• ราชตฤณมัยสมาคมฯเดินหน้าสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 2แสนล้าน ภายใต้ชื่อโครงการ "The Royal Siam Haven" หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้

    19 กันยายน 2567-รายงานข่าวไทยพีบีเอสระบุว่าราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด แถลงข่าวระบุว่า จะเดินหน้าก่อสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้

    ในการแถลงข่าวยังมีการลงนามร่วมกับกลุ่มแคปปิตัลทรัสต์ รับมอบสิทธิในบัญชีพร็อพเทรด 100 ล้านสิทธิ โดยระบุเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ด้านการลงทุน

    ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ลงนามเดินหน้าโครงการร่วมกับ บริษัท พาวเวอร์ออลเน็ตเวิร์ค บริษัทลูกของกลุ่ม Foxconn จากฮ่องกง และมีแผนลงนามกับผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาม้าแข่งจากประเทศเกาหลีใต้

    พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ ว่าที่เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการลงนามกับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการแข่งขันม้า และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอก

    “เราจะไม่รอให้ พ.ร.บ.ผ่านก่อน แต่เราจะสร้างก่อน ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอกเพราะดูแล้วคลองเตยน่าจะใช้เวลานาน”

    ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมสาธารณูปโภค ถนน ระบบน้ำและระบบไฟ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ส่วนประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งการแสดงโชว์ สเตเดียม ร้านค้า ร้านอาหาร

    เมื่อมาดูร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ และผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จากนี้กระทรวงการคลังจะส่งกลับไปให้ ครม.พิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป
    ประเด็นนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชน เพราะมีหลายจุดที่ถูกตัดตอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ หลายจุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอำนาจคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้กำหนดจำนวนใบอนุญาต, เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน, กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน และหากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ก็ยังเสนอให้ ครม.แก้กฎหมายได้และอายุใบอนุญาตเพิ่มจาก 20 ปี เป็น 30 ปี

    นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อกับผู้เล่นพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้

    ส่วนประเด็นสำคัญที่ถูกตัดออกจากร่างเดิมของ กมธ. คือ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นนี้ไม่มีในร่างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

    นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลานาน เชื่อว่าในระยะถัดไป การบังคับใช้กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าช่วงแรก ซึ่งในอนาคตอาจมีภาพทั้งกาสิโนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งกาสิโนขนาดกลางและขนาดเล็กในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็เป็นที่น่ากังวลว่ากฎหมายเปิดช่องขนาดนี้ เรียกว่าเป็นกฎหมาย "บ่อนบนดิน

    #Thaitimes
    ราชตฤณมัยสมาคมฯเดินหน้าสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 2แสนล้าน ภายใต้ชื่อโครงการ "The Royal Siam Haven" หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ 19 กันยายน 2567-รายงานข่าวไทยพีบีเอสระบุว่าราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด แถลงข่าวระบุว่า จะเดินหน้าก่อสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ ในการแถลงข่าวยังมีการลงนามร่วมกับกลุ่มแคปปิตัลทรัสต์ รับมอบสิทธิในบัญชีพร็อพเทรด 100 ล้านสิทธิ โดยระบุเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ด้านการลงทุน ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ลงนามเดินหน้าโครงการร่วมกับ บริษัท พาวเวอร์ออลเน็ตเวิร์ค บริษัทลูกของกลุ่ม Foxconn จากฮ่องกง และมีแผนลงนามกับผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาม้าแข่งจากประเทศเกาหลีใต้ พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ ว่าที่เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการลงนามกับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการแข่งขันม้า และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอก “เราจะไม่รอให้ พ.ร.บ.ผ่านก่อน แต่เราจะสร้างก่อน ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอกเพราะดูแล้วคลองเตยน่าจะใช้เวลานาน” ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมสาธารณูปโภค ถนน ระบบน้ำและระบบไฟ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ส่วนประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งการแสดงโชว์ สเตเดียม ร้านค้า ร้านอาหาร เมื่อมาดูร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ และผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จากนี้กระทรวงการคลังจะส่งกลับไปให้ ครม.พิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป ประเด็นนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชน เพราะมีหลายจุดที่ถูกตัดตอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ หลายจุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอำนาจคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้กำหนดจำนวนใบอนุญาต, เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน, กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน และหากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ก็ยังเสนอให้ ครม.แก้กฎหมายได้และอายุใบอนุญาตเพิ่มจาก 20 ปี เป็น 30 ปี นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อกับผู้เล่นพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้ ส่วนประเด็นสำคัญที่ถูกตัดออกจากร่างเดิมของ กมธ. คือ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นนี้ไม่มีในร่างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลานาน เชื่อว่าในระยะถัดไป การบังคับใช้กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าช่วงแรก ซึ่งในอนาคตอาจมีภาพทั้งกาสิโนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งกาสิโนขนาดกลางและขนาดเล็กในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็เป็นที่น่ากังวลว่ากฎหมายเปิดช่องขนาดนี้ เรียกว่าเป็นกฎหมาย "บ่อนบนดิน #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing

    19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25%

    เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน

    การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย

    ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5%

    “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้

    ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง

    พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ

    “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ

    ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

    แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้”

    ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3%

    “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “

    ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL

    #Thaitimes
    FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing 19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25% เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5% “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้ ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้” ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3% “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “ ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ
    แอดมิน ขอเล่าภาพ SET ณ ปัจจุบัน (19/09/2567)
    ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1440.35 จุด วันนี้บวกไป 19 จุด
    หรือ เพิ่มขึ้น 1.33%

    ถ้าเรามองแนวโน้ม หรือ เทรนด์ของ SET ในปัจจุบัน
    (ในระยะสั้น) จะเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น
    ส่วนในระยะยาว (ที่จะวัดผลกันจริงๆ) ต้องติดตามต่อไป
    ้เป็นระยะ

    ทีนี้มาดูในแง่ของราคาหุ้น ในแต่ละตัว ที่นักลงทุนเข้าซื้อ
    ก็จะแปรผันไปตาม เป้าหมายของนักลงทุนแต่ละท่าน
    หรือ แต่ละกลุ่มที่เข้าซื้อว่ามีจุดประสงค์อะไร
    เช่น เพื่อปันผล หรือ เพื่อกินส่วนต่างของราคา

    ถ้ามองจากกราฟ สายปันผลที่ต้องการเก็บของที่ราคาต่ำ
    และต้นทุนไม่สูง ราคาเหมาะสม จะเริ่มเก็บทะยอยหุ้นมา
    ตั้งแต่ช่วง SET อยู่ที่ราวๆ 1274-1300 จุด คงไม่มาไล่ราคา
    หรือก็บหุ้นช่วงนี้ เพราะมีเป้าหมายถือยาว

    ภาพที่จะเห็นช่วงนี้ คือ ฝั่งเก็งกำไร ซึ่งจะเปลี่ยนมือ
    ซื้อขายหุ้น กันไปมา ไปเรื่อยๆ

    ดังนั้น นักลงทุนที่มักติดดอยสูงๆ โดยส่วนใหญ่ มักเป็นฝั่ง
    นักลงทุนรายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา และเก็งกำไร
    ตามกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ โบรก และ กองทุน
    ที่มักช่วงชิงจังหวะ ที่ได้เปรียบ ในการเทขายทำกำไร
    ออกมาได้ก่อนเสมอ

    สรุปแล้ว นักลงทุนรายย่อย ก็ขอให้ระวังกันด้วยครับ
    โดยเฉพาะการซื้อแบบเก็งกำไร และ ไล่ราคา
    เพราะมีโอกาสติดดอยได้สูง ถ้าในช่วงจังหวะ
    โดนเทขายทำกำไร และไม่ยอมคัต ตัดขาดทุน
    ออกมา

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    💥💥มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ แอดมิน ขอเล่าภาพ SET ณ ปัจจุบัน (19/09/2567) ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1440.35 จุด วันนี้บวกไป 19 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 1.33% 🚩ถ้าเรามองแนวโน้ม หรือ เทรนด์ของ SET ในปัจจุบัน (ในระยะสั้น) จะเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น ส่วนในระยะยาว (ที่จะวัดผลกันจริงๆ) ต้องติดตามต่อไป ้เป็นระยะ 🚩ทีนี้มาดูในแง่ของราคาหุ้น ในแต่ละตัว ที่นักลงทุนเข้าซื้อ ก็จะแปรผันไปตาม เป้าหมายของนักลงทุนแต่ละท่าน หรือ แต่ละกลุ่มที่เข้าซื้อว่ามีจุดประสงค์อะไร เช่น เพื่อปันผล หรือ เพื่อกินส่วนต่างของราคา 🚩ถ้ามองจากกราฟ สายปันผลที่ต้องการเก็บของที่ราคาต่ำ และต้นทุนไม่สูง ราคาเหมาะสม จะเริ่มเก็บทะยอยหุ้นมา ตั้งแต่ช่วง SET อยู่ที่ราวๆ 1274-1300 จุด คงไม่มาไล่ราคา หรือก็บหุ้นช่วงนี้ เพราะมีเป้าหมายถือยาว 🚩ภาพที่จะเห็นช่วงนี้ คือ ฝั่งเก็งกำไร ซึ่งจะเปลี่ยนมือ ซื้อขายหุ้น กันไปมา ไปเรื่อยๆ 🚩ดังนั้น นักลงทุนที่มักติดดอยสูงๆ โดยส่วนใหญ่ มักเป็นฝั่ง นักลงทุนรายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา และเก็งกำไร ตามกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ โบรก และ กองทุน ที่มักช่วงชิงจังหวะ ที่ได้เปรียบ ในการเทขายทำกำไร ออกมาได้ก่อนเสมอ 🚩สรุปแล้ว นักลงทุนรายย่อย ก็ขอให้ระวังกันด้วยครับ โดยเฉพาะการซื้อแบบเก็งกำไร และ ไล่ราคา เพราะมีโอกาสติดดอยได้สูง ถ้าในช่วงจังหวะ โดนเทขายทำกำไร และไม่ยอมคัต ตัดขาดทุน ออกมา #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19/09/2567 วันนี้น่าสนใจตรงที่
    นักลงทุนรายย่อย เอาคืน จัดหุ้นยัดใส่มือ
    ต่างประเทศ โบรก และ กองทุน แบบอิ่มๆ จุกๆ
    แถมฝากตบท้าย ช่วยดึงราคาขึ้นไปเยอะๆ สูงๆ
    พวกผมรอปล่อยของอยู่จะได้หลุดดอย :)

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย
    #SET #thaitimes
    🔥🔥19/09/2567 วันนี้น่าสนใจตรงที่ นักลงทุนรายย่อย เอาคืน จัดหุ้นยัดใส่มือ ต่างประเทศ โบรก และ กองทุน แบบอิ่มๆ จุกๆ แถมฝากตบท้าย ช่วยดึงราคาขึ้นไปเยอะๆ สูงๆ พวกผมรอปล่อยของอยู่จะได้หลุดดอย :) #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลล่าสุดจากเครดิตบูโรเผย
    สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทย ยังวิกฤต
    พบปัจจุบันหนี้ครัวเรือนไทย ทะลุ 13.6 ล้านล้านบาท
    โดยมีหนี้เสียที่มียอดคงค้างเกิน 3 เดือน หรือ NPL
    พุ่งกว่า 1.19 ล้านล้านบาท คิดเป็น 8.7% ของหนี้ทั้งหมด
    ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างไม่เกิน 90 วัน หรือ SM
    ยอดกระโดดเพิ่มขึ้นกว่า 33% ใน 1 เดือน

    เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นความเปราะบางของครัวเรือนไทย
    ในเรื่องภาระหนี้สินในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลไปถึงภาพใหญ่
    คือกำลังซื้อ รวมทั้ง การบริโภคภายในประเทศที่ลดลง

    ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #หนี้ครัวเรือนไทย #thaitimes
    💥💥ข้อมูลล่าสุดจากเครดิตบูโรเผย สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทย ยังวิกฤต พบปัจจุบันหนี้ครัวเรือนไทย ทะลุ 13.6 ล้านล้านบาท โดยมีหนี้เสียที่มียอดคงค้างเกิน 3 เดือน หรือ NPL พุ่งกว่า 1.19 ล้านล้านบาท คิดเป็น 8.7% ของหนี้ทั้งหมด ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างไม่เกิน 90 วัน หรือ SM ยอดกระโดดเพิ่มขึ้นกว่า 33% ใน 1 เดือน 🚩เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นความเปราะบางของครัวเรือนไทย ในเรื่องภาระหนี้สินในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลไปถึงภาพใหญ่ คือกำลังซื้อ รวมทั้ง การบริโภคภายในประเทศที่ลดลง ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #หนี้ครัวเรือนไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัปเปอร์แวร์ (Tupperware)
    บริษัทผู้ผลิตภาชนะพลาสติกเก็บอาหาร บรรจุอาหาร
    เจ้าใหญ่ของโลก ได้ยื่นล้มละลาย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
    เนื่องจากประสบปัญหาการขาดทุนเพิ่มขึ้น
    อันเนื่องมาจากความต้องการภาชนะเก็บอาหาร
    และบรรจุอาหารลดลง

    ทรัปเปอร์แวร์ ได้เผชิญกับหนี้สินมากกว่ามูลค่าทรัพย์สิน
    ของบริษัท

    โดยบริษัทมีหนี้สินอยู่ราวๆ 1,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือ ประมาณ 33,200 - 332,000 ล้านบาท และมีเจ้าหนี้
    จำนวน 50,000 - 100,000 ราย

    ส่วนมูลค่าทรัพย์สินที่ประเมินในปัจจุบันของบริษัท มีอยู่ราวๆ
    500-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    16,600 - 33,200 ล้านบาท

    ที่มา : Reuters
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทัปเปอร์แวร์ #thaitimes
    🔥ทัปเปอร์แวร์ (Tupperware) บริษัทผู้ผลิตภาชนะพลาสติกเก็บอาหาร บรรจุอาหาร เจ้าใหญ่ของโลก ได้ยื่นล้มละลาย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากประสบปัญหาการขาดทุนเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากความต้องการภาชนะเก็บอาหาร และบรรจุอาหารลดลง 🚩ทรัปเปอร์แวร์ ได้เผชิญกับหนี้สินมากกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ของบริษัท 🚩โดยบริษัทมีหนี้สินอยู่ราวๆ 1,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 33,200 - 332,000 ล้านบาท และมีเจ้าหนี้ จำนวน 50,000 - 100,000 ราย 🚩ส่วนมูลค่าทรัพย์สินที่ประเมินในปัจจุบันของบริษัท มีอยู่ราวๆ 500-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,600 - 33,200 ล้านบาท ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทัปเปอร์แวร์ #thaitimes
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขายบ้านพร้อมที่ดิน 50 ไร่ 2 งาน 21 ตรว. ติดถนนทางหลวงชนบท 4023 บ้านเรือนไทย นันทวรรณ-วลี บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชครินทร์ ศูนย์บางคล้า เพียง 1.59 กม.
    **ราคาขาย 252,762,500 บาท**

    ที่ตั้ง : หมู่ 1 ต. หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา

    ✦ รายละเอียด ✦
    ▸ ขายที่ดินพร้อมบ้าน 252,762,500 บาท
    ▸ เนื้อที่ดิน 50 ไร่ 2 งาน 21 ตรว. (20,221 ตร.ว)
    ▸ ที่ดินหน้ากว้างติดถนนสาธารณะ 329 เมตร
    ▸ ลึก 293 เมตร
    ▸ ถนนหน้าที่ดินกว้าง 12 เมตร
    ▸ ที่ดินผังสีเขียว

    ✦ จุดเด่นสำหรับการลงทุน ✦
    ▸ คลังเก็บสินค้า
    ▸ รีสอร์ท
    ▸ สถานที่จัดงานแต่งงาน
    ▸ สถานศึกษา
    ▸ หอพักนักศึกษา
    ▸โรงงาน
    ▸ สนามกอล์ฟ
    ▸ สนามแข่งม้า
    ▸ สนามยิงปืน
    ▸ สนามแข่งรถ

    ✦ สถานที่ใกล้เคียง ✦

    ร้านอาหาร, คาเฟ่ & ตลาด
    ▸ ครัวบางปะกงฟาร์ม 4 กม.
    ▸ บ้านสวนกาแฟ แอนด์ รีสอร์ท 2 กม.
    ▸ ตลาดนัดสามเกลอ 7.4 กม.
    ▸ ตลาดน้ำบางคล้า 9.3 กม.
    ▸ ตลาดแม่เล้ง(บางคล้า) 12 กม.
    ▸ ตลาดนัดวินเทจ บางคล้า 8.1 กม.
    ▸ ตลาดน้ำวัดบางกระเจ็ด 8.9 กม.

    ศูนย์การแพทย์
    ▸ โรงพยาบาลบางคล้า 5.5 กม.
    ▸ โรงพยาบาลคลองเขื่อน 15 กม.
    ▸ โรงพยาบาลราชสาส์น 12 กม.

    สถานที่ราชการและหน่วยงาน
    ▸ สำนักงานเทศบาลตำบลปากน้ำบางคล้า 6 กม.

    *** สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ***
    โทร : 081-822-6553 คุณ ธนชาต
    Line Id : 0818226553


    #ที่ดิน #ขายบ้าน #ขายที่ดิน
    ขายบ้านพร้อมที่ดิน 50 ไร่ 2 งาน 21 ตรว. ติดถนนทางหลวงชนบท 4023 บ้านเรือนไทย นันทวรรณ-วลี บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชครินทร์ ศูนย์บางคล้า เพียง 1.59 กม. **ราคาขาย 252,762,500 บาท** ที่ตั้ง : หมู่ 1 ต. หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ✦ รายละเอียด ✦ ▸ ขายที่ดินพร้อมบ้าน 252,762,500 บาท ▸ เนื้อที่ดิน 50 ไร่ 2 งาน 21 ตรว. (20,221 ตร.ว) ▸ ที่ดินหน้ากว้างติดถนนสาธารณะ 329 เมตร ▸ ลึก 293 เมตร ▸ ถนนหน้าที่ดินกว้าง 12 เมตร ▸ ที่ดินผังสีเขียว ✦ จุดเด่นสำหรับการลงทุน ✦ ▸ คลังเก็บสินค้า ▸ รีสอร์ท ▸ สถานที่จัดงานแต่งงาน ▸ สถานศึกษา ▸ หอพักนักศึกษา ▸โรงงาน ▸ สนามกอล์ฟ ▸ สนามแข่งม้า ▸ สนามยิงปืน ▸ สนามแข่งรถ ✦ สถานที่ใกล้เคียง ✦ ร้านอาหาร, คาเฟ่ & ตลาด ▸ ครัวบางปะกงฟาร์ม 4 กม. ▸ บ้านสวนกาแฟ แอนด์ รีสอร์ท 2 กม. ▸ ตลาดนัดสามเกลอ 7.4 กม. ▸ ตลาดน้ำบางคล้า 9.3 กม. ▸ ตลาดแม่เล้ง(บางคล้า) 12 กม. ▸ ตลาดนัดวินเทจ บางคล้า 8.1 กม. ▸ ตลาดน้ำวัดบางกระเจ็ด 8.9 กม. ศูนย์การแพทย์ ▸ โรงพยาบาลบางคล้า 5.5 กม. ▸ โรงพยาบาลคลองเขื่อน 15 กม. ▸ โรงพยาบาลราชสาส์น 12 กม. สถานที่ราชการและหน่วยงาน ▸ สำนักงานเทศบาลตำบลปากน้ำบางคล้า 6 กม. *** สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม *** โทร : 081-822-6553 คุณ ธนชาต Line Id : 0818226553 #ที่ดิน #ขายบ้าน #ขายที่ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขายที่ดินแบ่งขายแก่งคอยสระบุรี ฮวงจุ้ยดีเยี่ยม ที่ดินท้องมังกร
    ขายที่ดินแบ่งขายแก่งคอยสระบุรี ฮวงจุ้ยดีเยี่ยม ที่ดินท้องมังกร

    ที่ดินแบ่งขาย ติดแม่น้ำป่าสัก แก่งคอย ใจกลางเมืองแก่งคอย
    ถนนสุดบรรทัด ใกล้ห้างโลตัสแก่งคอย ที่ดินท้องมังกร ตามหลัก
    ฮวงจุ้ย การเดินทางสะดวก ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูงสระบุรี แก่งคอย จ.สระบุรี

    **ราคาแปลง 100 ตรว. : 1,600,000 บาท

    **รายละเอียด**
    -ที่ดินแบ่งขายเริ่มต้นที่ 100 ตรว.
    -ราคาเริ่มต้น (ผังสีแดง/ผังสีเขียว) ตรว.ละ 16,000 บาท /ตรว.
    -ราคาเริ่มต้น (ผังสีฟ้า) ตรว.ละ 25,000 บาท /ตรว.

    *ที่ดินแบ่งเป็น 3 โซน
    (1) ที่ดินโซน - สีแดง : ราคา 16,000 บาท / ตรว.
    (2) ที่ดินโซน-สีเขียว : ราคา 16,000 บาท / ตรว.
    (3) ที่ดินโซน-สีฟ้า (ติดแม่น้ำ) : ราคา 25,000 บาท / ตรว.

    **จุดเด่นภายในโครงการ**
    -ที่ดินถมแล้ว
    -ถนนสาธารณะภายในโครงการ กว้าง 10 เมตร
    -มีลานกิจกรรม และทางเดินลงสูุ่แม่น้ำป่าสัก ให้ลูกบ้าน
    ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
    -โครงการตั้งอยู่ถนนสุดบรรทัด ใจกลางเมืองแก่งคอย
    -อนุรักษ์ความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่น
    -อยู่ใกล้ชุมชน ร้านค้า ห้างสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
    -เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศ
    -ที่ดินศักยภาพสูง ราคาถูก เหมาะกับการลงทุน
    -ที่ดินสามารถซื้อสด หรือทำสินเชื่อธนาคาร ยื่นกู้ที่ดินเปล่าได้ถึง 80% จากราคาขาย

    **เงื่อนไขการจองที่ดิน
    -ซื้อสด
    -ชำระโดยสินเชื่อธนาคาร
    -ยื่นขอสินเชื่อ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง
    -ผ่อนชำระกับทางบริษัท เริ่มผ่อนต่อกับโครงการได้ 120 งวดแบบโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าและจดจำนองกับบริษัท ดอกเบี้ย 8.5%ต่อปี แบบลดต้นลดดอก

    **สถานที่ใกล้เคียง**
    -ห้างโลตัส แก่งคอย และโรบินสัน แก่งคอย
    -โรงเรียนแก่งคอยวิทยา
    -ตลาดสด
    -ธนาคาร ปั๊มน้ำมัน
    -ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูงสระบุรี แก่งคอย
    ทางด่วนพิเศษ บางปะอิน-โคราช , และทางด่วน
    โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี

    **สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
    โทร : 081-822-6553

    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด "ฟรี" ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน

    #ขายที่ดิน #ที่ดินแก่งคอย
    ขายที่ดินแบ่งขายแก่งคอยสระบุรี ฮวงจุ้ยดีเยี่ยม ที่ดินท้องมังกร ขายที่ดินแบ่งขายแก่งคอยสระบุรี ฮวงจุ้ยดีเยี่ยม ที่ดินท้องมังกร ที่ดินแบ่งขาย ติดแม่น้ำป่าสัก แก่งคอย ใจกลางเมืองแก่งคอย ถนนสุดบรรทัด ใกล้ห้างโลตัสแก่งคอย ที่ดินท้องมังกร ตามหลัก ฮวงจุ้ย การเดินทางสะดวก ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูงสระบุรี แก่งคอย จ.สระบุรี **ราคาแปลง 100 ตรว. : 1,600,000 บาท **รายละเอียด** -ที่ดินแบ่งขายเริ่มต้นที่ 100 ตรว. -ราคาเริ่มต้น (ผังสีแดง/ผังสีเขียว) ตรว.ละ 16,000 บาท /ตรว. -ราคาเริ่มต้น (ผังสีฟ้า) ตรว.ละ 25,000 บาท /ตรว. *ที่ดินแบ่งเป็น 3 โซน (1) ที่ดินโซน - สีแดง : ราคา 16,000 บาท / ตรว. (2) ที่ดินโซน-สีเขียว : ราคา 16,000 บาท / ตรว. (3) ที่ดินโซน-สีฟ้า (ติดแม่น้ำ) : ราคา 25,000 บาท / ตรว. **จุดเด่นภายในโครงการ** -ที่ดินถมแล้ว -ถนนสาธารณะภายในโครงการ กว้าง 10 เมตร -มีลานกิจกรรม และทางเดินลงสูุ่แม่น้ำป่าสัก ให้ลูกบ้าน ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน -โครงการตั้งอยู่ถนนสุดบรรทัด ใจกลางเมืองแก่งคอย -อนุรักษ์ความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่น -อยู่ใกล้ชุมชน ร้านค้า ห้างสะดวกสบายในการใช้ชีวิต -เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศ -ที่ดินศักยภาพสูง ราคาถูก เหมาะกับการลงทุน -ที่ดินสามารถซื้อสด หรือทำสินเชื่อธนาคาร ยื่นกู้ที่ดินเปล่าได้ถึง 80% จากราคาขาย **เงื่อนไขการจองที่ดิน -ซื้อสด -ชำระโดยสินเชื่อธนาคาร -ยื่นขอสินเชื่อ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง -ผ่อนชำระกับทางบริษัท เริ่มผ่อนต่อกับโครงการได้ 120 งวดแบบโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าและจดจำนองกับบริษัท ดอกเบี้ย 8.5%ต่อปี แบบลดต้นลดดอก **สถานที่ใกล้เคียง** -ห้างโลตัส แก่งคอย และโรบินสัน แก่งคอย -โรงเรียนแก่งคอยวิทยา -ตลาดสด -ธนาคาร ปั๊มน้ำมัน -ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูงสระบุรี แก่งคอย ทางด่วนพิเศษ บางปะอิน-โคราช , และทางด่วน โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี **สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : โทร : 081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด "ฟรี" ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน #ขายที่ดิน #ที่ดินแก่งคอย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำผิด 5 ราย ได้แก่
    (1) บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK)
    และอดีตกรรมการและ/หรืออดีตผู้บริหารของ STARK
    ได้แก่ (2) นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (3) นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ
    (4) นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ และ (5) นายประกรณ์ เมฆจำเริญ
    ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

    กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิด
    ความสำคัญผิด ในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน
    และผลการดำเนินงานของ STARK และรายงานการดำเนินการ
    ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
    ที่มา : ก.ล.ต.
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #STARK #thaitimes
    🔥🔥 ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำผิด 5 ราย ได้แก่ (1) บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) และอดีตกรรมการและ/หรืออดีตผู้บริหารของ STARK ได้แก่ (2) นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (3) นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ (4) นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ และ (5) นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) 🚩กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิด ความสำคัญผิด ในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของ STARK และรายงานการดำเนินการ ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่มา : ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #STARK #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ธนาคารกลางของหลายๆประเทศ
    เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตามธนาคารกลาง
    สหรัฐ หรือ เฟด เช่น อินโดนีเซีย, ฮ่องกง
    หลายๆประเทศในตะวันออกกลาง
    จุดประสงค์หลัก คือ เพื่อพยุงเศรษฐกิจในประเทศ

    แอดมินเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย
    ก็คงกำลังพิจารณาที่จะลดอัตราดอกเบี้ย
    นโยบายลงเช่นเดียวกัน

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
    #thaitimes
    💥ตอนนี้ธนาคารกลางของหลายๆประเทศ เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตามธนาคารกลาง สหรัฐ หรือ เฟด เช่น อินโดนีเซีย, ฮ่องกง หลายๆประเทศในตะวันออกกลาง จุดประสงค์หลัก คือ เพื่อพยุงเศรษฐกิจในประเทศ 🚩แอดมินเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็คงกำลังพิจารณาที่จะลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายลงเช่นเดียวกัน #หุ้นติดดอย #การลงทุน #อัตราดอกเบี้ยนโยบาย #thaitimes
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด
    ได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรก
    ในรอบกว่า 4 ปี เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ
    โดยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไป 50 จุดพื้นฐาน
    จากเดิม 5.50-5.25% ลดเหลือ 5.00-4.75%
    ที่มา : Reuters

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥💥ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรก ในรอบกว่า 4 ปี เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ โดยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไป 50 จุดพื้นฐาน จากเดิม 5.50-5.25% ลดเหลือ 5.00-4.75% ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18/09/67 วันนี้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจ ตรงที่
    นักลงทุนต่างประเทศคือคนเข้าซื้อหลัก
    ส่วนนักลงทุนในประเทศ โบรก และ กองทุน
    คือคนขายยัดใส่มือให้
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    18/09/67 วันนี้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจ ตรงที่ นักลงทุนต่างประเทศคือคนเข้าซื้อหลัก ส่วนนักลงทุนในประเทศ โบรก และ กองทุน คือคนขายยัดใส่มือให้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18/09/67
    วันนี้ดอลลาร์สหรัฐร่วง ตลาดหุ้นทรงตัว
    นักลงทุนเตรียมรับมือธนาคารกลางสหรัฐ
    หรือ เฟด ผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง

    ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันพุธนี้ ในขณะที่
    อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐขยับสูงขึ้น
    และหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ทรงตัว
    เนื่องจากผู้ซื้อขายพิจารณา
    ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
    จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในจำนวนมาก
    ในช่วงบ่ายของวัน (ตามเวลาสหรัฐ)

    ที่มา : Reuters

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ธนาคารกลางสหรัฐ
    #FED #thaitimes
    🔥🔥18/09/67 วันนี้ดอลลาร์สหรัฐร่วง ตลาดหุ้นทรงตัว นักลงทุนเตรียมรับมือธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 🚩ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันพุธนี้ ในขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐขยับสูงขึ้น และหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ทรงตัว เนื่องจากผู้ซื้อขายพิจารณา ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในจำนวนมาก ในช่วงบ่ายของวัน (ตามเวลาสหรัฐ) ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ธนาคารกลางสหรัฐ #FED #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 731 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีครับ ผมชื่อต้องนะครับ เป็นแอดมินเพจ PlanWise ครับ
    เป็นเพจให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของประกันชีวิตและการวางแผนการเงิน
    .
    จุดเริ่มต้นของต้อง เริ่มต้นมาจากการที่เราชอบศึกษาเรื่องของการลงทุนมาก่อน ได้แก่ หุ้น กองทุน มาก่อน เมื่อได้ศึกษาเพิ่มเติมพบว่า การทำประกันเป็นเครื่องช่วยบริหารการจัดการความเสี่ยงในทรัพย์สินและรวมถึงชีวิตเราได้ จากจุดนั้นเองจึงทำให้ผมสนใจเรื่องประกันชีวิต และสมัครเป็นตัวแทนประกันชีวิต และการตัดสินใจในครั้งนี้ ผมก็เลือกที่จะสมัครตัวแทนของไทยประกันชีวิต(TLI)ครับ เพราะมีแรงบันดาลใจจากครอบครัวและน้าผู้ที่ดูแลแม่ต้องในเรื่องประกันชีวิตมาเป็นระยะเวลากว่าหลายสิบปี น้าท่านนี้เป็นผู้ที่มีความรู้และความสามารถ ดูแลและช่วยเหลือครอบครัวต้องเสมอมาจนวันนี้ ผมจึงสนใจและเป็นตัวแทนกับไทยประกันชีวิตครับ
    .
    ประวัติการศึกษาของต้อง ต้องจบการศึกษาด้านสาธารณสุข และนิติศาสตร์บัณฑิตจากรั้วรามคำแหงครับ ปัจจุบันก็ทำงานด้านสาธารณสุขในหน่วยงานของรัฐ พร้อมกันนี้ก็ยังเตรียมตัวสอบใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิตด้วยครับ
    .
    วัตถุประสงค์ในการสร้างเพจของต้องคือ การได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสำคัญของประกันชีวิต และการวางแผนทางการเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจได้ตระหนักถึงเรื่องของการเงินกับชีวิตว่ามีความสัมพันธ์ และใกล้ตัวเป็นอย่างยิ่ง ในตอนแรกก็นึกอยู่นานว่าจะใช้ชื่อเพจว่ายังไงแต่ไปสะดุดตรงคำว่า "แพลนไว้" และชอบคำนี้จึงเป็นที่มาของชื่อเพจครับผม
    .
    สิ่งที่ผมอยากส่งต่อกับทุกคนคือ "ความรู้" ครับ เพราะหากเรารู้เราย่อมจะสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของชีวิตได้ เรื่องอื่นก็เช่นกันรวมถึงเรื่องการวางแผนการเงินด้วย ติดปีกความรู้ทางการเงิน เพื่อสุขภาพที่ดีทางการเงิน ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการวางแผนชีวิตที่ดีและอย่าลืมติดตามเพจนี้ด้วยนะครับ ^^
    .
    ขอบคุณครับ
    ต้อง PlanWise
    เขียนเมื่อวันที่ : 17 ก.ย. 2567 (22.33 น.)
    แก้ไขเพิ่มเติม : -
    .
    #PlanWise #PlanWiseOfficial #แพลนไว้
    สวัสดีครับ ผมชื่อต้องนะครับ เป็นแอดมินเพจ PlanWise ครับ เป็นเพจให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของประกันชีวิตและการวางแผนการเงิน . จุดเริ่มต้นของต้อง เริ่มต้นมาจากการที่เราชอบศึกษาเรื่องของการลงทุนมาก่อน ได้แก่ หุ้น กองทุน มาก่อน เมื่อได้ศึกษาเพิ่มเติมพบว่า การทำประกันเป็นเครื่องช่วยบริหารการจัดการความเสี่ยงในทรัพย์สินและรวมถึงชีวิตเราได้ จากจุดนั้นเองจึงทำให้ผมสนใจเรื่องประกันชีวิต และสมัครเป็นตัวแทนประกันชีวิต และการตัดสินใจในครั้งนี้ ผมก็เลือกที่จะสมัครตัวแทนของไทยประกันชีวิต(TLI)ครับ เพราะมีแรงบันดาลใจจากครอบครัวและน้าผู้ที่ดูแลแม่ต้องในเรื่องประกันชีวิตมาเป็นระยะเวลากว่าหลายสิบปี น้าท่านนี้เป็นผู้ที่มีความรู้และความสามารถ ดูแลและช่วยเหลือครอบครัวต้องเสมอมาจนวันนี้ ผมจึงสนใจและเป็นตัวแทนกับไทยประกันชีวิตครับ . ประวัติการศึกษาของต้อง ต้องจบการศึกษาด้านสาธารณสุข และนิติศาสตร์บัณฑิตจากรั้วรามคำแหงครับ ปัจจุบันก็ทำงานด้านสาธารณสุขในหน่วยงานของรัฐ พร้อมกันนี้ก็ยังเตรียมตัวสอบใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิตด้วยครับ . วัตถุประสงค์ในการสร้างเพจของต้องคือ การได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสำคัญของประกันชีวิต และการวางแผนทางการเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจได้ตระหนักถึงเรื่องของการเงินกับชีวิตว่ามีความสัมพันธ์ และใกล้ตัวเป็นอย่างยิ่ง ในตอนแรกก็นึกอยู่นานว่าจะใช้ชื่อเพจว่ายังไงแต่ไปสะดุดตรงคำว่า "แพลนไว้" และชอบคำนี้จึงเป็นที่มาของชื่อเพจครับผม . สิ่งที่ผมอยากส่งต่อกับทุกคนคือ "ความรู้" ครับ เพราะหากเรารู้เราย่อมจะสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของชีวิตได้ เรื่องอื่นก็เช่นกันรวมถึงเรื่องการวางแผนการเงินด้วย ติดปีกความรู้ทางการเงิน เพื่อสุขภาพที่ดีทางการเงิน ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการวางแผนชีวิตที่ดีและอย่าลืมติดตามเพจนี้ด้วยนะครับ ^^ . ขอบคุณครับ ต้อง PlanWise เขียนเมื่อวันที่ : 17 ก.ย. 2567 (22.33 น.) แก้ไขเพิ่มเติม : - . #PlanWise #PlanWiseOfficial #แพลนไว้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๒)

    ตระกูล Rothschild มีอำนาจมากเพียงใด?

    ตระกูล Rothschild ยังมีหุ้นและการลงทุนตั้งแต่ ๕%-๕๐%+ ในบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และเอเชียมากมาย ตั้งแต่ Glencore Mining และ Total Energies ไปจนถึง Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp และ Rio Tinto Mining Corporation

    ในหนังสือของเขา 'Big Oil & Their Bankers', นักวิจัย Dean Henderson ค้นพบว่าตระกูล Rothschild และกลุ่มธนาคารอีก ๗ กลุ่มมีหุ้นในการควบคุมธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ก – ซึ่งเป็นธนาคารกลางที่ทรงอำนาจที่สุดและเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินของอเมริกา

    นักสืบคนอื่นๆ เชื่อว่าตระกูล Rothschilds เป็นผู้ควบคุมกรุงลอนดอนและธนาคารแห่งอังกฤษ, หรือไม่ก็เป็นเจ้าของธนาคารโดยตรง, แม้ว่าจะยังมีการโต้แย้งกันอยู่ก็ตาม

    ตระกูล Rothschilds ควบคุมนักการเมืองหรือไม่?

