• ปราจีนบุรี - เกิดเหตุหน้าผาบริเวณสะพานลงน้ำตกเหวนรกในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถล่ม หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง 5 วัน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหญิงชาวฟิลิปปินส์ 2 รายได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ พร้อมประกาศปิดการท่องเที่ยวน้ำตกเหวนรกชั่วคราว

    วันนี้ ( 16 เม.ย.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่าเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ได้เกิดเหตุหน้าผาบริเวณสะพานทางลงสู่น้ำตกเหวนรกถล่มลงมา โดยขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทำให้หญิงชาวฟิลิปปินส์ 2 รายได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือและลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อส่งรักษาตัวในโรงพยาบาล

    และขณะนี้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้สั่งปิดการท่องเที่ยวบริเวณน้ำตกเหวนรกแล้ว และจะทำการประเมินเสถียรภาพของพื้นที่ก่อนเปิดอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย

    ทั้งนี้ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่รายงานเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันมาแล้ว 5 วัน ทำให้ดินอุ้มน้ำและเกิดการถล่มของหน้าผาดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000035945

    #MGROnline #น้ำตกเหวนรก #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
    ปราจีนบุรี - เกิดเหตุหน้าผาบริเวณสะพานลงน้ำตกเหวนรกในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถล่ม หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง 5 วัน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหญิงชาวฟิลิปปินส์ 2 รายได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ พร้อมประกาศปิดการท่องเที่ยวน้ำตกเหวนรกชั่วคราว • วันนี้ ( 16 เม.ย.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่าเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ได้เกิดเหตุหน้าผาบริเวณสะพานทางลงสู่น้ำตกเหวนรกถล่มลงมา โดยขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทำให้หญิงชาวฟิลิปปินส์ 2 รายได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือและลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อส่งรักษาตัวในโรงพยาบาล • และขณะนี้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้สั่งปิดการท่องเที่ยวบริเวณน้ำตกเหวนรกแล้ว และจะทำการประเมินเสถียรภาพของพื้นที่ก่อนเปิดอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย • ทั้งนี้ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่รายงานเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันมาแล้ว 5 วัน ทำให้ดินอุ้มน้ำและเกิดการถล่มของหน้าผาดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000035945 • #MGROnline #น้ำตกเหวนรก #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์กร Whistleblower Aid ได้เปิดเผยว่าอาจมี การละเมิดความปลอดภัยทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ที่หน่วยงานกำกับดูแลแรงงานของสหรัฐฯ (NLRB) โดยมีข้อกล่าวหาว่า ทีมเทคโนโลยีของ Elon Musk อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้

    ✅ Whistleblower Aid เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดความปลอดภัย
    - ข้อร้องเรียนถูกส่งไปยัง Tom Cotton และ Mark Warner ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ
    - แหล่งข้อมูลหลักคือ Daniel Berulis เจ้าหน้าที่ไอทีของ NLRB

    ✅ ความเป็นไปได้ที่ข้อมูลสำคัญถูกละเมิด
    - อาจมี ไฟล์คดีที่ละเอียดอ่อน ถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการโจมตี

    ✅ ผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐบาล
    - หากข้อกล่าวหาเป็นจริง อาจส่งผลกระทบต่อ ความน่าเชื่อถือของระบบความปลอดภัยไซเบอร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ
    - อาจมีการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของทีมเทคโนโลยีของ Musk

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/whistleblower-org-says-doge-may-have-caused-039significant-cyber-breach039-at-us-labor-watchdog
    องค์กร Whistleblower Aid ได้เปิดเผยว่าอาจมี การละเมิดความปลอดภัยทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ที่หน่วยงานกำกับดูแลแรงงานของสหรัฐฯ (NLRB) โดยมีข้อกล่าวหาว่า ทีมเทคโนโลยีของ Elon Musk อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ✅ Whistleblower Aid เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดความปลอดภัย - ข้อร้องเรียนถูกส่งไปยัง Tom Cotton และ Mark Warner ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ - แหล่งข้อมูลหลักคือ Daniel Berulis เจ้าหน้าที่ไอทีของ NLRB ✅ ความเป็นไปได้ที่ข้อมูลสำคัญถูกละเมิด - อาจมี ไฟล์คดีที่ละเอียดอ่อน ถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต - ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการโจมตี ✅ ผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐบาล - หากข้อกล่าวหาเป็นจริง อาจส่งผลกระทบต่อ ความน่าเชื่อถือของระบบความปลอดภัยไซเบอร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ - อาจมีการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของทีมเทคโนโลยีของ Musk https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/whistleblower-org-says-doge-may-have-caused-039significant-cyber-breach039-at-us-labor-watchdog
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Whistleblower org says DOGE may have caused 'significant cyber breach' at US labor watchdog
    WASHINGTON (Reuters) -A whistleblower complaint says that billionaire Elon Musk's team of technologists may have been responsible for a "significant cybersecurity breach," likely of sensitive case files, at America's federal labor watchdog.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัว ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยใหม่สำหรับ Android ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์ของคุณ รีบูตอัตโนมัติ หากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google Play Services update

    ✅ โทรศัพท์ Android จะรีบูตอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้งาน 3 วัน
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยบังคับให้ผู้ใช้ต้อง ป้อน PIN หลังจากรีบูต
    - ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือหรือใบหน้า หลังจากรีบูต

    ✅ การทำงานของระบบล็อก BFU และ AFU
    - โทรศัพท์มี สองสถานะล็อก คือ Before First Unlock (BFU) และ After First Unlock (AFU)
    - ในสถานะ BFU ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสอย่างแน่นหนา ทำให้ ไม่สามารถเข้าถึงได้แม้ใช้เครื่องมือแฮกขั้นสูง

    ✅ ผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมาย
    - ฟีเจอร์นี้อาจทำให้ ตำรวจหรือ FBI มีเวลาจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลบนโทรศัพท์ที่ถูกยึดเป็นหลักฐาน
    - Apple ได้เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายกันสำหรับ iPhone เมื่อปีที่แล้ว

    ✅ การเปิดใช้งานและข้อจำกัด
    - ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google System release notes เดือนเมษายน 2025
    - ใช้ได้กับ โทรศัพท์และแท็บเล็ต Android แต่ ไม่รองรับ Pixel Watch, Android Auto และทีวี

    https://www.zdnet.com/article/your-android-phone-is-getting-a-new-security-secret-weapon-how-it-works/
    Google ได้เปิดตัว ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยใหม่สำหรับ Android ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์ของคุณ รีบูตอัตโนมัติ หากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google Play Services update ✅ โทรศัพท์ Android จะรีบูตอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้งาน 3 วัน - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยบังคับให้ผู้ใช้ต้อง ป้อน PIN หลังจากรีบูต - ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือหรือใบหน้า หลังจากรีบูต ✅ การทำงานของระบบล็อก BFU และ AFU - โทรศัพท์มี สองสถานะล็อก คือ Before First Unlock (BFU) และ After First Unlock (AFU) - ในสถานะ BFU ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสอย่างแน่นหนา ทำให้ ไม่สามารถเข้าถึงได้แม้ใช้เครื่องมือแฮกขั้นสูง ✅ ผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมาย - ฟีเจอร์นี้อาจทำให้ ตำรวจหรือ FBI มีเวลาจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลบนโทรศัพท์ที่ถูกยึดเป็นหลักฐาน - Apple ได้เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายกันสำหรับ iPhone เมื่อปีที่แล้ว ✅ การเปิดใช้งานและข้อจำกัด - ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google System release notes เดือนเมษายน 2025 - ใช้ได้กับ โทรศัพท์และแท็บเล็ต Android แต่ ไม่รองรับ Pixel Watch, Android Auto และทีวี https://www.zdnet.com/article/your-android-phone-is-getting-a-new-security-secret-weapon-how-it-works/
    WWW.ZDNET.COM
    Your Android phone is getting a new security secret weapon - how it works
    This new security feature from Google will make your Android phone more difficult to access if you haven't used it in a while.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • MITRE กำลังจะ ยุติโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) หลังจาก กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (DHS) ไม่ต่อสัญญา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการติดตามช่องโหว่ด้านความปลอดภัยทั่วโลก

    ✅ MITRE จะหยุดดำเนินโครงการ CVE ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2025
    - DHS ไม่ต่อสัญญา หลังจากให้ทุนสนับสนุนโครงการมานานกว่า 25 ปี
    - CVE เป็นฐานข้อมูลช่องโหว่ที่สำคัญสำหรับ การจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลก

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์
    - CVE เป็น รากฐานของระบบติดตามช่องโหว่ ที่ใช้โดยองค์กรทั่วโลก
    - การยุติโครงการอาจทำให้ การระบุและจัดการช่องโหว่เป็นไปอย่างล่าช้า

    ✅ ความพยายามในการรักษาโครงการ
    - MITRE ยืนยันว่าจะพยายาม รักษา CVE เป็นแหล่งข้อมูลสาธารณะ
    - ข้อมูล CVE ที่มีอยู่จะยังคงสามารถเข้าถึงได้ผ่าน GitHub

    ✅ ความกังวลจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย
    - นักวิจัยจาก Rand Corporation และ Bitsight ระบุว่าการยุติโครงการเป็น "โศกนาฏกรรม"
    - อาจทำให้ การติดตามช่องโหว่ใหม่และการจัดลำดับความสำคัญของแพตช์มีความยุ่งยากขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3963190/cve-program-faces-swift-end-after-dhs-fails-to-renew-contract-leaving-security-flaw-tracking-in-limbo.html
    MITRE กำลังจะ ยุติโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) หลังจาก กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (DHS) ไม่ต่อสัญญา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการติดตามช่องโหว่ด้านความปลอดภัยทั่วโลก ✅ MITRE จะหยุดดำเนินโครงการ CVE ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2025 - DHS ไม่ต่อสัญญา หลังจากให้ทุนสนับสนุนโครงการมานานกว่า 25 ปี - CVE เป็นฐานข้อมูลช่องโหว่ที่สำคัญสำหรับ การจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลก ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ - CVE เป็น รากฐานของระบบติดตามช่องโหว่ ที่ใช้โดยองค์กรทั่วโลก - การยุติโครงการอาจทำให้ การระบุและจัดการช่องโหว่เป็นไปอย่างล่าช้า ✅ ความพยายามในการรักษาโครงการ - MITRE ยืนยันว่าจะพยายาม รักษา CVE เป็นแหล่งข้อมูลสาธารณะ - ข้อมูล CVE ที่มีอยู่จะยังคงสามารถเข้าถึงได้ผ่าน GitHub ✅ ความกังวลจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย - นักวิจัยจาก Rand Corporation และ Bitsight ระบุว่าการยุติโครงการเป็น "โศกนาฏกรรม" - อาจทำให้ การติดตามช่องโหว่ใหม่และการจัดลำดับความสำคัญของแพตช์มีความยุ่งยากขึ้น https://www.csoonline.com/article/3963190/cve-program-faces-swift-end-after-dhs-fails-to-renew-contract-leaving-security-flaw-tracking-in-limbo.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CVE program faces swift end after DHS fails to renew contract, leaving security flaw tracking in limbo
    MITRE’s 25-year-old Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) program will end April 16 after DHS did not renew its funding contract for reasons unspecified. Experts say ending the program, which served as the crux for most cybersecurity defense programs, is a tragedy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mozilla ได้ปล่อยอัปเดต Firefox 137.0.2 ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องหลายรายการ รวมถึงปัญหา DRM, การรีสตาร์ทเบราว์เซอร์หลายครั้งขณะอัปเดต, และการตอบสนองของ Firefox ต่อการคลิกใน HTML5 video players

    ✅ แก้ไขปัญหาการรีสตาร์ทหลายครั้งเมื่ออัปเดต Firefox
    - ผู้ใช้บางรายพบว่า Firefox ต้องรีสตาร์ทหลายครั้งเพื่อให้อัปเดตเสร็จสมบูรณ์
    - ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชัน 137.0.2

    ✅ แก้ไขปัญหา DRM ที่เกิดจาก Microsoft PlayReady
    - Firefox 137 มีการเปิดใช้งาน Microsoft PlayReady DRM ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการเล่นวิดีโอบางเว็บไซต์
    - อัปเดตใหม่จำกัดการรองรับ PlayReady เฉพาะบางเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงความเข้ากันได้

    ✅ แก้ไขข้อบกพร่องด้านการใช้งาน
    - แก้ไขปัญหา ไฟล์ picker ไม่แสดงบน macOS เมื่อส่งออกรหัสผ่าน
    - ปรับปรุง การลงนามเอกสาร PDF ให้รองรับการเข้าถึงได้ดีขึ้น
    - แก้ไขปัญหา การวางโค้ดซ้ำ ใน Style Editor เมื่อใช้เมนูคลิกขวา

    ✅ แก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย
    - มีการแก้ไข ช่องโหว่ด้านหน่วยความจำ ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้

    https://www.neowin.net/news/mozilla-releases-firefox-13702-with-fixes-for-drm-multiple-restarts-and-more/
    Mozilla ได้ปล่อยอัปเดต Firefox 137.0.2 ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องหลายรายการ รวมถึงปัญหา DRM, การรีสตาร์ทเบราว์เซอร์หลายครั้งขณะอัปเดต, และการตอบสนองของ Firefox ต่อการคลิกใน HTML5 video players ✅ แก้ไขปัญหาการรีสตาร์ทหลายครั้งเมื่ออัปเดต Firefox - ผู้ใช้บางรายพบว่า Firefox ต้องรีสตาร์ทหลายครั้งเพื่อให้อัปเดตเสร็จสมบูรณ์ - ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชัน 137.0.2 ✅ แก้ไขปัญหา DRM ที่เกิดจาก Microsoft PlayReady - Firefox 137 มีการเปิดใช้งาน Microsoft PlayReady DRM ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการเล่นวิดีโอบางเว็บไซต์ - อัปเดตใหม่จำกัดการรองรับ PlayReady เฉพาะบางเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงความเข้ากันได้ ✅ แก้ไขข้อบกพร่องด้านการใช้งาน - แก้ไขปัญหา ไฟล์ picker ไม่แสดงบน macOS เมื่อส่งออกรหัสผ่าน - ปรับปรุง การลงนามเอกสาร PDF ให้รองรับการเข้าถึงได้ดีขึ้น - แก้ไขปัญหา การวางโค้ดซ้ำ ใน Style Editor เมื่อใช้เมนูคลิกขวา ✅ แก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย - มีการแก้ไข ช่องโหว่ด้านหน่วยความจำ ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ https://www.neowin.net/news/mozilla-releases-firefox-13702-with-fixes-for-drm-multiple-restarts-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Mozilla releases Firefox 137.0.2 with fixes for DRM, multiple restarts, and more
    Firfeox 137.0.2 is here with quite a big list of fixes and improvements, including patches for multiple restarts, DRM issues, security, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ยืนยันว่ามีปัญหากับ Windows Hello หลังจากติดตั้งอัปเดตความปลอดภัยของ Windows 11 ในเดือนเมษายน 2025 โดยผู้ใช้บางรายพบว่า การเข้าสู่ระบบด้วยใบหน้าและ PIN ไม่สามารถใช้งานได้ หลังจากรีเซ็ตระบบ

    ✅ Windows Hello ไม่ทำงานหลังจากรีเซ็ตระบบ
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจากติดตั้งอัปเดต KB5055523
    - ผู้ใช้ที่เลือก "Keep my Files" ในการรีเซ็ตระบบอาจพบว่า PIN และการตั้งค่าการจดจำใบหน้าหายไป

    ✅ ข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่พบ
    - เมื่อพยายามเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้จะเห็นข้อความ "Something happened and your PIN isn't available"
    - หากพยายามตั้งค่าการจดจำใบหน้าใหม่ อาจพบข้อความ "Sorry something went wrong with face setup"

    ✅ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ
    - ปัญหานี้พบในอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน System Guard Secure Launch หรือ Dynamic Root of Trust for Measurement (DRTM)
    - ไม่ส่งผลกระทบต่อ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2 หรือเก่ากว่า

    ✅ วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
    - ผู้ใช้สามารถ ตั้งค่า PIN ใหม่ ตามคำแนะนำบนหน้าจอ
    - หลังจากนั้นสามารถ ตั้งค่าการจดจำใบหน้าใหม่ ผ่านแอป Settings

    https://www.neowin.net/news/microsoft-confirms-windows-hello-issues-in-latest-windows-11-updates/
    Microsoft ได้ยืนยันว่ามีปัญหากับ Windows Hello หลังจากติดตั้งอัปเดตความปลอดภัยของ Windows 11 ในเดือนเมษายน 2025 โดยผู้ใช้บางรายพบว่า การเข้าสู่ระบบด้วยใบหน้าและ PIN ไม่สามารถใช้งานได้ หลังจากรีเซ็ตระบบ ✅ Windows Hello ไม่ทำงานหลังจากรีเซ็ตระบบ - ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจากติดตั้งอัปเดต KB5055523 - ผู้ใช้ที่เลือก "Keep my Files" ในการรีเซ็ตระบบอาจพบว่า PIN และการตั้งค่าการจดจำใบหน้าหายไป ✅ ข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่พบ - เมื่อพยายามเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้จะเห็นข้อความ "Something happened and your PIN isn't available" - หากพยายามตั้งค่าการจดจำใบหน้าใหม่ อาจพบข้อความ "Sorry something went wrong with face setup" ✅ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ - ปัญหานี้พบในอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน System Guard Secure Launch หรือ Dynamic Root of Trust for Measurement (DRTM) - ไม่ส่งผลกระทบต่อ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2 หรือเก่ากว่า ✅ วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น - ผู้ใช้สามารถ ตั้งค่า PIN ใหม่ ตามคำแนะนำบนหน้าจอ - หลังจากนั้นสามารถ ตั้งค่าการจดจำใบหน้าใหม่ ผ่านแอป Settings https://www.neowin.net/news/microsoft-confirms-windows-hello-issues-in-latest-windows-11-updates/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft confirms Windows Hello issues in latest Windows 11 updates
    Recent Windows 11 updates are breaking Windows Hello face sign-in, and Microsoft is now aware of the problem.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงนึกว่ามีแค่หน่วยราชการไทยที่ยังใช้ ActiveX อยู่นะเนี่ยะ

    Microsoft ได้ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยใน Office apps โดยทำให้การเปิดใช้งาน ActiveX controls ยากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยลดความเสี่ยงจากมัลแวร์และการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ ActiveX ถูกบล็อกโดยค่าเริ่มต้นใน Office apps
    - ก่อนหน้านี้ Office apps อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้งาน ActiveX ได้ง่ายผ่าน prompt
    - Microsoft พบว่าพฤติกรรมนี้เปิดช่องให้ มัลแวร์และโค้ดที่ไม่ได้รับอนุญาต สามารถรันบนระบบได้

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในเวอร์ชันล่าสุด
    - ตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 เป็นต้นไป Word, Excel, PowerPoint และ Visio จะบล็อก ActiveX โดยอัตโนมัติ
    - เมื่อเปิดไฟล์ที่มี ActiveX ผู้ใช้จะเห็นข้อความ "BLOCKED CONTENT: The ActiveX content in this file is blocked."

    ✅ การเปิดใช้งาน ActiveX ใน Trust Center
    - หากต้องการเปิดใช้งาน ActiveX ผู้ใช้ต้องไปที่ File > Options > Trust Center
    - จากนั้นเลือก ActiveX Settings > Prompt me before enabling all controls with minimal restrictions

    ✅ การเปิดตัวใน Microsoft 365
    - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับ Microsoft 365 Insiders ใน Beta Channel
    - กำลังทยอยเปิดตัวใน Current Channel เวอร์ชัน 2504 (build 18730.20030 หรือใหม่กว่า)

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องใช้ ActiveX
    - ผู้ใช้ที่ต้องพึ่งพา ActiveX อาจต้องปรับการตั้งค่าใน Trust Center
    - อาจมีผลกระทบต่อ ไฟล์เก่าที่ใช้ ActiveX ซึ่งอาจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ ActiveX
    - ActiveX เป็นเทคโนโลยีที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสูง และมักถูกใช้ในการโจมตีแบบ social engineering
    - Microsoft แนะนำให้ใช้ เทคโนโลยีอื่นแทน ActiveX เช่น JavaScript หรือ HTML5

    ℹ️ แนวโน้มของการรักษาความปลอดภัยใน Office apps
    - Microsoft อาจเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในอนาคต
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ VBA macros และ Add-ins เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

    https://www.neowin.net/news/microsoft-makes-it-harder-to-enable-activex-in-office-apps-to-improve-security/
    ลุงนึกว่ามีแค่หน่วยราชการไทยที่ยังใช้ ActiveX อยู่นะเนี่ยะ Microsoft ได้ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยใน Office apps โดยทำให้การเปิดใช้งาน ActiveX controls ยากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยลดความเสี่ยงจากมัลแวร์และการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ ActiveX ถูกบล็อกโดยค่าเริ่มต้นใน Office apps - ก่อนหน้านี้ Office apps อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้งาน ActiveX ได้ง่ายผ่าน prompt - Microsoft พบว่าพฤติกรรมนี้เปิดช่องให้ มัลแวร์และโค้ดที่ไม่ได้รับอนุญาต สามารถรันบนระบบได้ ✅ การเปลี่ยนแปลงในเวอร์ชันล่าสุด - ตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 เป็นต้นไป Word, Excel, PowerPoint และ Visio จะบล็อก ActiveX โดยอัตโนมัติ - เมื่อเปิดไฟล์ที่มี ActiveX ผู้ใช้จะเห็นข้อความ "BLOCKED CONTENT: The ActiveX content in this file is blocked." ✅ การเปิดใช้งาน ActiveX ใน Trust Center - หากต้องการเปิดใช้งาน ActiveX ผู้ใช้ต้องไปที่ File > Options > Trust Center - จากนั้นเลือก ActiveX Settings > Prompt me before enabling all controls with minimal restrictions ✅ การเปิดตัวใน Microsoft 365 - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับ Microsoft 365 Insiders ใน Beta Channel - กำลังทยอยเปิดตัวใน Current Channel เวอร์ชัน 2504 (build 18730.20030 หรือใหม่กว่า) ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องใช้ ActiveX - ผู้ใช้ที่ต้องพึ่งพา ActiveX อาจต้องปรับการตั้งค่าใน Trust Center - อาจมีผลกระทบต่อ ไฟล์เก่าที่ใช้ ActiveX ซึ่งอาจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ ActiveX - ActiveX เป็นเทคโนโลยีที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสูง และมักถูกใช้ในการโจมตีแบบ social engineering - Microsoft แนะนำให้ใช้ เทคโนโลยีอื่นแทน ActiveX เช่น JavaScript หรือ HTML5 ℹ️ แนวโน้มของการรักษาความปลอดภัยใน Office apps - Microsoft อาจเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในอนาคต - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ VBA macros และ Add-ins เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ https://www.neowin.net/news/microsoft-makes-it-harder-to-enable-activex-in-office-apps-to-improve-security/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft makes it harder to enable ActiveX in Office apps to improve security
    ActiveX is a powerful technology for Office apps, but its inherent risks pose serious security threats. To combat this, Microsoft is making it harder to enable ActiveX.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

    เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง

    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้

    ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง)

    ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน)

    ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู)

    กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

    ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

    ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์:
    ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
    วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
    • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก
    • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี
    • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที
    พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่
    • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM)
    • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT


    ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้ ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง) ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน) ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์: ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คมนาคม” เผยหยุด 4 วัน “สงกรานต์68”เกิดอุบัติเหตุบนโครงข่ายรวม 905 ครั้งเสียชีวิต 107 คนบาดเจ็บ 880 คน ลดลงจากปีก่อน 8% ,16% ,18% ตามลำดับ ส่วนแผ่นดินไหวที่”กระบี่”ไม่มีผลกระทบ เที่ยวบินยัง ขึ้น - ลง ได้ตามปกติ

    ทั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจ เดินทางสู่จุดหมายปลายทางด้วยความสะดวกปลอดภัย นั้น ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยคมนาคม ได้สรุปสถิติอุบัติเหตุบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม ซึ่งข้อมูลวันที่ 11 - 14 เมษายน 2568 (สะสม 4 วัน) ประมวลผลข้อมูล ณ วันที่ 15 เมษายน 2568 เวลา 07.30 น.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000035652

    #MGROnline #คมนาคม #สงกรานต์68
    “คมนาคม” เผยหยุด 4 วัน “สงกรานต์68”เกิดอุบัติเหตุบนโครงข่ายรวม 905 ครั้งเสียชีวิต 107 คนบาดเจ็บ 880 คน ลดลงจากปีก่อน 8% ,16% ,18% ตามลำดับ ส่วนแผ่นดินไหวที่”กระบี่”ไม่มีผลกระทบ เที่ยวบินยัง ขึ้น - ลง ได้ตามปกติ • ทั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจ เดินทางสู่จุดหมายปลายทางด้วยความสะดวกปลอดภัย นั้น ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยคมนาคม ได้สรุปสถิติอุบัติเหตุบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม ซึ่งข้อมูลวันที่ 11 - 14 เมษายน 2568 (สะสม 4 วัน) ประมวลผลข้อมูล ณ วันที่ 15 เมษายน 2568 เวลา 07.30 น. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000035652 • #MGROnline #คมนาคม #สงกรานต์68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม

    💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️

    📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗

    🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี

    "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥

    คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท?

    🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨

    เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน

    ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น

    ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ

    ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์

    ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง

    ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า

    🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค…

    🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์

    🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น

    แต่คำเตือนเหล่านั้น...
    ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน
    ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร
    ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต

    “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น

    🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️

    เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨

    🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง

    🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก

    🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ!

    💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔

    ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️

    🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ...

    “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2

    บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢

    ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต

    🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว

    🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍

    🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม

    🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม

    🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง!

    🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้

    1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️
    2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆
    3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️
    4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶
    5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦
    6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻
    4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต
    8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗
    9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶
    10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️
    11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส
    12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥
    13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌
    14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง
    15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄
    16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎
    17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂
    18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ
    19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️
    20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌
    21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ
    22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง
    23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด
    24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง
    25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦

    📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457

    SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น

    ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ

    📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️

    🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม”

    ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568

    📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn

    🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม 💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️ 📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗 🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥 คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท? 🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨ เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์ ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า 🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค… 🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ 🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น แต่คำเตือนเหล่านั้น... ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น 🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️ เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨 🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง 🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก 🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ! 💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔 ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️ 🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ... “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2 บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢 ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต 🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว 🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍 🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม 🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม 🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง! 🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้ 1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️ 2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆 3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️ 4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶 5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦 6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻 4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต 8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗 9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶 10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️ 11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส 12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥 13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌 14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง 15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄 16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎 17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂 18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ 19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️ 20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌ 21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ 22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง 23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด 24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง 25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦 📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457 SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ 📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️ 🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม” ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568 📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจเน็ต เยลเลน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (14 เม.ย.) ว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่ามาตรการรีดภาษีคู่ค้าและนโยบายอื่นๆ ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังกัดเซาะความเชื่อถือศรัทธาที่ชาติพันธมิตรมีต่ออเมริกา และนักลงทุนบางส่วนเริ่มเทขายสินทรัพย์ของสหรัฐฯ

    เยลเลน ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นกำลังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะทำให้โลก “ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในสินทรัพย์ของสิ่งซึ่งเคยเป็นรากฐานของระบบการเงินโลก ซึ่งก็คือกระทรวงการคลังสหรัฐฯ”

    “ดิฉันไม่ได้มองว่า เรากำลังเห็นความผิดปกติในแง่ของการสูญเสียสภาพคล่องในตลาดไปอย่างสิ้นเชิง แต่สัญญาณที่เตือนว่าทั่วโลกกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความปลอดภัยของสินทรัพย์อันเป็นรากฐาน คือสิ่งที่น่ากังวลมากกว่า”

    อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลดลงในวันจันทร์ (14) หลังจากที่รัฐบาล ทรัมป์ ประกาศระงับการรีดภาษีสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้าจากจีนอย่างน้อยก็ชั่วคราว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีลดลง 8 จุดตั้งแต่วันศุกร์ (11) ลงมาอยู่ที่ 4.41% แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลข 3.99% ณ วันที่ 4 เม.ย.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000035641

    #MGROnline #เจเน็ตเยลเลน
    เจเน็ต เยลเลน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (14 เม.ย.) ว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่ามาตรการรีดภาษีคู่ค้าและนโยบายอื่นๆ ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังกัดเซาะความเชื่อถือศรัทธาที่ชาติพันธมิตรมีต่ออเมริกา และนักลงทุนบางส่วนเริ่มเทขายสินทรัพย์ของสหรัฐฯ • เยลเลน ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นกำลังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะทำให้โลก “ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในสินทรัพย์ของสิ่งซึ่งเคยเป็นรากฐานของระบบการเงินโลก ซึ่งก็คือกระทรวงการคลังสหรัฐฯ” • “ดิฉันไม่ได้มองว่า เรากำลังเห็นความผิดปกติในแง่ของการสูญเสียสภาพคล่องในตลาดไปอย่างสิ้นเชิง แต่สัญญาณที่เตือนว่าทั่วโลกกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความปลอดภัยของสินทรัพย์อันเป็นรากฐาน คือสิ่งที่น่ากังวลมากกว่า” • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลดลงในวันจันทร์ (14) หลังจากที่รัฐบาล ทรัมป์ ประกาศระงับการรีดภาษีสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้าจากจีนอย่างน้อยก็ชั่วคราว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีลดลง 8 จุดตั้งแต่วันศุกร์ (11) ลงมาอยู่ที่ 4.41% แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลข 3.99% ณ วันที่ 4 เม.ย. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000035641 • #MGROnline #เจเน็ตเยลเลน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grok ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ xAI กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มฟีเจอร์ "Personalise with Memories" ซึ่งช่วยให้สามารถจดจำบทสนทนาและอ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยก่อนหน้าได้

    ✅ Grok เพิ่มระบบความจำสำหรับการสนทนา
    - ระบบความจำช่วยให้ Grok สามารถ อ้างอิงบทสนทนาเก่า เช่น การวางแผนท่องเที่ยวหรือการเขียนบทภาพยนตร์
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Grok มีความสามารถใกล้เคียงกับ ChatGPT และ Google Gemini

    ✅ การควบคุมความจำของผู้ใช้
    - ผู้ใช้สามารถ จัดการข้อมูลที่ Grok จำได้ และลบความจำเฉพาะรายการหรือทั้งหมดได้
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน

    ✅ การพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังจะมา
    - Grok 3.5 คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ Grok 4 จะเปิดตัวช่วงปลายปี
    - มีการพัฒนา โหมดเสียง ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องมือถือ
    - ฟีเจอร์ แก้ไขภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและปรับแต่งสไตล์ได้

    ✅ Grok Workspaces: ระบบไวท์บอร์ดดิจิทัล
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานร่วมกับ Grok ในโครงการขนาดใหญ่
    - ออกแบบมาเพื่อให้ Grok เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ความท้าทายของระบบความจำ AI
    - แม้ Grok จะสามารถจดจำข้อมูลได้ แต่ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ระบบความจำต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    ℹ️ การแข่งขันกับ AI อื่นๆ
    - ChatGPT และ Gemini ต่างก็มีระบบความจำที่พัฒนาไปไกลแล้ว
    - ต้องติดตามว่า Grok จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่มีความสามารถด้านความจำ
    - AI ที่สามารถจดจำข้อมูลและบริหารจัดการความจำได้ดีขึ้น อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม
    - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถ จดจำข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/grok-will-start-remembering-everything-you-ask-it-to-do
    Grok ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ xAI กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มฟีเจอร์ "Personalise with Memories" ซึ่งช่วยให้สามารถจดจำบทสนทนาและอ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยก่อนหน้าได้ ✅ Grok เพิ่มระบบความจำสำหรับการสนทนา - ระบบความจำช่วยให้ Grok สามารถ อ้างอิงบทสนทนาเก่า เช่น การวางแผนท่องเที่ยวหรือการเขียนบทภาพยนตร์ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Grok มีความสามารถใกล้เคียงกับ ChatGPT และ Google Gemini ✅ การควบคุมความจำของผู้ใช้ - ผู้ใช้สามารถ จัดการข้อมูลที่ Grok จำได้ และลบความจำเฉพาะรายการหรือทั้งหมดได้ - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน ✅ การพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังจะมา - Grok 3.5 คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ Grok 4 จะเปิดตัวช่วงปลายปี - มีการพัฒนา โหมดเสียง ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องมือถือ - ฟีเจอร์ แก้ไขภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและปรับแต่งสไตล์ได้ ✅ Grok Workspaces: ระบบไวท์บอร์ดดิจิทัล - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานร่วมกับ Grok ในโครงการขนาดใหญ่ - ออกแบบมาเพื่อให้ Grok เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ความท้าทายของระบบความจำ AI - แม้ Grok จะสามารถจดจำข้อมูลได้ แต่ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ระบบความจำต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ℹ️ การแข่งขันกับ AI อื่นๆ - ChatGPT และ Gemini ต่างก็มีระบบความจำที่พัฒนาไปไกลแล้ว - ต้องติดตามว่า Grok จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่มีความสามารถด้านความจำ - AI ที่สามารถจดจำข้อมูลและบริหารจัดการความจำได้ดีขึ้น อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถ จดจำข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/grok-will-start-remembering-everything-you-ask-it-to-do
    WWW.TECHRADAR.COM
    Grok may start remembering everything you ask it to do, according to new reports
    xAI doesn't want ChatGPT or Gemini to be ahead on any AI feature
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนของผู้บริหารในปี 2024 โดยพบว่า Jeff Bezos อดีต CEO ของบริษัทได้รับค่าตอบแทนรวมมากกว่าผู้บริหารคนปัจจุบัน Andy Jassy แม้ว่าจะมีเงินเดือนที่ต่ำกว่า

    ✅ Jeff Bezos ได้รับค่าตอบแทนรวมสูงกว่า Andy Jassy
    - เงินเดือนของ Bezos อยู่ที่ 81,840 ดอลลาร์ ในปี 2024
    - Andy Jassy ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Bezos ถึง 4.5 เท่า
    - อย่างไรก็ตาม Bezos ได้รับ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัย 1.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ค่าตอบแทนรวมของเขาสูงขึ้น

    ✅ ค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงของ Amazon
    - CEO ของ AWS Matt Garman ได้รับเงินเดือน 358,750 ดอลลาร์
    - CFO Brian Olsavsky, CEO ของ Amazon Stores Douglas Herrington และ Chief Global Affairs & Legal Officer David Zapolsky ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ Jassy

    ✅ การประชุมผู้ถือหุ้นและข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ
    - มีการเสนอให้ เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    - มีข้อเสนอให้ รายงานผลกระทบของศูนย์ข้อมูลและบรรจุภัณฑ์
    - คณะกรรมการบริษัทลงมติ ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีมาตรการที่เพียงพออยู่แล้ว

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos
    - Amazon ให้เหตุผลว่าค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos เป็นสิ่งจำเป็นและสมเหตุสมผล
    - อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นของค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้

    ℹ️ ความโปร่งใสในการบริหารของ Amazon
    - การปฏิเสธข้อเสนอเกี่ยวกับการรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดข้อกังวลในกลุ่มนักลงทุน
    - ต้องติดตามว่า Amazon จะมีการปรับปรุงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของค่าตอบแทนผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Google และ Microsoft มีแนวโน้มให้ค่าตอบแทนผู้บริหารสูงขึ้น
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าตอบแทนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด

    https://www.techradar.com/pro/amazon-paid-out-more-to-jeff-bezos-than-its-actual-ceo-in-2024
    Amazon ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนของผู้บริหารในปี 2024 โดยพบว่า Jeff Bezos อดีต CEO ของบริษัทได้รับค่าตอบแทนรวมมากกว่าผู้บริหารคนปัจจุบัน Andy Jassy แม้ว่าจะมีเงินเดือนที่ต่ำกว่า ✅ Jeff Bezos ได้รับค่าตอบแทนรวมสูงกว่า Andy Jassy - เงินเดือนของ Bezos อยู่ที่ 81,840 ดอลลาร์ ในปี 2024 - Andy Jassy ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Bezos ถึง 4.5 เท่า - อย่างไรก็ตาม Bezos ได้รับ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัย 1.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ค่าตอบแทนรวมของเขาสูงขึ้น ✅ ค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงของ Amazon - CEO ของ AWS Matt Garman ได้รับเงินเดือน 358,750 ดอลลาร์ - CFO Brian Olsavsky, CEO ของ Amazon Stores Douglas Herrington และ Chief Global Affairs & Legal Officer David Zapolsky ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ Jassy ✅ การประชุมผู้ถือหุ้นและข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ - มีการเสนอให้ เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก - มีข้อเสนอให้ รายงานผลกระทบของศูนย์ข้อมูลและบรรจุภัณฑ์ - คณะกรรมการบริษัทลงมติ ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีมาตรการที่เพียงพออยู่แล้ว ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos - Amazon ให้เหตุผลว่าค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos เป็นสิ่งจำเป็นและสมเหตุสมผล - อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นของค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้ ℹ️ ความโปร่งใสในการบริหารของ Amazon - การปฏิเสธข้อเสนอเกี่ยวกับการรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดข้อกังวลในกลุ่มนักลงทุน - ต้องติดตามว่า Amazon จะมีการปรับปรุงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของค่าตอบแทนผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Google และ Microsoft มีแนวโน้มให้ค่าตอบแทนผู้บริหารสูงขึ้น - อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าตอบแทนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด https://www.techradar.com/pro/amazon-paid-out-more-to-jeff-bezos-than-its-actual-ceo-in-2024
    WWW.TECHRADAR.COM
    Amazon paid out more to Jeff Bezos than its actual CEO in 2024
    Former CEO Jeff Bezos is still costing Amazon millions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Trustwave ได้เตือนว่า Tycoon2FA ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Phishing-as-a-Service (PhaaS) ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ ทำให้สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ดีขึ้น และยังคงเป็นภัยคุกคามต่อบัญชี Microsoft 365 และ Google

    ✅ Tycoon2FA: แพลตฟอร์ม Phishing-as-a-Service ที่อันตรายขึ้น
    - ใช้เทคนิค Adversary-in-the-Middle (AiTM) เพื่อขโมยข้อมูลล็อกอินและคุกกี้เซสชัน
    - สามารถ ข้ามการป้องกันแบบ Multi-Factor Authentication (MFA) ได้

    ✅ การอัปเกรดล่าสุดของ Tycoon2FA
    - ใช้ Unicode ที่มองไม่เห็น เพื่อซ่อนข้อมูลไบนารีใน JavaScript ทำให้ตรวจจับได้ยากขึ้น
    - เปลี่ยนจาก Cloudflare Turnstile ไปใช้ CAPTCHA ที่โฮสต์เอง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
    - เพิ่ม โค้ดป้องกันการดีบัก เพื่อบล็อกเครื่องมือวิเคราะห์บางตัว

    ✅ ความนิยมในกลุ่มอาชญากรไซเบอร์
    - มีการใช้ 1,100 โดเมน ในการโจมตีฟิชชิ่ง
    - ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 ถึงมีนาคม 2024 แพลตฟอร์มนี้ทำรายได้กว่า 400,000 ดอลลาร์ จากการขายบริการให้แฮกเกอร์

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ MFA ไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ 100%
    - แม้ MFA จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ Tycoon2FA สามารถข้ามการป้องกันนี้ได้
    - ผู้ใช้ควรใช้ FIDO2 Security Keys หรือ การตรวจสอบตัวตนแบบ Zero Trust

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป
    - องค์กรที่ใช้ Microsoft 365 และ Google Workspace อาจตกเป็นเป้าหมายหลัก
    - ผู้ใช้ทั่วไปควรระวังอีเมลฟิชชิ่งที่หลอกให้กรอกข้อมูลล็อกอิน

    ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในปี 2025
    - การโจมตีแบบ AiTM มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถข้าม MFA ได้
    - อาจมีการพัฒนา AI-based phishing attacks ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/this-worrying-microsoft-365-phishing-kit-has-seen-a-huge-upgrade-experts-warn
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Trustwave ได้เตือนว่า Tycoon2FA ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Phishing-as-a-Service (PhaaS) ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ ทำให้สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ดีขึ้น และยังคงเป็นภัยคุกคามต่อบัญชี Microsoft 365 และ Google ✅ Tycoon2FA: แพลตฟอร์ม Phishing-as-a-Service ที่อันตรายขึ้น - ใช้เทคนิค Adversary-in-the-Middle (AiTM) เพื่อขโมยข้อมูลล็อกอินและคุกกี้เซสชัน - สามารถ ข้ามการป้องกันแบบ Multi-Factor Authentication (MFA) ได้ ✅ การอัปเกรดล่าสุดของ Tycoon2FA - ใช้ Unicode ที่มองไม่เห็น เพื่อซ่อนข้อมูลไบนารีใน JavaScript ทำให้ตรวจจับได้ยากขึ้น - เปลี่ยนจาก Cloudflare Turnstile ไปใช้ CAPTCHA ที่โฮสต์เอง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ - เพิ่ม โค้ดป้องกันการดีบัก เพื่อบล็อกเครื่องมือวิเคราะห์บางตัว ✅ ความนิยมในกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ - มีการใช้ 1,100 โดเมน ในการโจมตีฟิชชิ่ง - ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 ถึงมีนาคม 2024 แพลตฟอร์มนี้ทำรายได้กว่า 400,000 ดอลลาร์ จากการขายบริการให้แฮกเกอร์ ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ MFA ไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ 100% - แม้ MFA จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ Tycoon2FA สามารถข้ามการป้องกันนี้ได้ - ผู้ใช้ควรใช้ FIDO2 Security Keys หรือ การตรวจสอบตัวตนแบบ Zero Trust ℹ️ ความเสี่ยงต่อองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป - องค์กรที่ใช้ Microsoft 365 และ Google Workspace อาจตกเป็นเป้าหมายหลัก - ผู้ใช้ทั่วไปควรระวังอีเมลฟิชชิ่งที่หลอกให้กรอกข้อมูลล็อกอิน ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในปี 2025 - การโจมตีแบบ AiTM มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถข้าม MFA ได้ - อาจมีการพัฒนา AI-based phishing attacks ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/this-worrying-microsoft-365-phishing-kit-has-seen-a-huge-upgrade-experts-warn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Secure Annex ได้ค้นพบ ส่วนขยายของ Google Chrome ที่ไม่ได้ลงทะเบียนมากกว่า 30 รายการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่อผู้ใช้กว่า 4 ล้านคน โดยส่วนขยายเหล่านี้มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น คุกกี้, แท็บเบราว์เซอร์ และการรับส่งข้อมูลบนเว็บ

    ✅ การค้นพบส่วนขยายที่อาจเป็นอันตราย
    - นักวิจัยพบว่า นักพัฒนาซอฟต์แวร์บางรายอาจซ่อนส่วนขยาย หากพบว่ามีปัญหาด้านการทำงาน
    - อย่างไรก็ตาม ผู้ไม่หวังดีอาจใช้วิธีนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากทีมรักษาความปลอดภัย

    ✅ สิทธิ์การเข้าถึงที่น่าสงสัย
    - ส่วนขยายบางตัว เช่น "Fire Shield Extension Protection" ขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
    - สามารถเข้าถึง คุกกี้, แท็บเบราว์เซอร์ และการรับส่งข้อมูลบนทุกเว็บไซต์

    ✅ การวิเคราะห์พฤติกรรมที่อาจเป็นอันตราย
    - นักวิจัยพบว่าบางส่วนขยายมี ลักษณะการทำงานคล้ายกับมัลแวร์
    - มีการเข้าถึงข้อมูลที่สามารถใช้ในการขโมยข้อมูลส่วนตัว

    ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้
    - ควร ลบส่วนขยายที่ไม่ได้ลงทะเบียน เพื่อป้องกันความเสี่ยง
    - หลีกเลี่ยงการติดตั้งส่วนขยายที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจากแหล่งที่เชื่อถือได้

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล
    - ส่วนขยายที่ไม่ได้ลงทะเบียนอาจถูกใช้เป็น เครื่องมือขโมยข้อมูล
    - แม้จะยังไม่มีรายงานว่ามีการขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบหรือข้อมูลการชำระเงิน แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวัง

    ℹ️ การควบคุมของ Google ต่อส่วนขยาย Chrome
    - Google อาจต้องปรับปรุง มาตรการตรวจสอบส่วนขยายที่ไม่ได้ลงทะเบียน
    - ผู้ใช้ควรติดตามการอัปเดตด้านความปลอดภัยจาก Google

    ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์
    - การโจมตีผ่านส่วนขยายเบราว์เซอร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    - ผู้ใช้ควรใช้ เครื่องมือรักษาความปลอดภัย เช่น Microsoft Defender หรือ Malwarebytes เพื่อตรวจสอบภัยคุกคาม

    https://www.techradar.com/pro/security/millions-of-google-chrome-users-could-be-at-risk-from-these-dodgy-extensions
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Secure Annex ได้ค้นพบ ส่วนขยายของ Google Chrome ที่ไม่ได้ลงทะเบียนมากกว่า 30 รายการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่อผู้ใช้กว่า 4 ล้านคน โดยส่วนขยายเหล่านี้มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น คุกกี้, แท็บเบราว์เซอร์ และการรับส่งข้อมูลบนเว็บ ✅ การค้นพบส่วนขยายที่อาจเป็นอันตราย - นักวิจัยพบว่า นักพัฒนาซอฟต์แวร์บางรายอาจซ่อนส่วนขยาย หากพบว่ามีปัญหาด้านการทำงาน - อย่างไรก็ตาม ผู้ไม่หวังดีอาจใช้วิธีนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากทีมรักษาความปลอดภัย ✅ สิทธิ์การเข้าถึงที่น่าสงสัย - ส่วนขยายบางตัว เช่น "Fire Shield Extension Protection" ขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน - สามารถเข้าถึง คุกกี้, แท็บเบราว์เซอร์ และการรับส่งข้อมูลบนทุกเว็บไซต์ ✅ การวิเคราะห์พฤติกรรมที่อาจเป็นอันตราย - นักวิจัยพบว่าบางส่วนขยายมี ลักษณะการทำงานคล้ายกับมัลแวร์ - มีการเข้าถึงข้อมูลที่สามารถใช้ในการขโมยข้อมูลส่วนตัว ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ - ควร ลบส่วนขยายที่ไม่ได้ลงทะเบียน เพื่อป้องกันความเสี่ยง - หลีกเลี่ยงการติดตั้งส่วนขยายที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล - ส่วนขยายที่ไม่ได้ลงทะเบียนอาจถูกใช้เป็น เครื่องมือขโมยข้อมูล - แม้จะยังไม่มีรายงานว่ามีการขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบหรือข้อมูลการชำระเงิน แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวัง ℹ️ การควบคุมของ Google ต่อส่วนขยาย Chrome - Google อาจต้องปรับปรุง มาตรการตรวจสอบส่วนขยายที่ไม่ได้ลงทะเบียน - ผู้ใช้ควรติดตามการอัปเดตด้านความปลอดภัยจาก Google ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ - การโจมตีผ่านส่วนขยายเบราว์เซอร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น - ผู้ใช้ควรใช้ เครื่องมือรักษาความปลอดภัย เช่น Microsoft Defender หรือ Malwarebytes เพื่อตรวจสอบภัยคุกคาม https://www.techradar.com/pro/security/millions-of-google-chrome-users-could-be-at-risk-from-these-dodgy-extensions
    WWW.TECHRADAR.COM
    Millions of Google Chrome users could be at risk from these dodgy extensions
    Security researcher finds unlisted Chrome extensions with shady permissions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Laboratory Services Cooperative (LSC) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของ 1.6 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึง ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลระบุตัวตน

    ✅ LSC ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยในระบบเมื่อเดือนตุลาคม 2024
    - บริษัทแจ้งตำรวจและนำผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ
    - การสอบสวนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีหลายประเภท
    - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล
    - ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น วันที่รับบริการ, การวินิจฉัยโรค, ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
    - ข้อมูลประกันสุขภาพ เช่น ชื่อแผนประกัน, หมายเลขสมาชิก
    - ข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, รายละเอียดบัตรเครดิต

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ
    - ผู้ที่เข้ารับการตรวจผ่าน Planned Parenthood ซึ่งใช้บริการของ LSC อาจได้รับผลกระทบ
    - ข้อมูลของพนักงาน LSC และบุคคลในครอบครัวของพนักงานอาจถูกขโมยด้วย

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ข้อมูลยังไม่ถูกเผยแพร่บน Dark Web
    - ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยถูกนำไปขายหรือเผยแพร่
    - แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวังการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านการเงินและการฉ้อโกง
    - ข้อมูลการชำระเงินที่ถูกขโมยอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ

    ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    - การโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    - บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/top-us-lab-testing-firm-hit-with-major-data-leak-exposes-health-info-on-1-6-million-users
    บริษัท Laboratory Services Cooperative (LSC) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของ 1.6 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึง ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลระบุตัวตน ✅ LSC ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยในระบบเมื่อเดือนตุลาคม 2024 - บริษัทแจ้งตำรวจและนำผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ - การสอบสวนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีหลายประเภท - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล - ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น วันที่รับบริการ, การวินิจฉัยโรค, ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ - ข้อมูลประกันสุขภาพ เช่น ชื่อแผนประกัน, หมายเลขสมาชิก - ข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, รายละเอียดบัตรเครดิต ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ - ผู้ที่เข้ารับการตรวจผ่าน Planned Parenthood ซึ่งใช้บริการของ LSC อาจได้รับผลกระทบ - ข้อมูลของพนักงาน LSC และบุคคลในครอบครัวของพนักงานอาจถูกขโมยด้วย ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ข้อมูลยังไม่ถูกเผยแพร่บน Dark Web - ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยถูกนำไปขายหรือเผยแพร่ - แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวังการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว ℹ️ ความเสี่ยงด้านการเงินและการฉ้อโกง - ข้อมูลการชำระเงินที่ถูกขโมยอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง - ผู้ใช้ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ - การโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น - บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/top-us-lab-testing-firm-hit-with-major-data-leak-exposes-health-info-on-1-6-million-users
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Defender for Endpoint เพื่อช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ โดยจะมีการ บล็อกการรับส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการตรวจพบ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ lateral movement

    ✅ การบล็อกอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการตรวจพบ
    - ระบบจะ บล็อกการรับส่งข้อมูลจากและไปยังอุปกรณ์ที่ไม่ได้ onboarded
    - ลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ที่ไม่มีการควบคุมด้านความปลอดภัย

    ✅ การทำงานของฟีเจอร์ "Contain IP"
    - ระบบจะ ตรวจจับ IP ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการ onboarded และบล็อกโดยอัตโนมัติ
    - ใช้ automatic attack disruption เพื่อระบุและจำกัดอุปกรณ์ที่อาจเป็นภัยคุกคาม

    ✅ การรองรับระบบปฏิบัติการ
    - ฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานบน Windows 10, Windows Server 2012 R2, Windows Server 2016 และ Windows Server 2019+

    ✅ การยกเลิกการบล็อก
    - ผู้ใช้สามารถ ยกเลิกการบล็อก IP ได้ผ่านเมนู "Contain IP" ใน Action Center

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่ออุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการ onboarded
    - อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการ onboarded อาจถูกบล็อกโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดปัญหาในการเชื่อมต่อ

    ℹ️ ความท้าทายในการใช้งานจริง
    - ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ทั้งหมดได้รับการ onboarded เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการบล็อกโดยไม่จำเป็น

    ℹ️ แนวโน้มของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
    - Microsoft กำลังพัฒนา Security Copilot Agents เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้ดีขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-defender-is-getting-a-useful-upgrade-to-help-stop-endpoint-attacks
    Microsoft กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Defender for Endpoint เพื่อช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ โดยจะมีการ บล็อกการรับส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการตรวจพบ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ lateral movement ✅ การบล็อกอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการตรวจพบ - ระบบจะ บล็อกการรับส่งข้อมูลจากและไปยังอุปกรณ์ที่ไม่ได้ onboarded - ลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ที่ไม่มีการควบคุมด้านความปลอดภัย ✅ การทำงานของฟีเจอร์ "Contain IP" - ระบบจะ ตรวจจับ IP ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการ onboarded และบล็อกโดยอัตโนมัติ - ใช้ automatic attack disruption เพื่อระบุและจำกัดอุปกรณ์ที่อาจเป็นภัยคุกคาม ✅ การรองรับระบบปฏิบัติการ - ฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานบน Windows 10, Windows Server 2012 R2, Windows Server 2016 และ Windows Server 2019+ ✅ การยกเลิกการบล็อก - ผู้ใช้สามารถ ยกเลิกการบล็อก IP ได้ผ่านเมนู "Contain IP" ใน Action Center ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการ onboarded - อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการ onboarded อาจถูกบล็อกโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดปัญหาในการเชื่อมต่อ ℹ️ ความท้าทายในการใช้งานจริง - ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ทั้งหมดได้รับการ onboarded เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการบล็อกโดยไม่จำเป็น ℹ️ แนวโน้มของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ - Microsoft กำลังพัฒนา Security Copilot Agents เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้ดีขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-defender-is-getting-a-useful-upgrade-to-help-stop-endpoint-attacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึง ภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ ที่แฝงตัวเข้ามาในบริษัทต่างๆ ทั่วโลกผ่านการสมัครงานในตำแหน่ง IT โดยใช้ ข้อมูลปลอมและเทคโนโลยี Deepfake เพื่อหลอกลวงนายจ้าง

    ✅ กลยุทธ์ของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ
    - ใช้ข้อมูลปลอม เช่น ชื่อและเอกสารของพลเมืองสหรัฐฯ
    - ใช้ Deepfake เพื่อปลอมแปลงใบหน้าระหว่างสัมภาษณ์งาน

    ✅ ภัยคุกคามต่อบริษัทต่างๆ
    - แฮกเกอร์ไม่ได้โจมตีระบบโดยตรง แต่ใช้สิทธิ์การเข้าถึงของพนักงาน
    - กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนถึงภัยคุกคามนี้ตั้งแต่ปี 2022

    ✅ ตัวอย่างเหตุการณ์จริง
    - Christina Chapman ช่วยให้แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และสมัครงานในบริษัทกว่า 300 แห่ง
    - Oleksandr Didenko ขายบัญชีปลอมให้แฮกเกอร์เพื่อใช้สมัครงาน

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยขององค์กร
    - แฮกเกอร์สามารถใช้สิทธิ์ของพนักงานเพื่อเปิดทางให้กับการโจมตีไซเบอร์
    - บริษัทที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลพนักงานอย่างละเอียดอาจตกเป็นเป้าหมาย

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับการป้องกัน
    - ตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครงานอย่างละเอียด รวมถึงการสัมภาษณ์แบบวิดีโอ
    - ใช้ระบบตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวด เช่น การตรวจสอบเอกสารและที่อยู่

    https://www.csoonline.com/article/3497138/how-not-to-hire-a-north-korean-it-spy.html
    ข่าวนี้เล่าถึง ภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ ที่แฝงตัวเข้ามาในบริษัทต่างๆ ทั่วโลกผ่านการสมัครงานในตำแหน่ง IT โดยใช้ ข้อมูลปลอมและเทคโนโลยี Deepfake เพื่อหลอกลวงนายจ้าง ✅ กลยุทธ์ของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ - ใช้ข้อมูลปลอม เช่น ชื่อและเอกสารของพลเมืองสหรัฐฯ - ใช้ Deepfake เพื่อปลอมแปลงใบหน้าระหว่างสัมภาษณ์งาน ✅ ภัยคุกคามต่อบริษัทต่างๆ - แฮกเกอร์ไม่ได้โจมตีระบบโดยตรง แต่ใช้สิทธิ์การเข้าถึงของพนักงาน - กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนถึงภัยคุกคามนี้ตั้งแต่ปี 2022 ✅ ตัวอย่างเหตุการณ์จริง - Christina Chapman ช่วยให้แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และสมัครงานในบริษัทกว่า 300 แห่ง - Oleksandr Didenko ขายบัญชีปลอมให้แฮกเกอร์เพื่อใช้สมัครงาน ℹ️ ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยขององค์กร - แฮกเกอร์สามารถใช้สิทธิ์ของพนักงานเพื่อเปิดทางให้กับการโจมตีไซเบอร์ - บริษัทที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลพนักงานอย่างละเอียดอาจตกเป็นเป้าหมาย ℹ️ คำแนะนำสำหรับการป้องกัน - ตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครงานอย่างละเอียด รวมถึงการสัมภาษณ์แบบวิดีโอ - ใช้ระบบตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวด เช่น การตรวจสอบเอกสารและที่อยู่ https://www.csoonline.com/article/3497138/how-not-to-hire-a-north-korean-it-spy.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How not to hire a North Korean IT spy
    CISOs are urged to carry out tighter vetting of new hires to ward off potential ‘moles’ — who are increasingly finding their way onto company payrolls and into their IT systems.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงแนวทางที่ CISOs (Chief Information Security Officers) ควรใช้ในการสื่อสารกับคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ

    ✅ แนวทางการสื่อสารของ CISOs กับคณะกรรมการ
    - แปลความเสี่ยงทางไซเบอร์ให้เป็นภาษาธุรกิจ
    - หาพันธมิตรในคณะกรรมการเพื่อช่วยปรับปรุงการนำเสนอ

    ✅ การพัฒนาเอกสารช่วยให้คณะกรรมการเข้าใจข้อมูล
    - เอกสารอธิบายคำศัพท์ด้านความปลอดภัย
    - เอกสารแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐาน

    ✅ การศึกษาประวัติของสมาชิกคณะกรรมการ
    - เข้าใจมุมมองและความคาดหวังของคณะกรรมการ
    - ปรับการนำเสนอให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท

    ℹ️ ข้อจำกัดของการสื่อสารด้านความปลอดภัย
    - คณะกรรมการบางคนอาจไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี
    - การนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด

    ℹ️ ผลกระทบต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการ
    - หากข้อมูลด้านความปลอดภัยไม่ถูกนำเสนออย่างเหมาะสม อาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน
    - การขาดความเข้าใจด้านไซเบอร์อาจทำให้คณะกรรมการมองข้ามความเสี่ยงที่สำคัญ

    https://www.csoonline.com/article/3953098/what-boards-want-and-dont-want-to-hear-from-cybersecurity-leaders.html
    ข่าวนี้เล่าถึงแนวทางที่ CISOs (Chief Information Security Officers) ควรใช้ในการสื่อสารกับคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ✅ แนวทางการสื่อสารของ CISOs กับคณะกรรมการ - แปลความเสี่ยงทางไซเบอร์ให้เป็นภาษาธุรกิจ - หาพันธมิตรในคณะกรรมการเพื่อช่วยปรับปรุงการนำเสนอ ✅ การพัฒนาเอกสารช่วยให้คณะกรรมการเข้าใจข้อมูล - เอกสารอธิบายคำศัพท์ด้านความปลอดภัย - เอกสารแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐาน ✅ การศึกษาประวัติของสมาชิกคณะกรรมการ - เข้าใจมุมมองและความคาดหวังของคณะกรรมการ - ปรับการนำเสนอให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท ℹ️ ข้อจำกัดของการสื่อสารด้านความปลอดภัย - คณะกรรมการบางคนอาจไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี - การนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ℹ️ ผลกระทบต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการ - หากข้อมูลด้านความปลอดภัยไม่ถูกนำเสนออย่างเหมาะสม อาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน - การขาดความเข้าใจด้านไซเบอร์อาจทำให้คณะกรรมการมองข้ามความเสี่ยงที่สำคัญ https://www.csoonline.com/article/3953098/what-boards-want-and-dont-want-to-hear-from-cybersecurity-leaders.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    What boards want and don’t want to hear from cybersecurity leaders
    To get through to board members, cybersecurity leaders need to not only learn the language of business but how to translate cyber risk in a way board members can make sense of.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • พีระพันธุ์ สั่งพลังงานกระบี่ลุยตรวจปั๊มสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้ประชาชนหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่กระบี่
    https://www.thai-tai.tv/news/18170/
    พีระพันธุ์ สั่งพลังงานกระบี่ลุยตรวจปั๊มสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้ประชาชนหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่กระบี่ https://www.thai-tai.tv/news/18170/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน Silicon Valley ซึ่งมีการแฮกระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ เช่น Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto โดยเสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg

    เสียงที่ถูกแฮกนี้ไม่ได้ให้คำเตือนเกี่ยวกับการจราจรตามปกติ แต่กลับเป็นข้อความเสียดสี เช่น เสียงที่เลียนแบบ Zuckerberg กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน หรือเสียงที่เลียนแบบ Musk ที่พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย แม้ว่าการแฮกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT (Internet of Things) ที่อาจถูกโจมตีได้ง่าย และยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการป้องกันระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ

    ✅ เหตุการณ์แฮกปุ่มข้ามถนนใน Silicon Valley
    - ระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto ถูกแฮก
    - เสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg

    ✅ ผลกระทบของการแฮก
    - ระบบสัญญาณไฟจราจรไม่ได้รับผลกระทบ
    - เจ้าหน้าที่ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย

    ✅ ข้อความเสียดสีที่ถูกแฮก
    - Zuckerberg: กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน
    - Musk: พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT
    - ระบบ IoT ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะอาจถูกโจมตีได้ง่าย
    - การแฮกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบสาธารณะ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crosswalks-in-silicon-valley-hacked-to-play-satirical-messages-from-musk-and-zuckerberg-sound-a-likes
    ข่าวนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน Silicon Valley ซึ่งมีการแฮกระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ เช่น Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto โดยเสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg เสียงที่ถูกแฮกนี้ไม่ได้ให้คำเตือนเกี่ยวกับการจราจรตามปกติ แต่กลับเป็นข้อความเสียดสี เช่น เสียงที่เลียนแบบ Zuckerberg กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน หรือเสียงที่เลียนแบบ Musk ที่พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย แม้ว่าการแฮกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT (Internet of Things) ที่อาจถูกโจมตีได้ง่าย และยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการป้องกันระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ ✅ เหตุการณ์แฮกปุ่มข้ามถนนใน Silicon Valley - ระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto ถูกแฮก - เสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg ✅ ผลกระทบของการแฮก - ระบบสัญญาณไฟจราจรไม่ได้รับผลกระทบ - เจ้าหน้าที่ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย ✅ ข้อความเสียดสีที่ถูกแฮก - Zuckerberg: กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน - Musk: พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT - ระบบ IoT ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะอาจถูกโจมตีได้ง่าย - การแฮกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบสาธารณะ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crosswalks-in-silicon-valley-hacked-to-play-satirical-messages-from-musk-and-zuckerberg-sound-a-likes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft Research ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถของ AI ในการดีบักโค้ด โดยพบว่าเครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ดได้ แต่ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ เนื่องจาก AI ยังขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน

    เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Microsoft ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่เรียกว่า debug-gym ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดีบักโค้ดในสถานการณ์จริงได้ โดยใช้เครื่องมือที่คล้ายกับที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า AI ที่ใช้ debug-gym สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถแทนที่มนุษย์ได้

    ✅ ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI และการดีบักโค้ด
    - เครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด
    - AI ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์

    ✅ การพัฒนาแพลตฟอร์ม debug-gym
    - Microsoft พัฒนา debug-gym เพื่อช่วยให้ AI ดีบักโค้ดในสถานการณ์จริง
    - ผลการทดลองแสดงว่า AI สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง

    ✅ ข้อจำกัดของ AI ในการดีบัก
    - AI ขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน
    - การแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดยังต้องพึ่งพามนุษย์

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในการดีบัก
    - การพึ่งพา AI ในการดีบักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
    - ข้อผิดพลาดในโค้ดที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อระบบ

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับการพัฒนา AI
    - ควรเพิ่มข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักในชุดข้อมูลการฝึก AI

    https://www.techspot.com/news/107523-microsoft-research-shows-ai-coding-tools-fall-short.html
    Microsoft Research ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถของ AI ในการดีบักโค้ด โดยพบว่าเครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ดได้ แต่ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ เนื่องจาก AI ยังขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Microsoft ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่เรียกว่า debug-gym ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดีบักโค้ดในสถานการณ์จริงได้ โดยใช้เครื่องมือที่คล้ายกับที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า AI ที่ใช้ debug-gym สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ ✅ ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI และการดีบักโค้ด - เครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด - AI ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ ✅ การพัฒนาแพลตฟอร์ม debug-gym - Microsoft พัฒนา debug-gym เพื่อช่วยให้ AI ดีบักโค้ดในสถานการณ์จริง - ผลการทดลองแสดงว่า AI สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ✅ ข้อจำกัดของ AI ในการดีบัก - AI ขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน - การแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดยังต้องพึ่งพามนุษย์ ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในการดีบัก - การพึ่งพา AI ในการดีบักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ - ข้อผิดพลาดในโค้ดที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อระบบ ℹ️ คำแนะนำสำหรับการพัฒนา AI - ควรเพิ่มข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักในชุดข้อมูลการฝึก AI https://www.techspot.com/news/107523-microsoft-research-shows-ai-coding-tools-fall-short.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft research shows AI coding tools fall short in key debugging tasks
    The Microsoft Research study acknowledges that while today's AI coding tools can boost productivity by suggesting examples, they are limited in actively seeking new information or interacting...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการค้นพบวิธีใหม่ในการลดอาการเมารถหรือ Motion Sickness โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้คลื่นเสียงกระตุ้นระบบประสาทในหูชั้นใน ซึ่งช่วยลดอาการเวียนหัวและคลื่นไส้ได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที

    ทีมวิจัยนำโดย Takumi Kagawa และ Masashi Kato พบว่าการใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่ 100 Hz ซึ่งเป็นเสียงระดับ Mid-Bass สามารถกระตุ้นระบบประสาทในหูชั้นในที่ควบคุมการทรงตัวและการรับรู้ตำแหน่งในอวกาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคลื่นเสียงนี้ช่วยกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติกที่มักเสียสมดุลในผู้ที่มีอาการเมารถ

    การทดลองใช้คลื่นเสียงนี้กับผู้เข้าร่วมที่ถูกกระตุ้นอาการเมารถด้วยการนั่งรถจำลองและการแกว่ง พบว่าผู้เข้าร่วมมีอาการลดลงอย่างชัดเจน เช่น อาการเวียนหัวและคลื่นไส้ นอกจากนี้ยังมีการวัดผลด้วยการทดสอบการทรงตัว การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และแบบสอบถามเกี่ยวกับอาการเมารถ

    ✅ การค้นพบวิธีลดอาการเมารถ
    - ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกย่าพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้คลื่นเสียงกระตุ้นระบบประสาทในหูชั้นใน
    - คลื่นเสียงที่มีความถี่ 100 Hz ช่วยลดอาการเวียนหัวและคลื่นไส้

    ✅ ผลการทดลอง
    - ผู้เข้าร่วมมีอาการเมารถลดลงหลังการใช้คลื่นเสียง
    - การวัดผลด้วยการทดสอบการทรงตัวและการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแสดงผลลัพธ์ที่ดี

    ✅ ความปลอดภัยของเทคโนโลยี
    - คลื่นเสียงนี้มีระดับต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน
    - เทคโนโลยีนี้คาดว่าจะปลอดภัยเมื่อใช้งานอย่างเหมาะสม

    ℹ️ ข้อจำกัดของการใช้งาน
    - การใช้งานต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีอุปกรณ์ส่งคลื่นเสียง
    - อาจต้องมีการปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ

    ℹ️ ผลกระทบต่อการเดินทาง
    - เทคโนโลยีนี้อาจช่วยลดอาการเมารถในการเดินทางทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
    - การพัฒนาเพิ่มเติมอาจช่วยให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/are-you-motion-sick-study-shows-how-just-a-minute-of-a-mid-bass-frequency-could-help-you/
    ข่าวนี้เล่าถึงการค้นพบวิธีใหม่ในการลดอาการเมารถหรือ Motion Sickness โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้คลื่นเสียงกระตุ้นระบบประสาทในหูชั้นใน ซึ่งช่วยลดอาการเวียนหัวและคลื่นไส้ได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที ทีมวิจัยนำโดย Takumi Kagawa และ Masashi Kato พบว่าการใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่ 100 Hz ซึ่งเป็นเสียงระดับ Mid-Bass สามารถกระตุ้นระบบประสาทในหูชั้นในที่ควบคุมการทรงตัวและการรับรู้ตำแหน่งในอวกาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคลื่นเสียงนี้ช่วยกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติกที่มักเสียสมดุลในผู้ที่มีอาการเมารถ การทดลองใช้คลื่นเสียงนี้กับผู้เข้าร่วมที่ถูกกระตุ้นอาการเมารถด้วยการนั่งรถจำลองและการแกว่ง พบว่าผู้เข้าร่วมมีอาการลดลงอย่างชัดเจน เช่น อาการเวียนหัวและคลื่นไส้ นอกจากนี้ยังมีการวัดผลด้วยการทดสอบการทรงตัว การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และแบบสอบถามเกี่ยวกับอาการเมารถ ✅ การค้นพบวิธีลดอาการเมารถ - ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกย่าพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้คลื่นเสียงกระตุ้นระบบประสาทในหูชั้นใน - คลื่นเสียงที่มีความถี่ 100 Hz ช่วยลดอาการเวียนหัวและคลื่นไส้ ✅ ผลการทดลอง - ผู้เข้าร่วมมีอาการเมารถลดลงหลังการใช้คลื่นเสียง - การวัดผลด้วยการทดสอบการทรงตัวและการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแสดงผลลัพธ์ที่ดี ✅ ความปลอดภัยของเทคโนโลยี - คลื่นเสียงนี้มีระดับต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน - เทคโนโลยีนี้คาดว่าจะปลอดภัยเมื่อใช้งานอย่างเหมาะสม ℹ️ ข้อจำกัดของการใช้งาน - การใช้งานต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีอุปกรณ์ส่งคลื่นเสียง - อาจต้องมีการปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ℹ️ ผลกระทบต่อการเดินทาง - เทคโนโลยีนี้อาจช่วยลดอาการเมารถในการเดินทางทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ - การพัฒนาเพิ่มเติมอาจช่วยให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น https://www.neowin.net/news/are-you-motion-sick-study-shows-how-just-a-minute-of-a-mid-bass-frequency-could-help-you/
    WWW.NEOWIN.NET
    Are you motion sick? Study shows how just a minute of bass could help you
    Scientists conducted a study and found that just a minute of a particular mid-bass sound frequency can help cure motion sicknesses like car sickness.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรยากาศสงกรานต์บนถนนสีลมเนืองแน่น นักท่องเที่ยวหลั่งไหลร่วมงาน “สงกรานต์บ้านฉัน สีสัน สีลม” จัดเต็ม 3 วันเต็มๆ ตำรวจร่วมดูแลความปลอดภัย-จราจร พร้อมร้านอาหาร-เครื่องดื่มคอยบริการตลอดเส้นทาง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035308

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    บรรยากาศสงกรานต์บนถนนสีลมเนืองแน่น นักท่องเที่ยวหลั่งไหลร่วมงาน “สงกรานต์บ้านฉัน สีสัน สีลม” จัดเต็ม 3 วันเต็มๆ ตำรวจร่วมดูแลความปลอดภัย-จราจร พร้อมร้านอาหาร-เครื่องดื่มคอยบริการตลอดเส้นทาง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035308 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หลักกู”กสทช.พ่นพิษ รอคำสั่งประธานเถื่อน.เรากลับมาถึงปัญหาอันใหญ่หลวงใน กสทช. ซึ่งผู้ชมจะเห็นได้ว่า ภายใต้การนำของนายแพทย์สรณ ประธานเถื่อน กสทช. และนายไตรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่ล้มเหลวและเน่าเฟะ แทบทุกองคาพยพ จนไม่เพียงกระทบต่อการดำเนินงานภายในสำนักงาน กสทช. แต่ยังได้ส่งผลมาถึงประเทศชาติในภาพรวมด้วย.ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในโลกโซเชียลได้แชร์และวิจารณ์โพสต์จากเฟซบุ๊ก พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในวันเสาร์ที่แล้ว(5เม.ย.) ได้โพสต์ข้อความอย่างนี้ครับ"วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. นับเป็นประสบการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่สำนักงาน กสทช. ชั้น 10 จึงได้ให้ทีมงานรีบลงบันไดมาข้างสนามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดีใจมากที่ทีมงานและพนักงานสำนักงาน กสทช. ทุกคนปลอดภัย แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะมีหนังสือฯสั่งการ หากกรรมการ กสทช. จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน".ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจำนวนมากโพสต์ข้อความวิจารณ์กรรมการ กสทช. รายดังกล่าว ว่า "หากท่านประธานอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสั่งการได้ ยกเว้นถ้าท่านอยู่ในลิฟต์เหมือนประชาชนมากมายในวันศุกร์ หรือเกิดเหตุการณ์ด้านสุขภาพ กสทช. มีแนวทางการดำเนินการอย่างไรหรือครับท่าน" อีกคำถามหนึ่งที่ชาวเน็ตถามว่า "แบบนี้ถ้าประธานไม่อยู่ หรือยังสั่งการอะไรไม่ได้ในช่วงเวลาเกิดเหตุเร่งด่วนขนาดนี้ ก็ให้พวกผมรอความตายกันหรือครับ".ถ้าเราไปค้นดูจริงๆ ก็มีจริงๆ หนังสือคำสั่งบ้าๆ ที่เป็นบันทึกข้อความลงนามโดยหมอสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ทำถึงเลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เนื้อหาหลักๆ ก็คือว่า ห้ามทำอะไรทั้งสิ้นถ้าไม่ได้รับการอนุมัติหรือสั่งการมาจากประธาน กสทช. แล้วยังมีบันทึกข้อความของหมอสรณ กับนายไตรรัตน์ อีกหลายฉบับ ที่ออกมาย้ำเรื่องนี้ รวมทั้งคำสั่งขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ กสทช. คนอื่นๆ อีกด้วย.จะเห็นได้ชัดเลยว่า ที่ กสทช. มีความขัดแย้ง แล้วการงานไม่ได้เดินหน้าไปไหน เพราะมีประธานเถื่อน ก็คือนายแพทย์สรณ ผูกขาด เอาอำนาจมารวบไว้ที่ตัวคนเดียว คือทุกอย่างต้องอยู่ที่กู ถ้ากูไม่สั่ง ห้ามขยับเด็ดขาด.จากกรณีแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ล่าสุด ที่สร้างความฉิบหายและความวุ่นวายให้กับคนทั้งประเทศ ก่อนที่พวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย, กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ที่คุยกันเรื่องทำ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ พวกคุณใช้เวลาดำเนินการมา 4 ปีเต็มๆ แล้วพวกคุณใช้เงินไปพันกว่าล้านบาทแล้ว ยังไม่เสร็จ.ล่าสุด หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นจริงๆ ถ้าพวกคุณคิดจะขยันกันขึ้นมาแบบผิดปกติ แย่งกันทำ แย่งกันพรีเซนต์ว่าระบบเสร็จแล้ว ระบบพร้อมแล้ว กำลังจัดซื้อโน่นจัดซื้อนี่เพิ่มเติม เพราะเชื่อแน่ได้ว่าแต่ละหน่วยงานก็หวังได้ค่าหัวคิว ได้เงินส่วนต่างจากการจัดซื้อจัดจ้างทำระบบต่างๆ ขึ้นมา.คราวต่อไป ผมจะมาเปิดโปงเรื่องอื่นๆ ต่ออีก รับรองว่าถ้าประชาชนได้รับรู้ ทราบเรื่องราวแล้ว มั่นใจว่าเก้าอี้ทำงานของพวกคุณต้องสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวที่สำนักงาน กสทช. ซอยสายลม เพียงที่เดียว อย่างแน่นอนที่สุด
    “หลักกู”กสทช.พ่นพิษ รอคำสั่งประธานเถื่อน.เรากลับมาถึงปัญหาอันใหญ่หลวงใน กสทช. ซึ่งผู้ชมจะเห็นได้ว่า ภายใต้การนำของนายแพทย์สรณ ประธานเถื่อน กสทช. และนายไตรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่ล้มเหลวและเน่าเฟะ แทบทุกองคาพยพ จนไม่เพียงกระทบต่อการดำเนินงานภายในสำนักงาน กสทช. แต่ยังได้ส่งผลมาถึงประเทศชาติในภาพรวมด้วย.ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในโลกโซเชียลได้แชร์และวิจารณ์โพสต์จากเฟซบุ๊ก พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในวันเสาร์ที่แล้ว(5เม.ย.) ได้โพสต์ข้อความอย่างนี้ครับ"วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. นับเป็นประสบการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่สำนักงาน กสทช. ชั้น 10 จึงได้ให้ทีมงานรีบลงบันไดมาข้างสนามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดีใจมากที่ทีมงานและพนักงานสำนักงาน กสทช. ทุกคนปลอดภัย แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะมีหนังสือฯสั่งการ หากกรรมการ กสทช. จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน".ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจำนวนมากโพสต์ข้อความวิจารณ์กรรมการ กสทช. รายดังกล่าว ว่า "หากท่านประธานอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสั่งการได้ ยกเว้นถ้าท่านอยู่ในลิฟต์เหมือนประชาชนมากมายในวันศุกร์ หรือเกิดเหตุการณ์ด้านสุขภาพ กสทช. มีแนวทางการดำเนินการอย่างไรหรือครับท่าน" อีกคำถามหนึ่งที่ชาวเน็ตถามว่า "แบบนี้ถ้าประธานไม่อยู่ หรือยังสั่งการอะไรไม่ได้ในช่วงเวลาเกิดเหตุเร่งด่วนขนาดนี้ ก็ให้พวกผมรอความตายกันหรือครับ".ถ้าเราไปค้นดูจริงๆ ก็มีจริงๆ หนังสือคำสั่งบ้าๆ ที่เป็นบันทึกข้อความลงนามโดยหมอสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ทำถึงเลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เนื้อหาหลักๆ ก็คือว่า ห้ามทำอะไรทั้งสิ้นถ้าไม่ได้รับการอนุมัติหรือสั่งการมาจากประธาน กสทช. แล้วยังมีบันทึกข้อความของหมอสรณ กับนายไตรรัตน์ อีกหลายฉบับ ที่ออกมาย้ำเรื่องนี้ รวมทั้งคำสั่งขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ กสทช. คนอื่นๆ อีกด้วย.จะเห็นได้ชัดเลยว่า ที่ กสทช. มีความขัดแย้ง แล้วการงานไม่ได้เดินหน้าไปไหน เพราะมีประธานเถื่อน ก็คือนายแพทย์สรณ ผูกขาด เอาอำนาจมารวบไว้ที่ตัวคนเดียว คือทุกอย่างต้องอยู่ที่กู ถ้ากูไม่สั่ง ห้ามขยับเด็ดขาด.จากกรณีแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ล่าสุด ที่สร้างความฉิบหายและความวุ่นวายให้กับคนทั้งประเทศ ก่อนที่พวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย, กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ที่คุยกันเรื่องทำ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ พวกคุณใช้เวลาดำเนินการมา 4 ปีเต็มๆ แล้วพวกคุณใช้เงินไปพันกว่าล้านบาทแล้ว ยังไม่เสร็จ.ล่าสุด หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นจริงๆ ถ้าพวกคุณคิดจะขยันกันขึ้นมาแบบผิดปกติ แย่งกันทำ แย่งกันพรีเซนต์ว่าระบบเสร็จแล้ว ระบบพร้อมแล้ว กำลังจัดซื้อโน่นจัดซื้อนี่เพิ่มเติม เพราะเชื่อแน่ได้ว่าแต่ละหน่วยงานก็หวังได้ค่าหัวคิว ได้เงินส่วนต่างจากการจัดซื้อจัดจ้างทำระบบต่างๆ ขึ้นมา.คราวต่อไป ผมจะมาเปิดโปงเรื่องอื่นๆ ต่ออีก รับรองว่าถ้าประชาชนได้รับรู้ ทราบเรื่องราวแล้ว มั่นใจว่าเก้าอี้ทำงานของพวกคุณต้องสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวที่สำนักงาน กสทช. ซอยสายลม เพียงที่เดียว อย่างแน่นอนที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts