• #กฎหมาย #ควบคุม #ดูแล #OTT จะมากี่โมง ?
    https://youtube.com/shorts/j3Rx0DnjsHk
    #กฎหมาย #ควบคุม #ดูแล #OTT จะมากี่โมง ? https://youtube.com/shorts/j3Rx0DnjsHk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ แพทองธาร ยืนยันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย พร้อมกระชับความร่วมมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ
    .
    ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน 'China Daily' เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เธอย้ำว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยในไทยเป็นเพียงข่าวลือ และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยระบุว่าตนเองมีเชื้อสายจีน และต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อมาเยือนประเทศไทย
    .
    ในการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ทั้งสองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มักล่อลวงผู้คนด้วยการเสนองานที่มีรายได้ดี แต่กลับบังคับให้พวกเขาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการลับ ความร่วมมือนี้รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ
    .
    นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย และแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
    .
    #MGRonline #MGRInfographics #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #เยือนจีน #ChinaDaily #สื่อจีน #นักท่องเที่ยวจีน #ท่องเที่ยวไทย #สีจิ้นผิง
    นายกฯ แพทองธาร ยืนยันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย พร้อมกระชับความร่วมมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ . ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน 'China Daily' เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เธอย้ำว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยในไทยเป็นเพียงข่าวลือ และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยระบุว่าตนเองมีเชื้อสายจีน และต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อมาเยือนประเทศไทย . ในการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ทั้งสองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มักล่อลวงผู้คนด้วยการเสนองานที่มีรายได้ดี แต่กลับบังคับให้พวกเขาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการลับ ความร่วมมือนี้รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ . นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย และแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ . #MGRonline #MGRInfographics #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #เยือนจีน #ChinaDaily #สื่อจีน #นักท่องเที่ยวจีน #ท่องเที่ยวไทย #สีจิ้นผิง
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ลงนามคว่ำบาตร ICC อย่างเป็นทางการ!

    โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ด้วยข้อกล่าวหาว่า ICC "กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีมูลความจริงต่ออเมริกาและอิสราเอล ในการออกหมายจับเนทันยาฮู พันธมิตรที่ใกล้ชิดของเรา"

    คำสั่งคว่ำบาตรดังกล่าว จะกำหนดข้อจำกัดทางการเงินและวีซ่าเข้าประเทศสำหรับบุคคลและครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนของ ICC ต่อพลเมืองอเมริกันและพันธมิตร
    ทรัมป์ลงนามคว่ำบาตร ICC อย่างเป็นทางการ! โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ด้วยข้อกล่าวหาว่า ICC "กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีมูลความจริงต่ออเมริกาและอิสราเอล ในการออกหมายจับเนทันยาฮู พันธมิตรที่ใกล้ชิดของเรา" คำสั่งคว่ำบาตรดังกล่าว จะกำหนดข้อจำกัดทางการเงินและวีซ่าเข้าประเทศสำหรับบุคคลและครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนของ ICC ต่อพลเมืองอเมริกันและพันธมิตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีพยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อมีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามระหว่างสหรัฐและรัสเซีย โดยการพูดจาเย้ยหยันปูตินว่า "ไม่กล้าเจรจากับเขาตัวต่อตัว"

    "ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปต่างก็คิดว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีรัสเซียและปูติน สำหรับเราก็พร้อมแล้วเช่นกัน และเราเข้าใจว่าสงครามครั้งนี้จะจบลงอย่างไรสำหรับเรา เราก็พร้อมสำหรับการเจรจา

    แต่รัสเซียพยายามใช้ข้ออ้างจากกฎหมายของเราที่ห้ามการเจรจา พวกเขาจะคอยมองหาโอกาสหลบเลี่ยงเรา ดูเหมือนว่าปูตินคงกลัวที่จะได้คุยกับผมเกี่ยวกับการยุติสงคราม เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แต่เขายังกลัวที่จะต้องเผชิญหน้าด้วยลำพังคนเดียวอีกเหรอ... ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงกลัว"
    เซเลนสกีพยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อมีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามระหว่างสหรัฐและรัสเซีย โดยการพูดจาเย้ยหยันปูตินว่า "ไม่กล้าเจรจากับเขาตัวต่อตัว" "ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปต่างก็คิดว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีรัสเซียและปูติน สำหรับเราก็พร้อมแล้วเช่นกัน และเราเข้าใจว่าสงครามครั้งนี้จะจบลงอย่างไรสำหรับเรา เราก็พร้อมสำหรับการเจรจา แต่รัสเซียพยายามใช้ข้ออ้างจากกฎหมายของเราที่ห้ามการเจรจา พวกเขาจะคอยมองหาโอกาสหลบเลี่ยงเรา ดูเหมือนว่าปูตินคงกลัวที่จะได้คุยกับผมเกี่ยวกับการยุติสงคราม เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แต่เขายังกลัวที่จะต้องเผชิญหน้าด้วยลำพังคนเดียวอีกเหรอ... ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงกลัว"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • การควบคุมมนุษย์ด้วย AI เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการควบคุมมนุษย์ด้วย AI:

    ### 1. **การควบคุมผ่านข้อมูล (Data Control)**
    - **การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล:** AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย, สุขภาพ, หรือการเงิน เพื่อสร้างแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละบุคคล
    - **การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย:** ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

    ### 2. **การควบคุมผ่านการตัดสินใจ (Decision Control)**
    - **ระบบแนะนำ (Recommendation Systems):** AI สามารถแนะนำทางเลือกให้กับผู้ใช้ เช่น วิดีโอที่ควรดู, สินค้าที่ควรซื้อ, หรือแม้แต่เส้นทางที่ควรเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้
    - **ระบบอัตโนมัติ:** AI สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ระบบจัดการพลังงานในบ้าน, หรือแม้แต่ระบบการเงินส่วนบุคคล

    ### 3. **การควบคุมผ่านการสื่อสาร (Communication Control)**
    - **แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน:** AI สามารถใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวหรือชี้นำความคิดเห็นของผู้ใช้
    - **Deepfake และการปลอมแปลงข้อมูล:** AI สามารถสร้างเนื้อหาปลอม เช่น วิดีโอหรือเสียง ที่ดูเหมือนจริง เพื่อโน้มน้าวหรือหลอกลวงผู้คน

    ### 4. **การควบคุมผ่านการเฝ้าระวัง (Surveillance Control)**
    - **การเฝ้าระวังด้วยกล้อง:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามพฤติกรรมของบุคคล
    - **การวิเคราะห์เสียง:** AI สามารถวิเคราะห์เสียงเพื่อตรวจจับอารมณ์หรือความตั้งใจของบุคคล

    ### 5. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางสังคม (Social Influence Control)**
    - **โซเชียลมีเดีย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และชี้นำกระแสสังคมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความนิยมหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของข้อมูลบางอย่าง
    - **การสร้างเนื้อหา:** AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน เช่น ข่าวปลอมหรือบทความโน้มน้าวใจ

    ### 6. **การควบคุมผ่านระบบกฎหมายและกฎระเบียบ (Legal and Regulatory Control)**
    - **การบังคับใช้กฎหมาย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจจับการทุจริตหรือการละเมิดกฎหมาย
    - **การตัดสินใจทางกฎหมาย:** AI อาจถูกใช้ในการช่วยตัดสินใจทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีหรือการให้คำแนะนำทางกฎหมาย

    ### 7. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางจิตวิทยา (Psychological Influence Control)**
    - **การวิเคราะห์อารมณ์:** AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ข้อความ, เสียง, หรือภาพ เพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวใจ
    - **การบำบัดด้วย AI:** AI สามารถใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย

    ### 8. **การควบคุมผ่านระบบการศึกษา (Educational Control)**
    - **ระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว:** AI สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้และทักษะที่ผู้เรียนได้รับ
    - **การประเมินผล:** AI สามารถใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

    ### 9. **การควบคุมผ่านระบบสุขภาพ (Health Control)**
    - **การวินิจฉัยโรค:** AI สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของบุคคล
    - **การติดตามสุขภาพ:** AI สามารถติดตามสุขภาพของบุคคลผ่านอุปกรณ์ wearable devices และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงสุขภาพ

    ### 10. **การควบคุมผ่านระบบการเงิน (Financial Control)**
    - **การวิเคราะห์การเงิน:** AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินและให้คำแนะนำทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบุคคล
    - **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** AI สามารถใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่งคั่งของบุคคล

    ### จริยธรรมและความเสี่ยง
    การควบคุมมนุษย์ด้วย AI มีความเสี่ยงทางจริยธรรมมากมาย เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การบังคับใช้อำนาจ, และการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้น การออกแบบและใช้งาน AI ควรคำนึงถึงหลักจริยธรรมและกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด

    ### สรุป
    AI มีศักยภาพในการควบคุมมนุษย์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม การใช้งาน AI ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสังคม
    การควบคุมมนุษย์ด้วย AI เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการควบคุมมนุษย์ด้วย AI: ### 1. **การควบคุมผ่านข้อมูล (Data Control)** - **การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล:** AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย, สุขภาพ, หรือการเงิน เพื่อสร้างแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละบุคคล - **การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย:** ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ### 2. **การควบคุมผ่านการตัดสินใจ (Decision Control)** - **ระบบแนะนำ (Recommendation Systems):** AI สามารถแนะนำทางเลือกให้กับผู้ใช้ เช่น วิดีโอที่ควรดู, สินค้าที่ควรซื้อ, หรือแม้แต่เส้นทางที่ควรเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้ - **ระบบอัตโนมัติ:** AI สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ระบบจัดการพลังงานในบ้าน, หรือแม้แต่ระบบการเงินส่วนบุคคล ### 3. **การควบคุมผ่านการสื่อสาร (Communication Control)** - **แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน:** AI สามารถใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวหรือชี้นำความคิดเห็นของผู้ใช้ - **Deepfake และการปลอมแปลงข้อมูล:** AI สามารถสร้างเนื้อหาปลอม เช่น วิดีโอหรือเสียง ที่ดูเหมือนจริง เพื่อโน้มน้าวหรือหลอกลวงผู้คน ### 4. **การควบคุมผ่านการเฝ้าระวัง (Surveillance Control)** - **การเฝ้าระวังด้วยกล้อง:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามพฤติกรรมของบุคคล - **การวิเคราะห์เสียง:** AI สามารถวิเคราะห์เสียงเพื่อตรวจจับอารมณ์หรือความตั้งใจของบุคคล ### 5. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางสังคม (Social Influence Control)** - **โซเชียลมีเดีย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และชี้นำกระแสสังคมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความนิยมหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของข้อมูลบางอย่าง - **การสร้างเนื้อหา:** AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน เช่น ข่าวปลอมหรือบทความโน้มน้าวใจ ### 6. **การควบคุมผ่านระบบกฎหมายและกฎระเบียบ (Legal and Regulatory Control)** - **การบังคับใช้กฎหมาย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจจับการทุจริตหรือการละเมิดกฎหมาย - **การตัดสินใจทางกฎหมาย:** AI อาจถูกใช้ในการช่วยตัดสินใจทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีหรือการให้คำแนะนำทางกฎหมาย ### 7. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางจิตวิทยา (Psychological Influence Control)** - **การวิเคราะห์อารมณ์:** AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ข้อความ, เสียง, หรือภาพ เพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวใจ - **การบำบัดด้วย AI:** AI สามารถใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย ### 8. **การควบคุมผ่านระบบการศึกษา (Educational Control)** - **ระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว:** AI สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้และทักษะที่ผู้เรียนได้รับ - **การประเมินผล:** AI สามารถใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ### 9. **การควบคุมผ่านระบบสุขภาพ (Health Control)** - **การวินิจฉัยโรค:** AI สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของบุคคล - **การติดตามสุขภาพ:** AI สามารถติดตามสุขภาพของบุคคลผ่านอุปกรณ์ wearable devices และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงสุขภาพ ### 10. **การควบคุมผ่านระบบการเงิน (Financial Control)** - **การวิเคราะห์การเงิน:** AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินและให้คำแนะนำทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบุคคล - **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** AI สามารถใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่งคั่งของบุคคล ### จริยธรรมและความเสี่ยง การควบคุมมนุษย์ด้วย AI มีความเสี่ยงทางจริยธรรมมากมาย เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การบังคับใช้อำนาจ, และการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้น การออกแบบและใช้งาน AI ควรคำนึงถึงหลักจริยธรรมและกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด ### สรุป AI มีศักยภาพในการควบคุมมนุษย์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม การใช้งาน AI ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • [Exclusive on Sondhi Talk]
    "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี
    แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ
    แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง
    .
    บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง
    .
    การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี
    .
    ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา
    .
    บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ
    .
    ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง
    .
    ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้
    .
    ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น
    .
    ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย
    .
    พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา
    .
    เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี
    .
    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย
    .
    เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้
    .
    ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224
    ......
    Sondhi X
    [Exclusive on Sondhi Talk] "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง . บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย . วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง . การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี . ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา . บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ . ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง . ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ . ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น . ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย . พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา . เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี . เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย . เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้ . ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224 ...... Sondhi X
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิรงรองจะล้มยักษ์ ยกแรกคุก 2 ปี

    ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องกรณีที่ กสทช.มีหนังสือแจ้งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ไม่ให้นำช่องรายการไปให้บริการบนแพลตฟอร์ม True ID เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา

    ศาลเห็นว่าโจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID มาตั้งแต่ปี 2559 ประเภทผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (Over-The-Top หรือ OTT) ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อ 16 ก.พ. 2566 จำเลยทำหน้าที่ประธาน ที่ประชุมนำวาระการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านกล่องทรูไอดี และแอปฯ True ID มาพิจารณา แต่ที่ประชุมไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ประกอบกับปัจจุบันมีผู้ให้บริการ OTT เช่นเดียวกันจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตและกำกับดูแลจาก กสทช. และยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อกฎหมาย

    ต่อมาได้มีหนังสือไปยังผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ 127 ราย โดยเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ จัดทำบันทึกและร่างหนังสือของสำนักงาน กสทช. ตามระบบสารบัญ คนที่กลั่นกรองงานให้แก่รองเลขาธิการ กสทช. สอบถามเหตุผลและความจำเป็นว่าทำไมต้องระบุชื่อ True ID เป็นการเฉพาะ ได้รับแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้สั่งการและเร่งรัดให้จัดทำ ต่อมาการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 จำเลยต่อว่าและตำหนิฝ่ายเลขานุการที่ไม่ได้ระบุหรือเจาะจงถึงการให้บริการ True ID และในรายงานการประชุมครั้งที่ 3/2566 ไม่ได้มีมติให้ทำหนังสือแจ้งถึงบริการ True ID แต่บันทึกรายงานการประชุมกลับระบุว่ามีมติรับรอง อันเป็นการทำเอกสารรายงานการประชุมอันเป็นเท็จ

    นอกจากนี้ จำเลยยังได้กล่าวถ้อยคำในการประชุมครั้งที่ 3/2566 พยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา อีกทั้งก่อนจบการประชุมจำเลยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์" และยอมรับว่าหมายถึงโจทก์ สื่อความหมายชัดเจนว่าประสงค์ให้กิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย เจตนามุ่งประสงค์กลั่นแกล้งโจทก์และใช้อำนาจไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้มีผู้ประกอบกิจการหลายรายได้ชะลอหรือขยายเวลาเข้าทำนิติกรรมกับโจทก์

    น.ส.พิรงรองได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1.2 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. เช่นเดิม ถึงกระนั้นยังต้องต่อสู้อีกสองศาลที่เหลือ ได้แก่ ชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา

    #Newskit
    พิรงรองจะล้มยักษ์ ยกแรกคุก 2 ปี ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องกรณีที่ กสทช.มีหนังสือแจ้งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ไม่ให้นำช่องรายการไปให้บริการบนแพลตฟอร์ม True ID เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ศาลเห็นว่าโจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID มาตั้งแต่ปี 2559 ประเภทผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (Over-The-Top หรือ OTT) ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อ 16 ก.พ. 2566 จำเลยทำหน้าที่ประธาน ที่ประชุมนำวาระการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านกล่องทรูไอดี และแอปฯ True ID มาพิจารณา แต่ที่ประชุมไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ประกอบกับปัจจุบันมีผู้ให้บริการ OTT เช่นเดียวกันจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตและกำกับดูแลจาก กสทช. และยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ต่อมาได้มีหนังสือไปยังผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ 127 ราย โดยเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ จัดทำบันทึกและร่างหนังสือของสำนักงาน กสทช. ตามระบบสารบัญ คนที่กลั่นกรองงานให้แก่รองเลขาธิการ กสทช. สอบถามเหตุผลและความจำเป็นว่าทำไมต้องระบุชื่อ True ID เป็นการเฉพาะ ได้รับแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้สั่งการและเร่งรัดให้จัดทำ ต่อมาการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 จำเลยต่อว่าและตำหนิฝ่ายเลขานุการที่ไม่ได้ระบุหรือเจาะจงถึงการให้บริการ True ID และในรายงานการประชุมครั้งที่ 3/2566 ไม่ได้มีมติให้ทำหนังสือแจ้งถึงบริการ True ID แต่บันทึกรายงานการประชุมกลับระบุว่ามีมติรับรอง อันเป็นการทำเอกสารรายงานการประชุมอันเป็นเท็จ นอกจากนี้ จำเลยยังได้กล่าวถ้อยคำในการประชุมครั้งที่ 3/2566 พยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา อีกทั้งก่อนจบการประชุมจำเลยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์" และยอมรับว่าหมายถึงโจทก์ สื่อความหมายชัดเจนว่าประสงค์ให้กิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย เจตนามุ่งประสงค์กลั่นแกล้งโจทก์และใช้อำนาจไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้มีผู้ประกอบกิจการหลายรายได้ชะลอหรือขยายเวลาเข้าทำนิติกรรมกับโจทก์ น.ส.พิรงรองได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1.2 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. เช่นเดิม ถึงกระนั้นยังต้องต่อสู้อีกสองศาลที่เหลือ ได้แก่ ชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ นักท่องเที่ยวอินเดียกว่า 100 ชีวิตยึดพื้นที่ชายหาดพัทยาเป็นที่นอน ซ้ำนั่งดื่มแอลกอฮอล์ทิ้งขยะเกลื่อนสร้างความเดือดร้อนรำคาญ จี้หน่วยงานพื้นที่จัดงาน ด้านนายกเมือง แม้เป็นพื้นที่สาธารณะแต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย รักษาภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012287

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ นักท่องเที่ยวอินเดียกว่า 100 ชีวิตยึดพื้นที่ชายหาดพัทยาเป็นที่นอน ซ้ำนั่งดื่มแอลกอฮอล์ทิ้งขยะเกลื่อนสร้างความเดือดร้อนรำคาญ จี้หน่วยงานพื้นที่จัดงาน ด้านนายกเมือง แม้เป็นพื้นที่สาธารณะแต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย รักษาภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012287 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    Haha
    20
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 798 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกแถลงการณ์ สนับสนุน "พิรงรอง" ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตามกฎหมายคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ กรณีถูก ‘ทรูไอดี’ ฟ้อง ม.157

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012260

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกแถลงการณ์ สนับสนุน "พิรงรอง" ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตามกฎหมายคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ กรณีถูก ‘ทรูไอดี’ ฟ้อง ม.157 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012260 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 802 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาเร็ด​ คุชเนอร์ (Jared Kushner) สามีของอิวังก้า ทรัมป์ ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกสื่อมวลชนเปิดโปงว่าคือผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดให้สหรัฐเข้ายึดครองกาซา และขับไล่ชาวปาเลสไตน์เกือบสองล้านคนออกไปจากถิ่นกำเนิดพวกเขา เพื่อสร้างกาซาขึ้นใหม่

    เนื่องจากแผนการของทรัมป์ คือสิ่งที่ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของเขา เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ว่าอิสราเอลควรขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาและพัฒนาพื้นที่ริมทะเลแห่งนี้ขึ้นใหม่ โดยเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า “มีค่ามหาศาล” (very valuable)

    นายจาเร็ด คุชเนอร์ ชาวยิวที่มีบรรพบุรุษมาจากเบลารุส ปู่และย่าของเขารอดชีวิตจากค่ายกักกันที่นาซีเยอรมนีดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างยึดครองเบลารุสอยู่ และอพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2492 ต่อมา "ชาร์ล คุชเนอร์" พ่อของจาเร็ดก่อตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ จนประสบความสำเร็จมั่งคั่งร่ำรวยอย่างมาก

    ทรัมป์สมัยแรก แต่งตั้งให้ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยคนโปรดเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาระดับอาวุโสในทำเนียบขาว โดยให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อทรัมป์โดยตรง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็น "มือขวา" ของทรัมป์ในสมัยนั้น

    เขาเป็นทั้งเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุน และเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ New York Observer

    ต่อมาในทรัมป์สมัยที่สอง ได้สร้างความฮือฮาด้วยการแต่งตั้ง ชาร์ลส์ คุชเนอร์ วัย 70 ปี พ่อของจาเร็ด เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฝรั่งเศส ทั้งที่เคยถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปีเมื่อปี 2548 หลังจากรับสารภาพในความผิด 18 กระทงในคดีบริจาคเงินหาเสียงอย่างผิดกฎหมาย เลี่ยงภาษี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นทนายความในรัฐนิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก และเพนซิลเวเนีย แต่ได้รับการอภัยโทษทั้งหมดจากทรัมป์ในปี 2563 เมื่อครั้งที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก





    จาเร็ด​ คุชเนอร์ (Jared Kushner) สามีของอิวังก้า ทรัมป์ ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกสื่อมวลชนเปิดโปงว่าคือผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดให้สหรัฐเข้ายึดครองกาซา และขับไล่ชาวปาเลสไตน์เกือบสองล้านคนออกไปจากถิ่นกำเนิดพวกเขา เพื่อสร้างกาซาขึ้นใหม่ เนื่องจากแผนการของทรัมป์ คือสิ่งที่ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของเขา เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ว่าอิสราเอลควรขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาและพัฒนาพื้นที่ริมทะเลแห่งนี้ขึ้นใหม่ โดยเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า “มีค่ามหาศาล” (very valuable) นายจาเร็ด คุชเนอร์ ชาวยิวที่มีบรรพบุรุษมาจากเบลารุส ปู่และย่าของเขารอดชีวิตจากค่ายกักกันที่นาซีเยอรมนีดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างยึดครองเบลารุสอยู่ และอพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2492 ต่อมา "ชาร์ล คุชเนอร์" พ่อของจาเร็ดก่อตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ จนประสบความสำเร็จมั่งคั่งร่ำรวยอย่างมาก ทรัมป์สมัยแรก แต่งตั้งให้ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยคนโปรดเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาระดับอาวุโสในทำเนียบขาว โดยให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อทรัมป์โดยตรง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็น "มือขวา" ของทรัมป์ในสมัยนั้น เขาเป็นทั้งเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุน และเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ New York Observer ต่อมาในทรัมป์สมัยที่สอง ได้สร้างความฮือฮาด้วยการแต่งตั้ง ชาร์ลส์ คุชเนอร์ วัย 70 ปี พ่อของจาเร็ด เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฝรั่งเศส ทั้งที่เคยถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปีเมื่อปี 2548 หลังจากรับสารภาพในความผิด 18 กระทงในคดีบริจาคเงินหาเสียงอย่างผิดกฎหมาย เลี่ยงภาษี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นทนายความในรัฐนิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก และเพนซิลเวเนีย แต่ได้รับการอภัยโทษทั้งหมดจากทรัมป์ในปี 2563 เมื่อครั้งที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา "พิรงรอง" กรรมการ กสทช. ผิด ม.157 สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ คดี "ทรูไอดี" ยื่นฟ้องออกหนังสือเตือนทีวีดิจิทัล มีโฆษณาแทรกในสัญญาณที่นำไปออก ผิดกฎ “Must Carry” ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะกับ OTT จับตาหากไม่ได้รับการประกันตัว จะหลุดจากตำแหน่งทันที
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องมาตรา 157 โดยกล่าวหาว่า น.ส.พิรงรอง มีเจตนากลั่นแกล้งทำให้ ทรู ดิจิทัล ไอดี บริษัทในกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ปเสียหาย
    .
    สำหรับคดีดังกล่าว เนื่องจากการมีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. เมื่อปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันทรู ไอดี (True ID) มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปฯ ในฐานะผู้ให้บริการแอปฯ ทรูไอดีได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง
    .
    ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัท ทรู ดิจิทัลฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ น.ส.พิรงรอง กรรมการ กสทช.
    .
    ในคำร้องของบริษัททรูดิจิทัลฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต)
    .
    อย่างไรก็ตาม น.ส.พิรงรอง ยืนยันว่า การออกหนังสือของสำนักงาน กสทช. เป็นการทำตามหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาในบนแพลตฟอร์มทรูไอดีในการรับชมเนื้อหาตามประกาศมัสต์ แครี่ และดูแลลิขสิทธิ์เนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การออกหนังสือดังกล่าวมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาบนกล่องทรูไอดี ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบกิจการรายหนึ่งรายใดเป็นพิเศษ
    .
    เป็นที่สังเกตได้ว่า หนังสือดังกล่าวที่ออกโดยสำนักงาน กสทช. มิใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่มีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้รับหนังสือข้างต้นและจะปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ในประเด็นมัสแครี่ อย่างเคร่งครัดหรือไม่ ก็ยังไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย และผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อรายการที่อยู่ภายใต้การประกอบการของตน
    .
    ก่อนหน้านี้ ในเดือน เม.ย. 2567 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัททรูดิจิทัลฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้
    .
    แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็นกรรมการ กสทช. ทันที
    .
    ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณสมบัติของ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012019
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา "พิรงรอง" กรรมการ กสทช. ผิด ม.157 สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ คดี "ทรูไอดี" ยื่นฟ้องออกหนังสือเตือนทีวีดิจิทัล มีโฆษณาแทรกในสัญญาณที่นำไปออก ผิดกฎ “Must Carry” ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะกับ OTT จับตาหากไม่ได้รับการประกันตัว จะหลุดจากตำแหน่งทันที . วันนี้ (6 ก.พ.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องมาตรา 157 โดยกล่าวหาว่า น.ส.พิรงรอง มีเจตนากลั่นแกล้งทำให้ ทรู ดิจิทัล ไอดี บริษัทในกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ปเสียหาย . สำหรับคดีดังกล่าว เนื่องจากการมีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. เมื่อปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันทรู ไอดี (True ID) มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปฯ ในฐานะผู้ให้บริการแอปฯ ทรูไอดีได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง . ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัท ทรู ดิจิทัลฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ น.ส.พิรงรอง กรรมการ กสทช. . ในคำร้องของบริษัททรูดิจิทัลฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต) . อย่างไรก็ตาม น.ส.พิรงรอง ยืนยันว่า การออกหนังสือของสำนักงาน กสทช. เป็นการทำตามหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาในบนแพลตฟอร์มทรูไอดีในการรับชมเนื้อหาตามประกาศมัสต์ แครี่ และดูแลลิขสิทธิ์เนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การออกหนังสือดังกล่าวมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาบนกล่องทรูไอดี ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบกิจการรายหนึ่งรายใดเป็นพิเศษ . เป็นที่สังเกตได้ว่า หนังสือดังกล่าวที่ออกโดยสำนักงาน กสทช. มิใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่มีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้รับหนังสือข้างต้นและจะปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ในประเด็นมัสแครี่ อย่างเคร่งครัดหรือไม่ ก็ยังไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย และผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อรายการที่อยู่ภายใต้การประกอบการของตน . ก่อนหน้านี้ ในเดือน เม.ย. 2567 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัททรูดิจิทัลฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ . แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็นกรรมการ กสทช. ทันที . ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณสมบัติของ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012019 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    19
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1311 มุมมอง 0 รีวิว
  • ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ

    ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000

    มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ

    ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่
    https://arxiv.org/abs/2502.01061v1

    https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000 มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่ https://arxiv.org/abs/2502.01061v1 https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ByteDance's OmniHuman-1 may be the most realistic deepfake algorithm yet
    We may be well past the uncanny valley point right now. OmniHuman-1's fake videos look startlingly lifelike, and the model's deepfake outputs are perhaps the most realistic...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดประวัติ 'สุชาติ' ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีแก้ 112
    .
    ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เลือก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี เป็นประธานป.ป.ช. ซึ่งจะทำหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2570 หลังจากนายสุชาติได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับประวัติ นายสุชาติ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง/เนติบัณทิตไทย เนติบัณทิตย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นิติศาสตร์ มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ เคยทำหน้าที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รองอธิบดีผู้พิพากษาแรงงานกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี
    .
    ขณะที่ ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ในมือป.ป.ช.นั้น นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิจารณา เรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ยังคงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา
    .
    นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงานมานั้น ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการไต่สวนว่า หลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ภายในปีนี้ จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นส่วนตัว หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากมีการชี้แจงแล้วก็จะมีการสรุปสำนวน และพิจารณาว่าคำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ และข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ตัองไปดำเนินการเพิ่มเติมมาก
    ..............
    Sondhi X
    เปิดประวัติ 'สุชาติ' ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีแก้ 112 . ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เลือก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี เป็นประธานป.ป.ช. ซึ่งจะทำหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2570 หลังจากนายสุชาติได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับประวัติ นายสุชาติ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง/เนติบัณทิตไทย เนติบัณทิตย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นิติศาสตร์ มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ เคยทำหน้าที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รองอธิบดีผู้พิพากษาแรงงานกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี . ขณะที่ ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ในมือป.ป.ช.นั้น นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิจารณา เรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ยังคงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา . นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงานมานั้น ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการไต่สวนว่า หลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน . เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ภายในปีนี้ จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นส่วนตัว หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากมีการชี้แจงแล้วก็จะมีการสรุปสำนวน และพิจารณาว่าคำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ และข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ตัองไปดำเนินการเพิ่มเติมมาก .............. Sondhi X
    Like
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1282 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในงานประชุม State of Open 2025 ที่ลอนดอน มีการพูดคุยถึงบทบาทของ Meta และความพยายามของ Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัท ที่ต้องการเปลี่ยนความหมายของคำว่า "open source" ให้เข้ากับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลายโปรแกรมที่สำคัญของ AI ไม่ได้เป็น open source ตามที่ Zuckerberg อ้างอย่างเช่น Meta’s Llama นั้นไม่ได้เปิดแหล่งที่มาแบบสมบูรณ์ตามมาตรฐานที่กำหนดโดย Open Source Initiative (OSI) เนื่องจากขาดข้อมูลสำคัญในการฝึกอบรมและวิธีการ รวมถึงยังมีข้อจำกัดในการใช้งานที่ทำให้ผู้ใช้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากพัฒนา AI ที่ใช้โค้ดของ Llama

    Emily Omier ผู้เชี่ยวชาญด้าน open source กล่าวว่า "open source" ไม่ได้เป็นมาตรฐานแบบสเปกตรัม แต่เป็นมาตรฐานแบบไบนารี นั่นคือถ้ามีใบอนุญาตที่ได้รับการอนุมัติจาก OSI ก็ถือว่าเป็น open source แต่ถ้าไม่มีใบอนุญาตนั้น ก็ไม่ใช่ open source

    นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Meta ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงความหมายของ open source เพื่อประโยชน์ของตน โดยหวังว่าจะสามารถเข้าข้อยกเว้นในกฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล

    Stefano Maffulli ผู้บริหารของ OSI ได้กล่าวว่า Zuckerberg กำลังพยายาม "บังคับ" ให้วงการตามแนวทางของตน และยังเป็นความพยายามในการ "เบี่ยงเบน" ความหมายของคำว่า open source ให้เป็นไปตามที่ Meta ต้องการ เพื่อสร้างประโยชน์ทางการเงินให้กับบริษัท

    Peter Zaitsev ผู้ร่วมก่อตั้ง Percona กล่าวเสริมว่า "Zuckerberg กำลังทำให้คำว่า open source มีความสับสนเพื่อหลอกลวงผู้กำกับดูแล"

    https://www.zdnet.com/article/why-mark-zuckerberg-wants-to-redefine-open-source-so-badly/
    ในงานประชุม State of Open 2025 ที่ลอนดอน มีการพูดคุยถึงบทบาทของ Meta และความพยายามของ Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัท ที่ต้องการเปลี่ยนความหมายของคำว่า "open source" ให้เข้ากับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลายโปรแกรมที่สำคัญของ AI ไม่ได้เป็น open source ตามที่ Zuckerberg อ้างอย่างเช่น Meta’s Llama นั้นไม่ได้เปิดแหล่งที่มาแบบสมบูรณ์ตามมาตรฐานที่กำหนดโดย Open Source Initiative (OSI) เนื่องจากขาดข้อมูลสำคัญในการฝึกอบรมและวิธีการ รวมถึงยังมีข้อจำกัดในการใช้งานที่ทำให้ผู้ใช้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากพัฒนา AI ที่ใช้โค้ดของ Llama Emily Omier ผู้เชี่ยวชาญด้าน open source กล่าวว่า "open source" ไม่ได้เป็นมาตรฐานแบบสเปกตรัม แต่เป็นมาตรฐานแบบไบนารี นั่นคือถ้ามีใบอนุญาตที่ได้รับการอนุมัติจาก OSI ก็ถือว่าเป็น open source แต่ถ้าไม่มีใบอนุญาตนั้น ก็ไม่ใช่ open source นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Meta ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงความหมายของ open source เพื่อประโยชน์ของตน โดยหวังว่าจะสามารถเข้าข้อยกเว้นในกฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล Stefano Maffulli ผู้บริหารของ OSI ได้กล่าวว่า Zuckerberg กำลังพยายาม "บังคับ" ให้วงการตามแนวทางของตน และยังเป็นความพยายามในการ "เบี่ยงเบน" ความหมายของคำว่า open source ให้เป็นไปตามที่ Meta ต้องการ เพื่อสร้างประโยชน์ทางการเงินให้กับบริษัท Peter Zaitsev ผู้ร่วมก่อตั้ง Percona กล่าวเสริมว่า "Zuckerberg กำลังทำให้คำว่า open source มีความสับสนเพื่อหลอกลวงผู้กำกับดูแล" https://www.zdnet.com/article/why-mark-zuckerberg-wants-to-redefine-open-source-so-badly/
    WWW.ZDNET.COM
    Why Mark Zuckerberg wants to redefine open source so badly
    For these open source experts, it's all about standards. For Meta, it's all about the money.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกแบบและทดสอบหุ่นยนต์ทางอากาศ (Drone) ล้ำสมัยที่มีความสามารถในการนำทางในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมอยู่ ชื่อของหุ่นยนต์นี้คือ SUPER ซึ่งเป็นโดรนแบบควอดคอปเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR ขั้นสูงในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม้จะเป็นเส้นลวดบาง ๆ ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 มิลลิเมตร

    ทีมวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ SUPER ในการค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการใช้งานในงานบังคับใช้กฎหมายและการลาดตระเวนทางทหาร ด้วยความสามารถในการทำงานโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก และการสร้างแผนที่พื้นที่แบบเรียลไทม์โดยใช้ระบบ LiDAR ที่มีระยะการตรวจจับสูงสุดถึง 70 เมตร ทำให้ SUPER สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแสงน้อย

    การทดสอบกับโดรนเชิงพาณิชย์ DJI Mavic 3 พบว่า SUPER สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดบาง ๆ ในขณะที่ DJI Mavic 3 หลีกเลี่ยงได้เพียงสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพากล้องและเซ็นเซอร์ธรรมดา ทำให้ SUPER สามารถสร้างแผนที่และประมวลผลข้อมูลพื้นที่แบบสามมิติได้ในเวลาจริง ทำให้มันสามารถบินผ่านป่าหนาแน่นและติดตามเป้าหมายเคลื่อนไหวได้โดยไม่ชนต้นไม้หรือกิ่งไม้

    ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงของหุ่นยนต์ทางอากาศในอนาคตที่สามารถช่วยเหลือในงานค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และการสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง

    https://www.techradar.com/pro/superb-chinese-researchers-just-designed-and-built-a-flying-robot-that-looks-like-a-precursor-to-matrixs-laser-focused-sentinels
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกแบบและทดสอบหุ่นยนต์ทางอากาศ (Drone) ล้ำสมัยที่มีความสามารถในการนำทางในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมอยู่ ชื่อของหุ่นยนต์นี้คือ SUPER ซึ่งเป็นโดรนแบบควอดคอปเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR ขั้นสูงในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม้จะเป็นเส้นลวดบาง ๆ ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 มิลลิเมตร ทีมวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ SUPER ในการค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการใช้งานในงานบังคับใช้กฎหมายและการลาดตระเวนทางทหาร ด้วยความสามารถในการทำงานโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก และการสร้างแผนที่พื้นที่แบบเรียลไทม์โดยใช้ระบบ LiDAR ที่มีระยะการตรวจจับสูงสุดถึง 70 เมตร ทำให้ SUPER สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแสงน้อย การทดสอบกับโดรนเชิงพาณิชย์ DJI Mavic 3 พบว่า SUPER สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดบาง ๆ ในขณะที่ DJI Mavic 3 หลีกเลี่ยงได้เพียงสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพากล้องและเซ็นเซอร์ธรรมดา ทำให้ SUPER สามารถสร้างแผนที่และประมวลผลข้อมูลพื้นที่แบบสามมิติได้ในเวลาจริง ทำให้มันสามารถบินผ่านป่าหนาแน่นและติดตามเป้าหมายเคลื่อนไหวได้โดยไม่ชนต้นไม้หรือกิ่งไม้ ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงของหุ่นยนต์ทางอากาศในอนาคตที่สามารถช่วยเหลือในงานค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และการสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง https://www.techradar.com/pro/superb-chinese-researchers-just-designed-and-built-a-flying-robot-that-looks-like-a-precursor-to-matrixs-laser-focused-sentinels
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง หาทางห้ามนักกีฬาคนข้ามเพศจากการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาประเภทหญิง ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาในการเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนข้ามเพศ นับตั้งแต่กลับเข้าสู่เก้าอี้ทำเนียบขาว
    .
    "ภายใต้คำสั่งบริหารนี้ สงครามในด้านกีฬาของผู้หญิงสิ้นสุดลงแล้ว" ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้าลงนามคำสั่งที่ทำเนียบขาว ล้อมรอบด้วยนักกีฬาเด็กและนักกีฬาหญิงหลายสิบคน ในขณะที่บรรดาสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันหลายคน ในนั้นรวมถึง ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ และส.ส.มาร์โจรี กรีน เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชมพิธีลงนามครั้งนี้ด้วย
    .
    "เราจะปกป้องความภาคภูมิใจของนักกีฬาหญิงดั้งเดิม และเราจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายทำร้าย ก่ออาการบาดเจ็บ โกงคุณผู้หญิงและเด็กผู้หญิงของเรา นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กีฬาประเภทหญิงจะมีไว้เฉพาะกับผู้หญิง" ทรัมป์ กล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ
    .
    คำสั่งนี้ให้อำนาจหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล ปฏิเสธจัดสรรเงินทุนต่างๆของรัฐบาลกลาง มอบแก่โรงเรียนทั้งหลายที่อนุญาตให้พวกกลุ่มคนข้ามเพศเข้าแข่งขันกับนักกีฬาหญิง "มันคือนโยบายของสหรัฐอเมริกา ที่จะยกเลิกเงินทุนทั้งหมดจากโปรแกรมด้านการศึกษาต่างๆนานา ที่กีดกันโอกาสแข่งขันกีฬาอย่างยุติธรรมของพวกผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งผลลัพธ์คือก่ออันตราย เป็นการลบหลู่และปิดปากผู้หญิงและเด็ก รวมถึงลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัวของพวกเขา"
    .
    นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังเผยด้วยว่าเขากำลังกดดันให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับนักกีฬาคนข้ามเพศ ก่อนที่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ จะหวนคืนสู่แผ่นดินสหรัฐฯ ในลอสแองเจลิส ปี 2028
    .
    ทรัมป์ เผยว่าเขาได้ออกคำสั่งถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ว่า "เราต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างที่ต้องทำเกี่ยวกับโอลิมปิก และดำเนินการกับประเด็นอันไร้สาระนี้"
    .
    ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ ระบุเพิ่มเติมว่าเขาสั่งการให้ . คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ปฏิเสธวีซ่า "พวกผู้ชายที่พยายามหาทางตลบตะแลงเข้าสู่สหรัฐฯ ด้วยการแอบอ้างตัวเป็นนักกีฬาหญิง เดินทางมาเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์"
    .
    ทรัมป์ จากรีพับลิกัน เล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนที่แสดงออก ทางเพศไม่ตรงตามบรรทัดฐานของสังคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการออกคำสั่งแบบสายฟ้าแลบผลักดันวาระนโยบายขวาจัดสุดขั้วของเขา นับตั้งแต่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัย 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ได้ลงนามกำจัดสิ่งที่เขาเรียกว่า "อุดมการณ์คนข้ามเพศ" ออกจากกองทัพ ผลก็คือการแบนกำลังพลคนข้ามเพศ นอกจากนี้แล้วเขายังได้ออกคำสั่งห้ามผ่าตัดแปลงเพศสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 19 ปี
    .
    ความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้มีขึ้นแม้ในข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มคนข้ามเพศ ถือเป็นสัดส่วนเล็กน้อยมากๆในประชากรสหรัฐฯ
    .
    คำสั่้งบริหารของทรัมป์ในวันพุธ(5ก.พ.) มีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่นำโดยรีพับลิกัน เมื่อเดือนมกราคม ลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่จำกัดอย่างรุนแรงขวางนักกีฬาข้ามเพศจากการแข่งขันกีฬากับเด็กผู้หญิงและผู้หญิง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011934
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง หาทางห้ามนักกีฬาคนข้ามเพศจากการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาประเภทหญิง ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาในการเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนข้ามเพศ นับตั้งแต่กลับเข้าสู่เก้าอี้ทำเนียบขาว . "ภายใต้คำสั่งบริหารนี้ สงครามในด้านกีฬาของผู้หญิงสิ้นสุดลงแล้ว" ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้าลงนามคำสั่งที่ทำเนียบขาว ล้อมรอบด้วยนักกีฬาเด็กและนักกีฬาหญิงหลายสิบคน ในขณะที่บรรดาสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันหลายคน ในนั้นรวมถึง ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ และส.ส.มาร์โจรี กรีน เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชมพิธีลงนามครั้งนี้ด้วย . "เราจะปกป้องความภาคภูมิใจของนักกีฬาหญิงดั้งเดิม และเราจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายทำร้าย ก่ออาการบาดเจ็บ โกงคุณผู้หญิงและเด็กผู้หญิงของเรา นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กีฬาประเภทหญิงจะมีไว้เฉพาะกับผู้หญิง" ทรัมป์ กล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ . คำสั่งนี้ให้อำนาจหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล ปฏิเสธจัดสรรเงินทุนต่างๆของรัฐบาลกลาง มอบแก่โรงเรียนทั้งหลายที่อนุญาตให้พวกกลุ่มคนข้ามเพศเข้าแข่งขันกับนักกีฬาหญิง "มันคือนโยบายของสหรัฐอเมริกา ที่จะยกเลิกเงินทุนทั้งหมดจากโปรแกรมด้านการศึกษาต่างๆนานา ที่กีดกันโอกาสแข่งขันกีฬาอย่างยุติธรรมของพวกผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งผลลัพธ์คือก่ออันตราย เป็นการลบหลู่และปิดปากผู้หญิงและเด็ก รวมถึงลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัวของพวกเขา" . นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังเผยด้วยว่าเขากำลังกดดันให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับนักกีฬาคนข้ามเพศ ก่อนที่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ จะหวนคืนสู่แผ่นดินสหรัฐฯ ในลอสแองเจลิส ปี 2028 . ทรัมป์ เผยว่าเขาได้ออกคำสั่งถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ว่า "เราต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างที่ต้องทำเกี่ยวกับโอลิมปิก และดำเนินการกับประเด็นอันไร้สาระนี้" . ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ ระบุเพิ่มเติมว่าเขาสั่งการให้ . คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ปฏิเสธวีซ่า "พวกผู้ชายที่พยายามหาทางตลบตะแลงเข้าสู่สหรัฐฯ ด้วยการแอบอ้างตัวเป็นนักกีฬาหญิง เดินทางมาเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์" . ทรัมป์ จากรีพับลิกัน เล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนที่แสดงออก ทางเพศไม่ตรงตามบรรทัดฐานของสังคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการออกคำสั่งแบบสายฟ้าแลบผลักดันวาระนโยบายขวาจัดสุดขั้วของเขา นับตั้งแต่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัย 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ได้ลงนามกำจัดสิ่งที่เขาเรียกว่า "อุดมการณ์คนข้ามเพศ" ออกจากกองทัพ ผลก็คือการแบนกำลังพลคนข้ามเพศ นอกจากนี้แล้วเขายังได้ออกคำสั่งห้ามผ่าตัดแปลงเพศสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 19 ปี . ความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้มีขึ้นแม้ในข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มคนข้ามเพศ ถือเป็นสัดส่วนเล็กน้อยมากๆในประชากรสหรัฐฯ . คำสั่้งบริหารของทรัมป์ในวันพุธ(5ก.พ.) มีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่นำโดยรีพับลิกัน เมื่อเดือนมกราคม ลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่จำกัดอย่างรุนแรงขวางนักกีฬาข้ามเพศจากการแข่งขันกีฬากับเด็กผู้หญิงและผู้หญิง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011934 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    22
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1300 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์
    .
    หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล
    .
    ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน"
    .
    รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู
    .
    ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว"
    .
    คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์"
    .
    ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย"
    .
    เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์
    .
    สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ
    .
    ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา"
    .
    อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้
    .
    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา
    .
    ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน
    .
    ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน
    .
    อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา
    .
    สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์ . หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้ . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล . ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน" . รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู . ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว" . คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์" . ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย" . เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์ . สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว . เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ . ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา" . อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้ . ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา . ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน . ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน . อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา . สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1323 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา หลังโดนทั้งโลกไม่เห็นด้วยและประณามแนวคิดนี้ และยังผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

    ทำเนียบขาวรีบดับไฟ 'ถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา' ท่ามกลางเสียงค้านทั่วโลก ชี้เป็นแค่แผนย้ายถิ่นชั่วคราว
    ทำเนียบขาวถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา ย้ำไม่ส่งทหาร-ไม่จ่ายเงินฟื้นฟู

    หลังแถลงการณ์ของทรัมป์สร้างความร้อนแรงด้วยแผน "เข้ายึดครอง" และ "เป็นเจ้าของ" ฉนวนกาซา
    โดยแคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงเป็นเพียงการ "ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว" ไม่ใช่ตั้งถิ่นฐานใหม่ถาวรในประเทศอาหรับ พร้อมย้ำไม่ส่งทหารและไม่ใช้งบประมาณฟื้นฟู

    ด้านมาร์โก รูบิโอ รมต.ต่างประเทศ หนุนเป็น "การเคลื่อนไหวที่ใจกว้าง" เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและธุรกิจ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้นำโลก โดยเฉพาะซามี อาบู ซูห์รี แกนนำฮามาส เตือนอาจนำไปสู่ "ความวุ่นวาย"

    ขณะที่วุฒิสมาชิกไบรอัน ชาทซ์ และเฮลี โซเฟอร์ จาก JDCA วิจารณ์แผนสุดโต่งนี้ พร้อมย้ำจุดยืนแนวทางสองรัฐ ด้านสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม คัดค้านแข็งขัน เตือนอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิง "ระยะที่สอง" ระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่กาตาร์


    https://www.imctnews.com/news_details-news-6570.html
    อเมริกาถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา หลังโดนทั้งโลกไม่เห็นด้วยและประณามแนวคิดนี้ และยังผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทำเนียบขาวรีบดับไฟ 'ถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา' ท่ามกลางเสียงค้านทั่วโลก ชี้เป็นแค่แผนย้ายถิ่นชั่วคราว ทำเนียบขาวถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา ย้ำไม่ส่งทหาร-ไม่จ่ายเงินฟื้นฟู หลังแถลงการณ์ของทรัมป์สร้างความร้อนแรงด้วยแผน "เข้ายึดครอง" และ "เป็นเจ้าของ" ฉนวนกาซา โดยแคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงเป็นเพียงการ "ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว" ไม่ใช่ตั้งถิ่นฐานใหม่ถาวรในประเทศอาหรับ พร้อมย้ำไม่ส่งทหารและไม่ใช้งบประมาณฟื้นฟู ด้านมาร์โก รูบิโอ รมต.ต่างประเทศ หนุนเป็น "การเคลื่อนไหวที่ใจกว้าง" เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและธุรกิจ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้นำโลก โดยเฉพาะซามี อาบู ซูห์รี แกนนำฮามาส เตือนอาจนำไปสู่ "ความวุ่นวาย" ขณะที่วุฒิสมาชิกไบรอัน ชาทซ์ และเฮลี โซเฟอร์ จาก JDCA วิจารณ์แผนสุดโต่งนี้ พร้อมย้ำจุดยืนแนวทางสองรัฐ ด้านสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม คัดค้านแข็งขัน เตือนอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิง "ระยะที่สอง" ระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่กาตาร์ https://www.imctnews.com/news_details-news-6570.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อัจฉริยะ” เผยมือถือแตงโมหลักฐานสำคัญถึงไทยตี 2 ศุกร์นี้ หลังกู้ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย “หมอธวัชชัย” เตรียมมอบให้ดีเอสไอทันทีที่สนามบิน เผยข้อมูลคนดัง-นักการเมืองติดต่อเพียบ “กระติก” โทร.หาตอน 2 ทุ่ม 40 นาที ทั้งที่บอกว่าอยู่บนเรือด้วยกัน ซัด “เต้” กระทำกับตนมา 3 ปี แถมพูดให้เสียหายทางคดี ขวางบังแจ๊คส่งมอบมือถือแตงโม ล่าสุดถูกห้ามเข้าบ้านพระอาทิตย์แล้ว

    วันนี้(5 ก.พ.) ที่สำนักงานการสอบสวนสำนักงานอัยการสูงสุด ตลิ่งชั่น นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบคณะกรรมการตรวจสอบวินัยตามคำสั่งอัยการสูงสุดตั้งกรรมการสอบวินัยนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ ที่ไปออกสื่อโดยใช้เวลาราชการและได้ค่าตอบแทน โดยไม่ได้ขออนุญาตจากอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหลักฐานและให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการดังกล่าว

    หลังจากนั้น นายอัจฉริยะ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า กรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีการเสียงชีวิตของ น.ส.ภัทรธิกา พัชระวีระพงษ์ หรือแตงโมว่า ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตนถูกกระทำจากนายมงคลกิตติ์มาตลอด ในตอนที่ตนฟ้องคนบนเรือเกี่ยวกับเรื่องของฆาตกรรมอําพรางที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยได้รับมอบอํานาจจากแม่ของแตงโมโดยชอบด้วยกฎหมาย หลังจากยื่นฟ้องเสร็จ นายมงคลกิตติ์ได้โทรศัพท์มาหา ตำหนิตนอย่างหนักว่าไปฟ้องโดยไม่มีการแจ้งแม่แตงโมให้ทราบ ทั้งที่จริงตนแจ้งแม่แตงโมให้ทราบแล้ว แล้วก็ได้นําหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องของการฆาตกรรมเมื่อ 3 ปีที่แล้วไปให้แม่แตงโมดูแล้ว ต่อมานายมงคลกิตติ์ก็ไปยุยงแม่แตงโมให้มีการถอนฟ้องโดยการอ้างว่าถ้าผมฟ้องไปแม่จะถูกฟ้องกลับ ทําให้คุณต้องติดคุก ซึ่งแม่แตงโมก็ได้หลงเชื่อแล้วก็ตามมาถอนฟ้อง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000011884

    #MGROnline #อัจฉริยะ #มือถือแตงโม #หลักฐานสำคัญ #หมอธวัชชัย #ดีเอสไอ
    “อัจฉริยะ” เผยมือถือแตงโมหลักฐานสำคัญถึงไทยตี 2 ศุกร์นี้ หลังกู้ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย “หมอธวัชชัย” เตรียมมอบให้ดีเอสไอทันทีที่สนามบิน เผยข้อมูลคนดัง-นักการเมืองติดต่อเพียบ “กระติก” โทร.หาตอน 2 ทุ่ม 40 นาที ทั้งที่บอกว่าอยู่บนเรือด้วยกัน ซัด “เต้” กระทำกับตนมา 3 ปี แถมพูดให้เสียหายทางคดี ขวางบังแจ๊คส่งมอบมือถือแตงโม ล่าสุดถูกห้ามเข้าบ้านพระอาทิตย์แล้ว • วันนี้(5 ก.พ.) ที่สำนักงานการสอบสวนสำนักงานอัยการสูงสุด ตลิ่งชั่น นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบคณะกรรมการตรวจสอบวินัยตามคำสั่งอัยการสูงสุดตั้งกรรมการสอบวินัยนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ ที่ไปออกสื่อโดยใช้เวลาราชการและได้ค่าตอบแทน โดยไม่ได้ขออนุญาตจากอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหลักฐานและให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการดังกล่าว • หลังจากนั้น นายอัจฉริยะ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า กรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีการเสียงชีวิตของ น.ส.ภัทรธิกา พัชระวีระพงษ์ หรือแตงโมว่า ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตนถูกกระทำจากนายมงคลกิตติ์มาตลอด ในตอนที่ตนฟ้องคนบนเรือเกี่ยวกับเรื่องของฆาตกรรมอําพรางที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยได้รับมอบอํานาจจากแม่ของแตงโมโดยชอบด้วยกฎหมาย หลังจากยื่นฟ้องเสร็จ นายมงคลกิตติ์ได้โทรศัพท์มาหา ตำหนิตนอย่างหนักว่าไปฟ้องโดยไม่มีการแจ้งแม่แตงโมให้ทราบ ทั้งที่จริงตนแจ้งแม่แตงโมให้ทราบแล้ว แล้วก็ได้นําหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องของการฆาตกรรมเมื่อ 3 ปีที่แล้วไปให้แม่แตงโมดูแล้ว ต่อมานายมงคลกิตติ์ก็ไปยุยงแม่แตงโมให้มีการถอนฟ้องโดยการอ้างว่าถ้าผมฟ้องไปแม่จะถูกฟ้องกลับ ทําให้คุณต้องติดคุก ซึ่งแม่แตงโมก็ได้หลงเชื่อแล้วก็ตามมาถอนฟ้อง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000011884 • #MGROnline #อัจฉริยะ #มือถือแตงโม #หลักฐานสำคัญ #หมอธวัชชัย #ดีเอสไอ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถนนจูเชวี่ยแห่งนครฉางอัน

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเร็วหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปฉลองปีใหม่ พูดถึงเทศกาลคริสมาสและปีใหม่ ก็หนีไม่พ้นเรื่องของการซื้อของให้ของขวัญ ทำให้ Storyฯ นึกถึงถนนสายหนึ่งที่มักถูกกล่าวถึงในละครเรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> เวลาที่นางเอกชวนสาวใช้ไปเดินช้อปปิ้ง

    ถนนสายนี้มีชื่อว่า ถนนจูเชวี่ย (朱雀街 / ถนนวิหคชาด) ซึ่งเป็นชื่อที่ปรากฏบ่อยมากในซีรีส์และนิยายจีน เพราะมันเป็นถนนที่โด่งดังมากแห่งนครฉางอัน และปัจจุบันยังคงมีถนนสายนี้อยู่ที่เมืองซีอัน แต่เรียกจริงๆ ว่าถนนใหญ่จูเชวี่ย (朱雀大街 / Zhuque Avenue)

    ถนนจูเชวี่ยที่เราเห็นในละครหลายเรื่องดูจะเป็นถนนเล็ก สองฟากเรียงรายด้วยแผงขายของ แต่จริงๆ แล้ว ถนนจูเชวี่ยเป็นถนนที่ใหญ่มาก เลยต้องเอารูปประกอบมาเสริมจากละครเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> ซึ่งถูกกล่าวขานยกย่องว่ามีการจำลองผังเมืองนครฉางอันมาอย่างดี

    ‘ฉางอัน’ ชื่อนี้แปลว่าสงบสุขยืนยาว และเมืองฉางอันมีอดีตยาวนานสมชื่อ มันเคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่หลายราชวงศ์ แต่ไม่ได้มีอาณาเขตเท่ากันในทุกยุคสมัย ในสมัยราชวงศ์สุยและถังมีการสร้างพระราชวังขึ้นเพิ่มและขยายอาณาเขตออกไป และในสมัยถังจัดได้ว่าเป็นช่วงที่เรืองรองที่สุดของนครฉางอัน ในช่วงที่เฟื่องฟูที่สุดนั้น นครฉางอันมีประชากรถึง 3 ล้านคน เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสมัยนั้น ใหญ่กว่ากรุงโรมโบราณถึง 7 เท่า เส้นผ่าศูนย์กลางตะวันออก-ตะวันตกของเมืองยาว 9.7 กิโลเมตร เหนือ-ใต้ยาว 8.7 กิโลเมตร

    ต่อมาในสมัยปลายถังมีการหนีข้าศึกย้ายราชธานีไปยังเมืองลั่วหยาง เมืองฉางอันก็ค่อยๆ เสื่อมโทรมลง ในสมัยหมิงมีการบูรณะฉางอันสร้างขึ้นอีกครั้งเป็นเมืองซีอัน แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าฉางอันเดิม

    นครฉางอันสมัยถังแบ่งเป็นสองเขตใหญ่ คือฝั่งตะวันออกและตะวันตก มีถนนใหญ่คั่นกลางคือถนนจูเชวี่ย (ดูรูปประกอบ2) พื้นที่ทั้งหมดถูกแบ่งซอยย่อยเป็นเขตเล็กทรงสี่เหลี่ยมเรียกว่า ‘ฟาง’ มีหลายขนาด ยาวประมาณ 500-800 เมตร กว้าง 700-1,000 เมตร แต่ละเขตฟางมีกำแพงและคูระบายน้ำล้อมรอบ และมีประตูเข้าออกของมันเองเพื่อความปลอดภัย โดยประตูจะเปิดในตอนเช้าและปิดในตอนกลางคืน มีทั้งหมดด้วยกัน 108 เขตฟาง (ไม่รวมตลาดอีก 2 ฟาง) จนบางคนเปรียบผังเมืองฉางอันเป็นกระดานหมากล้อม เพื่อนเพจที่ได้ดู <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> น่าจะคุ้นเคยกับภาพของเขตฟางเหล่านี้

    นครฉางอันมีประตูเมือง 12 ประตู (Storyฯ เคยคุยถึงประตูเมืองโบราณแล้วใน https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/581451090649854 ) และประตูเมืองที่สำคัญเพราะเป็นประตูหลักในการเข้าออกเมืองนี้ก็คือประตูทิศใต้ที่มีชื่อว่า ประตูหมิงเต๋อ มันเป็นประตูเมืองประตูเดียวที่มีถึงห้าบาน โดยหนึ่งบานนั้นเป็นประตูที่เปิดใช้เฉพาะยามที่ฮ่องเต้เสด็จเข้าออกเมือง

    ถนนจูเชวี่ยนี้ ทิศใต้จรดประตูเมืองหมิงเต๋อที่กล่าวถึงข้างต้น ส่วนทิศเหนือนั้นจรดประตูเขตพระนครชื่อว่าประตูจูเชวี่ย และเลยผ่านเขตพระนครไปจรดประตูพระราชวังเฉิงเทียน อนึ่ง เขตพระนครหรือหวงเฉิง (皇城 / Royal City) นั้นคือส่วนที่เป็นบริเวณสถานที่ราชการต่างๆ ส่วนเขตพระราชวังหรือกงเฉิง (宫城 / Palace City) นั้นคือเขตที่ประทับของฮ่องเต้และเหล่าเชื้อพระวงศ์ ถนนจูเชวี่ยส่วนที่อยู่ในเขตพระนครนั้นเรียกว่า ถนนเฉิงเทียน ตามชื่อประตู และเป็นที่มาว่าถนนจูเชวี่ยถูกเรียกว่าถนน ‘เทียนเจีย’ (ถนนสวรรค์)

    ถนนจูเชวี่ยแห่งนครฉางอันในสมัยถังนั้น จริงแท้หน้าตาเป็นอย่างไรไม่ปรากฏภาพวาดเปรียบเทียบกับถนนอื่นอย่างชัดเจน แต่มีการขุดพบซากถนนเก่าที่ยืนยันขนาดของมันว่ามีความยาว กว่า 5 กม. ถนนหน้ากว้าง 150 เมตร (รวมคูข้างถนน ถ้าไม่รวมคือประมาณ 129-130 เมตร) และทุกระยะทาง 200 เมตรจะมีการขยายถนนออกไปเล็กน้อย คล้ายเป็นไหล่ทาง มีไว้ให้คนยืนหลบเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จผ่าน --- ลองนึกเปรียบเทียบดูว่า ถนนบ้านเราปัจจุบันตามกฎหมายกว้าง 3 เมตร ดังนั้นความกว้างของถนนจูเชวี่ยเทียบเท่าถนนห้าสิบเลนปัจจุบันของเราเลยทีเดียว! ทีนี้เพื่อนเพจคงนึกภาพตามได้ไม่ยากแล้วว่า ในละครที่เราเห็นภาพฮ่องเต้ทรงอวยพรให้แม่ทัพและเหล่ากองกำลังทหารก่อนเดินทัพออกจากพระราชวังนั้น เขามีถนนใหญ่อย่างนี้จริง

    มีคนวิเคราะห์ไว้ว่า ขนาดความกว้างของถนนจูเชวี่ยนี้ เป็นเพราะระยะทางการยิงของธนูธรรมดาในสมัยนั้น ยิงได้ไกลประมาณ 60 เมตร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของขบวนเสด็จของฮ่องเต้ ถนนจูเชวี่ยจึงต้องมีความกว้างถึง 150 เมตร

    แต่ไม่ใช่ถนนทุกสายที่มีหน้ากว้างขนาดนี้ ถนนสายรองของเมืองมีหน้ากว้างปกติ 40-70 เมตร และถนนเล็กเลียบกำแพงเมืองจะมีหน้ากว้างไม่เกิน 25 เมตร ส่วนถนนระหว่างเขตฟางส่วนใหญ่มีความกว้างเพียงให้รถเกวียนหรือรถม้าสองคันวิ่งสวนกัน

    ถนนจูเชวี่ยใหญ่ขนาดนี้ ใช่ถนนช้อปปิ้งหรือไม่?

    จากบันทึกโบราณ สถานช้อปปิ้งหลักของนครฉางอันคือตลาดตะวันตกและตลาดตะวันออก (ดูรูปผังเมืองที่แปะมา) โดยสินค้าในตลาดตะวันตกส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นบ้านหรือของนำเข้าจากเมืองอื่นสำหรับชาวบ้านทั่วไป แต่สินค้าในตลาดตะวันออกจากมีราคาสูงขึ้นมาอีก เพราะกลุ่มลูกค้าจะเป็นชนชั้นสูง ส่วนถนนจูเชวี่ยนั้น สองฝั่งฟากส่วนใหญ่เป็นวัดวาอารามและหอชมวิว

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.niusnews.com/=P0123ga33
    https://n.znds.com/article/39071.html
    http://v.xiancity.cn/folder11/folder186/2016-11-25/89648.html
    https://m.planning.org.cn/zx_news/9888.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.planning.org.cn/zx_news/9888.htm
    https://en.unesco.org/silkroad/content/did-you-know-cosmopolitan-city-changan-eastern-end-silk-roads
    https://i.ifeng.com/c/8NbyjwjSa8B
    https://kknews.cc/history/6o6lop.html
    https://kknews.cc/news/e8orjvn.html
    https://www.gugong.net/zhongguo/tangchao/29679.html

    #ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์ #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #ฉางอัน #ถนนจูเชวี่ย #ถนนสวรรค์
    ถนนจูเชวี่ยแห่งนครฉางอัน สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเร็วหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปฉลองปีใหม่ พูดถึงเทศกาลคริสมาสและปีใหม่ ก็หนีไม่พ้นเรื่องของการซื้อของให้ของขวัญ ทำให้ Storyฯ นึกถึงถนนสายหนึ่งที่มักถูกกล่าวถึงในละครเรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> เวลาที่นางเอกชวนสาวใช้ไปเดินช้อปปิ้ง ถนนสายนี้มีชื่อว่า ถนนจูเชวี่ย (朱雀街 / ถนนวิหคชาด) ซึ่งเป็นชื่อที่ปรากฏบ่อยมากในซีรีส์และนิยายจีน เพราะมันเป็นถนนที่โด่งดังมากแห่งนครฉางอัน และปัจจุบันยังคงมีถนนสายนี้อยู่ที่เมืองซีอัน แต่เรียกจริงๆ ว่าถนนใหญ่จูเชวี่ย (朱雀大街 / Zhuque Avenue) ถนนจูเชวี่ยที่เราเห็นในละครหลายเรื่องดูจะเป็นถนนเล็ก สองฟากเรียงรายด้วยแผงขายของ แต่จริงๆ แล้ว ถนนจูเชวี่ยเป็นถนนที่ใหญ่มาก เลยต้องเอารูปประกอบมาเสริมจากละครเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> ซึ่งถูกกล่าวขานยกย่องว่ามีการจำลองผังเมืองนครฉางอันมาอย่างดี ‘ฉางอัน’ ชื่อนี้แปลว่าสงบสุขยืนยาว และเมืองฉางอันมีอดีตยาวนานสมชื่อ มันเคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่หลายราชวงศ์ แต่ไม่ได้มีอาณาเขตเท่ากันในทุกยุคสมัย ในสมัยราชวงศ์สุยและถังมีการสร้างพระราชวังขึ้นเพิ่มและขยายอาณาเขตออกไป และในสมัยถังจัดได้ว่าเป็นช่วงที่เรืองรองที่สุดของนครฉางอัน ในช่วงที่เฟื่องฟูที่สุดนั้น นครฉางอันมีประชากรถึง 3 ล้านคน เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสมัยนั้น ใหญ่กว่ากรุงโรมโบราณถึง 7 เท่า เส้นผ่าศูนย์กลางตะวันออก-ตะวันตกของเมืองยาว 9.7 กิโลเมตร เหนือ-ใต้ยาว 8.7 กิโลเมตร ต่อมาในสมัยปลายถังมีการหนีข้าศึกย้ายราชธานีไปยังเมืองลั่วหยาง เมืองฉางอันก็ค่อยๆ เสื่อมโทรมลง ในสมัยหมิงมีการบูรณะฉางอันสร้างขึ้นอีกครั้งเป็นเมืองซีอัน แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าฉางอันเดิม นครฉางอันสมัยถังแบ่งเป็นสองเขตใหญ่ คือฝั่งตะวันออกและตะวันตก มีถนนใหญ่คั่นกลางคือถนนจูเชวี่ย (ดูรูปประกอบ2) พื้นที่ทั้งหมดถูกแบ่งซอยย่อยเป็นเขตเล็กทรงสี่เหลี่ยมเรียกว่า ‘ฟาง’ มีหลายขนาด ยาวประมาณ 500-800 เมตร กว้าง 700-1,000 เมตร แต่ละเขตฟางมีกำแพงและคูระบายน้ำล้อมรอบ และมีประตูเข้าออกของมันเองเพื่อความปลอดภัย โดยประตูจะเปิดในตอนเช้าและปิดในตอนกลางคืน มีทั้งหมดด้วยกัน 108 เขตฟาง (ไม่รวมตลาดอีก 2 ฟาง) จนบางคนเปรียบผังเมืองฉางอันเป็นกระดานหมากล้อม เพื่อนเพจที่ได้ดู <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> น่าจะคุ้นเคยกับภาพของเขตฟางเหล่านี้ นครฉางอันมีประตูเมือง 12 ประตู (Storyฯ เคยคุยถึงประตูเมืองโบราณแล้วใน https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/581451090649854 ) และประตูเมืองที่สำคัญเพราะเป็นประตูหลักในการเข้าออกเมืองนี้ก็คือประตูทิศใต้ที่มีชื่อว่า ประตูหมิงเต๋อ มันเป็นประตูเมืองประตูเดียวที่มีถึงห้าบาน โดยหนึ่งบานนั้นเป็นประตูที่เปิดใช้เฉพาะยามที่ฮ่องเต้เสด็จเข้าออกเมือง ถนนจูเชวี่ยนี้ ทิศใต้จรดประตูเมืองหมิงเต๋อที่กล่าวถึงข้างต้น ส่วนทิศเหนือนั้นจรดประตูเขตพระนครชื่อว่าประตูจูเชวี่ย และเลยผ่านเขตพระนครไปจรดประตูพระราชวังเฉิงเทียน อนึ่ง เขตพระนครหรือหวงเฉิง (皇城 / Royal City) นั้นคือส่วนที่เป็นบริเวณสถานที่ราชการต่างๆ ส่วนเขตพระราชวังหรือกงเฉิง (宫城 / Palace City) นั้นคือเขตที่ประทับของฮ่องเต้และเหล่าเชื้อพระวงศ์ ถนนจูเชวี่ยส่วนที่อยู่ในเขตพระนครนั้นเรียกว่า ถนนเฉิงเทียน ตามชื่อประตู และเป็นที่มาว่าถนนจูเชวี่ยถูกเรียกว่าถนน ‘เทียนเจีย’ (ถนนสวรรค์) ถนนจูเชวี่ยแห่งนครฉางอันในสมัยถังนั้น จริงแท้หน้าตาเป็นอย่างไรไม่ปรากฏภาพวาดเปรียบเทียบกับถนนอื่นอย่างชัดเจน แต่มีการขุดพบซากถนนเก่าที่ยืนยันขนาดของมันว่ามีความยาว กว่า 5 กม. ถนนหน้ากว้าง 150 เมตร (รวมคูข้างถนน ถ้าไม่รวมคือประมาณ 129-130 เมตร) และทุกระยะทาง 200 เมตรจะมีการขยายถนนออกไปเล็กน้อย คล้ายเป็นไหล่ทาง มีไว้ให้คนยืนหลบเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จผ่าน --- ลองนึกเปรียบเทียบดูว่า ถนนบ้านเราปัจจุบันตามกฎหมายกว้าง 3 เมตร ดังนั้นความกว้างของถนนจูเชวี่ยเทียบเท่าถนนห้าสิบเลนปัจจุบันของเราเลยทีเดียว! ทีนี้เพื่อนเพจคงนึกภาพตามได้ไม่ยากแล้วว่า ในละครที่เราเห็นภาพฮ่องเต้ทรงอวยพรให้แม่ทัพและเหล่ากองกำลังทหารก่อนเดินทัพออกจากพระราชวังนั้น เขามีถนนใหญ่อย่างนี้จริง มีคนวิเคราะห์ไว้ว่า ขนาดความกว้างของถนนจูเชวี่ยนี้ เป็นเพราะระยะทางการยิงของธนูธรรมดาในสมัยนั้น ยิงได้ไกลประมาณ 60 เมตร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของขบวนเสด็จของฮ่องเต้ ถนนจูเชวี่ยจึงต้องมีความกว้างถึง 150 เมตร แต่ไม่ใช่ถนนทุกสายที่มีหน้ากว้างขนาดนี้ ถนนสายรองของเมืองมีหน้ากว้างปกติ 40-70 เมตร และถนนเล็กเลียบกำแพงเมืองจะมีหน้ากว้างไม่เกิน 25 เมตร ส่วนถนนระหว่างเขตฟางส่วนใหญ่มีความกว้างเพียงให้รถเกวียนหรือรถม้าสองคันวิ่งสวนกัน ถนนจูเชวี่ยใหญ่ขนาดนี้ ใช่ถนนช้อปปิ้งหรือไม่? จากบันทึกโบราณ สถานช้อปปิ้งหลักของนครฉางอันคือตลาดตะวันตกและตลาดตะวันออก (ดูรูปผังเมืองที่แปะมา) โดยสินค้าในตลาดตะวันตกส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นบ้านหรือของนำเข้าจากเมืองอื่นสำหรับชาวบ้านทั่วไป แต่สินค้าในตลาดตะวันออกจากมีราคาสูงขึ้นมาอีก เพราะกลุ่มลูกค้าจะเป็นชนชั้นสูง ส่วนถนนจูเชวี่ยนั้น สองฝั่งฟากส่วนใหญ่เป็นวัดวาอารามและหอชมวิว (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.niusnews.com/=P0123ga33 https://n.znds.com/article/39071.html http://v.xiancity.cn/folder11/folder186/2016-11-25/89648.html https://m.planning.org.cn/zx_news/9888.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.planning.org.cn/zx_news/9888.htm https://en.unesco.org/silkroad/content/did-you-know-cosmopolitan-city-changan-eastern-end-silk-roads https://i.ifeng.com/c/8NbyjwjSa8B https://kknews.cc/history/6o6lop.html https://kknews.cc/news/e8orjvn.html https://www.gugong.net/zhongguo/tangchao/29679.html #ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์ #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #ฉางอัน #ถนนจูเชวี่ย #ถนนสวรรค์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนองคาย-ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย นำหมายค้นตรวจบ้านหลังใหญ่ในตัวเมืองหนองคาย หลังพบเปิดบ้านทำเว็บพนันออนไลน์ ทั้งเว็บไทย และเว็บลาว เงินหมุนเวียนหลายล้านบาท รวบ10 ผู้ต้องหาไทย- ลาว ขณะเจ้านายใหญ่ไหวตัวทันหลบหนี

    วันนี้ (5 ก.พ.68) พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.อก.รร.นรต.รรท.ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงเดือน รองผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.หนองคาย, พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว.ตม.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันนำหมายค้นตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 73 / 75 / 76 / 77 หมู่ 1 จอมมณี ชอย 4 ต.มีชัย อ.เมืองหนองคาย หลังจากที่ พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว.ตม.หนองคาย สืบทราบว่าบ้านหลังกล่าวมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการพนันออนไลน์

    เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงได้นำหมายค้นแสดงต่อบุคคลที่อยู่ในบ้าน โดยตรวจสอบเอกสารแสดงตัวบุคคล ทราบว่าเป็นคนไทย 4 คน คนลาว 6 คน เจ้าของบ้านไม่อยู่ ภายในบ้านมีโต๊ะคอมพิวเตอร์เปิดเครื่องไว้อยู่ระหว่างการสนทนากับลูกค้า ตรวจพบว่าเป็นเว็บพนันออนไลน์ทุกประเภท พนันกีฬาทุกชนิด โดยเป็นเว็บไทย 2 เว็บ ชื่อ Lion 777 , Bear 798 และเว็บลาว 1 เว็บ ชื่อ Uefa La 88 เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดคอมพิวเตอร์ จอมอนิเตอร์ 7 ตัว ซีพียู 3 เครื่อง คอมพิวเตอร์ออลอินวัน 1 ตัว, โทรศัพท์มือถือ ,สมุดบัญชีธนาคาร มีเงินหมุนเวียน เว็บไทย 2 เว็บ เป็นเงินไทย 2 ล้านบาทต่อเดือน และบัญชีเว็บลาว จะมีเงินหมุนเวียนประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อเดือน

    ก่อนบุกเข้าจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย สืบทราบว่า มีกลุ่มบุคคลคนลาวเข้าออกประเทศผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคายบ่อยครั้ง แต่ไม่มีการแจ้งแหล่งที่พักอาศัยของแรงงานต่างด้าว มีการเข้าออกเป็นรอบ รอบเช้า 07.30- 16.30 น. รอบบ่าย 16.30 – 07.30 น. ทุกวัน สลับกันไป

    บ้านหลังดังกล่าวไม่มีการแจ้งว่ามีการจ้างแรงงานต่างด้าว เจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตจนแน่ใจว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงขอหมายค้นเข้าทำการตรวจสอบในครั้งนี้จนสามารถบุกทลายแหล่งพนันออนไลน์กลางเมืองหนองคายได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000011759

    #MGROnline #หนองคาย #เว็บพนันออนไลน์
    หนองคาย-ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย นำหมายค้นตรวจบ้านหลังใหญ่ในตัวเมืองหนองคาย หลังพบเปิดบ้านทำเว็บพนันออนไลน์ ทั้งเว็บไทย และเว็บลาว เงินหมุนเวียนหลายล้านบาท รวบ10 ผู้ต้องหาไทย- ลาว ขณะเจ้านายใหญ่ไหวตัวทันหลบหนี • วันนี้ (5 ก.พ.68) พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.อก.รร.นรต.รรท.ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงเดือน รองผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.หนองคาย, พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว.ตม.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันนำหมายค้นตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 73 / 75 / 76 / 77 หมู่ 1 จอมมณี ชอย 4 ต.มีชัย อ.เมืองหนองคาย หลังจากที่ พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว.ตม.หนองคาย สืบทราบว่าบ้านหลังกล่าวมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ • เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงได้นำหมายค้นแสดงต่อบุคคลที่อยู่ในบ้าน โดยตรวจสอบเอกสารแสดงตัวบุคคล ทราบว่าเป็นคนไทย 4 คน คนลาว 6 คน เจ้าของบ้านไม่อยู่ ภายในบ้านมีโต๊ะคอมพิวเตอร์เปิดเครื่องไว้อยู่ระหว่างการสนทนากับลูกค้า ตรวจพบว่าเป็นเว็บพนันออนไลน์ทุกประเภท พนันกีฬาทุกชนิด โดยเป็นเว็บไทย 2 เว็บ ชื่อ Lion 777 , Bear 798 และเว็บลาว 1 เว็บ ชื่อ Uefa La 88 เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดคอมพิวเตอร์ จอมอนิเตอร์ 7 ตัว ซีพียู 3 เครื่อง คอมพิวเตอร์ออลอินวัน 1 ตัว, โทรศัพท์มือถือ ,สมุดบัญชีธนาคาร มีเงินหมุนเวียน เว็บไทย 2 เว็บ เป็นเงินไทย 2 ล้านบาทต่อเดือน และบัญชีเว็บลาว จะมีเงินหมุนเวียนประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อเดือน • ก่อนบุกเข้าจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย สืบทราบว่า มีกลุ่มบุคคลคนลาวเข้าออกประเทศผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคายบ่อยครั้ง แต่ไม่มีการแจ้งแหล่งที่พักอาศัยของแรงงานต่างด้าว มีการเข้าออกเป็นรอบ รอบเช้า 07.30- 16.30 น. รอบบ่าย 16.30 – 07.30 น. ทุกวัน สลับกันไป • บ้านหลังดังกล่าวไม่มีการแจ้งว่ามีการจ้างแรงงานต่างด้าว เจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตจนแน่ใจว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงขอหมายค้นเข้าทำการตรวจสอบในครั้งนี้จนสามารถบุกทลายแหล่งพนันออนไลน์กลางเมืองหนองคายได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000011759 • #MGROnline #หนองคาย #เว็บพนันออนไลน์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”เลขาฯ ป.ป.ช.“ ปัดตอบข้อมูล “เสรีพิศุทธ์” มีนํ้าหนักหรือไม่ หลังเข้าชี้แจงปมชั้น 14 ขู่หน่วยงานอิดออดไม่ส่งเอกสาร-เวชระเบียนประกอบการพิจารณาอาจใช้กฎหมายบังคับ แต่ไม่จำเป็นเรียก “ทักษิณ” มาให้ถ้อยคำ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011744

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ”เลขาฯ ป.ป.ช.“ ปัดตอบข้อมูล “เสรีพิศุทธ์” มีนํ้าหนักหรือไม่ หลังเข้าชี้แจงปมชั้น 14 ขู่หน่วยงานอิดออดไม่ส่งเอกสาร-เวชระเบียนประกอบการพิจารณาอาจใช้กฎหมายบังคับ แต่ไม่จำเป็นเรียก “ทักษิณ” มาให้ถ้อยคำ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011744 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 707 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการออกแบบกฎหมายใหม่ในสหรัฐอเมริกาที่อาจทำให้การดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากประเทศจีน เช่น DeepSeek อาจนำไปสู่การเข้าคุกถึง 20 ปีและปรับเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025" ซึ่งเสนอโดยสมาชิกวุฒิสภา Josh Hawley จากรัฐมิสซูรี

    กฎหมายนี้มีเป้าหมายที่จะห้ามผู้คนในสหรัฐอเมริกาจากการพัฒนาความสามารถใน AI ในประเทศจีน และมีการลงโทษต่อบริษัทสหรัฐที่ทำงานร่วมกับบริษัท AI จากจีน หรือนำเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญาจากจีนมาใช้ในสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการลงโทษผู้คนที่ดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากจีน1

    Senator Hawley กล่าวว่า "ทุกดอลลาร์และกิโลไบต์ของข้อมูลที่ไหลเข้าไปยัง AI ของจีน จะถูกใช้ต่อต้านสหรัฐ" และ "สหรัฐไม่สามารถให้ความสำเร็จแก่ศัตรูใหญ่ของเราได้โดยการสนับสนุนการสร้างสรรค์ของจีน" นี่เป็นการกระทำที่ท้าทายที่สุดในด้านของ AI ที่เคยเกิดขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านต่อการเปิดแหล่งข้อมูล

    ข่าวนี้ยังเน้นถึงการที่ DeepSeek ได้รับการดาวน์โหลดมากที่สุดใน App Store ของสหรัฐและส่งผลให้ตลาดหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง โดยมีคำขอให้หยุดการใช้งาน DeepSeek ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ เช่น กองทัพเรือสหรัฐและ NASA

    https://www.techspot.com/news/106633-downloading-deepseek-could-lead-jail-time-1-million.html
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการออกแบบกฎหมายใหม่ในสหรัฐอเมริกาที่อาจทำให้การดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากประเทศจีน เช่น DeepSeek อาจนำไปสู่การเข้าคุกถึง 20 ปีและปรับเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025" ซึ่งเสนอโดยสมาชิกวุฒิสภา Josh Hawley จากรัฐมิสซูรี กฎหมายนี้มีเป้าหมายที่จะห้ามผู้คนในสหรัฐอเมริกาจากการพัฒนาความสามารถใน AI ในประเทศจีน และมีการลงโทษต่อบริษัทสหรัฐที่ทำงานร่วมกับบริษัท AI จากจีน หรือนำเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญาจากจีนมาใช้ในสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการลงโทษผู้คนที่ดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากจีน1 Senator Hawley กล่าวว่า "ทุกดอลลาร์และกิโลไบต์ของข้อมูลที่ไหลเข้าไปยัง AI ของจีน จะถูกใช้ต่อต้านสหรัฐ" และ "สหรัฐไม่สามารถให้ความสำเร็จแก่ศัตรูใหญ่ของเราได้โดยการสนับสนุนการสร้างสรรค์ของจีน" นี่เป็นการกระทำที่ท้าทายที่สุดในด้านของ AI ที่เคยเกิดขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านต่อการเปิดแหล่งข้อมูล ข่าวนี้ยังเน้นถึงการที่ DeepSeek ได้รับการดาวน์โหลดมากที่สุดใน App Store ของสหรัฐและส่งผลให้ตลาดหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง โดยมีคำขอให้หยุดการใช้งาน DeepSeek ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ เช่น กองทัพเรือสหรัฐและ NASA https://www.techspot.com/news/106633-downloading-deepseek-could-lead-jail-time-1-million.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Downloading DeepSeek could lead to jail time and a $1 million fine under new US bill
    Republican Senator from Missouri Josh Hawley's proposed legislation, the Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025, aims to prohibit those in the US from...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้เริ่มการสอบสวนใหม่เกี่ยวกับ Google และ Nvidia ในเรื่องการละเมิดกฎหมายการผูกขาด และยังมีแผนที่จะสอบสวน Intel ด้วย กิจกรรมนี้อาจส่งผลให้บริษัททั้งสามถูกปรับหรือถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดจีน การสอบสวนนี้มีแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และอาจเป็นวิธีหนึ่งที่จีนใช้เพื่อเพิ่มอำนาจการเจรจาในการพบปะระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ

    สำหรับ Google การสอบสวนเน้นที่ระบบปฏิบัติการ Android และว่ามันได้สร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนเช่น Oppo และ Xiaomi ที่ต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์ของ Google หรือไม่ ขณะที่ Nvidia ถูกสอบสวนเกี่ยวกับการทำตามเงื่อนไขการเข้าซื้อบริษัท Mellanox Technologies ในปี 2019

    ส่วน Intel ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการสอบสวน แต่ถ้าเริ่มต้นขึ้น การสอบสวนอาจเน้นที่วิธีการดำเนินธุรกิจของ Intel ในจีน ที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตั้งอัตราภาษีใหม่สำหรับสินค้าจีน และจีนอาจตอบโต้ด้วยการใช้กฎหมายการผูกขาดเป็นเครื่องมือ นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาเพิ่มความพยายามในการจำกัดการพัฒนาของจีนในด้านปัญญาประดิษฐ์และการคำนวณประสิทธิภาพสูง

    แม้จะเป็นเครื่องมือในการเจรจา แต่วิธีนี้อาจเสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งมากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่บริษัทอเมริกันที่ต้องพึ่งพาตลาดจีน บริษัทจีนเองก็พึ่งพาเทคโนโลยีอเมริกันเช่นกัน

    การสอบสวนนี้อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่ายและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศอย่างมากมาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-reopens-antitrust-probe-into-google-nvidia-and-intel-may-be-next
    จีนได้เริ่มการสอบสวนใหม่เกี่ยวกับ Google และ Nvidia ในเรื่องการละเมิดกฎหมายการผูกขาด และยังมีแผนที่จะสอบสวน Intel ด้วย กิจกรรมนี้อาจส่งผลให้บริษัททั้งสามถูกปรับหรือถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดจีน การสอบสวนนี้มีแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และอาจเป็นวิธีหนึ่งที่จีนใช้เพื่อเพิ่มอำนาจการเจรจาในการพบปะระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ สำหรับ Google การสอบสวนเน้นที่ระบบปฏิบัติการ Android และว่ามันได้สร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนเช่น Oppo และ Xiaomi ที่ต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์ของ Google หรือไม่ ขณะที่ Nvidia ถูกสอบสวนเกี่ยวกับการทำตามเงื่อนไขการเข้าซื้อบริษัท Mellanox Technologies ในปี 2019 ส่วน Intel ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการสอบสวน แต่ถ้าเริ่มต้นขึ้น การสอบสวนอาจเน้นที่วิธีการดำเนินธุรกิจของ Intel ในจีน ที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตั้งอัตราภาษีใหม่สำหรับสินค้าจีน และจีนอาจตอบโต้ด้วยการใช้กฎหมายการผูกขาดเป็นเครื่องมือ นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาเพิ่มความพยายามในการจำกัดการพัฒนาของจีนในด้านปัญญาประดิษฐ์และการคำนวณประสิทธิภาพสูง แม้จะเป็นเครื่องมือในการเจรจา แต่วิธีนี้อาจเสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งมากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่บริษัทอเมริกันที่ต้องพึ่งพาตลาดจีน บริษัทจีนเองก็พึ่งพาเทคโนโลยีอเมริกันเช่นกัน การสอบสวนนี้อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่ายและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศอย่างมากมาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-reopens-antitrust-probe-into-google-nvidia-and-intel-may-be-next
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สร้างความตกตะลึงอีกครั้งด้วยการประกาศว่าต้องการ “เทกโอเวอร์” ดินแดนกาซาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากส่งชาวปาเลสไตน์ “ออกไปอยู่อื่น” ในความเคลื่อนไหวซึ่งจะถือเป็นการทำลายจุดยืนที่สหรัฐฯ มีต่อปัญหายิว-ปาเลสไตน์มานานหลายสิบปี
    .
    ทรัมป์ แถลงแผนการสุดเซอร์ไพรส์นี้ระหว่างเปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร
    .
    ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทรัมป์ ได้เสนอให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไปตั้งถิ่นฐานใหม่แบบถาวรในประเทศข้างเคียง โดยระบุว่าดินแดนกาซาในปัจจุบันมีสภาพไม่ต่างจากพื้นที่ทุบทำลาย (demolition site)
    .
    “สหรัฐฯ จะเทกโอเวอร์ฉนวนกาซา และเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย” ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าว “เราจะเป็นเจ้าของมัน และจะรับผิดชอบเรื่องการทำลายระเบิดที่ยังไม่ทำงาน และอาวุธต่างๆ ที่อยู่ในนั้น”
    .
    “หากมีความจำเป็น เราก็จะทำ เราจะเทกโอเวอร์ดินแดนตรงนั้น เราจะเข้าไปพัฒนามัน สร้างงานหลายพันหลายหมื่นตำแหน่ง และมันจะเป็นสิ่งที่ตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคและทั่วโลกต้องภูมิใจ” ทรัมป์ กล่าว
    .
    เมื่อถามว่าแล้วใครจะเข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนตรงนั้น ทรัมป์ ตอบแบบกว้างๆ ว่ามันจะเป็น “บ้านสำหรับชาวโลก”
    .
    ด้าน เนทันยาฮู ก็กล่าวรับลูกทันควันว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ “กล้าคิดนอกกรอบด้วยไอเดียใหม่ๆ” และ “แสดงความตั้งใจจริงที่จะแทงทะลุกรอบความคิดเดิมๆ”
    .
    อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ไม่ได้ชี้แจงข้อซักถามของสื่อมวลชนที่ว่า สหรัฐฯ จะเอาอำนาจอะไรไปเทกโอเวอร์ดินแดนกาซา และยึดครองมันในระยะยาว
    .
    ทรัมป์ ยังย้ำข้อเรียกร้องให้จอร์แดน อียิปต์ และรัฐอาหรับอื่นๆ รับชาวกาซาไปอยู่อาศัย โดยชี้ว่าชาวปาเลสไตน์ "ไม่มีทางเลือกอื่น" นอกจากละทิ้งดินแดนผืนแคบๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ไปเสีย เนื่องจากกาซาจำเป็นต้องได้รับการบูรณะฟื้นฟูขนานใหญ่หลังเสียหายย่อยยับจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา
    .
    อย่างไรก็ดี ครั้งนี้ ทรัมป์ ประกาศชัดว่าเขาสนับสนุนการย้ายชาวกาซาแบบ "ถาวร" ซึ่งเป็นเรื่องหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าข้อเสนอเดิมซึ่งบรรดารัฐอาหรับก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว
    .
    เพียง 2 สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่งเทอมสอง ทรัมป์ ได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำยิวเพื่อหารือข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางในกาซา ยุทธศาสตร์ต่อต้านอิหร่าน รวมไปถึงความหวังที่จะรื้อฟื้นแผนผลักดันการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติระหว่างอิสราเอลกับซาอุดีอาระเบีย
    .
    "มันเป็นพื้นที่ทุบทำลายชัดๆ" ทรัมป์ เอ่ยถึงกาซาก่อนที่จะพบ เนทันยาฮู ไม่นานนัก
    .
    "ถ้าเราสามารถหาที่ดินสักผืนที่ใช่ หรืออาจจะหลายๆ ผืน และสร้างสถานที่ที่ดีและมีเม็ดเงินมหาศาลให้พวกเขา แน่นอน... ผมคิดว่ามันจะดีกว่าการกลับเข้าไปอยู่ในกาซา" ทรัมป์ กล่าว
    .
    "ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม (ชาวปาเลสไตน์) ถึงยังอยากอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ให้คำตอบ หลังถูกถามถึงปฏิกิริยาของบรรดาผู้นำชาติอาหรับเกี่ยวกับข้อเสนอของเขา
    .
    ระหว่างพบ เนทันยาฮู ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ ได้ย้ำข้อเสนอเดิม โดยคราวนี้บอกว่าชาวปาเลสไตน์ควรย้ายออกจากกาซาไปเลยแบบถาวร "ไปอยู่ในบ้านใหม่ที่ดี ที่ซึ่งพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องถูกยิง ไม่ต้องถูกสังหาร"
    .
    "พวกเขาจะไม่อยากกลับไปอยู่กาซาอีก"
    .
    ทรัมป์ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากระบวนการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์จะกระทำอย่างไร แต่ข้อเสนอนี้เรียกได้ว่าเติมเต็มความปรารถนาของกลุ่มขวาจัดในอิสราเอล และขัดแย้งสิ้นเชิงกับจุดยืนของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์จากกาซา
    .
    นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนบางคนออกมาวิจารณ์ข้อเสนอ ทรัมป์ ว่าไม่ต่างอะไรกับการล้างชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกระแสต่อต้านรุนแรงไม่เพียงแต่ในตะวันออกกลาง แต่รวมถึงจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯ เองด้วย
    .
    ซามี อบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส ออกมาประณามแผนของ ทรัมป์ ว่าเป็นการ "ขับไล่ชาวกาซาออกจากดินแดนของพวกเขาเอง"
    .
    "เรามองว่านี่คือสูตรสำเร็จที่จะสร้างความวุ่นวายและความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาค เพราะชาวกาซาจะไม่มีวันยอมให้แผนการเช่นนี้เกิดขึ้น" เขากล่าว
    .
    การที่ ทรัมป์ เลือกให้ เนทันยาฮู เป็นผู้นำต่างชาติรายแรกที่ได้มาพบเขาที่ทำเนียบขาวหลังสาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ถูกมองว่าเป็นความพยายามโชว์ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างตนกับผู้นำยิว ตามหลังช่วงเวลาอันระหองระแหงระหว่าง เนทันยาฮู กับ ไบเดน สืบเนื่องจากสงครามในกาซา
    .
    อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ก็อาจจะเป็นฝ่ายถูก ทรัมป์ กดดันเข้าบ้างในอนาคต เนื่องจากเป้าหมายเชิงนโยบายตะวันออกกลางในภาพรวมของผู้นำอเมริกันที่คาดเดาได้ยากรายนี้บางครั้งก็ไม่ได้ตรงกับผลประโยชน์ภายในประเทศและผลประโยชน์ด้านภูมิรัฐศาสตร์สำหรับ เนทันยาฮู เสมอไป
    .
    ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ เคยหยิบยื่นชัยชนะให้แก่ เนทันยาฮู หลายครั้ง ตั้งแต่การย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม เรื่อยไปจนถึงการทำข้อตกลงอบราฮัมที่ช่วยให้รัฐอาหรับหลายชาติยอมสถาปนาความสัมพันธ์การทูตกับอิสราเอล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011557
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สร้างความตกตะลึงอีกครั้งด้วยการประกาศว่าต้องการ “เทกโอเวอร์” ดินแดนกาซาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากส่งชาวปาเลสไตน์ “ออกไปอยู่อื่น” ในความเคลื่อนไหวซึ่งจะถือเป็นการทำลายจุดยืนที่สหรัฐฯ มีต่อปัญหายิว-ปาเลสไตน์มานานหลายสิบปี . ทรัมป์ แถลงแผนการสุดเซอร์ไพรส์นี้ระหว่างเปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร . ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทรัมป์ ได้เสนอให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไปตั้งถิ่นฐานใหม่แบบถาวรในประเทศข้างเคียง โดยระบุว่าดินแดนกาซาในปัจจุบันมีสภาพไม่ต่างจากพื้นที่ทุบทำลาย (demolition site) . “สหรัฐฯ จะเทกโอเวอร์ฉนวนกาซา และเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย” ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าว “เราจะเป็นเจ้าของมัน และจะรับผิดชอบเรื่องการทำลายระเบิดที่ยังไม่ทำงาน และอาวุธต่างๆ ที่อยู่ในนั้น” . “หากมีความจำเป็น เราก็จะทำ เราจะเทกโอเวอร์ดินแดนตรงนั้น เราจะเข้าไปพัฒนามัน สร้างงานหลายพันหลายหมื่นตำแหน่ง และมันจะเป็นสิ่งที่ตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคและทั่วโลกต้องภูมิใจ” ทรัมป์ กล่าว . เมื่อถามว่าแล้วใครจะเข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนตรงนั้น ทรัมป์ ตอบแบบกว้างๆ ว่ามันจะเป็น “บ้านสำหรับชาวโลก” . ด้าน เนทันยาฮู ก็กล่าวรับลูกทันควันว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ “กล้าคิดนอกกรอบด้วยไอเดียใหม่ๆ” และ “แสดงความตั้งใจจริงที่จะแทงทะลุกรอบความคิดเดิมๆ” . อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ไม่ได้ชี้แจงข้อซักถามของสื่อมวลชนที่ว่า สหรัฐฯ จะเอาอำนาจอะไรไปเทกโอเวอร์ดินแดนกาซา และยึดครองมันในระยะยาว . ทรัมป์ ยังย้ำข้อเรียกร้องให้จอร์แดน อียิปต์ และรัฐอาหรับอื่นๆ รับชาวกาซาไปอยู่อาศัย โดยชี้ว่าชาวปาเลสไตน์ "ไม่มีทางเลือกอื่น" นอกจากละทิ้งดินแดนผืนแคบๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ไปเสีย เนื่องจากกาซาจำเป็นต้องได้รับการบูรณะฟื้นฟูขนานใหญ่หลังเสียหายย่อยยับจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา . อย่างไรก็ดี ครั้งนี้ ทรัมป์ ประกาศชัดว่าเขาสนับสนุนการย้ายชาวกาซาแบบ "ถาวร" ซึ่งเป็นเรื่องหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าข้อเสนอเดิมซึ่งบรรดารัฐอาหรับก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว . เพียง 2 สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่งเทอมสอง ทรัมป์ ได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำยิวเพื่อหารือข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางในกาซา ยุทธศาสตร์ต่อต้านอิหร่าน รวมไปถึงความหวังที่จะรื้อฟื้นแผนผลักดันการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติระหว่างอิสราเอลกับซาอุดีอาระเบีย . "มันเป็นพื้นที่ทุบทำลายชัดๆ" ทรัมป์ เอ่ยถึงกาซาก่อนที่จะพบ เนทันยาฮู ไม่นานนัก . "ถ้าเราสามารถหาที่ดินสักผืนที่ใช่ หรืออาจจะหลายๆ ผืน และสร้างสถานที่ที่ดีและมีเม็ดเงินมหาศาลให้พวกเขา แน่นอน... ผมคิดว่ามันจะดีกว่าการกลับเข้าไปอยู่ในกาซา" ทรัมป์ กล่าว . "ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม (ชาวปาเลสไตน์) ถึงยังอยากอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ให้คำตอบ หลังถูกถามถึงปฏิกิริยาของบรรดาผู้นำชาติอาหรับเกี่ยวกับข้อเสนอของเขา . ระหว่างพบ เนทันยาฮู ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ ได้ย้ำข้อเสนอเดิม โดยคราวนี้บอกว่าชาวปาเลสไตน์ควรย้ายออกจากกาซาไปเลยแบบถาวร "ไปอยู่ในบ้านใหม่ที่ดี ที่ซึ่งพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องถูกยิง ไม่ต้องถูกสังหาร" . "พวกเขาจะไม่อยากกลับไปอยู่กาซาอีก" . ทรัมป์ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากระบวนการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์จะกระทำอย่างไร แต่ข้อเสนอนี้เรียกได้ว่าเติมเต็มความปรารถนาของกลุ่มขวาจัดในอิสราเอล และขัดแย้งสิ้นเชิงกับจุดยืนของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์จากกาซา . นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนบางคนออกมาวิจารณ์ข้อเสนอ ทรัมป์ ว่าไม่ต่างอะไรกับการล้างชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกระแสต่อต้านรุนแรงไม่เพียงแต่ในตะวันออกกลาง แต่รวมถึงจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯ เองด้วย . ซามี อบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส ออกมาประณามแผนของ ทรัมป์ ว่าเป็นการ "ขับไล่ชาวกาซาออกจากดินแดนของพวกเขาเอง" . "เรามองว่านี่คือสูตรสำเร็จที่จะสร้างความวุ่นวายและความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาค เพราะชาวกาซาจะไม่มีวันยอมให้แผนการเช่นนี้เกิดขึ้น" เขากล่าว . การที่ ทรัมป์ เลือกให้ เนทันยาฮู เป็นผู้นำต่างชาติรายแรกที่ได้มาพบเขาที่ทำเนียบขาวหลังสาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ถูกมองว่าเป็นความพยายามโชว์ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างตนกับผู้นำยิว ตามหลังช่วงเวลาอันระหองระแหงระหว่าง เนทันยาฮู กับ ไบเดน สืบเนื่องจากสงครามในกาซา . อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ก็อาจจะเป็นฝ่ายถูก ทรัมป์ กดดันเข้าบ้างในอนาคต เนื่องจากเป้าหมายเชิงนโยบายตะวันออกกลางในภาพรวมของผู้นำอเมริกันที่คาดเดาได้ยากรายนี้บางครั้งก็ไม่ได้ตรงกับผลประโยชน์ภายในประเทศและผลประโยชน์ด้านภูมิรัฐศาสตร์สำหรับ เนทันยาฮู เสมอไป . ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ เคยหยิบยื่นชัยชนะให้แก่ เนทันยาฮู หลายครั้ง ตั้งแต่การย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม เรื่อยไปจนถึงการทำข้อตกลงอบราฮัมที่ช่วยให้รัฐอาหรับหลายชาติยอมสถาปนาความสัมพันธ์การทูตกับอิสราเอล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011557 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1471 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts