• ส.ส.สหรัฐเรียกร้องให้ทบทวนภัยคุกคามจากเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของจีน

    28 ตุลาคม 2567-สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจากการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ของจีน ซึ่งเป็นสาขาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สามารถเร่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้

    โฟโตนิกส์ซิลิคอนนั้นอาศัยแสงแทนสัญญาณไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ และมีการใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อชิปคอมพิวเตอร์หลายหมื่นชิ้น บริษัทชิป AI ชั้นนำ เช่น Nvidia (NVDA.O)และบริษัท Advanced Micro Devices (AMD.O)ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผสานโฟโตนิกส์เข้ากับชิปของตน ขณะที่ Lightmatter ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่งระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สำหรับเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของตน ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์

    จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เข้าร่วมโครงการระดมทุนมากมายที่มุ่งสร้างชิปโฟโตนิกส์ในจีน ตามรายงานของสื่อของรัฐ
    เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าการทำงานด้านโฟโตนิกส์ของจีนอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามใดบ้าง และควรแก้ไขกฎการควบคุมการส่งออกเพื่อปกป้องความพยายามของสหรัฐฯ หรือไม่

    “ลักษณะการใช้งานสองแบบของเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ทำให้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะถูกนำไปใช้ในทางการทหารโดยผู้ที่มีปัญหา” ส.ส. จอห์น มูเลนนาร์ จากพรรครีพับลิกัน และราชา กฤษณมูรติ จากพรรคเดโมแครต เขียนในจดหมายของพวกเขา

    Sunny Cheung นักวิจัยประจำภาควิชาศึกษาจีนที่ Jamestown Foundation ซึ่งศึกษาความพยายามของจีน กล่าวกับ Reuters ว่า "จีนอาจเป็นรัฐวิสาหกิจที่เร็วที่สุดในการระดมทรัพยากรและสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทำงานด้านเทคโนโลยีโฟโตนิกส์"

    ที่มา https://www.reuters.com/technology/us-lawmakers-urge-review-china-threat-photonics-technology-2024-10-28

    #Thaitimes

    ส.ส.สหรัฐเรียกร้องให้ทบทวนภัยคุกคามจากเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของจีน 28 ตุลาคม 2567-สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจากการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ของจีน ซึ่งเป็นสาขาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สามารถเร่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้ โฟโตนิกส์ซิลิคอนนั้นอาศัยแสงแทนสัญญาณไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ และมีการใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อชิปคอมพิวเตอร์หลายหมื่นชิ้น บริษัทชิป AI ชั้นนำ เช่น Nvidia (NVDA.O)และบริษัท Advanced Micro Devices (AMD.O)ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผสานโฟโตนิกส์เข้ากับชิปของตน ขณะที่ Lightmatter ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่งระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สำหรับเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของตน ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เข้าร่วมโครงการระดมทุนมากมายที่มุ่งสร้างชิปโฟโตนิกส์ในจีน ตามรายงานของสื่อของรัฐ เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าการทำงานด้านโฟโตนิกส์ของจีนอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามใดบ้าง และควรแก้ไขกฎการควบคุมการส่งออกเพื่อปกป้องความพยายามของสหรัฐฯ หรือไม่ “ลักษณะการใช้งานสองแบบของเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ทำให้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะถูกนำไปใช้ในทางการทหารโดยผู้ที่มีปัญหา” ส.ส. จอห์น มูเลนนาร์ จากพรรครีพับลิกัน และราชา กฤษณมูรติ จากพรรคเดโมแครต เขียนในจดหมายของพวกเขา Sunny Cheung นักวิจัยประจำภาควิชาศึกษาจีนที่ Jamestown Foundation ซึ่งศึกษาความพยายามของจีน กล่าวกับ Reuters ว่า "จีนอาจเป็นรัฐวิสาหกิจที่เร็วที่สุดในการระดมทรัพยากรและสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทำงานด้านเทคโนโลยีโฟโตนิกส์" ที่มา https://www.reuters.com/technology/us-lawmakers-urge-review-china-threat-photonics-technology-2024-10-28 #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผล ทำไมไทยเข้าร่วม BRICS

    นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนเมืองคาซาน ของรัสเซีย ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 วันที่ 24 ต.ค.2567 ในหัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together”

    สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาค และระดับโลก รวมถึงหารือการส่งเสริมระบบพหุภาคีเพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการประชุมผู้นำบริกส์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2567

    ทางด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9 - 11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้ากระบวนการเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย

    ทั้งนี้ ไทยได้ชี้แจงสหรัฐถึงเหตุผลที่ต้องการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ได้มีเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์แต่เป็นเหตุผลทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่หลายประเทศที่มีประชากรมาก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 2% แต่การขยายตลาดจะสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจขยายตัวได้ และสหรัฐได้รับฟัง และเข้าใจเหตุผลดังกล่าว
    .
    https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1150596
    ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผล ทำไมไทยเข้าร่วม BRICS นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนเมืองคาซาน ของรัสเซีย ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 วันที่ 24 ต.ค.2567 ในหัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together” สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาค และระดับโลก รวมถึงหารือการส่งเสริมระบบพหุภาคีเพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการประชุมผู้นำบริกส์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2567 ทางด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9 - 11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้ากระบวนการเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย ทั้งนี้ ไทยได้ชี้แจงสหรัฐถึงเหตุผลที่ต้องการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ได้มีเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์แต่เป็นเหตุผลทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่หลายประเทศที่มีประชากรมาก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 2% แต่การขยายตลาดจะสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจขยายตัวได้ และสหรัฐได้รับฟัง และเข้าใจเหตุผลดังกล่าว . https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1150596
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว

  • แอปเปิลปักหลักจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทานที่ถึงพร้อมระดับสูง หลังจีนแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ

    สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า แถลงการณ์โดยกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจของแอปเปิลในจีน รวมถึงสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยระหว่างการหารือ คุกแสดงความมุ่งมั่น ที่จะดำเนินการพัฒนาระยะยาว และเพิ่มการลงทุนในจีน

    หวังกล่าวว่า จีนออกมาตรการเปิดกว้างใหม่และดำเนินการอันเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ และยินดีต้อนรับแอปเปิลเข้ามาคว้าโอกาส และขยายธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และเดินหน้าให้บริการที่มีคุณภาพสูง แก่บริษัทซึ่งใช้เงินทุนจากต่างประเทศ

    หวังเน้นย้ำว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วม ได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของทั้งสองประเทศ และเป็นพลังอันมั่นคงให้กับความสัมพันธ์ทวิภาคี จีนยินดีจะฟื้นฟูการพัฒนาอันมั่นคงดีของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างภาครัฐ-ภาคธุรกิจ ให้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น

    ด้านคุกกล่าวว่า การพัฒนาอันรวดเร็วของจีน ช่วยให้แอปเปิลบรรลุการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน แอปเปิลมองจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทาน พร้อมมุ่งดำเนินการพัฒนาระยะยาวในจีนและจะเพิ่มการลงทุนด้านต่าง ๆ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงเป็นสะพานการสื่อสารและแลกเปลี่ยน ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในด้านเศรษฐกิจและการค้า

    ที่มา : XINHUA
    ภาพ : Ministry of Commerce, People’s Republic of China

    #Thaitimes
    แอปเปิลปักหลักจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทานที่ถึงพร้อมระดับสูง หลังจีนแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า แถลงการณ์โดยกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจของแอปเปิลในจีน รวมถึงสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยระหว่างการหารือ คุกแสดงความมุ่งมั่น ที่จะดำเนินการพัฒนาระยะยาว และเพิ่มการลงทุนในจีน หวังกล่าวว่า จีนออกมาตรการเปิดกว้างใหม่และดำเนินการอันเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ และยินดีต้อนรับแอปเปิลเข้ามาคว้าโอกาส และขยายธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และเดินหน้าให้บริการที่มีคุณภาพสูง แก่บริษัทซึ่งใช้เงินทุนจากต่างประเทศ หวังเน้นย้ำว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วม ได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของทั้งสองประเทศ และเป็นพลังอันมั่นคงให้กับความสัมพันธ์ทวิภาคี จีนยินดีจะฟื้นฟูการพัฒนาอันมั่นคงดีของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างภาครัฐ-ภาคธุรกิจ ให้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ด้านคุกกล่าวว่า การพัฒนาอันรวดเร็วของจีน ช่วยให้แอปเปิลบรรลุการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน แอปเปิลมองจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทาน พร้อมมุ่งดำเนินการพัฒนาระยะยาวในจีนและจะเพิ่มการลงทุนด้านต่าง ๆ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงเป็นสะพานการสื่อสารและแลกเปลี่ยน ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในด้านเศรษฐกิจและการค้า ที่มา : XINHUA ภาพ : Ministry of Commerce, People’s Republic of China #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 589 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘สภาผู้บริโภค’ ชี้ภาครัฐละเลยไม่กำกับดูแล-ควบคุมเพดานค่ารักษาพยาบาล ‘โรงพยาบาลเอกชน’ ทำให้ผู้บริโภคถูกเรียกเก็บค่าบริการตามใจชอบ

    23 ตุลาคม 2567-รายงานสำนักข่าวอิศราระบุว่า จากกรณีผู้บริโภคสะท้อนปัญหาการเข้าไปใช้บริการรักษาสุขภาพในโรงพยาบาลเอกชน ที่มีราคาต่างกัน แม้จะเข้าใช้บริการด้วยอาการเดียวกัน โดยผู้บริโภครายนี้ระบุว่ากรณีที่ไม่ได้ใช้ประกันสุขภาพ โรงพยาบาลคิดค่าบริการ 1,400 บาท ต่อมามีอาการเจ็บป่วยในลักษณะเดิมและผู้บริโภคใช้ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก กลับถูกคิดค่าบริการ 3,400 บาท โดยประกันคุ้มครองฯจ่าย 2,000 บาท ทำให้ต้องจ่ายเพิ่มเองอีก 1,400 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมในการใช้บริการ นั้น

    นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่า สาเหตุของปัญหานี้ เป็นเพราะไม่มีการควบคุมราคาค่ารักษา โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ต้องกำกับ ดูแลค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน แต่ปล่อยปละละเลย ทำให้โรงพยาบาลเอกชนคิดราคาค่ารักษาได้โดยไม่มีเพดานกำหนด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าละเมิดสิทธิผู้บริโภค

    ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐต้องดำเนินการ คือ การทบทวนมาตรการกำกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงเกินจริงและกำหนดราคากลางที่เป็นธรรม รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้เกิดการแข่งขันของโรงพยาบาลเอกชนมากเกินไป เพราะจะกลายเป็นช่องโหว่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเกิดขึ้น

    นอกจากนี้ ขอเสนอให้ผู้บริโภคต้องตรวจสอบใบเสร็จมีรายการใดบ้างที่จ่ายไป และเหตุใดที่การรักษาอาการเดียวกัน แต่เมื่อมีประกันภัยจ่ายค่ารักษาให้ราคากลับเพิ่มขึ้น แสดงว่าโรงพยาบาลแห่งนั้น อาจไม่ทำตามประกาศอัตราค่าบริการที่ติดประกาศไว้ ซึ่งกรมการค้าภายในที่กำกับดูแลเรื่องประกาศอัตราค่าบริการไม่ควรนิ่งเฉยกับกรณีนี้

    “เมื่อเกิดปัญหาค่ารักษาพยาบาลแพง ภาครัฐจะแก้ไขปัญหาเป็นรายกรณีไป ไม่มีแนวทางที่แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ หรือมีมาตรการที่จะออกมาควบคุมกำกับราคาอย่างจริงจัง เพราะภาพรวมคือการขาดกลไกการควบคุมกำกับ ไม่มีภาครัฐเคยดูเลยว่าโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงินอย่างไร ผู้บริโภคแทบไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย” นพ.ขวัญประชา กล่าว

    นพ.ขวัญประชา ยังระบุว่า ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคเคยส่งหนังสือข้อเสนอแนะทางนโยบายไปยังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยขอให้มีการกำกับราคาค่ารักษาพยาบาลให้ชัดเจน มีมาตรฐาน และเป็นธรรมต่อผู้บริโภค รวมถึงมีข้อเสนอแนะไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำเนินการพัฒนาระบบคลังข้อมูล โดยกำหนดให้มีการแสดงรายละเอียดของรายการที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนค่าบริการรักษาพยาบาลในงบกำไรขาดทุนของโรงพยาบาลเอกชน

    “เราเคยเสนอองค์ความรู้ในการควบคุมราคาว่า จริงๆแล้ว สามารถทำกลไกการควบคุมราคาได้ โดยใช้ข้อมูลที่กรมการค้าภายในและข้อมูลที่กรมพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์มีข้อมูล ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานไหนตอบรับข้อเสนอ แต่สภาผู้บริโภคจะผลักดันข้อเสนอต่อเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค” นพ.ขวัญประชา ระบุ

    อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบปัญหาถูกเรียกเก็บค่ารักษาแพงเกินจริง ร้องเรียนได้ที่สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th และสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภค ทั้ง 19 จังหวัด โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/132801-TCC-Medical-expense-Private-hospital-news.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2JZQTQpzsbX3j9O_APQSKLhqcTwWNdJqKrHhBPKE-YJNobdOfkSq87DXo_aem_NZvpNKA39nV0yUf4Xw6crw
    ‘สภาผู้บริโภค’ ชี้ภาครัฐละเลยไม่กำกับดูแล-ควบคุมเพดานค่ารักษาพยาบาล ‘โรงพยาบาลเอกชน’ ทำให้ผู้บริโภคถูกเรียกเก็บค่าบริการตามใจชอบ 23 ตุลาคม 2567-รายงานสำนักข่าวอิศราระบุว่า จากกรณีผู้บริโภคสะท้อนปัญหาการเข้าไปใช้บริการรักษาสุขภาพในโรงพยาบาลเอกชน ที่มีราคาต่างกัน แม้จะเข้าใช้บริการด้วยอาการเดียวกัน โดยผู้บริโภครายนี้ระบุว่ากรณีที่ไม่ได้ใช้ประกันสุขภาพ โรงพยาบาลคิดค่าบริการ 1,400 บาท ต่อมามีอาการเจ็บป่วยในลักษณะเดิมและผู้บริโภคใช้ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก กลับถูกคิดค่าบริการ 3,400 บาท โดยประกันคุ้มครองฯจ่าย 2,000 บาท ทำให้ต้องจ่ายเพิ่มเองอีก 1,400 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมในการใช้บริการ นั้น นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่า สาเหตุของปัญหานี้ เป็นเพราะไม่มีการควบคุมราคาค่ารักษา โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ต้องกำกับ ดูแลค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน แต่ปล่อยปละละเลย ทำให้โรงพยาบาลเอกชนคิดราคาค่ารักษาได้โดยไม่มีเพดานกำหนด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าละเมิดสิทธิผู้บริโภค ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐต้องดำเนินการ คือ การทบทวนมาตรการกำกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงเกินจริงและกำหนดราคากลางที่เป็นธรรม รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้เกิดการแข่งขันของโรงพยาบาลเอกชนมากเกินไป เพราะจะกลายเป็นช่องโหว่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเกิดขึ้น นอกจากนี้ ขอเสนอให้ผู้บริโภคต้องตรวจสอบใบเสร็จมีรายการใดบ้างที่จ่ายไป และเหตุใดที่การรักษาอาการเดียวกัน แต่เมื่อมีประกันภัยจ่ายค่ารักษาให้ราคากลับเพิ่มขึ้น แสดงว่าโรงพยาบาลแห่งนั้น อาจไม่ทำตามประกาศอัตราค่าบริการที่ติดประกาศไว้ ซึ่งกรมการค้าภายในที่กำกับดูแลเรื่องประกาศอัตราค่าบริการไม่ควรนิ่งเฉยกับกรณีนี้ “เมื่อเกิดปัญหาค่ารักษาพยาบาลแพง ภาครัฐจะแก้ไขปัญหาเป็นรายกรณีไป ไม่มีแนวทางที่แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ หรือมีมาตรการที่จะออกมาควบคุมกำกับราคาอย่างจริงจัง เพราะภาพรวมคือการขาดกลไกการควบคุมกำกับ ไม่มีภาครัฐเคยดูเลยว่าโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงินอย่างไร ผู้บริโภคแทบไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย” นพ.ขวัญประชา กล่าว นพ.ขวัญประชา ยังระบุว่า ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคเคยส่งหนังสือข้อเสนอแนะทางนโยบายไปยังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยขอให้มีการกำกับราคาค่ารักษาพยาบาลให้ชัดเจน มีมาตรฐาน และเป็นธรรมต่อผู้บริโภค รวมถึงมีข้อเสนอแนะไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำเนินการพัฒนาระบบคลังข้อมูล โดยกำหนดให้มีการแสดงรายละเอียดของรายการที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนค่าบริการรักษาพยาบาลในงบกำไรขาดทุนของโรงพยาบาลเอกชน “เราเคยเสนอองค์ความรู้ในการควบคุมราคาว่า จริงๆแล้ว สามารถทำกลไกการควบคุมราคาได้ โดยใช้ข้อมูลที่กรมการค้าภายในและข้อมูลที่กรมพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์มีข้อมูล ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานไหนตอบรับข้อเสนอ แต่สภาผู้บริโภคจะผลักดันข้อเสนอต่อเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค” นพ.ขวัญประชา ระบุ อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบปัญหาถูกเรียกเก็บค่ารักษาแพงเกินจริง ร้องเรียนได้ที่สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th และสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภค ทั้ง 19 จังหวัด โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/ ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/132801-TCC-Medical-expense-Private-hospital-news.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2JZQTQpzsbX3j9O_APQSKLhqcTwWNdJqKrHhBPKE-YJNobdOfkSq87DXo_aem_NZvpNKA39nV0yUf4Xw6crw
    WWW.ISRANEWS.ORG
    ‘สภาผู้บริโภค’ชี้รัฐละเลย-ไม่ควบคุมค่ารักษาพยาบาล เปิดช่อง‘รพ.เอกชน’เอาเปรียบผู้บริโภค
    ‘สภาผู้บริโภค’ ชี้ภาครัฐละเลยไม่กำกับดูแล-ควบคุมเพดานค่ารักษาพยาบาล ‘โรงพยาบาลเอกชน’ ทำให้ผู้บริโภคถูกเรียกเก็บค่าบริการตามใจชอบ
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม
    .
    ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม
    .
    เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ
    .
    ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้
    .
    ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม
    .
    แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป
    .
    ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป
    .
    ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง
    .
    ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก
    .
    ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก
    .
    พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้
    .
    ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย
    .
    หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน
    .
    แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม . ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม . เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย . ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ . ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้ . ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม . แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ . ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป . ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป . ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง . ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก . ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก . พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้ . ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย . หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน . แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1013 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี 2 ชั้น นันทนาการ์เด้น1 เนื้อที่ 17 ตร.ว. ขาย 2.25 ลบ.
    ขายบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นตกแต่งรีโนเวทใหม่พร้อมอยู่ เนื้อที่ 17 ตร.ว. ซอยท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศน์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางรักน้อยท่าอิฐ และใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีท่าอิฐ

    ** ราคา 2,250,000 บาท

    รายละเอียด
    ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น พร้อมอยู่
    บ้านหันหน้าทางทิศ : ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
    เนื้อที่ : 17 ตร.ว.
    ห้องนอน : 2 ห้อง
    ห้องน้ำ : 2 ห้อง
    จอดรถได้ : 1 คัน
    1 ห้องครัว , ซักล้าง


    สิ่งอำนวยความสะดวก
    • สวนพักผ่อน
    • รปภ. 24 ชม.

    ที่ตั้งโครงการ
    หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น ซอย หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น ตำบล บางรักน้อย อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000

    สถานที่ใกล้เคียง
    • บิ๊กซีฟู้ดเพลส ท่าอิฐ : 1 กม.
    • ตลาดนัดมณียา ท่าอิฐ : 1.2 กม.
    • ตลาดโกลเด้น มาร์เก็ต ท่าอิฐ : 2.6 กม.
    - รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ) : 2.3 กม.
    • ตลาดสดท่าอิฐ : 850 เมตร
    • แม็คโคร นครอินทร์ : 10.7 กม.
    • อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์ : 10.9 กม.
    • Big C รัตนาธิเบศร์ : 7.8 กม.
    • Tesco Lotus บางใหญ่ : 18.2 กม.

    สถานศึกษา
    • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 19.6 กม.
    • มหาวิทยาลัยศรีปทุม : 17.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ : 13.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช : 16.6 กม.
    • โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส : 3.7 กม.
    • โรงเรียนอนุบาลมณียา : 1.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯพระนครเหนือ : 15.8 กม.

    ศูนย์การแพทย์
    • รพ.พระนั่งเกล้า : 5.2 กม.
    • รพ.นนทเวช : 11.4 กม.
    • รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ : 5.9 กม.

    สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
    • ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี : 10.3 กม.
    • ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 19.6 กม.
    • กระทรวงพาณิชย์ : 8 กม.

    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    #ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี #ทาวน์เฮ้าส์ซอยท่าอิฐ #ทาวน์เฮ้าส์สองชั้น

    https://maps.app.goo.gl/vr2ytTd9eZJi3Tx96
    ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี 2 ชั้น นันทนาการ์เด้น1 เนื้อที่ 17 ตร.ว. ขาย 2.25 ลบ. ขายบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นตกแต่งรีโนเวทใหม่พร้อมอยู่ เนื้อที่ 17 ตร.ว. ซอยท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศน์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางรักน้อยท่าอิฐ และใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีท่าอิฐ ** ราคา 2,250,000 บาท รายละเอียด ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น พร้อมอยู่ บ้านหันหน้าทางทิศ : ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ : 17 ตร.ว. ห้องนอน : 2 ห้อง ห้องน้ำ : 2 ห้อง จอดรถได้ : 1 คัน 1 ห้องครัว , ซักล้าง สิ่งอำนวยความสะดวก • สวนพักผ่อน • รปภ. 24 ชม. ที่ตั้งโครงการ หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น ซอย หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น ตำบล บางรักน้อย อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000 สถานที่ใกล้เคียง • บิ๊กซีฟู้ดเพลส ท่าอิฐ : 1 กม. • ตลาดนัดมณียา ท่าอิฐ : 1.2 กม. • ตลาดโกลเด้น มาร์เก็ต ท่าอิฐ : 2.6 กม. - รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ) : 2.3 กม. • ตลาดสดท่าอิฐ : 850 เมตร • แม็คโคร นครอินทร์ : 10.7 กม. • อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์ : 10.9 กม. • Big C รัตนาธิเบศร์ : 7.8 กม. • Tesco Lotus บางใหญ่ : 18.2 กม. สถานศึกษา • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 19.6 กม. • มหาวิทยาลัยศรีปทุม : 17.4 กม. • มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ : 13.4 กม. • มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช : 16.6 กม. • โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส : 3.7 กม. • โรงเรียนอนุบาลมณียา : 1.4 กม. • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯพระนครเหนือ : 15.8 กม. ศูนย์การแพทย์ • รพ.พระนั่งเกล้า : 5.2 กม. • รพ.นนทเวช : 11.4 กม. • รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ : 5.9 กม. สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ • ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี : 10.3 กม. • ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 19.6 กม. • กระทรวงพาณิชย์ : 8 กม. สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 #ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี #ทาวน์เฮ้าส์ซอยท่าอิฐ #ทาวน์เฮ้าส์สองชั้น https://maps.app.goo.gl/vr2ytTd9eZJi3Tx96
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 74 0 รีวิว
  • อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
    งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี

    สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • มุมมองของเด็กศิลปะรุ่นใหม่ #เด็กเพาะช่าง

    งาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล

    อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์
    #สยามโสภา #thaitimesคนรุ่นใหม่
    มุมมองของเด็กศิลปะรุ่นใหม่ #เด็กเพาะช่าง งาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #สยามโสภา #thaitimesคนรุ่นใหม่
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1507 มุมมอง 402 0 รีวิว
  • "อัตลักษณ์แห่งสยาม"
    งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี

    สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย

    พบกัน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15"
    18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    "อัตลักษณ์แห่งสยาม" งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย พบกัน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15" 18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • "อัตลักษณ์แห่งสยาม"
    งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี

    สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย

    พบกัน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15"
    18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    "อัตลักษณ์แห่งสยาม" งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย พบกัน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15" 18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 103 0 รีวิว
  • สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เปิดงาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” อย่างเป็นทางการ รวมสุดยอดช่างฝีมืองานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูไว้มากที่สุด
    งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล

    อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์
    สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เปิดงาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” อย่างเป็นทางการ รวมสุดยอดช่างฝีมืองานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูไว้มากที่สุด งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 75 0 รีวิว
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 54 0 รีวิว
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • กรมการค้าต่างประเทศเตรียมยกระดับสกัดกั้นการนำเข้าเศษกระดาษ หลังตรวจสอบพบ 400 ตัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา นำเข้าโดยบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน จำกัด โดยใช้วิธีการสำแดงเป็นเศษกระดาษลูกฟูก เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีขยะเจือปนอยู่เป็นจำนวนมากเข้าข่ายเป็น "ขยะเทศบาล"
    .
    จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2567 ได้รับการรายงานมาเป็นระยะว่ามีผู้ประกอบการสำแดงการนำเข้าเศษกระดาษ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีวัสดุอื่นเจือปนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ของใช้แล้วจำพวกขวดพลาสติก โฟม ถุงพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป หน้ากากอนามัย ถุงน้ำยาทางการแพทย์และสายยาง
    .
    อย่างกรณีล่าสุดที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กรมศุลกากรตรวจพบเศษพลาสติกและขยะติดเชื้อที่เข้าข่ายเป็น "ขยะเทศบาล" นำเข้าโดยบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน จำกัด โดยใช้วิธีการสำแดงเป็นเศษกระดาษลูกฟูก น้ำหนักรวมกว่า 400 ตัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา
    .
    “การตรวจสอบพบการนำเข้าเศษกระดาษที่เจือปนของเสียหรือวัสดุอื่น ๆ ซึ่งมีวัสดุที่เข้าข่ายเป็นขยะอันตราย และของเสียทางการแพทย์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและได้สร้างความเสียหายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก รวมทั้งส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรง หากยังพบว่ามีการนำเข้าเศษกระดาษโดยมีของเสียและวัสดุอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายเจือปน กระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องกำหนดมาตรการที่เข้มงวด เช่น การห้ามนำเข้าเศษกระดาษหรือการกำหนดมาตรการใบอนุญาตนำเข้าเศษกระดาษที่ต้องกลั่นกรองอย่างเข้มงวดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป” อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเน้นย้ำ

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/4REeUyGFUExELep6/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    กรมการค้าต่างประเทศเตรียมยกระดับสกัดกั้นการนำเข้าเศษกระดาษ หลังตรวจสอบพบ 400 ตัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา นำเข้าโดยบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน จำกัด โดยใช้วิธีการสำแดงเป็นเศษกระดาษลูกฟูก เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีขยะเจือปนอยู่เป็นจำนวนมากเข้าข่ายเป็น "ขยะเทศบาล" . จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2567 ได้รับการรายงานมาเป็นระยะว่ามีผู้ประกอบการสำแดงการนำเข้าเศษกระดาษ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีวัสดุอื่นเจือปนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ของใช้แล้วจำพวกขวดพลาสติก โฟม ถุงพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป หน้ากากอนามัย ถุงน้ำยาทางการแพทย์และสายยาง . อย่างกรณีล่าสุดที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กรมศุลกากรตรวจพบเศษพลาสติกและขยะติดเชื้อที่เข้าข่ายเป็น "ขยะเทศบาล" นำเข้าโดยบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน จำกัด โดยใช้วิธีการสำแดงเป็นเศษกระดาษลูกฟูก น้ำหนักรวมกว่า 400 ตัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา . “การตรวจสอบพบการนำเข้าเศษกระดาษที่เจือปนของเสียหรือวัสดุอื่น ๆ ซึ่งมีวัสดุที่เข้าข่ายเป็นขยะอันตราย และของเสียทางการแพทย์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและได้สร้างความเสียหายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก รวมทั้งส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรง หากยังพบว่ามีการนำเข้าเศษกระดาษโดยมีของเสียและวัสดุอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายเจือปน กระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องกำหนดมาตรการที่เข้มงวด เช่น การห้ามนำเข้าเศษกระดาษหรือการกำหนดมาตรการใบอนุญาตนำเข้าเศษกระดาษที่ต้องกลั่นกรองอย่างเข้มงวดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป” อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเน้นย้ำ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/4REeUyGFUExELep6/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 953 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนประกาศเตรียมเปิดทางให้ "รพ.ทุนต่างชาติ" เข้าประกอบธุรกิจใน 9 เมืองใหญ่/มณฑล
    .
    วันนี้ (8 ก.ย.) มีการเปิดเผยว่ารัฐบาลจีนมีแผนที่จะอนุญาตให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลที่มีเจ้าของเป็นต่างชาติถือหุ้นทั้งหมด (wholly foreign-owned hospitals) ในเขตเมือง และบางภูมิภาคของจีนได้ โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากหนังสือเวียนที่ออกร่วมกันโดย กระทรวงพาณิชย์จีน (商务部), คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (国家卫生健康委) และสำนักงาน อย.ของจีน (国家药监局) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการขยายโครงการนำร่องสำหรับการเปิดกว้างในภาคการสาธารณสุข
    .
    ประกาศดังกล่าวระบุว่า เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเร่งการพัฒนาคุณภาพสูงในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ในประเทศจีน รวมทั้งเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพของประชาชนได้ดีขึ้น จึงมีแผนที่จะดำเนินโครงการนำร่องดังกล่าว
    .
    ทั้งนี้ จากเอกสารทางการที่เพิ่งมีการเปิดเผยในวันนี้ โรงพยาบาลเหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการในเมืองปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ หนานจิง (นานกิง) ซูโจว ฝูโจว กว่างโจว (กวางเจา) เซินเจิ้น และทั่วทั้งเกาะไหหลำ
    .
    .
    อ้างอิง >> https://finance.eastmoney.com/a/202409083178282323.html
    จีนประกาศเตรียมเปิดทางให้ "รพ.ทุนต่างชาติ" เข้าประกอบธุรกิจใน 9 เมืองใหญ่/มณฑล . วันนี้ (8 ก.ย.) มีการเปิดเผยว่ารัฐบาลจีนมีแผนที่จะอนุญาตให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลที่มีเจ้าของเป็นต่างชาติถือหุ้นทั้งหมด (wholly foreign-owned hospitals) ในเขตเมือง และบางภูมิภาคของจีนได้ โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากหนังสือเวียนที่ออกร่วมกันโดย กระทรวงพาณิชย์จีน (商务部), คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (国家卫生健康委) และสำนักงาน อย.ของจีน (国家药监局) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการขยายโครงการนำร่องสำหรับการเปิดกว้างในภาคการสาธารณสุข . ประกาศดังกล่าวระบุว่า เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเร่งการพัฒนาคุณภาพสูงในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ในประเทศจีน รวมทั้งเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพของประชาชนได้ดีขึ้น จึงมีแผนที่จะดำเนินโครงการนำร่องดังกล่าว . ทั้งนี้ จากเอกสารทางการที่เพิ่งมีการเปิดเผยในวันนี้ โรงพยาบาลเหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการในเมืองปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ หนานจิง (นานกิง) ซูโจว ฝูโจว กว่างโจว (กวางเจา) เซินเจิ้น และทั่วทั้งเกาะไหหลำ . . อ้างอิง >> https://finance.eastmoney.com/a/202409083178282323.html
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 799 มุมมอง 0 รีวิว
  • การไฟฟ้าฯ จะตัดไฟ อำลาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี

    จากกระแสไวรัลบนโซเชียลฯ ถึงความเงียบเหงาของศูนย์การค้าฝั่งธนบุรี ท่ามกลางคำถามที่ว่าอนาคตจะไปทางไหน ในที่้สุดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร ย่านบางพลัด แจ้งกับร้านค้าเป็นการภายในเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ก.ย.) ว่าจำเป็นต้องปิดทำการห้างฯ อาคาร 12 ชั้น ซึ่งมีผลกระทบในพื้นที่ขายทั้งหมด เพราะได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง ขอยุติการจ่ายกระแสไฟฟ้าในวันอังคารที่ 10 ก.ย. 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

    "ทางบริษัทฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไขและเจรจากับผู้ร่วมทุนใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ ทางห้างฯ จะเร่งกลับมาเปิดบริการในเร็วๆ นี้ และขออภัยในความไม่สะดวกกับเหตุการณ์ครั้งนี้" ประกาศฉบับดังกล่าว ระบุ

    บรรดาร้านค้าที่ทราบข่าวเตรียมทยอยขนของออกจากห้างฯ โดยเฉพาะร้านขายโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน กระทั่งได้รับจดหมายแจ้งว่าจะตัดไฟในวันอังคาร ต้องเก็บของย้ายออกจากห้างฯ มีผลกระทบมาก ส่วนร้านหมาล่าสายพาน "ฟุ่ยโหยว หมาล่า" ที่เปิดไม่ถึงครึ่งปี ต้องปรับเป็นบุฟเฟ่ต์แบบขาดทุน ก่อนปิดแบบไม่มีกำหนด กระแสโซเชียลฯ ต่างให้กำลังใจทางร้านและอุดหนุน ทำบางเมนูหมดลงไปแล้ว

    ปริศนาคลี่คลายเมื่อมีชาวเน็ตต่างเผยแพร่ข้อมูลว่า บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด ถูกธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ฟ้องต่อศาลแพ่งตลิ่งชัน คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.7325/2562 แล้วกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทรัพย์รวม 27 แปลง ราคาประเมิน 1,365,690,450 บาท โดยพบว่ามีบุคคลภายนอก (คาดว่ามาจากกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์) ประมูลมาได้ แต่ต่ำกว่าราคาประเมิน ส่วนห้างตั้งฮั่วเส็ง สาขาบางลำภู ก็ขายทอดตลาดไปแล้วเช่นกัน

    ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2505 ที่ย่านบางลำพู เดิมเป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย เครื่องสำอาง ผ้าแฟชั่น และอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ก่อนจะเปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ภายใต้การบริหารของนายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กระทั่งปี 2534 เปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี อาคารสูง 10 ชั้น ที่จอดรถมากกว่า 800 คัน ต่อมาในปี 2554 รีโนเวตโดยเปลี่ยนชื่อเป็น T-SQUARE

    ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัทฯ ขาดทุนทุกปี ส่งงบการเงินปีสุดท้าย 2564 มีรายได้รวม 409,744,106.37 บาท ขาดทุนสุทธิ 43,784,884.68 บาท ขณะที่ นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่นายมนัส รณกรกิจอนันต์ ลูกพี่ลูกน้องบริหารร่วมกับครอบครัวจุนประทีปทอง

    #Newskit #ตั้งฮั่วเส็ง #ปิดกิจการ
    การไฟฟ้าฯ จะตัดไฟ อำลาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี จากกระแสไวรัลบนโซเชียลฯ ถึงความเงียบเหงาของศูนย์การค้าฝั่งธนบุรี ท่ามกลางคำถามที่ว่าอนาคตจะไปทางไหน ในที่้สุดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร ย่านบางพลัด แจ้งกับร้านค้าเป็นการภายในเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ก.ย.) ว่าจำเป็นต้องปิดทำการห้างฯ อาคาร 12 ชั้น ซึ่งมีผลกระทบในพื้นที่ขายทั้งหมด เพราะได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง ขอยุติการจ่ายกระแสไฟฟ้าในวันอังคารที่ 10 ก.ย. 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป "ทางบริษัทฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไขและเจรจากับผู้ร่วมทุนใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ ทางห้างฯ จะเร่งกลับมาเปิดบริการในเร็วๆ นี้ และขออภัยในความไม่สะดวกกับเหตุการณ์ครั้งนี้" ประกาศฉบับดังกล่าว ระบุ บรรดาร้านค้าที่ทราบข่าวเตรียมทยอยขนของออกจากห้างฯ โดยเฉพาะร้านขายโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน กระทั่งได้รับจดหมายแจ้งว่าจะตัดไฟในวันอังคาร ต้องเก็บของย้ายออกจากห้างฯ มีผลกระทบมาก ส่วนร้านหมาล่าสายพาน "ฟุ่ยโหยว หมาล่า" ที่เปิดไม่ถึงครึ่งปี ต้องปรับเป็นบุฟเฟ่ต์แบบขาดทุน ก่อนปิดแบบไม่มีกำหนด กระแสโซเชียลฯ ต่างให้กำลังใจทางร้านและอุดหนุน ทำบางเมนูหมดลงไปแล้ว ปริศนาคลี่คลายเมื่อมีชาวเน็ตต่างเผยแพร่ข้อมูลว่า บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด ถูกธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ฟ้องต่อศาลแพ่งตลิ่งชัน คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.7325/2562 แล้วกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทรัพย์รวม 27 แปลง ราคาประเมิน 1,365,690,450 บาท โดยพบว่ามีบุคคลภายนอก (คาดว่ามาจากกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์) ประมูลมาได้ แต่ต่ำกว่าราคาประเมิน ส่วนห้างตั้งฮั่วเส็ง สาขาบางลำภู ก็ขายทอดตลาดไปแล้วเช่นกัน ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2505 ที่ย่านบางลำพู เดิมเป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย เครื่องสำอาง ผ้าแฟชั่น และอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ก่อนจะเปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ภายใต้การบริหารของนายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กระทั่งปี 2534 เปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี อาคารสูง 10 ชั้น ที่จอดรถมากกว่า 800 คัน ต่อมาในปี 2554 รีโนเวตโดยเปลี่ยนชื่อเป็น T-SQUARE ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัทฯ ขาดทุนทุกปี ส่งงบการเงินปีสุดท้าย 2564 มีรายได้รวม 409,744,106.37 บาท ขาดทุนสุทธิ 43,784,884.68 บาท ขณะที่ นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่นายมนัส รณกรกิจอนันต์ ลูกพี่ลูกน้องบริหารร่วมกับครอบครัวจุนประทีปทอง #Newskit #ตั้งฮั่วเส็ง #ปิดกิจการ
    Sad
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1161 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนจำกัดการส่งออก ‘แร่พลวง’
    วัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์
    ตอบโต้สหรัฐฯซึ่งห้ามส่งออก‘ชิป’ให้จีน
    .
    จีนคือประเทศที่จัดหาจัดส่งและดำเนินการผลิตพลวง (Antimony) รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยที่ธาตุที่มีหมายเลขอะตอม 51 และสัญลักษณ์คือ Sb (มาจากคำในภาษาลาตินว่า Stibium) นี้ถูกใช้ในการผลิตพวกขีปนาวุธอินฟราเรด, อาวุธนิวเคลียร์, และกล่องส่องกลางคืน, กระทั่งเซมิคอนดักเตอร์เจนเนอเรชั่นหน้า เวลานี้ปักกิ่งกำลังพยายามอาศัยฐานะครอบงำเหนือพลวง มาเป็นมาตรการอีกอย่างหนึ่งเพื่อตอบโต้เอาคืนการบีบคั้นของวอชิงตันที่มุ่งจำกัดกีดกั้นไม่ให้มีการจัดส่ง “ชิป” มายังประเทศจีน
    .
    ประเทศจีนกำลังจะควบคุมการส่งออกพลวง ด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคงแห่งชาติ นี่คือมาตรการล่าสุดจากแรงขับดันของปักกิ่งที่มุ่งจำกัดการส่งออกพวกสินค้าโลหะทางยุทธศาสตร์ ท่ามกลางสงครามการค้ากับฝ่ายตะวันตกที่กำลังขยายตัวบานปลายออกไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ มาตรการแบบนักกีดกันการค้าเช่นนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนเป็นต้นไป
    .
    นอกจากในอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว พลวงยังถูกใช้ในยุทโปกรณ์ทางการทหาร อย่างเช่น พวกขีปนาวุธอินฟราเรด, อาวุธนิวเคลียร์, และกล้องมองกลางคืน ตลอดจนเป็นสารทำให้พวกลูกปืนและรถถังมีความแข็งมากขึ้น
    .
    กระทรวงพาณิชย์ของจีน และสำนักงานบริหารทั่วไปด้านศุลกากรของจีน (General Administration of Customs) กล่าวในคำแถลง ที่ออกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม ว่า บริษัททั้งหลายจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลก่อนจึงจะสามารถส่งออก สินแร่พลวง, ออกไซด์และไฮไดรด์ของพลวง, สารประกอบ อินเดียม แอนติโมไนด์ (indium antimonides สารประกอบทำจากอินเดียมกับพลวง) สารประกอบ ออร์แกโน-แอนติโมนี, ตลอดจนเทคโนโลยีในการแยกทองคำ-พลวง
    .
    ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (US Geological Survey) จีนมีสินแร่สำรองพลวงอยู่ 640,000 ตัน คิดเป็นประมาณ 30% ของสินแร่ทั้งหมดที่มีอยูในโลก ติดตามมาด้วยรัสเซียที่มี 350,000 ตัน (16%), และโบลิเวีย 310,000 ตัน (14%) ในด้านของการผลิตและจัดส่ง ในปี 2566 จีนเป็นผู้ซัปพลายพลวงประมาณ 48% ของโลก ติดตามมาด้วยทาจิกิสถานที่ 25% และตุรกีที่ 7%
    .
    ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 จีนได้ประกาศใช้ระเบียบจำกัดควบคุมการส่งออกแร่แกลเลียม และแร่เจอร์มาเนียม แกลเลียมนั้นใช้ในการทำเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความซับซ้อน โดยบ่อยครั้งมักใช้เพื่อปรับปรุงยกระดับอัตราความเร็วและประสิทธิผลการรับส่งข้อมูลในระบบเรดาร์ ขณะที่เจอร์มาเนียมถูกใช้ในการผลิตกล้องส่องกลางคืน และในแผงโซลาร์เซลล์ซึ่งเป็นตัวให้พลังของดาวเทียม
    .
    ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ควบคุม ซัปพลายแกลเลียมประมาณ 80% ของโลก และเจอร์มาเนียมราว 60% ของโลก ทั้งนี้ ตามข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมยุโรปแห่งพันธมิตรวัตถุดิบสำคัญยิ่งยวด (European industry association Critical Raw Materials Alliance หรือ CRMA)
    .
    ย่อและเรียบเรียงจาก >> https://mgronline.com/around/detail/9670000077283
    .
    ภาพประกอบจาก https://www.britannica.com/science/stibnite
    จีนจำกัดการส่งออก ‘แร่พลวง’ วัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ ตอบโต้สหรัฐฯซึ่งห้ามส่งออก‘ชิป’ให้จีน . จีนคือประเทศที่จัดหาจัดส่งและดำเนินการผลิตพลวง (Antimony) รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยที่ธาตุที่มีหมายเลขอะตอม 51 และสัญลักษณ์คือ Sb (มาจากคำในภาษาลาตินว่า Stibium) นี้ถูกใช้ในการผลิตพวกขีปนาวุธอินฟราเรด, อาวุธนิวเคลียร์, และกล่องส่องกลางคืน, กระทั่งเซมิคอนดักเตอร์เจนเนอเรชั่นหน้า เวลานี้ปักกิ่งกำลังพยายามอาศัยฐานะครอบงำเหนือพลวง มาเป็นมาตรการอีกอย่างหนึ่งเพื่อตอบโต้เอาคืนการบีบคั้นของวอชิงตันที่มุ่งจำกัดกีดกั้นไม่ให้มีการจัดส่ง “ชิป” มายังประเทศจีน . ประเทศจีนกำลังจะควบคุมการส่งออกพลวง ด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคงแห่งชาติ นี่คือมาตรการล่าสุดจากแรงขับดันของปักกิ่งที่มุ่งจำกัดการส่งออกพวกสินค้าโลหะทางยุทธศาสตร์ ท่ามกลางสงครามการค้ากับฝ่ายตะวันตกที่กำลังขยายตัวบานปลายออกไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ มาตรการแบบนักกีดกันการค้าเช่นนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนเป็นต้นไป . นอกจากในอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว พลวงยังถูกใช้ในยุทโปกรณ์ทางการทหาร อย่างเช่น พวกขีปนาวุธอินฟราเรด, อาวุธนิวเคลียร์, และกล้องมองกลางคืน ตลอดจนเป็นสารทำให้พวกลูกปืนและรถถังมีความแข็งมากขึ้น . กระทรวงพาณิชย์ของจีน และสำนักงานบริหารทั่วไปด้านศุลกากรของจีน (General Administration of Customs) กล่าวในคำแถลง ที่ออกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม ว่า บริษัททั้งหลายจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลก่อนจึงจะสามารถส่งออก สินแร่พลวง, ออกไซด์และไฮไดรด์ของพลวง, สารประกอบ อินเดียม แอนติโมไนด์ (indium antimonides สารประกอบทำจากอินเดียมกับพลวง) สารประกอบ ออร์แกโน-แอนติโมนี, ตลอดจนเทคโนโลยีในการแยกทองคำ-พลวง . ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (US Geological Survey) จีนมีสินแร่สำรองพลวงอยู่ 640,000 ตัน คิดเป็นประมาณ 30% ของสินแร่ทั้งหมดที่มีอยูในโลก ติดตามมาด้วยรัสเซียที่มี 350,000 ตัน (16%), และโบลิเวีย 310,000 ตัน (14%) ในด้านของการผลิตและจัดส่ง ในปี 2566 จีนเป็นผู้ซัปพลายพลวงประมาณ 48% ของโลก ติดตามมาด้วยทาจิกิสถานที่ 25% และตุรกีที่ 7% . ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 จีนได้ประกาศใช้ระเบียบจำกัดควบคุมการส่งออกแร่แกลเลียม และแร่เจอร์มาเนียม แกลเลียมนั้นใช้ในการทำเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความซับซ้อน โดยบ่อยครั้งมักใช้เพื่อปรับปรุงยกระดับอัตราความเร็วและประสิทธิผลการรับส่งข้อมูลในระบบเรดาร์ ขณะที่เจอร์มาเนียมถูกใช้ในการผลิตกล้องส่องกลางคืน และในแผงโซลาร์เซลล์ซึ่งเป็นตัวให้พลังของดาวเทียม . ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ควบคุม ซัปพลายแกลเลียมประมาณ 80% ของโลก และเจอร์มาเนียมราว 60% ของโลก ทั้งนี้ ตามข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมยุโรปแห่งพันธมิตรวัตถุดิบสำคัญยิ่งยวด (European industry association Critical Raw Materials Alliance หรือ CRMA) . ย่อและเรียบเรียงจาก >> https://mgronline.com/around/detail/9670000077283 . ภาพประกอบจาก https://www.britannica.com/science/stibnite
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 746 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนยื่นฟ้องสหภาพยุโรป EU ต่อองค์การการค้าโลก ( WTO) กรณีEUเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 37.6% จ่อเป็นคดีสงครามการค้าใหญ่

    9 สิงหาคม 2567-รายงานสำนักข่าวซินหัวระบุว่า กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า จีนสงวนสิทธิ์ในการยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ในกรณีสหภาพยุโรป (EU)จะจัดเก็บภาษีชั่วคราวการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีน พบขาดทั้งข้อเท็จจริงและฐานทางกฎหมาย

    โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน นาย เฮ่อ หยาตง แถลงข่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำลายสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของอุตสาหกรรม EV ของจีนเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างจีนและยุโรปในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ และบิดเบือนอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกและห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงในสหภาพยุโรปด้วย

    การกระทำดังกล่าวถือเป็น “การคุ้มครองทางการค้าอย่างโจ่งแจ้ง” และสงสัยว่าเป็นการละเมิดกฎของ WTO และจีนจะใช้มาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทจีน

    จีนเรียกร้องให้สหภาพยุโรปแก้ไขการกระทำผิดโดยทันที ปฏิบัติตามฉันทามติที่สำคัญที่ได้มาจากการประชุมไตรภาคีจีน-ฝรั่งเศส-สหภาพยุโรปเมื่อเร็วๆ นี้ และแก้ไขความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้าผ่านการเจรจา

    ทั้งนี้เมื่อวันพุธที่7ส.ค. คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกแถลงการณ์เปิดเผยล่วงหน้าถึงระดับภาษีศุลกากรชั่วคราวที่คณะกรรมาธิการจะกำหนดต่อการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน

    การเก็บภาษีรถไฟฟ้าจีนเช่นรถไฟฟ้า SAICของจีนถึง 37.6%ถือเป็นอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ที่เพิ่มจากอัตรามาตรฐาน 10% ของสหภาพยุโรป

    สำหรับ SAIC หรือ Shanghai Automotive Industry Corporation เป็นเครือยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน โดยมีเจ้าของเป็นรัฐบาลจีน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 เป็น 1 ใน 4 แบรนด์ค่ายยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน โดยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วยแบรนด์ MG.

    ภาษีชั่วคราวระหว่าง 17.4% ถึง 37.6% ของคณะกรรมาธิการยุโรปที่ไม่มีการย้อนหลังนั้นออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นาง Ursula von der Leyen กล่าวว่ารถไฟฟ้าราคาถูกของจีนที่ผลิตขึ้นโดยได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรม ถือเป็นภัยคุกคาม

    ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดภาษีเพิ่มเติมชั่วคราวกับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ของจีนสูงถึง 37.6 เปอร์เซ็นต์ คณะกรรมาธิการอ้างว่าการตัดสินใจดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากการสืบสวนที่สรุปได้ว่าเงินอุดหนุนเป็นประโยชน์ต่อห่วงโซ่คุณค่า BEV ของจีน ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจต่อผู้ผลิตในสหภาพยุโรป

    การที่สหภาพยุโรปจัดเก็บภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าของจีนสูงถึง 37.6% ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสหภาพยุโรปและจีนรุนแรงขึ้นและก่อให้เกิดคดีการค้าครั้งใหญ่ที่สุด

    #Thaitimes
    จีนยื่นฟ้องสหภาพยุโรป EU ต่อองค์การการค้าโลก ( WTO) กรณีEUเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 37.6% จ่อเป็นคดีสงครามการค้าใหญ่ 9 สิงหาคม 2567-รายงานสำนักข่าวซินหัวระบุว่า กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า จีนสงวนสิทธิ์ในการยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ในกรณีสหภาพยุโรป (EU)จะจัดเก็บภาษีชั่วคราวการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีน พบขาดทั้งข้อเท็จจริงและฐานทางกฎหมาย โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน นาย เฮ่อ หยาตง แถลงข่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำลายสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของอุตสาหกรรม EV ของจีนเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างจีนและยุโรปในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ และบิดเบือนอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกและห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงในสหภาพยุโรปด้วย การกระทำดังกล่าวถือเป็น “การคุ้มครองทางการค้าอย่างโจ่งแจ้ง” และสงสัยว่าเป็นการละเมิดกฎของ WTO และจีนจะใช้มาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทจีน จีนเรียกร้องให้สหภาพยุโรปแก้ไขการกระทำผิดโดยทันที ปฏิบัติตามฉันทามติที่สำคัญที่ได้มาจากการประชุมไตรภาคีจีน-ฝรั่งเศส-สหภาพยุโรปเมื่อเร็วๆ นี้ และแก้ไขความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้าผ่านการเจรจา ทั้งนี้เมื่อวันพุธที่7ส.ค. คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกแถลงการณ์เปิดเผยล่วงหน้าถึงระดับภาษีศุลกากรชั่วคราวที่คณะกรรมาธิการจะกำหนดต่อการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน การเก็บภาษีรถไฟฟ้าจีนเช่นรถไฟฟ้า SAICของจีนถึง 37.6%ถือเป็นอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ที่เพิ่มจากอัตรามาตรฐาน 10% ของสหภาพยุโรป สำหรับ SAIC หรือ Shanghai Automotive Industry Corporation เป็นเครือยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน โดยมีเจ้าของเป็นรัฐบาลจีน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 เป็น 1 ใน 4 แบรนด์ค่ายยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน โดยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วยแบรนด์ MG. ภาษีชั่วคราวระหว่าง 17.4% ถึง 37.6% ของคณะกรรมาธิการยุโรปที่ไม่มีการย้อนหลังนั้นออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นาง Ursula von der Leyen กล่าวว่ารถไฟฟ้าราคาถูกของจีนที่ผลิตขึ้นโดยได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรม ถือเป็นภัยคุกคาม ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดภาษีเพิ่มเติมชั่วคราวกับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ของจีนสูงถึง 37.6 เปอร์เซ็นต์ คณะกรรมาธิการอ้างว่าการตัดสินใจดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากการสืบสวนที่สรุปได้ว่าเงินอุดหนุนเป็นประโยชน์ต่อห่วงโซ่คุณค่า BEV ของจีน ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจต่อผู้ผลิตในสหภาพยุโรป การที่สหภาพยุโรปจัดเก็บภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าของจีนสูงถึง 37.6% ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสหภาพยุโรปและจีนรุนแรงขึ้นและก่อให้เกิดคดีการค้าครั้งใหญ่ที่สุด #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 0 รีวิว