    อิทธิพลของตระกูล Rothschilds ที่มีต่อนักการเมืองระดับโลกนั้นยากต่อการปกปิด, เนื่องจากสมาชิกคนสำคัญของตระกูลนี้อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญอย่าง Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron และคนอื่นๆ

    ตระกูลนี้ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางธุรกิจและอำนาจทางเศรษฐกิจและตลาด, หรือในกรณีของ Macron – ก็คือจ้างเขาเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนก่อนที่เขาจะเริ่มอาชีพทางการเมือง
    .
    How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 2)

    How powerful are the Rothschilds?

    The Rothschilds also have ownership stakes and investments ranging from 5%-50%+ in an array of European, US and Asian mega corporations, from Glencore Mining and Total Energies to Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp and the Rio Tinto Mining Corporation.

    In his book ‘Big Oil & Their Bankers’, researcher Dean Henderson discovered that the Rothschilds and a clique of seven other banking families enjoy a controlling stake in the New York Federal Reserve Bank – the most powerful Fed bank and the heart of America’s financial system.

    Other investigators believe the Rothschilds either control the city of London and the Bank of England, or own it outright, although this has been disputed.

    Do Rothschilds control politicians?

    Rothschilds' influence over world politicians has become impossible to conceal, with the family’s prominent members rubbing shoulders with the likes of Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron, and others.

    The clan either takes advantage of business connections and sheer economic and market power, or in Macron’s case – hiring him as an investment banker before he began his political career.
    .
    8:19 PM · Sep 15, 2024 · 42.7K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835307498514874475
    ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๒) ตระกูล Rothschild มีอำนาจมากเพียงใด? 🔺ตระกูล Rothschild ยังมีหุ้นและการลงทุนตั้งแต่ ๕%-๕๐%+ ในบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และเอเชียมากมาย ตั้งแต่ Glencore Mining และ Total Energies ไปจนถึง Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp และ Rio Tinto Mining Corporation 🔺ในหนังสือของเขา 'Big Oil & Their Bankers', นักวิจัย Dean Henderson ค้นพบว่าตระกูล Rothschild และกลุ่มธนาคารอีก ๗ กลุ่มมีหุ้นในการควบคุมธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ก – ซึ่งเป็นธนาคารกลางที่ทรงอำนาจที่สุดและเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินของอเมริกา 🔺นักสืบคนอื่นๆ เชื่อว่าตระกูล Rothschilds เป็นผู้ควบคุมกรุงลอนดอนและธนาคารแห่งอังกฤษ, หรือไม่ก็เป็นเจ้าของธนาคารโดยตรง, แม้ว่าจะยังมีการโต้แย้งกันอยู่ก็ตาม ตระกูล Rothschilds ควบคุมนักการเมืองหรือไม่? 🔶อิทธิพลของตระกูล Rothschilds ที่มีต่อนักการเมืองระดับโลกนั้นยากต่อการปกปิด, เนื่องจากสมาชิกคนสำคัญของตระกูลนี้อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญอย่าง Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron และคนอื่นๆ 🔶ตระกูลนี้ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางธุรกิจและอำนาจทางเศรษฐกิจและตลาด, หรือในกรณีของ Macron – ก็คือจ้างเขาเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนก่อนที่เขาจะเริ่มอาชีพทางการเมือง . How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 2) How powerful are the Rothschilds? 🔺The Rothschilds also have ownership stakes and investments ranging from 5%-50%+ in an array of European, US and Asian mega corporations, from Glencore Mining and Total Energies to Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp and the Rio Tinto Mining Corporation. 🔺In his book ‘Big Oil & Their Bankers’, researcher Dean Henderson discovered that the Rothschilds and a clique of seven other banking families enjoy a controlling stake in the New York Federal Reserve Bank – the most powerful Fed bank and the heart of America’s financial system. 🔺Other investigators believe the Rothschilds either control the city of London and the Bank of England, or own it outright, although this has been disputed. Do Rothschilds control politicians? 🔶Rothschilds' influence over world politicians has become impossible to conceal, with the family’s prominent members rubbing shoulders with the likes of Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron, and others. 🔶The clan either takes advantage of business connections and sheer economic and market power, or in Macron’s case – hiring him as an investment banker before he began his political career. . 8:19 PM · Sep 15, 2024 · 42.7K Views https://x.com/SputnikInt/status/1835307498514874475
    Like
    Wow
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑)

    บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน

    ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร?

    ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน

    สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก

    ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล

    ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน?

    เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง

    การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ'

    ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก
    .
    How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1)

    Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup.

    What is the Rothschild banking clan known for?

    Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises.

    Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company.

    The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations.

    How rich are the Rothschilds?

    A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.”

    Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions.

    For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned.
    .
    8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑) บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร? 🌏 ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน 🌏 สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก 🌏 ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน? 🔶 เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง 🔶 การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ' 🔶 ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก . How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1) Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup. What is the Rothschild banking clan known for? 🌏Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises. 🌏Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company. 🌏The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations. How rich are the Rothschilds? 🔶A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.” 🔶Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions. 🔶For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned. . 8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    Like
    Wow
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเด็นร้อน
    "กรมทางหลวง" สั่งเจ้าหน้าที่รื้อตรวจสอบ
    สัญญาจัดซื้อ-จัดจ้าง ทั้งหมด ย้อนหลัง 5 ปี
    ช่วงปี 2559-2563 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
    และ ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

    ปม ถูกกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทย
    เช่น กองทัพอากาศ, กรมทางหลาง และ หน่วยงานอื่นๆ
    ถูกติดสินบนโดย บริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์
    เพื่อให้ได้งาน โดยการติดสนบนโดยการจ่ายเงินสด
    พาไปเที่ยวต่างประเทศ, พาไปเลี้ยงอาหาร,
    พาไปเที่ยวอาบ อบ นวด เป็นต้น

    โดยบริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เป็น บริษัทลูกของ
    เดียร์ คอมพานี บริษัท ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร
    รายใหญ่ ของสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งถูก ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC
    ปรับเงินจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    332 ล้านบาท โทษฐานปล่อยให้ บริษัทลูกคือ
    เวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อให้ได้งาน

    ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥 ประเด็นร้อน "กรมทางหลวง" สั่งเจ้าหน้าที่รื้อตรวจสอบ สัญญาจัดซื้อ-จัดจ้าง ทั้งหมด ย้อนหลัง 5 ปี ช่วงปี 2559-2563 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และ ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ⚡ปม ถูกกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทย เช่น กองทัพอากาศ, กรมทางหลาง และ หน่วยงานอื่นๆ ถูกติดสินบนโดย บริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เพื่อให้ได้งาน โดยการติดสนบนโดยการจ่ายเงินสด พาไปเที่ยวต่างประเทศ, พาไปเลี้ยงอาหาร, พาไปเที่ยวอาบ อบ นวด เป็นต้น ⚡โดยบริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เป็น บริษัทลูกของ เดียร์ คอมพานี บริษัท ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่ ของสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งถูก ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC ปรับเงินจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 332 ล้านบาท โทษฐานปล่อยให้ บริษัทลูกคือ เวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อให้ได้งาน ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 0 รีวิว
  • การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ

    ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/

    ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก

    ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ

    สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ

    1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก
    สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

    2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน

    ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ

    1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น

    2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า
    การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น

    3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น
    การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย

    4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง
    การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก

    5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์
    ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด

    ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้

    1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
    เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ

    2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก
    การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

    การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น

    IMCT News

    ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/ ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ 2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ 1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น 2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น 3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย 4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก 5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์ ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้ 1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ 2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น IMCT News ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    BHATTANDJOSHIASSOCIATES.COM
    Saudi Arabia’s Petrodollar Exit: Enhancing Diplomatic and Economic Leverage - Bhatt & Joshi Associates
    Explore the impact of Saudi Arabia’s petrodollar exit on global diplomacy, trade dynamics, and economic stability.
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก.ล.ต. เผยสถิติ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน”
    เดือนสิงหาคม 2567 สามารถปิดกั้นช่องทางมิจฉาชีพ
    ได้กว่า 350 บัญชี หรือ 91% จากจำนวนการแจ้งเบาะแส
    ของประชาชนรวม 497 ครั้ง

    ที่มา : ก.ล.ต.

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กลต
    🔥🔥 ก.ล.ต. เผยสถิติ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” เดือนสิงหาคม 2567 สามารถปิดกั้นช่องทางมิจฉาชีพ ได้กว่า 350 บัญชี หรือ 91% จากจำนวนการแจ้งเบาะแส ของประชาชนรวม 497 ครั้ง ที่มา : ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กลต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อนักลงทุน รายย่อย คือ ความหวังหมู่บ้าน
    และ เหยื่ออันโอชะ ของ 3 กลุ่มที่เหลือ
    คือ นักลงทุนต่างประเทศ, โบรก และ กองทุน
    ที่ต่างก็คาดหวังว่า รายย่อย คงตามซื้อ แบบไล่ราคา
    ในช่วงราคาหุ้น ปรับตัวขึ้นไปสูงๆ โดยเฉพาะ
    นักลงทุนสายเก็งกำไรระยะสั้น หรือ Daytrade
    ที่มักเข้าซื้อ แล้ว ติดดอยสูงๆ และไม่คัต ตาม
    วินัย การเทรด

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥เมื่อนักลงทุน รายย่อย คือ ความหวังหมู่บ้าน และ เหยื่ออันโอชะ ของ 3 กลุ่มที่เหลือ คือ นักลงทุนต่างประเทศ, โบรก และ กองทุน ที่ต่างก็คาดหวังว่า รายย่อย คงตามซื้อ แบบไล่ราคา ในช่วงราคาหุ้น ปรับตัวขึ้นไปสูงๆ โดยเฉพาะ นักลงทุนสายเก็งกำไรระยะสั้น หรือ Daytrade ที่มักเข้าซื้อ แล้ว ติดดอยสูงๆ และไม่คัต ตาม วินัย การเทรด #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
  • วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์ด้านการลงทุน
    ในยุคปัจจุบัน แนะนำให้ลงทุน
    ในสิ่งที่เรามีความรู้ และให้เกิดเป็นกระแสเงินสด
    หรือ Cash Flow เกิดขึ้น

    ดังนั้น คนที่บอกว่า กระแสเงินสด หรือ เงินสด
    เป็นหนี้สิน แสดงว่า คุณเก่งกว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์?

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    #เงินสดไม่ใช่หนี้สิน
    วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์ด้านการลงทุน ในยุคปัจจุบัน แนะนำให้ลงทุน ในสิ่งที่เรามีความรู้ และให้เกิดเป็นกระแสเงินสด หรือ Cash Flow เกิดขึ้น ดังนั้น คนที่บอกว่า กระแสเงินสด หรือ เงินสด เป็นหนี้สิน แสดงว่า คุณเก่งกว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์? #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #เงินสดไม่ใช่หนี้สิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้น่าสนใจตรงที่ รายย่อย คือ คนขายหุ้น
    ยัดใส่มือ ต่างประเทศ และ โบรก
    รายย่อยฝากบอก ช่วยดึงขึ้นไปสูงๆที
    พวกเค้าจะได้หลุดดอย
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    วันนี้น่าสนใจตรงที่ รายย่อย คือ คนขายหุ้น ยัดใส่มือ ต่างประเทศ และ โบรก รายย่อยฝากบอก ช่วยดึงขึ้นไปสูงๆที พวกเค้าจะได้หลุดดอย 🙂 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • TEXAS CHICKEN อำลาไทย

    ร้านไก่ทอดเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ปิดตัวลงทุกสาขาในวันที่ 30 ก.ย. 2567 นับเป็นการปิดตำนานร้านไก่ทอดสัญชาติอเมริกันที่ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก สร้างความทรงจำให้กับผู้บริโภคมานานถึง 9 ปี โดยข้อมูล ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่าเหลือ 97 สาขา ลดลงจากเมื่อไตรมาส 4 ปี 2566 ที่มี 100 สาขา และไตรมาส 4 ปี 2565 ที่มี 107 สาขา

    นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์ ระบุว่า อยู่ระหว่างทบทวนและปรับปรุงการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่ได้เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ เพื่อประเมินความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป้าหมายในอนาคต รวมถึงกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B)

    "โออาร์ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และได้พิจารณายุติการดำเนินธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น โดยคาดว่าจะทยอยปิดทุกสาขาภายในเดือน ก.ย. นี้ โดยยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสและพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต่อไป"

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2558 บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามสัญญาการให้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ เท็กซัสชิคเก้น กับ Cajun Global LLC ก่อนเปิดสาขาแรกที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2558 สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการจำหน่ายชุดไก่ทอดพร้อมเครื่องดื่มรีฟิล ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่างเคเอฟซีถึงกับลงมาทำเครื่องดื่มรีฟิลแข่งกัน นอกจากนี้ ยังมีเมนูขนมหวานอย่างฮันนี่บิสกิตอันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

    ในระยะแรกร้านเท็กซัสชิคเก้นได้เปิดสาขาในศูนย์การค้าเป็นหลัก ก่อนที่แบรนด์จะเป็นที่ยอมรับและเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเวลาต่อมา จากนั้น ปตท. ได้แยกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็นบริษัทใหม่อย่างโออาร์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 ทำให้ร้านเท็กซัส ชิคเก้น ในประเทศไทย จึงถูกรวมเข้าไปในกลุ่มธุรกิจ F&B ของโออาร์

    แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แม้ร้านเท็กซัส ชิคเก้นจะทำกำไร แต่ไม่ถึงเป้าพอที่จะต่อสัญญากับได้ โดยประเมินว่าหากต่อสัญญาแล้วเดินหน้าธุรกิจต่ออาจไม่คุ้ม นอกจากนี้ อดีตผู้บริหาร ปตท. ที่เคยเป็นแม่งานสำคัญอย่าง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ที่เคยผลักดันธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น สมัยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ได้ออกจากตำแหน่งไปแล้ว

    #Newskit #TexasChicken #OR
    TEXAS CHICKEN อำลาไทย ร้านไก่ทอดเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ปิดตัวลงทุกสาขาในวันที่ 30 ก.ย. 2567 นับเป็นการปิดตำนานร้านไก่ทอดสัญชาติอเมริกันที่ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก สร้างความทรงจำให้กับผู้บริโภคมานานถึง 9 ปี โดยข้อมูล ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่าเหลือ 97 สาขา ลดลงจากเมื่อไตรมาส 4 ปี 2566 ที่มี 100 สาขา และไตรมาส 4 ปี 2565 ที่มี 107 สาขา นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์ ระบุว่า อยู่ระหว่างทบทวนและปรับปรุงการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่ได้เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ เพื่อประเมินความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป้าหมายในอนาคต รวมถึงกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) "โออาร์ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และได้พิจารณายุติการดำเนินธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น โดยคาดว่าจะทยอยปิดทุกสาขาภายในเดือน ก.ย. นี้ โดยยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสและพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต่อไป" ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2558 บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามสัญญาการให้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ เท็กซัสชิคเก้น กับ Cajun Global LLC ก่อนเปิดสาขาแรกที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2558 สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการจำหน่ายชุดไก่ทอดพร้อมเครื่องดื่มรีฟิล ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่างเคเอฟซีถึงกับลงมาทำเครื่องดื่มรีฟิลแข่งกัน นอกจากนี้ ยังมีเมนูขนมหวานอย่างฮันนี่บิสกิตอันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย ในระยะแรกร้านเท็กซัสชิคเก้นได้เปิดสาขาในศูนย์การค้าเป็นหลัก ก่อนที่แบรนด์จะเป็นที่ยอมรับและเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเวลาต่อมา จากนั้น ปตท. ได้แยกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็นบริษัทใหม่อย่างโออาร์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 ทำให้ร้านเท็กซัส ชิคเก้น ในประเทศไทย จึงถูกรวมเข้าไปในกลุ่มธุรกิจ F&B ของโออาร์ แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แม้ร้านเท็กซัส ชิคเก้นจะทำกำไร แต่ไม่ถึงเป้าพอที่จะต่อสัญญากับได้ โดยประเมินว่าหากต่อสัญญาแล้วเดินหน้าธุรกิจต่ออาจไม่คุ้ม นอกจากนี้ อดีตผู้บริหาร ปตท. ที่เคยเป็นแม่งานสำคัญอย่าง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ที่เคยผลักดันธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น สมัยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ได้ออกจากตำแหน่งไปแล้ว #Newskit #TexasChicken #OR
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลธุรกิจ SME ที่ปิดตัวไป มากกว่า 1 หมื่นราย
    ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก SCBEIC)
    คือ อีก 1 สิ่งสำคัญ ที่รัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบ
    ก่อนปรับค่าแรงเป็น 400 บาท ทั่วประเทศ
    ว่าจะช่วยต่อลมหายใจพวกเค้าได้อย่างไร?
    และจะสนับสนุนส่งเสริม ยกระดับให้พวกเค้า
    เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้อย่างไร?

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SME #thaitimes
    💥💥ข้อมูลธุรกิจ SME ที่ปิดตัวไป มากกว่า 1 หมื่นราย ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก SCBEIC) คือ อีก 1 สิ่งสำคัญ ที่รัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบ ก่อนปรับค่าแรงเป็น 400 บาท ทั่วประเทศ ว่าจะช่วยต่อลมหายใจพวกเค้าได้อย่างไร? และจะสนับสนุนส่งเสริม ยกระดับให้พวกเค้า เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้อย่างไร? #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SME #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในความคิดเห็นของแอดมิน "เงินสดไม่ใช่หนี้"
    แต่จริงๆแล้ว เงินสด คือโอกาส
    เช่น ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายหุ้น
    ในพอร์ต หลายๆตัว เพื่อเก็บเงินสดไว้
    ในบริษัทเบิร์กเชียร์ เพื่อรอโอกาส และจังหวะดีๆ
    ในการเข้าไปลงทุน ในโอกาสใหม่ๆ
    นี่คือ ตัวอย่างของการมีกระแส เงินสด หรือ
    Cash Flow ไว้ในมือ

    อีกตัวอย่างที่ชัดเจน มากคือ ธุรกิจร้านค้า
    เช่น SME ถ้าไม่มีเงินสด หรือ กระแสเงินสด
    ในมือ เพื่อหมุน ต่อลมธุรกิจ ให้ดำเนินต่อไปได้
    ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง แบบนี้คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้

    ดังนั้น เงินสด หรือ กระแสเงินสด ไม่ใช่หนี้
    แต่คือ โอกาส การนำไปลงทุน และ การต่อลมหาย
    ให้กับหลายๆธุรกิจใขณะนี้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เงินสดไม่ใช่หนี้
    #thaitimes
    💥💥ในความคิดเห็นของแอดมิน "เงินสดไม่ใช่หนี้" แต่จริงๆแล้ว เงินสด คือโอกาส เช่น ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายหุ้น ในพอร์ต หลายๆตัว เพื่อเก็บเงินสดไว้ ในบริษัทเบิร์กเชียร์ เพื่อรอโอกาส และจังหวะดีๆ ในการเข้าไปลงทุน ในโอกาสใหม่ๆ นี่คือ ตัวอย่างของการมีกระแส เงินสด หรือ Cash Flow ไว้ในมือ อีกตัวอย่างที่ชัดเจน มากคือ ธุรกิจร้านค้า เช่น SME ถ้าไม่มีเงินสด หรือ กระแสเงินสด ในมือ เพื่อหมุน ต่อลมธุรกิจ ให้ดำเนินต่อไปได้ ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง แบบนี้คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ ดังนั้น เงินสด หรือ กระแสเงินสด ไม่ใช่หนี้ แต่คือ โอกาส การนำไปลงทุน และ การต่อลมหาย ให้กับหลายๆธุรกิจใขณะนี้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เงินสดไม่ใช่หนี้ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานเข้า!! ประชุมบอร์ด ปรับค่าจ้าง 400 บาท ล่ม!!
    เมื่อกรรมการฝ่ายนายจ้างทั้ง 5 คน ไม่มาร่วมประชุม
    ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥งานเข้า!! ประชุมบอร์ด ปรับค่าจ้าง 400 บาท ล่ม!! เมื่อกรรมการฝ่ายนายจ้างทั้ง 5 คน ไม่มาร่วมประชุม ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นของจีน
    เป็นอุปสรรคแอบแฝงสำคัญ ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

    โดยการบริโภคของจีนที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องนั้น
    สืบเนื่องมาจากภาวะตกต่ำของอสังหาริมทรัพย์
    ของประเทศ และความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับ
    การเงินของรัฐบาลท้องถิ่น รวมถึงหนี้สิน

    ความมั่งคั่งของครัวเรือนชาวจีนส่วนใหญ่เนื่องจาก
    เข้าสู่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงสองทศวรรษ
    ที่ผ่านมา ก่อนที่รัฐบาลจีนจะเริ่มปราบปรามผู้พัฒนา
    อสังหาริมทรัพย์ ที่มีการพึ่งพาหนี้สินสูงในปี 2563

    ขณะนี้ มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นกำลังลดลง
    และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ลดการซื้อที่ดินลง
    ทำให้รายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นลดลงอย่างมาก
    โดยเฉพาะในระดับอำเภอและเทศมณฑล
    ตามที่นักวิเคราะห์ของ S&P Global Ratings กล่าว

    คาดการณ์ว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนของปีนี้เป็นต้นไป
    การเงินของรัฐบาลท้องถิ่นจะใช้เวลาสามถึงห้าปี
    จึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ

    ที่มา : cnbc

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เศรษฐกิจจีน #thaitimes
    🔥🔥ปัญหาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นของจีน เป็นอุปสรรคแอบแฝงสำคัญ ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ 🚩โดยการบริโภคของจีนที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องนั้น สืบเนื่องมาจากภาวะตกต่ำของอสังหาริมทรัพย์ ของประเทศ และความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับ การเงินของรัฐบาลท้องถิ่น รวมถึงหนี้สิน 🚩ความมั่งคั่งของครัวเรือนชาวจีนส่วนใหญ่เนื่องจาก เข้าสู่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงสองทศวรรษ ที่ผ่านมา ก่อนที่รัฐบาลจีนจะเริ่มปราบปรามผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ที่มีการพึ่งพาหนี้สินสูงในปี 2563 🚩ขณะนี้ มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นกำลังลดลง และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ลดการซื้อที่ดินลง ทำให้รายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในระดับอำเภอและเทศมณฑล ตามที่นักวิเคราะห์ของ S&P Global Ratings กล่าว 🚩คาดการณ์ว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนของปีนี้เป็นต้นไป การเงินของรัฐบาลท้องถิ่นจะใช้เวลาสามถึงห้าปี จึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ ที่มา : cnbc #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เศรษฐกิจจีน #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าตอนนี้เรายังไม่เก่ง
    แอดมินจะย้ำอยู่เสมอ ให้เราขยันทำการบ้าน
    ให้สม่ำเสมอ ให้มากที่สุด ให้มากกว่าใคร
    จนเกิดเป็นความเคยชิน
    สะสมทักษะ วันละเล็ก วันละน้อย ไปเรื่อยๆ
    จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปี เป็นหลายปี
    จนเกิดเป็นประสบกาณ์ และ ความเชี่ยวชาญ
    แอดมินเชื่อว่า พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ หลายๆท่าน
    จะพบกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง
    ไปในทิทางที่ดีขึ้น ไม่มากก็น้อย
    ขอเป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกๆท่านครับ


    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥💥ถ้าตอนนี้เรายังไม่เก่ง แอดมินจะย้ำอยู่เสมอ ให้เราขยันทำการบ้าน ให้สม่ำเสมอ ให้มากที่สุด ให้มากกว่าใคร จนเกิดเป็นความเคยชิน สะสมทักษะ วันละเล็ก วันละน้อย ไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปี เป็นหลายปี จนเกิดเป็นประสบกาณ์ และ ความเชี่ยวชาญ แอดมินเชื่อว่า พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ หลายๆท่าน จะพบกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ไปในทิทางที่ดีขึ้น ไม่มากก็น้อย ขอเป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกๆท่านครับ 🙏 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทคนิคการเข้าซื้อหุ้น ไม่ยากเลย
    ให้ทำการบ้านหุ้น และก็ตั้งซื้อรอ
    โดยไม่ต้องไปไล่ต้อนซื้อหน้างาน
    ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา

    ส่วนความยากมันจะอยู่ที่ หุ้นที่เราทำการบ้าน และคัดมา
    และราคาที่เข้าซื้อ ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥เทคนิคการเข้าซื้อหุ้น ไม่ยากเลย ให้ทำการบ้านหุ้น และก็ตั้งซื้อรอ โดยไม่ต้องไปไล่ต้อนซื้อหน้างาน ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา ส่วนความยากมันจะอยู่ที่ หุ้นที่เราทำการบ้าน และคัดมา และราคาที่เข้าซื้อ ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร 🙏 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCBEIC คาดการณ์การเติบโต
    ทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไทย ปี 2567 และ 2568
    อยู่ที่ 2.5% และ 2.6%
    ระบุ การท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์เพียงหนึ่งเดียว
    ที่เหลืออยู่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยในปีนี้

    และในภาคธุรกิจของไทยต้องเผชิญ กับความท้าทาย
    ที่สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่

    1. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์สันดาป ที่อาจสูญเสีย
    กำลังการผลิตไปกว่า 40% ถ้าหากไม่ปรับตัวไปตาม
    เทรนด์การใช้งานของผู้บริโภค ปัจจุบัน

    2. ผู้ประกอบการ SME เผชิญแรงกดดัน จากกำลังซื้อ
    ภายในประเทศที่เปราะบาง อีกทั้ง การตีตลาด
    จากสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ
    รวมทั้งกระบวนการผลิต และการตลาดที่ล้าสมัย

    ดังนั้นควรผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
    เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถต่อลมหายใจต่อไปได้
    และควรผลักดันให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโตอย่างยั่งยืน
    ด้วยการยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาว

    ที่มา : SCBEIC

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #จีดีพีไทย #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCBEIC คาดการณ์การเติบโต ทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไทย ปี 2567 และ 2568 อยู่ที่ 2.5% และ 2.6% ระบุ การท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์เพียงหนึ่งเดียว ที่เหลืออยู่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ และในภาคธุรกิจของไทยต้องเผชิญ กับความท้าทาย ที่สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ 🚩1. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์สันดาป ที่อาจสูญเสีย กำลังการผลิตไปกว่า 40% ถ้าหากไม่ปรับตัวไปตาม เทรนด์การใช้งานของผู้บริโภค ปัจจุบัน 🚩2. ผู้ประกอบการ SME เผชิญแรงกดดัน จากกำลังซื้อ ภายในประเทศที่เปราะบาง อีกทั้ง การตีตลาด จากสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ รวมทั้งกระบวนการผลิต และการตลาดที่ล้าสมัย 🚩ดังนั้นควรผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถต่อลมหายใจต่อไปได้ และควรผลักดันให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาว ที่มา : SCBEIC #หุ้นติดดอย #การลงทุน #จีดีพีไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาหลังชนฝาปีหน้าปั่นสงครามนิวเคลียร์
    .
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตผม ตั้งแต่อยู่ในวงการข่าวมากว่าห้าสิบปี ที่ได้เห็นผู้อำนวยการข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA ซึ่งปัจจุบันคือ นายวิลเลียม เบิร์นส และหัวหน้าข่าวกรองต่างประเทศ หรือ MI6 ของอังกฤษ คือ เซอร์ริชาร์ด มัวร์ ไปขึ้นเวทีพร้อมๆ กัน โดยคนที่สัมภาษณ์หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับทั้งสองคน คือ นาง Roula Khalaf บก.บริหารหญิงของ Financial Times ที่ยังมีนายทุนยิวที่มีอิทธิพลครอบงำใน City of London และ Wall Street เหล่านี้และนี่เองคำตอบส่วนหนึ่งว่าทำไม ผอ. ทั้ง CIA และ MI6 ถึงยอมมาขึ้นเวทีของ Financial Times พร้อมกันเป็นครั้งแรก
    .
    องค์กรสืบราชการลับ 2 องค์กรนี้คือตัวสำคัญที่ป่วนโลกทั้งโลกเลย ป่วนหมดทุกอย่างเพื่อหวังผลประโยชน์ในวาระซ่อนเร้น หรือวาระที่ตะวันตกมีอยู่กับโลกทั้งโลกให้เป็นไปตามที่ต้องการ องค์กร 2 องค์กรนี้ ลอบสังหาร ปลุกปั่นชาวบ้าน ยุยงให้มีความวุ่นวายขึ้นมา เพื่อพวกมันจะได้เข้ามาจับปลาตอนน้ำขุ่น
    .
    ท่านผู้ชมครับ ในบทบรรณาธิการ ทั้งวิลเลียม เบิร์นส และ ริชาร์ด มัวร์ เขียนเผยแพร่ร่วมกันในหนังสือพิมพ์ The Financial Times เมื่อวันเดียวกัน วันเสาร์ที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งคู่พยายามปั่นกระแสว่าปัจจุบันกำลังเกิดภัยคุกคามโลกอย่างไม่เคยเห็น ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ขณะที่เครื่องบินล่องหน F-35 ก็ฝึกบินลงจอดบนถนนไฮเวย์ในฟินแลนด์ ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย ส่วนเครื่องรบนาโตของเยอรมนี กำลังฝึกซ้อมขนระเบิดนิวเคลียร์อเมริกา B-61 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
    .
    นิตยสาร NEWSWEEK รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน ก่อนวันกล่าวสุนทรพจน์ (7 ก.ย.) ว่า กองทัพนาโตแถลงยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้ส่งระเบิดนิวเคลียร์ B61 จำนวนหนึ่งมาประจำการในยุโรป อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายป้องปรามที่รู้จักกันในนาม "ร่มนิวเคลียร์" หรือ Nuclear Umbrella ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายว่าระเบิดนิวเคลียร์ B61 จะถูกประจำไว้ที่ฐานทัพ 6 แห่งในยุโรป รวมทั้งฐานทัพอากาศบูเชล ทางตะวันตกของเยอรมนี
    .
    ผมเป็นคนที่ติดตามสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกอย่างใกล้ชิดมาหลายสิบปี ช่วงหลังผมมีโอกาสคุยกับคุณทนง ขันทอง นักการทูต และผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศหลายคน จนตกผลึกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ชัด สถานการณ์ที่ผู้อำนวยการข่าวกรอง MI6 และ CIA มาแถลงข่าวร่วมกัน เห็นได้ชัดว่าชาติตะวันตกและอเมริกาในยุโรปอยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา มีความสั่นคลอนมาก จึงพยายามดิ้นรนรักษาความเป็นมหาอำนาจของโลกไว้อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ก็คือว่า กูเคยคุมโลกอย่างไร กูไม่สนหรอก กูจะคุมโลกต่อไป ทุกคนต้องฟังกู นี่คือทัศนคติของโลกทางตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯอเมริกา
    .
    เป็นไปได้สูงมากว่าจุดแตกหักอาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า คือ 2568 เพราะปีหน้าจากสถานการณ์ทั้งทางธุรกิจ เศรษฐกิจ การลงทุน การขาดดุลการค้า และงบประมาณหลายๆ อย่างของโลกตะวันตก น่าจะก้าวเข้าไปสู่ช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินแล้ว ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน ซึ่งมีนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม 2567 ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม จะเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมาก เพราะมีประเทศที่สนใจเข้าเป็นสมาชิก BRICS เต็มไปหมด รวมๆ แล้ว 50 ประเทศ
    .
    ด้วยเหตุนี้ อเมริกา อังกฤษ และชาติตะวันตกในยุโรปจึงจงใจจุดไฟสงครามเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ BRICS ได้แจ้งเกิด มิฉะนั้นแล้ว ศูนย์กลางการเจริญเติบโตของโลกจะย้ายที่มาที่ Global South หรือซีกโลกใต้ ที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้นี้อย่างแน่นอน
    .
    ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าตอนนี้ระหว่างโลกตะวันตกที่นำโดยอเมริกา กับประเทศในกลุ่ม BRICS ซึ่งนำโดยจีน รัสเซีย อินเดียบราซิลและแอฟริกาใต้ นับวันจะยิ่งแข็งแกร่งและขยายตัวใหญ่ขึ้นทุกที ประจวบกับการที่จีนเข้าไปสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาอย่างแน่นแฟ้น ด้วยเหตุนี้ ยิ่งนานวันทั้งสองฝ่ายยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง
    .
    เพราะฉะนั้นแล้ว สงครามใหญ่อาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ผมก็เชื่อว่าเกิดขึ้นได้ยาก แต่มีโอกาสเกิดขึ้นแน่ และผมขอฟันธงไว้ล่วงหน้า ถ้าเกิดขึ้นจริง โลกตะวันตก อียู และอเมริกา จะแพ้ครับ นี่ผมทำนายไว้ล่วงหน้าเลยนะท่านผู้ชม จดเอาไว้ ผมทำนายวันนี้
    ที่มา : คุยทุกเรื่องกับสนธิ https://www.facebook.com/share/p/CrumLsJDbu5LEXj5/?mibextid=CTbP7E
    #Thaitimes
    อเมริกาหลังชนฝาปีหน้าปั่นสงครามนิวเคลียร์ . ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตผม ตั้งแต่อยู่ในวงการข่าวมากว่าห้าสิบปี ที่ได้เห็นผู้อำนวยการข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA ซึ่งปัจจุบันคือ นายวิลเลียม เบิร์นส และหัวหน้าข่าวกรองต่างประเทศ หรือ MI6 ของอังกฤษ คือ เซอร์ริชาร์ด มัวร์ ไปขึ้นเวทีพร้อมๆ กัน โดยคนที่สัมภาษณ์หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับทั้งสองคน คือ นาง Roula Khalaf บก.บริหารหญิงของ Financial Times ที่ยังมีนายทุนยิวที่มีอิทธิพลครอบงำใน City of London และ Wall Street เหล่านี้และนี่เองคำตอบส่วนหนึ่งว่าทำไม ผอ. ทั้ง CIA และ MI6 ถึงยอมมาขึ้นเวทีของ Financial Times พร้อมกันเป็นครั้งแรก . องค์กรสืบราชการลับ 2 องค์กรนี้คือตัวสำคัญที่ป่วนโลกทั้งโลกเลย ป่วนหมดทุกอย่างเพื่อหวังผลประโยชน์ในวาระซ่อนเร้น หรือวาระที่ตะวันตกมีอยู่กับโลกทั้งโลกให้เป็นไปตามที่ต้องการ องค์กร 2 องค์กรนี้ ลอบสังหาร ปลุกปั่นชาวบ้าน ยุยงให้มีความวุ่นวายขึ้นมา เพื่อพวกมันจะได้เข้ามาจับปลาตอนน้ำขุ่น . ท่านผู้ชมครับ ในบทบรรณาธิการ ทั้งวิลเลียม เบิร์นส และ ริชาร์ด มัวร์ เขียนเผยแพร่ร่วมกันในหนังสือพิมพ์ The Financial Times เมื่อวันเดียวกัน วันเสาร์ที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งคู่พยายามปั่นกระแสว่าปัจจุบันกำลังเกิดภัยคุกคามโลกอย่างไม่เคยเห็น ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ขณะที่เครื่องบินล่องหน F-35 ก็ฝึกบินลงจอดบนถนนไฮเวย์ในฟินแลนด์ ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย ส่วนเครื่องรบนาโตของเยอรมนี กำลังฝึกซ้อมขนระเบิดนิวเคลียร์อเมริกา B-61 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย . นิตยสาร NEWSWEEK รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน ก่อนวันกล่าวสุนทรพจน์ (7 ก.ย.) ว่า กองทัพนาโตแถลงยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้ส่งระเบิดนิวเคลียร์ B61 จำนวนหนึ่งมาประจำการในยุโรป อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายป้องปรามที่รู้จักกันในนาม "ร่มนิวเคลียร์" หรือ Nuclear Umbrella ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายว่าระเบิดนิวเคลียร์ B61 จะถูกประจำไว้ที่ฐานทัพ 6 แห่งในยุโรป รวมทั้งฐานทัพอากาศบูเชล ทางตะวันตกของเยอรมนี . ผมเป็นคนที่ติดตามสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกอย่างใกล้ชิดมาหลายสิบปี ช่วงหลังผมมีโอกาสคุยกับคุณทนง ขันทอง นักการทูต และผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศหลายคน จนตกผลึกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ชัด สถานการณ์ที่ผู้อำนวยการข่าวกรอง MI6 และ CIA มาแถลงข่าวร่วมกัน เห็นได้ชัดว่าชาติตะวันตกและอเมริกาในยุโรปอยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา มีความสั่นคลอนมาก จึงพยายามดิ้นรนรักษาความเป็นมหาอำนาจของโลกไว้อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ก็คือว่า กูเคยคุมโลกอย่างไร กูไม่สนหรอก กูจะคุมโลกต่อไป ทุกคนต้องฟังกู นี่คือทัศนคติของโลกทางตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯอเมริกา . เป็นไปได้สูงมากว่าจุดแตกหักอาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า คือ 2568 เพราะปีหน้าจากสถานการณ์ทั้งทางธุรกิจ เศรษฐกิจ การลงทุน การขาดดุลการค้า และงบประมาณหลายๆ อย่างของโลกตะวันตก น่าจะก้าวเข้าไปสู่ช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินแล้ว ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน ซึ่งมีนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม 2567 ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม จะเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมาก เพราะมีประเทศที่สนใจเข้าเป็นสมาชิก BRICS เต็มไปหมด รวมๆ แล้ว 50 ประเทศ . ด้วยเหตุนี้ อเมริกา อังกฤษ และชาติตะวันตกในยุโรปจึงจงใจจุดไฟสงครามเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ BRICS ได้แจ้งเกิด มิฉะนั้นแล้ว ศูนย์กลางการเจริญเติบโตของโลกจะย้ายที่มาที่ Global South หรือซีกโลกใต้ ที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้นี้อย่างแน่นอน . ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าตอนนี้ระหว่างโลกตะวันตกที่นำโดยอเมริกา กับประเทศในกลุ่ม BRICS ซึ่งนำโดยจีน รัสเซีย อินเดียบราซิลและแอฟริกาใต้ นับวันจะยิ่งแข็งแกร่งและขยายตัวใหญ่ขึ้นทุกที ประจวบกับการที่จีนเข้าไปสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาอย่างแน่นแฟ้น ด้วยเหตุนี้ ยิ่งนานวันทั้งสองฝ่ายยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง . เพราะฉะนั้นแล้ว สงครามใหญ่อาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ผมก็เชื่อว่าเกิดขึ้นได้ยาก แต่มีโอกาสเกิดขึ้นแน่ และผมขอฟันธงไว้ล่วงหน้า ถ้าเกิดขึ้นจริง โลกตะวันตก อียู และอเมริกา จะแพ้ครับ นี่ผมทำนายไว้ล่วงหน้าเลยนะท่านผู้ชม จดเอาไว้ ผมทำนายวันนี้ ที่มา : คุยทุกเรื่องกับสนธิ https://www.facebook.com/share/p/CrumLsJDbu5LEXj5/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    Angry
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 975 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการกีดกันการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน
    มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เมื่อล่าสุดสหรัฐฯได้เพิ่มภาษีนำเข้า
    สินค้าจากจีนหลายรายการ เช่น

    เพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า เป็น 100%
    เพิ่มภาษีนำเข้าแผ่นโซลาร์เซลล์ เป็น 50%
    เพิ่มภาษีนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม แบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้า
    และแร่ธาตุสำคัญ เป็น 25%

    มีผลบังคับใช้ 27 กันยายน 2567 นี้

    ที่มา: Reuters
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สงรามการค้าสหรัฐจีน
    #thaitimes
    🔥🔥สงครามการกีดกันการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เมื่อล่าสุดสหรัฐฯได้เพิ่มภาษีนำเข้า สินค้าจากจีนหลายรายการ เช่น 🚩เพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า เป็น 100% 🚩เพิ่มภาษีนำเข้าแผ่นโซลาร์เซลล์ เป็น 50% 🚩เพิ่มภาษีนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม แบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้า และแร่ธาตุสำคัญ เป็น 25% ⚡มีผลบังคับใช้ 27 กันยายน 2567 นี้ ที่มา: Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สงรามการค้าสหรัฐจีน #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • วงการไม้ด่างเริ่มกลับมาคึกคัก
    โดยเฉพาะบอนหูช้างด่างขาว หู้ช้างด่างเหลือง บอนกระดาษด่างก้านดำ
    มีความสนใจจากในกลุ่มซื้อขายไม้ด่าง กันอย่างคึกคัก
    แต่ราคารอบนี้อาจจะไม่แรงเท่ากับช่วงโควิด

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ไม้ด่าง #บอนกระดาษด่าง
    #thaitimes
    🔥🔥 วงการไม้ด่างเริ่มกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะบอนหูช้างด่างขาว หู้ช้างด่างเหลือง บอนกระดาษด่างก้านดำ มีความสนใจจากในกลุ่มซื้อขายไม้ด่าง กันอย่างคึกคัก แต่ราคารอบนี้อาจจะไม่แรงเท่ากับช่วงโควิด #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ไม้ด่าง #บอนกระดาษด่าง #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • กูรู นักวิเคราะห์ กองเชียร์ ต่างบอกว่า
    ถ้าไม่รีบซื้อหุ้นช่วงนี้ ถือว่าเราตกรถ และพลาด
    แอดมินก็เลยสงสัยว่า ถ้าเราทำการบ้านหุ้น และ
    สะสมหุ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ SET 1274-1300
    มันจะทำให้เราตกรถ และพลาด อย่างไร?


    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    กูรู นักวิเคราะห์ กองเชียร์ ต่างบอกว่า ถ้าไม่รีบซื้อหุ้นช่วงนี้ ถือว่าเราตกรถ และพลาด แอดมินก็เลยสงสัยว่า ถ้าเราทำการบ้านหุ้น และ สะสมหุ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ SET 1274-1300 มันจะทำให้เราตกรถ และพลาด อย่างไร? 🤔🤔 #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าตามข้อมูล ดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET
    เมือมีเงินทุนไหลเข้า Fundflow ประมาณ 1 แสนล้านบาท
    ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะยับปรับตัวขึ้น ประมาณ 80 จุด

    ณ ปัจจุบัน (15/09/67) ดัชนีของ SET อยู่ที่ 1424.39 จุด
    ดังนั้น

    ขยักแรก ถ้ามีเม็ดเงินไหลเข้าอีก 1 แสนล้านบาท
    ดัชนีของ SET น่าจะอยู่ที่ราวๆ 1500 จุด (ตามกราฟ)

    ขยักที่สอง ถ้ายังมีแรง Fundflow ของเม็ดเงินไหลเข้าอีก
    1 แสนล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทย น่าจะขึ้นไปอยู่ที่ราวๆ
    1575-1580 จุด (ตามกราฟ)

    หมายเหตุ: แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นกับสถานการณ์จริง และ
    จำนวนเม็ดเงินไหลเข้า หรือ Fundflow เป็นสำคัญ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    💥💥ถ้าตามข้อมูล ดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET เมือมีเงินทุนไหลเข้า Fundflow ประมาณ 1 แสนล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะยับปรับตัวขึ้น ประมาณ 80 จุด 🚩ณ ปัจจุบัน (15/09/67) ดัชนีของ SET อยู่ที่ 1424.39 จุด ดังนั้น 🚩ขยักแรก ถ้ามีเม็ดเงินไหลเข้าอีก 1 แสนล้านบาท ดัชนีของ SET น่าจะอยู่ที่ราวๆ 1500 จุด (ตามกราฟ) 🚩ขยักที่สอง ถ้ายังมีแรง Fundflow ของเม็ดเงินไหลเข้าอีก 1 แสนล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทย น่าจะขึ้นไปอยู่ที่ราวๆ 1575-1580 จุด (ตามกราฟ) 🔥หมายเหตุ: แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นกับสถานการณ์จริง และ จำนวนเม็ดเงินไหลเข้า หรือ Fundflow เป็นสำคัญ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 507 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมมุติว่า นักลงทุนรายย่อยเรา
    ไม่ได้ไปไล่ซื้อหุ้นที่ราคาสูงๆ ความหมายคือ
    ไม่ซื้อหุ้นตามกระแส หรือ กลัวตกรถ เหมือนแต่ก่อน
    แต่กลับรอจังหวะที่ 3 กลุ่มที่เหลือ ฟัดกันเอง
    แล้วค่อยเข้าซื้อที่ราคาเหมาะสม อะไรจะเกิดขึ้น?
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    สมมุติว่า นักลงทุนรายย่อยเรา ไม่ได้ไปไล่ซื้อหุ้นที่ราคาสูงๆ ความหมายคือ ไม่ซื้อหุ้นตามกระแส หรือ กลัวตกรถ เหมือนแต่ก่อน แต่กลับรอจังหวะที่ 3 กลุ่มที่เหลือ ฟัดกันเอง แล้วค่อยเข้าซื้อที่ราคาเหมาะสม อะไรจะเกิดขึ้น? #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอดมินแค่สงสัยว่า
    ถ้ากองทุนวายุภักษ์ 1 มันดีขนาดนี้ การันตี ไม่ขาดทุนแน่ๆ
    ทำไม กระทรวงการคลัง และ ตลาดหุ้นไทย
    ถึงไม่ทำต่อเนื่องมา ทำไมถึงหยุดชะงักไป
    และเพิ่งมาทำใหม่

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย
    #กองทุนวายุภักษ์1 #thaitimes
    แอดมินแค่สงสัยว่า 🤔🤔🤔 ถ้ากองทุนวายุภักษ์ 1 มันดีขนาดนี้ การันตี ไม่ขาดทุนแน่ๆ ทำไม กระทรวงการคลัง และ ตลาดหุ้นไทย ถึงไม่ทำต่อเนื่องมา ทำไมถึงหยุดชะงักไป และเพิ่งมาทำใหม่ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #กองทุนวายุภักษ์1 #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 526 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์
    ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ"
    วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้
    พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้

    1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
    เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน
    โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ
    รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์
    ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ
    ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า
    เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา

    2. การตามกระแส
    ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส
    หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ
    ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป
    สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ
    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง
    ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้

    3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
    ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย
    พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร
    ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา
    การขาดทุนตามมา

    4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง
    เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ
    โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น
    มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
    เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
    มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ
    ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา
    ส่งผลให้เราขาดทุนได้

    5. การขาดการวางแผน
    การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน
    มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ
    ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน
    รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม
    ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ
    พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน
    ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน

    นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล
    ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ
    ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง
    เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ
    ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    🔥🔥สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์ ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ" วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้ พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้ 🚩1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา 🚩2. การตามกระแส ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้ 🚩3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา การขาดทุนตามมา 🚩4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้เราขาดทุนได้ 🚩5. การขาดการวางแผน การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน 🚩นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 693 มุมมอง 277 0 รีวิว
  • สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์
    ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ"
    วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้
    พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้

    1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
    เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน
    โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ
    รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์
    ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ
    ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า
    เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา

    2. การตามกระแส
    ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส
    หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ
    ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป
    สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ
    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง
    ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้

    3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
    ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย
    พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร
    ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา
    การขาดทุนตามมา

    4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง
    เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ
    โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น
    มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
    เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
    มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ
    ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา
    ส่งผลให้เราขาดทุนได้

    5. การขาดการวางแผน
    การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน
    มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ
    ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน
    รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม
    ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ
    พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน
    ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน

    นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล
    ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ
    ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง
    เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ
    ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    🔥🔥สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์ ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ" วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้ พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้ 🚩1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา 🚩2. การตามกระแส ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้ 🚩3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา การขาดทุนตามมา 🚩4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้เราขาดทุนได้ 🚩5. การขาดการวางแผน การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน 🚩นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCBEIC
    ได้วิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจไทย
    ใน 3 มิติ ดังนี้

    1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (จีดีพี ประเทศไทย)

    SCB EIC ประเมินว่าจีดีพี ไทยจะขยายตัวต่ำอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567
    เช่นเดียวกับปี 2568 ที่จะขยายตัวอยู่ที่ 2.6%
    ซึ่งยังต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
    โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
    ในช่วงข้างหน้า ยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยว

    สำหรับปีหน้า 2568 SCB EIC มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
    จะปรับลดลงเล็กน้อย จากมุมมองเดิมมาอยู่ที่ 39.4 ล้านคน
    บนความท้าทายของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน แบบกรุ๊ปทัวร์
    ที่ยังไม่กลับมาได้เต็มที่

    2. อัตราเงินเฟ้อของไทย

    SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567
    จะต่ำลงมาอยู่ที่ 0.6% (จากเดิม 0.8%) และจะกลับเข้าสู่ขอบล่าง
    ของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้
    และต่อเนื่องไปในปีหน้า

    3. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย

    SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
    ในเดือน ธันวาคม 2567 นี้ เหลือ 2.25% จากเดิม 2.50%
    และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2.00 % ในช่วงต้นปี 2268
    จากสัญญาณอุปสงค์ในประเทศ ชะลอตัวชัดเจนขึ้น
    ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะการเงินตึงตัวนาน

    ที่มา : SCBEIC

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สภาวะเศรษฐกิจไทย
    #thaitimes
    💥💥 ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCBEIC ได้วิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจไทย ใน 3 มิติ ดังนี้ 🚩1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (จีดีพี ประเทศไทย) SCB EIC ประเมินว่าจีดีพี ไทยจะขยายตัวต่ำอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567 เช่นเดียวกับปี 2568 ที่จะขยายตัวอยู่ที่ 2.6% ซึ่งยังต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ในช่วงข้างหน้า ยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยว สำหรับปีหน้า 2568 SCB EIC มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะปรับลดลงเล็กน้อย จากมุมมองเดิมมาอยู่ที่ 39.4 ล้านคน บนความท้าทายของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน แบบกรุ๊ปทัวร์ ที่ยังไม่กลับมาได้เต็มที่ 🚩2. อัตราเงินเฟ้อของไทย SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567 จะต่ำลงมาอยู่ที่ 0.6% (จากเดิม 0.8%) และจะกลับเข้าสู่ขอบล่าง ของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ และต่อเนื่องไปในปีหน้า 🚩3. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ในเดือน ธันวาคม 2567 นี้ เหลือ 2.25% จากเดิม 2.50% และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2.00 % ในช่วงต้นปี 2268 จากสัญญาณอุปสงค์ในประเทศ ชะลอตัวชัดเจนขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะการเงินตึงตัวนาน ที่มา : SCBEIC #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สภาวะเศรษฐกิจไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 627 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน
    ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ
    ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป
    เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์
    จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน
    ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม
    แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
    เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
    ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน

    สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด
    ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด
    นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF,
    คนซื้อคนขาย เป็นต้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ
    #thaitimes
    🔥🔥ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน 🚩สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF, คนซื้อคนขาย เป็นต้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออนุญาตโพสต์เรื่องงานครับ
    รับสอนออนไลน์หุ้น มี 2 Part คือ
    1.ความรู้หุ้นเบื้องต้น 2.การซื้อขายหุ้นเบื้องต้น
    #รับสอนออนไลน์หุ้น
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    ขออนุญาตโพสต์เรื่องงานครับ รับสอนออนไลน์หุ้น มี 2 Part คือ 1.ความรู้หุ้นเบื้องต้น 2.การซื้อขายหุ้นเบื้องต้น #รับสอนออนไลน์หุ้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 591 มุมมอง 0 รีวิว
  • การออมและการลงทุนต่างกันอย่างไร
    การออมและการลงทุนต่างกันอย่างไร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 64 0 รีวิว
  • ตัวเลขขาดดุลงบประมาณ ของสหรัฐ ในปี 2567
    ล่าสุดอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ
    ประมาณ 63.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 24%
    เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566

    และหนี้สาธารณะ ณ ปัจจุบัน มีมูลค่ารวม
    35.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    1,175 ล้านล้านบาท และมีภาระดอกเบี้ย
    ปีละประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือประมาณ 33.3 ล้านล้านบาท/ปี

    ที่มา : cnbc

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ขาดดุลงบประมาณ
    #thaitimes
    🔥🔥ตัวเลขขาดดุลงบประมาณ ของสหรัฐ ในปี 2567 ล่าสุดอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 63.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 🔥🔥และหนี้สาธารณะ ณ ปัจจุบัน มีมูลค่ารวม 35.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,175 ล้านล้านบาท และมีภาระดอกเบี้ย ปีละประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 33.3 ล้านล้านบาท/ปี ที่มา : cnbc #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ขาดดุลงบประมาณ #thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 614 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
    ออกประกาศแจ้งเตือน 16 จังหวัด เฝ้าระวังภัยแผ่นดินถล่ม
    น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 13-15 กันยายน ได้แก่
    เชียงใหม่, เชียงราย, พะเยา, น่าน, เลย, หนองคาย,
    ศรีษะเกษ, อุบลราชธานี, จันทบุรี, ตราด, ระนอง, พังงา,
    ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง และ สตูล
    ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กรมทรัพยากรธรณี
    #พื้นที่เฝ้าระวัง #thaitimes
    🔥🔥กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ออกประกาศแจ้งเตือน 16 จังหวัด เฝ้าระวังภัยแผ่นดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 13-15 กันยายน ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, พะเยา, น่าน, เลย, หนองคาย, ศรีษะเกษ, อุบลราชธานี, จันทบุรี, ตราด, ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง และ สตูล ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กรมทรัพยากรธรณี #พื้นที่เฝ้าระวัง #thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 781 มุมมอง 0 รีวิว
  • SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์เผย
    ธุรกิจ เอส เอ็ม อี (SME) ไทย ในช่วง 8 เดือน ปี 2567 นี้
    มีการปิดกิจการไปแล้วกว่า 1 หมื่นราย โดย 3 อันดับธุรกิจ
    ที่มีการปิดตัวสูงสุดได้แก่
    1. ธุรกิจประมง
    2. ธุรกิจผู้ผลิตเหล็กและจำหน่ายเหล็ก
    3. ธุรกิจโรงพิมพ์

    ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ธุรกิจSME #thaitimes
    🔥🔥SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์เผย ธุรกิจ เอส เอ็ม อี (SME) ไทย ในช่วง 8 เดือน ปี 2567 นี้ มีการปิดกิจการไปแล้วกว่า 1 หมื่นราย โดย 3 อันดับธุรกิจ ที่มีการปิดตัวสูงสุดได้แก่ 🚩1. ธุรกิจประมง 🚩2. ธุรกิจผู้ผลิตเหล็กและจำหน่ายเหล็ก 🚩3. ธุรกิจโรงพิมพ์ ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ธุรกิจSME #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 720 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้น่าสนใจตรงที่รายย่อย และ กองทุน
    ปล่อยหุ้น ใส่มือ นักลงทุนต่่างประเทศ และ โบรก

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    #thaitimes
    💥💥วันนี้น่าสนใจตรงที่รายย่อย และ กองทุน ปล่อยหุ้น ใส่มือ นักลงทุนต่่างประเทศ และ โบรก #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 764 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดยมุมมอง และความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน
    แอดมินมองว่า ทองคำ คือ สินทรัพย์ที่มีความเสถียร
    และมั่นคงที่สุดในยุคปัจจุบัน ล่าสุด ทองคำ(สัญญาซื้อขายทองคำ)
    ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวาน 12/09/2567
    ที่ ราคา 2580.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

    จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ทองคำมีความมั่นคง
    และ เสถียรมากที่สุดในโลก ในปัจจุบัน ให้สังเกตจาก
    ค่าเงินดอลลารNสหรัฐ จะแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลง
    แทบจะไม่มีผลต่อแนวโน้มของราคาทองคำ
    ที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ราคาทองคำ หรือ สัญญาซื้อขายทองคำ จะผูกติด
    กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตาม ในการซื้อขาย
    เช่น ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก็ตาม
    แต่ราคาทองคำ ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการ
    หรือ Demand ยังคงมีอยู่มาก

    สาเหตุที่ demand หรือความต้องการทองคำในตลาดมีมากขึ้น
    อันเนื่องมาจาก การกำเนิดขึ้นของกลุ่ม BRICS สมาชิกเช่น
    รัสเซีย,จีน,อินเดีย,บราซิล,แอฟริกาใต้ เป็นต้น
    โดยเฉพาะ รัสเซีย,จีน และ อินเดีย คือ 3 ประเทศหลัก
    ที่มีการซื้อทองคำ เข้ามาตุนใน ธนาคารกลางของประเทศ
    มากกว่า 50% ในปัจจุบัน

    ซึ่งกลุ่ม BRICS มีแนวทางที่จะลดการใช้เงินดอลลาร์ลง
    และสามารถใช้เงินสกุลอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
    มากขึ้น โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้น ภายหลังรัสเซียโดนยึด
    ทรัพย์สินต่างๆที่ฝากไว้ในต่างประเทศ เช่นที่สหรัฐ
    และยุโรป เป็นต้น จากการทำสงครามกับยูเครน

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #สัญญาซื้อขายทองคำ
    #thaitimes
    💥💥โดยมุมมอง และความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน แอดมินมองว่า ทองคำ คือ สินทรัพย์ที่มีความเสถียร และมั่นคงที่สุดในยุคปัจจุบัน ล่าสุด ทองคำ(สัญญาซื้อขายทองคำ) ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวาน 12/09/2567 ที่ ราคา 2580.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ 🚩จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ทองคำมีความมั่นคง และ เสถียรมากที่สุดในโลก ในปัจจุบัน ให้สังเกตจาก ค่าเงินดอลลารNสหรัฐ จะแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลง แทบจะไม่มีผลต่อแนวโน้มของราคาทองคำ ที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ราคาทองคำ หรือ สัญญาซื้อขายทองคำ จะผูกติด กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตาม ในการซื้อขาย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก็ตาม แต่ราคาทองคำ ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการ หรือ Demand ยังคงมีอยู่มาก 🚩สาเหตุที่ demand หรือความต้องการทองคำในตลาดมีมากขึ้น อันเนื่องมาจาก การกำเนิดขึ้นของกลุ่ม BRICS สมาชิกเช่น รัสเซีย,จีน,อินเดีย,บราซิล,แอฟริกาใต้ เป็นต้น โดยเฉพาะ รัสเซีย,จีน และ อินเดีย คือ 3 ประเทศหลัก ที่มีการซื้อทองคำ เข้ามาตุนใน ธนาคารกลางของประเทศ มากกว่า 50% ในปัจจุบัน 🚩ซึ่งกลุ่ม BRICS มีแนวทางที่จะลดการใช้เงินดอลลาร์ลง และสามารถใช้เงินสกุลอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างกัน มากขึ้น โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้น ภายหลังรัสเซียโดนยึด ทรัพย์สินต่างๆที่ฝากไว้ในต่างประเทศ เช่นที่สหรัฐ และยุโรป เป็นต้น จากการทำสงครามกับยูเครน #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #สัญญาซื้อขายทองคำ #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 926 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอดมินนั่งดูข่าวน้ำท่วม เชียงราย-เชียงใหม่
    สถานการณ์หนักมาก ที่เชียงราย ชาวบ้านในพื้นที่
    บอกว่า น้ำท่วมรอบนี้หนักสุดในรอบกว่า 100 ปี
    ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 2 หมื่นครัวเรือน
    พื้นที่น้ำท่วม ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ รวมกว่า
    8 หมื่นไร่

    ตอนนี้ทุกสรรพกำลัง อาสาสมัคร กู้ภัย มูลนิธิ ทหาร
    และอีกหลายๆหน่วยงานได้เข้าไปในพื้นที่แล้ว

    ขอให้วิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และ
    ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องทางภาคเหนือ เชียงราย
    เชียงใหม่ ที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมทั้งเจ้าหน้าที่
    และอาสาสมัครทุกๆท่าน ปลอดภัยในการดำเนินงาน
    และขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็วครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #น้ำท่วมเชียงรายเชียงใหม่
    #thaitimes
    แอดมินนั่งดูข่าวน้ำท่วม เชียงราย-เชียงใหม่ สถานการณ์หนักมาก ที่เชียงราย ชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า น้ำท่วมรอบนี้หนักสุดในรอบกว่า 100 ปี ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 2 หมื่นครัวเรือน พื้นที่น้ำท่วม ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ รวมกว่า 8 หมื่นไร่ ตอนนี้ทุกสรรพกำลัง อาสาสมัคร กู้ภัย มูลนิธิ ทหาร และอีกหลายๆหน่วยงานได้เข้าไปในพื้นที่แล้ว ขอให้วิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และ ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องทางภาคเหนือ เชียงราย เชียงใหม่ ที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครทุกๆท่าน ปลอดภัยในการดำเนินงาน และขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็วครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #น้ำท่วมเชียงรายเชียงใหม่ #thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 965 มุมมอง 0 รีวิว
  • เฉลี่ยแล้วดัชนีตลาดหุ้นไทย
    ถ้าจะปรับตัวสูงขึ้นทุกๆ 80 จุด
    จะใช้เม็ดเงินหรือ Fundflow ไหลเข้าตลาดประมาณ 1 แสนล้านบาท
    ตอนนี้ SET อยู่ที่ 1421.58 ถ้าจะให้ดัชนี ไปที่ 1800 ได้
    ต้องมีเม็ดเงิน หรือ Fundflow ไหลเข้า อีกประมาณ 5 แสนล้านบาท
    เป็นอย่างน้อย

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    🔥🔥เฉลี่ยแล้วดัชนีตลาดหุ้นไทย ถ้าจะปรับตัวสูงขึ้นทุกๆ 80 จุด จะใช้เม็ดเงินหรือ Fundflow ไหลเข้าตลาดประมาณ 1 แสนล้านบาท ตอนนี้ SET อยู่ที่ 1421.58 ถ้าจะให้ดัชนี ไปที่ 1800 ได้ ต้องมีเม็ดเงิน หรือ Fundflow ไหลเข้า อีกประมาณ 5 แสนล้านบาท เป็นอย่างน้อย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย #thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 938 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts