ ความคืบหน้าของ Samsung ในตลาด HBM ➡️ Samsung ได้รับการรับรองจาก Nvidia สำหรับชิป HBM3E แบบ 12 ชั้น ➡️ หุ้น Samsung พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังข่าวการรับรองเผยแพร่ ➡️ ชิป HBM3E จะถูกใช้ใน Nvidia DGX B300 และ AMD MI350 ➡️ Samsung เป็นผู้ผลิตรายที่สามที่ได้รับการรับรอง ต่อจาก SK hynix และ Micron ✅ คุณสมบัติของ HBM3E และ HBM4 ➡️ HBM3E มีแบนด์วิดธ์ 1.2 TB/s ต่อ stack และใช้เทคโนโลยี 12-layer DRAM ➡️ HBM4 จะมีแบนด์วิดธ์สูงถึง 2 TB/s และความจุ 64 GB ต่อชิป ➡️ ใช้กระบวนการผลิตระดับ 3–4 นาโนเมตร ลดการใช้พลังงานลง 20–30% ➡️ Samsung ตั้งเป้าเริ่มผลิต HBM4 จำนวนมากในครึ่งแรกของปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Nvidia กำหนดมาตรฐาน HBM4 ที่สูงขึ้น เช่น 10–11 Gbps ต่อ pin ➡️ Samsung แสดงความสามารถถึง 11 Gbps ซึ่งเหนือกว่า SK hynix ที่ทำได้ 10 Gbps ➡️ Micron ยังประสบปัญหาในการผ่านมาตรฐาน HBM4 ของ Nvidia2 ➡️ ตลาด HBM คาดว่าจะเติบโต 30% ต่อปีจนถึงปี 2030 ตามการคาดการณ์ของ SK hynix https://www.tomshardware.com/tech-industry/samsung-earns-nvidias-certification-for-its-hbm3-memory-stock-jumps-5-percent-as-company-finally-catches-up-to-sk-hynix-and-micron-in-hbm3e-production
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • “ภาพโปรไฟล์สีดำบน Facebook คืออะไร? จากการไว้อาลัยสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคดิจิทัล”

    ในโลกที่การแสดงออกทางสังคมเกิดขึ้นผ่านหน้าจอมากกว่าท้องถนน การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำบน Facebook กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่การไว้อาลัย แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืน การประท้วง และการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

    ย้อนกลับไปในปี 2016 ผู้ใช้ Facebook จำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของ Donald Trump และในปี 2024 เทรนด์นี้ก็กลับมาอีกครั้งในบริบทที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น — ในปี 2018 ภาพโปรไฟล์สีดำถูกใช้เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในแคมเปญที่ให้ผู้หญิง “หายไป” จากโซเชียลเพื่อให้ผู้ชายตระหนักถึงบทบาทของพวกเธอในชีวิต

    เหตุการณ์ที่ทรงพลังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2020 บน Instagram กับ “Black Tuesday” ที่ผู้คนในวงการบันเทิงเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ George Floyd และสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง X (Twitter เดิม)

    แต่ภาพโปรไฟล์สีดำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเคลื่อนไหวระดับชาติ บางคนใช้เพื่อแสดงความเศร้า สูญเสีย หรือไว้อาลัยต่อบุคคลที่รัก หรือแม้แต่เพื่อบอกว่า “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์ออนไลน์” เป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมการตกแต่งโปรไฟล์อย่างเงียบ ๆ

    นอกจากการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ผู้ใช้ยังใช้วิธีอื่นในการแสดงออก เช่น การใส่กรอบรูปโปรไฟล์ที่มีธงชาติฝรั่งเศสหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 หรือธงสีรุ้งหลังคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกัน รวมถึงการใช้ hashtag เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและแสดงจุดยืนทางสังคม

    https://www.slashgear.com/1970336/black-profile-pictures-facebook-meaning/
    🖤 “ภาพโปรไฟล์สีดำบน Facebook คืออะไร? จากการไว้อาลัยสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคดิจิทัล” ในโลกที่การแสดงออกทางสังคมเกิดขึ้นผ่านหน้าจอมากกว่าท้องถนน การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำบน Facebook กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่การไว้อาลัย แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืน การประท้วง และการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ย้อนกลับไปในปี 2016 ผู้ใช้ Facebook จำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของ Donald Trump และในปี 2024 เทรนด์นี้ก็กลับมาอีกครั้งในบริบทที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น — ในปี 2018 ภาพโปรไฟล์สีดำถูกใช้เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในแคมเปญที่ให้ผู้หญิง “หายไป” จากโซเชียลเพื่อให้ผู้ชายตระหนักถึงบทบาทของพวกเธอในชีวิต เหตุการณ์ที่ทรงพลังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2020 บน Instagram กับ “Black Tuesday” ที่ผู้คนในวงการบันเทิงเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ George Floyd และสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง X (Twitter เดิม) แต่ภาพโปรไฟล์สีดำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเคลื่อนไหวระดับชาติ บางคนใช้เพื่อแสดงความเศร้า สูญเสีย หรือไว้อาลัยต่อบุคคลที่รัก หรือแม้แต่เพื่อบอกว่า “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์ออนไลน์” เป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมการตกแต่งโปรไฟล์อย่างเงียบ ๆ นอกจากการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ผู้ใช้ยังใช้วิธีอื่นในการแสดงออก เช่น การใส่กรอบรูปโปรไฟล์ที่มีธงชาติฝรั่งเศสหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 หรือธงสีรุ้งหลังคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกัน รวมถึงการใช้ hashtag เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและแสดงจุดยืนทางสังคม https://www.slashgear.com/1970336/black-profile-pictures-facebook-meaning/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Why Do People Put Black Profile Pictures On Facebook? Here's What It Means - SlashGear
    A profile picture can tell you a lot about somebody's account online, and a blacked out profile picture may be symbolic of an important message.
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • 55,ยึดอำนาจมา อำนาจเต็มมือ สั่ง ม.44แบบไหนก็ได้,ยุทธศาสตร์ชาติ20ปีด้วยนะ.
    ..คิดในมุมบวกแบบบวกโคตรๆ 3ป.อาจคือผู้เสียสละร่วมกับโทนี่ก็ได้,เพื่อลากไส้เขมรและผู้สนับสนุนเขมรทั้งหมด ตลอดพวกจะล้มจะยึดจะทำลายประเทศไทยให้เปิดเผยออกมาทั้งหมด เพื่อเก็บกวาดครั้งเดียว จะบ่อนจะพื้นที่ดินแดนจะอะไรชั่วเลวสาระพัดที่กระทำต่อแผ่นดินไทยประเทศไทยคนเสียสละเหล่านี้รับบทเล่นเต็มที่ แม้คนทั้งชาติจะตราหน้าว่าขายชาติก็ตาม เพื่อล่อเหยื่อตัวพ่อตัวแม่ออกมาได้จริงๆ,ไม่เข้าถ้ำเสือ ก็ไม่ได้ลูกเสือ จนกระทั่งขายวิญญาณให้ซาตานก็ได้เพื่อแลกกับความไว้วางใจของซาตาน แต่บทสุดท้ายคือพลิก เป้าหมายคือเพื่อทำลายซาตานให้พินาศทั้งหมดทั้งเครือข่ายนั้นเอง,เสียสละตนเองเพื่อพิทักษ์คนหมู่มากหรือประเทศไทย,ต้องสร้างสตอรี่เรื่องราวให้มีเหตุต่อการจบของเรื่อง ซึ่งธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอนั้นเอง.,เรทไรเดอร์ประมาณนั้น,ลุง3ป.บวกโทนี่รับบทถูกคนแล้วและอาจวางแผนกันมานานตั้งแต่ร.9แล้วก็ด้วย,อาจอยู่ที่ต่างประเทศโน้น,โดยฝ่ายแสงช่วยสนับสนุนพิเศษ,และอาจเดินทางไปเห็นอนาคตด้วยยานข้ามเวลามาแล้ว,ที่ฝ่ายแสงพาไปเห็น,โลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ
    ..ฝ่ายมืดแพ้สิ้นท่าแล้วก็ว่า,แค่ปลุกให้เราประชาชนมาตื่นรู้ค่าจริงแค่นั้น แบบตายจริง เจ็งจริงจึงกระตุ้นแรงขับเคลื่อนยากตื่นรู้ร่วมกันได้ เหมือนเราคนไทยสามัคคีร่วมใจกันปิดด่านเขมรจนกว่าจะเขมรหมดศักยภาพสิ้นฤทธิ์มาเป็นภัยอันตรายใดๆต่อประเทศไทยได้,โทนี่ที่ติดคุกก็เพื่อคุ้มครองชีวิตโทนี่ได้100%เท่านั้นแม้เป็นตัวปลอมก็ตามแต่,ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยจากคนที่จะทำร้ายดีที่สุด,ทั้งหมดถูกวางเนื้อเรื่องไว้หมดแล้วจากผู้สร้างหนังเรื่องไทยยึดภูมะเขือนี้.
    ..นี้คือมโนแบบเชิงบวกโคตรๆ พวกนี้คือฮีโร่ คนไทยรู้หรือยังว่า ..ไม่มีอะไรจะสุดยอดไปกว่าที่คนไทยเรารักกัน คนไทยเราสามัคคีกัน และช่วยเหลือกันและกันพึ่งพากันเองดีที่สุด,มิตรที่ดีที่สุดคือไทยเราเอง คือคนไทยทั้งประเทศเราเอง.,และสุดท้ายเรา..ประชาชนอาจร่วมกัน อภัยกันและกันในความผิดพลาดทั้งของตนเองและคนอื่น,เพื่อร่วมสร้างชาติไทยเราใหม่อีกครั้ง,ถอยแก่คนไทยเราเอง เพื่อก้าวไปอย่างรุ่งโรจน์ร่วมกันในยุคสมัยหน้า,ศัตรูที่แท้จริงมิใช่คนภายในชาติไทยเรา แต่คือคนหมายไม่ดีต่อประเทศไทยและคนไทยเรา ให้แตกแยกกัน จะทางศาสนา เชื้อชาติ และใดๆก็ตาม,การล้างกวาดล้างประเทศไทยที่ดีที่สุดคือล้างแบบให้อภัยกัน ทุกๆคนที่ทำผิดพลาดหวังได้รับการอภัยเพื่อกลับตัวกลับใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เคยทำผิดพลาดในอดีต,คนลักษณะนี้สมควรให้อภัยเมื่อสำนึกแล้วมาทำความดีเพื่อประเทศชาติร่วมกัน,แต่กับคนไม่สำนึก เราก็มิอาจให้อภัยได้ทางตายเท่านั้นคือสิ่งที่มันต้องได้รับเช่นกัน.,ชาติจึงจะเดินต่อไปได้,สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้คือสถาบันกษัตริย์เราเท่านั้นจะเคลียร์ตรงนี้ได้,คือคนระบบแบบราชการไทยทั้งหมด ต้องเห็นค่าการสำนึกนี้ ถวายสัตย์นั้นเอง กลับตัวกลับใจใหม่ ความชั่วใดๆในอดีตจะไม่คิดคำนวนกลับมาอีกแก่บรรดาข้าราชการไทยทั่วประเทศ จงกลับเนื้อกลับตัวกลับใจตั้งมั่นทำความดีเพื่อชาติคือประชาชนและเพื่อแผ่นดินอธิปไตยไทยที่เกิดอาศัยดำรงชีพและตายนี้,คนข้าราชการไทยเราจะเกิดใหม่ทันที,ความผิดใดๆคือเป็นศูนย์,อภัยโทษนั้นเอง,ต่อมาคือประชาชนคนไทย ความผิดใดๆโทษอภัยหมด,ตั้งต้นชีวิตใหม่ ,หากข้าราชการไทยคนใด พ่อค้าเจ้าสัวใดยังมีพฤติกรรมชั่วเลวเหมือนเดิม โทษอาญาหนักแน่นอน,อาจยึดทรัพย์ทั้งตระกูล,ประหารชีวิตพร้อม,ส่วย เถื่อนทหารนายพลใดยังรับไม่ซื่อคือตายสถานเดียว,อะไรไม่ถูกต้องทำให้ถูกต้อง,สุดท้ายคนไทยจะเป็นหัวโขนอะไรใดๆจะรักเข้าใจกันหมด,สามัคคีร่วมแรงใจลงใจกันทั่วประเทศ,เรา..ทั้งประเทศไทยประชาชนคนไทยจะเสมือนเม็ดทรายเป็นเม็ดหินหลายลูกรวมกองกันเป็นภูเขาเงินภูเขาทองภูเขาเพชรที่แข็วแกร่งกว่าใดๆมิปานแน่นอน ตั้งสง่าใหญ่โตองอาจประดับคู่เคียงข้างโลกอย่างอารยะธรรมใดๆเสมอเหมือนมิมีแน่นอนในยุคปัจจุบันนี้,ยุคคนเหนือมนุษย์รวมสาระพัดทุกๆศาสตราจักรวาลอาจมารวมไว้ที่ไทยเรานี้,จะล้ำๆต่างดาวยุคอารยะธรรมใดๆก็ตามThe godsใดๆที่ผ่านมาเหยียบโลกนี้มากมายเพียงใดก็ตาม,สนามหลวงแห่งกายเนื้อนี้คนไทยเราตีแตกหมดนั้นเอง,จะโคตรสุดยอดอัจฉริยะขนาดไหนอีก,บรรลุธรรมจักรวาลเป็นว่าเล่นนั้นเอง,โดยต่างดาวใดๆที่มาเยือนมายึดครองโลกมากมายหลายล้านล้านปีก็ยังกระทำไม่ได้เช่นคนไทยเราทำได้นับจากยุคนี้ร.10เราเป็นต้นไปนั้นเอง.,
    อภัยหนี้ อภัยโทษ จึงคือจุดเริ่มต้นของการปลดปล่อยจิตวิญญาณ.
    https://youtube.com/shorts/laYhDaCK47s?si=k-m4UrsIFSNUBfd1
    55,ยึดอำนาจมา อำนาจเต็มมือ สั่ง ม.44แบบไหนก็ได้,ยุทธศาสตร์ชาติ20ปีด้วยนะ. ..คิดในมุมบวกแบบบวกโคตรๆ 3ป.อาจคือผู้เสียสละร่วมกับโทนี่ก็ได้,เพื่อลากไส้เขมรและผู้สนับสนุนเขมรทั้งหมด ตลอดพวกจะล้มจะยึดจะทำลายประเทศไทยให้เปิดเผยออกมาทั้งหมด เพื่อเก็บกวาดครั้งเดียว จะบ่อนจะพื้นที่ดินแดนจะอะไรชั่วเลวสาระพัดที่กระทำต่อแผ่นดินไทยประเทศไทยคนเสียสละเหล่านี้รับบทเล่นเต็มที่ แม้คนทั้งชาติจะตราหน้าว่าขายชาติก็ตาม เพื่อล่อเหยื่อตัวพ่อตัวแม่ออกมาได้จริงๆ,ไม่เข้าถ้ำเสือ ก็ไม่ได้ลูกเสือ จนกระทั่งขายวิญญาณให้ซาตานก็ได้เพื่อแลกกับความไว้วางใจของซาตาน แต่บทสุดท้ายคือพลิก เป้าหมายคือเพื่อทำลายซาตานให้พินาศทั้งหมดทั้งเครือข่ายนั้นเอง,เสียสละตนเองเพื่อพิทักษ์คนหมู่มากหรือประเทศไทย,ต้องสร้างสตอรี่เรื่องราวให้มีเหตุต่อการจบของเรื่อง ซึ่งธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอนั้นเอง.,เรทไรเดอร์ประมาณนั้น,ลุง3ป.บวกโทนี่รับบทถูกคนแล้วและอาจวางแผนกันมานานตั้งแต่ร.9แล้วก็ด้วย,อาจอยู่ที่ต่างประเทศโน้น,โดยฝ่ายแสงช่วยสนับสนุนพิเศษ,และอาจเดินทางไปเห็นอนาคตด้วยยานข้ามเวลามาแล้ว,ที่ฝ่ายแสงพาไปเห็น,โลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ ..ฝ่ายมืดแพ้สิ้นท่าแล้วก็ว่า,แค่ปลุกให้เราประชาชนมาตื่นรู้ค่าจริงแค่นั้น แบบตายจริง เจ็งจริงจึงกระตุ้นแรงขับเคลื่อนยากตื่นรู้ร่วมกันได้ เหมือนเราคนไทยสามัคคีร่วมใจกันปิดด่านเขมรจนกว่าจะเขมรหมดศักยภาพสิ้นฤทธิ์มาเป็นภัยอันตรายใดๆต่อประเทศไทยได้,โทนี่ที่ติดคุกก็เพื่อคุ้มครองชีวิตโทนี่ได้100%เท่านั้นแม้เป็นตัวปลอมก็ตามแต่,ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยจากคนที่จะทำร้ายดีที่สุด,ทั้งหมดถูกวางเนื้อเรื่องไว้หมดแล้วจากผู้สร้างหนังเรื่องไทยยึดภูมะเขือนี้. ..นี้คือมโนแบบเชิงบวกโคตรๆ พวกนี้คือฮีโร่ คนไทยรู้หรือยังว่า ..ไม่มีอะไรจะสุดยอดไปกว่าที่คนไทยเรารักกัน คนไทยเราสามัคคีกัน และช่วยเหลือกันและกันพึ่งพากันเองดีที่สุด,มิตรที่ดีที่สุดคือไทยเราเอง คือคนไทยทั้งประเทศเราเอง.,และสุดท้ายเรา..ประชาชนอาจร่วมกัน อภัยกันและกันในความผิดพลาดทั้งของตนเองและคนอื่น,เพื่อร่วมสร้างชาติไทยเราใหม่อีกครั้ง,ถอยแก่คนไทยเราเอง เพื่อก้าวไปอย่างรุ่งโรจน์ร่วมกันในยุคสมัยหน้า,ศัตรูที่แท้จริงมิใช่คนภายในชาติไทยเรา แต่คือคนหมายไม่ดีต่อประเทศไทยและคนไทยเรา ให้แตกแยกกัน จะทางศาสนา เชื้อชาติ และใดๆก็ตาม,การล้างกวาดล้างประเทศไทยที่ดีที่สุดคือล้างแบบให้อภัยกัน ทุกๆคนที่ทำผิดพลาดหวังได้รับการอภัยเพื่อกลับตัวกลับใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เคยทำผิดพลาดในอดีต,คนลักษณะนี้สมควรให้อภัยเมื่อสำนึกแล้วมาทำความดีเพื่อประเทศชาติร่วมกัน,แต่กับคนไม่สำนึก เราก็มิอาจให้อภัยได้ทางตายเท่านั้นคือสิ่งที่มันต้องได้รับเช่นกัน.,ชาติจึงจะเดินต่อไปได้,สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้คือสถาบันกษัตริย์เราเท่านั้นจะเคลียร์ตรงนี้ได้,คือคนระบบแบบราชการไทยทั้งหมด ต้องเห็นค่าการสำนึกนี้ ถวายสัตย์นั้นเอง กลับตัวกลับใจใหม่ ความชั่วใดๆในอดีตจะไม่คิดคำนวนกลับมาอีกแก่บรรดาข้าราชการไทยทั่วประเทศ จงกลับเนื้อกลับตัวกลับใจตั้งมั่นทำความดีเพื่อชาติคือประชาชนและเพื่อแผ่นดินอธิปไตยไทยที่เกิดอาศัยดำรงชีพและตายนี้,คนข้าราชการไทยเราจะเกิดใหม่ทันที,ความผิดใดๆคือเป็นศูนย์,อภัยโทษนั้นเอง,ต่อมาคือประชาชนคนไทย ความผิดใดๆโทษอภัยหมด,ตั้งต้นชีวิตใหม่ ,หากข้าราชการไทยคนใด พ่อค้าเจ้าสัวใดยังมีพฤติกรรมชั่วเลวเหมือนเดิม โทษอาญาหนักแน่นอน,อาจยึดทรัพย์ทั้งตระกูล,ประหารชีวิตพร้อม,ส่วย เถื่อนทหารนายพลใดยังรับไม่ซื่อคือตายสถานเดียว,อะไรไม่ถูกต้องทำให้ถูกต้อง,สุดท้ายคนไทยจะเป็นหัวโขนอะไรใดๆจะรักเข้าใจกันหมด,สามัคคีร่วมแรงใจลงใจกันทั่วประเทศ,เรา..ทั้งประเทศไทยประชาชนคนไทยจะเสมือนเม็ดทรายเป็นเม็ดหินหลายลูกรวมกองกันเป็นภูเขาเงินภูเขาทองภูเขาเพชรที่แข็วแกร่งกว่าใดๆมิปานแน่นอน ตั้งสง่าใหญ่โตองอาจประดับคู่เคียงข้างโลกอย่างอารยะธรรมใดๆเสมอเหมือนมิมีแน่นอนในยุคปัจจุบันนี้,ยุคคนเหนือมนุษย์รวมสาระพัดทุกๆศาสตราจักรวาลอาจมารวมไว้ที่ไทยเรานี้,จะล้ำๆต่างดาวยุคอารยะธรรมใดๆก็ตามThe godsใดๆที่ผ่านมาเหยียบโลกนี้มากมายเพียงใดก็ตาม,สนามหลวงแห่งกายเนื้อนี้คนไทยเราตีแตกหมดนั้นเอง,จะโคตรสุดยอดอัจฉริยะขนาดไหนอีก,บรรลุธรรมจักรวาลเป็นว่าเล่นนั้นเอง,โดยต่างดาวใดๆที่มาเยือนมายึดครองโลกมากมายหลายล้านล้านปีก็ยังกระทำไม่ได้เช่นคนไทยเราทำได้นับจากยุคนี้ร.10เราเป็นต้นไปนั้นเอง., อภัยหนี้ อภัยโทษ จึงคือจุดเริ่มต้นของการปลดปล่อยจิตวิญญาณ. https://youtube.com/shorts/laYhDaCK47s?si=k-m4UrsIFSNUBfd1
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. ร่วม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมชื่นชมความเสียสละของกำลังพลและยืนยันความพร้อมปกป้องอธิปไตยไทย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090750


    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. ร่วม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมชื่นชมความเสียสละของกำลังพลและยืนยันความพร้อมปกป้องอธิปไตยไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090750 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    7
    0 Comments 1 Shares 299 Views 0 Reviews
  • เรื่อง บันทึกวันฉลอง
    “บันทึกวันฉลอง”
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม
    ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง
    ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน)
    นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ)
    อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย
    (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ)
    สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้
    อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย
    พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ
    ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก
    ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง
    พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง
    สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง)
    สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
    นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart
    มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้)
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้)
    ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง)
    ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน)
    ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ)
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ)
    เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก)
    ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา)
    คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี
    หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ)
    เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง )
    จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว
    เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา
    ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767
    มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง
    อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี
    สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    เรื่อง บันทึกวันฉลอง “บันทึกวันฉลอง” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน) นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ) อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ) สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้ อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง) สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้) ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้) ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง) ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน) ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ) เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ) เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก) ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา) คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ) เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง ) จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767 มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • Toshiba โชว์พลัง “ฮาร์ดดิสก์” สู้ PCIe 5.0 ด้วย JBOD 78 ลูก — เมื่อความจุและความเร็วไม่จำเป็นต้องใช้ SSD เสมอไป

    ย้อนกลับไปในปี 2023 Toshiba ได้สร้างการทดลองที่น่าทึ่งแต่กลับถูกมองข้ามในวงกว้าง ด้วยการใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD (Just a Bunch Of Disks) เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ฮาร์ดดิสก์ธรรมดา” ก็สามารถให้ความเร็วระดับ PCIe 5.0 ได้ หากจัดการอย่างถูกวิธี

    ทีมวิศวกรของ Toshiba ในยุโรปใช้แชสซี AIC J4078-02-04X แบบ 4U ใส่ฮาร์ดดิสก์ MG08 ขนาด 18TB แบบ SAS ทั้งหมด 78 ลูก เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro ผ่านลิงก์ SAS4 และควบคุมด้วย RAID controller จาก Adaptec ผลลัพธ์คือความจุรวม 1.5PB และความเร็วทะลุ 17GB/s — เทียบเท่ากับ SSD PCIe 5.0 ในระดับองค์กร

    แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือการเพิ่มฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ผลลัพธ์แบบ “เกือบเชิงเส้น” คือยิ่งใส่มาก ความเร็วรวมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็วเฉลี่ย 300MB/s และเมื่อรวมกันถึง 78 ลูก ความเร็วรวมก็ทะลุขีดจำกัดของเครือข่าย 100Gbps ได้อย่างง่ายดาย

    แม้ SSD จะครองตลาดในด้านความเร็ว แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า HDD ยังมีบทบาทสำคัญในงานที่ต้องการความจุสูงและต้นทุนต่ำ เช่น cold storage หรือระบบ backup ขนาดใหญ่ และหากปรับแต่ง firmware กับ hardware เพิ่มเติม Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันความเร็วได้ถึง 20GB/s

    น่าเสียดายที่การทดลองนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก และวิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียงไม่กี่ร้อยคน ทั้งที่เป็นการพิสูจน์ว่า “เทคโนโลยีเก่า” ยังสามารถแข่งขันได้ในโลกที่หมุนเร็วด้วย SSD และ NVMe

    Toshiba ใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD เพื่อทดสอบความเร็ว
    ใช้แชสซี AIC J4078-02-04X / ฮาร์ดดิสก์ MG08 18TB SAS
    เชื่อมต่อผ่าน SAS4 กับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro / ควบคุมด้วย Adaptec RAID

    ความเร็วรวมทะลุ 17GB/s เทียบเท่า PCIe 5.0
    ฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็ว ~300MB/s
    ความเร็วเพิ่มขึ้นเกือบเชิงเส้นเมื่อเพิ่มจำนวนดิสก์

    ความจุรวม 1.5PB เหมาะกับงาน cold storage และ backup
    ต้นทุนต่อ GB ต่ำกว่าระบบ SSD
    เหมาะกับ data center ที่ต้องการความจุสูงแต่ไม่เน้น latency

    Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันถึง 20GB/s ด้วยการปรับแต่ง
    ต้องปรับ firmware และ optimize hardware เพิ่มเติม
    แสดงให้เห็นศักยภาพของ HDD ในงานระดับองค์กร

    การทดลองไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก
    วิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียง ~400 คน
    เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีเก่ายังมีคุณค่าในบริบทใหม่

    https://www.techradar.com/pro/two-years-ago-toshiba-used-78-hard-drives-to-reach-pcie-5-0-speeds-in-massive-1-5pb-jbod-setup-but-barely-anyone-noticed
    📰 Toshiba โชว์พลัง “ฮาร์ดดิสก์” สู้ PCIe 5.0 ด้วย JBOD 78 ลูก — เมื่อความจุและความเร็วไม่จำเป็นต้องใช้ SSD เสมอไป ย้อนกลับไปในปี 2023 Toshiba ได้สร้างการทดลองที่น่าทึ่งแต่กลับถูกมองข้ามในวงกว้าง ด้วยการใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD (Just a Bunch Of Disks) เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ฮาร์ดดิสก์ธรรมดา” ก็สามารถให้ความเร็วระดับ PCIe 5.0 ได้ หากจัดการอย่างถูกวิธี ทีมวิศวกรของ Toshiba ในยุโรปใช้แชสซี AIC J4078-02-04X แบบ 4U ใส่ฮาร์ดดิสก์ MG08 ขนาด 18TB แบบ SAS ทั้งหมด 78 ลูก เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro ผ่านลิงก์ SAS4 และควบคุมด้วย RAID controller จาก Adaptec ผลลัพธ์คือความจุรวม 1.5PB และความเร็วทะลุ 17GB/s — เทียบเท่ากับ SSD PCIe 5.0 ในระดับองค์กร แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือการเพิ่มฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ผลลัพธ์แบบ “เกือบเชิงเส้น” คือยิ่งใส่มาก ความเร็วรวมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็วเฉลี่ย 300MB/s และเมื่อรวมกันถึง 78 ลูก ความเร็วรวมก็ทะลุขีดจำกัดของเครือข่าย 100Gbps ได้อย่างง่ายดาย แม้ SSD จะครองตลาดในด้านความเร็ว แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า HDD ยังมีบทบาทสำคัญในงานที่ต้องการความจุสูงและต้นทุนต่ำ เช่น cold storage หรือระบบ backup ขนาดใหญ่ และหากปรับแต่ง firmware กับ hardware เพิ่มเติม Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันความเร็วได้ถึง 20GB/s น่าเสียดายที่การทดลองนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก และวิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียงไม่กี่ร้อยคน ทั้งที่เป็นการพิสูจน์ว่า “เทคโนโลยีเก่า” ยังสามารถแข่งขันได้ในโลกที่หมุนเร็วด้วย SSD และ NVMe ✅ Toshiba ใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD เพื่อทดสอบความเร็ว ➡️ ใช้แชสซี AIC J4078-02-04X / ฮาร์ดดิสก์ MG08 18TB SAS ➡️ เชื่อมต่อผ่าน SAS4 กับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro / ควบคุมด้วย Adaptec RAID ✅ ความเร็วรวมทะลุ 17GB/s เทียบเท่า PCIe 5.0 ➡️ ฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็ว ~300MB/s ➡️ ความเร็วเพิ่มขึ้นเกือบเชิงเส้นเมื่อเพิ่มจำนวนดิสก์ ✅ ความจุรวม 1.5PB เหมาะกับงาน cold storage และ backup ➡️ ต้นทุนต่อ GB ต่ำกว่าระบบ SSD ➡️ เหมาะกับ data center ที่ต้องการความจุสูงแต่ไม่เน้น latency ✅ Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันถึง 20GB/s ด้วยการปรับแต่ง ➡️ ต้องปรับ firmware และ optimize hardware เพิ่มเติม ➡️ แสดงให้เห็นศักยภาพของ HDD ในงานระดับองค์กร ✅ การทดลองไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก ➡️ วิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียง ~400 คน ➡️ เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีเก่ายังมีคุณค่าในบริบทใหม่ https://www.techradar.com/pro/two-years-ago-toshiba-used-78-hard-drives-to-reach-pcie-5-0-speeds-in-massive-1-5pb-jbod-setup-but-barely-anyone-noticed
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • “แต่แล้วมันก็สายเกินไป” — บทเรียนจากเยอรมนีในยุคนาซี ที่สะท้อนถึงการนิ่งเฉยของคนดี

    ในหนังสือ They Thought They Were Free: The Germans, 1933–45 โดย Milton Mayer มีตอนหนึ่งที่ทรงพลังและสะเทือนใจที่สุดคือบทสัมภาษณ์นักวิชาการชาวเยอรมันที่เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับระบอบนาซีโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — และมันก็สายเกินไปที่จะต่อต้าน

    เขาเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย ทุกมาตรการดูเหมือนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” และประชาชนก็ยุ่งอยู่กับชีวิตประจำวันจนไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งสำคัญ การประชุม การกรอกเอกสาร การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่กลืนกินเวลาและพลังงานของผู้คน แม้แต่คนมีการศึกษาอย่างเขาก็ยอมรับว่า “ไม่มีเวลาคิด” และรู้สึก “ขอบคุณ” ที่ระบอบเผด็จการทำให้ไม่ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก

    เมื่อมีการละเมิดสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ เช่น คอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อมวลชน ชาวยิว และในที่สุดคือศาสนจักร คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “มันยังไม่แย่ขนาดนั้น” หรือ “ฉันไม่ใช่คนกลุ่มนั้น” จนกระทั่งทุกอย่างลุกลามไปถึงตัวเอง

    เขายังเล่าเรื่องผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ตัดสินให้ชาวยิวพ้นผิดตามหลักกฎหมาย แต่กลับรู้สึกผิด เพราะรู้ดีว่าการปล่อยตัวคือการส่งเขาไปสู่ความตายโดยพรรคฯ และสุดท้ายผู้พิพากษาคนนั้นก็ถูกจับหลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ในปี 1944

    ข้อความสุดท้ายของบทนี้คือการยอมรับว่า “ความละอาย” คือสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับคนดีที่ไม่ทำอะไรเลยในเวลาที่ควรทำ และมันคือรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญที่น่าเศร้าที่สุด

    การเปลี่ยนผ่านสู่เผด็จการเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และแนบเนียน
    ทุกมาตรการถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเพื่อความมั่นคง
    ประชาชนค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป

    คนดีจำนวนมากไม่ต่อต้าน เพราะ “ไม่มีเวลา” หรือ “ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
    แม้แต่ผู้มีการศึกษาก็หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งสำคัญ
    ความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันกลายเป็นข้ออ้างในการนิ่งเฉย

    การละเมิดสิทธิเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แล้วขยายไปเรื่อย ๆ
    เริ่มจากคอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อ ชาวยิว และศาสนจักร
    คนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น”

    ความละอายกลายเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่
    ผู้พิพากษาที่ตัดสินอย่างถูกต้องกลับรู้สึกผิด เพราะรู้ผลลัพธ์
    หลายคนต้องใช้ชีวิตกับความละอายที่ไม่อาจแก้ไขได้

    https://press.uchicago.edu/Misc/Chicago/511928.html
    📰 “แต่แล้วมันก็สายเกินไป” — บทเรียนจากเยอรมนีในยุคนาซี ที่สะท้อนถึงการนิ่งเฉยของคนดี ในหนังสือ They Thought They Were Free: The Germans, 1933–45 โดย Milton Mayer มีตอนหนึ่งที่ทรงพลังและสะเทือนใจที่สุดคือบทสัมภาษณ์นักวิชาการชาวเยอรมันที่เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับระบอบนาซีโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — และมันก็สายเกินไปที่จะต่อต้าน เขาเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย ทุกมาตรการดูเหมือนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” และประชาชนก็ยุ่งอยู่กับชีวิตประจำวันจนไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งสำคัญ การประชุม การกรอกเอกสาร การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่กลืนกินเวลาและพลังงานของผู้คน แม้แต่คนมีการศึกษาอย่างเขาก็ยอมรับว่า “ไม่มีเวลาคิด” และรู้สึก “ขอบคุณ” ที่ระบอบเผด็จการทำให้ไม่ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก เมื่อมีการละเมิดสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ เช่น คอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อมวลชน ชาวยิว และในที่สุดคือศาสนจักร คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “มันยังไม่แย่ขนาดนั้น” หรือ “ฉันไม่ใช่คนกลุ่มนั้น” จนกระทั่งทุกอย่างลุกลามไปถึงตัวเอง เขายังเล่าเรื่องผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ตัดสินให้ชาวยิวพ้นผิดตามหลักกฎหมาย แต่กลับรู้สึกผิด เพราะรู้ดีว่าการปล่อยตัวคือการส่งเขาไปสู่ความตายโดยพรรคฯ และสุดท้ายผู้พิพากษาคนนั้นก็ถูกจับหลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ในปี 1944 ข้อความสุดท้ายของบทนี้คือการยอมรับว่า “ความละอาย” คือสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับคนดีที่ไม่ทำอะไรเลยในเวลาที่ควรทำ และมันคือรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญที่น่าเศร้าที่สุด ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่เผด็จการเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และแนบเนียน ➡️ ทุกมาตรการถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเพื่อความมั่นคง ➡️ ประชาชนค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ✅ คนดีจำนวนมากไม่ต่อต้าน เพราะ “ไม่มีเวลา” หรือ “ไม่ใช่เรื่องของฉัน” ➡️ แม้แต่ผู้มีการศึกษาก็หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งสำคัญ ➡️ ความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันกลายเป็นข้ออ้างในการนิ่งเฉย ✅ การละเมิดสิทธิเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แล้วขยายไปเรื่อย ๆ ➡️ เริ่มจากคอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อ ชาวยิว และศาสนจักร ➡️ คนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น” ✅ ความละอายกลายเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ➡️ ผู้พิพากษาที่ตัดสินอย่างถูกต้องกลับรู้สึกผิด เพราะรู้ผลลัพธ์ ➡️ หลายคนต้องใช้ชีวิตกับความละอายที่ไม่อาจแก้ไขได้ https://press.uchicago.edu/Misc/Chicago/511928.html
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • ไปงานขึ้นบ้านใหม่คนรู้จักแต่ไม่ได้สนิทแต่ก็ต้องไปพระสวดทำพิธีเสร็จปะพรมน้ำมนต์เรียบร้อยเขายกขันน้ำมนต์มาตีตัวเลขกัน...!!!"แต่ตีไม่เป็นกลับเห็นเป็น#ครุฑสีดำเหยียบอยู่แบบนี้ถามใครก็ไม่มีใครเห็นก็เลยกลับบ้านลองวาดดูได้ภาพอย่างนี้คะ"ไปค้นหาความหมายของครุฑสีดำเขาบอกว่าแก้คุณไสยขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ในกูเกิ้ลนะ @เพื่อนๆลองดูนะใครตีได้โชคทำบุญในมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินนะคะบาทสองบาทแล้วแต่เลย&วาดไม่เป็นไม่สวยแต่พอดูรู้เรื่องเนอะ
    ไปงานขึ้นบ้านใหม่คนรู้จักแต่ไม่ได้สนิทแต่ก็ต้องไปพระสวดทำพิธีเสร็จปะพรมน้ำมนต์เรียบร้อยเขายกขันน้ำมนต์มาตีตัวเลขกัน...!!!"แต่ตีไม่เป็นกลับเห็นเป็น#ครุฑสีดำเหยียบอยู่แบบนี้ถามใครก็ไม่มีใครเห็นก็เลยกลับบ้านลองวาดดูได้ภาพอย่างนี้คะ😉"ไปค้นหาความหมายของครุฑสีดำเขาบอกว่าแก้คุณไสยขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ในกูเกิ้ลนะ @เพื่อนๆลองดูนะใครตีได้โชคทำบุญในมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินนะคะบาทสองบาทแล้วแต่เลย😊&วาดไม่เป็นไม่สวยแต่พอดูรู้เรื่องเนอะ
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    บทส่งท้าย

    วิกฤติ Ukraine ไม่ใช่มาจากเรื่อง ว่าชาวยูเครนต้องการอย่างไร กับประเทศของตัวเอง ชาวยูเครนไม่มีสิทธิในการตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขา ของลูกหลานเขา พวกเขากำลังอยู่ในกลางกระดาน ของเกมหมากรุกชิงโลก อยู่ในกำมือของพวกที่คิดว่า (จะ) เป็นเจ้าของโลกใบนี้

    อังกฤษฝันค้าง เรื่อง ยูเรเซียมากว่า 100 ปี ไม่นานจากนั้น อเมริกาก็ติดเชื้อ เริ่มนอนฝันค้างตาม นับจริงๆ ก็เกือบ 100 ปีเหมือนกัน มันฝันยาวกัน ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ลืม ไม่เลือน แบบนี้ มันคงไม่ใช่ฝันล้มๆแล้งๆเป็นแน่ พวกเขาทำทุกอย่างให้ความฝันเป็นจริง เพราะ “ยูเรเซีย” เป็นที่หมายสำคัญ ที่จะทำให้อเมริกา เป็น จักรวรรดิอเมริกาที่แท้จริง และอาณาจักรของจักรวรรดิอเมริกา คือ ทุกบริเวณ ทุกตารางนิ้ว ทุกอณู บนโลกนี้ รวมไปทั้งใต้ดิน บนดิน เหนือดิน กลางเมฆ บนฟ้า ยาวไกลไปถึง อวกาศ ทางธรรมชาติ ทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ

    ไม่ใช่เรื่องพูดเล่น อมริกาถึงกับให้คำจำกัดความ บริเวณอาณาจักรในฝันของตัว ว่า Full Spectrum Dominence ซึ่งระบุไว้ในนโยบายของ Pentagon ต้ังแต่ปี คศ 2000 ว่า ภายในปี คศ 2020 อเมริกา จะเป็นผู้ครองโลกโดยสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ ด้วยกำลังทางทหาร และอาวุธ

    อเมริกา ต้ังเข็มทิศแนวแน่ ไม่มีเปลี่ยนองศา ไม่เปลี่ยนแม้แต่ลิบดาเดียว ระหว่างการเดินหน้าตามเข็มทิศเพื่อครองโลก ใครเกะกะ ขวางทาง รกหู รกตา อเมริกาจัดการเรียบ
    Ukraine จะเป็นหนังตัวอย่าง ที่เราไม่ดูไม่ได้ อเมริกาและพวก จะจัดการ กับ Ukraine อย่างไร และรัสเซีย กับ พวก จะแก้เกมอย่างไร เป็น “ฉากตัวอย่าง” ที่เราจะได้เห็นว่า โลกใบนี้ ที่สุดแล้ว ฝ่ายใดจะครอง และ หน้าตาของโลก หลังการมหาสัประยุทธ์ จะเป็นอย่างไร

    หลังจากการเลือกต้ังประธานาธิบดีที่ Ukraine เมื่อเดือน พฤษภาคมเสร็จสิ้น ได้ ราชา
    ช๊อกโกแลต ที่มีข่าวว่าเป็นหุ่นเชิดของอเมริกา มาเป็นประธานาธิบดี ดูเหมือนจังหวะนี้
    จะเป็นเกมรุกของอเมริกา เพื่อที่จะสกัดรัสเซีย ให้พ้นไปจาก Ukraine พร้อมทั้งปิดท่อแก๊สจากรัสเซีย ที่ Ukriane ที่จะส่งต่อออกไปสู่ยุโรป ให้จบสิ้นไปพร้อมกัน

    รัสเซียน่าจะเดาทาง วิธีเดินเกมของอเมริกาออก

    รัสเซียรีบส่งหนังสือ ถึงราชาช๊อกโกแลต ทันทีที่ได้รับตำแหน่ง ขอโทษ ไม่ใช่เป็นหนังสือแสดงความยินดี แต่เป็น หนังสือทวงหนี้ค่าแก๊ส ที่ Ukraine ค้างชำระค่าแก๊ส ประมาณ 3.5 พันล้านเหรียญ หนี้เก่าก็ยังไม่ใช้ แก๊ส งวดใหม่ต้ังแต่งวดมิถุนายน เป็นต้นไป โปรดจ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมทั่งขุ่ว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ จะหยุดการส่งแก๊สให้ Ukraine และขณะนี้รัสเซียก็ได้ระงับการส่งแก๊สให้ Ukraine ไปเรียบร้อยแล้ว

    หลังจากนั้น ก็มีข่าว ทยอยออกมาจากสื่อฝั่งรัสเซีย เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาว่า Gazprom ได้ ทำสัญญา กับลูกค้าทางยุโรป เพื่อที่จะเปลี่ยนการชำระค่าซื้อขาย จาก
    ดอลล่าร์เป็น ยูโร บวกกับ เรื่องที่รัสเซีย เซ็นสัญญา ขายแก็ส กับจีน เป็นจำนวน 4 แสนล้านเหรียญ

    ในการซื้อขายครั้งนี้ รัสเซีย กับจีน ยังตกลงกันอีกว่า จะจ่ายเป็นเงิน รูเบิล หรือ เงิน หยวน ก็ได้ แค่นี้มันยังคงเย้ยอเมริกาไม่พ อ เพื่อนรักจึงตกลงแถมท้าย อีกว่า ต่อไปนี้ เวลาเรา ค้าขายกันนะ เราอย่าไปเอากระดาษเขียวๆ มาจ่ายกันเลย เราใช้เงินบ้านเราจ่ายกันเองก็แล้วกัน
    การเดินหมากทางการเงิน ของคุณพี่ปูติน กับ อาเฮีย เพื่อนรัก คราวนี้ นับว่า นับเป็นการเดินหมาก ที่ท้าทายอเมริกาอย่างยิ่ง เแปลเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการส่งสัญญาน จาก คุณ พี่ปูติน (และอาเฮีย) ว่า (ฝ่าย) เราพร้อมแล้ว อเมริกาจะเอายังไงก็ว่ามา

    นับจากวันส่งสัญญาน ทั้งคลื่นสั้น คลื่นยาวของรัสเซีย อเมริกาทำตัวเหมือนเป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ ไม่มีเสียง ไม่มีอาการ แสดงใดๆ ส่งออกมาจากวอชิงตัน

    การขยับหมากจังหวะต่อไปของอเมริกา จึงน่าสนใจยิ่ง

    อเมริกา อาจจะทำเป็นไม่สนใจหมากการเงิน เชิญใช้ รูเบิล ใช้หยวน กันไปเอง โลกฝั่งตะวันตก ของผู้เจริญ เขารับแต่กระดาษเขียว กับ เงินยูโร เงินปอนด์เท่านั้น จะปิดท่อแก๊ส Ukriane ก็ปิดไป ทางวอชิงตันยังมีใช้อยู่ ดีเสียอีก บทผู้ร้ายที่อยากให้รัสเซียเล่น โลกจะได้เห็นชัดๆ

    แต่เชื่อเถิด อเมริกาทนถูกหยามหน้าแบบนี้ไม่ได้นานหรอก อเมริกาต้องขยับ เพิ่มมาตรการแซงชั่น รัสเซีย และอื่นๆ

    อื่นๆ เช่นอะไร เหตุเกิดที่ Ukraine ก็จริงอยู่ แต่เนื่องจากมันเป็นการเดินหมาก ของกระดานชิงโลก หมากตัวที่จะต้องถูกนำมาเล่นในกระดานต่อไป น่าจะไม่แคล้วบริเวณ อิหร่าน ซีเรีย และอาจจะซ้ำรอยที่อียิปต์อีกรอบ รวมทั้ง ตุรกี (ขึ้นอยู่กับตุรกี จะยังเป็นนก 2 หัว หรือตัดสินใจจะเหลือหัวเดียว ก่อนไม่มีหัวเหลือ !) ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับ เรื่อง Ukraine!

    ขณะนี้ อเมริกาเดินหมาก ตัวที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวด้วยเช่นเดียวกัน โดยใช้นักรบยี่ห้อ ISIS เป็นตัวนำร่องล่วงหน้าไปแล้ว เพื่อกลับเข้าไปใน อิรัก (แม้ข่าวในสื่อดังต่างๆ จะรายงานว่า เป็นต่อสู้ต่างนิกายของอิสลาม แต่มันเป็นข่าวย้อม อย่างเคยๆ) เป็นการเเปิดทาง ไปหาเป้าหมายที่แท้จริง

    ถ้า อืหร่าน จับมือกับรัสเซีย และจีน อย่าลืม อเมริกากล่าวหาว่า อิหร่าน สร้าง และสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ถ้าอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์จริง และหันหัวให้ถูกองศา ตรงเป้าที่อเมริกาห่วงนักหนา อเมริกา คงหัวหมุน หน้ามืด มืดขนาดไหน ไม่อยากคิดต่อ

    ถ้าเหตุการณ์พัฒนา มาในทิศทางน้ันจริง สมันน้อยก็ระวังไว้เถิด เพราะ อเมริกา ต้องเคลื่อนกองทัพเรือที่ 5 หรือที่ 7 ที่กระจายอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อมากัน หรือมายัน ไม่ให้จีน ขยับไปจับมือกับรัสเซียและอิหร่าน ให้แน่นขึ้น ตามสัญญารวมกันเราอยู่

    กองทัพเรืออเมริกัน ซึ่งต้องพ่วงฝูงบินมาด้วย ลอยเท้งเต้งในมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้นาน ต้องแวะเติมเชื้อเพลิง และเครื่องบำรุงกำลังพล
    ฐานทัพ ที่กองทัพเรืออเมริกา จะแวะใช้บริการ ที่เหมาะเจาะ ครบถ้วนทั้ง ทางยุทธศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ อุปกรณ์บริการต่างๆ ในแถบนี้ ก็มีอยู่ที่ ไทยแลนด์ แดนสมันน้อยเท่าน้ันเอง ที่อื่นมีแต่ราคาคุย มีไม่ครบสักราย

    และโปรดอย่าลืมดู สภาพแต่ละประเทศ ที่อยู่รอบบริเวณ ที่อเมริกา “เล่น” กระดานหมากล้อม กับรัสเซีย และ จีน ไล่มา ต้ังแต่ อาฟกานิสถาน อิหร่าน อิรัค อียิปต์ ตุรกี ซีเรีย อาร์เมเนีย จอร์เจีย บุลเกเรีย
    รวมไปถึง ตูนีเซีย มาลี ลิเบีย ชาด ซุดาน และโซมาเลีย ถ้าไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งมือนักล่า หรือยอมเป็นหุ่นเชิดประเทศก็เกือบจะไม่เหลือให้เห็น

    คงพอมองเห็นกันแล้วนะครับ ว่า ผมเล่าเรื่อง หักหน้า หักหลัง เกี่ยวกับ Ukraine เสียยาวเหยียดทำไม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” บทส่งท้าย วิกฤติ Ukraine ไม่ใช่มาจากเรื่อง ว่าชาวยูเครนต้องการอย่างไร กับประเทศของตัวเอง ชาวยูเครนไม่มีสิทธิในการตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขา ของลูกหลานเขา พวกเขากำลังอยู่ในกลางกระดาน ของเกมหมากรุกชิงโลก อยู่ในกำมือของพวกที่คิดว่า (จะ) เป็นเจ้าของโลกใบนี้ อังกฤษฝันค้าง เรื่อง ยูเรเซียมากว่า 100 ปี ไม่นานจากนั้น อเมริกาก็ติดเชื้อ เริ่มนอนฝันค้างตาม นับจริงๆ ก็เกือบ 100 ปีเหมือนกัน มันฝันยาวกัน ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ลืม ไม่เลือน แบบนี้ มันคงไม่ใช่ฝันล้มๆแล้งๆเป็นแน่ พวกเขาทำทุกอย่างให้ความฝันเป็นจริง เพราะ “ยูเรเซีย” เป็นที่หมายสำคัญ ที่จะทำให้อเมริกา เป็น จักรวรรดิอเมริกาที่แท้จริง และอาณาจักรของจักรวรรดิอเมริกา คือ ทุกบริเวณ ทุกตารางนิ้ว ทุกอณู บนโลกนี้ รวมไปทั้งใต้ดิน บนดิน เหนือดิน กลางเมฆ บนฟ้า ยาวไกลไปถึง อวกาศ ทางธรรมชาติ ทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องพูดเล่น อมริกาถึงกับให้คำจำกัดความ บริเวณอาณาจักรในฝันของตัว ว่า Full Spectrum Dominence ซึ่งระบุไว้ในนโยบายของ Pentagon ต้ังแต่ปี คศ 2000 ว่า ภายในปี คศ 2020 อเมริกา จะเป็นผู้ครองโลกโดยสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ ด้วยกำลังทางทหาร และอาวุธ อเมริกา ต้ังเข็มทิศแนวแน่ ไม่มีเปลี่ยนองศา ไม่เปลี่ยนแม้แต่ลิบดาเดียว ระหว่างการเดินหน้าตามเข็มทิศเพื่อครองโลก ใครเกะกะ ขวางทาง รกหู รกตา อเมริกาจัดการเรียบ Ukraine จะเป็นหนังตัวอย่าง ที่เราไม่ดูไม่ได้ อเมริกาและพวก จะจัดการ กับ Ukraine อย่างไร และรัสเซีย กับ พวก จะแก้เกมอย่างไร เป็น “ฉากตัวอย่าง” ที่เราจะได้เห็นว่า โลกใบนี้ ที่สุดแล้ว ฝ่ายใดจะครอง และ หน้าตาของโลก หลังการมหาสัประยุทธ์ จะเป็นอย่างไร หลังจากการเลือกต้ังประธานาธิบดีที่ Ukraine เมื่อเดือน พฤษภาคมเสร็จสิ้น ได้ ราชา ช๊อกโกแลต ที่มีข่าวว่าเป็นหุ่นเชิดของอเมริกา มาเป็นประธานาธิบดี ดูเหมือนจังหวะนี้ จะเป็นเกมรุกของอเมริกา เพื่อที่จะสกัดรัสเซีย ให้พ้นไปจาก Ukraine พร้อมทั้งปิดท่อแก๊สจากรัสเซีย ที่ Ukriane ที่จะส่งต่อออกไปสู่ยุโรป ให้จบสิ้นไปพร้อมกัน รัสเซียน่าจะเดาทาง วิธีเดินเกมของอเมริกาออก รัสเซียรีบส่งหนังสือ ถึงราชาช๊อกโกแลต ทันทีที่ได้รับตำแหน่ง ขอโทษ ไม่ใช่เป็นหนังสือแสดงความยินดี แต่เป็น หนังสือทวงหนี้ค่าแก๊ส ที่ Ukraine ค้างชำระค่าแก๊ส ประมาณ 3.5 พันล้านเหรียญ หนี้เก่าก็ยังไม่ใช้ แก๊ส งวดใหม่ต้ังแต่งวดมิถุนายน เป็นต้นไป โปรดจ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมทั่งขุ่ว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ จะหยุดการส่งแก๊สให้ Ukraine และขณะนี้รัสเซียก็ได้ระงับการส่งแก๊สให้ Ukraine ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น ก็มีข่าว ทยอยออกมาจากสื่อฝั่งรัสเซีย เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาว่า Gazprom ได้ ทำสัญญา กับลูกค้าทางยุโรป เพื่อที่จะเปลี่ยนการชำระค่าซื้อขาย จาก ดอลล่าร์เป็น ยูโร บวกกับ เรื่องที่รัสเซีย เซ็นสัญญา ขายแก็ส กับจีน เป็นจำนวน 4 แสนล้านเหรียญ ในการซื้อขายครั้งนี้ รัสเซีย กับจีน ยังตกลงกันอีกว่า จะจ่ายเป็นเงิน รูเบิล หรือ เงิน หยวน ก็ได้ แค่นี้มันยังคงเย้ยอเมริกาไม่พ อ เพื่อนรักจึงตกลงแถมท้าย อีกว่า ต่อไปนี้ เวลาเรา ค้าขายกันนะ เราอย่าไปเอากระดาษเขียวๆ มาจ่ายกันเลย เราใช้เงินบ้านเราจ่ายกันเองก็แล้วกัน การเดินหมากทางการเงิน ของคุณพี่ปูติน กับ อาเฮีย เพื่อนรัก คราวนี้ นับว่า นับเป็นการเดินหมาก ที่ท้าทายอเมริกาอย่างยิ่ง เแปลเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการส่งสัญญาน จาก คุณ พี่ปูติน (และอาเฮีย) ว่า (ฝ่าย) เราพร้อมแล้ว อเมริกาจะเอายังไงก็ว่ามา นับจากวันส่งสัญญาน ทั้งคลื่นสั้น คลื่นยาวของรัสเซีย อเมริกาทำตัวเหมือนเป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ ไม่มีเสียง ไม่มีอาการ แสดงใดๆ ส่งออกมาจากวอชิงตัน การขยับหมากจังหวะต่อไปของอเมริกา จึงน่าสนใจยิ่ง อเมริกา อาจจะทำเป็นไม่สนใจหมากการเงิน เชิญใช้ รูเบิล ใช้หยวน กันไปเอง โลกฝั่งตะวันตก ของผู้เจริญ เขารับแต่กระดาษเขียว กับ เงินยูโร เงินปอนด์เท่านั้น จะปิดท่อแก๊ส Ukriane ก็ปิดไป ทางวอชิงตันยังมีใช้อยู่ ดีเสียอีก บทผู้ร้ายที่อยากให้รัสเซียเล่น โลกจะได้เห็นชัดๆ แต่เชื่อเถิด อเมริกาทนถูกหยามหน้าแบบนี้ไม่ได้นานหรอก อเมริกาต้องขยับ เพิ่มมาตรการแซงชั่น รัสเซีย และอื่นๆ อื่นๆ เช่นอะไร เหตุเกิดที่ Ukraine ก็จริงอยู่ แต่เนื่องจากมันเป็นการเดินหมาก ของกระดานชิงโลก หมากตัวที่จะต้องถูกนำมาเล่นในกระดานต่อไป น่าจะไม่แคล้วบริเวณ อิหร่าน ซีเรีย และอาจจะซ้ำรอยที่อียิปต์อีกรอบ รวมทั้ง ตุรกี (ขึ้นอยู่กับตุรกี จะยังเป็นนก 2 หัว หรือตัดสินใจจะเหลือหัวเดียว ก่อนไม่มีหัวเหลือ !) ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับ เรื่อง Ukraine! ขณะนี้ อเมริกาเดินหมาก ตัวที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวด้วยเช่นเดียวกัน โดยใช้นักรบยี่ห้อ ISIS เป็นตัวนำร่องล่วงหน้าไปแล้ว เพื่อกลับเข้าไปใน อิรัก (แม้ข่าวในสื่อดังต่างๆ จะรายงานว่า เป็นต่อสู้ต่างนิกายของอิสลาม แต่มันเป็นข่าวย้อม อย่างเคยๆ) เป็นการเเปิดทาง ไปหาเป้าหมายที่แท้จริง ถ้า อืหร่าน จับมือกับรัสเซีย และจีน อย่าลืม อเมริกากล่าวหาว่า อิหร่าน สร้าง และสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ถ้าอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์จริง และหันหัวให้ถูกองศา ตรงเป้าที่อเมริกาห่วงนักหนา อเมริกา คงหัวหมุน หน้ามืด มืดขนาดไหน ไม่อยากคิดต่อ ถ้าเหตุการณ์พัฒนา มาในทิศทางน้ันจริง สมันน้อยก็ระวังไว้เถิด เพราะ อเมริกา ต้องเคลื่อนกองทัพเรือที่ 5 หรือที่ 7 ที่กระจายอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อมากัน หรือมายัน ไม่ให้จีน ขยับไปจับมือกับรัสเซียและอิหร่าน ให้แน่นขึ้น ตามสัญญารวมกันเราอยู่ กองทัพเรืออเมริกัน ซึ่งต้องพ่วงฝูงบินมาด้วย ลอยเท้งเต้งในมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้นาน ต้องแวะเติมเชื้อเพลิง และเครื่องบำรุงกำลังพล ฐานทัพ ที่กองทัพเรืออเมริกา จะแวะใช้บริการ ที่เหมาะเจาะ ครบถ้วนทั้ง ทางยุทธศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ อุปกรณ์บริการต่างๆ ในแถบนี้ ก็มีอยู่ที่ ไทยแลนด์ แดนสมันน้อยเท่าน้ันเอง ที่อื่นมีแต่ราคาคุย มีไม่ครบสักราย และโปรดอย่าลืมดู สภาพแต่ละประเทศ ที่อยู่รอบบริเวณ ที่อเมริกา “เล่น” กระดานหมากล้อม กับรัสเซีย และ จีน ไล่มา ต้ังแต่ อาฟกานิสถาน อิหร่าน อิรัค อียิปต์ ตุรกี ซีเรีย อาร์เมเนีย จอร์เจีย บุลเกเรีย รวมไปถึง ตูนีเซีย มาลี ลิเบีย ชาด ซุดาน และโซมาเลีย ถ้าไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งมือนักล่า หรือยอมเป็นหุ่นเชิดประเทศก็เกือบจะไม่เหลือให้เห็น คงพอมองเห็นกันแล้วนะครับ ว่า ผมเล่าเรื่อง หักหน้า หักหลัง เกี่ยวกับ Ukraine เสียยาวเหยียดทำไม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
More Results