• เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5
    ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น

    นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่:
    ✅ ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป
    ✅ สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว
    ✅ ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility
    ✅ ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick
    ✅ แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4
    ✅ การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป
    ✅ แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ
    ✅ ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก
    ✅ กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว
    ✅ การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง

    ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5
    ✅ Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง
    ✅ แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ
    ✅ Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก

    ‼️ ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    ‼️ ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป

    โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย

    https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5 ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่: ✅ ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป ✅ สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว ✅ ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility ✅ ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick ✅ แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4 ✅ การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป ✅ แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ ✅ ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก ✅ กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว ✅ การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5 ✅ Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง ✅ แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ ✅ Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก ‼️ ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ‼️ ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    WWW.NEOWIN.NET
    KDE brings Wayland PiP to Plasma 6.5, adds finishing touches to 6.4 as release nears
    In the latest "This Week in Plasma", the KDE team outlined key updates coming to Plasma 6.4 and 6.5, including critical bug fixes and new features like Wayland Picture-in-Picture.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ข่าวล่าสุดเผยว่า มีแอป VPN ฟรีกว่า 17 รายการใน App Store ของ Apple และ Google Play Store ที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน โดยบางแอปอาจมีความเชื่อมโยงกับบริษัท Qihoo 360 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีสายสัมพันธ์กับกองทัพจีน เรื่องนี้ถูกค้นพบโดย Tech Transparency Project (TTP) ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า Apple และ Google อาจได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากแอปเหล่านี้ ด้วย

    ✅ VPN ฟรีที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน
    - แอป VPN ฟรีอย่าง Turbo VPN, VPN Proxy Master, Thunder VPN, Snap VPN และ Signal Secure VPN มีสายสัมพันธ์กับ Qihoo 360 ซึ่งถูกลงโทษโดยสหรัฐฯ ในปี 2020
    - ยังพบว่า อีก 11 แอป VPN ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีนยังคงมีอยู่ใน App Store ของสหรัฐฯ ได้แก่ X-VPN, Ostrich VPN, VPNIFY, VPN Proxy OvpnSpider และอื่นๆ
    - Google Play Store ก็มีแอปที่เกี่ยวข้องกับจีนเช่นกัน รวมถึง Turbo VPN, VPN Proxy Master, Snap VPN และ Signal Secure VPN

    ✅ Apple และ Google อาจได้รับรายได้จากแอปเหล่านี้
    - แอป VPN บางตัวใน App Store มีการขาย การสมัครสมาชิกและบริการเพิ่มเติมในแอป ซึ่งหมายความว่า Apple และ Google อาจได้รับส่วนแบ่งรายได้
    - แอปบางตัวใน Google Play Store มีโฆษณา เช่น Turbo VPN

    ✅ ไม่มีการตอบกลับจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง
    - Apple ระบุว่ามีแนวทางเข้มงวดเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในแอป VPN
    - อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้จำกัดการแจกจ่ายแอปตามประเทศของผู้ให้บริการ
    - Qihoo 360 และนักพัฒนาแอป VPN ที่ถูกกล่าวถึงไม่ได้ตอบกลับข้อเรียกร้องของ TTP

    🚨 ข้อมูลเพิ่มเติมและคำเตือน
    ‼️ ความเสี่ยงของผู้ใช้ VPN ฟรี
    - VPN ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนดให้เก็บข้อมูล และอาจต้องแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีน
    - แม้ว่า VPN จะถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่หากมีเจ้าของที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลต่างประเทศ อาจเกิดความเสี่ยงต่อข้อมูลส่วนบุคคล
    - VPN ฟรีบางตัวอาจมีโฆษณาหรือฟีเจอร์ที่ซ่อนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    ‼️ แนวทางในการเลือกใช้ VPN ที่ปลอดภัย
    - ควรเลือกใช้ VPN ที่มีนโยบาย "ไม่บันทึกข้อมูล" (No-Log Policy) และมีบริษัทที่สามารถตรวจสอบประวัติความน่าเชื่อถือได้
    - VPN ที่ได้รับการแนะนำว่าปลอดภัย ได้แก่ Privado VPN และ Proton VPN ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่มีความโปร่งใส
    - หลีกเลี่ยงแอป VPN ฟรีที่ไม่เปิดเผยข้อมูลบริษัทผู้ให้บริการ

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/these-free-vpns-may-have-ties-to-chinas-military-and-they-are-still-hidden-in-apple-and-google-app-stores
    ข่าวล่าสุดเผยว่า มีแอป VPN ฟรีกว่า 17 รายการใน App Store ของ Apple และ Google Play Store ที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน โดยบางแอปอาจมีความเชื่อมโยงกับบริษัท Qihoo 360 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีสายสัมพันธ์กับกองทัพจีน เรื่องนี้ถูกค้นพบโดย Tech Transparency Project (TTP) ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า Apple และ Google อาจได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากแอปเหล่านี้ ด้วย ✅ VPN ฟรีที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน - แอป VPN ฟรีอย่าง Turbo VPN, VPN Proxy Master, Thunder VPN, Snap VPN และ Signal Secure VPN มีสายสัมพันธ์กับ Qihoo 360 ซึ่งถูกลงโทษโดยสหรัฐฯ ในปี 2020 - ยังพบว่า อีก 11 แอป VPN ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีนยังคงมีอยู่ใน App Store ของสหรัฐฯ ได้แก่ X-VPN, Ostrich VPN, VPNIFY, VPN Proxy OvpnSpider และอื่นๆ - Google Play Store ก็มีแอปที่เกี่ยวข้องกับจีนเช่นกัน รวมถึง Turbo VPN, VPN Proxy Master, Snap VPN และ Signal Secure VPN ✅ Apple และ Google อาจได้รับรายได้จากแอปเหล่านี้ - แอป VPN บางตัวใน App Store มีการขาย การสมัครสมาชิกและบริการเพิ่มเติมในแอป ซึ่งหมายความว่า Apple และ Google อาจได้รับส่วนแบ่งรายได้ - แอปบางตัวใน Google Play Store มีโฆษณา เช่น Turbo VPN ✅ ไม่มีการตอบกลับจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง - Apple ระบุว่ามีแนวทางเข้มงวดเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในแอป VPN - อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้จำกัดการแจกจ่ายแอปตามประเทศของผู้ให้บริการ - Qihoo 360 และนักพัฒนาแอป VPN ที่ถูกกล่าวถึงไม่ได้ตอบกลับข้อเรียกร้องของ TTP 🚨 ข้อมูลเพิ่มเติมและคำเตือน ‼️ ความเสี่ยงของผู้ใช้ VPN ฟรี - VPN ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนดให้เก็บข้อมูล และอาจต้องแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีน - แม้ว่า VPN จะถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่หากมีเจ้าของที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลต่างประเทศ อาจเกิดความเสี่ยงต่อข้อมูลส่วนบุคคล - VPN ฟรีบางตัวอาจมีโฆษณาหรือฟีเจอร์ที่ซ่อนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ‼️ แนวทางในการเลือกใช้ VPN ที่ปลอดภัย - ควรเลือกใช้ VPN ที่มีนโยบาย "ไม่บันทึกข้อมูล" (No-Log Policy) และมีบริษัทที่สามารถตรวจสอบประวัติความน่าเชื่อถือได้ - VPN ที่ได้รับการแนะนำว่าปลอดภัย ได้แก่ Privado VPN และ Proton VPN ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่มีความโปร่งใส - หลีกเลี่ยงแอป VPN ฟรีที่ไม่เปิดเผยข้อมูลบริษัทผู้ให้บริการ https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/these-free-vpns-may-have-ties-to-chinas-military-and-they-are-still-hidden-in-apple-and-google-app-stores
    WWW.TECHRADAR.COM
    These free VPNs may have ties to China’s military – and they are still hidden in Apple and Google app stores
    New research reveals 17 VPN apps with undisclosed Chinese ownership, and big tech may be making a profit
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • 🔍 Microsoft เปิดตัว Copilot Vision บน Windows เพิ่มความสามารถ AI ในการดูหน้าจอ
    Microsoft ได้เปิดตัว Copilot Vision with Highlights ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดูหน้าจอของผู้ใช้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมแบบเรียลไทม์ โดยฟีเจอร์นี้ ทำงานร่วมกับสองแอปพร้อมกัน และช่วยให้ ผู้ใช้สามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอปต่าง ๆ ได้

    Microsoft ระบุว่า Copilot Vision ทำหน้าที่เป็น "ดวงตาชุดที่สอง" โดยสามารถ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจวิธีการทำงานของแอปพลิเคชัน เช่น การตัดต่อวิดีโอใน Clipchamp หรือการลบวัตถุในแอป Photos

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Copilot Vision with Highlights ช่วยให้ AI สามารถดูหน้าจอและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแบบเรียลไทม์
    - สามารถทำงานร่วมกับสองแอปพร้อมกัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทำงานต่อเนื่องได้ง่ายขึ้น
    - ผู้ใช้สามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอป เช่น Clipchamp และ Photos
    - สามารถเปิดใช้งานได้โดยคลิกที่ไอคอนแว่นตาในแอป Copilot และเลือกแอปที่ต้องการแชร์
    - ฟีเจอร์นี้เป็นแบบ opt-in เท่านั้น และจะไม่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ

    ⚠️ ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว
    หลังจากเหตุการณ์ Recall fiasco ในปี 2024 Microsoft ใช้แนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้นในการเปิดตัวฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Copilot Vision เป็นฟีเจอร์ที่ต้องเปิดใช้งานเอง และจะไม่ทำงานโดยอัตโนมัติ
    - Microsoft กำลังเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนาคต
    - ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับฟีเจอร์นี้อย่างไร โดยเฉพาะในยุโรปที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวเข้มงวด

    https://www.neowin.net/news/microsoft-launches-copilot-vision-on-windows-allowing-ai-to-see-what-is-on-your-screen/
    🔍 Microsoft เปิดตัว Copilot Vision บน Windows เพิ่มความสามารถ AI ในการดูหน้าจอ Microsoft ได้เปิดตัว Copilot Vision with Highlights ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดูหน้าจอของผู้ใช้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมแบบเรียลไทม์ โดยฟีเจอร์นี้ ทำงานร่วมกับสองแอปพร้อมกัน และช่วยให้ ผู้ใช้สามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอปต่าง ๆ ได้ Microsoft ระบุว่า Copilot Vision ทำหน้าที่เป็น "ดวงตาชุดที่สอง" โดยสามารถ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจวิธีการทำงานของแอปพลิเคชัน เช่น การตัดต่อวิดีโอใน Clipchamp หรือการลบวัตถุในแอป Photos ✅ ข้อมูลจากข่าว - Copilot Vision with Highlights ช่วยให้ AI สามารถดูหน้าจอและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแบบเรียลไทม์ - สามารถทำงานร่วมกับสองแอปพร้อมกัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทำงานต่อเนื่องได้ง่ายขึ้น - ผู้ใช้สามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอป เช่น Clipchamp และ Photos - สามารถเปิดใช้งานได้โดยคลิกที่ไอคอนแว่นตาในแอป Copilot และเลือกแอปที่ต้องการแชร์ - ฟีเจอร์นี้เป็นแบบ opt-in เท่านั้น และจะไม่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ⚠️ ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว หลังจากเหตุการณ์ Recall fiasco ในปี 2024 Microsoft ใช้แนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้นในการเปิดตัวฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Copilot Vision เป็นฟีเจอร์ที่ต้องเปิดใช้งานเอง และจะไม่ทำงานโดยอัตโนมัติ - Microsoft กำลังเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนาคต - ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับฟีเจอร์นี้อย่างไร โดยเฉพาะในยุโรปที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวเข้มงวด https://www.neowin.net/news/microsoft-launches-copilot-vision-on-windows-allowing-ai-to-see-what-is-on-your-screen/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft launches Copilot Vision on Windows, allowing AI to see what is on your screen
    Microsoft is launching Copilot Vision on Windows, a feature that enables AI to see what is happening on the screen and offer you useful information and guidance.
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • 🔒 Linux Mint 22.2 เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ
    ทีมพัฒนา Linux Mint ได้ประกาศว่า Mint 22.2 จะมาพร้อมกับ ระบบล็อกอินด้วยลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน โดยใช้ Fingwit ซึ่งเป็น XApp ใหม่ที่พัฒนาโดยทีม Mint

    Fingwit จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ใช้ลายนิ้วมือแทนรหัสผ่าน ในหลายสถานการณ์ เช่น ล็อกอินเข้าสู่ระบบ, ปลดล็อกหน้าจอ, ยืนยัน sudo commands และการดำเนินการที่ต้องใช้รหัสผ่าน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Linux Mint 22.2 จะรองรับการล็อกอินด้วยลายนิ้วมือ
    - ใช้ Fingwit ซึ่งเป็น XApp ใหม่ที่พัฒนาโดยทีม Mint
    - รองรับการใช้ลายนิ้วมือในการล็อกอิน, ปลดล็อกหน้าจอ และยืนยัน sudo commands
    - Fingwit ใช้ fprintd เป็น backend และมีระบบตรวจจับกรณีที่ต้องใช้รหัสผ่านแทน
    - สามารถทำงานได้บนทุก Linux Desktop Environment และทุกดิสโทร

    🔥 การแก้ไขปัญหาการเข้ารหัสโฮมไดเรกทอรี
    หากโฮมไดเรกทอรีของผู้ใช้ถูกเข้ารหัส Fingwit จะตรวจจับและแจ้งให้ผู้ใช้กรอกรหัสผ่านแทน เพื่อป้องกัน การเกิดเซสชันที่ล่มเนื่องจากไม่สามารถถอดรหัสโฮมไดเรกทอรีได้

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากโฮมไดเรกทอรีถูกเข้ารหัส ผู้ใช้ยังต้องใช้รหัสผ่านแทนลายนิ้วมือในการล็อกอิน
    - ต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของผู้ใช้รองรับ fprintd และ Fingwit หรือไม่
    - Linux Mint 20.x (20, 20.1, 20.2, 20.3) หมดอายุการสนับสนุนแล้วตั้งแต่เมษายน 2024
    - ผู้ใช้ควรอัปเกรดเป็น Mint 22.1 หรือใหม่กว่าเพื่อรับการสนับสนุนด้านความปลอดภัย

    การเพิ่มฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ ช่วยให้ Linux Mint มีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ใช้แล็ปท็อปที่มีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการใช้งานจริงอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/linux-mint-is-finally-getting-native-fingerprint-login-support/
    🔒 Linux Mint 22.2 เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ ทีมพัฒนา Linux Mint ได้ประกาศว่า Mint 22.2 จะมาพร้อมกับ ระบบล็อกอินด้วยลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน โดยใช้ Fingwit ซึ่งเป็น XApp ใหม่ที่พัฒนาโดยทีม Mint Fingwit จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ใช้ลายนิ้วมือแทนรหัสผ่าน ในหลายสถานการณ์ เช่น ล็อกอินเข้าสู่ระบบ, ปลดล็อกหน้าจอ, ยืนยัน sudo commands และการดำเนินการที่ต้องใช้รหัสผ่าน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Linux Mint 22.2 จะรองรับการล็อกอินด้วยลายนิ้วมือ - ใช้ Fingwit ซึ่งเป็น XApp ใหม่ที่พัฒนาโดยทีม Mint - รองรับการใช้ลายนิ้วมือในการล็อกอิน, ปลดล็อกหน้าจอ และยืนยัน sudo commands - Fingwit ใช้ fprintd เป็น backend และมีระบบตรวจจับกรณีที่ต้องใช้รหัสผ่านแทน - สามารถทำงานได้บนทุก Linux Desktop Environment และทุกดิสโทร 🔥 การแก้ไขปัญหาการเข้ารหัสโฮมไดเรกทอรี หากโฮมไดเรกทอรีของผู้ใช้ถูกเข้ารหัส Fingwit จะตรวจจับและแจ้งให้ผู้ใช้กรอกรหัสผ่านแทน เพื่อป้องกัน การเกิดเซสชันที่ล่มเนื่องจากไม่สามารถถอดรหัสโฮมไดเรกทอรีได้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากโฮมไดเรกทอรีถูกเข้ารหัส ผู้ใช้ยังต้องใช้รหัสผ่านแทนลายนิ้วมือในการล็อกอิน - ต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของผู้ใช้รองรับ fprintd และ Fingwit หรือไม่ - Linux Mint 20.x (20, 20.1, 20.2, 20.3) หมดอายุการสนับสนุนแล้วตั้งแต่เมษายน 2024 - ผู้ใช้ควรอัปเกรดเป็น Mint 22.1 หรือใหม่กว่าเพื่อรับการสนับสนุนด้านความปลอดภัย การเพิ่มฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ ช่วยให้ Linux Mint มีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ใช้แล็ปท็อปที่มีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการใช้งานจริงอย่างไร https://www.neowin.net/news/linux-mint-is-finally-getting-native-fingerprint-login-support/
    WWW.NEOWIN.NET
    Linux Mint is finally getting native fingerprint login support
    The Linux Mint team has announced that native fingerprint login support will be available in upcoming versions of Mint, alongside other improvements.
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • 🚀 Intel เผยแผนพัฒนา CPU รุ่นใหม่: Nova Lake, Wildcat Lake และ Bartlett Lake
    Intel ได้เปิดเผย แผนพัฒนา CPU รุ่นใหม่ ผ่านเอกสารที่หลุดออกมา ซึ่งรวมถึง Nova Lake-S สำหรับเดสก์ท็อป, Nova Lake-U สำหรับแล็ปท็อป และ Wildcat Lake ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพลังงานต่ำ

    Nova Lake-S คาดว่าจะเป็น สถาปัตยกรรมเดสก์ท็อปที่มีสูงสุด 52 คอร์แบบไฮบริด และใช้ ซ็อกเก็ต LGA 1954 ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดจาก LGA 1851 จะต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่

    Wildcat Lake ถูกคาดการณ์ว่า จะเป็นแพลตฟอร์มพลังงานต่ำสำหรับอุปกรณ์พกพา และอาจเป็น ผู้สืบทอดของ Twin Lake

    Bartlett Lake-S จะมี รุ่นใหม่ที่มีเพียง 12 คอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อนที่มีสูงสุด 24 คอร์ โดยคาดว่า จะรองรับเมนบอร์ด LGA 1700 ในซีรีส์ 600 และ 700

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Nova Lake-S จะมีสูงสุด 52 คอร์แบบไฮบริด และใช้ซ็อกเก็ต LGA 1954
    - Nova Lake-U เป็นรุ่นพลังงานต่ำสำหรับแล็ปท็อป
    - Wildcat Lake อาจเป็นแพลตฟอร์มพลังงานต่ำที่สืบทอดจาก Twin Lake
    - Bartlett Lake-S รุ่นใหม่จะมีเพียง 12 คอร์ประสิทธิภาพสูง
    - Bartlett Lake-S จะรองรับเมนบอร์ด LGA 1700 ในซีรีส์ 600 และ 700

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดเป็น Nova Lake-S จะต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
    - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Wildcat Lake และ Nova Lake-U
    - Bartlett Lake-S รุ่น 12 คอร์อาจมีข้อจำกัดด้านพลังงานและการใช้งานในตลาดอุตสาหกรรม
    - ต้องติดตามว่า Intel จะเปิดตัว CPU เหล่านี้อย่างเป็นทางการเมื่อใด

    การเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ของ Intel อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ AMD และ Apple ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงของซ็อกเก็ตจะส่งผลต่อการอัปเกรดของผู้ใช้มากน้อยเพียงใด

    https://www.techspot.com/news/108184-intel-roadmap-reveals-nova-lake-su-wildcat-lake.html
    🚀 Intel เผยแผนพัฒนา CPU รุ่นใหม่: Nova Lake, Wildcat Lake และ Bartlett Lake Intel ได้เปิดเผย แผนพัฒนา CPU รุ่นใหม่ ผ่านเอกสารที่หลุดออกมา ซึ่งรวมถึง Nova Lake-S สำหรับเดสก์ท็อป, Nova Lake-U สำหรับแล็ปท็อป และ Wildcat Lake ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพลังงานต่ำ Nova Lake-S คาดว่าจะเป็น สถาปัตยกรรมเดสก์ท็อปที่มีสูงสุด 52 คอร์แบบไฮบริด และใช้ ซ็อกเก็ต LGA 1954 ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดจาก LGA 1851 จะต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ Wildcat Lake ถูกคาดการณ์ว่า จะเป็นแพลตฟอร์มพลังงานต่ำสำหรับอุปกรณ์พกพา และอาจเป็น ผู้สืบทอดของ Twin Lake Bartlett Lake-S จะมี รุ่นใหม่ที่มีเพียง 12 คอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อนที่มีสูงสุด 24 คอร์ โดยคาดว่า จะรองรับเมนบอร์ด LGA 1700 ในซีรีส์ 600 และ 700 ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nova Lake-S จะมีสูงสุด 52 คอร์แบบไฮบริด และใช้ซ็อกเก็ต LGA 1954 - Nova Lake-U เป็นรุ่นพลังงานต่ำสำหรับแล็ปท็อป - Wildcat Lake อาจเป็นแพลตฟอร์มพลังงานต่ำที่สืบทอดจาก Twin Lake - Bartlett Lake-S รุ่นใหม่จะมีเพียง 12 คอร์ประสิทธิภาพสูง - Bartlett Lake-S จะรองรับเมนบอร์ด LGA 1700 ในซีรีส์ 600 และ 700 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดเป็น Nova Lake-S จะต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Wildcat Lake และ Nova Lake-U - Bartlett Lake-S รุ่น 12 คอร์อาจมีข้อจำกัดด้านพลังงานและการใช้งานในตลาดอุตสาหกรรม - ต้องติดตามว่า Intel จะเปิดตัว CPU เหล่านี้อย่างเป็นทางการเมื่อใด การเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ของ Intel อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ AMD และ Apple ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงของซ็อกเก็ตจะส่งผลต่อการอัปเกรดของผู้ใช้มากน้อยเพียงใด https://www.techspot.com/news/108184-intel-roadmap-reveals-nova-lake-su-wildcat-lake.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel roadmap reveals Nova Lake CPUs, Wildcat Lake, and new 12-core Bartlett Lake SKUs
    The leak originates from an Intel support document about the Time Coordinated Computing (TCC) platform, which outlines how the technology can be used for real-time applications at...
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • 🔒 VeraCrypt อัปเดตใหม่! ปิดกั้น Microsoft Recall และเครื่องมือบันทึกหน้าจอ
    VeraCrypt ซึ่งเป็น เครื่องมือเข้ารหัสข้อมูลแบบ on-the-fly ได้เปิดตัว เวอร์ชัน 1.26.24 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วย ปิดกั้นการจับภาพหน้าจอและเครื่องมือบันทึกหน้าจอ โดยเฉพาะ Microsoft Recall ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในด้านความเป็นส่วนตัว

    Microsoft Recall เป็นฟีเจอร์ที่ จับภาพหน้าจอของผู้ใช้ทุก ๆ 5 วินาที และส่งข้อมูลไปยัง AI บนเครื่อง เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลย้อนหลังได้ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยด้านความปลอดภัยและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวต่างเตือนว่าฟีเจอร์นี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อข้อมูลส่วนบุคคล

    VeraCrypt ได้เพิ่ม "screen protection" ซึ่งช่วย ปิดกั้นการจับภาพหน้าจอจากเครื่องมือของ Windows และแอปของบุคคลที่สาม โดยค่าเริ่มต้นจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ แต่ผู้ใช้สามารถปิดได้หากต้องการ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - VeraCrypt เวอร์ชัน 1.26.24 เพิ่มฟีเจอร์ปิดกั้นการจับภาพหน้าจอและเครื่องมือบันทึกหน้าจอ
    - Microsoft Recall จับภาพหน้าจอทุก 5 วินาที และใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง
    - ฟีเจอร์ "screen protection" ของ VeraCrypt ปิดกั้นการจับภาพหน้าจอจาก Windows และแอปของบุคคลที่สาม
    - VeraCrypt สามารถเข้ารหัสพาร์ติชันหรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทั้งระบบด้วย pre-boot authentication
    - Signal เป็นอีกหนึ่งแอปที่บล็อกการจับภาพหน้าจอจาก Microsoft Recall

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Microsoft Recall ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    - แม้ VeraCrypt จะปิดกั้นการจับภาพหน้าจอ แต่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม
    - การปิดกั้นการจับภาพหน้าจออาจส่งผลต่อการใช้งานบางแอปที่ต้องใช้ฟีเจอร์นี้
    - ต้องติดตามว่า Microsoft จะปรับปรุง Recall ให้มีมาตรการความปลอดภัยที่ดีขึ้นหรือไม่

    การอัปเดตนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากการถูกบันทึกโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะตอบสนองต่อข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวอย่างไร

    https://www.techspot.com/news/108149-encryption-utility-veracrypt-now-disables-microsoft-recall-other.html
    🔒 VeraCrypt อัปเดตใหม่! ปิดกั้น Microsoft Recall และเครื่องมือบันทึกหน้าจอ VeraCrypt ซึ่งเป็น เครื่องมือเข้ารหัสข้อมูลแบบ on-the-fly ได้เปิดตัว เวอร์ชัน 1.26.24 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วย ปิดกั้นการจับภาพหน้าจอและเครื่องมือบันทึกหน้าจอ โดยเฉพาะ Microsoft Recall ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในด้านความเป็นส่วนตัว Microsoft Recall เป็นฟีเจอร์ที่ จับภาพหน้าจอของผู้ใช้ทุก ๆ 5 วินาที และส่งข้อมูลไปยัง AI บนเครื่อง เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลย้อนหลังได้ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยด้านความปลอดภัยและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวต่างเตือนว่าฟีเจอร์นี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อข้อมูลส่วนบุคคล VeraCrypt ได้เพิ่ม "screen protection" ซึ่งช่วย ปิดกั้นการจับภาพหน้าจอจากเครื่องมือของ Windows และแอปของบุคคลที่สาม โดยค่าเริ่มต้นจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ แต่ผู้ใช้สามารถปิดได้หากต้องการ ✅ ข้อมูลจากข่าว - VeraCrypt เวอร์ชัน 1.26.24 เพิ่มฟีเจอร์ปิดกั้นการจับภาพหน้าจอและเครื่องมือบันทึกหน้าจอ - Microsoft Recall จับภาพหน้าจอทุก 5 วินาที และใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง - ฟีเจอร์ "screen protection" ของ VeraCrypt ปิดกั้นการจับภาพหน้าจอจาก Windows และแอปของบุคคลที่สาม - VeraCrypt สามารถเข้ารหัสพาร์ติชันหรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทั้งระบบด้วย pre-boot authentication - Signal เป็นอีกหนึ่งแอปที่บล็อกการจับภาพหน้าจอจาก Microsoft Recall ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Microsoft Recall ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ - แม้ VeraCrypt จะปิดกั้นการจับภาพหน้าจอ แต่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม - การปิดกั้นการจับภาพหน้าจออาจส่งผลต่อการใช้งานบางแอปที่ต้องใช้ฟีเจอร์นี้ - ต้องติดตามว่า Microsoft จะปรับปรุง Recall ให้มีมาตรการความปลอดภัยที่ดีขึ้นหรือไม่ การอัปเดตนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากการถูกบันทึกโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะตอบสนองต่อข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวอย่างไร https://www.techspot.com/news/108149-encryption-utility-veracrypt-now-disables-microsoft-recall-other.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Encryption utility VeraCrypt now disables Microsoft Recall and other screen recording tools by default
    VeraCrypt has become a bit more resistant to Recall. The on-the-fly encryption tool, which emerged from the ashes of TrueCrypt, recently released version 1.26.24 with new features...
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • 🍷 Wine 10.9: การอัปเดตครั้งสำคัญสำหรับการรันแอป Windows บน Linux และ macOS
    Wine 10.9 ได้เปิดตัวพร้อมกับ การรองรับ EGL สำหรับไดรเวอร์กราฟิกทุกตัว ซึ่งช่วยให้การรันแอป Windows บน Linux และ macOS มีความเสถียรมากขึ้น และอาจเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับแอปที่ใช้ OpenGL ES

    EGL เป็น ตัวกลางสำคัญ ที่ช่วยให้ OpenGL ES สามารถสื่อสารกับ window manager ของระบบ การที่ Wine รองรับ EGL อย่างเป็นมาตรฐานช่วยลดปัญหาการแสดงผลที่แตกต่างกันระหว่างไดรเวอร์

    นอกจากนี้ Wine 10.9 ยังมาพร้อมกับ vkd3d เวอร์ชัน 1.16 ซึ่งเป็น ตัวแปลง Direct3D 12 เป็น Vulkan โดยมีการปรับปรุงหลายด้าน เช่น
    - รองรับ DXIL shaders ในค่าตั้งต้น ทำให้สามารถใช้ Shader Model 6.0 ได้
    - สามารถสร้าง Graphics pipeline state objects จาก shaders ที่มี root signatures
    - เพิ่มการรองรับ geometry shaders และฟังก์ชันใหม่ ๆ ใน libvkd3d-shader

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Wine 10.9 รองรับ EGL สำหรับไดรเวอร์กราฟิกทุกตัว
    - ช่วยให้การรันแอป Windows บน Linux และ macOS มีความเสถียรมากขึ้น
    - vkd3d 1.16 ปรับปรุงการรองรับ Direct3D 12 บน Vulkan
    - DXIL shaders รองรับ Shader Model 6.0 ในค่าตั้งต้น
    - เพิ่มการรองรับ geometry shaders และฟังก์ชันใหม่ ๆ ใน libvkd3d-shader

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะรองรับ EGL แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้กับทุกแอป
    - การอัปเดต vkd3d อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเข้ากันได้ของทุกเกมที่ใช้ Direct3D 12
    - ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะพบข้อผิดพลาดใหม่ ๆ หรือไม่หลังจากอัปเดตเป็น Wine 10.9
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อโครงการที่ใช้ Wine เช่น Steam Proton

    Wine 10.9 เป็น ก้าวสำคัญในการปรับปรุงความเข้ากันได้ของแอป Windows บน Linux และ macOS โดยเฉพาะสำหรับ เกมที่ใช้ Direct3D 12 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของเกมและแอปในระยะยาวอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/wine-109-released-bringing-egl-support-for-all-graphic-drivers-and-several-bug-fixes/
    🍷 Wine 10.9: การอัปเดตครั้งสำคัญสำหรับการรันแอป Windows บน Linux และ macOS Wine 10.9 ได้เปิดตัวพร้อมกับ การรองรับ EGL สำหรับไดรเวอร์กราฟิกทุกตัว ซึ่งช่วยให้การรันแอป Windows บน Linux และ macOS มีความเสถียรมากขึ้น และอาจเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับแอปที่ใช้ OpenGL ES EGL เป็น ตัวกลางสำคัญ ที่ช่วยให้ OpenGL ES สามารถสื่อสารกับ window manager ของระบบ การที่ Wine รองรับ EGL อย่างเป็นมาตรฐานช่วยลดปัญหาการแสดงผลที่แตกต่างกันระหว่างไดรเวอร์ นอกจากนี้ Wine 10.9 ยังมาพร้อมกับ vkd3d เวอร์ชัน 1.16 ซึ่งเป็น ตัวแปลง Direct3D 12 เป็น Vulkan โดยมีการปรับปรุงหลายด้าน เช่น - รองรับ DXIL shaders ในค่าตั้งต้น ทำให้สามารถใช้ Shader Model 6.0 ได้ - สามารถสร้าง Graphics pipeline state objects จาก shaders ที่มี root signatures - เพิ่มการรองรับ geometry shaders และฟังก์ชันใหม่ ๆ ใน libvkd3d-shader ✅ ข้อมูลจากข่าว - Wine 10.9 รองรับ EGL สำหรับไดรเวอร์กราฟิกทุกตัว - ช่วยให้การรันแอป Windows บน Linux และ macOS มีความเสถียรมากขึ้น - vkd3d 1.16 ปรับปรุงการรองรับ Direct3D 12 บน Vulkan - DXIL shaders รองรับ Shader Model 6.0 ในค่าตั้งต้น - เพิ่มการรองรับ geometry shaders และฟังก์ชันใหม่ ๆ ใน libvkd3d-shader ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะรองรับ EGL แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้กับทุกแอป - การอัปเดต vkd3d อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเข้ากันได้ของทุกเกมที่ใช้ Direct3D 12 - ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะพบข้อผิดพลาดใหม่ ๆ หรือไม่หลังจากอัปเดตเป็น Wine 10.9 - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อโครงการที่ใช้ Wine เช่น Steam Proton Wine 10.9 เป็น ก้าวสำคัญในการปรับปรุงความเข้ากันได้ของแอป Windows บน Linux และ macOS โดยเฉพาะสำหรับ เกมที่ใช้ Direct3D 12 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของเกมและแอปในระยะยาวอย่างไร https://www.neowin.net/news/wine-109-released-bringing-egl-support-for-all-graphic-drivers-and-several-bug-fixes/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wine 10.9 released bringing EGL support for all graphic drivers and several bug fixes
    The latest Wine release, version 10.9, introduces EGL support across all graphics drivers, brings an updated vkd3d version, and includes several bug fixes.
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • 🔄 Microsoft ปรับปรุงการจัดการแอปของ Teams เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    Microsoft กำลังเปิดตัว ระบบจัดการแอปของ Teams แบบใช้กฎ (Rules-Based Enablement) ซึ่งช่วยให้ ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดเงื่อนไขเฉพาะสำหรับการอนุมัติแอปของบุคคลที่สาม ในองค์กร

    ก่อนหน้านี้ Microsoft 365 Certified Apps ถูกควบคุมโดย การตั้งค่าของแต่ละ tenant ทำให้ ผู้ดูแลระบบไม่สามารถจัดการแอปทั้งหมดได้ในระดับองค์กร

    การอัปเดตใหม่นี้ช่วยให้ ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดเงื่อนไขที่ปลอดภัยสำหรับการอนุมัติแอป ผ่าน Teams Admin Center โดยสามารถเลือกจาก รายการเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่า เฉพาะแอปที่เชื่อถือได้และเป็นไปตามข้อกำหนดเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft เปิดตัวระบบจัดการแอปของ Teams แบบใช้กฎเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    - ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดเงื่อนไขเฉพาะสำหรับการอนุมัติแอปของบุคคลที่สาม
    - สามารถจัดการแอปทั้งหมดในระดับองค์กรผ่าน Teams Admin Center
    - ระบบใหม่นี้จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และผู้ดูแลระบบไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม
    - การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มเปิดตัวกลางเดือนกรกฎาคม 2025 และเสร็จสิ้นภายในต้นเดือนสิงหาคม 2025

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ระบบใหม่นี้มีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่มีใบอนุญาต F (Frontline) เท่านั้น
    - Microsoft เคยระบุว่าจะขยายการรองรับไปยังใบอนุญาตอื่น ๆ แต่ยังไม่มีการยืนยัน
    - องค์กรที่ไม่มีใบอนุญาต F อาจต้องรอการอัปเดตเพิ่มเติมในอนาคต
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการใช้งานแอปของบุคคลที่สามอย่างไร

    การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ องค์กรสามารถควบคุมแอปของบุคคลที่สามได้ดีขึ้น และ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการรองรับใบอนุญาตอื่น ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อใด

    https://www.neowin.net/news/microsoft-details-major-teams-change-for-third-party-apps-settings-but-you-might-miss-out/
    🔄 Microsoft ปรับปรุงการจัดการแอปของ Teams เพื่อเพิ่มความปลอดภัย Microsoft กำลังเปิดตัว ระบบจัดการแอปของ Teams แบบใช้กฎ (Rules-Based Enablement) ซึ่งช่วยให้ ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดเงื่อนไขเฉพาะสำหรับการอนุมัติแอปของบุคคลที่สาม ในองค์กร ก่อนหน้านี้ Microsoft 365 Certified Apps ถูกควบคุมโดย การตั้งค่าของแต่ละ tenant ทำให้ ผู้ดูแลระบบไม่สามารถจัดการแอปทั้งหมดได้ในระดับองค์กร การอัปเดตใหม่นี้ช่วยให้ ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดเงื่อนไขที่ปลอดภัยสำหรับการอนุมัติแอป ผ่าน Teams Admin Center โดยสามารถเลือกจาก รายการเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่า เฉพาะแอปที่เชื่อถือได้และเป็นไปตามข้อกำหนดเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft เปิดตัวระบบจัดการแอปของ Teams แบบใช้กฎเพื่อเพิ่มความปลอดภัย - ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดเงื่อนไขเฉพาะสำหรับการอนุมัติแอปของบุคคลที่สาม - สามารถจัดการแอปทั้งหมดในระดับองค์กรผ่าน Teams Admin Center - ระบบใหม่นี้จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และผู้ดูแลระบบไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม - การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มเปิดตัวกลางเดือนกรกฎาคม 2025 และเสร็จสิ้นภายในต้นเดือนสิงหาคม 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ระบบใหม่นี้มีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่มีใบอนุญาต F (Frontline) เท่านั้น - Microsoft เคยระบุว่าจะขยายการรองรับไปยังใบอนุญาตอื่น ๆ แต่ยังไม่มีการยืนยัน - องค์กรที่ไม่มีใบอนุญาต F อาจต้องรอการอัปเดตเพิ่มเติมในอนาคต - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการใช้งานแอปของบุคคลที่สามอย่างไร การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ องค์กรสามารถควบคุมแอปของบุคคลที่สามได้ดีขึ้น และ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการรองรับใบอนุญาตอื่น ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อใด https://www.neowin.net/news/microsoft-details-major-teams-change-for-third-party-apps-settings-but-you-might-miss-out/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft details "major" Teams change for third-party apps' settings but you might miss out
    Microsoft has announced the rollout of a "major change" for its Teams apps that is related to third-party apps management. The announcement is important for admins.
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์งบประมาณ 2569: เครื่องมือพยุงอำนาจ หรือแผนพัฒนาชาติ?

    ร่างงบประมาณ 3.78 ล้านล้านของรัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกตั้งคำถามว่าเพื่อประชาชนหรือเพื่อฐานเสียงทางการเมือง?

    การจัดทำร่าง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งมีวงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่แค่เพราะเม็ดเงินมหาศาล แต่เพราะมันสะท้อนว่า รัฐบาลบริหาร “อำนาจ” และ “ความคาดหวังของประชาชน” อย่างไร

    เมื่อมองผ่านมุม เศรษฐศาสตร์การเมือง—ซึ่งวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรภายใต้แรงจูงใจทางอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง—คำถามใหญ่คือ งบนี้ออกแบบเพื่อ “พัฒนาชาติ” หรือแค่ “พยุงอำนาจ”?

    1. จากดิจิทัลวอลเล็ต สู่ท้องถิ่น: กลยุทธ์รักษาฐานเสียง?

    รัฐบาลโยกงบกว่า 157,000 ล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมเปิดให้ยื่นขอใช้งบในเวลาเพียง 3 วัน

    นี่อาจไม่ใช่การกระจายงบอย่างมีแผน แต่คือการ “ป้อนงบ” ให้กับเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ

    2. กู้เงิน 8.6 แสนล้าน: ลงทุนเพื่ออนาคต หรือซื้อเวลา?

    การกู้เงินขาดดุลสูงสุดในรอบ 30 ปี สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แต่อีกด้านก็มีคำถามว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกใช้ “อย่างยั่งยืน” หรือไม่?

    การไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า นี่คือการใช้เงินเพื่อ “ผลทางการเมืองในระยะสั้น” มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจริงจัง

    3. รัฐบาลผสม กับการจัดงบแบบแบ่งเค้ก

    การที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การจัดสรรงบประมาณกลายเป็นเวทีต่อรองอำนาจ
    การจัดสรรงบจำนวนมากไปยังพื้นที่ฐานเสียง และการบริหารงบกลางแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ชี้ว่าการเมืองภายในรัฐบาลส่งผลต่อการใช้งบมากกว่าความจำเป็นของประเทศ

    4. งบปี 2569 ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่?

    แม้รัฐบาลจะพูดถึง “Soft Power” และ การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่งบปี 2569 กลับไม่มีทิศทางชัดเจนในเรื่อง การลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการพัฒนาทักษะแรงงาน

    ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไทยกลับยังเดินตามโมเดล “ทุ่มงบก่อสร้าง” ที่เห็นผลง่าย แต่มักไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาปัญญาและเพิ่มทักษะแก่ประชาชน

    5. เหลื่อมล้ำยังอยู่ งบไม่ถึงชายขอบ

    การจัดงบยังคง “กระจุกตัวในเมืองใหญ่” ขณะที่งบพัฒนาจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดชายแดนถูกลดลง งบด้านความมั่นคงกลับเพิ่มขึ้น

    ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารที่เน้นการ “ควบคุม” มากกว่าการ “พัฒนา” ซึ่งอาจยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำฝังรากลึกลงไปอีก

    บทสรุป: เมื่อ “งบประมาณ” กลายเป็นสนามอำนาจ

    งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจเพื่อใคร และอย่างไร การกระจายงบแบบไม่ทั่วถึง การกู้เงินมหาศาลโดยไร้ทิศทางระยะยาว และการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ล้วนชี้ว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพทางการเมือง” มากกว่าการ “พัฒนาที่ยั่งยืน”

    หากอำนาจรัฐยังใช้งบประมาณเป็นเชือกผูกโยงฐานเสียง มากกว่าการเปิดทางให้โอกาสไหลถึงประชาชนทั้งแผ่นดิน

    ความมั่งคั่งก็จะกระจุกอยู่ในหมู่ชนชั้นนำและนักการเมืองเจ้าถิ่น ขณะที่คนส่วนใหญ่จะยังจมปลักอยู่ในทะเลแห่งความเหลื่อมล้ำ—ไร้ฝั่งฝัน ไร้เส้นทางรอด”
    รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์งบประมาณ 2569: เครื่องมือพยุงอำนาจ หรือแผนพัฒนาชาติ? ร่างงบประมาณ 3.78 ล้านล้านของรัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกตั้งคำถามว่าเพื่อประชาชนหรือเพื่อฐานเสียงทางการเมือง? การจัดทำร่าง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งมีวงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่แค่เพราะเม็ดเงินมหาศาล แต่เพราะมันสะท้อนว่า รัฐบาลบริหาร “อำนาจ” และ “ความคาดหวังของประชาชน” อย่างไร เมื่อมองผ่านมุม เศรษฐศาสตร์การเมือง—ซึ่งวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรภายใต้แรงจูงใจทางอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง—คำถามใหญ่คือ งบนี้ออกแบบเพื่อ “พัฒนาชาติ” หรือแค่ “พยุงอำนาจ”? 1. จากดิจิทัลวอลเล็ต สู่ท้องถิ่น: กลยุทธ์รักษาฐานเสียง? รัฐบาลโยกงบกว่า 157,000 ล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมเปิดให้ยื่นขอใช้งบในเวลาเพียง 3 วัน นี่อาจไม่ใช่การกระจายงบอย่างมีแผน แต่คือการ “ป้อนงบ” ให้กับเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ 2. กู้เงิน 8.6 แสนล้าน: ลงทุนเพื่ออนาคต หรือซื้อเวลา? การกู้เงินขาดดุลสูงสุดในรอบ 30 ปี สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แต่อีกด้านก็มีคำถามว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกใช้ “อย่างยั่งยืน” หรือไม่? การไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า นี่คือการใช้เงินเพื่อ “ผลทางการเมืองในระยะสั้น” มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจริงจัง 3. รัฐบาลผสม กับการจัดงบแบบแบ่งเค้ก การที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การจัดสรรงบประมาณกลายเป็นเวทีต่อรองอำนาจ การจัดสรรงบจำนวนมากไปยังพื้นที่ฐานเสียง และการบริหารงบกลางแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ชี้ว่าการเมืองภายในรัฐบาลส่งผลต่อการใช้งบมากกว่าความจำเป็นของประเทศ 4. งบปี 2569 ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่? แม้รัฐบาลจะพูดถึง “Soft Power” และ การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่งบปี 2569 กลับไม่มีทิศทางชัดเจนในเรื่อง การลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการพัฒนาทักษะแรงงาน ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไทยกลับยังเดินตามโมเดล “ทุ่มงบก่อสร้าง” ที่เห็นผลง่าย แต่มักไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาปัญญาและเพิ่มทักษะแก่ประชาชน 5. เหลื่อมล้ำยังอยู่ งบไม่ถึงชายขอบ การจัดงบยังคง “กระจุกตัวในเมืองใหญ่” ขณะที่งบพัฒนาจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดชายแดนถูกลดลง งบด้านความมั่นคงกลับเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารที่เน้นการ “ควบคุม” มากกว่าการ “พัฒนา” ซึ่งอาจยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำฝังรากลึกลงไปอีก บทสรุป: เมื่อ “งบประมาณ” กลายเป็นสนามอำนาจ งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจเพื่อใคร และอย่างไร การกระจายงบแบบไม่ทั่วถึง การกู้เงินมหาศาลโดยไร้ทิศทางระยะยาว และการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ล้วนชี้ว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพทางการเมือง” มากกว่าการ “พัฒนาที่ยั่งยืน” หากอำนาจรัฐยังใช้งบประมาณเป็นเชือกผูกโยงฐานเสียง มากกว่าการเปิดทางให้โอกาสไหลถึงประชาชนทั้งแผ่นดิน ความมั่งคั่งก็จะกระจุกอยู่ในหมู่ชนชั้นนำและนักการเมืองเจ้าถิ่น ขณะที่คนส่วนใหญ่จะยังจมปลักอยู่ในทะเลแห่งความเหลื่อมล้ำ—ไร้ฝั่งฝัน ไร้เส้นทางรอด”
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • 🚀 AMD เปิดตัว Ryzen AI Max 385: ตัวเลือกที่เข้าถึงได้มากขึ้นในตระกูล Strix Halo
    AMD กำลังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Ryzen AI Max 385 ซึ่งเป็นรุ่นที่มี 8 คอร์ และ 16 เธรด ในตระกูล Strix Halo โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาด แล็ปท็อปและมินิพีซี ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น

    Ryzen AI Max 385 ใช้ สถาปัตยกรรม Zen 5 พร้อม 32 Compute Units ใน Radeon 8050S GPU และ NPU ที่รองรับ 50 TOPS ซึ่งช่วยให้สามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    แม้ว่าจะมี ความเร็วสูงสุด 5 GHz ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่นเรือธง Ryzen AI Max+ 395 แต่ผลการทดสอบ Geekbench กลับแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพ ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยทำคะแนน 2,489 (single-core) และ 14,136 (multi-core) ซึ่งต่ำกว่ารุ่น 395 ที่ทำได้ 2,900-3,000 คะแนน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Ryzen AI Max 385 มี 8 คอร์ และ 16 เธรด ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5
    - มาพร้อมกับ Radeon 8050S GPU ที่มี 32 Compute Units และ NPU 50 TOPS
    - ความเร็วสูงสุด 5 GHz ใกล้เคียงกับ Ryzen AI Max+ 395
    - ผลทดสอบ Geekbench แสดงคะแนน 2,489 (single-core) และ 14,136 (multi-core)
    - HP ZBook Ultra G1a เป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่ใช้ Ryzen AI Max 385 และมีราคาเริ่มต้นที่ $2,599

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผลทดสอบ Geekbench อาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตั้งค่าพลังงานของแล็ปท็อป
    - Ryzen AI Max 385 อาจไม่สามารถแข่งขันกับรุ่นเรือธงในด้านประสิทธิภาพ AI ได้
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำ Ryzen AI Max 385 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนหรือไม่
    - ราคาของแล็ปท็อปที่ใช้ชิปนี้ยังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นในตลาด

    Ryzen AI Max 385 อาจช่วยให้ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องซื้อรุ่นเรือธง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพจริงจะสามารถตอบโจทย์ตลาดได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/more-affordable-strix-halo-model-emerges-early-ryzen-ai-max-385-geekbench-result-reveals-an-eight-core-option
    🚀 AMD เปิดตัว Ryzen AI Max 385: ตัวเลือกที่เข้าถึงได้มากขึ้นในตระกูล Strix Halo AMD กำลังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Ryzen AI Max 385 ซึ่งเป็นรุ่นที่มี 8 คอร์ และ 16 เธรด ในตระกูล Strix Halo โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาด แล็ปท็อปและมินิพีซี ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น Ryzen AI Max 385 ใช้ สถาปัตยกรรม Zen 5 พร้อม 32 Compute Units ใน Radeon 8050S GPU และ NPU ที่รองรับ 50 TOPS ซึ่งช่วยให้สามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมี ความเร็วสูงสุด 5 GHz ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่นเรือธง Ryzen AI Max+ 395 แต่ผลการทดสอบ Geekbench กลับแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพ ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยทำคะแนน 2,489 (single-core) และ 14,136 (multi-core) ซึ่งต่ำกว่ารุ่น 395 ที่ทำได้ 2,900-3,000 คะแนน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Ryzen AI Max 385 มี 8 คอร์ และ 16 เธรด ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 - มาพร้อมกับ Radeon 8050S GPU ที่มี 32 Compute Units และ NPU 50 TOPS - ความเร็วสูงสุด 5 GHz ใกล้เคียงกับ Ryzen AI Max+ 395 - ผลทดสอบ Geekbench แสดงคะแนน 2,489 (single-core) และ 14,136 (multi-core) - HP ZBook Ultra G1a เป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่ใช้ Ryzen AI Max 385 และมีราคาเริ่มต้นที่ $2,599 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผลทดสอบ Geekbench อาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตั้งค่าพลังงานของแล็ปท็อป - Ryzen AI Max 385 อาจไม่สามารถแข่งขันกับรุ่นเรือธงในด้านประสิทธิภาพ AI ได้ - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำ Ryzen AI Max 385 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนหรือไม่ - ราคาของแล็ปท็อปที่ใช้ชิปนี้ยังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นในตลาด Ryzen AI Max 385 อาจช่วยให้ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องซื้อรุ่นเรือธง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพจริงจะสามารถตอบโจทย์ตลาดได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/more-affordable-strix-halo-model-emerges-early-ryzen-ai-max-385-geekbench-result-reveals-an-eight-core-option
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • 🔄 Windows Update Orchestration Platform: ระบบอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว
    Microsoft เปิดตัว Windows Update Orchestration Platform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ อัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว แทนที่จะต้องจัดการอัปเดตแยกกัน

    Windows Update ปกติจะอัปเดตเฉพาะ ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ แต่แอปของ Microsoft และแอปของบุคคลที่สามยังต้องจัดการอัปเดตแยกกัน

    แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการอัปเดตแอปได้ง่ายขึ้น ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ลดต้นทุนการสนับสนุน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Windows Update Orchestration Platform ช่วยให้สามารถอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว
    - Microsoft เปิดตัวแพลตฟอร์มนี้เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT
    - ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้นจากการอัปเดตแยกกัน
    - ช่วยให้มีการแจ้งเตือนที่สม่ำเสมอผ่านระบบ Windows Update
    - นักพัฒนาสามารถใช้ Windows Runtime APIs และ PowerShell commands เพื่อจัดการอัปเดต

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แพลตฟอร์มนี้ยังอยู่ในช่วง Private Preview และต้องรอการเปิดตัวเต็มรูปแบบ
    - ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่
    - อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับองค์กรที่มีระบบอัปเดตเฉพาะทาง
    - ต้องรอดูว่าการรวมแอปทั้งหมดเข้ากับ Windows Update จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบหรือไม่

    Windows Update Orchestration Platform อาจช่วยให้ การจัดการอัปเดตแอปง่ายขึ้น และลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่

    https://wccftech.com/microsoft-debuts-windows-update-orchestration-platform-for-updating-all-apps/
    🔄 Windows Update Orchestration Platform: ระบบอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว Microsoft เปิดตัว Windows Update Orchestration Platform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ อัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว แทนที่จะต้องจัดการอัปเดตแยกกัน Windows Update ปกติจะอัปเดตเฉพาะ ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ แต่แอปของ Microsoft และแอปของบุคคลที่สามยังต้องจัดการอัปเดตแยกกัน แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการอัปเดตแอปได้ง่ายขึ้น ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ลดต้นทุนการสนับสนุน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows Update Orchestration Platform ช่วยให้สามารถอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว - Microsoft เปิดตัวแพลตฟอร์มนี้เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT - ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้นจากการอัปเดตแยกกัน - ช่วยให้มีการแจ้งเตือนที่สม่ำเสมอผ่านระบบ Windows Update - นักพัฒนาสามารถใช้ Windows Runtime APIs และ PowerShell commands เพื่อจัดการอัปเดต ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แพลตฟอร์มนี้ยังอยู่ในช่วง Private Preview และต้องรอการเปิดตัวเต็มรูปแบบ - ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่ - อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับองค์กรที่มีระบบอัปเดตเฉพาะทาง - ต้องรอดูว่าการรวมแอปทั้งหมดเข้ากับ Windows Update จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบหรือไม่ Windows Update Orchestration Platform อาจช่วยให้ การจัดการอัปเดตแอปง่ายขึ้น และลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่ https://wccftech.com/microsoft-debuts-windows-update-orchestration-platform-for-updating-all-apps/
    WCCFTECH.COM
    Microsoft Debuts Windows Update Orchestration Platform For Updating All Apps From A Single Place
    Microsoft has announced that it will now handle all the apps from the Windows Update Orchestration Platform in order to update them easily.
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • Microsoft กำลังพัฒนา Windows Update orchestration platform ซึ่งจะช่วยให้การอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมด รวมถึงแอปพลิเคชันและไดรเวอร์ สามารถจัดการได้ผ่าน Windows Update โดยตรง แทนที่จะต้องใช้ตัวอัปเดตแยกต่างหากจากผู้พัฒนาแต่ละราย

    แนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาการแจ้งเตือนที่ซ้ำซ้อนและการใช้ทรัพยากรระบบที่มากเกินไปจากตัวอัปเดตของแต่ละแอป นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นการอัปเดตที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อ Wi-Fi และใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft เปิดตัว Windows Update orchestration platform เพื่อรวมการอัปเดตทั้งหมด
    - นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนเป็น update provider และใช้ WinRT APIs หรือ PowerShell cmdlets
    - ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันใหม่และติดตั้งเมื่ออุปกรณ์อยู่ในสถานะที่เหมาะสม
    - รองรับ MSIX/APPX packages และบางส่วนของ Win32 apps
    - แอปที่เข้าร่วมจะปรากฏใน Windows Update history และสามารถใช้ toast notifications

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - นักพัฒนาต้องปรับตัวให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา
    - ผู้ใช้บางรายอาจกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมการอัปเดต
    - การรวมทุกอย่างไว้ใน Windows Update อาจทำให้เกิดปัญหาหากระบบมีข้อผิดพลาด
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อ ธุรกิจของผู้พัฒนาแอปที่เคยใช้ตัวอัปเดตของตนเอง

    Microsoft หวังว่าการรวมระบบอัปเดตทั้งหมดไว้ใน Windows Update จะช่วยให้ผู้ใช้และองค์กรสามารถจัดการซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลที่ต้องติดตามต่อไป

    https://www.techspot.com/news/108088-windows-update-could-soon-handle-all-apps-drivers.html
    Microsoft กำลังพัฒนา Windows Update orchestration platform ซึ่งจะช่วยให้การอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมด รวมถึงแอปพลิเคชันและไดรเวอร์ สามารถจัดการได้ผ่าน Windows Update โดยตรง แทนที่จะต้องใช้ตัวอัปเดตแยกต่างหากจากผู้พัฒนาแต่ละราย แนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาการแจ้งเตือนที่ซ้ำซ้อนและการใช้ทรัพยากรระบบที่มากเกินไปจากตัวอัปเดตของแต่ละแอป นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นการอัปเดตที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อ Wi-Fi และใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft เปิดตัว Windows Update orchestration platform เพื่อรวมการอัปเดตทั้งหมด - นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนเป็น update provider และใช้ WinRT APIs หรือ PowerShell cmdlets - ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันใหม่และติดตั้งเมื่ออุปกรณ์อยู่ในสถานะที่เหมาะสม - รองรับ MSIX/APPX packages และบางส่วนของ Win32 apps - แอปที่เข้าร่วมจะปรากฏใน Windows Update history และสามารถใช้ toast notifications ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - นักพัฒนาต้องปรับตัวให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา - ผู้ใช้บางรายอาจกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมการอัปเดต - การรวมทุกอย่างไว้ใน Windows Update อาจทำให้เกิดปัญหาหากระบบมีข้อผิดพลาด - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อ ธุรกิจของผู้พัฒนาแอปที่เคยใช้ตัวอัปเดตของตนเอง Microsoft หวังว่าการรวมระบบอัปเดตทั้งหมดไว้ใน Windows Update จะช่วยให้ผู้ใช้และองค์กรสามารถจัดการซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลที่ต้องติดตามต่อไป https://www.techspot.com/news/108088-windows-update-could-soon-handle-all-apps-drivers.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows Update could soon handle all apps and drivers, not just the OS
    Angie Chen, a product manager at Microsoft, writes that the updates across the Windows ecosystem can feel like a fragmented experience, which has led to Microsoft developing...
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • Smart App Control: ระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ของ Microsoft ที่ช่วยป้องกันมัลแวร์

    Microsoft เปิดตัว Smart App Control (SAC) ใน Windows 11 22H2 ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ ช่วยป้องกันแอปพลิเคชันที่ไม่ปลอดภัยและลดผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเครื่อง โดยใช้แนวทาง "Guilty until proven innocent"

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Smart App Control
    ✅ SAC ใช้ระบบตรวจสอบแอปพลิเคชันผ่าน Microsoft Intelligence Security Graph
    - หากแอปพลิเคชัน ไม่มีข้อมูลความปลอดภัยที่ชัดเจน จะถูกบล็อกทันที

    ✅ SAC ทำงานร่วมกับ Windows Defender แต่มีแนวทางที่แตกต่างกัน
    - Windows Defender ใช้การตรวจสอบพฤติกรรมของแอปพลิเคชัน
    - SAC บล็อกแอปที่ไม่ผ่านการรับรองตั้งแต่แรก

    ✅ SAC ไม่สามารถปลดบล็อกแอปที่ถูกระบุว่าเป็นอันตรายได้
    - ต่างจาก Windows Defender ที่ สามารถตั้งค่าให้ยกเว้นบางแอปได้

    ✅ Microsoft ระบุว่า SAC ช่วยลดการใช้ทรัพยากรของเครื่องและเพิ่มความปลอดภัย
    - โดยเฉพาะ การป้องกันมัลแวร์แบบ Zero-Day และ Polymorphic Threats

    ✅ SAC มีช่วงทดลองใช้งานเพื่อประเมินว่าฟีเจอร์นี้เหมาะสมกับระบบของผู้ใช้หรือไม่
    - หาก SAC ถูกปิด จะไม่สามารถเปิดใช้งานใหม่ได้โดยไม่ติดตั้ง Windows ใหม่

    https://www.tomshardware.com/software/antivirus/microsofts-smart-app-control-blocks-malware-and-has-lighter-impact-on-your-pcs-performance
    Smart App Control: ระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ของ Microsoft ที่ช่วยป้องกันมัลแวร์ Microsoft เปิดตัว Smart App Control (SAC) ใน Windows 11 22H2 ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ ช่วยป้องกันแอปพลิเคชันที่ไม่ปลอดภัยและลดผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเครื่อง โดยใช้แนวทาง "Guilty until proven innocent" 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Smart App Control ✅ SAC ใช้ระบบตรวจสอบแอปพลิเคชันผ่าน Microsoft Intelligence Security Graph - หากแอปพลิเคชัน ไม่มีข้อมูลความปลอดภัยที่ชัดเจน จะถูกบล็อกทันที ✅ SAC ทำงานร่วมกับ Windows Defender แต่มีแนวทางที่แตกต่างกัน - Windows Defender ใช้การตรวจสอบพฤติกรรมของแอปพลิเคชัน - SAC บล็อกแอปที่ไม่ผ่านการรับรองตั้งแต่แรก ✅ SAC ไม่สามารถปลดบล็อกแอปที่ถูกระบุว่าเป็นอันตรายได้ - ต่างจาก Windows Defender ที่ สามารถตั้งค่าให้ยกเว้นบางแอปได้ ✅ Microsoft ระบุว่า SAC ช่วยลดการใช้ทรัพยากรของเครื่องและเพิ่มความปลอดภัย - โดยเฉพาะ การป้องกันมัลแวร์แบบ Zero-Day และ Polymorphic Threats ✅ SAC มีช่วงทดลองใช้งานเพื่อประเมินว่าฟีเจอร์นี้เหมาะสมกับระบบของผู้ใช้หรือไม่ - หาก SAC ถูกปิด จะไม่สามารถเปิดใช้งานใหม่ได้โดยไม่ติดตั้ง Windows ใหม่ https://www.tomshardware.com/software/antivirus/microsofts-smart-app-control-blocks-malware-and-has-lighter-impact-on-your-pcs-performance
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • AnduinOS Linux: อัปเดตใหม่สำหรับระบบปฏิบัติการที่คล้าย Windows 11

    Anduin Xue นักพัฒนาหลักของ AnduinOS ได้เปิดตัว สามเวอร์ชันใหม่ ของระบบปฏิบัติการ Linux ที่มีลักษณะคล้าย Windows 11 ได้แก่ AnduinOS 1.1.5, 1.2.5 และ 1.3.2 โดยมีการปรับปรุงที่สำคัญ เช่น รองรับ AppImage ทันที, ระบบความปลอดภัยรหัสผ่านที่ดีขึ้น และประสบการณ์ X11 ที่ลื่นไหลขึ้น

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AnduinOS เวอร์ชันใหม่
    ✅ รองรับ AppImage ทันที
    - ทำให้ สามารถใช้งานแอปพลิเคชันแบบพกพาได้ง่ายขึ้น
    - ลดปัญหาการติดตั้งแอปที่ต้องพึ่งพาไลบรารีภายนอก

    ✅ ปรับปรุงความปลอดภัยของรหัสผ่าน
    - เพิ่ม มาตรการป้องกันการโจมตีแบบ brute-force

    ✅ ประสบการณ์ X11 ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะใน Hyper-V
    - ช่วยให้ การใช้งานบนเครื่องเสมือนมีความเสถียรมากขึ้น

    ✅ ดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน BitTorrent ได้เสถียรขึ้น
    - ลดปัญหา ไฟล์เสียหายระหว่างการดาวน์โหลด

    ✅ AnduinOS 1.3.2 เพิ่ม deskmon.service สำหรับจัดการไฟล์บนเดสก์ท็อป
    - ทำให้ การสร้างทางลัดบนเดสก์ท็อปง่ายขึ้น

    ✅ รองรับอุปกรณ์เสียง Intel รุ่นใหม่ผ่านเฟิร์มแวร์ thesofproject/sof-bin
    - เฉพาะการติดตั้งใหม่เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับการอัปเกรด

    ✅ AnduinOS 1.2.5 และ 1.1.5 ปรับปรุงธีมของตัวติดตั้งให้สอดคล้องกับระบบ
    - แก้ไขปัญหา Ubiquity installer ไม่ตรงกับธีมของระบบ

    ✅ ข้อความใน GRUB menu เปลี่ยนจาก "Install AnduinOS" เป็น "Try and Install AnduinOS"
    - เพิ่มความชัดเจน ให้ผู้ใช้ทราบว่ามีตัวเลือกทดลองใช้งานก่อนติดตั้ง

    https://www.neowin.net/news/anduinos-linux-major-updates-for-windows-11-clone---whats-new-and-how-to-install/
    AnduinOS Linux: อัปเดตใหม่สำหรับระบบปฏิบัติการที่คล้าย Windows 11 Anduin Xue นักพัฒนาหลักของ AnduinOS ได้เปิดตัว สามเวอร์ชันใหม่ ของระบบปฏิบัติการ Linux ที่มีลักษณะคล้าย Windows 11 ได้แก่ AnduinOS 1.1.5, 1.2.5 และ 1.3.2 โดยมีการปรับปรุงที่สำคัญ เช่น รองรับ AppImage ทันที, ระบบความปลอดภัยรหัสผ่านที่ดีขึ้น และประสบการณ์ X11 ที่ลื่นไหลขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AnduinOS เวอร์ชันใหม่ ✅ รองรับ AppImage ทันที - ทำให้ สามารถใช้งานแอปพลิเคชันแบบพกพาได้ง่ายขึ้น - ลดปัญหาการติดตั้งแอปที่ต้องพึ่งพาไลบรารีภายนอก ✅ ปรับปรุงความปลอดภัยของรหัสผ่าน - เพิ่ม มาตรการป้องกันการโจมตีแบบ brute-force ✅ ประสบการณ์ X11 ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะใน Hyper-V - ช่วยให้ การใช้งานบนเครื่องเสมือนมีความเสถียรมากขึ้น ✅ ดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน BitTorrent ได้เสถียรขึ้น - ลดปัญหา ไฟล์เสียหายระหว่างการดาวน์โหลด ✅ AnduinOS 1.3.2 เพิ่ม deskmon.service สำหรับจัดการไฟล์บนเดสก์ท็อป - ทำให้ การสร้างทางลัดบนเดสก์ท็อปง่ายขึ้น ✅ รองรับอุปกรณ์เสียง Intel รุ่นใหม่ผ่านเฟิร์มแวร์ thesofproject/sof-bin - เฉพาะการติดตั้งใหม่เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับการอัปเกรด ✅ AnduinOS 1.2.5 และ 1.1.5 ปรับปรุงธีมของตัวติดตั้งให้สอดคล้องกับระบบ - แก้ไขปัญหา Ubiquity installer ไม่ตรงกับธีมของระบบ ✅ ข้อความใน GRUB menu เปลี่ยนจาก "Install AnduinOS" เป็น "Try and Install AnduinOS" - เพิ่มความชัดเจน ให้ผู้ใช้ทราบว่ามีตัวเลือกทดลองใช้งานก่อนติดตั้ง https://www.neowin.net/news/anduinos-linux-major-updates-for-windows-11-clone---whats-new-and-how-to-install/
    WWW.NEOWIN.NET
    AnduinOS Linux: Major updates for Windows 11 clone - what's new and how to install
    The Windows 11-like Linux distribution, AnduinOS, has just released three upgrades for its existing releases. This is what's new and how to upgrade.
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • Adobe ปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud พร้อมเปิดตัวแผนใหม่ "Pro"

    Adobe ประกาศปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud All Apps โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro และเพิ่มฟีเจอร์ AI ขั้นสูง เช่น Generative Fill ใน Photoshop และ Generative Remove ใน Lightroom

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Adobe Creative Cloud
    ✅ Creative Cloud All Apps เปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro
    - มาพร้อม ฟีเจอร์ AI และเครดิตสำหรับการสร้างเนื้อหาด้วย AI

    ✅ ราคาสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
    - รายปี จาก $659.88 เป็น $770
    - รายเดือน จาก $89.99 เป็น $104.99
    - องค์กร จาก $89.99 เป็น $99.99 ต่อที่นั่ง
    - นักเรียนและครู จาก $34.99 เป็น $39.99

    ✅ สมาชิกจะได้รับเครดิต AI 4,000 ต่อเดือนสำหรับการสร้างวิดีโอ เสียง และภาพระดับพรีเมียม
    - รวมถึง การเข้าถึงเครื่องมือ AI เช่น Firefly Boards สำหรับการวางแผนและระดมความคิด

    ✅ สามารถใช้ Adobe Firefly และรวมโมเดล AI ของตนเองเข้ากับแพลตฟอร์ม
    - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการสร้างเนื้อหาด้วย AI ได้มากขึ้น

    ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับการต่ออายุครั้งแรกหลังวันที่ 17 มิถุนายน 2025
    - ผู้ใช้ ต้องพิจารณาว่าฟีเจอร์ใหม่คุ้มค่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นหรือไม่

    ‼️ ราคาที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มต้องมองหาทางเลือกอื่น
    - มี แอปทางเลือกสำหรับ Photoshop และ InDesign ที่อาจคุ้มค่ากว่า

    ‼️ การใช้ AI อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์และความถูกต้องของเนื้อหาที่สร้างขึ้น
    - ผู้ใช้ ต้องตรวจสอบข้อกำหนดการใช้งานของ Adobe Firefly

    https://www.techradar.com/computing/creative-software/the-price-of-ai-adobe-hikes-creative-cloud-subscriptions-for-some-with-new-pro-plan-heres-what-you-need-to-know
    Adobe ปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud พร้อมเปิดตัวแผนใหม่ "Pro" Adobe ประกาศปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud All Apps โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro และเพิ่มฟีเจอร์ AI ขั้นสูง เช่น Generative Fill ใน Photoshop และ Generative Remove ใน Lightroom 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Adobe Creative Cloud ✅ Creative Cloud All Apps เปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro - มาพร้อม ฟีเจอร์ AI และเครดิตสำหรับการสร้างเนื้อหาด้วย AI ✅ ราคาสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม - รายปี จาก $659.88 เป็น $770 - รายเดือน จาก $89.99 เป็น $104.99 - องค์กร จาก $89.99 เป็น $99.99 ต่อที่นั่ง - นักเรียนและครู จาก $34.99 เป็น $39.99 ✅ สมาชิกจะได้รับเครดิต AI 4,000 ต่อเดือนสำหรับการสร้างวิดีโอ เสียง และภาพระดับพรีเมียม - รวมถึง การเข้าถึงเครื่องมือ AI เช่น Firefly Boards สำหรับการวางแผนและระดมความคิด ✅ สามารถใช้ Adobe Firefly และรวมโมเดล AI ของตนเองเข้ากับแพลตฟอร์ม - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการสร้างเนื้อหาด้วย AI ได้มากขึ้น ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับการต่ออายุครั้งแรกหลังวันที่ 17 มิถุนายน 2025 - ผู้ใช้ ต้องพิจารณาว่าฟีเจอร์ใหม่คุ้มค่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ‼️ ราคาที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มต้องมองหาทางเลือกอื่น - มี แอปทางเลือกสำหรับ Photoshop และ InDesign ที่อาจคุ้มค่ากว่า ‼️ การใช้ AI อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์และความถูกต้องของเนื้อหาที่สร้างขึ้น - ผู้ใช้ ต้องตรวจสอบข้อกำหนดการใช้งานของ Adobe Firefly https://www.techradar.com/computing/creative-software/the-price-of-ai-adobe-hikes-creative-cloud-subscriptions-for-some-with-new-pro-plan-heres-what-you-need-to-know
    0 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • Fedora 43 เตรียมยกเลิกการรองรับ X11 และเปลี่ยนไปใช้ Wayland อย่างเต็มรูปแบบ

    Fedora ประกาศว่า Fedora 43 GNOME Desktop จะยกเลิกการรองรับ X11 และเปลี่ยนไปใช้ Wayland เท่านั้น โดยการตัดสินใจนี้ได้รับการอนุมัติจาก Fedora Engineering and Steering Committee (FESCo) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่ GNOME กำลังดำเนินการ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Fedora 43
    ✅ Fedora 43 จะเป็น Wayland-only และยกเลิกการรองรับ X11 อย่างสมบูรณ์
    - ผู้ใช้ที่ยังใช้ X11 จะถูกย้ายไปใช้ Wayland โดยอัตโนมัติ

    ✅ X11 packages จะถูกนำออกจาก Fedora repositories
    - ทำให้ ผู้ใช้ไม่สามารถติดตั้ง X11 ได้อีกต่อไป

    ✅ GNOME 50 คาดว่าจะยกเลิกการรองรับ X11 เช่นกัน
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นใน GNOME 49 หากมีฉันทามติ

    ✅ XWayland ยังคงได้รับการรองรับเพื่อให้สามารถรันแอปพลิเคชัน X11 บน Wayland ได้
    - เป็นข่าวดีสำหรับ ผู้ใช้ที่ยังต้องการใช้แอปที่ไม่รองรับ Wayland โดยตรง

    ✅ Fedora เป็นหนึ่งในดิสโทรแรกที่เปลี่ยนไปใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่ Fedora 25 ในปี 2016
    - Canonical ก็เปลี่ยน Ubuntu ไปใช้ Wayland เช่นกัน

    https://www.neowin.net/news/fedora-43-gnome-desktop-to-remove-support-for-x11-sessions/
    Fedora 43 เตรียมยกเลิกการรองรับ X11 และเปลี่ยนไปใช้ Wayland อย่างเต็มรูปแบบ Fedora ประกาศว่า Fedora 43 GNOME Desktop จะยกเลิกการรองรับ X11 และเปลี่ยนไปใช้ Wayland เท่านั้น โดยการตัดสินใจนี้ได้รับการอนุมัติจาก Fedora Engineering and Steering Committee (FESCo) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่ GNOME กำลังดำเนินการ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Fedora 43 ✅ Fedora 43 จะเป็น Wayland-only และยกเลิกการรองรับ X11 อย่างสมบูรณ์ - ผู้ใช้ที่ยังใช้ X11 จะถูกย้ายไปใช้ Wayland โดยอัตโนมัติ ✅ X11 packages จะถูกนำออกจาก Fedora repositories - ทำให้ ผู้ใช้ไม่สามารถติดตั้ง X11 ได้อีกต่อไป ✅ GNOME 50 คาดว่าจะยกเลิกการรองรับ X11 เช่นกัน - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นใน GNOME 49 หากมีฉันทามติ ✅ XWayland ยังคงได้รับการรองรับเพื่อให้สามารถรันแอปพลิเคชัน X11 บน Wayland ได้ - เป็นข่าวดีสำหรับ ผู้ใช้ที่ยังต้องการใช้แอปที่ไม่รองรับ Wayland โดยตรง ✅ Fedora เป็นหนึ่งในดิสโทรแรกที่เปลี่ยนไปใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่ Fedora 25 ในปี 2016 - Canonical ก็เปลี่ยน Ubuntu ไปใช้ Wayland เช่นกัน https://www.neowin.net/news/fedora-43-gnome-desktop-to-remove-support-for-x11-sessions/
    WWW.NEOWIN.NET
    Fedora 43 GNOME desktop to remove support for X11 sessions
    The Fedora project has decided to retire X11 sessions for the GNOME version in Fedora 43 in favor of Wayland.
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • รายงานสรุปจากงาน Microsoft Build 2025 วันที่ 2

    งาน Microsoft Build 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองซีแอตเทิล มีการประกาศนวัตกรรมสำคัญมากมายในวันที่ 2 (20 พฤษภาคม 2568) โดยเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยี AI และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ด้านล่างนี้เป็นรายละเอียดทั้งหมดที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของงานในวันที่ 2:

    ℹ️ การพัฒนา AI และเทคโนโลยี Agentic

    - งานวันที่ 2 เริ่มต้นด้วย keynote สำหรับนักพัฒนา โดยเน้นรายละเอียดทางเทคนิคมากกว่าวันแรกของ Satya Nadella. มีการเปิดตัว Microsoft Discovery ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ Agent AI เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการวิจัยวิทยาศาสตร์ โดยช่วยในการจำลองสถานการณ์จริง เช่น การพัฒนาโซลูชันระบายความร้อน. John Link ได้สาธิตการใช้งานในงานนี้.

    - NLWeb เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติบนเว็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเปลี่ยนเว็บไซต์ให้เป็นแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent พัฒนาโดย R.V. Guha และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ เช่น O’Reilly Media, Snowflake, Shopify, และ Chicago Public Library. Windows AI Foundry ซึ่งก่อนหน้านี้ชื่อ Windows 11 Copilot Runtime เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (GA) รองรับการทำงานบน CPU, GPU, และคลาวด์ พร้อมรุ่นสำหรับ Mac ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างฟีเจอร์ AI ได้หลากหลายมากขึ้น.

    - AI Agents ถูกนำมาใช้ในงานต่างๆ เช่น การวางแผนการเดินทาง, ลดการเกิด hallucination, และการดูแลผู้ป่วยมะเร็งโดยการรวมข้อมูลทางการแพทย์และแบ่งปันกับโรงพยาบาลชุมชน. มีการพูดถึง Agentic Web ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาเว็บที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent เพื่อความเปิดกว้างและความเร็วในการสร้างเว็บไซต์.

    ℹ️ เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา

    - มีการสาธิต GitHub Copilot ซึ่งได้รับการอัปเกรดให้เป็น "เพื่อนนักพัฒนา" หรือ "Project Padawan" โดยสามารถแก้บั๊ก, พัฒนาฟีเจอร์ใหม่, และจัดการ GitHub Issues ได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงช่วยจัดการหลายงานพร้อมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา. GitHub Copilot เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับลูกค้า Copilot Enterprise และ Copilot Pro+ เหมาะสำหรับงานที่มีความซับซ้อนต่ำถึงปานกลาง.

    - Copilot Studio ได้รับการอัปเกรดด้วยคุณสมบัติสำหรับนักพัฒนามืออาวุโส รวมถึง M365 Copilot APIs (ในรูปแบบ preview) และ Bring Your Own Models จาก Azure Foundry (ในรูปแบบ preview). SQL Server 2025 เปิดตัวในรูปแบบ public preview พร้อมการรวม AI และความสามารถในการค้นหาเวกเตอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการฐานข้อมูล.

    - Microsoft ประกาศเปิดตัว Windows Subsystem for Linux (WSL) เป็นโอเพ่นซอร์ส รวมถึง "Mariner" Linux และ WSL-g UI layer, และมีแผนจะเปิดตัว GitHub Copilot Chat Extension สำหรับ VSCode เป็นโอเพ่นซอร์สในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า. นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง Model Context Protocol (MCP) ซึ่ง Microsoft เข้าร่วม MCP Steering Committee และรองรับ MCP บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น GitHub, Copilot Studio, Dynamics 365, Azure, Azure AI Foundry, Semantic Kernel, Foundry Agents, และ Windows 11.

    ℹ️ Microsoft 365 และ Copilot
    ➡️ Microsoft 365 Copilot Wave 2 Spring Release มีการอัปเดตใหม่สำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI Agent รวมถึง:

    - แอปที่อัปเดตสำหรับการทำงานร่วมกัน.
    - ประสบการณ์การสร้างด้วย OpenAI GPT-4o สำหรับการสร้างภาพ.
    - Copilot Notebooks เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (GA).
    - Copilot Search และ Copilot Memory จะเริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายน.
    - Researcher และ Analyst agents ผ่านโปรแกรม Frontier จะเริ่มในเดือนนี้.

    ➡️ Power Apps มีการประกาศคุณสมบัติใหม่ เช่น:
    - Solution Workspace เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 30 พฤษภาคม.
    - Generative pages ด้วย React code (Early Access Program).
    - Agent feed สำหรับแอป (Early Access Program).
    - นำแอปแบบ code-first มายัง Power Platform (Early Access Program).

    ℹ️ ความร่วมมือและนวัตกรรม
    - มีการร่วมมือกับ Nvidia โดย Jensen Huang กล่าวถึงการเร่งการทำงานของ AI และการจัดการงานหนักด้วย CUDA. นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับ xAI โดย Elon Musk ปรากฏตัวผ่านวิดีโอและประกาศว่า Grok 3 และ Grok 3 Mini จะมีบน Azure AI Foundry เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาดของ AI โดยใช้กฎหมายฟิสิกส์.

    - MyEngine AI ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยผู้ที่มีปัญหาการได้ยินเข้าใจสำเนียงท้องถิ่นได้ดีขึ้น. AI ยังถูกนำมาใช้ในด้านที่น่าสนใจ เช่น การพยากรณ์อากาศด้วย supercomputer บนคลาวด์ ซึ่งต้องการพลังการคำนวณสูงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ และ AI สำหรับ NFL Combine ซึ่งมีการสาธิตผ่านวิดีโอ (AI for NFL Combine).

    ℹ️ ความปลอดภัยและการจัดการ
    - Microsoft ขยายการใช้งาน Entra, Defender for Cloud, และ Purview เข้าสู่ Azure AI Foundry และ Copilot Studio เพื่อเพิ่มความปลอดภัย. Entra Agent ID เปิดตัวในรูปแบบ preview เพื่อจัดการ AI Agents ซึ่งช่วยในการควบคุมและปกป้องการทำงานของ AI.

    ℹ️ บุคคลสำคัญและการปรากฏตัว
    - งานวันที่ 2 มีการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญผ่านวิดีโอ เช่น Sam Altman (OpenAI) ที่กล่าวถึงการจัดการงาน AI ขนาดใหญ่ และ Elon Musk (xAI) ที่พูดถึงความร่วมมือกับ Microsoft ในการนำ Grok 3 และ Grok 3 Mini มาใช้บน Azure.
    รายงานสรุปจากงาน Microsoft Build 2025 วันที่ 2 งาน Microsoft Build 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองซีแอตเทิล มีการประกาศนวัตกรรมสำคัญมากมายในวันที่ 2 (20 พฤษภาคม 2568) โดยเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยี AI และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ด้านล่างนี้เป็นรายละเอียดทั้งหมดที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของงานในวันที่ 2: ℹ️ การพัฒนา AI และเทคโนโลยี Agentic - งานวันที่ 2 เริ่มต้นด้วย keynote สำหรับนักพัฒนา โดยเน้นรายละเอียดทางเทคนิคมากกว่าวันแรกของ Satya Nadella. มีการเปิดตัว Microsoft Discovery ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ Agent AI เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการวิจัยวิทยาศาสตร์ โดยช่วยในการจำลองสถานการณ์จริง เช่น การพัฒนาโซลูชันระบายความร้อน. John Link ได้สาธิตการใช้งานในงานนี้. - NLWeb เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติบนเว็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเปลี่ยนเว็บไซต์ให้เป็นแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent พัฒนาโดย R.V. Guha และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ เช่น O’Reilly Media, Snowflake, Shopify, และ Chicago Public Library. Windows AI Foundry ซึ่งก่อนหน้านี้ชื่อ Windows 11 Copilot Runtime เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (GA) รองรับการทำงานบน CPU, GPU, และคลาวด์ พร้อมรุ่นสำหรับ Mac ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างฟีเจอร์ AI ได้หลากหลายมากขึ้น. - AI Agents ถูกนำมาใช้ในงานต่างๆ เช่น การวางแผนการเดินทาง, ลดการเกิด hallucination, และการดูแลผู้ป่วยมะเร็งโดยการรวมข้อมูลทางการแพทย์และแบ่งปันกับโรงพยาบาลชุมชน. มีการพูดถึง Agentic Web ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาเว็บที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent เพื่อความเปิดกว้างและความเร็วในการสร้างเว็บไซต์. ℹ️ เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา - มีการสาธิต GitHub Copilot ซึ่งได้รับการอัปเกรดให้เป็น "เพื่อนนักพัฒนา" หรือ "Project Padawan" โดยสามารถแก้บั๊ก, พัฒนาฟีเจอร์ใหม่, และจัดการ GitHub Issues ได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงช่วยจัดการหลายงานพร้อมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา. GitHub Copilot เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับลูกค้า Copilot Enterprise และ Copilot Pro+ เหมาะสำหรับงานที่มีความซับซ้อนต่ำถึงปานกลาง. - Copilot Studio ได้รับการอัปเกรดด้วยคุณสมบัติสำหรับนักพัฒนามืออาวุโส รวมถึง M365 Copilot APIs (ในรูปแบบ preview) และ Bring Your Own Models จาก Azure Foundry (ในรูปแบบ preview). SQL Server 2025 เปิดตัวในรูปแบบ public preview พร้อมการรวม AI และความสามารถในการค้นหาเวกเตอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการฐานข้อมูล. - Microsoft ประกาศเปิดตัว Windows Subsystem for Linux (WSL) เป็นโอเพ่นซอร์ส รวมถึง "Mariner" Linux และ WSL-g UI layer, และมีแผนจะเปิดตัว GitHub Copilot Chat Extension สำหรับ VSCode เป็นโอเพ่นซอร์สในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า. นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง Model Context Protocol (MCP) ซึ่ง Microsoft เข้าร่วม MCP Steering Committee และรองรับ MCP บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น GitHub, Copilot Studio, Dynamics 365, Azure, Azure AI Foundry, Semantic Kernel, Foundry Agents, และ Windows 11. ℹ️ Microsoft 365 และ Copilot ➡️ Microsoft 365 Copilot Wave 2 Spring Release มีการอัปเดตใหม่สำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI Agent รวมถึง: - แอปที่อัปเดตสำหรับการทำงานร่วมกัน. - ประสบการณ์การสร้างด้วย OpenAI GPT-4o สำหรับการสร้างภาพ. - Copilot Notebooks เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (GA). - Copilot Search และ Copilot Memory จะเริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายน. - Researcher และ Analyst agents ผ่านโปรแกรม Frontier จะเริ่มในเดือนนี้. ➡️ Power Apps มีการประกาศคุณสมบัติใหม่ เช่น: - Solution Workspace เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 30 พฤษภาคม. - Generative pages ด้วย React code (Early Access Program). - Agent feed สำหรับแอป (Early Access Program). - นำแอปแบบ code-first มายัง Power Platform (Early Access Program). ℹ️ ความร่วมมือและนวัตกรรม - มีการร่วมมือกับ Nvidia โดย Jensen Huang กล่าวถึงการเร่งการทำงานของ AI และการจัดการงานหนักด้วย CUDA. นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับ xAI โดย Elon Musk ปรากฏตัวผ่านวิดีโอและประกาศว่า Grok 3 และ Grok 3 Mini จะมีบน Azure AI Foundry เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาดของ AI โดยใช้กฎหมายฟิสิกส์. - MyEngine AI ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยผู้ที่มีปัญหาการได้ยินเข้าใจสำเนียงท้องถิ่นได้ดีขึ้น. AI ยังถูกนำมาใช้ในด้านที่น่าสนใจ เช่น การพยากรณ์อากาศด้วย supercomputer บนคลาวด์ ซึ่งต้องการพลังการคำนวณสูงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ และ AI สำหรับ NFL Combine ซึ่งมีการสาธิตผ่านวิดีโอ (AI for NFL Combine). ℹ️ ความปลอดภัยและการจัดการ - Microsoft ขยายการใช้งาน Entra, Defender for Cloud, และ Purview เข้าสู่ Azure AI Foundry และ Copilot Studio เพื่อเพิ่มความปลอดภัย. Entra Agent ID เปิดตัวในรูปแบบ preview เพื่อจัดการ AI Agents ซึ่งช่วยในการควบคุมและปกป้องการทำงานของ AI. ℹ️ บุคคลสำคัญและการปรากฏตัว - งานวันที่ 2 มีการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญผ่านวิดีโอ เช่น Sam Altman (OpenAI) ที่กล่าวถึงการจัดการงาน AI ขนาดใหญ่ และ Elon Musk (xAI) ที่พูดถึงความร่วมมือกับ Microsoft ในการนำ Grok 3 และ Grok 3 Mini มาใช้บน Azure.
    0 Comments 0 Shares 498 Views 0 Reviews
  • Intel เปิดตัวชิป Panther Lake พร้อมประสิทธิภาพระดับ Arrow Lake และความประหยัดพลังงานแบบ Lunar Lake

    Intel เผยโฉมชิป Core Ultra 300 "Panther Lake" ในงาน Computex 2025 โดยใช้กระบวนการผลิต 18A และดีไซน์แบบ 5-tile ซึ่งรวมถึง Cougar Cove P-cores, Darkmont และ Skymont E-cores และ Xe3 Celestial integrated GPU

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับชิป Panther Lake
    ✅ Panther Lake ใช้กระบวนการผลิต 18A และดีไซน์แบบ 5-tile
    - รวมถึง Cougar Cove P-cores, Darkmont และ Skymont E-cores และ Xe3 Celestial GPU

    ✅ Intel อ้างว่าชิปนี้มีประสิทธิภาพระดับ Arrow Lake แต่ใช้พลังงานเทียบเท่า Lunar Lake
    - แต่ยัง ไม่มีการเปิดเผยผลการทดสอบประสิทธิภาพ

    ✅ Panther Lake รองรับ XMX integrated graphics รุ่นใหม่
    - มี ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GPU ของ Lunar Lake

    ✅ Intel สาธิตการใช้ Panther Lake กับ DaVinci Resolve เพื่อแสดงความสามารถด้าน AI Video Processing
    - แล็ปท็อปที่ใช้ชิปนี้ มี 16 คอร์ แต่ยังไม่มีรายละเอียดสเปกเต็ม

    ✅ ชิป Panther Lake คาดว่าจะเข้าสู่การผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และเปิดตัวในต้นปี 2026
    - Intel ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นต่าง ๆ ของชิปนี้

    https://www.techspot.com/news/107967-intel-demos-panther-lake-chips-promises-arrow-lake.html
    Intel เปิดตัวชิป Panther Lake พร้อมประสิทธิภาพระดับ Arrow Lake และความประหยัดพลังงานแบบ Lunar Lake Intel เผยโฉมชิป Core Ultra 300 "Panther Lake" ในงาน Computex 2025 โดยใช้กระบวนการผลิต 18A และดีไซน์แบบ 5-tile ซึ่งรวมถึง Cougar Cove P-cores, Darkmont และ Skymont E-cores และ Xe3 Celestial integrated GPU 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับชิป Panther Lake ✅ Panther Lake ใช้กระบวนการผลิต 18A และดีไซน์แบบ 5-tile - รวมถึง Cougar Cove P-cores, Darkmont และ Skymont E-cores และ Xe3 Celestial GPU ✅ Intel อ้างว่าชิปนี้มีประสิทธิภาพระดับ Arrow Lake แต่ใช้พลังงานเทียบเท่า Lunar Lake - แต่ยัง ไม่มีการเปิดเผยผลการทดสอบประสิทธิภาพ ✅ Panther Lake รองรับ XMX integrated graphics รุ่นใหม่ - มี ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GPU ของ Lunar Lake ✅ Intel สาธิตการใช้ Panther Lake กับ DaVinci Resolve เพื่อแสดงความสามารถด้าน AI Video Processing - แล็ปท็อปที่ใช้ชิปนี้ มี 16 คอร์ แต่ยังไม่มีรายละเอียดสเปกเต็ม ✅ ชิป Panther Lake คาดว่าจะเข้าสู่การผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และเปิดตัวในต้นปี 2026 - Intel ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นต่าง ๆ ของชิปนี้ https://www.techspot.com/news/107967-intel-demos-panther-lake-chips-promises-arrow-lake.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel demos Panther Lake chips, promises Arrow Lake performance with Lunar Lake efficiency
    Intel did not share performance benchmarks for the new chips but claimed they will deliver Arrow Lake-level performance with Lunar Lake-level efficiency. The company also confirmed that...
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • MSI เปิดตัว EdgeXpert MS-C931: AI Supercomputer หรือแค่การตลาด?

    MSI เปิดตัว EdgeXpert MS-C931 ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปที่ใช้แพลตฟอร์ม Nvidia DGX Spark โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็น "AI Supercomputer" สำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ต้องการพลังประมวลผล AI ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของอุปกรณ์นี้

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ MSI EdgeXpert MS-C931
    ✅ ใช้ Nvidia GB10 Grace Blackwell Superchip
    - ให้ พลังประมวลผล AI สูงสุด 1,000 TOPS (FP4)

    ✅ มีหน่วยความจำรวม 128GB และรองรับ ConnectX-7 high-speed networking
    - เหมาะสำหรับ การประมวลผล AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง

    ✅ MSI ระบุว่าอุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับภาคการศึกษา, การเงิน และการดูแลสุขภาพ
    - เนื่องจาก ต้องการความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความหน่วงต่ำ

    ✅ สามารถใช้เป็น Workstation สำหรับการพัฒนา AI และการจำลองขนาดใหญ่
    - มี ประสิทธิภาพสูงในการรันโมเดล Machine Learning

    ✅ จะถูกนำเสนอในงาน Computex 2025
    - MSI หวังว่าจะเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับองค์กรที่ต้องการพลัง AI ในระดับสูง

    https://www.techradar.com/computing/cloud-computing/after-asus-and-dell-msi-is-launching-a-nvidia-dgx-spark-clone-but-i-am-still-skeptical-about-the-whole-desktop-ai-supercomputer-moniker
    MSI เปิดตัว EdgeXpert MS-C931: AI Supercomputer หรือแค่การตลาด? MSI เปิดตัว EdgeXpert MS-C931 ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปที่ใช้แพลตฟอร์ม Nvidia DGX Spark โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็น "AI Supercomputer" สำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ต้องการพลังประมวลผล AI ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของอุปกรณ์นี้ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ MSI EdgeXpert MS-C931 ✅ ใช้ Nvidia GB10 Grace Blackwell Superchip - ให้ พลังประมวลผล AI สูงสุด 1,000 TOPS (FP4) ✅ มีหน่วยความจำรวม 128GB และรองรับ ConnectX-7 high-speed networking - เหมาะสำหรับ การประมวลผล AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง ✅ MSI ระบุว่าอุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับภาคการศึกษา, การเงิน และการดูแลสุขภาพ - เนื่องจาก ต้องการความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความหน่วงต่ำ ✅ สามารถใช้เป็น Workstation สำหรับการพัฒนา AI และการจำลองขนาดใหญ่ - มี ประสิทธิภาพสูงในการรันโมเดล Machine Learning ✅ จะถูกนำเสนอในงาน Computex 2025 - MSI หวังว่าจะเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับองค์กรที่ต้องการพลัง AI ในระดับสูง https://www.techradar.com/computing/cloud-computing/after-asus-and-dell-msi-is-launching-a-nvidia-dgx-spark-clone-but-i-am-still-skeptical-about-the-whole-desktop-ai-supercomputer-moniker
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • Microsoft เปิดตัวโฆษณา "Copilot+ PC เร็วกว่า Mac" พร้อมเปรียบเทียบกับ MacBook Air M3

    Microsoft เผยโฆษณาใหม่ที่เน้นความเร็วของ Copilot+ PC โดยอ้างว่า แล็ปท็อปที่ใช้ Snapdragon X Elite สามารถทำงานได้เร็วกว่า MacBook Air M3 ถึง 58% อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ใช้ในโฆษณามาจากการทดสอบเมื่อปีที่แล้ว และเป็นผลลัพธ์จากการทดสอบแบบ multi-core เท่านั้น

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับโฆษณา Copilot+ PC
    ✅ Microsoft อ้างว่า Copilot+ PC เร็วกว่า MacBook Air M3 ถึง 58%
    - เป็นผลจาก การทดสอบ multi-core benchmark เมื่อปี 2024

    ✅ Copilot+ PC ใช้ชิป Snapdragon X Elite ซึ่งเป็น ARM-based processor
    - Qualcomm คาดการณ์ว่า ARM จะครองตลาด Windows PC ถึง 50% ภายใน 5 ปี

    ✅ Microsoft ผลักดัน Copilot+ PC อย่างหนัก เนื่องจากยอดขายยังต่ำกว่าที่คาดการณ์
    - คิดเป็น น้อยกว่า 10% ของยอดขาย PC ทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 ปี 2024

    ✅ MacBook Air M4 เปิดตัวเมื่อต้นปี 2025 และมีประสิทธิภาพสูงกว่า M3
    - รุ่นใหม่ มาพร้อม RAM 16GB เป็นมาตรฐาน และราคาถูกกว่ารุ่นก่อน

    ✅ Microsoft ต้องปรับปรุงการรองรับซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ ARM เพื่อดึงดูดผู้ใช้
    - หากสามารถ เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่งและอัปเกรดได้ อาจช่วยให้ PC ARM ได้รับความนิยมมากขึ้น

    ‼️ ผลการทดสอบที่ Microsoft ใช้ในโฆษณาเป็นข้อมูลเก่าจากปี 2024
    - อาจไม่สะท้อน ประสิทธิภาพของ MacBook Air M4 ที่เปิดตัวในปี 2025

    ‼️ Copilot+ PC ยังมีข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และการรองรับแอปพลิเคชัน
    - ผู้ใช้ อาจต้องตรวจสอบว่าแอปที่ต้องการใช้งานสามารถทำงานบน ARM ได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/laptops/microsofts-were-faster-than-a-mac-ad-claims-top-copilot-pcs-are-up-to-58-percent-faster-than-apples-last-gen-m3-macbook-air
    Microsoft เปิดตัวโฆษณา "Copilot+ PC เร็วกว่า Mac" พร้อมเปรียบเทียบกับ MacBook Air M3 Microsoft เผยโฆษณาใหม่ที่เน้นความเร็วของ Copilot+ PC โดยอ้างว่า แล็ปท็อปที่ใช้ Snapdragon X Elite สามารถทำงานได้เร็วกว่า MacBook Air M3 ถึง 58% อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ใช้ในโฆษณามาจากการทดสอบเมื่อปีที่แล้ว และเป็นผลลัพธ์จากการทดสอบแบบ multi-core เท่านั้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับโฆษณา Copilot+ PC ✅ Microsoft อ้างว่า Copilot+ PC เร็วกว่า MacBook Air M3 ถึง 58% - เป็นผลจาก การทดสอบ multi-core benchmark เมื่อปี 2024 ✅ Copilot+ PC ใช้ชิป Snapdragon X Elite ซึ่งเป็น ARM-based processor - Qualcomm คาดการณ์ว่า ARM จะครองตลาด Windows PC ถึง 50% ภายใน 5 ปี ✅ Microsoft ผลักดัน Copilot+ PC อย่างหนัก เนื่องจากยอดขายยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ - คิดเป็น น้อยกว่า 10% ของยอดขาย PC ทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ✅ MacBook Air M4 เปิดตัวเมื่อต้นปี 2025 และมีประสิทธิภาพสูงกว่า M3 - รุ่นใหม่ มาพร้อม RAM 16GB เป็นมาตรฐาน และราคาถูกกว่ารุ่นก่อน ✅ Microsoft ต้องปรับปรุงการรองรับซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ ARM เพื่อดึงดูดผู้ใช้ - หากสามารถ เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่งและอัปเกรดได้ อาจช่วยให้ PC ARM ได้รับความนิยมมากขึ้น ‼️ ผลการทดสอบที่ Microsoft ใช้ในโฆษณาเป็นข้อมูลเก่าจากปี 2024 - อาจไม่สะท้อน ประสิทธิภาพของ MacBook Air M4 ที่เปิดตัวในปี 2025 ‼️ Copilot+ PC ยังมีข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และการรองรับแอปพลิเคชัน - ผู้ใช้ อาจต้องตรวจสอบว่าแอปที่ต้องการใช้งานสามารถทำงานบน ARM ได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/laptops/microsofts-were-faster-than-a-mac-ad-claims-top-copilot-pcs-are-up-to-58-percent-faster-than-apples-last-gen-m3-macbook-air
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • รัสเซียเพิ่มมาตรการปราบปราม VPN: การควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้น

    รัฐบาลรัสเซีย เดินหน้าปราบปรามการใช้ VPN อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด Samsung และ Xiaomi ได้ลบแอป AdGuard VPN ออกจากร้านค้าแอปในรัสเซีย ตามคำสั่งของ Roskomnadzor ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตของรัสเซีย

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการปราบปราม VPN ในรัสเซีย
    ✅ Samsung และ Xiaomi ลบแอป AdGuard VPN ตามคำสั่งของ Roskomnadzor
    - นอกจากนี้ HideMyName VPN ก็ถูกลบออกจาก Huawei Store ในรัสเซียและจีน

    ✅ Roskomnadzor ใช้กฎหมายใหม่เพื่อบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีปฏิบัติตามข้อกำหนด
    - กฎหมายนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 และกำหนดให้การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์เป็นอาชญากรรม

    ✅ Apple ลบแอป VPN ออกจาก App Store ในรัสเซียไปแล้วกว่า 100 แอป
    - รวมถึง AdGuard VPN และ Amnezia VPN ซึ่งเป็นบริการยอดนิยมในรัสเซีย

    ✅ Google ยังคงต่อต้านคำสั่งของรัฐบาลรัสเซีย
    - แต่ มีข้อมูลว่ามี VPN อย่างน้อย 53 แอปที่ถูกลบออกจาก Google Play Store ในรัสเซีย

    ✅ Roskomnadzor ขยายเป้าหมายไปยังผู้ให้บริการแอปสโตร์รายเล็ก
    - เช่น F-Droid ซึ่งถูกกดดันให้ลบแอป VPN ในปี 2024

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-clear-escalation-in-russias-crackdown-on-digital-privacy-tools-experts-warn-against-recent-vpn-disappearances-in-russia
    รัสเซียเพิ่มมาตรการปราบปราม VPN: การควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้น รัฐบาลรัสเซีย เดินหน้าปราบปรามการใช้ VPN อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด Samsung และ Xiaomi ได้ลบแอป AdGuard VPN ออกจากร้านค้าแอปในรัสเซีย ตามคำสั่งของ Roskomnadzor ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตของรัสเซีย 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการปราบปราม VPN ในรัสเซีย ✅ Samsung และ Xiaomi ลบแอป AdGuard VPN ตามคำสั่งของ Roskomnadzor - นอกจากนี้ HideMyName VPN ก็ถูกลบออกจาก Huawei Store ในรัสเซียและจีน ✅ Roskomnadzor ใช้กฎหมายใหม่เพื่อบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีปฏิบัติตามข้อกำหนด - กฎหมายนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 และกำหนดให้การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์เป็นอาชญากรรม ✅ Apple ลบแอป VPN ออกจาก App Store ในรัสเซียไปแล้วกว่า 100 แอป - รวมถึง AdGuard VPN และ Amnezia VPN ซึ่งเป็นบริการยอดนิยมในรัสเซีย ✅ Google ยังคงต่อต้านคำสั่งของรัฐบาลรัสเซีย - แต่ มีข้อมูลว่ามี VPN อย่างน้อย 53 แอปที่ถูกลบออกจาก Google Play Store ในรัสเซีย ✅ Roskomnadzor ขยายเป้าหมายไปยังผู้ให้บริการแอปสโตร์รายเล็ก - เช่น F-Droid ซึ่งถูกกดดันให้ลบแอป VPN ในปี 2024 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-clear-escalation-in-russias-crackdown-on-digital-privacy-tools-experts-warn-against-recent-vpn-disappearances-in-russia
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • Microsoft ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 โดยไม่มีรุ่นทดแทน

    Microsoft ได้ ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 ซึ่งเป็นแล็ปท็อปที่ทรงพลังที่สุดของบริษัทและมีดีไซน์บานพับจอที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดตัวรุ่นทดแทน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์ Surface

    ✅ Microsoft หยุดการผลิต Surface Laptop Studio 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2025
    - สินค้าจะ หมดสต็อกในร้านค้าต่าง ๆ และจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติม

    ✅ Surface Laptop Studio 2 จะยังคงได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029
    - ผู้ใช้ยังสามารถ รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการต่อไป

    ✅ Microsoft ค่อย ๆ ยุติการผลิตอุปกรณ์ Surface ที่มีดีไซน์แปลกใหม่
    - ก่อนหน้านี้ Surface Studio, Surface Duo, Surface Book และ Surface Neo ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว

    ✅ Surface รุ่นใหม่เน้นไปที่ดีไซน์มาตรฐานมากขึ้น
    - Microsoft มุ่งเน้นไปที่แล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ใช้งานทั่วไปมากกว่าการออกแบบที่แปลกใหม่

    ✅ Surface Laptop Studio 2 เป็นอุปกรณ์ Surface รุ่นสุดท้ายที่มีดีไซน์แหวกแนว
    - ทำให้ โอกาสที่ Microsoft จะกลับไปพัฒนาอุปกรณ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีน้อยลง

    https://www.tomshardware.com/tablets/microsoft-surface/microsoft-may-have-killed-the-surface-laptop-studio-2
    Microsoft ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 โดยไม่มีรุ่นทดแทน Microsoft ได้ ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 ซึ่งเป็นแล็ปท็อปที่ทรงพลังที่สุดของบริษัทและมีดีไซน์บานพับจอที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดตัวรุ่นทดแทน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์ Surface ✅ Microsoft หยุดการผลิต Surface Laptop Studio 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2025 - สินค้าจะ หมดสต็อกในร้านค้าต่าง ๆ และจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติม ✅ Surface Laptop Studio 2 จะยังคงได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 - ผู้ใช้ยังสามารถ รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการต่อไป ✅ Microsoft ค่อย ๆ ยุติการผลิตอุปกรณ์ Surface ที่มีดีไซน์แปลกใหม่ - ก่อนหน้านี้ Surface Studio, Surface Duo, Surface Book และ Surface Neo ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว ✅ Surface รุ่นใหม่เน้นไปที่ดีไซน์มาตรฐานมากขึ้น - Microsoft มุ่งเน้นไปที่แล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ใช้งานทั่วไปมากกว่าการออกแบบที่แปลกใหม่ ✅ Surface Laptop Studio 2 เป็นอุปกรณ์ Surface รุ่นสุดท้ายที่มีดีไซน์แหวกแนว - ทำให้ โอกาสที่ Microsoft จะกลับไปพัฒนาอุปกรณ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีน้อยลง https://www.tomshardware.com/tablets/microsoft-surface/microsoft-may-have-killed-the-surface-laptop-studio-2
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft may have killed the Surface Laptop Studio
    The streamlining of the Surface lineup continues, as Microsoft sticks with what it knows will work.
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • RTX 5090 Laptop GPU: ประสิทธิภาพไม่ต่างจาก RTX 4090 มากนัก

    Nvidia เปิดตัว RTX 5090 Laptop GPU ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่สำหรับแล็ปท็อปเกมมิ่ง อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบจากนักรีวิวฮาร์ดแวร์ชื่อดังพบว่า ประสิทธิภาพของ RTX 5090 ไม่ได้แตกต่างจาก RTX 4090 อย่างมีนัยสำคัญ

    ✅ RTX 5090 มีประสิทธิภาพเฉลี่ย 66 FPS ที่ 4K ใน 25 เกมยอดนิยม
    - เทียบกับ RTX 4090 ที่ทำได้ 65 FPS แม้ใช้ CPU รุ่นเก่ากว่าและ RAM ช้ากว่า

    ✅ ที่ 1080p RTX 4090 กลับทำ FPS ได้สูงกว่า RTX 5090
    - RTX 4090 ทำได้ 133 FPS ขณะที่ RTX 5090 ทำได้ 132 FPS

    ✅ RTX 5090 มีข้อได้เปรียบในบางเกม เช่น Cyberpunk 2077 และ Warhammer 40,000: Space Marine 2
    - ทำ FPS ได้สูงกว่า RTX 4090 20% และ 18% ตามลำดับ

    ✅ RTX 5090 มีประสิทธิภาพด้านพลังงานดีกว่า RTX 4090
    - ส่งผลให้ แบตเตอรี่ของแล็ปท็อปใช้งานได้นานขึ้น

    ✅ ใช้ CPU Arrow Lake-HX ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงกว่า Raptor Lake Refresh
    - อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ แล็ปท็อปที่ใช้ RTX 5090 มีอายุแบตเตอรี่ยาวขึ้น

    ‼️ RTX 5090 ไม่ได้ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า RTX 4090 อย่างชัดเจน
    - ผู้ใช้ที่ต้องการ อัปเกรดอาจต้องพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/107929-rtx-5090-laptop-gpu-shows-no-real-world.html
    RTX 5090 Laptop GPU: ประสิทธิภาพไม่ต่างจาก RTX 4090 มากนัก Nvidia เปิดตัว RTX 5090 Laptop GPU ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่สำหรับแล็ปท็อปเกมมิ่ง อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบจากนักรีวิวฮาร์ดแวร์ชื่อดังพบว่า ประสิทธิภาพของ RTX 5090 ไม่ได้แตกต่างจาก RTX 4090 อย่างมีนัยสำคัญ ✅ RTX 5090 มีประสิทธิภาพเฉลี่ย 66 FPS ที่ 4K ใน 25 เกมยอดนิยม - เทียบกับ RTX 4090 ที่ทำได้ 65 FPS แม้ใช้ CPU รุ่นเก่ากว่าและ RAM ช้ากว่า ✅ ที่ 1080p RTX 4090 กลับทำ FPS ได้สูงกว่า RTX 5090 - RTX 4090 ทำได้ 133 FPS ขณะที่ RTX 5090 ทำได้ 132 FPS ✅ RTX 5090 มีข้อได้เปรียบในบางเกม เช่น Cyberpunk 2077 และ Warhammer 40,000: Space Marine 2 - ทำ FPS ได้สูงกว่า RTX 4090 20% และ 18% ตามลำดับ ✅ RTX 5090 มีประสิทธิภาพด้านพลังงานดีกว่า RTX 4090 - ส่งผลให้ แบตเตอรี่ของแล็ปท็อปใช้งานได้นานขึ้น ✅ ใช้ CPU Arrow Lake-HX ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงกว่า Raptor Lake Refresh - อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ แล็ปท็อปที่ใช้ RTX 5090 มีอายุแบตเตอรี่ยาวขึ้น ‼️ RTX 5090 ไม่ได้ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า RTX 4090 อย่างชัดเจน - ผู้ใช้ที่ต้องการ อัปเกรดอาจต้องพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่ https://www.techspot.com/news/107929-rtx-5090-laptop-gpu-shows-no-real-world.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia RTX 5090 Laptop GPU shows no real performance gains over the RTX 4090
    According to early comparison tests carried out by Australian tech reviewer and YouTuber Jarrod Farncomb, the RTX 5090 mobile offers only a minor performance uplift over the...
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • Microsoft ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 โดยไม่มีรุ่นทดแทน

    Microsoft ได้ ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 ซึ่งเป็น แล็ปท็อปที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท และมีดีไซน์บานพับจอที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดตัวรุ่นทดแทน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์ Surface

    ✅ Microsoft หยุดการผลิต Surface Laptop Studio 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2025
    - สินค้าจะ หมดสต็อกในร้านค้าต่าง ๆ และจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติม

    ✅ Surface Laptop Studio 2 จะยังคงได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029
    - ผู้ใช้ยังสามารถ รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการต่อไป

    ✅ Microsoft ค่อย ๆ ยุติการผลิตอุปกรณ์ Surface ที่มีดีไซน์แปลกใหม่
    - ก่อนหน้านี้ Surface Studio, Surface Duo, Surface Book และ Surface Neo ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว

    ✅ Surface รุ่นใหม่เน้นไปที่ดีไซน์มาตรฐานมากขึ้น
    - Microsoft มุ่งเน้นไปที่แล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ใช้งานทั่วไปมากกว่าการออกแบบที่แปลกใหม่

    ✅ Surface Laptop Studio 2 เป็นอุปกรณ์ Surface รุ่นสุดท้ายที่มีดีไซน์แหวกแนว
    - ทำให้ โอกาสที่ Microsoft จะกลับไปพัฒนาอุปกรณ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีน้อยลง

    https://www.neowin.net/news/microsoft-kills-another-quirky-surface-without-a-replacement/
    Microsoft ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 โดยไม่มีรุ่นทดแทน Microsoft ได้ ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 ซึ่งเป็น แล็ปท็อปที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท และมีดีไซน์บานพับจอที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดตัวรุ่นทดแทน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์ Surface ✅ Microsoft หยุดการผลิต Surface Laptop Studio 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2025 - สินค้าจะ หมดสต็อกในร้านค้าต่าง ๆ และจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติม ✅ Surface Laptop Studio 2 จะยังคงได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 - ผู้ใช้ยังสามารถ รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการต่อไป ✅ Microsoft ค่อย ๆ ยุติการผลิตอุปกรณ์ Surface ที่มีดีไซน์แปลกใหม่ - ก่อนหน้านี้ Surface Studio, Surface Duo, Surface Book และ Surface Neo ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว ✅ Surface รุ่นใหม่เน้นไปที่ดีไซน์มาตรฐานมากขึ้น - Microsoft มุ่งเน้นไปที่แล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ใช้งานทั่วไปมากกว่าการออกแบบที่แปลกใหม่ ✅ Surface Laptop Studio 2 เป็นอุปกรณ์ Surface รุ่นสุดท้ายที่มีดีไซน์แหวกแนว - ทำให้ โอกาสที่ Microsoft จะกลับไปพัฒนาอุปกรณ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีน้อยลง https://www.neowin.net/news/microsoft-kills-another-quirky-surface-without-a-replacement/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft kills another quirky Surface without a replacement
    Another Surface bites the dust. This time, Microsoft killed its most powerful laptop with a quirky hinge without providing a replacement.
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • Oniux: เครื่องมือใหม่จาก Tor Project ที่ช่วยปกป้องแอปพลิเคชัน Linux จากการสอดแนม

    Tor Project ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการพัฒนา Tor Browser ได้เปิดตัว Oniux ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ รันแอปพลิเคชัน Linux ผ่าน Tor ได้ในระดับเคอร์เนล ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูงขึ้นและลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูล

    ✅ Oniux ช่วยให้แอปพลิเคชัน Linux สามารถรันผ่าน Tor ได้โดยตรง
    - ใช้ Linux namespace เพื่อแยกทรัพยากรระบบและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล

    ✅ ช่วยลดปัญหาการตั้งค่าพร็อกซีผิดพลาด
    - ทำให้ ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตั้งค่าที่อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล

    ✅ Oniux มีความสามารถเหนือกว่า Torsocks ซึ่งเป็นเครื่องมือเก่าของ Tor Project
    - สามารถ ทำงานกับทุกแอปพลิเคชัน ไม่จำกัดเฉพาะแอปที่ใช้ libc

    ✅ ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลผ่าน system calls โดยใช้ raw assembly
    - ทำให้ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายไม่สามารถส่งข้อมูลออกไปได้

    ✅ สามารถติดตั้ง Oniux ได้ง่ายผ่าน Rust
    - ใช้คำสั่ง cargo install --git https://gitlab.torproject.org/tpo/core/oniux oniux@0.4.0

    ‼️ Oniux ยังอยู่ในช่วงทดลองและอาจมีข้อบกพร่อง
    - แม้จะมีข้อดีเหนือกว่า Torsocks แต่ยังต้องได้รับการทดสอบเพิ่มเติม

    ‼️ การใช้ Oniux อาจต้องมีความรู้เกี่ยวกับ Linux และ Tor
    - ผู้ใช้ทั่วไป อาจต้องศึกษาเพิ่มเติมก่อนใช้งาน

    https://www.neowin.net/news/the-tor-projects-new-oniux-tool-protects-all-your-linux-apps-from-snoopers/
    Oniux: เครื่องมือใหม่จาก Tor Project ที่ช่วยปกป้องแอปพลิเคชัน Linux จากการสอดแนม Tor Project ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการพัฒนา Tor Browser ได้เปิดตัว Oniux ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ รันแอปพลิเคชัน Linux ผ่าน Tor ได้ในระดับเคอร์เนล ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูงขึ้นและลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูล ✅ Oniux ช่วยให้แอปพลิเคชัน Linux สามารถรันผ่าน Tor ได้โดยตรง - ใช้ Linux namespace เพื่อแยกทรัพยากรระบบและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล ✅ ช่วยลดปัญหาการตั้งค่าพร็อกซีผิดพลาด - ทำให้ ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตั้งค่าที่อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล ✅ Oniux มีความสามารถเหนือกว่า Torsocks ซึ่งเป็นเครื่องมือเก่าของ Tor Project - สามารถ ทำงานกับทุกแอปพลิเคชัน ไม่จำกัดเฉพาะแอปที่ใช้ libc ✅ ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลผ่าน system calls โดยใช้ raw assembly - ทำให้ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายไม่สามารถส่งข้อมูลออกไปได้ ✅ สามารถติดตั้ง Oniux ได้ง่ายผ่าน Rust - ใช้คำสั่ง cargo install --git https://gitlab.torproject.org/tpo/core/oniux oniux@0.4.0 ‼️ Oniux ยังอยู่ในช่วงทดลองและอาจมีข้อบกพร่อง - แม้จะมีข้อดีเหนือกว่า Torsocks แต่ยังต้องได้รับการทดสอบเพิ่มเติม ‼️ การใช้ Oniux อาจต้องมีความรู้เกี่ยวกับ Linux และ Tor - ผู้ใช้ทั่วไป อาจต้องศึกษาเพิ่มเติมก่อนใช้งาน https://www.neowin.net/news/the-tor-projects-new-oniux-tool-protects-all-your-linux-apps-from-snoopers/
    WWW.NEOWIN.NET
    The Tor Project's new Oniux tool protects all your Linux apps from snoopers
    The Tor Project has announced a new program for Linux users which routes individual programs through Tor very securly, here's how to install it.
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
More Results