• ไหวเหรอยศชนัน ลูกสมชายเจ๊แดง

    การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในช่วงการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากกระแสสังคมจะเงียบเชียบแล้ว แคนดิเดต 3 คนที่เสนอมา สองคนแรกไม่มีอะไรใหม่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีผลงานโดดเด่น แม้สมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่กระทรวงเกรดเอ ในตำแหน่ง รมช.คลัง หนำซ้ำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทก็ล้มเหลว ส่วนนายสุุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนที่ติดตามการเมืองมานานจะร้องยี้ เพราะเวียนวนเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่คุมกระทรวงคมนาคม หนำซ้ำยังถูกเคลือบแคลงสงสัยกรณี CTX9000

    จะมีหน้าใหม่อยู่คนเดียว คือ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ เชน แม้จะมีโปร์ไฟล์เป็นถึงอดีตรองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลงานวิจัยมากมาย แต่สังคมไม่ได้สนใจเท่ากับเป็นลูกชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงถูกจับตามองทันทีว่าสืบทอดอำนาจทางการเมืองในตระกูลชินวัตรหรือไม่ หลังครอบครัวและเครือญาติตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีโทษจำคุกคดีโครงการรับจำนำข้าว และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงนายฮุน เซน แห่งกัมพูชา

    พรรคเพื่อไทยพยายามยกเครื่องพรรคเพื่อสลัดภาพความเป็นพรรครากหญ้า พรรคประชานิยมแจกแหลก ด้วยวาทกรรม "ยกเครื่องประเทศไทย" ออกแบบด้วยวิทยาศาสตร์และเหตุผล ไปสู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพรรคประชาชน แต่ก็ยังมีนโยบายประชานิยมติดมาด้วย ทั้งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ถูกตั้งคำถามว่าจะยั่งยืนหรือไม่ รวมไปถึงนโยบายล้างหนี้ให้คนไทย สูงสุด 100,000 บาท แต่ไม่พูดถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นบาดแผลของพรรค รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลชินวัตร กับครอบครัวนายฮุน เซน

    อีกด้านหนึ่ง พรรคเพื่อไทยยังคงเลือดไหลไม่หยุด สส. มากกว่า 10 คน เห็นท่าไม่ดีย้ายไปพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลชินวัตร แม้นายทักษิณที่เป็นศาสดาของพรรค จะถูกจำคุกในคดีทุจริต รวมทั้งคดีมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดสั่งให้อุทธรณ์ แถมยังแพ้คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ 1.76 หมื่นล้านบาท กลายเป็นมีดปักหลังตระกูลการเมืองผู้มั่งคั่ง ที่หากดึงออกเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น ความล้มเหลวของรัฐบาลแพทองธาร รวมทั้งข้อกล่าวหาขายชาติ อาจทำให้หาเสียงยากที่สุด จึงกลายเป็นคำถามว่า ทั้งคนทั้งพรรคจะเข็นกันไหวหรือ?

    #Newskit
    ไหวเหรอยศชนัน ลูกสมชายเจ๊แดง การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในช่วงการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากกระแสสังคมจะเงียบเชียบแล้ว แคนดิเดต 3 คนที่เสนอมา สองคนแรกไม่มีอะไรใหม่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีผลงานโดดเด่น แม้สมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่กระทรวงเกรดเอ ในตำแหน่ง รมช.คลัง หนำซ้ำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทก็ล้มเหลว ส่วนนายสุุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนที่ติดตามการเมืองมานานจะร้องยี้ เพราะเวียนวนเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่คุมกระทรวงคมนาคม หนำซ้ำยังถูกเคลือบแคลงสงสัยกรณี CTX9000 จะมีหน้าใหม่อยู่คนเดียว คือ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ เชน แม้จะมีโปร์ไฟล์เป็นถึงอดีตรองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลงานวิจัยมากมาย แต่สังคมไม่ได้สนใจเท่ากับเป็นลูกชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงถูกจับตามองทันทีว่าสืบทอดอำนาจทางการเมืองในตระกูลชินวัตรหรือไม่ หลังครอบครัวและเครือญาติตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีโทษจำคุกคดีโครงการรับจำนำข้าว และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงนายฮุน เซน แห่งกัมพูชา พรรคเพื่อไทยพยายามยกเครื่องพรรคเพื่อสลัดภาพความเป็นพรรครากหญ้า พรรคประชานิยมแจกแหลก ด้วยวาทกรรม "ยกเครื่องประเทศไทย" ออกแบบด้วยวิทยาศาสตร์และเหตุผล ไปสู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพรรคประชาชน แต่ก็ยังมีนโยบายประชานิยมติดมาด้วย ทั้งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ถูกตั้งคำถามว่าจะยั่งยืนหรือไม่ รวมไปถึงนโยบายล้างหนี้ให้คนไทย สูงสุด 100,000 บาท แต่ไม่พูดถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นบาดแผลของพรรค รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลชินวัตร กับครอบครัวนายฮุน เซน อีกด้านหนึ่ง พรรคเพื่อไทยยังคงเลือดไหลไม่หยุด สส. มากกว่า 10 คน เห็นท่าไม่ดีย้ายไปพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลชินวัตร แม้นายทักษิณที่เป็นศาสดาของพรรค จะถูกจำคุกในคดีทุจริต รวมทั้งคดีมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดสั่งให้อุทธรณ์ แถมยังแพ้คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ 1.76 หมื่นล้านบาท กลายเป็นมีดปักหลังตระกูลการเมืองผู้มั่งคั่ง ที่หากดึงออกเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น ความล้มเหลวของรัฐบาลแพทองธาร รวมทั้งข้อกล่าวหาขายชาติ อาจทำให้หาเสียงยากที่สุด จึงกลายเป็นคำถามว่า ทั้งคนทั้งพรรคจะเข็นกันไหวหรือ? #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการรับคดีนอกราชอาณาจักรเอาผิดผู้นำกัมพูชา กรณีสั่งยิงพลเรือนไทย ขณะที่จีนแสดงความห่วงใยและพร้อมเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเพื่อสร้างสันติภาพชายแดนโดยเร็วที่สุด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120812

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    อัยการรับคดีนอกราชอาณาจักรเอาผิดผู้นำกัมพูชา กรณีสั่งยิงพลเรือนไทย ขณะที่จีนแสดงความห่วงใยและพร้อมเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเพื่อสร้างสันติภาพชายแดนโดยเร็วที่สุด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120812 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับคดีกรณี 2 พ่อลูกตระกูลฮุน “ฮุน เซน–ฮุน มาเนต” สั่งการยิงปืนและระเบิดตกในฝั่งไทยช่วงวันที่ 24–29 ก.ค. 2568 ไว้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร หลังเหตุโจมตีพื้นที่ชายแดน 4 จังหวัด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บกว่า 200 ราย และทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก
    .
    อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนเผย ได้ตั้งคณะอัยการ 18 คน ลงพื้นที่ภาค 3 ร่วมกับตำรวจ เพื่อกำหนดแนวทางสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยอัยการจะทำหน้าที่คุมคดีตามกฎหมาย ขณะที่ ผบช.ภ.3 เป็นพนักงานสอบสวนหลัก ก่อนสรุปสำนวนเสนออัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องตามดุลพินิจ
    .
    คดีดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญของกระบวนการยุติธรรมไทย ในการดำเนินคดีกับการกระทำที่กระทบต่ออธิปไตย ความปลอดภัย และชีวิตประชาชนไทย
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120580
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #อัยการสูงสุด #คดีนอกราชอาณาจักร #อธิปไตยไทย #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับคดีกรณี 2 พ่อลูกตระกูลฮุน “ฮุน เซน–ฮุน มาเนต” สั่งการยิงปืนและระเบิดตกในฝั่งไทยช่วงวันที่ 24–29 ก.ค. 2568 ไว้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร หลังเหตุโจมตีพื้นที่ชายแดน 4 จังหวัด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บกว่า 200 ราย และทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก . อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนเผย ได้ตั้งคณะอัยการ 18 คน ลงพื้นที่ภาค 3 ร่วมกับตำรวจ เพื่อกำหนดแนวทางสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยอัยการจะทำหน้าที่คุมคดีตามกฎหมาย ขณะที่ ผบช.ภ.3 เป็นพนักงานสอบสวนหลัก ก่อนสรุปสำนวนเสนออัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องตามดุลพินิจ . คดีดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญของกระบวนการยุติธรรมไทย ในการดำเนินคดีกับการกระทำที่กระทบต่ออธิปไตย ความปลอดภัย และชีวิตประชาชนไทย . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120580 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #อัยการสูงสุด #คดีนอกราชอาณาจักร #อธิปไตยไทย #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเรือประกาศกำหนดเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในพื้นที่จังหวัดตราด เพื่อยกระดับมาตรการความมั่นคง จากสถานการณ์ชายแดนที่ยังตึงเครียด
    .
    เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2568 เวลา 08.52 น. กปช.จต. แจ้งบังคับใช้เคอร์ฟิวช่วงเวลา 19.00–05.00 น. ครอบคลุม อ.เมืองตราด คลองใหญ่ บ่อไร่ เขาสมิง และแหลมงอบ ยกเว้น อ.เกาะช้าง และ อ.เกาะกูด เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
    .
    กองทัพเรือยืนยันการบังคับใช้จะเป็นไปอย่างเหมาะสมตามกฎหมายกฎอัยการศึก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พร้อมประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120063
    .
    #News1live #News1 #เคอร์ฟิว #ตราด #กองทัพเรือ #ความมั่นคง #สถานการณ์ชายแดน #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    กองทัพเรือประกาศกำหนดเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในพื้นที่จังหวัดตราด เพื่อยกระดับมาตรการความมั่นคง จากสถานการณ์ชายแดนที่ยังตึงเครียด . เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2568 เวลา 08.52 น. กปช.จต. แจ้งบังคับใช้เคอร์ฟิวช่วงเวลา 19.00–05.00 น. ครอบคลุม อ.เมืองตราด คลองใหญ่ บ่อไร่ เขาสมิง และแหลมงอบ ยกเว้น อ.เกาะช้าง และ อ.เกาะกูด เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป . กองทัพเรือยืนยันการบังคับใช้จะเป็นไปอย่างเหมาะสมตามกฎหมายกฎอัยการศึก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พร้อมประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120063 . #News1live #News1 #เคอร์ฟิว #ตราด #กองทัพเรือ #ความมั่นคง #สถานการณ์ชายแดน #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน ! ผบ.กกล.บูรพา ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เซ็นคำสั่งห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในพื้นที่ชายแดน ตั้งแต่ห้วงเวลา 19:00-05:00 น.เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ที่อาจอยู่ในพื้นที่ เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ (10 ธ.ค.68)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118749

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ด่วน ! ผบ.กกล.บูรพา ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เซ็นคำสั่งห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในพื้นที่ชายแดน ตั้งแต่ห้วงเวลา 19:00-05:00 น.เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ที่อาจอยู่ในพื้นที่ เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ (10 ธ.ค.68) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118749 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชายสหรัฐฯ ถูกฟ้องคดี Cyberstalking โดยอ้าง ChatGPT

    Brett Michael Dadig จากเมือง Whitehall ถูกอัยการสหรัฐฯ ตั้งข้อหา 14 กระทงในคดี การคุกคามและตามรังควานผู้หญิง ทั้งใน Pittsburgh และอีกหลายรัฐ เขาถูกกล่าวหาว่าข่มขู่ โพสต์ภาพ และเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อบนอินเทอร์เน็ต โดย Dadig อ้างว่า ChatGPT แนะนำให้เขาไปพบ “ภรรยาในอนาคต” ที่ยิมหรือชุมชนกีฬา และใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสร้างชื่อเสียง

    การใช้ AI ในทางที่ผิด
    ในพอดแคสต์ของเขา Dadig เรียก ChatGPT ว่าเป็น “นักบำบัด” และ “เพื่อนสนิท” พร้อมยอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจจากคำแนะนำของ AI ให้สร้างแพลตฟอร์มเพื่อโดดเด่นในสังคม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการคุกคามผู้หญิงและพนักงานยิมอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางโพสต์ออนไลน์ โทรศัพท์ และการปรากฏตัวโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    ผลกระทบทางกฎหมาย
    อัยการระบุว่าเหยื่อกว่า 11 คนได้รับผลกระทบจากการกระทำของ Dadig โดยบางคนถึงขั้นต้องขอคำสั่งคุ้มครอง (Protection-from-abuse orders) ซึ่งเขายังละเมิดซ้ำอีกด้วย หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 70 ปี และปรับเป็นเงินกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    กรณีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ AI โดยไม่เข้าใจขอบเขตและผลกระทบ การพึ่งพา AI เป็น “ที่ปรึกษา” โดยไม่ใช้วิจารณญาณอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นอย่างร้ายแรง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ชายสหรัฐฯ ถูกตั้งข้อหา Cyberstalking 14 กระทง
    เหยื่อกว่า 11 คนในหลายรัฐ รวมถึง Pittsburgh

    อ้างว่าได้รับคำแนะนำจาก ChatGPT
    ใช้ AI เป็น “นักบำบัด” และ “เพื่อนสนิท”

    ผลกระทบต่อเหยื่อและสังคม
    เหยื่อบางคนต้องขอคำสั่งคุ้มครอง แต่ถูกละเมิดซ้ำ

    คำเตือนด้านการใช้ AI
    การพึ่งพา AI โดยไม่ใช้วิจารณญาณอาจนำไปสู่พฤติกรรมผิดกฎหมาย
    เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นและสังคมโดยรวม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/a-us-man-was-indicted-for-allegedly-cyberstalking-women-he-says-he-took-advice-from-chatgpt
    📰 ชายสหรัฐฯ ถูกฟ้องคดี Cyberstalking โดยอ้าง ChatGPT Brett Michael Dadig จากเมือง Whitehall ถูกอัยการสหรัฐฯ ตั้งข้อหา 14 กระทงในคดี การคุกคามและตามรังควานผู้หญิง ทั้งใน Pittsburgh และอีกหลายรัฐ เขาถูกกล่าวหาว่าข่มขู่ โพสต์ภาพ และเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อบนอินเทอร์เน็ต โดย Dadig อ้างว่า ChatGPT แนะนำให้เขาไปพบ “ภรรยาในอนาคต” ที่ยิมหรือชุมชนกีฬา และใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสร้างชื่อเสียง 🎙️ การใช้ AI ในทางที่ผิด ในพอดแคสต์ของเขา Dadig เรียก ChatGPT ว่าเป็น “นักบำบัด” และ “เพื่อนสนิท” พร้อมยอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจจากคำแนะนำของ AI ให้สร้างแพลตฟอร์มเพื่อโดดเด่นในสังคม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการคุกคามผู้หญิงและพนักงานยิมอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางโพสต์ออนไลน์ โทรศัพท์ และการปรากฏตัวโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ⚖️ ผลกระทบทางกฎหมาย อัยการระบุว่าเหยื่อกว่า 11 คนได้รับผลกระทบจากการกระทำของ Dadig โดยบางคนถึงขั้นต้องขอคำสั่งคุ้มครอง (Protection-from-abuse orders) ซึ่งเขายังละเมิดซ้ำอีกด้วย หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 70 ปี และปรับเป็นเงินกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ⚠️ ความเสี่ยงและคำเตือน กรณีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ AI โดยไม่เข้าใจขอบเขตและผลกระทบ การพึ่งพา AI เป็น “ที่ปรึกษา” โดยไม่ใช้วิจารณญาณอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นอย่างร้ายแรง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ชายสหรัฐฯ ถูกตั้งข้อหา Cyberstalking 14 กระทง ➡️ เหยื่อกว่า 11 คนในหลายรัฐ รวมถึง Pittsburgh ✅ อ้างว่าได้รับคำแนะนำจาก ChatGPT ➡️ ใช้ AI เป็น “นักบำบัด” และ “เพื่อนสนิท” ✅ ผลกระทบต่อเหยื่อและสังคม ➡️ เหยื่อบางคนต้องขอคำสั่งคุ้มครอง แต่ถูกละเมิดซ้ำ ‼️ คำเตือนด้านการใช้ AI ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่ใช้วิจารณญาณอาจนำไปสู่พฤติกรรมผิดกฎหมาย ⛔ เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นและสังคมโดยรวม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/a-us-man-was-indicted-for-allegedly-cyberstalking-women-he-says-he-took-advice-from-chatgpt
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A US man was indicted for allegedly cyberstalking women. He says he took advice from ChatGPT.
    On his podcast, Mr Dadig called the AI chatbot his "therapist" and "best friend," the indictment says.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวันฟ้อง Tokyo Electron กรณีขโมยข้อมูล TSMC

    อัยการไต้หวันได้ตั้งข้อหาต่อบริษัท Tokyo Electron โดยกล่าวหาว่าบริษัทไม่สามารถป้องกันพนักงานของตนจากการพยายามขโมยข้อมูลลับทางการค้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตชิป 2nm ของ TSMC ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก

    รายละเอียดของคดี
    กลุ่มพนักงานทั้งอดีตและปัจจุบันของ Tokyo Electron ถูกกล่าวหาว่าพยายามนำข้อมูลไปใช้เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรแกะสลัก (etching machines) ของบริษัท เพื่อให้ได้สัญญามากขึ้นจาก TSMC แม้จะไม่มีหลักฐานว่าบริษัทใช้ข้อมูลที่ถูกขโมย แต่ทางการไต้หวันชี้ว่า Tokyo Electron ขาดมาตรการป้องกันที่เข้มงวดและควรรับผิดชอบในฐานะองค์กร

    ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์
    คดีนี้สะท้อนถึงความสำคัญของ TSMC ในฐานะผู้ผลิตชิปขั้นสูงที่เป็นหัวใจของอุตสาหกรรมโลก ทั้ง Nvidia, AMD และ Apple ต่างพึ่งพาเทคโนโลยีของ TSMC การพยายามขโมยข้อมูลจึงถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน

    มุมมองในอนาคต
    Tokyo Electron ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมือกับการสอบสวนและได้ไล่ออกพนักงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างญี่ปุ่นและไต้หวัน รวมถึงการกำหนดมาตรการเข้มงวดขึ้นในการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    สรุปสาระสำคัญ
    อัยการไต้หวันตั้งข้อหา Tokyo Electron
    ล้มเหลวในการป้องกันพนักงานจากการขโมยข้อมูล TSMC

    ข้อมูลที่ถูกพยายามขโมยเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 2nm ของ TSMC
    ใช้เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรแกะสลักของบริษัท

    TSMC เป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมโลก
    มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Nvidia, AMD และ Apple

    การขโมยข้อมูลถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของไต้หวัน
    อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง

    Tokyo Electron อาจเผชิญบทลงโทษทางกฎหมายและชื่อเสียง
    ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันข้อมูลภายในองค์กร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/taiwan-hits-japanese-firm-with-indictment-in-tsmc-data-theft-saga-tokyo-electron-charged-with-failing-to-prevent-its-staff-from-stealing-trade-secrets
    ⚖️ ไต้หวันฟ้อง Tokyo Electron กรณีขโมยข้อมูล TSMC อัยการไต้หวันได้ตั้งข้อหาต่อบริษัท Tokyo Electron โดยกล่าวหาว่าบริษัทไม่สามารถป้องกันพนักงานของตนจากการพยายามขโมยข้อมูลลับทางการค้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตชิป 2nm ของ TSMC ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก 🔧 รายละเอียดของคดี กลุ่มพนักงานทั้งอดีตและปัจจุบันของ Tokyo Electron ถูกกล่าวหาว่าพยายามนำข้อมูลไปใช้เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรแกะสลัก (etching machines) ของบริษัท เพื่อให้ได้สัญญามากขึ้นจาก TSMC แม้จะไม่มีหลักฐานว่าบริษัทใช้ข้อมูลที่ถูกขโมย แต่ทางการไต้หวันชี้ว่า Tokyo Electron ขาดมาตรการป้องกันที่เข้มงวดและควรรับผิดชอบในฐานะองค์กร 🌍 ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ คดีนี้สะท้อนถึงความสำคัญของ TSMC ในฐานะผู้ผลิตชิปขั้นสูงที่เป็นหัวใจของอุตสาหกรรมโลก ทั้ง Nvidia, AMD และ Apple ต่างพึ่งพาเทคโนโลยีของ TSMC การพยายามขโมยข้อมูลจึงถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน 📊 มุมมองในอนาคต Tokyo Electron ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมือกับการสอบสวนและได้ไล่ออกพนักงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างญี่ปุ่นและไต้หวัน รวมถึงการกำหนดมาตรการเข้มงวดขึ้นในการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ อัยการไต้หวันตั้งข้อหา Tokyo Electron ➡️ ล้มเหลวในการป้องกันพนักงานจากการขโมยข้อมูล TSMC ✅ ข้อมูลที่ถูกพยายามขโมยเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 2nm ของ TSMC ➡️ ใช้เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรแกะสลักของบริษัท ✅ TSMC เป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมโลก ➡️ มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Nvidia, AMD และ Apple ‼️ การขโมยข้อมูลถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของไต้หวัน ⛔ อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง ‼️ Tokyo Electron อาจเผชิญบทลงโทษทางกฎหมายและชื่อเสียง ⛔ ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันข้อมูลภายในองค์กร https://www.tomshardware.com/tech-industry/taiwan-hits-japanese-firm-with-indictment-in-tsmc-data-theft-saga-tokyo-electron-charged-with-failing-to-prevent-its-staff-from-stealing-trade-secrets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.35

    นิรโทษกรรม เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ลึกซึ้งและทรงพลังของรัฐ มีความหมายโดยแท้คือการออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด เพื่อลบล้างการกระทำผิดทางอาญาบางประเภทที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ โดยมีผลให้การกระทำนั้นๆ ถูกถือว่าไม่เคยเป็นความผิดทางกฎหมายมาตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว ซึ่งนี่คือสาระสำคัญที่แยกนิรโทษกรรมออกจากการพระราชทานอภัยโทษอย่างสิ้นเชิง การอภัยโทษเป็นเพียงการลดหย่อนหรือยกเว้นโทษที่ได้รับไปแล้วหรือที่กำลังจะได้รับให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง โดยที่ความผิดทางอาญายังคงอยู่และยังปรากฏในประวัติความประพฤติของผู้นั้น แต่สำหรับนิรโทษกรรมแล้ว ผลของกฎหมายจะย้อนหลังไปถึงตัวการกระทำเอง ทำให้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน การดำเนินคดีของพนักงานอัยการ หรือการพิจารณาของศาล ต้องยุติลงทั้งหมด และผู้ที่เคยถูกตัดสินลงโทษไปแล้วก็จะพ้นจากผลของการพิพากษานั้นทันที เป็นการคืนสถานะทางกฎหมายและเกียรติความเป็นมนุษย์กลับคืนมาโดยสมบูรณ์ กลไกนี้มักถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ประเทศเผชิญกับความแตกแยกทางการเมือง ความขัดแย้งทางความคิด หรือความไม่สงบครั้งใหญ่ เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ในการประนีประนอม โดยที่รัฐยอมสละอำนาจในการลงโทษเพื่อแลกกับการสมานฉันท์และความมั่นคงระยะยาวของคนในชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายทางหลักนิติธรรมในระดับสูงสุดที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าการลงโทษเป็นรายบุคคล

    ดังนั้น การพิจารณาการใช้กลไกนิรโทษกรรมจึงมิใช่แค่เรื่องของการ "ยกเว้นโทษ" ธรรมดา หากแต่เป็นการตัดสินใจเชิงหลักนิติธรรมและการเมืองในระดับสูงยิ่ง ที่ต้องชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดอ่อนระหว่างหลักการความยุติธรรมทางอาญา ซึ่งเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดต้องรับผลแห่งการกระทำ กับหลักการเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมุ่งเน้นการยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองในสังคมให้กลับคืนมา การกำหนดขอบเขตของการนิรโทษกรรมจึงมีความสำคัญสูงสุด ต้องระบุประเภทความผิด เวลาที่เกิดเหตุ และกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันมิให้กลไกอันศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกใช้เป็นช่องทางในการล้างความผิดให้กับความผิดร้ายแรงทางอาญาโดยมิชอบ หรือกลายเป็นเครื่องมือที่บ่อนทำลายหลักการปกครองด้วยกฎหมายที่ผดุงความยุติธรรมพื้นฐานเอาไว้ ความท้าทายที่แท้จริงจึงอยู่ที่การหาจุดสมดุลที่กฎหมายแห่งการลบล้างความผิดสามารถนำมาซึ่งการยอมรับและสันติสุขที่แท้จริง มิใช่การสร้างบาดแผลใหม่ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมในจิตใจของผู้เสียหายและสังคม

    ด้วยเหตุนี้เอง การนำมาตรการนิรโทษกรรมมาใช้อย่างรอบคอบภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและหลักการปกครองด้วยกฎหมาย จึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงออกถึงวุฒิภาวะของรัฐในการจัดการกับวิกฤตความขัดแย้งในอดีตอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทุกคนสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ร่วมกัน การนิรโทษกรรมจึงมิได้เป็นเพียงการยกโทษความผิด แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐที่จะ "ลืม" เพื่อ "สร้าง" อนาคตที่มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้พลังอำนาจแห่งกฎหมายเป็นสะพานเชื่อมรอยร้าวที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติอย่างมีวาทะและมีพลัง.
    บทความกฎหมาย EP.35 นิรโทษกรรม เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ลึกซึ้งและทรงพลังของรัฐ มีความหมายโดยแท้คือการออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด เพื่อลบล้างการกระทำผิดทางอาญาบางประเภทที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ โดยมีผลให้การกระทำนั้นๆ ถูกถือว่าไม่เคยเป็นความผิดทางกฎหมายมาตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว ซึ่งนี่คือสาระสำคัญที่แยกนิรโทษกรรมออกจากการพระราชทานอภัยโทษอย่างสิ้นเชิง การอภัยโทษเป็นเพียงการลดหย่อนหรือยกเว้นโทษที่ได้รับไปแล้วหรือที่กำลังจะได้รับให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง โดยที่ความผิดทางอาญายังคงอยู่และยังปรากฏในประวัติความประพฤติของผู้นั้น แต่สำหรับนิรโทษกรรมแล้ว ผลของกฎหมายจะย้อนหลังไปถึงตัวการกระทำเอง ทำให้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน การดำเนินคดีของพนักงานอัยการ หรือการพิจารณาของศาล ต้องยุติลงทั้งหมด และผู้ที่เคยถูกตัดสินลงโทษไปแล้วก็จะพ้นจากผลของการพิพากษานั้นทันที เป็นการคืนสถานะทางกฎหมายและเกียรติความเป็นมนุษย์กลับคืนมาโดยสมบูรณ์ กลไกนี้มักถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ประเทศเผชิญกับความแตกแยกทางการเมือง ความขัดแย้งทางความคิด หรือความไม่สงบครั้งใหญ่ เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ในการประนีประนอม โดยที่รัฐยอมสละอำนาจในการลงโทษเพื่อแลกกับการสมานฉันท์และความมั่นคงระยะยาวของคนในชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายทางหลักนิติธรรมในระดับสูงสุดที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าการลงโทษเป็นรายบุคคล ดังนั้น การพิจารณาการใช้กลไกนิรโทษกรรมจึงมิใช่แค่เรื่องของการ "ยกเว้นโทษ" ธรรมดา หากแต่เป็นการตัดสินใจเชิงหลักนิติธรรมและการเมืองในระดับสูงยิ่ง ที่ต้องชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดอ่อนระหว่างหลักการความยุติธรรมทางอาญา ซึ่งเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดต้องรับผลแห่งการกระทำ กับหลักการเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมุ่งเน้นการยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองในสังคมให้กลับคืนมา การกำหนดขอบเขตของการนิรโทษกรรมจึงมีความสำคัญสูงสุด ต้องระบุประเภทความผิด เวลาที่เกิดเหตุ และกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันมิให้กลไกอันศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกใช้เป็นช่องทางในการล้างความผิดให้กับความผิดร้ายแรงทางอาญาโดยมิชอบ หรือกลายเป็นเครื่องมือที่บ่อนทำลายหลักการปกครองด้วยกฎหมายที่ผดุงความยุติธรรมพื้นฐานเอาไว้ ความท้าทายที่แท้จริงจึงอยู่ที่การหาจุดสมดุลที่กฎหมายแห่งการลบล้างความผิดสามารถนำมาซึ่งการยอมรับและสันติสุขที่แท้จริง มิใช่การสร้างบาดแผลใหม่ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมในจิตใจของผู้เสียหายและสังคม ด้วยเหตุนี้เอง การนำมาตรการนิรโทษกรรมมาใช้อย่างรอบคอบภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและหลักการปกครองด้วยกฎหมาย จึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงออกถึงวุฒิภาวะของรัฐในการจัดการกับวิกฤตความขัดแย้งในอดีตอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทุกคนสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ร่วมกัน การนิรโทษกรรมจึงมิได้เป็นเพียงการยกโทษความผิด แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐที่จะ "ลืม" เพื่อ "สร้าง" อนาคตที่มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้พลังอำนาจแห่งกฎหมายเป็นสะพานเชื่อมรอยร้าวที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติอย่างมีวาทะและมีพลัง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Surveillance Pricing: เมื่อข้อมูลส่วนตัวถูกใช้กำหนดราคาสินค้า”

    แนวคิด surveillance pricing เกิดขึ้นจากการที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การค้นหาออนไลน์ การเคลื่อนไหวของเมาส์ หรือสินค้าที่ถูกทิ้งไว้ในตะกร้า เพื่อปรับราคาสินค้าให้เหมาะกับผู้บริโภคแต่ละคน ตัวอย่างเช่น พ่อแม่มือใหม่อาจเห็นสินค้าสำหรับเด็กที่แพงกว่าคู่รักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หรือคนที่เพิ่งได้รับเงินเดือนอาจไม่ได้รับคูปองส่วนลดเหมือนคนอื่น

    แม้การตั้งราคาตามข้อมูลผู้บริโภคจะถูกกฎหมาย แต่ก็สร้างความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะราคาที่จ่ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “อุปสงค์และอุปทาน” แบบดั้งเดิม แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่บริษัทคิดว่าผู้บริโภค “ยอมจ่าย” ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบและถูกติดตามตลอดเวลา

    ในสหรัฐฯ ประเด็นนี้ถูกหยิบยกโดย Federal Trade Commission (FTC) ที่เคยเปิดรับความคิดเห็นสาธารณะ แต่ภายหลังถูกปิดไป อย่างไรก็ตาม รัฐต่าง ๆ เช่น แคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย และอิลลินอยส์ กำลังพิจารณากฎหมายเพื่อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการตั้งราคา ขณะที่รัฐนิวยอร์กถึงขั้นออกกฎหมายบังคับให้บริษัทต้องเปิดเผยหากใช้วิธีนี้ และอัยการสูงสุดได้ออกประกาศเตือนผู้บริโภคแล้ว

    นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคมองว่า surveillance pricing เป็น “การปฏิวัติที่น่ากังวล” ในระบบเศรษฐกิจ เพราะมันใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อารมณ์ ความเคลื่อนไหวสายตา หรือแม้แต่การกดแป้นพิมพ์ เพื่อกำหนดราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ผ้าอ้อมไปจนถึงขนมปัง

    สรุปเป็นหัวข้อ
    แนวคิด Surveillance Pricing
    ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การค้นหา การคลิก หรือการละทิ้งสินค้าในตะกร้า
    ตั้งราคาสินค้าแตกต่างกันตามผู้บริโภคแต่ละคน

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    พ่อแม่มือใหม่เห็นสินค้าสำหรับเด็กแพงกว่าคนอื่น
    คนที่เพิ่งได้รับเงินเดือนอาจไม่ได้รับคูปองส่วนลด

    สถานะทางกฎหมาย
    การตั้งราคาแบบนี้ยังถือว่าถูกกฎหมาย
    FTC เคยศึกษาเรื่องนี้ แต่ปิดช่องทางรับความคิดเห็นไปแล้ว

    การเคลื่อนไหวในระดับรัฐ
    แคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย และอิลลินอยส์ กำลังพิจารณากฎหมายควบคุม
    นิวยอร์กออกกฎหมายบังคับให้บริษัทเปิดเผยการใช้วิธีนี้

    ข้อกังวลต่อผู้บริโภค
    รู้สึกถูกติดตามและถูกเอาเปรียบ
    ราคาสินค้าไม่สะท้อนอุปสงค์-อุปทาน แต่สะท้อนสิ่งที่บริษัทคิดว่าผู้บริโภคยอมจ่าย

    ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม
    ใช้ข้อมูลละเอียดอ่อน เช่น อารมณ์และการเคลื่อนไหวสายตา
    อาจสร้างความไม่ไว้วางใจต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/why-039surveillance-pricing039-strikes-a-nerve
    🕵️ “Surveillance Pricing: เมื่อข้อมูลส่วนตัวถูกใช้กำหนดราคาสินค้า” แนวคิด surveillance pricing เกิดขึ้นจากการที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การค้นหาออนไลน์ การเคลื่อนไหวของเมาส์ หรือสินค้าที่ถูกทิ้งไว้ในตะกร้า เพื่อปรับราคาสินค้าให้เหมาะกับผู้บริโภคแต่ละคน ตัวอย่างเช่น พ่อแม่มือใหม่อาจเห็นสินค้าสำหรับเด็กที่แพงกว่าคู่รักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หรือคนที่เพิ่งได้รับเงินเดือนอาจไม่ได้รับคูปองส่วนลดเหมือนคนอื่น แม้การตั้งราคาตามข้อมูลผู้บริโภคจะถูกกฎหมาย แต่ก็สร้างความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะราคาที่จ่ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “อุปสงค์และอุปทาน” แบบดั้งเดิม แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่บริษัทคิดว่าผู้บริโภค “ยอมจ่าย” ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบและถูกติดตามตลอดเวลา ในสหรัฐฯ ประเด็นนี้ถูกหยิบยกโดย Federal Trade Commission (FTC) ที่เคยเปิดรับความคิดเห็นสาธารณะ แต่ภายหลังถูกปิดไป อย่างไรก็ตาม รัฐต่าง ๆ เช่น แคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย และอิลลินอยส์ กำลังพิจารณากฎหมายเพื่อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการตั้งราคา ขณะที่รัฐนิวยอร์กถึงขั้นออกกฎหมายบังคับให้บริษัทต้องเปิดเผยหากใช้วิธีนี้ และอัยการสูงสุดได้ออกประกาศเตือนผู้บริโภคแล้ว นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคมองว่า surveillance pricing เป็น “การปฏิวัติที่น่ากังวล” ในระบบเศรษฐกิจ เพราะมันใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อารมณ์ ความเคลื่อนไหวสายตา หรือแม้แต่การกดแป้นพิมพ์ เพื่อกำหนดราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ผ้าอ้อมไปจนถึงขนมปัง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ แนวคิด Surveillance Pricing ➡️ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การค้นหา การคลิก หรือการละทิ้งสินค้าในตะกร้า ➡️ ตั้งราคาสินค้าแตกต่างกันตามผู้บริโภคแต่ละคน ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ พ่อแม่มือใหม่เห็นสินค้าสำหรับเด็กแพงกว่าคนอื่น ➡️ คนที่เพิ่งได้รับเงินเดือนอาจไม่ได้รับคูปองส่วนลด ✅ สถานะทางกฎหมาย ➡️ การตั้งราคาแบบนี้ยังถือว่าถูกกฎหมาย ➡️ FTC เคยศึกษาเรื่องนี้ แต่ปิดช่องทางรับความคิดเห็นไปแล้ว ✅ การเคลื่อนไหวในระดับรัฐ ➡️ แคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย และอิลลินอยส์ กำลังพิจารณากฎหมายควบคุม ➡️ นิวยอร์กออกกฎหมายบังคับให้บริษัทเปิดเผยการใช้วิธีนี้ ‼️ ข้อกังวลต่อผู้บริโภค ⛔ รู้สึกถูกติดตามและถูกเอาเปรียบ ⛔ ราคาสินค้าไม่สะท้อนอุปสงค์-อุปทาน แต่สะท้อนสิ่งที่บริษัทคิดว่าผู้บริโภคยอมจ่าย ‼️ ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม ⛔ ใช้ข้อมูลละเอียดอ่อน เช่น อารมณ์และการเคลื่อนไหวสายตา ⛔ อาจสร้างความไม่ไว้วางใจต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/why-039surveillance-pricing039-strikes-a-nerve
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why 'surveillance pricing' strikes a nerve
    Surveillance pricing describes a practice in which a company sets a price for particular consumers based on what it gleans from their personal data.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ปฏิเสธการได้ข้อมูลลับจาก TSMC

    Lip-Bu Tan ซีอีโอของ Intel ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหารระดับสูงของ TSMC ได้นำข้อมูลเชิงลึกด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงมาให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดย Tan ย้ำว่า “นี่เป็นเพียงข่าวลือและการคาดเดา เราเคารพทรัพย์สินทางปัญญา”

    การสอบสวนของไต้หวัน
    อัยการไต้หวันได้เริ่มการสอบสวนในระดับความมั่นคงแห่งชาติ โดยตรวจสอบว่า Lo อาจนำข้อมูลกระบวนการผลิตขั้นสูง เช่น N2, A16 และ A14 ไปเผยแพร่ให้กับ Intel หรือไม่ รายงานบางฉบับระบุว่า Lo เคยขอเอกสารภายในก่อนลาออกจาก TSMC ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลอาจถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

    ความแตกต่างด้านเทคโนโลยี
    แม้จะมีข้อสงสัย แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เทคโนโลยีของ Intel (18A และ 14A) แตกต่างจากของ TSMC อย่างมาก ทำให้ข้อมูลที่ Lo อาจนำออกไปไม่สามารถนำมาใช้โดยตรงกับกระบวนการผลิตของ Intel ได้ อย่างมากก็อาจใช้เพื่อการวิเคราะห์เชิงแข่งขันเท่านั้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    กรณีนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง Intel และ TSMC ในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป และอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรในอุตสาหกรรม หากพบว่ามีการละเมิดจริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการได้ข้อมูลลับจาก TSMC
    ซีอีโอ Lip-Bu Tan ยืนยันว่า “เคารพทรัพย์สินทางปัญญา”

    อัยการไต้หวันสอบสวน Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC
    ตรวจสอบการขอเอกสารภายในเกี่ยวกับเทคโนโลยี N2, A16, A14

    เทคโนโลยี Intel (18A, 14A) แตกต่างจาก TSMC
    ทำให้ข้อมูลที่อาจถูกนำออกมาไม่สามารถใช้ได้โดยตรง

    กรณีนี้สะท้อนการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตร

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงและทรัพย์สินทางปัญญา
    หากพบการละเมิดจริง อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการลงทุน

    ความไม่แน่นอนต่ออนาคตของ Intel และ TSMC
    การสอบสวนที่ยืดเยื้ออาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งสองบริษัท

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-ceo-rejects-reports-the-company-is-obtaining-tsmc-secrets-from-former-executive-taiwans-investigation-into-intels-controversial-recent-hire-continues
    🏭 Intel ปฏิเสธการได้ข้อมูลลับจาก TSMC Lip-Bu Tan ซีอีโอของ Intel ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหารระดับสูงของ TSMC ได้นำข้อมูลเชิงลึกด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงมาให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดย Tan ย้ำว่า “นี่เป็นเพียงข่าวลือและการคาดเดา เราเคารพทรัพย์สินทางปัญญา” 🔎 การสอบสวนของไต้หวัน อัยการไต้หวันได้เริ่มการสอบสวนในระดับความมั่นคงแห่งชาติ โดยตรวจสอบว่า Lo อาจนำข้อมูลกระบวนการผลิตขั้นสูง เช่น N2, A16 และ A14 ไปเผยแพร่ให้กับ Intel หรือไม่ รายงานบางฉบับระบุว่า Lo เคยขอเอกสารภายในก่อนลาออกจาก TSMC ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลอาจถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ⚙️ ความแตกต่างด้านเทคโนโลยี แม้จะมีข้อสงสัย แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เทคโนโลยีของ Intel (18A และ 14A) แตกต่างจากของ TSMC อย่างมาก ทำให้ข้อมูลที่ Lo อาจนำออกไปไม่สามารถนำมาใช้โดยตรงกับกระบวนการผลิตของ Intel ได้ อย่างมากก็อาจใช้เพื่อการวิเคราะห์เชิงแข่งขันเท่านั้น 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ กรณีนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง Intel และ TSMC ในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป และอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรในอุตสาหกรรม หากพบว่ามีการละเมิดจริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการได้ข้อมูลลับจาก TSMC ➡️ ซีอีโอ Lip-Bu Tan ยืนยันว่า “เคารพทรัพย์สินทางปัญญา” ✅ อัยการไต้หวันสอบสวน Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC ➡️ ตรวจสอบการขอเอกสารภายในเกี่ยวกับเทคโนโลยี N2, A16, A14 ✅ เทคโนโลยี Intel (18A, 14A) แตกต่างจาก TSMC ➡️ ทำให้ข้อมูลที่อาจถูกนำออกมาไม่สามารถใช้ได้โดยตรง ✅ กรณีนี้สะท้อนการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตร ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงและทรัพย์สินทางปัญญา ⛔ หากพบการละเมิดจริง อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการลงทุน ‼️ ความไม่แน่นอนต่ออนาคตของ Intel และ TSMC ⛔ การสอบสวนที่ยืดเยื้ออาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งสองบริษัท https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-ceo-rejects-reports-the-company-is-obtaining-tsmc-secrets-from-former-executive-taiwans-investigation-into-intels-controversial-recent-hire-continues
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.30

    อำนาจหน้าที่ของตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมายมิได้จำกัดอยู่เพียงการปรากฏกายในเครื่องแบบ แต่คือการเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการบังคับใช้กฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสาธารณชน บทบาทหลักของตำรวจจึงครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันการกระทำผิดทางอาญา การป้องปรามมิให้เกิดความวุ่นวาย ไปจนถึงภารกิจอันละเอียดอ่อนของการสืบสวนสอบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด การใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การเรียกตรวจสอบ การจับกุม หรือการควบคุมตัวชั่วคราว จึงต้องอยู่ภายใต้กรอบของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติหน้าที่อย่างชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่จะทำให้อำนาจรัฐมีความชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากประชาชน ในแง่ของการสืบสวน ตำรวจคือด่านแรกที่ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่การพิจารณาคดีในชั้นอัยการและศาล การตัดสินใจทุกครั้ง ตั้งแต่การลงบันทึกประจำวันไปจนถึงการสรุปสำนวนคดี ล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อเสรีภาพและสิทธิของบุคคล รวมถึงความยุติธรรมที่สังคมคาดหวัง การเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายจึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อการรักษาหลักนิติรัฐและนิติธรรมอย่างแท้จริง

    ภารกิจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจเป็นไปเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์พื้นฐานของรัฐและประชาชน การป้องกันอาชญากรรมมิใช่เพียงการลาดตระเวนหรือการตั้งจุดตรวจ แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์อาชญากรรมเชิงพื้นที่และเชิงสังคม การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เพื่อขจัดช่องโหว่และปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกระทำผิด สำหรับการสืบสวนอาชญากรรม ตำรวจต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญในการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การสอบปากคำ และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อเชื่อมโยงการกระทำผิดไปยังผู้ต้องหาได้อย่างปราศจากข้อสงสัย หน้าที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเป็นผู้ถืออำนาจตามกฎหมายที่ต้องใช้ดุลยพินิจภายใต้ความรับผิดชอบอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความซับซ้อนของอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ทั้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติ บทบาทของตำรวจจึงต้องพัฒนาตามทันเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

    ดังนั้น ตำรวจจึงเป็นมากกว่าผู้จับกุมหรือผู้สอบสวน แต่เป็นเสาหลักแห่งการบังคับใช้กฎหมายที่สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นในชีวิตประจำวันของพลเมืองทุกคน การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคือการแสดงออกถึงอำนาจอธิปไตยของรัฐในการคุ้มครองพลเมืองภายใต้หลักนิติธรรม ความสำเร็จของภารกิจตำรวจจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเข้มแข็งของระบบกฎหมายในสังคม การมุ่งมั่นในจรรยาบรรณ การพัฒนาความรู้ทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และการยึดมั่นในความยุติธรรม จะเป็นเกราะป้องกันและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้สังคมไทยยังคงไว้ซึ่งความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้ร่มเงาของกฎหมายตลอดไป
    บทความกฎหมาย EP.30 อำนาจหน้าที่ของตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมายมิได้จำกัดอยู่เพียงการปรากฏกายในเครื่องแบบ แต่คือการเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการบังคับใช้กฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสาธารณชน บทบาทหลักของตำรวจจึงครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันการกระทำผิดทางอาญา การป้องปรามมิให้เกิดความวุ่นวาย ไปจนถึงภารกิจอันละเอียดอ่อนของการสืบสวนสอบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด การใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การเรียกตรวจสอบ การจับกุม หรือการควบคุมตัวชั่วคราว จึงต้องอยู่ภายใต้กรอบของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติหน้าที่อย่างชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่จะทำให้อำนาจรัฐมีความชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากประชาชน ในแง่ของการสืบสวน ตำรวจคือด่านแรกที่ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่การพิจารณาคดีในชั้นอัยการและศาล การตัดสินใจทุกครั้ง ตั้งแต่การลงบันทึกประจำวันไปจนถึงการสรุปสำนวนคดี ล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อเสรีภาพและสิทธิของบุคคล รวมถึงความยุติธรรมที่สังคมคาดหวัง การเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายจึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อการรักษาหลักนิติรัฐและนิติธรรมอย่างแท้จริง ภารกิจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจเป็นไปเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์พื้นฐานของรัฐและประชาชน การป้องกันอาชญากรรมมิใช่เพียงการลาดตระเวนหรือการตั้งจุดตรวจ แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์อาชญากรรมเชิงพื้นที่และเชิงสังคม การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เพื่อขจัดช่องโหว่และปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกระทำผิด สำหรับการสืบสวนอาชญากรรม ตำรวจต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญในการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การสอบปากคำ และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อเชื่อมโยงการกระทำผิดไปยังผู้ต้องหาได้อย่างปราศจากข้อสงสัย หน้าที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเป็นผู้ถืออำนาจตามกฎหมายที่ต้องใช้ดุลยพินิจภายใต้ความรับผิดชอบอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความซับซ้อนของอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ทั้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติ บทบาทของตำรวจจึงต้องพัฒนาตามทันเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังนั้น ตำรวจจึงเป็นมากกว่าผู้จับกุมหรือผู้สอบสวน แต่เป็นเสาหลักแห่งการบังคับใช้กฎหมายที่สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นในชีวิตประจำวันของพลเมืองทุกคน การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคือการแสดงออกถึงอำนาจอธิปไตยของรัฐในการคุ้มครองพลเมืองภายใต้หลักนิติธรรม ความสำเร็จของภารกิจตำรวจจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเข้มแข็งของระบบกฎหมายในสังคม การมุ่งมั่นในจรรยาบรรณ การพัฒนาความรู้ทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และการยึดมั่นในความยุติธรรม จะเป็นเกราะป้องกันและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้สังคมไทยยังคงไว้ซึ่งความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้ร่มเงาของกฎหมายตลอดไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 720 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการคดีอาญา 8 ยื่นขอขยายเวลาอุทธรณ์ครั้งที่ 3 ในคดี “ทักษิณ” หมิ่นเบื้องสูง หลังอัยการสูงสุดมีความเห็นให้ยื่นอุทธรณ์ แต่ยังอยู่ระหว่างการร่างคำอุทธรณ์ จึงต้องขอขยายเวลาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ผิดพลาดก่อนถึงกำหนด 21 พ.ย.

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000111082

    #ทักษิณ #คดี112 #อัยการ #คดีอาญา8 #การเมืองไทย #News1live #News1
    อัยการคดีอาญา 8 ยื่นขอขยายเวลาอุทธรณ์ครั้งที่ 3 ในคดี “ทักษิณ” หมิ่นเบื้องสูง หลังอัยการสูงสุดมีความเห็นให้ยื่นอุทธรณ์ แต่ยังอยู่ระหว่างการร่างคำอุทธรณ์ จึงต้องขอขยายเวลาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ผิดพลาดก่อนถึงกำหนด 21 พ.ย. • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000111082 • #ทักษิณ #คดี112 #อัยการ #คดีอาญา8 #การเมืองไทย #News1live #News1
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุเพื่อความปลอดภัยของเด็ก

    Roblox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ยอดนิยมประกาศว่าจะเริ่มใช้ระบบ ตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์แชทได้ โดยผู้ใช้ต้องถ่าย ภาพเซลฟี เพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ และจัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อป้องกันการสื่อสารระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางออนไลน์

    มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจาก Roblox ถูกวิจารณ์อย่างหนักจาก รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ว่าไม่สามารถปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเด็กจากภัยคุกคามทางออนไลน์ได้เพียงพอ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่บริษัทกำลังเผชิญ คดีความจากอัยการรัฐ Texas, Kentucky และ Louisiana รวมถึงผู้ฟ้องร้องรายบุคคลที่กล่าวหาว่า Roblox ล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยของเยาวชน

    Matt Kaufman หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Roblox ระบุว่า บริษัทต้องการเป็นตัวอย่างให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เห็นว่า การตรวจสอบอายุไม่ใช่เรื่อง “เป็นไปไม่ได้” แต่สามารถทำได้จริงหากมีความตั้งใจ โดยการบังคับใช้ครั้งแรกจะเริ่มใน ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เดือนธันวาคม 2025 และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเดือนมกราคม 2026

    แม้ระบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อถกเถียงเรื่อง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ที่ผู้ใช้ต้องส่งให้ Roblox ซึ่งอาจสร้างความกังวลว่าบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไรในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า
    ผู้เล่นต้องถ่ายเซลฟีเพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ

    จัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย
    เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อจำกัดการแชทระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่

    เริ่มใช้ในออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์
    เดือนธันวาคม 2025 ก่อนขยายไปทั่วโลกในเดือนมกราคม 2026

    มาตรการเกิดจากแรงกดดันและคดีความในสหรัฐฯ
    อัยการรัฐและผู้ฟ้องร้องกล่าวหาว่า Roblox ไม่ปกป้องเด็กเพียงพอ

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ
    ผู้ใช้ต้องส่งข้อมูลใบหน้า ซึ่งอาจถูกเก็บและนำไปใช้ในอนาคต

    การแบ่งกลุ่มอายุอาจไม่แม่นยำ 100%
    ระบบ AI อาจประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดข้อโต้แย้งหรือปัญหาในการใช้งาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/roblox-to-require-age-checks-to-use-platform039s-chat-features
    🧒 Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุเพื่อความปลอดภัยของเด็ก Roblox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ยอดนิยมประกาศว่าจะเริ่มใช้ระบบ ตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์แชทได้ โดยผู้ใช้ต้องถ่าย ภาพเซลฟี เพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ และจัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อป้องกันการสื่อสารระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางออนไลน์ มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจาก Roblox ถูกวิจารณ์อย่างหนักจาก รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ว่าไม่สามารถปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเด็กจากภัยคุกคามทางออนไลน์ได้เพียงพอ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่บริษัทกำลังเผชิญ คดีความจากอัยการรัฐ Texas, Kentucky และ Louisiana รวมถึงผู้ฟ้องร้องรายบุคคลที่กล่าวหาว่า Roblox ล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยของเยาวชน Matt Kaufman หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Roblox ระบุว่า บริษัทต้องการเป็นตัวอย่างให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เห็นว่า การตรวจสอบอายุไม่ใช่เรื่อง “เป็นไปไม่ได้” แต่สามารถทำได้จริงหากมีความตั้งใจ โดยการบังคับใช้ครั้งแรกจะเริ่มใน ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เดือนธันวาคม 2025 และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเดือนมกราคม 2026 แม้ระบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อถกเถียงเรื่อง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ที่ผู้ใช้ต้องส่งให้ Roblox ซึ่งอาจสร้างความกังวลว่าบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไรในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า ➡️ ผู้เล่นต้องถ่ายเซลฟีเพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ ✅ จัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย ➡️ เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อจำกัดการแชทระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ✅ เริ่มใช้ในออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ➡️ เดือนธันวาคม 2025 ก่อนขยายไปทั่วโลกในเดือนมกราคม 2026 ✅ มาตรการเกิดจากแรงกดดันและคดีความในสหรัฐฯ ➡️ อัยการรัฐและผู้ฟ้องร้องกล่าวหาว่า Roblox ไม่ปกป้องเด็กเพียงพอ ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ ⛔ ผู้ใช้ต้องส่งข้อมูลใบหน้า ซึ่งอาจถูกเก็บและนำไปใช้ในอนาคต ‼️ การแบ่งกลุ่มอายุอาจไม่แม่นยำ 100% ⛔ ระบบ AI อาจประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดข้อโต้แย้งหรือปัญหาในการใช้งาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/roblox-to-require-age-checks-to-use-platform039s-chat-features
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Roblox to require age checks to use platform's chat features
    WASHINGTON (Reuters) -Gaming platform Roblox will require users to verify their age using facial recognition software to chat with other players, a company executive said, with the goal of limiting communication between kids and adults on the platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.27

    อาชญากรรมที่เรียกว่า "ฉ้อโกง" นั้น มิได้เป็นเพียงการสูญเสียทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นในสังคม และสร้างบาดแผลทางกฎหมายที่ลึกซึ้ง คำว่า "ฉ้อโกง" ในทางกฎหมายอาญาของไทยนั้น ครอบคลุมการกระทำที่ผู้กระทำมีเจตนาทุจริต โดยใช้อุบายหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และการหลอกลวงนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหลอกลวงหลงเชื่อและยอมส่งมอบ ทรัพย์สินให้แก่ผู้กระทำความผิดหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงได้รับผลกระทบทางทรัพย์สินที่เป็นโทษแก่ตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นฐานความผิดหลักสำหรับคดีฉ้อโกงธรรมดา โทษทางกฎหมายสำหรับความผิดฐานฉ้อโกงนั้น กำหนดไว้ชัดเจนว่าผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของคดีฉ้อโกงมักปรากฏเมื่อเข้าข่ายความผิดที่หนักขึ้น เช่น การฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343 ซึ่งเป็นการหลอกลวงประชาชนตั้งแต่สิบคนขึ้นไป หรือเป็นการหลอกลวงผ่านระบบคอมพิวเตอร์และสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่เป็นการเผยแพร่ข้อมูลอย่างกว้างขวาง โดยมีเจตนาให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดและมอบทรัพย์สินให้ ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนนี้มีโทษรุนแรงกว่า คือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเมื่อการกระทำความผิดนั้นเกิดขึ้นในรูปแบบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น มีการจัดตั้งเป็นองค์กรอาชญากรรม หรือมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการหลอกลวงเป็นวงกว้าง เช่น คดี Call Center หรือ Romance Scam จะมีการใช้กฎหมายเฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มโทษ เช่น พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมุ่งเน้นการลงโทษผู้กระทำความผิดที่ใช้เครื่องมือดิจิทัลในการก่ออาชญากรรมอย่างหนักหน่วงขึ้น เพื่อเป็นการป้องปราม การดำเนินการทางกฎหมายในคดีฉ้อโกงจึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งพยานหลักฐานทางเอกสาร พยานบุคคล และพยานหลักฐานทางดิจิทัล เพื่อพิสูจน์ "เจตนาทุจริต" ของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของความผิดฐานนี้ การรับรู้และเข้าใจถึงขอบเขตของกฎหมายเหล่านี้จึงเป็นเกราะป้องกันชั้นดีสำหรับประชาชน และเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับเจ้าหน้าที่ในการยุติภัยอาชญากรรมทางการเงิน

    การดำเนินคดีฉ้อโกงตามกฎหมายนั้น เริ่มต้นจากการที่ผู้เสียหายจะต้องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งการแจ้งความนี้จะต้องกระทำภายในอายุความที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีฉ้อโกงธรรมดาซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้นั้น อายุความคือสามเดือนนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจะสิ้นสุดลงทันที แต่สำหรับความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนนั้น ถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดินที่ไม่อาจยอมความได้ และมีอายุความที่ยาวนานกว่าคือสิบปีนับแต่วันกระทำความผิด การแยกแยะประเภทของความผิดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาผลประโยชน์ของผู้เสียหาย เมื่อมีการแจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวนจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และหากพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาล การพิจารณาคดีในศาลจะเน้นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำ "การหลอกลวง" จริง และการหลอกลวงนั้นได้ทำให้ผู้เสียหาย "หลงเชื่อ" จนนำมาซึ่งการ "ส่งมอบทรัพย์สิน" หรือ "การได้รับผลกระทบทางทรัพย์สิน" อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนควรตระหนักคือ ในหลายกรณีที่ผู้เสียหายต้องการทรัพย์สินคืน การฟ้องคดีอาญาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากคดีอาญามุ่งเน้นที่การลงโทษผู้กระทำความผิดทางกายภาพ (จำคุก) และทางการเงิน (ปรับ) เท่านั้น ดังนั้นผู้เสียหายจึงต้องใช้สิทธิทางแพ่งควบคู่กันไป โดยอาจยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้กระทำความผิดชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา หรือแยกไปฟ้องเป็นคดีแพ่งต่างหากเพื่อเรียกทรัพย์สินหรือค่าเสียหายคืน การดำเนินการทางแพ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการบังคับคดี การติดตามทรัพย์สินที่ถูกฉ้อโกงคืนมานั้น มักเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการโอนย้ายทรัพย์สินไปยังบุคคลอื่นหรือต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการมีที่ปรึกษาทางกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่งจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถเข้าถึงความยุติธรรมและได้รับความเสียหายชดเชยอย่างเต็มที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย

    ท้ายที่สุดแล้ว ภัยฉ้อโกงที่แฝงตัวอยู่ในโลกปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบดั้งเดิมหรือรูปแบบดิจิทัลก็ตาม เป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับระบบกฎหมายไทยในการปรับตัวและตอบสนองต่อกลโกงที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง การป้องกันที่ดีที่สุดมิใช่เพียงการจับกุมและลงโทษผู้กระทำความผิดเท่านั้น แต่คือการสร้างภูมิคุ้มกันทางกฎหมายให้กับประชาชน การตระหนักว่ากฎหมายฉ้อโกงมิใช่แค่เรื่องของ "การหลอกลวง" แต่คือเรื่องของ "เจตนาทุจริต" ที่มุ่งหมายเอาเปรียบผู้อื่นอย่างไม่ชอบธรรม และการเข้าใจถึงสิทธิและอายุความในการดำเนินคดี เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องยึดถือไว้เสมอ หากคุณตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง สิ่งสำคัญที่สุดคือการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง การโอนเงิน หรือการติดต่อสื่อสาร และรีบดำเนินการทางกฎหมายทันที อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนพ้นอายุความ การใช้สิทธิเรียกร้องความยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถูกต้องและรวดเร็ว จะเป็นหนทางเดียวที่จะนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการลงโทษและเปิดโอกาสในการเรียกทรัพย์สินคืนมา ซึ่งเป็นการยืนยันหลักการที่ว่า ไม่มีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจใดที่จะอยู่เหนือกฎหมายได้ ความเชี่ยวชาญในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดและเด็ดขาดเท่านั้น จึงจะสามารถยุติวงจรของการฉ้อโกงและฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยและความเชื่อมั่นในสังคมให้กลับคืนมาได้อีกครั้ง
    บทความกฎหมาย EP.27 อาชญากรรมที่เรียกว่า "ฉ้อโกง" นั้น มิได้เป็นเพียงการสูญเสียทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นในสังคม และสร้างบาดแผลทางกฎหมายที่ลึกซึ้ง คำว่า "ฉ้อโกง" ในทางกฎหมายอาญาของไทยนั้น ครอบคลุมการกระทำที่ผู้กระทำมีเจตนาทุจริต โดยใช้อุบายหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และการหลอกลวงนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหลอกลวงหลงเชื่อและยอมส่งมอบ ทรัพย์สินให้แก่ผู้กระทำความผิดหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงได้รับผลกระทบทางทรัพย์สินที่เป็นโทษแก่ตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นฐานความผิดหลักสำหรับคดีฉ้อโกงธรรมดา โทษทางกฎหมายสำหรับความผิดฐานฉ้อโกงนั้น กำหนดไว้ชัดเจนว่าผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของคดีฉ้อโกงมักปรากฏเมื่อเข้าข่ายความผิดที่หนักขึ้น เช่น การฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343 ซึ่งเป็นการหลอกลวงประชาชนตั้งแต่สิบคนขึ้นไป หรือเป็นการหลอกลวงผ่านระบบคอมพิวเตอร์และสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่เป็นการเผยแพร่ข้อมูลอย่างกว้างขวาง โดยมีเจตนาให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดและมอบทรัพย์สินให้ ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนนี้มีโทษรุนแรงกว่า คือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเมื่อการกระทำความผิดนั้นเกิดขึ้นในรูปแบบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น มีการจัดตั้งเป็นองค์กรอาชญากรรม หรือมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการหลอกลวงเป็นวงกว้าง เช่น คดี Call Center หรือ Romance Scam จะมีการใช้กฎหมายเฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มโทษ เช่น พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมุ่งเน้นการลงโทษผู้กระทำความผิดที่ใช้เครื่องมือดิจิทัลในการก่ออาชญากรรมอย่างหนักหน่วงขึ้น เพื่อเป็นการป้องปราม การดำเนินการทางกฎหมายในคดีฉ้อโกงจึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งพยานหลักฐานทางเอกสาร พยานบุคคล และพยานหลักฐานทางดิจิทัล เพื่อพิสูจน์ "เจตนาทุจริต" ของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของความผิดฐานนี้ การรับรู้และเข้าใจถึงขอบเขตของกฎหมายเหล่านี้จึงเป็นเกราะป้องกันชั้นดีสำหรับประชาชน และเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับเจ้าหน้าที่ในการยุติภัยอาชญากรรมทางการเงิน การดำเนินคดีฉ้อโกงตามกฎหมายนั้น เริ่มต้นจากการที่ผู้เสียหายจะต้องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งการแจ้งความนี้จะต้องกระทำภายในอายุความที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีฉ้อโกงธรรมดาซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้นั้น อายุความคือสามเดือนนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจะสิ้นสุดลงทันที แต่สำหรับความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนนั้น ถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดินที่ไม่อาจยอมความได้ และมีอายุความที่ยาวนานกว่าคือสิบปีนับแต่วันกระทำความผิด การแยกแยะประเภทของความผิดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาผลประโยชน์ของผู้เสียหาย เมื่อมีการแจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวนจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และหากพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาล การพิจารณาคดีในศาลจะเน้นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำ "การหลอกลวง" จริง และการหลอกลวงนั้นได้ทำให้ผู้เสียหาย "หลงเชื่อ" จนนำมาซึ่งการ "ส่งมอบทรัพย์สิน" หรือ "การได้รับผลกระทบทางทรัพย์สิน" อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนควรตระหนักคือ ในหลายกรณีที่ผู้เสียหายต้องการทรัพย์สินคืน การฟ้องคดีอาญาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากคดีอาญามุ่งเน้นที่การลงโทษผู้กระทำความผิดทางกายภาพ (จำคุก) และทางการเงิน (ปรับ) เท่านั้น ดังนั้นผู้เสียหายจึงต้องใช้สิทธิทางแพ่งควบคู่กันไป โดยอาจยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้กระทำความผิดชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา หรือแยกไปฟ้องเป็นคดีแพ่งต่างหากเพื่อเรียกทรัพย์สินหรือค่าเสียหายคืน การดำเนินการทางแพ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการบังคับคดี การติดตามทรัพย์สินที่ถูกฉ้อโกงคืนมานั้น มักเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการโอนย้ายทรัพย์สินไปยังบุคคลอื่นหรือต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการมีที่ปรึกษาทางกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่งจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถเข้าถึงความยุติธรรมและได้รับความเสียหายชดเชยอย่างเต็มที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ท้ายที่สุดแล้ว ภัยฉ้อโกงที่แฝงตัวอยู่ในโลกปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบดั้งเดิมหรือรูปแบบดิจิทัลก็ตาม เป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับระบบกฎหมายไทยในการปรับตัวและตอบสนองต่อกลโกงที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง การป้องกันที่ดีที่สุดมิใช่เพียงการจับกุมและลงโทษผู้กระทำความผิดเท่านั้น แต่คือการสร้างภูมิคุ้มกันทางกฎหมายให้กับประชาชน การตระหนักว่ากฎหมายฉ้อโกงมิใช่แค่เรื่องของ "การหลอกลวง" แต่คือเรื่องของ "เจตนาทุจริต" ที่มุ่งหมายเอาเปรียบผู้อื่นอย่างไม่ชอบธรรม และการเข้าใจถึงสิทธิและอายุความในการดำเนินคดี เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องยึดถือไว้เสมอ หากคุณตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง สิ่งสำคัญที่สุดคือการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง การโอนเงิน หรือการติดต่อสื่อสาร และรีบดำเนินการทางกฎหมายทันที อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนพ้นอายุความ การใช้สิทธิเรียกร้องความยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถูกต้องและรวดเร็ว จะเป็นหนทางเดียวที่จะนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการลงโทษและเปิดโอกาสในการเรียกทรัพย์สินคืนมา ซึ่งเป็นการยืนยันหลักการที่ว่า ไม่มีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจใดที่จะอยู่เหนือกฎหมายได้ ความเชี่ยวชาญในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดและเด็ดขาดเท่านั้น จึงจะสามารถยุติวงจรของการฉ้อโกงและฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยและความเชื่อมั่นในสังคมให้กลับคืนมาได้อีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 699 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการสูงสุดมีคำสั่ง ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 "ทักษิณ ชินวัตร" ต่อศาลอุทธรณ์ ภายในกรอบ 21 พ.ย. นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/22424/
    .
    #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #คดี112 #อัยการสูงสุด #ยื่นอุทธรณ์ #ศาลอุทธรณ์

