• ทรัมป์เพิ่งโพสต์รูปมือของ Kilmar Armando Abrego Garcia ชาวเอลซัลวาดอร์ ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ โดยระบุว่าเขาเป็นสมาชิกของแก๊งอาชญกรรุนแรง MS-13 ที่มีชื่อเสียงเรื่องการสังหารหมู่ การทรมานที่โหดร้าย ซึ่งไม่ควรปล่อยให้บุคคลอันตรายนี้อยู่ในสหรัฐต่อไป

    แต่ชาวเน็ตส่วนหนึ่งโต้แย้งว่ารูปรอยสักที่นิ้วมือดูแปลกๆ ไม่เหมือนรอยสัก และยังมีการหาภาพอื่นมายืนยันว่าไม่มีการสักตัวอักษร MS-13

    นอกจากนี้ จากหลักฐานเอกสารของตำรวจท้องถิ่นที่เคยจับกุม Kilmar Abrego Garcia เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2019 ก็ไม่ได้ระบุว่า Abrego Garcia มีรอยสักใดๆที่เกี่ยวข้องกับแก้ง MS-13


    เมื่อช่วงต้นเเดือนเมษายน ศาลฎีกาสหรัฐมีมติเอกฉันท์ด้วยมติเสียงเห็นชอบ 9-0 กำหนดให้รัฐบาลทรัมป์ต้อง "อำนวยความสะดวก" (facilitate) ในการนำตัว Kilmar Armando Abrego Garcia ชายชาวแมริแลนด์ กลับมายังสหรัฐฯ หลังจากเนรเทศเขากลับไปยังเอลซัลวาดอร์อย่างผิดกฎหมาย และต้องจัดการคดีของเขาเหมือนกับว่าเขาไม่เคยถูกส่งไปที่นั่น

    สำหรับ Kilmar Armando Abrego Garcia เป็นชาวเอลซัลวาดอร์ อาศัยอยู่ในรัฐแมรี่แลนด์ โดยมี “สถานะผู้อพยพพิเศษ” ได้ถูกจับกุมโดยไม่มีหมายจับและถูกเนรเทศอย่างผิดกฎหมายไปยังเรือนจำในประเทศเอลซัลวาดอร์เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมด้วยผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายอีกราว 100 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรที่ก่อเหตุรุนแรงและอาจเกี่ยวข้องเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรของเวเนซุเอลาที่ปฏิบัติการอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้
    ทรัมป์เพิ่งโพสต์รูปมือของ Kilmar Armando Abrego Garcia ชาวเอลซัลวาดอร์ ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ โดยระบุว่าเขาเป็นสมาชิกของแก๊งอาชญกรรุนแรง MS-13 ที่มีชื่อเสียงเรื่องการสังหารหมู่ การทรมานที่โหดร้าย ซึ่งไม่ควรปล่อยให้บุคคลอันตรายนี้อยู่ในสหรัฐต่อไป แต่ชาวเน็ตส่วนหนึ่งโต้แย้งว่ารูปรอยสักที่นิ้วมือดูแปลกๆ ไม่เหมือนรอยสัก และยังมีการหาภาพอื่นมายืนยันว่าไม่มีการสักตัวอักษร MS-13 นอกจากนี้ จากหลักฐานเอกสารของตำรวจท้องถิ่นที่เคยจับกุม Kilmar Abrego Garcia เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2019 ก็ไม่ได้ระบุว่า Abrego Garcia มีรอยสักใดๆที่เกี่ยวข้องกับแก้ง MS-13 เมื่อช่วงต้นเเดือนเมษายน ศาลฎีกาสหรัฐมีมติเอกฉันท์ด้วยมติเสียงเห็นชอบ 9-0 กำหนดให้รัฐบาลทรัมป์ต้อง "อำนวยความสะดวก" (facilitate) ในการนำตัว Kilmar Armando Abrego Garcia ชายชาวแมริแลนด์ กลับมายังสหรัฐฯ หลังจากเนรเทศเขากลับไปยังเอลซัลวาดอร์อย่างผิดกฎหมาย และต้องจัดการคดีของเขาเหมือนกับว่าเขาไม่เคยถูกส่งไปที่นั่น สำหรับ Kilmar Armando Abrego Garcia เป็นชาวเอลซัลวาดอร์ อาศัยอยู่ในรัฐแมรี่แลนด์ โดยมี “สถานะผู้อพยพพิเศษ” ได้ถูกจับกุมโดยไม่มีหมายจับและถูกเนรเทศอย่างผิดกฎหมายไปยังเรือนจำในประเทศเอลซัลวาดอร์เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมด้วยผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายอีกราว 100 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรที่ก่อเหตุรุนแรงและอาจเกี่ยวข้องเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรของเวเนซุเอลาที่ปฏิบัติการอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • Ahold Delhaize ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ยืนยันว่าข้อมูลสำคัญจากธุรกิจในสหรัฐฯ ถูกขโมยในเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยกลุ่มแฮกเกอร์ INC Ransom ได้เพิ่มชื่อบริษัทลงในเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมย พร้อมแชร์เอกสารตัวอย่างที่อ้างว่าได้มาจากการโจมตี บริษัทกำลังดำเนินการสอบสวนเพื่อระบุข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ และหากพบว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย จะมีการแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบ

    ✅ ข้อมูลสำคัญถูกขโมยจากระบบธุรกิจในสหรัฐฯ
    - บริษัทตรวจพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบไอทีและพบว่าไฟล์บางส่วนถูกเข้าถึง
    - INC Ransom ได้เผยแพร่เอกสารตัวอย่างที่อ้างว่าได้มาจากการโจมตี

    ✅ การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่
    - บริษัทกำลังตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ และจะแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบหากพบว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย
    - บริษัทได้แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ✅ Ahold Delhaize เป็นกลุ่มค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 7,910 แห่งทั่วโลก
    - บริษัทให้บริการลูกค้าประมาณ 72 ล้านคนต่อสัปดาห์

    ✅ บริการและร้านค้าของบริษัทยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
    - บริษัทระบุว่าลูกค้าไม่ควรเผชิญปัญหาใดๆ จากเหตุการณ์นี้

    https://www.techradar.com/pro/security/food-retail-giant-behind-several-major-us-supermarket-brands-confirms-data-stolen-in-major-ransomware-breach
    Ahold Delhaize ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ยืนยันว่าข้อมูลสำคัญจากธุรกิจในสหรัฐฯ ถูกขโมยในเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยกลุ่มแฮกเกอร์ INC Ransom ได้เพิ่มชื่อบริษัทลงในเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมย พร้อมแชร์เอกสารตัวอย่างที่อ้างว่าได้มาจากการโจมตี บริษัทกำลังดำเนินการสอบสวนเพื่อระบุข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ และหากพบว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย จะมีการแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลสำคัญถูกขโมยจากระบบธุรกิจในสหรัฐฯ - บริษัทตรวจพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบไอทีและพบว่าไฟล์บางส่วนถูกเข้าถึง - INC Ransom ได้เผยแพร่เอกสารตัวอย่างที่อ้างว่าได้มาจากการโจมตี ✅ การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่ - บริษัทกำลังตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ และจะแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบหากพบว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย - บริษัทได้แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ✅ Ahold Delhaize เป็นกลุ่มค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 7,910 แห่งทั่วโลก - บริษัทให้บริการลูกค้าประมาณ 72 ล้านคนต่อสัปดาห์ ✅ บริการและร้านค้าของบริษัทยังคงเปิดให้บริการตามปกติ - บริษัทระบุว่าลูกค้าไม่ควรเผชิญปัญหาใดๆ จากเหตุการณ์นี้ https://www.techradar.com/pro/security/food-retail-giant-behind-several-major-us-supermarket-brands-confirms-data-stolen-in-major-ransomware-breach
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • Legends International ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการระดับพรีเมียมสำหรับสถานที่กีฬาและบันเทิง ได้เปิดเผยว่าเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ส่งผลให้ข้อมูลสำคัญถูกขโมย โดยบริษัทได้ตรวจพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบไอทีของตน และพบว่ามีไฟล์บางส่วนถูกเข้าถึงและนำออกไป การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่ และยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับลักษณะของข้อมูลที่ถูกขโมย

    ✅ Legends International ยืนยันว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ในเดือนพฤศจิกายน 2024
    - บริษัทตรวจพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบไอทีและพบว่าไฟล์บางส่วนถูกเข้าถึง
    - ข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของอดีตพนักงานและลูกค้า

    ✅ บริษัทเสนอบริการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลฟรี 24 เดือน
    - ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถลงทะเบียนบริการนี้ได้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2025

    ✅ การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่
    - บริษัทได้แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และยังไม่มีการพบข้อมูลที่ถูกแชร์ออนไลน์

    ✅ Legends International เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานประมาณ 5,800 คน
    - บริษัทมีรายได้ต่อปีประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์

    https://www.techradar.com/pro/security/entertainment-venue-management-giant-legends-international-reveals-major-data-breach
    Legends International ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการระดับพรีเมียมสำหรับสถานที่กีฬาและบันเทิง ได้เปิดเผยว่าเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ส่งผลให้ข้อมูลสำคัญถูกขโมย โดยบริษัทได้ตรวจพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบไอทีของตน และพบว่ามีไฟล์บางส่วนถูกเข้าถึงและนำออกไป การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่ และยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับลักษณะของข้อมูลที่ถูกขโมย ✅ Legends International ยืนยันว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ในเดือนพฤศจิกายน 2024 - บริษัทตรวจพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบไอทีและพบว่าไฟล์บางส่วนถูกเข้าถึง - ข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของอดีตพนักงานและลูกค้า ✅ บริษัทเสนอบริการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลฟรี 24 เดือน - ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถลงทะเบียนบริการนี้ได้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 ✅ การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่ - บริษัทได้แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และยังไม่มีการพบข้อมูลที่ถูกแชร์ออนไลน์ ✅ Legends International เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานประมาณ 5,800 คน - บริษัทมีรายได้ต่อปีประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์ https://www.techradar.com/pro/security/entertainment-venue-management-giant-legends-international-reveals-major-data-breach
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • ทีมงานการพนันลับในเท็กซัสได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้ารางวัล แจ็กพอตลอตเตอรี่เท็กซัสมูลค่า $95 ล้าน โดยการซื้อ ทุกความเป็นไปได้ของหมายเลข ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยถูกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชนะครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับ ความถูกต้องทางกฎหมายและความเหมาะสมทางจริยธรรม และยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบลอตเตอรี่ในเท็กซัสเพื่อลดความเป็นไปได้ของวิธีการดังกล่าวในอนาคต

    ✅ ทีมงานซื้อทุกความเป็นไปได้ของหมายเลขเพื่อรับประกันชัยชนะ
    - แผนการนี้เริ่มต้นในปี 2023 โดย Bernard Marantelli และ Zeljko Ranogajec ซึ่งเป็นนักพนันที่มีชื่อเสียง
    - พวกเขาใช้ เครื่องพิมพ์ตั๋วลอตเตอรี่แบบพิเศษ ในการพิมพ์ตั๋วทุกชุดหมายเลขอย่างต่อเนื่อง

    ✅ พวกเขาประสบความสำเร็จในการซื้อ 99.3% ของชุดหมายเลขทั้งหมด
    - หมายเลขที่ชนะเป็น หมายเลขเดียวที่ถูกรางวัล ทำให้ทีมได้รับกำไรประมาณ $20 ล้าน หลังหักค่าใช้จ่าย

    ✅ การซื้อจำนวนมากนำไปสู่การสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐเท็กซัส
    - การสอบสวนเกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อจำกัดใหม่สำหรับระบบลอตเตอรี่ เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อลดจำนวนตั๋วที่สามารถพิมพ์ได้ในหนึ่งวัน

    ✅ การกระทำนี้ถูกกฎหมาย แต่ถูกตั้งคำถามด้านจริยธรรม
    - ผู้ว่าการรัฐและสมาชิกสภาตั้งข้อสังเกตว่า ระบบลอตเตอรี่ควรมีมาตรการเพื่อปกป้องผู้เล่นทั่วไป

    https://www.techspot.com/news/107606-how-secret-gambling-syndicate-won-95-million-texas.html
    ทีมงานการพนันลับในเท็กซัสได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้ารางวัล แจ็กพอตลอตเตอรี่เท็กซัสมูลค่า $95 ล้าน โดยการซื้อ ทุกความเป็นไปได้ของหมายเลข ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยถูกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชนะครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับ ความถูกต้องทางกฎหมายและความเหมาะสมทางจริยธรรม และยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบลอตเตอรี่ในเท็กซัสเพื่อลดความเป็นไปได้ของวิธีการดังกล่าวในอนาคต ✅ ทีมงานซื้อทุกความเป็นไปได้ของหมายเลขเพื่อรับประกันชัยชนะ - แผนการนี้เริ่มต้นในปี 2023 โดย Bernard Marantelli และ Zeljko Ranogajec ซึ่งเป็นนักพนันที่มีชื่อเสียง - พวกเขาใช้ เครื่องพิมพ์ตั๋วลอตเตอรี่แบบพิเศษ ในการพิมพ์ตั๋วทุกชุดหมายเลขอย่างต่อเนื่อง ✅ พวกเขาประสบความสำเร็จในการซื้อ 99.3% ของชุดหมายเลขทั้งหมด - หมายเลขที่ชนะเป็น หมายเลขเดียวที่ถูกรางวัล ทำให้ทีมได้รับกำไรประมาณ $20 ล้าน หลังหักค่าใช้จ่าย ✅ การซื้อจำนวนมากนำไปสู่การสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐเท็กซัส - การสอบสวนเกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อจำกัดใหม่สำหรับระบบลอตเตอรี่ เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อลดจำนวนตั๋วที่สามารถพิมพ์ได้ในหนึ่งวัน ✅ การกระทำนี้ถูกกฎหมาย แต่ถูกตั้งคำถามด้านจริยธรรม - ผู้ว่าการรัฐและสมาชิกสภาตั้งข้อสังเกตว่า ระบบลอตเตอรี่ควรมีมาตรการเพื่อปกป้องผู้เล่นทั่วไป https://www.techspot.com/news/107606-how-secret-gambling-syndicate-won-95-million-texas.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    How a secret gambling syndicate won a $95 million Texas lottery by buying every number combination
    The story started in the spring of 2023, when London banker-turned-bookmaker Bernard Marantelli wanted to buy every ticket combination in an upcoming Texas lottery to guarantee the...
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • Google ได้ประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลในคดีผูกขาดที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง โดยศาลตัดสินว่า Google มีความผิดในการ "ครอบครองและรักษาอำนาจผูกขาดในตลาดโฆษณาออนไลน์" ซึ่งรวมถึง Publisher Ad Servers และ Ad Exchanges แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าบางส่วนของการดำเนินการของ Google ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย แต่ก็มีการระบุว่าการใช้เครื่องมือ Publisher ของ Google นั้นละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด

    ✅ ศาลตัดสินว่า Google มีความผิดในบางส่วนของคดีผูกขาด
    - ศาลระบุว่า Google ใช้เครื่องมือ Publisher เพื่อ กีดกันคู่แข่งในตลาดโฆษณาออนไลน์
    - อย่างไรก็ตาม ศาลตัดสินว่า การเข้าซื้อกิจการ DoubleClick และ AdMeld ของ Google ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย

    ✅ กระทรวงยุติธรรมเรียกร้องให้ Google ขายธุรกิจบางส่วน
    - กระทรวงฯ เสนอว่า Google ควรขาย Google Ad Manager ซึ่งรวมถึง Publisher Ad Server และ Ad Exchange

    ✅ Google ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน
    - บริษัทระบุว่าคำตัดสินของศาลมีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อ Google

    ✅ Publisher Ad Servers และ Ad Exchanges มีบทบาทสำคัญในตลาดโฆษณาออนไลน์
    - Publisher Ad Servers ช่วยเว็บไซต์ในการจัดการพื้นที่โฆษณา
    - Ad Exchanges ช่วยให้ผู้เผยแพร่เนื้อหาออนไลน์สามารถขายโฆษณาได้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/google-to-appeal-against-part-of-us-court039s-decision-in-monopoly-case
    Google ได้ประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลในคดีผูกขาดที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง โดยศาลตัดสินว่า Google มีความผิดในการ "ครอบครองและรักษาอำนาจผูกขาดในตลาดโฆษณาออนไลน์" ซึ่งรวมถึง Publisher Ad Servers และ Ad Exchanges แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าบางส่วนของการดำเนินการของ Google ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย แต่ก็มีการระบุว่าการใช้เครื่องมือ Publisher ของ Google นั้นละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ✅ ศาลตัดสินว่า Google มีความผิดในบางส่วนของคดีผูกขาด - ศาลระบุว่า Google ใช้เครื่องมือ Publisher เพื่อ กีดกันคู่แข่งในตลาดโฆษณาออนไลน์ - อย่างไรก็ตาม ศาลตัดสินว่า การเข้าซื้อกิจการ DoubleClick และ AdMeld ของ Google ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ✅ กระทรวงยุติธรรมเรียกร้องให้ Google ขายธุรกิจบางส่วน - กระทรวงฯ เสนอว่า Google ควรขาย Google Ad Manager ซึ่งรวมถึง Publisher Ad Server และ Ad Exchange ✅ Google ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน - บริษัทระบุว่าคำตัดสินของศาลมีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อ Google ✅ Publisher Ad Servers และ Ad Exchanges มีบทบาทสำคัญในตลาดโฆษณาออนไลน์ - Publisher Ad Servers ช่วยเว็บไซต์ในการจัดการพื้นที่โฆษณา - Ad Exchanges ช่วยให้ผู้เผยแพร่เนื้อหาออนไลน์สามารถขายโฆษณาได้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/google-to-appeal-against-part-of-us-court039s-decision-in-monopoly-case
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google to appeal against part of US court's decision in monopoly case
    (Reuters) -Alphabet's Google plans to appeal against the "adverse" portion of the court decision in the U.S. Department of Justice's monopoly case against the technology giant.
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยถึงการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน คาดไม่เกิน 7 วัน ถ้าไม่ทันก็ขยายไปเรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายต้องดำเนินคดีหมด ส่วนจำนวนผู้ที่จะถูกออกหมายจับยังตอบไม่ได้ เพราะกำลังสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งพนักงานตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ได้ไปตรวจสอบหรือไม่ บริษัทรับเหมาก่อสร้างทำถูกแบบหรือไม่ มีวิศวกรสถาปนิกเข้าไปดูการก่อสร้างหรือไม่ รายละเอียดเยอะมากต้องใช้เวลา ส่วน สตง. ที่เป็นคนอนุมัติแบบและใช้งบประมาณ ถูกมองว่าไม่มีรายละเอียด ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าจะเอาผิด สตง.ได้หรือไม่นั้น
    ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนมากกว่านี้ จึงจะตอบได้

    -วิศวกรถูกปลอมลายเซ็นเพียบ
    -แนะอยู่หน้างานเก็บหลักฐาน
    -เอาผิดฉ้อโกงลงทุนทอง
    -หนุนค่ายมือถือแจ้งเตือนภัย
    พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยถึงการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน คาดไม่เกิน 7 วัน ถ้าไม่ทันก็ขยายไปเรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายต้องดำเนินคดีหมด ส่วนจำนวนผู้ที่จะถูกออกหมายจับยังตอบไม่ได้ เพราะกำลังสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งพนักงานตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ได้ไปตรวจสอบหรือไม่ บริษัทรับเหมาก่อสร้างทำถูกแบบหรือไม่ มีวิศวกรสถาปนิกเข้าไปดูการก่อสร้างหรือไม่ รายละเอียดเยอะมากต้องใช้เวลา ส่วน สตง. ที่เป็นคนอนุมัติแบบและใช้งบประมาณ ถูกมองว่าไม่มีรายละเอียด ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าจะเอาผิด สตง.ได้หรือไม่นั้น ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนมากกว่านี้ จึงจะตอบได้ -วิศวกรถูกปลอมลายเซ็นเพียบ -แนะอยู่หน้างานเก็บหลักฐาน -เอาผิดฉ้อโกงลงทุนทอง -หนุนค่ายมือถือแจ้งเตือนภัย
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 288 Views 18 0 Reviews
  • พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยถึงการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน คาดไม่เกิน 7 วัน ถ้าไม่ทันก็ขยายไปเรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายต้องดำเนินคดีหมด ส่วนจำนวนผู้ที่จะถูกออกหมายจับยังตอบไม่ได้ เพราะกำลังสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งพนักงานตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ได้ไปตรวจสอบหรือไม่ บริษัทรับเหมาก่อสร้างทำถูกแบบหรือไม่ มีวิศวกรสถาปนิกเข้าไปดูการก่อสร้างหรือไม่ รายละเอียดเยอะมาก ต้องใช้เวลา ส่วน สตง. ที่เป็นคนอนุมัติแบบและใช้งบประมาณ ถูกมองว่าไม่มีรายละเอียด ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าจะเอาผิด สตง.ได้หรือไม่นั้น ต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจึงจะตอบได้ ตอนนี้เริ่มต้นมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องให้ชัดเจนมากกว่านี้
    พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยถึงการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน คาดไม่เกิน 7 วัน ถ้าไม่ทันก็ขยายไปเรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายต้องดำเนินคดีหมด ส่วนจำนวนผู้ที่จะถูกออกหมายจับยังตอบไม่ได้ เพราะกำลังสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งพนักงานตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ได้ไปตรวจสอบหรือไม่ บริษัทรับเหมาก่อสร้างทำถูกแบบหรือไม่ มีวิศวกรสถาปนิกเข้าไปดูการก่อสร้างหรือไม่ รายละเอียดเยอะมาก ต้องใช้เวลา ส่วน สตง. ที่เป็นคนอนุมัติแบบและใช้งบประมาณ ถูกมองว่าไม่มีรายละเอียด ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าจะเอาผิด สตง.ได้หรือไม่นั้น ต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจึงจะตอบได้ ตอนนี้เริ่มต้นมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องให้ชัดเจนมากกว่านี้
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 304 Views 17 0 Reviews
  • ยูเลีย สวีรีเดนโก (Yulia Svyrydenko) รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และรมต.กระทรวงเศรษฐกิจและการค้ายูเครน ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐแล้ว (บันทึกความเข้าใจยังไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย)

    สวีรีเดนโก กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งสรุปกรอบของข้อตกลงด้านแร่ธาตุและลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป


    ทางด้านเซเลนสกีได้ยืนยันถึงการลงนามตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ (Memorandum) และยังกล่าวอีกว่า "นี่ยังไม่ใช่ข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายที่แท้จริง"

    ขณะเดียวกันทรัมป์ได้กล่าวในวันนี้ว่า ข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับยูเครนในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุจะมีการ "ลงนามข้อตกลง" ในวันพฤหัสบดีหน้านี้


    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The New York Times เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯและยูเครน โดยระบุว่า:

    ยูเครนจะต้องคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางการทหารตลอดระยะเวลา 3 ปีของการต่อสู้กับรัสเซียให้แก่สหรัฐฯ

    ยูเครนจะต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการทำธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่าเรือ ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ เข้ากองทุนที่สหรัฐกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อในด้านโครงการทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่

    ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่ายูเครนจะคืนเงินค่าใช้จ่ายความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ย 4% ต่อปี

    นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน แม้ว่าฝ่ายยูเครนจะเคยยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องรวมข้อกำหนดนี้ไว้ในข้อตกลงแร่ธาตุด้วยก็ตาม

    ยูเลีย สวีรีเดนโก (Yulia Svyrydenko) รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และรมต.กระทรวงเศรษฐกิจและการค้ายูเครน ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐแล้ว (บันทึกความเข้าใจยังไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย) สวีรีเดนโก กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งสรุปกรอบของข้อตกลงด้านแร่ธาตุและลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป ทางด้านเซเลนสกีได้ยืนยันถึงการลงนามตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ (Memorandum) และยังกล่าวอีกว่า "นี่ยังไม่ใช่ข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายที่แท้จริง" ขณะเดียวกันทรัมป์ได้กล่าวในวันนี้ว่า ข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับยูเครนในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุจะมีการ "ลงนามข้อตกลง" ในวันพฤหัสบดีหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The New York Times เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯและยูเครน โดยระบุว่า: ยูเครนจะต้องคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางการทหารตลอดระยะเวลา 3 ปีของการต่อสู้กับรัสเซียให้แก่สหรัฐฯ ยูเครนจะต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการทำธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่าเรือ ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ เข้ากองทุนที่สหรัฐกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อในด้านโครงการทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่ ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่ายูเครนจะคืนเงินค่าใช้จ่ายความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ย 4% ต่อปี นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน แม้ว่าฝ่ายยูเครนจะเคยยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องรวมข้อกำหนดนี้ไว้ในข้อตกลงแร่ธาตุด้วยก็ตาม
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • 170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️

    📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️

    🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍

    แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม"

    📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398

    จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂

    กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง

    นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย

    💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก…

    ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต

    หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร

    ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น

    👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้

    การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾

    🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล

    ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️

    📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง...
    ✅ เปิดประตูการค้าเสรี
    ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก
    ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว
    ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง
    ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง

    📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง

    😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้

    ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด

    ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่

    ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้

    ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย

    ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”?
    📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ
    📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ
    📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก
    📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น

    📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต

    🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม

    ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า?

    “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง

    ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5

    สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568

    📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย
    #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม
    #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย
    #โลกาภิวัตน์กับไทย
    170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️ 📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️ 🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍 แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม" 📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂 กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย 💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก… ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น 👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้ การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾 🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️ 📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง... ✅ เปิดประตูการค้าเสรี ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง 📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง 😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้ ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่ ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้ ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”? 📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ 📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ 📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก 📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น 📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต 🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า? “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5 สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568 📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย #โลกาภิวัตน์กับไทย
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • “ภูมิธรรม” แจง "ทักษิณ-นายกฯ อิ๊งค์" ร่วมงานบวช “พีช“ ลูกชาย นายกเบี้ยว ตามที่ถูกเชิญปกติ อย่าจับแพะชนแกะ-มองเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ยันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องคดี เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเกรงใจ มีปัญหาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ ไปบิดไปเบี้ยวไม่ได้

    เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 18 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐแสดงความกังวลกรณีคดีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว เนื่องจากปรากฏภาพมีความสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายมีอยู่และภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น วีดีโอ และข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000036443

    #MGROnline #ภูมิธรรม #ทักษิณ #งานบวช #พีช #ลูกชายนายกเบี้ยว
    “ภูมิธรรม” แจง "ทักษิณ-นายกฯ อิ๊งค์" ร่วมงานบวช “พีช“ ลูกชาย นายกเบี้ยว ตามที่ถูกเชิญปกติ อย่าจับแพะชนแกะ-มองเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ยันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องคดี เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเกรงใจ มีปัญหาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ ไปบิดไปเบี้ยวไม่ได้ • เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 18 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐแสดงความกังวลกรณีคดีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว เนื่องจากปรากฏภาพมีความสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายมีอยู่และภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น วีดีโอ และข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000036443 • #MGROnline #ภูมิธรรม #ทักษิณ #งานบวช #พีช #ลูกชายนายกเบี้ยว
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน

    ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน
    - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า
    - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia

    ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน
    - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน
    - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน

    ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง
    - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ
    - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ

    ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน
    - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก
    - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด

    https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    WCCFTECH.COM
    Intel Sees No Leverage From the Trump Administration, Now Requires Export License to Sell Gaudi Chips to China
    US chipmaker Intel hasn't seen any exemption at all, as it is reported that the firm would require a license to sell its chips in China.
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ระบุว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน

    ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา
    - คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Google Network ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาซื้อพื้นที่โฆษณาแบบประมูล
    - อัยการระบุว่า Google ใช้อำนาจเหนือเทคโนโลยีโฆษณาเพื่อกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้เผยแพร่โฆษณา เช่น สำนักข่าว

    ✅ Google อ้างว่าการแข่งขันของตนเป็นผลจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า
    - Google ระบุว่า บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า
    - อย่างไรก็ตาม ศาลไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้

    ✅ ธุรกิจโฆษณาของ Google มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
    - รายได้จากโฆษณาคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet
    - Google Network คิดเป็น 8.7% ของรายได้ทั้งหมด

    ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน
    - หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาว่า Google ควรขายแพลตฟอร์ม Google Ad Manager หรือไม่
    - Google เคยเสนอขาย Advertising Exchange เพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาปฏิเสธข้อเสนอ

    ✅ Google เตรียมอุทธรณ์คำตัดสิน
    - กระบวนการทางกฎหมายอาจใช้เวลาหลายปี หากไม่มีการตกลงกันระหว่าง Google และรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/explainer-what-does-ruling-on-google039s-illegal-ad-tech-monopoly-mean
    คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ระบุว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา - คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Google Network ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาซื้อพื้นที่โฆษณาแบบประมูล - อัยการระบุว่า Google ใช้อำนาจเหนือเทคโนโลยีโฆษณาเพื่อกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้เผยแพร่โฆษณา เช่น สำนักข่าว ✅ Google อ้างว่าการแข่งขันของตนเป็นผลจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า - Google ระบุว่า บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า - อย่างไรก็ตาม ศาลไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้ ✅ ธุรกิจโฆษณาของ Google มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท - รายได้จากโฆษณาคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet - Google Network คิดเป็น 8.7% ของรายได้ทั้งหมด ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน - หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาว่า Google ควรขายแพลตฟอร์ม Google Ad Manager หรือไม่ - Google เคยเสนอขาย Advertising Exchange เพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาปฏิเสธข้อเสนอ ✅ Google เตรียมอุทธรณ์คำตัดสิน - กระบวนการทางกฎหมายอาจใช้เวลาหลายปี หากไม่มีการตกลงกันระหว่าง Google และรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/explainer-what-does-ruling-on-google039s-illegal-ad-tech-monopoly-mean
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Explainer-What does ruling on Google's illegal ad tech monopoly mean?
    SAN FRANCISCO (Reuters) -A U.S. judge's ruling that Google has illegal monopolies in ad technology sets up the possibility of U.S. prosecutors seeking a breakup. Here's what the case involves and what Google owner Alphabet faces from here.
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • รายงานล่าสุดจาก CSO Online ระบุว่า Shadow AI หรือการใช้ AI โดยไม่ได้รับอนุญาตในองค์กร กำลังเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูลอย่างมาก โดยมีการเปิดเผยว่า ปริมาณข้อมูลที่ถูกส่งไปยังแอปพลิเคชัน AI เพิ่มขึ้นถึง 30 เท่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญ เช่น ซอร์สโค้ด, ข้อมูลทางกฎหมาย และข้อมูลลูกค้า

    ✅ Shadow AI กำลังเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูลในองค์กร
    - พนักงานใช้ บัญชี AI ส่วนตัว เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
    - ข้อมูลที่ถูกส่งไปยังแอป AI เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude เพิ่มขึ้นจาก 250MB เป็น 7.7GB ต่อเดือน

    ✅ 8.5% ของคำสั่งที่ส่งไปยัง AI มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
    - ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึง ข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลทางกฎหมาย และข้อมูลด้านความปลอดภัย
    - ข้อมูลลูกค้าคิดเป็น เกือบครึ่งหนึ่งของข้อมูลที่รั่วไหล

    ✅ องค์กรส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายควบคุมการใช้ AI อย่างชัดเจน
    - 90% ขององค์กรมี แอปพลิเคชัน AI ที่ได้รับอนุญาต แต่ยังคงมีการใช้ AI ที่ไม่ได้รับการควบคุม
    - 72% ของการใช้ AI ในองค์กรเป็น Shadow IT ซึ่งไม่ได้รับการตรวจสอบจากฝ่ายความปลอดภัย

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้ AI โดยไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่การละเมิดกฎระเบียบ
    - ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI หรือถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์
    - การใช้ AI โดยไม่มีการตรวจสอบอาจทำให้เกิด ข้อผิดพลาดด้านข้อมูลและลดความน่าเชื่อถือขององค์กร

    https://www.csoonline.com/article/3964282/cisos-no-closer-to-containing-shadow-ais-skyrocketing-data-risks.html
    รายงานล่าสุดจาก CSO Online ระบุว่า Shadow AI หรือการใช้ AI โดยไม่ได้รับอนุญาตในองค์กร กำลังเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูลอย่างมาก โดยมีการเปิดเผยว่า ปริมาณข้อมูลที่ถูกส่งไปยังแอปพลิเคชัน AI เพิ่มขึ้นถึง 30 เท่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญ เช่น ซอร์สโค้ด, ข้อมูลทางกฎหมาย และข้อมูลลูกค้า ✅ Shadow AI กำลังเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูลในองค์กร - พนักงานใช้ บัญชี AI ส่วนตัว เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ละเอียดอ่อน - ข้อมูลที่ถูกส่งไปยังแอป AI เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude เพิ่มขึ้นจาก 250MB เป็น 7.7GB ต่อเดือน ✅ 8.5% ของคำสั่งที่ส่งไปยัง AI มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน - ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึง ข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลทางกฎหมาย และข้อมูลด้านความปลอดภัย - ข้อมูลลูกค้าคิดเป็น เกือบครึ่งหนึ่งของข้อมูลที่รั่วไหล ✅ องค์กรส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายควบคุมการใช้ AI อย่างชัดเจน - 90% ขององค์กรมี แอปพลิเคชัน AI ที่ได้รับอนุญาต แต่ยังคงมีการใช้ AI ที่ไม่ได้รับการควบคุม - 72% ของการใช้ AI ในองค์กรเป็น Shadow IT ซึ่งไม่ได้รับการตรวจสอบจากฝ่ายความปลอดภัย ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้ AI โดยไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่การละเมิดกฎระเบียบ - ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI หรือถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์ - การใช้ AI โดยไม่มีการตรวจสอบอาจทำให้เกิด ข้อผิดพลาดด้านข้อมูลและลดความน่าเชื่อถือขององค์กร https://www.csoonline.com/article/3964282/cisos-no-closer-to-containing-shadow-ais-skyrocketing-data-risks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CISOs no closer to containing shadow AI’s skyrocketing data risks
    A 30-fold increase in company data being exposed to shadow AI shows that offering users official AI tools doesn’t reduce the data leak and compliance risks of unsanctioned AI use.
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • ท้าทายอำนาจมืดไอ้โทนาฟยังไงให้สะเทือนถึงอำนาจมืดยิวไซออนิสต์และกลุ่มทุนยิวที่วันๆเอาแต่สวาปามอย่างเดียว อิสราเอลแก้ปัญหาบ่อนเถื่อนด้วยการอนุญาตให้มีบ่อนถูกกฎหมายใช่ไหม อยากรู้ ผมขอถามคนที่กล่าวหาคนต่อต้านเอาบ่อนขึ้นบนดินทำให้ถูกกฎหมายว่ารับส่วนบ่อนเถื่อนรับต๋งบ่อนเถื่อน ผมพูดตรงๆในฐานะไม่เล่นการพนันตลอดชีวิตที่ผ่านมาและจะไม่เล่นการพนันอีกต่อไปว่า ไม่รับส่วย ต๋ง สินบน อามิสสินจ้างใดๆ จากกิจการพนันนอกกฎหมายหรือพูดง่ายๆก็คือบ่อนเถื่อนนั่นเอง
    ท้าทายอำนาจมืดไอ้โทนาฟยังไงให้สะเทือนถึงอำนาจมืดยิวไซออนิสต์และกลุ่มทุนยิวที่วันๆเอาแต่สวาปามอย่างเดียว อิสราเอลแก้ปัญหาบ่อนเถื่อนด้วยการอนุญาตให้มีบ่อนถูกกฎหมายใช่ไหม อยากรู้ ผมขอถามคนที่กล่าวหาคนต่อต้านเอาบ่อนขึ้นบนดินทำให้ถูกกฎหมายว่ารับส่วนบ่อนเถื่อนรับต๋งบ่อนเถื่อน ผมพูดตรงๆในฐานะไม่เล่นการพนันตลอดชีวิตที่ผ่านมาและจะไม่เล่นการพนันอีกต่อไปว่า ไม่รับส่วย ต๋ง สินบน อามิสสินจ้างใดๆ จากกิจการพนันนอกกฎหมายหรือพูดง่ายๆก็คือบ่อนเถื่อนนั่นเอง
    เมื่ออำนาจของทักษิณถูกท้าทาย

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000036082
    MGRONLINE.COM
    เมื่ออำนาจของทักษิณถูกท้าทาย
    ผมไม่เชื่อว่ากฎหมายกาสิโน ที่เรียกอย่างทางการว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรนั้น จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะทักษิณจะไม่กล้าท้าทายต่อกระแสสังคม และปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • ไม่น่าเชื่อว่าสื่อในโซเชี่ยลยุคนี้จะโหดร้าย ขาดความเป็นมนุษย์มากมายขนาดนี้

    ทั้งที่มันเป็นความผิดที่เป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสังคม หรือแม้แต่ด้านกฎหมาย ซึ่งควรปล่อยให้เค้าได้มีโอกาสพูดคุยเจรจาหาทางออกกันเอง สุดท้ายแล้วเค้าจะเลือกแยกทางกัน หรือให้โอกาสกัน นั่นมันก็เรื่องของเค้า

    ที่ผ่านมา มีคู่รักมากมายที่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้กลับตัวกลับใจ

    แต่สื่อยุคนี้กลับกระหน่ำซ้ำเติม ยุยงให้เค้าแยกทางกัน สรรหาคำพูดต่างๆเพื่อยุยง ปั่นกระแสสังคม สร้างความเกลียดชัง "ไร้จิตสำนึกมากๆ"
    ไม่น่าเชื่อว่าสื่อในโซเชี่ยลยุคนี้จะโหดร้าย ขาดความเป็นมนุษย์มากมายขนาดนี้ ทั้งที่มันเป็นความผิดที่เป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสังคม หรือแม้แต่ด้านกฎหมาย ซึ่งควรปล่อยให้เค้าได้มีโอกาสพูดคุยเจรจาหาทางออกกันเอง สุดท้ายแล้วเค้าจะเลือกแยกทางกัน หรือให้โอกาสกัน นั่นมันก็เรื่องของเค้า ที่ผ่านมา มีคู่รักมากมายที่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้กลับตัวกลับใจ แต่สื่อยุคนี้กลับกระหน่ำซ้ำเติม ยุยงให้เค้าแยกทางกัน สรรหาคำพูดต่างๆเพื่อยุยง ปั่นกระแสสังคม สร้างความเกลียดชัง "ไร้จิตสำนึกมากๆ"
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย,

    ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด.
    ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ,
    ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย.
    https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย, ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด. ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ, ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย. https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • ตำรวจทางหลวงรุดสอบ "ลุง-ป้า" เหยื่อ BMW หัวร้อนแล้ว เร่งรวบรวมหลักฐานประสาน สภ.ลำลูกกา เอาผิดอาญา ยืนยันทำคดีตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทางกฎหมาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036284

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจทางหลวงรุดสอบ "ลุง-ป้า" เหยื่อ BMW หัวร้อนแล้ว เร่งรวบรวมหลักฐานประสาน สภ.ลำลูกกา เอาผิดอาญา ยืนยันทำคดีตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทางกฎหมาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036284 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    6
    0 Comments 2 Shares 654 Views 0 Reviews
  • อังกฤษอย่าทำอย่างนี้สิ แล้วพรรคการเมืองบางพรรคในไทยจะทำยังไง "ทิ้งฉันไว้กลางทาง" งี้เหรอ 😂😂

    ศาลสูงสุดสหราชอาณาจักรตัดสินชี้ขาดว่า คำจำกัดความของผู้หญิงตามกฎหมาย ไม่รวมหญิงข้ามเพศ สิ้นสุดการฟ้องร้องปมขัดแย้งเรื่องสิทธิสตรีกับคนข้ามเพศ ในกฎหมายความเท่าเทียม

    https://www.thairath.co.th/news/foreign/2853387
    อังกฤษอย่าทำอย่างนี้สิ แล้วพรรคการเมืองบางพรรคในไทยจะทำยังไง "ทิ้งฉันไว้กลางทาง" งี้เหรอ 😂😂 ศาลสูงสุดสหราชอาณาจักรตัดสินชี้ขาดว่า คำจำกัดความของผู้หญิงตามกฎหมาย ไม่รวมหญิงข้ามเพศ สิ้นสุดการฟ้องร้องปมขัดแย้งเรื่องสิทธิสตรีกับคนข้ามเพศ ในกฎหมายความเท่าเทียม https://www.thairath.co.th/news/foreign/2853387
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปสหรัฐฯ ใช้ โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้ง (burner phones) และแล็ปท็อปพื้นฐาน เพื่อป้องกันการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์

    ✅ EU ให้เจ้าหน้าที่ใช้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งและแล็ปท็อปพื้นฐานเมื่อเดินทางไปสหรัฐฯ
    - มาตรการนี้เคยใช้กับ การเดินทางไปยังรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสอดแนม
    - เจ้าหน้าที่ได้รับคำแนะนำให้ ปิดโทรศัพท์ที่ชายแดนและเก็บไว้ในปลอกป้องกันการสอดแนม

    ✅ มาตรการนี้มีผลกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุม IMF และ World Bank Group
    - เจ้าหน้าที่ EU ที่เดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี. ในสัปดาห์หน้า จะเป็นกลุ่มแรกที่ใช้มาตรการใหม่นี้
    - คำแนะนำด้านความปลอดภัยของ EU ได้รับการอัปเดต แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด

    ✅ ความสัมพันธ์ระหว่าง EU และสหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้น
    - Luuk van Middelaar จาก Brussels Institute for Geopolitics ระบุว่า "วอชิงตันไม่ใช่ปักกิ่งหรือมอสโก แต่ก็เป็นคู่แข่งที่ใช้วิธีการนอกกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง"
    - มีรายงานว่า สหรัฐฯ เคยสอดแนมโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Angela Merkel ในปี 2013

    ✅ สิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ในการตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้เดินทาง
    - ตามรายงานของ India Today เจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ มีสิทธิ์ตรวจสอบและยึดอุปกรณ์มือถือของผู้เดินทาง
    - มีกรณีที่ผู้เดินทางถูกปฏิเสธการเข้าประเทศหลังจากเจ้าหน้าที่พบโพสต์วิจารณ์รัฐบาลทรัมป์บนโซเชียลมีเดีย

    https://www.techspot.com/news/107576-eu-provides-burner-phones-us-bound-staff-amid.html
    สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปสหรัฐฯ ใช้ โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้ง (burner phones) และแล็ปท็อปพื้นฐาน เพื่อป้องกันการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ ✅ EU ให้เจ้าหน้าที่ใช้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งและแล็ปท็อปพื้นฐานเมื่อเดินทางไปสหรัฐฯ - มาตรการนี้เคยใช้กับ การเดินทางไปยังรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสอดแนม - เจ้าหน้าที่ได้รับคำแนะนำให้ ปิดโทรศัพท์ที่ชายแดนและเก็บไว้ในปลอกป้องกันการสอดแนม ✅ มาตรการนี้มีผลกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุม IMF และ World Bank Group - เจ้าหน้าที่ EU ที่เดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี. ในสัปดาห์หน้า จะเป็นกลุ่มแรกที่ใช้มาตรการใหม่นี้ - คำแนะนำด้านความปลอดภัยของ EU ได้รับการอัปเดต แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด ✅ ความสัมพันธ์ระหว่าง EU และสหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้น - Luuk van Middelaar จาก Brussels Institute for Geopolitics ระบุว่า "วอชิงตันไม่ใช่ปักกิ่งหรือมอสโก แต่ก็เป็นคู่แข่งที่ใช้วิธีการนอกกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง" - มีรายงานว่า สหรัฐฯ เคยสอดแนมโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Angela Merkel ในปี 2013 ✅ สิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ในการตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้เดินทาง - ตามรายงานของ India Today เจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ มีสิทธิ์ตรวจสอบและยึดอุปกรณ์มือถือของผู้เดินทาง - มีกรณีที่ผู้เดินทางถูกปฏิเสธการเข้าประเทศหลังจากเจ้าหน้าที่พบโพสต์วิจารณ์รัฐบาลทรัมป์บนโซเชียลมีเดีย https://www.techspot.com/news/107576-eu-provides-burner-phones-us-bound-staff-amid.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    EU provides burner phones to officials traveling to US amid espionage concerns
    An EU official told the Financial Times, The transatlantic alliance is over.
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • Google ได้เผยแพร่ Ads Safety Report ล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมาตรการบังคับใช้กฎระเบียบด้านโฆษณาในปี 2024 โดยบริษัทสามารถ บล็อกหรือถอดถอนโฆษณาที่ละเมิดกฎกว่า 5.1 พันล้านรายการ และ ระงับบัญชีโฆษณาที่เป็นการฉ้อโกงกว่า 39.2 ล้านบัญชี

    ✅ Google บล็อกโฆษณาที่ละเมิดกฎกว่า 5.1 พันล้านรายการ
    - โฆษณาที่ถูกบล็อกละเมิดนโยบายเกี่ยวกับ การใช้เครือข่ายโฆษณาในทางที่ผิด, โฆษณาส่วนบุคคล, ข้อกำหนดทางกฎหมาย และการแสดงข้อมูลที่ผิด
    - Google ใช้ AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับและบังคับใช้กฎ

    ✅ ระงับบัญชีโฆษณาที่เป็นการฉ้อโกงกว่า 39.2 ล้านบัญชี
    - ส่วนใหญ่ถูกระงับก่อนที่จะสามารถเผยแพร่โฆษณาได้
    - Google ใช้ Advertiser Identity Verification เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีที่ถูกระงับกลับมาใช้งานอีก

    ✅ แนวโน้มของการฉ้อโกงโฆษณาในปี 2024
    - พบว่า การปลอมแปลงบุคคลสาธารณะ เป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น
    - นักต้มตุ๋นใช้ AI-generated imagery และเสียง เพื่อแอบอ้างเป็นคนดังและโปรโมตการหลอกลวง

    ✅ มาตรการเพิ่มเติมของ Google
    - อัปเดต นโยบายการแสดงข้อมูลที่ผิด และจัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 100 คน เพื่อวิเคราะห์และป้องกันการฉ้อโกง
    - ระงับบัญชีโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงบุคคลสาธารณะกว่า 700,000 บัญชี ส่งผลให้รายงานการฉ้อโกงลดลง 90%

    ✅ จำกัดโฆษณาที่อาจมีความอ่อนไหวทางกฎหมายและวัฒนธรรม
    - Google จำกัดการเข้าถึงโฆษณากว่า 9.1 พันล้านรายการ ที่อาจไม่เหมาะสมในบางพื้นที่ เช่น เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่และการพนัน

    https://www.neowin.net/news/google-stopped-51-billion-rogue-ads-from-reaching-users-fired-millions-of-bad-accounts/
    Google ได้เผยแพร่ Ads Safety Report ล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมาตรการบังคับใช้กฎระเบียบด้านโฆษณาในปี 2024 โดยบริษัทสามารถ บล็อกหรือถอดถอนโฆษณาที่ละเมิดกฎกว่า 5.1 พันล้านรายการ และ ระงับบัญชีโฆษณาที่เป็นการฉ้อโกงกว่า 39.2 ล้านบัญชี ✅ Google บล็อกโฆษณาที่ละเมิดกฎกว่า 5.1 พันล้านรายการ - โฆษณาที่ถูกบล็อกละเมิดนโยบายเกี่ยวกับ การใช้เครือข่ายโฆษณาในทางที่ผิด, โฆษณาส่วนบุคคล, ข้อกำหนดทางกฎหมาย และการแสดงข้อมูลที่ผิด - Google ใช้ AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับและบังคับใช้กฎ ✅ ระงับบัญชีโฆษณาที่เป็นการฉ้อโกงกว่า 39.2 ล้านบัญชี - ส่วนใหญ่ถูกระงับก่อนที่จะสามารถเผยแพร่โฆษณาได้ - Google ใช้ Advertiser Identity Verification เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีที่ถูกระงับกลับมาใช้งานอีก ✅ แนวโน้มของการฉ้อโกงโฆษณาในปี 2024 - พบว่า การปลอมแปลงบุคคลสาธารณะ เป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น - นักต้มตุ๋นใช้ AI-generated imagery และเสียง เพื่อแอบอ้างเป็นคนดังและโปรโมตการหลอกลวง ✅ มาตรการเพิ่มเติมของ Google - อัปเดต นโยบายการแสดงข้อมูลที่ผิด และจัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 100 คน เพื่อวิเคราะห์และป้องกันการฉ้อโกง - ระงับบัญชีโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงบุคคลสาธารณะกว่า 700,000 บัญชี ส่งผลให้รายงานการฉ้อโกงลดลง 90% ✅ จำกัดโฆษณาที่อาจมีความอ่อนไหวทางกฎหมายและวัฒนธรรม - Google จำกัดการเข้าถึงโฆษณากว่า 9.1 พันล้านรายการ ที่อาจไม่เหมาะสมในบางพื้นที่ เช่น เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่และการพนัน https://www.neowin.net/news/google-stopped-51-billion-rogue-ads-from-reaching-users-fired-millions-of-bad-accounts/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google stopped 5.1 billion rogue ads from reaching users, fired millions of bad accounts
    The search giant suspended millions of ad accounts and took action against billions of bad advertisements before they were served to users.
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • เพจ"ช่างกฎหมายมันส์ - Letitbelaw" โพสต์ข้อความแฉเหตุสาเหตุตึก สตง. ถึงมี "การปลอมลายเซ็นวิศวกร" ชี้ เป็นการทุจริตที่ทำให้เกิดคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ วอนหน่วยงานที่ตรวจสอบอย่าเป็นมวยล้มต้มคนดู

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036001

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เพจ"ช่างกฎหมายมันส์ - Letitbelaw" โพสต์ข้อความแฉเหตุสาเหตุตึก สตง. ถึงมี "การปลอมลายเซ็นวิศวกร" ชี้ เป็นการทุจริตที่ทำให้เกิดคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ วอนหน่วยงานที่ตรวจสอบอย่าเป็นมวยล้มต้มคนดู อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036001 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 711 Views 0 Reviews
  • เพจ"ช่างกฎหมายมันส์ - Letitbelaw" โพสต์ข้อความแฉเหตุสาเหตุตึก สตง. ถึงมี "การปลอมลายเซ็นวิศวกร" ชี้ เป็นการทุจริตที่ทำให้เกิดคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ วอนหน่วยงานที่ตรวจสอบอย่าเป็นมวยล้มต้มคนดู

    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ทำให้ตึก สตง. มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ย่านจตุจักรพังถล่ม มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก บริษัทก่อสร้างยืนยันว่าทำตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีกระแสข่าวว่ามีการใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐานและปลอมลายเซ็นวิศวกรควบคุมงาน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบอย่างเข้มข้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035974

    #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง.
    เพจ"ช่างกฎหมายมันส์ - Letitbelaw" โพสต์ข้อความแฉเหตุสาเหตุตึก สตง. ถึงมี "การปลอมลายเซ็นวิศวกร" ชี้ เป็นการทุจริตที่ทำให้เกิดคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ วอนหน่วยงานที่ตรวจสอบอย่าเป็นมวยล้มต้มคนดู • จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ทำให้ตึก สตง. มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ย่านจตุจักรพังถล่ม มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก บริษัทก่อสร้างยืนยันว่าทำตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีกระแสข่าวว่ามีการใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐานและปลอมลายเซ็นวิศวกรควบคุมงาน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบอย่างเข้มข้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035974 • #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง.
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews

  • ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน
    ______________________________
    23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
    China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90
    ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน)
    ______________________________
    ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
    สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม
    หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ)
    บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง
    นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก
    ______________________________
    การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น
    • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV
    • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน
    • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ
    • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม
    • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry)
    สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน
    ______________________________
    ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
    ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล
    หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้:
    • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง
    • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย
    • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF
    • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่
    • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง
    • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง
    • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง
    ______________________________
    สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง
    การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED
    สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง
    ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน
    ______________________________
    ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน
    สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ
    KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่
    รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ______________________________
    สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต
    อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ
    https://shorturl.asia/6GnqX
    ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942
    ______________________________

    10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน)
    1. แร่ดีบุก (Tin)
    o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563
    o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region)
    2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
    o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region)
    3. ทองแดง (Copper)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร
    o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State)
    4. ตะกั่ว (Lead)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State)
    5. สังกะสี (Zinc)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ
    o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region)
    6. นิกเกิล (Nickel)
    o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน
    7. พลวง (Antimony)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน
    o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    8. ทังสเตน (Tungsten)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง
    o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น
    9. ทองคำ (Gold)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก
    o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ
    o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย
    10. อิตเทรียม (Yttrium)
    o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ
    o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร
    ______________________________
    ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน ______________________________ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90 ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน) ______________________________ ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ) บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก ______________________________ การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry) สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน ______________________________ ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้: • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่ • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง ______________________________ สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน ______________________________ ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่ รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ______________________________ สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ https://shorturl.asia/6GnqX ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942 ______________________________ 10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน) 1. แร่ดีบุก (Tin) o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563 o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region) 2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์ o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region) 3. ทองแดง (Copper) o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State) 4. ตะกั่ว (Lead) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์ o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State) 5. สังกะสี (Zinc) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region) 6. นิกเกิล (Nickel) o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน 7. พลวง (Antimony) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ 8. ทังสเตน (Tungsten) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น 9. ทองคำ (Gold) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย 10. อิตเทรียม (Yttrium) o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร ______________________________
    0 Comments 0 Shares 429 Views 0 Reviews
  • ไนเจอร์ (Niger) ประเทศในทวีปแอฟริกามีคำสั่งขับผู้บริหารจีนของบริษัทน้ำมันจีนสามแห่งในไนเจอร์ออกจากประเทศ สาเหตุเพราะละเมิดกฎระเบียบภายในของไนเจอร์

    ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของจีน 3 แห่ง ที่ถูกให้ออกจากประเทศ ได้แก่บริษัท SORAZ (Société de Raffinage de Zinder), CNPC (China National Petroleum Corporation) และ WAPCO

    รัฐบาลไนเจอร์ต้องการให้บริษัทที่เข้ามาทำกิจการในประเทศ รวมทั้งบริษัทน้ำมันจากจีนทั้งสามแห่งนี้ ต้องกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม โดยจ่ายค่าแรงคนงานจีนและไนเจอร์อย่างเท่าเทียม ปฎิบัติตามกฎหมายแรงงานของไนเจอร์ และต้องการเข้าถึงบัญชีของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีอย่างโปร่งใส

    รัฐบาลไนเจอร์กำหนดเงื่อนไขเหล่านี้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมด หากจีนต้องการให้บริษัทน้ำมันของพวกเขาดำเนินการต่อในประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎและพันธกรณีของประเทศ

    ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมของไนเจอร์ ดร. ซาฮาบี โอมารู ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไนเจอร์และจีน - ไม่มีการแตกหัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น "นี่ไม่ใช่การแตกหักด้านความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไนเจอร์และรัฐบาลจีน หรือเป็นการประณามสัญญาที่ทำกับบริษัทของจีน" แต่เป็นความพยายามแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั้งประชาชนไนเจอร์และบริษัทรับเหมาขุดเจาะน้ำมัน ของจีน
    "ความแข็งแกร่งของความร่วมมืออยู่ที่การเคารพกฎหมายและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ต้องการกระจายความมั่งคั่งของบริษัทจีนทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของชาวไนเจอร์เมื่อเทียบกับพนักงานของจีน ตำแหน่งสำคัญบางอย่างควรเป็นชาวไนเจอร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่วนแบ่งการตลาดที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่"

    ที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้ความสำคัญประเทศในแอฟริกามาตลอดหลายสิบปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบให้เปล่าหลายแห่งในประเทศแอฟริกา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บางกรณีก็ไม่มีดอกเบี้ย บางครั้งยกหนี้ให้ประเทศเหล่านั้น


    ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงหลังหลายปี บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ทวีปแอฟริกามีความคิดแง่บวกกับจีนมากกว่าสหรัฐ


    รัฐบาลจีนอาจต้องเร่งมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมมือปราบปรามผู้บริหาร เจ้าของวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านเอกชนที่เอาเปรียบและมุ่งหาผลประโยชน์ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนจะตกต่ำลงไป ซึ่งจะทำให้สิ่งที่จีนลงทุนไว้สูญเปล่า
    ไนเจอร์ (Niger) ประเทศในทวีปแอฟริกามีคำสั่งขับผู้บริหารจีนของบริษัทน้ำมันจีนสามแห่งในไนเจอร์ออกจากประเทศ สาเหตุเพราะละเมิดกฎระเบียบภายในของไนเจอร์ ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของจีน 3 แห่ง ที่ถูกให้ออกจากประเทศ ได้แก่บริษัท SORAZ (Société de Raffinage de Zinder), CNPC (China National Petroleum Corporation) และ WAPCO รัฐบาลไนเจอร์ต้องการให้บริษัทที่เข้ามาทำกิจการในประเทศ รวมทั้งบริษัทน้ำมันจากจีนทั้งสามแห่งนี้ ต้องกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม โดยจ่ายค่าแรงคนงานจีนและไนเจอร์อย่างเท่าเทียม ปฎิบัติตามกฎหมายแรงงานของไนเจอร์ และต้องการเข้าถึงบัญชีของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีอย่างโปร่งใส รัฐบาลไนเจอร์กำหนดเงื่อนไขเหล่านี้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมด หากจีนต้องการให้บริษัทน้ำมันของพวกเขาดำเนินการต่อในประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎและพันธกรณีของประเทศ ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมของไนเจอร์ ดร. ซาฮาบี โอมารู ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไนเจอร์และจีน - ไม่มีการแตกหัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น "นี่ไม่ใช่การแตกหักด้านความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไนเจอร์และรัฐบาลจีน หรือเป็นการประณามสัญญาที่ทำกับบริษัทของจีน" แต่เป็นความพยายามแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั้งประชาชนไนเจอร์และบริษัทรับเหมาขุดเจาะน้ำมัน ของจีน "ความแข็งแกร่งของความร่วมมืออยู่ที่การเคารพกฎหมายและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ต้องการกระจายความมั่งคั่งของบริษัทจีนทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของชาวไนเจอร์เมื่อเทียบกับพนักงานของจีน ตำแหน่งสำคัญบางอย่างควรเป็นชาวไนเจอร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่วนแบ่งการตลาดที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่" ที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้ความสำคัญประเทศในแอฟริกามาตลอดหลายสิบปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบให้เปล่าหลายแห่งในประเทศแอฟริกา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บางกรณีก็ไม่มีดอกเบี้ย บางครั้งยกหนี้ให้ประเทศเหล่านั้น ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงหลังหลายปี บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ทวีปแอฟริกามีความคิดแง่บวกกับจีนมากกว่าสหรัฐ รัฐบาลจีนอาจต้องเร่งมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมมือปราบปรามผู้บริหาร เจ้าของวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านเอกชนที่เอาเปรียบและมุ่งหาผลประโยชน์ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนจะตกต่ำลงไป ซึ่งจะทำให้สิ่งที่จีนลงทุนไว้สูญเปล่า
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
More Results