• EP1 #วีระสมความคิด ยอมติดคุก #เขมร #ยืนยัน #อธิปไตยไทย : ปฐมบท #พิสูจน์ #อธิปไตย #แผ่นดินไทย #ดินแดนไทย #บ้านหนองจาน #สระแก้ว #หลักเขตแดน46 #ทหาร #ทหารไทย #กองทัพไทย #กองทัพบก #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #MOU2543
    https://youtu.be/tI3IxRCy5lI

    EP1 #วีระสมความคิด ยอมติดคุก #เขมร #ยืนยัน #อธิปไตยไทย : ปฐมบท #พิสูจน์ #อธิปไตย #แผ่นดินไทย #ดินแดนไทย #บ้านหนองจาน #สระแก้ว #หลักเขตแดน46 #ทหาร #ทหารไทย #กองทัพไทย #กองทัพบก #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #MOU2543 https://youtu.be/tI3IxRCy5lI
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วีระสมความคิด #ติดคุก #เขมร #กัมพูชา ทั้งๆ ที่ อยู่ในพื้นที่ #แผ่นดินไทย #อธิปไตยไทย ในยุค #รัฐบาล #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #สุเทพเทือกสุบรรณ #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #กลาโหม #ประยุทธ์จันทร์โอชา #ผบทบ #ทหาร #ทหารบก #ทหารไทย #ที่เท่าแมวดิ้นตาย
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ประเทศไทย #ชาติไทย
    https://youtu.be/kcz5bvKwtzA
    #วีระสมความคิด #ติดคุก #เขมร #กัมพูชา ทั้งๆ ที่ อยู่ในพื้นที่ #แผ่นดินไทย #อธิปไตยไทย ในยุค #รัฐบาล #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #สุเทพเทือกสุบรรณ #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #กลาโหม #ประยุทธ์จันทร์โอชา #ผบทบ #ทหาร #ทหารบก #ทหารไทย #ที่เท่าแมวดิ้นตาย #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ประเทศไทย #ชาติไทย https://youtu.be/kcz5bvKwtzA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ครูวีระ' เสนอยุทธศาสตร์ไม่ก่อสงคราม-ไม่ต้องเจรจา 'ปิดด่านทุกด่าน' ก็เอาชนะเขมรแล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/19217/
    'ครูวีระ' เสนอยุทธศาสตร์ไม่ก่อสงคราม-ไม่ต้องเจรจา 'ปิดด่านทุกด่าน' ก็เอาชนะเขมรแล้ว https://www.thai-tai.tv/news/19217/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าโคราชเป็นประธานเตรียมความพร้อมจัดแข่งวอลเลย์บอลหญิง สานสามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568
    .
    วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเชื่อมความ สามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตประธานสโมสรกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดนครราชสีมา ดร.ประทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรฯ คุณปพิญชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ดร.บรรทม พิมพ์ทองครบุรี ผอ.โรงเรียนบ้านนางหริญ นางสาวรพีพรรณ วิเศษ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา นายวีระวัฒน์ (ปรีชา) มิตรสูงเนิน นายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด นายอนุชา ศิริโภคานนท์ กำนันตำบลหนองระเวียง นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา ที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา นายณัฐวุฒิ เดินสันเทียะ เลขานุการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา และนายมนต์ ช่วยพิมาย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานแถลงข่าวด้วย
    .
    เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ 287 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน มีอัตรากำลังกำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งสิ้น 12,768 คน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอัตรากำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มากที่สุดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่เป็นสุภาพสตรี ถึง 4,538 คน ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทั้ง 32 อำเภอได้พบปะและจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2567 สมาคมได้จัดแข่งขันกีฬา ฟุตบอลชายเชื่อมความสามัคคี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับใน พ.ศ. 2568 สมาคมจึงได้กำหนด ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 2 สาย รวม 8 สาย ๆ ละ 4 อำเภอ รวม 32 อำเภอ (ทีม) โดยดำเนินการจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดแข่งขันรอบแรกในระหว่างวันที่ 18 - 23 กรกฎาคม 2568 รวม 6 วัน ๆ ละ 8 คู่ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาวอลเลย์บอลศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4

    ทั้งนี้ สมาคมได้ดำเนินการจับสลากแบ่งสายในการแข่งขันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมเป็น กําลังใจ ร่วมชมและเชียร์ทีมนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน
    ผู้ว่าโคราชเป็นประธานเตรียมความพร้อมจัดแข่งวอลเลย์บอลหญิง สานสามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 . วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเชื่อมความ สามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตประธานสโมสรกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดนครราชสีมา ดร.ประทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรฯ คุณปพิญชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ดร.บรรทม พิมพ์ทองครบุรี ผอ.โรงเรียนบ้านนางหริญ นางสาวรพีพรรณ วิเศษ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา นายวีระวัฒน์ (ปรีชา) มิตรสูงเนิน นายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด นายอนุชา ศิริโภคานนท์ กำนันตำบลหนองระเวียง นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา ที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา นายณัฐวุฒิ เดินสันเทียะ เลขานุการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา และนายมนต์ ช่วยพิมาย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานแถลงข่าวด้วย . เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ 287 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน มีอัตรากำลังกำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งสิ้น 12,768 คน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอัตรากำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มากที่สุดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่เป็นสุภาพสตรี ถึง 4,538 คน ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทั้ง 32 อำเภอได้พบปะและจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2567 สมาคมได้จัดแข่งขันกีฬา ฟุตบอลชายเชื่อมความสามัคคี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับใน พ.ศ. 2568 สมาคมจึงได้กำหนด ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 2 สาย รวม 8 สาย ๆ ละ 4 อำเภอ รวม 32 อำเภอ (ทีม) โดยดำเนินการจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดแข่งขันรอบแรกในระหว่างวันที่ 18 - 23 กรกฎาคม 2568 รวม 6 วัน ๆ ละ 8 คู่ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาวอลเลย์บอลศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4 ทั้งนี้ สมาคมได้ดำเนินการจับสลากแบ่งสายในการแข่งขันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมเป็น กําลังใจ ร่วมชมและเชียร์ทีมนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าโคราชเป็นประธานเตรียมความพร้อมจัดแข่งวอลเลย์บอลหญิง สานสามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568
    .
    วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเชื่อมความ สามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตประธานสโมสรกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดนครราชสีมา ดร.ประทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรฯ คุณปพิญชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ดร.บรรทม พิมพ์ทองครบุรี ผอ.โรงเรียนบ้านนางหริญ นางสาวรพีพรรณ วิเศษ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา นายวีระวัฒน์ (ปรีชา) มิตรสูงเนิน นายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด นายอนุชา ศิริโภคานนท์ กำนันตำบลหนองระเวียง นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา ที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา นายณัฐวุฒิ เดินสันเทียะ เลขานุการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา และนายมนต์ ช่วยพิมาย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานแถลงข่าวด้วย
    .
    เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ 287 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน มีอัตรากำลังกำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งสิ้น 12,768 คน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอัตรากำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มากที่สุดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่เป็นสุภาพสตรี ถึง 4,538 คน ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทั้ง 32 อำเภอได้พบปะและจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2567 สมาคมได้จัดแข่งขันกีฬา ฟุตบอลชายเชื่อมความสามัคคี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับใน พ.ศ. 2568 สมาคมจึงได้กำหนด ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 2 สาย รวม 8 สาย ๆ ละ 4 อำเภอ รวม 32 อำเภอ (ทีม) โดยดำเนินการจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดแข่งขันรอบแรกในระหว่างวันที่ 18 - 23 กรกฎาคม 2568 รวม 6 วัน ๆ ละ 8 คู่ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาวอลเลย์บอลศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4

    ทั้งนี้ สมาคมได้ ดำเนินการจับสลากแบ่งสายในการแข่งขันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดประกฏตามโปรแกรมการ แข่งขันแนบท้ายเอกสารนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมเป็น กําลังใจ ร่วมชมและเชียร์ทีมนักกีฬาที่เข้าแข่งขันตามกำหนดการดังกล่าว
    ผู้ว่าโคราชเป็นประธานเตรียมความพร้อมจัดแข่งวอลเลย์บอลหญิง สานสามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 . วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเชื่อมความ สามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตประธานสโมสรกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดนครราชสีมา ดร.ประทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรฯ คุณปพิญชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ดร.บรรทม พิมพ์ทองครบุรี ผอ.โรงเรียนบ้านนางหริญ นางสาวรพีพรรณ วิเศษ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา นายวีระวัฒน์ (ปรีชา) มิตรสูงเนิน นายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด นายอนุชา ศิริโภคานนท์ กำนันตำบลหนองระเวียง นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา ที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา นายณัฐวุฒิ เดินสันเทียะ เลขานุการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา และนายมนต์ ช่วยพิมาย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานแถลงข่าวด้วย . เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ 287 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน มีอัตรากำลังกำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งสิ้น 12,768 คน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอัตรากำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มากที่สุดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่เป็นสุภาพสตรี ถึง 4,538 คน ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทั้ง 32 อำเภอได้พบปะและจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2567 สมาคมได้จัดแข่งขันกีฬา ฟุตบอลชายเชื่อมความสามัคคี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับใน พ.ศ. 2568 สมาคมจึงได้กำหนด ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 2 สาย รวม 8 สาย ๆ ละ 4 อำเภอ รวม 32 อำเภอ (ทีม) โดยดำเนินการจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดแข่งขันรอบแรกในระหว่างวันที่ 18 - 23 กรกฎาคม 2568 รวม 6 วัน ๆ ละ 8 คู่ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาวอลเลย์บอลศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4 ทั้งนี้ สมาคมได้ ดำเนินการจับสลากแบ่งสายในการแข่งขันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดประกฏตามโปรแกรมการ แข่งขันแนบท้ายเอกสารนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมเป็น กําลังใจ ร่วมชมและเชียร์ทีมนักกีฬาที่เข้าแข่งขันตามกำหนดการดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘วีระ’ เผยข้อมูลยัน พื้นที่ ‘ช่องบก’ เป็นของไทยแน่นอน
    https://www.thai-tai.tv/news/19104/
    ‘วีระ’ เผยข้อมูลยัน พื้นที่ ‘ช่องบก’ เป็นของไทยแน่นอน https://www.thai-tai.tv/news/19104/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💖✌️เราขอสนับสนุนแพทย์สภา..💉🩺
    เมื่อ 29 พค. 2568 นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai ระบุว่า "ภาพนี้ แปลว่า “ผมยืนอยู่ข้างอาจารย์” ครับ ใครจะมายืนด้วยกันอีกมั่งครับ ? แสดงตัวด่วน" พร้อมทั้งโพสต์ภาพที่ยืนข้าง ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1
    #saveแพทย์สภา
    #นายแพทย์ประสิทธิ์ #หมอวี #แพทยสภา
    💖✌️เราขอสนับสนุนแพทย์สภา..💉🩺 เมื่อ 29 พค. 2568 นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai ระบุว่า "ภาพนี้ แปลว่า “ผมยืนอยู่ข้างอาจารย์” ครับ ใครจะมายืนด้วยกันอีกมั่งครับ ? แสดงตัวด่วน" พร้อมทั้งโพสต์ภาพที่ยืนข้าง ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 #saveแพทย์สภา #นายแพทย์ประสิทธิ์ #หมอวี #แพทยสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์”
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,
    นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย
    1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่
    2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช
    3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค
    และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029”
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้"
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ"
    .
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้
    1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ
    2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ
    3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย
    4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง
    5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ
    6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล
    7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล"
    .
    "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ"
    .
    "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย 1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่ 2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช 3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029” . "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้" . "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ" . นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้ 1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ 3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย 4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง 5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ 6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล 7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล" . "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ" . "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๗ ประจำปี ๒๕๖๘ “โคราชเกมส์”

    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,
    นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย
    1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่
    2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช
    3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค
    และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029”
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้"
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ"
    .
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้
    1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ
    2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ
    3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย
    4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง
    5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ
    6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล
    7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล"
    .
    "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ"
    .
    "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๗ ประจำปี ๒๕๖๘ “โคราชเกมส์” นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย 1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่ 2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช 3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029” . "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้" . "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ" . นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้ 1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ 3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย 4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง 5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ 6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล 7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล" . "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ" . "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิวต่อไป...กกต. เรียก16 สว. เข้ารับทราบข้อหาฮั้วเลือกตั้ง “หมอเกศ” ร่วมด้วย ภายในวันที่ 4 มิ.ย.

    วันนี้ (27พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากวุฒิสภาว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)คณะที่ 26 ได้มีหนังสือลงวันที่ 22พ.ค. เรียกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) จำนวน 16 คน ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกสว. ภายในวันที่ 4 มิ.ย. 68

    ทั้งนี้สว.16ราย ประกอบด้วย 1.นายภมร เชาว์ศิริกุล 2.พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ 3.นายจรุณ กลิ่นตลบ 4.นายประเทือง มนตรี 5.นายนฤพล สุคณธนชาติ 6.นายอะมัด อายุเคน 7.น.ส.สายฝน กองแก้ว 8.นายชาญชัย ไชยพิศ 9.นายนิรุตติ สิทธินนท์ 10.นายศุภโชค ศาลากิจ 11.นางอารีย์ บรรจงธุรการ 12.นายจำลอง อนันตสุข 13. น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย 14.นายขจรศักดิ์ ศรีวิราช 15.นายอเนก วีระพจนานันท์ และ 16. นางวลีรักษณ์ พัชระเมธาพัฒน์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049602

    #MGROnline #กกต. #ฮั้วเลือกตั้ง #หมอเกศ
    คิวต่อไป...กกต. เรียก16 สว. เข้ารับทราบข้อหาฮั้วเลือกตั้ง “หมอเกศ” ร่วมด้วย ภายในวันที่ 4 มิ.ย. • วันนี้ (27พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากวุฒิสภาว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)คณะที่ 26 ได้มีหนังสือลงวันที่ 22พ.ค. เรียกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) จำนวน 16 คน ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกสว. ภายในวันที่ 4 มิ.ย. 68 • ทั้งนี้สว.16ราย ประกอบด้วย 1.นายภมร เชาว์ศิริกุล 2.พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ 3.นายจรุณ กลิ่นตลบ 4.นายประเทือง มนตรี 5.นายนฤพล สุคณธนชาติ 6.นายอะมัด อายุเคน 7.น.ส.สายฝน กองแก้ว 8.นายชาญชัย ไชยพิศ 9.นายนิรุตติ สิทธินนท์ 10.นายศุภโชค ศาลากิจ 11.นางอารีย์ บรรจงธุรการ 12.นายจำลอง อนันตสุข 13. น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย 14.นายขจรศักดิ์ ศรีวิราช 15.นายอเนก วีระพจนานันท์ และ 16. นางวลีรักษณ์ พัชระเมธาพัฒน์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049602 • #MGROnline #กกต. #ฮั้วเลือกตั้ง #หมอเกศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมอวีระพันธ์ เตือน อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขพัง ปชช.ยังไม่รู้ตัว รพ.รัฐ 218 แห่ง เงินติดลบ
    https://www.thai-tai.tv/news/18965/
    หมอวีระพันธ์ เตือน อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขพัง ปชช.ยังไม่รู้ตัว รพ.รัฐ 218 แห่ง เงินติดลบ https://www.thai-tai.tv/news/18965/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว.เตือน อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขจะพัง เหตุมี รพ.รัฐ 218 แห่งเงินบำรุงติดลบ อีก 91 แห่งเหลือไม่ถึง 5 ล้าน แต่เพิ่มสิทธิประโยชน์แบบไม่ดูงบ ส่งยาให้ผู้ป่วยถึงบ้าน ให้คนไปรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน เจาะเลือดถึงที่บ้าน ถึงเวลา สปสช. ต้องพูดความจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000048768

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว.เตือน อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขจะพัง เหตุมี รพ.รัฐ 218 แห่งเงินบำรุงติดลบ อีก 91 แห่งเหลือไม่ถึง 5 ล้าน แต่เพิ่มสิทธิประโยชน์แบบไม่ดูงบ ส่งยาให้ผู้ป่วยถึงบ้าน ให้คนไปรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน เจาะเลือดถึงที่บ้าน ถึงเวลา สปสช. ต้องพูดความจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000048768 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 766 มุมมอง 1 รีวิว
  • “ใช้หลักธรรมะ” สานต่อพลังธรรม รุ่น 3

    วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ สถานปฏิบัติธรรมบ้านธรรมะชาติ อ.วังน้ำเขียว #นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ.นครราชสีมา เป็นประธานเปิดการอบรมพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมเพื่อคุณภาพการปฏิบัติงานและคุณภาพชีวิตบุคลากรในสังกัด รุ่นที่ 3 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาบุคลากร อบจ. นำหลักธรรมคำสอน ตามหลักพุทธศาสนาไปสู่การปฏิบัติตนที่ถูกต้อง สามารถปรับใช้ในการปฏิบัติงาน พัฒนาจิตใจด้านคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    “ใช้หลักธรรมะ” สานต่อพลังธรรม รุ่น 3 วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ สถานปฏิบัติธรรมบ้านธรรมะชาติ อ.วังน้ำเขียว #นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ.นครราชสีมา เป็นประธานเปิดการอบรมพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมเพื่อคุณภาพการปฏิบัติงานและคุณภาพชีวิตบุคลากรในสังกัด รุ่นที่ 3 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาบุคลากร อบจ. นำหลักธรรมคำสอน ตามหลักพุทธศาสนาไปสู่การปฏิบัติตนที่ถูกต้อง สามารถปรับใช้ในการปฏิบัติงาน พัฒนาจิตใจด้านคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส.ว.ผวา คดีฮั้ว ทยอยชี้แจง กกต. 'อลงกต' พูดไทยไม่ได้
    .
    เป็นไปตามคาดเมื่อส.ว.หลายคนทยอยเข้ามาชี้แจงคดีฮั้วเลือกส.ว.ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เกรียงไกร​ ศรี​รักษ์​ รองประธานวุฒิสภา​ นายอลงกต วรกี​ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี นายสิทธิกร คงยศ นายนิพนธ์ เอกวานิช เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนต่างมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000046936

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ส.ว.ผวา คดีฮั้ว ทยอยชี้แจง กกต. 'อลงกต' พูดไทยไม่ได้ . เป็นไปตามคาดเมื่อส.ว.หลายคนทยอยเข้ามาชี้แจงคดีฮั้วเลือกส.ว.ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เกรียงไกร​ ศรี​รักษ์​ รองประธานวุฒิสภา​ นายอลงกต วรกี​ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี นายสิทธิกร คงยศ นายนิพนธ์ เอกวานิช เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนต่างมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000046936 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1365 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'สว.วีระพันธ์'เตือน"สมศักดิ์"เคารพกระบวนการของแพทยสภาและรักษาเส้นแบ่งระหว่างอำนาจ
    https://www.thai-tai.tv/news/18743/
    'สว.วีระพันธ์'เตือน"สมศักดิ์"เคารพกระบวนการของแพทยสภาและรักษาเส้นแบ่งระหว่างอำนาจ https://www.thai-tai.tv/news/18743/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์ศักยภาพ สู่การยกระดับเป็นเมืองไมซ์ระดับนานาชาติ

    วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมแอดลิบขอนแก่น #นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจ และสร้างกลไกเมืองต้นแบบตามแนวทางของเมืองไมซ์ระดับนานาชาติ

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    วิเคราะห์ศักยภาพ สู่การยกระดับเป็นเมืองไมซ์ระดับนานาชาติ วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมแอดลิบขอนแก่น #นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจ และสร้างกลไกเมืองต้นแบบตามแนวทางของเมืองไมซ์ระดับนานาชาติ #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท

    โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway

    และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567

    แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย

    ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด

    ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

    นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ

    นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว

    โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน

    ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย

    นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้”

    สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย

    นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา

    “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว

    ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์

    ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน

    ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567 แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้” สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เนื่องในวันวิสาขบูชา

    วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ วัดสุทธจินดา วรวิหาร #นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมกิจกรรมทำวัตรสวดมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เนื่องในวันวิสาขบูชา เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    เวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เนื่องในวันวิสาขบูชา วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ วัดสุทธจินดา วรวิหาร #นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมกิจกรรมทำวัตรสวดมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เนื่องในวันวิสาขบูชา เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงปู่ทวด รุ่นมหาสะท้อน วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา ปี2564
    หลวงปู่ทวด รุ่นมหาสะท้อน เนื้อว่านมหามงคล วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา ปี2564 // พระดีพิธีใหญ่ พระประสบการณ์สูง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ การสะท้อนกลับ ไม่ว่าใครทำดีทำชั่วกับเรา ผลดีผลชั่วนั้นจะย้อนคืนไปยังผู้ทำเป็นร้อยเท่าพันทวี บันดาลโชค เมตตามหานิยม ค้าขาย มหาลาภ อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >>

