• ศธ.ล้มพิมพ์แบบเรียนปี 68 เหตุมีผู้ประมูลรายเดียว มั่นใจทันเปิดเทอมใหม่
    .
    ประเด็นปัญหาการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 ยังมีความคาราคาซังต่อเนื่อง ภายหลังสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ได้ประกาศยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงิน 1,016,914,750 บาทด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง แต่เมื่อถึงเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น
    .
    จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้กระทรวงศึกษาธิการเองไม่กล้าเดินหน้าต่อเพราะเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย จึงเลือกวิธีการให้ทบทวนและเริ่มต้นกระบวนการกันใหม่ โดยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่าองค์การค้าฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สอบถามไปยังกรมบัญชีกลาง ซึ่งก็พบว่า ไม่ได้เกิดจากข้อผิดพลาดของระบบ โดยได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ. รับทราบ ดังนั้น เพื่อไม่ให้มีข้อสงสัย รัฐมนตรีว่าการศธ. จึงสั่งให้ยกเลิกและประกาศยื่นประกวดราคาใหม่
    .
    “ทางกรมบัญชีกลางยืนยันว่า ไม่ได้มีความผิดพลาดที่ระบบ แต่ถึงแม้ว่าจะถูกกฎหมาย ก็ยังมีข้อสงสัย ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศธ.จึงให้ดำเนินการเปิดให้ยื่นประกวดราคาใหม่ เพราะหากมีรายเดียวก็ไม่เกิดการแข่งขัน ทางศธ.เอง ก็ไม่สบายใจ การดำเนินการทุกอย่างต้องทำให้โปร่งใส เรื่องนี้ ไม่ใช่ปัญหาขององค์การค้าฯ แต่เป็นระบบของกรมบัญชีกลาง ซึ่งบางอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้ ที่เป็นห่วงก็คือการจัดพิมพ์หนังสือเรียน ที่ต้องดำเนินการให้ทันเปิดเทอมในเดือนพฤษภาคมนี้”นายสุรศักดิ์ กล่าว
    .
    ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ที่มีนายอลงกต วรกี เป็นประธารน ได้มีการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีข้อร้องเรียนว่าใช้งบประมาณอย่างไม่เกิดประสิทธิภาพ และมีข้อร้องเรียนว่าการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส จนก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐ
    .
    ทั้งนี้ เบื้องต้นที่ประชุมได้มีมติรับทราบว่า การจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของ สกสค. ซึ่งใช้วิธีการคัดเลือก แทนการ ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ขัดต่อมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) ตามหนังสือกรมบัญชีกลางที่ตอบกลับโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.67 รวมทั้งรับทราบถึงอำนาจของ สตง.ในการตรวจสอบองค์การค้าของ สกสค. โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างประสานเข้าการตรวจสอบ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วเสร็จเป็นอำนาจของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) ในการเปิดเผยผลการตรวจสอบหรือไม่ต่อไป
    .
    ขณะเดียว ประธานกมธ.ยังได้สั่งการให้ กมธ.ส่งประเด็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สตง. และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินการต่อ ขณะที่ประเด็นที่การจัดซื้อจัดจ้างขัดต่อมาตรา 102-103 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ นั้นถือเป็นความผิดตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรมบัญชีกลาง จึงไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการทางศาลปกครอง ซึ่งทราบว่าทาง โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ได้ฟ้องต่อศาลปกครองไว้แล้ว
    ..............
    Sondhi X
    ศธ.ล้มพิมพ์แบบเรียนปี 68 เหตุมีผู้ประมูลรายเดียว มั่นใจทันเปิดเทอมใหม่ . ประเด็นปัญหาการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 ยังมีความคาราคาซังต่อเนื่อง ภายหลังสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ได้ประกาศยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงิน 1,016,914,750 บาทด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง แต่เมื่อถึงเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น . จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้กระทรวงศึกษาธิการเองไม่กล้าเดินหน้าต่อเพราะเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย จึงเลือกวิธีการให้ทบทวนและเริ่มต้นกระบวนการกันใหม่ โดยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่าองค์การค้าฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สอบถามไปยังกรมบัญชีกลาง ซึ่งก็พบว่า ไม่ได้เกิดจากข้อผิดพลาดของระบบ โดยได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ. รับทราบ ดังนั้น เพื่อไม่ให้มีข้อสงสัย รัฐมนตรีว่าการศธ. จึงสั่งให้ยกเลิกและประกาศยื่นประกวดราคาใหม่ . “ทางกรมบัญชีกลางยืนยันว่า ไม่ได้มีความผิดพลาดที่ระบบ แต่ถึงแม้ว่าจะถูกกฎหมาย ก็ยังมีข้อสงสัย ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศธ.จึงให้ดำเนินการเปิดให้ยื่นประกวดราคาใหม่ เพราะหากมีรายเดียวก็ไม่เกิดการแข่งขัน ทางศธ.เอง ก็ไม่สบายใจ การดำเนินการทุกอย่างต้องทำให้โปร่งใส เรื่องนี้ ไม่ใช่ปัญหาขององค์การค้าฯ แต่เป็นระบบของกรมบัญชีกลาง ซึ่งบางอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้ ที่เป็นห่วงก็คือการจัดพิมพ์หนังสือเรียน ที่ต้องดำเนินการให้ทันเปิดเทอมในเดือนพฤษภาคมนี้”นายสุรศักดิ์ กล่าว . ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ที่มีนายอลงกต วรกี เป็นประธารน ได้มีการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีข้อร้องเรียนว่าใช้งบประมาณอย่างไม่เกิดประสิทธิภาพ และมีข้อร้องเรียนว่าการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส จนก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐ . ทั้งนี้ เบื้องต้นที่ประชุมได้มีมติรับทราบว่า การจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของ สกสค. ซึ่งใช้วิธีการคัดเลือก แทนการ ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ขัดต่อมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) ตามหนังสือกรมบัญชีกลางที่ตอบกลับโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.67 รวมทั้งรับทราบถึงอำนาจของ สตง.ในการตรวจสอบองค์การค้าของ สกสค. โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างประสานเข้าการตรวจสอบ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วเสร็จเป็นอำนาจของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) ในการเปิดเผยผลการตรวจสอบหรือไม่ต่อไป . ขณะเดียว ประธานกมธ.ยังได้สั่งการให้ กมธ.ส่งประเด็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สตง. และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินการต่อ ขณะที่ประเด็นที่การจัดซื้อจัดจ้างขัดต่อมาตรา 102-103 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ นั้นถือเป็นความผิดตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรมบัญชีกลาง จึงไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการทางศาลปกครอง ซึ่งทราบว่าทาง โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ได้ฟ้องต่อศาลปกครองไว้แล้ว .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิลึก! ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 มีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว
    สกสค.ถูกฟ้องกีดกัน-ล็อกสเปก
    .
    ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯกว่า 1 พันล้านบ.ของ “องค์การของ สกสค.” ส่อล่ม หลังมีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว คาดต้องยกเลิกประกวดราคา ”พัฒนะ“ ยังมั่นใจเสร็จทันเปิดเทอม เผยมีคดีโดนฟ้องที่ศาล ปค.ฐานกีดกัน-ล็อกสเปก
    .
    รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า วันนี้ (28 ม.ค.68) มีการยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินกว่า 1 พันล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
    .
    โดย นายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เปิดเผยถึงการจัดพิมพ์แบบเรียนในปีการศึกษา 2568 ว่า กระบวนการสรรหาบริษัทที่จะเข้ามารับจ้างงานพิมพ์แบบเรียนปี 2568
    เปิดกว้างทุกสำนักพิมพ์ที่มีความพร้อม โดยในปีนี้ค้าดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ e–bidding ซึ่งทุกขั้นตอนมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
    .
    “คาดว่ากระบวนการสรรหาผู้รับจ้างพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการพิมพ์แบบเรียนทันที และจัดส่งแบบเรียนได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.หรือประมาณต้นเดือน พ.ค.” นายพัฒนะ ระบุ
    .
    นายพัฒนะ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 นี้ จะสามารถจัดส่งแบบเรียนให้ถึงโรงเรียนก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 แม้ว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ จะ
    มีแนวทางที่จะขยับการเปิดและปิดภาคเรียนใหม่ จากเดิมเปิดภาคเรียนวันที่ 16 พ.ค.จะขยับเป็นวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็น และการประชุมร่วมกับสถานศึกษาสังกัดอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะมีการขยับเปิดและปิดภาคเรียนตามหรือไม่ องค์การค้าของ สกสค.ขอยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องกระบวนการจัดพิมพ์แบบเรียนและการจัดส่งแบบเรียนอย่างแน่นอน
    .
    “การขยับการเปิดภาคเรียนใหม่ยังต้องดำเนินการอีกหลายส่วน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ฉบับที่จะต้องปรับแก้ เพราะเกี่ยวข้องกับการนับอายุเด็กตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ที่เด็กจะเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับได้ต้องมีอายุครบ 3 ปีในวันที่ 16 พ.ค. รวมถึงเกณฑ์การเบิกจ่ายรายหัว ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่ข้อดีก็คือจะสะดวกต่อการบริหารงบประมาณและอัตรากำลังงานด้านบุคคลได้ลงตัว ทั้งนี้จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง” นายพัฒนะ กล่าว
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค. โดย กรมบัญชีกลาง ได้สรุปข้อมูลการเสนอราคาเบื้องต้น ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระบุว่า หากมีผู้ยื่นเสนอราคารายเดียว และคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น ให้เสนอหัวหน้าหน่วยงานโดยไม่ต้องพิจารณาในเสนอราคาและเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น หรือหากคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรดำเนินการต่อ ก็ต้องลงลายมือชื่อกำกับในเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีบริษัทเอกชนยื่นฟ้องคณะกรรมการ สกสค.และพวก ต่อ ศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค.ว่า อาจเข้าข่ายกีดกัน และล็อกสเปก เป็นคดีดำที่ 27/2568 โดยเบื้องต้นศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งทุเลาโครงการตามที่เอกชนยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวไป.
    ............
    Sondhi X
    พิลึก! ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 มีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว สกสค.ถูกฟ้องกีดกัน-ล็อกสเปก . ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯกว่า 1 พันล้านบ.ของ “องค์การของ สกสค.” ส่อล่ม หลังมีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว คาดต้องยกเลิกประกวดราคา ”พัฒนะ“ ยังมั่นใจเสร็จทันเปิดเทอม เผยมีคดีโดนฟ้องที่ศาล ปค.ฐานกีดกัน-ล็อกสเปก . รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า วันนี้ (28 ม.ค.68) มีการยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินกว่า 1 พันล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) . โดย นายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เปิดเผยถึงการจัดพิมพ์แบบเรียนในปีการศึกษา 2568 ว่า กระบวนการสรรหาบริษัทที่จะเข้ามารับจ้างงานพิมพ์แบบเรียนปี 2568 เปิดกว้างทุกสำนักพิมพ์ที่มีความพร้อม โดยในปีนี้ค้าดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ e–bidding ซึ่งทุกขั้นตอนมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ . “คาดว่ากระบวนการสรรหาผู้รับจ้างพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการพิมพ์แบบเรียนทันที และจัดส่งแบบเรียนได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.หรือประมาณต้นเดือน พ.ค.” นายพัฒนะ ระบุ . นายพัฒนะ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 นี้ จะสามารถจัดส่งแบบเรียนให้ถึงโรงเรียนก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 แม้ว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ จะ มีแนวทางที่จะขยับการเปิดและปิดภาคเรียนใหม่ จากเดิมเปิดภาคเรียนวันที่ 16 พ.ค.จะขยับเป็นวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็น และการประชุมร่วมกับสถานศึกษาสังกัดอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะมีการขยับเปิดและปิดภาคเรียนตามหรือไม่ องค์การค้าของ สกสค.ขอยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องกระบวนการจัดพิมพ์แบบเรียนและการจัดส่งแบบเรียนอย่างแน่นอน . “การขยับการเปิดภาคเรียนใหม่ยังต้องดำเนินการอีกหลายส่วน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ฉบับที่จะต้องปรับแก้ เพราะเกี่ยวข้องกับการนับอายุเด็กตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ที่เด็กจะเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับได้ต้องมีอายุครบ 3 ปีในวันที่ 16 พ.ค. รวมถึงเกณฑ์การเบิกจ่ายรายหัว ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่ข้อดีก็คือจะสะดวกต่อการบริหารงบประมาณและอัตรากำลังงานด้านบุคคลได้ลงตัว ทั้งนี้จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง” นายพัฒนะ กล่าว . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค. โดย กรมบัญชีกลาง ได้สรุปข้อมูลการเสนอราคาเบื้องต้น ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระบุว่า หากมีผู้ยื่นเสนอราคารายเดียว และคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น ให้เสนอหัวหน้าหน่วยงานโดยไม่ต้องพิจารณาในเสนอราคาและเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น หรือหากคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรดำเนินการต่อ ก็ต้องลงลายมือชื่อกำกับในเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น . ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีบริษัทเอกชนยื่นฟ้องคณะกรรมการ สกสค.และพวก ต่อ ศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค.ว่า อาจเข้าข่ายกีดกัน และล็อกสเปก เป็นคดีดำที่ 27/2568 โดยเบื้องต้นศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งทุเลาโครงการตามที่เอกชนยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวไป. ............ Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    12
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 712 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนคนเกษียณระวังหมดตัวจากข้อมูลกรมบัญชีกลาง 23,089 รายชื่อหลุดรั่ว
    .
    ข้าราชการเกษียณอายุ ระวังตัวให้ดีๆ เพราะว่าข้อมูลกรมบัญชีกลางหลุดออกไปเยอะเลย โดนแฮก หรือโดนคนภายในเอาไปขายให้กับพวกคอลเซ็นเตอร์
    .
    เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ตำรวจสอบสวนภูธรภาค 2 มี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 หรือที่เขาเรียกว่า ผู้การสืบภาค 2 ขนลูกน้องไปทำลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง แห่งหนึ่งที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอบุกเข้าไปในบ้านก็ได้จับผู้ต้องหาเป็นผู้ชายไทยได้ 4 คน ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 10 เครื่อง พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก
    .
    ไฮไลต์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจสืบภาค 2 จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทาแล้ว ประเด็นสำคัญคือหลักฐานที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจพบ มันเป็นไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกว่า 23,089 รายชื่อ ที่เป็นชื่อของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วทั้งหมด บันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ของกลางทุกเครื่อง
    .
    ในแต่ละรายชื่อประกอบด้วย ชื่อจริง นามสกุลจริง ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลธนาคาร เลขบัญชีที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีรับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้อที่สำคัญคือ ข้อมูลสถานพยาบาล สิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ ของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้ว มันหลุดไปได้อย่างไรคุณแพทริเซีย อธิบดีกรมบัญชีกลางครับ ตอบผมหน่อย
    .
    ทีมงานผมไปสืบ วิเคราะห์เจาะลึกมาแล้ว ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2565 หรือสองปีมาแล้ว กรมบัญชีกลางจ้าง Outsource หรือคนนอกมาปรับปรุงระบบระบบฐานข้อมูลต่างๆ ท่านผู้ชมฟังแล้วอึ้งไหม ที่น่าตกใจคือกรมบัญชีกลางจ้างบริษัทไอที จ้างโปรแกรมเมอร์ที่ไหนเข้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน ที่กำกับดูแลการเงินภาครัฐที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก และควรเป็นความลับสุดยอดระดับ Restricted Confidential หรือ Highly Confidential คือเป็นข้อมูลที่ลับมาก
    .
    สำหรับเรื่องข้อมูลข้าราชการเกษียณจำนวน 23,000 กว่ารายชื่อจากกรมบัญชีกลาง หลุดรอดไปถึงแก๊งจีนเทาครั้งนี้ ผมขออนุญาตขยายความได้ไหม ประเด็นความเสียหายนี้สันนิษฐานเกิดได้หลายกรณี คือ (1) เกลือเป็นหนอน เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่ดูแลในส่วนนี้ นำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (2) เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่รู้เห็นเป็นใจกับคนนอก ที่เข้ามาดูแลพัฒนาระบบ เปิดทางให้ข้อมูลรั่วไหลไปสู่บรรดามิจฉาชีพ (3) เลินเล่อ (4) ระบบโดนแฮก
    .
    ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมันสันนิษฐานได้ทุกมิติ เพราะวันนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่คุณแพทริเซีย มงคลวนิช ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าราชการรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่เกษียณอายุ ต้องตกเป็นเหยื่อทั้งหมดจากความหละหลวมของกรมบัญชีกลางนั้น คุณแพทริเซียจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ต้องมาทนทุกข์กับปัญหาที่เขาไม่ได้ก่อ บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว เงินที่สะสมจากการทำงานมาชั่วชีวิตต้องสูญหายไปเป็นหลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง บางคนต้องเก็บเรื่องเงียบไว้คนเดียว เพราะว่าอายชาวบ้าน หรือกลัวถูกลูกหลานตำหนิ ด่าทอ ปัญหาทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากกรมบัญชีกลาง ใช่หรือเปล่า
    .
    ฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ปัญหาพวกนี้น้อยลง หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ต้องรับโทษทางอาญา หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องแพ่ง ชดใช้เยียวยาความเสียหายของเหยื่อ ต้องรับผิดชอบที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ส่วนกลางทาง และปลายทางนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจเขาทำกันอยู่แล้ว คือกวาดล้างและจับกุม
    .
    คุณแพทริเซียครับ ผมอยากจะฝากไว้ด้วยว่า ผมจะจับตาดูเรื่องนี้อยู่ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามสายลมอย่างแน่นอน
    เตือนคนเกษียณระวังหมดตัวจากข้อมูลกรมบัญชีกลาง 23,089 รายชื่อหลุดรั่ว . ข้าราชการเกษียณอายุ ระวังตัวให้ดีๆ เพราะว่าข้อมูลกรมบัญชีกลางหลุดออกไปเยอะเลย โดนแฮก หรือโดนคนภายในเอาไปขายให้กับพวกคอลเซ็นเตอร์ . เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ตำรวจสอบสวนภูธรภาค 2 มี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 หรือที่เขาเรียกว่า ผู้การสืบภาค 2 ขนลูกน้องไปทำลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง แห่งหนึ่งที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอบุกเข้าไปในบ้านก็ได้จับผู้ต้องหาเป็นผู้ชายไทยได้ 4 คน ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 10 เครื่อง พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก . ไฮไลต์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจสืบภาค 2 จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทาแล้ว ประเด็นสำคัญคือหลักฐานที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจพบ มันเป็นไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกว่า 23,089 รายชื่อ ที่เป็นชื่อของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วทั้งหมด บันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ของกลางทุกเครื่อง . ในแต่ละรายชื่อประกอบด้วย ชื่อจริง นามสกุลจริง ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลธนาคาร เลขบัญชีที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีรับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้อที่สำคัญคือ ข้อมูลสถานพยาบาล สิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ ของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้ว มันหลุดไปได้อย่างไรคุณแพทริเซีย อธิบดีกรมบัญชีกลางครับ ตอบผมหน่อย . ทีมงานผมไปสืบ วิเคราะห์เจาะลึกมาแล้ว ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2565 หรือสองปีมาแล้ว กรมบัญชีกลางจ้าง Outsource หรือคนนอกมาปรับปรุงระบบระบบฐานข้อมูลต่างๆ ท่านผู้ชมฟังแล้วอึ้งไหม ที่น่าตกใจคือกรมบัญชีกลางจ้างบริษัทไอที จ้างโปรแกรมเมอร์ที่ไหนเข้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน ที่กำกับดูแลการเงินภาครัฐที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก และควรเป็นความลับสุดยอดระดับ Restricted Confidential หรือ Highly Confidential คือเป็นข้อมูลที่ลับมาก . สำหรับเรื่องข้อมูลข้าราชการเกษียณจำนวน 23,000 กว่ารายชื่อจากกรมบัญชีกลาง หลุดรอดไปถึงแก๊งจีนเทาครั้งนี้ ผมขออนุญาตขยายความได้ไหม ประเด็นความเสียหายนี้สันนิษฐานเกิดได้หลายกรณี คือ (1) เกลือเป็นหนอน เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่ดูแลในส่วนนี้ นำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (2) เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่รู้เห็นเป็นใจกับคนนอก ที่เข้ามาดูแลพัฒนาระบบ เปิดทางให้ข้อมูลรั่วไหลไปสู่บรรดามิจฉาชีพ (3) เลินเล่อ (4) ระบบโดนแฮก . ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมันสันนิษฐานได้ทุกมิติ เพราะวันนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่คุณแพทริเซีย มงคลวนิช ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าราชการรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่เกษียณอายุ ต้องตกเป็นเหยื่อทั้งหมดจากความหละหลวมของกรมบัญชีกลางนั้น คุณแพทริเซียจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ต้องมาทนทุกข์กับปัญหาที่เขาไม่ได้ก่อ บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว เงินที่สะสมจากการทำงานมาชั่วชีวิตต้องสูญหายไปเป็นหลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง บางคนต้องเก็บเรื่องเงียบไว้คนเดียว เพราะว่าอายชาวบ้าน หรือกลัวถูกลูกหลานตำหนิ ด่าทอ ปัญหาทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากกรมบัญชีกลาง ใช่หรือเปล่า . ฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ปัญหาพวกนี้น้อยลง หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ต้องรับโทษทางอาญา หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องแพ่ง ชดใช้เยียวยาความเสียหายของเหยื่อ ต้องรับผิดชอบที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ส่วนกลางทาง และปลายทางนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจเขาทำกันอยู่แล้ว คือกวาดล้างและจับกุม . คุณแพทริเซียครับ ผมอยากจะฝากไว้ด้วยว่า ผมจะจับตาดูเรื่องนี้อยู่ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามสายลมอย่างแน่นอน
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1057 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมบัญชีกลางรั่ว แก๊งคอลฯอาละวาด

    งามหน้ากรมบัญชีกลาง
    ทำข้อมูลหลุดใส่มือแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    #sondhitalk #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #กรมบัญชีกลาง #ข้อมูลรั่ว #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    กรมบัญชีกลางรั่ว แก๊งคอลฯอาละวาด งามหน้ากรมบัญชีกลาง ทำข้อมูลหลุดใส่มือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #sondhitalk #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #กรมบัญชีกลาง #ข้อมูลรั่ว #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    74
    4 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 5832 มุมมอง 2975 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 262 : นายกอุ๊งอิ๊ง...โปรดฟังอีกครั้ง! - 041067 (Full)

    - น้ำท่วมเชียงราย รวมพลคนหิวแสง
    - กรมบัญชีกลาง ข้อมูลหลุด อื้อ
    - จากสนธิ ถึงนายกฯอุ๊งอิ๊ง

    #sondhitalk #sondhix #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิทอล์ค #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง #สนธิลิ้มทองกุล #น้ำท่วมเชียงราย #ผู้ว่าชัชชาติ #นายกอุ๊งอิ๊ง #แก๊งคอลฯเซ้นเตอร์ #กรมบัญชีกลาง
    Sondhitalk EP 262 : นายกอุ๊งอิ๊ง...โปรดฟังอีกครั้ง! - 041067 (Full) - น้ำท่วมเชียงราย รวมพลคนหิวแสง - กรมบัญชีกลาง ข้อมูลหลุด อื้อ - จากสนธิ ถึงนายกฯอุ๊งอิ๊ง #sondhitalk #sondhix #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิทอล์ค #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง #สนธิลิ้มทองกุล #น้ำท่วมเชียงราย #ผู้ว่าชัชชาติ #นายกอุ๊งอิ๊ง #แก๊งคอลฯเซ้นเตอร์ #กรมบัญชีกลาง
    Like
    Love
    Wow
    Sad
    Angry
    90
    6 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 6979 มุมมอง 2644 4 รีวิว
  • โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด เดือน ส.ค.2567 ได้รับสิทธิอะไรบ้าง

    2 สิงหาคม 2567-นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนส.ค.2567 จะได้รับสิทธิ ดังนี้

    วันที่ 1 ส.ค. 2567
    (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
    - วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน
    (สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตน 27 มิ.ย. - 26 ก.ค. 67 และเริ่มใช้สิทธิได้ 1 ส.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง)
    - วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ก.ค. - ก.ย. 67)
    - วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน (ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ)

    วันที่ 20 ส.ค. 2567
    - เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน
    สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือนที่ยืนยันตัวตน 27 มิ.ย. - 26 ก.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท)

    กรมบัญชีกลางขอรายงานผลการจ่ายเงินสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ก.ค. 2567 ดังนี้
    1. สวัสดิการที่ให้เป็นวงเงิน (บัตรประจำตัวประชาชน)
    1.1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จำนวนเงิน 3,950.87 ล้านบาท
    1.2 วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จำนวนเงิน 221.13 ล้านบาท
    1.3 วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวนเงิน137.45 ล้านบาท
    รวม จำนวนเงิน4,309.45 ล้านบาท
    2. สวัสดิการที่ให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ (บัตรประจำตัวประชาชน)
    2.1 มาตรการเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 63 จำนวนเงิน 262.30 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 262.30 ล้านบาท
    3. สวัสดิการที่จ่ายตรงผู้ให้บริการ
    3.1 มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า จำนวนเงิน 183.99 ล้านบาท
    3.2 มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา จำนวนเงิน 23.80 ล้านบาท
    รวมจำนวนเงิน จำนวนเงิน 207.79 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 4,779.54 ล้านบาท

    #Thaitimes
    โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด เดือน ส.ค.2567 ได้รับสิทธิอะไรบ้าง 2 สิงหาคม 2567-นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนส.ค.2567 จะได้รับสิทธิ ดังนี้ วันที่ 1 ส.ค. 2567 (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป) - วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน (สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตน 27 มิ.ย. - 26 ก.ค. 67 และเริ่มใช้สิทธิได้ 1 ส.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง) - วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ก.ค. - ก.ย. 67) - วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน (ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ) วันที่ 20 ส.ค. 2567 - เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือนที่ยืนยันตัวตน 27 มิ.ย. - 26 ก.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท) กรมบัญชีกลางขอรายงานผลการจ่ายเงินสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ก.ค. 2567 ดังนี้ 1. สวัสดิการที่ให้เป็นวงเงิน (บัตรประจำตัวประชาชน) 1.1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จำนวนเงิน 3,950.87 ล้านบาท 1.2 วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จำนวนเงิน 221.13 ล้านบาท 1.3 วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวนเงิน137.45 ล้านบาท รวม จำนวนเงิน4,309.45 ล้านบาท 2. สวัสดิการที่ให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ (บัตรประจำตัวประชาชน) 2.1 มาตรการเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 63 จำนวนเงิน 262.30 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 262.30 ล้านบาท 3. สวัสดิการที่จ่ายตรงผู้ให้บริการ 3.1 มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า จำนวนเงิน 183.99 ล้านบาท 3.2 มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา จำนวนเงิน 23.80 ล้านบาท รวมจำนวนเงิน จำนวนเงิน 207.79 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 4,779.54 ล้านบาท #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 578 มุมมอง 0 รีวิว