    อัยการสูงสุดมีคำสั่ง ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 "ทักษิณ ชินวัตร" ต่อศาลอุทธรณ์ ภายในกรอบ 21 พ.ย. นี้ https://www.thai-tai.tv/news/22424/ . #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #คดี112 #อัยการสูงสุด #ยื่นอุทธรณ์ #ศาลอุทธรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิบากกรรมทักษิณ คดี 112-ภาษีชินคอร์ปฯ

    17 พ.ย. ถือเป็นอีกวันหนึ่งที่มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร สองเรื่องในวันเดียว เรื่องแรก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด มีความเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 หลังศาลอาญาพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดยื่นขยายระยะเวลาต่อศาลอาญาครั้งที่ 2 ไปถึงวันที่ 21 พ.ย. หลังจากนี้ คำสั่งของอัยการสูงสุดจะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวน เพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดคนที่แล้ว มีคำสั่งให้นำเรื่องการยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 ของอัยการสูงสุด ขณะนั้นมีมติ 8 ต่อ 2 เห็นควรไม่อุทธรณ์

    ผ่านไปไม่นาน เรื่องที่สองตามมา ศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ และศาลภาษีอากรกลาง ยกฟ้องคดีที่นายทักษิณฟ้องกรมสรรพากร และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่แจ้งให้นายทักษิณจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีผลให้นายทักษิณ ต้องจ่ายภาษีตามคำสั่งเรียกเก็บจำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท

    ศาลเห็นว่าการที่นายทักษิณปกปิดหุ้นชินคอร์ปฯ โดยให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองเเท้ และ น.ส.พินทองทา ถือหุ้นแทน เพราะจะเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายห้ามมิให้โจทก์ถือหุ้น ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย อีกทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่น รวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์

    คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากนายทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ มูลค่า 73,271 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหุ้นที่ถือครองแทนนายทักษิณ ในชื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซื้อมาจากบริษัท แอมเพิลริช ในราคาหุ้นละ 1 บาท แล้วนำไปขายต่อให้กลุ่มเทมาเส็กในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมามีคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ซึ่งระบุว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริง กรมสรรพากรจึงตีความว่านายทักษิณควรเป็นผู้มีเงินได้และต้องเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดา

    #Newskit
    วิบากกรรมทักษิณ คดี 112-ภาษีชินคอร์ปฯ 17 พ.ย. ถือเป็นอีกวันหนึ่งที่มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร สองเรื่องในวันเดียว เรื่องแรก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด มีความเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 หลังศาลอาญาพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดยื่นขยายระยะเวลาต่อศาลอาญาครั้งที่ 2 ไปถึงวันที่ 21 พ.ย. หลังจากนี้ คำสั่งของอัยการสูงสุดจะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวน เพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดคนที่แล้ว มีคำสั่งให้นำเรื่องการยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 ของอัยการสูงสุด ขณะนั้นมีมติ 8 ต่อ 2 เห็นควรไม่อุทธรณ์ ผ่านไปไม่นาน เรื่องที่สองตามมา ศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ และศาลภาษีอากรกลาง ยกฟ้องคดีที่นายทักษิณฟ้องกรมสรรพากร และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่แจ้งให้นายทักษิณจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีผลให้นายทักษิณ ต้องจ่ายภาษีตามคำสั่งเรียกเก็บจำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท ศาลเห็นว่าการที่นายทักษิณปกปิดหุ้นชินคอร์ปฯ โดยให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองเเท้ และ น.ส.พินทองทา ถือหุ้นแทน เพราะจะเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายห้ามมิให้โจทก์ถือหุ้น ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย อีกทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่น รวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์ คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากนายทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ มูลค่า 73,271 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหุ้นที่ถือครองแทนนายทักษิณ ในชื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซื้อมาจากบริษัท แอมเพิลริช ในราคาหุ้นละ 1 บาท แล้วนำไปขายต่อให้กลุ่มเทมาเส็กในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมามีคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ซึ่งระบุว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริง กรมสรรพากรจึงตีความว่านายทักษิณควรเป็นผู้มีเงินได้และต้องเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดา #Newskit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.26

    ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา "จุดเกิดเหตุ" หรือ Scene of Crime นั้นมิได้เป็นเพียงสถานที่ทางกายภาพที่เหตุอาชญากรรมได้อุบัติขึ้น หากแต่เป็นขุมทรัพย์แห่งพยานหลักฐาน เป็นต้นทางของการคลี่คลายคดี และเป็นรากฐานสำคัญในการพิสูจน์ความจริงและแสวงหาความยุติธรรมตามกฎหมาย จุดเกิดเหตุคือพื้นที่ซึ่งความประพฤติอันมิชอบด้วยกฎหมายได้ทิ้งร่องรอยไว้ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยทางกายภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ เส้นใย เศษแก้ว อาวุธ หรือร่องรอยทางสภาพแวดล้อม เช่น ตำแหน่งวัตถุ ทิศทางของรอยเลือด หรือลักษณะของความเสียหาย กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามอบอำนาจและหน้าที่อันสำคัญยิ่งให้แก่เจ้าพนักงานผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานสอบสวน ในการเข้าควบคุมและจัดการกับจุดเกิดเหตุอย่างเป็นระบบและรัดกุมที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพยานหลักฐานทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาและบันทึกไว้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และปราศจากการปนเปื้อน การดำเนินการที่จุดเกิดเหตุจึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัดของกฎหมายและหลักนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อรักษาความชอบด้วยกฎหมาย (Admissibility) และน้ำหนัก (Weight) ของพยานหลักฐานเหล่านั้น เมื่อนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดี ความล้มเหลวในการจัดการจุดเกิดเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการละเลย การทำลาย หรือการทำให้พยานหลักฐานสำคัญปนเปื้อน ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถของพนักงานอัยการในการนำสืบให้ศาลเห็นถึงการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลย และอาจนำไปสู่ความผิดพลาดทางกระบวนการยุติธรรมได้ จุดเกิดเหตุจึงเป็นด่านแรกของการใช้กฎหมายอาญาอย่างแท้จริง เป็นพรมแดนที่ความจริงทางวัตถุต้องได้รับการแปลความหมายตามหลักการทางกฎหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินที่ยุติธรรม

    การเข้าตรวจค้นและเก็บพยานหลักฐานที่จุดเกิดเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ซึ่งวางกรอบอำนาจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ไว้ชัดเจน อาทิ การเข้าทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การค้น การยึด หรือการอายัดพยานหลักฐาน ต้องกระทำภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยอาจต้องมีหมายค้นจากศาลเป็นหลัก เว้นแต่ในสถานการณ์เร่งด่วนที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้โดยไม่มีหมายค้น เช่น การเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือการเข้าช่วยเหลือบุคคลในภยันตราย โดยมีเหตุผลอันสมควรและความจำเป็นเป็นข้อจำกัดในการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน การปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างข้อเท็จจริงทางวัตถุกับข้อกฎหมายอย่างแนบแน่น พยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุจะถูกนำไปใช้ในการสร้างสายใยแห่งหลักฐาน หรือที่เรียกว่า Chain of Custody ซึ่งเป็นการบันทึกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการค้นพบ การจัดเก็บ การรักษา การส่งมอบ ไปจนถึงการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ และการนำเสนอต่อศาล การรักษา Chain of Custody อย่างสมบูรณ์และโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการยืนยันความแท้จริงและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานเหล่านั้น เพื่อให้ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรมตามหลักกฎหมาย การตีความหลักฐานที่จุดเกิดเหตุยังต้องอาศัยหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วยสนับสนุนข้อสรุปทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการผสานองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ากับกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้การวินิจฉัยความผิดนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากกว่าเพียงแค่คำให้การหรือข้อสันนิษฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีอาญาร้ายแรง หลักฐานที่จุดเกิดเหตุมักเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ในการผูกมัดผู้กระทำความผิด หรือในทางกลับกัน อาจนำไปสู่การยกฟ้องหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาได้

    สรุปได้ว่า จุดเกิดเหตุไม่ใช่เพียงฉากของอาชญากรรม แต่เป็นแหล่งกำเนิดของข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ต้องได้รับการคุ้มครองและจัดการด้วยความระมัดระวังสูงสุดภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักนิติธรรม ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จหรือล้มเหลวในการนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องและชอบธรรม การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จุดเกิดเหตุจึงเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการด้วยความเชี่ยวชาญ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างสูงสุด เพราะทุกร่องรอยและทุกวัตถุ ณ จุดนั้น ล้วนเป็นพยานเงียบที่จะนำพาไปสู่การค้นหาความจริงและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายในสังคม การให้ความสำคัญกับจุดเกิดเหตุคือการให้ความสำคัญกับหลักฐานทางวัตถุ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพิสูจน์ในศาลตามแนวทางแห่งนิติรัฐ
    บทความกฎหมาย EP.26 ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา "จุดเกิดเหตุ" หรือ Scene of Crime นั้นมิได้เป็นเพียงสถานที่ทางกายภาพที่เหตุอาชญากรรมได้อุบัติขึ้น หากแต่เป็นขุมทรัพย์แห่งพยานหลักฐาน เป็นต้นทางของการคลี่คลายคดี และเป็นรากฐานสำคัญในการพิสูจน์ความจริงและแสวงหาความยุติธรรมตามกฎหมาย จุดเกิดเหตุคือพื้นที่ซึ่งความประพฤติอันมิชอบด้วยกฎหมายได้ทิ้งร่องรอยไว้ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยทางกายภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ เส้นใย เศษแก้ว อาวุธ หรือร่องรอยทางสภาพแวดล้อม เช่น ตำแหน่งวัตถุ ทิศทางของรอยเลือด หรือลักษณะของความเสียหาย กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามอบอำนาจและหน้าที่อันสำคัญยิ่งให้แก่เจ้าพนักงานผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานสอบสวน ในการเข้าควบคุมและจัดการกับจุดเกิดเหตุอย่างเป็นระบบและรัดกุมที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพยานหลักฐานทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาและบันทึกไว้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และปราศจากการปนเปื้อน การดำเนินการที่จุดเกิดเหตุจึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัดของกฎหมายและหลักนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อรักษาความชอบด้วยกฎหมาย (Admissibility) และน้ำหนัก (Weight) ของพยานหลักฐานเหล่านั้น เมื่อนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดี ความล้มเหลวในการจัดการจุดเกิดเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการละเลย การทำลาย หรือการทำให้พยานหลักฐานสำคัญปนเปื้อน ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถของพนักงานอัยการในการนำสืบให้ศาลเห็นถึงการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลย และอาจนำไปสู่ความผิดพลาดทางกระบวนการยุติธรรมได้ จุดเกิดเหตุจึงเป็นด่านแรกของการใช้กฎหมายอาญาอย่างแท้จริง เป็นพรมแดนที่ความจริงทางวัตถุต้องได้รับการแปลความหมายตามหลักการทางกฎหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินที่ยุติธรรม การเข้าตรวจค้นและเก็บพยานหลักฐานที่จุดเกิดเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ซึ่งวางกรอบอำนาจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ไว้ชัดเจน อาทิ การเข้าทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การค้น การยึด หรือการอายัดพยานหลักฐาน ต้องกระทำภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยอาจต้องมีหมายค้นจากศาลเป็นหลัก เว้นแต่ในสถานการณ์เร่งด่วนที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้โดยไม่มีหมายค้น เช่น การเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือการเข้าช่วยเหลือบุคคลในภยันตราย โดยมีเหตุผลอันสมควรและความจำเป็นเป็นข้อจำกัดในการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน การปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างข้อเท็จจริงทางวัตถุกับข้อกฎหมายอย่างแนบแน่น พยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุจะถูกนำไปใช้ในการสร้างสายใยแห่งหลักฐาน หรือที่เรียกว่า Chain of Custody ซึ่งเป็นการบันทึกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการค้นพบ การจัดเก็บ การรักษา การส่งมอบ ไปจนถึงการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ และการนำเสนอต่อศาล การรักษา Chain of Custody อย่างสมบูรณ์และโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการยืนยันความแท้จริงและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานเหล่านั้น เพื่อให้ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรมตามหลักกฎหมาย การตีความหลักฐานที่จุดเกิดเหตุยังต้องอาศัยหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วยสนับสนุนข้อสรุปทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการผสานองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ากับกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้การวินิจฉัยความผิดนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากกว่าเพียงแค่คำให้การหรือข้อสันนิษฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีอาญาร้ายแรง หลักฐานที่จุดเกิดเหตุมักเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ในการผูกมัดผู้กระทำความผิด หรือในทางกลับกัน อาจนำไปสู่การยกฟ้องหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาได้ สรุปได้ว่า จุดเกิดเหตุไม่ใช่เพียงฉากของอาชญากรรม แต่เป็นแหล่งกำเนิดของข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ต้องได้รับการคุ้มครองและจัดการด้วยความระมัดระวังสูงสุดภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักนิติธรรม ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จหรือล้มเหลวในการนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องและชอบธรรม การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จุดเกิดเหตุจึงเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการด้วยความเชี่ยวชาญ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างสูงสุด เพราะทุกร่องรอยและทุกวัตถุ ณ จุดนั้น ล้วนเป็นพยานเงียบที่จะนำพาไปสู่การค้นหาความจริงและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายในสังคม การให้ความสำคัญกับจุดเกิดเหตุคือการให้ความสำคัญกับหลักฐานทางวัตถุ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพิสูจน์ในศาลตามแนวทางแห่งนิติรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” เหนื่อยอีก อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดี 112 , รายงานระบุอิทธิพรมีความเห็นเห็นควรอุทธรณ์ แม้คณะกรรมการพิจารณาคดี 112 เคยมีมติ 8–2 ไม่อุทธรณ์

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109615

    #ทักษิณชินวัตร #คดี112 #อัยการสูงสุด #การเมืองไทย #ศาลอาญา #News1live #News1
    “ทักษิณ” เหนื่อยอีก อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดี 112 , รายงานระบุอิทธิพรมีความเห็นเห็นควรอุทธรณ์ แม้คณะกรรมการพิจารณาคดี 112 เคยมีมติ 8–2 ไม่อุทธรณ์ • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109615 • #ทักษิณชินวัตร #คดี112 #อัยการสูงสุด #การเมืองไทย #ศาลอาญา #News1live #News1
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื้องหลังอัยการสูงสุดเล่นงานแม้วคดี112 เพราะเสี่ยเน เป็นคนไฟเขียวให้สว.สีน้ำเงินตั้งอิทธิพร แก้วทิพย์ เป็นอัยการสูงสุด จึงต้องตอบแทนเสี่ยเน ตามแผนบดขยี้กระทืบซ้ำเสี่ยแม้วและเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้ง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เบื้องหลังอัยการสูงสุดเล่นงานแม้วคดี112 เพราะเสี่ยเน เป็นคนไฟเขียวให้สว.สีน้ำเงินตั้งอิทธิพร แก้วทิพย์ เป็นอัยการสูงสุด จึงต้องตอบแทนเสี่ยเน ตามแผนบดขยี้กระทืบซ้ำเสี่ยแม้วและเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้ง #คิงส์โพธิ์แดง
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนีไม่พ้นกรรม อัยการสูงสุด พลิกมติ สั่งฟ้องทักษิณ คดี 112 เคยให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้
    #7ดอกจิก
    หนีไม่พ้นกรรม อัยการสูงสุด พลิกมติ สั่งฟ้องทักษิณ คดี 112 เคยให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองโฆษกอัยการแจงเหตุออกหมายจับ “สันธนะ” คดีอุ้มรีดไถชาวไต้หวัน , อัยการเผยสาเหตุออกหมายจับ หลังสันธนะเบี้ยวนัดส่งตัวฟ้อง 2 ครั้งติด ยันไม่เคยยื่นขอความเป็นธรรม และตำรวจต้องตามขั้นตอนกฎหมาย
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000108834
    .
    #News1live #News1 #สันธนะ #หมายจับสันธนะ #คดีเรียกค่าไถ่ #อัยการสูงสุด #สนทองหล่อ #ข่าวอาชญากรรม #คดีอุ้มรีดไถ #ThailandNews #newsupdate
    รองโฆษกอัยการแจงเหตุออกหมายจับ “สันธนะ” คดีอุ้มรีดไถชาวไต้หวัน , อัยการเผยสาเหตุออกหมายจับ หลังสันธนะเบี้ยวนัดส่งตัวฟ้อง 2 ครั้งติด ยันไม่เคยยื่นขอความเป็นธรรม และตำรวจต้องตามขั้นตอนกฎหมาย . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000108834 . #News1live #News1 #สันธนะ #หมายจับสันธนะ #คดีเรียกค่าไถ่ #อัยการสูงสุด #สนทองหล่อ #ข่าวอาชญากรรม #คดีอุ้มรีดไถ #ThailandNews #newsupdate
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 588 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ต้องวัดใจกองทัพไทย ผบ.สส. ผบ.ทบ. ผบ.ทอ. ผบ.ทร. ผบ.ตร. เราว่ามีน้ำยา มีฝีมือ มีใจสร้างอธิปไตยความมั่นคงไทยเราของแท้มั้ย คือการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศเราทันทีไว้ก่อน ก่อนเขมรมันจะเปิดหรือเราชอบธรรมแล้วหลังเขมรทำทหารไทยเราขาขาดอีกโดยการยิงในลักษณะวางกับระเบิดใส่ทหารไทย ยิงทหารไทยเราก่อนอีกแล้ว เราสามารถเปิดก่อนปกป้องอธิปไตยชาติไทยเราได้ชัดเจนทันที.

    ..ทหารไทยจะกากจะกระจอก จะควบคุมความมั่นคงขาติไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จแท้จริงก่อนก็ต้องงานนี้ เพราะรัฐบาลไทยมันรบห่าเหวป้องกันประเทศเราไม่ได้หรอก ฝ่ายค้านหดหัวเก็บตูดหมด หัวหดตดหายหมด ไร้ราคานานแล้วด้วย ทหารไทยเกรงใจฝ่ายค้านต้องดูสีหน้าฝ่ายค้านก่อนด้วยเหรอ,ทหารไทยดูรัฐบาลหนูสิ ตอนอึมครึมมันยังมีหนังหน้าไปเซ็นต์ยกแร่เอิร์ธให้อเมริกาอ้างเพื่ออยากได้นวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิต คงแบบบ่อน้ำมันไทยเต็มประเทศไทยนั้นล่ะ เราไม่มีเทคโนโลยีการผลิตจึงต้องรีบยกสัมปทานให้มันไปก่อนเอาไปแดกก่อนอ้างเราเสียชาติเสียเปรียบไม่เป็นไร มันขายแพงๆให้คนไทยไม่เป็นไร,คงแบบนั้น ,เพราะจริงๆมันสามารถเรียนรู้กันได้ อนาคตเราก็ผลิตได้เอง เก็บไว้ก่อนจะเสียโคตรพ่อโคตรแมร่งมันอะไร,
    ..ทหารไทย ยังไม่ยึดอำนาจก็ได้แต่ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยท่านต้องทำทันที อย่ากากอย่าให้มันยิงระเบิดใส่คนไทยก่อน จึงมากระแดะประกาศทีหลังเพื่อรับมือ,เราเตรียมความพร้อมรับมือก่อนจะตายทั้งประเทศก็ให้มันรู้ไป ,ใครเสียหายก็ให้มันตายไป,กิจการมันจะพังก็ถีบมันย้ายไปที่อื่นเสีย,อย่ามาอ้างพังเพราะทหารไทยกูประกาศกฎอัยการศึกเพื่อปกป้องประเทศกูคนไทยทั้งประเทศเราเอง,ยิ่งต่างชาติมรึงจะหนีไปไหนก็ไป,คนร่ำรวยหากหนีบินออกไปก็อีก100ปีมรึงจึงค่อยบินมาได้จึงอนุญาตให้เข้าประเทศได้,บวกถอนสัญชาติไทยคนร่ำรวยนี้ที่หนีออกประเทศให้หมด สันดานอดีตเดิมๆ ย้ายตังไปต่างประเทศ สงบสุขจึงเข้ามาทำแดก เอารัดเอาเปรียบประชาชนคนธรรมดาต่อไป,แบบนักการเมืองฝ่ายค้านตอน24-28ก.ค.68เหี้ยหายหัวไปหมด,ด่าเขมรไม่มีสักแอะ,เพราะขี้ข้าลูกน้องหนีผ่านเขมรตลอด,จะฝ่ายรัฐจะฝ่ายค้านจึงเหี้ยหมด,ยึดอำนาจยังก่อน,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อน สามารถอายัด ยึดทรัพย์พวกชั่วเลวทั้งหมดได้ทันอีกด้วย หยุดกระแสเงินเทาเถื่อนห้ามออกนอกประเทศ เข้าประเทศด้วยกฎอัยการศึกก็ได้ ,ถ้าไม่ประกาศ ทหารและกองทัพไทยแหกตาประชาชนทั้งหมด,คาดหวังค่าจริงห่าเหวอะไรไม่ได้เพราะต้นเหตุคือตัดตอนต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อน,จะจัดการทุกๆมาตราการได้หมด ตลอดสัางตรวจสอบว่าใครกิจการไหนขนน้ำมันอาหารเสบียงให้เขมรย้อนหลังได้อีก,ใครองค์กรไหนไม่ตัดน้ำตัดไฟฟ้าตัดเน็ตเขมรจริง จับมาลงโทษได้หมดนี้คือข้อดีการจัดการปัญหาจริง ถ้าไม่ทำ อย่าคาดหวังทหารไทยและกองทัพไทยเราอีก,และสุดท้ายปาหี่แหกตาประชาชนก็ได้ ,ใช้ประชาชนมุกๆเดิมแบบนักการเมืองเพื่อเรียกมวลชนเอาประชาชนมาเป็นพวกแค่นั้นในฐานอำนาจปกครอง,เรา..ประชาชนต้องการอิสระภาพแห่งยิ้มสยามเรากลับคืนมันคือความสงบสุขในชนมวลประชาชน ครอบครัวคนไทยสุขกายสุขใจจึงสู่การปรากฎแห่งยิ้มสดใสอัตโนมัตของเราชาวสยามต่างหากเพราะร่มเย็นสันติสุขนั้นเองและมันมาจากจากเลือกเราประชาชนคนไทยร่วมใจกันสร้างทางรอดเราเอง.

    https://youtu.be/_F-iD-EjF38?si=F4PnFa0GBvIFFgRJ
    ตอนนี้ต้องวัดใจกองทัพไทย ผบ.สส. ผบ.ทบ. ผบ.ทอ. ผบ.ทร. ผบ.ตร. เราว่ามีน้ำยา มีฝีมือ มีใจสร้างอธิปไตยความมั่นคงไทยเราของแท้มั้ย คือการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศเราทันทีไว้ก่อน ก่อนเขมรมันจะเปิดหรือเราชอบธรรมแล้วหลังเขมรทำทหารไทยเราขาขาดอีกโดยการยิงในลักษณะวางกับระเบิดใส่ทหารไทย ยิงทหารไทยเราก่อนอีกแล้ว เราสามารถเปิดก่อนปกป้องอธิปไตยชาติไทยเราได้ชัดเจนทันที. ..ทหารไทยจะกากจะกระจอก จะควบคุมความมั่นคงขาติไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จแท้จริงก่อนก็ต้องงานนี้ เพราะรัฐบาลไทยมันรบห่าเหวป้องกันประเทศเราไม่ได้หรอก ฝ่ายค้านหดหัวเก็บตูดหมด หัวหดตดหายหมด ไร้ราคานานแล้วด้วย ทหารไทยเกรงใจฝ่ายค้านต้องดูสีหน้าฝ่ายค้านก่อนด้วยเหรอ,ทหารไทยดูรัฐบาลหนูสิ ตอนอึมครึมมันยังมีหนังหน้าไปเซ็นต์ยกแร่เอิร์ธให้อเมริกาอ้างเพื่ออยากได้นวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิต คงแบบบ่อน้ำมันไทยเต็มประเทศไทยนั้นล่ะ เราไม่มีเทคโนโลยีการผลิตจึงต้องรีบยกสัมปทานให้มันไปก่อนเอาไปแดกก่อนอ้างเราเสียชาติเสียเปรียบไม่เป็นไร มันขายแพงๆให้คนไทยไม่เป็นไร,คงแบบนั้น ,เพราะจริงๆมันสามารถเรียนรู้กันได้ อนาคตเราก็ผลิตได้เอง เก็บไว้ก่อนจะเสียโคตรพ่อโคตรแมร่งมันอะไร, ..ทหารไทย ยังไม่ยึดอำนาจก็ได้แต่ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยท่านต้องทำทันที อย่ากากอย่าให้มันยิงระเบิดใส่คนไทยก่อน จึงมากระแดะประกาศทีหลังเพื่อรับมือ,เราเตรียมความพร้อมรับมือก่อนจะตายทั้งประเทศก็ให้มันรู้ไป ,ใครเสียหายก็ให้มันตายไป,กิจการมันจะพังก็ถีบมันย้ายไปที่อื่นเสีย,อย่ามาอ้างพังเพราะทหารไทยกูประกาศกฎอัยการศึกเพื่อปกป้องประเทศกูคนไทยทั้งประเทศเราเอง,ยิ่งต่างชาติมรึงจะหนีไปไหนก็ไป,คนร่ำรวยหากหนีบินออกไปก็อีก100ปีมรึงจึงค่อยบินมาได้จึงอนุญาตให้เข้าประเทศได้,บวกถอนสัญชาติไทยคนร่ำรวยนี้ที่หนีออกประเทศให้หมด สันดานอดีตเดิมๆ ย้ายตังไปต่างประเทศ สงบสุขจึงเข้ามาทำแดก เอารัดเอาเปรียบประชาชนคนธรรมดาต่อไป,แบบนักการเมืองฝ่ายค้านตอน24-28ก.ค.68เหี้ยหายหัวไปหมด,ด่าเขมรไม่มีสักแอะ,เพราะขี้ข้าลูกน้องหนีผ่านเขมรตลอด,จะฝ่ายรัฐจะฝ่ายค้านจึงเหี้ยหมด,ยึดอำนาจยังก่อน,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อน สามารถอายัด ยึดทรัพย์พวกชั่วเลวทั้งหมดได้ทันอีกด้วย หยุดกระแสเงินเทาเถื่อนห้ามออกนอกประเทศ เข้าประเทศด้วยกฎอัยการศึกก็ได้ ,ถ้าไม่ประกาศ ทหารและกองทัพไทยแหกตาประชาชนทั้งหมด,คาดหวังค่าจริงห่าเหวอะไรไม่ได้เพราะต้นเหตุคือตัดตอนต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อน,จะจัดการทุกๆมาตราการได้หมด ตลอดสัางตรวจสอบว่าใครกิจการไหนขนน้ำมันอาหารเสบียงให้เขมรย้อนหลังได้อีก,ใครองค์กรไหนไม่ตัดน้ำตัดไฟฟ้าตัดเน็ตเขมรจริง จับมาลงโทษได้หมดนี้คือข้อดีการจัดการปัญหาจริง ถ้าไม่ทำ อย่าคาดหวังทหารไทยและกองทัพไทยเราอีก,และสุดท้ายปาหี่แหกตาประชาชนก็ได้ ,ใช้ประชาชนมุกๆเดิมแบบนักการเมืองเพื่อเรียกมวลชนเอาประชาชนมาเป็นพวกแค่นั้นในฐานอำนาจปกครอง,เรา..ประชาชนต้องการอิสระภาพแห่งยิ้มสยามเรากลับคืนมันคือความสงบสุขในชนมวลประชาชน ครอบครัวคนไทยสุขกายสุขใจจึงสู่การปรากฎแห่งยิ้มสดใสอัตโนมัตของเราชาวสยามต่างหากเพราะร่มเย็นสันติสุขนั้นเองและมันมาจากจากเลือกเราประชาชนคนไทยร่วมใจกันสร้างทางรอดเราเอง. https://youtu.be/_F-iD-EjF38?si=F4PnFa0GBvIFFgRJ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 765 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขมรไว้ใจไม่ได้,คนเขมรในประเทศไทยตอนนี้ จริงๆทุกๆคนต้องอยู่ในหมวดสมมุติฐานที่ว่า"คือไส้ศึกภายในประเทศไทย"พร้อมก่อเหตุไม่ดีต่างๆได้ตลอดเวลาเพราะเป็นเผ่าพันธุ์คู่สงครามศัตรูกันจริงด้านภัยคุกคามรุกรานอธิปไตยไทยในขณะนี้และยิงระเบิดใส่คนไทยตายก่อนจริง วางกับระเบิดใส่ทหารไทยขาขาดจริง,ประชาชนคนเขมรหัวเราะสะใจที่คนไทยถูกทำร้ายทำลายและชอบใจที่คนไทยสูญเสียจริง,คนเขมรทั้งประเทศเสมือนสนับสนุนสงครามกับไทย,ประเทศไทยต้องห้ามคนเขมรเข้าประเทศไทยทั้งหมด มีต้องถีบออกทั้งหมดทันที คนเนรคุณคนทรยศอย่าเก็บไว้บนแผ่นดินไทยส่วนมันจะเคลื่อนตัวเหี้ยไปอยู่ไหนเรื่องของมันแต่ประเทศไทยเวลานี้ ต้องแบนต้องห้านคนเขมรมีตัวตนอยู่บนแผ่นดินไทยทั้งหมด.,คว่ำบาตรเขมรด้วยทุกๆช่องทาง หรือทั้งหมด ตัดทุกๆอย่างจริง คนไทยส่งเสบียงอาหาร ไฟฟ้าน้ำมันให้โจรเขมรต้องถูกอายัดเงินทองทรัพย์สินมันทั้งหมด,คนเขมรใดๆมีทรัพย์สินในแผ่นดินไทย ตังในแผ่นดินไทยเสมือนไส้ศึกสามารถใช้ทรัพย์สินนั้นจ้างก่ออาชญากรรมบนแผ่นดินไทยได้ต้องยึดอายัดทรัพย์สินของคนฝ่ายเชื้อชาติศัตรูให้หมด มรึงต้องออกจากประเทศไทยสถานเดียวนั้น ทหารไทยต้องใจเด็ดดขาด ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยทันทีจึงจะควบคุมภัยมั่นคงต่างๆทุกๆมิติที่เราคาดไม่ถึงได้หมดในเหตุการณ์ภัยเขมรนี้,ปลอดภัยจึงพิจารณาทีหลังได้ คำสั่งใดๆเด็ดขาดจัดการศัตรูของชาติทุกๆมิติจะมีประสิทธิและประสิทธิผลจริง.,มิใช่แค่ตลอดพื้นที่บริเวณแนวพรมแดนเท่านั้นเพราะวิธีชนะศึกสงครามฆ่าฝ่ายชั่วเลวตรงข้ามเรา อาจจัดการสาระพัดหลากหลายวิธีได้หรือพร้อมๆกันได้หมด,อำนาจฝ่ายนักการเมืองไม่สามารถจัดการภาวะผิดปกตินี้ได้หรอก,มันต้องทันกาลเฉียบไว.

    https://youtu.be/Ds8Fyw7R2sE?si=nA2YJbOhFqyOnF9x
    เขมรไว้ใจไม่ได้,คนเขมรในประเทศไทยตอนนี้ จริงๆทุกๆคนต้องอยู่ในหมวดสมมุติฐานที่ว่า"คือไส้ศึกภายในประเทศไทย"พร้อมก่อเหตุไม่ดีต่างๆได้ตลอดเวลาเพราะเป็นเผ่าพันธุ์คู่สงครามศัตรูกันจริงด้านภัยคุกคามรุกรานอธิปไตยไทยในขณะนี้และยิงระเบิดใส่คนไทยตายก่อนจริง วางกับระเบิดใส่ทหารไทยขาขาดจริง,ประชาชนคนเขมรหัวเราะสะใจที่คนไทยถูกทำร้ายทำลายและชอบใจที่คนไทยสูญเสียจริง,คนเขมรทั้งประเทศเสมือนสนับสนุนสงครามกับไทย,ประเทศไทยต้องห้ามคนเขมรเข้าประเทศไทยทั้งหมด มีต้องถีบออกทั้งหมดทันที คนเนรคุณคนทรยศอย่าเก็บไว้บนแผ่นดินไทยส่วนมันจะเคลื่อนตัวเหี้ยไปอยู่ไหนเรื่องของมันแต่ประเทศไทยเวลานี้ ต้องแบนต้องห้านคนเขมรมีตัวตนอยู่บนแผ่นดินไทยทั้งหมด.,คว่ำบาตรเขมรด้วยทุกๆช่องทาง หรือทั้งหมด ตัดทุกๆอย่างจริง คนไทยส่งเสบียงอาหาร ไฟฟ้าน้ำมันให้โจรเขมรต้องถูกอายัดเงินทองทรัพย์สินมันทั้งหมด,คนเขมรใดๆมีทรัพย์สินในแผ่นดินไทย ตังในแผ่นดินไทยเสมือนไส้ศึกสามารถใช้ทรัพย์สินนั้นจ้างก่ออาชญากรรมบนแผ่นดินไทยได้ต้องยึดอายัดทรัพย์สินของคนฝ่ายเชื้อชาติศัตรูให้หมด มรึงต้องออกจากประเทศไทยสถานเดียวนั้น ทหารไทยต้องใจเด็ดดขาด ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยทันทีจึงจะควบคุมภัยมั่นคงต่างๆทุกๆมิติที่เราคาดไม่ถึงได้หมดในเหตุการณ์ภัยเขมรนี้,ปลอดภัยจึงพิจารณาทีหลังได้ คำสั่งใดๆเด็ดขาดจัดการศัตรูของชาติทุกๆมิติจะมีประสิทธิและประสิทธิผลจริง.,มิใช่แค่ตลอดพื้นที่บริเวณแนวพรมแดนเท่านั้นเพราะวิธีชนะศึกสงครามฆ่าฝ่ายชั่วเลวตรงข้ามเรา อาจจัดการสาระพัดหลากหลายวิธีได้หรือพร้อมๆกันได้หมด,อำนาจฝ่ายนักการเมืองไม่สามารถจัดการภาวะผิดปกตินี้ได้หรอก,มันต้องทันกาลเฉียบไว. https://youtu.be/Ds8Fyw7R2sE?si=nA2YJbOhFqyOnF9x
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนกันหมดทุกคน อ.คมสันจี้พนง.อัยการ เห็นสิ่งผิดปกติกลับเมินเฉย..!!! (11/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อคมสัน #อัยการ #คดีแตงโม #ความยุติธรรม #ข่าวอาชญากรรม #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    โดนกันหมดทุกคน อ.คมสันจี้พนง.อัยการ เห็นสิ่งผิดปกติกลับเมินเฉย..!!! (11/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อคมสัน #อัยการ #คดีแตงโม #ความยุติธรรม #ข่าวอาชญากรรม #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สนง.อัยการสูงสุดเผย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนส่งตัว"แส จี้นเจียง" ชาวจีนเจ้าของบ่อนกาสิโนฝั่งเมียวดี เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีบ่อนกาสิโนที่ประเทศจีน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000107311

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    สนง.อัยการสูงสุดเผย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนส่งตัว"แส จี้นเจียง" ชาวจีนเจ้าของบ่อนกาสิโนฝั่งเมียวดี เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีบ่อนกาสิโนที่ประเทศจีน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000107311 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 729 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts