• คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล กำลังเตรียมการตัดสินใจว่าจะตอบรับข้อเสนอหนึ่งๆสำหรับหยุดยิงในศึกสงครามกับฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าข้อตกลงยุติการสู้รบในเลบานอน ใกล้เข้ามาแล้ว
    .
    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ทุ่มเทสุดกำลังร่วมกันผลักดันข้อตกลงหยุดยิงฉบับหนึ่ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมานานระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ จนปะทุเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน
    .
    ท่ามกลางการเจรจาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงสาธารณสุของเลบานอน บอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนอีกอย่างน้อย 31 รายในวันจันทร์(25พ.ย.) ส่วนใหญ่เสียชีวิตในทางภาคใต้ของประเทศ
    .
    ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์ยกระดับยิงห่าจรวดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บางส่วนเป็นการโจมตีเข้าไปในดินแดนลึกของอิสราเอล
    .
    เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับเอเอฟพีว่า คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง "จะตัดสินใจช่วงเย็นวันอังคาร(26พ.ย.) เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง"
    .
    จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความหวังต่อแนวโน้มข้อตกลงหยุดยิง แต่บอกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป "เราเชื่อว่า เรามาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เราเข้าใกล้ แต่เรายังไม่บรรลุข้อตกลงดี" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว
    .
    ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยส่งเสียงมุมมองในแง่บวกซ้ำๆแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลก็ยังคงสู้รบกับพวกนักรบฮามาส และกระทั่งเปิดการต่อสู้ในแนวรบที่ 2 ในเลบานอน อีกต่างหาก
    .
    ฝรั่งเศส ที่ยืนเคียงข้างสหรัฐฯในการเป็นหัวหอกความพยายามมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน รายงานในวันจันทร์(25พ.ย.) ว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอม เร่งเร้าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ฉวยโอกาสนี้เอาไว้
    .
    Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติสหรัฐฯ เคยรายงานว่าฝ่ายต่างๆใกล้บรรลุข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระหว่างนั้นกองทัพอิสราเอลจะถอนทหารกลับ ส่วนทหารเลบานอนจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลใกล้ชายแดน ในขณะที่พวกฮิซบอลเลาะห์จะถอนอาวุธหนักออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิตานี
    .
    ร่างข้อตกลงนี้ยังเปิดทางจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับตรวจตราการบังคับใช้ข้อตกลง เช่นเดียวกับคำรับประกันจากอเมริกา ว่าอิสราเอลจะสามารถดำเนินการจัดการกับภัยคุกคามได้ทันที หากกองทัพเลบานอนไม่ทำเช่นนั้น
    .
    ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆให้หยุดการสู้รบในเลบานอน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เมื่อวันจันทร์(25พ.ย.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิง
    .
    ในกรุงเบรุตเมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.) โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที หลังจาก อาโมส โฮชสไตน์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ บอกว่าข้อตกลงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
    .
    สื่อมวลชนอิสราเอล รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ
    .
    เมื่อถูกถามในนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิง ทาง แดนนี ดาวอน ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ บอกว่า "เรากำลังมุ่งหน้าสู่แนวหน้านี้" พร้อมเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หัวขวาจัดของอิสราเอล เตือนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่าการใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน อาจเป็นการพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบอลเลาะห์
    .
    ทั้งนี้ เบน กาวีร์ เคยขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโค่นล้มรัฐบาล หากรัฐบาลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสในฉนวนกาซา หรือกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
    .
    สงครามในเลบานอน มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเปิดศึกยิงปะทะข้ามชายแดนมานานเกือบ 1 ปี โดยพวกฮิซบอลเลาะห์บอกว่าพวกเขาลงมือเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส หลังฮามาสเปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอล แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา
    .
    เลบานอน บอกว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้วอย่างน้อย 3,768 ราย นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือน 47 ราย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113499
    ..............
    Sondhi X
    คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล กำลังเตรียมการตัดสินใจว่าจะตอบรับข้อเสนอหนึ่งๆสำหรับหยุดยิงในศึกสงครามกับฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าข้อตกลงยุติการสู้รบในเลบานอน ใกล้เข้ามาแล้ว . เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ทุ่มเทสุดกำลังร่วมกันผลักดันข้อตกลงหยุดยิงฉบับหนึ่ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมานานระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ จนปะทุเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน . ท่ามกลางการเจรจาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงสาธารณสุของเลบานอน บอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนอีกอย่างน้อย 31 รายในวันจันทร์(25พ.ย.) ส่วนใหญ่เสียชีวิตในทางภาคใต้ของประเทศ . ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์ยกระดับยิงห่าจรวดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บางส่วนเป็นการโจมตีเข้าไปในดินแดนลึกของอิสราเอล . เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับเอเอฟพีว่า คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง "จะตัดสินใจช่วงเย็นวันอังคาร(26พ.ย.) เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง" . จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความหวังต่อแนวโน้มข้อตกลงหยุดยิง แต่บอกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป "เราเชื่อว่า เรามาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เราเข้าใกล้ แต่เรายังไม่บรรลุข้อตกลงดี" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว . ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยส่งเสียงมุมมองในแง่บวกซ้ำๆแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลก็ยังคงสู้รบกับพวกนักรบฮามาส และกระทั่งเปิดการต่อสู้ในแนวรบที่ 2 ในเลบานอน อีกต่างหาก . ฝรั่งเศส ที่ยืนเคียงข้างสหรัฐฯในการเป็นหัวหอกความพยายามมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน รายงานในวันจันทร์(25พ.ย.) ว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอม เร่งเร้าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ฉวยโอกาสนี้เอาไว้ . Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติสหรัฐฯ เคยรายงานว่าฝ่ายต่างๆใกล้บรรลุข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระหว่างนั้นกองทัพอิสราเอลจะถอนทหารกลับ ส่วนทหารเลบานอนจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลใกล้ชายแดน ในขณะที่พวกฮิซบอลเลาะห์จะถอนอาวุธหนักออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิตานี . ร่างข้อตกลงนี้ยังเปิดทางจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับตรวจตราการบังคับใช้ข้อตกลง เช่นเดียวกับคำรับประกันจากอเมริกา ว่าอิสราเอลจะสามารถดำเนินการจัดการกับภัยคุกคามได้ทันที หากกองทัพเลบานอนไม่ทำเช่นนั้น . ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆให้หยุดการสู้รบในเลบานอน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เมื่อวันจันทร์(25พ.ย.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิง . ในกรุงเบรุตเมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.) โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที หลังจาก อาโมส โฮชสไตน์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ บอกว่าข้อตกลงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม . สื่อมวลชนอิสราเอล รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ . เมื่อถูกถามในนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิง ทาง แดนนี ดาวอน ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ บอกว่า "เรากำลังมุ่งหน้าสู่แนวหน้านี้" พร้อมเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว . อย่างไรก็ตาม อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หัวขวาจัดของอิสราเอล เตือนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่าการใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน อาจเป็นการพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบอลเลาะห์ . ทั้งนี้ เบน กาวีร์ เคยขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโค่นล้มรัฐบาล หากรัฐบาลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสในฉนวนกาซา หรือกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน . สงครามในเลบานอน มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเปิดศึกยิงปะทะข้ามชายแดนมานานเกือบ 1 ปี โดยพวกฮิซบอลเลาะห์บอกว่าพวกเขาลงมือเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส หลังฮามาสเปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอล แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา . เลบานอน บอกว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้วอย่างน้อย 3,768 ราย นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือน 47 ราย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113499 .............. Sondhi X
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูมีคำสั่งคว่ำบาตรสำนักข่าว Haaretz หลังจากกล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นระบอบที่กระทำการโหดร้ายต่อชาวปาเลสไตน์

    มติการคว่ำบาตรต่อสำนักข่าวดังกล่าวถูกเสนอเข้าในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอาทิตย์ในนาทีสุดท้าย และได้รับการรับรองจากเนทันยาฮูโดยทันที โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายตามปกติ

    รายละเอียดของมติการคว่ำบาตรจะมีคำสั่งไปยังทุกองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลอิสราเอล ต้องยุติการติดต่อกับสำนักข่าว Haaretz โดยทันที และจะต้องถอนโฆษณาออกจากหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวด้วย

    เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเนทันยาฮูออกมาเปิดเผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจาก "บทความจำนวนมากที่ต่อต้านต่อความชอบธรรมของอิสราเอลจากคำสั่งการของเนทันยาฮูในการกระทำที่กำลังปกป้องสิทธิในการป้องกันตนเองจากฮามาส นอกจากนี้ อามอส ช็อคเกน ผู้บริหารของ Haaretz ยังไปพูดในลอนดอนเพื่อสนับสนุนปาเลสไตน์ และยังเรียกร้องให้คว่ำบาตรอิสราเอลอีกด้วย" ทำให้ความอดทนของอิสราเอลสิ้นสุดลง

    สำนักข่าว Haaretz ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีเมื่อวันอาทิตย์ว่า "มติคว่ำบาตรดังกล่าว เป็นการฉวยโอกาสโดยไม่มีการตรวจสอบทางกฎหมายใดๆ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในเส้นทางของเนทันยาฮูที่กำลังทำลายล้างประชาธิปไตยของอิสราเอล เนทันยาฮูกำลังพยายามปิดปากหนังสือพิมพ์อิสระที่มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้"

    ก่อนหน้านี้ เนทันยาฮูมีคำสั่งปิดสำนักข่าว อัล จาซีรา ไปแล้วจากข้อกล่าวหาที่คล้ายกัน

    ต่อมามีการออกกฎหมายุติการดำเนินกิจกรรมของ UNRWA ทำให้องค์กรนี้รวมทั้งเจ้าหน้าที่ไม่มีกฎหมายรองรับการทำงานในพื้นที่ปกครองของอิสราเอลอีกต่อไป

    การกระทำของอิสราเอลในลักษณะนี้ไม่เคยถูกประณามจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือแม้แต่เยอรมัน แต่อย่างใด
    เนทันยาฮูมีคำสั่งคว่ำบาตรสำนักข่าว Haaretz หลังจากกล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นระบอบที่กระทำการโหดร้ายต่อชาวปาเลสไตน์ มติการคว่ำบาตรต่อสำนักข่าวดังกล่าวถูกเสนอเข้าในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอาทิตย์ในนาทีสุดท้าย และได้รับการรับรองจากเนทันยาฮูโดยทันที โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายตามปกติ รายละเอียดของมติการคว่ำบาตรจะมีคำสั่งไปยังทุกองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลอิสราเอล ต้องยุติการติดต่อกับสำนักข่าว Haaretz โดยทันที และจะต้องถอนโฆษณาออกจากหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเนทันยาฮูออกมาเปิดเผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจาก "บทความจำนวนมากที่ต่อต้านต่อความชอบธรรมของอิสราเอลจากคำสั่งการของเนทันยาฮูในการกระทำที่กำลังปกป้องสิทธิในการป้องกันตนเองจากฮามาส นอกจากนี้ อามอส ช็อคเกน ผู้บริหารของ Haaretz ยังไปพูดในลอนดอนเพื่อสนับสนุนปาเลสไตน์ และยังเรียกร้องให้คว่ำบาตรอิสราเอลอีกด้วย" ทำให้ความอดทนของอิสราเอลสิ้นสุดลง สำนักข่าว Haaretz ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีเมื่อวันอาทิตย์ว่า "มติคว่ำบาตรดังกล่าว เป็นการฉวยโอกาสโดยไม่มีการตรวจสอบทางกฎหมายใดๆ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในเส้นทางของเนทันยาฮูที่กำลังทำลายล้างประชาธิปไตยของอิสราเอล เนทันยาฮูกำลังพยายามปิดปากหนังสือพิมพ์อิสระที่มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้" ก่อนหน้านี้ เนทันยาฮูมีคำสั่งปิดสำนักข่าว อัล จาซีรา ไปแล้วจากข้อกล่าวหาที่คล้ายกัน ต่อมามีการออกกฎหมายุติการดำเนินกิจกรรมของ UNRWA ทำให้องค์กรนี้รวมทั้งเจ้าหน้าที่ไม่มีกฎหมายรองรับการทำงานในพื้นที่ปกครองของอิสราเอลอีกต่อไป การกระทำของอิสราเอลในลักษณะนี้ไม่เคยถูกประณามจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือแม้แต่เยอรมัน แต่อย่างใด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลโจมตีทางอากาศกลางกรุงเบรุตโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน ขณะที่ความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงยังคงไร้ความคืบหน้า
    .
    กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า การโจมตีกลางกรุงเบรุตเมื่อเวลา 4.00 น.วันเสาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในช่วงเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เป้าหมายอยู่ที่อาคารที่พักอาศัย 8 ชั้นที่พังถล่มเหลือเพียงซาก นอกจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คนแล้ว ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 66 คน
    .
    สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนยังรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คนจากการโจมตีด้วยโดรนในเมืองไทร์ทางใต้ของประเทศเมื่อวันเสาร์เช่นเดียวกัน โดยโฆษกกลุ่มฟาตาห์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองหนึ่งของปาเลสไตน์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตคือผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์จากค่ายอัล-รอชิดเดห์ในบริเวณใกล้เคียงที่ออกไปตกปลา
    .
    ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า มีการโจมตีทางอากาศในเมืองชมูสตาร์ทางตะวันออกซึ่งมีผู้เสียชีวิต 8 คน รวมถึงเด็ก 4 คน 5 คนในเมืองรูมินทางใต้ และอีก 5 คนในหมู่บ้านบูไดทางเหนือ
    .
    ในส่วนความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนนั้นอิงกับข้อเสนอปัจจุบันที่เรียกร้องการหยุดยิง 2 เดือน โดยที่กองทัพอิสราเอลต้องถอนออกจากเลบานอน ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ถอนไปจากบริเวณชายแดนทางใต้ของแม่น้ำลิทานี และกองทัพเลบานอนร่วมกับกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน โดยมีคณะกรรมการนานาชาติติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้
    .
    เจ้าหน้าที่ทูตตะวันตก 2 คนเปิดเผยว่า อิสราเอลยืนกรานไม่ตกลงตามข้อเสนอนี้ ยกเว้นตนสามารถโจมตีในเลบานอนได้อย่างเสรีกรณีที่เชื่อว่า ฮิซบอลเลาะห์ละเมิดข้อตกลง ขณะที่เลบานอนเห็นว่า การเพิ่มเงื่อนไขดังกล่าวเท่ากับละเมิดอธิปไตยของเลบานอน และสัปดาห์ที่แล้ว นาอิม คัสเซ็ม ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ระบุว่า จะไม่ตกลงหากอิสราเอลไม่ยุติการรุกรานเลบานอนโดยสิ้นเชิง
    .
    อิสราเอลยังไม่ยอมให้ฝรั่งเศสที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเลบานอน เข้าร่วมในคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง และเลบานอนปฏิเสธการส่งอังกฤษที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอิสราเอลเข้าร่วมเช่นเดียวกัน
    .
    สำหรับสถานการณ์ในกาซานั้น กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน และติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกหลายสิบคนจากการโจมตีตอนใต้ของกาซาในวันพฤหัสฯ และศุกร์ (21-22 พ.ย.) ซึ่งรวมถึงบริเวณใกล้โรงพยาบาลคามาล อัดวาน และอัล-อาฮ์รี
    .
    อย่างไรก็ดี กองทัพอิสราเอลเผยว่า ไม่รับรู้ว่า มีการโจมตีใกล้โรงพยาบาลคามาล อัดวาน และไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีที่อื่นๆ
    .
    ผู้สื่อข่าวของเอพีและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนัสเซอร์รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 3 คนและผู้หญิง 2 คนในเมืองข่านยูนิสทางใต้ของกาซาเมื่อวันเสาร์ และโรงพยาบาลอัล-ออดาเผยว่า ได้รับร่างผู้เสียชีวิต 6 คนหลังจากอิสราเอลยิงปืนใหญ่ถล่มบ้านหลังหนึ่งทางเหนือของค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา
    .
    กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากสงคราม 13 เดือนในกาซาทะลุ 44,000 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอิสราเอลอ้างว่า ได้สังหารนักรบฮามาสกว่า 17,000 คน ขณะที่การโจมตีเลบานอนของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,500 คน และทางฝั่งอิสราเอลระบุว่า ทหารของตนเสียชีวิตราว 90 นาย และพลเรือนเกือบ 50 คนจากการทิ้งระเบิดและการสู้รบทางเหนือของประเทศ
    .
    ขณะเดียวกัน ยูเอ็นระบุว่า ความพยายามให้ความช่วยเหลือพลเมืองทางเหนือของกาซาที่อิสราเอลย้อนกลับไปโจมตีอย่างหนักตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ถูกปฏิเสธและขัดขวาง และประชากรไม่ถึง 20% ยังคงอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากบุกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อตอบโต้ที่นักรบฮามาสข้ามแดนเข้าไปโจมตีอิสราเอล ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน และจับตัวประกันกลับไป 250 คน โดยคาดว่า ขณะนี้ยังมีราว 100 คนถูกขังอยู่ในกาซา ซึ่งอย่างน้อย 1 ใน 3 เชื่อว่า เสียชีวิตแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113050
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลโจมตีทางอากาศกลางกรุงเบรุตโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน ขณะที่ความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงยังคงไร้ความคืบหน้า . กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า การโจมตีกลางกรุงเบรุตเมื่อเวลา 4.00 น.วันเสาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในช่วงเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เป้าหมายอยู่ที่อาคารที่พักอาศัย 8 ชั้นที่พังถล่มเหลือเพียงซาก นอกจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คนแล้ว ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 66 คน . สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนยังรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คนจากการโจมตีด้วยโดรนในเมืองไทร์ทางใต้ของประเทศเมื่อวันเสาร์เช่นเดียวกัน โดยโฆษกกลุ่มฟาตาห์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองหนึ่งของปาเลสไตน์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตคือผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์จากค่ายอัล-รอชิดเดห์ในบริเวณใกล้เคียงที่ออกไปตกปลา . ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า มีการโจมตีทางอากาศในเมืองชมูสตาร์ทางตะวันออกซึ่งมีผู้เสียชีวิต 8 คน รวมถึงเด็ก 4 คน 5 คนในเมืองรูมินทางใต้ และอีก 5 คนในหมู่บ้านบูไดทางเหนือ . ในส่วนความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนนั้นอิงกับข้อเสนอปัจจุบันที่เรียกร้องการหยุดยิง 2 เดือน โดยที่กองทัพอิสราเอลต้องถอนออกจากเลบานอน ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ถอนไปจากบริเวณชายแดนทางใต้ของแม่น้ำลิทานี และกองทัพเลบานอนร่วมกับกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน โดยมีคณะกรรมการนานาชาติติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ . เจ้าหน้าที่ทูตตะวันตก 2 คนเปิดเผยว่า อิสราเอลยืนกรานไม่ตกลงตามข้อเสนอนี้ ยกเว้นตนสามารถโจมตีในเลบานอนได้อย่างเสรีกรณีที่เชื่อว่า ฮิซบอลเลาะห์ละเมิดข้อตกลง ขณะที่เลบานอนเห็นว่า การเพิ่มเงื่อนไขดังกล่าวเท่ากับละเมิดอธิปไตยของเลบานอน และสัปดาห์ที่แล้ว นาอิม คัสเซ็ม ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ระบุว่า จะไม่ตกลงหากอิสราเอลไม่ยุติการรุกรานเลบานอนโดยสิ้นเชิง . อิสราเอลยังไม่ยอมให้ฝรั่งเศสที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเลบานอน เข้าร่วมในคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง และเลบานอนปฏิเสธการส่งอังกฤษที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอิสราเอลเข้าร่วมเช่นเดียวกัน . สำหรับสถานการณ์ในกาซานั้น กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน และติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกหลายสิบคนจากการโจมตีตอนใต้ของกาซาในวันพฤหัสฯ และศุกร์ (21-22 พ.ย.) ซึ่งรวมถึงบริเวณใกล้โรงพยาบาลคามาล อัดวาน และอัล-อาฮ์รี . อย่างไรก็ดี กองทัพอิสราเอลเผยว่า ไม่รับรู้ว่า มีการโจมตีใกล้โรงพยาบาลคามาล อัดวาน และไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีที่อื่นๆ . ผู้สื่อข่าวของเอพีและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนัสเซอร์รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 3 คนและผู้หญิง 2 คนในเมืองข่านยูนิสทางใต้ของกาซาเมื่อวันเสาร์ และโรงพยาบาลอัล-ออดาเผยว่า ได้รับร่างผู้เสียชีวิต 6 คนหลังจากอิสราเอลยิงปืนใหญ่ถล่มบ้านหลังหนึ่งทางเหนือของค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา . กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากสงคราม 13 เดือนในกาซาทะลุ 44,000 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอิสราเอลอ้างว่า ได้สังหารนักรบฮามาสกว่า 17,000 คน ขณะที่การโจมตีเลบานอนของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,500 คน และทางฝั่งอิสราเอลระบุว่า ทหารของตนเสียชีวิตราว 90 นาย และพลเรือนเกือบ 50 คนจากการทิ้งระเบิดและการสู้รบทางเหนือของประเทศ . ขณะเดียวกัน ยูเอ็นระบุว่า ความพยายามให้ความช่วยเหลือพลเมืองทางเหนือของกาซาที่อิสราเอลย้อนกลับไปโจมตีอย่างหนักตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ถูกปฏิเสธและขัดขวาง และประชากรไม่ถึง 20% ยังคงอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากบุกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อตอบโต้ที่นักรบฮามาสข้ามแดนเข้าไปโจมตีอิสราเอล ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน และจับตัวประกันกลับไป 250 คน โดยคาดว่า ขณะนี้ยังมีราว 100 คนถูกขังอยู่ในกาซา ซึ่งอย่างน้อย 1 ใน 3 เชื่อว่า เสียชีวิตแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113050 .............. Sondhi X
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • - สหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACM โจมตีรัสเซีย
    - อังกฤษ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย
    - ฝรั่งเศส อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ SCALP EG (Storm Shadow) โจมตีรัสเซีย
    - สหรัฐฯ กำลังพิจารณาส่งขีปนาวุธ JASSM (Joint Air-to-Surface Standoff Missile / AGM-158 JASSM) ให้กับยูเครน เพื่อโจมตีรัสเซีย
    .
    จากทั้งหมดนี้ ประเทศที่คลั่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ ยังคงกล่าวหาว่ารัสเซียเป็นฝ่ายยกระดับความรุนแรงในสงครามขึ้นไปอีก !!!
    - สหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACM โจมตีรัสเซีย - อังกฤษ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย - ฝรั่งเศส อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ SCALP EG (Storm Shadow) โจมตีรัสเซีย - สหรัฐฯ กำลังพิจารณาส่งขีปนาวุธ JASSM (Joint Air-to-Surface Standoff Missile / AGM-158 JASSM) ให้กับยูเครน เพื่อโจมตีรัสเซีย . จากทั้งหมดนี้ ประเทศที่คลั่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ ยังคงกล่าวหาว่ารัสเซียเป็นฝ่ายยกระดับความรุนแรงในสงครามขึ้นไปอีก !!!
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇫🇷🇺🇦 ฝรั่งเศสอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ SCALP ของฝรั่งเศสโจมตีภายในรัสเซีย
    .
    JUST IN: 🇫🇷🇺🇦 France authorizes Ukraine to use French SCALP missiles to strike inside Russia.
    .
    10:38 PM · Nov 23, 2024 · 1.4M Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1860347283969134953
    🇫🇷🇺🇦 ฝรั่งเศสอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ SCALP ของฝรั่งเศสโจมตีภายในรัสเซีย . JUST IN: 🇫🇷🇺🇦 France authorizes Ukraine to use French SCALP missiles to strike inside Russia. . 10:38 PM · Nov 23, 2024 · 1.4M Views https://x.com/BRICSinfo/status/1860347283969134953
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว

    จากกรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทั้งหมด 4 คดี คือฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทในการทำแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์, หลอกให้โอนเงิน 39 ล้านบาท อ้างว่าเพื่อชดเชยความเสียหายจากการโอนเงินคริปโตฯ แทนพี่อ้อย, ฉ้อโกงเงินส่วนต่างค่าซื้อรถเบนซ์ G400d 1.5 ล้านบาท,ฉ้อโกงค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาทนั้น ต่อมายังมีความน่าสงสัยกรณีการติดตั้ง GPS ที่รถเบนซ์ G400d ซึ่งทนายตั้มเป็นคนติดเอง โดยในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อนายษิทรา ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่านายษิทราและภรรยาเคยแอบดูข้อมูลการเดินทางของรถเบนซ์คันดังกล่าวของพี่อ้อยด้วย

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ลูกน้องของพี่อ้อยได้นำรถเบนซ์คันดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการแห่งหนึ่ง บนถนนพระรามที่ 3 พบว่ารถมีการติดตั้ง GPS ติดตามรถคันนี้ นายษิทราอ้างว่าได้มาจากบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ต่างประเทศ เนื่องจากรถรุ่นนี้หายาก จึงต้องไปซื้อที่ตลาดผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต เพื่อให้พี่อ้อยใช้ เมื่อนำรถไปที่ศูนย์บริการที่ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ศูนย์ที่ซื้อ เพื่อตรวจสภาพหลังจากได้รับรถคืนจากทนายตั้มและพบว่าเลขไมล์รถสูงหลักหมื่นกิโลเมตร ปรากฎว่าพนักงานแจ้งว่ารถคันนี้ติดตั้ง GPS โดยที่ลูกน้องของพี่อ้อยไม่เคยทราบมาก่อน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112789

    #MGROnline #GPS #รถเบนซ์ #G400d
    ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว • จากกรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทั้งหมด 4 คดี คือฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทในการทำแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์, หลอกให้โอนเงิน 39 ล้านบาท อ้างว่าเพื่อชดเชยความเสียหายจากการโอนเงินคริปโตฯ แทนพี่อ้อย, ฉ้อโกงเงินส่วนต่างค่าซื้อรถเบนซ์ G400d 1.5 ล้านบาท,ฉ้อโกงค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาทนั้น ต่อมายังมีความน่าสงสัยกรณีการติดตั้ง GPS ที่รถเบนซ์ G400d ซึ่งทนายตั้มเป็นคนติดเอง โดยในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อนายษิทรา ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่านายษิทราและภรรยาเคยแอบดูข้อมูลการเดินทางของรถเบนซ์คันดังกล่าวของพี่อ้อยด้วย • ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ลูกน้องของพี่อ้อยได้นำรถเบนซ์คันดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการแห่งหนึ่ง บนถนนพระรามที่ 3 พบว่ารถมีการติดตั้ง GPS ติดตามรถคันนี้ นายษิทราอ้างว่าได้มาจากบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ต่างประเทศ เนื่องจากรถรุ่นนี้หายาก จึงต้องไปซื้อที่ตลาดผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต เพื่อให้พี่อ้อยใช้ เมื่อนำรถไปที่ศูนย์บริการที่ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ศูนย์ที่ซื้อ เพื่อตรวจสภาพหลังจากได้รับรถคืนจากทนายตั้มและพบว่าเลขไมล์รถสูงหลักหมื่นกิโลเมตร ปรากฎว่าพนักงานแจ้งว่ารถคันนี้ติดตั้ง GPS โดยที่ลูกน้องของพี่อ้อยไม่เคยทราบมาก่อน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112789 • #MGROnline #GPS #รถเบนซ์ #G400d
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧵👋 ลาก่อน, โบอิ้งและแอร์บัส: อุตสาหกรรมเครื่องบินของรัสเซียเข้าสู่ตลาดภายในประเทศอย่างเต็มตัว

    รัสเซียกำลังก้าวสู่ขั้นตอนสุดท้ายในการสร้างอุตสาหกรรมเครื่องบินของตนเอง, โดยไม่ขึ้นอยู่กับโบอิ้งของสหรัฐฯ และแอร์บัสยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส โดยต้องขอบคุณเครื่องบิน Yakovlev MC-21 และ Sukhoi Superjet 100 (SJ-100) ที่ผลิตในประเทศทั้งหมดของรัสเซีย
    .
    🧵👋 FAREWELL, BOEING AND AIRBUS: RUSSIAN AIRCRAFT INDUSTRY GOES FULLY DOMESTIC

    Russia is taking the final step toward creating its own aircraft industry, completely independent of the US’ Boeing and France’s Airbus industry giants. All thanks to Russia’s completely domestically produced Yakovlev MC-21 and Sukhoi Superjet 100 (SJ-100) planes.
    .
    3:26 PM · Nov 23, 2024 · 4,535 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1860238526841020572
    🧵👋 ลาก่อน, โบอิ้งและแอร์บัส: อุตสาหกรรมเครื่องบินของรัสเซียเข้าสู่ตลาดภายในประเทศอย่างเต็มตัว รัสเซียกำลังก้าวสู่ขั้นตอนสุดท้ายในการสร้างอุตสาหกรรมเครื่องบินของตนเอง, โดยไม่ขึ้นอยู่กับโบอิ้งของสหรัฐฯ และแอร์บัสยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส โดยต้องขอบคุณเครื่องบิน Yakovlev MC-21 และ Sukhoi Superjet 100 (SJ-100) ที่ผลิตในประเทศทั้งหมดของรัสเซีย . 🧵👋 FAREWELL, BOEING AND AIRBUS: RUSSIAN AIRCRAFT INDUSTRY GOES FULLY DOMESTIC Russia is taking the final step toward creating its own aircraft industry, completely independent of the US’ Boeing and France’s Airbus industry giants. All thanks to Russia’s completely domestically produced Yakovlev MC-21 and Sukhoi Superjet 100 (SJ-100) planes. . 3:26 PM · Nov 23, 2024 · 4,535 Views https://x.com/SputnikInt/status/1860238526841020572
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 919 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • 💬สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรกำลังทำสงครามกับสหภาพยุโรปด้วยการคว่ำบาตรรัสเซีย – นักข่าวอิตาลี

    การคว่ำบาตรที่วอชิงตันกดดันให้ประเทศในยุโรปบังคับใช้กับรัสเซียนั้น แท้จริงแล้วกลับส่งผลเสียต่อสหภาพยุโรป (EU) มากกว่า, นักข่าวอิตาลี จอร์โจ เบียนคี กล่าวกับสปุตนิก

    🗨️“ผมรู้สึกว่า นี่คือสงครามของสหรัฐฯไม่ใช่แค่กับรัสเซียเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงอิตาลี, เยอรมนี, และฝรั่งเศสด้วย เพราะมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯบังคับให้ประเทศของเราใช้, ผมเรียกว่ามาตรการคว่ำบาตรอัตโนมัติ, มาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้มุ่งเป้ามาที่เราเองมากกว่ารัสเซีย,” เขากล่าว

    เบียนคีเชื่อว่า จริงๆแล้วสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรได้รับประโยชน์จากการคว่ำบาตรเหล่านี้มากกว่าการทิ้งระเบิดเขตอุตสาหกรรมของยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

    🗨️“บริษัทขนาดใหญ่จะย้ายออกจากประเทศ [EU] ไป “บางบริษัทได้ย้ายไปยังเอเชียแล้ว, และตอนนี้พวกเขาจะย้ายไปอเมริกาเพราะมีเงื่อนไขทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยมากกว่า,” นักข่าวกล่าวเสริม
    .
    💬US AND UK ARE WAGING WAR AGAINST EU WITH ANTI-RUSSIAN SANCTIONS – Italian journalist

    The sanctions that Washington is pressuring European countries to impose against Russia are actually hurting the European Union (EU) more, Italian journalist Giorgio Bianchi told Sputnik.

    🗨️“I have the impression that this is a US war not only against Russia, but also against Italy, Germany, and France. Because the sanctions that the US has forced our countries to apply, I call them auto-sanctions, these sanctions are directed more against us than against Russia,” he pointed out.

    Bianchi believes that the US and UK have actually benefited far more from these sanctions than from the bombing of Europe’s industrial districts during World War II.

    🗨️“Large companies will simply move out of [EU] countries. Some of them have already moved to Asia, and now they will move to America because of more favorable business conditions,” the journalist added.
    .
    4:14 PM · Nov 23, 2024 · 859 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1860250584944681019
    💬สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรกำลังทำสงครามกับสหภาพยุโรปด้วยการคว่ำบาตรรัสเซีย – นักข่าวอิตาลี การคว่ำบาตรที่วอชิงตันกดดันให้ประเทศในยุโรปบังคับใช้กับรัสเซียนั้น แท้จริงแล้วกลับส่งผลเสียต่อสหภาพยุโรป (EU) มากกว่า, นักข่าวอิตาลี จอร์โจ เบียนคี กล่าวกับสปุตนิก 🗨️“ผมรู้สึกว่า นี่คือสงครามของสหรัฐฯไม่ใช่แค่กับรัสเซียเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงอิตาลี, เยอรมนี, และฝรั่งเศสด้วย เพราะมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯบังคับให้ประเทศของเราใช้, ผมเรียกว่ามาตรการคว่ำบาตรอัตโนมัติ, มาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้มุ่งเป้ามาที่เราเองมากกว่ารัสเซีย,” เขากล่าว เบียนคีเชื่อว่า จริงๆแล้วสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรได้รับประโยชน์จากการคว่ำบาตรเหล่านี้มากกว่าการทิ้งระเบิดเขตอุตสาหกรรมของยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง 🗨️“บริษัทขนาดใหญ่จะย้ายออกจากประเทศ [EU] ไป “บางบริษัทได้ย้ายไปยังเอเชียแล้ว, และตอนนี้พวกเขาจะย้ายไปอเมริกาเพราะมีเงื่อนไขทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยมากกว่า,” นักข่าวกล่าวเสริม . 💬US AND UK ARE WAGING WAR AGAINST EU WITH ANTI-RUSSIAN SANCTIONS – Italian journalist The sanctions that Washington is pressuring European countries to impose against Russia are actually hurting the European Union (EU) more, Italian journalist Giorgio Bianchi told Sputnik. 🗨️“I have the impression that this is a US war not only against Russia, but also against Italy, Germany, and France. Because the sanctions that the US has forced our countries to apply, I call them auto-sanctions, these sanctions are directed more against us than against Russia,” he pointed out. Bianchi believes that the US and UK have actually benefited far more from these sanctions than from the bombing of Europe’s industrial districts during World War II. 🗨️“Large companies will simply move out of [EU] countries. Some of them have already moved to Asia, and now they will move to America because of more favorable business conditions,” the journalist added. . 4:14 PM · Nov 23, 2024 · 859 Views https://x.com/SputnikInt/status/1860250584944681019
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลินด์เซย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกผู้บ้าคลั่งจากพรรครีพับลิกันของสหรัฐ ยังคงไม่หยุดความร้อนแรงของตัวเอง

    ล่าสุดให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า "สำหรับพันธมิตรใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา อังกฤษ เยอรมนี หรือฝรั่งเศส หากพวกคุณพยายามช่วย ICC เราจะลงโทษพวกคุณ"
    ลินด์เซย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกผู้บ้าคลั่งจากพรรครีพับลิกันของสหรัฐ ยังคงไม่หยุดความร้อนแรงของตัวเอง ล่าสุดให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า "สำหรับพันธมิตรใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา อังกฤษ เยอรมนี หรือฝรั่งเศส หากพวกคุณพยายามช่วย ICC เราจะลงโทษพวกคุณ"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้ หลังจากตัวเขาถูกออกหมายจับจาก ICC

    "คำตัดสินต่อต้านชาวยิวของศาลระหว่างประเทศในกรุงเฮกถือเป็นการพิจารณาคดีเดรย์ฟัสในยุคใหม่ และจะจบลงในลักษณะเดียวกัน"

    เนทันยาฮู กำลังปลุกระดมชาวยิวมั่วโลกว่านการออกหมายจับตัวเขาครั้งนี้ เกิดจากการต่อต้านชาวยิว (Antisemitism) รและมีอคติที่มีต่อชาวยิว โดยพยายามเปรียบเทียบไปถึงเหตุการณ์ในฝรั่งเศสช่วงยุคปลายศตวรรษที่ 19 เกี่ยวกับคดีของ "อัลเฟรด เดรย์ฟัส" (Alfred Dreyfus) นายทหารฝรั่งเศสผู้ถูกตราหน้าว่า "ขายชาติ" เพียงเพราะว่าเขาเป็นชาวยิว

    ในความเป็นจริงแล้ว ICC ออกหมายจับเพราะเกิดจากการกระทำของตัวเขาเอง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบให้เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก จนป็นที่มาของข้อกล่าวหาอาชญากรรมสงครามและและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในกาซา ซึ่งเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช่จากความเกลียดชังเชื้อชาติหรือศาสนาแต่อย่างใด
    .
    เรื่องราวของ "อัลเฟรด เดรย์ฟัส" (Alfred Dreyfus):
    https://web.facebook.com/photo.php?fbid=474353857272597&id=100315104676476&set=a.101096837931636&_rdc=1&_rdr
    https://www.blockdit.com/posts/61165e659ffff3111efff475
    https://pantip.com/topic/41068141
    https://www.thepeople.co/read/4522
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้ หลังจากตัวเขาถูกออกหมายจับจาก ICC "คำตัดสินต่อต้านชาวยิวของศาลระหว่างประเทศในกรุงเฮกถือเป็นการพิจารณาคดีเดรย์ฟัสในยุคใหม่ และจะจบลงในลักษณะเดียวกัน" เนทันยาฮู กำลังปลุกระดมชาวยิวมั่วโลกว่านการออกหมายจับตัวเขาครั้งนี้ เกิดจากการต่อต้านชาวยิว (Antisemitism) รและมีอคติที่มีต่อชาวยิว โดยพยายามเปรียบเทียบไปถึงเหตุการณ์ในฝรั่งเศสช่วงยุคปลายศตวรรษที่ 19 เกี่ยวกับคดีของ "อัลเฟรด เดรย์ฟัส" (Alfred Dreyfus) นายทหารฝรั่งเศสผู้ถูกตราหน้าว่า "ขายชาติ" เพียงเพราะว่าเขาเป็นชาวยิว ในความเป็นจริงแล้ว ICC ออกหมายจับเพราะเกิดจากการกระทำของตัวเขาเอง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบให้เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก จนป็นที่มาของข้อกล่าวหาอาชญากรรมสงครามและและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในกาซา ซึ่งเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช่จากความเกลียดชังเชื้อชาติหรือศาสนาแต่อย่างใด . เรื่องราวของ "อัลเฟรด เดรย์ฟัส" (Alfred Dreyfus): https://web.facebook.com/photo.php?fbid=474353857272597&id=100315104676476&set=a.101096837931636&_rdc=1&_rdr https://www.blockdit.com/posts/61165e659ffff3111efff475 https://pantip.com/topic/41068141 https://www.thepeople.co/read/4522
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่แคนาดา ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศว่าพวกเขาพร้อมจับกุมเนทันยาฮู หากเขาเดินทางเข้ามาในเขตดินแดนเหล่านี้

    "ยกเว้น" สหรัฐอเมริกาที่ยืนยันอย่างแน่วแน่ถึงการปฏิเสธจับกัมเนทันยาฮู "เราปฏิเสธ เพราะเรามีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้"
    ในขณะที่แคนาดา ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศว่าพวกเขาพร้อมจับกุมเนทันยาฮู หากเขาเดินทางเข้ามาในเขตดินแดนเหล่านี้ "ยกเว้น" สหรัฐอเมริกาที่ยืนยันอย่างแน่วแน่ถึงการปฏิเสธจับกัมเนทันยาฮู "เราปฏิเสธ เพราะเรามีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 558 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • ระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ของรัสเซีย แสดงให้เห็นว่าการที่นาโต้จะยกระดับความรุนแรงขึ้นนั้น ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย - ผู้เชี่ยวชาญ

    "วลาดิมีร์ ปูติน ส่งสารอันทรงพลังไปยังตะวันตกว่าพวกเขาควรแก้ไขการตัดสินใจยกระดับความขัดแย้ง," ดมิทรี ซุสลอฟ, รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษายุโรปและระหว่างประเทศของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงของรัสเซีย, ซึ่งมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำแก่ผู้นำในการแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียและการนำหลักคำสอนใหม่มาใช้, กล่าวกับสปุตนิก

    เมื่อวันพฤหัสบดี, ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดตัวขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ซึ่งถูกยิงเมื่อคืนวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน เพื่อตอบโต้การใช้ระบบ ATACMS และ Storm Shadows ระยะไกลของนาโต้โจมตีภูมิภาค Bryansk และ Kursk ของรัสเซีย ผลจากการโจมตี, ทำให้ Yuzhmash (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pivdenmash), ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธของยูเครนถูกโจมตีที่เมือง Dnepropetrovsk ได้สำเร็จ

    ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งนี้, ปูตินได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า หากประเทศสมาชิก NATO ยังคงใช้ขีปนาวุธ ATACMS และ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย, "รัสเซียอาจใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางโจมตีประเทศเหล่านั้น, โจมตีวัตถุทางทหารของประเทศตะวันตกเหล่านี้," ซุสลอฟ กล่าวต่อ

    ยิ่งไปกว่านั้น, ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกว่า, รัสเซียพร้อมที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น "หากตะวันตกตอบสนองต่อการกระทำของรัสเซียด้วยวิธีการที่รุนแรงขึ้น, รัสเซียก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น, และการนำหลักคำสอนนิวเคลียร์ใหม่ล่าสุดของรัสเซียมาใช้ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ชั่วร้ายในระดับหนึ่งแล้ว," เขากล่าวเน้นย้ำ

    ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ, ยูริ คนูตอฟ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและนักประวัติศาสตร์ของกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ กล่าวกับสปุตนิก

    "ความเร็วของขีปนาวุธรุ่นนี้, ตามที่ประธานาธิบดีกล่าวไว้, คือ ๑๐ มัค ปัจจุบันไม่มีประเทศใดในโลกที่มีขีปนาวุธแบบนี้," เขากล่าว

    ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ขณะนี้ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆในโลกต่างไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียได้

    "เราได้สาธิตขีปนาวุธที่สามารถโจมตีไม่เพียงแต่เมืองยูซมาชเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงลอนดอนและปารีสด้วย หากฝรั่งเศสและบริเตนใหญ่ยังคงเดินหน้ายกระดับการโจมตีรัสเซีย, และยังคงแทรกแซงโดยตรงต่อฝ่ายยูเครน," คนูตอฟ กล่าวสรุป
    .
    RUSSIA'S HYPERSONIC ORESHNIK MISSILE SYSTEM SHOWS NATO ESCALATION WILL COME AT PRICE - EXPERTS

    "Vladimir Putin delivered a very powerful message to the West that they should revise the decision to escalate the conflict," Dmitry Suslov, deputy director of the Center for European and International Studies at Russia’s Higher School of Economics, who participated in advising the leadership on amendment of the Russian nuclear doctrine and adoption of the new one, tells Sputnik.

    On Thursday, Russian President Vladimir Putin unveiled the Oreshnik medium-range hypersonic ballistic missile that was fired on the night of November 21 in response to Ukraine's use of NATO's long-range ATACMS and Storm Shadows against Russia's Bryansk and Kursk regions. As a result of the strike, Yuzhmash (also known as Pivdenmash), a Ukrainian arms manufacturer was successfully hit in Dnepropetrovsk.

    With this move, Putin made it clear that if NATO countries continue to use their ATACMS and Storm Shadow missiles against Russia, "then Russia might use its medium range missiles against those countries, against the military objects of these Western countries," Suslov continued.

    Moreover, Russia is ready for further escalation, according to the pundit. "If the West will respond to these Russian actions in the escalatory way, then Russia will escalate further. And the recent adoption of the newest Russian nuclear doctrine tells that Russia is basically ready at a certain stage to use evil nuclear weapons," he stresses.

    Russia's new hypersonic missile is a breakthrough technology, Yuri Knutov, military expert and historian of the Air Defense Forces, tells Sputnik

    "Its speed, as the president said, is 10 Mach. Today, no other country in the world has such missiles," he says.

    The pundit underscored that neither the US nor other countries of the world currently possess air defense systems capable of intercepting Russia's new hypersonic missiles.

    "We demonstrated a missile that can strike not only Yuzhmash, but also London and Paris if France and Great Britain continue their escalation course towards Russia, continue their direct intervention on the side of Ukraine," Knutov concludes.
    .
    1:48 AM · Nov 22, 2024 · 5,207 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1859670274335236138
    ระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ของรัสเซีย แสดงให้เห็นว่าการที่นาโต้จะยกระดับความรุนแรงขึ้นนั้น ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย - ผู้เชี่ยวชาญ "วลาดิมีร์ ปูติน ส่งสารอันทรงพลังไปยังตะวันตกว่าพวกเขาควรแก้ไขการตัดสินใจยกระดับความขัดแย้ง," ดมิทรี ซุสลอฟ, รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษายุโรปและระหว่างประเทศของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงของรัสเซีย, ซึ่งมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำแก่ผู้นำในการแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียและการนำหลักคำสอนใหม่มาใช้, กล่าวกับสปุตนิก เมื่อวันพฤหัสบดี, ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดตัวขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ซึ่งถูกยิงเมื่อคืนวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน เพื่อตอบโต้การใช้ระบบ ATACMS และ Storm Shadows ระยะไกลของนาโต้โจมตีภูมิภาค Bryansk และ Kursk ของรัสเซีย ผลจากการโจมตี, ทำให้ Yuzhmash (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pivdenmash), ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธของยูเครนถูกโจมตีที่เมือง Dnepropetrovsk ได้สำเร็จ ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งนี้, ปูตินได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า หากประเทศสมาชิก NATO ยังคงใช้ขีปนาวุธ ATACMS และ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย, "รัสเซียอาจใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางโจมตีประเทศเหล่านั้น, โจมตีวัตถุทางทหารของประเทศตะวันตกเหล่านี้," ซุสลอฟ กล่าวต่อ ยิ่งไปกว่านั้น, ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกว่า, รัสเซียพร้อมที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น "หากตะวันตกตอบสนองต่อการกระทำของรัสเซียด้วยวิธีการที่รุนแรงขึ้น, รัสเซียก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น, และการนำหลักคำสอนนิวเคลียร์ใหม่ล่าสุดของรัสเซียมาใช้ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ชั่วร้ายในระดับหนึ่งแล้ว," เขากล่าวเน้นย้ำ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ, ยูริ คนูตอฟ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและนักประวัติศาสตร์ของกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ กล่าวกับสปุตนิก "ความเร็วของขีปนาวุธรุ่นนี้, ตามที่ประธานาธิบดีกล่าวไว้, คือ ๑๐ มัค ปัจจุบันไม่มีประเทศใดในโลกที่มีขีปนาวุธแบบนี้," เขากล่าว ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ขณะนี้ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆในโลกต่างไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียได้ "เราได้สาธิตขีปนาวุธที่สามารถโจมตีไม่เพียงแต่เมืองยูซมาชเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงลอนดอนและปารีสด้วย หากฝรั่งเศสและบริเตนใหญ่ยังคงเดินหน้ายกระดับการโจมตีรัสเซีย, และยังคงแทรกแซงโดยตรงต่อฝ่ายยูเครน," คนูตอฟ กล่าวสรุป . RUSSIA'S HYPERSONIC ORESHNIK MISSILE SYSTEM SHOWS NATO ESCALATION WILL COME AT PRICE - EXPERTS "Vladimir Putin delivered a very powerful message to the West that they should revise the decision to escalate the conflict," Dmitry Suslov, deputy director of the Center for European and International Studies at Russia’s Higher School of Economics, who participated in advising the leadership on amendment of the Russian nuclear doctrine and adoption of the new one, tells Sputnik. On Thursday, Russian President Vladimir Putin unveiled the Oreshnik medium-range hypersonic ballistic missile that was fired on the night of November 21 in response to Ukraine's use of NATO's long-range ATACMS and Storm Shadows against Russia's Bryansk and Kursk regions. As a result of the strike, Yuzhmash (also known as Pivdenmash), a Ukrainian arms manufacturer was successfully hit in Dnepropetrovsk. With this move, Putin made it clear that if NATO countries continue to use their ATACMS and Storm Shadow missiles against Russia, "then Russia might use its medium range missiles against those countries, against the military objects of these Western countries," Suslov continued. Moreover, Russia is ready for further escalation, according to the pundit. "If the West will respond to these Russian actions in the escalatory way, then Russia will escalate further. And the recent adoption of the newest Russian nuclear doctrine tells that Russia is basically ready at a certain stage to use evil nuclear weapons," he stresses. Russia's new hypersonic missile is a breakthrough technology, Yuri Knutov, military expert and historian of the Air Defense Forces, tells Sputnik "Its speed, as the president said, is 10 Mach. Today, no other country in the world has such missiles," he says. The pundit underscored that neither the US nor other countries of the world currently possess air defense systems capable of intercepting Russia's new hypersonic missiles. "We demonstrated a missile that can strike not only Yuzhmash, but also London and Paris if France and Great Britain continue their escalation course towards Russia, continue their direct intervention on the side of Ukraine," Knutov concludes. . 1:48 AM · Nov 22, 2024 · 5,207 Views https://x.com/SputnikInt/status/1859670274335236138
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานจากสื่อของยูเครนว่า รัสเซียอาจจะกำลังเตรียมพร้อมในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป RS-26 Rubezh (ซึ่งปลดประจำการไปแล้ว) ด้วย "หัวรบแบบธรรมดา" เพื่อโจมตีดินแดนยูเครนโดยตรง

    ขีปนาวุธข้ามทวีป RS-26 เป็นขีปนาวุธที่รวดเร็วและทรงพลัง มีน้ำหนักหัวรบ 1.2 ตัน มีฐานยิงอยู่ที่เมืองคาปุสติน (เมืองอัสตราคาน) Kapustin (Astrakhan) ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย
    มีรายละเอียดดังนี้:
    - พิสัยการยิงสูงสุด 6,000 กม.
    - ความแม่นยำ 150 ม. จากเป้าหมาย
    - น้ำหนักขีปนาวุธเริ่มต้นที่ 50 ตัน
    - น้ำหนักหัวรบ 1.2 ตัน

    วันนี้หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์ ถึงการโจมตีทางอากาศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเคียฟ

    สถานทูตสหรัฐอเมริกา สเปน กรีซ และอิตาลีในกรุงเคียฟหยุดงานกระทันหัน เนื่องจากอาจเกิดการโจมตีครั้งใหญ่ในยูเครน
    มีรายงานจากสื่อของยูเครนว่า รัสเซียอาจจะกำลังเตรียมพร้อมในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป RS-26 Rubezh (ซึ่งปลดประจำการไปแล้ว) ด้วย "หัวรบแบบธรรมดา" เพื่อโจมตีดินแดนยูเครนโดยตรง ขีปนาวุธข้ามทวีป RS-26 เป็นขีปนาวุธที่รวดเร็วและทรงพลัง มีน้ำหนักหัวรบ 1.2 ตัน มีฐานยิงอยู่ที่เมืองคาปุสติน (เมืองอัสตราคาน) Kapustin (Astrakhan) ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย มีรายละเอียดดังนี้: - พิสัยการยิงสูงสุด 6,000 กม. - ความแม่นยำ 150 ม. จากเป้าหมาย - น้ำหนักขีปนาวุธเริ่มต้นที่ 50 ตัน - น้ำหนักหัวรบ 1.2 ตัน วันนี้หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์ ถึงการโจมตีทางอากาศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเคียฟ สถานทูตสหรัฐอเมริกา สเปน กรีซ และอิตาลีในกรุงเคียฟหยุดงานกระทันหัน เนื่องจากอาจเกิดการโจมตีครั้งใหญ่ในยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19 พ.ย.2567- กิจจา บุรานนท์ อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร ‘ดิฉัน’ ‘พลอยแกมเพชร’ ซึ่ง อาศัยในอเมริกาค่อนชีวิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kiccha Buranond ว่า A Fashion FAUX PAS ภาษาอังกฤษนั้นมักมีจริตจก้าน ที่จะนำภาษาฝรั่งเศสมาผสมผสาน แล้วกลายเป็นเรื่องเก๋ ทั้ง ๆ ที่บางคำมีความหมายเอียงไปทางด้านลบ เป็นต้นว่าเศรษฐีหน้าใหม่ที่เปิ่นและขี้อวด เรียกกันว่า Nouveau Riche แต่ที่เพิ่งรวยขึ้นมาแล้ววางตัวเป็น/สงบเป็นปรกติ/ไม่รุ่มร่ามเห่อความร่ำรวย ก็จะเป็น new rich กล่าวคือนูโวริชส์เป็นคำเหยียดหยามประชดประชันที่เรามีในที่นี้คือแฟชั่นโฟป้าส์ Faux นั้นแปลว่าผิดพลาดในภาษาฝรั่งเศส และจะถูกนำมาใช้ปนภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา แต่ฟังแล้วเก๋ทีเดียว เป็นต้นว่าเฟอร์ปลอม ควรจะเรียกว่าเป็น fake fur ซึ่งฟังแล้วห่วยแตก เหมือนของถูก/ของโหล …แต่หากเรียกว่า faux fur แล้วจะกลายเป็นว่ามีคลาสขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ทุกห้องเสื้อแฟชั่นใหญ่โตมีโฟเฟอร์ บ้างแพงกว่าเฟอร์จริง แต่หากเรียก fake fur เมื่อไหร่ …ก็จะกลายเป็นเรื่องของตลาดโบ้เบ้ทันทีฉะนั้นแฟชั่นโฟป้าส์ก็คือการแต่งกายผิด ไม่ใช่ว่าไม่สวย แต่ผิด …ที่นายกหญิงอุ้งอิ้งสวมวันสองวันนี้นอกประเทศ เป็นแฟชั่นโฟป้าส์ (pas คือการก้าวย่าง) ในระดับโลก หมายความว่าผิดที่ผิดทางขาดกาละเทศะอย่างแรง …ควรมี common sense และของหน้าที่ของความรับผิดชอบ ในการเป็นหน้าตาให้แก่ประเทศชาติ …มากกว่านี้ โดยเฉพาะทางด้านมารยาททางการแต่งกาย …การแต่งกาย มีมารยาทของมันเองเป็นอย่างมากนะครับผมดูชุดที่เธอสวมลงครื่องบินแล้วผิดหวังจัง ดูเหมือนนักทัศนาจรจีนใส่กางเกงขาสั้น/เสื้อยืดไปวัดพระแก้ว ประการแรกเธอควรให้เกียรติแก่ประเทศของเขา คนของเขาที่รุมล้อมเธอในสูท/ไทด์เป็นเรื่องเป็นราว ที่ปูพรมแดงให้เธอเดิน …นี่คือการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ของประเทศชาติ ไม่ใช่ไปตากอากาศหรือช๊อปปิ้ง กางเกงขาลุ่ย รองเท้าผ้าใบ ไม่เหมาะสมเลย กางเกงสีขาวอย่างเดียวก็ผิดกติกาเรียบร้อยแล้วหากไม่ใช่ยูนิฟอร์ม ในที่นี้เธอควรแต่งสูททึม ๆ ครึ้ม ๆ ใช้ผ้าไทยตัดให้เก๋และคลาสสิค สวมถุงน่อง รองเท้าส่นสูงที่ถูกต้อง ทำผมเป็นมวยให้เรียบร้อย กรุณาอย่าทำผมทรงหางม้า/หางลาในขณะปฏิบัติหน้าที่การงาน/นั่งประชุมระดับชาติเป็นอันขาดนะครับ เรื่องเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม คุณไปนั่งประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์นานาชาติ ไม่ใช่กำลังจะไปตีเทนนิสกับสหายที่พัทยา หน้าที่ของคุณมากับวินัย/ความศิวิไลซ/หลักสุดธรรมดาของสากลโลกที่คุณจะต้องให้เกียรติในขณะเดียวกันแฟชั่นของคุณอุ้งอิ้ง หากไม่โฟป้าส์ ก็ลักหลั่นเหลือหลาย …เหมือนเธอพยายามมากไป ที่ฝรั่งว่า She’s trying TOO HARD แล้วไปไม่ถึงไหน หลายชุดกลายเป็นว่า “ชุดใส่เธอ” แทนที่เธอจะใส่ชุดบางชุดดูผ่าน ๆ เหมือนเธอหอบโซฟาพร้อมหมอนอิงจากห้องรับแขกมาด้วย บางชุดเหมือนเธอจิ๊กผ้าม่านหน้าต่างมาโปะเป็นแขนเป็นไหล่กันลมหนาวในรถแอร์ ชุดสะไบเฉียงรัดเพียงหน้าอกนอกเสื้อนั้นดูอึดอัดจริง ๆ …ดูกวนสายตามากกว่าดีไซน์ แต่แท้จริงแล้วชุดอื่น ๆ ที่มีสีสันและสุดเว่อร์นั้น ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับดีไซน์ มันอยู่ในหมวดสนุก หมวดเก๋ หมวดเว่อร์ (ตรงกันข้ามกับคลาสสิค) ก็ดีไซน์กันเข้าไป***หากคนใส่ …ใส่ให้ถูกต้องตรงตามกาละเทศะอีกต่างหาก เป็นต้นว่าแต่งไปงานแฟนซีระบบมาร์ดีกราส์ ส่วนมากการใช้ผ้าเยอะ ๆ จะขึ้นและเด่นมากกว่ากับสาวที่หุ่นผอม เพรียว และสูง และเชื่อไหม ควรอายุมากด้วย โดยเฉพาะเหล่าแฟชั่นนิสต้าน…แต่ชุดทั้งหมดที่เห็น ไม่เหมาะสมเลยด้วยประการทั้งปวงกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสุขสันต์วันอังคารนะครับ ทุก ๆ ท่าน
    19 พ.ย.2567- กิจจา บุรานนท์ อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร ‘ดิฉัน’ ‘พลอยแกมเพชร’ ซึ่ง อาศัยในอเมริกาค่อนชีวิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kiccha Buranond ว่า A Fashion FAUX PAS ภาษาอังกฤษนั้นมักมีจริตจก้าน ที่จะนำภาษาฝรั่งเศสมาผสมผสาน แล้วกลายเป็นเรื่องเก๋ ทั้ง ๆ ที่บางคำมีความหมายเอียงไปทางด้านลบ เป็นต้นว่าเศรษฐีหน้าใหม่ที่เปิ่นและขี้อวด เรียกกันว่า Nouveau Riche แต่ที่เพิ่งรวยขึ้นมาแล้ววางตัวเป็น/สงบเป็นปรกติ/ไม่รุ่มร่ามเห่อความร่ำรวย ก็จะเป็น new rich กล่าวคือนูโวริชส์เป็นคำเหยียดหยามประชดประชันที่เรามีในที่นี้คือแฟชั่นโฟป้าส์ Faux นั้นแปลว่าผิดพลาดในภาษาฝรั่งเศส และจะถูกนำมาใช้ปนภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา แต่ฟังแล้วเก๋ทีเดียว เป็นต้นว่าเฟอร์ปลอม ควรจะเรียกว่าเป็น fake fur ซึ่งฟังแล้วห่วยแตก เหมือนของถูก/ของโหล …แต่หากเรียกว่า faux fur แล้วจะกลายเป็นว่ามีคลาสขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ทุกห้องเสื้อแฟชั่นใหญ่โตมีโฟเฟอร์ บ้างแพงกว่าเฟอร์จริง แต่หากเรียก fake fur เมื่อไหร่ …ก็จะกลายเป็นเรื่องของตลาดโบ้เบ้ทันทีฉะนั้นแฟชั่นโฟป้าส์ก็คือการแต่งกายผิด ไม่ใช่ว่าไม่สวย แต่ผิด …ที่นายกหญิงอุ้งอิ้งสวมวันสองวันนี้นอกประเทศ เป็นแฟชั่นโฟป้าส์ (pas คือการก้าวย่าง) ในระดับโลก หมายความว่าผิดที่ผิดทางขาดกาละเทศะอย่างแรง …ควรมี common sense และของหน้าที่ของความรับผิดชอบ ในการเป็นหน้าตาให้แก่ประเทศชาติ …มากกว่านี้ โดยเฉพาะทางด้านมารยาททางการแต่งกาย …การแต่งกาย มีมารยาทของมันเองเป็นอย่างมากนะครับผมดูชุดที่เธอสวมลงครื่องบินแล้วผิดหวังจัง ดูเหมือนนักทัศนาจรจีนใส่กางเกงขาสั้น/เสื้อยืดไปวัดพระแก้ว ประการแรกเธอควรให้เกียรติแก่ประเทศของเขา คนของเขาที่รุมล้อมเธอในสูท/ไทด์เป็นเรื่องเป็นราว ที่ปูพรมแดงให้เธอเดิน …นี่คือการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ของประเทศชาติ ไม่ใช่ไปตากอากาศหรือช๊อปปิ้ง กางเกงขาลุ่ย รองเท้าผ้าใบ ไม่เหมาะสมเลย กางเกงสีขาวอย่างเดียวก็ผิดกติกาเรียบร้อยแล้วหากไม่ใช่ยูนิฟอร์ม ในที่นี้เธอควรแต่งสูททึม ๆ ครึ้ม ๆ ใช้ผ้าไทยตัดให้เก๋และคลาสสิค สวมถุงน่อง รองเท้าส่นสูงที่ถูกต้อง ทำผมเป็นมวยให้เรียบร้อย กรุณาอย่าทำผมทรงหางม้า/หางลาในขณะปฏิบัติหน้าที่การงาน/นั่งประชุมระดับชาติเป็นอันขาดนะครับ เรื่องเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม คุณไปนั่งประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์นานาชาติ ไม่ใช่กำลังจะไปตีเทนนิสกับสหายที่พัทยา หน้าที่ของคุณมากับวินัย/ความศิวิไลซ/หลักสุดธรรมดาของสากลโลกที่คุณจะต้องให้เกียรติในขณะเดียวกันแฟชั่นของคุณอุ้งอิ้ง หากไม่โฟป้าส์ ก็ลักหลั่นเหลือหลาย …เหมือนเธอพยายามมากไป ที่ฝรั่งว่า She’s trying TOO HARD แล้วไปไม่ถึงไหน หลายชุดกลายเป็นว่า “ชุดใส่เธอ” แทนที่เธอจะใส่ชุดบางชุดดูผ่าน ๆ เหมือนเธอหอบโซฟาพร้อมหมอนอิงจากห้องรับแขกมาด้วย บางชุดเหมือนเธอจิ๊กผ้าม่านหน้าต่างมาโปะเป็นแขนเป็นไหล่กันลมหนาวในรถแอร์ ชุดสะไบเฉียงรัดเพียงหน้าอกนอกเสื้อนั้นดูอึดอัดจริง ๆ …ดูกวนสายตามากกว่าดีไซน์ แต่แท้จริงแล้วชุดอื่น ๆ ที่มีสีสันและสุดเว่อร์นั้น ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับดีไซน์ มันอยู่ในหมวดสนุก หมวดเก๋ หมวดเว่อร์ (ตรงกันข้ามกับคลาสสิค) ก็ดีไซน์กันเข้าไป***หากคนใส่ …ใส่ให้ถูกต้องตรงตามกาละเทศะอีกต่างหาก เป็นต้นว่าแต่งไปงานแฟนซีระบบมาร์ดีกราส์ ส่วนมากการใช้ผ้าเยอะ ๆ จะขึ้นและเด่นมากกว่ากับสาวที่หุ่นผอม เพรียว และสูง และเชื่อไหม ควรอายุมากด้วย โดยเฉพาะเหล่าแฟชั่นนิสต้าน…แต่ชุดทั้งหมดที่เห็น ไม่เหมาะสมเลยด้วยประการทั้งปวงกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสุขสันต์วันอังคารนะครับ ทุก ๆ ท่าน
    Like
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสยังคงเปิดกว้างให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของฝรั่งเศสโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย

    ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ปารีสยังคงเปิดกว้างให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของฝรั่งเศสโจมตีฐานทัพในรัสเซีย หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐอนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน

    บาร์โรต์ เน้นย้ำว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ได้เคยเสนอเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงความต้องการของปารีสต่อกรณีดังกล่าว

    "เรากล่าวอย่างเปิดเผยว่านี่เป็นทางเลือกที่เราจะพิจารณาหากจะอนุญาตให้โจมตีเป้าหมายจากที่รัสเซียกำลังรุกรานดินแดนยูเครนอยู่ในขณะนี้" บาร์โรต์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงบรัสเซลส์

    ทางด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง กล่าวระหว่างการประชุม G20 ที่บราซิล ว่ามีความยินดีต่อการอนุมัติของไบเดนให้เคียฟใช้ขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ โจมตีในดินแดนของรัสเซีย

    ประธานาธิบดีมาครงกล่าวสนับสนุนว่า การตัดสินใจของวอชิงตันเกิดจากการตัดสินใจยกระดับของรัสเซียในการเรียกทหารเกาหลีเหนือเข้ามาร่วมต่อสู้
    ฝรั่งเศสยังคงเปิดกว้างให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของฝรั่งเศสโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ปารีสยังคงเปิดกว้างให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของฝรั่งเศสโจมตีฐานทัพในรัสเซีย หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐอนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน บาร์โรต์ เน้นย้ำว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ได้เคยเสนอเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงความต้องการของปารีสต่อกรณีดังกล่าว "เรากล่าวอย่างเปิดเผยว่านี่เป็นทางเลือกที่เราจะพิจารณาหากจะอนุญาตให้โจมตีเป้าหมายจากที่รัสเซียกำลังรุกรานดินแดนยูเครนอยู่ในขณะนี้" บาร์โรต์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงบรัสเซลส์ ทางด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง กล่าวระหว่างการประชุม G20 ที่บราซิล ว่ามีความยินดีต่อการอนุมัติของไบเดนให้เคียฟใช้ขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ โจมตีในดินแดนของรัสเซีย ประธานาธิบดีมาครงกล่าวสนับสนุนว่า การตัดสินใจของวอชิงตันเกิดจากการตัดสินใจยกระดับของรัสเซียในการเรียกทหารเกาหลีเหนือเข้ามาร่วมต่อสู้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ในทบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ขณะเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนเต็นท์ของผู้มาชุมนุมคัดค้านผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน

    เหตุการณ์เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่มหาวิทยาลัยทบิลิซี ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาจารย์และแกนนำที่ฝักใฝ่ตะวันตก และไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
    .
    ทางด้านประธานาธิบดีแห่งจอร์เจีย หรือที่รู้จักในนามตัวแทนต่างชาติ ซึ่งมีสัญชาติฝรั่งเศส ได้เรียกร้องประชาชนให้ออกมาชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง

    เธอยังประกาศอีกว่า จะยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 พฤศจิกายน นี้ เพื่อล้มผลการเลือกตั้งครั้ล่าสุด โดยกล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง
    ภาพการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ในทบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ขณะเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนเต็นท์ของผู้มาชุมนุมคัดค้านผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เหตุการณ์เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่มหาวิทยาลัยทบิลิซี ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาจารย์และแกนนำที่ฝักใฝ่ตะวันตก และไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง . ทางด้านประธานาธิบดีแห่งจอร์เจีย หรือที่รู้จักในนามตัวแทนต่างชาติ ซึ่งมีสัญชาติฝรั่งเศส ได้เรียกร้องประชาชนให้ออกมาชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง เธอยังประกาศอีกว่า จะยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 พฤศจิกายน นี้ เพื่อล้มผลการเลือกตั้งครั้ล่าสุด โดยกล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะบริหารไบเดนกลับลำ 360 องศา ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของอเมริกาโจมตีในดินแดนรัสเซีย ไม่สนคำขู่จากมอสโกว่า การตัดสินใจนี้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง ขณะที่แหล่งข่าวเผยเคียฟเตรียมสนองบัญชาวอชิงตันด้วยการโจมตีรัสเซียในเร็ววัน
    .
    การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี (ATACMS) โจมตีในดินแดนรัสเซียถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนก่อนการถ่ายโอนอำนาจให้โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า
    .
    นิวยอร์ก ไทมส์และวอชิงตัน โพสต์ที่เป็นสื่อสองแห่งแรกที่รายงานข่าวนี้ระบุว่า การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายในการตอบโต้การที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน
    .
    ก่อนหน้านี้อเมริกากังวลว่า จะเกิดความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซียที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจนิวเคลียร์ รวมถึงความเสี่ยงที่คลังอาวุธของตนเองจะร่อยหรอลง
    .
    ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ว่า สื่อหลายสำนักรายงานว่า ยูเครนได้รับอนุญาตให้ดำเนินมาตรการที่เหมาะสม แต่การโจมตีไม่ได้กระทำด้วยคำพูด และสำทับว่า ยังไม่มีการประกาศเรื่องนี้ ทางด้านทำเนียบขาวและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ
    .
    สำนักข่าวทาสส์รายงานว่า วลาดิมีร์ จาบารอฟ รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของวุฒิสภารัสเซีย เตือนว่า การตัดสินใจล่าสุดของวอชิงตันอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง
    .
    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า การโจมตีด้วย ATACMS ที่มีระยะการโจมตี 300 กม.ในดินแดนรัสเซียหมายความว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าสู่สงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า คลังแสงยูเครนมีขีปนาวุธ ATACMS อยู่มากน้อยเพียงใด
    .
    ขณะเดียวกัน แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนยังสงสัยว่า การอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้าไปในรัสเซียจะพลิกสถานการณ์ของสงครามในยูเครนได้ แต่การตัดสินใจนี้อาจช่วยให้เคียฟมีสถานะการต่อรองที่ดีขึ้นหากมีการเจรจาหยุดยิง
    .
    นอกจากนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์จะยกเลิกการตัดสินใจนี้ของไบเดนหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาวิจารณ์ระดับความช่วยเหลือทางการเงินและการทหารที่อเมริกาให้ยูเครนมาตลอด อีกทั้งประกาศว่า จะทำให้สงครามในยูเครนยุติลงโดยเร็ว แต่ไม่ได้อธิบายว่า จะทำอย่างไร
    .
    ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ไบเดนผ่อนคลายกฎจำกัดการใช้อาวุธของยูเครนที่อเมริกาจัดหาให้ และนับจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของไบเดนพากันย้ำว่า จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำให้แน่ใจว่า ยูเครนสามารถต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วยสถานะที่สามารถต่อรองได้
    .
    แม้โฆษกของทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ทว่า หนึ่งในที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศที่ใกล้ชิดที่สุดของว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ วิจารณ์การตัดสินใจของไบเดนว่า เป็นการปลุกปั่นให้สงครามระอุขึ้นก่อนพ้นตำแหน่ง
    .
    นอกจากนั้น ไมค์ วอลซ์ ที่ทรัมป์เลือกให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เคยโจมตีว่า การอัดฉีดเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ให้ยูเครน ณ เวลานี้ถือเป็นความวิกลจริต และสำทับว่า ความขัดแย้งในยูเครนถึงทางตัน
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ วิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนว่า อุตสาหกรรมการทหารน่าจะอยากได้รับการรับรองว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะระเบิดขึ้นก่อนที่พ่อของตนคือทรัมป์จะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิตผู้คน
    .
    อเล็กซ์ พลิตซาส นักวิชาการอาคันตุกะของแอตแลนติก เคาน์ซิล ชี้ว่า การยกเลิกการจำกัดการใช้อาวุธอาจช่วยให้ยูเครนรบกับรัสเซียได้คล่องขึ้น แต่อาจเป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป
    .
    อย่างไรก็ตาม การกลับลำนโยบายของอเมริกาครั้งนี้อาจทำให้ยุโรปทบทวนจุดยืนของตนเองเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกล
    .
    ปัจจุบัน ฝรั่งเศสและอังกฤษจัดหาขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ และสกัลป์ แต่ยังไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้โจมตีในดินแดนรัสเซีย หากอเมริกายังไม่อนุญาตให้ใช้ ATACMS
    .
    ระหว่างการหารือกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ได้หารือเกี่ยวกับวิธีการทำให้ยูเครนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่มาครงกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ปูตินไม่ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการขยายการสู้รบรุนแรงขึ้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111060
    ..............
    Sondhi X
    คณะบริหารไบเดนกลับลำ 360 องศา ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของอเมริกาโจมตีในดินแดนรัสเซีย ไม่สนคำขู่จากมอสโกว่า การตัดสินใจนี้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง ขณะที่แหล่งข่าวเผยเคียฟเตรียมสนองบัญชาวอชิงตันด้วยการโจมตีรัสเซียในเร็ววัน . การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี (ATACMS) โจมตีในดินแดนรัสเซียถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนก่อนการถ่ายโอนอำนาจให้โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า . นิวยอร์ก ไทมส์และวอชิงตัน โพสต์ที่เป็นสื่อสองแห่งแรกที่รายงานข่าวนี้ระบุว่า การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายในการตอบโต้การที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน . ก่อนหน้านี้อเมริกากังวลว่า จะเกิดความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซียที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจนิวเคลียร์ รวมถึงความเสี่ยงที่คลังอาวุธของตนเองจะร่อยหรอลง . ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ว่า สื่อหลายสำนักรายงานว่า ยูเครนได้รับอนุญาตให้ดำเนินมาตรการที่เหมาะสม แต่การโจมตีไม่ได้กระทำด้วยคำพูด และสำทับว่า ยังไม่มีการประกาศเรื่องนี้ ทางด้านทำเนียบขาวและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ . สำนักข่าวทาสส์รายงานว่า วลาดิมีร์ จาบารอฟ รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของวุฒิสภารัสเซีย เตือนว่า การตัดสินใจล่าสุดของวอชิงตันอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง . ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า การโจมตีด้วย ATACMS ที่มีระยะการโจมตี 300 กม.ในดินแดนรัสเซียหมายความว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าสู่สงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า คลังแสงยูเครนมีขีปนาวุธ ATACMS อยู่มากน้อยเพียงใด . ขณะเดียวกัน แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนยังสงสัยว่า การอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้าไปในรัสเซียจะพลิกสถานการณ์ของสงครามในยูเครนได้ แต่การตัดสินใจนี้อาจช่วยให้เคียฟมีสถานะการต่อรองที่ดีขึ้นหากมีการเจรจาหยุดยิง . นอกจากนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์จะยกเลิกการตัดสินใจนี้ของไบเดนหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาวิจารณ์ระดับความช่วยเหลือทางการเงินและการทหารที่อเมริกาให้ยูเครนมาตลอด อีกทั้งประกาศว่า จะทำให้สงครามในยูเครนยุติลงโดยเร็ว แต่ไม่ได้อธิบายว่า จะทำอย่างไร . ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ไบเดนผ่อนคลายกฎจำกัดการใช้อาวุธของยูเครนที่อเมริกาจัดหาให้ และนับจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของไบเดนพากันย้ำว่า จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำให้แน่ใจว่า ยูเครนสามารถต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วยสถานะที่สามารถต่อรองได้ . แม้โฆษกของทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ทว่า หนึ่งในที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศที่ใกล้ชิดที่สุดของว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ วิจารณ์การตัดสินใจของไบเดนว่า เป็นการปลุกปั่นให้สงครามระอุขึ้นก่อนพ้นตำแหน่ง . นอกจากนั้น ไมค์ วอลซ์ ที่ทรัมป์เลือกให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เคยโจมตีว่า การอัดฉีดเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ให้ยูเครน ณ เวลานี้ถือเป็นความวิกลจริต และสำทับว่า ความขัดแย้งในยูเครนถึงทางตัน . โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ วิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนว่า อุตสาหกรรมการทหารน่าจะอยากได้รับการรับรองว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะระเบิดขึ้นก่อนที่พ่อของตนคือทรัมป์จะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิตผู้คน . อเล็กซ์ พลิตซาส นักวิชาการอาคันตุกะของแอตแลนติก เคาน์ซิล ชี้ว่า การยกเลิกการจำกัดการใช้อาวุธอาจช่วยให้ยูเครนรบกับรัสเซียได้คล่องขึ้น แต่อาจเป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป . อย่างไรก็ตาม การกลับลำนโยบายของอเมริกาครั้งนี้อาจทำให้ยุโรปทบทวนจุดยืนของตนเองเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกล . ปัจจุบัน ฝรั่งเศสและอังกฤษจัดหาขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ และสกัลป์ แต่ยังไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้โจมตีในดินแดนรัสเซีย หากอเมริกายังไม่อนุญาตให้ใช้ ATACMS . ระหว่างการหารือกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ได้หารือเกี่ยวกับวิธีการทำให้ยูเครนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่มาครงกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ปูตินไม่ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการขยายการสู้รบรุนแรงขึ้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111060 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1077 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇻🇪 ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา มาดูโร กล่าวว่า สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, และอังกฤษ ได้เข้าสู่ภาวะบ้าคลั่ง เมื่อปล่อยให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล
    .
    JUST IN: 🇻🇪 Venezuelan President Maduro says the US, France, and Britain have entered a state of madness by allowing Ukraine to attack Russia with long-range missiles.
    .
    9:31 AM · Nov 18, 2024 · 451.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1858337245998027126
    🇻🇪 ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา มาดูโร กล่าวว่า สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, และอังกฤษ ได้เข้าสู่ภาวะบ้าคลั่ง เมื่อปล่อยให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล . JUST IN: 🇻🇪 Venezuelan President Maduro says the US, France, and Britain have entered a state of madness by allowing Ukraine to attack Russia with long-range missiles. . 9:31 AM · Nov 18, 2024 · 451.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1858337245998027126
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ผู้นำหลายประเทศเดินทางมาถึงกรุงริโอเดจาเนโร เมืองหลวงของบราซิลเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20

    ภาพขณะผู้นำจีน สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส โมดี นายรัฐมนตรีอินเดีย และผู้นำโลกคนอื่นๆ ขณะเดินทางมาถึงกรุงริโอ
    ผู้นำหลายประเทศเดินทางมาถึงกรุงริโอเดจาเนโร เมืองหลวงของบราซิลเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ภาพขณะผู้นำจีน สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส โมดี นายรัฐมนตรีอินเดีย และผู้นำโลกคนอื่นๆ ขณะเดินทางมาถึงกรุงริโอ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • จับขบวนการ‘แก๊งตั้ม’สุมหัวฉ้อโกง 39 ล้าน.เรื่องคดีฉ้อโกงคุณจตุพร อุบลเลิศ เศรษฐินีคนปากช่องที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส โดยฝีมือของคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวกนั้น มันมีความซับซ้อนและเกิดขึ้นหลายกรรมหลายวาระ จนกระทั่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจต้องดำเนินคดี "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" คือพูดภาษาแถวบ้านผมเขาเรียกว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ในการโกง โกงแล้วโกงอีกๆ .ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการรวบรวมกฎหมายอาญา คือคดีฉ้อโกง กับกฎหมายคดีฟอกเงิน บูรณาการเข้ามา เป็นมาตรการดำเนินคดีกับผู้โอน รับโอน ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด จะได้ถือโอกาสยึด อายัดทรัพย์สิน.พฤติการณ์การฉ้อโกงที่มีการเปิดเผยกันตอนนี้มีอยู่ 4 คดี เรื่องแรกคือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด หลอกให้คุณอ้อยทำแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ จำนวน 71 ล้านบาท หรือ 2 ล้านยูโร เรื่องที่สอง คือ เงินส่วนต่างซื้อรถเบนซ์ G400 จำนวน 1.5 ล้านบาท (นี่คือเงินส่วนต่าง) เรื่องที่สาม อ้างกรณีสแกมเมอร์คริปโต จำนวน 39 ล้านบาท เรื่องที่สี่ ค่าจ้างออกแบบโรงแรม จำนวน 9 ล้านบาท.ผมคิดว่าการฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท นั้น ในภาพรวมท่านผู้ชมน่าจะกระจ่าง สิ้นข้อสงสัยแล้ว จากการชี้แจงของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในรายการโหนกระแส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา.ประเด็นต่อมา คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเงิน 39 ล้านบาท คุณเกี่ยวข้องเข้าไปเต็มเท้าสองเท้าเลย เรื่องนี้มาโป๊ะแตก เพราะคณะทำงานของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง "บิ๊กก้อง" สืบสวนสอบสวนพบความจริงว่า คนที่โอนเงินคริปโตให้พี่อ้อยคือ นายนุ นุวัฒน์ ไม่ใช่ "แซน" สารินี ซึ่งเป็นภรรยา ตามที่มีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ นายนุ นุวัฒน์ ไม่เคยถูกระงับบัญชีเงินดิจิทัลใดๆ ทั้งสิ้น และ แซน สารินี ก็ไม่เคยโอนเงินคริปโตให้พี่อ้อย 7 ครั้ง จนถูกระงับบัญชีแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นแล้ว ความเสียหายที่อ้างว่า 39 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น.ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบความผิดปกติ สืบค้นได้จริง ออกหมายจับ นุ นุวัฒน์ และ แซน สารินี ตั้งแต่วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567 และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้กับทนายตั้ม ษิทรา ซึ่งอยู่ในเรือนจำด้วย.ถ้า พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผู้กำกับสถานีตำรวจตำรวจบางซื่อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวจริง และเมื่อรู้ว่าข้อความการบันทึกประจำวันซ่อนรูปในรูปของการแจ้งความเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้นแล้ว ท่านผู้กำกับ สน.บางซื่อ ควรดำเนินคดีกับคนที่มาเกี่ยวข้องทั้งหมดในการลงบันทึกประจำวันปลอมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แซน สารินี หรือ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็ตาม
    จับขบวนการ‘แก๊งตั้ม’สุมหัวฉ้อโกง 39 ล้าน.เรื่องคดีฉ้อโกงคุณจตุพร อุบลเลิศ เศรษฐินีคนปากช่องที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส โดยฝีมือของคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวกนั้น มันมีความซับซ้อนและเกิดขึ้นหลายกรรมหลายวาระ จนกระทั่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจต้องดำเนินคดี "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" คือพูดภาษาแถวบ้านผมเขาเรียกว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ในการโกง โกงแล้วโกงอีกๆ .ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการรวบรวมกฎหมายอาญา คือคดีฉ้อโกง กับกฎหมายคดีฟอกเงิน บูรณาการเข้ามา เป็นมาตรการดำเนินคดีกับผู้โอน รับโอน ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด จะได้ถือโอกาสยึด อายัดทรัพย์สิน.พฤติการณ์การฉ้อโกงที่มีการเปิดเผยกันตอนนี้มีอยู่ 4 คดี เรื่องแรกคือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด หลอกให้คุณอ้อยทำแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ จำนวน 71 ล้านบาท หรือ 2 ล้านยูโร เรื่องที่สอง คือ เงินส่วนต่างซื้อรถเบนซ์ G400 จำนวน 1.5 ล้านบาท (นี่คือเงินส่วนต่าง) เรื่องที่สาม อ้างกรณีสแกมเมอร์คริปโต จำนวน 39 ล้านบาท เรื่องที่สี่ ค่าจ้างออกแบบโรงแรม จำนวน 9 ล้านบาท.ผมคิดว่าการฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท นั้น ในภาพรวมท่านผู้ชมน่าจะกระจ่าง สิ้นข้อสงสัยแล้ว จากการชี้แจงของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในรายการโหนกระแส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา.ประเด็นต่อมา คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเงิน 39 ล้านบาท คุณเกี่ยวข้องเข้าไปเต็มเท้าสองเท้าเลย เรื่องนี้มาโป๊ะแตก เพราะคณะทำงานของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง "บิ๊กก้อง" สืบสวนสอบสวนพบความจริงว่า คนที่โอนเงินคริปโตให้พี่อ้อยคือ นายนุ นุวัฒน์ ไม่ใช่ "แซน" สารินี ซึ่งเป็นภรรยา ตามที่มีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ นายนุ นุวัฒน์ ไม่เคยถูกระงับบัญชีเงินดิจิทัลใดๆ ทั้งสิ้น และ แซน สารินี ก็ไม่เคยโอนเงินคริปโตให้พี่อ้อย 7 ครั้ง จนถูกระงับบัญชีแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นแล้ว ความเสียหายที่อ้างว่า 39 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น.ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบความผิดปกติ สืบค้นได้จริง ออกหมายจับ นุ นุวัฒน์ และ แซน สารินี ตั้งแต่วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567 และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้กับทนายตั้ม ษิทรา ซึ่งอยู่ในเรือนจำด้วย.ถ้า พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผู้กำกับสถานีตำรวจตำรวจบางซื่อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวจริง และเมื่อรู้ว่าข้อความการบันทึกประจำวันซ่อนรูปในรูปของการแจ้งความเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้นแล้ว ท่านผู้กำกับ สน.บางซื่อ ควรดำเนินคดีกับคนที่มาเกี่ยวข้องทั้งหมดในการลงบันทึกประจำวันปลอมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แซน สารินี หรือ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็ตาม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับขบวนการ‘แก๊งตั้ม’สุมหัวฉ้อโกง 39 ล้าน
    .
    เรื่องคดีฉ้อโกงคุณจตุพร อุบลเลิศ เศรษฐินีคนปากช่องที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส โดยฝีมือของคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวกนั้น มันมีความซับซ้อนและเกิดขึ้นหลายกรรมหลายวาระ จนกระทั่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจต้องดำเนินคดี "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" คือพูดภาษาแถวบ้านผมเขาเรียกว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ในการโกง โกงแล้วโกงอีกๆ
    .
    ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการรวบรวมกฎหมายอาญา คือคดีฉ้อโกง กับกฎหมายคดีฟอกเงิน บูรณาการเข้ามา เป็นมาตรการดำเนินคดีกับผู้โอน รับโอน ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด จะได้ถือโอกาสยึด อายัดทรัพย์สิน
    .
    พฤติการณ์การฉ้อโกงที่มีการเปิดเผยกันตอนนี้มีอยู่ 4 คดี เรื่องแรกคือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด หลอกให้คุณอ้อยทำแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ จำนวน 71 ล้านบาท หรือ 2 ล้านยูโร เรื่องที่สอง คือ เงินส่วนต่างซื้อรถเบนซ์ G400 จำนวน 1.5 ล้านบาท (นี่คือเงินส่วนต่าง) เรื่องที่สาม อ้างกรณีสแกมเมอร์คริปโต จำนวน 39 ล้านบาท เรื่องที่สี่ ค่าจ้างออกแบบโรงแรม จำนวน 9 ล้านบาท
    .
    ผมคิดว่าการฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท นั้น ในภาพรวมท่านผู้ชมน่าจะกระจ่าง สิ้นข้อสงสัยแล้ว จากการชี้แจงของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในรายการโหนกระแส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
    .
    ประเด็นต่อมา คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเงิน 39 ล้านบาท คุณเกี่ยวข้องเข้าไปเต็มเท้าสองเท้าเลย เรื่องนี้มาโป๊ะแตก เพราะคณะทำงานของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง "บิ๊กก้อง" สืบสวนสอบสวนพบความจริงว่า คนที่โอนเงินคริปโตให้พี่อ้อยคือ นายนุ นุวัฒน์ ไม่ใช่ "แซน" สารินี ซึ่งเป็นภรรยา ตามที่มีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ นายนุ นุวัฒน์ ไม่เคยถูกระงับบัญชีเงินดิจิทัลใดๆ ทั้งสิ้น และ แซน สารินี ก็ไม่เคยโอนเงินคริปโตให้พี่อ้อย 7 ครั้ง จนถูกระงับบัญชีแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นแล้ว ความเสียหายที่อ้างว่า 39 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น
    .
    ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบความผิดปกติ สืบค้นได้จริง ออกหมายจับ นุ นุวัฒน์ และ แซน สารินี ตั้งแต่วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567 และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้กับทนายตั้ม ษิทรา ซึ่งอยู่ในเรือนจำด้วย
    .
    ถ้า พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผู้กำกับสถานีตำรวจตำรวจบางซื่อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวจริง และเมื่อรู้ว่าข้อความการบันทึกประจำวันซ่อนรูปในรูปของการแจ้งความเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้นแล้ว ท่านผู้กำกับ สน.บางซื่อ ควรดำเนินคดีกับคนที่มาเกี่ยวข้องทั้งหมดในการลงบันทึกประจำวันปลอมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แซน สารินี หรือ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็ตาม
    จับขบวนการ‘แก๊งตั้ม’สุมหัวฉ้อโกง 39 ล้าน . เรื่องคดีฉ้อโกงคุณจตุพร อุบลเลิศ เศรษฐินีคนปากช่องที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส โดยฝีมือของคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวกนั้น มันมีความซับซ้อนและเกิดขึ้นหลายกรรมหลายวาระ จนกระทั่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจต้องดำเนินคดี "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" คือพูดภาษาแถวบ้านผมเขาเรียกว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ในการโกง โกงแล้วโกงอีกๆ . ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการรวบรวมกฎหมายอาญา คือคดีฉ้อโกง กับกฎหมายคดีฟอกเงิน บูรณาการเข้ามา เป็นมาตรการดำเนินคดีกับผู้โอน รับโอน ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด จะได้ถือโอกาสยึด อายัดทรัพย์สิน . พฤติการณ์การฉ้อโกงที่มีการเปิดเผยกันตอนนี้มีอยู่ 4 คดี เรื่องแรกคือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด หลอกให้คุณอ้อยทำแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ จำนวน 71 ล้านบาท หรือ 2 ล้านยูโร เรื่องที่สอง คือ เงินส่วนต่างซื้อรถเบนซ์ G400 จำนวน 1.5 ล้านบาท (นี่คือเงินส่วนต่าง) เรื่องที่สาม อ้างกรณีสแกมเมอร์คริปโต จำนวน 39 ล้านบาท เรื่องที่สี่ ค่าจ้างออกแบบโรงแรม จำนวน 9 ล้านบาท . ผมคิดว่าการฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท นั้น ในภาพรวมท่านผู้ชมน่าจะกระจ่าง สิ้นข้อสงสัยแล้ว จากการชี้แจงของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในรายการโหนกระแส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา . ประเด็นต่อมา คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเงิน 39 ล้านบาท คุณเกี่ยวข้องเข้าไปเต็มเท้าสองเท้าเลย เรื่องนี้มาโป๊ะแตก เพราะคณะทำงานของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง "บิ๊กก้อง" สืบสวนสอบสวนพบความจริงว่า คนที่โอนเงินคริปโตให้พี่อ้อยคือ นายนุ นุวัฒน์ ไม่ใช่ "แซน" สารินี ซึ่งเป็นภรรยา ตามที่มีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ นายนุ นุวัฒน์ ไม่เคยถูกระงับบัญชีเงินดิจิทัลใดๆ ทั้งสิ้น และ แซน สารินี ก็ไม่เคยโอนเงินคริปโตให้พี่อ้อย 7 ครั้ง จนถูกระงับบัญชีแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นแล้ว ความเสียหายที่อ้างว่า 39 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น . ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบความผิดปกติ สืบค้นได้จริง ออกหมายจับ นุ นุวัฒน์ และ แซน สารินี ตั้งแต่วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567 และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้กับทนายตั้ม ษิทรา ซึ่งอยู่ในเรือนจำด้วย . ถ้า พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผู้กำกับสถานีตำรวจตำรวจบางซื่อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวจริง และเมื่อรู้ว่าข้อความการบันทึกประจำวันซ่อนรูปในรูปของการแจ้งความเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้นแล้ว ท่านผู้กำกับ สน.บางซื่อ ควรดำเนินคดีกับคนที่มาเกี่ยวข้องทั้งหมดในการลงบันทึกประจำวันปลอมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แซน สารินี หรือ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็ตาม
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 950 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนมาจากเมืองไทย เลยได้ไปเที่ยวกัน หลายๆ เมือง อันนี้ที่ Colmar ใน Alsace, ฝรั่งเศส🥰
    เพื่อนมาจากเมืองไทย เลยได้ไปเที่ยวกัน หลายๆ เมือง อันนี้ที่ Colmar ใน Alsace, ฝรั่งเศส🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาหารไทยเฉิดฉาย มิชลินไกด์มาเลย์ฯ

    การประกาศรางวัลร้านอาหารมิชลินไกด์ กัวลาลัมเปอร์และปีนัง ปี 2025 (MICHELIN Guide Kuala Lumpur & Penang 2025) ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567 มีร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐปีนังได้รับการคัดเลือก 143 แห่ง โดยมี 25 แห่ง ได้รับการคัดเลือกเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวร้านที่ได้รับรางวัล Green Star หรือรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกแห่งแรกในประเทศมาเลเซีย คือ ร้านเดวากาน (Dewakan) ที่นอกจากจะรักษารางวัลมิชลิน 2 ดาวด้วยเมนูอาหารที่โดดเด่นแล้ว ยังพยายามจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและใช้เป็นส่วนผสมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสริมรสชาติแบบดั้งเดิมของมาเลเซีย วัตถุดิบส่วนเกินยังนำไปหมักเป็นซอสโฮมเมดเพื่อลดขยะ ถือเป็นแรงบันดาลใจให้ร้านอาหารอื่นนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้

    ร้านใหม่ 2 แห่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ได้แก่ ชิมบายเชฟหนุ่ม (Chim By Chef Noom) ร้านอาหารไทยร่วมสมัย สืบทอดอาหารไทยดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนเมนูที่สร้างสรรค์และการจัดจานอย่างมีสไตล์ อีกทั้งเชฟอัซมี อาหมัด กามาล ยังได้รับรางวัล Service Award อีกรางวัลหนึ่ง ส่วนอีกร้านหนึ่งคือ โมลินา (Molina) ที่มีเมนูสร้างสรรค์ที่ผสมผสานเทคนิคแบบฝรั่งเศส กลิ่นอายแบบนอร์ดิก และกลิ่นอายแบบเอเชียอย่างลงตัว โดยเชฟกีโยม เดอปูร์แตร์ ได้รับรางวัล Opening of the Year Award

    รางวัลบิบกรูมองด์ (Bib Gourmand) ร้านอาหารอร่อยและราคาสมเหตุสมผล มีร้านใหม่ 12 แห่ง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5 แห่ง และปีนัง 7 แห่ง หนึ่งในนั้นคือร้าน BM Yam Rice ย่านบูกิตเมอร์ตาจัม ที่เลื่อนระดับขึ้นจาก MICHELIN Selected เมนูเด่นคือซุปหมูและเครื่องในหมูรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมข้าวแยมไรซ์ (Yam Rice) เป็นหนึ่งในร้านอาหารราคาจับต้องได้ที่โดดเด่นที่สุดในมาเลเซีย ส่วนร้านอาหารหมวดหมู่ MICHELIN Selected มีร้านใหม่เพิ่มเติม 10 ร้าน รวมเป็น 80 ร้าน

    สำหรับร้านชิมบายเชฟหนุ่ม ตั้งอยู่ในอาคาร TSLAW Tower ย่านตุน ราซัก เอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) เจ้าของร้านคือเชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ แห่งร้านชิมบายสยามวิสดอม (Chim by Siam Wisdom) ย่านสามเสน กรุงเทพฯ โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่น ร่วมกับเครื่องเทศ ผลไม้ และผักในท้องถิ่น เมนูเด่นของร้านคือ The Lost Recipe ต้มยำสูตรโบราณกว่า 200 ปี ที่มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว

    อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมีการจัดทำคู่มือมิชลินไกด์แล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์เริ่มจากฉบับปี 2016 ประเทศไทยเริ่มจากฉบับปี 2018 มาเลเซียและและเวียดนาม เริ่มจากฉบับปี 2023

    #Newskit #MICHELINGuideMY #ChimbyChefNoom
    อาหารไทยเฉิดฉาย มิชลินไกด์มาเลย์ฯ การประกาศรางวัลร้านอาหารมิชลินไกด์ กัวลาลัมเปอร์และปีนัง ปี 2025 (MICHELIN Guide Kuala Lumpur & Penang 2025) ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567 มีร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐปีนังได้รับการคัดเลือก 143 แห่ง โดยมี 25 แห่ง ได้รับการคัดเลือกเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวร้านที่ได้รับรางวัล Green Star หรือรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกแห่งแรกในประเทศมาเลเซีย คือ ร้านเดวากาน (Dewakan) ที่นอกจากจะรักษารางวัลมิชลิน 2 ดาวด้วยเมนูอาหารที่โดดเด่นแล้ว ยังพยายามจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและใช้เป็นส่วนผสมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสริมรสชาติแบบดั้งเดิมของมาเลเซีย วัตถุดิบส่วนเกินยังนำไปหมักเป็นซอสโฮมเมดเพื่อลดขยะ ถือเป็นแรงบันดาลใจให้ร้านอาหารอื่นนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ ร้านใหม่ 2 แห่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ได้แก่ ชิมบายเชฟหนุ่ม (Chim By Chef Noom) ร้านอาหารไทยร่วมสมัย สืบทอดอาหารไทยดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนเมนูที่สร้างสรรค์และการจัดจานอย่างมีสไตล์ อีกทั้งเชฟอัซมี อาหมัด กามาล ยังได้รับรางวัล Service Award อีกรางวัลหนึ่ง ส่วนอีกร้านหนึ่งคือ โมลินา (Molina) ที่มีเมนูสร้างสรรค์ที่ผสมผสานเทคนิคแบบฝรั่งเศส กลิ่นอายแบบนอร์ดิก และกลิ่นอายแบบเอเชียอย่างลงตัว โดยเชฟกีโยม เดอปูร์แตร์ ได้รับรางวัล Opening of the Year Award รางวัลบิบกรูมองด์ (Bib Gourmand) ร้านอาหารอร่อยและราคาสมเหตุสมผล มีร้านใหม่ 12 แห่ง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5 แห่ง และปีนัง 7 แห่ง หนึ่งในนั้นคือร้าน BM Yam Rice ย่านบูกิตเมอร์ตาจัม ที่เลื่อนระดับขึ้นจาก MICHELIN Selected เมนูเด่นคือซุปหมูและเครื่องในหมูรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมข้าวแยมไรซ์ (Yam Rice) เป็นหนึ่งในร้านอาหารราคาจับต้องได้ที่โดดเด่นที่สุดในมาเลเซีย ส่วนร้านอาหารหมวดหมู่ MICHELIN Selected มีร้านใหม่เพิ่มเติม 10 ร้าน รวมเป็น 80 ร้าน สำหรับร้านชิมบายเชฟหนุ่ม ตั้งอยู่ในอาคาร TSLAW Tower ย่านตุน ราซัก เอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) เจ้าของร้านคือเชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ แห่งร้านชิมบายสยามวิสดอม (Chim by Siam Wisdom) ย่านสามเสน กรุงเทพฯ โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่น ร่วมกับเครื่องเทศ ผลไม้ และผักในท้องถิ่น เมนูเด่นของร้านคือ The Lost Recipe ต้มยำสูตรโบราณกว่า 200 ปี ที่มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมีการจัดทำคู่มือมิชลินไกด์แล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์เริ่มจากฉบับปี 2016 ประเทศไทยเริ่มจากฉบับปี 2018 มาเลเซียและและเวียดนาม เริ่มจากฉบับปี 2023 #Newskit #MICHELINGuideMY #ChimbyChefNoom
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 741 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว"
    เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล.
    ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์
    .
    "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด
    .
    วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน
    .
    เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว
    .
    เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่
    .
    ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย
    .
    ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์
    .
    แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น
    .
    "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง
    .
    หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา
    .
    ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา
    .
    พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้
    .
    Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด

    https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0

    #Thaitimes
    "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว" เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล. ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์ . "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด . วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน . เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว . เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่ . ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย . ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์ . แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น . "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง . หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา . ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง . นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา . พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่ . นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้ . Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 939 มุมมอง 1 รีวิว
Pages Boosts