    ** พระดี พิธีใหญ๋ พิธีพลีกรรมมวลสารว่านมงคล ผงธูปบูชาพระ และสถานที่สำคัญ กว่า ๒๗๐ สถานที่ เพื่อจัดสร้างพระผงหลวงปู่ทวด รุ่นมหาสะท้อน พิธีพุทธาภิเษก มวลสารจากทั่วประเทศ อธิษฐานจิตเดี่ยว โดยพระเดชพระคุณพระภาวนาประชานุกูล วิ. มวลสารทั้งหมด ๙ นคร ๙ พระอารามหลวง ๒๗๐ พระเกจิ ๑๕๙ ว่านมงคล ๓๒ แร่ศักดิ์สิทธิ์ ๘ น้ำมนต์สำคัญ ณ รตนวิหาร ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยาน วัดวีระโชติธรรมาราม ฉะเชิงเทรา >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงปู่ทวด รุ่นมหาสะท้อน วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา ปี2564 หลวงปู่ทวด รุ่นมหาสะท้อน เนื้อว่านมหามงคล วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา ปี2564 // พระดีพิธีใหญ่ พระประสบการณ์สูง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ การสะท้อนกลับ ไม่ว่าใครทำดีทำชั่วกับเรา ผลดีผลชั่วนั้นจะย้อนคืนไปยังผู้ทำเป็นร้อยเท่าพันทวี บันดาลโชค เมตตามหานิยม ค้าขาย มหาลาภ อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >> ** พระดี พิธีใหญ๋ พิธีพลีกรรมมวลสารว่านมงคล ผงธูปบูชาพระ และสถานที่สำคัญ กว่า ๒๗๐ สถานที่ เพื่อจัดสร้างพระผงหลวงปู่ทวด รุ่นมหาสะท้อน พิธีพุทธาภิเษก มวลสารจากทั่วประเทศ อธิษฐานจิตเดี่ยว โดยพระเดชพระคุณพระภาวนาประชานุกูล วิ. มวลสารทั้งหมด ๙ นคร ๙ พระอารามหลวง ๒๗๐ พระเกจิ ๑๕๙ ว่านมงคล ๓๒ แร่ศักดิ์สิทธิ์ ๘ น้ำมนต์สำคัญ ณ รตนวิหาร ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยาน วัดวีระโชติธรรมาราม ฉะเชิงเทรา >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..น่าสงสารตัวเองแบบเราๆประชาชนคนธรรมดาจริงๆนะ ไม่มีบำนาญบำเหน็จสวัสดิการอะไรมากล้นเหลือมากมายแบบข้าราชการ,แต่ละวันพวกเราๆไทบ้านคนธรรมดา หาตังได้100บาทต่อวันจะได้จริงมั้ยนั้นยังแสนลำบากเลย,,หอบสังขารหายใจบนแผ่นดินไทยตนเองที่ถูกปล้นชิงของมีค่าทำตังมากมายบนแผ่นดินไทยตนจากพวกต่างชาติต่างประเทศกมากพอแล้ว&ไม่สมควรที่คนไทยถูกปล้นความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยแบบปล้นบ่อน้ำมันเราโดยใช้กฎหมายสัมปทานผูกขาดไป,ปล้นบ่อทองคำเราไปจากใบอนุญาตผีบ้าต่างๆผูกขาดไป,
    ..เป็นข้าราชการขุนนางนี้สบายจริงๆตังแต่ยุคศักดินา,ปัจจุบันร่ำรวยเงินทองนักในพวกหัวๆชนชั้นปกครองทัังหลาย,ระบบปกครองเรามีปัญหาจริงๆ&ผิดพลาดอย่างมากด้วย,โกงปล้นผูกขาดแย่งชิงประชาชนแบบใดๆชนชั้นปกครองใหญ่ๆโตๆรอดตายหมดแล้วก็กลับมาก่อชั่วเลวสร้างกระแสชั่ววงจรอุบาทก์ต่อเนื่องต่อไปมากมายบนสังคมชุมชนไทยเราเอง,
    ..ตัง100-300บาท มากมายประชาชนคนทัังประเทศใช้เลี้ยงคนในครอบครัวเขาต่อไปอาจหลายวัน,โดยเฉพาะพ่อแม่ปู่ย่าตายายรับภาระเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานๆเขา,ชาติอื่นเหี้ยใดใครชั่งมันแต่ชาติไทยเราเอง ต้องสิ้นสุดความเหี้ยอัปรีย์จัญไรนี้จริงๆ,หนทางเดียวคือยึดคืนทรัพยากรมีค่ามากมายทั้งหมดที่เป็นวัตถุดิบสู่การพ้นยากจนและทำให้ทุกๆคนไทยเราร่ำรวยยั่งยืนได้กลับคืนมาอย่างจริงจัง,หากเป็นเพราะระบบล้มเหลวก็จำเป็นต้องทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่.
    ..จริงๆข้าราชการไทยสมควรได้แค่เงินเดือนก็พอ,สวัสดิการใดๆสมควรเสมอเท่าประชาชนธรรมดา อาทิ30บาทรักษาทุกๆโรค เพียงตนในตำแหน่งหน้าที่พัฒนาการรักษาที่ดีปกติเสมอสม่ำไว้จะมารักษาสไตล์คนธรรมดาที่อยู่บนแผ่นดินไทยเหมือนกันก็ทำได้,ก็คนไทยธรรมดานี้เองเข้าไปทำงานในระบบราชการแค่นั้น,
    ..ปัจจุบันเลอะเทอะผีบ้ามาก,การบริหารตังก็ต้องบริหารเองสิ ใช้จ่ายเลอะเทอะใข่ที่ไหน,ประชาชนพ้น60เกษียณสถานะประชาชนมั้ย,ข้าราชการพ้น60หรือพ้น65หรือ70เอาแต่จะกำหนดก็ว่า,ก็กลับมาเป็นประชาชนนี้ถูกแล้ว ทำงานเพื่อประชาชนมันคือหน้าที่ปกติอยู่แล้ว ประชาชนก็ร่วมกันสามัคคีปกป้องชาติไทยจากศัตรูเช่นกัน ใช่เหลือยามใดๆ,ต่างคนต่างร่วมด้วยช่วยกัน,แต่เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้ว สุดท้ายซวยคือประชาชน สถานะยากจน ไร้ร่ำรวยมีตังใช้ดำรงชีพพอดีก็หามีไม่,ยามแก่ชราก็ต้องอาศัยลูกหลานกำลังคนรุ่นต่อไป เงินทองลูกหลานเลี้ยงดูที่หามาตามสไตล์บริหารจัดการชาวบ้าน,มีสติปัญญาดีก็ทำนั้นนี้มีตังเข้าบ้านมากมายตามปัจเจกใครมันทำ,
    ..อดีตวีระบุรุษคือราชการไทยจริงๆ แต่นึกว่าจะดีขึ้น ระบบราชการถูกสร้างขึ้นจากคณะกบฎ2475 จริงๆหากต้องการให้ชาติประชาชนคนในชาติอยู่ดีมีสุขมีสติปัญญาดีต้องปกครองมุ่งไปเพื่อความเจริญอย่างจริงใจต่อชาติประชาชนจริงๆ พบโอกาสใดๆ สามารถนำพาทุกๆคนไทยอัพเรเวลสู่พ้นฐานะยากจนสมควรเร่งรีบดำเนินการทำ,พบบ่อทองบ่อน้ำมันแม้อดีตเรายากจนจริง,อนาคตแสดงว่าเราจะร่ำรวยไปด้วยกันทุกๆคน ผู้ปกครองไม่ควรทรยศประชาชนยกความร่ำรวยพ้นยากจนนี้ให้ชาติอื่นเมืองอื่นคนอื่นไปแบบที่เห็นชัดเจนในปัจจุบัน,ซึ่งในอดีตที่กล้าทำเพราะมั่นใจว่าปกปิดการกระทำชั่วตนได้,และมากมายสาระพัดอย่างที่เป็นไปในทางเพิ่มบัตรคนจนแก่คนไทย.
    https://youtube.com/watch?v=wGTNUnR4QVs&si=Ne_NwpWyQeEAltGW
    ..น่าสงสารตัวเองแบบเราๆประชาชนคนธรรมดาจริงๆนะ ไม่มีบำนาญบำเหน็จสวัสดิการอะไรมากล้นเหลือมากมายแบบข้าราชการ,แต่ละวันพวกเราๆไทบ้านคนธรรมดา หาตังได้100บาทต่อวันจะได้จริงมั้ยนั้นยังแสนลำบากเลย,,หอบสังขารหายใจบนแผ่นดินไทยตนเองที่ถูกปล้นชิงของมีค่าทำตังมากมายบนแผ่นดินไทยตนจากพวกต่างชาติต่างประเทศกมากพอแล้ว&ไม่สมควรที่คนไทยถูกปล้นความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยแบบปล้นบ่อน้ำมันเราโดยใช้กฎหมายสัมปทานผูกขาดไป,ปล้นบ่อทองคำเราไปจากใบอนุญาตผีบ้าต่างๆผูกขาดไป, ..เป็นข้าราชการขุนนางนี้สบายจริงๆตังแต่ยุคศักดินา,ปัจจุบันร่ำรวยเงินทองนักในพวกหัวๆชนชั้นปกครองทัังหลาย,ระบบปกครองเรามีปัญหาจริงๆ&ผิดพลาดอย่างมากด้วย,โกงปล้นผูกขาดแย่งชิงประชาชนแบบใดๆชนชั้นปกครองใหญ่ๆโตๆรอดตายหมดแล้วก็กลับมาก่อชั่วเลวสร้างกระแสชั่ววงจรอุบาทก์ต่อเนื่องต่อไปมากมายบนสังคมชุมชนไทยเราเอง, ..ตัง100-300บาท มากมายประชาชนคนทัังประเทศใช้เลี้ยงคนในครอบครัวเขาต่อไปอาจหลายวัน,โดยเฉพาะพ่อแม่ปู่ย่าตายายรับภาระเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานๆเขา,ชาติอื่นเหี้ยใดใครชั่งมันแต่ชาติไทยเราเอง ต้องสิ้นสุดความเหี้ยอัปรีย์จัญไรนี้จริงๆ,หนทางเดียวคือยึดคืนทรัพยากรมีค่ามากมายทั้งหมดที่เป็นวัตถุดิบสู่การพ้นยากจนและทำให้ทุกๆคนไทยเราร่ำรวยยั่งยืนได้กลับคืนมาอย่างจริงจัง,หากเป็นเพราะระบบล้มเหลวก็จำเป็นต้องทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่. ..จริงๆข้าราชการไทยสมควรได้แค่เงินเดือนก็พอ,สวัสดิการใดๆสมควรเสมอเท่าประชาชนธรรมดา อาทิ30บาทรักษาทุกๆโรค เพียงตนในตำแหน่งหน้าที่พัฒนาการรักษาที่ดีปกติเสมอสม่ำไว้จะมารักษาสไตล์คนธรรมดาที่อยู่บนแผ่นดินไทยเหมือนกันก็ทำได้,ก็คนไทยธรรมดานี้เองเข้าไปทำงานในระบบราชการแค่นั้น, ..ปัจจุบันเลอะเทอะผีบ้ามาก,การบริหารตังก็ต้องบริหารเองสิ ใช้จ่ายเลอะเทอะใข่ที่ไหน,ประชาชนพ้น60เกษียณสถานะประชาชนมั้ย,ข้าราชการพ้น60หรือพ้น65หรือ70เอาแต่จะกำหนดก็ว่า,ก็กลับมาเป็นประชาชนนี้ถูกแล้ว ทำงานเพื่อประชาชนมันคือหน้าที่ปกติอยู่แล้ว ประชาชนก็ร่วมกันสามัคคีปกป้องชาติไทยจากศัตรูเช่นกัน ใช่เหลือยามใดๆ,ต่างคนต่างร่วมด้วยช่วยกัน,แต่เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้ว สุดท้ายซวยคือประชาชน สถานะยากจน ไร้ร่ำรวยมีตังใช้ดำรงชีพพอดีก็หามีไม่,ยามแก่ชราก็ต้องอาศัยลูกหลานกำลังคนรุ่นต่อไป เงินทองลูกหลานเลี้ยงดูที่หามาตามสไตล์บริหารจัดการชาวบ้าน,มีสติปัญญาดีก็ทำนั้นนี้มีตังเข้าบ้านมากมายตามปัจเจกใครมันทำ, ..อดีตวีระบุรุษคือราชการไทยจริงๆ แต่นึกว่าจะดีขึ้น ระบบราชการถูกสร้างขึ้นจากคณะกบฎ2475 จริงๆหากต้องการให้ชาติประชาชนคนในชาติอยู่ดีมีสุขมีสติปัญญาดีต้องปกครองมุ่งไปเพื่อความเจริญอย่างจริงใจต่อชาติประชาชนจริงๆ พบโอกาสใดๆ สามารถนำพาทุกๆคนไทยอัพเรเวลสู่พ้นฐานะยากจนสมควรเร่งรีบดำเนินการทำ,พบบ่อทองบ่อน้ำมันแม้อดีตเรายากจนจริง,อนาคตแสดงว่าเราจะร่ำรวยไปด้วยกันทุกๆคน ผู้ปกครองไม่ควรทรยศประชาชนยกความร่ำรวยพ้นยากจนนี้ให้ชาติอื่นเมืองอื่นคนอื่นไปแบบที่เห็นชัดเจนในปัจจุบัน,ซึ่งในอดีตที่กล้าทำเพราะมั่นใจว่าปกปิดการกระทำชั่วตนได้,และมากมายสาระพัดอย่างที่เป็นไปในทางเพิ่มบัตรคนจนแก่คนไทย. https://youtube.com/watch?v=wGTNUnR4QVs&si=Ne_NwpWyQeEAltGW
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 0 รีวิว
  • กิจกรรมเดิน วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา

    วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ #นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ.นครราชสีมา ในฐานะนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด เป็นประธานในพิธีเปิด และปล่อยตัวนักวิ่งในกิจกรรม “เดิน วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีล 5 ลด ละ อบายมุข” (Visakha Day Run 2025) จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้แนวคิด Mindfulness Pathway เส้นทางวิ่งแห่งสติและความรู้สึกตัว ใช้การวิ่งเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนสติ ความรู้สึกตัว และสมาธิ เน้นสังเกตกาย ใจ ระหว่างการเดิน-วิ่ง

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    กิจกรรมเดิน วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ #นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ.นครราชสีมา ในฐานะนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด เป็นประธานในพิธีเปิด และปล่อยตัวนักวิ่งในกิจกรรม “เดิน วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีล 5 ลด ละ อบายมุข” (Visakha Day Run 2025) จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้แนวคิด Mindfulness Pathway เส้นทางวิ่งแห่งสติและความรู้สึกตัว ใช้การวิ่งเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนสติ ความรู้สึกตัว และสมาธิ เน้นสังเกตกาย ใจ ระหว่างการเดิน-วิ่ง #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิด 55ชื่อสว.ล็อตแรกถูกกกต.เรียกชี้แจง19-21พ.ค.วันนี้(9พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลางคณะที่ 26 ของสำนักงานกกต ที่มีร้อยตำรวจเอกชนินทร์ น้อยเล็ก เป็นประธานได้ลงนามในหนังสือเรียกให้สว.ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77(1)และมาตรา 62 ไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนฯ นั้นมีรายงานเบื้องต้นมีทั้งสิ้น55ราย โดยให้ไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 19- 21พ.ค.68 ณ.สำนักงานกกต .ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ ประกอบด้วยสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้เแจงข้อกล่าวหาในวันที่ 19 พ.ค.68 มีรายชื่อสว.จำนวน 22 คนได้แก่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรีนายมงคล สุระสัจจะพล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสายนายเศก จุลเกษรนายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุลนายอลงกต วรกีนายณัฐกิตติ์ หนูรอดนายสมศักดิ์ จันทร์แก้วนายชีวะภาพ ชีวะธรรมนายเตชสิทธิ์ ชูแก้วนายสิทธิกร คงยศนายภาณุพงษ์ เต็งวงษ์วัฒนะนายสากล ภูลศิริกุลนายนิพนธ์ เอกวานิชนายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหมนายวิเชียร ชัยสถาพรนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุลนายพิบูลย์อัฑฆ์ หฤหรรษ์ปราการนายสมหมาย ศรีจันทร์น.ส.อัจฉราพรรณ หอมรสพล.อ.สวัสดิ์ ทัศนากลุ่มสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 20 พ.ค68 มีรายชื่อสว.จำนวน 22 คนได้แก่นายสืบศักดิ์ แววแก้วพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพ็ชร์นายจิระศักดิ์ ชูความดีนายสมพร วรรณชาตินายจตุพร เรียงเงินน.ส.เข็มรัตน์ สุรเมธีมาณพนายนิสิทธิ์ ปนกลิ่นนายสุเทพ สังข์วิเศษนายสมทบ ถีระพันธ์นางนงลักษณ์ ก้านเขียวนายฤซุ แก้วลายนายยะโก๊ป หีมละนายสมชาย นุ่มพูลนางปวีณา สาระรัมย์นายอภิชา เศรษฐวราธรนายวิถี สุพิทักษ์นายพิศูจน์ รัตนวงศ์นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตรนางสุมิตรา จารุกำเนิดกนกนายรุจิภาศ มีกุศลนายสมพาน พละศักดิ์พ.ต.ท.สง่า ส่งมหาชัยและสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหา ในวันที่ 21 พ.ค. 68 มีรายชื่อสว.จำนวน 11คนได้แก่ นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดีนายขวัญชัย แสนหิรัณย์นางอจลา ณ ระนองนายโชคชัย กิตติธเนศวรนายศุภชัย กิตติภูติกุลนายประณีต เกรัมย์นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจนายสมดุล บุญไชยนายสุนทนต์ กล้าการขายนายสุวิช จำปานนท์ทั้งนี้หนังสือเรียกให้ชี้แจงมีการระบุชัดเจนว่าหากสว. ที่ได้รับหนังสือไม่มารับทราบและไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจะถือว่าสละสิทธิ์ในการชี้แจงแสดงหลักฐานหรือให้ถ้อยคำแก้ข้อกล่าวหา
    เปิด 55ชื่อสว.ล็อตแรกถูกกกต.เรียกชี้แจง19-21พ.ค.วันนี้(9พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลางคณะที่ 26 ของสำนักงานกกต ที่มีร้อยตำรวจเอกชนินทร์ น้อยเล็ก เป็นประธานได้ลงนามในหนังสือเรียกให้สว.ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77(1)และมาตรา 62 ไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนฯ นั้นมีรายงานเบื้องต้นมีทั้งสิ้น55ราย โดยให้ไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 19- 21พ.ค.68 ณ.สำนักงานกกต .ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ ประกอบด้วยสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้เแจงข้อกล่าวหาในวันที่ 19 พ.ค.68 มีรายชื่อสว.จำนวน 22 คนได้แก่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรีนายมงคล สุระสัจจะพล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสายนายเศก จุลเกษรนายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุลนายอลงกต วรกีนายณัฐกิตติ์ หนูรอดนายสมศักดิ์ จันทร์แก้วนายชีวะภาพ ชีวะธรรมนายเตชสิทธิ์ ชูแก้วนายสิทธิกร คงยศนายภาณุพงษ์ เต็งวงษ์วัฒนะนายสากล ภูลศิริกุลนายนิพนธ์ เอกวานิชนายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหมนายวิเชียร ชัยสถาพรนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุลนายพิบูลย์อัฑฆ์ หฤหรรษ์ปราการนายสมหมาย ศรีจันทร์น.ส.อัจฉราพรรณ หอมรสพล.อ.สวัสดิ์ ทัศนากลุ่มสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 20 พ.ค68 มีรายชื่อสว.จำนวน 22 คนได้แก่นายสืบศักดิ์ แววแก้วพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพ็ชร์นายจิระศักดิ์ ชูความดีนายสมพร วรรณชาตินายจตุพร เรียงเงินน.ส.เข็มรัตน์ สุรเมธีมาณพนายนิสิทธิ์ ปนกลิ่นนายสุเทพ สังข์วิเศษนายสมทบ ถีระพันธ์นางนงลักษณ์ ก้านเขียวนายฤซุ แก้วลายนายยะโก๊ป หีมละนายสมชาย นุ่มพูลนางปวีณา สาระรัมย์นายอภิชา เศรษฐวราธรนายวิถี สุพิทักษ์นายพิศูจน์ รัตนวงศ์นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตรนางสุมิตรา จารุกำเนิดกนกนายรุจิภาศ มีกุศลนายสมพาน พละศักดิ์พ.ต.ท.สง่า ส่งมหาชัยและสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหา ในวันที่ 21 พ.ค. 68 มีรายชื่อสว.จำนวน 11คนได้แก่ นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดีนายขวัญชัย แสนหิรัณย์นางอจลา ณ ระนองนายโชคชัย กิตติธเนศวรนายศุภชัย กิตติภูติกุลนายประณีต เกรัมย์นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจนายสมดุล บุญไชยนายสุนทนต์ กล้าการขายนายสุวิช จำปานนท์ทั้งนี้หนังสือเรียกให้ชี้แจงมีการระบุชัดเจนว่าหากสว. ที่ได้รับหนังสือไม่มารับทราบและไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจะถือว่าสละสิทธิ์ในการชี้แจงแสดงหลักฐานหรือให้ถ้อยคำแก้ข้อกล่าวหา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราช จัดการแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 ชิงถ้วยพระราชทาน

    วันนี้ (7 พฤษภาคม 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 ระดับประชาชน ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและระดับยุวชน ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตบราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมกับนายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม นายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกอ อบจ.นครราชสีมา พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย คณะกรรมการสมาคมฯ และนางสาวธีรารัตน์ ร่มเย็น ผอ.สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จ.นครราชสีมา ร่วมเป็นเกียรติเปิดการแข่งขันและมอบเหรียญรางวัล รุ่นประชาชน น้ำหนัก 60 กก. เพื่อพัฒนาฝีมือนักกีฬายกน้ำหนักที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนทีมชาติไทย เพื่อเผยแพร่กีฬายกน้ำหนัก ให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนในภูมิภาคต่างๆ และเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศ

    โดยการแข่งขันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 11 พฤษภาคม 2568 ณ โคราชฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช มีสโมสรส่งทีมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน กว่า 500 คน รวมชิงเหรียญรางวัล 252 เหรียญ
    โคราช จัดการแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 ชิงถ้วยพระราชทาน วันนี้ (7 พฤษภาคม 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 ระดับประชาชน ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและระดับยุวชน ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตบราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมกับนายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม นายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกอ อบจ.นครราชสีมา พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย คณะกรรมการสมาคมฯ และนางสาวธีรารัตน์ ร่มเย็น ผอ.สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จ.นครราชสีมา ร่วมเป็นเกียรติเปิดการแข่งขันและมอบเหรียญรางวัล รุ่นประชาชน น้ำหนัก 60 กก. เพื่อพัฒนาฝีมือนักกีฬายกน้ำหนักที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนทีมชาติไทย เพื่อเผยแพร่กีฬายกน้ำหนัก ให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนในภูมิภาคต่างๆ และเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศ โดยการแข่งขันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 11 พฤษภาคม 2568 ณ โคราชฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช มีสโมสรส่งทีมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน กว่า 500 คน รวมชิงเหรียญรางวัล 252 เหรียญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging Choawalit Chotwattanaphong หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ Choawalit Chotwattanaphong https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging [1] หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ [1] https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 652 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts