• #มีนิทานสั้นจะเล่าให้ฟัง
    "ชาวนากับงูเห่าเหม็น"
    ชาวนาคนหนึ่งออกไปทำงานในตอนฤดูหนาว เขาพบอินังงูพิษนอนแข็งใกล้ตุยอยู่ระหว่างทาง
    ถึงจะได้กลิ่นเหม็นที่ไม่ชอบอาบน้ำ
    ด้วยความสงสารเขาจึงอุ้มมันกลับบ้าน
    เมื่อถึงบ้าน
    เจ้างูอุ่นขึ้นมันจึงลุกขึ้นและจะกัดลูกของชาวนา
    ชาวนาเห็นจึงหยิบขวานขึ้นและสับเจ้างูเหม็นเป็นสองท่อน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #มีนิทานสั้นจะเล่าให้ฟัง "ชาวนากับงูเห่าเหม็น" ชาวนาคนหนึ่งออกไปทำงานในตอนฤดูหนาว เขาพบอินังงูพิษนอนแข็งใกล้ตุยอยู่ระหว่างทาง ถึงจะได้กลิ่นเหม็นที่ไม่ชอบอาบน้ำ ด้วยความสงสารเขาจึงอุ้มมันกลับบ้าน เมื่อถึงบ้าน เจ้างูอุ่นขึ้นมันจึงลุกขึ้นและจะกัดลูกของชาวนา ชาวนาเห็นจึงหยิบขวานขึ้นและสับเจ้างูเหม็นเป็นสองท่อน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ

    อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด

    ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ

    "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้"

    เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว

    The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า
    หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง)

    แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า

    หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้

    โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น

    สรุปเนื้อเรื่องคือ

    ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน

    หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ

    สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง

    ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป

    ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน

    ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย

    สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่

    #หนังสือ
    #นิยายแปล
    #ร้านหนังสือ
    #คนรักการอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้" เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว 📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง) แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้ โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น สรุปเนื้อเรื่องคือ ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่ #หนังสือ #นิยายแปล #ร้านหนังสือ #คนรักการอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรงแรมสะเหน่ นิมมาน
    ราคาโปรโมชั่นสำหรับการเข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - ตุลาคม 2567 (ยกเว้นช่วงวันหยุดยาวและเทศกาล)
    ห้อง Suite room King bed & Twin beds
    โปรโมชั่นคืนละ 2,700 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืน 6,999 บาท (คืนละ 2,333 บาท)
    ห้อง Executive Suite room King bed
    โปรโมชั่นคืนละ 3,900 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืน 9,999 บาท (คืนละ 3,333 บาท)
    ห้อง Sanae' Signature Suite King bed
    โปรโมชั่นคืนละ 5,100 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืนละ 13,350 บาท (คืนละ 4,450 บาท)
    ห้อง Ground floor Suite room King bed & Twin beds
    โปรโมชั่นคืนละ 2,400 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืน 6,000 บาท (คืนละ 2,000 บาท)
    ห้อง Townhouse
    **หมายเหตุ : ห้องพักประเภทนี้จะอยู่แยกจากอาคารหลักของโรงแรม แต่อยู่ในบริเวณเดียวกัน**
    โปรโมชั่นคืนละ 2,200 บาท
    แพ็คเกจ 3 คืน 5,550 บาท (คืนละ 1,850 บาท)
    #พิเศษทุกการจองแถมเซ็ทอาหารเช้าหลากหลายเมนู
    โรงแรมสะเหน่ ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย SHA
    สิ่งอำนวยความสะดวก
    ฟรี Internet Wifi
    เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ทีวี 2 เครื่องขนาด 40-50 นิ้ว
    ตู้เย็น น้ำดื่ม 4 ขวดในห้องพัก
    ตู้เซฟ ไดร์เป่าผม
    สระว่ายน้ำส่วนกลาง ที่จอดรถใต้อาคาร
    สอบถามข้อมูลห้องพัก : 053-222-299
    Line : sanaehotel
    Website : www.sanaehotel.com❤❤
    #สะเหน่เชียงใหม่ #hotel #โรงเเรมสะเหน่ #ที่พักในเชียงใหม่ #โรงแรมเชียงใหม่ #โรงแรมดังเชียงใหม่ #โปรโมชั่นโรงแรม #ที่พักนิมมาน #นักธุรกิจ #ท่องเที่ยว #คู่รัก #ครอบครัว #โปรโมชั่นห้องพัก #รีวิวเชียงใหม่ #reviewchiangmai #sanaehotel #sanae #nimman #tripchiangmai #เที่ยวเชียงใหม่ #สะเหน่โฮเท็ล #ฤดูหนาว #เดินทางท่องเที่ยว
    Sanae' Hotel Nimman
    โรงแรมสะเหน่ นิมมาน ราคาโปรโมชั่นสำหรับการเข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - ตุลาคม 2567 (ยกเว้นช่วงวันหยุดยาวและเทศกาล) ⭐ ห้อง Suite room King bed & Twin beds โปรโมชั่นคืนละ 2,700 บาท แพ็คเกจ 3 คืน 6,999 บาท (คืนละ 2,333 บาท) ⭐ ห้อง Executive Suite room King bed โปรโมชั่นคืนละ 3,900 บาท แพ็คเกจ 3 คืน 9,999 บาท (คืนละ 3,333 บาท) ⭐ ห้อง Sanae' Signature Suite King bed โปรโมชั่นคืนละ 5,100 บาท แพ็คเกจ 3 คืนละ 13,350 บาท (คืนละ 4,450 บาท) ⭐ ห้อง Ground floor Suite room King bed & Twin beds โปรโมชั่นคืนละ 2,400 บาท แพ็คเกจ 3 คืน 6,000 บาท (คืนละ 2,000 บาท) ⭐ ห้อง Townhouse **หมายเหตุ : ห้องพักประเภทนี้จะอยู่แยกจากอาคารหลักของโรงแรม แต่อยู่ในบริเวณเดียวกัน** โปรโมชั่นคืนละ 2,200 บาท แพ็คเกจ 3 คืน 5,550 บาท (คืนละ 1,850 บาท) #พิเศษทุกการจองแถมเซ็ทอาหารเช้าหลากหลายเมนู 💛💛โรงแรมสะเหน่ ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย SHA💛💛 👉 สิ่งอำนวยความสะดวก ✅ฟรี Internet Wifi ✅เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ✅ทีวี 2 เครื่องขนาด 40-50 นิ้ว ✅ตู้เย็น ✅น้ำดื่ม 4 ขวดในห้องพัก ✅ตู้เซฟ ✅ไดร์เป่าผม ✅สระว่ายน้ำส่วนกลาง ✅ที่จอดรถใต้อาคาร ☎️สอบถามข้อมูลห้องพัก : 053-222-299 🌍 Line : sanaehotel 🏡 Website : www.sanaehotel.com❤❤ #สะเหน่เชียงใหม่ #hotel #โรงเเรมสะเหน่ #ที่พักในเชียงใหม่ #โรงแรมเชียงใหม่ #โรงแรมดังเชียงใหม่ #โปรโมชั่นโรงแรม #ที่พักนิมมาน #นักธุรกิจ #ท่องเที่ยว #คู่รัก #ครอบครัว #โปรโมชั่นห้องพัก #รีวิวเชียงใหม่ #reviewchiangmai #sanaehotel #sanae #nimman #tripchiangmai #เที่ยวเชียงใหม่ #สะเหน่โฮเท็ล #ฤดูหนาว #เดินทางท่องเที่ยว Sanae' Hotel Nimman
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานท่องเที่ยวฤดูหนาวสวนดอกไม้ และงานกาชาด ณ บริเวณลานพระพุถถทธมหาราชกิตเฉลิมบ้านห้วยนกแล ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 14 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งานท่องเที่ยวฤดูหนาวสวนดอกไม้ และงานกาชาด ณ บริเวณลานพระพุถถทธมหาราชกิตเฉลิมบ้านห้วยนกแล ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 14 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานฤดูหนาวลพบุรี ณ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งานฤดูหนาวลพบุรี ณ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุ้มผาง ความสุขที่...ไร้ขีดจำกัด!!

    อุ้มผาง เป็นอำเภอหนึ่งทางตอนใต้ของจังหวัดตาก จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภออุ้มผาง พ.ศ. 2502 อันมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 อำเภออุ้มผางเป็นอำเภอที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นอำเภอที่อยู่ห่างไกลจากตัวอำเภอเมืองมากที่สุดในประเทศไทย[1] มียอดเขาที่สูงที่สุดในภาคตะวันตกคือ ยอดเขากะเจอลา มีความสูง 2,152 เมตร[ต้องการอ้างอิง] โดยพื้นที่ตอนล่างของอำเภอ ยังเป็นที่ตั้งของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย

    อุ้มผาง ที่นี่มีผืนป่าบริสุทธิ์ เป็นชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมา เส้นทางตัดผ่านเทือกเขา สวยงามอลังการ เราสามารถชมทัศนียภาพ และอากาศบริสุทธิ์ของป่า หรือจะเลือกไปนั่งช้าง ชมผืนป่าจากมุมสูง และแวะไปสัมผัสกระแสน้ำตกสายที่กระเซ็นสดชื่นในหน้าฝนแบบนี้ ก็ดีต่อใจมากทีเดียว

    เป้าหมายของการมาเที่ยว อุ้มผาง จังหวัดตาก ส่วนมากก็คือการมาเที่ยว น้ำตกทีลอซู นั่นเองค่ะ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและสวยมากที่สุดในเมืองไทย อีกทั้งยังติดอันดับน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ 6 ของเอเชียที่มีความสูงอยู่ที่ 300 เมตร และความกว้าง 500 เมตร เป็นพิกัดยอดฮิตในช่วงปลายฝนต้นหนาวไปจนถึงฤดูหนาว เพราะจะเป็นช่วงที่สวยที่สุดของการมาชมความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกทีลอซู แต่การเดินทางเข้าไปนั้นลำบากพอสมควร และต้องติดต่อขออนุญาตจากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผางก่อนเข้าไปเที่ยวค่ะ

    อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ น้ำตกทีลอซู ที่เที่ยวตาก กับ ความอลังการของ น้ำตกที่สวยที่สุดในเมืองไทย

    #น้ำตกทีลอซู
    #อุ้มผาง

    อุ้มผาง ความสุขที่...ไร้ขีดจำกัด!!🥰 อุ้มผาง เป็นอำเภอหนึ่งทางตอนใต้ของจังหวัดตาก จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภออุ้มผาง พ.ศ. 2502 อันมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 อำเภออุ้มผางเป็นอำเภอที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นอำเภอที่อยู่ห่างไกลจากตัวอำเภอเมืองมากที่สุดในประเทศไทย[1] มียอดเขาที่สูงที่สุดในภาคตะวันตกคือ ยอดเขากะเจอลา มีความสูง 2,152 เมตร[ต้องการอ้างอิง] โดยพื้นที่ตอนล่างของอำเภอ ยังเป็นที่ตั้งของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย อุ้มผาง ที่นี่มีผืนป่าบริสุทธิ์ เป็นชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมา เส้นทางตัดผ่านเทือกเขา สวยงามอลังการ เราสามารถชมทัศนียภาพ และอากาศบริสุทธิ์ของป่า หรือจะเลือกไปนั่งช้าง ชมผืนป่าจากมุมสูง และแวะไปสัมผัสกระแสน้ำตกสายที่กระเซ็นสดชื่นในหน้าฝนแบบนี้ ก็ดีต่อใจมากทีเดียว เป้าหมายของการมาเที่ยว อุ้มผาง จังหวัดตาก ส่วนมากก็คือการมาเที่ยว น้ำตกทีลอซู นั่นเองค่ะ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและสวยมากที่สุดในเมืองไทย อีกทั้งยังติดอันดับน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ 6 ของเอเชียที่มีความสูงอยู่ที่ 300 เมตร และความกว้าง 500 เมตร เป็นพิกัดยอดฮิตในช่วงปลายฝนต้นหนาวไปจนถึงฤดูหนาว เพราะจะเป็นช่วงที่สวยที่สุดของการมาชมความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกทีลอซู แต่การเดินทางเข้าไปนั้นลำบากพอสมควร และต้องติดต่อขออนุญาตจากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผางก่อนเข้าไปเที่ยวค่ะ อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ น้ำตกทีลอซู ที่เที่ยวตาก กับ ความอลังการของ น้ำตกที่สวยที่สุดในเมืองไทย #น้ำตกทีลอซู #อุ้มผาง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน คูเลบา ถูกบังคับให้ลาออกไม่กี่วันหลังจากที่เขายอมรับว่ายูเครนกำลังแพ้สงครามและชาติตะวันตกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้

    4 กันยายน 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า Ruslan Stefanchuk ประธานรัฐสภายูเครน รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดิมิโตร คูเลบา(Dmytro Kuleba)ได้ยื่นจดหมายลาออกแล้ว หลังจากเมื่ออังคาร3 กันยายน ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี 5 คนลาออก คือ Oleksandr Kamyshin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์, Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรี และDenys Maliuska รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม Ruslan Strilets รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณาการยุโรปและยูโร-แอตแลนติก และ Iryna Vereshchuk. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบูรณาการยุโรป

    ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณะOleksandr Kubrakov และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรMykola Solskyiถูกไล่ออกไปแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้เอง

    สำหรับKuleba ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งแต่ปี 2020 โดยเขามีบทบาทนำในความพยายามของยูเครนในการร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศและสร้างความร่วมมือใหม่นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเต็มรูปแบบ

    หลังจากมีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะถูกไล่ออกในเดือนสิงหาคม 2023คูเลบากล่าวทางโทรทัศน์ระดับประเทศว่าเขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าว “ผมทำงาน ไม่มีงานไหนถาวร และผมใจเย็นมากกับทุกๆ เรื่อง”

    เขากล่าวในตอนนั้น “ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าผมจะลาออกภายใต้สถานการณ์สองสถานการณ์: สถานการณ์แรกคือถ้าประธานาธิบดีขอให้ผมทำ และสถานการณ์ที่สองคือถ้าผมขัดแย้งกับนโยบายต่างประเทศในระดับพื้นฐานและไม่คิดว่าจะทำงานกับมันได้” คูเลบากล่าวเสริม

    หนังสือพิมพ์ยูเครนปราฟดารายงานเมื่อวันที่ 3 กันยายน โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ว่านายคูเลบาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และยังคงมีการพิจารณาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนอยู่ ผู้ที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะดำรงตำแหน่งนี้คือนายอันดรี ซิบีฮา รองรัฐมนตรีต่างประเทศ แหล่งข่าวกล่าว

    หลังจากรัฐมนตรี 5 รายลาออกเมื่อวันอังคาร ซึ่งพันธมิตรระดับสูงของ Zelenskyy มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการ "รีเซ็ต" รัฐบาลก่อนฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น

    เซเลนสกีกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเพื่อบรรลุผลตามที่ยูเครนต้องการ
    “ฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน และสถาบันของรัฐของเราควรได้รับการจัดการเพื่อให้ยูเครนบรรลุผลสำเร็จตามที่เราต้องการสำหรับเราทุกคน”

    ปลายเดือนนี้ เซเลนสกีจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อขอพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญ

    ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้เพิ่มการโจมตีด้วยโดรนขีปนาวุธถล่มยูเครนหนัก

    #Thaitimes
    รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน คูเลบา ถูกบังคับให้ลาออกไม่กี่วันหลังจากที่เขายอมรับว่ายูเครนกำลังแพ้สงครามและชาติตะวันตกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ 4 กันยายน 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า Ruslan Stefanchuk ประธานรัฐสภายูเครน รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดิมิโตร คูเลบา(Dmytro Kuleba)ได้ยื่นจดหมายลาออกแล้ว หลังจากเมื่ออังคาร3 กันยายน ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี 5 คนลาออก คือ Oleksandr Kamyshin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์, Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรี และDenys Maliuska รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม Ruslan Strilets รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณาการยุโรปและยูโร-แอตแลนติก และ Iryna Vereshchuk. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบูรณาการยุโรป ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณะOleksandr Kubrakov และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรMykola Solskyiถูกไล่ออกไปแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้เอง สำหรับKuleba ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งแต่ปี 2020 โดยเขามีบทบาทนำในความพยายามของยูเครนในการร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศและสร้างความร่วมมือใหม่นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเต็มรูปแบบ หลังจากมีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะถูกไล่ออกในเดือนสิงหาคม 2023คูเลบากล่าวทางโทรทัศน์ระดับประเทศว่าเขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าว “ผมทำงาน ไม่มีงานไหนถาวร และผมใจเย็นมากกับทุกๆ เรื่อง” เขากล่าวในตอนนั้น “ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าผมจะลาออกภายใต้สถานการณ์สองสถานการณ์: สถานการณ์แรกคือถ้าประธานาธิบดีขอให้ผมทำ และสถานการณ์ที่สองคือถ้าผมขัดแย้งกับนโยบายต่างประเทศในระดับพื้นฐานและไม่คิดว่าจะทำงานกับมันได้” คูเลบากล่าวเสริม หนังสือพิมพ์ยูเครนปราฟดารายงานเมื่อวันที่ 3 กันยายน โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ว่านายคูเลบาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และยังคงมีการพิจารณาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนอยู่ ผู้ที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะดำรงตำแหน่งนี้คือนายอันดรี ซิบีฮา รองรัฐมนตรีต่างประเทศ แหล่งข่าวกล่าว หลังจากรัฐมนตรี 5 รายลาออกเมื่อวันอังคาร ซึ่งพันธมิตรระดับสูงของ Zelenskyy มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการ "รีเซ็ต" รัฐบาลก่อนฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น เซเลนสกีกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเพื่อบรรลุผลตามที่ยูเครนต้องการ “ฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน และสถาบันของรัฐของเราควรได้รับการจัดการเพื่อให้ยูเครนบรรลุผลสำเร็จตามที่เราต้องการสำหรับเราทุกคน” ปลายเดือนนี้ เซเลนสกีจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อขอพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้เพิ่มการโจมตีด้วยโดรนขีปนาวุธถล่มยูเครนหนัก #Thaitimes
    Like
    Yay
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 840 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานฤดูหนาวหนองใหญ่ ครั้งที่ 2 ณ บริเวณแยกหนองเสือช้าง อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 13 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งานฤดูหนาวหนองใหญ่ ครั้งที่ 2 ณ บริเวณแยกหนองเสือช้าง อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 13 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องชวนหัวในยุคราชวงศ์จีน ตอน อ้ายจื่อตีหลาน
    .
    นานมาแล้วในประเทศจีน มีผู้คุณปู่ผู้เฒ่านามว่า “อ้ายจื่อ” ...
    .
    คุณปู่อ้ายจื่อรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เมื่อหลานชายคนเดียวกลับไม่ชอบเล่าเรียนหนังสือ วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่นหาเรื่องสนุกสนาน ทั้งยังสร้างเรื่องยุ่งให้กับครอบครัวไม่เว้นแต่ละวัน ด้วยเหตุนี้คุณปู่อ้ายจื่อจึงมักจะคว้าไม้เรียวออกไปฟาดอบรมหลานชายอยู่บ่อยๆ ทว่าเจ้าหลานจอมซนกลับไม่ปรับปรุงพฤติกรรม ขณะที่ลูกชายและลูกสะใภ้ต่างก็ตามใจหลานชายคนเดียวเสียจนเด็กเคยตัว พอคุณปู่ดุด่าและอบรมเข้มหลายครั้งเข้า เจ้าพ่อกับแม่ของมันก็ออกมาให้ท้ายตามใจ ทำให้คุณปู่ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
    .
    กระทั่งกลางฤดูหนาวหนึ่ง ในวันที่หิมะตกหนัก ขณะที่ ไอ้เจ้าหลานชายตัวแสบกำลังเล่นหิมะอยู่กลางลานบ้าน คุณปู่ก็เรียกหลานชายมาเพื่ออบรมโดยสั่งให้ถอดเสื้อและนั่งคุกเข่าท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก เมื่อถอดเสื้อออก ร่างของเด็กน้อยก็สั่นเทิ้มด้วยความหนาวเหน็บ
    .
    ในเวลาเดียวกัน เมื่อเจ้าตัวพ่อเดินมาเห็นคุณปู่กำลังสั่งสอนหลานชายอย่างเข้มงวด กลับไม่กล่าววาจาปกป้อง เพียงถอดเสื้อตัวเองและลงไปนั่งคุกเข่าคู่กับลูกชายเมื่อเห็นดังนั้นคุณปู่อ้ายจื่อจึงถามลูกชายตัวเองว่า “แกไปทำอะไรผิดมา ถึงต้องมานั่งคุกเข่ารอรับการลงโทษ?”
    .
    เจ้าลูกชายร่ำไห้พลางตอบกลับไปว่า “เมื่อพ่อไม่สนใจความรู้สึกของผม ทำให้ลูกชายของผมต้องนั่งคุกเข่าท่ามกลางความหนาวเหน็บอย่างนี้ ผมก็ต้องแก้คืนด้วยการทำให้ลูกชายของพ่อต้องนั่งหนาว เพื่อให้พ่อได้รู้สึกบ้าง!” ได้ยินดังนั้นคุณปู่อ้ายจื่อจึงถึงกับหัวร่อออกมา และสุดท้ายปล่อยตัวหลานชายไปโดยไม่ทำโทษอะไร
    .
    เรียบเรียงจาก 《艾子后语》โดย ลู่จั๋ว (陆灼), ราชวงศ์หมิง
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://mgronline.com/china/detail/9570000050758
    เรื่องชวนหัวในยุคราชวงศ์จีน ตอน อ้ายจื่อตีหลาน . นานมาแล้วในประเทศจีน มีผู้คุณปู่ผู้เฒ่านามว่า “อ้ายจื่อ” ... . คุณปู่อ้ายจื่อรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เมื่อหลานชายคนเดียวกลับไม่ชอบเล่าเรียนหนังสือ วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่นหาเรื่องสนุกสนาน ทั้งยังสร้างเรื่องยุ่งให้กับครอบครัวไม่เว้นแต่ละวัน ด้วยเหตุนี้คุณปู่อ้ายจื่อจึงมักจะคว้าไม้เรียวออกไปฟาดอบรมหลานชายอยู่บ่อยๆ ทว่าเจ้าหลานจอมซนกลับไม่ปรับปรุงพฤติกรรม ขณะที่ลูกชายและลูกสะใภ้ต่างก็ตามใจหลานชายคนเดียวเสียจนเด็กเคยตัว พอคุณปู่ดุด่าและอบรมเข้มหลายครั้งเข้า เจ้าพ่อกับแม่ของมันก็ออกมาให้ท้ายตามใจ ทำให้คุณปู่ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ . กระทั่งกลางฤดูหนาวหนึ่ง ในวันที่หิมะตกหนัก ขณะที่ ไอ้เจ้าหลานชายตัวแสบกำลังเล่นหิมะอยู่กลางลานบ้าน คุณปู่ก็เรียกหลานชายมาเพื่ออบรมโดยสั่งให้ถอดเสื้อและนั่งคุกเข่าท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก เมื่อถอดเสื้อออก ร่างของเด็กน้อยก็สั่นเทิ้มด้วยความหนาวเหน็บ . ในเวลาเดียวกัน เมื่อเจ้าตัวพ่อเดินมาเห็นคุณปู่กำลังสั่งสอนหลานชายอย่างเข้มงวด กลับไม่กล่าววาจาปกป้อง เพียงถอดเสื้อตัวเองและลงไปนั่งคุกเข่าคู่กับลูกชายเมื่อเห็นดังนั้นคุณปู่อ้ายจื่อจึงถามลูกชายตัวเองว่า “แกไปทำอะไรผิดมา ถึงต้องมานั่งคุกเข่ารอรับการลงโทษ?” . เจ้าลูกชายร่ำไห้พลางตอบกลับไปว่า “เมื่อพ่อไม่สนใจความรู้สึกของผม ทำให้ลูกชายของผมต้องนั่งคุกเข่าท่ามกลางความหนาวเหน็บอย่างนี้ ผมก็ต้องแก้คืนด้วยการทำให้ลูกชายของพ่อต้องนั่งหนาว เพื่อให้พ่อได้รู้สึกบ้าง!” ได้ยินดังนั้นคุณปู่อ้ายจื่อจึงถึงกับหัวร่อออกมา และสุดท้ายปล่อยตัวหลานชายไปโดยไม่ทำโทษอะไร . เรียบเรียงจาก 《艾子后语》โดย ลู่จั๋ว (陆灼), ราชวงศ์หมิง . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://mgronline.com/china/detail/9570000050758
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว