• #โรคเกาต์สามารถทำให้เกิดโรคไตได้หลายแบบ เช่น ✅ทำให้เกิดนิ่วในไต " และ" 👉ทำให้เกิดไตวายเป็นผลมาจากการที่กรดยูริกในเลือดได้มีการกรองผ่านไต และทำการขับออกทางไตมากกว่าปกติ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดไตวายได้📍กรดยูริก มาจากไหน❓👉กรดยูริก (Uric Acid) เป็นสารที่เกิดจากกระบวนการทางเคมีในร่างกายตามธรรมชาติ ✅ในขณะที่มีการสร้างหรือซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ยอดผัก ถั่วต่างๆ หรือการดื่มเครื่องดื่ม เช่น เบียร์ น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลฟรุคโตส (FRUCTOSE)👉ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา อาการโรคเก๊าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นอันตรายต่อข้อต่อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อไตเสื่อม นิ่วในไต "จะดีกว่าไหมให้ดีเก๊าท์ดูแลคุณสิคะ"🍀ดีเก๊าท์จะช่วยคนที่เป็นโรคเก๊าท์อย่างไร❓1. ขับและลดปริมาณกรดยูริคซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์2. ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์3. บํารุงไตให้แข็งแรงลดภาวะไตเสื่อมปรับสมดุลกรดยูริคในร่างกาย4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลน้ำตาลและไขมันในเลือดและช่วยปรับระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ5. บำรุงระบบไหลเวียนโลหิตและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย📍D-KOUT ดี-เก๊าท์👉สินค้าพร้อมส่ง ของแท้👉บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด ↪ อย. 10-1-15456-5-0018☎️สอบถามสั่งซื้อ 062-704-7711 คุณอ้อ.#โรคเก๊าท์ #เกาต์ #เก๊าท์ #ไต #ปวดตามข้อ #ปวดนิ้วมือ #ปวดเท้า #ปวดข้อ #ยาเกาต์ #ลดกรดยูริค #Dkout #บำรุงไต #ลดปวดบวมแดง #แก้โรคเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #หยุดเก๊าท์ #หยุดปวด #ฟื้นฟูไต #ปูดบวม #คุณอ้อดีเก๊าท์ #ดีเก๊าท์ของแท้ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #สมุนไพร #ขมิ้นชัน
    #โรคเกาต์สามารถทำให้เกิดโรคไตได้หลายแบบ เช่น ✅ทำให้เกิดนิ่วในไต " และ" 👉ทำให้เกิดไตวายเป็นผลมาจากการที่กรดยูริกในเลือดได้มีการกรองผ่านไต และทำการขับออกทางไตมากกว่าปกติ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดไตวายได้📍กรดยูริก มาจากไหน❓👉กรดยูริก (Uric Acid) เป็นสารที่เกิดจากกระบวนการทางเคมีในร่างกายตามธรรมชาติ ✅ในขณะที่มีการสร้างหรือซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ยอดผัก ถั่วต่างๆ หรือการดื่มเครื่องดื่ม เช่น เบียร์ น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลฟรุคโตส (FRUCTOSE)👉ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา อาการโรคเก๊าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นอันตรายต่อข้อต่อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อไตเสื่อม นิ่วในไต "จะดีกว่าไหมให้ดีเก๊าท์ดูแลคุณสิคะ"🍀ดีเก๊าท์จะช่วยคนที่เป็นโรคเก๊าท์อย่างไร❓1. ขับและลดปริมาณกรดยูริคซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์2. ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์3. บํารุงไตให้แข็งแรงลดภาวะไตเสื่อมปรับสมดุลกรดยูริคในร่างกาย4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลน้ำตาลและไขมันในเลือดและช่วยปรับระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ5. บำรุงระบบไหลเวียนโลหิตและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย📍D-KOUT ดี-เก๊าท์👉สินค้าพร้อมส่ง ของแท้👉บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด ↪ อย. 10-1-15456-5-0018☎️สอบถามสั่งซื้อ 062-704-7711 คุณอ้อ.#โรคเก๊าท์ #เกาต์ #เก๊าท์ #ไต #ปวดตามข้อ #ปวดนิ้วมือ #ปวดเท้า #ปวดข้อ #ยาเกาต์ #ลดกรดยูริค #Dkout #บำรุงไต #ลดปวดบวมแดง #แก้โรคเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #หยุดเก๊าท์ #หยุดปวด #ฟื้นฟูไต #ปูดบวม #คุณอ้อดีเก๊าท์ #ดีเก๊าท์ของแท้ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #สมุนไพร #ขมิ้นชัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏สวัสดีค่ะ คุณอ้อมาแนะนำผลิตภัณฑ์ดีเก๊าท์ สำหรับคนที่เป็นโรคเก๊าท์โดยเฉพาะ ยินดีให้คำปรึกษานะคะ🍀โรคเก๊าท์ ปวดบวมแดงตามข้อ มีทางแก้..ดูเลยจ้า👉👉ดีเก๊าท์ช่วยได้แน่นอน‼️1. ขับและลดปริมาณกรดยูริคซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์‼️2. ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์‼️3. บํารุงไตให้แข็งแรงลดภาวะไตเสื่อมปรับสมดุลกรดยูริคในร่างกาย‼️4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลน้ำตาลและไขมันในเลือดและช่วยปรับระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ‼️5. บำรุงระบบไหลเวียนโลหิตและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย💥ตัวแทนมืออาชีพ💥ดูแลลูกค้ามามากกว่า 7 ปี❤ เราพร้อมให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำ❤️ติดต่อเข้ามานะคะก่อนสั่งซื้อ..ปรึกษาฟรี! 📲 สายด่วนโทร 062-7047711 คุณอ้อ#dkout #ดีเค๊าท์ #เก๊าท์ #ดีเก๊าท์ #เก๊าต์ #ปวด #บวมแดง #ดูแลเก๊าท์ #โรคเก๊าท์ #ไต #ไตวาย #กรดยูริกสูง#ดีเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #โรคเก๊าท์ #กรดยูริก #กรดยูริกสูง #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #ปวดข้อ #ปวดเข่า #ปวดข้อเท้า #ปวดตามข้อ #ข้อบวมแดง #ดีเก๊าท์คุณอ้อ#คุณอ้อดีเก๊าท์
    🙏สวัสดีค่ะ คุณอ้อมาแนะนำผลิตภัณฑ์ดีเก๊าท์ สำหรับคนที่เป็นโรคเก๊าท์โดยเฉพาะ ยินดีให้คำปรึกษานะคะ🍀โรคเก๊าท์ ปวดบวมแดงตามข้อ มีทางแก้..ดูเลยจ้า👉👉ดีเก๊าท์ช่วยได้แน่นอน‼️1. ขับและลดปริมาณกรดยูริคซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์‼️2. ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์‼️3. บํารุงไตให้แข็งแรงลดภาวะไตเสื่อมปรับสมดุลกรดยูริคในร่างกาย‼️4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลน้ำตาลและไขมันในเลือดและช่วยปรับระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ‼️5. บำรุงระบบไหลเวียนโลหิตและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย💥ตัวแทนมืออาชีพ💥ดูแลลูกค้ามามากกว่า 7 ปี❤ เราพร้อมให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำ❤️ติดต่อเข้ามานะคะก่อนสั่งซื้อ..ปรึกษาฟรี! 📲 สายด่วนโทร 062-7047711 คุณอ้อ#dkout #ดีเค๊าท์ #เก๊าท์ #ดีเก๊าท์ #เก๊าต์ #ปวด #บวมแดง #ดูแลเก๊าท์ #โรคเก๊าท์ #ไต #ไตวาย #กรดยูริกสูง#ดีเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #โรคเก๊าท์ #กรดยูริก #กรดยูริกสูง #ข้ออักเสบรูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #ปวดข้อ #ปวดเข่า #ปวดข้อเท้า #ปวดตามข้อ #ข้อบวมแดง #ดีเก๊าท์คุณอ้อ#คุณอ้อดีเก๊าท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 662 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 🍀วิวัฒนาการของโรคเก๊าท์❓อย่าปล่อยไว้อาจเสียชีวิต...❗"โรคเก๊าท์" และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น❗✅ปวดข้อ✅ข้อเสื่อม✅นิ่วในไต✅ความดันสูง✅ไตวาย✅เส้นเลือดตีบตัน✅เบาหวาน✅เสียชีวิต✅ตุ่มโคฟัส บ่งบอกถึง โรคเก๊าขั้นรุนแรง!:🍀ดีเก๊าห์ D-KOบT เหมาะกับใคร?ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ผู้ที่มีค่ากรดยูริกมากกว่า 7.3 mgผู้ที่มีอาการอักเสบตามข้อต่างๆผู้ที่เป็นโรคไต มีภาวะไตเสื่อมผู้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ผู้ที่ชอบทานเนื้อสัตว์ปีกและเครื่องในเป็นประจำ:- บำรุงไตให้แข็งแรง- ลดภาวะไตเสื่อม- ช่วยปรับความดัน- ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ- ลดปริมาณกรดยูริก- ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์- ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเลือด- ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์- บำรุงระบบไหลเวียนเลือดและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย📍D-KOUT ดี-เก๊าท์👉สินค้าพร้อมส่ง ของแท้👉บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด ↪ อย. 10-1-15456-5-0018☎️สอบถามสั่งซื้อ 062-704-7711 คุณอ้อ.#โรคเก๊าท์ #เกาต์ #เก๊าท์ #ไต #ปวดตามข้อ #ปวดนิ้วมือ #ปวดเท้า #ปวดข้อ #ยาเกาต์ #ลดกรดยูริค #Dkout #บำรุงไต #ลดปวดบวมแดง #แก้โรคเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #หยุดเก๊าท์ #หยุดปวด #ฟื้นฟูไต #ปูดบวม #คุณอ้อดีเก๊าท์ #ดีเก๊าท์ของแท้ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #สมุนไพร #ขมิ้นชัน
    🍀วิวัฒนาการของโรคเก๊าท์❓อย่าปล่อยไว้อาจเสียชีวิต...❗"โรคเก๊าท์" และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น❗✅ปวดข้อ✅ข้อเสื่อม✅นิ่วในไต✅ความดันสูง✅ไตวาย✅เส้นเลือดตีบตัน✅เบาหวาน✅เสียชีวิต✅ตุ่มโคฟัส บ่งบอกถึง โรคเก๊าขั้นรุนแรง!:🍀ดีเก๊าห์ D-KOบT เหมาะกับใคร?ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ผู้ที่มีค่ากรดยูริกมากกว่า 7.3 mgผู้ที่มีอาการอักเสบตามข้อต่างๆผู้ที่เป็นโรคไต มีภาวะไตเสื่อมผู้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ผู้ที่ชอบทานเนื้อสัตว์ปีกและเครื่องในเป็นประจำ:- บำรุงไตให้แข็งแรง- ลดภาวะไตเสื่อม- ช่วยปรับความดัน- ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ- ลดปริมาณกรดยูริก- ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์- ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเลือด- ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์- บำรุงระบบไหลเวียนเลือดและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย📍D-KOUT ดี-เก๊าท์👉สินค้าพร้อมส่ง ของแท้👉บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด ↪ อย. 10-1-15456-5-0018☎️สอบถามสั่งซื้อ 062-704-7711 คุณอ้อ.#โรคเก๊าท์ #เกาต์ #เก๊าท์ #ไต #ปวดตามข้อ #ปวดนิ้วมือ #ปวดเท้า #ปวดข้อ #ยาเกาต์ #ลดกรดยูริค #Dkout #บำรุงไต #ลดปวดบวมแดง #แก้โรคเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #หยุดเก๊าท์ #หยุดปวด #ฟื้นฟูไต #ปูดบวม #คุณอ้อดีเก๊าท์ #ดีเก๊าท์ของแท้ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #สมุนไพร #ขมิ้นชัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ กองทุนบัตรทอง 30 บาท ปีงบประมาณ 2566 ได้จัดสรรงบบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว เพื่อดูแลประชากรไทยผู้มีสิทธิจำนวน 47.727 ล้านคน ที่จำนวน 99,760.58 ล้านบาท (ไม่รวมเงินเดือนผู้ให้บริการ) หรือคิดเป็นอัตรา 3,385.98 บาทต่อประชากร ในจำนวนนี้เป็นงบบริการผู้ป่วยนอกที่อัตรา 1,344.40 บาทต่อประชากร และงบผู้ป่วยในที่อัตรา 1,477.01 บาทต่อประชากร

    จากรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2566 มีจำนวนการรับบริการผู้ป่วยนอกโดยใช้สิทธิบัตรทองทั้งสิ้น 170.39 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นอัตราการรับบริการเฉลี่ย 3.63 ครั้งต่อคนต่อปี จากปี 2546 ที่เริ่มต้นกองทุนฯ อยู่ที่จำนวน 111.95 ครั้งต่อคนต่อปี คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 2.45 ครั้งต่อคนต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 1.18 ครั้งต่อคนต่อปี

    ส่วนการรับบริการผู้ป่วยในมีจำนวนการรับบริการทั้งสิ้น 6.09 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นอัตราการรับบริการเฉลี่ย 0.13 ครั้งต่อคนต่อปี จากปี 2546 อยู่ที่ 4.30 ล้านครั้ง คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 0.09 ครั้งต่อคนต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 0.04 ครั้งต่อคนต่อปี โดยปี 2566 รวมจำนวนวันนอนของผู้ป่วยในทั้งสิ้น 25,617,886 วัน

    การเข้ารับบริการผู้ป่วยนอกจำนวน 170.39 ล้านครั้งนี้ ข้อมูล 10 อันดับแรก เป็นการเข้ารับบริการด้วยโรคความดันโลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุสูงเป็นอันดับ 1 หรือที่จำนวน 19,898,178 ครั้ง รองลงมา เป็นภาวะเบาหวานไม่พึ่งอินซูลิน จำนวน 11,309,503 ครั้ง ความผิดปกติของเมตบอลิซึมของไลโปโปรตีนและภาวะไขมันในเลือดอื่น จำนวน 9,811,445 ครั้ง คอหอยส่วนจมูกอักเสบเฉียบพลัน (ไข้หวัด) จำนวน 6,944,943 ครั้ง ไตวายเรื้อรัง จำนวน 5,114,833 ครั้ง ความผิดปกติแบบอื่นของเนื้อเยื่ออ่อน จำนวน 3,303,586 ครั้ง ฟันผุ จำนวน 3,170,446 ครั้ง อาหารไม่ย่อย จำนวน 2,728,596 ครั้ง ความผิดปกติอื่นของกล้ามเนื้อ จำนวน 2,700,975 ครั้ง และเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ จำนวน 2,093,009 ครั้ง (ตามลำดับ)

    ส่วนการเข้ารับบริการผู้ป่วยใน ปีงบประมาณ 2566 มีจำนวน 6.09 ล้านครั้ง จากข้อมูล 10 อันดับแรก พบว่าโรคกระเพาะอาหารกับลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ มีจำนวนการเข้ารับบริการมากเป็นอับดับแรก จำนวน 244,030 ครั้ง รองลงมาโรคปอดบวม ไม่ระบุเชื้อต้นเหตุ จำนวน 198,616 ครั้ง ต้อกระจกในวัยชรา จำนวน 178,319 ครั้ง ไตวายเรื้อรัง จำนวน 125,689 ครั้ง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบอื่น จำนวน 125,322 ครั้ง หัวใจล้มเหลว จำนวน 121,584 ครั้ง ธาลัสซีเมีย จำนวน 116,719 ครั้ง เนื้อสมองตายเพราะขาดเลือด จำนวน 115,038 ครั้ง เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน 112,472 ครั้ง และความผิดปกติของระบบปัสสาวะ จำนวน 99,650 ครั้ง (ตามลำดับ)

    สำหรับในส่วนของการให้บริการผู้ป่วยในของโรงพยาบาลนั้น สัดส่วนจำนวนครั้งการให้บริการรักษาผู้ป่วยในสูงสุดคือ โรงพยาบาลชุมชน รองลงมาคือโรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ ที่ร้อยละ 41.75, 25.79 และร้อยละ 22.12 (ตามลำดับ) ส่วนสัดส่วนของวันนอนในโรงพยาบาลสูงสุด คือโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ ที่ร้อยละ 31.89, 26.15 และร้อยละ 25.21 (ตามลำดับ) ขณะที่สัดส่วนการใช้ทรัพยากรการรักษาพยาบาล โดยสะท้อนจากผลรวมค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ที่ปรับตามวันนอน (Sum Adj.RW) สูงสุด คือ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน ที่ร้อยละ 32.95, 27.11 และร้อยละ 23.43 (ตามลำดับ)

    ที่มา : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

    #Thaitimes
    นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ กองทุนบัตรทอง 30 บาท ปีงบประมาณ 2566 ได้จัดสรรงบบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว เพื่อดูแลประชากรไทยผู้มีสิทธิจำนวน 47.727 ล้านคน ที่จำนวน 99,760.58 ล้านบาท (ไม่รวมเงินเดือนผู้ให้บริการ) หรือคิดเป็นอัตรา 3,385.98 บาทต่อประชากร ในจำนวนนี้เป็นงบบริการผู้ป่วยนอกที่อัตรา 1,344.40 บาทต่อประชากร และงบผู้ป่วยในที่อัตรา 1,477.01 บาทต่อประชากร จากรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2566 มีจำนวนการรับบริการผู้ป่วยนอกโดยใช้สิทธิบัตรทองทั้งสิ้น 170.39 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นอัตราการรับบริการเฉลี่ย 3.63 ครั้งต่อคนต่อปี จากปี 2546 ที่เริ่มต้นกองทุนฯ อยู่ที่จำนวน 111.95 ครั้งต่อคนต่อปี คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 2.45 ครั้งต่อคนต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 1.18 ครั้งต่อคนต่อปี ส่วนการรับบริการผู้ป่วยในมีจำนวนการรับบริการทั้งสิ้น 6.09 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นอัตราการรับบริการเฉลี่ย 0.13 ครั้งต่อคนต่อปี จากปี 2546 อยู่ที่ 4.30 ล้านครั้ง คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 0.09 ครั้งต่อคนต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 0.04 ครั้งต่อคนต่อปี โดยปี 2566 รวมจำนวนวันนอนของผู้ป่วยในทั้งสิ้น 25,617,886 วัน การเข้ารับบริการผู้ป่วยนอกจำนวน 170.39 ล้านครั้งนี้ ข้อมูล 10 อันดับแรก เป็นการเข้ารับบริการด้วยโรคความดันโลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุสูงเป็นอันดับ 1 หรือที่จำนวน 19,898,178 ครั้ง รองลงมา เป็นภาวะเบาหวานไม่พึ่งอินซูลิน จำนวน 11,309,503 ครั้ง ความผิดปกติของเมตบอลิซึมของไลโปโปรตีนและภาวะไขมันในเลือดอื่น จำนวน 9,811,445 ครั้ง คอหอยส่วนจมูกอักเสบเฉียบพลัน (ไข้หวัด) จำนวน 6,944,943 ครั้ง ไตวายเรื้อรัง จำนวน 5,114,833 ครั้ง ความผิดปกติแบบอื่นของเนื้อเยื่ออ่อน จำนวน 3,303,586 ครั้ง ฟันผุ จำนวน 3,170,446 ครั้ง อาหารไม่ย่อย จำนวน 2,728,596 ครั้ง ความผิดปกติอื่นของกล้ามเนื้อ จำนวน 2,700,975 ครั้ง และเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ จำนวน 2,093,009 ครั้ง (ตามลำดับ) ส่วนการเข้ารับบริการผู้ป่วยใน ปีงบประมาณ 2566 มีจำนวน 6.09 ล้านครั้ง จากข้อมูล 10 อันดับแรก พบว่าโรคกระเพาะอาหารกับลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ มีจำนวนการเข้ารับบริการมากเป็นอับดับแรก จำนวน 244,030 ครั้ง รองลงมาโรคปอดบวม ไม่ระบุเชื้อต้นเหตุ จำนวน 198,616 ครั้ง ต้อกระจกในวัยชรา จำนวน 178,319 ครั้ง ไตวายเรื้อรัง จำนวน 125,689 ครั้ง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบอื่น จำนวน 125,322 ครั้ง หัวใจล้มเหลว จำนวน 121,584 ครั้ง ธาลัสซีเมีย จำนวน 116,719 ครั้ง เนื้อสมองตายเพราะขาดเลือด จำนวน 115,038 ครั้ง เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน 112,472 ครั้ง และความผิดปกติของระบบปัสสาวะ จำนวน 99,650 ครั้ง (ตามลำดับ) สำหรับในส่วนของการให้บริการผู้ป่วยในของโรงพยาบาลนั้น สัดส่วนจำนวนครั้งการให้บริการรักษาผู้ป่วยในสูงสุดคือ โรงพยาบาลชุมชน รองลงมาคือโรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ ที่ร้อยละ 41.75, 25.79 และร้อยละ 22.12 (ตามลำดับ) ส่วนสัดส่วนของวันนอนในโรงพยาบาลสูงสุด คือโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ ที่ร้อยละ 31.89, 26.15 และร้อยละ 25.21 (ตามลำดับ) ขณะที่สัดส่วนการใช้ทรัพยากรการรักษาพยาบาล โดยสะท้อนจากผลรวมค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ที่ปรับตามวันนอน (Sum Adj.RW) สูงสุด คือ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน ที่ร้อยละ 32.95, 27.11 และร้อยละ 23.43 (ตามลำดับ) ที่มา : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำแนะนำที่มีประโยชน์มาก ต่อการถนอมอวัยวะของร่างกายเราให้มีอายุการใช้งานยืนนาน จากภรรยาคุณหมอ พรชัย มาตังคสมบัติ รุ่นพี่ที่เคารพรักและนับถือ

    วิธียืดอายุ 10 อวัยวะให้อยู่ยาวนานจนกว่าท่านจะหมดอายุขัย (ไม่เสื่อมพังก่อนวันตาย เพราะเสื่อมพังไปก่อนตาย…ท่านต้องอยู่อย่างทรมาน…ไร้คุณภาพชีวิตที่ดี)

    ~ เราเคยชินกับความรู้ที่ว่า …อวัยวะจะเสื่อม…ไปตามเวลา …วิธีการยืดอายุอวัยวะ…มีร้อยแปดพันประการ …แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ดร.โรแนน แฟคโทรา แห่งสถาบันการแพทย์ Cleveland Clinic ประเทศสหรัฐอเมริกา …เสนอ…สุดยอดวิธียืดอายุอวัยวะต่างๆ …ไว้ในนิตยสาร Times ดังนี้

    1. สมอง : หลังอายุ 70 ปี จะเริ่มพบความผิดปกติ…ที่เกิดจากความเสื่อมของสมอง …ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ …ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในคราวเดียว
    ~ จะยืดอายุสมอง…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) นิวโรบิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์ (Neurobics Exercise) หรือ…การทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้าง …ทำงานประสานกัน เช่น ทำสวน เย็บผ้า ทำกับข้าว ช่วยให้สมองทั้งซีกซ้าย…และขวาได้รับการกระตุ้นและทำงานไปพร้อมกัน
    (2) กิน ปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืช แหล่งสุดยอดสารอาหารบำรุงเป็นประจำ
    (3) ฝึกเจริญสติก่อนนอน …ใช้วิธีกำหนดรู้ลมหายใจเข้าและออก… จนกว่าจะหลับ …ช่วยลดความเครียดและทำให้สมองปลอดโปร่งในวันรุ่งขึ้น

    2. ดวงตา : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ดวงตา จอประสาตา เลนส์ตาจะเสื่อมลง ในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
    ~ จะยืดอายุดวงตา…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) สวมแว่นกันแดด ก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกครั้ง (2) ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ ควรพักสายทุกๆ 45 นาที อย่างน้อย 5-10 นาที
    (3)งดใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตก่อนนอน

    3. หู : หลังอายุ 60 ปี การได้ยินจะค่อยๆ ลดลงทุกปี …และทุกๆ 1 ใน 3 คนมีปัญหาเรื่องการได้ยินเมื่อเข้าสู่วัยนี้
    ~ จะยืดอายุหู… ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) หลีกเลี่ยงการทำงาน…หรืออาศัยอยู่ในที่ๆ มีเสียงดัง …หากจำเป็นต้องใส่เครื่องป้องกัน
    (2) งดสั่งน้ำมูกแรงๆ …หรือ กลั้นจาม …เพราะอาจทำให้เยื่อแก้วหูมีปัญหา
    (3) งดแคะหูเอง …เพราะขี้หู…เป็นขี้ผึ้งรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ …การแคะหู…ทำให้เกิดการอักเสบและเยื่อแก้วหูฉีกขาดได้

    4. ปอด : หลังอายุ 30 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ประสิทธิภาพการทำงานของปอดจะลดลงราวร้อยละ 1
    ~ จะยืดอายุปอด…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) ว่ายน้ำ หรือ วิ่ง อย่างน้อยวันละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง
    (2) ใช้สมุนไพรไทยปรับธาตุ …จิบยาตรีผลา …ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว มีสรรพคุณช่วยปรับธาตุ …บำรุงปอด แก้ไอ ลดเสมหะได้
    (3) หลีกเลี่ยง ควันธูป …ควันจากการประกอบอาหาร ฝุ่นขนาดเล็ก และสารเคมีที่มีไอระเหยต่างๆ

    5. หัวใจ : หลังอายุ 65 ปี จะเริ่มมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ …เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจที่ลดลง…สวนทางกับอัตราการหนาตัวของผนังหัวใจที่เพิ่มขึ้น…เมื่ออายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ปี อัตราการสูบฉีดโลหิตสูงสุด…จะลดลงราวร้อยละ 10
    ~ จะยืดอายุหัวใจ…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) งดอาหารหวาน มัน เค็ม …รักษาความดันโลหิต…และน้ำหนักตัว…ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    (2) ว่ายน้ำ …เดิน …วิ่ง …โยคะ …ร่วมถึงการยกน้ำหนัก …ช่วยให้หัวใจทำงานต่อเนื่อง กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง
    (3) ปลูกต้นไม้ …ไปทำกิจกรรมในสวนสาธารณะ …หรือหากิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายทำ …ผู้ที่มีงานอดิเรกเหล่านี้ …มีความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไป

    6. ไต : หลังอายุ 50 ปี ไตจะเริ่มเสื่อมลงทีละน้อยๆ …จนกระทั่งไตวาย
    ~ จะยืดอายุไต…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) ดื่มน้ำให้เพียงพอ …สถาบันการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (Institute of Medicine : IOM) ระบุว่า …ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไป …ต้องดื่มน้ำถึง 13 แก้วต่อวัน ขณะที่ผู้หญิงวัยเดียวกัน…ต้องการน้ำวันละ 9 แก้ว
    (2) งดปรุงแต่งรสอาหารโดยไม่จำเป็น …ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล เกลือ หรือซอสต่างๆ
    (3) ควบคุมน้ำหนักตัว และ…ความดันโลหิตไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน

    7. สำไส้ : หลังอายุ 60 ปี …ปุ่มเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารในลำไส้เล็ก…จะบางลง …ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารได้น้อยลงตามไปด้วย
    ~ จะยืดอายุลำไส้…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) กินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ปลา ถั่ว เห็ด รวมถึงผักผลไม้ให้มากขึ้น… หลีกเลี่ยงอาหารทอด ปิ้ง ย่าง
    (2) กินโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน… เสริมโปรไบโอติก… เพิ่มปริมาณแบคทีเรียดีในลำไส้
    (3) ฝึกโยคะ 4 ท่า …ช่วยระบบย่อยทุกเช้าหลังตื่นนอน …ดังนี้ ท่าแมว ท่าสุนัข ท่าสามเหลี่ยม ท่าสะพาน …และปิดท้ายด้วยท่าศพ …ครั้งละ 3-5 ลมหายใจ …แต่ละท่าทำ 5 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต

    8. ผิวหนัง : หลังอายุ 18 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี คอลลาเจน…และอิลาสติน…ในผิวหนังจะลดลงประมาณร้อยละ 1
    ~ จะยืดอายุผิวหนัง…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) ทาครีมกันแดด…ที่มีส่วนผสมของไทเทเนียม…หรือสังกะสีเป็นประจำ
    (2) กินถั่วเปลือกแข็ง …ผลไม้ตระกูลส้ม…และเบอร์รี่ เป็นประจำ
    (3) มาร์คหน้าด้วยโยเกิร์ตผสมข้าวโอ๊ต …หรือ ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ เพื่อฟื้นฟูผิวหลังออกแดดเสมอ

    9. กระดูก : หลังอายุ 35 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี…ความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงราวร้อยละ 1 และ…จะมีอัตราลดลงเร็วขึ้น…เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (ในเพศหญิง)…หรือ…เข้าสู่วัยทองในเพศชาย
    ~ จะยืดอายุกระดูก…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร
    (1) ยกน้ำหนัก หรือ กระโดดขึ้น-ลง 20 ครั้ง วันละ 2 เซ็ต (ถ้ากระดูกเข่าดี)
    (2) เพิ่มเมนูไทยๆ เปี่ยมแคลเซียม เช่น …น้ำพริกกะปิ…ปลาทูทอดกับ…ผักสด อย่างน้อย 3-4 มื้อต่อสัปดาห์
    (3) ระวังการใช้ยาสเตียรอยด์…และยาลูกกลอน…ที่มีผลทำให้กระดูกพรุน…กระดูกแตกหักง่าย

    10. กล้ามเนื้อ : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี มวลกล้ามเนื้อจะลดลง…และเปลี่ยนเป็นไขมัน …อัตรานั้นไม่สม่ำเสมอ…ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
    ~ จะยืดอายุกล้ามเนื้อ…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) วิดพื้น สวอท ทำ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต
    (2) ยกน้ำหนัก ทำ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต

    # สุดท้าย การกินอาหาร…ควรกินอาหาร…ที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง …เช่น ผักหลากสี …ผลไม้รสเปรี้ยว …รสฝาดขม …ช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ตามปกติได้ …อย่าลืมเสริมด้วย …การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ …การทำสมาธิ …และหาโอกาสออกไปพักผ่อน…ท่ามกลางธรรมชาติ …เพื่อลดความเครียด (ความเครียด…เป็นตัวการเร่งให้เกิดกระบวนการเสื่อมของเซลล์) เท่านี้…ก็ช่วยยืดอายุให้อวัยวะต่างๆ ให้มีอายุใช้งานยาวนาน…ไปถึงวันตายได้เช่นกัน

    Cr. รศ. ดร. ภญ. อรพรรณ มาตังคสมบัติ อดีต คณบดี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    คำแนะนำที่มีประโยชน์มาก ต่อการถนอมอวัยวะของร่างกายเราให้มีอายุการใช้งานยืนนาน จากภรรยาคุณหมอ พรชัย มาตังคสมบัติ รุ่นพี่ที่เคารพรักและนับถือ วิธียืดอายุ 10 อวัยวะให้อยู่ยาวนานจนกว่าท่านจะหมดอายุขัย (ไม่เสื่อมพังก่อนวันตาย เพราะเสื่อมพังไปก่อนตาย…ท่านต้องอยู่อย่างทรมาน…ไร้คุณภาพชีวิตที่ดี) ~ เราเคยชินกับความรู้ที่ว่า …อวัยวะจะเสื่อม…ไปตามเวลา …วิธีการยืดอายุอวัยวะ…มีร้อยแปดพันประการ …แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ดร.โรแนน แฟคโทรา แห่งสถาบันการแพทย์ Cleveland Clinic ประเทศสหรัฐอเมริกา …เสนอ…สุดยอดวิธียืดอายุอวัยวะต่างๆ …ไว้ในนิตยสาร Times ดังนี้ 1. สมอง : หลังอายุ 70 ปี จะเริ่มพบความผิดปกติ…ที่เกิดจากความเสื่อมของสมอง …ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ …ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในคราวเดียว ~ จะยืดอายุสมอง…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) นิวโรบิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์ (Neurobics Exercise) หรือ…การทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้าง …ทำงานประสานกัน เช่น ทำสวน เย็บผ้า ทำกับข้าว ช่วยให้สมองทั้งซีกซ้าย…และขวาได้รับการกระตุ้นและทำงานไปพร้อมกัน (2) กิน ปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืช แหล่งสุดยอดสารอาหารบำรุงเป็นประจำ (3) ฝึกเจริญสติก่อนนอน …ใช้วิธีกำหนดรู้ลมหายใจเข้าและออก… จนกว่าจะหลับ …ช่วยลดความเครียดและทำให้สมองปลอดโปร่งในวันรุ่งขึ้น 2. ดวงตา : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ดวงตา จอประสาตา เลนส์ตาจะเสื่อมลง ในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ~ จะยืดอายุดวงตา…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) สวมแว่นกันแดด ก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกครั้ง (2) ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ ควรพักสายทุกๆ 45 นาที อย่างน้อย 5-10 นาที (3)งดใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตก่อนนอน 3. หู : หลังอายุ 60 ปี การได้ยินจะค่อยๆ ลดลงทุกปี …และทุกๆ 1 ใน 3 คนมีปัญหาเรื่องการได้ยินเมื่อเข้าสู่วัยนี้ ~ จะยืดอายุหู… ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) หลีกเลี่ยงการทำงาน…หรืออาศัยอยู่ในที่ๆ มีเสียงดัง …หากจำเป็นต้องใส่เครื่องป้องกัน (2) งดสั่งน้ำมูกแรงๆ …หรือ กลั้นจาม …เพราะอาจทำให้เยื่อแก้วหูมีปัญหา (3) งดแคะหูเอง …เพราะขี้หู…เป็นขี้ผึ้งรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ …การแคะหู…ทำให้เกิดการอักเสบและเยื่อแก้วหูฉีกขาดได้ 4. ปอด : หลังอายุ 30 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ประสิทธิภาพการทำงานของปอดจะลดลงราวร้อยละ 1 ~ จะยืดอายุปอด…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) ว่ายน้ำ หรือ วิ่ง อย่างน้อยวันละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง (2) ใช้สมุนไพรไทยปรับธาตุ …จิบยาตรีผลา …ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว มีสรรพคุณช่วยปรับธาตุ …บำรุงปอด แก้ไอ ลดเสมหะได้ (3) หลีกเลี่ยง ควันธูป …ควันจากการประกอบอาหาร ฝุ่นขนาดเล็ก และสารเคมีที่มีไอระเหยต่างๆ 5. หัวใจ : หลังอายุ 65 ปี จะเริ่มมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ …เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจที่ลดลง…สวนทางกับอัตราการหนาตัวของผนังหัวใจที่เพิ่มขึ้น…เมื่ออายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ปี อัตราการสูบฉีดโลหิตสูงสุด…จะลดลงราวร้อยละ 10 ~ จะยืดอายุหัวใจ…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) งดอาหารหวาน มัน เค็ม …รักษาความดันโลหิต…และน้ำหนักตัว…ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (2) ว่ายน้ำ …เดิน …วิ่ง …โยคะ …ร่วมถึงการยกน้ำหนัก …ช่วยให้หัวใจทำงานต่อเนื่อง กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง (3) ปลูกต้นไม้ …ไปทำกิจกรรมในสวนสาธารณะ …หรือหากิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายทำ …ผู้ที่มีงานอดิเรกเหล่านี้ …มีความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไป 6. ไต : หลังอายุ 50 ปี ไตจะเริ่มเสื่อมลงทีละน้อยๆ …จนกระทั่งไตวาย ~ จะยืดอายุไต…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) ดื่มน้ำให้เพียงพอ …สถาบันการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (Institute of Medicine : IOM) ระบุว่า …ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไป …ต้องดื่มน้ำถึง 13 แก้วต่อวัน ขณะที่ผู้หญิงวัยเดียวกัน…ต้องการน้ำวันละ 9 แก้ว (2) งดปรุงแต่งรสอาหารโดยไม่จำเป็น …ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล เกลือ หรือซอสต่างๆ (3) ควบคุมน้ำหนักตัว และ…ความดันโลหิตไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน 7. สำไส้ : หลังอายุ 60 ปี …ปุ่มเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารในลำไส้เล็ก…จะบางลง …ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารได้น้อยลงตามไปด้วย ~ จะยืดอายุลำไส้…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) กินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ปลา ถั่ว เห็ด รวมถึงผักผลไม้ให้มากขึ้น… หลีกเลี่ยงอาหารทอด ปิ้ง ย่าง (2) กินโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน… เสริมโปรไบโอติก… เพิ่มปริมาณแบคทีเรียดีในลำไส้ (3) ฝึกโยคะ 4 ท่า …ช่วยระบบย่อยทุกเช้าหลังตื่นนอน …ดังนี้ ท่าแมว ท่าสุนัข ท่าสามเหลี่ยม ท่าสะพาน …และปิดท้ายด้วยท่าศพ …ครั้งละ 3-5 ลมหายใจ …แต่ละท่าทำ 5 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต 8. ผิวหนัง : หลังอายุ 18 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี คอลลาเจน…และอิลาสติน…ในผิวหนังจะลดลงประมาณร้อยละ 1 ~ จะยืดอายุผิวหนัง…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) ทาครีมกันแดด…ที่มีส่วนผสมของไทเทเนียม…หรือสังกะสีเป็นประจำ (2) กินถั่วเปลือกแข็ง …ผลไม้ตระกูลส้ม…และเบอร์รี่ เป็นประจำ (3) มาร์คหน้าด้วยโยเกิร์ตผสมข้าวโอ๊ต …หรือ ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ เพื่อฟื้นฟูผิวหลังออกแดดเสมอ 9. กระดูก : หลังอายุ 35 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี…ความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงราวร้อยละ 1 และ…จะมีอัตราลดลงเร็วขึ้น…เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (ในเพศหญิง)…หรือ…เข้าสู่วัยทองในเพศชาย ~ จะยืดอายุกระดูก…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร (1) ยกน้ำหนัก หรือ กระโดดขึ้น-ลง 20 ครั้ง วันละ 2 เซ็ต (ถ้ากระดูกเข่าดี) (2) เพิ่มเมนูไทยๆ เปี่ยมแคลเซียม เช่น …น้ำพริกกะปิ…ปลาทูทอดกับ…ผักสด อย่างน้อย 3-4 มื้อต่อสัปดาห์ (3) ระวังการใช้ยาสเตียรอยด์…และยาลูกกลอน…ที่มีผลทำให้กระดูกพรุน…กระดูกแตกหักง่าย 10. กล้ามเนื้อ : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี มวลกล้ามเนื้อจะลดลง…และเปลี่ยนเป็นไขมัน …อัตรานั้นไม่สม่ำเสมอ…ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ~ จะยืดอายุกล้ามเนื้อ…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) วิดพื้น สวอท ทำ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต (2) ยกน้ำหนัก ทำ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต # สุดท้าย การกินอาหาร…ควรกินอาหาร…ที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง …เช่น ผักหลากสี …ผลไม้รสเปรี้ยว …รสฝาดขม …ช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ตามปกติได้ …อย่าลืมเสริมด้วย …การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ …การทำสมาธิ …และหาโอกาสออกไปพักผ่อน…ท่ามกลางธรรมชาติ …เพื่อลดความเครียด (ความเครียด…เป็นตัวการเร่งให้เกิดกระบวนการเสื่อมของเซลล์) เท่านี้…ก็ช่วยยืดอายุให้อวัยวะต่างๆ ให้มีอายุใช้งานยาวนาน…ไปถึงวันตายได้เช่นกัน Cr. รศ. ดร. ภญ. อรพรรณ มาตังคสมบัติ อดีต คณบดี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัคซีน​มรณะ​ :mRNA​ Vaccine​💉💉
    สาเหตุการตายของคนไทยราวกับใบไม้ร่วง
    หลังจากการระดมฉีดวัคซีน​กัน​เต็ม​อัตราศึก
    เหยื่อวัคซีน​ทดลอง​ 99% ร่างกายไม่เหมือนเดิม
    โรควูบ​ เสียชีวิต​กระทันหัน​ มะเร็ง​เทอร์โบ​
    ไตวายเรื้อรัง​ ไตวาย​เฉียบพลัน​ ตับอักเสบ​
    ตับอ่อนอักเสบ​ ภูมิ​แพ้เรื้อรัง​ ภูมิ​แพ้​เฉียบพลัน
    ​โรคผิวหนัง​ โรคสะเก็ด​เงิน​ ไทรอยด์​เป็นพิษ​
    จอประสาทตาอักเสบ​ ตาบอด​ มะเร็งดวงตา
    ประจำเดือนมาผิดปกติ​ เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ
    เลือดออกไม่หยุด​ เลือดแข็งตัวช้า​ เกล็ดเลือด​ต่ำ
    ลิ่มเลือด​อุดตัน​ หลอดเลือด​โป่งพอง​ ความจำเสื่อม​
    อัลไซเมอร์​ พาร์​กินสัน​ โรคซึมเศร้า​ชนิด​รุนแรง​
    โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง​ สโตรก​ อัมพฤกษ์​ อัมพาต​
    หรือป่วยติดเตียง​และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง​ 1291​ โรค
    ที่เกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน​ทดลอง
    https://line.me/ti/g2/TIbVxkMbPikSRYKuSwncEV4XsrE2rlQ_JSyrZQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    วัคซีน​มรณะ​ :mRNA​ Vaccine​💉💉 สาเหตุการตายของคนไทยราวกับใบไม้ร่วง หลังจากการระดมฉีดวัคซีน​กัน​เต็ม​อัตราศึก เหยื่อวัคซีน​ทดลอง​ 99% ร่างกายไม่เหมือนเดิม โรควูบ​ เสียชีวิต​กระทันหัน​ มะเร็ง​เทอร์โบ​ ไตวายเรื้อรัง​ ไตวาย​เฉียบพลัน​ ตับอักเสบ​ ตับอ่อนอักเสบ​ ภูมิ​แพ้เรื้อรัง​ ภูมิ​แพ้​เฉียบพลัน ​โรคผิวหนัง​ โรคสะเก็ด​เงิน​ ไทรอยด์​เป็นพิษ​ จอประสาทตาอักเสบ​ ตาบอด​ มะเร็งดวงตา ประจำเดือนมาผิดปกติ​ เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ เลือดออกไม่หยุด​ เลือดแข็งตัวช้า​ เกล็ดเลือด​ต่ำ ลิ่มเลือด​อุดตัน​ หลอดเลือด​โป่งพอง​ ความจำเสื่อม​ อัลไซเมอร์​ พาร์​กินสัน​ โรคซึมเศร้า​ชนิด​รุนแรง​ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง​ สโตรก​ อัมพฤกษ์​ อัมพาต​ หรือป่วยติดเตียง​และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง​ 1291​ โรค ที่เกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน​ทดลอง https://line.me/ti/g2/TIbVxkMbPikSRYKuSwncEV4XsrE2rlQ_JSyrZQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนจะให้ฉีด:
    ดีโคตร แต่แพงระยับ รัฐช่วยนะ งบ รัฐ ฟรืไปเลย หรือ ออกบ้าง

    ฉีดแล้ว: ยังติด ยังหนัก
    ถามไป: ทำไม อย่างงั้น?
    ตอบ: มันมีรายงาน ตปท นะ เซ็นยินยอมแล้ว ใครๆก็ฉีด ทั้งโลก วารสารระดับโลกเป็นตั้ง

    ฉีดแล้ว: เกิด ป่วย ตาย
    ตอบ: สุขภาพไม่ดีอยู่แล้วไง

    ถาม: อ้าว ก็แก่ สุขภาพไม่ดีไง แถมอยู่กลุ่มเสี่ยง พอประกาศให้ฉีด เลยไปฉีด

    ตอบ: เป็นส่วนน้อยนะองค์การ สมาคม ผู้เชี่ยว เขาก็ว่าดี คุณโชคร้าย เท่านั้นเอง

    ถาม: ของครอบครัวผม สุขภาพดีนะ ให้ฉีด บอกว่าจะได้ กัน ติด กัน แพร่ กันตาย เลยอยากฉีด เสร็จแล้ว ช็อค ลำไส้เน่า ต้องตัดทิ้ง ไตวาย แล้ว ตาย

    ตอบ: มี ชดใช้นะ 4 แสน เยอะนะ ดีกว่าตายฟรี

    สรุป กู ครอบครัว กู ชิบหาย ใช่มั้ย ปกติ อยู่ ดีๆ หาเรื่อง

    รำพึงของคนไทย ชีวิต มีค่า
    แม่ง ก็มีเท่านี้

    นรกมีจริง
    ตอนจะให้ฉีด: ดีโคตร แต่แพงระยับ รัฐช่วยนะ งบ รัฐ ฟรืไปเลย หรือ ออกบ้าง ฉีดแล้ว: ยังติด ยังหนัก ถามไป: ทำไม อย่างงั้น? ตอบ: มันมีรายงาน ตปท นะ เซ็นยินยอมแล้ว ใครๆก็ฉีด ทั้งโลก วารสารระดับโลกเป็นตั้ง ฉีดแล้ว: เกิด ป่วย ตาย ตอบ: สุขภาพไม่ดีอยู่แล้วไง ถาม: อ้าว ก็แก่ สุขภาพไม่ดีไง แถมอยู่กลุ่มเสี่ยง พอประกาศให้ฉีด เลยไปฉีด ตอบ: เป็นส่วนน้อยนะองค์การ สมาคม ผู้เชี่ยว เขาก็ว่าดี คุณโชคร้าย เท่านั้นเอง ถาม: ของครอบครัวผม สุขภาพดีนะ ให้ฉีด บอกว่าจะได้ กัน ติด กัน แพร่ กันตาย เลยอยากฉีด เสร็จแล้ว ช็อค ลำไส้เน่า ต้องตัดทิ้ง ไตวาย แล้ว ตาย ตอบ: มี ชดใช้นะ 4 แสน เยอะนะ ดีกว่าตายฟรี สรุป กู ครอบครัว กู ชิบหาย ใช่มั้ย ปกติ อยู่ ดีๆ หาเรื่อง รำพึงของคนไทย ชีวิต มีค่า แม่ง ก็มีเท่านี้ นรกมีจริง
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 892 มุมมอง 0 รีวิว
  • สูตรยาดองมรณะ ผิดที่ผสมเมทานอล

    คลัสเตอร์ยาดอง ที่ชาวบ้านในพื้นที่เขตคลองสามวา และเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ซื้อยาดองตามร้านริมทางดื่ม กระทั่งหลายคนมีอาการเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง มีอาการเหนื่อยหอบง่าย ซึม อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว วิงเวียนศีรษะและอาเจียน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาลนพรัตนราชธานี และโรงพยาบาลใกล้เคียง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (22 ส.ค.) ยังคงดำเนินการสืบหาความจริงต่อไป

    ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ร่วมตรวจสอบร้านยาดองในเขตพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.3) จำนวน 17 ร้าน และในซอยอ่อนนุช 77 อีก 1 ร้าน พร้อมตรวจยึดยาดองจากทุกร้านไปตรวจสอบ ทุกร้านให้การว่ารับมาจาก "เจ๊ปู" ลูกสาวป๋าเหน่ที่เสียชีวิตไปแล้ว

    ต่อมาตำรวจเชิญตัว น.ส.ภัสส์รศา อารีจิตสุขศิริ หรือเจ๊ปู อายุ 49 ปี ผู้ผสมยาดองมาสอบปากคำ เจ๊ปูให้การว่า รับสุราขาวมาจากนายสุรศักดิ์ อินสาม หรือเอส อายุ 46 ปี และนายสุรชัย อินสาม หรืออาร์ท อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ส่วนวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในเหล้าเป็นสิ่งของธรรมชาติ เป็นสูตรเก่าแก่ของบิดา

    จากนั้นชุดคลี่คลายคดีเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1-3 แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ พบทั้งคู่พร้อมของกลางเมทานอล และอุปกรณ์การผลิตสุราเถื่อนจำนวนมาก ทั้งสองอ้างว่าผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางให้เหลือ 35 ดีกรี ใส่แกลลอนนำไปส่งให้กับเจ๊ปู จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน

    จากการสอบปากคำ ทั้งสองรับสารภาพกับตำรวจว่าทำมาประมาณปีกว่า โดยหาข้อมูลผสมเหล้าเถื่อนจากอินเทอร์เน็ต ก่อนส่งขายไปตามซุ้มยาดองต่างๆ โดยเมทานอลรับมาจากโรงงานย่านลาดกระบัง เอามาผสมกับน้ำเปล่าเพื่อให้ไม่เกิน 35-40 ดีกรี จากนั้นบรรจุใส่แกลลอนเพื่อนำไปขายต่อ ซึ่งแต่ละร้านก็จะนำไปผสมยาดองอีกที

    ที่ สน.มีนบุรี เมื่อวันที่ 26 ส.ค. เจ๊ปูชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวทำยาดองขายมากว่า 30 ปี ตั้งแต่รุ่นพ่อไม่เคยมีปัญหา ที่ผ่านมาไม่เคยรับสุราขาวจากเจ้าอื่น เพราะรับจากเจ้าประจำที่พ่อสั่งตลอด แต่เมื่อ 1 ปีที่แล้ว นายสุรศักดิ์และนายสุรชัย สองพี่น้องซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแฟนบอกว่า งานน้อยลง อยากหารายได้ มีสูตรเหล้าขาวที่ไปเรียนทำมาอยากให้ช่วยซื้อ

    เจ๊ปูจึงให้ลองทำว่าผ่านหรือไม่ เมื่อชิมแล้วพบว่าดีกรีได้ รสชาติคล้ายเจ้าเก่า จึงช่วยสั่งด้วยความสงสาร ซื้อมา 25 ลิตร 900 บาท เท่ากันกับเจ้าเก่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำเองชิมเองตลอดก็ไม่เคยมีปัญหา

    แต่ช่วงหลังลูกค้าตำหนิว่าเหล้าจืด ไม่แรง และมีรสชาติซ่าๆ ตนสอบถามนายสุรศักดิ์และนายสุรชัยว่าทำไมรสชาติมันเปลี่ยน และถามว่าเปลี่ยนวัตถุดิบหรือไม่ ก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะปรับปรุง และเมื่อตนทำแล้วชิมพบว่ารสชาติจางลง คิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะพ่อสอนมาว่า ยาดองนั้นต้องมีกลิ่นยาจีนนำกลิ่นสุราอยู่แล้ว

    ส่วนล็อตล่าสุดที่ทำมานั้น มีอาการท้องเสียเล็กน้อยมา 3 วัน แต่เมื่อทราบว่ามีผู้เสียชีวิตก็ตกใจมาก รู้สึกผิดและเสียใจ ไม่ได้อยากจะทำให้ใครตาย ตนก็อยากเยียวยาผู้เสียหาย เพราะหนึ่งในผู้เสียชีวิตก็เป็นเพื่อนของตน อยากไปเยี่ยมทุกคนที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่กล้ากลัวว่าทุกคนจะไม่เข้าใจ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครเสียชีวิต

    สำหรับสูตรการทำยาดองของเจ๊ปู ใช้หม้อเบอร์ 32 ใส่น้ำ ต้มยาจีนหม้อละ 2 ห่อ กานพลู 1 ห่อ และชะเอม 5-6 ก้าน ต้มครั้งแรก 40 นาที จากนั้นจะใส่ดอกคำฝอยและกระชายอย่างละ 4 ขีด ต้มต่ออีก 40 นาที แล้วใส่มะตูมครึ่งกิโลกรัม ต้มอีก 40 นาที ใส่น้ำตาลทราย 2.5 กิโลกรัม คนให้ละลาย แล้วผสมเหล้าขาว เทใส่โอ่ง หมักไว้ 1-2 คืน แล้วนำมาแบ่งใส่แกลลอน

    โดย 1 โอ่ง แบ่งได้ 23-24 แกลลอน ส่งขายตามซุ้มยาดอง แกลลอนละ 400 บาท ซุ้มละ 10 แกลลอน มีโปรโมชันซื้อ 10 แถม 1 แกลลอน ในใจอยากทำธุรกิจนี้ต่อเพราะเป็นความฝันของพ่อที่เสียชีวิตไป อยากจะทำให้ถูกต้อง จดทะเบียนตามกฎหมาย

    ตำรวจ สน.บางชัน นำตัวนายสุรศักดิ์ และนายสุรชัย สองพี่น้องผลิตสุราเถื่อนไปฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี ในข้อหาร่วมกันผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นโดยฝ่าฝน ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ส่วน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีกับ น.ส.ภัสส์รศา ฐานผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

    สำหรับสารเมทานอล เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เช่น สารทำละลาย สารป้องกันความเย็น สารสกัด สารเชื้อเพลิง มีคุณสมบัติเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี มีกลิ่นแอลกอฮอล์ คล้ายผลไม้ ระเหยง่าย และติดไฟง่าย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง ได้แก่ ทางหายใจ ทางผิวหนัง และทางเดินอาหาร เกิดความเป็นพิษเริ่มจากผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงหรือเป็นสะเก็ด เกิดการระคายเคืองผิวหนังและเยื่อบุอ่อน ระคายเคืองตา มีผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการคล้ายเมาสุรา ทำลายตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ ถ้าสัมผัสสารนี้ปริมาณมาก อาจทำให้ตาบอดถาวร หมดสติ และเสียชีวิตได้ แต่ไม่เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์

    ส่วนสถานการณ์ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ป่วยจำแนกกลุ่มอาการรุนแรง (สีแดง) 12 ราย กลุ่มอาการสีเหลือง 3 ราย และกลุ่มอาการสีเขียว 9 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 22 ถึง 69 ปี อาการเจ็บป่วยโดยส่วนใหญ่พบภาวะเลือดเป็นกรด หายใจเหนื่อย ภาวะไตวาย ตาพร่ามัว ชัก หมดสติ ส่วน 7 รายไม่มีอาการใดๆ

    นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยจากการดื่มสุราเถื่อนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีประมาณ 50-100 ราย แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เนื่องจากเป็นสารเมทานอลที่เกิดจากการกลั่นสุรา แต่ในครั้งนี้พบว่าสารเมทานอลที่พบในสุราเถื่อน เป็นลักษณะที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม และมีปริมาณสูงถึง 100,000 ppm ทั้งที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนดไว้ว่า ปริมาณเมทานอลในสุราทุกประเภท จะต้องไม่มีอยู่เลย

    #Newskit #ยาดอง #เมทานอล
    สูตรยาดองมรณะ ผิดที่ผสมเมทานอล คลัสเตอร์ยาดอง ที่ชาวบ้านในพื้นที่เขตคลองสามวา และเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ซื้อยาดองตามร้านริมทางดื่ม กระทั่งหลายคนมีอาการเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง มีอาการเหนื่อยหอบง่าย ซึม อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว วิงเวียนศีรษะและอาเจียน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาลนพรัตนราชธานี และโรงพยาบาลใกล้เคียง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (22 ส.ค.) ยังคงดำเนินการสืบหาความจริงต่อไป ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ร่วมตรวจสอบร้านยาดองในเขตพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.3) จำนวน 17 ร้าน และในซอยอ่อนนุช 77 อีก 1 ร้าน พร้อมตรวจยึดยาดองจากทุกร้านไปตรวจสอบ ทุกร้านให้การว่ารับมาจาก "เจ๊ปู" ลูกสาวป๋าเหน่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ต่อมาตำรวจเชิญตัว น.ส.ภัสส์รศา อารีจิตสุขศิริ หรือเจ๊ปู อายุ 49 ปี ผู้ผสมยาดองมาสอบปากคำ เจ๊ปูให้การว่า รับสุราขาวมาจากนายสุรศักดิ์ อินสาม หรือเอส อายุ 46 ปี และนายสุรชัย อินสาม หรืออาร์ท อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ส่วนวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในเหล้าเป็นสิ่งของธรรมชาติ เป็นสูตรเก่าแก่ของบิดา จากนั้นชุดคลี่คลายคดีเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1-3 แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ พบทั้งคู่พร้อมของกลางเมทานอล และอุปกรณ์การผลิตสุราเถื่อนจำนวนมาก ทั้งสองอ้างว่าผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางให้เหลือ 35 ดีกรี ใส่แกลลอนนำไปส่งให้กับเจ๊ปู จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน จากการสอบปากคำ ทั้งสองรับสารภาพกับตำรวจว่าทำมาประมาณปีกว่า โดยหาข้อมูลผสมเหล้าเถื่อนจากอินเทอร์เน็ต ก่อนส่งขายไปตามซุ้มยาดองต่างๆ โดยเมทานอลรับมาจากโรงงานย่านลาดกระบัง เอามาผสมกับน้ำเปล่าเพื่อให้ไม่เกิน 35-40 ดีกรี จากนั้นบรรจุใส่แกลลอนเพื่อนำไปขายต่อ ซึ่งแต่ละร้านก็จะนำไปผสมยาดองอีกที ที่ สน.มีนบุรี เมื่อวันที่ 26 ส.ค. เจ๊ปูชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวทำยาดองขายมากว่า 30 ปี ตั้งแต่รุ่นพ่อไม่เคยมีปัญหา ที่ผ่านมาไม่เคยรับสุราขาวจากเจ้าอื่น เพราะรับจากเจ้าประจำที่พ่อสั่งตลอด แต่เมื่อ 1 ปีที่แล้ว นายสุรศักดิ์และนายสุรชัย สองพี่น้องซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแฟนบอกว่า งานน้อยลง อยากหารายได้ มีสูตรเหล้าขาวที่ไปเรียนทำมาอยากให้ช่วยซื้อ เจ๊ปูจึงให้ลองทำว่าผ่านหรือไม่ เมื่อชิมแล้วพบว่าดีกรีได้ รสชาติคล้ายเจ้าเก่า จึงช่วยสั่งด้วยความสงสาร ซื้อมา 25 ลิตร 900 บาท เท่ากันกับเจ้าเก่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำเองชิมเองตลอดก็ไม่เคยมีปัญหา แต่ช่วงหลังลูกค้าตำหนิว่าเหล้าจืด ไม่แรง และมีรสชาติซ่าๆ ตนสอบถามนายสุรศักดิ์และนายสุรชัยว่าทำไมรสชาติมันเปลี่ยน และถามว่าเปลี่ยนวัตถุดิบหรือไม่ ก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะปรับปรุง และเมื่อตนทำแล้วชิมพบว่ารสชาติจางลง คิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะพ่อสอนมาว่า ยาดองนั้นต้องมีกลิ่นยาจีนนำกลิ่นสุราอยู่แล้ว ส่วนล็อตล่าสุดที่ทำมานั้น มีอาการท้องเสียเล็กน้อยมา 3 วัน แต่เมื่อทราบว่ามีผู้เสียชีวิตก็ตกใจมาก รู้สึกผิดและเสียใจ ไม่ได้อยากจะทำให้ใครตาย ตนก็อยากเยียวยาผู้เสียหาย เพราะหนึ่งในผู้เสียชีวิตก็เป็นเพื่อนของตน อยากไปเยี่ยมทุกคนที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่กล้ากลัวว่าทุกคนจะไม่เข้าใจ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครเสียชีวิต สำหรับสูตรการทำยาดองของเจ๊ปู ใช้หม้อเบอร์ 32 ใส่น้ำ ต้มยาจีนหม้อละ 2 ห่อ กานพลู 1 ห่อ และชะเอม 5-6 ก้าน ต้มครั้งแรก 40 นาที จากนั้นจะใส่ดอกคำฝอยและกระชายอย่างละ 4 ขีด ต้มต่ออีก 40 นาที แล้วใส่มะตูมครึ่งกิโลกรัม ต้มอีก 40 นาที ใส่น้ำตาลทราย 2.5 กิโลกรัม คนให้ละลาย แล้วผสมเหล้าขาว เทใส่โอ่ง หมักไว้ 1-2 คืน แล้วนำมาแบ่งใส่แกลลอน โดย 1 โอ่ง แบ่งได้ 23-24 แกลลอน ส่งขายตามซุ้มยาดอง แกลลอนละ 400 บาท ซุ้มละ 10 แกลลอน มีโปรโมชันซื้อ 10 แถม 1 แกลลอน ในใจอยากทำธุรกิจนี้ต่อเพราะเป็นความฝันของพ่อที่เสียชีวิตไป อยากจะทำให้ถูกต้อง จดทะเบียนตามกฎหมาย ตำรวจ สน.บางชัน นำตัวนายสุรศักดิ์ และนายสุรชัย สองพี่น้องผลิตสุราเถื่อนไปฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี ในข้อหาร่วมกันผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นโดยฝ่าฝน ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ส่วน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีกับ น.ส.ภัสส์รศา ฐานผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย สำหรับสารเมทานอล เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เช่น สารทำละลาย สารป้องกันความเย็น สารสกัด สารเชื้อเพลิง มีคุณสมบัติเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี มีกลิ่นแอลกอฮอล์ คล้ายผลไม้ ระเหยง่าย และติดไฟง่าย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง ได้แก่ ทางหายใจ ทางผิวหนัง และทางเดินอาหาร เกิดความเป็นพิษเริ่มจากผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงหรือเป็นสะเก็ด เกิดการระคายเคืองผิวหนังและเยื่อบุอ่อน ระคายเคืองตา มีผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการคล้ายเมาสุรา ทำลายตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ ถ้าสัมผัสสารนี้ปริมาณมาก อาจทำให้ตาบอดถาวร หมดสติ และเสียชีวิตได้ แต่ไม่เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ ส่วนสถานการณ์ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ป่วยจำแนกกลุ่มอาการรุนแรง (สีแดง) 12 ราย กลุ่มอาการสีเหลือง 3 ราย และกลุ่มอาการสีเขียว 9 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 22 ถึง 69 ปี อาการเจ็บป่วยโดยส่วนใหญ่พบภาวะเลือดเป็นกรด หายใจเหนื่อย ภาวะไตวาย ตาพร่ามัว ชัก หมดสติ ส่วน 7 รายไม่มีอาการใดๆ นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยจากการดื่มสุราเถื่อนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีประมาณ 50-100 ราย แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เนื่องจากเป็นสารเมทานอลที่เกิดจากการกลั่นสุรา แต่ในครั้งนี้พบว่าสารเมทานอลที่พบในสุราเถื่อน เป็นลักษณะที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม และมีปริมาณสูงถึง 100,000 ppm ทั้งที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนดไว้ว่า ปริมาณเมทานอลในสุราทุกประเภท จะต้องไม่มีอยู่เลย #Newskit #ยาดอง #เมทานอล
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 983 มุมมอง 0 รีวิว
  • ’อนันต์ อัศวโภคิน’นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์‘แลนด์แอนด์เฮ้าส์ป่วยหนัก ยังส่งอัยการฟ้องคดีฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่นไม่ได้ อัยการคดีพิเศษสั่งพนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง

    3 สิงหาคม 2567-รายงานผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า ความคืบหน้าคดีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง นายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ 4 หมื่นล้าน ผู้ต้องหาฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุได้มีการสมคบกัน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ตามความเห็นแย้งของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

    ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จากการขายที่ดินต่อให้กับ นายอนันต์ อัศวโภคิน ที่มีการออกเอกสารข่าวชี้ขาดสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา

    สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 โดยพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ได้นัดหมาย นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ต้องหา มาพบพนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องศาลในวันที่ 2 เม.ย.2567 แต่ นายอนันต์ ไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการ ขอเลื่อนการส่งตัวออกไปก่อน โดยอ้างเหตุผลอาการเจ็บป่วย พร้อมแสดงใบรองรับแพทย์ยืนยัน

    พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ได้ให้เลื่อนการส่งตัวฟ้องดังกล่าว เป็นวันที่ 24 พ.ค.2567 เเละเลื่อนอีกครั้ง 24 มิ.ย. 2567 โดยให้เหตุผลทางการเจ็บป่วยเช่นเดิม

    เหตุจากการตรวจสอบ พบว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีฟอกเงินทางอาญา ได้ตรวจสอบอาการเจ็บป่วยของนายอนันต์ โดยเรียกแพทย์หญิง ผู้ทำการรักษาให้ถ้อยคำชี้แจงเกี่ยวกับการรักษาอาการเจ็บป่วย พบว่า มีภาวะไตวายระยะสุดท้าย ได้รับการเปลี่ยนแปลงไตที่ประเทศออสเตรเลีย พบความเสียหายของไตจนทำงานไม่ได้ เรียกว่าภาวะสลัดไต ส่งผลให้ต้องกลับมาฟอกเลือดล้างไตอีกครั้ง เมื่อไตเสียหายขั้นสุดท้ายกลายเป็นไตวายระยะสุดท้ายอย่างถาวร ต้องฟอกเลือดใหม่สามครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์ต่อไปตลอดชีวิตจนกว่าจะปลูกถ่ายไตครั้งที่สองอีกครั้ง

    ขณะนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนไตใหม่ได้ เนื่องจากร่างกายมีภาวะแทรกซ้อนที่อวัยวะสำคัญ คือ ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เลือดออกในสมอง และไม่มีภาวะภูมิคุ้มกันสภาพ ร่างกายไม่ควรที่จะเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่ปลอดเชื้อ ในขณะที่ยังมีอาการป่วยเช่นนี้ เนื่องจากทำให้ติดเชื้อ และเสียชีวิตได้ จึงไม่ควรนำตัวนายอนันต์ ไปจากการดูแลรักษาของแพทย์เฉพาะทาง และร่างกายของผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมที่จะรักษาชีวิตผู้ป่วยได้ จนกว่าผ่าตัดปลูกถ่ายเปลี่ยนไตใหม่จะเรียบร้อย และไม่เกิดภาวะสลัดไตอีก ยังถือว่าเป็นผู้ป่วยวิกฤติมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ตลอดเวลา หากอยู่ในสถานที่ไม่เหมาะสมแก่การดูแลรักษาดังกล่าว

    โดยเเพทย์หญิงคนดังกล่าวได้ให้การไว้ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2567 ก่อนส่งเรื่องมายังอัยการคดีพิเศษ 4 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่องการนัดตัวส่งฟ้อง
    ทั้งนี้มีรายงานว่า เเนวทางของพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนนั้น ให้พนักงานสอบสวนไปตรวจสอบ ว่า นายอนันต์ อัศวโภคิน มีอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่เเละให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำแพทย์เพิ่มเติม ว่า หากมีกรณีที่จะต้องยื่นฟ้อง นายอนันต์ ต่อศาลอาญา การนำตัวมาฟ้องต่อศาล จะกระทบหรือ เสี่ยงต่ออาการป่วยในระดับใด เพราะเหตุใด เเละแพทย์มีคำแนะนำอย่างไร

    ที่มา : https://mgronline.com/crime/detail/9670000070517

    #Thaitimes
    ’อนันต์ อัศวโภคิน’นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์‘แลนด์แอนด์เฮ้าส์ป่วยหนัก ยังส่งอัยการฟ้องคดีฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่นไม่ได้ อัยการคดีพิเศษสั่งพนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 สิงหาคม 2567-รายงานผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า ความคืบหน้าคดีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง นายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ 4 หมื่นล้าน ผู้ต้องหาฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุได้มีการสมคบกัน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ตามความเห็นแย้งของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จากการขายที่ดินต่อให้กับ นายอนันต์ อัศวโภคิน ที่มีการออกเอกสารข่าวชี้ขาดสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 โดยพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ได้นัดหมาย นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ต้องหา มาพบพนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องศาลในวันที่ 2 เม.ย.2567 แต่ นายอนันต์ ไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการ ขอเลื่อนการส่งตัวออกไปก่อน โดยอ้างเหตุผลอาการเจ็บป่วย พร้อมแสดงใบรองรับแพทย์ยืนยัน พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ได้ให้เลื่อนการส่งตัวฟ้องดังกล่าว เป็นวันที่ 24 พ.ค.2567 เเละเลื่อนอีกครั้ง 24 มิ.ย. 2567 โดยให้เหตุผลทางการเจ็บป่วยเช่นเดิม เหตุจากการตรวจสอบ พบว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีฟอกเงินทางอาญา ได้ตรวจสอบอาการเจ็บป่วยของนายอนันต์ โดยเรียกแพทย์หญิง ผู้ทำการรักษาให้ถ้อยคำชี้แจงเกี่ยวกับการรักษาอาการเจ็บป่วย พบว่า มีภาวะไตวายระยะสุดท้าย ได้รับการเปลี่ยนแปลงไตที่ประเทศออสเตรเลีย พบความเสียหายของไตจนทำงานไม่ได้ เรียกว่าภาวะสลัดไต ส่งผลให้ต้องกลับมาฟอกเลือดล้างไตอีกครั้ง เมื่อไตเสียหายขั้นสุดท้ายกลายเป็นไตวายระยะสุดท้ายอย่างถาวร ต้องฟอกเลือดใหม่สามครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์ต่อไปตลอดชีวิตจนกว่าจะปลูกถ่ายไตครั้งที่สองอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนไตใหม่ได้ เนื่องจากร่างกายมีภาวะแทรกซ้อนที่อวัยวะสำคัญ คือ ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เลือดออกในสมอง และไม่มีภาวะภูมิคุ้มกันสภาพ ร่างกายไม่ควรที่จะเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่ปลอดเชื้อ ในขณะที่ยังมีอาการป่วยเช่นนี้ เนื่องจากทำให้ติดเชื้อ และเสียชีวิตได้ จึงไม่ควรนำตัวนายอนันต์ ไปจากการดูแลรักษาของแพทย์เฉพาะทาง และร่างกายของผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมที่จะรักษาชีวิตผู้ป่วยได้ จนกว่าผ่าตัดปลูกถ่ายเปลี่ยนไตใหม่จะเรียบร้อย และไม่เกิดภาวะสลัดไตอีก ยังถือว่าเป็นผู้ป่วยวิกฤติมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ตลอดเวลา หากอยู่ในสถานที่ไม่เหมาะสมแก่การดูแลรักษาดังกล่าว โดยเเพทย์หญิงคนดังกล่าวได้ให้การไว้ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2567 ก่อนส่งเรื่องมายังอัยการคดีพิเศษ 4 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่องการนัดตัวส่งฟ้อง ทั้งนี้มีรายงานว่า เเนวทางของพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนนั้น ให้พนักงานสอบสวนไปตรวจสอบ ว่า นายอนันต์ อัศวโภคิน มีอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่เเละให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำแพทย์เพิ่มเติม ว่า หากมีกรณีที่จะต้องยื่นฟ้อง นายอนันต์ ต่อศาลอาญา การนำตัวมาฟ้องต่อศาล จะกระทบหรือ เสี่ยงต่ออาการป่วยในระดับใด เพราะเหตุใด เเละแพทย์มีคำแนะนำอย่างไร ที่มา : https://mgronline.com/crime/detail/9670000070517 #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 585 มุมมอง 0 รีวิว