• #ว่าจะไม่โพสถึงเรื่องนี้แต่ก็อดไม่ได้
    #ขอฝากข้อความนี้ถึงแน๊กชาลีในฐานะเพจนึงที่ปกป้องแน๊กมาโดยตลอด
    จากจุดเริ่มต้นที่พี่คิงส์ ได้เข้ามาสู่จักรวาล ชาลี จีกามิน
    แฟนเพจทุกคนรู้ดีว่า มาจากที่แน๊กได้ไลฟ์สดกลางคืนถึงรุ่งเช้า
    ระบายถึงสิ่งที่ตนเองถูกกระทำ ทำให้ทั้งเพจคิงส์โพธิ์แดง
    แฟนคลับแน๊กชาลี แม้กระทั่งพี่แนน และนักรบตต.อีกจำนวนมาก
    ที่ออกมาปกป้องแน๊ก ระยะยาวเกิน 100 วัน
    - สิ่งที่พี่คิงส์โพธิ์แดง และคนที่ออกตัวปกป้องทุกคนคาดหวังคือ เราแทบทุกคนเชื่อว่า น้องแน๊ก จะมีการดำเนินการใดๆก็ตามในการปกป้องตนเอง และครอบครัว แต่สิ่งที่น้องแน๊กสื่อสาร จะมีความกำกวม ไม่ชัดเจน และสิ่งที่เราได้เห็นคือการที่น้องแน๊ก ใช้ชีวิตอย่างปกติ แซวสาว สนุกสนาน ซึ่งก็จริงที่นั่นเป็นสิทธิของแน๊กเอง
    - แต่ทว่าอยากให้ลองมองอีกฝั่งหนึ่ง นั่นคือคนที่รัก คลั่งไคล้จีกามิน ทั้งพี่คิงส์และแฟนคลับแน๊กชาลี จะเห็นชัดเจนว่า ทุกคนที่ออกตัวปกป้องจีกามิน จะได้รับการโปรเทคจากจีกามินเสมอ แม้กระทั่งป้า จ. ที่ออกหน้าต่อสู้กับพี่คิงส์ จีกามินกลับแสดงออกถึงการขอบคุณอย่างเอิกเริก
    - แน๊กอาจจะมองได้นะครับ ว่า พี่คิงส์ และคนอื่นๆที่ออกมาปกป้องน้อง เราทำกันเอง แน๊กไม่ได้สั่งให้ทำ แต่แน๊กต้องรู้ว่า ผลกระทบมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
    พี่คิงส์ฯ ผ่านเหตุการณ์และมีวิธีการในการต่อสู้และไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด ถ้าอยู่บนความจริง
    - แต่น้องๆหลายคน สร้างช่อง ตต.มา ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะมีผู้ติดตามหลักแสนหลักล้าน ยอมทุ่มเทในการยืนข้างน้องแน๊ก จนช่องปลิวกันเป็นว่าเล่น ต้องเสียช่องที่ฟูมฟักและสร้างมานาน
    - ทุกคน ใช้เวลาทั้งกลางวัน กลางคืน วนเวียนอยู่กับการไปเชียร์ ไปให้กำลังใจ อยู่ฝั่งน้องแน๊ก จนหลายๆคนเสียการเสียงาน
    แน๊กจะเห็นว่า ทุกคนที่รักแน๊ก เค้าพร้อมซัพพอตน้อง
    แต่เวลานี้ มันล่วงเลยมานานมากมันร้อยกว่าวันแล้วน้อง
    แน๊ก ไม่เคยแสดงท่าทีที่จะปกป้องคนที่ปกป้องน้องเลย
    รู้ไหมว่า น้องๆ เหล่านี้ เค้าเสียสละเพื่อแน๊กมามากแค่ไหน
    มีทักมาถอดใจกับพี่คิงส์จำนวนหลักร้อยคน
    เพราะเค้าเชื่อมั่นมาเสมอว่า สารที่แน๊กสื่อผ่านการไลฟ์สดในวันนั้น
    มันจะมีหลักฐานในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแน๊กเอง
    โพสนี้ พี่คิงส์ไม่ได้โพสเพื่อเพจพี่ แต่พี่เห็นความถดถอยทางจิตใจ
    ของทั้งเจ้าของช่อง ทั้งแฟนคลับของแน๊กเองที่ต่างมาระบาย
    แทบจะไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นที่เป็นแฟนคลับแบบลึกจริงๆ
    ของน้องที่อาจจะไม่ตั้งคำถาม ไม่ว่าแน๊กทำอะไร ดีหมด ถูกหมด
    แต่สำหรับพี่คิงส์ กับน้องๆอีกหลายคน ไม่ใช่ครับ
    ...................................................
    และจากไม่กี่วันที่ผ่านมา กับการมาของกามิน ที่ป้า จ. ก็จัดการทุกอย่าง และสรุปคือ จะมีการฟ้องร้องอย่างที่มีการแถลง
    และมีการออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆเพิ่มว่า
    -ไม่ได้พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังได้ด้วยตัว
    เอง
    -ไม่ได้คบชู้
    -ไม่ได้เผาบ้าน
    -ไม่ได้ติดเหล้า
    -ไม่ได้ขโมยของ
    -จ่ายภาษีที่ไทยแล้ว
    -ไม่ติดต่อกลับ เพราะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก
    -ไม่ได้เผากางเกงในแฟนเก่า เพราะความจริงไม่
    เจอชุดชั้นใน
    -ไม่มีค่าปรับอย่างที่อีกฝ่ายพูด
    อย่างที่พี่คิงส์แคปมาไว้ในโพสนี้
    บางข้อเช่นกรณีที่จีกามิน พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังด้วยตัวเองoyho -
    - กรณีหลอกง่ายเป็นคำพูดของอีกคนก็จริง
    - หรือคำว่าดังด้วยตัวเองจะเป็นคำแปลของคนเกาหลีแท้ๆก็ตาม
    แต่ในอีกหลายๆข้อถึงแม้ว่าน้องแน๊กจะพูดได้ว่า น้องไม่เคยพูดสิ่งเหล่านี้เลย
    แต่ก็ออกตัวไม่ได้เช่นกันว่า น้องไม่เคยพูดให้คนที่ฟังตีความไปในทิศทางนี้
    ดังนั้น สิ่งที่น้องควร และต้องทำคือ การนำหลักฐานออกมานำเสนอ
    การดำเนินการให้ชัดเจน ไม่ใช่ไลฟ์สดกับสาวไปวันๆแบบที่ผ่านมาเท่านั้น
    แต่ก็ไม่ได้บอกให้หยุดไลฟ์สดเพราะแฟนคลับของแน๊กส่วนใหญ่ก็ชอบและมีความสุขกับน้องแน๊กในบริบทแบบนี้ พี่คิงส์เข้าใจได้
    - แต่นี่มันคือวาระที่แน๊กเองต้องยืนขึ้นด้วยตัวเองแสดงออกในการชี้แจง เพราะน้องปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยยาวนาน แล้วยิ่งจีกามิน กล้าที่จะจัดแถลงและมีการพีอาร์ใหญ่โตแบบนี้ สิ่งที่แน๊กต้องทำคือการชี้แจง
    - แต่สิ่งที่ชาลีแอคชั่นหลังจากนั้น คือการเบรคการทำกิจกรรมที่ผูกพันธ์กับแบรนต่างๆ น้องรู้หรือไม่ คนที่เคยปกป้องน้องส่วนใหญ่ ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกว่า ในเมื่องน้องไม่ผิด ทำไมต้องหยุดทำไมต้องเบรคงาน ถ้าน้องเป็นฝ่ายถูก ทำไมไม่ชี้แจงอะไร
    - ที่ผ่านมาทุกคนได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อแน๊ก แต่แน๊กไม่เคยแสดงออกถึงการต่อสู้เพื่อเค้า และการต่อสู้เพื่อเค้าเหล่านั้น ก็คือการที่แน๊กออกมาปกป้องตนเองและครอบครัว ด้วยหลักฐาน คำถามคือ แน๊กทำอะไรอยู่
    - เพราะพอตัดภาพนึง น้องในตต. หรือเพจหลายเพจ ก็ออกตัวปกป้องแน๊ก แต่พอตัดภาพมาที่น้องแน๊ก น้องแน๊กกำลังจีบสาวอยู่หว่ะ
    เนี่ย มันเป็นแบบนี้มาตลอด
    - ตอนนี้ พี่คิงส์เองก็มูฟออนแล้ว เพราะมีเรื่องสำคัญๆกว่าเรื่องของน้องหลายๆเรื่องที่ควรทำและพี่ไม่ได้ทำ เพราะพี่เองไม่ได้อยู่ในจักรวาลของน้องชาลีมาตั้งแต่ต้น เพียงเพราะสงสารน้องที่พี่เชื่อมาตลอดว่าถูกรังแก นิสัยพี่คิงส์มันเป็นแบบนี้ และน้องก็ถูกรังแกจริงที่พี่เองก็เห็นหรือมีหลักฐานอยู่ แต่เมื่อน้องไม่คิดที่จะปกป้องตนเอง หรือปกป้องคนที่ยืนหยัดเพื่อน้อง
    พี่คิงส์บอกล่วงหน้าไว้เลยว่า สุดท้าย เมื่อน้องไม่ปกป้องตัวเอง อีกหลายคนจะท้อ และตามด้วยถอย เพราะคงไม่มีใครจะต่อสู้เพื่อคนที่ไม่คิดจะปกป้องตัวเองจำคำพี่คิงส์ไว้ พี่คิงส์อยากให้น้องแน๊กสู้ให้คนเชียร์ได้เห็น ถ้าสิ่งที่น้องสื่อสาร มันคือความจริง
    พี่คิงส์ฝากแฟนคลับชั้นลึกของน้อง ส่งสารนี้ถึงแน๊กชาลีด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ว่าจะไม่โพสถึงเรื่องนี้แต่ก็อดไม่ได้ #ขอฝากข้อความนี้ถึงแน๊กชาลีในฐานะเพจนึงที่ปกป้องแน๊กมาโดยตลอด จากจุดเริ่มต้นที่พี่คิงส์ ได้เข้ามาสู่จักรวาล ชาลี จีกามิน แฟนเพจทุกคนรู้ดีว่า มาจากที่แน๊กได้ไลฟ์สดกลางคืนถึงรุ่งเช้า ระบายถึงสิ่งที่ตนเองถูกกระทำ ทำให้ทั้งเพจคิงส์โพธิ์แดง แฟนคลับแน๊กชาลี แม้กระทั่งพี่แนน และนักรบตต.อีกจำนวนมาก ที่ออกมาปกป้องแน๊ก ระยะยาวเกิน 100 วัน - สิ่งที่พี่คิงส์โพธิ์แดง และคนที่ออกตัวปกป้องทุกคนคาดหวังคือ เราแทบทุกคนเชื่อว่า น้องแน๊ก จะมีการดำเนินการใดๆก็ตามในการปกป้องตนเอง และครอบครัว แต่สิ่งที่น้องแน๊กสื่อสาร จะมีความกำกวม ไม่ชัดเจน และสิ่งที่เราได้เห็นคือการที่น้องแน๊ก ใช้ชีวิตอย่างปกติ แซวสาว สนุกสนาน ซึ่งก็จริงที่นั่นเป็นสิทธิของแน๊กเอง - แต่ทว่าอยากให้ลองมองอีกฝั่งหนึ่ง นั่นคือคนที่รัก คลั่งไคล้จีกามิน ทั้งพี่คิงส์และแฟนคลับแน๊กชาลี จะเห็นชัดเจนว่า ทุกคนที่ออกตัวปกป้องจีกามิน จะได้รับการโปรเทคจากจีกามินเสมอ แม้กระทั่งป้า จ. ที่ออกหน้าต่อสู้กับพี่คิงส์ จีกามินกลับแสดงออกถึงการขอบคุณอย่างเอิกเริก - แน๊กอาจจะมองได้นะครับ ว่า พี่คิงส์ และคนอื่นๆที่ออกมาปกป้องน้อง เราทำกันเอง แน๊กไม่ได้สั่งให้ทำ แต่แน๊กต้องรู้ว่า ผลกระทบมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง พี่คิงส์ฯ ผ่านเหตุการณ์และมีวิธีการในการต่อสู้และไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด ถ้าอยู่บนความจริง - แต่น้องๆหลายคน สร้างช่อง ตต.มา ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะมีผู้ติดตามหลักแสนหลักล้าน ยอมทุ่มเทในการยืนข้างน้องแน๊ก จนช่องปลิวกันเป็นว่าเล่น ต้องเสียช่องที่ฟูมฟักและสร้างมานาน - ทุกคน ใช้เวลาทั้งกลางวัน กลางคืน วนเวียนอยู่กับการไปเชียร์ ไปให้กำลังใจ อยู่ฝั่งน้องแน๊ก จนหลายๆคนเสียการเสียงาน แน๊กจะเห็นว่า ทุกคนที่รักแน๊ก เค้าพร้อมซัพพอตน้อง แต่เวลานี้ มันล่วงเลยมานานมากมันร้อยกว่าวันแล้วน้อง แน๊ก ไม่เคยแสดงท่าทีที่จะปกป้องคนที่ปกป้องน้องเลย รู้ไหมว่า น้องๆ เหล่านี้ เค้าเสียสละเพื่อแน๊กมามากแค่ไหน มีทักมาถอดใจกับพี่คิงส์จำนวนหลักร้อยคน เพราะเค้าเชื่อมั่นมาเสมอว่า สารที่แน๊กสื่อผ่านการไลฟ์สดในวันนั้น มันจะมีหลักฐานในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแน๊กเอง โพสนี้ พี่คิงส์ไม่ได้โพสเพื่อเพจพี่ แต่พี่เห็นความถดถอยทางจิตใจ ของทั้งเจ้าของช่อง ทั้งแฟนคลับของแน๊กเองที่ต่างมาระบาย แทบจะไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นที่เป็นแฟนคลับแบบลึกจริงๆ ของน้องที่อาจจะไม่ตั้งคำถาม ไม่ว่าแน๊กทำอะไร ดีหมด ถูกหมด แต่สำหรับพี่คิงส์ กับน้องๆอีกหลายคน ไม่ใช่ครับ ................................................... และจากไม่กี่วันที่ผ่านมา กับการมาของกามิน ที่ป้า จ. ก็จัดการทุกอย่าง และสรุปคือ จะมีการฟ้องร้องอย่างที่มีการแถลง และมีการออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆเพิ่มว่า -ไม่ได้พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังได้ด้วยตัว เอง -ไม่ได้คบชู้ -ไม่ได้เผาบ้าน -ไม่ได้ติดเหล้า -ไม่ได้ขโมยของ -จ่ายภาษีที่ไทยแล้ว -ไม่ติดต่อกลับ เพราะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก -ไม่ได้เผากางเกงในแฟนเก่า เพราะความจริงไม่ เจอชุดชั้นใน -ไม่มีค่าปรับอย่างที่อีกฝ่ายพูด อย่างที่พี่คิงส์แคปมาไว้ในโพสนี้ บางข้อเช่นกรณีที่จีกามิน พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังด้วยตัวเองoyho - - กรณีหลอกง่ายเป็นคำพูดของอีกคนก็จริง - หรือคำว่าดังด้วยตัวเองจะเป็นคำแปลของคนเกาหลีแท้ๆก็ตาม แต่ในอีกหลายๆข้อถึงแม้ว่าน้องแน๊กจะพูดได้ว่า น้องไม่เคยพูดสิ่งเหล่านี้เลย แต่ก็ออกตัวไม่ได้เช่นกันว่า น้องไม่เคยพูดให้คนที่ฟังตีความไปในทิศทางนี้ ดังนั้น สิ่งที่น้องควร และต้องทำคือ การนำหลักฐานออกมานำเสนอ การดำเนินการให้ชัดเจน ไม่ใช่ไลฟ์สดกับสาวไปวันๆแบบที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้บอกให้หยุดไลฟ์สดเพราะแฟนคลับของแน๊กส่วนใหญ่ก็ชอบและมีความสุขกับน้องแน๊กในบริบทแบบนี้ พี่คิงส์เข้าใจได้ - แต่นี่มันคือวาระที่แน๊กเองต้องยืนขึ้นด้วยตัวเองแสดงออกในการชี้แจง เพราะน้องปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยยาวนาน แล้วยิ่งจีกามิน กล้าที่จะจัดแถลงและมีการพีอาร์ใหญ่โตแบบนี้ สิ่งที่แน๊กต้องทำคือการชี้แจง - แต่สิ่งที่ชาลีแอคชั่นหลังจากนั้น คือการเบรคการทำกิจกรรมที่ผูกพันธ์กับแบรนต่างๆ น้องรู้หรือไม่ คนที่เคยปกป้องน้องส่วนใหญ่ ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกว่า ในเมื่องน้องไม่ผิด ทำไมต้องหยุดทำไมต้องเบรคงาน ถ้าน้องเป็นฝ่ายถูก ทำไมไม่ชี้แจงอะไร - ที่ผ่านมาทุกคนได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อแน๊ก แต่แน๊กไม่เคยแสดงออกถึงการต่อสู้เพื่อเค้า และการต่อสู้เพื่อเค้าเหล่านั้น ก็คือการที่แน๊กออกมาปกป้องตนเองและครอบครัว ด้วยหลักฐาน คำถามคือ แน๊กทำอะไรอยู่ - เพราะพอตัดภาพนึง น้องในตต. หรือเพจหลายเพจ ก็ออกตัวปกป้องแน๊ก แต่พอตัดภาพมาที่น้องแน๊ก น้องแน๊กกำลังจีบสาวอยู่หว่ะ เนี่ย มันเป็นแบบนี้มาตลอด - ตอนนี้ พี่คิงส์เองก็มูฟออนแล้ว เพราะมีเรื่องสำคัญๆกว่าเรื่องของน้องหลายๆเรื่องที่ควรทำและพี่ไม่ได้ทำ เพราะพี่เองไม่ได้อยู่ในจักรวาลของน้องชาลีมาตั้งแต่ต้น เพียงเพราะสงสารน้องที่พี่เชื่อมาตลอดว่าถูกรังแก นิสัยพี่คิงส์มันเป็นแบบนี้ และน้องก็ถูกรังแกจริงที่พี่เองก็เห็นหรือมีหลักฐานอยู่ แต่เมื่อน้องไม่คิดที่จะปกป้องตนเอง หรือปกป้องคนที่ยืนหยัดเพื่อน้อง พี่คิงส์บอกล่วงหน้าไว้เลยว่า สุดท้าย เมื่อน้องไม่ปกป้องตัวเอง อีกหลายคนจะท้อ และตามด้วยถอย เพราะคงไม่มีใครจะต่อสู้เพื่อคนที่ไม่คิดจะปกป้องตัวเองจำคำพี่คิงส์ไว้ พี่คิงส์อยากให้น้องแน๊กสู้ให้คนเชียร์ได้เห็น ถ้าสิ่งที่น้องสื่อสาร มันคือความจริง พี่คิงส์ฝากแฟนคลับชั้นลึกของน้อง ส่งสารนี้ถึงแน๊กชาลีด้วย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • 04-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะนอย" EP20 ตอน NEW BORN AFGHANISTAN 2024 "พลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน เปลี่ยนชะตากรรม" ปลดแอกเหี้ยแค่ 3 ปีเศษ อัฟกานิสถานไปไกลมว๊าก หลังจีนเข้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมต่อโลจิสติค จนวันนี้ ตาลีบัน ไม่ต้องรบกับใครอีกแล้ว ร่วมเผ่าพันธุ์ย่อย จับมาค้าขายเชื่อมโลกแม่งซะเลย เจริญจนผิดหูผิดตา แค่ทิ้งเหี้ย ชีวิตเปลี่ยนทันที ความปลอดภัยสูงขึ้นมาก เพราะไม่รู้จะก่อการร้ายไปเพื่อใคร? เหี้ยถูกไล่เก็บจนเกือบหมดแล้ว ใครที่มีปัญหา จีนเป็นตัวเชื่อมกลางเข้าไปไกล่เกลี่ยจนได้คำตอบง่ายดายว่า "แบ่งกันกิน" รัฐบาลตาลีบัน แข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะ ทั้งในฝ่ายการเมือง เวทีโลก เศรษฐกิจ การค้า มันชัวร์อยู่แล้ว เพราะ "อัฟกานิสถาน คือ 1 ในเส้นทางสายไหมของจีนนั่นเอง" เค้าวางตัวมาเป็นชาติแล้ว หลังเหี้ยมะกันออกไปจนหมดเกลี้ยง ก็ฟื้นฟู แล้วปรับโครงสร้างใหม่หมด เชื่อมทุกอย่างเข้าเป็นระบบเดียวกับสากล สูตรเดียวกับที่จีนใช้ในแอฟริกานั่นแหละ รถไฟเข้าถึง ความเจริญก็เข้าตาม น้ำ ไฟ เน็ต ตามมาทันที หมดยุคกินกรวด หิน ดิน ทรายแล้ว อัฟกานิสถานยุคใหม่ เดินหน้าไม่หยุด เพราะไม่มีเหี้ยมาคอยสกัดแล้ว ทุกอย่างรัฐบาลอำนาจเดี่ยว เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สั่งปุ๊บ ทำปั๊บ มันถึงได้เร็วฟ้าผ่าเยี่ยงนี้ โมเดลนี้ ทำให้หลายชาติในโลกถึงได้ปลดแอกเหี้ยกันหมด อยู่กับเหี้ยมีแต่ฉิบหาย อยู่กับจีน รัสเซีย รวยไม่รู้ตัว? ที่สำคัญ ไม่ต้องไปปล้นเค้าแดร๊กเหมือนที่ผ่านมา? เมื่ออัฟกานิสถานแข็งแรง ชาติเพื่อนบ้านก็ตามสิจ๊ะ เส้นทางสายไหมใครไม่อยากได้ รถไฟมา ไฟ น้ำ ตาม การค้าเข้าถึง สินค้าจากทั่วโลกแห่เข้ามาถึงตัว ใครไม่อยากจะได้ จีนจ้องอัฟกานิสถานมานานแล้ว เพราะคือด่านหน้าเข้าตะวันออกกลาง แอฟริกา ตามสูตรเชื่อมโลกไงล่ะ ล่าสุด อีเหี้ยมะกันโชว์โง่ขน B-52 มาใกล้อิหร่าน ควายกว่านี้มีอีกมั้ย? อิหร่านมีอะไร? มรึงรู้จัก S-400 มั้ย ไอ้สัส? จะรอดมั้ยล่ะ? ขู่เค้าแต่ตัวเองไม่มีปัญญาสกัดขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคอิหร่านได้เลย แม้แต่ลูกเดียว เอาของเก่ามาอวด นี่มันปี 2024 แล้วน่ะ ดีออก? อีวอชิงตันไม่ตายคาตรีน คงไม่หายเสี้ยน รอมันฆ่ากันเองก่อน แล้วกูค่อยเข้าไปกระทืบซ้ำ อยากแตกแผ่นดินกันมากชิมิ? ล่าสุด สเปนเพิ่งจะตื่นรู้ รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ ตายโหง! ระดมพล ทุกหน่วยงาน เพื่อนบ้านข้างเมือง ช่วยฟื้นบาเลนเซีย ยุโรปง่อยแดร๊ก พายุฝนกระหน่ำ น้ำท่วม ต้อนรับก่อนหิมะจะถล่มตามมา ไม่ต้องทำมาหาแดร๊กแล้วมรึงเอ๋ย? ภัยธรรมชาติมาก่อนมินิคุ๊กกี้รสชาเขียว ปูตินบอก กูไม่ต้องเหนื่อยเลย? อี NATO ยังเสี้ยนจะก่อสงครามต่อมุย? จะแดร๊กยังไม่มี? รับใช้อียิวมานานนับศตวรรษ กูว่ามรึงประกาศเป็นเมืองขึ้นเยรูซาเล็มไปเลยดีมุย? ควายยุโรปมันโง่ของจริง EGO อยู่เหนือเหตุผลและปากท้อง แม้แต่ชีวิตมรึงเองก็ยังแพ้ EGO ตัวมรึงเอง? เผ่าพันธุ์สวรรค์เหรอจ๊ะ ดีออก? พากันไปเยอะห่าแบบนี้ อียิวชอบ กูจะได้บ้านใหม่เร็วขึ้น! ข้ามวิกแป๊บ! หย่ายนักเหรอ ไอ้สัส! อีเหลี่ยมหน้าซีด เกมส์ชงเปิดหน้า อัยการ ปปช. ปปง. ศาล ตบเท้าเรียงคิว หลังธีรยุทธแจงหลักฐานชัด ฟ้องทุกเม็ด เก็บทุกดอก มาหมดทุกคดีเหี้ย อีเหลี่ยมถูกเรียกตัวแก้ต่าง ยื้อเวลา บิดไปมาไม่เลิก ธงเค้ามีไว้นานแล้ว แค่มาทำให้มันจบลงไปซะ จ่ายเฮอะ แล้วไสหัวไปซะ ทั้งวงศ์ตระกูล อีลูกสาวโดนแน่ 3 ดอก 3 เด้ง สุดท้ายเผ่นคือทางรอด ทรัพย์สินไม่ห่วง เรียกคืนได้หมด แค่ฟ้าเปลี่ยนสี และโลกเปลี่ยนมือ ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรทันที เพราะแสง เงิน 10000 อย่าคิดว่ารอด? รอสะเด็ดน้ำ เอาให้สุดซอย เรียงคิวตายคาสภา ยกพรรค ยกครม. ทันที 500 ตัว จะเหลือกี่ตัวกันหนอ? สว.สายเจ้าคึกคักพิเศษ เตรียมชี้เป้า โดนกันอีกเยอะ? อย่าหงุดหงิด เพราะสิ่งที่ทำ เพื่อไม่ให้มีใครตายเพิ่ม? วังไม่ใช่มรึง ฆ่าแกงมันง่าย แล้วมันจะต่างอะไรกับที่อีเหลี่ยมมันทำในตากใบล่ะ? แผนใหม่คือเล่นตัวบทกฎหมายที่โทษหนักกว่า เพื่อบีบให้เผ่นออกนอกทั้งโคตรขายชาติ วิญญานตากใบ ไม่มีวันสงบสุข หากเรื่องไม่เดินไปจนสุดทาง ตากใบยังมีประเด็นร้อนอีกเยอะ รอขุดเพิ่ม เรียงลำดับคิวอยู่ อย่าแซงคิว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตัวจริง เค้ารู้อยู่ว่าทำอะไร? ให้เค้าทำหน้าที่ต่อไป มรึงรู้มั้ยว่า อะไรน่ากลัวกว่าความตาย? "การรอคอยความตายไงล่ะ" นี่คือโมเม้นต์ที่อีเหลี่ยมเหี้ยชาติชั่วและวงศ์ตระกูลมันกำลังลิ้มรสอยู่ มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า คลังไทย สมบัติชาติ จะให้ไอ้อี ใครมาดูแลก็ได้ หากไม่มีความเห็นชอบจากวัง! ที่ผ่านมา ไทยรอดมาได้เพราะคลังเนี่ยแหละ ตั้งแต่ยุคร.3 เป็นต้นมา เรารู้ตัวว่า โลกกำลังจะล่าอาณานิคม สยามประเทศคือเหยื่อ 1 ในนั้นด้วย ที่ผ่านมาวังดูแลคลังหลวงมาโดยตลอด แม้แต่ปัจจุบัน คลังไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติฝ่ายการเมือง ผู้ว่าเป็นอิสระ แล้วไอ้อีขายชาติ มรึงเป็นใครจะเข้ามายึด? คำสั่งอีวอชิงตันเช่นเคย เพราะถังแตก อเมริกาหมดตูด ต้องไปปล้นเอาจากคลังชาวบ้าน หมายังรู้? ฝันเปียกอีกตามเคย ไม่ได้แดร๊กดอกน่ะ ไอ้ควาย! พ่อกูยังอยู่! อย่าฝันกลางวัน มาดูคืนหมาหอนในอเมริกากันน่ะ : อีทรัมปป์ โดนทุกทิศ สกัดดาวรุ่ง อียิวคลั่ง ขี้ข้ากูใครก็ได้ แต่ไม่เอาอีทรัมปป์ เพราะมันหักดิบเกิน คิดการใหญ่ จนกูควบคุมไม่ได้เต็มที่ โกงมาเต็มตรีน ปั่นยังไง คนก็ไม่เอาสงคราม คิดว่าอเมริกันควายไม่รู้รึไง? อีลามา WWIII มาแน่ สู้กับรัสเซีย จีน โสมแดง อิหร่าน คืออเมริกาตายโหงชัวร์ กระดูกคนละเบอร์ แต่หากฆ่ากันเอง ยังมีโอกาสรอด อเมริกันควายถึงได้เลือก CIVIL WAR ดีกว่า ฆ่ากันเองมันส์กว่าเยอะ สู้กับขั้วใหม่ คือตาย ไม่มีปราณี และตายห่ายกเมืองด้วยสิ? เหี้ย CIA และเหี้ยอีตาเพน เตรียมร่วมมือสกัดอีทรัมปป์จนออกนอกหน้า กูบอกเลยว่า หากอีทรัมปป์เข้ามาได้ พวกมรึงเสร็จแน่ โดนชำระแค้นไม่มีเหลือ? หั่นงบจนเหลือแต่แดร๊กกระดูกชัวร์ เพราะอีทรัมปป์ไม่เน้นรบ เน้นการค้า หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง กับสร้างอาณาจักร TRUMP LAND พวกสายสุดโต่ง HARDCORE ชอบ คลั่งอเมริกันพันธุ์แท้ ลูกผสม ผู้อพยพ ต่างด้าว เตรียมตัวถูกไล่ที่ได้เลย? ต้องผิวขาวพันธุ์แท้เท่านั้น นอกนั้น ส่วนเกิน! อเมริกาหมดสภาพ บรรดาเศรษฐี ขาใหญ่ ไฮโซ กลุ่ม ELITE ขนเงินออกนอกหมด แยกย้ายถิ่นฐาน อเมริกามันบ้านป่าเมืองเถื่อนไปแล้ว โรงงานปิด แรงงานล้น ไร้บ้าน สวัสดิการหดหาย ใครมันจะอยากอยู่ต่อ ที่อื่นสบายกว่านี้ ไม่ต้องจ่ายภาษีแพงเพื่ออุ้มคนจน กับเอาไปก่อสงครามสนองตัณหาให้อียิว คนรวยไม่ได้โง่ดอกน่ะ? อเมริกาไม่แตกก็เหมือนแตก เพราะไม่มีรายได้ มีแต่จ่าย พิมพ์แบงค์เพื่อจ่ายหนี้ มรึงจะอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ? โลกเค้ารู้หมดแล้ว

    ปล.WWIII ไม่มา หากนุ๊กไม่มี แผนขั้วใหม่เริ่ด เชิด หยิ่ง บีบเศรษฐกิจ การค้า เวทีโลก แสนยานุภาพ ทำให้เหี้ยต้องแตกกำลัง สะเปะสะปะ ช่วยไม่สุด กลัวหลังบ้านพรุน อียิวว่าแน่ ยังเละเป็นโจ๊ก อเมริกาตายเพราะตัวมันเอง เลือกตั้งแค่หน้าฉาก อเมริกาไม่มีทางรอดจากการล่มสลาย เพราะหนี้มรึงเยอะเกินความสามารถจ่ายได้จริง แตกอเมริกาก็ใช่ว่าจะรอด โลกไม่ยอม ฉีกชิ้นเนื้อแบ่งขายตามสูตร โลกไม่ค้าขายกับมรึง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรแดร๊กล่ะ อียุโรปก็ย้ายขั้วไปเยอะแล้ว ฝั่งตะวันออกไปหมดเกลี้ยง แม้แต่อีแอบมานาน ยังต้องถอย BRICS เปลี่ยนโลกได้จริง เมื่อ 5 ปีก่อน ไม่มีใครคิดว่าดอลล่าร์จะล่มสลาย วันนี้ เป็นที่ประจักษ์ ตลาดโลกไม่รับดอลล่าร์ซื้อน้ำมัน ทองคำ แก็ส แร่หายากอีกต่อไป เพราะเจ้ามือเปลี่ยนไงล่ะ? เกมส์ตะวันออกกลางจะไม่ลามไปมากกว่านี้ ปล่อยโลกอาหรับลงแขกอียิวก็เหลือแหล่ มันถึงพยายามดึงรัสเซีย จีน เข้ามาในเกมส์นี้ แต่ทำไม่ได้ เพราะเค้าอ่านมรึงขาดกระจุย? บีบให้เหี้ยลงมือเอง ตรายางมัดตราสังข์รอไว้พร้อม UN WC หนีอียิวหมดแล้ว อาหรับ แอฟริกายึดสภาสหประชาชาติ มรึงยังจะเหลือเสียงที่ไหนมาหนุนได้อีก? ยกยังไงขั้วใหม่ก็ชนะขาด อีอูฐ วัวสันหลังหวะ ที่ไปไม่สุด เพราะยังมีการค้ากับเหี้ย แต่ก็ไม่อยากให้อี UAE แซงหน้า เพราะมันย้ายข้างชัดเจนก่อนแล้ว MBS ต้องชัดเจนมากกว่านี้ โดยเฉพาะกรณีเยเมน แค่เปิดทางให้เยเมนเข้าพื้นที่ ประสาน 3 ฮอ ทุกอย่างจบเร็วทันที อียิวใช้น่านฟ้าอิรัก โจมตีอิหร่าน แต่แห้วแดร๊ก เพราะเค้ารู้ทัน ถามจริงเหอะ มรึงจะเที่ยวไปโวยวายหาพ่องทำไม อ้างโสมแดงช่วยรัสเซีย อ้างจีนช่วยรัสเซีย เค้าทำสัญญาทวิภาคีทั้งการค้า และการทหารกัน เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมระหว่างประเทศ มรึงไปเสือกเหี้ยอะไร? แล้วอีชาติหมานาโต้ 40 ชาติ ที่ไปช่วยยูเครนรบรัสเซีย มรึงแหกกฎหมายสากลไปแล้วเท่าไหร่ หมายังอาย? ตุ๊ด แต๋วแตกนี่หว่า? โลกเห็นเต็มตา ใครของจริง ใครของปลอม? กระจอกเสือกไม่เจียมกะลาหัว รัสเซีย ดาหน้าปูพรมอียูเครนจนไส้แตกทะลักแล้ว อีโปลชิงกราบตรีนสีจิ้นผิงให้ช่วย คำเดียวสั้นๆ หากอยากรอด แค่เปิดทางปูพรมแดงให้กองทัพ Z เดินฉลุยผ่านก็พอ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน ต้องบูชายันต์เท่านั้น ไม่ต้องถามอีเบียร์ อีเศษฝรั่ง นกรู้ทั้งคู่ ใครจะโง่สิ้นชาติ สูญพันธุ์ เพื่ออียิวกันล่ะ? อีมาครงจบไม่สวยแน่ ถูกกาหัวหมาไว้นานแล้ว แม้ช่วงหลังจะพยายามทำผลงานชะเลียขั้วใหม่ก็ตามที เหี้ยอย่างมรึงต้อง "คาตรีน" เท่านั้น ทหารฝรั่งเศสตายห่าในยูเครนไปกี่พันแล้วล่ะ รัสเซียรู้หมด! ด้านอาเซียนยิ่งชัด ไปกันหมดทั้งกะปิ BRICS จ๋า ใครหมาล่ะ? อีลอดช่อง อีปินส์ นั่งมองตาปริบๆ ไม่รอดดอก อาเซียนไปเกือบหมด ยกเว้นขี้ข้าเหี้ยไงล่ะ? อีกไม่นานมรึงอาจจะช็อค เมื่อขี้ข้ายิวกลายร่าง เอาตัวรอด! จำไว้ว่า ในชาติอาเซียน นอกจากอีขะแมร์ที่ไว้ใจไม่ได้แล้ว อีเพื่อนบ้านตัวอิจฉาอย่างอีเสือเหลือง ยังมีอีลอดช่อง ที่อันตรายที่สุด อีตัวขโมย อีลอบกัด ไทยเราไม่เคยไว้ใจมันเลย เพราะมันล่อไทยตีเนียนหลายครั้งแล้ว งวดนี้ ฟ้าเปลี่ยนสี ถึงเวลาล่ออีนี่กลับบ้าง เกาะเล็กเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย จะยึดเมื่อไหร่ก็ได้ ไทยเป็นฮับอาเซียน อีลอดช่องตายห่าก่อนใครเพื่อน เพราะโลจิสติค ไม่ต้องผ่านมรึงอีกต่อไป แล้วมรึงจะเหลืออะไรอีก? อย่ามาซ่าส์กับศรีธนญชัยน่ะมรึง กูพริ้ว!

    หมี CNN(ไม่มีอะไรในโลกที่ไม่เปลี่ยนแปลง มันคือสัจธรรม อย่าคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ได้ เหี้ยแค่ไหนก็กลับใจได้ หากแสงทำงาน กูเห็นมาเยอะแล้ว มรึงดูขี้ข้าอีแดงหลายตัวสิ แต่ก่อนหัวหมู่ทะลวงฟัน สู้กับเหลืองแทบตาย มาวันนี้ หันปากกระบอกปืนใส่นายใหญ่ซะงั้น อิทธิพลของแสง ใครไม่เรียนรู้ จะไม่มีวันเข้าใจ เหี้ยยังไง ก็กลัวตาย เอาตัวรอด คือสันดานขี้ข้า เอาชาติรอด คือนักสู้อโยธยา เลือดบางระจันมันเลือกอยู่กับคนที่ใช่เท่านั้น แผ่นดินคัดสรรผู้สมควรอยู่ต่อไว้นานแล้ว)
    04 พฤศจิกายน 67
    10.53 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    04-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะนอย" EP20 ตอน NEW BORN AFGHANISTAN 2024 "พลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน เปลี่ยนชะตากรรม" ปลดแอกเหี้ยแค่ 3 ปีเศษ อัฟกานิสถานไปไกลมว๊าก หลังจีนเข้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมต่อโลจิสติค จนวันนี้ ตาลีบัน ไม่ต้องรบกับใครอีกแล้ว ร่วมเผ่าพันธุ์ย่อย จับมาค้าขายเชื่อมโลกแม่งซะเลย เจริญจนผิดหูผิดตา แค่ทิ้งเหี้ย ชีวิตเปลี่ยนทันที ความปลอดภัยสูงขึ้นมาก เพราะไม่รู้จะก่อการร้ายไปเพื่อใคร? เหี้ยถูกไล่เก็บจนเกือบหมดแล้ว ใครที่มีปัญหา จีนเป็นตัวเชื่อมกลางเข้าไปไกล่เกลี่ยจนได้คำตอบง่ายดายว่า "แบ่งกันกิน" รัฐบาลตาลีบัน แข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะ ทั้งในฝ่ายการเมือง เวทีโลก เศรษฐกิจ การค้า มันชัวร์อยู่แล้ว เพราะ "อัฟกานิสถาน คือ 1 ในเส้นทางสายไหมของจีนนั่นเอง" เค้าวางตัวมาเป็นชาติแล้ว หลังเหี้ยมะกันออกไปจนหมดเกลี้ยง ก็ฟื้นฟู แล้วปรับโครงสร้างใหม่หมด เชื่อมทุกอย่างเข้าเป็นระบบเดียวกับสากล สูตรเดียวกับที่จีนใช้ในแอฟริกานั่นแหละ รถไฟเข้าถึง ความเจริญก็เข้าตาม น้ำ ไฟ เน็ต ตามมาทันที หมดยุคกินกรวด หิน ดิน ทรายแล้ว อัฟกานิสถานยุคใหม่ เดินหน้าไม่หยุด เพราะไม่มีเหี้ยมาคอยสกัดแล้ว ทุกอย่างรัฐบาลอำนาจเดี่ยว เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สั่งปุ๊บ ทำปั๊บ มันถึงได้เร็วฟ้าผ่าเยี่ยงนี้ โมเดลนี้ ทำให้หลายชาติในโลกถึงได้ปลดแอกเหี้ยกันหมด อยู่กับเหี้ยมีแต่ฉิบหาย อยู่กับจีน รัสเซีย รวยไม่รู้ตัว? ที่สำคัญ ไม่ต้องไปปล้นเค้าแดร๊กเหมือนที่ผ่านมา? เมื่ออัฟกานิสถานแข็งแรง ชาติเพื่อนบ้านก็ตามสิจ๊ะ เส้นทางสายไหมใครไม่อยากได้ รถไฟมา ไฟ น้ำ ตาม การค้าเข้าถึง สินค้าจากทั่วโลกแห่เข้ามาถึงตัว ใครไม่อยากจะได้ จีนจ้องอัฟกานิสถานมานานแล้ว เพราะคือด่านหน้าเข้าตะวันออกกลาง แอฟริกา ตามสูตรเชื่อมโลกไงล่ะ ล่าสุด อีเหี้ยมะกันโชว์โง่ขน B-52 มาใกล้อิหร่าน ควายกว่านี้มีอีกมั้ย? อิหร่านมีอะไร? มรึงรู้จัก S-400 มั้ย ไอ้สัส? จะรอดมั้ยล่ะ? ขู่เค้าแต่ตัวเองไม่มีปัญญาสกัดขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคอิหร่านได้เลย แม้แต่ลูกเดียว เอาของเก่ามาอวด นี่มันปี 2024 แล้วน่ะ ดีออก? อีวอชิงตันไม่ตายคาตรีน คงไม่หายเสี้ยน รอมันฆ่ากันเองก่อน แล้วกูค่อยเข้าไปกระทืบซ้ำ อยากแตกแผ่นดินกันมากชิมิ? ล่าสุด สเปนเพิ่งจะตื่นรู้ รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ ตายโหง! ระดมพล ทุกหน่วยงาน เพื่อนบ้านข้างเมือง ช่วยฟื้นบาเลนเซีย ยุโรปง่อยแดร๊ก พายุฝนกระหน่ำ น้ำท่วม ต้อนรับก่อนหิมะจะถล่มตามมา ไม่ต้องทำมาหาแดร๊กแล้วมรึงเอ๋ย? ภัยธรรมชาติมาก่อนมินิคุ๊กกี้รสชาเขียว ปูตินบอก กูไม่ต้องเหนื่อยเลย? อี NATO ยังเสี้ยนจะก่อสงครามต่อมุย? จะแดร๊กยังไม่มี? รับใช้อียิวมานานนับศตวรรษ กูว่ามรึงประกาศเป็นเมืองขึ้นเยรูซาเล็มไปเลยดีมุย? ควายยุโรปมันโง่ของจริง EGO อยู่เหนือเหตุผลและปากท้อง แม้แต่ชีวิตมรึงเองก็ยังแพ้ EGO ตัวมรึงเอง? เผ่าพันธุ์สวรรค์เหรอจ๊ะ ดีออก? พากันไปเยอะห่าแบบนี้ อียิวชอบ กูจะได้บ้านใหม่เร็วขึ้น! ข้ามวิกแป๊บ! หย่ายนักเหรอ ไอ้สัส! อีเหลี่ยมหน้าซีด เกมส์ชงเปิดหน้า อัยการ ปปช. ปปง. ศาล ตบเท้าเรียงคิว หลังธีรยุทธแจงหลักฐานชัด ฟ้องทุกเม็ด เก็บทุกดอก มาหมดทุกคดีเหี้ย อีเหลี่ยมถูกเรียกตัวแก้ต่าง ยื้อเวลา บิดไปมาไม่เลิก ธงเค้ามีไว้นานแล้ว แค่มาทำให้มันจบลงไปซะ จ่ายเฮอะ แล้วไสหัวไปซะ ทั้งวงศ์ตระกูล อีลูกสาวโดนแน่ 3 ดอก 3 เด้ง สุดท้ายเผ่นคือทางรอด ทรัพย์สินไม่ห่วง เรียกคืนได้หมด แค่ฟ้าเปลี่ยนสี และโลกเปลี่ยนมือ ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรทันที เพราะแสง เงิน 10000 อย่าคิดว่ารอด? รอสะเด็ดน้ำ เอาให้สุดซอย เรียงคิวตายคาสภา ยกพรรค ยกครม. ทันที 500 ตัว จะเหลือกี่ตัวกันหนอ? สว.สายเจ้าคึกคักพิเศษ เตรียมชี้เป้า โดนกันอีกเยอะ? อย่าหงุดหงิด เพราะสิ่งที่ทำ เพื่อไม่ให้มีใครตายเพิ่ม? วังไม่ใช่มรึง ฆ่าแกงมันง่าย แล้วมันจะต่างอะไรกับที่อีเหลี่ยมมันทำในตากใบล่ะ? แผนใหม่คือเล่นตัวบทกฎหมายที่โทษหนักกว่า เพื่อบีบให้เผ่นออกนอกทั้งโคตรขายชาติ วิญญานตากใบ ไม่มีวันสงบสุข หากเรื่องไม่เดินไปจนสุดทาง ตากใบยังมีประเด็นร้อนอีกเยอะ รอขุดเพิ่ม เรียงลำดับคิวอยู่ อย่าแซงคิว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตัวจริง เค้ารู้อยู่ว่าทำอะไร? ให้เค้าทำหน้าที่ต่อไป มรึงรู้มั้ยว่า อะไรน่ากลัวกว่าความตาย? "การรอคอยความตายไงล่ะ" นี่คือโมเม้นต์ที่อีเหลี่ยมเหี้ยชาติชั่วและวงศ์ตระกูลมันกำลังลิ้มรสอยู่ มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า คลังไทย สมบัติชาติ จะให้ไอ้อี ใครมาดูแลก็ได้ หากไม่มีความเห็นชอบจากวัง! ที่ผ่านมา ไทยรอดมาได้เพราะคลังเนี่ยแหละ ตั้งแต่ยุคร.3 เป็นต้นมา เรารู้ตัวว่า โลกกำลังจะล่าอาณานิคม สยามประเทศคือเหยื่อ 1 ในนั้นด้วย ที่ผ่านมาวังดูแลคลังหลวงมาโดยตลอด แม้แต่ปัจจุบัน คลังไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติฝ่ายการเมือง ผู้ว่าเป็นอิสระ แล้วไอ้อีขายชาติ มรึงเป็นใครจะเข้ามายึด? คำสั่งอีวอชิงตันเช่นเคย เพราะถังแตก อเมริกาหมดตูด ต้องไปปล้นเอาจากคลังชาวบ้าน หมายังรู้? ฝันเปียกอีกตามเคย ไม่ได้แดร๊กดอกน่ะ ไอ้ควาย! พ่อกูยังอยู่! อย่าฝันกลางวัน มาดูคืนหมาหอนในอเมริกากันน่ะ : อีทรัมปป์ โดนทุกทิศ สกัดดาวรุ่ง อียิวคลั่ง ขี้ข้ากูใครก็ได้ แต่ไม่เอาอีทรัมปป์ เพราะมันหักดิบเกิน คิดการใหญ่ จนกูควบคุมไม่ได้เต็มที่ โกงมาเต็มตรีน ปั่นยังไง คนก็ไม่เอาสงคราม คิดว่าอเมริกันควายไม่รู้รึไง? อีลามา WWIII มาแน่ สู้กับรัสเซีย จีน โสมแดง อิหร่าน คืออเมริกาตายโหงชัวร์ กระดูกคนละเบอร์ แต่หากฆ่ากันเอง ยังมีโอกาสรอด อเมริกันควายถึงได้เลือก CIVIL WAR ดีกว่า ฆ่ากันเองมันส์กว่าเยอะ สู้กับขั้วใหม่ คือตาย ไม่มีปราณี และตายห่ายกเมืองด้วยสิ? เหี้ย CIA และเหี้ยอีตาเพน เตรียมร่วมมือสกัดอีทรัมปป์จนออกนอกหน้า กูบอกเลยว่า หากอีทรัมปป์เข้ามาได้ พวกมรึงเสร็จแน่ โดนชำระแค้นไม่มีเหลือ? หั่นงบจนเหลือแต่แดร๊กกระดูกชัวร์ เพราะอีทรัมปป์ไม่เน้นรบ เน้นการค้า หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง กับสร้างอาณาจักร TRUMP LAND พวกสายสุดโต่ง HARDCORE ชอบ คลั่งอเมริกันพันธุ์แท้ ลูกผสม ผู้อพยพ ต่างด้าว เตรียมตัวถูกไล่ที่ได้เลย? ต้องผิวขาวพันธุ์แท้เท่านั้น นอกนั้น ส่วนเกิน! อเมริกาหมดสภาพ บรรดาเศรษฐี ขาใหญ่ ไฮโซ กลุ่ม ELITE ขนเงินออกนอกหมด แยกย้ายถิ่นฐาน อเมริกามันบ้านป่าเมืองเถื่อนไปแล้ว โรงงานปิด แรงงานล้น ไร้บ้าน สวัสดิการหดหาย ใครมันจะอยากอยู่ต่อ ที่อื่นสบายกว่านี้ ไม่ต้องจ่ายภาษีแพงเพื่ออุ้มคนจน กับเอาไปก่อสงครามสนองตัณหาให้อียิว คนรวยไม่ได้โง่ดอกน่ะ? อเมริกาไม่แตกก็เหมือนแตก เพราะไม่มีรายได้ มีแต่จ่าย พิมพ์แบงค์เพื่อจ่ายหนี้ มรึงจะอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ? โลกเค้ารู้หมดแล้ว ปล.WWIII ไม่มา หากนุ๊กไม่มี แผนขั้วใหม่เริ่ด เชิด หยิ่ง บีบเศรษฐกิจ การค้า เวทีโลก แสนยานุภาพ ทำให้เหี้ยต้องแตกกำลัง สะเปะสะปะ ช่วยไม่สุด กลัวหลังบ้านพรุน อียิวว่าแน่ ยังเละเป็นโจ๊ก อเมริกาตายเพราะตัวมันเอง เลือกตั้งแค่หน้าฉาก อเมริกาไม่มีทางรอดจากการล่มสลาย เพราะหนี้มรึงเยอะเกินความสามารถจ่ายได้จริง แตกอเมริกาก็ใช่ว่าจะรอด โลกไม่ยอม ฉีกชิ้นเนื้อแบ่งขายตามสูตร โลกไม่ค้าขายกับมรึง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรแดร๊กล่ะ อียุโรปก็ย้ายขั้วไปเยอะแล้ว ฝั่งตะวันออกไปหมดเกลี้ยง แม้แต่อีแอบมานาน ยังต้องถอย BRICS เปลี่ยนโลกได้จริง เมื่อ 5 ปีก่อน ไม่มีใครคิดว่าดอลล่าร์จะล่มสลาย วันนี้ เป็นที่ประจักษ์ ตลาดโลกไม่รับดอลล่าร์ซื้อน้ำมัน ทองคำ แก็ส แร่หายากอีกต่อไป เพราะเจ้ามือเปลี่ยนไงล่ะ? เกมส์ตะวันออกกลางจะไม่ลามไปมากกว่านี้ ปล่อยโลกอาหรับลงแขกอียิวก็เหลือแหล่ มันถึงพยายามดึงรัสเซีย จีน เข้ามาในเกมส์นี้ แต่ทำไม่ได้ เพราะเค้าอ่านมรึงขาดกระจุย? บีบให้เหี้ยลงมือเอง ตรายางมัดตราสังข์รอไว้พร้อม UN WC หนีอียิวหมดแล้ว อาหรับ แอฟริกายึดสภาสหประชาชาติ มรึงยังจะเหลือเสียงที่ไหนมาหนุนได้อีก? ยกยังไงขั้วใหม่ก็ชนะขาด อีอูฐ วัวสันหลังหวะ ที่ไปไม่สุด เพราะยังมีการค้ากับเหี้ย แต่ก็ไม่อยากให้อี UAE แซงหน้า เพราะมันย้ายข้างชัดเจนก่อนแล้ว MBS ต้องชัดเจนมากกว่านี้ โดยเฉพาะกรณีเยเมน แค่เปิดทางให้เยเมนเข้าพื้นที่ ประสาน 3 ฮอ ทุกอย่างจบเร็วทันที อียิวใช้น่านฟ้าอิรัก โจมตีอิหร่าน แต่แห้วแดร๊ก เพราะเค้ารู้ทัน ถามจริงเหอะ มรึงจะเที่ยวไปโวยวายหาพ่องทำไม อ้างโสมแดงช่วยรัสเซีย อ้างจีนช่วยรัสเซีย เค้าทำสัญญาทวิภาคีทั้งการค้า และการทหารกัน เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมระหว่างประเทศ มรึงไปเสือกเหี้ยอะไร? แล้วอีชาติหมานาโต้ 40 ชาติ ที่ไปช่วยยูเครนรบรัสเซีย มรึงแหกกฎหมายสากลไปแล้วเท่าไหร่ หมายังอาย? ตุ๊ด แต๋วแตกนี่หว่า? โลกเห็นเต็มตา ใครของจริง ใครของปลอม? กระจอกเสือกไม่เจียมกะลาหัว รัสเซีย ดาหน้าปูพรมอียูเครนจนไส้แตกทะลักแล้ว อีโปลชิงกราบตรีนสีจิ้นผิงให้ช่วย คำเดียวสั้นๆ หากอยากรอด แค่เปิดทางปูพรมแดงให้กองทัพ Z เดินฉลุยผ่านก็พอ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน ต้องบูชายันต์เท่านั้น ไม่ต้องถามอีเบียร์ อีเศษฝรั่ง นกรู้ทั้งคู่ ใครจะโง่สิ้นชาติ สูญพันธุ์ เพื่ออียิวกันล่ะ? อีมาครงจบไม่สวยแน่ ถูกกาหัวหมาไว้นานแล้ว แม้ช่วงหลังจะพยายามทำผลงานชะเลียขั้วใหม่ก็ตามที เหี้ยอย่างมรึงต้อง "คาตรีน" เท่านั้น ทหารฝรั่งเศสตายห่าในยูเครนไปกี่พันแล้วล่ะ รัสเซียรู้หมด! ด้านอาเซียนยิ่งชัด ไปกันหมดทั้งกะปิ BRICS จ๋า ใครหมาล่ะ? อีลอดช่อง อีปินส์ นั่งมองตาปริบๆ ไม่รอดดอก อาเซียนไปเกือบหมด ยกเว้นขี้ข้าเหี้ยไงล่ะ? อีกไม่นานมรึงอาจจะช็อค เมื่อขี้ข้ายิวกลายร่าง เอาตัวรอด! จำไว้ว่า ในชาติอาเซียน นอกจากอีขะแมร์ที่ไว้ใจไม่ได้แล้ว อีเพื่อนบ้านตัวอิจฉาอย่างอีเสือเหลือง ยังมีอีลอดช่อง ที่อันตรายที่สุด อีตัวขโมย อีลอบกัด ไทยเราไม่เคยไว้ใจมันเลย เพราะมันล่อไทยตีเนียนหลายครั้งแล้ว งวดนี้ ฟ้าเปลี่ยนสี ถึงเวลาล่ออีนี่กลับบ้าง เกาะเล็กเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย จะยึดเมื่อไหร่ก็ได้ ไทยเป็นฮับอาเซียน อีลอดช่องตายห่าก่อนใครเพื่อน เพราะโลจิสติค ไม่ต้องผ่านมรึงอีกต่อไป แล้วมรึงจะเหลืออะไรอีก? อย่ามาซ่าส์กับศรีธนญชัยน่ะมรึง กูพริ้ว! หมี CNN(ไม่มีอะไรในโลกที่ไม่เปลี่ยนแปลง มันคือสัจธรรม อย่าคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ได้ เหี้ยแค่ไหนก็กลับใจได้ หากแสงทำงาน กูเห็นมาเยอะแล้ว มรึงดูขี้ข้าอีแดงหลายตัวสิ แต่ก่อนหัวหมู่ทะลวงฟัน สู้กับเหลืองแทบตาย มาวันนี้ หันปากกระบอกปืนใส่นายใหญ่ซะงั้น อิทธิพลของแสง ใครไม่เรียนรู้ จะไม่มีวันเข้าใจ เหี้ยยังไง ก็กลัวตาย เอาตัวรอด คือสันดานขี้ข้า เอาชาติรอด คือนักสู้อโยธยา เลือดบางระจันมันเลือกอยู่กับคนที่ใช่เท่านั้น แผ่นดินคัดสรรผู้สมควรอยู่ต่อไว้นานแล้ว) 04 พฤศจิกายน 67 10.53 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • มารู้จักตัวนี้กัน อยุใน P กับ A
    ⏩เชื้อทริพาโนโซมา (Trypanosoma) เป็นโปรโตซัวที่มีหางยาวช่วยในการเคลื่อนที่
    👉อาศัยอยู่ในเลือดและภายในเซลล์ของคนและสัตว์ มีหลายสายพันธุ์ และมีแมลงเป็นพาหะนำโรค
    📌นาน ๆ ครั้งจะพบผู้ติดเชื้อจากการรับเลือด, การปลูกถ่ายอวัยวะ, และทางมารดาสู่ทารก
    📌เพราะเชื้อทริพาโนโซมาอาศัยอยู่ในเลือด และสามารถผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้ ทารกที่ติดเชื้อแต่กำเนิดมักแท้งหรือเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก
    💢อาการแบ่งได้เป็น 2 ระยะ
    ✅ระยะที่หนึ่ง
    📌มีต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงบวมโตอักเสบ แผลจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองในเวลาหลายสัปดาห์ ถ้าเป็นเชื้อ T. b. gambiense จะไม่ค่อยพบแผลแบบนี้
    📌หลังรับเชื้อจะเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้มีไข้สูงเป็น ๆ หาย ๆ คล้ายไข้มาลาเรีย
    ⏩ระยะนี้ผู้ป่วยจะอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดตามข้อ เหงื่อออกมากกว่าปกติ ซีด และต่อมน้ำเหลืองโตทั่วไปโดยเฉพาะบริเวณคอ (posterior cervical glands) เรียกว่า Winter-bottom's sign
    ⏩บางรายอาจมีผื่นแดงจาง ๆ ที่ผิวหนังนานเป็นเดือน ถ้าเจาะเลือดจะพบเม็ดเลือดขาวต่ำ
    📌ระยะนี้ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ❗️กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis)
    และ ❗️หน่วยไตอักเสบ (glomerulonephritis)
    ✅ระยะที่สอง เชื้อจะเข้าสู่สมอง
    👉ผู้ป่วยจะปวดศีรษะตลอดเวลา ทานยาอะไรก็ไม่หาย
    ⏩กลางคืนนอนไม่หลับ แต่เซื่องซึม ง่วงเหงาหาวนอนตอนกลางวัน จึงเป็นที่มาของชื่อโรคว่า Sleeping sickness 📌หรือโรคเหงาหลับ
    💢ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมเปลี่ยน อารมณ์แปรปรวน บางรายอาจวุ่นวายสับสน บางรายอาจซึมเศร้า เบื่ออาหาร ผอมลง ม้ามโต
    📌ในเด็กมักพบมี "ชัก"
    ในระยะท้ายสมองจะบวม มีจุดเลือดออกในเนื้อสมอง
    📌พบเซลล์อักเสบทั่วไปในชั้นเยื่อหุ้มสมอง ประสาทรับสัมผัสจะเสียไป การเดินและทรงตัวผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยจะเสียชีวิต
    http://mutualselfcare.org/.../inf.../trypanosomiasis.aspx...
    เครดิต เฟสบุ๊ก ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์
    มารู้จักตัวนี้กัน อยุใน P กับ A ⏩เชื้อทริพาโนโซมา (Trypanosoma) เป็นโปรโตซัวที่มีหางยาวช่วยในการเคลื่อนที่ 👉อาศัยอยู่ในเลือดและภายในเซลล์ของคนและสัตว์ มีหลายสายพันธุ์ และมีแมลงเป็นพาหะนำโรค 📌นาน ๆ ครั้งจะพบผู้ติดเชื้อจากการรับเลือด, การปลูกถ่ายอวัยวะ, และทางมารดาสู่ทารก 📌เพราะเชื้อทริพาโนโซมาอาศัยอยู่ในเลือด และสามารถผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้ ทารกที่ติดเชื้อแต่กำเนิดมักแท้งหรือเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก 💢อาการแบ่งได้เป็น 2 ระยะ ✅ระยะที่หนึ่ง 📌มีต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงบวมโตอักเสบ แผลจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองในเวลาหลายสัปดาห์ ถ้าเป็นเชื้อ T. b. gambiense จะไม่ค่อยพบแผลแบบนี้ 📌หลังรับเชื้อจะเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้มีไข้สูงเป็น ๆ หาย ๆ คล้ายไข้มาลาเรีย ⏩ระยะนี้ผู้ป่วยจะอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดตามข้อ เหงื่อออกมากกว่าปกติ ซีด และต่อมน้ำเหลืองโตทั่วไปโดยเฉพาะบริเวณคอ (posterior cervical glands) เรียกว่า Winter-bottom's sign ⏩บางรายอาจมีผื่นแดงจาง ๆ ที่ผิวหนังนานเป็นเดือน ถ้าเจาะเลือดจะพบเม็ดเลือดขาวต่ำ 📌ระยะนี้ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ❗️กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis) และ ❗️หน่วยไตอักเสบ (glomerulonephritis) ✅ระยะที่สอง เชื้อจะเข้าสู่สมอง 👉ผู้ป่วยจะปวดศีรษะตลอดเวลา ทานยาอะไรก็ไม่หาย ⏩กลางคืนนอนไม่หลับ แต่เซื่องซึม ง่วงเหงาหาวนอนตอนกลางวัน จึงเป็นที่มาของชื่อโรคว่า Sleeping sickness 📌หรือโรคเหงาหลับ 💢ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมเปลี่ยน อารมณ์แปรปรวน บางรายอาจวุ่นวายสับสน บางรายอาจซึมเศร้า เบื่ออาหาร ผอมลง ม้ามโต 📌ในเด็กมักพบมี "ชัก" ในระยะท้ายสมองจะบวม มีจุดเลือดออกในเนื้อสมอง 📌พบเซลล์อักเสบทั่วไปในชั้นเยื่อหุ้มสมอง ประสาทรับสัมผัสจะเสียไป การเดินและทรงตัวผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยจะเสียชีวิต http://mutualselfcare.org/.../inf.../trypanosomiasis.aspx... เครดิต เฟสบุ๊ก ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goya217โซฟาเตียงพับอเนกประสงค์,โซฟาอ่านหนังสืออาหารกลางวันสำนักงานโซฟาเตียงพับอเนกประสงค์
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.r6a2Y?cc
    Goya217โซฟาเตียงพับอเนกประสงค์,โซฟาอ่านหนังสืออาหารกลางวันสำนักงานโซฟาเตียงพับอเนกประสงค์ พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.r6a2Y?cc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟ้าสดใส

    #ท้องฟ้า
    #กลางวัน
    #ก้อนเมฆ
    #thaitimes
    ฟ้าสดใส #ท้องฟ้า #กลางวัน #ก้อนเมฆ #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • (เพิ่มวิทยากร)

    🌸💚บางเรื่อง เราต้องปิดห้องคุยกันแล้วนะครับ
    วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567
    เวลา 9:00-17:00

    ที่นั่งจำกัดเพียง 120 ที่นั่ง
    ราคา 2,222 บาท
    (ราคานี่รวมอาหารว่างและอาหารกลางวันแล้ว)

    ลงทะเบียนที่นี่ได้ครับ
    https://www.thaipithaksith.com/awakening-ep-1

    https://vt.tiktok.com/ZS2WgFeG7/

    https://vt.tiktok.com/ZS2WgJRsu/

    https://vt.tiktok.com/ZS2WbTsuY/

    ⭐️สถานที่โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30)
    https://maps.app.goo.gl/7SFH7CRL1xkR9XPZ7?g_st=il

    ⭐️เว๊บไซด์ “คนไทยพิทักษ์สิทธิ์”
    www.thaipithaksith.com

    ⭐️กดติดตาม twitter หรือ x ของคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    https://x.com/Thaipithaksith?t=Tq54plOEwFL_-4ysGa3kSA&s=09
    (เพิ่มวิทยากร) 🌸💚บางเรื่อง เราต้องปิดห้องคุยกันแล้วนะครับ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 เวลา 9:00-17:00 ที่นั่งจำกัดเพียง 120 ที่นั่ง ราคา 2,222 บาท (ราคานี่รวมอาหารว่างและอาหารกลางวันแล้ว) ลงทะเบียนที่นี่ได้ครับ https://www.thaipithaksith.com/awakening-ep-1 https://vt.tiktok.com/ZS2WgFeG7/ https://vt.tiktok.com/ZS2WgJRsu/ https://vt.tiktok.com/ZS2WbTsuY/ ⭐️สถานที่โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30) https://maps.app.goo.gl/7SFH7CRL1xkR9XPZ7?g_st=il ⭐️เว๊บไซด์ “คนไทยพิทักษ์สิทธิ์” www.thaipithaksith.com ⭐️กดติดตาม twitter หรือ x ของคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ https://x.com/Thaipithaksith?t=Tq54plOEwFL_-4ysGa3kSA&s=09
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • กินตอนไหน ไม่กินเมื่อไหร่ และกินเป็นช่วงยาวได้แค่ไหน?

    1- กินแต่เช้าไป 6 ชม แล้วอดต่อ 18 ชม (early eater)ดีกว่าไป กิน สายหรือ บ่าย ถึงเย็น หรือถึงค่ำ (late eater) แม้จะเป็น 6 ชม เท่ากัน
    2-ถ้าทำงานเป็นกะ กะละ 24 ชม จะปล่อยให้กินได้ยาวนานเท่าใด?
    กิน 10 ชม ดีกว่ากิน 16 ชม แม้ปริมาณ รวมเท่ากัน

    3- อาหารที่กินยังคงเป็นประเภทผัก ผลไม้ กากไยมาก เนื้อน้อย แป้งน้อย ปลาเยอะ และถั่ว

    รายงานการศึกษาทั้งสองชิ้นในวารสาร Cell Metabolism (clinical and translational report) 4 ตุลาคม 2022 ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหาร

    ซึ่งขณะนี้เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า

    1- อาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่มากผัก ผลไม้ กากใย น้ำมันมะกอก ไวน์แดง แป้งไม่มาก จัดเป็นอาหารช่วยชีวิต
    ซึ่งในคนไทยเราก็มีผักผลไม้มากมายมหาศาลตามฤดูกาลอยู่แล้ว
    ปรับแต่งให้เข้ากับรสชาติไทยๆ เป็นส้มตำ เคียงผักนานาชนิด แต่อย่าให้เค็มมาก ลดข้าวเหนียวลงบ้าง เนื้อสัตว์ทั้งหลายพยายามหลีกเลี่ยง แต่ได้โปรตีนจากถั่ว จากพืช และปลา ปู กุ้ง หอย

    2- แต่คำถามหลักใหญ่อีกข้อคือ ถ้ากินเท่าเดิม เป็นชนิดของอาหารที่ดีตามข้างต้น จะกินตอนไหนดีตั้งแต่หลังตื่นนอน หรือชะลอไปเที่ยงหรือหลังเที่ยงไปจนกระทั่งถึงสอง สามทุ่ม แบบไหนจะดีกว่ากัน หรือจะเรียกกันง่ายๆว่า early eater กับ late eater (เหมือนที่มีการศึกษาก่อนหน้าและหมอได้เคยเรียนให้ทราบในบทความ งดข้าวเช้า ตายเร็ว ในคอลัมน์สุขภาพหรรษานี้)

    3-และไม่นานมานี้ เราก็ทราบว่าการกินเป็นช่วงสั้นและกินแต่น้ำในช่วงเวลาที่เหลือในแต่ละวัน หรือจะเป็นเพียงผลไม้ที่เรียกว่า ไอ-เอฟ หรือ intermittent fasting โดย กิน 6 อด 18 ชั่วโมง หรือกิน 8 อด 16 ชั่วโมง หรือในหนึ่งสัปดาห์ กินปกติหกวัน ที่เหลืออีกหนึ่งวัน กินแต่น้ำ
    โดยที่ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ พิสูจน์แล้วว่าทำให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดจากโรคคาร์ดิโอเมตาบอลิก (cardio metabolic) รวมทั้งมีรายงานพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความรุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากการติดโควิด

    แต่ช่วงเวลาที่กิน ไอ-เอฟ จะกินตั้งแต่ครึ่งเช้าหรือจะกินบ่ายหรือค่ำ โดยระยะเวลาที่กินนั้นเท่ากัน?

    4-คำถามต่อมา คือว่า จะปล่อยให้กินได้ยาวนานเท่าใดถ้าเข้างาน 24 ชม

    รายงานแรกจากคณะทำงาน Salk Institute for biological studies, La Jolla กับ University of California, San Diego ทำการศึกษาในอาสาสมัครที่เป็นนักผจญเพลิงที่ทำงานเป็นกะ กะละ 24 ชั่วโมง และให้กินอาหารได้เป็นระยะ (time restricted eating) ในช่วงเวลา 10 ชั่วโมง เทียบกับให้มีอิสระมากขึ้นในการกินอาหารให้ได้ระยะเวลาถึง 14 ชั่วโมง โดยอาหารการกินนั้นเป็นอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนเหมือนกัน และแบ่งกลุ่มละ 75 คน ศึกษาการกินอาหารดังกล่าวเป็นเวลา 12 สัปดาห์

    ทั้งนี้ มีข้อมูลสุขภาพพื้นฐานก่อนทำการศึกษาอย่างครบถ้วน และมีการประเมินข้อมูลสุขภาพอย่างถี่ยิบ ซึ่งรวมถึงระดับไขมัน ชนิดของไขมัน ความดันโลหิต ความอ้วน ระดับน้ำตาลสะสม และอื่นๆอีกมาก

    ผลปรากฏว่ากลุ่มที่กำหนดช่วงเวลาที่ให้กิน (time window) 10 ชั่วโมงนั้น มีสุขภาพดีแข็งแรงขึ้นกว่าอีกกลุ่มและภาวะสุขภาพทางคาร์ดิโอเมตาบอลิกดีขึ้น และควรจะได้เป็นหลักปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานเป็นกะ กะละถึง 24 ชั่วโมง

    โดยคนในกลุ่มนี้มีการศึกษาก่อนหน้าว่า สุขภาพเสื่อม โทรมไปทั้งสิ้น

    สำหรับในรายงานที่สองนั้น มาจากภาควิชาอายุรศาสตร์และประสาทวิทยา ฮาร์วาร์ด บอสตัน ร่วมกับสถาบันในประเทศเยอรมนีและสเปน
    โดยตั้งสมมติฐานจากการที่มนุษย์จะมีนาฬิกาชีวิต หรือสมอง กำหนดระยะเวลาของการกิน การออกกำลัง การทำงาน และการนอนหลับ ซึ่งมีส่วนที่แปรเปลี่ยนและสัมพันธ์กับเวลากลางวันและกลางคืน

    ดังนั้น ถ้าตื่นขึ้นมาปุ๊บแล้วกินเลย โดยให้ระยะเวลาการกินอยู่ที่ 5 ชั่วโมง และเทียบกับเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่ได้กินอาหาร กินข้าวเช้า แต่ไปเริ่มกินเอาเที่ยงหรือบ่ายไปแล้ว จนกระทั่งถึงหัวค่ำ โดยที่ทั้งสองกลุ่มนี้ กลุ่มใดจะให้
    ผลกระทบในทางเลว ในแง่ของการปรับอุณหภูมิในร่างกาย การปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานของร่างกายและศึกษาลึกลงไปจนถึงเนื้อเยื่อไขมันในการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับเมแทบอลิซึมของไขมัน

    การศึกษานี้คัดสรรซอยย่อยตั้งแต่อาสาสมัคร 2,150 ราย และมีคุณสมบัติที่จะสามารถเข้าร่วมในการวิจัยอย่างเข้มข้นได้หรือไม่ จนกระทั่งท้ายสุดเหลืออยู่เพียงจำนวน 16 คน และแบ่งออกเป็นกลุ่มกินแต่เช้าเจ็ดคน และกลุ่มที่กินล่าช้าไปจนกระทั่งถึงเย็นค่ำเก้าคน และให้มีรูปแบบแผนในการกินเร็วและกินช้าแบบนี้สลับสับเปลี่ยนกัน โดยมีช่วงเวลาพัก (wash out period) ระหว่างสามถึง 12 สัปดาห์

    ผลของการศึกษาพบว่า กลุ่มที่กินช้าจะมีความรู้สึกหิวมากกว่า คล้องจองไปกับการที่มีฮอร์โมนที่เพิ่มการหิวข้าว และมีระยะตื่น (wake time) มากกว่า

    อัตราสัดส่วนของฮอร์โมน ghrelin ต่อ leptin ที่ 24 ชั่วโมงนั้นสูงขึ้น มีระบบการเผาผลาญใช้พลังงานลดลง และอุณหภูมิในร่างกายตลอด 24 ชั่วโมงลดลง

    นอกจากนั้นการวิเคราะห์ยีน พบว่า ยีนที่ควบคุมความเสถียรของเซลล์ และการคุมการคงมีชีวิตและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ ในระบบ autophagy เป็นในทิศทางที่แย่ลง รวมทั้งมีการเผาผลาญไขมันลดลงและมีการเพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อไขมันมากขึ้น

    ซึ่งทั้ง หลายทั้งปวงนี้บ่งบอกถึงการมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน และโรคที่ตามติดมาจากผลพวงดังกล่าว

    ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยทั้งสองกลุ่มต่างก็ให้ข้อสรุปในทิศทางคล้ายกัน คือ

    เริ่มกินตั้งแต่เช้าหรืออย่า งดมื้อเช้า และจำกัดระยะเวลาของการกินอยู่ในช่วง 5 ถึง 10 ชั่วโมงแรก

    และประเพณี ประพฤติ ปฏิบัติของการกินมื้อเย็น ดินเนอร์ตอน 5 โมงเย็น หรือล่าช้าไปถึงทุ่มหรือสามทุ่ม จะเป็นสิ่งที่อาจไม่ให้ผลดีต่อสุขภาพ และการกินตอนสายจนไปถึงบ่าย เย็น กลับจะเพิ่มความตะกละ อยากกิน จนอาจจะต้องลุกขึ้นมาหาอะไรกินตอนกลางคืน หรือตอนดึกไปอีก

    อาหารมื้อเช้านั้น น่าจะเป็นมื้อที่ใหญ่ที่สุดหรือไม่ ?

    จึงมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งจากสกอตแลนด์และอังกฤษ พบว่า มื้อเช้าอาจจะไม่จำเป็นที่ต้องเป็นมื้อใหญ่เสมอไป แต่อยู่ในระยะเวลาของการกินและปริมาณของอาหารและชนิดของอาหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    ที่เรียนให้ทราบถึงตรงนี้ เพื่อที่จะให้รู้สึกสบายใจและมั่นใจที่จะเริ่มประพฤติปฏิบัติในการกินอาหารสุขภาพ ทราบถึงเวลาและระยะเวลาของการกิน ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงสุขภาพของร่างกายโดยรวม คุณภาพของการนอน และแน่นอน ส่งผลไปถึงสมองทำให้เสื่อมช้าลง (resistance) หรือแม้แต่เสื่อมแล้วก็ยังไม่แสดงอาการออกมาได้ (resilience)
    ชีวิตของเราเองเลือกได้ ที่จะไม่เป็นภาระต่อครอบครัว สังคม และทำให้ประเทศไทยของเรามั่งคั่งครับ..

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    กินตอนไหน ไม่กินเมื่อไหร่ และกินเป็นช่วงยาวได้แค่ไหน? 1- กินแต่เช้าไป 6 ชม แล้วอดต่อ 18 ชม (early eater)ดีกว่าไป กิน สายหรือ บ่าย ถึงเย็น หรือถึงค่ำ (late eater) แม้จะเป็น 6 ชม เท่ากัน 2-ถ้าทำงานเป็นกะ กะละ 24 ชม จะปล่อยให้กินได้ยาวนานเท่าใด? กิน 10 ชม ดีกว่ากิน 16 ชม แม้ปริมาณ รวมเท่ากัน 3- อาหารที่กินยังคงเป็นประเภทผัก ผลไม้ กากไยมาก เนื้อน้อย แป้งน้อย ปลาเยอะ และถั่ว รายงานการศึกษาทั้งสองชิ้นในวารสาร Cell Metabolism (clinical and translational report) 4 ตุลาคม 2022 ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหาร ซึ่งขณะนี้เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า 1- อาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่มากผัก ผลไม้ กากใย น้ำมันมะกอก ไวน์แดง แป้งไม่มาก จัดเป็นอาหารช่วยชีวิต ซึ่งในคนไทยเราก็มีผักผลไม้มากมายมหาศาลตามฤดูกาลอยู่แล้ว ปรับแต่งให้เข้ากับรสชาติไทยๆ เป็นส้มตำ เคียงผักนานาชนิด แต่อย่าให้เค็มมาก ลดข้าวเหนียวลงบ้าง เนื้อสัตว์ทั้งหลายพยายามหลีกเลี่ยง แต่ได้โปรตีนจากถั่ว จากพืช และปลา ปู กุ้ง หอย 2- แต่คำถามหลักใหญ่อีกข้อคือ ถ้ากินเท่าเดิม เป็นชนิดของอาหารที่ดีตามข้างต้น จะกินตอนไหนดีตั้งแต่หลังตื่นนอน หรือชะลอไปเที่ยงหรือหลังเที่ยงไปจนกระทั่งถึงสอง สามทุ่ม แบบไหนจะดีกว่ากัน หรือจะเรียกกันง่ายๆว่า early eater กับ late eater (เหมือนที่มีการศึกษาก่อนหน้าและหมอได้เคยเรียนให้ทราบในบทความ งดข้าวเช้า ตายเร็ว ในคอลัมน์สุขภาพหรรษานี้)  3-และไม่นานมานี้ เราก็ทราบว่าการกินเป็นช่วงสั้นและกินแต่น้ำในช่วงเวลาที่เหลือในแต่ละวัน หรือจะเป็นเพียงผลไม้ที่เรียกว่า ไอ-เอฟ หรือ intermittent fasting โดย กิน 6 อด 18 ชั่วโมง หรือกิน 8 อด 16 ชั่วโมง หรือในหนึ่งสัปดาห์ กินปกติหกวัน ที่เหลืออีกหนึ่งวัน กินแต่น้ำ โดยที่ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ พิสูจน์แล้วว่าทำให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดจากโรคคาร์ดิโอเมตาบอลิก (cardio metabolic) รวมทั้งมีรายงานพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความรุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากการติดโควิด แต่ช่วงเวลาที่กิน ไอ-เอฟ จะกินตั้งแต่ครึ่งเช้าหรือจะกินบ่ายหรือค่ำ โดยระยะเวลาที่กินนั้นเท่ากัน? 4-คำถามต่อมา คือว่า จะปล่อยให้กินได้ยาวนานเท่าใดถ้าเข้างาน 24 ชม รายงานแรกจากคณะทำงาน Salk Institute for biological studies, La Jolla กับ University of California, San Diego ทำการศึกษาในอาสาสมัครที่เป็นนักผจญเพลิงที่ทำงานเป็นกะ กะละ 24 ชั่วโมง และให้กินอาหารได้เป็นระยะ (time restricted eating) ในช่วงเวลา 10 ชั่วโมง เทียบกับให้มีอิสระมากขึ้นในการกินอาหารให้ได้ระยะเวลาถึง 14 ชั่วโมง โดยอาหารการกินนั้นเป็นอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนเหมือนกัน และแบ่งกลุ่มละ 75 คน ศึกษาการกินอาหารดังกล่าวเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ทั้งนี้ มีข้อมูลสุขภาพพื้นฐานก่อนทำการศึกษาอย่างครบถ้วน และมีการประเมินข้อมูลสุขภาพอย่างถี่ยิบ ซึ่งรวมถึงระดับไขมัน ชนิดของไขมัน ความดันโลหิต ความอ้วน ระดับน้ำตาลสะสม และอื่นๆอีกมาก ผลปรากฏว่ากลุ่มที่กำหนดช่วงเวลาที่ให้กิน (time window) 10 ชั่วโมงนั้น มีสุขภาพดีแข็งแรงขึ้นกว่าอีกกลุ่มและภาวะสุขภาพทางคาร์ดิโอเมตาบอลิกดีขึ้น และควรจะได้เป็นหลักปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานเป็นกะ กะละถึง 24 ชั่วโมง โดยคนในกลุ่มนี้มีการศึกษาก่อนหน้าว่า สุขภาพเสื่อม โทรมไปทั้งสิ้น สำหรับในรายงานที่สองนั้น มาจากภาควิชาอายุรศาสตร์และประสาทวิทยา ฮาร์วาร์ด บอสตัน ร่วมกับสถาบันในประเทศเยอรมนีและสเปน โดยตั้งสมมติฐานจากการที่มนุษย์จะมีนาฬิกาชีวิต หรือสมอง กำหนดระยะเวลาของการกิน การออกกำลัง การทำงาน และการนอนหลับ ซึ่งมีส่วนที่แปรเปลี่ยนและสัมพันธ์กับเวลากลางวันและกลางคืน ดังนั้น ถ้าตื่นขึ้นมาปุ๊บแล้วกินเลย โดยให้ระยะเวลาการกินอยู่ที่ 5 ชั่วโมง และเทียบกับเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่ได้กินอาหาร กินข้าวเช้า แต่ไปเริ่มกินเอาเที่ยงหรือบ่ายไปแล้ว จนกระทั่งถึงหัวค่ำ โดยที่ทั้งสองกลุ่มนี้ กลุ่มใดจะให้ ผลกระทบในทางเลว ในแง่ของการปรับอุณหภูมิในร่างกาย การปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานของร่างกายและศึกษาลึกลงไปจนถึงเนื้อเยื่อไขมันในการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับเมแทบอลิซึมของไขมัน การศึกษานี้คัดสรรซอยย่อยตั้งแต่อาสาสมัคร 2,150 ราย และมีคุณสมบัติที่จะสามารถเข้าร่วมในการวิจัยอย่างเข้มข้นได้หรือไม่ จนกระทั่งท้ายสุดเหลืออยู่เพียงจำนวน 16 คน และแบ่งออกเป็นกลุ่มกินแต่เช้าเจ็ดคน และกลุ่มที่กินล่าช้าไปจนกระทั่งถึงเย็นค่ำเก้าคน และให้มีรูปแบบแผนในการกินเร็วและกินช้าแบบนี้สลับสับเปลี่ยนกัน โดยมีช่วงเวลาพัก (wash out period) ระหว่างสามถึง 12 สัปดาห์ ผลของการศึกษาพบว่า กลุ่มที่กินช้าจะมีความรู้สึกหิวมากกว่า คล้องจองไปกับการที่มีฮอร์โมนที่เพิ่มการหิวข้าว และมีระยะตื่น (wake time) มากกว่า อัตราสัดส่วนของฮอร์โมน ghrelin ต่อ leptin ที่ 24 ชั่วโมงนั้นสูงขึ้น มีระบบการเผาผลาญใช้พลังงานลดลง และอุณหภูมิในร่างกายตลอด 24 ชั่วโมงลดลง นอกจากนั้นการวิเคราะห์ยีน พบว่า ยีนที่ควบคุมความเสถียรของเซลล์ และการคุมการคงมีชีวิตและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ ในระบบ autophagy เป็นในทิศทางที่แย่ลง รวมทั้งมีการเผาผลาญไขมันลดลงและมีการเพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อไขมันมากขึ้น ซึ่งทั้ง หลายทั้งปวงนี้บ่งบอกถึงการมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน และโรคที่ตามติดมาจากผลพวงดังกล่าว ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยทั้งสองกลุ่มต่างก็ให้ข้อสรุปในทิศทางคล้ายกัน คือ เริ่มกินตั้งแต่เช้าหรืออย่า งดมื้อเช้า และจำกัดระยะเวลาของการกินอยู่ในช่วง 5 ถึง 10 ชั่วโมงแรก และประเพณี ประพฤติ ปฏิบัติของการกินมื้อเย็น ดินเนอร์ตอน 5 โมงเย็น หรือล่าช้าไปถึงทุ่มหรือสามทุ่ม จะเป็นสิ่งที่อาจไม่ให้ผลดีต่อสุขภาพ และการกินตอนสายจนไปถึงบ่าย เย็น กลับจะเพิ่มความตะกละ อยากกิน จนอาจจะต้องลุกขึ้นมาหาอะไรกินตอนกลางคืน หรือตอนดึกไปอีก อาหารมื้อเช้านั้น น่าจะเป็นมื้อที่ใหญ่ที่สุดหรือไม่ ? จึงมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งจากสกอตแลนด์และอังกฤษ พบว่า มื้อเช้าอาจจะไม่จำเป็นที่ต้องเป็นมื้อใหญ่เสมอไป แต่อยู่ในระยะเวลาของการกินและปริมาณของอาหารและชนิดของอาหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ที่เรียนให้ทราบถึงตรงนี้ เพื่อที่จะให้รู้สึกสบายใจและมั่นใจที่จะเริ่มประพฤติปฏิบัติในการกินอาหารสุขภาพ ทราบถึงเวลาและระยะเวลาของการกิน ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงสุขภาพของร่างกายโดยรวม คุณภาพของการนอน และแน่นอน ส่งผลไปถึงสมองทำให้เสื่อมช้าลง (resistance) หรือแม้แต่เสื่อมแล้วก็ยังไม่แสดงอาการออกมาได้ (resilience) ชีวิตของเราเองเลือกได้ ที่จะไม่เป็นภาระต่อครอบครัว สังคม และทำให้ประเทศไทยของเรามั่งคั่งครับ.. ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    Yay
    19
    1 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝันร้าย ผวา ผจญภัย สมองเสื่อม

    หมอดื้อ ได้นำข้อมูลบทความทางวิทยาศาสตร์วิชาการ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนอน ทั้งนอนน้อยนอนนานก็ไม่ดี งีบหลับกลางวันนานกว่าครึ่งชั่วโมงหรือ งีบบ่อยๆ ส่อ ถึงภาวะสมองเสื่อมรวมทั้งโน้มนำให้รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการงีบหลับแล้วสะดุ้งตื่นกลับมีปัญญาบังเกิด ทั้งหมดนี้หาอ่านได้ในไทยรัฐคอลัมน์สุขภาพพรรษาหมอดื้อ

    ทั้งนี้ จะพบว่าเรื่องของการนอนเป็นเรื่องมหัศจรรย์และเกี่ยวข้องกับสุขภาวะทางกายและทางสมอง อย่างชัดเจน ทั้งนี้ยังพ่วงเกี่ยวกับเรื่องความฝัน

    ดังที่พูดกันมาแต่โบร่ำโบราณ ว่านอนหลับฝันดีนะ เพราะในเวลาไม่นานมานี้เอง พบว่านอนแล้วฝันร้าย (nightmare) ฝันผวา (night terror) โดยที่มีพฤติกรรมหวาดกลัวถึงกับกรีดร้องหรือมีการเหวี่ยงแขนขา แบบฝันผจญภัยสุ่มเสี่ยงกับสมองไม่ดีสมองเสื่อมเร็วมากขึ้น

    รายงานในวารสารแลนเซท e clinical medicine เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2023 จาก ภาควิชาประสาทวิทยา และศูนย์ Centre for Brain Health โรงพยาบาลและ มหาวิทยาลัย เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ พบว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาในอังกฤษในช่วงสัปดาห์เดียวกันในปี 1958 และมีการประเมินโดยสอบถามจากมารดาเมื่อเด็กอายุได้เจ็ดขวบในปี 1965 และ 11 ขวบในปี 1969 ว่าเด็กประสบกับฝันร้ายหรือฝันผวาหรือไม่ในช่วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา
    โดยมี จำนวนเด็ก 6991 ราย ซึ่งเป็นผู้หญิง 51% พบว่า 78.2% นั้นไม่มีฝันร้ายเลยและ 17.9% มีฝันร้ายอยู่บ้างแต่ 3.8% มีฝันร้ายเป็นประจำตลอดเวลา

    ในปี 2008 เมื่อถึงอายุครบ 50 ปีพบว่ามีถึง 262 รายที่มีความผิดปกติทางสมองพุทธิปัญญา (cognitive impairment) และห้ารายเป็น พาร์กินสัน

    ทั้งนี้หลังจากที่ปรับตัวแปรและปัจจัยร่วมต่างๆ สรุปได้ว่าการที่มีฝันร้ายเป็นประจำและยิ่งบ่อยยิ่งมากในระหว่างเป็นเด็กนั้น จะสุ่มเสี่ยงแปรตามกับการที่จะมีความผิดปกติทางสมองดังกล่าว โดยมีนัยยะสำคัญทางสถิติไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
    และเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่เคยมีฝันร้ายเลย กลุ่มที่ฝันร้ายเป็นประจำนั้นจะมีความเสี่ยงสำหรับความเสื่อมทางสมองหรือโรคพาร์กินสันที่อายุ 50 ปีสูงขึ้น 85%
    หรือมีโอกาสเป็นภาวะที่เป็นสมองเสื่อมมากขึ้น 76% และมากขึ้นเจ็ดเท่าสำหรับโรคพาร์กินสัน

    โอกาสเป็นภาวะสมองเสื่อมมากขึ้นในลักษณะนี้ ยังพบได้เช่นกัน ในกลุ่มวัยกลางคนและที่สูงวัยมาก (older adults)ที่แม้ว่าจะมีสุขภาพดีก็ตาม แต่มีฝันร้ายอย่างน้อย อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง โดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นสี่เท่าเมื่อติดตามไปในอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า โดยในคนสูงวัยมากนั้น มีโอกาสเพิ่มขึ้นสองเท่า รายงานในวารสารเดียวกันจากสถาบันเดียวกันในวันที่ 21 กันยายน 2022

    รายงานนี้ ได้ทำการวิเคราะห์คนวัยกลางคนที่มีอายุระหว่าง 35 ถึง 64 ปีเป็นจำนวน 605 รายและติดตามไป 13 ปีรวมทั้งผู้สูงวัยมาก ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 79 ปีเป็นจำนวน 2600 รายและติดตามไปเจ็ดปี ทั้งนี้หลังจากที่ได้ทำการปรับปัจจัยตัวแปรต่างๆทั้งสิ้น

    และผู้วิจัยได้ตั้งสมมุติฐานที่จะอธิบายความสัมพันธ์เหล่านี้กับภาวะสมองเสื่อม

    ประการแรกก็คือมีความเป็นไปได้ที่ฝันร้ายฝันผวาเป็นอาการแรกเริ่มของโรคสมองเสื่อมแบบต่างๆทั้ง พาร์กินสัน สมองเสื่อมแบบ Lewy bodies (dementia with Lewy bodies DLB) รวมทั้ง อัลไซเมอร์ ดังที่ได้เคยมีรายงานว่าก่อนหน้า และเกิดจากความเสื่อมของสมองบริเวณหน้าผากทางด้านขวาซึ่งทำหน้าที่ในการลดทอน อารมณ์แปรปรวนในด้านลบระหว่างการฝันในช่วงที่ลูกตามีการเคลื่อนไหวเร็ว (REM sleep) ซึ่งในระยะต่อมาพบว่ายิ่งมีฝันร้ายฝันผวาในผู้ป่วยที่เป็นพาร์กินสัน จะมีความสัมพันธ์กับความเหี่ยวของสมองกลีบขมับหน้าผากทางด้านขวาทั้งที่เปลือกสมองและในสมองส่วนสีขาว (grey and white matter)
    รวมทั้งมีรายงานในระยะต่อมาว่าภาวะฝันในช่วง REM จะเกิดขึ้นก่อนหน้า ที่จะมีอาการของโรคพาร์กินสัน หรือ DLB ถึง 50 ปี แต่ทั้งนี้ความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างฝันผวาในช่วงตั้งแต่เด็กที่ประเมินตั้งแต่อายุเจ็ดขวบไม่น่าจะอธิบายว่าเด็กในอายุขณะนั้น ที่สมองกำลังมีการพัฒนาจะเกิดพยาธิสภาพผิดปกติแล้วที่อายุยังน้อยมาก

    โดยที่ ฝันร้ายฝัน ผวาต่างๆเหล่านี้อาจจะมีความสัมพันธ์เป็นเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม ตามหลังดังรายงานในประชากรวัยกลางคนและที่สูงวัยมาก

    โดยกลไกที่อาจเป็นไปได้จะอยู่ที่วงจรของการนอนจะไม่เป็นสุข ถูกกระตุกเป็นระยะและส่งผลให้การเคลียร์หรือระบายขยะด้วยระบบ glymphatic system ทำงานไม่เต็มที่ โดยที่ทราบกันดีแล้วว่าการนอนหลับลึกจะทำให้ท่อระบายขยะเหล่านี้กว้างขวางขึ้นอย่างน้อย 60% และการที่ระบายขยะได้ไม่ดีทำให้มีการสะสมมากขึ้น
    เรื่อย ๆ ของโปรตีนพิษบิดเกรียว อมิลอยด์ ทาว และ อัลฟ่า ซินนูคลีอิน
    และการนอนที่ไม่เป็นสุขมีฝันผวาในวัยเด็กเรื่อยมาอาจจะขัดขวางการพัฒนาทางสมอง และทำให้ต้นทุนของสมองลดน้อยถอยลงตามลำดับ และทำให้ถูกทำลายได้เร็วและมากขึ้นเมื่อมีปัจจัยอย่างอื่นเข้ามา
    กระทบ ทั้งนี้รวมทั้งปัจจัยทางด้านพันธุกรรมอีกด้วย

    แม้ว่ารายงานนี้จะเป็นการวิเคราะห์จากการติดตามระยะยาวแต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายกลไกได้อย่างถ่องแท้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามไปได้

    การผ่อนคลายหรือบรรเทาภาวะฝันร้ายฝันผวาที่เกิดขึ้นในช่วงการนอน REM ที่ประกอบด้วยทั้ง ภาพและอารมณ์ก้าวร้าว ความขัดแย้งกับบุคคลอื่น ความล้มเหลวในชีวิตและผสมปนเปไปด้วยความกลัว ความโกรธและความ เศร้าสลด อาจทำได้ด้วย พฤติกรรมบำบัด (Imagery reversal therapy) โดยนักจิตวิทยา ที่สอนให้ปรับเปลี่ยนฝันร้ายที่ส่งผลในทางลบให้ออกมาเป็นทางบวก และเปรียบเสมือนกับเป็นการวาดความฝันใหม่ และในขณะที่มีการสอนอบรมนั้นในเวลากลางวัน มีการเปิดเสียงคลอไปด้วยเพื่อสร้างจินตนภาพในทางสดใสและสร้างสรรค์และในขณะกลางคืนนั้นขณะที่หลับก็ให้มีเสียงเปิดไปด้วย
    เป็นการศึกษาโดยคณะในสวิตเซอร์แลนด์ที่ทดสอบวิธีดังกล่าวกับผู้ที่ได้รับความทรมานจากฝันร้ายเป็นจำนวน 36 รายและพบว่าได้ผล เป็นที่น่าพอใจ

    กล่าวโดยสรุปการนอนดีนอนหลับไม่ใช่เป็นแต่เพียงระยะเวลาของการนอน หกถึง 8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงคุณภาพของการนอนที่หลับลึกไม่กระท่อนกระแท่นและไม่แทรกด้วยฝันร้าย ฝันผวา ฝันผจญภัย

    การเจริญสติในทางสร้างสรรค์ ไม่คิดร้ายเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นหนทาง ของความสงบสุขโดยทั่ว

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ฝันร้าย ผวา ผจญภัย สมองเสื่อม หมอดื้อ ได้นำข้อมูลบทความทางวิทยาศาสตร์วิชาการ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนอน ทั้งนอนน้อยนอนนานก็ไม่ดี งีบหลับกลางวันนานกว่าครึ่งชั่วโมงหรือ งีบบ่อยๆ ส่อ ถึงภาวะสมองเสื่อมรวมทั้งโน้มนำให้รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการงีบหลับแล้วสะดุ้งตื่นกลับมีปัญญาบังเกิด ทั้งหมดนี้หาอ่านได้ในไทยรัฐคอลัมน์สุขภาพพรรษาหมอดื้อ ทั้งนี้ จะพบว่าเรื่องของการนอนเป็นเรื่องมหัศจรรย์และเกี่ยวข้องกับสุขภาวะทางกายและทางสมอง อย่างชัดเจน ทั้งนี้ยังพ่วงเกี่ยวกับเรื่องความฝัน ดังที่พูดกันมาแต่โบร่ำโบราณ ว่านอนหลับฝันดีนะ เพราะในเวลาไม่นานมานี้เอง พบว่านอนแล้วฝันร้าย (nightmare) ฝันผวา (night terror) โดยที่มีพฤติกรรมหวาดกลัวถึงกับกรีดร้องหรือมีการเหวี่ยงแขนขา แบบฝันผจญภัยสุ่มเสี่ยงกับสมองไม่ดีสมองเสื่อมเร็วมากขึ้น รายงานในวารสารแลนเซท e clinical medicine เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2023 จาก ภาควิชาประสาทวิทยา และศูนย์ Centre for Brain Health โรงพยาบาลและ มหาวิทยาลัย เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ พบว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาในอังกฤษในช่วงสัปดาห์เดียวกันในปี 1958 และมีการประเมินโดยสอบถามจากมารดาเมื่อเด็กอายุได้เจ็ดขวบในปี 1965 และ 11 ขวบในปี 1969 ว่าเด็กประสบกับฝันร้ายหรือฝันผวาหรือไม่ในช่วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา โดยมี จำนวนเด็ก 6991 ราย ซึ่งเป็นผู้หญิง 51% พบว่า 78.2% นั้นไม่มีฝันร้ายเลยและ 17.9% มีฝันร้ายอยู่บ้างแต่ 3.8% มีฝันร้ายเป็นประจำตลอดเวลา ในปี 2008 เมื่อถึงอายุครบ 50 ปีพบว่ามีถึง 262 รายที่มีความผิดปกติทางสมองพุทธิปัญญา (cognitive impairment) และห้ารายเป็น พาร์กินสัน ทั้งนี้หลังจากที่ปรับตัวแปรและปัจจัยร่วมต่างๆ สรุปได้ว่าการที่มีฝันร้ายเป็นประจำและยิ่งบ่อยยิ่งมากในระหว่างเป็นเด็กนั้น จะสุ่มเสี่ยงแปรตามกับการที่จะมีความผิดปกติทางสมองดังกล่าว โดยมีนัยยะสำคัญทางสถิติไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง และเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่เคยมีฝันร้ายเลย กลุ่มที่ฝันร้ายเป็นประจำนั้นจะมีความเสี่ยงสำหรับความเสื่อมทางสมองหรือโรคพาร์กินสันที่อายุ 50 ปีสูงขึ้น 85% หรือมีโอกาสเป็นภาวะที่เป็นสมองเสื่อมมากขึ้น 76% และมากขึ้นเจ็ดเท่าสำหรับโรคพาร์กินสัน โอกาสเป็นภาวะสมองเสื่อมมากขึ้นในลักษณะนี้ ยังพบได้เช่นกัน ในกลุ่มวัยกลางคนและที่สูงวัยมาก (older adults)ที่แม้ว่าจะมีสุขภาพดีก็ตาม แต่มีฝันร้ายอย่างน้อย อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง โดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นสี่เท่าเมื่อติดตามไปในอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า โดยในคนสูงวัยมากนั้น มีโอกาสเพิ่มขึ้นสองเท่า รายงานในวารสารเดียวกันจากสถาบันเดียวกันในวันที่ 21 กันยายน 2022 รายงานนี้ ได้ทำการวิเคราะห์คนวัยกลางคนที่มีอายุระหว่าง 35 ถึง 64 ปีเป็นจำนวน 605 รายและติดตามไป 13 ปีรวมทั้งผู้สูงวัยมาก ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 79 ปีเป็นจำนวน 2600 รายและติดตามไปเจ็ดปี ทั้งนี้หลังจากที่ได้ทำการปรับปัจจัยตัวแปรต่างๆทั้งสิ้น และผู้วิจัยได้ตั้งสมมุติฐานที่จะอธิบายความสัมพันธ์เหล่านี้กับภาวะสมองเสื่อม ประการแรกก็คือมีความเป็นไปได้ที่ฝันร้ายฝันผวาเป็นอาการแรกเริ่มของโรคสมองเสื่อมแบบต่างๆทั้ง พาร์กินสัน สมองเสื่อมแบบ Lewy bodies (dementia with Lewy bodies DLB) รวมทั้ง อัลไซเมอร์ ดังที่ได้เคยมีรายงานว่าก่อนหน้า และเกิดจากความเสื่อมของสมองบริเวณหน้าผากทางด้านขวาซึ่งทำหน้าที่ในการลดทอน อารมณ์แปรปรวนในด้านลบระหว่างการฝันในช่วงที่ลูกตามีการเคลื่อนไหวเร็ว (REM sleep) ซึ่งในระยะต่อมาพบว่ายิ่งมีฝันร้ายฝันผวาในผู้ป่วยที่เป็นพาร์กินสัน จะมีความสัมพันธ์กับความเหี่ยวของสมองกลีบขมับหน้าผากทางด้านขวาทั้งที่เปลือกสมองและในสมองส่วนสีขาว (grey and white matter) รวมทั้งมีรายงานในระยะต่อมาว่าภาวะฝันในช่วง REM จะเกิดขึ้นก่อนหน้า ที่จะมีอาการของโรคพาร์กินสัน หรือ DLB ถึง 50 ปี แต่ทั้งนี้ความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างฝันผวาในช่วงตั้งแต่เด็กที่ประเมินตั้งแต่อายุเจ็ดขวบไม่น่าจะอธิบายว่าเด็กในอายุขณะนั้น ที่สมองกำลังมีการพัฒนาจะเกิดพยาธิสภาพผิดปกติแล้วที่อายุยังน้อยมาก โดยที่ ฝันร้ายฝัน ผวาต่างๆเหล่านี้อาจจะมีความสัมพันธ์เป็นเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม ตามหลังดังรายงานในประชากรวัยกลางคนและที่สูงวัยมาก โดยกลไกที่อาจเป็นไปได้จะอยู่ที่วงจรของการนอนจะไม่เป็นสุข ถูกกระตุกเป็นระยะและส่งผลให้การเคลียร์หรือระบายขยะด้วยระบบ glymphatic system ทำงานไม่เต็มที่ โดยที่ทราบกันดีแล้วว่าการนอนหลับลึกจะทำให้ท่อระบายขยะเหล่านี้กว้างขวางขึ้นอย่างน้อย 60% และการที่ระบายขยะได้ไม่ดีทำให้มีการสะสมมากขึ้น เรื่อย ๆ ของโปรตีนพิษบิดเกรียว อมิลอยด์ ทาว และ อัลฟ่า ซินนูคลีอิน และการนอนที่ไม่เป็นสุขมีฝันผวาในวัยเด็กเรื่อยมาอาจจะขัดขวางการพัฒนาทางสมอง และทำให้ต้นทุนของสมองลดน้อยถอยลงตามลำดับ และทำให้ถูกทำลายได้เร็วและมากขึ้นเมื่อมีปัจจัยอย่างอื่นเข้ามา กระทบ ทั้งนี้รวมทั้งปัจจัยทางด้านพันธุกรรมอีกด้วย แม้ว่ารายงานนี้จะเป็นการวิเคราะห์จากการติดตามระยะยาวแต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายกลไกได้อย่างถ่องแท้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามไปได้ การผ่อนคลายหรือบรรเทาภาวะฝันร้ายฝันผวาที่เกิดขึ้นในช่วงการนอน REM ที่ประกอบด้วยทั้ง ภาพและอารมณ์ก้าวร้าว ความขัดแย้งกับบุคคลอื่น ความล้มเหลวในชีวิตและผสมปนเปไปด้วยความกลัว ความโกรธและความ เศร้าสลด อาจทำได้ด้วย พฤติกรรมบำบัด (Imagery reversal therapy) โดยนักจิตวิทยา ที่สอนให้ปรับเปลี่ยนฝันร้ายที่ส่งผลในทางลบให้ออกมาเป็นทางบวก และเปรียบเสมือนกับเป็นการวาดความฝันใหม่ และในขณะที่มีการสอนอบรมนั้นในเวลากลางวัน มีการเปิดเสียงคลอไปด้วยเพื่อสร้างจินตนภาพในทางสดใสและสร้างสรรค์และในขณะกลางคืนนั้นขณะที่หลับก็ให้มีเสียงเปิดไปด้วย เป็นการศึกษาโดยคณะในสวิตเซอร์แลนด์ที่ทดสอบวิธีดังกล่าวกับผู้ที่ได้รับความทรมานจากฝันร้ายเป็นจำนวน 36 รายและพบว่าได้ผล เป็นที่น่าพอใจ กล่าวโดยสรุปการนอนดีนอนหลับไม่ใช่เป็นแต่เพียงระยะเวลาของการนอน หกถึง 8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงคุณภาพของการนอนที่หลับลึกไม่กระท่อนกระแท่นและไม่แทรกด้วยฝันร้าย ฝันผวา ฝันผจญภัย การเจริญสติในทางสร้างสรรค์ ไม่คิดร้ายเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นหนทาง ของความสงบสุขโดยทั่ว ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21-10-67/01 : หมี CNN / MANIC MONDAY ไอ้สัส! กูเกลียดวันจันทร์ เพราะอาไยก็ม่ายยู้? อย่าเสียเวลา ซัดเลยดีก่า เรียงคิวเหี้ย !!!

    อียิวถอย! ชะงัก รัสเซียซ้อมรบอิหร่าน เตือน มรึงอย่าซ่าส์! อาหรับลงแขกยังไม่หนำใจอีกเหรอ? สื่อเหี้ยตี ยิวบุก ยิวถล่ม เหี้ยมะกันส่ง B2 ถล่มคลังแสงใต้ดินเยมน เอาเข้าไป ฝันกลางวันอีกแล้ว? ดูโลกความเป็นจริง เยรูซาเล็มเละ เทลอาวีฟป่าช้า ท่าเรือไฮฟาร้างสนิท ไม่มีเรือสินค้ามาเกือบ 5 เดือนแล้ว สนามบินเหลือแห่งเดียว สรุปใครบุกใครฟ่ะเนี่ย? ใครแพ้ยับฟ่ะ ฮามาสถล่ม เฮซบอเลาะห์ยิงไม่เลี้ยง ซีเรีย อิรัก ล่อที่ราบสูงโกลานยับ นี่มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่า? คบเหี้ย เสพเหี้ย มีแต่โลกมโน? สรุปยอดเหี้ยตายห่าคาแผ่นดินคานาอัน ทะลุ 70000 แล้ว ทั้งกองกำลัง และพลเรือน นี่คือตัวเลขจากโรงพยาบาล และสื่อข่าวตะวันออกกกลาง ไม่มีให้มรึงเห็นดอกในโลกตอแหล ขีปนาวุธลงหัว 300 ลูก ตายหลัก 10 หากไม่โง่เกินควาย มรึงก็น่าจะคิดออก เหล็กยังละลาย คนจะเหลือเหรอ? ใต้ดินเหรอ อุโมงค์เหรอ ไม่มีเหลือ ขีปนาวุธเจาะเกราะ ทะลวงชั้นใต้ดิน แบบเดียวกับที่รัสเซียใช้ในมารีโอโพล ไม่ต้องถาม ย่างสด กับฝังทั้งเป็น สภาพเดียวกันเป๊ะเด๊ะ? แล้วมรึงจะไปหาตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตแท้จริงจากไหนกันล่ะ เช็คได้แค่ที่รพ. เท่านั้น กับตัวเลขทหารสูญหาย? สรุปคือเริ่มสงครามครูเสดยุคอวสาน สื่อเหี้ยตีชา่วปาเลสไตน์ตายห่าไปกว่า 30000 ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ เพราะอียิวมันเก่งแต่ฆ่าผู้อ่อนแอ สู้กับทหาร แพ้ยับ ตายคาตรีนเค้าตลอด! แต่ตอนนี้ เวลานี้ ตัวเลขยอดทหารรับจ้าง ทหารอียิว ทหารนาโต้ และพลเรือนยิว ตายห่าทะลุ 70000 แล้ว ด้านยูเครนหนักกว่า เพราะเกือบทะลุ 1000000 แล้วจ๊ะ อยากรู้ความจริง ให้มรึงไปดูเกณฑ์ทหารรอบที่ 4 ไม่เหลือใครมา? ทั้งอียิว ยูเครน ชะตากรรมเดียวกันเป๊ะ แนวหลังไม่โผล่ กองหนุนไม่มา จะเอาเหี้ยอะไรไปต้านเค้าได้อีก ก็ลูกยาวลงทุกชั่วโมทง มาวันละ 300-400 ลูก มรึงจะเอาเวลาที่ไหนไปพักกันล่ะ? ไซเรนดัง 24 ชม. หลอนไปหมดทั้งเมืองแล้ว อยู่ใต้ดินแบบขวัญผวา นี่ไงสภาพ! ข้าววิกมาศรีธนญชัย 2024 : มันส์ไม่แพ้กัน แผนลากอีเหลี่ยมชาติชั่วเข้าคุก ยกเลิกนิรโทษกรรม ทูลความเท็จ ทำหลักฐานปลอม เอกสารรับรองจากแพทย์ปลอม VDO CLIP หลักฐานในมือเสรี มัดจนเหี้ยหัวขาด ชั้น 124 ดิ้นตายกันเป็นแถว อีสมาคมแพทย์ถูกชำแหละ อีรพ.ตำรวจ โดนเต็มตรีน อีกรมคุก ไม่รอด หัวหน้าติดคุกซะเอง นักโทษเลียปาก ถั่วดำมาเต็ม ตากูเอาคืนมรึงบ้าง เหี้ยดีนีก หาแดร๊กกับพวกกูมาช้านาน ได้เวลาพาขึ้นสวรรค์ชั้น 14 นักโทษแม้จะเหี้ย แต่ใครคิดร้ายต่อวัง มรึงตาย! จากปากนักโทษทุกแดน เพราะทุกปีได้รับอภัยโทษ ลดโทษ บุญคุณมี ถึงจะเป็นนักเลง โจร แต่รู้ดี ถึงคำว่า "กตัญญูแผ่นดินเกิด" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ใครล่อเจ้า มรึงตายคาตรีนคุกชัวร์! อี 3 นิ้วครึ่ง ถึงอ่วมในคุกไงล่ะ ถูกกาหัว ไม่ถูกลงแขก ก็กระทืบรายวัน พรรคพวกบอกสภาพดูไม่จืด ออกสื่อดูดี หลังฉากอิ่มตรีนทุกมื้อ ในคุกเค้ามีวิธีจัดการแบบเนียน มรึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะออกมาฟ้อง เพราะฟ้องเมื่อไหร่ กลับเข้าไปใหม่ โดนหนักกว่าเก่า นรกสำหรับไอ้พวกเนรคุณแผ่นดิน ขอบคุณทุกฝาตรีนคนคุก มรึงอาจจะผิด แต่ได้ชดใช้กรรมตามกฎหมายแล้ว แต่หากมรึงช่วยแผ่นดินลดเหี้ย ไอ้อีจัญไรทั้งหลายลงได้ นั่นคืออานิสงค์แห่งบุญน่ะจ๊ะ กูไม่ได้เสี้ยมน่ะ อย่ากล่าวหา ดีออก? ศาลมาแรง คนชงก็แรง คนตบก็แรง พิสูจน์ชัด กรมคุก อีกากี โรงพยาบาล หมอที่อนุมัติ ขัดคำสั่งศาลให้ความช่วยเหลือนักโทษ เกินขอบเขตอำนาจ ผลคือ ตายยกรัง นอกจากขัดคำสั่งศาล ยังทูลความเท็จ กระทงนี้ หนักกว่าอีก บทเพ่เขียวบู๊ทตรีนโตจะเล่นหนัก สวรรค์ยังไม่กล้าร้องขอความปราณีให้? หมอติดคุก สัสดีติดคุก อัยการก็คุก คนทูลเสนอขอก็คุก นี่มันเทศกาลคนคุกนี่หว่า จัดเมื่อไหร่ก็ไม่บอก? คดีเข้าสู่ชั้นศาลนานแล้ว ตัดสินไม่นาน เพราะพยานหลักฐาน พยานบุคคลมีเพี๊ยบ เปิดให้หนีอ่ะเป่า? แต่ต้องทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดไว้ที่นี่น่ะ ไปได้แต่ตัว เพราะถูกอายัดทรัพย์สินไว้หมดแล้ว อายัดบัญชี ใครเอี่ยว ถูกล็อคบัญชีด้วย DSI กระโดดลงมาเล่นเอง ปปช.ก็ต้องตามงาน ทิ้งไม่ได้ แสงทำงาน เหี้ยผวาสัส! สัญญานเต็ม กลียุคใกล้อวสานแล้วจ๊ะ มาให้หมด ออกให้เกลี้ยง ล้างบางครั้งใหญ่ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดู! กลับคืนสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง : โลกดันหยวนเต็มพิกัด โลจิสติคออกผล ค้าขายจ่ายสกุลเงินท้องถิ่น ทวิภาคีระบาด คบกันเอง ซื้อขายกันเอง ไม่ผ่านเหี้ยอีกต่อไป โมเดล BRICS มาเต็ม หลังพลังงานโลกถีบตัวสูงขึ้นอีก โลกต้องการพลังงานมากกว่าเดิม 200% เพราะเข้าหนาวแล้ว ใครรวยเละกันล่ะ? รวยแล้ว ขยายพื้นที่เพิ่ม รวยแล้ว แบ่งปันให้เพื่อนพันธมิตร มันถึงมียอดเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะน้ำมัน แก็ส ยังต้องใช้ไปอีก 30 ปี เป็นอย่างน้อย จนพลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงทุกบ้านได้จริง และผลิตได้มหาศาลเกินความจำเป็น นวตกรรมโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ตามไม่ทัน อาจตกขบวน!

    ปล.หลายคนถาม แล้วทำไม แสงไม่ทำงาน ศาลไม่ฟัน ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ? รออะไรอยู่ มรึงฟัง? 1.รอความผิดสำเร็จ 2.รอใบเสร็จประจักษ์ชัด 3.รอเหี้ยออกลายให้สิ้น 4.รอควายตื่น 5.รอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เดินเร็วไปอาจพลาด เหี้ยรอด เดินช้าไป อาจแก้ไขไม่ทัน ทุกอย่างคือสมดุล พอดี และเวลาที่ใช่ 6.รอขั้วใหม่ล้างบางอิทธิพลขั้วเก่าให้ราบคาบก่อน จะได้ไม่มีฤทธิ์มาบ่อนทำลายใครได้อีก ดีออก? 7.ตำราพิชัยยุทธสอน จะฆ่าเชื้อร้าย มันต้องฆ่าที่ต้นตอ เมื่อเหี้ยมันล้างสมองควายต่อเนื่องกว่าครึ่งศตวรรษ มรึงคิดว่าจะเปลี่ยนความคิดควายได้ ต้องใช้เวลาแค่ไหน สิ่งที่ดีที่สุด เร็วที่สุด คือให้ควายเห็นกับตาด้วยตัวควายเอง นี่คือคีย์! 8.ราธิปไตยก้าวหน้าจะเกิดไม่ได้ หากปชต.ตอแหลไม่ล่มสลาย ให้ควายเห็นธาตูแท้ปชต.ควายก่อน ถึงจะเข้าใจว่าทำไม ต้องเปลี่ยน หากไม่เข้าใจก็เรื่องของมรึง ยังไงก็ต้องเปลี่ยน 9.การต่อสู้มันง่าย ฆ่าแกงมันง่าย และการสูญเสียตามมา ใครรับผิดชอบ สู้ด้วยสติ คือไม่ต้องให้ใครมาตาย ยกเว้น "เหี้ย" ชนะได้ด้วยความจริง ความชอบธรรม จะยั้งยืนกว่า ใช้อำนาจ ใช้กำลัง! หากมรึงสังเกตุ วิธีการที่รัสเซีย จีนใช้ตอนนี้ แบบเดียวกับที่โมเดลศรีธนญชัยฯ ใช้ คือกฎหมายเป็นตัวนำ ความจริงปรากฎชัด ความชอบธรรมจะตามมา เหี้ยไอ้อี แพ้ภัยตัวเอง ยิ่งดิ้น ยิ่งแหกกฎหมาย ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตร เพราะกฎหมา ใช้ได้เฉพาะกับหมา กฎหมายใช้ได้เฉพาะกับคน นี่คือความแตกต่างของขั้วใหม่ และขั้วเก่า ยิ่งอียิวสู้กลับมากเท่าไหร่ จะยิ่งแพ้ราบคาบมากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดมานานแล้ว แค่เดินไปตามวิถีแห่งกรรม เท่านั้นเอง อย่าอิน ยังไงก็ชนะ ยังไงก็มั่นคงชัวร์ ส่วนเรื่องอีขะแมร์ สื่อปั่นกันจัง กูบอกเลย สื่อเหี้ยทั้งนั้น ปั่นเข้าไปสิ เอาสั้นๆ ไทยจะกลืนขะแมร์เมื่อไหร่ก็ได้ มรึงยังจะมาถามเรื่องเกาะหมู เกาะหมาไม่เลิก นั่นแค่ละครปาหี่การเมือง เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น หากมรึงยังอ่านภาษาไทยไม่ออก กูจะพูดให้ฟังอีกครั้ง ในรัชสมัยพ่อหลวงร.10 ไทยจะไม่เสียดินแดนเพิ่ม แม้แต่ตารางมิลลิเมตร ตรงกันข้าม ไทยจะได้แผ่นดินผนวกเพิ่มขึ้น อะไรที่ไทยสูญเสียไปตั้งแต่สมัยพ่อร.5 จะได้คืนมาเกือบหมด ไม่ได้ไปปล้นเค้าน่ะ เค้ามาเอง สมัครใจเอง เพราะอยู่กับไทยแล้วสบาย รอด มั่นคง มั่งคั่ง ชัวร์ อะไรที่มรึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันจะเกิดขึ้น จนมรึงซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่กันไปเลย? กูไม่ได้มโน ดูสิจ๊ะ เกิดอะไรขึ้นในอาเซียนตอนนี้ แล้วเรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน ใครอยากรอด ใครอยากเกิด ใครอยากมั่นคง มรึงต้องทำยังไง? ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ย? ไม่ต้องเป็นหมอดู ใครก็มองออกว่า อยู่กันเองอดอยาก อยู่กับใคร อิ่มหมีพีมันส์สะแด่วแห้ว ใครจะไม่อยากรวมชาติกันล่ะ ไม่อยากบอกดอกว่า ไทยจะขยายใหญ่แค่ไหน จนต้องย้ายเมืองหลวง หรือมีเมืองหลวง 2 แห่ง หลังผนวก กูไบ้ไปเยอะป่ะเนี่ย? พอก่อน ยังไม่ใช่เวลาที่ดี ที่มรึงควรจะรู้? ตกผลึกจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูด มโนคือคิดไปเอง แต่รู้ล่วงหน้าคือมีที่มาที่ไป เพราะมีเหตุ ผลถึงตามมา คำพยากรณ์จึงก่อเกิด ใน 10 ชาติอาเซียน ใครอ่อนแอ ก็ต้องไปรวมกับชาติหลัก มันเป็นวิบากกรรมของชาติแต่ละชาติไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้ว 5 ชาติอาเซียน อดีตก็คือแผ่นดินอโยธยานั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อ ถึงเวลาก็กลับแผ่นดินแม่ เอ๊ะ..คุ้นมั้ย เหมือนยูเครน เบลารุส เซอร์เบีย ฮังการี เชก โครเอเซีย สโลวาเนียจะได้กลับบ้าน นี่ใคร COPY ใครกันแน่เนี่ย?

    หมี CNN(ชนะ ชนะ ชนะ อยู่แล้ว ล้างบางเหี้ย มันชัวร์ ชดใช้กรรมมาแน่ จิตสงบ ทุกอย่างสดใส จิตวุ่นวาย ตาก็ไม่สว่าง มองอะไรให้ถึงแก่นแท้ แล้วจะไม่อินเหี้ยอะไรทั้งนั้น พ่อร.5 รักษาแผ่นดินหลักไว้ได้ พ่อร.7 ขอสงวนอำนาจไว้เพื่อประชาชนชาวไทย พ่อร.9 พระคุณท่วมหัว ไทยเจริญมั่นคง พ่อร.10 ประกาศแสนยานุภาพ ไทยเกรียงไกร พ่อร.11-13 ยุคแสงสีทองผ่องอำไพ ศรีวิไล TOP10 โลก มรึงจะยังไม่อใจเหี้ยอะไรอีก มองข้ามเหี้ยไปได้แล้ว เพราะมันไม่คู่ควรให้มรึงจดจำ ยังไงก็ตายโหง ตายห่าชัวร์ ไม่มีรอด)
    21 ตุลาคม 67
    11.11 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    21-10-67/01 : หมี CNN / MANIC MONDAY ไอ้สัส! กูเกลียดวันจันทร์ เพราะอาไยก็ม่ายยู้? อย่าเสียเวลา ซัดเลยดีก่า เรียงคิวเหี้ย !!! อียิวถอย! ชะงัก รัสเซียซ้อมรบอิหร่าน เตือน มรึงอย่าซ่าส์! อาหรับลงแขกยังไม่หนำใจอีกเหรอ? สื่อเหี้ยตี ยิวบุก ยิวถล่ม เหี้ยมะกันส่ง B2 ถล่มคลังแสงใต้ดินเยมน เอาเข้าไป ฝันกลางวันอีกแล้ว? ดูโลกความเป็นจริง เยรูซาเล็มเละ เทลอาวีฟป่าช้า ท่าเรือไฮฟาร้างสนิท ไม่มีเรือสินค้ามาเกือบ 5 เดือนแล้ว สนามบินเหลือแห่งเดียว สรุปใครบุกใครฟ่ะเนี่ย? ใครแพ้ยับฟ่ะ ฮามาสถล่ม เฮซบอเลาะห์ยิงไม่เลี้ยง ซีเรีย อิรัก ล่อที่ราบสูงโกลานยับ นี่มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่า? คบเหี้ย เสพเหี้ย มีแต่โลกมโน? สรุปยอดเหี้ยตายห่าคาแผ่นดินคานาอัน ทะลุ 70000 แล้ว ทั้งกองกำลัง และพลเรือน นี่คือตัวเลขจากโรงพยาบาล และสื่อข่าวตะวันออกกกลาง ไม่มีให้มรึงเห็นดอกในโลกตอแหล ขีปนาวุธลงหัว 300 ลูก ตายหลัก 10 หากไม่โง่เกินควาย มรึงก็น่าจะคิดออก เหล็กยังละลาย คนจะเหลือเหรอ? ใต้ดินเหรอ อุโมงค์เหรอ ไม่มีเหลือ ขีปนาวุธเจาะเกราะ ทะลวงชั้นใต้ดิน แบบเดียวกับที่รัสเซียใช้ในมารีโอโพล ไม่ต้องถาม ย่างสด กับฝังทั้งเป็น สภาพเดียวกันเป๊ะเด๊ะ? แล้วมรึงจะไปหาตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตแท้จริงจากไหนกันล่ะ เช็คได้แค่ที่รพ. เท่านั้น กับตัวเลขทหารสูญหาย? สรุปคือเริ่มสงครามครูเสดยุคอวสาน สื่อเหี้ยตีชา่วปาเลสไตน์ตายห่าไปกว่า 30000 ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ เพราะอียิวมันเก่งแต่ฆ่าผู้อ่อนแอ สู้กับทหาร แพ้ยับ ตายคาตรีนเค้าตลอด! แต่ตอนนี้ เวลานี้ ตัวเลขยอดทหารรับจ้าง ทหารอียิว ทหารนาโต้ และพลเรือนยิว ตายห่าทะลุ 70000 แล้ว ด้านยูเครนหนักกว่า เพราะเกือบทะลุ 1000000 แล้วจ๊ะ อยากรู้ความจริง ให้มรึงไปดูเกณฑ์ทหารรอบที่ 4 ไม่เหลือใครมา? ทั้งอียิว ยูเครน ชะตากรรมเดียวกันเป๊ะ แนวหลังไม่โผล่ กองหนุนไม่มา จะเอาเหี้ยอะไรไปต้านเค้าได้อีก ก็ลูกยาวลงทุกชั่วโมทง มาวันละ 300-400 ลูก มรึงจะเอาเวลาที่ไหนไปพักกันล่ะ? ไซเรนดัง 24 ชม. หลอนไปหมดทั้งเมืองแล้ว อยู่ใต้ดินแบบขวัญผวา นี่ไงสภาพ! ข้าววิกมาศรีธนญชัย 2024 : มันส์ไม่แพ้กัน แผนลากอีเหลี่ยมชาติชั่วเข้าคุก ยกเลิกนิรโทษกรรม ทูลความเท็จ ทำหลักฐานปลอม เอกสารรับรองจากแพทย์ปลอม VDO CLIP หลักฐานในมือเสรี มัดจนเหี้ยหัวขาด ชั้น 124 ดิ้นตายกันเป็นแถว อีสมาคมแพทย์ถูกชำแหละ อีรพ.ตำรวจ โดนเต็มตรีน อีกรมคุก ไม่รอด หัวหน้าติดคุกซะเอง นักโทษเลียปาก ถั่วดำมาเต็ม ตากูเอาคืนมรึงบ้าง เหี้ยดีนีก หาแดร๊กกับพวกกูมาช้านาน ได้เวลาพาขึ้นสวรรค์ชั้น 14 นักโทษแม้จะเหี้ย แต่ใครคิดร้ายต่อวัง มรึงตาย! จากปากนักโทษทุกแดน เพราะทุกปีได้รับอภัยโทษ ลดโทษ บุญคุณมี ถึงจะเป็นนักเลง โจร แต่รู้ดี ถึงคำว่า "กตัญญูแผ่นดินเกิด" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ใครล่อเจ้า มรึงตายคาตรีนคุกชัวร์! อี 3 นิ้วครึ่ง ถึงอ่วมในคุกไงล่ะ ถูกกาหัว ไม่ถูกลงแขก ก็กระทืบรายวัน พรรคพวกบอกสภาพดูไม่จืด ออกสื่อดูดี หลังฉากอิ่มตรีนทุกมื้อ ในคุกเค้ามีวิธีจัดการแบบเนียน มรึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะออกมาฟ้อง เพราะฟ้องเมื่อไหร่ กลับเข้าไปใหม่ โดนหนักกว่าเก่า นรกสำหรับไอ้พวกเนรคุณแผ่นดิน ขอบคุณทุกฝาตรีนคนคุก มรึงอาจจะผิด แต่ได้ชดใช้กรรมตามกฎหมายแล้ว แต่หากมรึงช่วยแผ่นดินลดเหี้ย ไอ้อีจัญไรทั้งหลายลงได้ นั่นคืออานิสงค์แห่งบุญน่ะจ๊ะ กูไม่ได้เสี้ยมน่ะ อย่ากล่าวหา ดีออก? ศาลมาแรง คนชงก็แรง คนตบก็แรง พิสูจน์ชัด กรมคุก อีกากี โรงพยาบาล หมอที่อนุมัติ ขัดคำสั่งศาลให้ความช่วยเหลือนักโทษ เกินขอบเขตอำนาจ ผลคือ ตายยกรัง นอกจากขัดคำสั่งศาล ยังทูลความเท็จ กระทงนี้ หนักกว่าอีก บทเพ่เขียวบู๊ทตรีนโตจะเล่นหนัก สวรรค์ยังไม่กล้าร้องขอความปราณีให้? หมอติดคุก สัสดีติดคุก อัยการก็คุก คนทูลเสนอขอก็คุก นี่มันเทศกาลคนคุกนี่หว่า จัดเมื่อไหร่ก็ไม่บอก? คดีเข้าสู่ชั้นศาลนานแล้ว ตัดสินไม่นาน เพราะพยานหลักฐาน พยานบุคคลมีเพี๊ยบ เปิดให้หนีอ่ะเป่า? แต่ต้องทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดไว้ที่นี่น่ะ ไปได้แต่ตัว เพราะถูกอายัดทรัพย์สินไว้หมดแล้ว อายัดบัญชี ใครเอี่ยว ถูกล็อคบัญชีด้วย DSI กระโดดลงมาเล่นเอง ปปช.ก็ต้องตามงาน ทิ้งไม่ได้ แสงทำงาน เหี้ยผวาสัส! สัญญานเต็ม กลียุคใกล้อวสานแล้วจ๊ะ มาให้หมด ออกให้เกลี้ยง ล้างบางครั้งใหญ่ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดู! กลับคืนสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง : โลกดันหยวนเต็มพิกัด โลจิสติคออกผล ค้าขายจ่ายสกุลเงินท้องถิ่น ทวิภาคีระบาด คบกันเอง ซื้อขายกันเอง ไม่ผ่านเหี้ยอีกต่อไป โมเดล BRICS มาเต็ม หลังพลังงานโลกถีบตัวสูงขึ้นอีก โลกต้องการพลังงานมากกว่าเดิม 200% เพราะเข้าหนาวแล้ว ใครรวยเละกันล่ะ? รวยแล้ว ขยายพื้นที่เพิ่ม รวยแล้ว แบ่งปันให้เพื่อนพันธมิตร มันถึงมียอดเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะน้ำมัน แก็ส ยังต้องใช้ไปอีก 30 ปี เป็นอย่างน้อย จนพลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงทุกบ้านได้จริง และผลิตได้มหาศาลเกินความจำเป็น นวตกรรมโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ตามไม่ทัน อาจตกขบวน! ปล.หลายคนถาม แล้วทำไม แสงไม่ทำงาน ศาลไม่ฟัน ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ? รออะไรอยู่ มรึงฟัง? 1.รอความผิดสำเร็จ 2.รอใบเสร็จประจักษ์ชัด 3.รอเหี้ยออกลายให้สิ้น 4.รอควายตื่น 5.รอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เดินเร็วไปอาจพลาด เหี้ยรอด เดินช้าไป อาจแก้ไขไม่ทัน ทุกอย่างคือสมดุล พอดี และเวลาที่ใช่ 6.รอขั้วใหม่ล้างบางอิทธิพลขั้วเก่าให้ราบคาบก่อน จะได้ไม่มีฤทธิ์มาบ่อนทำลายใครได้อีก ดีออก? 7.ตำราพิชัยยุทธสอน จะฆ่าเชื้อร้าย มันต้องฆ่าที่ต้นตอ เมื่อเหี้ยมันล้างสมองควายต่อเนื่องกว่าครึ่งศตวรรษ มรึงคิดว่าจะเปลี่ยนความคิดควายได้ ต้องใช้เวลาแค่ไหน สิ่งที่ดีที่สุด เร็วที่สุด คือให้ควายเห็นกับตาด้วยตัวควายเอง นี่คือคีย์! 8.ราธิปไตยก้าวหน้าจะเกิดไม่ได้ หากปชต.ตอแหลไม่ล่มสลาย ให้ควายเห็นธาตูแท้ปชต.ควายก่อน ถึงจะเข้าใจว่าทำไม ต้องเปลี่ยน หากไม่เข้าใจก็เรื่องของมรึง ยังไงก็ต้องเปลี่ยน 9.การต่อสู้มันง่าย ฆ่าแกงมันง่าย และการสูญเสียตามมา ใครรับผิดชอบ สู้ด้วยสติ คือไม่ต้องให้ใครมาตาย ยกเว้น "เหี้ย" ชนะได้ด้วยความจริง ความชอบธรรม จะยั้งยืนกว่า ใช้อำนาจ ใช้กำลัง! หากมรึงสังเกตุ วิธีการที่รัสเซีย จีนใช้ตอนนี้ แบบเดียวกับที่โมเดลศรีธนญชัยฯ ใช้ คือกฎหมายเป็นตัวนำ ความจริงปรากฎชัด ความชอบธรรมจะตามมา เหี้ยไอ้อี แพ้ภัยตัวเอง ยิ่งดิ้น ยิ่งแหกกฎหมาย ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตร เพราะกฎหมา ใช้ได้เฉพาะกับหมา กฎหมายใช้ได้เฉพาะกับคน นี่คือความแตกต่างของขั้วใหม่ และขั้วเก่า ยิ่งอียิวสู้กลับมากเท่าไหร่ จะยิ่งแพ้ราบคาบมากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดมานานแล้ว แค่เดินไปตามวิถีแห่งกรรม เท่านั้นเอง อย่าอิน ยังไงก็ชนะ ยังไงก็มั่นคงชัวร์ ส่วนเรื่องอีขะแมร์ สื่อปั่นกันจัง กูบอกเลย สื่อเหี้ยทั้งนั้น ปั่นเข้าไปสิ เอาสั้นๆ ไทยจะกลืนขะแมร์เมื่อไหร่ก็ได้ มรึงยังจะมาถามเรื่องเกาะหมู เกาะหมาไม่เลิก นั่นแค่ละครปาหี่การเมือง เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น หากมรึงยังอ่านภาษาไทยไม่ออก กูจะพูดให้ฟังอีกครั้ง ในรัชสมัยพ่อหลวงร.10 ไทยจะไม่เสียดินแดนเพิ่ม แม้แต่ตารางมิลลิเมตร ตรงกันข้าม ไทยจะได้แผ่นดินผนวกเพิ่มขึ้น อะไรที่ไทยสูญเสียไปตั้งแต่สมัยพ่อร.5 จะได้คืนมาเกือบหมด ไม่ได้ไปปล้นเค้าน่ะ เค้ามาเอง สมัครใจเอง เพราะอยู่กับไทยแล้วสบาย รอด มั่นคง มั่งคั่ง ชัวร์ อะไรที่มรึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันจะเกิดขึ้น จนมรึงซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่กันไปเลย? กูไม่ได้มโน ดูสิจ๊ะ เกิดอะไรขึ้นในอาเซียนตอนนี้ แล้วเรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน ใครอยากรอด ใครอยากเกิด ใครอยากมั่นคง มรึงต้องทำยังไง? ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ย? ไม่ต้องเป็นหมอดู ใครก็มองออกว่า อยู่กันเองอดอยาก อยู่กับใคร อิ่มหมีพีมันส์สะแด่วแห้ว ใครจะไม่อยากรวมชาติกันล่ะ ไม่อยากบอกดอกว่า ไทยจะขยายใหญ่แค่ไหน จนต้องย้ายเมืองหลวง หรือมีเมืองหลวง 2 แห่ง หลังผนวก กูไบ้ไปเยอะป่ะเนี่ย? พอก่อน ยังไม่ใช่เวลาที่ดี ที่มรึงควรจะรู้? ตกผลึกจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูด มโนคือคิดไปเอง แต่รู้ล่วงหน้าคือมีที่มาที่ไป เพราะมีเหตุ ผลถึงตามมา คำพยากรณ์จึงก่อเกิด ใน 10 ชาติอาเซียน ใครอ่อนแอ ก็ต้องไปรวมกับชาติหลัก มันเป็นวิบากกรรมของชาติแต่ละชาติไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้ว 5 ชาติอาเซียน อดีตก็คือแผ่นดินอโยธยานั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อ ถึงเวลาก็กลับแผ่นดินแม่ เอ๊ะ..คุ้นมั้ย เหมือนยูเครน เบลารุส เซอร์เบีย ฮังการี เชก โครเอเซีย สโลวาเนียจะได้กลับบ้าน นี่ใคร COPY ใครกันแน่เนี่ย? หมี CNN(ชนะ ชนะ ชนะ อยู่แล้ว ล้างบางเหี้ย มันชัวร์ ชดใช้กรรมมาแน่ จิตสงบ ทุกอย่างสดใส จิตวุ่นวาย ตาก็ไม่สว่าง มองอะไรให้ถึงแก่นแท้ แล้วจะไม่อินเหี้ยอะไรทั้งนั้น พ่อร.5 รักษาแผ่นดินหลักไว้ได้ พ่อร.7 ขอสงวนอำนาจไว้เพื่อประชาชนชาวไทย พ่อร.9 พระคุณท่วมหัว ไทยเจริญมั่นคง พ่อร.10 ประกาศแสนยานุภาพ ไทยเกรียงไกร พ่อร.11-13 ยุคแสงสีทองผ่องอำไพ ศรีวิไล TOP10 โลก มรึงจะยังไม่อใจเหี้ยอะไรอีก มองข้ามเหี้ยไปได้แล้ว เพราะมันไม่คู่ควรให้มรึงจดจำ ยังไงก็ตายโหง ตายห่าชัวร์ ไม่มีรอด) 21 ตุลาคม 67 11.11 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=3KZYyhSAMaY
    บทสนทนาของหมูเด้งกับลิง
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาของหมูเด้งกับลิง
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #moodeng #babyhippo #listeningstory

    The conversations from the clip :

    Moo Deng : Hey, Monkey! What are you having for lunch today?
    Monkey : Hi, Moo Deng! I’ve got some bananas and nuts. What about you?
    Moo Deng : I’m having some veggies and fruit. The zookeepers gave me a big pile!
    Monkey : Veggies? That sounds healthy. Do you like it?
    Moo Deng : Yeah, it’s pretty tasty, especially the apples! But sometimes I wish I could eat more bananas like you.
    Monkey : Haha, bananas are my favorite! But apples are good too. You should come swing with me after lunch.
    Moo Deng : Swing? I’m not sure I’m built for that! But I can run really fast. Maybe we can play tag.
    Monkey : Tag sounds fun! But I bet you’d win, you’re faster than me on the ground.
    Moo Deng : How about we play by the water? I love splashing around! You can swing, and I’ll splash.
    Monkey : That sounds cool! I’ll swing over the water, and you can make a big splash when I jump.
    Moo Deng : Deal! The visitors will love it. I’m great at making big waves.
    Monkey : I bet! I’ll try to dodge your splashes while I’m swinging.
    Moo Deng : Haha, I’ll make sure to splash extra high! We’ll give the visitors a good show.
    Monkey : They’ll love it for sure! Let’s meet at the pool after we finish eating.
    Moo Deng : It’s a plan! See you there, Monkey!

    หมูเด้ง: เฮ้! ลิง! วันนี้คุณกินอะไรกลางวัน?
    ลิง: สวัสดี หมูเด้ง! ฉันมีกล้วยกับถั่วอยู่บ้าง แล้วคุณล่ะ?
    หมูเด้ง: ฉันกินผักและผลไม้ ซูคีปเปอร์ให้ผมมาฆ่าใหญ่เลย!
    ลิง: ผักเหรอ? ฟังดูดีต่อสุขภาพนะ คุณชอบไหม?
    หมูเด้ง: ใช่ มันอร่อยมาก โดยเฉพาะแอปเปิล! แต่บางครั้งฉันก็อยากกินกล้วยมากกว่านี้เหมือนคุณ
    ลิง: ฮ่าๆ กล้วยเป็นของโปรดของฉัน! แต่แอปเปิลก็อร่อยเหมือนกัน คุณควรมาสวิงกับฉันหลังอาหารกลางวันนะ
    หมูเด้ง: สวิง? ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเหมาะกับเรื่องนั้น! แต่ฉันวิ่งได้เร็วมาก อาจจะเล่นแค่จับตามกัน
    ลิง: การจับตามันสนุก! แต่ฉันว่าคุณชนะแน่ คุณเร็วกว่าฉันบนพื้น
    หมูเด้ง: งั้นเล่นใกล้ ๆ น้ำกันไหม? ฉันชอบเล่นน้ำ! คุณสามารถสวิงได้ ส่วนฉันจะกระโดดน้ำ
    ลิง: ฟังดูดี! ฉันจะสวิงเหนือผิวน้ำ และคุณสามารถสร้างคลื่นใหญ่เมื่อฉันกระโดด
    หมูเด้ง: ตกลง! นักท่องเที่ยวจะต้องชอบแน่ ฉันเก่งในการทำคลื่นใหญ่
    ลิง: ฉันเชื่อว่าคุณทำได้! ฉันจะพยายามหลบคลื่นของคุณระหว่างที่สวิง
    หมูเด้ง: ฮ่าๆ ฉันจะทำให้มันกระโดดสูงมาก! เราจะให้โชว์ที่ดีแก่ผู้ชม
    ลิง: พวกเขาจะต้องชอบแน่! มาพบกันที่สระหลังจากเรากินเสร็จนะ
    หมูเด้ง: เป็นแผน! เจอกันที่นั่นนะ ลิง!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Lunch (ลันช์) n. แปลว่า อาหารกลางวัน
    Banana (บะ-นา-นะ) n. แปลว่า กล้วย
    Nuts (นัทส์) n. แปลว่า ถั่ว
    Veggies (เวจ-จี้) n. แปลว่า ผัก
    Fruit (ฟรุต) n. แปลว่า ผลไม้
    Zookeeper (ซู-คีป-เพอร์) n. แปลว่า คนดูแลสวนสัตว์
    Healthy (เฮล-ธี) adj. แปลว่า สุขภาพดี
    Tasty (เทส-ที) adj. แปลว่า อร่อย
    Swing (สวิง) v. แปลว่า แกว่ง, โหน
    Run (รัน) v. แปลว่า วิ่ง
    Tag (แทก) n. แปลว่า การเล่นไล่จับ
    Splash (สแพลช) v. แปลว่า สาดน้ำ, กระเด็นน้ำ
    Wave (เวฟ) n. แปลว่า คลื่น
    Pool (พูล) n. แปลว่า สระน้ำ
    Visitor (วิซ-อิท-เทอะ) n. แปลว่า ผู้มาเยี่ยมชม
    https://www.youtube.com/watch?v=3KZYyhSAMaY บทสนทนาของหมูเด้งกับลิง (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาของหมูเด้งกับลิง มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #moodeng #babyhippo #listeningstory The conversations from the clip : Moo Deng : Hey, Monkey! What are you having for lunch today? Monkey : Hi, Moo Deng! I’ve got some bananas and nuts. What about you? Moo Deng : I’m having some veggies and fruit. The zookeepers gave me a big pile! Monkey : Veggies? That sounds healthy. Do you like it? Moo Deng : Yeah, it’s pretty tasty, especially the apples! But sometimes I wish I could eat more bananas like you. Monkey : Haha, bananas are my favorite! But apples are good too. You should come swing with me after lunch. Moo Deng : Swing? I’m not sure I’m built for that! But I can run really fast. Maybe we can play tag. Monkey : Tag sounds fun! But I bet you’d win, you’re faster than me on the ground. Moo Deng : How about we play by the water? I love splashing around! You can swing, and I’ll splash. Monkey : That sounds cool! I’ll swing over the water, and you can make a big splash when I jump. Moo Deng : Deal! The visitors will love it. I’m great at making big waves. Monkey : I bet! I’ll try to dodge your splashes while I’m swinging. Moo Deng : Haha, I’ll make sure to splash extra high! We’ll give the visitors a good show. Monkey : They’ll love it for sure! Let’s meet at the pool after we finish eating. Moo Deng : It’s a plan! See you there, Monkey! หมูเด้ง: เฮ้! ลิง! วันนี้คุณกินอะไรกลางวัน? ลิง: สวัสดี หมูเด้ง! ฉันมีกล้วยกับถั่วอยู่บ้าง แล้วคุณล่ะ? หมูเด้ง: ฉันกินผักและผลไม้ ซูคีปเปอร์ให้ผมมาฆ่าใหญ่เลย! ลิง: ผักเหรอ? ฟังดูดีต่อสุขภาพนะ คุณชอบไหม? หมูเด้ง: ใช่ มันอร่อยมาก โดยเฉพาะแอปเปิล! แต่บางครั้งฉันก็อยากกินกล้วยมากกว่านี้เหมือนคุณ ลิง: ฮ่าๆ กล้วยเป็นของโปรดของฉัน! แต่แอปเปิลก็อร่อยเหมือนกัน คุณควรมาสวิงกับฉันหลังอาหารกลางวันนะ หมูเด้ง: สวิง? ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเหมาะกับเรื่องนั้น! แต่ฉันวิ่งได้เร็วมาก อาจจะเล่นแค่จับตามกัน ลิง: การจับตามันสนุก! แต่ฉันว่าคุณชนะแน่ คุณเร็วกว่าฉันบนพื้น หมูเด้ง: งั้นเล่นใกล้ ๆ น้ำกันไหม? ฉันชอบเล่นน้ำ! คุณสามารถสวิงได้ ส่วนฉันจะกระโดดน้ำ ลิง: ฟังดูดี! ฉันจะสวิงเหนือผิวน้ำ และคุณสามารถสร้างคลื่นใหญ่เมื่อฉันกระโดด หมูเด้ง: ตกลง! นักท่องเที่ยวจะต้องชอบแน่ ฉันเก่งในการทำคลื่นใหญ่ ลิง: ฉันเชื่อว่าคุณทำได้! ฉันจะพยายามหลบคลื่นของคุณระหว่างที่สวิง หมูเด้ง: ฮ่าๆ ฉันจะทำให้มันกระโดดสูงมาก! เราจะให้โชว์ที่ดีแก่ผู้ชม ลิง: พวกเขาจะต้องชอบแน่! มาพบกันที่สระหลังจากเรากินเสร็จนะ หมูเด้ง: เป็นแผน! เจอกันที่นั่นนะ ลิง! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Lunch (ลันช์) n. แปลว่า อาหารกลางวัน Banana (บะ-นา-นะ) n. แปลว่า กล้วย Nuts (นัทส์) n. แปลว่า ถั่ว Veggies (เวจ-จี้) n. แปลว่า ผัก Fruit (ฟรุต) n. แปลว่า ผลไม้ Zookeeper (ซู-คีป-เพอร์) n. แปลว่า คนดูแลสวนสัตว์ Healthy (เฮล-ธี) adj. แปลว่า สุขภาพดี Tasty (เทส-ที) adj. แปลว่า อร่อย Swing (สวิง) v. แปลว่า แกว่ง, โหน Run (รัน) v. แปลว่า วิ่ง Tag (แทก) n. แปลว่า การเล่นไล่จับ Splash (สแพลช) v. แปลว่า สาดน้ำ, กระเด็นน้ำ Wave (เวฟ) n. แปลว่า คลื่น Pool (พูล) n. แปลว่า สระน้ำ Visitor (วิซ-อิท-เทอะ) n. แปลว่า ผู้มาเยี่ยมชม
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • หากท่านกำลังมองหาไฟท้ายรถบรรทุกคุณภาพดีอยู่ เรามีไฟท้ายรถบรรทุกแบบ 3 ตอน 60 LED ที่ตอบโจทย์ความต้องการของท่านได้อย่างลงตัว ไฟท้ายของเราผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการใช้งานหนักและสภาพอากาศที่แปรปรวน มั่นใจได้เลยว่าท่านจะได้รับไฟท้ายที่ใช้งานได้ยาวนาน
    **************************************
    คุณสมบัติเด่นของไฟท้ายรถบรรทุก 3 ตอน 60 LED
    • ใช้หลอด LED 60 ดวง ให้ความสว่างสูง ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
    • ตัวโคมผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูง ทนทานต่อการกระแทกและการกัดกร่อน
    • มีทั้งแบบสายไฟเปลือยและมีขั้วต่อไฟที่ได้มาตรฐานให้ท่านเลือก
    • การติดตั้งง่ายไม่ยุ่งยากเพียงยึดน๊อตไว้ 2 จุดเท่านั้น
    • รองรับแรงดันไฟฟ้าทั้ง 12V และ 24V ใช้งานได้ตรงรุ่น กับรถบรรทุก ISUZU ทุกรุ่นรวมถึงรถเทเลอร์และรถพ่วง
    **************************************
    การสั่งซื้อไฟท้ายรถบรรทุกคุณภาพดีวันนี้
    อย่าพลาดโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของไฟท้ายรถบรรทุกคุณภาพดีในราคาสุดคุ้ม สินค้าของเราตรงปก รับประกันความพึงพอใจ หากท่านสนใจ สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ด้านล่างนี้
    **************************************
    • เว็บไซต์: https://www.sbjshoponline.com/p/101
    • Line: @376gnalm
    • โทรศัพท์: 083-061-4654
    **************************************
    อย่ารอช้า! สั่งซื้อไฟท้ายรถบรรทุกคุณภาพเยี่ยมจากเรา แล้วสัมผัสกับความสว่างที่เหนือกว่าและความปลอดภัยในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น
    หากท่านกำลังมองหาไฟท้ายรถบรรทุกคุณภาพดีอยู่ เรามีไฟท้ายรถบรรทุกแบบ 3 ตอน 60 LED ที่ตอบโจทย์ความต้องการของท่านได้อย่างลงตัว ไฟท้ายของเราผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการใช้งานหนักและสภาพอากาศที่แปรปรวน มั่นใจได้เลยว่าท่านจะได้รับไฟท้ายที่ใช้งานได้ยาวนาน ************************************** คุณสมบัติเด่นของไฟท้ายรถบรรทุก 3 ตอน 60 LED • ใช้หลอด LED 60 ดวง ให้ความสว่างสูง ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน • ตัวโคมผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูง ทนทานต่อการกระแทกและการกัดกร่อน • มีทั้งแบบสายไฟเปลือยและมีขั้วต่อไฟที่ได้มาตรฐานให้ท่านเลือก • การติดตั้งง่ายไม่ยุ่งยากเพียงยึดน๊อตไว้ 2 จุดเท่านั้น • รองรับแรงดันไฟฟ้าทั้ง 12V และ 24V ใช้งานได้ตรงรุ่น กับรถบรรทุก ISUZU ทุกรุ่นรวมถึงรถเทเลอร์และรถพ่วง ************************************** การสั่งซื้อไฟท้ายรถบรรทุกคุณภาพดีวันนี้ อย่าพลาดโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของไฟท้ายรถบรรทุกคุณภาพดีในราคาสุดคุ้ม สินค้าของเราตรงปก รับประกันความพึงพอใจ หากท่านสนใจ สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ด้านล่างนี้ ************************************** • เว็บไซต์: https://www.sbjshoponline.com/p/101 • Line: @376gnalm • โทรศัพท์: 083-061-4654 ************************************** อย่ารอช้า! สั่งซื้อไฟท้ายรถบรรทุกคุณภาพเยี่ยมจากเรา แล้วสัมผัสกับความสว่างที่เหนือกว่าและความปลอดภัยในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10/10/67

    คุณ​หมอยุทธ​ โพธารามิก เขียนเล่าเรื่อง​สมัยทำงาน​เป็น​แพทย์​ที่แม่สอดไว้​หลายตอน​ อ่านสนุก​ ท่านมีอารมณ์​ขัน...

    ความทรงจำของฉัน
    ( ตอนที่ 1 )
    “มิตรต่างแดน”

    ปี 2509 ฉันไปรับราชการครั้งแรก ที่ ร.พ.แม่สอด จว.ตาก เป็น ร.พ.ขนาด 60 เตียง มีหมอ 3 คน ต้องอยู่เวร 24 ช.ม. วันเว้นวัน ( ยกเว้น ผู้อำนวยการ ) วันรุ่งขึ้น ต้องทำงานต่อตามปกติ เงินเดือนๆละ 2100 บาท ไม่มีเงินพิเศษเพิ่ม เหมือนสมัยนี้

    มี X-Ray 1 เครื่อง ใช้คนรถถ่ายภาพ ได้แค่ 2 ภาพ คือ ด้านตรง กับ ด้านข้าง
    ไม่มีหมอและพยาบาลดมยา ต้องใช้คนรถคนเดียวกันนี้ ดมยาอีเเทอร์
    มี เภสัชกร 1 คน
    มี พยาบาล ไม่มากนัก

    เราก็อยู่กันได้ และ ดูแลรักษาผู้ป่วยหลายหมื่นคน ให้ปลอดภัย
    จึงเป็นที่พึ่งแห่งเดียว ของประชาชน ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดตาก คือ อำเภอ อุ้มผาง . พบพระ. แม่สอด. แม่ระมาด. ท่าสองยาง. และ ชาวพม่า ชาวกะเหรี่ยง จากฝั่งตรงข้าม แม่น้ำเมย......

    หลังจาก ฉันอยู่ ร.พ. แม่สอด ได้ 1 เดือน
    วันหนึ่ง ขณะฉัน นั่งกินอาหารกลางวัน ที่ บาร์ริมตลิ่งแม่น้ำเมย เจ้าหน้าที่ ร.พ.แม่สอด ขี่จักรยาน มาตามฉัน ไปดูตนไข้ฉุกเฉิน
    ฉัน รีบขับรถประจำตำแหน่ง ( รถ Ambulance เก่าๆ ) ไป ร.พ.แม่สอด ทันที ซึ่งอยู่ห่างออกไป 7 ก.ม.

    ผู้ป่วย เป็นชาวกะเหรี่ยงสูงอายุ มาจาก ผาลู ฝั่งพะม่า ( ทางใต้ แม่สอด )
    มีอาการสำคัญ ปัสสาวะไม่ออก มา 2 วัน ทุรนทุราย ทุกข์ทรมาน
    ฉัน สวนปัสสาวะให้ ออกมาเป็นจำนวนมาก
    ความทุกข์ทรมาน หายเป็นปลิดทิ้ง

    ผู้ป่วย มองฉันด้วยสายตา ขอบคุณ พร้อมกับพูด ว่า
    “ Thank you, Doctor “

    ฉัน วินิจฉัยโรคได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือทันสมัย ( ซึ่งไม่มี ) ว่า เป็นโรค ต่อมลูกหมากโต
    จึงดำเนินการ ผ่าตัดต่อมลูกหมาก หายปลอดภัย กลับบ้านเรียบร้อย

    นับแต่วันนั้นมา สัมพันธ์ภาพอันจริงใจ เกิดขึ้นทันที และ ขยายวงกว้างขึ้น มากขึ้น จนปัจจุบัน นี้...

    ผู้ป่วย คือ ชายสูงอายุ ผมขาว ชื่อ ซอ โทเนาะ ชาวกะเหรี่ยง เรียก ปาตี้ วาโก้ ( ลุงผมขาว )
    ลุง โทเนาะ เป็นที่เคารพนับถือ ของกะเหรี่ยงคริสต์ และ KNU ( Karen National Union ) หรือ กอทูเล
    ลุง โทเนาะ มีลูกชาย 2 คน เป็น นายทหาร KNU ซึ่งกำลังรบอยู่กับพะม่า
    คนโต ชื่อ ร.อ. มูตู
    คนน้อง ชื่อ ร.ท. ซามิ

    ปัจจุบัน พ.ศ. 2564
    ซามิ ตายไปนานแล้วในสนามรบ
    มูตู ยังมีชีวิตอยู่ ( อายุมากกว่าฉัน 1 ปี ) มี ยศตำแหน่ง คือ
    พล.อ. มูตู ผบ.สูงสุด และ ประธานาธิบดี ของ KNU
    ซึ่งกำลังสู้รบ กับ ทหารพะม่า ของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ในทุกวันนี้...

    ตั้งแต่ อยู่แม่สอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ฉัน กับ KNU ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้จะเหินห่างกันบ้างตามกาลเวลา
    ในสมัยแรกๆนั้น ฉันสามารถเข้าออกในกองทัพกะเหรี่ยงได้ โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ตั้งแต่ อ.แม่สะเรียง จว.แม่ฮ่องสอน จนถึง ต.ห้วยน้ำขาว จว.กาญจนบุรี...

    KNU รักฉัน ไว้ใจฉัน ตั้งแต่ ประธานาธิบดี คณะรัฐมนตรี แม่ทัพนายกอง บุคคลสำคัญทั้งทหารและพลเรือน ( หลายคน เป็นคนไข้ของฉัน ตั้งแต่ ร.พ.แม่สอด ร.พ.สมุทรปราการ และ ร. พ. ราชวิถี )
    เขาอยากให้ ทุกอย่างแก่ฉัน ทั้งรูปธรรม และ นามธรรม เข่น Ruby Stone นกยูง นกขุนทอง ลูกหมี เขาเก้ง เขากวาง ไม้สัก แม้แต่กวางตัวเป็นๆ ฯลฯ

    ขอยกตัวอย่างให้ดู ดังนี้

    .... เพื่อนทหารไทยหาข่าวที่แม่สอด อยากไปค่ายทหารกะเหรี่ยง ขอให้ฉันพาไป
    ทหารกะเหรี่ยง ต้อนรับฉันเป็นอย่างดี โดยไม่ให้ความสำคัญกับทหารหาข่าวเลย
    กลับถึงแม่สอด เพื่อนเรียกฉันว่า
    Doctor Chivago... (ฮา)

    .... พ.อ.สุจินดา คราประยูร ( ยศขณะนั้น ) ขอให้ฉันไปหาข่าว นายทหารที่ลอบสังหาร พล.อ.เปรม แล้วหนีไปอยู่กับทหารกระเหรี่ยง ด้านห้วยน้ำขาว จว.กาญจนบุรี
    ฉันก็ไป.. กว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ประมาณ ตี 2

    .... ท่านทูตเดนมาร์ก และ ภรรยา ( ไทย ) อยากได้กวาง มาเลี้ยงที่สถานทูต แถวๆถนนสาธร โดยบอกผ่านเพื่อนฉัน
    ฉัน ก็ไป รับกวาง เพศเมีย 1 ตัว จากทหารกะเหรี่ยง ทางด้าน ห้วยน้ำขาว กาญจนบุรี
    กว่าจะผ่านด่าน ทหารกองพล.9 ถึงสถานทูต ก็เที่ยงคืนพอดี
    หิวและเหนื่อยพอสมควร ท่านทูตเลี้ยงอาหาร และให้ฉันตั้งชื่อ กวาง
    ฉัน ตั้งชื่อว่า กุสุมา..
    ...ตะละแม่ กุสุมา อยู่ดีกินดี อ้วนพี ขนเป็นมัน กินแต่ของต่างประเทศ เช่น แอบเปิล องุ่น สารพัดผลไม้จากเดนมาร์ก
    กุสุมา อยู่ในป่า อดๆอยากๆ กินแต่ มะขามป้อม ลูกตะขบ ( ฮา )

    จากความสัมพันธ์ระหว่างฉัน กับ KNU นี้ ทำให้ฉันไม่กล้าไปประเทศพะม่า จนบัดนี้ อย่างดี ก็แค่ เมียวดี และ ท่าขี้เหล็ก
    กลัวเข้าไปแล้ว ไม่ได้กลับ

    ท่าน นายกชาติชาย เคยชวนฉันไปพะม่ากับท่าน ในฐานะ State Visit
    ฉัน ปฏิเสธ
    ท่านพูดว่า “ กลัวอะไร ( ว่ะ ) ไปกับอั๊ว ไม่มีใครทำอะไรหมอหรอก “
    ฉันตอบว่า “ ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้อยู่กับท่าน 24 ช.ม. นี่ครับ “ ( ฮา )

    ... การ Take Side บางครั้งก็ทำให้เสียโอกาศ ได้เหมือนกัน นะครับ ....

    —————————-
    10/10/67 คุณ​หมอยุทธ​ โพธารามิก เขียนเล่าเรื่อง​สมัยทำงาน​เป็น​แพทย์​ที่แม่สอดไว้​หลายตอน​ อ่านสนุก​ ท่านมีอารมณ์​ขัน... ความทรงจำของฉัน ( ตอนที่ 1 ) “มิตรต่างแดน” ปี 2509 ฉันไปรับราชการครั้งแรก ที่ ร.พ.แม่สอด จว.ตาก เป็น ร.พ.ขนาด 60 เตียง มีหมอ 3 คน ต้องอยู่เวร 24 ช.ม. วันเว้นวัน ( ยกเว้น ผู้อำนวยการ ) วันรุ่งขึ้น ต้องทำงานต่อตามปกติ เงินเดือนๆละ 2100 บาท ไม่มีเงินพิเศษเพิ่ม เหมือนสมัยนี้ มี X-Ray 1 เครื่อง ใช้คนรถถ่ายภาพ ได้แค่ 2 ภาพ คือ ด้านตรง กับ ด้านข้าง ไม่มีหมอและพยาบาลดมยา ต้องใช้คนรถคนเดียวกันนี้ ดมยาอีเเทอร์ มี เภสัชกร 1 คน มี พยาบาล ไม่มากนัก เราก็อยู่กันได้ และ ดูแลรักษาผู้ป่วยหลายหมื่นคน ให้ปลอดภัย จึงเป็นที่พึ่งแห่งเดียว ของประชาชน ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดตาก คือ อำเภอ อุ้มผาง . พบพระ. แม่สอด. แม่ระมาด. ท่าสองยาง. และ ชาวพม่า ชาวกะเหรี่ยง จากฝั่งตรงข้าม แม่น้ำเมย...... หลังจาก ฉันอยู่ ร.พ. แม่สอด ได้ 1 เดือน วันหนึ่ง ขณะฉัน นั่งกินอาหารกลางวัน ที่ บาร์ริมตลิ่งแม่น้ำเมย เจ้าหน้าที่ ร.พ.แม่สอด ขี่จักรยาน มาตามฉัน ไปดูตนไข้ฉุกเฉิน ฉัน รีบขับรถประจำตำแหน่ง ( รถ Ambulance เก่าๆ ) ไป ร.พ.แม่สอด ทันที ซึ่งอยู่ห่างออกไป 7 ก.ม. ผู้ป่วย เป็นชาวกะเหรี่ยงสูงอายุ มาจาก ผาลู ฝั่งพะม่า ( ทางใต้ แม่สอด ) มีอาการสำคัญ ปัสสาวะไม่ออก มา 2 วัน ทุรนทุราย ทุกข์ทรมาน ฉัน สวนปัสสาวะให้ ออกมาเป็นจำนวนมาก ความทุกข์ทรมาน หายเป็นปลิดทิ้ง ผู้ป่วย มองฉันด้วยสายตา ขอบคุณ พร้อมกับพูด ว่า “ Thank you, Doctor “ ฉัน วินิจฉัยโรคได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือทันสมัย ( ซึ่งไม่มี ) ว่า เป็นโรค ต่อมลูกหมากโต จึงดำเนินการ ผ่าตัดต่อมลูกหมาก หายปลอดภัย กลับบ้านเรียบร้อย นับแต่วันนั้นมา สัมพันธ์ภาพอันจริงใจ เกิดขึ้นทันที และ ขยายวงกว้างขึ้น มากขึ้น จนปัจจุบัน นี้... ผู้ป่วย คือ ชายสูงอายุ ผมขาว ชื่อ ซอ โทเนาะ ชาวกะเหรี่ยง เรียก ปาตี้ วาโก้ ( ลุงผมขาว ) ลุง โทเนาะ เป็นที่เคารพนับถือ ของกะเหรี่ยงคริสต์ และ KNU ( Karen National Union ) หรือ กอทูเล ลุง โทเนาะ มีลูกชาย 2 คน เป็น นายทหาร KNU ซึ่งกำลังรบอยู่กับพะม่า คนโต ชื่อ ร.อ. มูตู คนน้อง ชื่อ ร.ท. ซามิ ปัจจุบัน พ.ศ. 2564 ซามิ ตายไปนานแล้วในสนามรบ มูตู ยังมีชีวิตอยู่ ( อายุมากกว่าฉัน 1 ปี ) มี ยศตำแหน่ง คือ พล.อ. มูตู ผบ.สูงสุด และ ประธานาธิบดี ของ KNU ซึ่งกำลังสู้รบ กับ ทหารพะม่า ของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ในทุกวันนี้... ตั้งแต่ อยู่แม่สอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ฉัน กับ KNU ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้จะเหินห่างกันบ้างตามกาลเวลา ในสมัยแรกๆนั้น ฉันสามารถเข้าออกในกองทัพกะเหรี่ยงได้ โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ตั้งแต่ อ.แม่สะเรียง จว.แม่ฮ่องสอน จนถึง ต.ห้วยน้ำขาว จว.กาญจนบุรี... KNU รักฉัน ไว้ใจฉัน ตั้งแต่ ประธานาธิบดี คณะรัฐมนตรี แม่ทัพนายกอง บุคคลสำคัญทั้งทหารและพลเรือน ( หลายคน เป็นคนไข้ของฉัน ตั้งแต่ ร.พ.แม่สอด ร.พ.สมุทรปราการ และ ร. พ. ราชวิถี ) เขาอยากให้ ทุกอย่างแก่ฉัน ทั้งรูปธรรม และ นามธรรม เข่น Ruby Stone นกยูง นกขุนทอง ลูกหมี เขาเก้ง เขากวาง ไม้สัก แม้แต่กวางตัวเป็นๆ ฯลฯ ขอยกตัวอย่างให้ดู ดังนี้ .... เพื่อนทหารไทยหาข่าวที่แม่สอด อยากไปค่ายทหารกะเหรี่ยง ขอให้ฉันพาไป ทหารกะเหรี่ยง ต้อนรับฉันเป็นอย่างดี โดยไม่ให้ความสำคัญกับทหารหาข่าวเลย กลับถึงแม่สอด เพื่อนเรียกฉันว่า Doctor Chivago... (ฮา) .... พ.อ.สุจินดา คราประยูร ( ยศขณะนั้น ) ขอให้ฉันไปหาข่าว นายทหารที่ลอบสังหาร พล.อ.เปรม แล้วหนีไปอยู่กับทหารกระเหรี่ยง ด้านห้วยน้ำขาว จว.กาญจนบุรี ฉันก็ไป.. กว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ประมาณ ตี 2 .... ท่านทูตเดนมาร์ก และ ภรรยา ( ไทย ) อยากได้กวาง มาเลี้ยงที่สถานทูต แถวๆถนนสาธร โดยบอกผ่านเพื่อนฉัน ฉัน ก็ไป รับกวาง เพศเมีย 1 ตัว จากทหารกะเหรี่ยง ทางด้าน ห้วยน้ำขาว กาญจนบุรี กว่าจะผ่านด่าน ทหารกองพล.9 ถึงสถานทูต ก็เที่ยงคืนพอดี หิวและเหนื่อยพอสมควร ท่านทูตเลี้ยงอาหาร และให้ฉันตั้งชื่อ กวาง ฉัน ตั้งชื่อว่า กุสุมา.. ...ตะละแม่ กุสุมา อยู่ดีกินดี อ้วนพี ขนเป็นมัน กินแต่ของต่างประเทศ เช่น แอบเปิล องุ่น สารพัดผลไม้จากเดนมาร์ก กุสุมา อยู่ในป่า อดๆอยากๆ กินแต่ มะขามป้อม ลูกตะขบ ( ฮา ) จากความสัมพันธ์ระหว่างฉัน กับ KNU นี้ ทำให้ฉันไม่กล้าไปประเทศพะม่า จนบัดนี้ อย่างดี ก็แค่ เมียวดี และ ท่าขี้เหล็ก กลัวเข้าไปแล้ว ไม่ได้กลับ ท่าน นายกชาติชาย เคยชวนฉันไปพะม่ากับท่าน ในฐานะ State Visit ฉัน ปฏิเสธ ท่านพูดว่า “ กลัวอะไร ( ว่ะ ) ไปกับอั๊ว ไม่มีใครทำอะไรหมอหรอก “ ฉันตอบว่า “ ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้อยู่กับท่าน 24 ช.ม. นี่ครับ “ ( ฮา ) ... การ Take Side บางครั้งก็ทำให้เสียโอกาศ ได้เหมือนกัน นะครับ .... —————————-
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9/10/67

    เที่ยวกาญจนบุรีด้วย SRT Royal Biossom
    พาเที่ยวสถานที่ต่างๆ พร้อม ข้าวกล่องเบนโตะ ห่อด้วยผ้าขาวม้า
    อสหารกลางวันที่สวนอาหาร
    อาหารเย็นเป็นข้าวกล่องบนทิวทัศน์บนรถไฟ
    ค่าบริการ 1799฿ /ท่าน รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว (ค่ารถไฟ รถบัส ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ อาหาร 3 มื้อ)

    ซื้อตั๋วได้ที่แอป:SRTD-Ticketและสถานีรถไฟทั่วประเทศ
    9/10/67 เที่ยวกาญจนบุรีด้วย SRT Royal Biossom พาเที่ยวสถานที่ต่างๆ พร้อม ข้าวกล่องเบนโตะ ห่อด้วยผ้าขาวม้า อสหารกลางวันที่สวนอาหาร อาหารเย็นเป็นข้าวกล่องบนทิวทัศน์บนรถไฟ ค่าบริการ 1799฿ /ท่าน รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว (ค่ารถไฟ รถบัส ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ อาหาร 3 มื้อ) ซื้อตั๋วได้ที่แอป:SRTD-Ticketและสถานีรถไฟทั่วประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 68 0 รีวิว
  • 8/10/67

    หิวยิ่งสุขภาพแข็งแรง

    สำนวนจีนโบราณว่าไว้...กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าปล่อยให้เหล่าทหารหิวโหย จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้รบ ความคิดนี้ถือว่าเก่าไปแล้ว เพราะมีการค้นพบใหม่ว่า "ความหิว" ส่งผลดีต่อร่างกายมนุษย์ แค่ปล่อยให้ท้องหิวมากกว่าอิ่ม สุขภาพก็จะแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ

    เมื่อรู้สึกหิว ยีนบางตัวจะเริ่มเคลื่อนไหว!!"โยะชิโนะริ นะงุโมะ" ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทรวงอกของญี่ปุ่น ค้นพบความลับนี้จากประสบการณ์ส่วนตัว ถามว่าทำไมการไม่กินอาหารตลอดเวลา และปล่อยให้ท้องร้องจ๊อกๆถึงดีต่อสุขภาพ คำตอบอยู่ที่ "ยืนช่วยให้รอดชีวิต"การกระตุ้น "ยืนช่วยให้รอดชีวิต" ฟื้นคืนชีพ จะช่วยให้มนุษย์เรามีอายุยืนและมีสุขภาพดี ซึ่ง

    "ยืนช่วยให้รอดชีวิต" จะปรากฏขึ้นเฉพาะตอนอดอยากเท่านั้น ยิ่งเราหิวเท่าไหร่ ความสามารถในการอยู่รอดก็จะยิ่งทำงานและทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้งในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้เผชิญกับภาวะอดอยาก หรือความเหน็บหนาว "ยีนช่วยให้รอดชีวิต" ก็จะไม่ทำงาน ยิ่งไปกว่านั้นการกินอย่างอิ่มหนำสำราญตลอดเวลาของมนุษย์ยุคนี้กลับทำให้ร่างกายแก่ชรา อัตราการเกิดลดลง และภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ตลอด 170,000 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ามนุษย์เพิงเริมได้กินอิ่มครบ 3 มื้อ เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา

    ซึ่งอย่างมากก็ไม่น่าจะถึง 100 ปี ประเทศญี่ปุ่นเองก็เพิ่งจะเริ่มกินอาหารวันละ 3 มื้อ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อันที่จริงมนุษย์เราเริ่ม กินอาหารตามเวลา มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็นก็หลังเกิดวัฒนธรรมการปลูกข้าวในจีนเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนหน้านั้นเป็นยุคของวัฒนธรรมการล่าสัตว์ ถ้าล่าสัตว์ไม่ได้ก็จะไม่มีอาหารกินไปหลายวัน

    ร่างกายของคนยุคปัจจุบันไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความอิ่มได้ เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเราได้รับยืนที่ช่วยให้รอดชีวิตจากการเผชิญกับสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย ต้องทนกับความอดอยากและเหน็บหนาว ทำให้มนุษย์เรามีโครงสร้างร่างกายที่สามารถปรับตัวเข้ากับความอดอยากและความเหน็บหนาวได้ แต่ไม่เหมาะกับความอิ่มเลย!!

    "โรคเบาหวาน" ถือเป็นหนึ่งในปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเพื่อปรับตัวให้รอดชีวิตในยุคสมัยนี้ ยุคของการกินอย่างอิ่มหนำสำราญ ซึ่งขัดกับธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ความลับของการปล่อยให้ท้องร้องจ๊อกๆ และการกินอาหารวันละมื้อ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกสุดเมื่อเริ่มกินอาหารวันละมื้อคือ อาการรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน ตรงปากทางเข้าของลำไส้เล็กในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดจะมีเซ็นเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่

    ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมา ลำไส้เล็กจะรีบหลั่งฮอร์โมนโมติลินสำหรับย่อยอาหาร ซึ่งทำให้กระเพาะอาหาร บีบตัว เพื่อส่งของกินที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เป็นการบีบตัวเมื่อหิวและทำให้เกิดอาการท้องร้องจ๊อกๆ

    ถ้าเราปล่อยให้ท้องร้องจ๊อกๆอยู่อย่างนั้น โดยไม่กินอะไรเลย กระเพาะอาหารจะหลั่งฮอร์โมนเกรลินออกมา ซึ่งจะออกฤทธิ์ที่สมองทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่งโกรทฮอร์โมนออกมา ซึ่งก็คือฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว นี่เองคือความลับของการปล่อยให้ท้องร้อง จ๊อกๆเพราะความหิว


    ถึงท้องจะร้องดังแค่ไหนก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ปล่อยตัวเองให้เพลิดเพลินกับโกรทฮอร์โมนสักครู่ เพื่อทำให้เรากลับไปเป็นหนุ่มสาว ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆนี่ล่ะ ความสามารถในการอยู่รอดจะพุ่งพล่านขึ้นมา บ่งบอกว่าได้เวลาทำงานของ "ยืนต่ออายุขัย" (ยืนเซอร์ทูอิน) ที่ขึ้นชื่อว่าจะทำให้อายุยืน จากการทดลองกับสัตว์ทุกชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่าตัว

    การกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัว แต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ ลองมาทำให้ท้องร้องจ๊อกๆด้วยการกินอาหารวันละมื้อ โดยเลือกตามไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสม แล้ว ยืนต่ออายุขัยจะช่วยสแกนยืนในร่างกายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับค่อยๆฟื้นฟูส่วนที่เสียหายความแก่ชราและโรคมะเร็งล้วนเกิดจากความผิดปกติของยืน เราสามารถกลับไปเป็นหนุ่มนุ่มสาวได้และป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็ง ด้วยการกินอาหารวันละมื้อ

    cr:www.thairath.co.th

    8/10/67 หิวยิ่งสุขภาพแข็งแรง สำนวนจีนโบราณว่าไว้...กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าปล่อยให้เหล่าทหารหิวโหย จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้รบ ความคิดนี้ถือว่าเก่าไปแล้ว เพราะมีการค้นพบใหม่ว่า "ความหิว" ส่งผลดีต่อร่างกายมนุษย์ แค่ปล่อยให้ท้องหิวมากกว่าอิ่ม สุขภาพก็จะแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อรู้สึกหิว ยีนบางตัวจะเริ่มเคลื่อนไหว!!"โยะชิโนะริ นะงุโมะ" ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทรวงอกของญี่ปุ่น ค้นพบความลับนี้จากประสบการณ์ส่วนตัว ถามว่าทำไมการไม่กินอาหารตลอดเวลา และปล่อยให้ท้องร้องจ๊อกๆถึงดีต่อสุขภาพ คำตอบอยู่ที่ "ยืนช่วยให้รอดชีวิต"การกระตุ้น "ยืนช่วยให้รอดชีวิต" ฟื้นคืนชีพ จะช่วยให้มนุษย์เรามีอายุยืนและมีสุขภาพดี ซึ่ง "ยืนช่วยให้รอดชีวิต" จะปรากฏขึ้นเฉพาะตอนอดอยากเท่านั้น ยิ่งเราหิวเท่าไหร่ ความสามารถในการอยู่รอดก็จะยิ่งทำงานและทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้งในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้เผชิญกับภาวะอดอยาก หรือความเหน็บหนาว "ยีนช่วยให้รอดชีวิต" ก็จะไม่ทำงาน ยิ่งไปกว่านั้นการกินอย่างอิ่มหนำสำราญตลอดเวลาของมนุษย์ยุคนี้กลับทำให้ร่างกายแก่ชรา อัตราการเกิดลดลง และภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ตลอด 170,000 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ามนุษย์เพิงเริมได้กินอิ่มครบ 3 มื้อ เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งอย่างมากก็ไม่น่าจะถึง 100 ปี ประเทศญี่ปุ่นเองก็เพิ่งจะเริ่มกินอาหารวันละ 3 มื้อ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อันที่จริงมนุษย์เราเริ่ม กินอาหารตามเวลา มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็นก็หลังเกิดวัฒนธรรมการปลูกข้าวในจีนเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนหน้านั้นเป็นยุคของวัฒนธรรมการล่าสัตว์ ถ้าล่าสัตว์ไม่ได้ก็จะไม่มีอาหารกินไปหลายวัน ร่างกายของคนยุคปัจจุบันไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความอิ่มได้ เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเราได้รับยืนที่ช่วยให้รอดชีวิตจากการเผชิญกับสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย ต้องทนกับความอดอยากและเหน็บหนาว ทำให้มนุษย์เรามีโครงสร้างร่างกายที่สามารถปรับตัวเข้ากับความอดอยากและความเหน็บหนาวได้ แต่ไม่เหมาะกับความอิ่มเลย!! "โรคเบาหวาน" ถือเป็นหนึ่งในปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเพื่อปรับตัวให้รอดชีวิตในยุคสมัยนี้ ยุคของการกินอย่างอิ่มหนำสำราญ ซึ่งขัดกับธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ความลับของการปล่อยให้ท้องร้องจ๊อกๆ และการกินอาหารวันละมื้อ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกสุดเมื่อเริ่มกินอาหารวันละมื้อคือ อาการรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน ตรงปากทางเข้าของลำไส้เล็กในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดจะมีเซ็นเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมา ลำไส้เล็กจะรีบหลั่งฮอร์โมนโมติลินสำหรับย่อยอาหาร ซึ่งทำให้กระเพาะอาหาร บีบตัว เพื่อส่งของกินที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เป็นการบีบตัวเมื่อหิวและทำให้เกิดอาการท้องร้องจ๊อกๆ ถ้าเราปล่อยให้ท้องร้องจ๊อกๆอยู่อย่างนั้น โดยไม่กินอะไรเลย กระเพาะอาหารจะหลั่งฮอร์โมนเกรลินออกมา ซึ่งจะออกฤทธิ์ที่สมองทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่งโกรทฮอร์โมนออกมา ซึ่งก็คือฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว นี่เองคือความลับของการปล่อยให้ท้องร้อง จ๊อกๆเพราะความหิว ถึงท้องจะร้องดังแค่ไหนก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ปล่อยตัวเองให้เพลิดเพลินกับโกรทฮอร์โมนสักครู่ เพื่อทำให้เรากลับไปเป็นหนุ่มสาว ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆนี่ล่ะ ความสามารถในการอยู่รอดจะพุ่งพล่านขึ้นมา บ่งบอกว่าได้เวลาทำงานของ "ยืนต่ออายุขัย" (ยืนเซอร์ทูอิน) ที่ขึ้นชื่อว่าจะทำให้อายุยืน จากการทดลองกับสัตว์ทุกชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่าตัว การกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัว แต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ ลองมาทำให้ท้องร้องจ๊อกๆด้วยการกินอาหารวันละมื้อ โดยเลือกตามไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสม แล้ว ยืนต่ออายุขัยจะช่วยสแกนยืนในร่างกายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับค่อยๆฟื้นฟูส่วนที่เสียหายความแก่ชราและโรคมะเร็งล้วนเกิดจากความผิดปกติของยืน เราสามารถกลับไปเป็นหนุ่มนุ่มสาวได้และป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็ง ด้วยการกินอาหารวันละมื้อ cr:www.thairath.co.th
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆พิชิตเขาหลวงสุโขทัย EP.1
    》นัดเจอรถตู้ (vip) และเพื่อนๆที่จะไปพิชิตเขาหลวงสุโขทัย
    》》ที่ ทางเข้า MRTจตุจักร ประตู 3
    ลานจอดรถ
    ☆วันที่ 4 ตุลาคม ออกเดินทาง 21:00 น.
    ☆เช้ามืดวันที่ 5 ตุลาคม
    แวะตลาด และ ร้านเซเว่น เพื่อเตรียมอาหารกินมื้อเช้า และ มื้อกลางวัน
    ส่วนมื้อเย็น ข้างบนยอดเขาหลวงสุโขทัย มีข้าวไข่เจียวจำหน่าย ค้างคืนบนเขา 1 คืน
    ระยะทางจากอุทยานรามคำแหง ถึง ยอดเขาหลวงสุโขทัย 3.7 กม. ใช้เวลาเดิน 4-5 ช.ม.
    ☆วันที่ 6 ตุลาคม ชมพระอาทิตย์ขึ้น กินข้าวเช้าบนเขาหลวงสุโขทัย พร้อมเดินลง ใช้เวลาเดิน 2-3 ช.ม.
    อาบน้ำ ขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ
    》》ค่ารถตู้คนละ 1,200 บาท
    ท่านใดสนใจทริปไหนก็ติดต่อ
    ☆หวาน หวาน อัพ จี
    》》
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100007026153834&mibextid=ZbWKwL
    《《
    ได้เลย
    มะนาวก้าวเดิน เดินทางรถตู้พี่จ่าบ่อยมาก และ ปีนี้ก็ยังมีอีกหลายทริปที่จะไปอีก
    》》แล้วตาม มะนาวก้าวเดิน ไปเขาหลวงสุโขทัย กันนนน《《
    ☆พิชิตเขาหลวงสุโขทัย EP.1
    ●ชมวีดีโอ
    》》
    https://youtu.be/gtQGE_vJRqA?si=fmNI6J5Qo4MexV_e
    ☆พิชิตเขาหลวงสุโขทัย EP.2
    ●ชมวีดีโอ
    》》
    https://youtu.be/z0Gr1LC5tDU?si=EZxuvdp3IMkKQTdu
    ☆พิชิตเขาหลวงสุโขทัย EP.3
    ●ชมวีดีโอ
    》》
    https://youtu.be/pqGM-u7fUa4?si=AOnYPH7GlOSpN2i5
    ■■■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #พิชิตเขาหลวงสุโขทัย #เขาหลวงสุโขทัย #หารเฉลี่ยรถรับส่งภูสอยดาวByพี่จ่า #พิชิตเขาหลวงสุโขทัย
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ☆พิชิตเขาหลวงสุโขทัย EP.1 》นัดเจอรถตู้ (vip) และเพื่อนๆที่จะไปพิชิตเขาหลวงสุโขทัย 》》ที่ ทางเข้า MRTจตุจักร ประตู 3 ลานจอดรถ ☆วันที่ 4 ตุลาคม ออกเดินทาง 21:00 น. ☆เช้ามืดวันที่ 5 ตุลาคม แวะตลาด และ ร้านเซเว่น เพื่อเตรียมอาหารกินมื้อเช้า และ มื้อกลางวัน ส่วนมื้อเย็น ข้างบนยอดเขาหลวงสุโขทัย มีข้าวไข่เจียวจำหน่าย ค้างคืนบนเขา 1 คืน ระยะทางจากอุทยานรามคำแหง ถึง ยอดเขาหลวงสุโขทัย 3.7 กม. ใช้เวลาเดิน 4-5 ช.ม. ☆วันที่ 6 ตุลาคม ชมพระอาทิตย์ขึ้น กินข้าวเช้าบนเขาหลวงสุโขทัย พร้อมเดินลง ใช้เวลาเดิน 2-3 ช.ม. อาบน้ำ ขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ 》》ค่ารถตู้คนละ 1,200 บาท ท่านใดสนใจทริปไหนก็ติดต่อ ☆หวาน หวาน อัพ จี 》》 https://www.facebook.com/profile.php?id=100007026153834&mibextid=ZbWKwL 《《 ได้เลย มะนาวก้าวเดิน เดินทางรถตู้พี่จ่าบ่อยมาก และ ปีนี้ก็ยังมีอีกหลายทริปที่จะไปอีก 》》แล้วตาม มะนาวก้าวเดิน ไปเขาหลวงสุโขทัย กันนนน《《 ☆พิชิตเขาหลวงสุโขทัย EP.1 ●ชมวีดีโอ 》》 https://youtu.be/gtQGE_vJRqA?si=fmNI6J5Qo4MexV_e ☆พิชิตเขาหลวงสุโขทัย EP.2 ●ชมวีดีโอ 》》 https://youtu.be/z0Gr1LC5tDU?si=EZxuvdp3IMkKQTdu ☆พิชิตเขาหลวงสุโขทัย EP.3 ●ชมวีดีโอ 》》 https://youtu.be/pqGM-u7fUa4?si=AOnYPH7GlOSpN2i5 ■■■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #พิชิตเขาหลวงสุโขทัย #เขาหลวงสุโขทัย #หารเฉลี่ยรถรับส่งภูสอยดาวByพี่จ่า #พิชิตเขาหลวงสุโขทัย #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 568 มุมมอง 373 0 รีวิว
  • เรื่องน้ำๆ ในความทรงจำ

    เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายล่าสุดนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ราวปี 41-42 ซึ่งเป็นช่วงต่อเนื่องของวิกฤติต้มยำกุ้ง การจะมีงานทำเป็นเรื่องแสนสาหัสมาก วันหนึ่ง กรมฯ ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เปิดรับสมัครข้าราชการ 3 อัตรา ข้าพเจ้าซึ่งยังไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหลังจบมา ได้ไปสมัครสอบแข่งขันร่วมกับผู้คนหลากหลายพันคน โดยข้อสอบมีทั้งแบบปรนัยและอัตนัย เมื่อประกาศผลสอบ มีผู้ผ่านข้อเขียนเพียง 6 คน แน่นอนข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้น ความหวังมาล้นปรี่ แถมแอบฝันเล็กน้อย คือข้าพเจ้าอยากทำงานที่ได้รับใช้ใกล้ชิดในหลวง ร.9 และรู้ว่าในหลวง ร.9 ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำมาก การได้ทำงานในกรมฯ นี้ จะทำให้ฝันกลางวันของข้าพเจ้า เป็นจริง
    มาถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าจำอีก 5 คนที่เหลือไม่ได้แล้ว จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงกี่คนผู้ชายกี่คน พวกเราไม่ได้คุยกัน แต่ละคนอยู่ในมุมเงียบของตัวเอง บอกตามตรง ข้าพเจ้าไม่ตื่นเต้นกับการ สัมภาษณ์เลย เพราะก่อนจะมาถึงจุดนี้ ข้าพเจ้าผ่านการสัมภาษณ์มาอย่างโชกโชน อย่าลืมว่ามันเป็นช่วงวิกฤติ งานไม่มี แต่ถ้าส่งจดหมายสมัครงานไปที่ไหน เขาก็เรียกเราไปสัมภาษณ์เสมอ คงจะกลัวเราเหงาและคิดมาก เรื่องการสัมภาษณ์งานในช่วงนั้น สามารถเขียนได้อีกยาว แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าจะเป็นแบบนี้ ไปด้วยความหวัง ออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความห่อเหี่ยว พ้นประตูบริษัทด้วยใจที่รู้ว่าชีวิตต้องไปต่อ แต่การสัมภาษณ์ที่กรมฯ ในวันนั้น ข้าพเจ้าออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยอาการแบบที่เรียกว่าน้ำท่วมปากระดับน้ำล้นมาถึงจมูกจนสำลักน้ำ
    กรรมการสัมภาษณ์ เป็นสุภาพสตรี 3 ท่าน การสัมภาษณ์เริ่มด้วยบทสนทนาทั่วไป แนะนำตัว การศึกษา ครอบครัว ต่อมาก็เป็นคำตอบในข้อสอบอัตนัย ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่ามีคำถามอะไรบ้าง มีกี่ข้อ แต่จำได้ว่ากรรมการฯ สนใจคำตอบของข้าพเจ้าอยู่สองข้อ ข้อหนึ่งให้อธิบายความสัมพันธ์อะไรสักอย่างของน้ำ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว แต่คำตอบข้อนี้ ในหน้ากระดาษคำตอบว่างๆ ข้าพเจ้าเขียนแค่ สมการคณิตศาสตร์ พร้อมกับคำนิยามตัวแปรแต่ละตัว กรรมการฯ ถามว่า สมการได้มาอย่างไร ข้าพเจ้าอธิบายว่า ข้าพเจ้าสร้างโมเดลคณิตศาสตร์ในกระดาษทด กำหนดตัวแปร สร้างความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของตัวแปรแต่ละตัว แล้วแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์จนได้ความสัมพันธ์ออกมา กรรมการถามว่า สมการถูกไหม ข้าพเจ้าตอบทันทีว่าไม่แม่นยำ ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าแก้สมการผิด แต่เป็นเพราะมีเวลาจำกัด โมเดลเลยหยาบเกินไป ขาดตัวแปรอีกหลายตัว ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ความถูกต้องจะมากขึ้น
    ดูกรรมการจะทึ่ง และทำให้รู้ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเดียวที่ตอบแบบนี้ อันนี้ต้องขอบคุณ นีลส์ โบร์(Niels Bohr) ตอนสอบจบปริญญาเอก โบร์ ส่งกระดาษแผ่นเดียว ที่เขียนสมการคณิตศาสตร์อธิบาย โครงสร้างอะตอม ข้าพเจ้าแค่ยืมวิธีของโบร์มาใช้
    อีกข้อคือทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ แน่นอนข้าพเจ้าซ่อนความฝันและความจริงไว้ คือ อยากมีงานทำมั่นคง แต่คำตอบของข้าพเจ้ามาจากประสบการณ์ตรง ข้าพเจ้ามักจะไปช่วยเพื่อน ทำนาเกี่ยวข้าวเสมอ ในปีที่น้ำดี ชีวิตมันก็ดีไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าฟ้าฝนไม่ดี เพื่อนของข้าพเจ้า จะขาดโรงเรียน ข้าวยืนต้นตาย เพื่อนต้องไปรับจ้าง บางคนต้องออกจากการศึกษา เพราะต้องติดตามครอบครัวไปขายแรงงานในเมืองใหญ่ น้ำคือชีวิตจริงจริง เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ นี้ ข้าพเจ้าสามารถตอบได้ทันทีว่า ต้องการสำรวจแหล่งน้ำ จัดสร้างแหล่งน้ำ วางระบบชลประทาน เพื่อให้พี่น้องคนไทย มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง จริงจริงแล้วตอนเจอคำถามครั้งแรก ข้าพเจ้าไม่ได้นึกถึงภาพใหญ่ขนาดนั้น ข้าพเจ้าแค่นึกถึงเพื่อน แค่คิดว่าถ้าเพื่อนมีแหล่งน้ำ เพื่อนก็ไม่ต้องขาดเรียน แล้วก็คิดต่อไปว่า ถ้าหมู่บ้าน ตำบลมีแหล่งน้ำ หลายครอบครัวไม่ต้องอพยพ แล้วมันถึงค่อยเลยเถิดไปถึงการคิดจัดทำแหล่งน้ำและวางระบบเชื่อมโยงระดับประเทศ ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย ในกระดาษคำตอบ ที่จำได้เพราะ กรรมการฯ บอกว่า งานในตำแหน่งนี้ คือ เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการวัดคุณภาพน้ำ ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ข้าพเจ้าบรรยายเลย (กรรมแท้!) อย่างไรก็ตาม กรรมการแจ้งว่า ข้าพเจ้าได้คะแนนในส่วนอัตนัยดีเยี่ยม
    อะไรๆ มักจะเริ่มแบบนี้เสมอ สงบ สันติ คำชื่นชม สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 21-22 มันยิ้มไม่หุบ ความฝันความหวังมันอยู่ตรงหน้า แต่แล้วชีวิตมันก็ฟาดเปรี้ยง ดูเหมือนมันจะเริ่มด้วยประโยคแบบ รู้สึกเสียดายและเสียใจ ที่จะ ต้องแจ้งให้ทราบว่า ทั้งสามตำแหน่งมีคนในอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจำได้อีกอย่างว่า แม้แต่กรรมการก็รู้สึกแบบไม่อยากจะพูดเหมือนกัน ในส่วนของข้าพเจ้า ก็แบบที่แจ้งให้ทราบมันอยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก รู้สึกในหัวมันแบบ โหวงๆ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่าจบการสัมภาษณ์กันยังไง แต่ดูเหมือนข้าพเจ้าจะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่เหมือนกับว่า มันรู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องแบบนี้ เราโตมาแบบ คนใน เด็กท่าน นายสั่งมา ประมาณนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีกี่คนที่ได้รับการบอกตรงๆ แบบข้าพเจ้า เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่า ก็ดีเหมือนกัน คือ ไม่มีอะไรติดค้างว่าทำไมข้าพเจ้าถึงไม่ได้ ออกจะรู้สึกขอบคุณที่กรรมการฯ กล้าหาญพอที่จะแจ้งให้ทราบ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องบอกก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้ากลับมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพ เพียงแค่ว่าโอกาสยังมาไม่ถึง อย่างที่บอก ชีวิตในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ไม่มีเวลาให้เราอาลัยอาวรณ์ หรือฟูมฟาย เมื่อเดินออกจากกรมฯ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบเสียดายแล้ว แค่กลับที่พัก หาอะไรกิน ตี่นมามีลมหายใจ ก็ออกไปท้าทายวิกฤติต่อ เรื่องก็มีเท่านี้

    เครดิตภาพ: ผู้จัดการออนไลน์
    เรื่องน้ำๆ ในความทรงจำ เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายล่าสุดนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ราวปี 41-42 ซึ่งเป็นช่วงต่อเนื่องของวิกฤติต้มยำกุ้ง การจะมีงานทำเป็นเรื่องแสนสาหัสมาก วันหนึ่ง กรมฯ ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เปิดรับสมัครข้าราชการ 3 อัตรา ข้าพเจ้าซึ่งยังไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหลังจบมา ได้ไปสมัครสอบแข่งขันร่วมกับผู้คนหลากหลายพันคน โดยข้อสอบมีทั้งแบบปรนัยและอัตนัย เมื่อประกาศผลสอบ มีผู้ผ่านข้อเขียนเพียง 6 คน แน่นอนข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้น ความหวังมาล้นปรี่ แถมแอบฝันเล็กน้อย คือข้าพเจ้าอยากทำงานที่ได้รับใช้ใกล้ชิดในหลวง ร.9 และรู้ว่าในหลวง ร.9 ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำมาก การได้ทำงานในกรมฯ นี้ จะทำให้ฝันกลางวันของข้าพเจ้า เป็นจริง มาถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าจำอีก 5 คนที่เหลือไม่ได้แล้ว จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงกี่คนผู้ชายกี่คน พวกเราไม่ได้คุยกัน แต่ละคนอยู่ในมุมเงียบของตัวเอง บอกตามตรง ข้าพเจ้าไม่ตื่นเต้นกับการ สัมภาษณ์เลย เพราะก่อนจะมาถึงจุดนี้ ข้าพเจ้าผ่านการสัมภาษณ์มาอย่างโชกโชน อย่าลืมว่ามันเป็นช่วงวิกฤติ งานไม่มี แต่ถ้าส่งจดหมายสมัครงานไปที่ไหน เขาก็เรียกเราไปสัมภาษณ์เสมอ คงจะกลัวเราเหงาและคิดมาก เรื่องการสัมภาษณ์งานในช่วงนั้น สามารถเขียนได้อีกยาว แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าจะเป็นแบบนี้ ไปด้วยความหวัง ออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความห่อเหี่ยว พ้นประตูบริษัทด้วยใจที่รู้ว่าชีวิตต้องไปต่อ แต่การสัมภาษณ์ที่กรมฯ ในวันนั้น ข้าพเจ้าออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยอาการแบบที่เรียกว่าน้ำท่วมปากระดับน้ำล้นมาถึงจมูกจนสำลักน้ำ กรรมการสัมภาษณ์ เป็นสุภาพสตรี 3 ท่าน การสัมภาษณ์เริ่มด้วยบทสนทนาทั่วไป แนะนำตัว การศึกษา ครอบครัว ต่อมาก็เป็นคำตอบในข้อสอบอัตนัย ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่ามีคำถามอะไรบ้าง มีกี่ข้อ แต่จำได้ว่ากรรมการฯ สนใจคำตอบของข้าพเจ้าอยู่สองข้อ ข้อหนึ่งให้อธิบายความสัมพันธ์อะไรสักอย่างของน้ำ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว แต่คำตอบข้อนี้ ในหน้ากระดาษคำตอบว่างๆ ข้าพเจ้าเขียนแค่ สมการคณิตศาสตร์ พร้อมกับคำนิยามตัวแปรแต่ละตัว กรรมการฯ ถามว่า สมการได้มาอย่างไร ข้าพเจ้าอธิบายว่า ข้าพเจ้าสร้างโมเดลคณิตศาสตร์ในกระดาษทด กำหนดตัวแปร สร้างความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของตัวแปรแต่ละตัว แล้วแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์จนได้ความสัมพันธ์ออกมา กรรมการถามว่า สมการถูกไหม ข้าพเจ้าตอบทันทีว่าไม่แม่นยำ ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าแก้สมการผิด แต่เป็นเพราะมีเวลาจำกัด โมเดลเลยหยาบเกินไป ขาดตัวแปรอีกหลายตัว ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ความถูกต้องจะมากขึ้น ดูกรรมการจะทึ่ง และทำให้รู้ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเดียวที่ตอบแบบนี้ อันนี้ต้องขอบคุณ นีลส์ โบร์(Niels Bohr) ตอนสอบจบปริญญาเอก โบร์ ส่งกระดาษแผ่นเดียว ที่เขียนสมการคณิตศาสตร์อธิบาย โครงสร้างอะตอม ข้าพเจ้าแค่ยืมวิธีของโบร์มาใช้ อีกข้อคือทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ แน่นอนข้าพเจ้าซ่อนความฝันและความจริงไว้ คือ อยากมีงานทำมั่นคง แต่คำตอบของข้าพเจ้ามาจากประสบการณ์ตรง ข้าพเจ้ามักจะไปช่วยเพื่อน ทำนาเกี่ยวข้าวเสมอ ในปีที่น้ำดี ชีวิตมันก็ดีไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าฟ้าฝนไม่ดี เพื่อนของข้าพเจ้า จะขาดโรงเรียน ข้าวยืนต้นตาย เพื่อนต้องไปรับจ้าง บางคนต้องออกจากการศึกษา เพราะต้องติดตามครอบครัวไปขายแรงงานในเมืองใหญ่ น้ำคือชีวิตจริงจริง เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ นี้ ข้าพเจ้าสามารถตอบได้ทันทีว่า ต้องการสำรวจแหล่งน้ำ จัดสร้างแหล่งน้ำ วางระบบชลประทาน เพื่อให้พี่น้องคนไทย มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง จริงจริงแล้วตอนเจอคำถามครั้งแรก ข้าพเจ้าไม่ได้นึกถึงภาพใหญ่ขนาดนั้น ข้าพเจ้าแค่นึกถึงเพื่อน แค่คิดว่าถ้าเพื่อนมีแหล่งน้ำ เพื่อนก็ไม่ต้องขาดเรียน แล้วก็คิดต่อไปว่า ถ้าหมู่บ้าน ตำบลมีแหล่งน้ำ หลายครอบครัวไม่ต้องอพยพ แล้วมันถึงค่อยเลยเถิดไปถึงการคิดจัดทำแหล่งน้ำและวางระบบเชื่อมโยงระดับประเทศ ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย ในกระดาษคำตอบ ที่จำได้เพราะ กรรมการฯ บอกว่า งานในตำแหน่งนี้ คือ เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการวัดคุณภาพน้ำ ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ข้าพเจ้าบรรยายเลย (กรรมแท้!) อย่างไรก็ตาม กรรมการแจ้งว่า ข้าพเจ้าได้คะแนนในส่วนอัตนัยดีเยี่ยม อะไรๆ มักจะเริ่มแบบนี้เสมอ สงบ สันติ คำชื่นชม สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 21-22 มันยิ้มไม่หุบ ความฝันความหวังมันอยู่ตรงหน้า แต่แล้วชีวิตมันก็ฟาดเปรี้ยง ดูเหมือนมันจะเริ่มด้วยประโยคแบบ รู้สึกเสียดายและเสียใจ ที่จะ ต้องแจ้งให้ทราบว่า ทั้งสามตำแหน่งมีคนในอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจำได้อีกอย่างว่า แม้แต่กรรมการก็รู้สึกแบบไม่อยากจะพูดเหมือนกัน ในส่วนของข้าพเจ้า ก็แบบที่แจ้งให้ทราบมันอยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก รู้สึกในหัวมันแบบ โหวงๆ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่าจบการสัมภาษณ์กันยังไง แต่ดูเหมือนข้าพเจ้าจะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่เหมือนกับว่า มันรู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องแบบนี้ เราโตมาแบบ คนใน เด็กท่าน นายสั่งมา ประมาณนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีกี่คนที่ได้รับการบอกตรงๆ แบบข้าพเจ้า เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่า ก็ดีเหมือนกัน คือ ไม่มีอะไรติดค้างว่าทำไมข้าพเจ้าถึงไม่ได้ ออกจะรู้สึกขอบคุณที่กรรมการฯ กล้าหาญพอที่จะแจ้งให้ทราบ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องบอกก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้ากลับมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพ เพียงแค่ว่าโอกาสยังมาไม่ถึง อย่างที่บอก ชีวิตในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ไม่มีเวลาให้เราอาลัยอาวรณ์ หรือฟูมฟาย เมื่อเดินออกจากกรมฯ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบเสียดายแล้ว แค่กลับที่พัก หาอะไรกิน ตี่นมามีลมหายใจ ก็ออกไปท้าทายวิกฤติต่อ เรื่องก็มีเท่านี้ เครดิตภาพ: ผู้จัดการออนไลน์
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย!
    บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น
    .
    ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน
    .
    นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้
    .
    ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ
    .
    คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ
    .
    แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย! บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น . ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน . นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้ . ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ . คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ . แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 777 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย!
    บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น
    .
    ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน
    .
    นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้
    .
    ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ
    .
    คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ
    .
    แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย! บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น . ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน . นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้ . ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ . คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ . แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 776 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠

    😎#ออกจากประตูหยก😎

    🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸

    🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸

    😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎

    🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก

    🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸

    🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)

    รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸

    😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎

    🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก

    เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸

    เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸

    😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎

    🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา

    🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก

    🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก

    🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล

    บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸

    หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸

    🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02.
    #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠 😎#ออกจากประตูหยก😎 🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸 🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸 😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎 🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก 🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸 🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸 😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎 🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸 เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸 😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎 🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา 🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก 🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก 🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸 หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸 🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02. #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • มื้อกลางวันแห่งสมุทรสงครามมีชื่อร้านนี้แน่นอน เพราะดูจากบรรยากาศร้านที่กว้างขวางทั้งที่นั่งและที่จอดรถแล้ว ตั้งแต่ทางเดินเข้าร้าน มีของฝากของทานเล่นและอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อของทางร้านวางรอจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก
    อาหารที่นี่มีขนาดให้เลือก เล็ก/ใหญ่ สอบถามทางร้านก่อนสั่งได้อย่าเพิ่งวู่วาม😆

    ข้าวผัดปู (จานเล็ก) ที่ไม่เล็ก ข้าวเม็ดร่วน ใส่เนื้อปูมาค่อนข้างเยอะ ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดลงตัวดีมาก
    หอยหลอดผัดฉ่า หอมใบโหระพา ผัดมาไม่แห้ง รสหวานนิดหน่อย ส่วนตัวใช้น้ำจิ้มทางร้านทานคู่กันโอเคเลย
    ปลาทูทอด เมนูธรรมดาแต่เนื้อปลาแน่นมาก ทอดมากรอบกำลังดี
    ต้มส้มปลากระพง เมนูนี้จะออกหวานนิดๆติดรสบ๊วย แต่เนื้อปลาคือสดดี
    อาหารรอไม่นาน การจัดการทางร้านดีถึงมีลูกค้าเยอะ มีแตงโมหวานๆบริการฟรีด้วย

    พิกัด 40/25 ถ.ราชประสิทธิ์ สมุทรสงคราม
    เบอร์โทร : 034-712-077, 086-507-3210
    #กินสาระนัวร์ #ของอร่อย #Thaitimes
    มื้อกลางวันแห่งสมุทรสงครามมีชื่อร้านนี้แน่นอน เพราะดูจากบรรยากาศร้านที่กว้างขวางทั้งที่นั่งและที่จอดรถแล้ว ตั้งแต่ทางเดินเข้าร้าน มีของฝากของทานเล่นและอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อของทางร้านวางรอจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก อาหารที่นี่มีขนาดให้เลือก เล็ก/ใหญ่ สอบถามทางร้านก่อนสั่งได้อย่าเพิ่งวู่วาม😆 ข้าวผัดปู (จานเล็ก) ที่ไม่เล็ก ข้าวเม็ดร่วน ใส่เนื้อปูมาค่อนข้างเยอะ ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดลงตัวดีมาก หอยหลอดผัดฉ่า หอมใบโหระพา ผัดมาไม่แห้ง รสหวานนิดหน่อย ส่วนตัวใช้น้ำจิ้มทางร้านทานคู่กันโอเคเลย ปลาทูทอด เมนูธรรมดาแต่เนื้อปลาแน่นมาก ทอดมากรอบกำลังดี ต้มส้มปลากระพง เมนูนี้จะออกหวานนิดๆติดรสบ๊วย แต่เนื้อปลาคือสดดี อาหารรอไม่นาน การจัดการทางร้านดีถึงมีลูกค้าเยอะ มีแตงโมหวานๆบริการฟรีด้วย พิกัด 40/25 ถ.ราชประสิทธิ์ สมุทรสงคราม เบอร์โทร : 034-712-077, 086-507-3210 #กินสาระนัวร์ #ของอร่อย #Thaitimes
    Like
    Love
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1024 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!!

    ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!!

    ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev
    ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน……
    ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน……
    แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี)

    ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน
    หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol
    ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ……
    แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า
    “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด
    คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก
    เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..”

    ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง
    เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน
    และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002
    ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค

    ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ
    ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ
    ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน
    ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน
    แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน……

    ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้
    เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์
    แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว
    แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี
    บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน……

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี
    และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด?
    ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า
    “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด..
    เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……”
    ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ
    เขาพูดต่อไปว่า…
    “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ
    ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!”

    ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง……
    แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!!

    ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์
    และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง

    เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

    แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด

    ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan
    ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า
    Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย
    รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว

    เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว
    และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่
    ฟังแต่เพลงร๊อค
    ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช
    จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
    จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก
    เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!”

    กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง…
    ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย
    สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ
    และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ
    ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น

    ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา
    “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย……
    ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS
    มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย

    แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า……
    เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ
    ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ
    บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า
    “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง”
    “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย”
    “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด……

    วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด
    ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!!
    เลยต้องร้องขอไป.……
    สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย
    และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
    กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด
    MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก…
    ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia
    และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS
    โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา
    ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า……
    “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว”

    ซาร์โกซี่รีบค้าน…
    “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร?
    ปูตินย้อนทันทีว่า……
    “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!”
    แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า……
    “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ
    บุชลูกหรือ..?!!

    สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่……
    ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008)

    ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย……

    ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช
    ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า
    สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad

    หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล

    แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!!

    Wiwanda W. Vichit
    มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!! ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!! ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน…… ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน…… แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี) ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ…… แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..” ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002 ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน…… ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้ เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์ แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน…… หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด? ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด.. เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……” ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ เขาพูดต่อไปว่า… “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!” ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง…… แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!! ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่ ฟังแต่เพลงร๊อค ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!” กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง… ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย…… ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า…… เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง” “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย” “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด…… วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!! เลยต้องร้องขอไป.…… สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก… ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า…… “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว” ซาร์โกซี่รีบค้าน… “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร? ปูตินย้อนทันทีว่า…… “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!” แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า…… “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ บุชลูกหรือ..?!! สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่…… ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008) ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย…… ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดรามา Car Free Day กทม.ออกมาแถลงผลทดลองละเลงกิจกรรมที่บรรทัดทอง ประชุมสรุปแล้วนำผลลัพธ์ไปต่อยอดพัฒนาย่านอื่นต่อไป ท่ามกลางเสียงสะท้อนปัญหาผลกระทบต่อชุมชนหลังจบงาน

    26 กันยายน 2567 -นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. และโฆษก กทม. ได้เปิดเผยถึงการจัดการจราจร Car Free Day บรรทัดทองที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายนนี้ว่า ตามที่สังคมตั้งข้อสังเกตหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องงบประมาณว่า กิจกรรมดังกล่าวสำเร็จได้ เพราะความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน เป็นต้น โดย กทม. เป็นเพียงแกนกลางประสานสนับสนุนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ โดยไม่ได้ใช้งบจัดกิจกรรมแม้แต่บาทเดียว รวมถึงสีก็ได้รับการสนับสนุนจากเอกชน ไม่ใช่สีทาถนน เพราะตั้งใจให้ล้างออกง่าย เพื่อคืนสภาพถนนที่สมบูรณ์ให้ประชาชนใช้งานตามปกติ ย้ำไม่ได้ลาดยางมะตอยทับ แต่จุดใดที่ควรซ่อมแซมก็จะดำเนินการซ่อมแซมต่อไป

    โฆษก กทม. กล่าวต่อว่า การทาสีถนนเป็นการทดลองลดขนาดถนน (Street Diet) และการเดินข้ามถนนทแยงมุม เป็นการทดลองโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมการดำเนินนโยบายเพื่อเมืองอย่างยั่งยืน เป้าหมายระยะสั้นคือ การทดลองทำถนนคนเดิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Bangkok Car Free 2024 ทั้งยังกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดระเบียบทางเท้าและร้านค้า สร้างกิจกรรมนันทนาการ

    ขณะที่เพจ หวังสร้างเมืองก็ได้ลงสรุปปัญหาไว้ว่า

    “การทดลอง Car Free ที่บรรทัดทองจบแล้วครับ แต่ผลลัพธ์จะถูกนำไปพัฒนาย่านอย่างถาวรกันต่อ ทีมกำลังสรุปผลทั้งแบบสอบถาม พูดคุยกับร้านค้า ผู้อยู่อาศัย และจะมีการประชุมสรุปผลสัปดาห์นี้เพื่อต่อยอดการพัฒนาย่านต่อไปครับ นอกจากเสียงตอบรับที่มีผู้มาร่วมงานมากมายแล้ว ผมอยากทดปัญหาเบื้องต้นเอาไว้ด้วยในนี้ครับ ว่าเราเห็นปัญหาอะไรบ้างหากต้องทำต่อเนื่องที่นี่ และขยายผลไปเขตอื่นๆ

    1. ผลกระทบกับคนอยู่อาศัย
    ถึงแม้การปิดถนนจะทำให้เดินอย่างปลอดภัยมากขึ้นก็จริง แต่ผู้อยู่อาศัยในละแวกที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้านและจำเป็นต้องใช้รถยนต์ก็ได้รับผลกระทบมากไม่แพ้กัน การปิดถนนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย สร้างความลำบากให้ผู้อยู่อาศัยไม่น้อย และเสียงจากดนตรีและความสนุกเกินไปของย่าน ที่อาจรบกวนผู้อยู่อาศัย หากมีการทำต่อเนื่องน่าจะต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น

    2. ปริมาณคนมาด้วยปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น
    การจัดการขยะของร้านค้าทุกร้าน เช่น ให้แยกขยะเศษอาหาร การเข้าร่วมโครงการไม่เทรวม การคัดแยกขยะต้นทางร่วมกับทางจุฬาฯ

    3. การจัดระเบียบร้านค้า การปรับปรุงทางเท้า และการนำสายไฟลงดิน ฯลฯ

    นอกจากนี้ยังมีเสียงเรื่องการทาสี มีความกังวลเรื่องสีผิดประเภทที่อาจทำให้รถยนต์ลื่น สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ข้อมูลแนะนำจากช่างเชี่ยวชาญของบริษัทผู้สนับสนุน เลยอยากขอใช้พื้นที่นี้ชี้แจงด้วยครับ

    1. สีที่ทาไม่เหมาะกับการเป็นสีทาผิวถนน และเป็นสีทนทาน 10 ปี ล้างไม่ออก

    เป็นข้อมูลที่ถูกต้องครับ เพราะจุดประสงค์ของการทาสีคือการทดลองลดเลนถนน (Street Diet) และการเดินข้ามถนนแทยงมุมในเวลากลางวัน พอหมดงานทีมก็ตั้งใจจะล้างออกทั้งหมด สีที่ใช้จึงเป็นสีที่จะไม่อยู่คงทนตลอด เราได้ขอคำปรึกษากับช่างเทคนิคของบริษัทผู้บริจาค และเลือกสีชนิดนี้ก่อนมาใช้ ด้วยเป็นสีทาอาคารไม่ใช่สีทาถนน สีฯ ดังกล่าว มีลักษณะการปกป้องพื้นผิว ประเภทอาคาร มีฟิล์มที่บางกว่า สีจราจร อย่างมาก ไม่ทนต่อแรงเสียดทาน ในการบดอัดของล้อยานพาหนะ ที่จะเสื่อมสภาพ ผิวฟิล์มหลุดล่อนได้ง่าย และ ไม่ทนต่อความชื้นของพื้นผิวถนน ที่จะเสื่อมสภาพในเวลาอันรวดเร็ว และทางทีมได้ล้างออกทั้งหมดในวันจันทร์แล้วครับ

    2. กรณีสีมีพิษ จากข้อมูลของบริษัทผู้บริจาค สีชนิดนี้เมื่อแห้งจะเป็นแผ่นฟิล์มและจะถูกกรองได้ ไม่ละลายลงแหล่งน้ำ และสีได้รับมาตรฐานที่ได้รับฉลากเขียวจาก สมอ. แต่อย่างไรจะขอนำความคิดเห็นนี้ไปพัฒนาต่อ และจะระวังไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ครับ

    3. เป็นการผลาญงบประมาณ
    งานนี้เกิดจากความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ได้ใช้เงินจากภาครัฐเลยครับ สีที่ทา เราได้รับสีบริจาคจากบริษัทเอกชน และทั้งงานเป็นความร่วมมือภาคประชาสังคมหลายภาคมาก กทม.เป็นเพียงส่วนหนึ่ง รับหน้าที่ดูแลหลังงาน ใช้อุปกรณ์ที่มี เจ้าหน้าที่รักษาฯ และได้ทำการล้างถนนไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแล้วครับ ต้องขอบคุณพี่ๆข้าราชการที่ช่วยกันด้วยครับ

    อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอน้อมรับทุกความเห็นไปปรับปรุง อยากย้ำวัตถุประสงค์หลักของงานที่เลือกที่นี่ คือ “การพัฒนาย่านบรรทัดทองระยะยาว” ไม่ใช่เพียงการจัดงานนี้ครั้งเดียวแล้วผ่านไปครับ เราจะมีการประชุมสรุปผลสัปดาห์นี้ร่วมกับจุฬาฯ และจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง จะทาสีทางข้ามถาวรเลยหรือไม่ จะทำการลดเลนถนน (Street Diet) บ้างไหม หรือจะเป็นการปิดถนนบางเวลาเพื่อทำถนนคนเดิน

    ขอน้อมรับทุกความผิดพลาดและทุกอย่างไปปรับปรุงครับ หากใครมีความเห็นอย่างไรก็พิมพ์แจ้งไว้ได้เลยครับ

    ปล. รูปนี้คือภาพเมื่อเช้าหลังจากทีมงานล้างออกตั้งแต่เมื่อวานครับ
    ปล2. เพิ่มเติมที่มีคนถามเรื่องทายางมะตอยทับ เราเพียงล้างออกเท่านั้นครับ ไม่มีการเทยางมะตอยทับแต่อย่างใด พื้นถนนหลายจุดมีความชำรุดอยู่เดิมก็จะใช้โอกาสหลังจากนี้ซ่อมแซมด้วยครับ”

    ที่มา https://www.facebook.com/100086260703100/posts/pfbid02bHbrNVyqnsKQtz6bf2aStu9eR5MmkCGd3XcxMo4gtc4LZ4NR4G8TtshXa2XyMS7Ql/?
    #Thaitimes
    ดรามา Car Free Day กทม.ออกมาแถลงผลทดลองละเลงกิจกรรมที่บรรทัดทอง ประชุมสรุปแล้วนำผลลัพธ์ไปต่อยอดพัฒนาย่านอื่นต่อไป ท่ามกลางเสียงสะท้อนปัญหาผลกระทบต่อชุมชนหลังจบงาน 26 กันยายน 2567 -นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. และโฆษก กทม. ได้เปิดเผยถึงการจัดการจราจร Car Free Day บรรทัดทองที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายนนี้ว่า ตามที่สังคมตั้งข้อสังเกตหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องงบประมาณว่า กิจกรรมดังกล่าวสำเร็จได้ เพราะความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน เป็นต้น โดย กทม. เป็นเพียงแกนกลางประสานสนับสนุนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ โดยไม่ได้ใช้งบจัดกิจกรรมแม้แต่บาทเดียว รวมถึงสีก็ได้รับการสนับสนุนจากเอกชน ไม่ใช่สีทาถนน เพราะตั้งใจให้ล้างออกง่าย เพื่อคืนสภาพถนนที่สมบูรณ์ให้ประชาชนใช้งานตามปกติ ย้ำไม่ได้ลาดยางมะตอยทับ แต่จุดใดที่ควรซ่อมแซมก็จะดำเนินการซ่อมแซมต่อไป โฆษก กทม. กล่าวต่อว่า การทาสีถนนเป็นการทดลองลดขนาดถนน (Street Diet) และการเดินข้ามถนนทแยงมุม เป็นการทดลองโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมการดำเนินนโยบายเพื่อเมืองอย่างยั่งยืน เป้าหมายระยะสั้นคือ การทดลองทำถนนคนเดิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Bangkok Car Free 2024 ทั้งยังกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดระเบียบทางเท้าและร้านค้า สร้างกิจกรรมนันทนาการ ขณะที่เพจ หวังสร้างเมืองก็ได้ลงสรุปปัญหาไว้ว่า “การทดลอง Car Free ที่บรรทัดทองจบแล้วครับ แต่ผลลัพธ์จะถูกนำไปพัฒนาย่านอย่างถาวรกันต่อ ทีมกำลังสรุปผลทั้งแบบสอบถาม พูดคุยกับร้านค้า ผู้อยู่อาศัย และจะมีการประชุมสรุปผลสัปดาห์นี้เพื่อต่อยอดการพัฒนาย่านต่อไปครับ นอกจากเสียงตอบรับที่มีผู้มาร่วมงานมากมายแล้ว ผมอยากทดปัญหาเบื้องต้นเอาไว้ด้วยในนี้ครับ ว่าเราเห็นปัญหาอะไรบ้างหากต้องทำต่อเนื่องที่นี่ และขยายผลไปเขตอื่นๆ 1. ผลกระทบกับคนอยู่อาศัย ถึงแม้การปิดถนนจะทำให้เดินอย่างปลอดภัยมากขึ้นก็จริง แต่ผู้อยู่อาศัยในละแวกที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้านและจำเป็นต้องใช้รถยนต์ก็ได้รับผลกระทบมากไม่แพ้กัน การปิดถนนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย สร้างความลำบากให้ผู้อยู่อาศัยไม่น้อย และเสียงจากดนตรีและความสนุกเกินไปของย่าน ที่อาจรบกวนผู้อยู่อาศัย หากมีการทำต่อเนื่องน่าจะต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น 2. ปริมาณคนมาด้วยปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น การจัดการขยะของร้านค้าทุกร้าน เช่น ให้แยกขยะเศษอาหาร การเข้าร่วมโครงการไม่เทรวม การคัดแยกขยะต้นทางร่วมกับทางจุฬาฯ 3. การจัดระเบียบร้านค้า การปรับปรุงทางเท้า และการนำสายไฟลงดิน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเสียงเรื่องการทาสี มีความกังวลเรื่องสีผิดประเภทที่อาจทำให้รถยนต์ลื่น สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ข้อมูลแนะนำจากช่างเชี่ยวชาญของบริษัทผู้สนับสนุน เลยอยากขอใช้พื้นที่นี้ชี้แจงด้วยครับ 1. สีที่ทาไม่เหมาะกับการเป็นสีทาผิวถนน และเป็นสีทนทาน 10 ปี ล้างไม่ออก เป็นข้อมูลที่ถูกต้องครับ เพราะจุดประสงค์ของการทาสีคือการทดลองลดเลนถนน (Street Diet) และการเดินข้ามถนนแทยงมุมในเวลากลางวัน พอหมดงานทีมก็ตั้งใจจะล้างออกทั้งหมด สีที่ใช้จึงเป็นสีที่จะไม่อยู่คงทนตลอด เราได้ขอคำปรึกษากับช่างเทคนิคของบริษัทผู้บริจาค และเลือกสีชนิดนี้ก่อนมาใช้ ด้วยเป็นสีทาอาคารไม่ใช่สีทาถนน สีฯ ดังกล่าว มีลักษณะการปกป้องพื้นผิว ประเภทอาคาร มีฟิล์มที่บางกว่า สีจราจร อย่างมาก ไม่ทนต่อแรงเสียดทาน ในการบดอัดของล้อยานพาหนะ ที่จะเสื่อมสภาพ ผิวฟิล์มหลุดล่อนได้ง่าย และ ไม่ทนต่อความชื้นของพื้นผิวถนน ที่จะเสื่อมสภาพในเวลาอันรวดเร็ว และทางทีมได้ล้างออกทั้งหมดในวันจันทร์แล้วครับ 2. กรณีสีมีพิษ จากข้อมูลของบริษัทผู้บริจาค สีชนิดนี้เมื่อแห้งจะเป็นแผ่นฟิล์มและจะถูกกรองได้ ไม่ละลายลงแหล่งน้ำ และสีได้รับมาตรฐานที่ได้รับฉลากเขียวจาก สมอ. แต่อย่างไรจะขอนำความคิดเห็นนี้ไปพัฒนาต่อ และจะระวังไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ครับ 3. เป็นการผลาญงบประมาณ งานนี้เกิดจากความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ได้ใช้เงินจากภาครัฐเลยครับ สีที่ทา เราได้รับสีบริจาคจากบริษัทเอกชน และทั้งงานเป็นความร่วมมือภาคประชาสังคมหลายภาคมาก กทม.เป็นเพียงส่วนหนึ่ง รับหน้าที่ดูแลหลังงาน ใช้อุปกรณ์ที่มี เจ้าหน้าที่รักษาฯ และได้ทำการล้างถนนไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแล้วครับ ต้องขอบคุณพี่ๆข้าราชการที่ช่วยกันด้วยครับ อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอน้อมรับทุกความเห็นไปปรับปรุง อยากย้ำวัตถุประสงค์หลักของงานที่เลือกที่นี่ คือ “การพัฒนาย่านบรรทัดทองระยะยาว” ไม่ใช่เพียงการจัดงานนี้ครั้งเดียวแล้วผ่านไปครับ เราจะมีการประชุมสรุปผลสัปดาห์นี้ร่วมกับจุฬาฯ และจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง จะทาสีทางข้ามถาวรเลยหรือไม่ จะทำการลดเลนถนน (Street Diet) บ้างไหม หรือจะเป็นการปิดถนนบางเวลาเพื่อทำถนนคนเดิน ขอน้อมรับทุกความผิดพลาดและทุกอย่างไปปรับปรุงครับ หากใครมีความเห็นอย่างไรก็พิมพ์แจ้งไว้ได้เลยครับ ปล. รูปนี้คือภาพเมื่อเช้าหลังจากทีมงานล้างออกตั้งแต่เมื่อวานครับ ปล2. เพิ่มเติมที่มีคนถามเรื่องทายางมะตอยทับ เราเพียงล้างออกเท่านั้นครับ ไม่มีการเทยางมะตอยทับแต่อย่างใด พื้นถนนหลายจุดมีความชำรุดอยู่เดิมก็จะใช้โอกาสหลังจากนี้ซ่อมแซมด้วยครับ” ที่มา https://www.facebook.com/100086260703100/posts/pfbid02bHbrNVyqnsKQtz6bf2aStu9eR5MmkCGd3XcxMo4gtc4LZ4NR4G8TtshXa2XyMS7Ql/? #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 936 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทำบุญนอกวัด

    เคยได้ยินหลายคนบอกฉันไม่มีเวลาไปทำบุญเลย อยากทำบุญแต่ไม่อยากไปวัด และอีกหลายคนอยากทำบุญแต่ไม่ค่อยมีเงิน และชีวิตส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำอิริยาบถอื่นมากนักนอกจากนั่งขับรถแทบทั้งวัน

    ข้าพเจ้าอยากบอกเหลือเกินว่า โอ้โห คุณไม่รู้หรือว่าคุณได้เปรียบคนอีกตั้งเยอะแยะ การนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถนี่แหละ คุณสามารถจะทำบุญได้ตลอดเวลา และมีโอกาสแวะเวียนมาหาอยู่เสมอ เป็นที่คุณเองต่างหากที่มองไม่เห็น หรือไม่เคยได้ใส่ใจ อาทิเช่น

    1. ช่วงนี้หน้าฝน บนถนนมักมีแอ่งน้ำขังอยู่เป็นช่วงๆ ทุกครั้งที่คุณขับรถผ่าน ลองคิดถึงคนเดินถนนสักนิด เขาอาจกำลังจะมุ่งหน้ากลับบ้านไปหาครอบครัวอยู่ในช่วงเย็นค่ำ หรืออาจจะกำลังเตรียมตัวออกจากบ้านไปทำงานในช่วงเช้าตรู่ หรืออาจออกมาเดินหาอะไรกินช่วงพักกลางวันตามร้านริมทาง ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ลำพังที่เขาต้องเดินผจญกับหลุมระเบิดบนทางเท้า หรือไหล่ทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีน้ำขัง ก็น่าสงสารน่าเห็นใจอยู่แล้ว หากคุณขับรถแล่นผ่านไปด้วยความเร็วโดยไม่สนใจ น้ำที่สาดไปเปื้อนเปรอะกับคนเดินเท้าเหล่านั้น จนเปียกชุ่มโชก สกปรก ม่อล่อกม่อแล่ก ตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า เขาจะเจอกับความลำบากทุกข์ยากขนาดไหน เคยนึกถึงหัวอกเขาบ้างหรือไม่ กว่าเขาจะถึงที่พัก อาจจะป่วยไข้ไม่สบายหนัก คุณทำบาปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จะดีไหมในครั้งต่อไปที่คุณพยายามชะลอรถวิ่งผ่านอย่างช้า ๆ ไม่ทำให้น้ำที่ขังบนพื้นถนน สาดกระเด็นไปเลอะใครเข้า มีความใส่ใจเพิ่มอีกหน่อย ก็ได้ช่วยคนจำนวนมากแล้วโดยไม่ต้องไปไหนด้วยซ้ำ

    2. คนรอข้ามทางม้าลาย มีทั้งคนหนุ่มคนสาว คนชรา เด็กเล็ก คนท้อง วัยรุ่น วัยฉกรรจ์ เขาเหล่านั้นยืนรอรถให้ชะลอจอดเพื่อจะได้ข้ามไปยังอีกฝั่งได้ คุณเคยใส่ใจพร้อมชะลอจอดรถให้เขาได้เดินข้ามถนนอย่างปลอดภัยบ้างหรือไม่ในชีวิตนี้ ตั้งแต่เริ่มมีรถเป็นของตนเอง ลองถามใจตัวดูสิ หรือว่าทุกครั้งจะรีบเร่งรถเร็วขึ้นเพื่อจะผ่านไปก่อนที่คนจะมีเวลาได้เดินข้ามทางม้าลายไป ไม่ก็บีบแตรยาวนำมาก่อน เพื่อหยุดไม่ให้เขาข้าม แล้วคุณก็จะได้แล่นยาวต่อไปโดยไม่ต้องเสียเวลา นี่คือเรื่องสำคัญมากนะ

    3. คุณชอบจอดรถแช่ตามที่ต่างๆแล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำในห้องโดยสาร แต่พ่นควันพิษให้คนอื่นๆที่อยู่นอกรถในบริเวณใกล้เคียงดมเข้าไปหรือไม่ ยิ่งจอดนานยิ่งเผาผลาญน้ำมัน แก๊ส สร้างมลพิษกระจายคลุมพื้นที่ในรัศมีหลายสิบเมตร และกลิ่นสามารถลอยขึ้นในแนวดิ่งไปทำร้ายคนในอาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้

    4. คุณมักชอบแวะซื้อของกิน ของใช้ ทำธุระสารพัดข้างทาง โดยจอดกีดขวางช่องทางจราจร โดยเฉพาะบริเวณป้ายรอรถเมล์หรือไม่ รถเมล์จะเข้าป้ายเข้าไม่ได้ ต้องวิ่งเลนนอก คนจะขึ้นรถขึ้นไม่ได้ ต้องวิ่งออกไปกลางถนน รถก็ต้องจอดชะลอ ทำให้การจราจรติดขัดเป็นจราจล คนวิ่งไปขึ้นรถเมล์ก็เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ถึงไม่ใช่บริเวณป้ายรอรถเมล์ แต่เป็นริมถนนเส้นต่างๆ การจอดทำธุระของคุณก็ทำให้รถคันอื่นต้องเดือดร้อน เพราะเสียช่องจราจรไปหนึ่งช่อง

    นี่เพียงตัวอย่างที่พบเห็นบ่อย ความจริงยังมีอีกมากมายหากค่อย ๆ นึก ขึ้นรถครั้งต่อไปคุณก็สามารถลดละความเห็นแก่ตัว และความใจร้อนด้วยการทำบุญอยู่หลังพวงมาลัยได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตัวเองสักหน่อยเท่านั้น ทำได้ใช่ไหมล่ะ

    #บทความ
    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #การทำบุญ
    #thaitimes
    การทำบุญนอกวัด เคยได้ยินหลายคนบอกฉันไม่มีเวลาไปทำบุญเลย อยากทำบุญแต่ไม่อยากไปวัด และอีกหลายคนอยากทำบุญแต่ไม่ค่อยมีเงิน และชีวิตส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำอิริยาบถอื่นมากนักนอกจากนั่งขับรถแทบทั้งวัน ข้าพเจ้าอยากบอกเหลือเกินว่า โอ้โห คุณไม่รู้หรือว่าคุณได้เปรียบคนอีกตั้งเยอะแยะ การนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถนี่แหละ คุณสามารถจะทำบุญได้ตลอดเวลา และมีโอกาสแวะเวียนมาหาอยู่เสมอ เป็นที่คุณเองต่างหากที่มองไม่เห็น หรือไม่เคยได้ใส่ใจ อาทิเช่น 1. ช่วงนี้หน้าฝน บนถนนมักมีแอ่งน้ำขังอยู่เป็นช่วงๆ ทุกครั้งที่คุณขับรถผ่าน ลองคิดถึงคนเดินถนนสักนิด เขาอาจกำลังจะมุ่งหน้ากลับบ้านไปหาครอบครัวอยู่ในช่วงเย็นค่ำ หรืออาจจะกำลังเตรียมตัวออกจากบ้านไปทำงานในช่วงเช้าตรู่ หรืออาจออกมาเดินหาอะไรกินช่วงพักกลางวันตามร้านริมทาง ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ลำพังที่เขาต้องเดินผจญกับหลุมระเบิดบนทางเท้า หรือไหล่ทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีน้ำขัง ก็น่าสงสารน่าเห็นใจอยู่แล้ว หากคุณขับรถแล่นผ่านไปด้วยความเร็วโดยไม่สนใจ น้ำที่สาดไปเปื้อนเปรอะกับคนเดินเท้าเหล่านั้น จนเปียกชุ่มโชก สกปรก ม่อล่อกม่อแล่ก ตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า เขาจะเจอกับความลำบากทุกข์ยากขนาดไหน เคยนึกถึงหัวอกเขาบ้างหรือไม่ กว่าเขาจะถึงที่พัก อาจจะป่วยไข้ไม่สบายหนัก คุณทำบาปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จะดีไหมในครั้งต่อไปที่คุณพยายามชะลอรถวิ่งผ่านอย่างช้า ๆ ไม่ทำให้น้ำที่ขังบนพื้นถนน สาดกระเด็นไปเลอะใครเข้า มีความใส่ใจเพิ่มอีกหน่อย ก็ได้ช่วยคนจำนวนมากแล้วโดยไม่ต้องไปไหนด้วยซ้ำ 2. คนรอข้ามทางม้าลาย มีทั้งคนหนุ่มคนสาว คนชรา เด็กเล็ก คนท้อง วัยรุ่น วัยฉกรรจ์ เขาเหล่านั้นยืนรอรถให้ชะลอจอดเพื่อจะได้ข้ามไปยังอีกฝั่งได้ คุณเคยใส่ใจพร้อมชะลอจอดรถให้เขาได้เดินข้ามถนนอย่างปลอดภัยบ้างหรือไม่ในชีวิตนี้ ตั้งแต่เริ่มมีรถเป็นของตนเอง ลองถามใจตัวดูสิ หรือว่าทุกครั้งจะรีบเร่งรถเร็วขึ้นเพื่อจะผ่านไปก่อนที่คนจะมีเวลาได้เดินข้ามทางม้าลายไป ไม่ก็บีบแตรยาวนำมาก่อน เพื่อหยุดไม่ให้เขาข้าม แล้วคุณก็จะได้แล่นยาวต่อไปโดยไม่ต้องเสียเวลา นี่คือเรื่องสำคัญมากนะ 3. คุณชอบจอดรถแช่ตามที่ต่างๆแล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำในห้องโดยสาร แต่พ่นควันพิษให้คนอื่นๆที่อยู่นอกรถในบริเวณใกล้เคียงดมเข้าไปหรือไม่ ยิ่งจอดนานยิ่งเผาผลาญน้ำมัน แก๊ส สร้างมลพิษกระจายคลุมพื้นที่ในรัศมีหลายสิบเมตร และกลิ่นสามารถลอยขึ้นในแนวดิ่งไปทำร้ายคนในอาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ 4. คุณมักชอบแวะซื้อของกิน ของใช้ ทำธุระสารพัดข้างทาง โดยจอดกีดขวางช่องทางจราจร โดยเฉพาะบริเวณป้ายรอรถเมล์หรือไม่ รถเมล์จะเข้าป้ายเข้าไม่ได้ ต้องวิ่งเลนนอก คนจะขึ้นรถขึ้นไม่ได้ ต้องวิ่งออกไปกลางถนน รถก็ต้องจอดชะลอ ทำให้การจราจรติดขัดเป็นจราจล คนวิ่งไปขึ้นรถเมล์ก็เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ถึงไม่ใช่บริเวณป้ายรอรถเมล์ แต่เป็นริมถนนเส้นต่างๆ การจอดทำธุระของคุณก็ทำให้รถคันอื่นต้องเดือดร้อน เพราะเสียช่องจราจรไปหนึ่งช่อง นี่เพียงตัวอย่างที่พบเห็นบ่อย ความจริงยังมีอีกมากมายหากค่อย ๆ นึก ขึ้นรถครั้งต่อไปคุณก็สามารถลดละความเห็นแก่ตัว และความใจร้อนด้วยการทำบุญอยู่หลังพวงมาลัยได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตัวเองสักหน่อยเท่านั้น ทำได้ใช่ไหมล่ะ #บทความ #ข้อคิด #แง่คิด #การทำบุญ #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 959 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เห็นจะเป็นเพราะรัก
    #มนันยา
    #เรื่องสั้น
    #ของขวัญ
    #ของขวัญวันคริสต์มาส
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน

    วันก่อนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นรวมเรื่องสั้นแนวความรัก ในเล่มมี 27 เรื่องแปลจากฝั่งตะวันตกโดยสำนวนของมนันยา มีภาพประกอบสีสวยการ์ตูนแฟชั่นทุกเรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นรักของชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลายวัย ที่มีรูปแบบการแสดงออกอย่างชาวตะวันตก ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อินมากด้วยความที่แต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร จึงไม่มีรายละเอียดมากพอจะทำให้รู้สึกเอาใจช่วยไปกับตัวละครในเรื่องนัก มีที่ชอบอยู่บ้าง แต่มีเรื่องหนึ่งประทับใจมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในเนื้อหานั้นไม่มีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวที่ดิ้นรนแสวงหาคนเพื่อมาอยู่ข้างกายเลย แต่ความรักที่ปรากฏในเรื่องนี้ช่างงดงามและสร้างพลัง ช่วยชุบชูจิตใจให้รู้สึกอบอุ่น และมีหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาไม่น้อย

    ตอนดังกล่าวนี้คือเรื่องแรกของเล่มที่มีชื่อว่า ของขวัญ

    เรื่องมีว่า ชายสูงวัยที่สูญเสียเมียที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีไป ทำให้เขาทนอยู่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับเธอไม่ได้ จึงขายแล้วย้ายมาซื้อบ้านหลังเล็กสำหรับคนเดียว ในตำบลอันห่างไกลริมชายฝั่งซึ่งไร้คนรู้จัก ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบร่วมกิจกรรมเข้าสังคมโดยเฉพาะในวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง เห็นเป็นความสิ้นเปลือง มีแต่กินแล้วก็มอบของขวัญให้กัน ทำให้ห่างไกลใจความสำคัญและความหมายแท้จริง เขาไม่เห็นด้วยกับการให้ของตามใจที่เด็กอยากได้ เพราะสร้างนิสัยให้เด็กคิดว่าต้องได้ของขวัญเสมอในวันคริสต์มาส เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้เกลียดวันคริสต์มาสอย่างตาเฒ่าสครูจใน A Christmas Carol จนวิญญาณเพื่อนเก่าที่ตายไปชื่อ เจค็อบ มาร์เลย์ ต้องมาเตือน

    วันคริสต์มาสที่จะมาถึงในคืนนั้น ช่วงกลางวันเขาออกไปซื้อของที่สโตร์ห่างไปไม่ไกล ซึ่งคุ้นเคยกับหญิงเจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะต้องมาซื้อข้าวของบ่อย ตอนเดินเข้าไปหญิงเจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ ชวนคุยเกี่ยวกับหุ่นจำลองนกแก้วขนาดยักษ์ที่แขวนห้อยอยู่บนเพดานกลางร้านซึ่งมีสีสันสดสวยและปีกยาวใหญ่ เธอบอกว่าจะให้เป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับผู้ที่ซื้อของปอนด์หนึ่งจะได้รับการเขียนชื่อไว้จับสลาก1 ใบ แล้วเธอจะเขียนชื่อลงในบัตรให้เขาด้วย ชายชราที่นึกรังเกียจเจ้านกยักษ์จำต้องเออออไปกับเธอ บอกว่าเขาเป็นคนไร้โชคมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยถูกรางวัลใด ๆ คงไม่มีหวังหรอก

    หลังเขากลับมาบ้านและกำลังพักผ่อนตามสบายนั้น โทรศัพท์จากหญิงเจ้าของร้านดังขึ้น เมื่อเขารับ เธอบอกด้วยความดีใจว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าชื่อที่จับสลากได้นกแก้วตัวนั้นก็คือเขา เธอขอให้เขาขับรถมานำของขวัญกลับบ้าน นี่เป็นเหมือนทุกขลาภที่ตนไม่อยากได้แต่ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ด้วยเธอคือบุคคลหนึ่งในจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก ต้องรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ จึงจำใจขับรถกลับไปรับนกแก้วยักษ์ขนาด 6 ฟุตตัวนั้น เมื่อเอาเข้าไปไว้ในรถก็เต็มที่ว่างจนชนกระจก เขาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกำจัดมันได้อย่างไร จะเอาทิ้งทันทีไม่ได้แน่ของใหญ่อย่างนี้ ไม่นานจะรู้ถึงหูเจ้าของร้าน

    ในที่สุดเขานึกออก ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปสถานเลี้ยงเด็กซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมอยู่ในที่ประชุม และมีคนเสนอให้ขายที่ดินว่างเปล่า แต่เขาคัดค้านเพราะจะทำให้เด็ก ๆ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่น เมื่อไปถึงสถานเลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลหญิงเอ่ยทักทาย เธอจำได้ว่าชายชราคือบุคคลหนึ่งซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งไว้สันทนาการ เขารีบบอกว่านำนกแก้วยักษ์มามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เด็ก ๆ (ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวมาก่อน) แต่ผู้ดูแลสาวจำต้องกล่าวปฏิเสธ แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเขามากเพราะนกนั้นตัวใหญ่เกินไป

    เธอเล่าว่าถ้าเป็นไก่งวงตัวใหญ่ที่กินได้จะรีบรับไว้เลย ด้วยเหตุว่าทางสถานเลี้ยงเด็กไม่มีเงินมากพอจะจัดอาหารเลี้ยงในคืนวันคริสต์มาส ชายชราจึงควักธนบัตรหลายใบที่มีมูลค่ามากพอสมควรยื่นให้ผู้ดูแล พร้อมบอกว่าขอเป็นเจ้าภาพอุปการะการกินเลี้ยงของเด็ก แม้นเธอจะไม่กล้ารับแต่เขายืนยันบอกว่าตนเองมีพอไม่เดือดร้อน และกำชับว่าช่วยจัดอาหารดี ๆ ให้พวกเขาด้วย สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ แล้วแบกนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถ ขับต่อไปพลางคิดว่าจะกำจัดมันไปที่ไหนดี

    เขานึกถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กเล็กต้องชอบแน่เขามั่นใจ จึงมุ่งหน้าไปถึงโรงเรียน จอดรถและแบกนกยักษ์เข้าไป เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงจึงตรงเข้าไปถามว่าเธอคือครูใช่ไหม หญิงสาวบอกชื่อและทักทายชายชรา เธอจำได้ว่าเขาคือคนบริจาคเงินให้โรงเรียนตอนที่จัดซื้อรถมินิบัส เขาแปลกใจที่มีคนจำเรื่องนั้นได้ ความจริงเขาทราบจากหญิงเจ้าของร้านขายของว่าโรงเรียนลำบากในการเดินทางพาเด็กไปว่ายน้ำในสระที่อยู่อีกตำบลซึ่งห่างไกล เขาจำได้ว่าตอนเมียยังมีชีวิตมักพูดว่าถ้าชาวบ้านช่วยโรงเรียนได้ก็ควรช่วย เขาจึงบริจาคช่วยไปโดยไม่คิดอะไร

    ครูสาวจำต้องปฏิเสธนกแก้วยักษ์เช่นกัน เธอบอกว่าโรงเรียนคับแคบไม่มีที่พอจะแขวน ลำพังเด็ก35คนวิ่งไปมาก็แทบแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะขนนกกลับ เด็กหลายคนมองมาเห็นเข้าจึงพากันเข้ามารุมล้อมชื่นชมนกแก้วตัวใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย พลางแข่งกันถามมากมายเช่นว่า

    มันกัดไหมค่ะ

    มันบินได้หรือเปล่าฮะ

    ขอผมดูหน่อย

    ขอหนูจับหน่อยนะคะ

    นุ่มไหมฮะ

    ที่สุดครูก็ไม่สามารถจะห้ามเด็กได้ จึงยอมให้เขานำนกเข้าไปในห้องเรียนครู่หนึ่งเพื่อให้เด็กทุกคนได้ชื่นชม จับต้อง เด็กกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

    " ซ้วยสวย.. ตัวมันใหญ่นะ.."

    ครูสาวถือโอกาสสอนเรื่องสีโดยถามเด็ก ๆ ว่าส่วนต่าง ๆ ของนกแก้วสีอะไรบ้าง เด็กแต่ละคนพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาให้เขาอยู่นานที่สุด โดยเรียกไปชมต้นไม้ที่เขาทำ งานประดิษฐ์ที่อยากอวด ชายชราชมของทุกชิ้นของเด็ก ๆ ก่อนจะนำนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถและนึกหาสถานที่ใหม่ จะมีที่ไหนอีกหนอ

    เขานึกได้ถึงหญิงที่รับจ้างซักรีดให้ตนที่ยากจนและมีลูก 2 คน เมื่อไปถึงบ้านของเธอก็ได้พบว่าเล็กยังกับรูหนู ไม่มีทางเลยที่จะมีที่ให้แขวนนกได้ แม่ของเด็กพูดว่า จะเป็นของอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าวางใต้ต้นคริสต์มาส แต่สามีเธอตกงานมา 3 สัปดาหืแล้ว เธอพยายามหาเงินจนพอซื้อไก่งวงตัวหนึ่ง และวัตถุดิบทำพายได้สัก 2-3 ชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่พอจะมีในคืนคริสต์มาสนี้ สามีไม่ยอมให้กู้ยืมใคร ลูกทั้งสองอยากได้จักรยานมานาน แต่เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าการอยากได้ กับการได้รับนั้นต่างกัน

    ชายชราบอกว่าเด้กสองคนนิสัยดี สภาพ มักวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาเสมอ ให้เขาเป็นซานต้าให้เด็ก ๆ แล้วกัน พลางหยิบสมุดเช็กออกมาเขียน บอกกับคนเป็นแม่ว่า ซื้อจักรยานดี ๆ ที่เขาอยากได้ให้พวกเด็กคนละคันนะ หญิงสาวไม่กล้ารับ บอกว่าสามีเธอไม่ชอบให้รับบริจาค เขาเกลียดการขอ ชายชราตัดบทว่าเหลวไหล ให้บอกสามีว่าเขาเป็นคนเคี่ยวเข็ยเองให้รับ เพราะเขาไม่มีลูกเลย จากนั้นก็แบกนกแก้วยักษ์ยัดกลับเข้ารถตรงกลับบ้าน บัดนี้เขาไม่รู้จะเอามันไปให้ใคร ไม่สนใจแล้วว่าเจ้าของร้านที่ให้นกมาจะคิดอย่างไร เขาจะเอามันไปโยนลงถังขยะ แต่ถังก้เล้กเกิน เขาจึงจำใจเอานกตัวนั้นกลับบ้านวางกองไว้ในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยหาทาง

    เขาพักผ่อนกินของว่าง ชงกาแฟดื่ม ขระที่ดวงตานกยักษืมองจ้องมาตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงคิดว่าปล่อยมันบนพื้นอย่างนี้คงไม่ดี เพราะไม่อยากถูกจ้อง จึงทำห่วงแล้วเอามันห้อยแขวนไว้ชั่วคราว แล้วเขาก้ได้ยินเสียงบางอย่างนอกบ้าน มองออกไปเห็นรถสถานเลี้ยงเด็กมาจอด เด็ก ๆ กรูลงมายืนร้องเพลง โอ ลิตเติลทาวน์ ออฟ เบธเลเฮม ทำเอาหัวใจเขาแปลบ จึงเปิดประตูให้เด็ก ๆ เข้ามา เด็ก ๆ ร้องไซเลนไนท์ ต่อด้วย วี วิช ยู เอ เมอร์รี คริสต์มาส ชายชราสั่งน้ำมูก ผู้ดูแลบอกว่าเด็ก ๆ อยากมาร้องเพลงเพื่อขอบคุณ ทุกคนเข้าไปจับนกที่ห้อยอยู่ก่อนจะกลับ

    ครู่เดียวต่อมา เด็กชายสองคนมาเคาะประตุด้วยความตื่นเต้น เขาเอาพายมาให้ชายชราพร้อมบอกว่า สวัสดีวันคริสต์มาส แม่เด็กยืนโบกมืออยู่ตรงรั้วและกล่าวประโยคเดียวกับลูกของเธอ ชายชราก้มลงบอกว่า หวังว่าวานต้าจะนำของที่หนุอยากได้มาให้นะ แล้วก็ฉงนใจตัวเองนี่เขากำลังทำให้เด็กเกิดความโลภหรือไม่

    เขากลับเข้าบ้านพร้อมจานพานในมือ คุยกับนกแก้วยักษืว่าเสียใจด้วยนะที่แกกินไม่ได้ ต่อจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอีก คุรครูจากโรงเรียนอนุบาลและเด็ก 4 คน เธอบอกว่าเด็ก ๆ อยากทำอะไรเพื่อให้เขารู้ว่านกแก้วตัวนั้นวิเศษเพียงใดก้เลยวาดรูปมาให้ แล้วก็สวัสดีวันคริสต์มาส ชายชราซาบซึ้งบอกว่าเข้ามาก่อนสิ เขาจะเอาภาพติดฝาผนัง

    เด็กหญิงคนหนึ่งเข้าไปยืนหน้านก ชื่นชมว่านกสวยอย่างไร และแกใช้ทุกสีในการวาด ถึงตอนครูจะพากลับ เด็กหญิงหันมาเปรยบอกหูคิดว่ามันอยากเป็นเพื่อนกับหนู ชายชราเห็นด้วย เด็กหญิงพูดต่อว่า ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักชื่อด้วย ชายชรานิ่งอึ้ง หันไปมองเจ้านกแก้วยักษ์ เหมือนมันจะมองตอบแล้วส่งกระแสอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ารู้แล้วว่านกชื่ออะไรจึงยิ้มให้เด็กน้อย พลางตอบว่า

    มันชื่อเจค็อบจ้ะ ..เจค็อบ มาร์เลย์
    #เห็นจะเป็นเพราะรัก #มนันยา #เรื่องสั้น #ของขวัญ #ของขวัญวันคริสต์มาส #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน วันก่อนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นรวมเรื่องสั้นแนวความรัก ในเล่มมี 27 เรื่องแปลจากฝั่งตะวันตกโดยสำนวนของมนันยา มีภาพประกอบสีสวยการ์ตูนแฟชั่นทุกเรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นรักของชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลายวัย ที่มีรูปแบบการแสดงออกอย่างชาวตะวันตก ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อินมากด้วยความที่แต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร จึงไม่มีรายละเอียดมากพอจะทำให้รู้สึกเอาใจช่วยไปกับตัวละครในเรื่องนัก มีที่ชอบอยู่บ้าง แต่มีเรื่องหนึ่งประทับใจมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในเนื้อหานั้นไม่มีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวที่ดิ้นรนแสวงหาคนเพื่อมาอยู่ข้างกายเลย แต่ความรักที่ปรากฏในเรื่องนี้ช่างงดงามและสร้างพลัง ช่วยชุบชูจิตใจให้รู้สึกอบอุ่น และมีหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาไม่น้อย ตอนดังกล่าวนี้คือเรื่องแรกของเล่มที่มีชื่อว่า ของขวัญ เรื่องมีว่า ชายสูงวัยที่สูญเสียเมียที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีไป ทำให้เขาทนอยู่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับเธอไม่ได้ จึงขายแล้วย้ายมาซื้อบ้านหลังเล็กสำหรับคนเดียว ในตำบลอันห่างไกลริมชายฝั่งซึ่งไร้คนรู้จัก ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบร่วมกิจกรรมเข้าสังคมโดยเฉพาะในวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง เห็นเป็นความสิ้นเปลือง มีแต่กินแล้วก็มอบของขวัญให้กัน ทำให้ห่างไกลใจความสำคัญและความหมายแท้จริง เขาไม่เห็นด้วยกับการให้ของตามใจที่เด็กอยากได้ เพราะสร้างนิสัยให้เด็กคิดว่าต้องได้ของขวัญเสมอในวันคริสต์มาส เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้เกลียดวันคริสต์มาสอย่างตาเฒ่าสครูจใน A Christmas Carol จนวิญญาณเพื่อนเก่าที่ตายไปชื่อ เจค็อบ มาร์เลย์ ต้องมาเตือน วันคริสต์มาสที่จะมาถึงในคืนนั้น ช่วงกลางวันเขาออกไปซื้อของที่สโตร์ห่างไปไม่ไกล ซึ่งคุ้นเคยกับหญิงเจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะต้องมาซื้อข้าวของบ่อย ตอนเดินเข้าไปหญิงเจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ ชวนคุยเกี่ยวกับหุ่นจำลองนกแก้วขนาดยักษ์ที่แขวนห้อยอยู่บนเพดานกลางร้านซึ่งมีสีสันสดสวยและปีกยาวใหญ่ เธอบอกว่าจะให้เป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับผู้ที่ซื้อของปอนด์หนึ่งจะได้รับการเขียนชื่อไว้จับสลาก1 ใบ แล้วเธอจะเขียนชื่อลงในบัตรให้เขาด้วย ชายชราที่นึกรังเกียจเจ้านกยักษ์จำต้องเออออไปกับเธอ บอกว่าเขาเป็นคนไร้โชคมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยถูกรางวัลใด ๆ คงไม่มีหวังหรอก หลังเขากลับมาบ้านและกำลังพักผ่อนตามสบายนั้น โทรศัพท์จากหญิงเจ้าของร้านดังขึ้น เมื่อเขารับ เธอบอกด้วยความดีใจว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าชื่อที่จับสลากได้นกแก้วตัวนั้นก็คือเขา เธอขอให้เขาขับรถมานำของขวัญกลับบ้าน นี่เป็นเหมือนทุกขลาภที่ตนไม่อยากได้แต่ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ด้วยเธอคือบุคคลหนึ่งในจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก ต้องรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ จึงจำใจขับรถกลับไปรับนกแก้วยักษ์ขนาด 6 ฟุตตัวนั้น เมื่อเอาเข้าไปไว้ในรถก็เต็มที่ว่างจนชนกระจก เขาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกำจัดมันได้อย่างไร จะเอาทิ้งทันทีไม่ได้แน่ของใหญ่อย่างนี้ ไม่นานจะรู้ถึงหูเจ้าของร้าน ในที่สุดเขานึกออก ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปสถานเลี้ยงเด็กซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมอยู่ในที่ประชุม และมีคนเสนอให้ขายที่ดินว่างเปล่า แต่เขาคัดค้านเพราะจะทำให้เด็ก ๆ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่น เมื่อไปถึงสถานเลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลหญิงเอ่ยทักทาย เธอจำได้ว่าชายชราคือบุคคลหนึ่งซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งไว้สันทนาการ เขารีบบอกว่านำนกแก้วยักษ์มามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เด็ก ๆ (ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวมาก่อน) แต่ผู้ดูแลสาวจำต้องกล่าวปฏิเสธ แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเขามากเพราะนกนั้นตัวใหญ่เกินไป เธอเล่าว่าถ้าเป็นไก่งวงตัวใหญ่ที่กินได้จะรีบรับไว้เลย ด้วยเหตุว่าทางสถานเลี้ยงเด็กไม่มีเงินมากพอจะจัดอาหารเลี้ยงในคืนวันคริสต์มาส ชายชราจึงควักธนบัตรหลายใบที่มีมูลค่ามากพอสมควรยื่นให้ผู้ดูแล พร้อมบอกว่าขอเป็นเจ้าภาพอุปการะการกินเลี้ยงของเด็ก แม้นเธอจะไม่กล้ารับแต่เขายืนยันบอกว่าตนเองมีพอไม่เดือดร้อน และกำชับว่าช่วยจัดอาหารดี ๆ ให้พวกเขาด้วย สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ แล้วแบกนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถ ขับต่อไปพลางคิดว่าจะกำจัดมันไปที่ไหนดี เขานึกถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กเล็กต้องชอบแน่เขามั่นใจ จึงมุ่งหน้าไปถึงโรงเรียน จอดรถและแบกนกยักษ์เข้าไป เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงจึงตรงเข้าไปถามว่าเธอคือครูใช่ไหม หญิงสาวบอกชื่อและทักทายชายชรา เธอจำได้ว่าเขาคือคนบริจาคเงินให้โรงเรียนตอนที่จัดซื้อรถมินิบัส เขาแปลกใจที่มีคนจำเรื่องนั้นได้ ความจริงเขาทราบจากหญิงเจ้าของร้านขายของว่าโรงเรียนลำบากในการเดินทางพาเด็กไปว่ายน้ำในสระที่อยู่อีกตำบลซึ่งห่างไกล เขาจำได้ว่าตอนเมียยังมีชีวิตมักพูดว่าถ้าชาวบ้านช่วยโรงเรียนได้ก็ควรช่วย เขาจึงบริจาคช่วยไปโดยไม่คิดอะไร ครูสาวจำต้องปฏิเสธนกแก้วยักษ์เช่นกัน เธอบอกว่าโรงเรียนคับแคบไม่มีที่พอจะแขวน ลำพังเด็ก35คนวิ่งไปมาก็แทบแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะขนนกกลับ เด็กหลายคนมองมาเห็นเข้าจึงพากันเข้ามารุมล้อมชื่นชมนกแก้วตัวใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย พลางแข่งกันถามมากมายเช่นว่า มันกัดไหมค่ะ มันบินได้หรือเปล่าฮะ ขอผมดูหน่อย ขอหนูจับหน่อยนะคะ นุ่มไหมฮะ ที่สุดครูก็ไม่สามารถจะห้ามเด็กได้ จึงยอมให้เขานำนกเข้าไปในห้องเรียนครู่หนึ่งเพื่อให้เด็กทุกคนได้ชื่นชม จับต้อง เด็กกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ " ซ้วยสวย.. ตัวมันใหญ่นะ.." ครูสาวถือโอกาสสอนเรื่องสีโดยถามเด็ก ๆ ว่าส่วนต่าง ๆ ของนกแก้วสีอะไรบ้าง เด็กแต่ละคนพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาให้เขาอยู่นานที่สุด โดยเรียกไปชมต้นไม้ที่เขาทำ งานประดิษฐ์ที่อยากอวด ชายชราชมของทุกชิ้นของเด็ก ๆ ก่อนจะนำนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถและนึกหาสถานที่ใหม่ จะมีที่ไหนอีกหนอ เขานึกได้ถึงหญิงที่รับจ้างซักรีดให้ตนที่ยากจนและมีลูก 2 คน เมื่อไปถึงบ้านของเธอก็ได้พบว่าเล็กยังกับรูหนู ไม่มีทางเลยที่จะมีที่ให้แขวนนกได้ แม่ของเด็กพูดว่า จะเป็นของอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าวางใต้ต้นคริสต์มาส แต่สามีเธอตกงานมา 3 สัปดาหืแล้ว เธอพยายามหาเงินจนพอซื้อไก่งวงตัวหนึ่ง และวัตถุดิบทำพายได้สัก 2-3 ชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่พอจะมีในคืนคริสต์มาสนี้ สามีไม่ยอมให้กู้ยืมใคร ลูกทั้งสองอยากได้จักรยานมานาน แต่เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าการอยากได้ กับการได้รับนั้นต่างกัน ชายชราบอกว่าเด้กสองคนนิสัยดี สภาพ มักวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาเสมอ ให้เขาเป็นซานต้าให้เด็ก ๆ แล้วกัน พลางหยิบสมุดเช็กออกมาเขียน บอกกับคนเป็นแม่ว่า ซื้อจักรยานดี ๆ ที่เขาอยากได้ให้พวกเด็กคนละคันนะ หญิงสาวไม่กล้ารับ บอกว่าสามีเธอไม่ชอบให้รับบริจาค เขาเกลียดการขอ ชายชราตัดบทว่าเหลวไหล ให้บอกสามีว่าเขาเป็นคนเคี่ยวเข็ยเองให้รับ เพราะเขาไม่มีลูกเลย จากนั้นก็แบกนกแก้วยักษ์ยัดกลับเข้ารถตรงกลับบ้าน บัดนี้เขาไม่รู้จะเอามันไปให้ใคร ไม่สนใจแล้วว่าเจ้าของร้านที่ให้นกมาจะคิดอย่างไร เขาจะเอามันไปโยนลงถังขยะ แต่ถังก้เล้กเกิน เขาจึงจำใจเอานกตัวนั้นกลับบ้านวางกองไว้ในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยหาทาง เขาพักผ่อนกินของว่าง ชงกาแฟดื่ม ขระที่ดวงตานกยักษืมองจ้องมาตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงคิดว่าปล่อยมันบนพื้นอย่างนี้คงไม่ดี เพราะไม่อยากถูกจ้อง จึงทำห่วงแล้วเอามันห้อยแขวนไว้ชั่วคราว แล้วเขาก้ได้ยินเสียงบางอย่างนอกบ้าน มองออกไปเห็นรถสถานเลี้ยงเด็กมาจอด เด็ก ๆ กรูลงมายืนร้องเพลง โอ ลิตเติลทาวน์ ออฟ เบธเลเฮม ทำเอาหัวใจเขาแปลบ จึงเปิดประตูให้เด็ก ๆ เข้ามา เด็ก ๆ ร้องไซเลนไนท์ ต่อด้วย วี วิช ยู เอ เมอร์รี คริสต์มาส ชายชราสั่งน้ำมูก ผู้ดูแลบอกว่าเด็ก ๆ อยากมาร้องเพลงเพื่อขอบคุณ ทุกคนเข้าไปจับนกที่ห้อยอยู่ก่อนจะกลับ ครู่เดียวต่อมา เด็กชายสองคนมาเคาะประตุด้วยความตื่นเต้น เขาเอาพายมาให้ชายชราพร้อมบอกว่า สวัสดีวันคริสต์มาส แม่เด็กยืนโบกมืออยู่ตรงรั้วและกล่าวประโยคเดียวกับลูกของเธอ ชายชราก้มลงบอกว่า หวังว่าวานต้าจะนำของที่หนุอยากได้มาให้นะ แล้วก็ฉงนใจตัวเองนี่เขากำลังทำให้เด็กเกิดความโลภหรือไม่ เขากลับเข้าบ้านพร้อมจานพานในมือ คุยกับนกแก้วยักษืว่าเสียใจด้วยนะที่แกกินไม่ได้ ต่อจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอีก คุรครูจากโรงเรียนอนุบาลและเด็ก 4 คน เธอบอกว่าเด็ก ๆ อยากทำอะไรเพื่อให้เขารู้ว่านกแก้วตัวนั้นวิเศษเพียงใดก้เลยวาดรูปมาให้ แล้วก็สวัสดีวันคริสต์มาส ชายชราซาบซึ้งบอกว่าเข้ามาก่อนสิ เขาจะเอาภาพติดฝาผนัง เด็กหญิงคนหนึ่งเข้าไปยืนหน้านก ชื่นชมว่านกสวยอย่างไร และแกใช้ทุกสีในการวาด ถึงตอนครูจะพากลับ เด็กหญิงหันมาเปรยบอกหูคิดว่ามันอยากเป็นเพื่อนกับหนู ชายชราเห็นด้วย เด็กหญิงพูดต่อว่า ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักชื่อด้วย ชายชรานิ่งอึ้ง หันไปมองเจ้านกแก้วยักษ์ เหมือนมันจะมองตอบแล้วส่งกระแสอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ารู้แล้วว่านกชื่ออะไรจึงยิ้มให้เด็กน้อย พลางตอบว่า มันชื่อเจค็อบจ้ะ ..เจค็อบ มาร์เลย์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 798 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิคุ้มกันความทุกข์

    ตั้งแต่เรียนชั้นประถม จนถึงวันอุปสมบท ผู้เขียนเห็นลุงแดงเดิน อยู่ริมถนนพหลโยธิน

    ไม่มีใครสนใจว่าแกเป็นใคร มาจากไหน

    ในช่วงกลางวัน แม้ฝนจะตก แดดจะออกอย่างไร ดูแกจะไม่

    สนใจ เดินไป คุยไป หัวเราะไป กับใครก็ไม่รู้ เพราะแกเดินคนเดียว

    เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม เพราะไม่เคยผ่านการซักฟอกร่างกาย ไม่ได้เจอสบู่ยาสระผมมานานปีแล้ว


    ตกลุงแดงจะเข้าไปอาศัยนอนในวัด โดยที่ไม่สนใจมุ่งหมอน เสื่อ แต่มีเพียงพื้นปูนเรียบๆ แกก็นอนได้อย่างเป็นสุข โดยมียุงและ หมาวัดฝูงใหญ่เป็นเพื่อน
    ส่วนเรื่องอาหาร มีพระท่านเมตตาเก็บไว้ให้ ตอนเช้าหลังจากกินข้าวก้นบาตรพระ แกก็ออกไปทำหน้าที่สำรวจถนนต่อไปและ หลายครั้งกว่าจะเย็นค่ำ อาหารที่พระท่านเก็บไว้ให้ก็พูดเสียแล้ว แ ดูแกจะไม่อนาทรร้อนใจแต่อย่างใด รับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย ทุกครั้ง

    ใช่แล้ว แกเป็นคนบ้า คนบ้าที่มีความสุข แกไม่มีอะไรเป็น สมบัติส่วนตัว นอกจากเสื้อผ้าที่แกสวมใส่ จนเมื่อผู้เขียนมองย้อน กลับมาสำรวจตนเองที่มีนั่น โน่น นี่มากมาย แต่ไม่เคยพอใจสักครั้ง ทุกข์กับความมีความเป็นของตนเองอยู่บ่อยๆ หลายครั้งก็ชักสับสน ตงิดๆ ว่า

    “ลุงแดงกับเรานี่ ใครบ้ากว่ากันหว่า”

    และที่ สงสัยมานานก็คือ ทำไมคนบ้าส่วนมากไม่ค่อยเจ็บป่วย หรือเขาก็ป่วยเป็นแต่ไม่บอก หรือเขาป่วยแต่ไม่ทุกข์?

    จนเมื่อเติบโตขึ้นมา ถูกฉีดวัคซีน ปลูกฝีอยู่หลายครั้งจึงได้รู้ว่า เขาทำเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน เพราะวัคซีน หรือการปลูกฝีนั้น เขาเอาเชื้อ โรคนั่นแหละมากระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน


    ภูมิคุ้มกันโรค (Immunity) หมายถึง ร่างกายมีความต้านทาน เกิดจากมีกลไกป้องกันหรือต่อต้านโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ

    ภูมิคุ้มกันโรคโดยทั่วไปท่านแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด

    ภูมิคุ้มกันโรคที่มีอยู่ตามธรรมชาติ (Natural Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันโรคที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือด โดยแม่จะถ่ายทอด

    ผ่านทางรถมาสู่ลูกในครรภ์ ดังนั้น ทารกที่เกิดใหม่จะมีภูมิคุ้มกัน โรค บางชนิด เช่น โรคคอตีบ โรคหัด และไข้ทรพิษได้เองตาม ธรรมชาติ แต่ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ได้ประมาณ ๓ เดือน หลังคลอด ต่อจากนั้น ทารกจะมีภูมิคุ้มกันโรคลดลง

    แม้แต่นมแม่ซึ่งไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ หรือสเตอริไลซ์ มา จากไหน เมื่อทารกดื่มก็ช่วยกระตุ้นลำไส้ของลูกน้อยให้รู้ว่า แบคทีเรีย ชนิดใดมีประโยชน์ นั่นคือกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง

    และร่างกายของคนเราโดยทั่วไปยังมีผิวหนัง เยื่อเมือกต่างๆ เช่น เยื่อตาและเยื่อจมูก น้ำย่อยอาหาร และเม็ดเลือดขาวไว้สำหรับ คุ้มกันโรคตามธรรมชาติอีกด้วย

    ๒. ภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Immu nity) จะเกิดขึ้นภายหลังจากหายป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่นไข้ทรพิษ หัด อีสุกอีใส คางทูม เป็นต้น เพราะเมื่อเป็นโรคเหล่านี้แล้วร่างกายจะ สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง หรือเกิดได้โดยการปลูกฝี ฉีดวัคซีน ฉีดเซรุ่ม เพื่อช่วยให้ร่างกายมีหรือสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะโรคใดโรคหนึ่งขึ้นมา

    เชื่อได้ว่า หากจับลุงแดงไปเจาะเลือด ตรวจหาเชื้อโรคแล้ว ให้แพทย์วินิจฉัย แกคงเป็นสารพัดโรค แต่ที่แกไม่ป่วยเพราะแกมี ภูมิคุ้มกัน

    สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน

    https://www.thenirvanalive.com/2023/03/09/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95/
    ภูมิคุ้มกันความทุกข์ ตั้งแต่เรียนชั้นประถม จนถึงวันอุปสมบท ผู้เขียนเห็นลุงแดงเดิน อยู่ริมถนนพหลโยธิน ไม่มีใครสนใจว่าแกเป็นใคร มาจากไหน ในช่วงกลางวัน แม้ฝนจะตก แดดจะออกอย่างไร ดูแกจะไม่ สนใจ เดินไป คุยไป หัวเราะไป กับใครก็ไม่รู้ เพราะแกเดินคนเดียว เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม เพราะไม่เคยผ่านการซักฟอกร่างกาย ไม่ได้เจอสบู่ยาสระผมมานานปีแล้ว ตกลุงแดงจะเข้าไปอาศัยนอนในวัด โดยที่ไม่สนใจมุ่งหมอน เสื่อ แต่มีเพียงพื้นปูนเรียบๆ แกก็นอนได้อย่างเป็นสุข โดยมียุงและ หมาวัดฝูงใหญ่เป็นเพื่อน ส่วนเรื่องอาหาร มีพระท่านเมตตาเก็บไว้ให้ ตอนเช้าหลังจากกินข้าวก้นบาตรพระ แกก็ออกไปทำหน้าที่สำรวจถนนต่อไปและ หลายครั้งกว่าจะเย็นค่ำ อาหารที่พระท่านเก็บไว้ให้ก็พูดเสียแล้ว แ ดูแกจะไม่อนาทรร้อนใจแต่อย่างใด รับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย ทุกครั้ง ใช่แล้ว แกเป็นคนบ้า คนบ้าที่มีความสุข แกไม่มีอะไรเป็น สมบัติส่วนตัว นอกจากเสื้อผ้าที่แกสวมใส่ จนเมื่อผู้เขียนมองย้อน กลับมาสำรวจตนเองที่มีนั่น โน่น นี่มากมาย แต่ไม่เคยพอใจสักครั้ง ทุกข์กับความมีความเป็นของตนเองอยู่บ่อยๆ หลายครั้งก็ชักสับสน ตงิดๆ ว่า “ลุงแดงกับเรานี่ ใครบ้ากว่ากันหว่า” และที่ สงสัยมานานก็คือ ทำไมคนบ้าส่วนมากไม่ค่อยเจ็บป่วย หรือเขาก็ป่วยเป็นแต่ไม่บอก หรือเขาป่วยแต่ไม่ทุกข์? จนเมื่อเติบโตขึ้นมา ถูกฉีดวัคซีน ปลูกฝีอยู่หลายครั้งจึงได้รู้ว่า เขาทำเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน เพราะวัคซีน หรือการปลูกฝีนั้น เขาเอาเชื้อ โรคนั่นแหละมากระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ภูมิคุ้มกันโรค (Immunity) หมายถึง ร่างกายมีความต้านทาน เกิดจากมีกลไกป้องกันหรือต่อต้านโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ ภูมิคุ้มกันโรคโดยทั่วไปท่านแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด ภูมิคุ้มกันโรคที่มีอยู่ตามธรรมชาติ (Natural Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันโรคที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือด โดยแม่จะถ่ายทอด ผ่านทางรถมาสู่ลูกในครรภ์ ดังนั้น ทารกที่เกิดใหม่จะมีภูมิคุ้มกัน โรค บางชนิด เช่น โรคคอตีบ โรคหัด และไข้ทรพิษได้เองตาม ธรรมชาติ แต่ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ได้ประมาณ ๓ เดือน หลังคลอด ต่อจากนั้น ทารกจะมีภูมิคุ้มกันโรคลดลง แม้แต่นมแม่ซึ่งไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ หรือสเตอริไลซ์ มา จากไหน เมื่อทารกดื่มก็ช่วยกระตุ้นลำไส้ของลูกน้อยให้รู้ว่า แบคทีเรีย ชนิดใดมีประโยชน์ นั่นคือกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง และร่างกายของคนเราโดยทั่วไปยังมีผิวหนัง เยื่อเมือกต่างๆ เช่น เยื่อตาและเยื่อจมูก น้ำย่อยอาหาร และเม็ดเลือดขาวไว้สำหรับ คุ้มกันโรคตามธรรมชาติอีกด้วย ๒. ภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Immu nity) จะเกิดขึ้นภายหลังจากหายป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่นไข้ทรพิษ หัด อีสุกอีใส คางทูม เป็นต้น เพราะเมื่อเป็นโรคเหล่านี้แล้วร่างกายจะ สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง หรือเกิดได้โดยการปลูกฝี ฉีดวัคซีน ฉีดเซรุ่ม เพื่อช่วยให้ร่างกายมีหรือสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะโรคใดโรคหนึ่งขึ้นมา เชื่อได้ว่า หากจับลุงแดงไปเจาะเลือด ตรวจหาเชื้อโรคแล้ว ให้แพทย์วินิจฉัย แกคงเป็นสารพัดโรค แต่ที่แกไม่ป่วยเพราะแกมี ภูมิคุ้มกัน สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน https://www.thenirvanalive.com/2023/03/09/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรค………นี้ออกจะยุ่งๆหน่อย...!!!

    ค่ะ ยุ่งจริงๆ เพราะเหล่าผองเพื่อนต่างกลับมาจากการพักเย็นที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส คือ หน้าร้อน ก็พักร้อน ไปเที่ยวกันไกลๆ
    หน้าหนาวก็ไปเล่นสกี หรือบินตามเกาะต่างๆที่มีอากาศอุ่นๆตามประสาความอู้ฟู่ของใครของมัน

    ดิฉันไม่มีฤดูกาลพักผ่อนอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน
    อีกทั้งไปไหนไม่ได้นาน เพราะหมาสามตัวที่นั่งเฝ้าหน้าประตูคอยนั่นทำให้รู้สึก”ผิด” มากกว่าอาการค้อนควักของสามี...ที่คอยรับประทานดันบ่อยๆว่า “ชีวิตดี๊ ดี นะยะเธอ”
    ชั่งเหอะ...เข้าหูซ้ายออกหูขวา ไปลั้ลลา ตีกอล์ฟพร้อมอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟยามบ่ายแทบทุกวัน
    ไม่ใช่ว่า...เลิศหรูอะไรหรอกค่ะ สนามกอล์ฟก็จ่ายสมาชิกรายปีอยู่แล้ว
    เพื่อนฝูงก็มากมาย ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องคุยกันแบบสามวันไม่มีจบ
    กลับถึงบ้าน...ก็หมดแรง

    แต่อ่านและติดตามข่าวเมืองไทยอย่างหายใจรดต้นคอเลยเชียว
    โค้งนี้และครั้งนี้...เป็นการเดิมพันที่น่าใจหายใจคว่ำ เพราะมันไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครมาพูดถึงนโยบายแบบฉลาดๆ
    มีแต่คิดที่จะเลิกนั่นเลิกนี่ ทำแก้แค้นเอาคืนคนโน้นคนนี้ และ จะแจกนั่นแจกนี่ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากไหนและอย่างไร

    ที่สำคัญที่สุด คือการแสดงออกชัดเจนว่า เรามีเพียงสองขั้วเท่านั้นที่จะเลือก คือ ขั้วเอาเจ้า กับ ไม่เอาเจ้า

    สายสีส้มออกมาโจมตีบ้านเมืองทุกวัน ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ยุติธรรม
    ทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงเขามาจนถึงบัดนี้ ก็เพราะประเทศเลวๆที่ไม่มีความสมดุลย์นี่แหละ...
    ยิ่งฟังก็ยิ่งมองเห็นเงาของกลุ่มอิลลูมินาติ กับ OSF (Open Society Foundation) ของ จอร์จ โซรอส ชัดแบบไม่ต้องใช้แว่นขยาย
    เพราะมันคือหลักการพื้นๆของเขาที่ใช้ในทุกประเทศ คือ สนับสนุนคนรุ่นใหม่วัยเยาว์, เชิดชูประชาธิปไตย, ล้างสมองให้เชื่อว่าสิทธิของมนุษยชนต้องเท่ากัน โดยใช้กลุ่ม NGO และ HRW เป็นพี่เลี้ยงให้ในทุกเวที,
    ต้องเปิดพรมแดน รับผู้ลี้ภัย, และต้องไม่”ชาตินิยม” ขนบธรรมเนียม
    อะไรเก่าๆทิ้งไป..เพราะมันไม่สร้างสรรค์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องมี...

    ทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ในนโยบายของพรรคสีส้ม จนเหมือนกับว่า...พวกเขาคือสาวกที่ได้ขายวิญญาณไปแล้ว...
    ที่แน่ๆคือ...พวกเขาได้”ก้าวข้าม” นายทุนท่อน้ำเลี้ยง ณ.ทางไกลไปหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ...คือไม่อ้อมแอ้ม...กล้าที่จะประกาศว่า...ไม่เอาสถาบัน!!

    ที่เหลือก็อยู่ที่คนไทย...จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้ว่า ข่าวที่มีเรื่องข้าว เรื่องสารพาราควอท นั่น...มันมีมูล
    ฟังแล้วจะว่าเป็นข่าวลวง ลับ พรางอะไรก็ตามที แต่เคยเขียนถึง มอนซานโต้กับไบเออร์ให้อ่านกันแล้ว นั่นคือการทำงานของเขาล้วนๆ
    เรื่องข้าว...คือการนำเมล็ดพันธุ์ไปทำ GMO เพื่อคุณภาพจะได้ทนต่อแมลงและโรคติดต่อ และทำ DNA ในแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้มีการปลอมปน
    จกการลงทุนขนาดใหญ่นี้ หมายถึงว่า เขาจะเข้ามาควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด และใส่ถุงกลับมาขายให้ชาวนา ที่ต้องใช้ตามที่เขากำหนด
    เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว....จะส่งขายต่างประเทศไม่ได้………!!!!
    ข้าวคือสินค้าขาออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่มีอนาคตที่ล่อแหลมมาก
    ส่วนเรื่องสารพิษนั่น...ขอขำแปล๊บ...ก็ต้องขอต่ออายุให้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง ใครจะตายก็ชั่งมันปะไร เพราะนายทุนเขายังมีอยู่ในสต๊อก ก็ต้องให้เขาปล่อยให้หมดก่อน จะไปแบนได้ยังไง รับนาฬิ...เอ๊ย รับซองเขามาแล้ว...คิดได้ไม่ยากเลย..!!

    ดิฉันฟังนักวิชาการของพรรคสีส้มที่เขาพูดถึงสถาบัน การเมืองกับประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง และไม่มีวันที่จะเข้ากันได้
    และเขาได้ยกตัวอย่างถึง ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ที่………”เขาช่างกล้า”
    ยกเอาคำพูดการตัดสินของ Louis Antoine de Saint-Just หนึ่งในผู้นำบองคณะปฏิวัติ (Jacobin Club) ที่ประกาศชี้โทษให้ทำการใช้กิโยติน
    กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในวันที่ 21 มกราคม 1793

    การอภิปรายแบบนี้ ถือว่าพวกเขาได้แทรก”นัยยะ”ไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความทันสมัยของโลกเทคโนโลยี ทุกอย่างสั่งได้เหมือนพิซซ่า เด็กรุ่นนี้ไม่มีความเข้าใจถึงความซับซ้อนของการเมือง และการปกครอง
    เพราะขนาดที่ฝรั่งเศสเรียกร้องหาความเป็นประชาธิปไตย ถึงขนาดล้มล้างกษัตริย์ของตัวเอง เอาพระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบ (ตามตำแหน่งคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ สิบเจ็ด)ไปจองจำ ขังไว้จนสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุได้ สิบขวบ
    ต่อมาก็พระอนุชา (ตามตำแหน่งที่ชอบธรรมคือ พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปด) ที่ต้องเสด็จออกไปอยู่นอกประเทศ เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง)
    ในช่วงนี้เองที่ นโปเลียนได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิ เพราะกษัตริย์พระองค์จริงยังอยู่.………
    พอนโปเลียนไปถูกเนรเทศไปจองจำที่เกาะ Alba
    พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็เสด็จกลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศส
    นโปเลียนแหกเกาะออกมา...พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็ออกไปนอกประเทศอีก
    พอนโปเลียนแพ้สงครามที่วอเตอร์ลู (กับอังกฤษ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็กลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศสเหมือนเดิมจนสิ้นพระชนม์ในปี 1824

    กษัตริย์ที่ครองบัลลังก์ต่อมา คือ พระเจ้าชารลส์ที่สิบ ( Charles X )
    ที่เป็นหลาน เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดไม่มีรัชทายาท
    ฝรั่งเศสได้มีกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้า Louis-Philippe (โดยตำแหน่ง) แต่พระองค์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ สิ้นพระชนม์ในปี 1850

    ฝรั่งเศสได้มีประธานาธิบดีคนแรกในปี 1848 เขาคือ Louis-Napoléon Bonaparte หรือเป็นที่รู้จักกันใน Napoléon III ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของ
    นโปเลียน

    ฉะนั้น ถ้าใครจะมาบังอาจเล่าเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสก็ควรจะเล่าให้จบว่า หลังจากที่สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกด้วยกิโยตินแล้ว ก็ไม่ใช่จะหลุดออกจากการปกครองของกษัตริย์และพระจักรพรรดิโดยสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ กว่าประชาชนจะหาทางออกให้กับประเทศของตัวเอง จัดแจงการปกครองแบบใหม่ได้ก็ใช้เวลาร่วมร้อยปี
    ในช่วงของเกือบร้อยปีนั่น ต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ทหารตายไปเท่าไหร่ อับอายขายหน้าที่ผู้นำประเทศ (นโปเลียนที่สาม) แพ้สงคราม ต้องโดนเยอรมันจับไปเป็นเชลย
    บ้านเมืองระส่ำระสาย ประชาชนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า
    นี่ไง...ประชาธิปไตยของประเทศตัวอย่างที่ชอบอ้างกันนัก
    ที่ทุกวันนี้...ประชาชนต้องออกมาไล่ผู้นำติดต่อกันสิบสี่อาทิตย์แล้ว
    ทั้งๆที่เขามาจากการเลือกตั้ง....

    แล้วอย่านึกว่า ฝรั่งเศสมีเอกเทศในการปกครองนะคะ ทั้งยุโรปเรากำลังจะอยู่ควบรวมไว้ในหม้อเดียวกัน ในนามว่า Bilderberg Group
    จะมีการจัดตั้งกองกำลังยุโรปให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะมีเขี้ยวเล็บให้น่าเกรงขาม
    เฉพาะที่ฝรั่งเศส เรามีคลังแสงของระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็นที่สามของโลกค่าาา พี่น้องงงงง....
    งบประมาณในการณ์นี้ คือ สามถึงสี่พันล้านยูโรต่อปี

    ในขณะที่ในบางประเทศคนหลายคนยังถามรัฐบาลตัวเองว่า มีทหารไว้ทำไม???

    ฟังแล้วเหมือนกับโดนลากมาตบกลางสี่แยกยังไงไม่รู้.……เมื่อก่อนหน้านั้นก็โดนไปทีนึงแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเขาขยี้เรื่องเด็กของเราใส่เสื้อ
    สวัสดิกะขึ้นเวที หลังจากที่ขอโทษขอโพยกันแล้ว เขายังเขียนว่า
    ผู้คนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโลก เพราะนักเรียนจะเรียนแค่ไทยทำสงครามกับพม่าเท่านั้น...!!!

    แค่พูดเบาๆยังเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง....!!!

    Wiwanda W. Vichit
    พรรค………นี้ออกจะยุ่งๆหน่อย...!!! ค่ะ ยุ่งจริงๆ เพราะเหล่าผองเพื่อนต่างกลับมาจากการพักเย็นที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส คือ หน้าร้อน ก็พักร้อน ไปเที่ยวกันไกลๆ หน้าหนาวก็ไปเล่นสกี หรือบินตามเกาะต่างๆที่มีอากาศอุ่นๆตามประสาความอู้ฟู่ของใครของมัน ดิฉันไม่มีฤดูกาลพักผ่อนอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน อีกทั้งไปไหนไม่ได้นาน เพราะหมาสามตัวที่นั่งเฝ้าหน้าประตูคอยนั่นทำให้รู้สึก”ผิด” มากกว่าอาการค้อนควักของสามี...ที่คอยรับประทานดันบ่อยๆว่า “ชีวิตดี๊ ดี นะยะเธอ” ชั่งเหอะ...เข้าหูซ้ายออกหูขวา ไปลั้ลลา ตีกอล์ฟพร้อมอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟยามบ่ายแทบทุกวัน ไม่ใช่ว่า...เลิศหรูอะไรหรอกค่ะ สนามกอล์ฟก็จ่ายสมาชิกรายปีอยู่แล้ว เพื่อนฝูงก็มากมาย ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องคุยกันแบบสามวันไม่มีจบ กลับถึงบ้าน...ก็หมดแรง แต่อ่านและติดตามข่าวเมืองไทยอย่างหายใจรดต้นคอเลยเชียว โค้งนี้และครั้งนี้...เป็นการเดิมพันที่น่าใจหายใจคว่ำ เพราะมันไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครมาพูดถึงนโยบายแบบฉลาดๆ มีแต่คิดที่จะเลิกนั่นเลิกนี่ ทำแก้แค้นเอาคืนคนโน้นคนนี้ และ จะแจกนั่นแจกนี่ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากไหนและอย่างไร ที่สำคัญที่สุด คือการแสดงออกชัดเจนว่า เรามีเพียงสองขั้วเท่านั้นที่จะเลือก คือ ขั้วเอาเจ้า กับ ไม่เอาเจ้า สายสีส้มออกมาโจมตีบ้านเมืองทุกวัน ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ยุติธรรม ทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงเขามาจนถึงบัดนี้ ก็เพราะประเทศเลวๆที่ไม่มีความสมดุลย์นี่แหละ... ยิ่งฟังก็ยิ่งมองเห็นเงาของกลุ่มอิลลูมินาติ กับ OSF (Open Society Foundation) ของ จอร์จ โซรอส ชัดแบบไม่ต้องใช้แว่นขยาย เพราะมันคือหลักการพื้นๆของเขาที่ใช้ในทุกประเทศ คือ สนับสนุนคนรุ่นใหม่วัยเยาว์, เชิดชูประชาธิปไตย, ล้างสมองให้เชื่อว่าสิทธิของมนุษยชนต้องเท่ากัน โดยใช้กลุ่ม NGO และ HRW เป็นพี่เลี้ยงให้ในทุกเวที, ต้องเปิดพรมแดน รับผู้ลี้ภัย, และต้องไม่”ชาตินิยม” ขนบธรรมเนียม อะไรเก่าๆทิ้งไป..เพราะมันไม่สร้างสรรค์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องมี... ทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ในนโยบายของพรรคสีส้ม จนเหมือนกับว่า...พวกเขาคือสาวกที่ได้ขายวิญญาณไปแล้ว... ที่แน่ๆคือ...พวกเขาได้”ก้าวข้าม” นายทุนท่อน้ำเลี้ยง ณ.ทางไกลไปหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ...คือไม่อ้อมแอ้ม...กล้าที่จะประกาศว่า...ไม่เอาสถาบัน!! ที่เหลือก็อยู่ที่คนไทย...จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้ว่า ข่าวที่มีเรื่องข้าว เรื่องสารพาราควอท นั่น...มันมีมูล ฟังแล้วจะว่าเป็นข่าวลวง ลับ พรางอะไรก็ตามที แต่เคยเขียนถึง มอนซานโต้กับไบเออร์ให้อ่านกันแล้ว นั่นคือการทำงานของเขาล้วนๆ เรื่องข้าว...คือการนำเมล็ดพันธุ์ไปทำ GMO เพื่อคุณภาพจะได้ทนต่อแมลงและโรคติดต่อ และทำ DNA ในแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้มีการปลอมปน จกการลงทุนขนาดใหญ่นี้ หมายถึงว่า เขาจะเข้ามาควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด และใส่ถุงกลับมาขายให้ชาวนา ที่ต้องใช้ตามที่เขากำหนด เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว....จะส่งขายต่างประเทศไม่ได้………!!!! ข้าวคือสินค้าขาออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่มีอนาคตที่ล่อแหลมมาก ส่วนเรื่องสารพิษนั่น...ขอขำแปล๊บ...ก็ต้องขอต่ออายุให้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง ใครจะตายก็ชั่งมันปะไร เพราะนายทุนเขายังมีอยู่ในสต๊อก ก็ต้องให้เขาปล่อยให้หมดก่อน จะไปแบนได้ยังไง รับนาฬิ...เอ๊ย รับซองเขามาแล้ว...คิดได้ไม่ยากเลย..!! ดิฉันฟังนักวิชาการของพรรคสีส้มที่เขาพูดถึงสถาบัน การเมืองกับประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง และไม่มีวันที่จะเข้ากันได้ และเขาได้ยกตัวอย่างถึง ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ที่………”เขาช่างกล้า” ยกเอาคำพูดการตัดสินของ Louis Antoine de Saint-Just หนึ่งในผู้นำบองคณะปฏิวัติ (Jacobin Club) ที่ประกาศชี้โทษให้ทำการใช้กิโยติน กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในวันที่ 21 มกราคม 1793 การอภิปรายแบบนี้ ถือว่าพวกเขาได้แทรก”นัยยะ”ไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความทันสมัยของโลกเทคโนโลยี ทุกอย่างสั่งได้เหมือนพิซซ่า เด็กรุ่นนี้ไม่มีความเข้าใจถึงความซับซ้อนของการเมือง และการปกครอง เพราะขนาดที่ฝรั่งเศสเรียกร้องหาความเป็นประชาธิปไตย ถึงขนาดล้มล้างกษัตริย์ของตัวเอง เอาพระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบ (ตามตำแหน่งคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ สิบเจ็ด)ไปจองจำ ขังไว้จนสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุได้ สิบขวบ ต่อมาก็พระอนุชา (ตามตำแหน่งที่ชอบธรรมคือ พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปด) ที่ต้องเสด็จออกไปอยู่นอกประเทศ เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง) ในช่วงนี้เองที่ นโปเลียนได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิ เพราะกษัตริย์พระองค์จริงยังอยู่.……… พอนโปเลียนไปถูกเนรเทศไปจองจำที่เกาะ Alba พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็เสด็จกลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศส นโปเลียนแหกเกาะออกมา...พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็ออกไปนอกประเทศอีก พอนโปเลียนแพ้สงครามที่วอเตอร์ลู (กับอังกฤษ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็กลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศสเหมือนเดิมจนสิ้นพระชนม์ในปี 1824 กษัตริย์ที่ครองบัลลังก์ต่อมา คือ พระเจ้าชารลส์ที่สิบ ( Charles X ) ที่เป็นหลาน เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดไม่มีรัชทายาท ฝรั่งเศสได้มีกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้า Louis-Philippe (โดยตำแหน่ง) แต่พระองค์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ สิ้นพระชนม์ในปี 1850 ฝรั่งเศสได้มีประธานาธิบดีคนแรกในปี 1848 เขาคือ Louis-Napoléon Bonaparte หรือเป็นที่รู้จักกันใน Napoléon III ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของ นโปเลียน ฉะนั้น ถ้าใครจะมาบังอาจเล่าเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสก็ควรจะเล่าให้จบว่า หลังจากที่สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกด้วยกิโยตินแล้ว ก็ไม่ใช่จะหลุดออกจากการปกครองของกษัตริย์และพระจักรพรรดิโดยสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ กว่าประชาชนจะหาทางออกให้กับประเทศของตัวเอง จัดแจงการปกครองแบบใหม่ได้ก็ใช้เวลาร่วมร้อยปี ในช่วงของเกือบร้อยปีนั่น ต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ทหารตายไปเท่าไหร่ อับอายขายหน้าที่ผู้นำประเทศ (นโปเลียนที่สาม) แพ้สงคราม ต้องโดนเยอรมันจับไปเป็นเชลย บ้านเมืองระส่ำระสาย ประชาชนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า นี่ไง...ประชาธิปไตยของประเทศตัวอย่างที่ชอบอ้างกันนัก ที่ทุกวันนี้...ประชาชนต้องออกมาไล่ผู้นำติดต่อกันสิบสี่อาทิตย์แล้ว ทั้งๆที่เขามาจากการเลือกตั้ง.... แล้วอย่านึกว่า ฝรั่งเศสมีเอกเทศในการปกครองนะคะ ทั้งยุโรปเรากำลังจะอยู่ควบรวมไว้ในหม้อเดียวกัน ในนามว่า Bilderberg Group จะมีการจัดตั้งกองกำลังยุโรปให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะมีเขี้ยวเล็บให้น่าเกรงขาม เฉพาะที่ฝรั่งเศส เรามีคลังแสงของระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็นที่สามของโลกค่าาา พี่น้องงงงง.... งบประมาณในการณ์นี้ คือ สามถึงสี่พันล้านยูโรต่อปี ในขณะที่ในบางประเทศคนหลายคนยังถามรัฐบาลตัวเองว่า มีทหารไว้ทำไม??? ฟังแล้วเหมือนกับโดนลากมาตบกลางสี่แยกยังไงไม่รู้.……เมื่อก่อนหน้านั้นก็โดนไปทีนึงแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเขาขยี้เรื่องเด็กของเราใส่เสื้อ สวัสดิกะขึ้นเวที หลังจากที่ขอโทษขอโพยกันแล้ว เขายังเขียนว่า ผู้คนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโลก เพราะนักเรียนจะเรียนแค่ไทยทำสงครามกับพม่าเท่านั้น...!!! แค่พูดเบาๆยังเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง....!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 796 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้คุณมีความสุขไหม? 😊

    ตัวแอดมินเคยสงสัยคำถามนี้มาเนิ่นนาน

    จนกระทั่งได้มาลองสังเกตุตัวเอง
    ตอนช่วงเวลาที่มีความสุขดู
    ว่าฉันรู้สึกอย่างไรบ้างนะ...

    -รู้สึกสงบ
    -รู้สึกมั่นคงในตัวเอง
    -รู้สึกหัวใจได้รับการเติมเต็ม
    -รู้สึกเบาจากการไม่แบกอะไรที่หนักโดยไม่จำเป็น

    แล้วความสุขเกิดขึ้นตอนไหนได้บ้างกันนะ?

    -ตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าวันนี้ตื่นไม่สาย
    -ตอนที่ได้กินข้าวมื้อเช้าตรงเวลา
    -ตอนที่ได้ดื่มน้ำเย็นๆและสะอาด
    -ตอนที่อากาศตอนเช้าไม่ร้อน
    -ตอนที่ข้าวมื้อกลางวันอร่อย
    -ตอนที่ได้พูดคุยกับผู้คนด้วยคำพูดที่ดี
    -ตอนที่ได้เล่นกับน้องแมวน่ารักๆ

    บางทีความสุขก็เกิดจากอะไรที่เรียบง่าย
    ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรมากมาย


    แล้ววันนี้...คุณมีความสุขบ้างหรือยังคะ😊

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #ความสุข
    #หนังสือน่าอ่าน #Thaitimes
    วันนี้คุณมีความสุขไหม? 😊 ตัวแอดมินเคยสงสัยคำถามนี้มาเนิ่นนาน จนกระทั่งได้มาลองสังเกตุตัวเอง ตอนช่วงเวลาที่มีความสุขดู ว่าฉันรู้สึกอย่างไรบ้างนะ... -รู้สึกสงบ -รู้สึกมั่นคงในตัวเอง -รู้สึกหัวใจได้รับการเติมเต็ม -รู้สึกเบาจากการไม่แบกอะไรที่หนักโดยไม่จำเป็น แล้วความสุขเกิดขึ้นตอนไหนได้บ้างกันนะ? -ตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าวันนี้ตื่นไม่สาย -ตอนที่ได้กินข้าวมื้อเช้าตรงเวลา -ตอนที่ได้ดื่มน้ำเย็นๆและสะอาด -ตอนที่อากาศตอนเช้าไม่ร้อน -ตอนที่ข้าวมื้อกลางวันอร่อย -ตอนที่ได้พูดคุยกับผู้คนด้วยคำพูดที่ดี -ตอนที่ได้เล่นกับน้องแมวน่ารักๆ บางทีความสุขก็เกิดจากอะไรที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรมากมาย แล้ววันนี้...คุณมีความสุขบ้างหรือยังคะ😊 #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #ความสุข #หนังสือน่าอ่าน #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 583 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคำฟ้อง "พล.ต.อ.สมยศ" กับพวก 8 คนปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ใช้อำนาจกดดันลูกน้องเปลี่ยนความเร็ว ส่วน "เนตร นาคสุข" ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจสั่งไม่ฟ้อง ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย 10 กันยายนนี้

    29 สิงหาคม 2567 - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบ อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี ปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยืนฟ้องพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลยในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อท 131 /2567 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 , 200 , 83 , 86 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 /1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2563 มาตรา 172,192
    พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่3 ก.ย.2555 เวลาประมาณ 05.20 น. เกิดเหตุนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหา ขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเฟอรารี่ ไปตามถนนสุขุมวิทฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางพระโขนง เมื่อถึงบริเวณระหว่างปากซอยสุขุมวิท 47 และปากซอยสุขุมวิท 49 ได้ชนท้ายรถจักรยานยนต์ตราโล่ซึ่งมีด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐเป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่ ด.ต.วิเชียร ขับขี่ส้มลงครูดไถลไปตามพื้นถนน หยุดอยู่ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 ห่างจากจุดชนประมาณ 164.45 เมตร เป็นเหตุให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ได้รับความเสียหาย ด.ต.วิเชียร ถึงแก่ความตาย
    ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีจราจรโดยมีพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้เองและรวบรวมพยานเอกสารประกอบสำนวนการสอบสวน โดยมีรายงานกองพิสูจน์หลักฐาน กลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตรวจสอบรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่จากภาพของกล้องวงจรปิด และจากการวัดระยะจริง ในสถานที่เดียวกับที่ปรากฏในภาพ คำนวณอัตราเร็วเฉลี่ยในช่วงที่รถยนต์ในภาพเคลื่อนที่เข้ามาทางของภาพด้านขวาจนถึงจุดที่เคลื่อนที่ออกจากภาพทางด้านซ้ายเมื่อคำนวณอัตราเร็วอัตราเร็วโดยเฉลี่ย มีค่าเท่ากับ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    โดยการคำนวณดังกล่าวอาจจะมีความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือน้อยลงประมาณ 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้สรุปหลักฐานทางคดีและความเห็นของพนักงานสอบสวนส่งไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้
    โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นายวรยุทธ ฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือและแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ เห็นควรสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ฐานขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ด.ต.วิเชียร ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหาย เนื่องจากถึงแก่ความตาย

    ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2556 อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาแล้ว มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถของผู้อื่นเสียหาย และ มีผู้ถึงแก่ความตาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ และมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยุติการดำเนินคดีกับ ด.ต.วิเชียร ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ขนรถของผู้อื่นเสียหาย ต่อมาผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธฐานขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย คำสั่งไม่ฟ้องจึงเด็ดขาดเป็นที่ยุติ

    ในระหว่างนั้นความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถของผู้อื่นเสียหาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ ได้ล่วงเลยพ้นกำหนดระยะเวลาอายุความตามกฎหมาย คงเหลือความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

    ต่อมาจำเลยที่ 8 ในฐานะพนักงานอัยการผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาสั่งคดี ที่มีการร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดได้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธและมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291 และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้รับมอบหมาย ไม่แย้งคำสั่งพนักงานอัยการ คำสั่งไม่ฟ้อง จึงเป็น อันเด็ดขาด
    ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเป็นคณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จำเลยที่ 2 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเลยที่ 3 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กองบังคับการตำรวจนครบาล4 กองบัญชาการตำรวจนครบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่4-7 ในขณะเกิดเหตุมิได้มีสถานะหรือได้กระทำการในสถานะเป็นเจ้าพนักงาน แต่เป็นบุคคลผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือเจ้าพนักงานของรัฐในการกระทำผิด จำเลยที่ 8 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด

    เมื่อระหว่างวันที่ 29 ก.พ. 2559 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 13 มิ.ย.2563 เวลากลางวัน จำเลยทั้งแปดได้กระทำความผิดจำเลยที่1-3 ได้อาศัยโอกาสที่ตนเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบร่วมกับจำเลยที่ 4-7 สมคบกันกระทำผิดด้วยการวางแผนร่วมกันเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ในวันเกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์คันที่ ด.ต.วิเชียร ขับขี่จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและ ด.ต.วิเชียรถึงแก่ความตาย จากความเร็วของรถยนต์ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ลงวันที่ 26 ก.ย. 2555 ซึ่งมี พ.ต.อ. ธ เป็นผู้จัดทำรายงานไว้ว่ารถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่มีความเร็วโดยเฉลี่ย 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือ น้อยลงประมาณ 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เป็นความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่ได้วางแผนกัน
    โดยให้จำเลยที่5 ดำเนินการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม ครั้งที่ 9 ต่อพนักงานอัยการในคดีที่นายวรยุทธเป็นผู้ต้องหา ขอให้สอบพยาน พ.ต.อ. ธ. ในประเด็นเกี่ยวกับการคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. ตามที่ร้องขอ จำเลยที่5 และจำเลยที่6 ได้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับจำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ให้ดำเนินการคิดวิธีคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ให้มีความเร็ว ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจำเลยที่ 7 ได้คิดค้นหาวิธีคำนวณโดยใช้วิธีนำความยาวของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่แล่นผ่านจุดใดจุดหนึ่งตามภาพที่ได้จากคลิปไฟล์ภาพที่ไม่ใช่ไฟล์ภาพต้นฉบับมาใช้คำนวณจนทำให้คำนวณความเร็วรถยนต์ได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อันเป็นการคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก

    จากนั้นจำเลยที่ 3 อาศัยโอกาสที่ตนเป็นพนักงานสอบสวนมีหน้าที่สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. ตามคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมของพนักงานอัยการ โดยนัดแนะและให้จำเลยที่ 1 ,2,4,5,7 เข้าร่วมการสอบปากคำดังกล่าวด้วย จากนั้นในขณะการสอบปากคำเพิ่มเติมจำเลยที่ 3 ได้ปล่อยให้จำเลยที่ 7 ได้แสดงวิธีคิดคำนวณความเร็วรถยนต์ตามที่ได้นัดแนะกับจำเลยที่5-6 ให้ พ.ต.อ. ธ.ดูเพื่อโน้มน้าว พ.ต.อ. ธ. ให้เชื่อคล้อยตามวิธีคิดคำนวณของจำเลยที่ 7 ที่ตระเตรียมมา โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งร่วมกับจำเลยที่ 2 ในฐานะ ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ. ธ. อาศัยโอกาสที่มีอำนาจหน้าที่ร่วมกับจำเลยที่ 4-5 ทำการใช้อิทธิพลบังคับกดดันและโน้มน้าว พ.ต.อ. ธ. ให้ยึดถือวิธีการคิดคำนวณตามที่จำเลยที่นำเสนอ
    โดยจำเลยที่ 1 ได้ทำการพูดในขณะร่วมสนทนาและสอบปากคำว่า "สิ่งหนึ่งที่ผมพูดกับคุยน้อง มันไว้ ก็คือน้องเนี่ยคำนวณจากระยะ แล้วก็ออกมาเป็นความเร็ว ความเร็วที่คิดมันคิดจากทฤษฎีที่เป็นทฤษฎีที่คิดในห้องทดลอง ห้องทดลองก็จะอากาศเบาบาง คือมันพยายามให้คิดความเร็วเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพื่อการทำมาร์เก็ตติ้งความเร็วเท่าไหร่ เร่งเท่าไหร่ แต่ว่าในความเป็นจริง ในทัศนวิสัยเช่นว่ายามเช้าอากาศหนักอะไรอย่างเนี่ย ความเร็วไม่เป็นไปตามทฤษฎี นี่คือสิ่งที่ผมคิดนะ อย่างที่สองคือระยะทางที่ใช้คำนวณหน้ากล้องหลังกล้อง ความเร็วอาจจะเปลี่ยน อาจจะเร็วขึ้นก็ได้ อาจจะลดลงก็ได้ลดลงเพราะว่าทัศนวิสัยการจราจรอะไรก็แล้วแต่ที่มันอยู่ข้างหน้า ซึ่งในกล้องมันไม่ปรากฏ นี่ผมคิดในมุมมองผมแบบนี้" กับให้ พล.ต.ท. ม. ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐาน ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ. ธ. พูดกับ พ.ต.อ. ธ. ว่า "ทางพี่ อ.(ซึ่งหมายถึงชื่อเล่นของจำเลยที่ 1 ) เค้าอยากให้จบในชั้นอัยการเค้าจะได้จบเลยจะได้ไม่ต้องสืบ"

    ส่วนจำเลยที่2 ในฐานะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องตรวจสอบถึงความบกพร่องของรายงานตรวจพิสูจน์หากเกิดความผิดพลาดขึ้นจริงรวมถึงตรวจสอบการคิดคำนวณตามวิธีของจำเลยที่ 7 ซึ่งใช้ไฟล์ที่มิใช่ต้นฉบับ อันเป็นข้อสงสัยถึงวิธีการคิดคำนวณว่ามิได้อยู่บนรากฐานของความถูกต้อง แต่จำเลยที่ 2 กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบและได้พูดว่า "เราคำนวณตามอาจารย์ (ซึ่งหมายถึงจำเลยที่7 ) ได้มั้ย อาจารย์คิดได้ 79.22 เราไปลองดูซิว่าคิดตามแบบเค้าได้ไหม" สอดคล้องกับจำเลยที่ 4 ที่พูดว่า "อยากขอให้เป็น 79.22 ตามที่ อาจารย์ ส. คำนวณ"
    ซึ่งพฤติการณ์ทั้งมวลนี้แสดงถึงเจตนาประสงค์จะหักล้างหลักฐานตามที่ พ.ต.อ. ธ. ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับความเร็วรถยนต์ไว้ โดยใช้อิทธิพลบังคับกดดันให้ พ.ต.อ. ธ. เชื่อและยอมที่จะให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ เป็นเหตุให้ พ.ต.อ. ธ. ต้องจำยอมและให้การต่อจำเลยที่ 3 เปลี่ยนแปลงวิธีคิดคำนวณความเร็วรถยนต์จากเดิมที่คิดคำนวณไว้ความเร็วที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือน้อยลง 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาเป็นให้การว่าการคำนวณดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนและทำการคำนวณความเร็วใหม่ได้ความเร็วรถยนต์ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังที่จำเลยที่ 7 นำเสนอ จากนั้นจำเลยที่ 3 โดยคำแนะนำของจำเลยที่ 4 ได้จัดทำคำให้การพร้อมกับทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขวันที่ให้การโดยคำให้การฉบับแรกจากวันที่ 29 ก.พ.2559 เป็นวันที่ 26 ก.พ.2559 และคำให้การฉบับที่สองจากวันที่ 6 มี.ค. 59 มาเป็น 1 มี.ค.59 ให้ พ.ต.อ. ธ. ลงลายมือชื่อ เป็นหลักฐานเพื่อนำส่งให้แก่พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป
    ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่พิจารณารายงานผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนนายวรยุทธขอความเป็นธรรม กรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการ ต่อคณะกรรมาธิการๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา จำเลยที่1 ควรใช้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีการชี้ขาดหรือเลือกปฏิบัติ แต่จำเลยที่1 กลับอ้าง ข้อมูลในเหตุการณ์สอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. มิชอบดังกล่าวที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ
    การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1-7 จึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยมีเจตนามุ่งเพื่อจะช่วยเหลือนายวรยุทธ ผู้ต้องหาซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง อันเป็นการ มิชอบต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. ธ. ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายและบุคคลหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำเลยที่ 8

    ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่พิจารณารายงานผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนนายวรยุทธขอความเป็นธรรม กรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการ ต่อคณะกรรมาธิการๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา จำเลยที่1 ควรใช้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีการชี้ขาดหรือเลือกปฏิบัติ แต่จำเลยที่1 กลับอ้าง ข้อมูลในเหตุการณ์สอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. มิชอบดังกล่าวที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1-7 จึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยมีเจตนามุ่งเพื่อจะช่วยเหลือนายวรยุทธ ผู้ต้องหา ซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง อันเป็นการ มิชอบต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. ธ. ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายและบุคคลหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
    จำเลยที่ 8 ขณะนั้นเป็นพนักงานอัยการ รักษาการตำแหน่งรองอัยการสูงสุดได้อาศัยโอกาสที่ตนได้รับมอบหมายและมอบอำนาจ ให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุดในงานด้านคดีร้องขอความเป็นธรรม ตามคำสั่งอัยการสูงสุดที่1515/2562 ลงวันที่ 1 ต.ค.62 มีอำนาจพิจารณาสำนวนคดีอาญาที่มีการร้องขอความเป็นธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรม ที่ยื่นต่อพนักงานอัยการเป็นครั้งที่ 14 ในคดีที่นายวรยุทธ ผู้ต้องหา ในข้อหาความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม พลอากาศโท จ. และนาย จ. เมื่อได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจำเลยที่ 8 ได้ใช้อำนาจวินิจฉัยสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว

    ทั้งที่ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รายงานการตรวจสภาพรถคันเกิดเหตุรายงานการเก็บวัตถุพยาน ภาพถ่ายประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ ภาพถ่ายรถยนต์คันเกิดเหตุ และภาพถ่ายรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ พยานใกล้ชิดเหตุการณ์ปากนาย จ. ซึ่งความเห็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้และอดีตอัยการสูงสุด หรืออดีตรองอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยพยานไว้ก่อนโดยละเอียดแล้ว ว่ามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุซึ่งปรากฏผลการพิสูจน์ความเร็วของนายวรยุทธขับขี่ ความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมีเหตุอันสมควรเพียงพอที่จะนำนายวรยุทธ ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา แต่จำเลยที่ 8 กลับพิจารณาอาศัยพยานปาก พลอากาศโท จ. ซึ่งให้การหลังเกิดเหตุนานกว่า 2 ปี เศษ และพยานผู้เชี่ยวชาญอื่น อันเป็นการเลือกหยิบยกพยานหลักฐานดังกล่าวมาพิจารณา

    ทั้งที่อดีตอัยการสูงสุดและอดีตรองอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยไว้ก่อนแล้วว่าไม่ควรนำมารับฟังเนื่องจากไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยจำเลยที่ 8 มิได้ให้เหตุผลหักล้างหรือแสดงผลเป็นอย่างอื่น และไม่รับฟังพยานหลักฐานอื่นในสำนวนที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ อันเป็นการวินิจฉัย มูลความผิด โดยใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจด่วนวินิจฉัยคดีเสียเอง ไม่ได้ใช้เกณฑ์วินิจฉัยมูลความผิดอย่าง ที่พนักงานอัยการพึงใช้ อันผิดปกติวิสัยของพนักงานอัยการโดยทั่วไป เป็นการกระทำการมิชอบ โดยมีเจตนา เพื่อจะช่วยนายวรยุทธผู้ต้องหามิให้ต้องโทษหรือรับโทษน้อยลงอันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานอัยการสูงสุด ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตาย และผู้อื่นหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
    เหตุตามฟ้องเกิดที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ถนนอังรีดูนังต์ แขวงวังใหม่เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร, อาคารรัฐสภา (หลังเก่า) ถนนอู่ทองใน แขวงดุสิต เขตดุสิตกรุงเทพมหานคร, สำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารถนนแจ้งวัฒนะ) ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
    ชั้นไต่สวน จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ ข้อกล่าวหา
    คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปด มีมูลความผิด ทางอาญาตามข้อกล่าวหาและได้ส่งรายงาน เอกสาร พร้อมความเห็นมายังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการ ฟ้องคดี โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งแปดเป็นคดีนี้
    ในการฟ้องคดีนี้ อัยการสูงสุด มีคำสั่งมอบหมายให้ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีจนคดีถึงที่สุด

    ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับคดีไว้พิจารณา เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 131/2567 ให้จำเลยทั้งแปดแต่งทนายความ และให้นัดสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 10 ก.ย.2567 เวลา09.30น.
    ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งแปดและมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งแปดออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

    #Thaitimes
    เปิดคำฟ้อง "พล.ต.อ.สมยศ" กับพวก 8 คนปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ใช้อำนาจกดดันลูกน้องเปลี่ยนความเร็ว ส่วน "เนตร นาคสุข" ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจสั่งไม่ฟ้อง ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย 10 กันยายนนี้ 29 สิงหาคม 2567 - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบ อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี ปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยืนฟ้องพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลยในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อท 131 /2567 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 , 200 , 83 , 86 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 /1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2563 มาตรา 172,192 พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่3 ก.ย.2555 เวลาประมาณ 05.20 น. เกิดเหตุนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหา ขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเฟอรารี่ ไปตามถนนสุขุมวิทฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางพระโขนง เมื่อถึงบริเวณระหว่างปากซอยสุขุมวิท 47 และปากซอยสุขุมวิท 49 ได้ชนท้ายรถจักรยานยนต์ตราโล่ซึ่งมีด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐเป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่ ด.ต.วิเชียร ขับขี่ส้มลงครูดไถลไปตามพื้นถนน หยุดอยู่ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 ห่างจากจุดชนประมาณ 164.45 เมตร เป็นเหตุให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ได้รับความเสียหาย ด.ต.วิเชียร ถึงแก่ความตาย ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีจราจรโดยมีพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้เองและรวบรวมพยานเอกสารประกอบสำนวนการสอบสวน โดยมีรายงานกองพิสูจน์หลักฐาน กลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตรวจสอบรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่จากภาพของกล้องวงจรปิด และจากการวัดระยะจริง ในสถานที่เดียวกับที่ปรากฏในภาพ คำนวณอัตราเร็วเฉลี่ยในช่วงที่รถยนต์ในภาพเคลื่อนที่เข้ามาทางของภาพด้านขวาจนถึงจุดที่เคลื่อนที่ออกจากภาพทางด้านซ้ายเมื่อคำนวณอัตราเร็วอัตราเร็วโดยเฉลี่ย มีค่าเท่ากับ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยการคำนวณดังกล่าวอาจจะมีความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือน้อยลงประมาณ 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้สรุปหลักฐานทางคดีและความเห็นของพนักงานสอบสวนส่งไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นายวรยุทธ ฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือและแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ เห็นควรสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ฐานขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ด.ต.วิเชียร ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหาย เนื่องจากถึงแก่ความตาย ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2556 อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาแล้ว มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถของผู้อื่นเสียหาย และ มีผู้ถึงแก่ความตาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ และมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยุติการดำเนินคดีกับ ด.ต.วิเชียร ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ขนรถของผู้อื่นเสียหาย ต่อมาผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธฐานขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย คำสั่งไม่ฟ้องจึงเด็ดขาดเป็นที่ยุติ ในระหว่างนั้นความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถของผู้อื่นเสียหาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ ได้ล่วงเลยพ้นกำหนดระยะเวลาอายุความตามกฎหมาย คงเหลือความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อมาจำเลยที่ 8 ในฐานะพนักงานอัยการผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาสั่งคดี ที่มีการร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดได้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธและมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291 และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้รับมอบหมาย ไม่แย้งคำสั่งพนักงานอัยการ คำสั่งไม่ฟ้อง จึงเป็น อันเด็ดขาด ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเป็นคณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จำเลยที่ 2 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเลยที่ 3 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กองบังคับการตำรวจนครบาล4 กองบัญชาการตำรวจนครบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่4-7 ในขณะเกิดเหตุมิได้มีสถานะหรือได้กระทำการในสถานะเป็นเจ้าพนักงาน แต่เป็นบุคคลผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือเจ้าพนักงานของรัฐในการกระทำผิด จำเลยที่ 8 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด เมื่อระหว่างวันที่ 29 ก.พ. 2559 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 13 มิ.ย.2563 เวลากลางวัน จำเลยทั้งแปดได้กระทำความผิดจำเลยที่1-3 ได้อาศัยโอกาสที่ตนเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบร่วมกับจำเลยที่ 4-7 สมคบกันกระทำผิดด้วยการวางแผนร่วมกันเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ในวันเกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์คันที่ ด.ต.วิเชียร ขับขี่จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและ ด.ต.วิเชียรถึงแก่ความตาย จากความเร็วของรถยนต์ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ลงวันที่ 26 ก.ย. 2555 ซึ่งมี พ.ต.อ. ธ เป็นผู้จัดทำรายงานไว้ว่ารถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่มีความเร็วโดยเฉลี่ย 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือ น้อยลงประมาณ 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เป็นความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่ได้วางแผนกัน โดยให้จำเลยที่5 ดำเนินการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม ครั้งที่ 9 ต่อพนักงานอัยการในคดีที่นายวรยุทธเป็นผู้ต้องหา ขอให้สอบพยาน พ.ต.อ. ธ. ในประเด็นเกี่ยวกับการคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. ตามที่ร้องขอ จำเลยที่5 และจำเลยที่6 ได้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับจำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ให้ดำเนินการคิดวิธีคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ให้มีความเร็ว ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจำเลยที่ 7 ได้คิดค้นหาวิธีคำนวณโดยใช้วิธีนำความยาวของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่แล่นผ่านจุดใดจุดหนึ่งตามภาพที่ได้จากคลิปไฟล์ภาพที่ไม่ใช่ไฟล์ภาพต้นฉบับมาใช้คำนวณจนทำให้คำนวณความเร็วรถยนต์ได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อันเป็นการคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก จากนั้นจำเลยที่ 3 อาศัยโอกาสที่ตนเป็นพนักงานสอบสวนมีหน้าที่สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. ตามคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมของพนักงานอัยการ โดยนัดแนะและให้จำเลยที่ 1 ,2,4,5,7 เข้าร่วมการสอบปากคำดังกล่าวด้วย จากนั้นในขณะการสอบปากคำเพิ่มเติมจำเลยที่ 3 ได้ปล่อยให้จำเลยที่ 7 ได้แสดงวิธีคิดคำนวณความเร็วรถยนต์ตามที่ได้นัดแนะกับจำเลยที่5-6 ให้ พ.ต.อ. ธ.ดูเพื่อโน้มน้าว พ.ต.อ. ธ. ให้เชื่อคล้อยตามวิธีคิดคำนวณของจำเลยที่ 7 ที่ตระเตรียมมา โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งร่วมกับจำเลยที่ 2 ในฐานะ ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ. ธ. อาศัยโอกาสที่มีอำนาจหน้าที่ร่วมกับจำเลยที่ 4-5 ทำการใช้อิทธิพลบังคับกดดันและโน้มน้าว พ.ต.อ. ธ. ให้ยึดถือวิธีการคิดคำนวณตามที่จำเลยที่นำเสนอ โดยจำเลยที่ 1 ได้ทำการพูดในขณะร่วมสนทนาและสอบปากคำว่า "สิ่งหนึ่งที่ผมพูดกับคุยน้อง มันไว้ ก็คือน้องเนี่ยคำนวณจากระยะ แล้วก็ออกมาเป็นความเร็ว ความเร็วที่คิดมันคิดจากทฤษฎีที่เป็นทฤษฎีที่คิดในห้องทดลอง ห้องทดลองก็จะอากาศเบาบาง คือมันพยายามให้คิดความเร็วเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพื่อการทำมาร์เก็ตติ้งความเร็วเท่าไหร่ เร่งเท่าไหร่ แต่ว่าในความเป็นจริง ในทัศนวิสัยเช่นว่ายามเช้าอากาศหนักอะไรอย่างเนี่ย ความเร็วไม่เป็นไปตามทฤษฎี นี่คือสิ่งที่ผมคิดนะ อย่างที่สองคือระยะทางที่ใช้คำนวณหน้ากล้องหลังกล้อง ความเร็วอาจจะเปลี่ยน อาจจะเร็วขึ้นก็ได้ อาจจะลดลงก็ได้ลดลงเพราะว่าทัศนวิสัยการจราจรอะไรก็แล้วแต่ที่มันอยู่ข้างหน้า ซึ่งในกล้องมันไม่ปรากฏ นี่ผมคิดในมุมมองผมแบบนี้" กับให้ พล.ต.ท. ม. ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐาน ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ. ธ. พูดกับ พ.ต.อ. ธ. ว่า "ทางพี่ อ.(ซึ่งหมายถึงชื่อเล่นของจำเลยที่ 1 ) เค้าอยากให้จบในชั้นอัยการเค้าจะได้จบเลยจะได้ไม่ต้องสืบ" ส่วนจำเลยที่2 ในฐานะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องตรวจสอบถึงความบกพร่องของรายงานตรวจพิสูจน์หากเกิดความผิดพลาดขึ้นจริงรวมถึงตรวจสอบการคิดคำนวณตามวิธีของจำเลยที่ 7 ซึ่งใช้ไฟล์ที่มิใช่ต้นฉบับ อันเป็นข้อสงสัยถึงวิธีการคิดคำนวณว่ามิได้อยู่บนรากฐานของความถูกต้อง แต่จำเลยที่ 2 กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบและได้พูดว่า "เราคำนวณตามอาจารย์ (ซึ่งหมายถึงจำเลยที่7 ) ได้มั้ย อาจารย์คิดได้ 79.22 เราไปลองดูซิว่าคิดตามแบบเค้าได้ไหม" สอดคล้องกับจำเลยที่ 4 ที่พูดว่า "อยากขอให้เป็น 79.22 ตามที่ อาจารย์ ส. คำนวณ" ซึ่งพฤติการณ์ทั้งมวลนี้แสดงถึงเจตนาประสงค์จะหักล้างหลักฐานตามที่ พ.ต.อ. ธ. ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับความเร็วรถยนต์ไว้ โดยใช้อิทธิพลบังคับกดดันให้ พ.ต.อ. ธ. เชื่อและยอมที่จะให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ เป็นเหตุให้ พ.ต.อ. ธ. ต้องจำยอมและให้การต่อจำเลยที่ 3 เปลี่ยนแปลงวิธีคิดคำนวณความเร็วรถยนต์จากเดิมที่คิดคำนวณไว้ความเร็วที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือน้อยลง 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาเป็นให้การว่าการคำนวณดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนและทำการคำนวณความเร็วใหม่ได้ความเร็วรถยนต์ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังที่จำเลยที่ 7 นำเสนอ จากนั้นจำเลยที่ 3 โดยคำแนะนำของจำเลยที่ 4 ได้จัดทำคำให้การพร้อมกับทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขวันที่ให้การโดยคำให้การฉบับแรกจากวันที่ 29 ก.พ.2559 เป็นวันที่ 26 ก.พ.2559 และคำให้การฉบับที่สองจากวันที่ 6 มี.ค. 59 มาเป็น 1 มี.ค.59 ให้ พ.ต.อ. ธ. ลงลายมือชื่อ เป็นหลักฐานเพื่อนำส่งให้แก่พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่พิจารณารายงานผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนนายวรยุทธขอความเป็นธรรม กรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการ ต่อคณะกรรมาธิการๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา จำเลยที่1 ควรใช้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีการชี้ขาดหรือเลือกปฏิบัติ แต่จำเลยที่1 กลับอ้าง ข้อมูลในเหตุการณ์สอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. มิชอบดังกล่าวที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1-7 จึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยมีเจตนามุ่งเพื่อจะช่วยเหลือนายวรยุทธ ผู้ต้องหาซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง อันเป็นการ มิชอบต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. ธ. ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายและบุคคลหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำเลยที่ 8 ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่พิจารณารายงานผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนนายวรยุทธขอความเป็นธรรม กรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการ ต่อคณะกรรมาธิการๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา จำเลยที่1 ควรใช้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีการชี้ขาดหรือเลือกปฏิบัติ แต่จำเลยที่1 กลับอ้าง ข้อมูลในเหตุการณ์สอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. มิชอบดังกล่าวที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1-7 จึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยมีเจตนามุ่งเพื่อจะช่วยเหลือนายวรยุทธ ผู้ต้องหา ซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง อันเป็นการ มิชอบต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. ธ. ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายและบุคคลหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำเลยที่ 8 ขณะนั้นเป็นพนักงานอัยการ รักษาการตำแหน่งรองอัยการสูงสุดได้อาศัยโอกาสที่ตนได้รับมอบหมายและมอบอำนาจ ให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุดในงานด้านคดีร้องขอความเป็นธรรม ตามคำสั่งอัยการสูงสุดที่1515/2562 ลงวันที่ 1 ต.ค.62 มีอำนาจพิจารณาสำนวนคดีอาญาที่มีการร้องขอความเป็นธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรม ที่ยื่นต่อพนักงานอัยการเป็นครั้งที่ 14 ในคดีที่นายวรยุทธ ผู้ต้องหา ในข้อหาความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม พลอากาศโท จ. และนาย จ. เมื่อได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจำเลยที่ 8 ได้ใช้อำนาจวินิจฉัยสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ทั้งที่ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รายงานการตรวจสภาพรถคันเกิดเหตุรายงานการเก็บวัตถุพยาน ภาพถ่ายประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ ภาพถ่ายรถยนต์คันเกิดเหตุ และภาพถ่ายรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ พยานใกล้ชิดเหตุการณ์ปากนาย จ. ซึ่งความเห็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้และอดีตอัยการสูงสุด หรืออดีตรองอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยพยานไว้ก่อนโดยละเอียดแล้ว ว่ามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุซึ่งปรากฏผลการพิสูจน์ความเร็วของนายวรยุทธขับขี่ ความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมีเหตุอันสมควรเพียงพอที่จะนำนายวรยุทธ ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา แต่จำเลยที่ 8 กลับพิจารณาอาศัยพยานปาก พลอากาศโท จ. ซึ่งให้การหลังเกิดเหตุนานกว่า 2 ปี เศษ และพยานผู้เชี่ยวชาญอื่น อันเป็นการเลือกหยิบยกพยานหลักฐานดังกล่าวมาพิจารณา ทั้งที่อดีตอัยการสูงสุดและอดีตรองอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยไว้ก่อนแล้วว่าไม่ควรนำมารับฟังเนื่องจากไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยจำเลยที่ 8 มิได้ให้เหตุผลหักล้างหรือแสดงผลเป็นอย่างอื่น และไม่รับฟังพยานหลักฐานอื่นในสำนวนที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ อันเป็นการวินิจฉัย มูลความผิด โดยใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจด่วนวินิจฉัยคดีเสียเอง ไม่ได้ใช้เกณฑ์วินิจฉัยมูลความผิดอย่าง ที่พนักงานอัยการพึงใช้ อันผิดปกติวิสัยของพนักงานอัยการโดยทั่วไป เป็นการกระทำการมิชอบ โดยมีเจตนา เพื่อจะช่วยนายวรยุทธผู้ต้องหามิให้ต้องโทษหรือรับโทษน้อยลงอันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานอัยการสูงสุด ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตาย และผู้อื่นหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เหตุตามฟ้องเกิดที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ถนนอังรีดูนังต์ แขวงวังใหม่เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร, อาคารรัฐสภา (หลังเก่า) ถนนอู่ทองใน แขวงดุสิต เขตดุสิตกรุงเทพมหานคร, สำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารถนนแจ้งวัฒนะ) ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ชั้นไต่สวน จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ ข้อกล่าวหา คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปด มีมูลความผิด ทางอาญาตามข้อกล่าวหาและได้ส่งรายงาน เอกสาร พร้อมความเห็นมายังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการ ฟ้องคดี โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งแปดเป็นคดีนี้ ในการฟ้องคดีนี้ อัยการสูงสุด มีคำสั่งมอบหมายให้ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีจนคดีถึงที่สุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับคดีไว้พิจารณา เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 131/2567 ให้จำเลยทั้งแปดแต่งทนายความ และให้นัดสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 10 ก.ย.2567 เวลา09.30น. ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งแปดและมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งแปดออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล #Thaitimes
    อัยการปราบทุจริตยื่นฟ้อง “สมยศ-เนตร” กับพวกรวม 8 คน ช่วยเหลือกลับคำสั่งคดี “บอส” ขับรถชนตำรวจจราจรทองหล่อดับ ด้านอดีต ผบ.ตร.ยอมรับกังวลใจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000079981

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 728 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช้ากลางวัน ร้องไห้บีบน้ำตา
    พิธาดราม่า ว่าลูกถามว่าร้องไห้ทำไม
    ตอบลูกไปว่าดีใจที่คนไทยได้เหรียญ
    ถถถถ ไอ่ฉัด
    ตกเย็น รีบเอาเงินค่าสมาชิกพรรคที่ยังเหลือ
    ไปถลุงให้หมด เพราะพรรคก้าวไกลถูกยุบ
    คำถามว่า แล้วเช้านี้ตั้งพรรคใหม่
    ค่าสมาชิกทำไง พวกมันบอกก็ขอใหม่สิ ไอ่ฉัด
    แล้วยังมี อดีต สส.ก้าวไกลที่มี คดีย์ เ-ม-า แล้วขับก็ไม่พลาด
    สามกีบดูไว้ ที่เมื่อวานดราม่า อินตามไปกับพวกมัน
    น้ำตาไหลพราก ด้วยวาเป๊ก เทคนิคยุค 90 ของคนละคร
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เช้ากลางวัน ร้องไห้บีบน้ำตา พิธาดราม่า ว่าลูกถามว่าร้องไห้ทำไม ตอบลูกไปว่าดีใจที่คนไทยได้เหรียญ ถถถถ ไอ่ฉัด ตกเย็น รีบเอาเงินค่าสมาชิกพรรคที่ยังเหลือ ไปถลุงให้หมด เพราะพรรคก้าวไกลถูกยุบ คำถามว่า แล้วเช้านี้ตั้งพรรคใหม่ ค่าสมาชิกทำไง พวกมันบอกก็ขอใหม่สิ ไอ่ฉัด แล้วยังมี อดีต สส.ก้าวไกลที่มี คดีย์ เ-ม-า แล้วขับก็ไม่พลาด สามกีบดูไว้ ที่เมื่อวานดราม่า อินตามไปกับพวกมัน น้ำตาไหลพราก ด้วยวาเป๊ก เทคนิคยุค 90 ของคนละคร #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคเดโมแครตเสนอชื่อ กมลา แฮร์ริสและทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาอย่างเป็นทางการ วอลซ์มีพื้นฐานประสบการณ์เป็นครู เคยสอนที่จีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนกลางได้และ ยังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง

    7 สิงหาคม 2567-ในแถลงการณ์ พรรคเดโมแครตระบุว่าผู้แทนการประชุมใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนให้แฮร์ริสลงคะแนนเสียงซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ วอลซ์ "ได้รับการรับรอง" ให้เป็นคู่ตัวแทนในการเลือกตั้งของเธอโดยมินยาน มัวร์ ประธานการประชุมใหญ่

    พรรคยังคงวางแผนที่จะจัด "พิธีการเรียกชื่อ" ในชิคาโกในช่วงปลายเดือนนี้ แม้ว่าจะไม่มีการผูกมัดเหมือนปีที่แล้วก็ตาม

    ขณะทึ่ พรรคเดโมแครตบางคนกลัวว่าการฟ้องร้องอาจทำให้ผู้สมัครของตนต้องออกจากการลงคะแนนเสียง กรณี ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง

    แม้ว่าแฮร์ริสจะไม่คาดว่าจะชนะคะแนนเสียงเลือกตั้ง 17 เสียงของรัฐโอไฮโอ แต่พรรคยังมีการเลือกตั้งอื่นๆ ตามมา พวกเขากลัวว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้สมัครคนสำคัญอาจส่งผลต่อการแข่งขันที่สูสีเพื่อชิงที่นั่งในวุฒิสภา ซึ่งพรรคจะต้องรักษาโอกาสที่แท้จริงในการรักษาการควบคุมสภาแห่งนั้นของรัฐสภาไว้

    รายงานข่าว Politico ระบุว่า 55 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Tim Walz ผู้ได้รับเลือกจาก Kamala Harris ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
    ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาเคยทำงานในกองกำลังป้องกันประเทศและเป็นครูมัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมืองในช่วงต้นทศวรรษปี 2000

    1.Walz เกิดที่เวสต์พอยต์ เมืองในเนแบรสกาที่มีประชากรเพียง 3,500 คน แต่เขาเติบโตในเมืองที่เล็กกว่าชื่อบิวต์

    2.Walz สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมบิวต์ในปี 1982 “ผมมาจากเมืองที่มีประชากร 400 คน มีเด็ก 24 คนในหนึ่งห้อง ลูกพี่ลูกน้อง 12 คน ทำฟาร์ม มีเรื่องแบบนี้ด้วย”

    3.Walz ยกย่องการเติบโตในชนบทของเขาว่าเป็นจุดเริ่มต้นของค่านิยมของเขา: “เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีบริการแบบนั้นและมีโรงเรียนรัฐบาลที่มีครูของรัฐ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมมานั่งอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในเมืองเล็กๆ”

    4.Walz เข้าร่วมกองกำลังป้องกันประเทศเมื่ออายุได้ 17 ปี

    5.ในสำนักงานรัฐสภาของเขา Walz ได้จัดแสดงเหรียญ "ท้าทาย" หลายร้อยเหรียญที่เขาสะสมและแลกเปลี่ยนมาหลายปีทั่วโลก

    6.พ่อของ Walz ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงเรียน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อ Walz อายุได้ 19 ปี Walz กล่าวว่าช่วงเวลานี้จุดประกายความคิดของเขาเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพ: “สัปดาห์สุดท้ายของชีวิตพ่อทำให้แม่ของผมต้องกลับไปทำงานเป็นเวลาสิบปีเพื่อชำระหนี้โรงพยาบาล”

    7.Walz สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาสังคมศาสตร์จาก Chadron State College ในปี 1989 เขาได้รับปริญญาโทสาขาความเป็นผู้นำทางการศึกษาจาก Minnesota State University, Mankato ในปี 2001

    8.หลังจากเรียนจบวิทยาลัย เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการสอนที่ประเทศจีน ก่อนจะกลับมาทำงานเต็มเวลาในกองทัพ เขาเดินทางไปประเทศจีนกับกลุ่มครูชาวอเมริกันกลุ่มแรกที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล เพื่อสอนในโรงเรียนมัธยมของจีน

    9.เขายังคงพูดภาษาจีนกลางได้

    10.เขาสอนหนังสือในเขตสงวน Pine Ridge ในเซาท์ดาโคตา “ผมบอกกับผู้คนว่าการจัดการโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมมาหลายปีช่วยฝึกให้ผมรับมือกับความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.”

    11.เขาเลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก ก่อนจะเกษียณจากกองพันปืนใหญ่ภาคสนามที่ 1-125 ในปี 2005 เขาทำหน้าที่ทั้งหมด 24 ปี

    12.Walz ได้พบกับ Gwen Whipple ซึ่งเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ซึ่งเป็นชาวมินนิโซตาโดยกำเนิด เนื่องจากทั้งคู่เป็นครูโรงเรียนมัธยมในห้องเรียนชั่วคราว สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งกล่าวว่าเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขาส่งเสียงดังรบกวนห้องเรียนของเธอ

    13.ในที่สุดทั้งสองก็ย้ายไปที่เมือง Mankato รัฐมินนิโซตา ซึ่งทั้งคู่ทำงานที่โรงเรียนมัธยม Mankato West “Gwen ชอบใช้ชีวิตในมินนิโซตาตอนใต้มาก เราคว้าโอกาสที่จะย้ายไปที่เมือง Mankato และเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน”

    14.Walz สอนภูมิศาสตร์และเป็นโค้ชฟุตบอลในโรงเรียนมัธยม “ฉันไม่รู้ว่าครูภูมิศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมทุกคนคาดหวังว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งนี้ในสักวันหนึ่งหรือไม่”

    15.เขาเป็นที่ปรึกษาคณะสำหรับกลุ่มพันธมิตรเกย์-กลุ่มแรกของโรงเรียนในปี 1999

    16.Walz วัย 60 ปี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าดูแก่กว่าวัย Walz ตอบโต้เรื่องนี้ในรายการ X โดยกล่าวว่าเป็นเพราะเขา "ดูแลโรงอาหารมา 20 ปี คุณไม่สามารถออกจากงานนั้นโดยมีผมเต็มหัว เชื่อฉันเถอะ"

    17.เขามีลูกสองคนคือ Hope และ Gus Hope เพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยในมอนทานา และ Gus กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมของรัฐในเซนต์พอล

    18.ลูกทั้งสองคนเกิดจากกระบวนการ IVF และการรักษาภาวะมีบุตรยาก: "มีเหตุผลที่เราตั้งชื่อ [ลูกสาวของเรา] ว่า Hope"

    19.งานแรกของ Walz ในแวดวงการเมืองคือเป็นสมาชิกแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอดีตวุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ John Kerry ในปี 2004 แคมเปญดังกล่าวจ้างเขาให้เป็นผู้ประสานงานแคมเปญระดับมณฑลและผู้ประสานงานระดับมณฑลของทหารผ่านศึกสำหรับเคอร์รี

    20.เขาบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจให้เข้าร่วมแคมเปญของเคอร์รีหลังจากที่เขาพาเด็กนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งไปร่วมชุมนุมหาเสียงของจอร์จ ดับเบิลยู บุช และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ซักถามนักเรียนคนหนึ่งของเขาเนื่องจากเขามีสติกเกอร์ของเคอร์รีติดอยู่บนกระเป๋าสตางค์

    21.วอลซ์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาคองเกรสครั้งแรกในปี 2549 ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับสถานการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในปีนั้น เขตเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งคลินิกเมโยและบริษัทแปรรูปเนื้อฮอร์เมล เคยลงคะแนนเสียงให้กับจอร์จ ดับเบิลยู บุชมาแล้วถึงสองครั้ง

    22.เขาเป็นทหารเกณฑ์ที่มียศสูงสุดที่เคยรับใช้ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ และเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของรัฐมินนิโซตาคนที่สี่ที่เป็นตัวแทนของเขตเลือกตั้งของเขา 23.
    Walz เอาชนะ Gil Gutknecht สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันคนปัจจุบันได้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะใช้เงินน้อยกว่าเกือบครึ่งล้านดอลลาร์ก็ตาม

    24.Walz ชนะการเลือกตั้งซ้ำอีก 5 ครั้งในเขตที่ 1 ของมินนิโซตา ซึ่งเป็นเขตชนบทส่วนใหญ่และอนุรักษ์นิยม โดยดำรงตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลา 12 ปี

    25.เมื่อ Walz เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร Walz ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานร่วมกับ Paul Hodes สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์

    26.เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึกของสภาผู้แทนราษฎรในปี 2017 โดยเขาเน้นที่ประเด็นต่างๆ เช่น สุขภาพจิตของทหารผ่านศึก การฆ่าตัวตาย และการจัดการความเจ็บปวด นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง

    27.ร่างกฎหมายมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ Walz ร่วมสนับสนุนระหว่างปี 2015-2017 ได้รับการเสนอโดยผู้ที่ไม่ใช่พรรคเดโมแครต

    28.ครั้งหนึ่ง Walz เคยได้รับคะแนน "A" จาก National Rifle Association และการรับรองของกลุ่ม ในปี 2016 นิตยสาร Guns & Ammo ได้รวมเขาไว้ในรายชื่อนักการเมือง 20 อันดับแรกสำหรับผู้เป็นเจ้าของปืน

    29.ต่อมา เขาประณาม NRA และสนับสนุนมาตรการควบคุมปืน เช่น การห้ามใช้อาวุธจู่โจม ในช่วงหาเสียงครั้งแรกเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐในปี 2018 NRA ได้ลดระดับคะแนนของเขาลงอย่างสิ้นเชิง "ผมได้รับคะแนน A จาก NRA ตอนนี้ผมได้ F ตลอดเลย และผมก็หลับสบาย"

    30.ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ยิงกันที่ลาสเวกัสในปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 59 ราย เขาบริจาคเงินบริจาคหาเสียงจาก NRA ให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะปฏิบัติหน้าที่

    31.Walz เป็นนักล่าตัวยงและเยาะเย้ย JD Vance ที่พูดถึงปืนในขณะที่ "ฉันรับรองได้ว่าเขายิงไก่ฟ้าไม่ได้เหมือนฉัน"

    32.ในปี 2019 Walz ออกจากสภาเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เขาเอาชนะ Jeff Johnson จากพรรครีพับลิกันไปมากกว่า 11 คะแนน

    33.Walz มักจะปกป้องนโยบายของเขา เช่น ร่างกฎหมายอาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วไปที่ลงนามในกฎหมายของรัฐมินนิโซตาเมื่อต้นปีนี้ โดยอ้างว่าเป็นสามัญสำนึก "ช่างเป็นสัตว์ประหลาด! เด็กๆ กินอิ่มและอิ่มท้องเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปเรียนรู้ และผู้หญิงก็ตัดสินใจเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเอง" Walz พูดติดตลก

    34.ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง “ฉันเชื่ออย่างแน่นอนว่าการบริหารของเรา ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังป้องกันประเทศ ตำรวจทางหลวง หรือกรมทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากรแนวหน้าของเราตอบสนองอย่างมีเกียรติและกล้าหาญ พวกเขาช่วยชีวิตคนไว้ได้” วอลซ์กล่าว “รายงานด้านเดียวที่ออกมาก่อนการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ถ้ามีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะใช้แน่นอน”

    35.ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา วอลซ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เผยแพร่แนวทางการโจมตีล่าสุดของพรรคเดโมแครตต่อบัตรลงคะแนนของพรรครีพับลิกัน เมื่อเขาเรียกทรัมป์และแวนซ์ว่า “คนพวกนี้ประหลาดจริงๆ”

    36.เขาให้สัมภาษณ์กับ POLITICO ในปี 2023 ว่า “เมื่อเราลงแข่งกับพรรครีพับลิกันทั่วไป การแข่งขันของเรามักจะสูสีกันมาก แต่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า [พรรครีพับลิกันทั่วไป] พวกนี้ประหลาด เมื่อพวกเขาเริ่มลงสมัคร ความแปลกประหลาดของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ได้รับการเสนอชื่อในฝั่งตรงข้าม ฉันไม่คิดว่ามันจะน่าแปลกใจขนาดนั้น”

    37.Walz บอกกับ The New York Times ว่าความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับความแปลกประหลาดนั้นเกี่ยวกับ Trump และ Vance ไม่ใช่พรรครีพับลิกันโดยทั่วไป “และคำว่า ‘แปลกประหลาด’ นั้นเฉพาะตัวเขาเท่านั้น ฉันไม่ได้พูดถึงพรรครีพับลิกันอย่างแน่นอน ฉันไม่ได้พูดถึงคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้น ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจากเพื่อนพรรครีพับลิกันของฉัน เพราะว่าคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้นคือคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากข้อความที่เรากำลังส่งถึง”

    38.เมื่อปีที่แล้ว บารัค โอบามายกย่อง Walz เมื่อพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของมินนิโซตาได้ควบคุมคฤหาสน์ของผู้ว่าการ รัฐสภา และวุฒิสภาของรัฐ

    39.Walz พบกับรองผู้ว่าการรัฐ Peggy Flanagan เป็นครั้งแรกเมื่อเขาเข้าร่วม Wellstone Action ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของวุฒิสมาชิก Paul Wellstone ในปี 2002 เพื่อฝึกอบรมผู้จัดงาน นักเคลื่อนไหว และผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีแนวคิดก้าวหน้า “ฉันไปที่นั่นและได้พบกับผู้ฝึกสอนสาวที่ยอดเยี่ยมซึ่งกลายเป็น Peggy Flanagan นั่นคือจุดเริ่มต้นมิตรภาพของเรา”

    40.หลังจากที่รัฐมินนิโซตาประกาศให้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจถูกกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว Walz ได้แต่งตั้งเจ้าของร้านขายกัญชาให้เป็นผู้กำกับดูแลกัญชาชั้นนำของรัฐ วันรุ่งขึ้น Erin DuPree ผู้ประกอบการด้านกัญชาได้ลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ Star Tribune รายงานว่าเธอขายผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายในร้านกัญชาของเธอและถูกยึดภาษีของรัฐบาลกลางและถูกตัดสินจำคุก ต่อมาสำนักงานผู้ตรวจสอบนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบของรัฐบาลมินนิโซตาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้พบว่าสำนักงานของผู้ว่าการรัฐได้ละเลยขั้นตอนการตรวจสอบประวัติพื้นฐานบางขั้นตอนก่อนที่จะแต่งตั้ง DuPree

    41.ในเดือนธันวาคม 2023 วอลซ์ได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมผู้ว่าการรัฐของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องและเพิ่มส่วนแบ่งของผู้บริหารสูงสุดของพรรคในแต่ละรัฐ “ตอนนี้ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งแล้วว่าผู้ว่าการรัฐสามารถสร้างความแตกต่างได้ เราเห็นสิ่งนี้ในมินนิโซตา เราเห็นสิ่งนี้ในมิชิแกน เราเห็นสิ่งนี้ในโคโลราโด เราเห็นว่ารัฐทั้งสามแห่งนี้ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น”

    42.เครื่องดื่มที่เขาเลือกคือ Diet Mountain Dew เขาถูกจับข้อหาเมาแล้วขับในเนแบรสกาในปี 1995 ก่อนที่จะเลิกดื่ม

    43.วอลซ์เป็นนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการในเมืองแฝดของมินนิโซตา: “ฉันพบว่าแม้กระทั่งก่อนเกิดเหตุการณ์ที่กดดันที่สุด หากฉันออกไปวิ่ง ฉันจะสงบและมีสติมากขึ้น”

    44.เขาชอบซ่อมแซม International Scout สีน้ำเงินแบบวินเทจของเขา ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่บริษัท International Harvester หยุดผลิตในปี 1980

    45.เขามีป้ายทะเบียนพิเศษที่เขียนว่า “ONE MN” ซึ่งเป็นสโลแกนหาเสียงของเขาในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐ

    46.Walz สัญญากับ Gus ลูกชายของเขาว่าจะเลี้ยงสุนัขหากเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2019 เมื่อมีการประกาศผลการเลือกตั้ง Gus ก็อุทานออกมาว่า “ฉันจะเลี้ยงสุนัข!” Walz ทำตามสัญญาโดยรับ Scout ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ผสมสีดำมาเลี้ยงในช่วงปลายปี

    47.Walz และ Scout มักจะไปเยี่ยมสวนสาธารณะสำหรับสุนัขใน Twin Cities โดยไม่ต้องจูงสายจูงในตอนเช้าทุกวัน

    48.Walz ลงนามในร่างกฎหมายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายสิทธิในการลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกประมาณ 55,000 คน

    49.Walz ได้พบกับเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกาเพื่อลงนามในจดหมายแสดงความเข้าใจซึ่งสร้างความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างมินนิโซตาและภูมิภาคทางตอนเหนือของยูเครนที่เรียกว่าเชอร์นิฮิฟ “เมื่อเราขับไล่พวกรัสเซียออกไปแล้ว เราก็จะมีความร่วมมือกัน” Walz กล่าว “มันเป็นการแสดงมิตรภาพที่สำคัญจริงๆ และเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่สำคัญจริงๆ”

    50.ในปี 2023 Walz ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปกป้องการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ “ในขณะที่รัฐต่างๆ ทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อห้ามการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ เราต้องการให้ชาวมินนิโซตาที่เป็น LGBTQ รู้ว่าพวกเขาจะยังคงปลอดภัย ได้รับการคุ้มครอง และได้รับการต้อนรับในมินนิโซตาต่อไป” Walz กล่าว

    51.อาหารจานร้อนมันฝรั่งทอดของเขา ซึ่งเป็นอาหารไม่เป็นทางการของมินนิโซตา เป็นแชมป์รายการอาหารจานร้อนของคณะผู้แทนรัฐสภามินนิโซตาถึงสามสมัย เขาชนะในปี 2013, 2014 และ 2016

    52.เขาประกาศตัวเองว่าเป็นนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีเมื่อพูดถึงหนังสือ “ผมเพิ่งอ่านซีรีส์ Mortal Engines จบไป ผมอ่านนิยายสำหรับวัยรุ่นหลายเล่มเพราะผมอ่านกับลูกๆ ผมอ่านเล่มนั้นกับ Gus” เขากล่าวในปี 2019 “และผมเพิ่งอ่านเล่มหนึ่งจบซึ่งผมไม่แนะนำให้อ่านเพราะมันน่ากลัวมาก: Command and Control หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์คลังอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา”

    53.เพลงโปรดของเขาโดย Bob Dylan หนึ่งในคนดังที่โด่งดังที่สุดของรัฐมินนิโซตาคือเพลง “Forever Young” ซึ่งมี “ข้อความอมตะจากพ่อถึงลูกชาย” ตามที่ Walz กล่าว

    54.เขามีความสุขกับการได้ดื่มนมไม่อั้นที่งาน Minnesota State Fair มากจนถึงขนาดที่เขาอาสาทำงานที่บูธในปี 2022

    55.Walz เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อพูดถึงรัฐบาล เขาพยายามวางแผนรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด “ผมคิดว่าผู้คนควรคาดหวังให้รัฐบาลมีแนวคิดก้าวหน้าและคาดการณ์ล่วงหน้า” เขากล่าวขณะเข้ารับตำแหน่งในปี 2019 “หลายๆ สิ่งที่ผู้คนมองว่าเป็นอุบัติเหตุหรือโอกาส แท้จริงแล้วเป็นเพียงการวางแผนและคาดการณ์ล่วงหน้าที่ไม่ดี”

    ที่มา : Politico.com

    #Thaitimes
    พรรคเดโมแครตเสนอชื่อ กมลา แฮร์ริสและทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาอย่างเป็นทางการ วอลซ์มีพื้นฐานประสบการณ์เป็นครู เคยสอนที่จีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนกลางได้และ ยังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง 7 สิงหาคม 2567-ในแถลงการณ์ พรรคเดโมแครตระบุว่าผู้แทนการประชุมใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนให้แฮร์ริสลงคะแนนเสียงซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ วอลซ์ "ได้รับการรับรอง" ให้เป็นคู่ตัวแทนในการเลือกตั้งของเธอโดยมินยาน มัวร์ ประธานการประชุมใหญ่ พรรคยังคงวางแผนที่จะจัด "พิธีการเรียกชื่อ" ในชิคาโกในช่วงปลายเดือนนี้ แม้ว่าจะไม่มีการผูกมัดเหมือนปีที่แล้วก็ตาม ขณะทึ่ พรรคเดโมแครตบางคนกลัวว่าการฟ้องร้องอาจทำให้ผู้สมัครของตนต้องออกจากการลงคะแนนเสียง กรณี ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง แม้ว่าแฮร์ริสจะไม่คาดว่าจะชนะคะแนนเสียงเลือกตั้ง 17 เสียงของรัฐโอไฮโอ แต่พรรคยังมีการเลือกตั้งอื่นๆ ตามมา พวกเขากลัวว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้สมัครคนสำคัญอาจส่งผลต่อการแข่งขันที่สูสีเพื่อชิงที่นั่งในวุฒิสภา ซึ่งพรรคจะต้องรักษาโอกาสที่แท้จริงในการรักษาการควบคุมสภาแห่งนั้นของรัฐสภาไว้ รายงานข่าว Politico ระบุว่า 55 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Tim Walz ผู้ได้รับเลือกจาก Kamala Harris ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาเคยทำงานในกองกำลังป้องกันประเทศและเป็นครูมัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมืองในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 1.Walz เกิดที่เวสต์พอยต์ เมืองในเนแบรสกาที่มีประชากรเพียง 3,500 คน แต่เขาเติบโตในเมืองที่เล็กกว่าชื่อบิวต์ 2.Walz สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมบิวต์ในปี 1982 “ผมมาจากเมืองที่มีประชากร 400 คน มีเด็ก 24 คนในหนึ่งห้อง ลูกพี่ลูกน้อง 12 คน ทำฟาร์ม มีเรื่องแบบนี้ด้วย” 3.Walz ยกย่องการเติบโตในชนบทของเขาว่าเป็นจุดเริ่มต้นของค่านิยมของเขา: “เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีบริการแบบนั้นและมีโรงเรียนรัฐบาลที่มีครูของรัฐ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมมานั่งอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในเมืองเล็กๆ” 4.Walz เข้าร่วมกองกำลังป้องกันประเทศเมื่ออายุได้ 17 ปี 5.ในสำนักงานรัฐสภาของเขา Walz ได้จัดแสดงเหรียญ "ท้าทาย" หลายร้อยเหรียญที่เขาสะสมและแลกเปลี่ยนมาหลายปีทั่วโลก 6.พ่อของ Walz ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงเรียน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อ Walz อายุได้ 19 ปี Walz กล่าวว่าช่วงเวลานี้จุดประกายความคิดของเขาเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพ: “สัปดาห์สุดท้ายของชีวิตพ่อทำให้แม่ของผมต้องกลับไปทำงานเป็นเวลาสิบปีเพื่อชำระหนี้โรงพยาบาล” 7.Walz สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาสังคมศาสตร์จาก Chadron State College ในปี 1989 เขาได้รับปริญญาโทสาขาความเป็นผู้นำทางการศึกษาจาก Minnesota State University, Mankato ในปี 2001 8.หลังจากเรียนจบวิทยาลัย เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการสอนที่ประเทศจีน ก่อนจะกลับมาทำงานเต็มเวลาในกองทัพ เขาเดินทางไปประเทศจีนกับกลุ่มครูชาวอเมริกันกลุ่มแรกที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล เพื่อสอนในโรงเรียนมัธยมของจีน 9.เขายังคงพูดภาษาจีนกลางได้ 10.เขาสอนหนังสือในเขตสงวน Pine Ridge ในเซาท์ดาโคตา “ผมบอกกับผู้คนว่าการจัดการโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมมาหลายปีช่วยฝึกให้ผมรับมือกับความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.” 11.เขาเลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก ก่อนจะเกษียณจากกองพันปืนใหญ่ภาคสนามที่ 1-125 ในปี 2005 เขาทำหน้าที่ทั้งหมด 24 ปี 12.Walz ได้พบกับ Gwen Whipple ซึ่งเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ซึ่งเป็นชาวมินนิโซตาโดยกำเนิด เนื่องจากทั้งคู่เป็นครูโรงเรียนมัธยมในห้องเรียนชั่วคราว สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งกล่าวว่าเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขาส่งเสียงดังรบกวนห้องเรียนของเธอ 13.ในที่สุดทั้งสองก็ย้ายไปที่เมือง Mankato รัฐมินนิโซตา ซึ่งทั้งคู่ทำงานที่โรงเรียนมัธยม Mankato West “Gwen ชอบใช้ชีวิตในมินนิโซตาตอนใต้มาก เราคว้าโอกาสที่จะย้ายไปที่เมือง Mankato และเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน” 14.Walz สอนภูมิศาสตร์และเป็นโค้ชฟุตบอลในโรงเรียนมัธยม “ฉันไม่รู้ว่าครูภูมิศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมทุกคนคาดหวังว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งนี้ในสักวันหนึ่งหรือไม่” 15.เขาเป็นที่ปรึกษาคณะสำหรับกลุ่มพันธมิตรเกย์-กลุ่มแรกของโรงเรียนในปี 1999 16.Walz วัย 60 ปี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าดูแก่กว่าวัย Walz ตอบโต้เรื่องนี้ในรายการ X โดยกล่าวว่าเป็นเพราะเขา "ดูแลโรงอาหารมา 20 ปี คุณไม่สามารถออกจากงานนั้นโดยมีผมเต็มหัว เชื่อฉันเถอะ" 17.เขามีลูกสองคนคือ Hope และ Gus Hope เพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยในมอนทานา และ Gus กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมของรัฐในเซนต์พอล 18.ลูกทั้งสองคนเกิดจากกระบวนการ IVF และการรักษาภาวะมีบุตรยาก: "มีเหตุผลที่เราตั้งชื่อ [ลูกสาวของเรา] ว่า Hope" 19.งานแรกของ Walz ในแวดวงการเมืองคือเป็นสมาชิกแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอดีตวุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ John Kerry ในปี 2004 แคมเปญดังกล่าวจ้างเขาให้เป็นผู้ประสานงานแคมเปญระดับมณฑลและผู้ประสานงานระดับมณฑลของทหารผ่านศึกสำหรับเคอร์รี 20.เขาบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจให้เข้าร่วมแคมเปญของเคอร์รีหลังจากที่เขาพาเด็กนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งไปร่วมชุมนุมหาเสียงของจอร์จ ดับเบิลยู บุช และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ซักถามนักเรียนคนหนึ่งของเขาเนื่องจากเขามีสติกเกอร์ของเคอร์รีติดอยู่บนกระเป๋าสตางค์ 21.วอลซ์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาคองเกรสครั้งแรกในปี 2549 ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับสถานการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในปีนั้น เขตเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งคลินิกเมโยและบริษัทแปรรูปเนื้อฮอร์เมล เคยลงคะแนนเสียงให้กับจอร์จ ดับเบิลยู บุชมาแล้วถึงสองครั้ง 22.เขาเป็นทหารเกณฑ์ที่มียศสูงสุดที่เคยรับใช้ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ และเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของรัฐมินนิโซตาคนที่สี่ที่เป็นตัวแทนของเขตเลือกตั้งของเขา 23. Walz เอาชนะ Gil Gutknecht สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันคนปัจจุบันได้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะใช้เงินน้อยกว่าเกือบครึ่งล้านดอลลาร์ก็ตาม 24.Walz ชนะการเลือกตั้งซ้ำอีก 5 ครั้งในเขตที่ 1 ของมินนิโซตา ซึ่งเป็นเขตชนบทส่วนใหญ่และอนุรักษ์นิยม โดยดำรงตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลา 12 ปี 25.เมื่อ Walz เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร Walz ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานร่วมกับ Paul Hodes สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์ 26.เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึกของสภาผู้แทนราษฎรในปี 2017 โดยเขาเน้นที่ประเด็นต่างๆ เช่น สุขภาพจิตของทหารผ่านศึก การฆ่าตัวตาย และการจัดการความเจ็บปวด นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง 27.ร่างกฎหมายมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ Walz ร่วมสนับสนุนระหว่างปี 2015-2017 ได้รับการเสนอโดยผู้ที่ไม่ใช่พรรคเดโมแครต 28.ครั้งหนึ่ง Walz เคยได้รับคะแนน "A" จาก National Rifle Association และการรับรองของกลุ่ม ในปี 2016 นิตยสาร Guns & Ammo ได้รวมเขาไว้ในรายชื่อนักการเมือง 20 อันดับแรกสำหรับผู้เป็นเจ้าของปืน 29.ต่อมา เขาประณาม NRA และสนับสนุนมาตรการควบคุมปืน เช่น การห้ามใช้อาวุธจู่โจม ในช่วงหาเสียงครั้งแรกเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐในปี 2018 NRA ได้ลดระดับคะแนนของเขาลงอย่างสิ้นเชิง "ผมได้รับคะแนน A จาก NRA ตอนนี้ผมได้ F ตลอดเลย และผมก็หลับสบาย" 30.ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ยิงกันที่ลาสเวกัสในปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 59 ราย เขาบริจาคเงินบริจาคหาเสียงจาก NRA ให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะปฏิบัติหน้าที่ 31.Walz เป็นนักล่าตัวยงและเยาะเย้ย JD Vance ที่พูดถึงปืนในขณะที่ "ฉันรับรองได้ว่าเขายิงไก่ฟ้าไม่ได้เหมือนฉัน" 32.ในปี 2019 Walz ออกจากสภาเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เขาเอาชนะ Jeff Johnson จากพรรครีพับลิกันไปมากกว่า 11 คะแนน 33.Walz มักจะปกป้องนโยบายของเขา เช่น ร่างกฎหมายอาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วไปที่ลงนามในกฎหมายของรัฐมินนิโซตาเมื่อต้นปีนี้ โดยอ้างว่าเป็นสามัญสำนึก "ช่างเป็นสัตว์ประหลาด! เด็กๆ กินอิ่มและอิ่มท้องเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปเรียนรู้ และผู้หญิงก็ตัดสินใจเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเอง" Walz พูดติดตลก 34.ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง “ฉันเชื่ออย่างแน่นอนว่าการบริหารของเรา ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังป้องกันประเทศ ตำรวจทางหลวง หรือกรมทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากรแนวหน้าของเราตอบสนองอย่างมีเกียรติและกล้าหาญ พวกเขาช่วยชีวิตคนไว้ได้” วอลซ์กล่าว “รายงานด้านเดียวที่ออกมาก่อนการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ถ้ามีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะใช้แน่นอน” 35.ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา วอลซ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เผยแพร่แนวทางการโจมตีล่าสุดของพรรคเดโมแครตต่อบัตรลงคะแนนของพรรครีพับลิกัน เมื่อเขาเรียกทรัมป์และแวนซ์ว่า “คนพวกนี้ประหลาดจริงๆ” 36.เขาให้สัมภาษณ์กับ POLITICO ในปี 2023 ว่า “เมื่อเราลงแข่งกับพรรครีพับลิกันทั่วไป การแข่งขันของเรามักจะสูสีกันมาก แต่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า [พรรครีพับลิกันทั่วไป] พวกนี้ประหลาด เมื่อพวกเขาเริ่มลงสมัคร ความแปลกประหลาดของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ได้รับการเสนอชื่อในฝั่งตรงข้าม ฉันไม่คิดว่ามันจะน่าแปลกใจขนาดนั้น” 37.Walz บอกกับ The New York Times ว่าความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับความแปลกประหลาดนั้นเกี่ยวกับ Trump และ Vance ไม่ใช่พรรครีพับลิกันโดยทั่วไป “และคำว่า ‘แปลกประหลาด’ นั้นเฉพาะตัวเขาเท่านั้น ฉันไม่ได้พูดถึงพรรครีพับลิกันอย่างแน่นอน ฉันไม่ได้พูดถึงคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้น ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจากเพื่อนพรรครีพับลิกันของฉัน เพราะว่าคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้นคือคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากข้อความที่เรากำลังส่งถึง” 38.เมื่อปีที่แล้ว บารัค โอบามายกย่อง Walz เมื่อพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของมินนิโซตาได้ควบคุมคฤหาสน์ของผู้ว่าการ รัฐสภา และวุฒิสภาของรัฐ 39.Walz พบกับรองผู้ว่าการรัฐ Peggy Flanagan เป็นครั้งแรกเมื่อเขาเข้าร่วม Wellstone Action ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของวุฒิสมาชิก Paul Wellstone ในปี 2002 เพื่อฝึกอบรมผู้จัดงาน นักเคลื่อนไหว และผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีแนวคิดก้าวหน้า “ฉันไปที่นั่นและได้พบกับผู้ฝึกสอนสาวที่ยอดเยี่ยมซึ่งกลายเป็น Peggy Flanagan นั่นคือจุดเริ่มต้นมิตรภาพของเรา” 40.หลังจากที่รัฐมินนิโซตาประกาศให้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจถูกกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว Walz ได้แต่งตั้งเจ้าของร้านขายกัญชาให้เป็นผู้กำกับดูแลกัญชาชั้นนำของรัฐ วันรุ่งขึ้น Erin DuPree ผู้ประกอบการด้านกัญชาได้ลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ Star Tribune รายงานว่าเธอขายผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายในร้านกัญชาของเธอและถูกยึดภาษีของรัฐบาลกลางและถูกตัดสินจำคุก ต่อมาสำนักงานผู้ตรวจสอบนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบของรัฐบาลมินนิโซตาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้พบว่าสำนักงานของผู้ว่าการรัฐได้ละเลยขั้นตอนการตรวจสอบประวัติพื้นฐานบางขั้นตอนก่อนที่จะแต่งตั้ง DuPree 41.ในเดือนธันวาคม 2023 วอลซ์ได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมผู้ว่าการรัฐของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องและเพิ่มส่วนแบ่งของผู้บริหารสูงสุดของพรรคในแต่ละรัฐ “ตอนนี้ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งแล้วว่าผู้ว่าการรัฐสามารถสร้างความแตกต่างได้ เราเห็นสิ่งนี้ในมินนิโซตา เราเห็นสิ่งนี้ในมิชิแกน เราเห็นสิ่งนี้ในโคโลราโด เราเห็นว่ารัฐทั้งสามแห่งนี้ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น” 42.เครื่องดื่มที่เขาเลือกคือ Diet Mountain Dew เขาถูกจับข้อหาเมาแล้วขับในเนแบรสกาในปี 1995 ก่อนที่จะเลิกดื่ม 43.วอลซ์เป็นนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการในเมืองแฝดของมินนิโซตา: “ฉันพบว่าแม้กระทั่งก่อนเกิดเหตุการณ์ที่กดดันที่สุด หากฉันออกไปวิ่ง ฉันจะสงบและมีสติมากขึ้น” 44.เขาชอบซ่อมแซม International Scout สีน้ำเงินแบบวินเทจของเขา ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่บริษัท International Harvester หยุดผลิตในปี 1980 45.เขามีป้ายทะเบียนพิเศษที่เขียนว่า “ONE MN” ซึ่งเป็นสโลแกนหาเสียงของเขาในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐ 46.Walz สัญญากับ Gus ลูกชายของเขาว่าจะเลี้ยงสุนัขหากเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2019 เมื่อมีการประกาศผลการเลือกตั้ง Gus ก็อุทานออกมาว่า “ฉันจะเลี้ยงสุนัข!” Walz ทำตามสัญญาโดยรับ Scout ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ผสมสีดำมาเลี้ยงในช่วงปลายปี 47.Walz และ Scout มักจะไปเยี่ยมสวนสาธารณะสำหรับสุนัขใน Twin Cities โดยไม่ต้องจูงสายจูงในตอนเช้าทุกวัน 48.Walz ลงนามในร่างกฎหมายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายสิทธิในการลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกประมาณ 55,000 คน 49.Walz ได้พบกับเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกาเพื่อลงนามในจดหมายแสดงความเข้าใจซึ่งสร้างความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างมินนิโซตาและภูมิภาคทางตอนเหนือของยูเครนที่เรียกว่าเชอร์นิฮิฟ “เมื่อเราขับไล่พวกรัสเซียออกไปแล้ว เราก็จะมีความร่วมมือกัน” Walz กล่าว “มันเป็นการแสดงมิตรภาพที่สำคัญจริงๆ และเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่สำคัญจริงๆ” 50.ในปี 2023 Walz ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปกป้องการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ “ในขณะที่รัฐต่างๆ ทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อห้ามการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ เราต้องการให้ชาวมินนิโซตาที่เป็น LGBTQ รู้ว่าพวกเขาจะยังคงปลอดภัย ได้รับการคุ้มครอง และได้รับการต้อนรับในมินนิโซตาต่อไป” Walz กล่าว 51.อาหารจานร้อนมันฝรั่งทอดของเขา ซึ่งเป็นอาหารไม่เป็นทางการของมินนิโซตา เป็นแชมป์รายการอาหารจานร้อนของคณะผู้แทนรัฐสภามินนิโซตาถึงสามสมัย เขาชนะในปี 2013, 2014 และ 2016 52.เขาประกาศตัวเองว่าเป็นนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีเมื่อพูดถึงหนังสือ “ผมเพิ่งอ่านซีรีส์ Mortal Engines จบไป ผมอ่านนิยายสำหรับวัยรุ่นหลายเล่มเพราะผมอ่านกับลูกๆ ผมอ่านเล่มนั้นกับ Gus” เขากล่าวในปี 2019 “และผมเพิ่งอ่านเล่มหนึ่งจบซึ่งผมไม่แนะนำให้อ่านเพราะมันน่ากลัวมาก: Command and Control หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์คลังอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา” 53.เพลงโปรดของเขาโดย Bob Dylan หนึ่งในคนดังที่โด่งดังที่สุดของรัฐมินนิโซตาคือเพลง “Forever Young” ซึ่งมี “ข้อความอมตะจากพ่อถึงลูกชาย” ตามที่ Walz กล่าว 54.เขามีความสุขกับการได้ดื่มนมไม่อั้นที่งาน Minnesota State Fair มากจนถึงขนาดที่เขาอาสาทำงานที่บูธในปี 2022 55.Walz เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อพูดถึงรัฐบาล เขาพยายามวางแผนรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด “ผมคิดว่าผู้คนควรคาดหวังให้รัฐบาลมีแนวคิดก้าวหน้าและคาดการณ์ล่วงหน้า” เขากล่าวขณะเข้ารับตำแหน่งในปี 2019 “หลายๆ สิ่งที่ผู้คนมองว่าเป็นอุบัติเหตุหรือโอกาส แท้จริงแล้วเป็นเพียงการวางแผนและคาดการณ์ล่วงหน้าที่ไม่ดี” ที่มา : Politico.com #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1105 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร ความว่า

    “เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงน้ำจิตมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ เสด็จสถิตในพระราชสถานะพระประมุข เป็นศรีสง่าแห่งอาณาประชาราษฎร ทรงรับพระราชภาระหน้าที่ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วย “ตบะ” อันหมายถึงกุศลสมาทาน ตามแบบบัญญัติแห่งราชธรรม สอดคล้องต้องด้วยหลักพระพุทธศาสนา อันการทำหน้าที่ของพระราชานั้น ย่อมได้แก่การครองแผ่นดิน สอดส่องดูแลอาณาราษฎร คอยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดุจมารดาบิดาถนอมเลี้ยงบุตร ไม่ย่อหย่อน ละทิ้ง หรือว่างเว้น ดั่งคาถาบทหนึ่งแสดงว่า พระอาทิตย์มีตบะส่องแสงในกลางวัน พระจันทร์มีตบะส่องแสงในกลางคืน เป็นต้น เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็น “ผู้บำเพ็ญตบะ” เมื่อปฏิบัติหน้าที่สำเร็จด้วยดี ย่อมเป็น “ผู้มีตบะ” ปรากฏเกียรติยศลือชาสง่างาม เป็นที่ยำเกรง ผู้คนพากันสรรเสริญว่าถึงพร้อมด้วย “ตบะเดชะ” เป็นคุณาลังการอันวิจิตรยอดเยี่ยม

    สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริ พระราชจริยวัตร ตลอดจนพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพื่อให้บ้านเมืองไทยประสบความเกษมสวัสดิ์ บังเกิดประโยชนสุข สำเร็จแก่มหาชนใต้ร่มพระบารมี ทรงแผ่พระมหากรุณาธิคุณไปโอบอุ้มคุ้มครองพสกนิกรทั่วหน้า นับว่าได้ทรงกระทำตามหน้าที่ สมพระขัตติยชาติ และสมความเป็นสัตบุรุษคนดี ผู้พากเพียรแผดเผากิเลส ทรงข่มพระราชหฤทัย ยืนหยัดดำรงพระองค์ รับพระราชภาระหน้าที่อย่างอดทน เข้มแข็ง และมั่นคง ตามพระราชอุดมการณ์ที่ทรงสมาทานไว้ โดยมิหวั่นไหวสะทกสะเทือนด้วยกระแสโลกธรรม ต้องตามนัยแห่งภาษิต ใน “มหาสุตโสมชาดก” ความว่า

    “พระราชาผู้เอาชนะคนไม่ควรชนะ ไม่ชื่อว่าพระราชา, เพื่อนผู้เอาชนะเพื่อน ไม่ชื่อว่าเพื่อน ฯลฯ บุตรผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่เฒ่า ไม่ชื่อว่าบุตร, สภาที่ไม่มีสัตบุรุษ ไม่ชื่อว่าสภา, ผู้ไม่พูดเป็นธรรม ไม่ชื่อว่าสัตบุรุษ, ส่วนผู้สงบจากราคะ โทสะ โมหะ พูดเป็นธรรมะ ย่อมชื่อว่าสัตบุรุษคนดี” ด้วยประการฉะนี้

    ณ มหามงคลสมัยพิเศษแห่งพระชนมพรรษา ขอเดชานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนพระราชกุศลธรรมจริยา ที่ทรงสั่งสมมาด้วยดี โปรดอภิบาลรักษา สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงเจริญพระชนมสุขสิริสวัสดิ์ สรรพพิบัติอุปัทวันตรายอย่าได้พ้องพานพระยุคลบาท จงทรงเรืองรองโอภาสด้วยพระราชธรรมบารมี ประดุจดวงวชิระอันผ่องใส แผ่พรรณรังสีแห่งทศมรัชสมัย ส่องใจมหาชนชาวไทย ให้เอิบอาบปลาบปลื้มอยู่เสมอไป ตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ.”

    ที่มา: เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

    #Thaitimes
    เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร ความว่า “เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงน้ำจิตมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ เสด็จสถิตในพระราชสถานะพระประมุข เป็นศรีสง่าแห่งอาณาประชาราษฎร ทรงรับพระราชภาระหน้าที่ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วย “ตบะ” อันหมายถึงกุศลสมาทาน ตามแบบบัญญัติแห่งราชธรรม สอดคล้องต้องด้วยหลักพระพุทธศาสนา อันการทำหน้าที่ของพระราชานั้น ย่อมได้แก่การครองแผ่นดิน สอดส่องดูแลอาณาราษฎร คอยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดุจมารดาบิดาถนอมเลี้ยงบุตร ไม่ย่อหย่อน ละทิ้ง หรือว่างเว้น ดั่งคาถาบทหนึ่งแสดงว่า พระอาทิตย์มีตบะส่องแสงในกลางวัน พระจันทร์มีตบะส่องแสงในกลางคืน เป็นต้น เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็น “ผู้บำเพ็ญตบะ” เมื่อปฏิบัติหน้าที่สำเร็จด้วยดี ย่อมเป็น “ผู้มีตบะ” ปรากฏเกียรติยศลือชาสง่างาม เป็นที่ยำเกรง ผู้คนพากันสรรเสริญว่าถึงพร้อมด้วย “ตบะเดชะ” เป็นคุณาลังการอันวิจิตรยอดเยี่ยม สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริ พระราชจริยวัตร ตลอดจนพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพื่อให้บ้านเมืองไทยประสบความเกษมสวัสดิ์ บังเกิดประโยชนสุข สำเร็จแก่มหาชนใต้ร่มพระบารมี ทรงแผ่พระมหากรุณาธิคุณไปโอบอุ้มคุ้มครองพสกนิกรทั่วหน้า นับว่าได้ทรงกระทำตามหน้าที่ สมพระขัตติยชาติ และสมความเป็นสัตบุรุษคนดี ผู้พากเพียรแผดเผากิเลส ทรงข่มพระราชหฤทัย ยืนหยัดดำรงพระองค์ รับพระราชภาระหน้าที่อย่างอดทน เข้มแข็ง และมั่นคง ตามพระราชอุดมการณ์ที่ทรงสมาทานไว้ โดยมิหวั่นไหวสะทกสะเทือนด้วยกระแสโลกธรรม ต้องตามนัยแห่งภาษิต ใน “มหาสุตโสมชาดก” ความว่า “พระราชาผู้เอาชนะคนไม่ควรชนะ ไม่ชื่อว่าพระราชา, เพื่อนผู้เอาชนะเพื่อน ไม่ชื่อว่าเพื่อน ฯลฯ บุตรผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่เฒ่า ไม่ชื่อว่าบุตร, สภาที่ไม่มีสัตบุรุษ ไม่ชื่อว่าสภา, ผู้ไม่พูดเป็นธรรม ไม่ชื่อว่าสัตบุรุษ, ส่วนผู้สงบจากราคะ โทสะ โมหะ พูดเป็นธรรมะ ย่อมชื่อว่าสัตบุรุษคนดี” ด้วยประการฉะนี้ ณ มหามงคลสมัยพิเศษแห่งพระชนมพรรษา ขอเดชานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนพระราชกุศลธรรมจริยา ที่ทรงสั่งสมมาด้วยดี โปรดอภิบาลรักษา สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงเจริญพระชนมสุขสิริสวัสดิ์ สรรพพิบัติอุปัทวันตรายอย่าได้พ้องพานพระยุคลบาท จงทรงเรืองรองโอภาสด้วยพระราชธรรมบารมี ประดุจดวงวชิระอันผ่องใส แผ่พรรณรังสีแห่งทศมรัชสมัย ส่องใจมหาชนชาวไทย ให้เอิบอาบปลาบปลื้มอยู่เสมอไป ตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ.” ที่มา: เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช #Thaitimes
    Love
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 602 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” เปิดบ้านจันทร์ส่องหล้าทำบุญวันคล้ายวันเกิด 75 ปี พร้อมเชิญคนสนิท-ใกล้ชิด ร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน อนุญาตให้เข้าเฉพาะคนสวมเสื้อสีขาว ปักลายที่หน้า ”75 No place like home”
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000063358

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ทักษิณ” เปิดบ้านจันทร์ส่องหล้าทำบุญวันคล้ายวันเกิด 75 ปี พร้อมเชิญคนสนิท-ใกล้ชิด ร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน อนุญาตให้เข้าเฉพาะคนสวมเสื้อสีขาว ปักลายที่หน้า ”75 No place like home” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000063358 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Wow
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 849 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูตำหนิสหรัฐฯ ฐาน 'ระงับ' ยุทโธปกรณ์ให้เอล
    นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของเอลวิพากษ์วิจารณ์คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ สำหรับการ "ระงับอาวุธ" ต่อเอลในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะที่เอลกำลังปฏิบัติการรุกรานในกาซา
    เนทันยาฮูกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารว่า เป็นเรื่องที่ ไม่น่าเชื่อ ที่สหรัฐฯ ระงับยุทโธปกรณ์ให้กับเอล โดยเนทันยาฮุอ้างว่า
    “เลขาธิการ แอนโทนี บลินเกนให้คำมั่นกับตนว่าฝ่ายบริหารกำลังทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อขจัดการระงับนี้ ตนหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นและแน่นอน มันควรจะเป็นเช่นนั้น” เนทันยาฮูกล่าว โดยอ้างถึงการเจรจาของนักการทูตสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    “มอบเครื่องมือให้เรา แล้วเราจะทำงานเสร็จเร็วขึ้นมาก”เนทันยาฮูกล่าว
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    เนทันยาฮูตำหนิสหรัฐฯ ฐาน 'ระงับ' ยุทโธปกรณ์ให้เอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของเอลวิพากษ์วิจารณ์คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ สำหรับการ "ระงับอาวุธ" ต่อเอลในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะที่เอลกำลังปฏิบัติการรุกรานในกาซา เนทันยาฮูกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารว่า เป็นเรื่องที่ ไม่น่าเชื่อ ที่สหรัฐฯ ระงับยุทโธปกรณ์ให้กับเอล โดยเนทันยาฮุอ้างว่า “เลขาธิการ แอนโทนี บลินเกนให้คำมั่นกับตนว่าฝ่ายบริหารกำลังทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อขจัดการระงับนี้ ตนหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นและแน่นอน มันควรจะเป็นเช่นนั้น” เนทันยาฮูกล่าว โดยอ้างถึงการเจรจาของนักการทูตสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “มอบเครื่องมือให้เรา แล้วเราจะทำงานเสร็จเร็วขึ้นมาก”เนทันยาฮูกล่าว . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีของเอลยังคงดำเนินต่อไปในราฟาห์ แม้ว่ากองทัพจะประกาศ 'หยุดยุทธวิธี'
    ฟิลิปเป ลัซซารินี หัวหน้า UNRWA กล่าวว่า “ในทางปฏิบัติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ในกาซาตอนใต้ ซึ่งกองทัพเอลกล่าวว่าจะยังคงมีการสู้รบตามเส้นทางความช่วยเหลือหลักในแต่ละวัน
    กองทัพกล่าวว่า พวกเขาจะทำการ “หยุดชั่วคราว” ในช่วงเวลากลางวันจากทางข้ามที่ดิน Karem Abu Salem (Kerem Shalom) ไปยังทางหลวง Salah a-Din ซึ่งเป็นถนนสายหลักเหนือ-ใต้แต่สำหรับพื้นที่อื่นๆ พวกเค้าก็ยังไม่ได้ให้การรับรองนั่นหมายความว่า ความปลอดภัยของชาวปาเลสนั้นก็ยังคงเเขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นเดิม แม้ว่าทางกลุ่มผู้ปกป้องดินแดนปาเลสเองจะหยุดโจมตีอย่างสิ้นเชิงแล้วก็ตาม
    อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูดูผงะกับแผนการทางทหารดังกล่าว ซึ่งประกาศเมื่อวานนี้ โดยเรียกแผนดังกล่าวว่า “แผนการที่ยอมรับไม่ได้”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    การโจมตีของเอลยังคงดำเนินต่อไปในราฟาห์ แม้ว่ากองทัพจะประกาศ 'หยุดยุทธวิธี' ฟิลิปเป ลัซซารินี หัวหน้า UNRWA กล่าวว่า “ในทางปฏิบัติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ในกาซาตอนใต้ ซึ่งกองทัพเอลกล่าวว่าจะยังคงมีการสู้รบตามเส้นทางความช่วยเหลือหลักในแต่ละวัน กองทัพกล่าวว่า พวกเขาจะทำการ “หยุดชั่วคราว” ในช่วงเวลากลางวันจากทางข้ามที่ดิน Karem Abu Salem (Kerem Shalom) ไปยังทางหลวง Salah a-Din ซึ่งเป็นถนนสายหลักเหนือ-ใต้แต่สำหรับพื้นที่อื่นๆ พวกเค้าก็ยังไม่ได้ให้การรับรองนั่นหมายความว่า ความปลอดภัยของชาวปาเลสนั้นก็ยังคงเเขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นเดิม แม้ว่าทางกลุ่มผู้ปกป้องดินแดนปาเลสเองจะหยุดโจมตีอย่างสิ้นเชิงแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูดูผงะกับแผนการทางทหารดังกล่าว ซึ่งประกาศเมื่อวานนี้ โดยเรียกแผนดังกล่าวว่า “แผนการที่ยอมรับไม่ได้” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว