• ข่าวหลุด AMD Threadripper รุ่นใหม่ Codename "Shimada Peak" สถาปัตยกรรม Zen 5 จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ จะมีรุ่น 96 คอร์/192 เธรด และ 16 คอร์/32 เธรด ครับ

    https://wccf.tech/1fkab
    ข่าวหลุด AMD Threadripper รุ่นใหม่ Codename "Shimada Peak" สถาปัตยกรรม Zen 5 จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ จะมีรุ่น 96 คอร์/192 เธรด และ 16 คอร์/32 เธรด ครับ https://wccf.tech/1fkab
    WCCF.TECH
    AMD Threadripper "Shimada Peak" 96-Core & 16-Core CPUs Based On Zen 5 Architecture Spotted
    AMD's Zen 5-based Threadripper "Shimada Peak" CPUs have been spotted in 96 cores and 16 core configurations at the shipping outlet, NBD.ltd.
    0 Comments 0 Shares 109 Views 1 Reviews
  • วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ?   รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square  ≥ 4พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์  ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure. ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยากSummary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้: PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148)จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มากและมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบีย ช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริhttps://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1 https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ?   รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square  ≥ 4พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์  ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure. ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยากSummary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้: PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148)จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มากและมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบีย ช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริhttps://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1 https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    Like
    Love
    18
    0 Comments 1 Shares 631 Views 1 Reviews
  • รับงานลงเสียง พากย์ บรรยาย รายการ สปอต
    จิงเกิ้ล VTR. Presentation สารคดี สปอตรถแห่
    จะให้มิกซ์ให้เรียบร้อยหรือแค่ Vo.อย่างเดียวก็ได้ฮะ
    จะให้เขียนCopyหรือScriptให้ก็ได้จ้า
    รับจัดรายการ พิธีกร วิทยากรสื่อและดนตรีสร้างสรรค์เพื่อสังคม
    รับแต่งเพลง ผลิตเพลง โฆษณา ปชส.องค์กร สินค้า
    และเพลงให้นักร้องศิลปินทั่วไปนะครับ
    พร้อมรับตลอดเวย์จ้าฮะจ๊ะค่ะครับ
    กันเองๆฉันมิตรขอรับ
    Tel. 0970462989
    Line&ig&TikTok :Shawsherryduck
    https://youtu.be/R6r_Il3W2c4?si=P19gWzXG_08QIDuK
    https://youtu.be/KFru_mDCOJA?si=_H6y8yoKnP03pNrB
    #ลงเสียง #สปอต #สารคดี #บรรยายพากย์เสียงต่างๆ #ข่าวศิลปะบันเทิง #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องยุค90 #indie #Artist #อินดี้โคตรๆ #ผลิตสื่อ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ทำเพลง #ห้องบันทึกเสียง #singer #announcer #ชอว์พิชิต
    รับงานลงเสียง พากย์ บรรยาย รายการ สปอต จิงเกิ้ล VTR. Presentation สารคดี สปอตรถแห่ จะให้มิกซ์ให้เรียบร้อยหรือแค่ Vo.อย่างเดียวก็ได้ฮะ จะให้เขียนCopyหรือScriptให้ก็ได้จ้า รับจัดรายการ พิธีกร วิทยากรสื่อและดนตรีสร้างสรรค์เพื่อสังคม รับแต่งเพลง ผลิตเพลง โฆษณา ปชส.องค์กร สินค้า และเพลงให้นักร้องศิลปินทั่วไปนะครับ พร้อมรับตลอดเวย์จ้าฮะจ๊ะค่ะครับ กันเองๆฉันมิตรขอรับ Tel. 0970462989 Line&ig&TikTok :Shawsherryduck https://youtu.be/R6r_Il3W2c4?si=P19gWzXG_08QIDuK https://youtu.be/KFru_mDCOJA?si=_H6y8yoKnP03pNrB #ลงเสียง #สปอต #สารคดี #บรรยายพากย์เสียงต่างๆ #ข่าวศิลปะบันเทิง #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องยุค90 #indie #Artist #อินดี้โคตรๆ #ผลิตสื่อ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ทำเพลง #ห้องบันทึกเสียง #singer #announcer #ชอว์พิชิต
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 350 Views 0 Reviews
  • ขอวิธี ยกเลิก subscription เหตุผล ไม่ต่องการผูกมัดกับ google/ application not stable/please change the way to subscription via true money wallet.
    ขอวิธี ยกเลิก subscription เหตุผล ไม่ต่องการผูกมัดกับ google/ application not stable/please change the way to subscription via true money wallet.
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๐๒๔, ประธานาธิบดีปูตินได้ระบุเงื่อนไขของรัสเซียสำหรับสันติภาพในยูเครนอย่างชัดเจน โดยมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้:

    ๑. ยูเครนต้องยกเลิกการยื่นเป็นสมาชิกนาโตและถอนกำลังออกจากภูมิภาคโดเนตสค์, ลูฮันสค์, เคอร์ซอน, และซาโปโรซีทั้งหมด เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นในการเริ่มการเจรจาสันติภาพ

    ๒. ยูเครนต้องยอมรับสถานะเป็นกลาง, ไม่-ฝักใฝ่ฝ่ายใด, และไม่มี-อาวุธนิวเคลียร์, ตลอดจนต้องผ่านกระบวนการปลดอาวุธและการกำจัดนาซี

    ๓. สิทธิ, เสรีภาพ, และผลประโยชน์ของพลเมืองที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน ต้องได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่

    ๔. ไครเมีย, เซวาสโทโพล, สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และลูฮันสค์, และภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปโรซี ต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย

    ๕. เมื่อมีการจัดทำข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพัน, การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตกทั้งหมดจะต้องยกเลิก

    ๖. รัสเซียกำลังหาทางยุติความขัดแย้งอย่างถาวร, ไม่ใช่การยุติความขัดแย้งแบบแช่แข็ง

    ๗. เงื่อนไขของรัสเซียจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ขณะที่สถานการณ์ของยูเครนในสนามรบยังคงแย่ลงเรื่อยๆ
    .
    On June 14, 2024, President Putin explicitly outlined Russia’s terms for peace in Ukraine. The key points are as follows:

    1. Ukraine must rescind its NATO membership bid and withdraw its forces from the entirety of the Donetsk, Lugansk, Kherson, and Zaporozhye regions as a precondition for initiating peace talks.

    2. Ukraine must adopt a neutral, non-aligned, and non-nuclear status, as well as undergo demilitarization and denazification.

    3. The rights, freedoms, and interests of Russian-speaking citizens in Ukraine must be fully safeguarded.

    4. Crimea, Sevastopol, the Donetsk and Lugansk People’s Republics, and the Kherson and Zaporozhye regions must be recognized as part of the Russian Federation.

    5. Upon formalization of a final peace agreement in binding international treaties, all Western sanctions against Russia must be lifted.

    6. Russia is seeking a permanent resolution, not a frozen conflict.

    7. Russia’s terms will evolve over time as Ukraine’s situation on the battlefield continues to deteriorate.

    🔗 Full transcript: http://en.kremlin.ru/events/president/news/74285
    .
    Last edited 10:59 AM · Nov 21, 2024 · 27.1K Views
    https://x.com/PutinDirect/status/1859446518509642210
    เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๐๒๔, ประธานาธิบดีปูตินได้ระบุเงื่อนไขของรัสเซียสำหรับสันติภาพในยูเครนอย่างชัดเจน โดยมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้: ๑. ยูเครนต้องยกเลิกการยื่นเป็นสมาชิกนาโตและถอนกำลังออกจากภูมิภาคโดเนตสค์, ลูฮันสค์, เคอร์ซอน, และซาโปโรซีทั้งหมด เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นในการเริ่มการเจรจาสันติภาพ ๒. ยูเครนต้องยอมรับสถานะเป็นกลาง, ไม่-ฝักใฝ่ฝ่ายใด, และไม่มี-อาวุธนิวเคลียร์, ตลอดจนต้องผ่านกระบวนการปลดอาวุธและการกำจัดนาซี ๓. สิทธิ, เสรีภาพ, และผลประโยชน์ของพลเมืองที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน ต้องได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ ๔. ไครเมีย, เซวาสโทโพล, สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และลูฮันสค์, และภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปโรซี ต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ๕. เมื่อมีการจัดทำข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพัน, การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตกทั้งหมดจะต้องยกเลิก ๖. รัสเซียกำลังหาทางยุติความขัดแย้งอย่างถาวร, ไม่ใช่การยุติความขัดแย้งแบบแช่แข็ง ๗. เงื่อนไขของรัสเซียจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ขณะที่สถานการณ์ของยูเครนในสนามรบยังคงแย่ลงเรื่อยๆ . On June 14, 2024, President Putin explicitly outlined Russia’s terms for peace in Ukraine. The key points are as follows: 1. Ukraine must rescind its NATO membership bid and withdraw its forces from the entirety of the Donetsk, Lugansk, Kherson, and Zaporozhye regions as a precondition for initiating peace talks. 2. Ukraine must adopt a neutral, non-aligned, and non-nuclear status, as well as undergo demilitarization and denazification. 3. The rights, freedoms, and interests of Russian-speaking citizens in Ukraine must be fully safeguarded. 4. Crimea, Sevastopol, the Donetsk and Lugansk People’s Republics, and the Kherson and Zaporozhye regions must be recognized as part of the Russian Federation. 5. Upon formalization of a final peace agreement in binding international treaties, all Western sanctions against Russia must be lifted. 6. Russia is seeking a permanent resolution, not a frozen conflict. 7. Russia’s terms will evolve over time as Ukraine’s situation on the battlefield continues to deteriorate. 🔗 Full transcript: http://en.kremlin.ru/events/president/news/74285 . Last edited 10:59 AM · Nov 21, 2024 · 27.1K Views https://x.com/PutinDirect/status/1859446518509642210
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 987 Views 9 0 Reviews
  • สนุก เหมือนนั่งดูภาพยนตร์เรื่อง
    "The Talented Mr. Ripley"
    สนุก เหมือนนั่งดูภาพยนตร์เรื่อง "The Talented Mr. Ripley"
    Like
    Love
    7
    2 Comments 0 Shares 600 Views 36 2 Reviews
  • อิสราเอลพร้อมจ่ายเงิน ๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ตัวประกันทุกคนที่ได้รับอิสรภาพจากกลุ่มฮามาส, นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวขณะเยี่ยมชมฉนวนกาซา:
    .
    Israel is ready to pay $5 million for every hostage that is freed from the hands of Hamas, Prime Minister Benjamin Netanyahu said while touring the Gaza Strip:
    https://tass.com/world/1874887
    .
    3:15 AM · Nov 20, 2024 · 1,899 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1858967325925679183
    อิสราเอลพร้อมจ่ายเงิน ๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ตัวประกันทุกคนที่ได้รับอิสรภาพจากกลุ่มฮามาส, นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวขณะเยี่ยมชมฉนวนกาซา: . Israel is ready to pay $5 million for every hostage that is freed from the hands of Hamas, Prime Minister Benjamin Netanyahu said while touring the Gaza Strip: https://tass.com/world/1874887 . 3:15 AM · Nov 20, 2024 · 1,899 Views https://x.com/tassagency_en/status/1858967325925679183
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • Should You Say “Octopuses” Or “Octopi”?

    It’s the internet’s favorite eight-armed plural debate: octopuses vs. octopi. (And that relative newcomer, octopodes.)

    Is there a “correct” plural for octopus? And what’s with the -i in octopi?

    In this article, we’ll wrap our tentacles around these questions, break down the differences between each term, and tell you which terms are acceptable and most commonly used.

    Quick summary
    Both octopuses and octopi are acceptable plurals for octopus. Of the two, octopuses is the simpler and more commonly used. The proposed plural octopodes is based on the plural of the Ancient Greek word from which octopus ultimately derives. But it’s rarely used outside of the octopuses vs. octopi debate.
    Is it octopuses or octopi?
    Like the octopus itself, the English language is, in many cases, very flexible: both octopuses and octopi are acceptable and commonly used plural forms of octopus (despite what anyone on the internet may say).

    But why octopi? Well, in Latin, there’s a class of words that end in -us. These words get pluralized by replacing -us with -i. Many English words with strong roots in Latin have retained this pluralization pattern—think alumnus/alumni and stimulus/stimuli.

    Along with octopus, there are a few cases in which both endings are used, including: platypuses/platypi; cactuses/cacti; syllabuses/syllabi; and thesauruses/thesauri (though, if you ask us, a plural is unnecessary here since you really only need one thesaurus).

    Still, in all these cases, it’s more common to pluralize with a plain old -es.

    If you’re looking for a tie-breaker, consider this: scientists who study these creatures seem to prefer the plural octopuses (though of course the preference is not universal).

    What about octopodes?
    Some people object to the plural -i ending in octopi because octopus actually derives from the Latinized form of the Greek word oktṓpous (meaning “eight-foot”). The plural of this word would be oktṓpodes.

    Based on this, some have proposed the plural octopodes. Reverse-engineering a word’s plural to match its language of origin is a strange way to go about using language (especially when there are two perfectly good plurals right there), so octopodes is not commonly used. Still, some people like to use it (especially to spice up the octopuses vs. octopi debate).

    P.S. Don’t confuse octopodes with the word octopods, which refers to the eight-armed cephalopod mollusks of the order or suborder Octopoda, including octopuses and paper nautiluses.

    P.P.S. (Platypus Postscript) Platypus has an origin similar to octopus (from the Greek platýpous, meaning “flat-footed”), so the equivalent hypothetical plural would be platypodes. But we don’t see platypodes happening anytime soon.

    Do you know the difference between an alligator and a crocodile?

    Examples of octopuses and octopi used in a sentence
    You have encountered more than one octopus and you want to know how to describe your situation. Check out these example sentences, in which we show how octopuses and octopi are always interchangeable.

    - Octopuses/octopi are often solitary.
    - We saw not one but two octopuses/octopi during our dive today!
    - Different types of octopuses/octopi can vary greatly in size.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Should You Say “Octopuses” Or “Octopi”? It’s the internet’s favorite eight-armed plural debate: octopuses vs. octopi. (And that relative newcomer, octopodes.) Is there a “correct” plural for octopus? And what’s with the -i in octopi? In this article, we’ll wrap our tentacles around these questions, break down the differences between each term, and tell you which terms are acceptable and most commonly used. Quick summary Both octopuses and octopi are acceptable plurals for octopus. Of the two, octopuses is the simpler and more commonly used. The proposed plural octopodes is based on the plural of the Ancient Greek word from which octopus ultimately derives. But it’s rarely used outside of the octopuses vs. octopi debate. Is it octopuses or octopi? Like the octopus itself, the English language is, in many cases, very flexible: both octopuses and octopi are acceptable and commonly used plural forms of octopus (despite what anyone on the internet may say). But why octopi? Well, in Latin, there’s a class of words that end in -us. These words get pluralized by replacing -us with -i. Many English words with strong roots in Latin have retained this pluralization pattern—think alumnus/alumni and stimulus/stimuli. Along with octopus, there are a few cases in which both endings are used, including: platypuses/platypi; cactuses/cacti; syllabuses/syllabi; and thesauruses/thesauri (though, if you ask us, a plural is unnecessary here since you really only need one thesaurus). Still, in all these cases, it’s more common to pluralize with a plain old -es. If you’re looking for a tie-breaker, consider this: scientists who study these creatures seem to prefer the plural octopuses (though of course the preference is not universal). What about octopodes? Some people object to the plural -i ending in octopi because octopus actually derives from the Latinized form of the Greek word oktṓpous (meaning “eight-foot”). The plural of this word would be oktṓpodes. Based on this, some have proposed the plural octopodes. Reverse-engineering a word’s plural to match its language of origin is a strange way to go about using language (especially when there are two perfectly good plurals right there), so octopodes is not commonly used. Still, some people like to use it (especially to spice up the octopuses vs. octopi debate). P.S. Don’t confuse octopodes with the word octopods, which refers to the eight-armed cephalopod mollusks of the order or suborder Octopoda, including octopuses and paper nautiluses. P.P.S. (Platypus Postscript) Platypus has an origin similar to octopus (from the Greek platýpous, meaning “flat-footed”), so the equivalent hypothetical plural would be platypodes. But we don’t see platypodes happening anytime soon. Do you know the difference between an alligator and a crocodile? Examples of octopuses and octopi used in a sentence You have encountered more than one octopus and you want to know how to describe your situation. Check out these example sentences, in which we show how octopuses and octopi are always interchangeable. - Octopuses/octopi are often solitary. - We saw not one but two octopuses/octopi during our dive today! - Different types of octopuses/octopi can vary greatly in size. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
  • 5 Types Of Character Traits To Help You Create Your Complex Characters

    Characters are arguably the most important part of any fictional work. Whether in a book, television show, or movie, characters are the ones audiences identify with and the vehicles for telling the entire story. But how do you go about creating characters that people will love, fear, want to know more about, and find utterly unforgettable?

    It all begins with a character’s traits. Character traits are the essential building blocks of every character in a story, and choosing the right traits can help establish unique identities that will engage your audience from start to finish. Here’s what you need to know about writing great characters, the unique words you need to describe those characters, and how to get started on creating your own complex characters from scratch.

    What are character traits?
    When you meet a new person, you often learn about them by observing their traits. A trait is “a distinguishing characteristic or quality, especially of one’s personal nature.” The characters in stories have traits as well.

    A character trait is a literary term for adjectives and descriptions that writers use to add personality and depth to characters. In fictional stories, character traits serve a number of purposes, including:

    - Helping readers connect and identify with a character.
    - Providing insight into a character’s motivations.
    - Making it easier to differentiate between two characters.
    - Solidifying a character’s role, such as villain or hero, in the story.
    - Adding complexity to each character.


    Character traits may be internal or external. External traits are things another person might notice, like how someone looks, their particular accent when speaking, or how they carry themselves. Internal traits have more to do with what’s going on inside a character’s mind. They are the emotional elements, private thoughts, and actions that make up a character’s personality.

    The many different kinds of character traits
    When it comes to deciding on traits for your own characters, there are no rules. Just like no two people on earth are exactly alike, no two characters in a story will ever be exactly alike. Let’s check out some words you might use when describing your own characters’ one-of-a-kind traits.

    Personality

    charming
    stoic
    approachable
    reclusive
    ambitious
    impulsive
    demanding
    poised
    distrustful
    even-tempered


    Physical attributes

    lanky
    energetic
    petite
    elegant
    curvaceous
    rugged
    stately
    graceful
    fumbling
    brawny


    Beliefs and morals

    philosophical
    judicious
    greedy
    pious
    deceptive
    spiritual
    altruistic
    haughty
    stingy
    revolutionary


    Classic hero traits

    courageous
    adventurous
    honorable
    sincere
    visionary
    persistent
    humble
    reliable
    honest
    noble


    Classic villain traits

    envious
    demonic
    unscrupulous
    furtive
    mischievous
    deceitful
    brutal
    powerful
    wounded
    resourceful


    Building characters
    Now that you’re armed with a great character vocabulary, let’s learn a little more about how to build characters.

    Option one: Start with the character
    One method of character building is to begin with an idea of your character’s role or defining trait and build from there. For example: a queen.

    Ask yourself questions about your character’s motivations and the way others see them.

    - What does the queen look like?
    - How did the queen ascend to power?
    - Do people like this character? Why or why not?
    - What is someone’s first impression of this character?
    - What is this character afraid of?
    - What does this character want more than anything?

    As you answer questions about your character, their physical appearance, beliefs, personality and motivations will begin to emerge. The next step is to write them into a scene and see how these qualities impact their actions and interactions.

    Option two: Start with traits
    On the writing podcast Death of 1000 Cuts, author Tim Clare frequently uses timers and lists to flesh out ideas for everything from characters to story locations to plot points. The idea is to let the creative flow and avoid overthinking things.

    Try setting a timer for 10 minutes and making a list of interesting traits a character might possess. These might include physical attributes, personality quirks, preferences, and strengths and weaknesses, like:


    smart
    anxious
    curly hair
    wears a lot of purple
    loves video games
    hates chocolate
    lives in outer space
    holds grudges
    ambitious


    Once time has lapsed, look at your list and start to dig into the traits you wrote down. Circle 8–10 character traits and begin to flesh them out. How do these traits work together? How did your character come to possess these traits?

    As you begin to write your characters into scenes, their traits will solidify and you will get to know them better. Before you know it, they will feel real, and the traits you spent time cultivating will help drive the rest of your story.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    5 Types Of Character Traits To Help You Create Your Complex Characters Characters are arguably the most important part of any fictional work. Whether in a book, television show, or movie, characters are the ones audiences identify with and the vehicles for telling the entire story. But how do you go about creating characters that people will love, fear, want to know more about, and find utterly unforgettable? It all begins with a character’s traits. Character traits are the essential building blocks of every character in a story, and choosing the right traits can help establish unique identities that will engage your audience from start to finish. Here’s what you need to know about writing great characters, the unique words you need to describe those characters, and how to get started on creating your own complex characters from scratch. What are character traits? When you meet a new person, you often learn about them by observing their traits. A trait is “a distinguishing characteristic or quality, especially of one’s personal nature.” The characters in stories have traits as well. A character trait is a literary term for adjectives and descriptions that writers use to add personality and depth to characters. In fictional stories, character traits serve a number of purposes, including: - Helping readers connect and identify with a character. - Providing insight into a character’s motivations. - Making it easier to differentiate between two characters. - Solidifying a character’s role, such as villain or hero, in the story. - Adding complexity to each character. Character traits may be internal or external. External traits are things another person might notice, like how someone looks, their particular accent when speaking, or how they carry themselves. Internal traits have more to do with what’s going on inside a character’s mind. They are the emotional elements, private thoughts, and actions that make up a character’s personality. The many different kinds of character traits When it comes to deciding on traits for your own characters, there are no rules. Just like no two people on earth are exactly alike, no two characters in a story will ever be exactly alike. Let’s check out some words you might use when describing your own characters’ one-of-a-kind traits. Personality charming stoic approachable reclusive ambitious impulsive demanding poised distrustful even-tempered Physical attributes lanky energetic petite elegant curvaceous rugged stately graceful fumbling brawny Beliefs and morals philosophical judicious greedy pious deceptive spiritual altruistic haughty stingy revolutionary Classic hero traits courageous adventurous honorable sincere visionary persistent humble reliable honest noble Classic villain traits envious demonic unscrupulous furtive mischievous deceitful brutal powerful wounded resourceful Building characters Now that you’re armed with a great character vocabulary, let’s learn a little more about how to build characters. Option one: Start with the character One method of character building is to begin with an idea of your character’s role or defining trait and build from there. For example: a queen. Ask yourself questions about your character’s motivations and the way others see them. - What does the queen look like? - How did the queen ascend to power? - Do people like this character? Why or why not? - What is someone’s first impression of this character? - What is this character afraid of? - What does this character want more than anything? As you answer questions about your character, their physical appearance, beliefs, personality and motivations will begin to emerge. The next step is to write them into a scene and see how these qualities impact their actions and interactions. Option two: Start with traits On the writing podcast Death of 1000 Cuts, author Tim Clare frequently uses timers and lists to flesh out ideas for everything from characters to story locations to plot points. The idea is to let the creative flow and avoid overthinking things. Try setting a timer for 10 minutes and making a list of interesting traits a character might possess. These might include physical attributes, personality quirks, preferences, and strengths and weaknesses, like: smart anxious curly hair wears a lot of purple loves video games hates chocolate lives in outer space holds grudges ambitious Once time has lapsed, look at your list and start to dig into the traits you wrote down. Circle 8–10 character traits and begin to flesh them out. How do these traits work together? How did your character come to possess these traits? As you begin to write your characters into scenes, their traits will solidify and you will get to know them better. Before you know it, they will feel real, and the traits you spent time cultivating will help drive the rest of your story. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 436 Views 0 Reviews
  • <script> alert('test');</script>
    <script> alert('test');</script>
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • 🧵ชัยชนะของทรัมป์ทำให้โซรอสต้องโศกเศร้า: นี่คือสาเหตุ

    กองทุนป้องกันความเสี่ยงมหาเศรษฐี จากฉลามที่ผันตัวมาเป็น “นักการกุศล” เสรีนิยมที่มีแนวคิดฉ้อฉล ผลประโยชน์ทางการเงินของจอร์จ โซรอส และโครงการทางการเมืองอาจประสบปัญหาเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาที่ทำเนียบขาว.
    .
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา, Bloomberg รายงานว่า Soros Fund Management มีแผนจะปิดสำนักงานในฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "การปรับโครงสร้างองค์กร" แบบกะทันหัน หลังจากดำเนินกิจการมาเป็นเวลา ๑๔ ปี
    .
    ในขณะเดียวกัน, แคมเปญของเฒ่าโซรอสผู้เป็นพ่อและอเล็กซ์ลูกชายของเขาเพื่อให้พรรคเดโมแครตยังคงอยู่ในทำเนียบขาวก็ล้มเหลวในการจ่ายเงินปันผล, แม้ว่ากองทุนเพื่อการปฏิรูปนโยบายของโซรอสจะโอนเงิน ๖๐ ล้านดอลลาร์ให้กับ Future Forward, ซึ่งเป็นกลุ่มซูเปอร์ PAC ที่บริจาคเงินมืดสนับสนุนพรรคเดโมแครต นอกเหนือจากเงินบริจาค ๑๕ ล้านดอลลาร์จากบริษัทในเครือ Open Society Foundations ในปี ๒๐๒๓
    .
    นอกจากเงินแล้ว ครอบครัว Soros ยังได้ลงทุนส่วนตัวจำนวนมากในการรณรงค์ต่อต้าน “พรรครีพับลิกันแบบ MAGA” ในปี ๒๐๒๔ ในช่วงต้นปี ๒๐๒๓, Alex Soros ได้ประกาศลดขนาดการดำเนินงานของ OSF ในยุโรปตะวันตกลงอย่างมาก เพื่อมุ่งเน้นไปที่ยูเครน, มอลโดวา, บอลข่านตะวันตก, และสหรัฐอเมริกา โดยพยายามหยุดยั้งไม่ให้ทรัมป์กลายเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด
    .
    จอร์จ โซรอส ส่งสัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์เป็นครั้งแรกในปี ๒๐๑๖, เมื่อเขาทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของฮิลลารี คลินตัน หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง, โซรอสได้ให้ทุนสนับสนุน “ขบวนการต่อต้าน” ต่อต้านทรัมป์ โดยแสดงออกผ่านการประท้วงบนท้องถนน, การท้าทายวาระในประเทศของทรัมป์ในศาล, การล็อบบี้ลับๆ ของสมาชิกในรัฐบาลของเขา, การสนับสนุนสมาชิกรัฐสภาที่ส่งเสริมนโยบายต่างประเทศแบบเสรีนิยมใหม่, และแม้แต่เงินสด ๑ ล้านดอลลาร์ที่ใช้ไปกับเอกสาร “สมคบคิดระหว่างทรัมป์-รัสเซีย” ที่ฉาวโฉ่
    .
    ในช่วงวาระแรกของทรัมป์, โซรอสได้ล็อบบี้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ให้ควบคุมโซเชียลมีเดีย จัดหาเงินทุนสำหรับแคมเปญเพื่อสนับสนุนอัยการและผู้พิพากษาสายเสรีนิยม, ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ, ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา, และเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและท้องถิ่นอื่นๆ หลายสิบหรือหลายร้อยคนในปี ๒๐๑๘ และ ๒๐๒๐
    .
    การเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดของ Soros และ OSF จากการแทรกแซงในต่างประเทศไปสู่การแทรกแซงการเมืองภายในประเทศของสหรัฐฯ ทำให้ผู้สนับสนุนทรัมป์โกรธแค้น, ซึ่งพยายามประกาศว่าเขาเป็น “ผู้ก่อการร้ายในประเทศ,” ริบทรัพย์สินของเขา, และขับไล่มหาเศรษฐีชาวฮังการีผู้นี้ออกจากประเทศ
    .
    เมื่อโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งในปี ๒๐๒๐, กลุ่มนักวิจัยที่เชื่อมโยงกับโซรอสได้ล็อบบี้รัฐบาลของเขาให้สนับสนุนนโยบายที่สนับสนุนหลักการ OSF ในนโยบายด้านที่แตกต่างกันเกือบสองโหล, และจัดสรรเงิน ๒๐ ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง "องค์กรระดับรากหญ้า" เพื่อขายร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ของไบเดน
    .
    ในปี ๒๐๒๒, โซรอสได้จัดสรรเงิน ๑๒๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯให้กับ “Democracy PAC” เพื่อสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้าน MAGA ในช่วงกลางเทอม
    .
    ในปี ๒๐๒๓, เมื่อเริ่มมีการฟ้องร้องทางอาญากับทรัมป์, อดีตประธานาธิบดีเชื่อมโยงการ "ล่าแม่มด" ทางการเมืองต่อตัวเขาเข้ากับโซรอส และอัลวิน แบร็กก์ อัยการแมนฮัตตันที่ "คัดเลือกและจัดหาเงินทุนเอง" ของเขาทันที ซึ่งแคมเปญหาเสียงในปี ๒๐๒๑ โซรอสเป็นที่รู้จักว่าบริจาคเงินให้อย่างน้อย ๑ ล้านดอลลาร์
    .
    “ผมคาดว่าทรัมป์จะถูกตัดสินว่ามีความผิดอย่างน้อยในบางกรณี, และจะต้องติดคุกในวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ๒๐๒๔,” โซรอสกล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๐๒๓ “ถ้าผมพูดถูก, เขาไม่น่าจะชนะการเลือกตั้ง แต่ถ้าผมพูดผิด, สหรัฐฯ จะเผชิญกับวิกฤตรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน”
    .
    ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการคำนวณของมหาเศรษฐี, โดยอดีตผู้จัดการด้านการเงินของโซรอส, สแตน ดรัคเคนมิลเลอร์, ได้เตือนเมื่อกลางเดือนตุลาคมว่าตลาด "มั่นใจมาก" ว่าทรัมป์จะชนะ
    .
    🧵TRUMP’S TRIUMPH SOWS SORROW FOR SOROS: HERE’S WHY

    Billionaire hedge fund shark-turned liberal “philanthropist” George Soros’ financial interests and political projects may be in trouble when Donald Trump returns to the Oval Office.
    .
    On Friday, Bloomberg reported that Soros Fund Management plans to shut down its Hong Kong office as part of a surprise “administrative reorganization” after 14 years of operations.
    .
    Meanwhile, the campaign by the elder Soros and his son Alex to keep a Democrat in the White House has failed to pay dividends, despite the Soros’ Fund for Policy Reform’s transfer of $60 million to Future Forward, a pro-Democrat dark money super PAC. That’s on top of a $15 million donation by an Open Society Foundations subsidiary in 2023.
    .
    Along with money, the Soros family invested significant personal capital into the campaign against “MAGA-style Republicans” in 2024. In early 2023, Alex Soros announced a dramatic scaling back of the OSF’s operations in Western Europe to focus on Ukraine, Moldova, the Western Balkans, and the United States, with the effort to stop Trump becoming a top priority.
    .
    George Soros first sounded the alarm over Trump’s “America First” foreign policy in 2016, when he pumped millions into Hillary Clinton’s presidential campaign. After Trump won, Soros funded an anti-Trump “resistance movement,” manifesting itself in street protests, court challenges to his domestic agenda, secret lobbying of members of his administration, support for lawmakers promoting a neoliberal foreign policy, and even $1 million in cash spent on the infamous “Trump-Russia collusion” dossier.
    .
    During Trump’s first term, Soros lobbied tech giants to regulate social media, funded a campaign to support dozens, if not hundreds, of liberal prosecutors and judges, gubernatorial candidates, congressional hopefuls, and other state and local officials in 2018 and 2020.
    .
    Soros and the OSF’s noticeable shift away from meddling abroad to interfering in US domestic politics earned the ire of Trump backers, who sought to declare him a “domestic terrorist,” strip him of his assets, and expel the Hungarian-born billionaire from the country.
    .
    When Joe Biden won in 2020, a Soros-linked think tank lobbied his administration to support policies favoring OSF principles in nearly two dozen different policy areas, and laid out $20 million to create “grass roots organizations” to sell Biden’s $1.2 trillion infrastructure bill.
    .
    In 2022, Soros channeled $125 million into a “Democracy PAC” to support anti-MAGA candidates in the midterms.
    .
    In 2023, as criminal indictments began to come down on Trump, the former president immediately linked the political “witch hunt” against him to Soros and his “hand-picked and funded” Manhattan DA Alvin Bragg, to whose 2021 campaign Soros is known to have donated at least $1 million.
    .
    “I expect that Trump will be found guilty at least in some cases, and will be in jail by election day in November 2024,” Soros said in an August 2023 interview. “If I am right, he is unlikely to win the election. But if I am wrong, the US will face a constitutional crisis that is likely to bring on an economic crisis as well.”
    .
    Something seems to have gone terribly wrong in the billionaire’s calculations, with Soros’ ex-money manager, Stan Druckenmiller, warning in mid-October that the markets were “very convinced” that Trump would win.
    .
    8:20 PM · Nov 9, 2024 · 28.4K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1855239000606265400
    🧵ชัยชนะของทรัมป์ทำให้โซรอสต้องโศกเศร้า: นี่คือสาเหตุ กองทุนป้องกันความเสี่ยงมหาเศรษฐี จากฉลามที่ผันตัวมาเป็น “นักการกุศล” เสรีนิยมที่มีแนวคิดฉ้อฉล ผลประโยชน์ทางการเงินของจอร์จ โซรอส และโครงการทางการเมืองอาจประสบปัญหาเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาที่ทำเนียบขาว. . เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา, Bloomberg รายงานว่า Soros Fund Management มีแผนจะปิดสำนักงานในฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "การปรับโครงสร้างองค์กร" แบบกะทันหัน หลังจากดำเนินกิจการมาเป็นเวลา ๑๔ ปี . ในขณะเดียวกัน, แคมเปญของเฒ่าโซรอสผู้เป็นพ่อและอเล็กซ์ลูกชายของเขาเพื่อให้พรรคเดโมแครตยังคงอยู่ในทำเนียบขาวก็ล้มเหลวในการจ่ายเงินปันผล, แม้ว่ากองทุนเพื่อการปฏิรูปนโยบายของโซรอสจะโอนเงิน ๖๐ ล้านดอลลาร์ให้กับ Future Forward, ซึ่งเป็นกลุ่มซูเปอร์ PAC ที่บริจาคเงินมืดสนับสนุนพรรคเดโมแครต นอกเหนือจากเงินบริจาค ๑๕ ล้านดอลลาร์จากบริษัทในเครือ Open Society Foundations ในปี ๒๐๒๓ . นอกจากเงินแล้ว ครอบครัว Soros ยังได้ลงทุนส่วนตัวจำนวนมากในการรณรงค์ต่อต้าน “พรรครีพับลิกันแบบ MAGA” ในปี ๒๐๒๔ ในช่วงต้นปี ๒๐๒๓, Alex Soros ได้ประกาศลดขนาดการดำเนินงานของ OSF ในยุโรปตะวันตกลงอย่างมาก เพื่อมุ่งเน้นไปที่ยูเครน, มอลโดวา, บอลข่านตะวันตก, และสหรัฐอเมริกา โดยพยายามหยุดยั้งไม่ให้ทรัมป์กลายเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด . จอร์จ โซรอส ส่งสัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์เป็นครั้งแรกในปี ๒๐๑๖, เมื่อเขาทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของฮิลลารี คลินตัน หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง, โซรอสได้ให้ทุนสนับสนุน “ขบวนการต่อต้าน” ต่อต้านทรัมป์ โดยแสดงออกผ่านการประท้วงบนท้องถนน, การท้าทายวาระในประเทศของทรัมป์ในศาล, การล็อบบี้ลับๆ ของสมาชิกในรัฐบาลของเขา, การสนับสนุนสมาชิกรัฐสภาที่ส่งเสริมนโยบายต่างประเทศแบบเสรีนิยมใหม่, และแม้แต่เงินสด ๑ ล้านดอลลาร์ที่ใช้ไปกับเอกสาร “สมคบคิดระหว่างทรัมป์-รัสเซีย” ที่ฉาวโฉ่ . ในช่วงวาระแรกของทรัมป์, โซรอสได้ล็อบบี้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ให้ควบคุมโซเชียลมีเดีย จัดหาเงินทุนสำหรับแคมเปญเพื่อสนับสนุนอัยการและผู้พิพากษาสายเสรีนิยม, ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ, ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา, และเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและท้องถิ่นอื่นๆ หลายสิบหรือหลายร้อยคนในปี ๒๐๑๘ และ ๒๐๒๐ . การเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดของ Soros และ OSF จากการแทรกแซงในต่างประเทศไปสู่การแทรกแซงการเมืองภายในประเทศของสหรัฐฯ ทำให้ผู้สนับสนุนทรัมป์โกรธแค้น, ซึ่งพยายามประกาศว่าเขาเป็น “ผู้ก่อการร้ายในประเทศ,” ริบทรัพย์สินของเขา, และขับไล่มหาเศรษฐีชาวฮังการีผู้นี้ออกจากประเทศ . เมื่อโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งในปี ๒๐๒๐, กลุ่มนักวิจัยที่เชื่อมโยงกับโซรอสได้ล็อบบี้รัฐบาลของเขาให้สนับสนุนนโยบายที่สนับสนุนหลักการ OSF ในนโยบายด้านที่แตกต่างกันเกือบสองโหล, และจัดสรรเงิน ๒๐ ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง "องค์กรระดับรากหญ้า" เพื่อขายร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ของไบเดน . ในปี ๒๐๒๒, โซรอสได้จัดสรรเงิน ๑๒๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯให้กับ “Democracy PAC” เพื่อสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้าน MAGA ในช่วงกลางเทอม . ในปี ๒๐๒๓, เมื่อเริ่มมีการฟ้องร้องทางอาญากับทรัมป์, อดีตประธานาธิบดีเชื่อมโยงการ "ล่าแม่มด" ทางการเมืองต่อตัวเขาเข้ากับโซรอส และอัลวิน แบร็กก์ อัยการแมนฮัตตันที่ "คัดเลือกและจัดหาเงินทุนเอง" ของเขาทันที ซึ่งแคมเปญหาเสียงในปี ๒๐๒๑ โซรอสเป็นที่รู้จักว่าบริจาคเงินให้อย่างน้อย ๑ ล้านดอลลาร์ . “ผมคาดว่าทรัมป์จะถูกตัดสินว่ามีความผิดอย่างน้อยในบางกรณี, และจะต้องติดคุกในวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ๒๐๒๔,” โซรอสกล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๐๒๓ “ถ้าผมพูดถูก, เขาไม่น่าจะชนะการเลือกตั้ง แต่ถ้าผมพูดผิด, สหรัฐฯ จะเผชิญกับวิกฤตรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน” . ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการคำนวณของมหาเศรษฐี, โดยอดีตผู้จัดการด้านการเงินของโซรอส, สแตน ดรัคเคนมิลเลอร์, ได้เตือนเมื่อกลางเดือนตุลาคมว่าตลาด "มั่นใจมาก" ว่าทรัมป์จะชนะ . 🧵TRUMP’S TRIUMPH SOWS SORROW FOR SOROS: HERE’S WHY Billionaire hedge fund shark-turned liberal “philanthropist” George Soros’ financial interests and political projects may be in trouble when Donald Trump returns to the Oval Office. . On Friday, Bloomberg reported that Soros Fund Management plans to shut down its Hong Kong office as part of a surprise “administrative reorganization” after 14 years of operations. . Meanwhile, the campaign by the elder Soros and his son Alex to keep a Democrat in the White House has failed to pay dividends, despite the Soros’ Fund for Policy Reform’s transfer of $60 million to Future Forward, a pro-Democrat dark money super PAC. That’s on top of a $15 million donation by an Open Society Foundations subsidiary in 2023. . Along with money, the Soros family invested significant personal capital into the campaign against “MAGA-style Republicans” in 2024. In early 2023, Alex Soros announced a dramatic scaling back of the OSF’s operations in Western Europe to focus on Ukraine, Moldova, the Western Balkans, and the United States, with the effort to stop Trump becoming a top priority. . George Soros first sounded the alarm over Trump’s “America First” foreign policy in 2016, when he pumped millions into Hillary Clinton’s presidential campaign. After Trump won, Soros funded an anti-Trump “resistance movement,” manifesting itself in street protests, court challenges to his domestic agenda, secret lobbying of members of his administration, support for lawmakers promoting a neoliberal foreign policy, and even $1 million in cash spent on the infamous “Trump-Russia collusion” dossier. . During Trump’s first term, Soros lobbied tech giants to regulate social media, funded a campaign to support dozens, if not hundreds, of liberal prosecutors and judges, gubernatorial candidates, congressional hopefuls, and other state and local officials in 2018 and 2020. . Soros and the OSF’s noticeable shift away from meddling abroad to interfering in US domestic politics earned the ire of Trump backers, who sought to declare him a “domestic terrorist,” strip him of his assets, and expel the Hungarian-born billionaire from the country. . When Joe Biden won in 2020, a Soros-linked think tank lobbied his administration to support policies favoring OSF principles in nearly two dozen different policy areas, and laid out $20 million to create “grass roots organizations” to sell Biden’s $1.2 trillion infrastructure bill. . In 2022, Soros channeled $125 million into a “Democracy PAC” to support anti-MAGA candidates in the midterms. . In 2023, as criminal indictments began to come down on Trump, the former president immediately linked the political “witch hunt” against him to Soros and his “hand-picked and funded” Manhattan DA Alvin Bragg, to whose 2021 campaign Soros is known to have donated at least $1 million. . “I expect that Trump will be found guilty at least in some cases, and will be in jail by election day in November 2024,” Soros said in an August 2023 interview. “If I am right, he is unlikely to win the election. But if I am wrong, the US will face a constitutional crisis that is likely to bring on an economic crisis as well.” . Something seems to have gone terribly wrong in the billionaire’s calculations, with Soros’ ex-money manager, Stan Druckenmiller, warning in mid-October that the markets were “very convinced” that Trump would win. . 8:20 PM · Nov 9, 2024 · 28.4K Views https://x.com/SputnikInt/status/1855239000606265400
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 572 Views 0 Reviews


  • 🎇 Phu Quoc Cruise Port! ท่าเรือบนเกาะเวียดนาม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่หลากหลายบนเกาะฟูก๊วก หรือที่รู้จักกันว่า ไข่มุกแห่งเวียดนาม ชายหาดและธรรมชาติที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว 🎠✨

    สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำใกล้ท่าเรือ!
    ✔️ แกรนด์เวิลด์ฟูก๊วก (Grand World Phu Quoc) :⚓️🛳️
    ศูนย์รวมความบันเทิงและการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ บนพื้นที่ขนาดใหญ่ 6,000 กว่าไร่ ภายในมีทั้งที่เที่ยว ที่ช้อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ รวมถึงรีสอร์ทสุดหรู ออกแบบและสร้างอาคารต่างๆ ด้วยการจำลองเมืองท่องเที่ยวชื่อดังจากทั่วโลกมาไว้ที่นี่

    ✔️ สวนสนุกวินวันเดอร์ (VinWonders Phu Quoc) : 🎢
    สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามและเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนา Vinpearl ซึ่งเป็นเครือรีสอร์ตและสถานที่ท่องเที่ยวระดับหรูในเวียดนาม

    ✔️ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำวินเพิร์ล ซีเชลล์ (Vinpearl Sea Shell Aquarium) : 🐳
    พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทุกวัยสามารถเพลิดเพลินกับการชมสัตว์น้ำหลากหลายชนิด

    ✔️ สวนสัตว์วินเพิร์ลซาฟารี ฟูก๊วก (Vinpearl Safari Phu Quoc) : 🐨
    สวนสัตว์เปิดที่ให้คุณได้สัมผัสกับสัตว์ป่าในบรรยากาศที่ใกล้ชิด สถานที่ที่เหมาะสำหรับครอบครัวและผู้ที่รักสัตว์ นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ผ่านการจัดแสดงและกิจกรรมที่หลากหลาย


    ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620

    ☎️: 0 2116 9696 (Auto)
    #PhuQuocCruisePort #PhuQuoc #Vietnam #cruisedomain #port #GrandWorld #VinWonders #VinpearlSeaShellAquarium #VinpearlSafariPhuQuoc
    🎇 Phu Quoc Cruise Port! ท่าเรือบนเกาะเวียดนาม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่หลากหลายบนเกาะฟูก๊วก หรือที่รู้จักกันว่า ไข่มุกแห่งเวียดนาม ชายหาดและธรรมชาติที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว 🎠✨ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำใกล้ท่าเรือ! ✔️ แกรนด์เวิลด์ฟูก๊วก (Grand World Phu Quoc) :⚓️🛳️ ศูนย์รวมความบันเทิงและการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ บนพื้นที่ขนาดใหญ่ 6,000 กว่าไร่ ภายในมีทั้งที่เที่ยว ที่ช้อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ รวมถึงรีสอร์ทสุดหรู ออกแบบและสร้างอาคารต่างๆ ด้วยการจำลองเมืองท่องเที่ยวชื่อดังจากทั่วโลกมาไว้ที่นี่ ✔️ สวนสนุกวินวันเดอร์ (VinWonders Phu Quoc) : 🎢 สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามและเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนา Vinpearl ซึ่งเป็นเครือรีสอร์ตและสถานที่ท่องเที่ยวระดับหรูในเวียดนาม ✔️ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำวินเพิร์ล ซีเชลล์ (Vinpearl Sea Shell Aquarium) : 🐳 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทุกวัยสามารถเพลิดเพลินกับการชมสัตว์น้ำหลากหลายชนิด ✔️ สวนสัตว์วินเพิร์ลซาฟารี ฟูก๊วก (Vinpearl Safari Phu Quoc) : 🐨 สวนสัตว์เปิดที่ให้คุณได้สัมผัสกับสัตว์ป่าในบรรยากาศที่ใกล้ชิด สถานที่ที่เหมาะสำหรับครอบครัวและผู้ที่รักสัตว์ นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ผ่านการจัดแสดงและกิจกรรมที่หลากหลาย ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #PhuQuocCruisePort #PhuQuoc #Vietnam #cruisedomain #port #GrandWorld #VinWonders #VinpearlSeaShellAquarium #VinpearlSafariPhuQuoc
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 393 Views 0 Reviews
  • “Disaster” Synonyms For When Things Don’t Go As Planned

    Most of the time, we like to keep things positive around here and provide you with plenty of inspiring, motivational words to brighten up your day. This … this is not that list.

    Are you done setting intentions? Are you through repeating mantras into the mirror? Do you just need a perfectly wretched word to capture what’s not working right now? Then this is the list for you. We’ve traveled through hell and goat rodeos to bring you the words that will describe the snafus and fiascos of your life or the world around you.

    If your desperate times call for desperate words, here are 20 provocative synonyms for the word disaster and some example sentences to inspire use.

    apocalypse

    We begin our list with a disaster of Biblical proportions. The word apocalypse originally comes from the Greek apokálypsis, meaning “revelation.” Since at least the 1100s, the word apocalypse has been used to refer to the Book of Revelation in the Christian Bible, which tells how the world will be nearly destroyed when good finally defeats evil. Today, the word apocalypse is often used generally (and ominously) to refer to a doomsday-level scenario.

    Example: You’d think, by the mess in the kitchen, that we were witnessing a true apocalypse.

    bloodbath

    The word bloodbath is often used to describe violent slaughters or massacres. The word creates the mental image of a carnage so intense that someone could take a bath in the spilled blood. Figuratively, though, bloodbath is used to describe disastrous events or severe instances of bad fortune. While this word came to English in the 1800s, a similar term, blodbad (literally “bath in blood”), was recorded in the 1500s in Swedish.

    Example: If our star player can’t play, the opening game is going to be a bloodbath.

    cataclysm

    Cataclysm is a word so disastrous that it rocks the entire Earth to its core. The word cataclysm means “a violent upheaval” and is used in geography to refer to violent events that manage to alter the surface of Earth. This is the word you need if you want to literally or figuratively describe something as earth-shaking.

    Example: Barring an unforeseen cataclysm, this family is finally going on vacation this summer.

    fiasco

    The word fiasco means “a complete and ignominious failure” and has a bit of a strange history. Fiasco is an Italian word that literally translates to “bottle,” and it is related to the word flask. The English meaning of “failure” comes from the Italian idiom fare fiasco which means “to fail” (though it literally translates to “make a bottle”).

    Example: My spouse somehow managed to salvage the dessert fiasco I haphazardly concocted.

    bouleversement

    We go from a strange Italian word to an even stranger (or at least longer) French one. The word bouleversement means “an overturning” or “turmoil.” This is the one you want if you really need to bring out the twenty-dollar word.

    Example: The rebel leader said that the country would emerge from the bouleversement stronger than it had ever been.

    calamity

    Get the tissues ready, because our next word is calamity. Calamity is a synonym of disaster, but it indicates that a horrific event specifically caused misery and lots of tears—so, like a dentist appointment?

    Example: I’ve been beset with calamity after calamity since the pandemic started, and I’m losing it.

    catastrophe

    Catastrophe is a synonym that can highlight the destruction and loss brought about by a tremendous event. If nothing is left standing or a disaster will continue to cause pain and suffering for the foreseeable future, we might label it a catastrophe.

    Example: Did you see the bathroom after the pipe burst? What a catastrophe!

    pandemonium

    Things have gone to hell in a hand basket thanks to our next word: pandemonium. Pandemonium refers to a wild state of disorder, noise, and chaos. This disastrous word actually comes from Pandaemonium, the name that John Milton used for the capital of hell in Paradise Lost.

    Example: The muddy dogs tore through the living room, knocking over two lamps, and pandemonium ensued.

    debacle

    The word debacle is one of several that implies a failure was caused by failure or incompetence, especially ones that result from disorganization. Its original meaning in the 1800s, however, referred to a “breaking up of ice in a river” or rush of water “which breaks down opposing barriers, and carries before it blocks of stone and other debris.” That does sound like a mess.

    Example: With half the students out sick, the class performance devolved into a total debacle.

    blunder

    The word blunder is a synonym of the word mistake and is often used to describe an error resulting from severe incompetence or stupidity. Unlike most of the other words on this list, blunder can also be used as a verb (“to make a careless or stupid mistake”).

    Example: The clumsy waiter spilled wine on the mayor and was later fired for this horrible blunder.

    epic fail

    LOL! The slang term epic fail is used to describe particularly humiliating mistakes. Our disastrous list of words has been bad so far, but epic fail might just be the worst of the bunch. Why? Because this is the phrase to use when that embarrassing mistake has been broadcast on social media! (And once that happens, only an especially clever cat meme can save you.)

    Example: ROFL My brother just fell into the pool! #epicfail

    meltdown

    With our next word, our disaster has just gone nuclear. Meltdown is a word used to refer to severe nuclear reactor accidents. It’s figuratively used to describe sudden situations that quickly spiral out of control.

    Example: The guitarist’s meltdown surprised no one, given tensions have been high between band members.

    kick in the teeth

    Ouch! The idiom kick in the teeth refers to a sudden and humiliating setback. Why a kick? In the English language, slang phrases like kick in the head and kick in the pants rely on the image of a kick (instead of punches) to describe particularly humiliating blows.

    Example: The terrible reviews were a real kick in the teeth for the young Broadway star.

    goat rodeo

    Giddyup, cowboys and cowgirls, because it’s time to wrangle some … goats? Goat rodeo is an example of one of several goat-related slang terms for monumental screwups. A relatively new term from the 2000s, it creates a good mental image of a wild rodeo full of screaming goats. You may have heard the term goat-roping (used similarly) and other more obscene versions, but goat rodeo is considered the most extreme of all. We repeat, a goat rodeo is as disastrous as a situation can get.

    Example: This is no concert. It’s a goat rodeo of drunk performers and technical difficulties!

    dog’s breakfast

    This list has really gone to the dogs. The slang term dog’s breakfast, mainly used in Canada and the UK, describes a confused, disorderly mess. The phrase most likely refers to the fact that many dogs will eat pretty much anything you put in front of them. In any case, dog’s breakfast is a fun word to use when everything has gone to “Shih Tzu.”

    Example: The drive was an absolute dog’s breakfast. We arrived two hours late after being stuck in traffic and getting lost.

    disarray

    Disarray describes a situation that is especially chaotic, disorganized, or marred by confusion. Disarray is a word you can use when you’ve got a disorderly mess or a comedy of errors on your hands.

    Example: Hyped up on cake and sugar, the children left the room in a state of total disarray.

    turmoil

    Turmoil is another word to convey that you’re in the midst of great confusion or disorder. Fittingly, we are not actually sure where this verb-turned-noun originates from.

    Example: Without enough employees to cover the day’s shift, the company was thrown into turmoil.

    dumpster fire

    The slang term dumpster fire means something is so disastrously bad it is beyond all hope of saving. Often, the dumpster fire is result of terribly bad decisions or extraordinary levels of incompetence. It’s best to stay the heck away from a dumpster fire because, as its name implies, it is likely to just keep getting worse.

    Example: The movie was a complete dumpster fire that didn’t get a single positive review.

    shitshow

    The not-very-nice word shitshow is used to describe essentially the same situation as a dumpster fire: a mess that is completely unsalvageable. To go the extra mile, shitshow throws in a swear word to capture the magnitude of a truly unbelievable disaster.

    Example: Last year was a real shitshow but I’m hoping things turn around soon.

    snafu and fubar

    It might be time for reinforcements. Snafu and fubar are two abbreviations that can be traced back to military jargon and have some … colorful meanings. Snafu stands for “situation normal: all f–ed up” and fubar stands for “f–ed up beyond all reason.” Now fix the disaster, cadet, and then drop and give us twenty!

    Example: The trip started with a series of major snafus, like when the luggage arrived in the wrong city.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Disaster” Synonyms For When Things Don’t Go As Planned Most of the time, we like to keep things positive around here and provide you with plenty of inspiring, motivational words to brighten up your day. This … this is not that list. Are you done setting intentions? Are you through repeating mantras into the mirror? Do you just need a perfectly wretched word to capture what’s not working right now? Then this is the list for you. We’ve traveled through hell and goat rodeos to bring you the words that will describe the snafus and fiascos of your life or the world around you. If your desperate times call for desperate words, here are 20 provocative synonyms for the word disaster and some example sentences to inspire use. apocalypse We begin our list with a disaster of Biblical proportions. The word apocalypse originally comes from the Greek apokálypsis, meaning “revelation.” Since at least the 1100s, the word apocalypse has been used to refer to the Book of Revelation in the Christian Bible, which tells how the world will be nearly destroyed when good finally defeats evil. Today, the word apocalypse is often used generally (and ominously) to refer to a doomsday-level scenario. Example: You’d think, by the mess in the kitchen, that we were witnessing a true apocalypse. bloodbath The word bloodbath is often used to describe violent slaughters or massacres. The word creates the mental image of a carnage so intense that someone could take a bath in the spilled blood. Figuratively, though, bloodbath is used to describe disastrous events or severe instances of bad fortune. While this word came to English in the 1800s, a similar term, blodbad (literally “bath in blood”), was recorded in the 1500s in Swedish. Example: If our star player can’t play, the opening game is going to be a bloodbath. cataclysm Cataclysm is a word so disastrous that it rocks the entire Earth to its core. The word cataclysm means “a violent upheaval” and is used in geography to refer to violent events that manage to alter the surface of Earth. This is the word you need if you want to literally or figuratively describe something as earth-shaking. Example: Barring an unforeseen cataclysm, this family is finally going on vacation this summer. fiasco The word fiasco means “a complete and ignominious failure” and has a bit of a strange history. Fiasco is an Italian word that literally translates to “bottle,” and it is related to the word flask. The English meaning of “failure” comes from the Italian idiom fare fiasco which means “to fail” (though it literally translates to “make a bottle”). Example: My spouse somehow managed to salvage the dessert fiasco I haphazardly concocted. bouleversement We go from a strange Italian word to an even stranger (or at least longer) French one. The word bouleversement means “an overturning” or “turmoil.” This is the one you want if you really need to bring out the twenty-dollar word. Example: The rebel leader said that the country would emerge from the bouleversement stronger than it had ever been. calamity Get the tissues ready, because our next word is calamity. Calamity is a synonym of disaster, but it indicates that a horrific event specifically caused misery and lots of tears—so, like a dentist appointment? Example: I’ve been beset with calamity after calamity since the pandemic started, and I’m losing it. catastrophe Catastrophe is a synonym that can highlight the destruction and loss brought about by a tremendous event. If nothing is left standing or a disaster will continue to cause pain and suffering for the foreseeable future, we might label it a catastrophe. Example: Did you see the bathroom after the pipe burst? What a catastrophe! pandemonium Things have gone to hell in a hand basket thanks to our next word: pandemonium. Pandemonium refers to a wild state of disorder, noise, and chaos. This disastrous word actually comes from Pandaemonium, the name that John Milton used for the capital of hell in Paradise Lost. Example: The muddy dogs tore through the living room, knocking over two lamps, and pandemonium ensued. debacle The word debacle is one of several that implies a failure was caused by failure or incompetence, especially ones that result from disorganization. Its original meaning in the 1800s, however, referred to a “breaking up of ice in a river” or rush of water “which breaks down opposing barriers, and carries before it blocks of stone and other debris.” That does sound like a mess. Example: With half the students out sick, the class performance devolved into a total debacle. blunder The word blunder is a synonym of the word mistake and is often used to describe an error resulting from severe incompetence or stupidity. Unlike most of the other words on this list, blunder can also be used as a verb (“to make a careless or stupid mistake”). Example: The clumsy waiter spilled wine on the mayor and was later fired for this horrible blunder. epic fail LOL! The slang term epic fail is used to describe particularly humiliating mistakes. Our disastrous list of words has been bad so far, but epic fail might just be the worst of the bunch. Why? Because this is the phrase to use when that embarrassing mistake has been broadcast on social media! (And once that happens, only an especially clever cat meme can save you.) Example: ROFL My brother just fell into the pool! #epicfail meltdown With our next word, our disaster has just gone nuclear. Meltdown is a word used to refer to severe nuclear reactor accidents. It’s figuratively used to describe sudden situations that quickly spiral out of control. Example: The guitarist’s meltdown surprised no one, given tensions have been high between band members. kick in the teeth Ouch! The idiom kick in the teeth refers to a sudden and humiliating setback. Why a kick? In the English language, slang phrases like kick in the head and kick in the pants rely on the image of a kick (instead of punches) to describe particularly humiliating blows. Example: The terrible reviews were a real kick in the teeth for the young Broadway star. goat rodeo Giddyup, cowboys and cowgirls, because it’s time to wrangle some … goats? Goat rodeo is an example of one of several goat-related slang terms for monumental screwups. A relatively new term from the 2000s, it creates a good mental image of a wild rodeo full of screaming goats. You may have heard the term goat-roping (used similarly) and other more obscene versions, but goat rodeo is considered the most extreme of all. We repeat, a goat rodeo is as disastrous as a situation can get. Example: This is no concert. It’s a goat rodeo of drunk performers and technical difficulties! dog’s breakfast This list has really gone to the dogs. The slang term dog’s breakfast, mainly used in Canada and the UK, describes a confused, disorderly mess. The phrase most likely refers to the fact that many dogs will eat pretty much anything you put in front of them. In any case, dog’s breakfast is a fun word to use when everything has gone to “Shih Tzu.” Example: The drive was an absolute dog’s breakfast. We arrived two hours late after being stuck in traffic and getting lost. disarray Disarray describes a situation that is especially chaotic, disorganized, or marred by confusion. Disarray is a word you can use when you’ve got a disorderly mess or a comedy of errors on your hands. Example: Hyped up on cake and sugar, the children left the room in a state of total disarray. turmoil Turmoil is another word to convey that you’re in the midst of great confusion or disorder. Fittingly, we are not actually sure where this verb-turned-noun originates from. Example: Without enough employees to cover the day’s shift, the company was thrown into turmoil. dumpster fire The slang term dumpster fire means something is so disastrously bad it is beyond all hope of saving. Often, the dumpster fire is result of terribly bad decisions or extraordinary levels of incompetence. It’s best to stay the heck away from a dumpster fire because, as its name implies, it is likely to just keep getting worse. Example: The movie was a complete dumpster fire that didn’t get a single positive review. shitshow The not-very-nice word shitshow is used to describe essentially the same situation as a dumpster fire: a mess that is completely unsalvageable. To go the extra mile, shitshow throws in a swear word to capture the magnitude of a truly unbelievable disaster. Example: Last year was a real shitshow but I’m hoping things turn around soon. snafu and fubar It might be time for reinforcements. Snafu and fubar are two abbreviations that can be traced back to military jargon and have some … colorful meanings. Snafu stands for “situation normal: all f–ed up” and fubar stands for “f–ed up beyond all reason.” Now fix the disaster, cadet, and then drop and give us twenty! Example: The trip started with a series of major snafus, like when the luggage arrived in the wrong city. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 508 Views 0 Reviews
  • “Fruit” vs. “Vegetable”: Thyme To Explain The Actual Difference

    Trying to classify what’s a fruit and what’s a vegetable isn’t always cut and dry. In fact, the debate about it can get pretty juicy—seedy, even. This all stems from the fact that some things we eat are technically fruits but are almost always called vegetables (and treated like vegetables, too). Some people make a distinction based on the level of sweetness, but the difference—from the perspective of a botanist, at least—is less a matter of taste and more a matter of which part of the plant you’re eating.

    This article will get to the root of which foods are fruits, which are vegetables, and which are actually fruits despite always getting placed with the vegetables at the grocery store. You’ll come away with answers to these questions and more:

    What exactly is the difference between fruits and vegetables?
    Is a tomato a fruit or a vegetable?
    Is a potato a vegetable?
    Are berries fruit?
    What about nuts?

    We’ll even include a list of the fruits and vegetables whose categorization status most often pits people against each other, along with their technical classification and what they’re usually considered in culinary use. (Spoilage alert: the fruit and veggie puns are already pretty ripe, but they’re going to get even grosser.)

    Quick summary

    Technically speaking, a fruit is a plant’s developed ovary that comes from a flower and contains one or multiple seeds. The term vegetable is much broader—it refers to any part of a plant that’s used for food, including the roots, tubers, stems, and leaves. Many of the foods that we casually call vegetables, like tomatoes, are technically fruits. Still, it’s a technical distinction that’s usually ignored in practical contexts, such as menus or the layout of the produce section.

    What is the difference between a fruit and a vegetable?

    To a botanist, the word fruit specifically refers to the edible part of a seed plant that develops from a flower into a ripened ovary that contains one or more seeds—fertilized seeds capable of generating a new plant. Fruits come from many different types of plants: apples grow on trees, grapes grow on vines, and blueberries grow on shrubs, for example. The botanical definition of a fruit has nothing to do with whether or not it tastes sweet.

    The word vegetable tends to make us think of savory (and nonsweet) flavors. But vegetable simply means any part of a plant that is grown primarily for food. This can be the leaves (spinach), the root (carrots), the tuber (potatoes), the flower (broccoli), the stalk (celery), or other parts—including the fruit. Yes, definitionally speaking, fruits are actually just one type of vegetable (because they’re an edible part of a plant).

    Still, people don’t usually think about their fruits and vegetables in terms of strict, definition-specific distinctions. In everyday, nonscientific contexts, we usually make the distinction between a fruit and a vegetable based on how we eat it and what dishes we put it in, especially according to whether it’s sweet or not. To most of us, fruits are the edible, usually sweet parts of a plant—often ones that are eaten raw, squeezed for juice, or used in desserts.

    Many things that are technically fruits are commonly treated as vegetables (and even sometimes the other way around). Here are some whose categorizations are among the most ambiguous.

    Tomato: fruit or vegetable?

    It’s both. No matter how you slice it, a tomato is technically a fruit (the seed-filled ovary of the plant), but it’s typically treated as (and called) a vegetable. The classification confusion is understandable, given its savory but sweet flavor and the fact that it’s commonly used in savory dishes in the same way that vegetables usually are. Even the Supreme Court has had trouble with putting the fruit in the right category. In 1893, the high court of the US decided a tomato is a vegetable because of the way it’s used in cooking, regardless of the botanical categorization.

    Just because the scientific definition is clear doesn’t mean the issue is settled. Perhaps the distinction is best summarized by the quote, often attributed to journalist Miles Kington, that “Knowledge is knowing that a tomato is a fruit. Wisdom is not putting it in a fruit salad.” But even that notion has been contradicted by countless cooks—search some variation of tomato and watermelon salad recipe and you’ll get millions of hits.

    Is a cucumber a fruit?

    The cucumber plant is part of the gourd family. The part that people eat (and turn into pickles) is the fruit of the plant. So while you might not think of a cucumber salad as a kind of fruit salad, cucumbers do fit the technical definition of a fruit. It’s a good reminder that taste and how people commonly prepare a food have little to do with its scientific classification.

    Is a coconut a fruit?

    A coconut is the fruit of the coconut palm. It falls into the subcategory of fruits called drupes, which are distinguished by an outer skin, a fleshy middle, and a hard woody shell over a single seed. However, unlike other drupes in which the flesh covering the seed is what’s eaten (like peaches or cherries), the edible part of the coconut is the meat just inside that last interior shell.

    Is a potato a vegetable?

    The potato is part of the same family of plants (the nightshade family) as the tomato, the eggplant, and some peppers. But unlike those, it’s classified as a vegetable because the part of the plant that’s eaten is the tuber part of the root, as opposed to the reproductive organ.

    Many people asking “Is a potato a vegetable?” are really asking if they can count it as one nutritionally, like they do green vegetables. Traditionally, potatoes have been considered a starch, but they’re full of nutrients, including vitamins C, B1, B3, and B6, as well as minerals like iron, potassium, and folate.

    Is a carrot a fruit?

    This is an easy one—carrots are definitely vegetables, not fruits. Like potatoes, carrots are a type of root vegetable. The greens of the plant are edible, but carrots are grown for the bright orange (or purple, or white, or yellow) taproot growing underneath.

    Remember, vegetables can come from all parts of the plant, be it the roots, leaves, stalks, or other parts. Keeping that in mind can be useful when sorting out whether something belongs in the vegetable category or the fruit category.

    But here’s an easier way—we’ll just tell you. Produce this produce list any time there’s a rhubarb concerning edible plant facts.

    Are berries fruit? What about nuts?

    You might be thinking that grains are a surprising inclusion in the fruit category. They aren’t the only fruits that often get left out of the fruit conversation, either. Nuts, berries, and pods (such as peas) are also technically fruits.

    A berry is a small fruit that usually has small seeds embedded, as in grapes and blueberries. Tomatoes, in fact, also fall into this group. From a botanical standpoint, only simple fruits—those that develop from a single ovary in a single flower—are berries. Still, some other fruits commonly called berries, like strawberries and raspberries, are technically aggregate fruits, meaning they develop from multiple ovaries of a single flower. Some fruits commonly classified as berries, such as the mulberry, are multiple fruits, meaning they come from the ovaries of several individual flowers.

    Nuts are also simple fruits, albeit ones eaten dry. These have an edible inside that’s enclosed in a hard shell, like a chestnut or hazelnut. Some other things that we call nuts, like walnuts and almonds, aren’t nuts from a botanical perspective, but are instead the kind of fruits classified as drupes (like coconuts), since the shells are covered in a fleshy outside. Peanuts are also not nuts—they are legumes, meaning they’re technically a vegetable.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Fruit” vs. “Vegetable”: Thyme To Explain The Actual Difference Trying to classify what’s a fruit and what’s a vegetable isn’t always cut and dry. In fact, the debate about it can get pretty juicy—seedy, even. This all stems from the fact that some things we eat are technically fruits but are almost always called vegetables (and treated like vegetables, too). Some people make a distinction based on the level of sweetness, but the difference—from the perspective of a botanist, at least—is less a matter of taste and more a matter of which part of the plant you’re eating. This article will get to the root of which foods are fruits, which are vegetables, and which are actually fruits despite always getting placed with the vegetables at the grocery store. You’ll come away with answers to these questions and more: What exactly is the difference between fruits and vegetables? Is a tomato a fruit or a vegetable? Is a potato a vegetable? Are berries fruit? What about nuts? We’ll even include a list of the fruits and vegetables whose categorization status most often pits people against each other, along with their technical classification and what they’re usually considered in culinary use. (Spoilage alert: the fruit and veggie puns are already pretty ripe, but they’re going to get even grosser.) Quick summary Technically speaking, a fruit is a plant’s developed ovary that comes from a flower and contains one or multiple seeds. The term vegetable is much broader—it refers to any part of a plant that’s used for food, including the roots, tubers, stems, and leaves. Many of the foods that we casually call vegetables, like tomatoes, are technically fruits. Still, it’s a technical distinction that’s usually ignored in practical contexts, such as menus or the layout of the produce section. What is the difference between a fruit and a vegetable? To a botanist, the word fruit specifically refers to the edible part of a seed plant that develops from a flower into a ripened ovary that contains one or more seeds—fertilized seeds capable of generating a new plant. Fruits come from many different types of plants: apples grow on trees, grapes grow on vines, and blueberries grow on shrubs, for example. The botanical definition of a fruit has nothing to do with whether or not it tastes sweet. The word vegetable tends to make us think of savory (and nonsweet) flavors. But vegetable simply means any part of a plant that is grown primarily for food. This can be the leaves (spinach), the root (carrots), the tuber (potatoes), the flower (broccoli), the stalk (celery), or other parts—including the fruit. Yes, definitionally speaking, fruits are actually just one type of vegetable (because they’re an edible part of a plant). Still, people don’t usually think about their fruits and vegetables in terms of strict, definition-specific distinctions. In everyday, nonscientific contexts, we usually make the distinction between a fruit and a vegetable based on how we eat it and what dishes we put it in, especially according to whether it’s sweet or not. To most of us, fruits are the edible, usually sweet parts of a plant—often ones that are eaten raw, squeezed for juice, or used in desserts. Many things that are technically fruits are commonly treated as vegetables (and even sometimes the other way around). Here are some whose categorizations are among the most ambiguous. Tomato: fruit or vegetable? It’s both. No matter how you slice it, a tomato is technically a fruit (the seed-filled ovary of the plant), but it’s typically treated as (and called) a vegetable. The classification confusion is understandable, given its savory but sweet flavor and the fact that it’s commonly used in savory dishes in the same way that vegetables usually are. Even the Supreme Court has had trouble with putting the fruit in the right category. In 1893, the high court of the US decided a tomato is a vegetable because of the way it’s used in cooking, regardless of the botanical categorization. Just because the scientific definition is clear doesn’t mean the issue is settled. Perhaps the distinction is best summarized by the quote, often attributed to journalist Miles Kington, that “Knowledge is knowing that a tomato is a fruit. Wisdom is not putting it in a fruit salad.” But even that notion has been contradicted by countless cooks—search some variation of tomato and watermelon salad recipe and you’ll get millions of hits. Is a cucumber a fruit? The cucumber plant is part of the gourd family. The part that people eat (and turn into pickles) is the fruit of the plant. So while you might not think of a cucumber salad as a kind of fruit salad, cucumbers do fit the technical definition of a fruit. It’s a good reminder that taste and how people commonly prepare a food have little to do with its scientific classification. Is a coconut a fruit? A coconut is the fruit of the coconut palm. It falls into the subcategory of fruits called drupes, which are distinguished by an outer skin, a fleshy middle, and a hard woody shell over a single seed. However, unlike other drupes in which the flesh covering the seed is what’s eaten (like peaches or cherries), the edible part of the coconut is the meat just inside that last interior shell. Is a potato a vegetable? The potato is part of the same family of plants (the nightshade family) as the tomato, the eggplant, and some peppers. But unlike those, it’s classified as a vegetable because the part of the plant that’s eaten is the tuber part of the root, as opposed to the reproductive organ. Many people asking “Is a potato a vegetable?” are really asking if they can count it as one nutritionally, like they do green vegetables. Traditionally, potatoes have been considered a starch, but they’re full of nutrients, including vitamins C, B1, B3, and B6, as well as minerals like iron, potassium, and folate. Is a carrot a fruit? This is an easy one—carrots are definitely vegetables, not fruits. Like potatoes, carrots are a type of root vegetable. The greens of the plant are edible, but carrots are grown for the bright orange (or purple, or white, or yellow) taproot growing underneath. Remember, vegetables can come from all parts of the plant, be it the roots, leaves, stalks, or other parts. Keeping that in mind can be useful when sorting out whether something belongs in the vegetable category or the fruit category. But here’s an easier way—we’ll just tell you. Produce this produce list any time there’s a rhubarb concerning edible plant facts. Are berries fruit? What about nuts? You might be thinking that grains are a surprising inclusion in the fruit category. They aren’t the only fruits that often get left out of the fruit conversation, either. Nuts, berries, and pods (such as peas) are also technically fruits. A berry is a small fruit that usually has small seeds embedded, as in grapes and blueberries. Tomatoes, in fact, also fall into this group. From a botanical standpoint, only simple fruits—those that develop from a single ovary in a single flower—are berries. Still, some other fruits commonly called berries, like strawberries and raspberries, are technically aggregate fruits, meaning they develop from multiple ovaries of a single flower. Some fruits commonly classified as berries, such as the mulberry, are multiple fruits, meaning they come from the ovaries of several individual flowers. Nuts are also simple fruits, albeit ones eaten dry. These have an edible inside that’s enclosed in a hard shell, like a chestnut or hazelnut. Some other things that we call nuts, like walnuts and almonds, aren’t nuts from a botanical perspective, but are instead the kind of fruits classified as drupes (like coconuts), since the shells are covered in a fleshy outside. Peanuts are also not nuts—they are legumes, meaning they’re technically a vegetable. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 396 Views 0 Reviews
  • บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ จากทั้ง 2 พรรค ต่างคาดหมายว่าอเมริกาอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความโกลาหล หลังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และหวั่นวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมืองทั่วประเทศ ไม่ว่าใครจะได้รับชัยชนะก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวก็ตาม ตามรายงานของ Axios เว็บไซต์ข่าวของสหรัฐฯในวันพุธ(30ต.ค.) อ้างอิงความเห็นของสมาชิกรัฐสภาหลายคน
    .
    "เหล่าสมาชิกเดโมแครตมีความกังวลอย่างยิ่งว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะคัดค้านผลการเลือกตั้ง หากเขาพ่ายแพ้ต่อรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ซ้ำรอยเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อปี 2021" รายงานข่าวระบุ
    .
    รายงานข่าวอ้างความเห็นของ เจสัน โครว์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากพรรคเดโมแครต ในโคโรลาโด กล่าวว่า "เราแน่ใจว่า ที่นี่ มีสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยงระดับสูง ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้เลย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องระแวดระวังมัน และสร้างความแน่ใจว่า เรามีมาตรการป้องกันไว้ก่อนแล้ว"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ กำลังยกระดับดูแลด้านความมั่นคงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในนั้นรวมการจัดตั้งแนวรั้วรอบๆอาคารรัฐสภา ก่อนหน้าการประชุมลงมติรับรองประธานาธิบดี ในวันที่ 6 มกราคม ตามรายงานของ Axios อ้างอิงเจ้าหน้าที่หน่วยงานลับ
    .
    "ถ้าทรัมป์ชนะ เขาและพวกผู้สนับสนุนที่ใช้ความรุนแรงของเขา จะฮึกเหิม แต่ถ้าเขาแพ้ ฉันกังวลว่ามันจะเลวร้ายกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน" เดเลีย รามิเรซ ส.ส.เดโมแครต จากอิลลินอยส์ ให้ความเห็นกับ Axios
    .
    อย่างไรก็ตามสมาชิกรีพับลิกันก็แสดงความกังวลแบบเดียวกัน เตือนว่าพวกเดโมแครตจะประท้วงการคืนสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ และลงมือใช้ความรุนแรง หาก ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้ง
    .
    ทรอย์ เนห์ลส สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรรีพับลิกันจากเทกซัส กล่าวว่า "กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิควรพร้อมสำหรับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าในช่วงเวลาสั้นๆ ในการเข้าควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และพวกเขาควรปิดตายอาคารรัฐสภาให้ดีกว่าเดิม ในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง"
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นของ Scripps News/Ipsos ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าอเมริกันชนส่วนใหญ่ก็มีความกังวลแบบเดียวกัน และคาดหมายว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงหลังวันเลือกตั้ง โดยผลสำรวจพบว่ามีคนสหรัฐฯมากถึง 62% ที่เชื่อว่าแนวโน้มความยุ่งเหยิงหลังการเลือกตั้งนั้น "ค่อนข้างจะเป็นไปได้หรือมีความเป็นไปได้อย่างมาก"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104817
    ..............
    Sondhi X
    บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ จากทั้ง 2 พรรค ต่างคาดหมายว่าอเมริกาอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความโกลาหล หลังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และหวั่นวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมืองทั่วประเทศ ไม่ว่าใครจะได้รับชัยชนะก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวก็ตาม ตามรายงานของ Axios เว็บไซต์ข่าวของสหรัฐฯในวันพุธ(30ต.ค.) อ้างอิงความเห็นของสมาชิกรัฐสภาหลายคน . "เหล่าสมาชิกเดโมแครตมีความกังวลอย่างยิ่งว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะคัดค้านผลการเลือกตั้ง หากเขาพ่ายแพ้ต่อรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ซ้ำรอยเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อปี 2021" รายงานข่าวระบุ . รายงานข่าวอ้างความเห็นของ เจสัน โครว์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากพรรคเดโมแครต ในโคโรลาโด กล่าวว่า "เราแน่ใจว่า ที่นี่ มีสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยงระดับสูง ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้เลย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องระแวดระวังมัน และสร้างความแน่ใจว่า เรามีมาตรการป้องกันไว้ก่อนแล้ว" . พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ กำลังยกระดับดูแลด้านความมั่นคงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในนั้นรวมการจัดตั้งแนวรั้วรอบๆอาคารรัฐสภา ก่อนหน้าการประชุมลงมติรับรองประธานาธิบดี ในวันที่ 6 มกราคม ตามรายงานของ Axios อ้างอิงเจ้าหน้าที่หน่วยงานลับ . "ถ้าทรัมป์ชนะ เขาและพวกผู้สนับสนุนที่ใช้ความรุนแรงของเขา จะฮึกเหิม แต่ถ้าเขาแพ้ ฉันกังวลว่ามันจะเลวร้ายกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน" เดเลีย รามิเรซ ส.ส.เดโมแครต จากอิลลินอยส์ ให้ความเห็นกับ Axios . อย่างไรก็ตามสมาชิกรีพับลิกันก็แสดงความกังวลแบบเดียวกัน เตือนว่าพวกเดโมแครตจะประท้วงการคืนสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ และลงมือใช้ความรุนแรง หาก ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้ง . ทรอย์ เนห์ลส สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรรีพับลิกันจากเทกซัส กล่าวว่า "กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิควรพร้อมสำหรับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าในช่วงเวลาสั้นๆ ในการเข้าควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และพวกเขาควรปิดตายอาคารรัฐสภาให้ดีกว่าเดิม ในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง" . ผลสำรวจความคิดเห็นของ Scripps News/Ipsos ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าอเมริกันชนส่วนใหญ่ก็มีความกังวลแบบเดียวกัน และคาดหมายว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงหลังวันเลือกตั้ง โดยผลสำรวจพบว่ามีคนสหรัฐฯมากถึง 62% ที่เชื่อว่าแนวโน้มความยุ่งเหยิงหลังการเลือกตั้งนั้น "ค่อนข้างจะเป็นไปได้หรือมีความเป็นไปได้อย่างมาก" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104817 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    1 Comments 0 Shares 1573 Views 0 Reviews
  • RIP คุณโสภณ ครับ
    ผมฟังคุณอาลอดๆ
    RIP คุณโสภณ ครับ ผมฟังคุณอาลอดๆ
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • #อาลัยยิ่ง #โสภณองค์การณ์ #RIP
    #อาลัยยิ่ง #โสภณองค์การณ์ #RIP
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่โสด้วยนะครับ
    #RIP
    ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่โสด้วยนะครับ #RIP
    ด้วยความระลึกถึง โสภณ องค์การณ์

    สมัยวัยรุ่นเท่าที่จำความได้ "โสภณ องค์การณ์" เป็นหนึ่งในคนข่าวที่โลดแล่นกับสื่อเครือเนชั่นยาวนานกว่า 30 ปีในหลายบทบาท ทั้งบนหน้าจอเนชั่นแชนแนล ยูบีซี 8 ซึ่งคนมีอันจะกินถึงจะดูได้ หรือแบบจับต้องได้ตอนเข้าห้องสมุดโรงเรียน อ่านคอลัมน์ในเนชั่นสุดสัปดาห์ หรือหนังสือพิมพ์คมชัดลึก วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในยุคนั้นเรียกว่า "ซีอีโอแกงโฮะ" หรือ "ซีอีโอละพ่อ" พร้อมกับคำลงท้ายบทความ "อิอิอิ" เป็นเอกลักษณ์

    ด้วยความเป็นคอลัมนิสต์ วิจารณ์การเมืองตรงไปตรงมา เมื่อมาเจอรัฐบาลทักษิณแทรกแซงสื่อหลายรูปแบบ ที่น่าอึ้งก็คือเมื่อปี 2545 มีใบสั่งให้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ จากสำนักงาน ป.ป.ง. ตรวจสอบธุรกรรมการเงินสื่อมวลชนจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะเครือเนชั่น ไทยโพสต์ แนวหน้า แล้วหนึ่งในนั้นมีชื่อ "โสภณ องค์การณ์" แต่ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา ตอนหลัง ป.ป.ง.บอกว่าสั่งยุติตรวจสอบแล้ว จึงจำหน่ายคดีออกไป

    เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำเสรีภาพสื่อยุคนั้นตกต่ำ ฟางเส้นสุดท้าย คือการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดย สนธิ ลิ้มทองกุล และ สโรชา พรอุดมศักดิ์ นำไปสู่การขับไล่นายกฯ ทักษิณมาตั้งแต่ปี 2548 และไม่ไว้วางใจทักษิณนานกว่า 20 ปี

    กล่าวถึงความทรงจำ ซึ่งขออนุญาตเรียกว่าพี่โส สมัยจัดรายการยามเช้าริมเจ้าพระยา ทางสถานีโทรทัศน์นิวส์วัน ร่วมกับคุณนุ๊ก กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ ในปี 2560-2561 ได้มีโอกาสฟังพี่โสโฟนอินวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ ในเบรคสุดท้ายก่อนจบรายการทุกสัปดาห์ แต่หลังจากกลับไปทำงานข่าวออนไลน์เหมือนเดิม ซึ่งยอมรับว่าการจัดรายการโทรทัศน์ตอนนั้นทำได้ไม่ดีนัก เวลาเจอหน้าพี่โสที่บ้านเจ้าพระยา ก็ทักทายสวัสดี บางครั้งพี่โสนำหมูปิ้งจากร้านของพี่โส มาให้ชาวผู้จัดการ-นิวส์วันชิมกันถึงออฟฟิศ

    พี่โสอยู่ชายคาผู้จัดการ-นิวส์วันมาตั้งแต่ปี 2552 เริ่มจากจัดรายการโทรทัศน์ เช่น News Hour Weekend คู่กับคุณนงวดี ถนิมมาลย์ เคาะข่าวริมโขง สภาท่าพระอาทิตย์ ก่อนที่จะหยุดเขียนบทความประจำให้กับคมชัดลึกเมื่อสิ้นปี 2553 แล้วมาเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และผู้จัดการสุดสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา พร้อมกับจัดรายการหลายรายการ เช่น ชวนคิดชวนคุย เคาะไข่ใส่ข่าว ฯลฯ มีผลงานให้ได้ติดตามมานานถึง 15 ปี

    เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนรู้สึกตกใจที่ทราบข่าวว่าพี่โสประสบอุบัติเหตุ พบว่าเส้นเลือดออกที่ก้านสมอง ไม่รู้สึกตัวหลายวัน กระทั่งใจหายที่ทราบว่าพี่โสจากไปด้วยอายุ 75 ปี ขอแสดงความเสียใจ และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวพี่โสยืนหยัดชีวิตต่อไป

    กิตตินันท์ นาคทอง

    #Newskit
    Sad
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=HG47r_FVIw8
    บทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางไปหาหมูเด้ง
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางไปหาหมูเด้ง
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #หมูเด้ง

    The conversations from the clip :

    Tourist: Hi there! Can you help me, please?
    Student: Sure! What do you need help with?
    Tourist: I want to visit Khao Kheow Open Zoo to see Moo Deng, the superstar hippo.
    Student: That sounds exciting! You can take a train to Chonburi.
    Tourist: Great! Which train station should I go to?
    Student: You should go to Hua Lamphong Station in Bangkok.
    Tourist: How do I get to Hua Lamphong Station from here?
    Student: You can take the MRT subway directly to Hua Lamphong.
    Tourist: How often do the trains run to Chonburi?
    Student: Trains to Chonburi run regularly, about every hour.
    Tourist: How long does the train ride take?
    Student: It usually takes around 2 to 2.5 hours to reach Chonburi.
    Tourist: What do I do after I arrive in Chonburi?
    Student: Once you get to Chonburi, you can take a taxi or a local bus to the zoo.
    Tourist: How long does it take to get from Chonburi to the zoo?
    Student: It takes about 30 minutes by taxi or bus.
    Tourist: Is it easy to find transportation from the train station?
    Student: Yes, there are always taxis available at the station.
    Tourist: Do I need to book my train ticket in advance?
    Student: It's a good idea, especially on weekends, but you can usually buy tickets on the day.
    Tourist: Thank you for all the helpful information!
    Student: You’re welcome! Enjoy your trip to see Moo Deng!

    นักท่องเที่ยว: สวัสดีครับ! ช่วยหน่อยได้ไหมครับ?
    นักศึกษา: ได้เลย! ต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ?
    นักท่องเที่ยว: ฉันอยากไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเพื่อดู "หมูเด้ง" ฮิปโปซุปเปอร์สตาร์ครับ
    นักศึกษา: ฟังดูน่าตื่นเต้นมากเลย! คุณสามารถนั่งรถไฟไปชลบุรีได้นะคะ
    นักท่องเที่ยว: ดีมากเลย! ฉันควรไปที่สถานีรถไฟไหนครับ?
    นักศึกษา: คุณควรไปที่สถานีหัวลำโพงในกรุงเทพฯ ค่ะ
    นักท่องเที่ยว: แล้วฉันจะไปสถานีหัวลำโพงจากตรงนี้ได้อย่างไรครับ?
    นักศึกษา: คุณสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน MRT ตรงไปยังหัวลำโพงได้เลยค่ะ
    นักท่องเที่ยว: รถไฟไปชลบุรีออกบ่อยแค่ไหนครับ?
    นักศึกษา: รถไฟไปชลบุรีมีบ่อยค่ะ ประมาณทุกชั่วโมง
    นักท่องเที่ยว: นั่งรถไฟใช้เวลานานแค่ไหนครับ?
    นักศึกษา: ปกติใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 2.5 ชั่วโมงเพื่อถึงชลบุรีค่ะ
    นักท่องเที่ยว: แล้วหลังจากถึงชลบุรี ฉันควรทำอย่างไรต่อครับ?
    นักศึกษา: เมื่อถึงชลบุรีแล้ว คุณสามารถนั่งแท็กซี่หรือนั่งรถบัสท้องถิ่นไปสวนสัตว์ได้ค่ะ
    นักท่องเที่ยว: จากชลบุรีไปสวนสัตว์ใช้เวลานานแค่ไหนครับ?
    นักศึกษา: ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีโดยแท็กซี่หรือรถบัสค่ะ
    นักท่องเที่ยว: หารถจากสถานีรถไฟไปสวนสัตว์ง่ายไหมครับ?
    นักศึกษา: หาง่ายค่ะ มีแท็กซี่รออยู่ที่สถานีเสมอ
    นักท่องเที่ยว: ฉันต้องจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าไหมครับ?
    นักศึกษา: การจองล่วงหน้าเป็นความคิดที่ดีค่ะ โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่คุณก็สามารถซื้อตั๋วในวันเดินทางได้เช่นกัน
    นักท่องเที่ยว: ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ ครับ!
    นักศึกษา: ยินดีค่ะ! ขอให้สนุกกับการเที่ยวชม "หมูแดง" นะคะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Zoo (ซู) noun. แปลว่า สวนสัตว์
    Train (เทรน) noun. แปลว่า รถไฟ
    Superstar (ซูเปอร์สตาร์) noun. แปลว่า ดาราดัง
    Hippo (ฮิปโป) noun. แปลว่า ฮิปโป
    Station (สเตชัน) noun. แปลว่า สถานี
    Taxi (แท็กซี่) noun. แปลว่า รถแท็กซี่
    Subway (ซับเวย์) noun. แปลว่า รถไฟใต้ดิน
    Ticket (ทิคเก็ต) noun. แปลว่า ตั๋ว
    Hour (อาวเออร์) noun. แปลว่า ชั่วโมง
    Transportation (ทรานสปอร์เทชัน) noun. แปลว่า การขนส่ง
    Tourist (ทัวริสต์) noun. แปลว่า นักท่องเที่ยว
    Exciting (เอ็กไซติง) adjective. แปลว่า น่าตื่นเต้น
    Advance (แอดวานซ์) noun. แปลว่า ล่วงหน้า
    Chonburi (ชลบุรี) noun. แปลว่า ชลบุรี
    https://www.youtube.com/watch?v=HG47r_FVIw8 บทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางไปหาหมูเด้ง (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางไปหาหมูเด้ง มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #หมูเด้ง The conversations from the clip : Tourist: Hi there! Can you help me, please? Student: Sure! What do you need help with? Tourist: I want to visit Khao Kheow Open Zoo to see Moo Deng, the superstar hippo. Student: That sounds exciting! You can take a train to Chonburi. Tourist: Great! Which train station should I go to? Student: You should go to Hua Lamphong Station in Bangkok. Tourist: How do I get to Hua Lamphong Station from here? Student: You can take the MRT subway directly to Hua Lamphong. Tourist: How often do the trains run to Chonburi? Student: Trains to Chonburi run regularly, about every hour. Tourist: How long does the train ride take? Student: It usually takes around 2 to 2.5 hours to reach Chonburi. Tourist: What do I do after I arrive in Chonburi? Student: Once you get to Chonburi, you can take a taxi or a local bus to the zoo. Tourist: How long does it take to get from Chonburi to the zoo? Student: It takes about 30 minutes by taxi or bus. Tourist: Is it easy to find transportation from the train station? Student: Yes, there are always taxis available at the station. Tourist: Do I need to book my train ticket in advance? Student: It's a good idea, especially on weekends, but you can usually buy tickets on the day. Tourist: Thank you for all the helpful information! Student: You’re welcome! Enjoy your trip to see Moo Deng! นักท่องเที่ยว: สวัสดีครับ! ช่วยหน่อยได้ไหมครับ? นักศึกษา: ได้เลย! ต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ? นักท่องเที่ยว: ฉันอยากไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเพื่อดู "หมูเด้ง" ฮิปโปซุปเปอร์สตาร์ครับ นักศึกษา: ฟังดูน่าตื่นเต้นมากเลย! คุณสามารถนั่งรถไฟไปชลบุรีได้นะคะ นักท่องเที่ยว: ดีมากเลย! ฉันควรไปที่สถานีรถไฟไหนครับ? นักศึกษา: คุณควรไปที่สถานีหัวลำโพงในกรุงเทพฯ ค่ะ นักท่องเที่ยว: แล้วฉันจะไปสถานีหัวลำโพงจากตรงนี้ได้อย่างไรครับ? นักศึกษา: คุณสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน MRT ตรงไปยังหัวลำโพงได้เลยค่ะ นักท่องเที่ยว: รถไฟไปชลบุรีออกบ่อยแค่ไหนครับ? นักศึกษา: รถไฟไปชลบุรีมีบ่อยค่ะ ประมาณทุกชั่วโมง นักท่องเที่ยว: นั่งรถไฟใช้เวลานานแค่ไหนครับ? นักศึกษา: ปกติใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 2.5 ชั่วโมงเพื่อถึงชลบุรีค่ะ นักท่องเที่ยว: แล้วหลังจากถึงชลบุรี ฉันควรทำอย่างไรต่อครับ? นักศึกษา: เมื่อถึงชลบุรีแล้ว คุณสามารถนั่งแท็กซี่หรือนั่งรถบัสท้องถิ่นไปสวนสัตว์ได้ค่ะ นักท่องเที่ยว: จากชลบุรีไปสวนสัตว์ใช้เวลานานแค่ไหนครับ? นักศึกษา: ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีโดยแท็กซี่หรือรถบัสค่ะ นักท่องเที่ยว: หารถจากสถานีรถไฟไปสวนสัตว์ง่ายไหมครับ? นักศึกษา: หาง่ายค่ะ มีแท็กซี่รออยู่ที่สถานีเสมอ นักท่องเที่ยว: ฉันต้องจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าไหมครับ? นักศึกษา: การจองล่วงหน้าเป็นความคิดที่ดีค่ะ โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่คุณก็สามารถซื้อตั๋วในวันเดินทางได้เช่นกัน นักท่องเที่ยว: ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ ครับ! นักศึกษา: ยินดีค่ะ! ขอให้สนุกกับการเที่ยวชม "หมูแดง" นะคะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Zoo (ซู) noun. แปลว่า สวนสัตว์ Train (เทรน) noun. แปลว่า รถไฟ Superstar (ซูเปอร์สตาร์) noun. แปลว่า ดาราดัง Hippo (ฮิปโป) noun. แปลว่า ฮิปโป Station (สเตชัน) noun. แปลว่า สถานี Taxi (แท็กซี่) noun. แปลว่า รถแท็กซี่ Subway (ซับเวย์) noun. แปลว่า รถไฟใต้ดิน Ticket (ทิคเก็ต) noun. แปลว่า ตั๋ว Hour (อาวเออร์) noun. แปลว่า ชั่วโมง Transportation (ทรานสปอร์เทชัน) noun. แปลว่า การขนส่ง Tourist (ทัวริสต์) noun. แปลว่า นักท่องเที่ยว Exciting (เอ็กไซติง) adjective. แปลว่า น่าตื่นเต้น Advance (แอดวานซ์) noun. แปลว่า ล่วงหน้า Chonburi (ชลบุรี) noun. แปลว่า ชลบุรี
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 366 Views 0 Reviews
  • “ วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ? “

    รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square ≥ 4

    พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์ ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure.

    ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยาก

    Summary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้ : PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148)

    จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มาก

    และมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบียช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม

    พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

    เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ

    Reference :

    https://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1

    https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    “ วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ? “ รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square ≥ 4 พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์ ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure. ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยาก Summary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้ : PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148) จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มาก และมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบียช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ Reference : https://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1 https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    WWW.PREPRINTS.ORG
    Are COVID-19 Vaccines in Pregnancy as Safe and Effective as the U.S. Government, Medical Organizations, and Pharmaceutical Industry Claim? Part I
    Introduction: In Part I of this three-part series we report a retrospective, population-based cohort study assessing rates of adverse events (AEs) in pregnancy after COVID-19 vaccines compared to the same AEs after influenza vaccines and after all other vaccines. Methods: Data were collected from the U.S. Centers for Disease Control and prevention (CDC) and the U.S. Food and Drug Administration (FDA). The CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) database was queried from January 1, 1990, to April 26, 2024, for adverse events (AEs) involving pregnancy complications following COVID-19 vaccination. The time-period included 412 months for all vaccines except COVID-19 vaccines, having been used for only 40 of the 412 months (December 1, 2020, to April 26, 2024). Proportional reporting ratios (PRR) by time compared AEs after COVID-19 vaccination to those after influenza vaccination, and after all other vaccine products administered to pregnant women. In cases in which the PRR was not applicable, Chi-square analysis and Fisher’s exact tests were used according to CDC/FDA guidance. CDC/FDA stipulate a safety concern if a PRR is ≥ 2 or if a Chi-square is ≥ 4. Results: The CDC/FDA’s safety signals were breached for all 37 AEs following COVID-19 vaccination in pregnancy: miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, and neonatal seizure. All p values were ≤ 0.001 with the majority being
    Like
    6
    1 Comments 0 Shares 603 Views 0 Reviews
  • วารสารถูกตั้งคำถามว่ามีความเที่ยงตรงหรือไม่?

    ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วงการวิชาการ อาทิ แพทย์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น จะให้ความเชื่อถือว่า บทความใดที่ตีพิมพ์ในวารสาร ที่เรียกว่า peer reviewed journal เป็นที่เชื่อถือได้
    เพราะมีคณะกรรมการที่อ่าน บทความ และพิจารณาหลักฐานที่มากระบวนการศึกษา และจะทำการให้ความเห็นว่า จะไม่รับ หรือรับ แต่มีเงื่อนไข ประเด็นต้องแก้ไขใหญ่ หรือเล็ก หรือต้องมีการทำการทดลองใหม่ในบางส่วนหรือไม่
    วารสารที่มีชื่อเหล่านี้จะถูกนำไปอ้างอิงในวงวิชาการต่างๆทำให้รับรู้กันทั่วไป

    ในการส่งบทความเพื่อ ไปตีพิมพ์ในวารสารนั้น
    ผู้วิจัยจะต้องประกาศว่ามีผลประโยชน์ใดหรือไม่อย่างไร กับ บริษัทผลิตภัณฑ์ ยา วัคซีน รวมทั้งได้ค่าตอบแทนในรูปลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา รับเงิน หรือสิ่งตอบแทน รวมค่าเดินทางค่าที่พัก เวลาไปบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และเชื่อมโยงมาถึงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัคซีนเป็นต้น

    แต่กรรมการผู้พิจารณา กลับไม่ต้องมีการแจงรายละเอียดชัดเจน เหล่านี้อาจมีเพียงแต่ว่า มีประเด็นที่ขัดแย้ง กับผู้ส่งบทความหรือผู้ทำวิจัย หรือไม่ หรือทำวิจัยในเรื่องเดียวกัน ที่อาจจะเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตนได้

    บทความนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (journal of American Medical Association JAMA) วันที่ 10 ตุลาคม 2024 ได้รายงานถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรรมการผู้พิจารณาบทความ (reviewers) ว่า แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของบุคคลกรรมการเหล่านี้ ต่างได้รับเงินสนับสนุนในการศึกษาวิจัย หรือเงินสนับสนุนในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือ ต่างๆ จากบริษัทที่ตรงมาเข้าบุคคลนั้น หรือที่เข้ามายังบุคคลนั้น และสถาบันที่บุคคลนั้นอยู่

    และเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึง ความเที่ยงตรง integrity และ ความมีอิสระเที่ยงตรงในการตัดสิน ในการที่จะไม่รับ หรือรับตีพิมพ์บทความที่ส่งเข้ามา

    และหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ จากหลายสถาบัน ในต่างประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ต่างให้ข้อมูลที่ตนเองประสบและถ่ายทอดในสื่อต่างๆโดยเฉพาะที่ประสบในช่วงโควิด
    ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ลงตีพิมพ์ การใช้ยาบางตัว ที่มีการทดสอบแล้วว่าได้ผลทั้งๆที่ราคาถูก เข้าถึงได้ และจนกระทั่งถึงงานที่ตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการถอดออก และ ที่สำคัญก็คือเรื่องผลกระทบของวัคซีนที่ ถึงชีวิตหรือพิการ
    วารสารที่ถูกเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่กรรมการพิจารณาบทความได้รับเงินสนับสนุน ต่างก็เป็นวารสารชั้นนำ เช่น British Medical journal Lancet New England journal เป็นต้น
    โดยมูลค่าของเงินสนับสนุนเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1,000,000,000 เหรียญสหรัฐ

    สูตรสำเร็จ เช่น เมื่อมีการพูด ผลกระทบของวัคซีน จะมีกลุ่มที่ออกมาวิจารณ์ว่า ไม่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารชั้นดี หรือตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการสั่งถอดออกแสดงว่า เชื่อถือไม่ได้

    แม้กระทั่ง บทความเรื่องโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์หลังได้รับวัคซีนโควิดไปภายในช่วงสองสัปดาห์และเสียชีวิตภายในเวลาห้าเดือน จากคณะ ชองProf Luc Montagnier ซึ่งได้รับ รางวัล โนเบล จากการค้นพบไวรัสเอดส์ ถูกไม่รับพิจารณาในวารสาร จนกระทั่งตีพิมพ์ในวรสารในระดับรองลงมาและข้อมูลหลักฐานประกอบในบทความเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คงเลือกได้ว่าน่าตื่นเต้นและประทับใจในการค้นพบและเชื่อมโยงการเกิดโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์กับวัคซีนได้อย่างชัดเจน

    https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/2824834?utm_source=substack&utm_medium=email

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    เชื่อถือได้หรือ? “หมอธีระวัฒน์” เผยวารสารการแพทย์ชื่อดังปล่อย กก.พิจารณาบทความรับผลประโยชน์จากบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000100753





    Two years ago, we discussed the lack of evidence supporting the idea that peer review improves the quality of scientific research. 
    Peer review is meant to guarantee the publication of high-quality research and enhance the quality of published manuscripts. The process should involve independent experts evaluating and assessing research for its quality and reliability.
    However, a recent JAMA publication questions the integrity and independence of peer review. The research letter addresses the Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals.
    The authors identified peer reviewers for The BMJ, JAMA, The Lancet, and The New England Journal of Medicine (NEJM) using each journal’s 2022 reviewer list. They then used a US Open payments database to identify whether reviewers had received industry payments.
    What did they find?
    Between 2020 and 2022, 1155/1962 peer reviewers (59%) received at least one industry payment. More than half (54%) accepted general payments, while 32% received research payments.
    Between 2020 and 2022, reviewers received over $1.2 billion in industry payments, including $1 billion to individuals or their institutions. Over the three years, the median general payment was $7,614.  
    What does this mean?
    Journals such as the BMJ pride themselves on their competing interest policy. Readers should know the author's competing interests if they publish an article. They ask reviewers to provide a fair, honest, and unbiased assessment of the manuscript's strengths and weaknesses. But how is that possible if you're on the payroll of pharma?
    Furthermore, no one can identify who is being paid as there is no central database like the US where you can look up who is paying who. The voluntary nature of the system means companies can often conceal payments. For example, the drug industry’s self-regulatory body reprimanded  Novo Nordisk for failing to disclose approximately 500 payments worth £7.8m to over 150 recipients between 2020 and 2022.
    This latest publication further enhances the status of peer review: it is broken.
    A system that dates back over 200 years persists because no one can be bothered to address its shortcomings, and too many journals make hefty profits out of its inadequacies to affect the status quo.
    THE JAMA authors consider that ‘additional research and transparency regarding industry payments in the peer review process are needed.” We think this will be another smokescreen to permit the current system to limp on. 
    Editorial peer reviews are largely untested; their effects are uncertain and tainted by industry influence. The system needs a radical overhaul which starts with abandoning the current journal system that sucks in vast amounts of cash and distorts the research agenda.
    The main reasons for the survival of a broken system are tied to the biomedical publication industry. For editors, peer review is a Kevlar shield, a sloping shoulders device - “it ain’t me guv” cop-out clause. For academic authors who have to climb the greasy pole, it’s a system that works both ways; for industry and all those who have to sell something, it’s a cheap advert chance. You only need to read our Antivirals series to understand how the system works and how the public was sold and continues to sell dummies. Rotten decision-makers only have to point to ghost-written trials in mega journals to justify their decisions.
    You only have to look at our recent Zum Zum posts to see the devastating effects of this broken system. Or look up the Comirnaty series, which was written without data published in journals—it was regulatory data, the closest we are ever going to get to reality.
    This post was written by two old geezers who have been peer-viewed and have peer-reviewed countless times.
    Consider becoming a paid subscriber to receive new posts and support our work.

    October 10, 2024
    Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals
    David-Dan Nguyen, MDCM, MPH1,2; Anju Muramaya3,4; Anna-Lisa Nguyen, BHSc5; et al
    วารสารถูกตั้งคำถามว่ามีความเที่ยงตรงหรือไม่? ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วงการวิชาการ อาทิ แพทย์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น จะให้ความเชื่อถือว่า บทความใดที่ตีพิมพ์ในวารสาร ที่เรียกว่า peer reviewed journal เป็นที่เชื่อถือได้ เพราะมีคณะกรรมการที่อ่าน บทความ และพิจารณาหลักฐานที่มากระบวนการศึกษา และจะทำการให้ความเห็นว่า จะไม่รับ หรือรับ แต่มีเงื่อนไข ประเด็นต้องแก้ไขใหญ่ หรือเล็ก หรือต้องมีการทำการทดลองใหม่ในบางส่วนหรือไม่ วารสารที่มีชื่อเหล่านี้จะถูกนำไปอ้างอิงในวงวิชาการต่างๆทำให้รับรู้กันทั่วไป ในการส่งบทความเพื่อ ไปตีพิมพ์ในวารสารนั้น ผู้วิจัยจะต้องประกาศว่ามีผลประโยชน์ใดหรือไม่อย่างไร กับ บริษัทผลิตภัณฑ์ ยา วัคซีน รวมทั้งได้ค่าตอบแทนในรูปลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา รับเงิน หรือสิ่งตอบแทน รวมค่าเดินทางค่าที่พัก เวลาไปบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และเชื่อมโยงมาถึงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัคซีนเป็นต้น แต่กรรมการผู้พิจารณา กลับไม่ต้องมีการแจงรายละเอียดชัดเจน เหล่านี้อาจมีเพียงแต่ว่า มีประเด็นที่ขัดแย้ง กับผู้ส่งบทความหรือผู้ทำวิจัย หรือไม่ หรือทำวิจัยในเรื่องเดียวกัน ที่อาจจะเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตนได้ บทความนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (journal of American Medical Association JAMA) วันที่ 10 ตุลาคม 2024 ได้รายงานถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรรมการผู้พิจารณาบทความ (reviewers) ว่า แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของบุคคลกรรมการเหล่านี้ ต่างได้รับเงินสนับสนุนในการศึกษาวิจัย หรือเงินสนับสนุนในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือ ต่างๆ จากบริษัทที่ตรงมาเข้าบุคคลนั้น หรือที่เข้ามายังบุคคลนั้น และสถาบันที่บุคคลนั้นอยู่ และเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึง ความเที่ยงตรง integrity และ ความมีอิสระเที่ยงตรงในการตัดสิน ในการที่จะไม่รับ หรือรับตีพิมพ์บทความที่ส่งเข้ามา และหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ จากหลายสถาบัน ในต่างประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ต่างให้ข้อมูลที่ตนเองประสบและถ่ายทอดในสื่อต่างๆโดยเฉพาะที่ประสบในช่วงโควิด ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ลงตีพิมพ์ การใช้ยาบางตัว ที่มีการทดสอบแล้วว่าได้ผลทั้งๆที่ราคาถูก เข้าถึงได้ และจนกระทั่งถึงงานที่ตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการถอดออก และ ที่สำคัญก็คือเรื่องผลกระทบของวัคซีนที่ ถึงชีวิตหรือพิการ วารสารที่ถูกเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่กรรมการพิจารณาบทความได้รับเงินสนับสนุน ต่างก็เป็นวารสารชั้นนำ เช่น British Medical journal Lancet New England journal เป็นต้น โดยมูลค่าของเงินสนับสนุนเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1,000,000,000 เหรียญสหรัฐ สูตรสำเร็จ เช่น เมื่อมีการพูด ผลกระทบของวัคซีน จะมีกลุ่มที่ออกมาวิจารณ์ว่า ไม่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารชั้นดี หรือตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการสั่งถอดออกแสดงว่า เชื่อถือไม่ได้ แม้กระทั่ง บทความเรื่องโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์หลังได้รับวัคซีนโควิดไปภายในช่วงสองสัปดาห์และเสียชีวิตภายในเวลาห้าเดือน จากคณะ ชองProf Luc Montagnier ซึ่งได้รับ รางวัล โนเบล จากการค้นพบไวรัสเอดส์ ถูกไม่รับพิจารณาในวารสาร จนกระทั่งตีพิมพ์ในวรสารในระดับรองลงมาและข้อมูลหลักฐานประกอบในบทความเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คงเลือกได้ว่าน่าตื่นเต้นและประทับใจในการค้นพบและเชื่อมโยงการเกิดโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์กับวัคซีนได้อย่างชัดเจน https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/2824834?utm_source=substack&utm_medium=email ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เชื่อถือได้หรือ? “หมอธีระวัฒน์” เผยวารสารการแพทย์ชื่อดังปล่อย กก.พิจารณาบทความรับผลประโยชน์จากบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000100753 Two years ago, we discussed the lack of evidence supporting the idea that peer review improves the quality of scientific research.  Peer review is meant to guarantee the publication of high-quality research and enhance the quality of published manuscripts. The process should involve independent experts evaluating and assessing research for its quality and reliability. However, a recent JAMA publication questions the integrity and independence of peer review. The research letter addresses the Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals. The authors identified peer reviewers for The BMJ, JAMA, The Lancet, and The New England Journal of Medicine (NEJM) using each journal’s 2022 reviewer list. They then used a US Open payments database to identify whether reviewers had received industry payments. What did they find? Between 2020 and 2022, 1155/1962 peer reviewers (59%) received at least one industry payment. More than half (54%) accepted general payments, while 32% received research payments. Between 2020 and 2022, reviewers received over $1.2 billion in industry payments, including $1 billion to individuals or their institutions. Over the three years, the median general payment was $7,614.   What does this mean? Journals such as the BMJ pride themselves on their competing interest policy. Readers should know the author's competing interests if they publish an article. They ask reviewers to provide a fair, honest, and unbiased assessment of the manuscript's strengths and weaknesses. But how is that possible if you're on the payroll of pharma? Furthermore, no one can identify who is being paid as there is no central database like the US where you can look up who is paying who. The voluntary nature of the system means companies can often conceal payments. For example, the drug industry’s self-regulatory body reprimanded  Novo Nordisk for failing to disclose approximately 500 payments worth £7.8m to over 150 recipients between 2020 and 2022. This latest publication further enhances the status of peer review: it is broken. A system that dates back over 200 years persists because no one can be bothered to address its shortcomings, and too many journals make hefty profits out of its inadequacies to affect the status quo. THE JAMA authors consider that ‘additional research and transparency regarding industry payments in the peer review process are needed.” We think this will be another smokescreen to permit the current system to limp on.  Editorial peer reviews are largely untested; their effects are uncertain and tainted by industry influence. The system needs a radical overhaul which starts with abandoning the current journal system that sucks in vast amounts of cash and distorts the research agenda. The main reasons for the survival of a broken system are tied to the biomedical publication industry. For editors, peer review is a Kevlar shield, a sloping shoulders device - “it ain’t me guv” cop-out clause. For academic authors who have to climb the greasy pole, it’s a system that works both ways; for industry and all those who have to sell something, it’s a cheap advert chance. You only need to read our Antivirals series to understand how the system works and how the public was sold and continues to sell dummies. Rotten decision-makers only have to point to ghost-written trials in mega journals to justify their decisions. You only have to look at our recent Zum Zum posts to see the devastating effects of this broken system. Or look up the Comirnaty series, which was written without data published in journals—it was regulatory data, the closest we are ever going to get to reality. This post was written by two old geezers who have been peer-viewed and have peer-reviewed countless times. Consider becoming a paid subscriber to receive new posts and support our work. October 10, 2024 Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals David-Dan Nguyen, MDCM, MPH1,2; Anju Muramaya3,4; Anna-Lisa Nguyen, BHSc5; et al
    JAMANETWORK.COM
    Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals
    This study characterizes payments by drug and medical device manufacturers to US peer reviewers of major medical journals.
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 624 Views 0 Reviews
  • ประโยชน์ของเทมเป้ต่อสุขภาพ
    ข้อมูลจาก

    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จิราพร เลื่อนผลเจริญชัย

    ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิด

    1. อุดมไปด้วยโปรตีน

    ปริมาณโปรตีนที่แนะนำให้ผู้ใหญ่บริโภคต่อวันคือ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติควรได้รับโปรตีนจากถั่วเหลืองในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อทดแทนการได้รับโปรตีนไม่เพียงพอจากการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ โดยเทมเป้ให้โปรตีนสูงกว่าอาหารที่ทำจากถั่วชนิดอื่น เช่น เต้าหู้ปริมาณ 84 กรัม ให้โปรตีนประมาณ 6 กรัม ขณะที่เทมเป้ที่มีปริมาณเท่ากันให้โปรตีนสูงถึง 15 กรัม จึงเหมาะสำหรับผู้รับประทานมังสวิรัติ และผู้ที่ออกกำลังกายเพราะการรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอจะช่วยเสริมมวลกล้ามเนื้อที่เสียไปจากการออกกำลังกาย นอกจากนี้ เทมเป้ที่ทำจากถั่วเหลืองยังมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง และจะได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนอย่างเพียงพอเท่านั้น ซึ่งอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองจะให้ครบทั้ง 9 ชนิด ได้แก่ ฮิสติดีน ลิวซีน ไอโซลิวซีน วาลีน ทรีโอนีน ไลซีน เมไทโอนีน ฟีนิลอะลานีน และทริปโตเฟน ต่างจากธัญพืชอื่นๆ ที่อาจให้กรดอะมิโนจำเป็นได้ไม่ครบ

    2. ดีต่อหัวใจและช่วยควบคุมน้ำหนัก

    เทมเป้ 1 ถ้วย (166 กรัม) ประกอบด้วยไขมัน 18 กรัม โดยไขมันส่วนใหญ่ในเทมเป้จะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน ซึ่งเป็นไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อันมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ เทมเป้ 1 ถ้วยประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเพียง 13 กรัม และมีโปรตีนสูงที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องและยับยั้งความรู้สึกอยากอาหาร ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย

    3. แหล่งของวิตามินและแร่ธาตุ

    การรับประทานเทมเป้ให้สารอาหารจำพวกวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามินบี 2 ที่มีส่วนช่วยในการสร้างพลังงาน การมองเห็น และบำรุงผิวพรรณ วิตามินบี 3 ที่ช่วยเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เสริมการทำงานของสมอง ระบบย่อยอาหาร และผิวพรรณ และวิตามินบี 12 ที่มีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งพบมากในเนื้อสัตว์และนม จึงเป็นทางเลือกของคนที่รับประทานมังสวิรัติ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมสูงจึงเป็นแหล่งของแคลเซียมที่เหมาะกับคนที่ไม่ดื่มนมวัว และยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ทองแดง เหล็ก แมงกานีส และฟอสฟอรัส ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย

    4. แหล่งของสารไอโซฟลาโวน

    เทมเป้ประกอบด้วยสารไอโซฟลาโวน ซึ่งพบมากในถั่วเหลืองและอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง โดยปกติบนห่อผลิตภัณฑ์เทมเป้จะระบุปริมาณไอโซฟลาโวนให้เห็นโดยมีปริมาณอยู่ที่ 40-50 กรัมต่อ 1 ชิ้น โดยไอโซฟลาโวนมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวม คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (low density lipoprotein หรือ LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งไขมันชนิดไม่ดีเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ ไอโซฟลาโวนจัดเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนจากพืช (phytoestrogen) ที่ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ ลดอาการวัยทองในหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีระดับฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของเซลล์จากอนุมูลอิสระ และอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น

    5. เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายของร่างกาย

    การรับประทานถั่วและธัญพืชบางชนิดอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและมีอาการท้องอืด แต่การรับประทานเทมเป้มักไม่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคลำไส้แปรปรวน เป็นต้น นอกจากนี้เทมเป้ได้จากการหมักถั่วกับเชื้อรา จึงมีโพรไบโอติกส์ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และมีพรีไบโอติกส์ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งและเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโพรไบโอติกส์ โดยเทมเป้ 85 กรัม มีใยอาหารสูงถึง 7 กรัม จึงมีส่วนช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ

    6. บำรุงสมองและระบบประสาท

    เทมเป้ประกอบด้วยสารเลซิตินที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นของการสร้างสารสื่อประสาทในสมองคือ acetylcholine หากร่างกายได้รับเลซิตินในปริมาณที่เพียงพอก็จะช่วยป้องกันและรักษาอาการผิดปกติของระบบประสาทบางประเภทได้

    7. บำรุงตับ ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี

    สารเลซิตินในเทมเป้ยังช่วยบำรุงตับได้ดี เนื่องจากประกอบด้วยกรดไขมันคือฟอสเฟตและโคลีน ซึ่งโคลีนมีส่วนช่วยให้เซลล์ตับมีการเผาผลาญไขมันได้อย่างปกติ ลดการเกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคตับอักเสบและตับแข็ง นอกจากนี้ เลซิตินยังมีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลายของน้ำดี ช่วยให้น้ำดีไม่จับตัวจนเป็นก้อนนิ่ว ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้

    8. เสริมสร้างการเจริญเติบโตและสร้างเม็ดเลือดให้เป็นปกติ

    วิตามินบี 12 ถือว่าเป็นวิตามินที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในวัยเด็ก เนื่องจากช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ทำให้ทานอาหารได้มาก ในขณะที่ผู้สูงอายุการได้รับวิตามินบี 12 จะช่วยในเรื่องของการสร้างเม็ดเลือดให้เป็นปกติ และยังช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้เคลื่อนไหวได้ดี ลดอาการอ่อนแรง ซึ่งปกติแล้ว วิตามินบี 12 จะพบได้ในเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่หากทานเทมเป้เข้าไปก็จะได้รับวิตามินชนิดนี้เช่นกัน

    ข้อควรระวังในการรับประทานเทมเป้
    คนทั่วไปสามารถรับประทานเทมเป้ได้อย่างปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่คนที่มีภาวะสุขภาพบางอย่างไม่ควรรับประทานเทมเป้ เช่น (1) แพ้ถั่วเหลือง เนื่องจากเทมเป้มีส่วนประกอบหลักคือถั่วเหลือง การรับประทานเทมเป้อาจทำให้คนที่แพ้ถั่วเหลืองมีอาการคัน เกิดผื่นลมพิษ ใบหน้าและลำคอบวม หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ปวดท้อง ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน และบางคนอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต (2) ภาวะผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เพราะเทมเป้มีสารกอยโตรเจน (goitrogen) ที่อาจยับยั้งการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน และลดประสิทธิภาพการดูดซึมยารักษาไทรอยด์

    แหล่งอ้างอิง/ที่มา
    U.S. Department of Agriculture. 2023. FoodData Central: Foundation foods (April).
    Teoh SQ, Chin NL, Chong CW, Ripen AM, How S, Lim JJL. A review on health benefits and processing of tempeh with outlines on its functional microbes. Future Foods. 2024; 9: 100330.
    Pobpad. เทมเป้ อาหารเพื่อสุขภาพและวิธีรับประทานให้ได้ประโยชน์.
    #tempeh #เทมเป้ #เทมเป้โปรตีน
    #โปรตีนจากพืช
    ประโยชน์ของเทมเป้ต่อสุขภาพ ข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จิราพร เลื่อนผลเจริญชัย ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิด 1. อุดมไปด้วยโปรตีน ปริมาณโปรตีนที่แนะนำให้ผู้ใหญ่บริโภคต่อวันคือ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติควรได้รับโปรตีนจากถั่วเหลืองในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อทดแทนการได้รับโปรตีนไม่เพียงพอจากการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ โดยเทมเป้ให้โปรตีนสูงกว่าอาหารที่ทำจากถั่วชนิดอื่น เช่น เต้าหู้ปริมาณ 84 กรัม ให้โปรตีนประมาณ 6 กรัม ขณะที่เทมเป้ที่มีปริมาณเท่ากันให้โปรตีนสูงถึง 15 กรัม จึงเหมาะสำหรับผู้รับประทานมังสวิรัติ และผู้ที่ออกกำลังกายเพราะการรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอจะช่วยเสริมมวลกล้ามเนื้อที่เสียไปจากการออกกำลังกาย นอกจากนี้ เทมเป้ที่ทำจากถั่วเหลืองยังมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง และจะได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนอย่างเพียงพอเท่านั้น ซึ่งอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองจะให้ครบทั้ง 9 ชนิด ได้แก่ ฮิสติดีน ลิวซีน ไอโซลิวซีน วาลีน ทรีโอนีน ไลซีน เมไทโอนีน ฟีนิลอะลานีน และทริปโตเฟน ต่างจากธัญพืชอื่นๆ ที่อาจให้กรดอะมิโนจำเป็นได้ไม่ครบ 2. ดีต่อหัวใจและช่วยควบคุมน้ำหนัก เทมเป้ 1 ถ้วย (166 กรัม) ประกอบด้วยไขมัน 18 กรัม โดยไขมันส่วนใหญ่ในเทมเป้จะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน ซึ่งเป็นไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อันมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ เทมเป้ 1 ถ้วยประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเพียง 13 กรัม และมีโปรตีนสูงที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องและยับยั้งความรู้สึกอยากอาหาร ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย 3. แหล่งของวิตามินและแร่ธาตุ การรับประทานเทมเป้ให้สารอาหารจำพวกวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามินบี 2 ที่มีส่วนช่วยในการสร้างพลังงาน การมองเห็น และบำรุงผิวพรรณ วิตามินบี 3 ที่ช่วยเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เสริมการทำงานของสมอง ระบบย่อยอาหาร และผิวพรรณ และวิตามินบี 12 ที่มีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งพบมากในเนื้อสัตว์และนม จึงเป็นทางเลือกของคนที่รับประทานมังสวิรัติ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมสูงจึงเป็นแหล่งของแคลเซียมที่เหมาะกับคนที่ไม่ดื่มนมวัว และยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ทองแดง เหล็ก แมงกานีส และฟอสฟอรัส ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย 4. แหล่งของสารไอโซฟลาโวน เทมเป้ประกอบด้วยสารไอโซฟลาโวน ซึ่งพบมากในถั่วเหลืองและอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง โดยปกติบนห่อผลิตภัณฑ์เทมเป้จะระบุปริมาณไอโซฟลาโวนให้เห็นโดยมีปริมาณอยู่ที่ 40-50 กรัมต่อ 1 ชิ้น โดยไอโซฟลาโวนมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวม คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (low density lipoprotein หรือ LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งไขมันชนิดไม่ดีเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ ไอโซฟลาโวนจัดเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนจากพืช (phytoestrogen) ที่ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ ลดอาการวัยทองในหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีระดับฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของเซลล์จากอนุมูลอิสระ และอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น 5. เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายของร่างกาย การรับประทานถั่วและธัญพืชบางชนิดอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและมีอาการท้องอืด แต่การรับประทานเทมเป้มักไม่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคลำไส้แปรปรวน เป็นต้น นอกจากนี้เทมเป้ได้จากการหมักถั่วกับเชื้อรา จึงมีโพรไบโอติกส์ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และมีพรีไบโอติกส์ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งและเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโพรไบโอติกส์ โดยเทมเป้ 85 กรัม มีใยอาหารสูงถึง 7 กรัม จึงมีส่วนช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ 6. บำรุงสมองและระบบประสาท เทมเป้ประกอบด้วยสารเลซิตินที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นของการสร้างสารสื่อประสาทในสมองคือ acetylcholine หากร่างกายได้รับเลซิตินในปริมาณที่เพียงพอก็จะช่วยป้องกันและรักษาอาการผิดปกติของระบบประสาทบางประเภทได้ 7. บำรุงตับ ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี สารเลซิตินในเทมเป้ยังช่วยบำรุงตับได้ดี เนื่องจากประกอบด้วยกรดไขมันคือฟอสเฟตและโคลีน ซึ่งโคลีนมีส่วนช่วยให้เซลล์ตับมีการเผาผลาญไขมันได้อย่างปกติ ลดการเกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคตับอักเสบและตับแข็ง นอกจากนี้ เลซิตินยังมีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลายของน้ำดี ช่วยให้น้ำดีไม่จับตัวจนเป็นก้อนนิ่ว ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ 8. เสริมสร้างการเจริญเติบโตและสร้างเม็ดเลือดให้เป็นปกติ วิตามินบี 12 ถือว่าเป็นวิตามินที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในวัยเด็ก เนื่องจากช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ทำให้ทานอาหารได้มาก ในขณะที่ผู้สูงอายุการได้รับวิตามินบี 12 จะช่วยในเรื่องของการสร้างเม็ดเลือดให้เป็นปกติ และยังช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้เคลื่อนไหวได้ดี ลดอาการอ่อนแรง ซึ่งปกติแล้ว วิตามินบี 12 จะพบได้ในเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่หากทานเทมเป้เข้าไปก็จะได้รับวิตามินชนิดนี้เช่นกัน ข้อควรระวังในการรับประทานเทมเป้ คนทั่วไปสามารถรับประทานเทมเป้ได้อย่างปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่คนที่มีภาวะสุขภาพบางอย่างไม่ควรรับประทานเทมเป้ เช่น (1) แพ้ถั่วเหลือง เนื่องจากเทมเป้มีส่วนประกอบหลักคือถั่วเหลือง การรับประทานเทมเป้อาจทำให้คนที่แพ้ถั่วเหลืองมีอาการคัน เกิดผื่นลมพิษ ใบหน้าและลำคอบวม หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ปวดท้อง ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน และบางคนอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต (2) ภาวะผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เพราะเทมเป้มีสารกอยโตรเจน (goitrogen) ที่อาจยับยั้งการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน และลดประสิทธิภาพการดูดซึมยารักษาไทรอยด์ แหล่งอ้างอิง/ที่มา U.S. Department of Agriculture. 2023. FoodData Central: Foundation foods (April). Teoh SQ, Chin NL, Chong CW, Ripen AM, How S, Lim JJL. A review on health benefits and processing of tempeh with outlines on its functional microbes. Future Foods. 2024; 9: 100330. Pobpad. เทมเป้ อาหารเพื่อสุขภาพและวิธีรับประทานให้ได้ประโยชน์. #tempeh #เทมเป้ #เทมเป้โปรตีน #โปรตีนจากพืช
    0 Comments 0 Shares 479 Views 0 Reviews
  • 🎻 แนวทางการฝึกซ้อมไวโอลินของ Hilary Hahn: การพัฒนาทักษะผ่านความมุ่งมั่นและวินัย

    Hilary Hahn เป็นหนึ่งในนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในยุคปัจจุบัน เธอมีชื่อเสียงในด้านเทคนิคที่ไร้ที่ติ ความสามารถในการตีความผลงานดนตรีอย่างลึกซึ้ง และความทุ่มเทให้กับดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย การฝึกซ้อมไวโอลินของเธอเป็นที่สนใจของนักดนตรีและผู้ที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิกทั่วโลก

    ✅ 1. การฝึกฝนที่มีวินัยและต่อเนื่อง : ตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ Hilary Hahn เริ่มต้นเรียนไวโอลิน และได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้เธอโดดเด่นคือความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อม เธอฝึกซ้อมไวโอลินอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อวัน โดยเน้นที่การพัฒนาเทคนิค การควบคุมจังหวะ และการตีความดนตรีอย่างลึกซึ้ง

    การฝึกซ้อมของ Hilary ไม่ได้เน้นที่ปริมาณเวลาเพียงอย่างเดียว แต่เน้นที่คุณภาพและการตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ซึ่งการมีวินัยนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักไวโอลินที่ต้องการประสบความสำเร็จ

    ✅ 2. ความใส่ใจในรายละเอียด : สิ่งที่ทำให้ Hilary Hahn แตกต่างจากนักไวโอลินทั่วไปคือความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่เธอฝึกซ้อม เธอให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุกส่วนของการเล่นไวโอลิน ตั้งแต่การจับโบว์ การควบคุมการเล่นโน้ต ไปจนถึงการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกของเพลง เธอเชื่อว่าการใส่ใจในทุกรายละเอียดจะช่วยสร้างผลงานที่มีความสมบูรณ์แบบและสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้

    ✅ 3. การฝึกเทคนิคพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ : ถึงแม้ Hilary Hahn จะเป็นนักไวโอลินระดับโลก แต่เธอยังคงฝึกซ้อมเทคนิคพื้นฐานอยู่เสมอ เช่น การบรรเลงสายเปล่า (open strings) การฝึกซ้อมสเกล (scales) และการฝึกซ้อมเสียงสั้นและเสียงยาว (staccato/legato) เธอเชื่อว่าการมีพื้นฐานที่แข็งแรงจะช่วยสนับสนุนให้เธอสามารถเล่นเพลงที่ซับซ้อนและท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ 4. การตั้งเป้าหมายในการฝึก : ในการฝึกซ้อมแต่ละครั้ง Hilary Hahn มักจะตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาส่วนที่ต้องปรับปรุง เช่น การเล่นโน้ตที่ซับซ้อน การปรับปรุงการตีความในเพลงหนึ่ง ๆ หรือการทำความเข้าใจอารมณ์ของเพลง เธอเชื่อว่าการตั้งเป้าหมายช่วยให้การฝึกซ้อมมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นในการแก้ปัญหาที่แท้จริง

    ✅ 5. การใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตีความส่วนตัว : Hilary Hahn ไม่ได้เป็นเพียงนักไวโอลินที่เล่นได้อย่างไร้ที่ติ แต่เธอยังมีความคิดสร้างสรรค์ในการตีความเพลงแต่ละบทอย่างเป็นเอกลักษณ์ เธอเชื่อว่าเพลงไม่ใช่เพียงแค่การเล่นโน้ตตามที่เขียนไว้ แต่เป็นการสื่อสารความรู้สึกและเรื่องราวของผู้ประพันธ์เพลงไปยังผู้ฟัง การฝึกฝนด้านการตีความนี้ช่วยให้การแสดงของเธอมีความน่าประทับใจและเป็นที่จดจำ

    ✅ 6. การทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่น : Hilary Hahn ยังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงร่วมกับวงออเคสตร้า หรือการเล่นดนตรีแบบกลุ่มเล็ก ๆ เธอเชื่อว่าการทำงานร่วมกันช่วยพัฒนาทักษะในการฟังและการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักไวโอลินที่ต้องการเป็นนักดนตรีที่มีความสมบูรณ์แบบ

    ✅ 7. การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง : ถึงแม้ว่า Hilary Hahn จะประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว แต่เธอยังคงมองหาวิธีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ หรือการสำรวจเพลงใหม่ที่ท้าทายมากขึ้น เธอเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธออยู่ในจุดสูงสุดของวงการดนตรีคลาสสิกมาอย่างยาวนาน

    📍บทสรุป

    แนวทางการฝึกไวโอลินของ Hilary Hahn สะท้อนถึงความมุ่งมั่น วินัย และความใส่ใจในรายละเอียด การฝึกซ้อมที่มีเป้าหมายและคุณภาพช่วยให้เธอกลายเป็นนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จระดับโลก สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะไวโอลิน การนำแนวทางเหล่านี้มาใช้ในการฝึกฝนจะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จในการเป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมได้เช่นกัน

    ---------

    🎻 Hilary Hahn’s Violin Practice Approach: Skill Development Through Dedication and Discipline

    Hilary Hahn is one of the most successful and respected violinists of the modern era. She is renowned for her flawless technique, deep musical interpretation, and commitment to music from an early age. Her violin practice regimen has drawn interest from musicians and classical music enthusiasts worldwide.

    ✅ 1. Discipline and Consistency in Practice:
    Hilary Hahn began learning the violin at the age of four and has undergone rigorous training ever since. One of the key traits that set her apart is the consistency of her practice. She dedicates several hours each day to practicing the violin, focusing on developing technique, controlling rhythm, and interpreting music deeply.

    Her practice is not just about the number of hours spent but also about quality and setting goals to improve daily. This discipline is crucial for any violinist striving for success.

    ✅ 2. Attention to Detail:
    What differentiates Hilary Hahn from other violinists is her meticulous attention to detail. In every practice session, she focuses on refining every aspect of her playing, from bow grip to note execution, to conveying the emotion and feeling of the music. She believes that paying attention to these details results in a flawless performance and leaves a lasting impression on the audience.

    ✅ 3. Regular Practice of Basic Techniques:
    Although Hilary Hahn is a world-class violinist, she still consistently practices basic techniques such as open strings, scales, and staccato/legato exercises. She believes that a strong foundation allows her to play complex and challenging pieces more effectively.

    ✅ 4. Goal Setting in Practice:
    During each practice session, Hilary Hahn sets clear goals, whether it’s improving difficult passages, refining her interpretation of a piece, or understanding the emotional tone of the music. She believes that setting goals helps make practice sessions more efficient and focused on solving real issues.

    ✅ 5. Creativity and Personal Interpretation:
    Hilary Hahn is not only a technically flawless violinist but also highly creative in her interpretation of each piece. She believes that music is not just about playing the notes as written but about communicating the composer’s emotions and story to the audience. Her focus on interpretation adds depth and memorability to her performances.

    ✅ 6. Collaboration with Other Musicians:
    Hilary Hahn values working with other musicians, whether performing with orchestras or in small chamber groups. She believes that collaboration helps develop listening skills and adaptability to different playing styles, which is essential for any violinist aiming to become a well-rounded musician.

    ✅ 7. Continuous Improvement:
    Despite her great success, Hilary Hahn continually seeks ways to improve herself. She is always learning new techniques and exploring new, more challenging pieces. She believes that learning is a never-ending journey, and this commitment to self-improvement has kept her at the pinnacle of the classical music world for many years.

    📍Conclusion:
    Hilary Hahn’s approach to violin practice reflects her dedication, discipline, and attention to detail. Her goal-oriented and high-quality practice has made her one of the world’s leading violinists. For those aspiring to improve their violin skills, adopting these approaches can help guide you toward becoming an exceptional musician.
    🎻 แนวทางการฝึกซ้อมไวโอลินของ Hilary Hahn: การพัฒนาทักษะผ่านความมุ่งมั่นและวินัย Hilary Hahn เป็นหนึ่งในนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในยุคปัจจุบัน เธอมีชื่อเสียงในด้านเทคนิคที่ไร้ที่ติ ความสามารถในการตีความผลงานดนตรีอย่างลึกซึ้ง และความทุ่มเทให้กับดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย การฝึกซ้อมไวโอลินของเธอเป็นที่สนใจของนักดนตรีและผู้ที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิกทั่วโลก ✅ 1. การฝึกฝนที่มีวินัยและต่อเนื่อง : ตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ Hilary Hahn เริ่มต้นเรียนไวโอลิน และได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้เธอโดดเด่นคือความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อม เธอฝึกซ้อมไวโอลินอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อวัน โดยเน้นที่การพัฒนาเทคนิค การควบคุมจังหวะ และการตีความดนตรีอย่างลึกซึ้ง การฝึกซ้อมของ Hilary ไม่ได้เน้นที่ปริมาณเวลาเพียงอย่างเดียว แต่เน้นที่คุณภาพและการตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ซึ่งการมีวินัยนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักไวโอลินที่ต้องการประสบความสำเร็จ ✅ 2. ความใส่ใจในรายละเอียด : สิ่งที่ทำให้ Hilary Hahn แตกต่างจากนักไวโอลินทั่วไปคือความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่เธอฝึกซ้อม เธอให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุกส่วนของการเล่นไวโอลิน ตั้งแต่การจับโบว์ การควบคุมการเล่นโน้ต ไปจนถึงการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกของเพลง เธอเชื่อว่าการใส่ใจในทุกรายละเอียดจะช่วยสร้างผลงานที่มีความสมบูรณ์แบบและสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้ ✅ 3. การฝึกเทคนิคพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ : ถึงแม้ Hilary Hahn จะเป็นนักไวโอลินระดับโลก แต่เธอยังคงฝึกซ้อมเทคนิคพื้นฐานอยู่เสมอ เช่น การบรรเลงสายเปล่า (open strings) การฝึกซ้อมสเกล (scales) และการฝึกซ้อมเสียงสั้นและเสียงยาว (staccato/legato) เธอเชื่อว่าการมีพื้นฐานที่แข็งแรงจะช่วยสนับสนุนให้เธอสามารถเล่นเพลงที่ซับซ้อนและท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ 4. การตั้งเป้าหมายในการฝึก : ในการฝึกซ้อมแต่ละครั้ง Hilary Hahn มักจะตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาส่วนที่ต้องปรับปรุง เช่น การเล่นโน้ตที่ซับซ้อน การปรับปรุงการตีความในเพลงหนึ่ง ๆ หรือการทำความเข้าใจอารมณ์ของเพลง เธอเชื่อว่าการตั้งเป้าหมายช่วยให้การฝึกซ้อมมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นในการแก้ปัญหาที่แท้จริง ✅ 5. การใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตีความส่วนตัว : Hilary Hahn ไม่ได้เป็นเพียงนักไวโอลินที่เล่นได้อย่างไร้ที่ติ แต่เธอยังมีความคิดสร้างสรรค์ในการตีความเพลงแต่ละบทอย่างเป็นเอกลักษณ์ เธอเชื่อว่าเพลงไม่ใช่เพียงแค่การเล่นโน้ตตามที่เขียนไว้ แต่เป็นการสื่อสารความรู้สึกและเรื่องราวของผู้ประพันธ์เพลงไปยังผู้ฟัง การฝึกฝนด้านการตีความนี้ช่วยให้การแสดงของเธอมีความน่าประทับใจและเป็นที่จดจำ ✅ 6. การทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่น : Hilary Hahn ยังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงร่วมกับวงออเคสตร้า หรือการเล่นดนตรีแบบกลุ่มเล็ก ๆ เธอเชื่อว่าการทำงานร่วมกันช่วยพัฒนาทักษะในการฟังและการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักไวโอลินที่ต้องการเป็นนักดนตรีที่มีความสมบูรณ์แบบ ✅ 7. การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง : ถึงแม้ว่า Hilary Hahn จะประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว แต่เธอยังคงมองหาวิธีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ หรือการสำรวจเพลงใหม่ที่ท้าทายมากขึ้น เธอเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธออยู่ในจุดสูงสุดของวงการดนตรีคลาสสิกมาอย่างยาวนาน 📍บทสรุป แนวทางการฝึกไวโอลินของ Hilary Hahn สะท้อนถึงความมุ่งมั่น วินัย และความใส่ใจในรายละเอียด การฝึกซ้อมที่มีเป้าหมายและคุณภาพช่วยให้เธอกลายเป็นนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จระดับโลก สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะไวโอลิน การนำแนวทางเหล่านี้มาใช้ในการฝึกฝนจะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จในการเป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมได้เช่นกัน --------- 🎻 Hilary Hahn’s Violin Practice Approach: Skill Development Through Dedication and Discipline Hilary Hahn is one of the most successful and respected violinists of the modern era. She is renowned for her flawless technique, deep musical interpretation, and commitment to music from an early age. Her violin practice regimen has drawn interest from musicians and classical music enthusiasts worldwide. ✅ 1. Discipline and Consistency in Practice: Hilary Hahn began learning the violin at the age of four and has undergone rigorous training ever since. One of the key traits that set her apart is the consistency of her practice. She dedicates several hours each day to practicing the violin, focusing on developing technique, controlling rhythm, and interpreting music deeply. Her practice is not just about the number of hours spent but also about quality and setting goals to improve daily. This discipline is crucial for any violinist striving for success. ✅ 2. Attention to Detail: What differentiates Hilary Hahn from other violinists is her meticulous attention to detail. In every practice session, she focuses on refining every aspect of her playing, from bow grip to note execution, to conveying the emotion and feeling of the music. She believes that paying attention to these details results in a flawless performance and leaves a lasting impression on the audience. ✅ 3. Regular Practice of Basic Techniques: Although Hilary Hahn is a world-class violinist, she still consistently practices basic techniques such as open strings, scales, and staccato/legato exercises. She believes that a strong foundation allows her to play complex and challenging pieces more effectively. ✅ 4. Goal Setting in Practice: During each practice session, Hilary Hahn sets clear goals, whether it’s improving difficult passages, refining her interpretation of a piece, or understanding the emotional tone of the music. She believes that setting goals helps make practice sessions more efficient and focused on solving real issues. ✅ 5. Creativity and Personal Interpretation: Hilary Hahn is not only a technically flawless violinist but also highly creative in her interpretation of each piece. She believes that music is not just about playing the notes as written but about communicating the composer’s emotions and story to the audience. Her focus on interpretation adds depth and memorability to her performances. ✅ 6. Collaboration with Other Musicians: Hilary Hahn values working with other musicians, whether performing with orchestras or in small chamber groups. She believes that collaboration helps develop listening skills and adaptability to different playing styles, which is essential for any violinist aiming to become a well-rounded musician. ✅ 7. Continuous Improvement: Despite her great success, Hilary Hahn continually seeks ways to improve herself. She is always learning new techniques and exploring new, more challenging pieces. She believes that learning is a never-ending journey, and this commitment to self-improvement has kept her at the pinnacle of the classical music world for many years. 📍Conclusion: Hilary Hahn’s approach to violin practice reflects her dedication, discipline, and attention to detail. Her goal-oriented and high-quality practice has made her one of the world’s leading violinists. For those aspiring to improve their violin skills, adopting these approaches can help guide you toward becoming an exceptional musician.
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • KTM Go Cashless รถไฟมาเลเซียไร้เงินสด

    การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย กำลังรณรงค์แคมเปญ Go Cashless หรือ Komuniti Tanpa Tunai (สังคมไร้เงินสด) ให้ผู้ใช้บริการรถไฟทุกประเภทซื้อตั๋วรถไฟ ชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด ผ่านเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ช่องทางออนไลน์ผ่านแอปฯ เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และประตูอัตโนมัติ (ACG) ของทุกสถานี พร้อมกับออกบูธจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามสถานีต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้บริการ และจะงดรับเงินสดเต็มรูปแบบในระยะถัดไป

    • การซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สถานี ทั้งรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter สาย Klang Valley และสาย Utara รถไฟทางไกล ETS และ KTM Intercity สามารถใช้บัตรเดบิต MyDebit ที่ออกโดยสถาบันการเงินในมาเลเซีย บัตร VISA และ Mastercard และ KTM Wallet ใน KTMB Mobile (KITS) ส่วนผู้ถือบัตร Komuter Link ใช้ได้เฉพาะรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter

    • การซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ แอปพลิเคชัน KTMB Mobile เลือกชำระได้ทั้ง KTM Wallet, บัตร VISA และ Mastercard, บัตรเดบิต MyDebit, Touch 'n Go eWallet, Boost Wallet และคิวอาร์โค้ด DuitNow

    • การซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (Ticket Kiosk) สามารถใช้บัตรเดบิต MyDebit, บัตร VISA และ Mastercard, คิวอาร์โค้ด DuitNow, อีวอลเล็ต Boost Wallet และ Touch 'n Go eWallet

    • การเข้าสู่ระบบรถไฟผ่านประตูอัตโนมัติ (ACG) รองรับทั้งบัตร Komuter Link, บัตรเดบิต MyDebit, บัตร VISA และ Mastercard, บัตร Touch 'n Go, Google Pay, Apple Pay และ Samsung Pay

    ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้บัตร VISA และ Mastercard เข้าสู่ประตูอัตโนมัติ (ACG) ระบบจะกันวงเงินบัตรไว้ 30 ริงกิต (ประมาณ 231 บาท) และจะได้รับคืนภายหลัง ส่วนอีวอลเล็ต KTM Wallet ใน KTMB Mobile (KITS) รองรับเฉพาะรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter เท่านั้น

    สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย สามารถสมัครสมาชิก KTMB Mobile (KITS) เพื่อซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ โดยใช้หนังสือเดินทางเป็นหลักฐาน ส่วนการซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และการเข้าสู่ระบบรถไฟผ่านประตูอัตโนมัติ (ACG) ด้วยบัตร VISA และ Mastercard ควรสอบถามธนาคารผู้ออกบัตรว่าใช้ที่ต่างประเทศได้หรือไม่

    หรือสมัครบัตรที่ไม่เสียค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน 2.5% มีทั้งบัตร Travel Card เช่น YouTrip, Planet SCB, Krungsri Boarding Card หรือบัตรเดบิต เช่น Chill D CIMB Thai, ttb all free, Krungthai Travel Mastercard Debit, KBank Journey Travel Card เป็นต้น

    #Newskit #KTMB #GoCashless
    KTM Go Cashless รถไฟมาเลเซียไร้เงินสด การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย กำลังรณรงค์แคมเปญ Go Cashless หรือ Komuniti Tanpa Tunai (สังคมไร้เงินสด) ให้ผู้ใช้บริการรถไฟทุกประเภทซื้อตั๋วรถไฟ ชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด ผ่านเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ช่องทางออนไลน์ผ่านแอปฯ เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และประตูอัตโนมัติ (ACG) ของทุกสถานี พร้อมกับออกบูธจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามสถานีต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้บริการ และจะงดรับเงินสดเต็มรูปแบบในระยะถัดไป • การซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สถานี ทั้งรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter สาย Klang Valley และสาย Utara รถไฟทางไกล ETS และ KTM Intercity สามารถใช้บัตรเดบิต MyDebit ที่ออกโดยสถาบันการเงินในมาเลเซีย บัตร VISA และ Mastercard และ KTM Wallet ใน KTMB Mobile (KITS) ส่วนผู้ถือบัตร Komuter Link ใช้ได้เฉพาะรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter • การซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ แอปพลิเคชัน KTMB Mobile เลือกชำระได้ทั้ง KTM Wallet, บัตร VISA และ Mastercard, บัตรเดบิต MyDebit, Touch 'n Go eWallet, Boost Wallet และคิวอาร์โค้ด DuitNow • การซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (Ticket Kiosk) สามารถใช้บัตรเดบิต MyDebit, บัตร VISA และ Mastercard, คิวอาร์โค้ด DuitNow, อีวอลเล็ต Boost Wallet และ Touch 'n Go eWallet • การเข้าสู่ระบบรถไฟผ่านประตูอัตโนมัติ (ACG) รองรับทั้งบัตร Komuter Link, บัตรเดบิต MyDebit, บัตร VISA และ Mastercard, บัตร Touch 'n Go, Google Pay, Apple Pay และ Samsung Pay ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้บัตร VISA และ Mastercard เข้าสู่ประตูอัตโนมัติ (ACG) ระบบจะกันวงเงินบัตรไว้ 30 ริงกิต (ประมาณ 231 บาท) และจะได้รับคืนภายหลัง ส่วนอีวอลเล็ต KTM Wallet ใน KTMB Mobile (KITS) รองรับเฉพาะรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter เท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย สามารถสมัครสมาชิก KTMB Mobile (KITS) เพื่อซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ โดยใช้หนังสือเดินทางเป็นหลักฐาน ส่วนการซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และการเข้าสู่ระบบรถไฟผ่านประตูอัตโนมัติ (ACG) ด้วยบัตร VISA และ Mastercard ควรสอบถามธนาคารผู้ออกบัตรว่าใช้ที่ต่างประเทศได้หรือไม่ หรือสมัครบัตรที่ไม่เสียค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน 2.5% มีทั้งบัตร Travel Card เช่น YouTrip, Planet SCB, Krungsri Boarding Card หรือบัตรเดบิต เช่น Chill D CIMB Thai, ttb all free, Krungthai Travel Mastercard Debit, KBank Journey Travel Card เป็นต้น #Newskit #KTMB #GoCashless
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 579 Views 0 Reviews
  • หัวหน้าขบวนการฮามาสในฉนวนกาซา, คาลิล อัล-ไฮยา:

    ○ “ยะห์ยา ซินวาร์ ผู้บัญชาการผู้พลีชีพ, เขาเดินหน้าและไม่ยอมถอยกลับจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาแน่วแน่ในดินแดนฉนวนกาซาและสร้างแรงบันดาลใจในการจุดประกายจิตวิญญาณแห่งความมั่นคง”

    ○ “ซินวาร์เป็นขบวนคาราวานผู้พลีชีพผู้ยิ่งใหญ่ที่เดินตามรอยเท้าของผู้ก่อตั้ง, ชีค อาหมัด ยาสซิน”

    ○ “เราขอยืนยันว่าเลือดนี้จะยังคงเป็นแรงผลักดันให้มั่นคงยิ่งขึ้น และให้ฮามาสเดินหน้าบนเส้นทางของผู้พลีชีพต่อไปจนกว่าจะได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์”

    ○ “ฮามาสจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์บนผืนแผ่นดินปาเลสไตน์ทั้งหมด โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง”

    ○ “นักโทษที่ถูกคุมขังในฉนวนกาซาจะไม่กลับมาอีก เว้นแต่การรุกรานจะถูกหยุดลง, กองทัพถอนกำลังออกจากฉนวนกาซาทั้งหมด, และนักโทษของเราจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำที่ถูกยึดครอง”
    .
    Head of the Hamas movement in Gaza, Khalil al-Hayya:

    ○ “Commander Yahya Sinwar was martyred, advancing and not retreating until the last moment of his life. He was steadfast on the land of Gaza and inspiring in kindling the spirit of steadfastness.”

    ○ “Sinwar was a continuation of the caravan of great martyrs in the footsteps of the founder, Sheikh Ahmed Yassin.”

    ○ “We affirm that this blood will continue to constitute a motivation for greater steadfastness and for Hamas to continue on the path of martyrs until complete liberation.”

    ○ “Hamas will continue until the establishment of the Palestinian state on all Palestinian soil with Jerusalem as its capital.”

    ○ “The prisoners held in Gaza will not return unless the aggression is stopped, the military completely withdraws from the strip, and our prisoners are released from the occupation prisons.”
    .
    8:06 PM · Oct 18, 2024 · 2,671 Views
    https://x.com/TheCradleMedia/status/1847262877465416186
    หัวหน้าขบวนการฮามาสในฉนวนกาซา, คาลิล อัล-ไฮยา: ○ “ยะห์ยา ซินวาร์ ผู้บัญชาการผู้พลีชีพ, เขาเดินหน้าและไม่ยอมถอยกลับจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาแน่วแน่ในดินแดนฉนวนกาซาและสร้างแรงบันดาลใจในการจุดประกายจิตวิญญาณแห่งความมั่นคง” ○ “ซินวาร์เป็นขบวนคาราวานผู้พลีชีพผู้ยิ่งใหญ่ที่เดินตามรอยเท้าของผู้ก่อตั้ง, ชีค อาหมัด ยาสซิน” ○ “เราขอยืนยันว่าเลือดนี้จะยังคงเป็นแรงผลักดันให้มั่นคงยิ่งขึ้น และให้ฮามาสเดินหน้าบนเส้นทางของผู้พลีชีพต่อไปจนกว่าจะได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์” ○ “ฮามาสจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์บนผืนแผ่นดินปาเลสไตน์ทั้งหมด โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง” ○ “นักโทษที่ถูกคุมขังในฉนวนกาซาจะไม่กลับมาอีก เว้นแต่การรุกรานจะถูกหยุดลง, กองทัพถอนกำลังออกจากฉนวนกาซาทั้งหมด, และนักโทษของเราจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำที่ถูกยึดครอง” . Head of the Hamas movement in Gaza, Khalil al-Hayya: ○ “Commander Yahya Sinwar was martyred, advancing and not retreating until the last moment of his life. He was steadfast on the land of Gaza and inspiring in kindling the spirit of steadfastness.” ○ “Sinwar was a continuation of the caravan of great martyrs in the footsteps of the founder, Sheikh Ahmed Yassin.” ○ “We affirm that this blood will continue to constitute a motivation for greater steadfastness and for Hamas to continue on the path of martyrs until complete liberation.” ○ “Hamas will continue until the establishment of the Palestinian state on all Palestinian soil with Jerusalem as its capital.” ○ “The prisoners held in Gaza will not return unless the aggression is stopped, the military completely withdraws from the strip, and our prisoners are released from the occupation prisons.” . 8:06 PM · Oct 18, 2024 · 2,671 Views https://x.com/TheCradleMedia/status/1847262877465416186
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
More Results