• การบินไทย สยายปีก นำหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯอีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ เป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญในฐานะสายการบินแห่งชาติ ย้ำการจัดหาเครื่องบินใหม่ อยู่ในแผนตั้งแต่ช่วงฟื้นฟู ไม่เกี่ยวดีลภาษีทรัมป์ ไร้แรงกดดันทางการเมือง!
    การบินไทย สยายปีก นำหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯอีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ เป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญในฐานะสายการบินแห่งชาติ ย้ำการจัดหาเครื่องบินใหม่ อยู่ในแผนตั้งแต่ช่วงฟื้นฟู ไม่เกี่ยวดีลภาษีทรัมป์ ไร้แรงกดดันทางการเมือง!
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 0 Reviews
  • THAI คืนชีพ! กลับเข้ากระดานหุ้น : [Biz Talk]

    ‘การบินไทย’ เทคออฟ นำหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ 4 ส.ค. 68 หลังศาลล้มละลายกลาง ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการที่เข้ากระบวนการมา 5 ปี จนพลิกฟื้นจากขาดทุนอย่างหนัก เป็นทำกำไรติดอันดับสายการบินที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงสุด 3 อันดับแรกของโลก กลับมาผงาด เป็นสายการบินแห่งชาติ ทวงคืนบัลลังก์สายการบินชั้นนำของภูมิภาค
    THAI คืนชีพ! กลับเข้ากระดานหุ้น : [Biz Talk] ‘การบินไทย’ เทคออฟ นำหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ 4 ส.ค. 68 หลังศาลล้มละลายกลาง ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการที่เข้ากระบวนการมา 5 ปี จนพลิกฟื้นจากขาดทุนอย่างหนัก เป็นทำกำไรติดอันดับสายการบินที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงสุด 3 อันดับแรกของโลก กลับมาผงาด เป็นสายการบินแห่งชาติ ทวงคืนบัลลังก์สายการบินชั้นนำของภูมิภาค
    0 Comments 0 Shares 283 Views 0 0 Reviews
  • ไม่มีหรอกครับ พวกล้มล้างสถาบัน...
    .
    มีแต่ พวก...
    .
    1.ปล่อย Fake News ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ พูดเล่าปากต่อปาก โจมตีสถาบัน โดย ไม่มีหลักฐาน ที่มาที่ไป
    .
    2.สร้างกลุ่ม ตาม โซเชียลมีเดีย เอาข่าวเท็จไปปั่นกัน ล่อให้ เด็ก ให้ ผู้ใหญ่ ออกมา ละเมิดกฎหมาย ม.112
    .
    3.จัดม็อบ บังหน้าด่า รัฐบาล แต่ ในม็อบ โจมตีสถาบัน เอา เรื่องเท็จที่ปั่นกัน ใน โซเชียลมีเดีย มาเล่ากัน มาด่ากัน ปั่นต่อในที่ชุมนุม
    .
    4.พอ ที่ชุมนุม ปั่นกันจน "คลั่ง" ก็มีพวกอินจัด ไปเผามั่ง ไปพ่นสี เขียนข้อความ พูดจา โพส ผิด ม.112
    .
    5.ที่นี้ พวกเด็กที่ออกมา ละเมิด ม.112 เพราะถูกปั่นจนคลั่ง ก็ ถูกจับ ถูกดำเนินคดี ขณะที่ ไอ้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ แม่งนั่งกระดิกตีนจิบไวน์ ในห้องแอร์ โดยที่ ไม่เคยมีคดี เหล่านี้ติดตัวเลย
    .
    6.เมื่อ มีคน มีเด็ก ติดคุก ได้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ ก็จะระดม หมากหัวแถวจำพวก ม้า และ เรือ ออกมา ตะโกน...
    .
    โอ้ย...!!!
    .
    สงสารเด็กเหลือเกิน ประเทศไทย ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีสิทธิมนุษยชน

    .
    แค่เห็นต่างก็ติดคุก....!!!
    ....
    ....
    No No No...!!!
    .
    ไม่ครับไม่จริง ที่พวกคุณติดคุก ไม่ใข่เพราะแค่ เห็นต่าง...!!!
    .
    พวกคุณละเมิดกฎหมาย...!!!
    .
    เพราะ สิ่งที่พวกคุณทำมันร้ายแรง...
    มันคือการ ที่ถูกปั่นมาจนคลั่งแล้วมา...
    .
    ดูหมิ่น เหยียดหยาม ด้อยค่า ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และ อาฆาตมาดร้าย ต่อสถาบัน...!!!
    .
    กฎหมายอาญา มันต้องเข้าครบองค์ประกอบความผิด ถ้าขาดแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะติดคุกเป็นไปไม่ได้ครับ...!!!
    .
    และคดีนี้ เขาตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาโดยเฉพาะ ว่าเข้าหลักกฎหมายมั้ย ต้องขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
    ....
    ....
    แล้วจากนั้น มันก็จะมีนักการเมืองบางพวก ใช้จังหว่ะนี้ ยื่นแก้ไขกฎหมาย ยกเลิก ม.112 ไปซะ...
    ....
    ....
    โดยที่ เบื้องหลัง หรือ ผลลัพธ์ปลายทางคือ...
    .
    ผู้ได้รับประโยชน์ จากการยกเลิก ม.112 ก็เป็น บุคคล ระดับเศรษฐี มีเงินเป็นหมื่นล้าน ที่หลบหนี้คดีไปพำนักที่ต่างประเทศ...
    .
    เจ้าของ "ตั๋วปารีส" ที่ สส. และ ไม่ใช่ สส. บางคน รู้จักกันดี...
    .
    เจ้าของ "ตั๋วปารีส" รายนี้ เคยปิดโรงแรมที่ใหญ่โตราว คฤหาสน์ เพียงเพื่อประชุมกับกลุ่มคนต่างๆที่เชิญตัวมา เพื่อ วางแผนจัดการให้ กฎหมายอาญา มาตรา 112 หายไปจากประเทศไทย...
    .
    เพื่อที่ นายทุน "ตั๋วปารีส" จะได้กลับมาครอบครอง ธุรกิจของตน กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว...
    .
    อีกทั้ง เจ้าของพรรคการเมืองนึง ตอนที่เป็น สส. ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก็ปรากฎว่ามีการถือหุ้นตัวนี้ อยู่ในครอบครองด้วย ทั้งๆที่ หุ้นตัวนี้ ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นว่า มีช่องทางติดต่อ รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่...???
    .......
    .......
    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าคนพวกนี้เป็นใคร...
    .
    มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่...
    .
    ถ้าได้เจอตัวคุณเป็นๆ ในฐานะที่คุณเป็นผู้รู้ทุกเรื่องในประเทศไทย ผมเองก็อยากจะถามเหมือนกัน ว่า คุณ รู้จัก คนพวกนั้นมั้ย...???
    ไม่มีหรอกครับ พวกล้มล้างสถาบัน... . มีแต่ พวก... . 1.ปล่อย Fake News ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ พูดเล่าปากต่อปาก โจมตีสถาบัน โดย ไม่มีหลักฐาน ที่มาที่ไป . 2.สร้างกลุ่ม ตาม โซเชียลมีเดีย เอาข่าวเท็จไปปั่นกัน ล่อให้ เด็ก ให้ ผู้ใหญ่ ออกมา ละเมิดกฎหมาย ม.112 . 3.จัดม็อบ บังหน้าด่า รัฐบาล แต่ ในม็อบ โจมตีสถาบัน เอา เรื่องเท็จที่ปั่นกัน ใน โซเชียลมีเดีย มาเล่ากัน มาด่ากัน ปั่นต่อในที่ชุมนุม . 4.พอ ที่ชุมนุม ปั่นกันจน "คลั่ง" ก็มีพวกอินจัด ไปเผามั่ง ไปพ่นสี เขียนข้อความ พูดจา โพส ผิด ม.112 . 5.ที่นี้ พวกเด็กที่ออกมา ละเมิด ม.112 เพราะถูกปั่นจนคลั่ง ก็ ถูกจับ ถูกดำเนินคดี ขณะที่ ไอ้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ แม่งนั่งกระดิกตีนจิบไวน์ ในห้องแอร์ โดยที่ ไม่เคยมีคดี เหล่านี้ติดตัวเลย . 6.เมื่อ มีคน มีเด็ก ติดคุก ได้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ ก็จะระดม หมากหัวแถวจำพวก ม้า และ เรือ ออกมา ตะโกน... . โอ้ย...!!! . สงสารเด็กเหลือเกิน ประเทศไทย ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีสิทธิมนุษยชน . แค่เห็นต่างก็ติดคุก....!!! .... .... No No No...!!! . ไม่ครับไม่จริง ที่พวกคุณติดคุก ไม่ใข่เพราะแค่ เห็นต่าง...!!! . พวกคุณละเมิดกฎหมาย...!!! . เพราะ สิ่งที่พวกคุณทำมันร้ายแรง... มันคือการ ที่ถูกปั่นมาจนคลั่งแล้วมา... . ดูหมิ่น เหยียดหยาม ด้อยค่า ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และ อาฆาตมาดร้าย ต่อสถาบัน...!!! . กฎหมายอาญา มันต้องเข้าครบองค์ประกอบความผิด ถ้าขาดแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะติดคุกเป็นไปไม่ได้ครับ...!!! . และคดีนี้ เขาตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาโดยเฉพาะ ว่าเข้าหลักกฎหมายมั้ย ต้องขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน .... .... แล้วจากนั้น มันก็จะมีนักการเมืองบางพวก ใช้จังหว่ะนี้ ยื่นแก้ไขกฎหมาย ยกเลิก ม.112 ไปซะ... .... .... โดยที่ เบื้องหลัง หรือ ผลลัพธ์ปลายทางคือ... . ผู้ได้รับประโยชน์ จากการยกเลิก ม.112 ก็เป็น บุคคล ระดับเศรษฐี มีเงินเป็นหมื่นล้าน ที่หลบหนี้คดีไปพำนักที่ต่างประเทศ... . เจ้าของ "ตั๋วปารีส" ที่ สส. และ ไม่ใช่ สส. บางคน รู้จักกันดี... . เจ้าของ "ตั๋วปารีส" รายนี้ เคยปิดโรงแรมที่ใหญ่โตราว คฤหาสน์ เพียงเพื่อประชุมกับกลุ่มคนต่างๆที่เชิญตัวมา เพื่อ วางแผนจัดการให้ กฎหมายอาญา มาตรา 112 หายไปจากประเทศไทย... . เพื่อที่ นายทุน "ตั๋วปารีส" จะได้กลับมาครอบครอง ธุรกิจของตน กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว... . อีกทั้ง เจ้าของพรรคการเมืองนึง ตอนที่เป็น สส. ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก็ปรากฎว่ามีการถือหุ้นตัวนี้ อยู่ในครอบครองด้วย ทั้งๆที่ หุ้นตัวนี้ ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นว่า มีช่องทางติดต่อ รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่...??? ....... ....... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าคนพวกนี้เป็นใคร... . มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่... . ถ้าได้เจอตัวคุณเป็นๆ ในฐานะที่คุณเป็นผู้รู้ทุกเรื่องในประเทศไทย ผมเองก็อยากจะถามเหมือนกัน ว่า คุณ รู้จัก คนพวกนั้นมั้ย...???
    0 Comments 0 Shares 225 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกการเงิน: JPMorgan เปิดแนววิเคราะห์ใหม่ จับตาบริษัทเอกชนทรงพลัง

    เมื่อก่อนบทวิเคราะห์จากสถาบันการเงินมักเน้นแต่บริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น เพราะข้อมูลโปร่งใสและนักลงทุนเข้าถึงได้ง่าย แต่ในยุคนี้หลายบริษัทเอกชน เช่น OpenAI, SpaceX, Bytedance กลับสร้างอิทธิพลในอุตสาหกรรมมากกว่าบริษัทใน S&P 500 เสียอีก

    ด้วยเหตุนี้ JPMorgan ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ จึงเริ่มออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ โดยเปิดตัวรายงานฉบับแรกกับ OpenAI ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในยุค AI

    รายงานเหล่านี้จะไม่เน้น “ราคาเป้าหมายหรือเรตติ้ง” แบบดั้งเดิม แต่จะให้ข้อมูลเชิงโครงสร้าง เช่น ศักยภาพของบริษัทในอุตสาหกรรม ความเสี่ยง ความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิด และแนวโน้มการเติบโต ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสถาบันวางกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น

    ปัจจุบันมีสตาร์ตอัปเอกชนที่ได้สถานะ “ยูนิคอร์น” แล้วกว่า 1,500 ราย โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือที่มีมากกว่า 1,000 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนว่าโลกการลงทุนเปลี่ยนไปไกลมาก

    JPMorgan เริ่มออกบทวิเคราะห์สำหรับบริษัทเอกชนรายใหญ่
    ฉบับแรกคือ OpenAI ซึ่งเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก

    บทวิเคราะห์นี้ไม่ระบุเป้าราคาหรือเรตติ้งเหมือนแบบดั้งเดิม
    เน้นข้อมูลโครงสร้าง ธุรกิจหลัก และผลกระทบต่ออุตสาหกรรม

    บริษัทเอกชนหลายรายมีมูลค่ามากกว่าบริษัทใน S&P 500
    เช่น SpaceX, Bytedance ซึ่งมีอิทธิพลในวงการที่เปลี่ยนเร็ว

    นักลงทุนสถาบันเริ่มติดตามบริษัทเอกชนตั้งแต่ระยะแรก
    เพื่อหาโอกาสลงทุนก่อนที่จะมีการ IPO

    ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนที่เป็นยูนิคอร์นกว่า 1,500 ราย
    โดยอเมริกาเหนือมีมากกว่า 1,000 ราย รวมมูลค่า ~4 ล้านล้านดอลลาร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/jpmorgan-eyes-new-research-frontier-with-coverage-of-private-firms-source-says
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกการเงิน: JPMorgan เปิดแนววิเคราะห์ใหม่ จับตาบริษัทเอกชนทรงพลัง เมื่อก่อนบทวิเคราะห์จากสถาบันการเงินมักเน้นแต่บริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น เพราะข้อมูลโปร่งใสและนักลงทุนเข้าถึงได้ง่าย แต่ในยุคนี้หลายบริษัทเอกชน เช่น OpenAI, SpaceX, Bytedance กลับสร้างอิทธิพลในอุตสาหกรรมมากกว่าบริษัทใน S&P 500 เสียอีก ด้วยเหตุนี้ JPMorgan ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ จึงเริ่มออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ โดยเปิดตัวรายงานฉบับแรกกับ OpenAI ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในยุค AI รายงานเหล่านี้จะไม่เน้น “ราคาเป้าหมายหรือเรตติ้ง” แบบดั้งเดิม แต่จะให้ข้อมูลเชิงโครงสร้าง เช่น ศักยภาพของบริษัทในอุตสาหกรรม ความเสี่ยง ความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิด และแนวโน้มการเติบโต ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสถาบันวางกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น ปัจจุบันมีสตาร์ตอัปเอกชนที่ได้สถานะ “ยูนิคอร์น” แล้วกว่า 1,500 ราย โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือที่มีมากกว่า 1,000 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนว่าโลกการลงทุนเปลี่ยนไปไกลมาก ✅ JPMorgan เริ่มออกบทวิเคราะห์สำหรับบริษัทเอกชนรายใหญ่ ➡️ ฉบับแรกคือ OpenAI ซึ่งเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก ✅ บทวิเคราะห์นี้ไม่ระบุเป้าราคาหรือเรตติ้งเหมือนแบบดั้งเดิม ➡️ เน้นข้อมูลโครงสร้าง ธุรกิจหลัก และผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ✅ บริษัทเอกชนหลายรายมีมูลค่ามากกว่าบริษัทใน S&P 500 ➡️ เช่น SpaceX, Bytedance ซึ่งมีอิทธิพลในวงการที่เปลี่ยนเร็ว ✅ นักลงทุนสถาบันเริ่มติดตามบริษัทเอกชนตั้งแต่ระยะแรก ➡️ เพื่อหาโอกาสลงทุนก่อนที่จะมีการ IPO ✅ ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนที่เป็นยูนิคอร์นกว่า 1,500 ราย ➡️ โดยอเมริกาเหนือมีมากกว่า 1,000 ราย รวมมูลค่า ~4 ล้านล้านดอลลาร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/jpmorgan-eyes-new-research-frontier-with-coverage-of-private-firms-source-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    JPMorgan eyes new research frontier with coverage of private firms, source says
    (Reuters) -JPMorgan Chase has begun publishing research notes on prominent private companies transforming industries, a person familiar with the matter told Reuters on Friday.
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • อ.สนธิ ครับ “โครงสร้าง สังคมยุคใหม่” ต้องสร้างให้สมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นให้มี เพื่อเป็นภาพให้ภาคประชาชนเรามุ่งก้าวเดิน เพื่อเดินเป็นเอกภาพกัน
    ซึ่ง “โครงสร้าง สังคมยุคใหม่ ภาค 1.2” นี้ มันเป็นร่างขั้นต้นเท่านั้น ดังนั้น ต้องช่วยกันพัฒนาร่างใหม่ให้สมบูรณ์ที่สุด
    เพราะมันจะเป็นแม่บทให้ก้าวเดินเอกภาพกัน เพื่อเป็นแม่บทแด่”พรรคการเมืองใหม่”ก้าวเดิน

    โครงสร้าง สังคมยุคใหม่ ภาค 1.2 .. ศุกร์ 18-7-68 E:\
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า
    A======================== =============


    อ.สนธิ ครับ “โครงสร้าง สังคมยุคใหม่” ต้องสร้างให้สมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นให้มี เพื่อเป็นภาพให้ภาคประชาชนเรามุ่งก้าวเดิน เพื่อเดินเป็นเอกภาพกัน ซึ่ง “โครงสร้าง สังคมยุคใหม่ ภาค 1.2” นี้ มันเป็นร่างขั้นต้นเท่านั้น ดังนั้น ต้องช่วยกันพัฒนาร่างใหม่ให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะมันจะเป็นแม่บทให้ก้าวเดินเอกภาพกัน เพื่อเป็นแม่บทแด่”พรรคการเมืองใหม่”ก้าวเดิน โครงสร้าง สังคมยุคใหม่ ภาค 1.2 .. ศุกร์ 18-7-68 E:\ 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้ -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า A======================== =============
    0 Comments 0 Shares 437 Views 0 Reviews
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ภาค 1.1 .. 16-7-68 E:\
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า
    A======================== =============

    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ภาค 1.1 .. 16-7-68 E:\ 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้ -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า A======================== =============
    0 Comments 0 Shares 410 Views 0 Reviews
  • ภาค1 ส 12-7-68 ..
    E:\- m1 ภาค ส่ง
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล
    ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน

    ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง

    ภาค1 ส 12-7-68 .. E:\- m1 ภาค ส่ง 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง
    0 Comments 0 Shares 453 Views 0 Reviews
  • ตลท. เข้ม กรณีให้ บจ.“เปิดเผยข้อมูล” 11/07/68 #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    ตลท. เข้ม กรณีให้ บจ.“เปิดเผยข้อมูล” 11/07/68 #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 0 Reviews
  • เสนอ ตลท-กลต. เข้มตั้งแต่ตอนรับเข้าตลาด 11/07/68 #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    เสนอ ตลท-กลต. เข้มตั้งแต่ตอนรับเข้าตลาด 11/07/68 #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 383 Views 0 0 Reviews
  • หากพูดถึงบริษัทแม่ที่อยู่เบื้องหลัง NTT DC REIT ก็คือ NTT Ltd. ซึ่งเป็นเครือในกลุ่มโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่าง Nippon Telegraph and Telephone Corp. (NTT) จากญี่ปุ่น → ตอนนี้ NTT DC REIT เป็นเจ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ 6 แห่งใน ออสเตรีย, สิงคโปร์ และสหรัฐฯ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1.57 พันล้านดอลลาร์

    บริษัทจะเริ่ม IPO วันที่ 14 กรกฎาคม 2025 → เสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวน เกือบ 600 ล้านหน่วย ในราคาประมาณ 1 ดอลลาร์/หน่วย (หรือ 1.276 ดอลลาร์สิงคโปร์) → มี GIC (กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์) ถือหุ้นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่รองจาก NTT Ltd. โดย GIC ถือ 9.8% และ NTT Ltd. ถือ 25%

    แม้การลงทุนครั้งนี้จะเน้นสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับคลาวด์, AI และความต้องการ data ที่พุ่งสูงขึ้นในภูมิภาค → แต่ก็ยังต้องจับตาว่าการเปิด IPO ครั้งนี้จะสำเร็จแค่ไหน ในยุคที่ตลาดทุนผันผวน และการเติบโตของ edge computing กำลังเปลี่ยนบทบาทของดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม

    NTT DC REIT เตรียมระดมทุน ~773 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน IPO บนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์  
    • วันเริ่มเสนอขาย: 14 กรกฎาคม 2025  
    • ราคาต่อหน่วย: ~US$1.00 หรือ S$1.276

    ถือครองดาต้าเซ็นเตอร์รวม 6 แห่งใน 3 ประเทศ (ออสเตรีย, สิงคโปร์, สหรัฐฯ)  
    • มูลค่าทรัพย์สินรวม: 1.57 พันล้านดอลลาร์

    NTT Ltd. เป็นผู้สนับสนุนหลักของกองทรัสต์ (ถือ 25%)  
    • เป็นบริษัทลูกของกลุ่ม NTT จากญี่ปุ่น

    GIC (Singapore Sovereign Fund) ถือหุ้น 9.8% เป็นผู้ลงทุนหลักรองจาก NTT  
    • บ่งชี้ถึงความมั่นใจจากนักลงทุนเชิงสถาบัน

    วัตถุประสงค์: ใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล รองรับความต้องการ AI/Cloud ที่ขยายตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/singapore-data-centre-ntt-dc-reit-to-raise-around-773-million-from-ipo
    หากพูดถึงบริษัทแม่ที่อยู่เบื้องหลัง NTT DC REIT ก็คือ NTT Ltd. ซึ่งเป็นเครือในกลุ่มโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่าง Nippon Telegraph and Telephone Corp. (NTT) จากญี่ปุ่น → ตอนนี้ NTT DC REIT เป็นเจ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ 6 แห่งใน ออสเตรีย, สิงคโปร์ และสหรัฐฯ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1.57 พันล้านดอลลาร์ บริษัทจะเริ่ม IPO วันที่ 14 กรกฎาคม 2025 → เสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวน เกือบ 600 ล้านหน่วย ในราคาประมาณ 1 ดอลลาร์/หน่วย (หรือ 1.276 ดอลลาร์สิงคโปร์) → มี GIC (กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์) ถือหุ้นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่รองจาก NTT Ltd. โดย GIC ถือ 9.8% และ NTT Ltd. ถือ 25% แม้การลงทุนครั้งนี้จะเน้นสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับคลาวด์, AI และความต้องการ data ที่พุ่งสูงขึ้นในภูมิภาค → แต่ก็ยังต้องจับตาว่าการเปิด IPO ครั้งนี้จะสำเร็จแค่ไหน ในยุคที่ตลาดทุนผันผวน และการเติบโตของ edge computing กำลังเปลี่ยนบทบาทของดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม ✅ NTT DC REIT เตรียมระดมทุน ~773 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน IPO บนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์   • วันเริ่มเสนอขาย: 14 กรกฎาคม 2025   • ราคาต่อหน่วย: ~US$1.00 หรือ S$1.276 ✅ ถือครองดาต้าเซ็นเตอร์รวม 6 แห่งใน 3 ประเทศ (ออสเตรีย, สิงคโปร์, สหรัฐฯ)   • มูลค่าทรัพย์สินรวม: 1.57 พันล้านดอลลาร์ ✅ NTT Ltd. เป็นผู้สนับสนุนหลักของกองทรัสต์ (ถือ 25%)   • เป็นบริษัทลูกของกลุ่ม NTT จากญี่ปุ่น ✅ GIC (Singapore Sovereign Fund) ถือหุ้น 9.8% เป็นผู้ลงทุนหลักรองจาก NTT   • บ่งชี้ถึงความมั่นใจจากนักลงทุนเชิงสถาบัน ✅ วัตถุประสงค์: ใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล รองรับความต้องการ AI/Cloud ที่ขยายตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/singapore-data-centre-ntt-dc-reit-to-raise-around-773-million-from-ipo
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore data centre NTT DC REIT to raise around $773 million from IPO
    SINGAPORE (Reuters) -Singapore data centre real estate investment trust NTT DC REIT intends to raise gross proceeds of around $773 million from its initial public offering on the domestic bourse, it said on Monday.
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • แม้จะถูกสหรัฐสั่งห้ามซื้อชิป AI รุ่นใหม่จากค่ายใหญ่ (เช่น NVIDIA H100/H20) แต่จีนไม่ยอมแพ้ครับ — บริษัท GPU ระดับแถวหน้าอย่าง Biren Technology, Moore Threads, MetaX, และ Zhaoxin ต่างเดินหน้าขึ้นตลาดหุ้นในประเทศตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตลาด STAR Market ของเซี่ยงไฮ้หรือฮ่องกง เพื่อหาทุนไปพัฒนาเทคโนโลยี AI, GPU สำหรับเกม, หรือระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์

    ขณะเดียวกัน บริษัทอย่าง Innosilicon, Illuvatar CoreX, และ DenglinAI เลือก “อยู่แบบเงียบ ๆ” ยังไม่รีบเปิดตัวสู่สาธารณะ เพราะต้องการความยืดหยุ่นจากการไม่ต้องรายงานงบการเงินหรือถูกจับตามองจากภายนอก

    เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลังจากถูกกดดันจากสหรัฐ จีนเลือกที่จะ “ต่อสู้ด้วยการสร้าง ecosystem ของตัวเอง” ที่ใช้ได้แม้ไม่มีเทคโนโลยีตะวันตก ทั้งยังเสริมบทบาทของตลาดหุ้นจีนให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตในอุตสาหกรรม AI แบบพึ่งพาตัวเองมากขึ้น

    บริษัท GPU จีนจำนวนมากกำลังเตรียมเข้าตลาดหุ้นท้องถิ่นท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ  
    • เช่น Biren, Moore Threads, MetaX, Zhaoxin  
    • เพื่อต้องการระดมทุนสำหรับ R&D, ปรับขนาดการผลิต และขยายทีมงาน

    Biren Technology เดินเรื่อง IPO มาตั้งแต่หลายปีก่อน  
    • ยังไม่ประกาศว่าจะเข้าตลาดไหน (Shanghai STAR Market หรือฮ่องกง)

    Moore Threads จัดโครงสร้างใหม่เป็นบริษัทจำกัด-หุ้น เพื่อเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์จีน  
    • เน้นธุรกิจ GPU สำหรับเกมและบางส่วนของงาน AI

    MetaX ผ่านกระบวนการ “tutoring” เพื่อเตรียม IPO แล้ว  
    • ระดมทุนไปแล้วกว่า 8 รอบ มูลค่าประเมินราว ¥10,000 ล้าน (≈ $1.38 พันล้าน)

    Zhaoxin ซึ่งพัฒนา CPU สถาปัตยกรรม x86 แบบมี GPU ฝังในตัว  
    • กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาด STAR Market ภายในกลางปี 2025

    เหตุผลหลักของการ IPO คือ:  • ต้องการเงินลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA, AMD  
    • ต้องการสร้างความโปร่งใส-เชื่อมั่น และกลายเป็นผู้เล่น “ระดับชาติ” ที่ซัพพอร์ตนโยบายจีน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/blacklisted-chinese-gpu-makers-line-up-to-file-for-ipos-as-us-sanctions-and-trade-war-take-toll-on-ai-hardware-market
    แม้จะถูกสหรัฐสั่งห้ามซื้อชิป AI รุ่นใหม่จากค่ายใหญ่ (เช่น NVIDIA H100/H20) แต่จีนไม่ยอมแพ้ครับ — บริษัท GPU ระดับแถวหน้าอย่าง Biren Technology, Moore Threads, MetaX, และ Zhaoxin ต่างเดินหน้าขึ้นตลาดหุ้นในประเทศตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตลาด STAR Market ของเซี่ยงไฮ้หรือฮ่องกง เพื่อหาทุนไปพัฒนาเทคโนโลยี AI, GPU สำหรับเกม, หรือระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ขณะเดียวกัน บริษัทอย่าง Innosilicon, Illuvatar CoreX, และ DenglinAI เลือก “อยู่แบบเงียบ ๆ” ยังไม่รีบเปิดตัวสู่สาธารณะ เพราะต้องการความยืดหยุ่นจากการไม่ต้องรายงานงบการเงินหรือถูกจับตามองจากภายนอก เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลังจากถูกกดดันจากสหรัฐ จีนเลือกที่จะ “ต่อสู้ด้วยการสร้าง ecosystem ของตัวเอง” ที่ใช้ได้แม้ไม่มีเทคโนโลยีตะวันตก ทั้งยังเสริมบทบาทของตลาดหุ้นจีนให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตในอุตสาหกรรม AI แบบพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ✅ บริษัท GPU จีนจำนวนมากกำลังเตรียมเข้าตลาดหุ้นท้องถิ่นท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ   • เช่น Biren, Moore Threads, MetaX, Zhaoxin   • เพื่อต้องการระดมทุนสำหรับ R&D, ปรับขนาดการผลิต และขยายทีมงาน ✅ Biren Technology เดินเรื่อง IPO มาตั้งแต่หลายปีก่อน   • ยังไม่ประกาศว่าจะเข้าตลาดไหน (Shanghai STAR Market หรือฮ่องกง) ✅ Moore Threads จัดโครงสร้างใหม่เป็นบริษัทจำกัด-หุ้น เพื่อเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์จีน   • เน้นธุรกิจ GPU สำหรับเกมและบางส่วนของงาน AI ✅ MetaX ผ่านกระบวนการ “tutoring” เพื่อเตรียม IPO แล้ว   • ระดมทุนไปแล้วกว่า 8 รอบ มูลค่าประเมินราว ¥10,000 ล้าน (≈ $1.38 พันล้าน) ✅ Zhaoxin ซึ่งพัฒนา CPU สถาปัตยกรรม x86 แบบมี GPU ฝังในตัว   • กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาด STAR Market ภายในกลางปี 2025 ✅ เหตุผลหลักของการ IPO คือ:  • ต้องการเงินลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA, AMD   • ต้องการสร้างความโปร่งใส-เชื่อมั่น และกลายเป็นผู้เล่น “ระดับชาติ” ที่ซัพพอร์ตนโยบายจีน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/blacklisted-chinese-gpu-makers-line-up-to-file-for-ipos-as-us-sanctions-and-trade-war-take-toll-on-ai-hardware-market
    0 Comments 0 Shares 242 Views 0 Reviews
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ งัดมาตรการชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band มีผล 23-27 มิ.ย.68 ลดความผันผวนการซื้อขาย จากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หากตลาดผันผวนน้อยลง มีโอกาสจะปลดมาตรการก่อนครบกำหนด 27 มิ.ย.68 แนะนักลงทุน ท่ามกลางโลกป่วน ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนตัดสินใจลงทุน
    ตลาดหลักทรัพย์ฯ งัดมาตรการชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band มีผล 23-27 มิ.ย.68 ลดความผันผวนการซื้อขาย จากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หากตลาดผันผวนน้อยลง มีโอกาสจะปลดมาตรการก่อนครบกำหนด 27 มิ.ย.68 แนะนักลงทุน ท่ามกลางโลกป่วน ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนตัดสินใจลงทุน
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 444 Views 17 0 Reviews
  • 2/
    ตลาดหลักทรัพย์!!

    จากรายงานในพื้นที่ระบุว่านี่คือ อาคารตลาดหลักทรัพย์ของอิสราเอลในเขตรามัตกัน (Ramat Gan) ทางตะวันออกของเทลอาวีฟ ถูกโจมตี
    2/ ตลาดหลักทรัพย์!! จากรายงานในพื้นที่ระบุว่านี่คือ อาคารตลาดหลักทรัพย์ของอิสราเอลในเขตรามัตกัน (Ramat Gan) ทางตะวันออกของเทลอาวีฟ ถูกโจมตี
    0 Comments 0 Shares 213 Views 30 0 Reviews
  • 1/
    ตลาดหลักทรัพย์!!

    จากรายงานในพื้นที่ระบุว่านี่คือ อาคารตลาดหลักทรัพย์ของอิสราเอลในเขตรามัตกัน (Ramat Gan) ทางตะวันออกของเทลอาวีฟ ถูกโจมตี
    1/ ตลาดหลักทรัพย์!! จากรายงานในพื้นที่ระบุว่านี่คือ อาคารตลาดหลักทรัพย์ของอิสราเอลในเขตรามัตกัน (Ramat Gan) ทางตะวันออกของเทลอาวีฟ ถูกโจมตี
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 206 Views 26 0 Reviews
  • 5 ปีผ่านไป การบินไทยออกแผนฟื้นฟูฯ

    ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสายการบินแห่งชาติ ที่เกือบจะดับแต่กลับฟื้นมาได้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังทำตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 1. จดทะเบียนเพิ่มทุน 2. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด 3. กำไรหลังหักค่าเช่าเครื่องบิน เกินกว่าที่กำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท เพราะงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือน มีกำไรประมาณ 40,308 ล้านบาท ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก จากการปรับโครงสร้างทุน และ 4. ผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568

    หลังจากนี้ การบินไทยจะขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังหายไปจากตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2568

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 การบินไทยตัดสินใจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หลังประสบปัญหารายได้ลดลง ขาดทุนสะสมติดต่อกัน 8 ปี รวมกว่า 141,170 ล้านบาท และทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 128,000 ล้านบาท ซ้ำด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินหยุดชะงัก กระทั่งศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาการบินไทยพยายามปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งการปรับลดพนักงานลงเหลือ 14,000 คน ปรับโครงสร้างธุรกิจ ยุบสายการบินไทยสมายล์รวมกับการบินไทย ปรับฝูงบินและเส้นทางการบินเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไรในทุกเส้นทาง ปรับโครงสร้างทางการเงิน บริหารจัดการทรัพย์สิน เช่น ขายอาคารสำนักงาน 7 แห่ง แล้วนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้

    นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างทางการเงิน เจรจากับเจ้าหนี้โดยไม่ตัดหนี้ (Hair Cut) แต่ปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 94,080 ล้านบาท ยังเหลือมูลหนี้ที่ต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท

    แม้ในวันนี้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูสำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับจากนี้ คือการแทรกแซงทางการเมืองในการบินไทย บริษัทเอกชนที่กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 38.90% จะกลับมาอีกครั้ง จากผู้มีอำนาจในรัฐบาลแต่ละยุคสมัย ส่งข้าราชการการเมืองจากฝ่ายตนเองเข้ามาเป็นบอร์ด ดำเนินนโยบายหวังทุจริตคอรัปชัน อาจทำให้สายการบินแห่งชาติ ที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาขาดทุน กลายเป็นผู้ป่วยโคม่ารอวันตายอีกครั้ง

    #Newskit
    5 ปีผ่านไป การบินไทยออกแผนฟื้นฟูฯ ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสายการบินแห่งชาติ ที่เกือบจะดับแต่กลับฟื้นมาได้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังทำตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 1. จดทะเบียนเพิ่มทุน 2. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด 3. กำไรหลังหักค่าเช่าเครื่องบิน เกินกว่าที่กำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท เพราะงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือน มีกำไรประมาณ 40,308 ล้านบาท ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก จากการปรับโครงสร้างทุน และ 4. ผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568 หลังจากนี้ การบินไทยจะขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังหายไปจากตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2568 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 การบินไทยตัดสินใจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หลังประสบปัญหารายได้ลดลง ขาดทุนสะสมติดต่อกัน 8 ปี รวมกว่า 141,170 ล้านบาท และทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 128,000 ล้านบาท ซ้ำด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินหยุดชะงัก กระทั่งศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาการบินไทยพยายามปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งการปรับลดพนักงานลงเหลือ 14,000 คน ปรับโครงสร้างธุรกิจ ยุบสายการบินไทยสมายล์รวมกับการบินไทย ปรับฝูงบินและเส้นทางการบินเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไรในทุกเส้นทาง ปรับโครงสร้างทางการเงิน บริหารจัดการทรัพย์สิน เช่น ขายอาคารสำนักงาน 7 แห่ง แล้วนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างทางการเงิน เจรจากับเจ้าหนี้โดยไม่ตัดหนี้ (Hair Cut) แต่ปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 94,080 ล้านบาท ยังเหลือมูลหนี้ที่ต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท แม้ในวันนี้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูสำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับจากนี้ คือการแทรกแซงทางการเมืองในการบินไทย บริษัทเอกชนที่กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 38.90% จะกลับมาอีกครั้ง จากผู้มีอำนาจในรัฐบาลแต่ละยุคสมัย ส่งข้าราชการการเมืองจากฝ่ายตนเองเข้ามาเป็นบอร์ด ดำเนินนโยบายหวังทุจริตคอรัปชัน อาจทำให้สายการบินแห่งชาติ ที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาขาดทุน กลายเป็นผู้ป่วยโคม่ารอวันตายอีกครั้ง #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 513 Views 0 Reviews
  • ..มีกฎหมายกระทรวงทบวงกรมของไทยข้อไหนบ้างว่าห้ามปตท.ขายน้ำมันเกินลิตรละ10บาท,หรือห้ามขายเกินราคาก่อนสมัยเข้าตลาดหลักทรัพย์คือต้องบริหารจัดการควบคุมองค์รวมราคาน้ำมันทั้งประเทศให้ได้,แล้วใครทำไม่ได้ ปั้มไหนหรือปตท.ทำไม่ได้ จะมีโทษปรับลิตรละ2,000บาททุกๆการขายออกไปของยอดวันนั้นๆทันที,มิใช่กระทรวงทบวงกรมเขียนแต่กฎหมายลักษณะดูดตังออกจากกระเป๋าประชาชนคนไทยแบบกฎหมายปรับ2,000บาทหากคนขี่มอไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อคและคนนั่งมาด้วยก็ว่าไม่สวมอีกเสือกปรับเอาตังชาวบ้านชาวบ้านประชาขนคนธรรมดาอีก2เท่า,เก่งกาจกล้าหาญมากในการออกกฎหมายห่วงใยประชาชน,ไม่ออกกฎหมายห่วงใยเอกชนต่างชาติหรือเอกชนไทยบ้างอาทิห่วงใยในกำไรมากพอแล้ว เขียนกฎหมายให้ขายในประเทศลิตรละไม่เกิน10บาท,ห้ามส่งออกน้ำมันที่ดูดบนอ่าวไทยบนแผ่นดินไทยในราชอาณาจักรไทยไปต่างประเทศทุกๆกรณีทุกๆบริษัทสัมปทานหากไม่สามารถขายน้ำมันในราคาที่รัฐบาลไทยกำหนดให้ขายไม่ได้ในราคาต่ำกว่าลิตรละ10บาทยิ่งดี เป็นต้น

    ..https://youtube.com/shorts/7QPouq_qJDo?si=CnYh0SMf4zAap9zH
    ..มีกฎหมายกระทรวงทบวงกรมของไทยข้อไหนบ้างว่าห้ามปตท.ขายน้ำมันเกินลิตรละ10บาท,หรือห้ามขายเกินราคาก่อนสมัยเข้าตลาดหลักทรัพย์คือต้องบริหารจัดการควบคุมองค์รวมราคาน้ำมันทั้งประเทศให้ได้,แล้วใครทำไม่ได้ ปั้มไหนหรือปตท.ทำไม่ได้ จะมีโทษปรับลิตรละ2,000บาททุกๆการขายออกไปของยอดวันนั้นๆทันที,มิใช่กระทรวงทบวงกรมเขียนแต่กฎหมายลักษณะดูดตังออกจากกระเป๋าประชาชนคนไทยแบบกฎหมายปรับ2,000บาทหากคนขี่มอไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อคและคนนั่งมาด้วยก็ว่าไม่สวมอีกเสือกปรับเอาตังชาวบ้านชาวบ้านประชาขนคนธรรมดาอีก2เท่า,เก่งกาจกล้าหาญมากในการออกกฎหมายห่วงใยประชาชน,ไม่ออกกฎหมายห่วงใยเอกชนต่างชาติหรือเอกชนไทยบ้างอาทิห่วงใยในกำไรมากพอแล้ว เขียนกฎหมายให้ขายในประเทศลิตรละไม่เกิน10บาท,ห้ามส่งออกน้ำมันที่ดูดบนอ่าวไทยบนแผ่นดินไทยในราชอาณาจักรไทยไปต่างประเทศทุกๆกรณีทุกๆบริษัทสัมปทานหากไม่สามารถขายน้ำมันในราคาที่รัฐบาลไทยกำหนดให้ขายไม่ได้ในราคาต่ำกว่าลิตรละ10บาทยิ่งดี เป็นต้น ..https://youtube.com/shorts/7QPouq_qJDo?si=CnYh0SMf4zAap9zH
    0 Comments 0 Shares 304 Views 0 Reviews
  • ..มนุษย์โง่ลงจริงๆนั้นล่ะ,โง่จากกระบวนการปกครองเพื่อปกครองคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,ใช่กฎหมายปกครองคนโง่สะดวกสบายกว่าคนไม่โง่,ควบคุมคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,คนโง่มีลักษณะความเป็นทาสที่เชื่อฟังมากกว่าคนไม่โง่ในสายตาของชนชั้นปกครองแบบรัฐบาลที่ปกครองประเทศนั้นๆ,ปัจจุบันอีลิทdeep stateชั่วเลวได้ควบคุมปกครองผู้นำผู้ปกครองในแต่ละประเทศทั่วโลกแล้ว,จึงเป็นไปเพื่อปกครองมนุษย์ให้โง่แบบเชิงฝูงชนได้ง่าย ไปไหนไปด้วยกันไปทางเดียวกันแบบเหมือนคนโง่เข้าใจว่าตนเองตัดสินใจเองไร้บังคับและเต็มใจทำอย่างชาญฉลาดแล้วก็ว่าแต่หารู้ไม่ว่ามันคือกับดักในกรอบความโง่ขององค์รวมทั้งหมดรอบโลกหรือทั่วโลก,ใครที่หลุดงานฉลาดคิดค้นความฉลาดออกมาสาระพัดจะถูกรัฐบาลประเทศนั้นๆกำจัดทิ้งหรือปิดกั้นหรือสร้างเงื่อนไขกติกามิให้มีบริบทออกสู่สาธารณะเพื่อกระจายความฉลาดสร้งสรรค์ให้ขยายกว้างขวางหรือต่อยอดใดๆได้,จะปล่อยควบคุมให้รู้หรือไม่ให้รู้จากรัฐบาลสแกนก่อนเท่านัันจึงจะให้เผยแผ่ออกสู่สาธารณะได้,หรือสร้างกลไกราคาสิ่งนั้นๆแพงมหาศาลโดยอ้างความคิดสร้างสรรค์นัันทำราคารายได้หาผลประโยชน์แก่มันได้,นี้คือตย.วิถีปกครองควบคุมมนุษย์อีกมุมด้าน ทำโง่ลงแบบไม่รู้ตัวทีละนิดให้สะดวกแก่การปกครอง ใครต่อต้านไม่เห็นด้วยก็เอากฎหมายเขียนดักการกระทำลงโทษกำจัดคนแบบนั้นเนียนๆอย่างชอบธรรมในสายตาคนทั่วไปว่าปกครองตามกติกาซึ่งกติกาต่างๆมันเองตีตราออกมาเพื่อมิให้คนคัดค้านเพื่อมิให้เห็นต่างเพื่อสะดวกต่อการทำคนให้โง่ลงเรื่อยๆได้ดีผ่านกาลเวลาในแต่ละยุคสมัยจนควบคุมเบ็ดเสร็จ,ยิ่งถ้าไทยเราหรือย่อมาไทยหากdeep stateโลกปกครองประเทศไทยหลังฉากจริง เช่นบ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยมันก็ยึดครอบครองเอาเองแทนคนไทยหมดบนแผ่นดินไทยที่อ้างว่าต่างชาติมาลงทุนในนามได้สัมปทานแดกจากต่างชาติ นักวิชาการเต็มบ้านเต็มเมืองไม่กล้าออกมาพูดผ่านสื่อหลักไทยสักแอะ,ข้าราชการและสส.เต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่ออกมาประชุมบอกความจริงอะไรแก่ประชาชนว่าคนไทยภูกเอาเปรียบและเสียเปรียบแต่แรก,ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์กำไรกลับทำกำไรดีขึ้นเสมอ,แต่ประชาชนใช้น้ำมันราคาแพงเสีย สินค้าทั่วประเทศแบะบริการแพงทั่วหน้าพร้อมกันในทุกๆครั้งที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพื่อทำกำไร,เมื่อผิดพลาดก็ไม่เอาปตท.ออกจากตลาดSETหรือยุบการทำหน้าที่ของปตท.ไปมิให้มีบทบาทใดๆต่อพลังงานไทยเพราะเสมือนเอกชนเต็มตัวไปแล้วในความเป็นจริงเช่นนั้นโรงเรียนหรือรัฐวิสาหกิจอื่นๆก็เข้าตลาดsetไปหมดแล้ว,ตลาดsetจริงๆคือเอกชนเท่านั้นเข้าไปเล่น,หน่วยงานรัฐทุกๆกรณีห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวทุกๆกรณี,เพราะในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบมันส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ,นี้คือวิถีทำประชาชนให้โง่ให้การปกครองทำได้สำเร็จอีกมุม,ทรัพยากรมากมายมีค่าของประเทศไทยด้วยวิถีปกครองที่deep stateสากลโลกข้ามชาติปกครองหลังฉากเรื่อยมาจึงเป็นอันมากถูกผ่องถ่ายทัังความมั่งคั่งร่ำรวยจนมั่นคงจากประชาชนไทยไปเป็นของต่างชาติหรือเอกชนไทยเองที่เลวชั่วหรือเป็นสมุนรับใช้หรือเป็นนอมินีในหมากมุกอีกตัวในวางสนุ๊คสร้างภาพว่ามิใช่ของต่างชาตินะก็ว่า,ตลอดวิถีการออกกฎหมายมากมายเป็นไปเพื่อควบคุมทาสควบคุมให้คนโง่ขึ้น ตัดขาการพึ่งพาตนเอง และทำให้ยากจนยิ่งสะดวกปกครอง,อาทิ ค่าปรับมากๆในกฎหมายจราจรที่คนใช้มากๆง่ายๆวันนี้ปรับ2,000บาททั้งคนขับขี่และคนนั่งมาด้วยหากไม่สวมหมวกกันน็อค,จริงๆมันชีวิตเขา เขาสามารถทำวิถีชีวิตเขาอิสระเสรีได้หมด อยากใส่หรือไม่อยากใส่คือสิทธิ์อธิไปไตยส่วนตัวเขา ความเสี่ยงปัจเจกบุคคลเขา จะเป็นจะตายเขารับทราบรับรู้เองคนใช้มากๆคือกำไรคือผลประโยชน์แน่นอน ค่าไฟฟ้าเอยที่รัฐบาลผ่องถ่ายการผลิตไฟฟ้าหรือรับซื้อไฟฟ้าแพงๆจากเอกชนมาขายให้ครัวเรือนคนไทยแพงๆแทนได้ซึ่งกูรูมากมายออกมาแฉแล้ว ราคาน้ำมันขึ้นเอย การห้ามเผาฟางในนาข้าวอีกควบคุมคนทีละน้อยมิให้รู้ตัว หรือห้ามจับปลาของชาวบ้านในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเองยิ่งในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงทำมาหากินลำบากเศรษฐกิจทั่วโลกพัง ตังขาดมือ ร่ำรวยหนี้สิน ตังหาลำบาก ทองแพงขึ้น คนตกงานมากมหาศาล โรงงานย้ายฐานการผลิตและปิดตัวในไทยมากมาย ร้านค้าร้านอาหารจำนวนมากปิดตัวลงเรื่อยๆคนตกงานในอัตราเร่งผิดปกติในขณะที่รายได้คนลงลดทันทีแน่นอน จำเป็นต้องพึ่งตนเองและธรรมชาติในอีกมุมมองของปากท้องของชาวบ้านเสือกห้ามพึ่งพาตนเองหากินในแหล่งธรรมชาติ มุกอีลิทปกครองต่อคนโง่จึงสร้างกติกาเนียนๆมากมายจริงๆนะ ลดบทบาทมิให้ผู้คนหากินพึ่งตนเองได้ ยิ่งคนชาวบ้านยากจนยิ่งสะดวกต่อเอาอ้างข้อกฎหมายเขียนกฎหมายออกมาไปบังคับใช้ประชาชน,เก็บเห็ดในป่าสงวนเอยกลัวคนเข้าไปเห็นการกระทำชั่วในป่า,อดีตถ้าพรบ.เมล็ดพันธ์เกิดขึ้นได้จริงประชาชนยิ่งอาจปลูกนั้นนี้กินเองลำบากอาจติดคุกอีกหากเอกชนเล่นงานเหมือนต่างชาติ ฉีกเมล็ดพันธ์เอกชนไว้ทำพันธ์ุปลูกต่อเป็นการผิดกฎหมายละอองเกษรปลิวไปผสมพันธุ์ไร่นาชาวบ้านต่างชาติมันยังฟ้องว่าชาวบ้านผิดได้,นี้เกิดในยุคยึดอำนาจนะถ้าพรบ.นี้ผ่านออกมาได้ ประชาชนประท้วงจึงถอนทิ้ง,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอีกหรือพรบ.คาร์เครดิตก็ด้วยตัวควบคุมทาสมนุษย์อีกตัว ช่วงหนึ่งแบงค์โปรมาก หมายเอาคาร์บอนเครดิตใช้ร่วมกับการพิจารณาสินเชื่อเงินกู้เลยล่ะและอนาคตพวกมันเครือข่ายเอกชนในหลายๆวงการอุตสาหกรรมพร้อมใจกันร่วมเอาไปใช้เลยล่ะ คุณมีคาร์บอนเครดิตเท่าไรก็ว่า,แทนตังในอนาคตก็ว่าอีก,
    ..มันคือภัยเนียนๆที่ร้ายกาจมาก มิใช่คนโง่ลงแต่ถูกทำให้โง่ลงผ่านกระบวนการกฎหมาย ,และกฎหมายถูกบรรญัติขึ้นสมมุติขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้ควบคุมผู้คนและอ้างว่าใช้บังคับร่วมกัน,จริงๆใช้บังคับคนโง่เพื่อควบคุมผู้คนปกครอง,ปกครองในวิถีปกครองได้ง่ายขึ้นของชนชั้นdeep stateอีลิทและเดอะแก๊งมันทั้งหมด.

    https://youtube.com/shorts/3ZRqhoMbdV4?si=kuUTM-AlatbhznZ_
    ..มนุษย์โง่ลงจริงๆนั้นล่ะ,โง่จากกระบวนการปกครองเพื่อปกครองคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,ใช่กฎหมายปกครองคนโง่สะดวกสบายกว่าคนไม่โง่,ควบคุมคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,คนโง่มีลักษณะความเป็นทาสที่เชื่อฟังมากกว่าคนไม่โง่ในสายตาของชนชั้นปกครองแบบรัฐบาลที่ปกครองประเทศนั้นๆ,ปัจจุบันอีลิทdeep stateชั่วเลวได้ควบคุมปกครองผู้นำผู้ปกครองในแต่ละประเทศทั่วโลกแล้ว,จึงเป็นไปเพื่อปกครองมนุษย์ให้โง่แบบเชิงฝูงชนได้ง่าย ไปไหนไปด้วยกันไปทางเดียวกันแบบเหมือนคนโง่เข้าใจว่าตนเองตัดสินใจเองไร้บังคับและเต็มใจทำอย่างชาญฉลาดแล้วก็ว่าแต่หารู้ไม่ว่ามันคือกับดักในกรอบความโง่ขององค์รวมทั้งหมดรอบโลกหรือทั่วโลก,ใครที่หลุดงานฉลาดคิดค้นความฉลาดออกมาสาระพัดจะถูกรัฐบาลประเทศนั้นๆกำจัดทิ้งหรือปิดกั้นหรือสร้างเงื่อนไขกติกามิให้มีบริบทออกสู่สาธารณะเพื่อกระจายความฉลาดสร้งสรรค์ให้ขยายกว้างขวางหรือต่อยอดใดๆได้,จะปล่อยควบคุมให้รู้หรือไม่ให้รู้จากรัฐบาลสแกนก่อนเท่านัันจึงจะให้เผยแผ่ออกสู่สาธารณะได้,หรือสร้างกลไกราคาสิ่งนั้นๆแพงมหาศาลโดยอ้างความคิดสร้างสรรค์นัันทำราคารายได้หาผลประโยชน์แก่มันได้,นี้คือตย.วิถีปกครองควบคุมมนุษย์อีกมุมด้าน ทำโง่ลงแบบไม่รู้ตัวทีละนิดให้สะดวกแก่การปกครอง ใครต่อต้านไม่เห็นด้วยก็เอากฎหมายเขียนดักการกระทำลงโทษกำจัดคนแบบนั้นเนียนๆอย่างชอบธรรมในสายตาคนทั่วไปว่าปกครองตามกติกาซึ่งกติกาต่างๆมันเองตีตราออกมาเพื่อมิให้คนคัดค้านเพื่อมิให้เห็นต่างเพื่อสะดวกต่อการทำคนให้โง่ลงเรื่อยๆได้ดีผ่านกาลเวลาในแต่ละยุคสมัยจนควบคุมเบ็ดเสร็จ,ยิ่งถ้าไทยเราหรือย่อมาไทยหากdeep stateโลกปกครองประเทศไทยหลังฉากจริง เช่นบ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยมันก็ยึดครอบครองเอาเองแทนคนไทยหมดบนแผ่นดินไทยที่อ้างว่าต่างชาติมาลงทุนในนามได้สัมปทานแดกจากต่างชาติ นักวิชาการเต็มบ้านเต็มเมืองไม่กล้าออกมาพูดผ่านสื่อหลักไทยสักแอะ,ข้าราชการและสส.เต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่ออกมาประชุมบอกความจริงอะไรแก่ประชาชนว่าคนไทยภูกเอาเปรียบและเสียเปรียบแต่แรก,ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์กำไรกลับทำกำไรดีขึ้นเสมอ,แต่ประชาชนใช้น้ำมันราคาแพงเสีย สินค้าทั่วประเทศแบะบริการแพงทั่วหน้าพร้อมกันในทุกๆครั้งที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพื่อทำกำไร,เมื่อผิดพลาดก็ไม่เอาปตท.ออกจากตลาดSETหรือยุบการทำหน้าที่ของปตท.ไปมิให้มีบทบาทใดๆต่อพลังงานไทยเพราะเสมือนเอกชนเต็มตัวไปแล้วในความเป็นจริงเช่นนั้นโรงเรียนหรือรัฐวิสาหกิจอื่นๆก็เข้าตลาดsetไปหมดแล้ว,ตลาดsetจริงๆคือเอกชนเท่านั้นเข้าไปเล่น,หน่วยงานรัฐทุกๆกรณีห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวทุกๆกรณี,เพราะในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบมันส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ,นี้คือวิถีทำประชาชนให้โง่ให้การปกครองทำได้สำเร็จอีกมุม,ทรัพยากรมากมายมีค่าของประเทศไทยด้วยวิถีปกครองที่deep stateสากลโลกข้ามชาติปกครองหลังฉากเรื่อยมาจึงเป็นอันมากถูกผ่องถ่ายทัังความมั่งคั่งร่ำรวยจนมั่นคงจากประชาชนไทยไปเป็นของต่างชาติหรือเอกชนไทยเองที่เลวชั่วหรือเป็นสมุนรับใช้หรือเป็นนอมินีในหมากมุกอีกตัวในวางสนุ๊คสร้างภาพว่ามิใช่ของต่างชาตินะก็ว่า,ตลอดวิถีการออกกฎหมายมากมายเป็นไปเพื่อควบคุมทาสควบคุมให้คนโง่ขึ้น ตัดขาการพึ่งพาตนเอง และทำให้ยากจนยิ่งสะดวกปกครอง,อาทิ ค่าปรับมากๆในกฎหมายจราจรที่คนใช้มากๆง่ายๆวันนี้ปรับ2,000บาททั้งคนขับขี่และคนนั่งมาด้วยหากไม่สวมหมวกกันน็อค,จริงๆมันชีวิตเขา เขาสามารถทำวิถีชีวิตเขาอิสระเสรีได้หมด อยากใส่หรือไม่อยากใส่คือสิทธิ์อธิไปไตยส่วนตัวเขา ความเสี่ยงปัจเจกบุคคลเขา จะเป็นจะตายเขารับทราบรับรู้เองคนใช้มากๆคือกำไรคือผลประโยชน์แน่นอน ค่าไฟฟ้าเอยที่รัฐบาลผ่องถ่ายการผลิตไฟฟ้าหรือรับซื้อไฟฟ้าแพงๆจากเอกชนมาขายให้ครัวเรือนคนไทยแพงๆแทนได้ซึ่งกูรูมากมายออกมาแฉแล้ว ราคาน้ำมันขึ้นเอย การห้ามเผาฟางในนาข้าวอีกควบคุมคนทีละน้อยมิให้รู้ตัว หรือห้ามจับปลาของชาวบ้านในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเองยิ่งในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงทำมาหากินลำบากเศรษฐกิจทั่วโลกพัง ตังขาดมือ ร่ำรวยหนี้สิน ตังหาลำบาก ทองแพงขึ้น คนตกงานมากมหาศาล โรงงานย้ายฐานการผลิตและปิดตัวในไทยมากมาย ร้านค้าร้านอาหารจำนวนมากปิดตัวลงเรื่อยๆคนตกงานในอัตราเร่งผิดปกติในขณะที่รายได้คนลงลดทันทีแน่นอน จำเป็นต้องพึ่งตนเองและธรรมชาติในอีกมุมมองของปากท้องของชาวบ้านเสือกห้ามพึ่งพาตนเองหากินในแหล่งธรรมชาติ มุกอีลิทปกครองต่อคนโง่จึงสร้างกติกาเนียนๆมากมายจริงๆนะ ลดบทบาทมิให้ผู้คนหากินพึ่งตนเองได้ ยิ่งคนชาวบ้านยากจนยิ่งสะดวกต่อเอาอ้างข้อกฎหมายเขียนกฎหมายออกมาไปบังคับใช้ประชาชน,เก็บเห็ดในป่าสงวนเอยกลัวคนเข้าไปเห็นการกระทำชั่วในป่า,อดีตถ้าพรบ.เมล็ดพันธ์เกิดขึ้นได้จริงประชาชนยิ่งอาจปลูกนั้นนี้กินเองลำบากอาจติดคุกอีกหากเอกชนเล่นงานเหมือนต่างชาติ ฉีกเมล็ดพันธ์เอกชนไว้ทำพันธ์ุปลูกต่อเป็นการผิดกฎหมายละอองเกษรปลิวไปผสมพันธุ์ไร่นาชาวบ้านต่างชาติมันยังฟ้องว่าชาวบ้านผิดได้,นี้เกิดในยุคยึดอำนาจนะถ้าพรบ.นี้ผ่านออกมาได้ ประชาชนประท้วงจึงถอนทิ้ง,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอีกหรือพรบ.คาร์เครดิตก็ด้วยตัวควบคุมทาสมนุษย์อีกตัว ช่วงหนึ่งแบงค์โปรมาก หมายเอาคาร์บอนเครดิตใช้ร่วมกับการพิจารณาสินเชื่อเงินกู้เลยล่ะและอนาคตพวกมันเครือข่ายเอกชนในหลายๆวงการอุตสาหกรรมพร้อมใจกันร่วมเอาไปใช้เลยล่ะ คุณมีคาร์บอนเครดิตเท่าไรก็ว่า,แทนตังในอนาคตก็ว่าอีก, ..มันคือภัยเนียนๆที่ร้ายกาจมาก มิใช่คนโง่ลงแต่ถูกทำให้โง่ลงผ่านกระบวนการกฎหมาย ,และกฎหมายถูกบรรญัติขึ้นสมมุติขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้ควบคุมผู้คนและอ้างว่าใช้บังคับร่วมกัน,จริงๆใช้บังคับคนโง่เพื่อควบคุมผู้คนปกครอง,ปกครองในวิถีปกครองได้ง่ายขึ้นของชนชั้นdeep stateอีลิทและเดอะแก๊งมันทั้งหมด. https://youtube.com/shorts/3ZRqhoMbdV4?si=kuUTM-AlatbhznZ_
    0 Comments 0 Shares 636 Views 0 Reviews
  • SCB แจงข้อมูลผู้ถือหุ้น 30/05/68 #คุยคุ้ยหุ้น #ผู้ถือหุ้น #SCB #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น
    SCB แจงข้อมูลผู้ถือหุ้น 30/05/68 #คุยคุ้ยหุ้น #ผู้ถือหุ้น #SCB #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 614 Views 27 0 Reviews
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

    Binance เคยถูกกล่าวหาว่า เพิ่มปริมาณการซื้อขายโดยไม่โปร่งใส, โอนเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน และ Binance ยอมจ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ SEC ยังเคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า Coinbase จัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์

    ข้อมูลจากข่าว
    - SEC ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย
    - Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน
    - Binance จ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีอาญา
    - SEC เคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การยกเลิกคดีไม่ได้หมายความว่า Binance ไม่มีความผิด แต่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายของ SEC
    - นักลงทุนควรติดตามแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของทรัมป์
    - Binance ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบในประเทศอื่น ๆ
    - ตลาดคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

    การยกเลิกคดี Binance ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/us-sec-voluntarily-dismisses-lawsuit-against-binance
    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ Binance เคยถูกกล่าวหาว่า เพิ่มปริมาณการซื้อขายโดยไม่โปร่งใส, โอนเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน และ Binance ยอมจ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ SEC ยังเคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า Coinbase จัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SEC ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย - Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน - Binance จ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีอาญา - SEC เคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การยกเลิกคดีไม่ได้หมายความว่า Binance ไม่มีความผิด แต่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายของ SEC - นักลงทุนควรติดตามแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของทรัมป์ - Binance ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบในประเทศอื่น ๆ - ตลาดคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน การยกเลิกคดี Binance ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/us-sec-voluntarily-dismisses-lawsuit-against-binance
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US SEC dismisses lawsuit against Binance crypto exchange
    (Reuters) -The U.S. Securities and Exchange Commission on Thursday voluntarily dismissed its civil lawsuit against Binance, the world's largest cryptocurrency exchange, extending the regulator's new approach to cryptocurrencies since President Donald Trump reentered the White House.
    0 Comments 0 Shares 377 Views 0 Reviews
  • บีวายดี (BYD) สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการยานยนต์จีนอีกครั้ง หลังจากประกาศปรับลดราคาครั้งใหญ่ครอบคลุมรถยนต์ถึง 22 รุ่น โดยรุ่นที่ได้รับส่วนลดมากที่สุด ได้แก่ Seal 07 DM-i (รุ่น 1.5L 125km) ที่ลดลงถึง 53,000 หยวน หรือประมาณ 241,792 บาท* นอกจากนี้ รุ่น Qin PLUS DM-i และ Qin L DM-i ก็มีราคาลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้ราคารถเริ่มต้นอยู่ที่เพียง 63,800–79,800 หยวน หรือประมาณ 291,063 –364,052 บาท

    การปรับลดราคาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามในรอบ 2 เดือนของบีวายดี สะท้อนแรงกดดันที่บริษัทเผชิญในด้านยอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดภายในประเทศ แม้ว่ายอดขายรวมในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนจะอยู่ที่ 1.38 ล้านคัน แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะในประเทศ ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านคัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 275,000 คัน ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายรายปีที่ตั้งไว้ 5.5 ล้านคัน และจำเป็นต้องมียอดขายเฉลี่ยวันละกว่า 15,000 คันในช่วงที่เหลือของปี

    แม้ภาพรวมยอดขายจะดูแข็งแกร่ง แต่บีวายดีกลับเผชิญแรงแข่งขันจากทั้งผู้ผลิตจีนรายอื่นและบริษัทรถยนต์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มรถราคาประหยัด เช่น รถยนต์รุ่นเรือธงอย่าง Han DM, Song PLUS DM และ Qin PLUS DM ก็เผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่งใหม่ เช่น Geely Xingyao 8ที่มีราคาถูกกว่าถึง 53,000 หยวน หรือ 241,792 บาท และ Chery Fengyun A9 ส่วนในตลาดรถยนต์ ICE แบรนด์ต่างชาติอย่าง Volkswagen, Honda และ Buick ก็เร่งเคลียร์สต๊อกด้วยการหั่นราคาอย่างหนัก ทำให้ความได้เปรียบด้านราคาของบีวายดีลดลง
    ทันทีหลังประกาศลดราคาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นของบีวายดีในตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงอย่างรุนแรง โดยในตลาดฮ่องกงราคาลดลงถึง 8.6% และในตลาด A-share ลดลงกว่า 6% ภายในเวลา 3 วัน มูลค่าบริษัทหายไปราว 1 แสนล้านหยวน นักลงทุนตื่นตระหนกกับแนวโน้มกำไรของบริษัทที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามราคา ขณะที่หุ้นของบริษัทรถยนต์รายอื่น เช่น Geely, Great Wall, Seres, Changan และ SAIC ก็ร่วงตามไปในระดับ 2–5%

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000050149

    #MGROnline #บีวายดี #ยานยนต์จีน
    บีวายดี (BYD) สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการยานยนต์จีนอีกครั้ง หลังจากประกาศปรับลดราคาครั้งใหญ่ครอบคลุมรถยนต์ถึง 22 รุ่น โดยรุ่นที่ได้รับส่วนลดมากที่สุด ได้แก่ Seal 07 DM-i (รุ่น 1.5L 125km) ที่ลดลงถึง 53,000 หยวน หรือประมาณ 241,792 บาท* นอกจากนี้ รุ่น Qin PLUS DM-i และ Qin L DM-i ก็มีราคาลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้ราคารถเริ่มต้นอยู่ที่เพียง 63,800–79,800 หยวน หรือประมาณ 291,063 –364,052 บาท • การปรับลดราคาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามในรอบ 2 เดือนของบีวายดี สะท้อนแรงกดดันที่บริษัทเผชิญในด้านยอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดภายในประเทศ แม้ว่ายอดขายรวมในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนจะอยู่ที่ 1.38 ล้านคัน แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะในประเทศ ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านคัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 275,000 คัน ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายรายปีที่ตั้งไว้ 5.5 ล้านคัน และจำเป็นต้องมียอดขายเฉลี่ยวันละกว่า 15,000 คันในช่วงที่เหลือของปี • แม้ภาพรวมยอดขายจะดูแข็งแกร่ง แต่บีวายดีกลับเผชิญแรงแข่งขันจากทั้งผู้ผลิตจีนรายอื่นและบริษัทรถยนต์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มรถราคาประหยัด เช่น รถยนต์รุ่นเรือธงอย่าง Han DM, Song PLUS DM และ Qin PLUS DM ก็เผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่งใหม่ เช่น Geely Xingyao 8ที่มีราคาถูกกว่าถึง 53,000 หยวน หรือ 241,792 บาท และ Chery Fengyun A9 ส่วนในตลาดรถยนต์ ICE แบรนด์ต่างชาติอย่าง Volkswagen, Honda และ Buick ก็เร่งเคลียร์สต๊อกด้วยการหั่นราคาอย่างหนัก ทำให้ความได้เปรียบด้านราคาของบีวายดีลดลง ทันทีหลังประกาศลดราคาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นของบีวายดีในตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงอย่างรุนแรง โดยในตลาดฮ่องกงราคาลดลงถึง 8.6% และในตลาด A-share ลดลงกว่า 6% ภายในเวลา 3 วัน มูลค่าบริษัทหายไปราว 1 แสนล้านหยวน นักลงทุนตื่นตระหนกกับแนวโน้มกำไรของบริษัทที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามราคา ขณะที่หุ้นของบริษัทรถยนต์รายอื่น เช่น Geely, Great Wall, Seres, Changan และ SAIC ก็ร่วงตามไปในระดับ 2–5% • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000050149 • #MGROnline #บีวายดี #ยานยนต์จีน
    0 Comments 0 Shares 374 Views 0 Reviews
  • “ดอนเมืองโทลล์เวย์”แจ้งตลาดฯ ยื่นอนุญาโตตุลาการฟ้องกรมทางหลวง ชดเชย ผลกระทบโควิดช่วงปี 63-65 เป็นเงิน 2.3 พันล้านบาท “สุริยะ”ยันต้องดำเนินการภายใต้ผลประโยชน์ของรัฐมากที่สุด

    รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงนามโดยนายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เรื่องการยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อใช้สิทธิและปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง – ดอนเมือง (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) (‘สัญญาสัมปทาน”) ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัทฯ เพื่อให้กรมทางหลวง แก้ไขผลเสียต่อฐานะทางการของบริษัทฯ โดยยื่นคำเสนอข้อพิพาทวันที่ 27 พฤษภาคม 2568

    โดยระบุว่า บริษัทฯ เป็นผู้รับสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) จากกรมทางหลวง รวม 2 ตอน ได้แก่ สัมปทานทางหลวงตอนดินแดง – ดอนเมือง และสัมปทาน ทางหลวงตอนดอนเมือง – อนุสรณ์สถาน โดยระหว่างอายุสัญญาสัมปทานในปี 2563 ถึงปี 2565 ปรากฎการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร อันเป็นเหตุสุดวิสัยตามสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้ปริมาณการจราจรที่ใช้ทางหลวงสัมปทานทางหลวงเดิมและทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาสัมปทานโดยแจ้งเหตุสุดวิสัยให้กรมทางหลวงทราบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000050355

    #MGROnline #ดอนเมืองโทลล์เวย์ #ทางยกระดับดอนเมือง
    “ดอนเมืองโทลล์เวย์”แจ้งตลาดฯ ยื่นอนุญาโตตุลาการฟ้องกรมทางหลวง ชดเชย ผลกระทบโควิดช่วงปี 63-65 เป็นเงิน 2.3 พันล้านบาท “สุริยะ”ยันต้องดำเนินการภายใต้ผลประโยชน์ของรัฐมากที่สุด • รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงนามโดยนายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เรื่องการยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อใช้สิทธิและปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง – ดอนเมือง (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) (‘สัญญาสัมปทาน”) ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัทฯ เพื่อให้กรมทางหลวง แก้ไขผลเสียต่อฐานะทางการของบริษัทฯ โดยยื่นคำเสนอข้อพิพาทวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 • โดยระบุว่า บริษัทฯ เป็นผู้รับสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) จากกรมทางหลวง รวม 2 ตอน ได้แก่ สัมปทานทางหลวงตอนดินแดง – ดอนเมือง และสัมปทาน ทางหลวงตอนดอนเมือง – อนุสรณ์สถาน โดยระหว่างอายุสัญญาสัมปทานในปี 2563 ถึงปี 2565 ปรากฎการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร อันเป็นเหตุสุดวิสัยตามสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้ปริมาณการจราจรที่ใช้ทางหลวงสัมปทานทางหลวงเดิมและทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาสัมปทานโดยแจ้งเหตุสุดวิสัยให้กรมทางหลวงทราบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000050355 • #MGROnline #ดอนเมืองโทลล์เวย์ #ทางยกระดับดอนเมือง
    0 Comments 0 Shares 443 Views 0 Reviews
  • Hygon และ Sugon รวมตัวเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีน

    จีน กำลังสร้างอาณาจักรซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการควบรวม Hygon Information Technology ซึ่งเป็นผู้พัฒนาชิป และ Sugon ซึ่งเป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยการควบรวมนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีจากตะวันตก

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการควบรวม Hygon และ Sugon
    Hygon เป็นบริษัทที่เคยใช้สถาปัตยกรรม Zen ของ AMD แต่ปัจจุบันพัฒนาไมโครอาร์คิเทคเจอร์ของตนเอง
    - ล่าสุด เปิดตัวชิป C86-5G ที่มี 128 คอร์ และรองรับ DDR5-5600

    Sugon เป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Chinese Academy of Sciences
    - ช่วยให้ จีนติดอันดับ 3 ของโลกในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์

    การควบรวมนี้เป็นการแลกเปลี่ยนหุ้น โดยหุ้นของทั้งสองบริษัทจะถูกนำออกจากตลาดเป็นเวลา 10 วัน
    - หลังจากนั้น บริษัทใหม่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้

    ทั้ง Hygon และ Sugon อยู่ในรายชื่อ Entity List ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเข้าถึงชิปจาก AMD, Intel และ Nvidia ได้โดยตรง
    - การควบรวมนี้ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองได้เร็วขึ้น

    นักวิเคราะห์คาดว่าการควบรวมนี้จะช่วยให้จีนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ Big Data ได้แข็งแกร่งขึ้น
    - เป็น ส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนในการลดการพึ่งพาตะวันตก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/chinas-hygon-and-sugon-merge-to-form-a-vertically-integrated-supercomputing-giant-as-they-fend-off-us-sanctions
    Hygon และ Sugon รวมตัวเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีน จีน กำลังสร้างอาณาจักรซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการควบรวม Hygon Information Technology ซึ่งเป็นผู้พัฒนาชิป และ Sugon ซึ่งเป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยการควบรวมนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีจากตะวันตก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการควบรวม Hygon และ Sugon ✅ Hygon เป็นบริษัทที่เคยใช้สถาปัตยกรรม Zen ของ AMD แต่ปัจจุบันพัฒนาไมโครอาร์คิเทคเจอร์ของตนเอง - ล่าสุด เปิดตัวชิป C86-5G ที่มี 128 คอร์ และรองรับ DDR5-5600 ✅ Sugon เป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Chinese Academy of Sciences - ช่วยให้ จีนติดอันดับ 3 ของโลกในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ✅ การควบรวมนี้เป็นการแลกเปลี่ยนหุ้น โดยหุ้นของทั้งสองบริษัทจะถูกนำออกจากตลาดเป็นเวลา 10 วัน - หลังจากนั้น บริษัทใหม่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ✅ ทั้ง Hygon และ Sugon อยู่ในรายชื่อ Entity List ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเข้าถึงชิปจาก AMD, Intel และ Nvidia ได้โดยตรง - การควบรวมนี้ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองได้เร็วขึ้น ✅ นักวิเคราะห์คาดว่าการควบรวมนี้จะช่วยให้จีนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ Big Data ได้แข็งแกร่งขึ้น - เป็น ส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนในการลดการพึ่งพาตะวันตก https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/chinas-hygon-and-sugon-merge-to-form-a-vertically-integrated-supercomputing-giant-as-they-fend-off-us-sanctions
    0 Comments 0 Shares 375 Views 0 Reviews
  • NT วุ่นสหภาพค้านแหลก AIS ขอซื้อลูกค้ามือถือ-เน็ตบ้าน

    เรื่องวุ่นๆ ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT รัฐวิสาหกิจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เมื่อเว็บไซต์ The Mature ของอดีตนักข่าวไอทีค่ายใหญ่ เผยแพร่หนังสือที่นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ลงนามเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 ถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ขอซื้อฐานลูกค้ามือถือ รวมทั้งพิจารณาการแก้ไขและยกเลิกสัญญาการให้บริการมือถือบนคลื่น 700 MHz รวมทั้งลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยทั้งหมด โดยขอเช่าใช้และขอสิทธิบริหารโครงข่ายบรอดแบนด์ของ NT ระบุว่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และเป็นโอกาสของ NT ในการสร้างรายได้ที่มั่นคง

    เรื่องนี้ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT ออกมาคัดค้าน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพย์สินของชาติ ควรอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ควรให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์ รวมถึงข้อเสนอดังกล่าวคล้ายการแปรรูป NT ทางอ้อม อาจส่งผลกระทบต่อพนักงาน NT ทั้งในด้านการจ้างงาน บทบาทหน้าที่ และอนาคตในสายงาน พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NT ไม่สนับสนุนข้อเสนอของเอไอเอส และให้กระทรวงดีอี คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดีอี ยืนยันว่า การเสนอซื้อฐานลูกค้ามือถือและบรอดแบนด์รายย่อย แม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ต้องเปิดกว้างรับข้อเสนอจากทุกราย เพื่อประโยชน์สูงสุดของ NT และยังต้องรับผิดชอบพนักงาน NT ที่จะถูกโอนย้ายไปด้วย ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้และมีหลายปัจจัยต้องพิจารณา ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบอร์ด NT และยังต้องดูผลประกอบการของธุรกิจบรอดแบนด์ จึงยังจะไม่ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้

    ขณะที่เอไอเอสทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงหรือความคืบหน้าใดๆ โดยหากมีพัฒนาการที่สำคัญ บริษัทจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป ส่วนแหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวกับเว็บไซต์ MGR Online ว่า ลูกค้ามือถือ-บรอดแบนด์ซื้อขายกันไม่ได้ ต้องได้รับการยินยอมจากลูกค้า จะบังคับให้ย้ายหรือโอนย้ายโดยไม่แจ้งลูกค้าไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดกรณีแบบนี้มาก่อน

    ปัจจุบัน NT มีลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยประมาณ 2 ล้านราย ฐานลูกค้ามือถือ NT Mobile ที่มาจาก TOT Mobile เดิม ราว 3 แสนราย ที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2100 และ 2300 MHz. จะหมดอายุในวันที่ 3 ส.ค.นี้ และ My by NT ที่มาจาก CAT Telecom เดิมบนคลื่นความถี่ 700 MHz. ราว 2.17 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระบบเติมเงิน

    #Newskit
    NT วุ่นสหภาพค้านแหลก AIS ขอซื้อลูกค้ามือถือ-เน็ตบ้าน เรื่องวุ่นๆ ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT รัฐวิสาหกิจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เมื่อเว็บไซต์ The Mature ของอดีตนักข่าวไอทีค่ายใหญ่ เผยแพร่หนังสือที่นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ลงนามเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 ถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ขอซื้อฐานลูกค้ามือถือ รวมทั้งพิจารณาการแก้ไขและยกเลิกสัญญาการให้บริการมือถือบนคลื่น 700 MHz รวมทั้งลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยทั้งหมด โดยขอเช่าใช้และขอสิทธิบริหารโครงข่ายบรอดแบนด์ของ NT ระบุว่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และเป็นโอกาสของ NT ในการสร้างรายได้ที่มั่นคง เรื่องนี้ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT ออกมาคัดค้าน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพย์สินของชาติ ควรอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ควรให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์ รวมถึงข้อเสนอดังกล่าวคล้ายการแปรรูป NT ทางอ้อม อาจส่งผลกระทบต่อพนักงาน NT ทั้งในด้านการจ้างงาน บทบาทหน้าที่ และอนาคตในสายงาน พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NT ไม่สนับสนุนข้อเสนอของเอไอเอส และให้กระทรวงดีอี คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดีอี ยืนยันว่า การเสนอซื้อฐานลูกค้ามือถือและบรอดแบนด์รายย่อย แม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ต้องเปิดกว้างรับข้อเสนอจากทุกราย เพื่อประโยชน์สูงสุดของ NT และยังต้องรับผิดชอบพนักงาน NT ที่จะถูกโอนย้ายไปด้วย ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้และมีหลายปัจจัยต้องพิจารณา ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบอร์ด NT และยังต้องดูผลประกอบการของธุรกิจบรอดแบนด์ จึงยังจะไม่ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ ขณะที่เอไอเอสทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงหรือความคืบหน้าใดๆ โดยหากมีพัฒนาการที่สำคัญ บริษัทจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป ส่วนแหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวกับเว็บไซต์ MGR Online ว่า ลูกค้ามือถือ-บรอดแบนด์ซื้อขายกันไม่ได้ ต้องได้รับการยินยอมจากลูกค้า จะบังคับให้ย้ายหรือโอนย้ายโดยไม่แจ้งลูกค้าไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดกรณีแบบนี้มาก่อน ปัจจุบัน NT มีลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยประมาณ 2 ล้านราย ฐานลูกค้ามือถือ NT Mobile ที่มาจาก TOT Mobile เดิม ราว 3 แสนราย ที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2100 และ 2300 MHz. จะหมดอายุในวันที่ 3 ส.ค.นี้ และ My by NT ที่มาจาก CAT Telecom เดิมบนคลื่นความถี่ 700 MHz. ราว 2.17 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระบบเติมเงิน #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 539 Views 0 Reviews
  • ..ประเทศไทยเราเองก็อาจเดินตามอเมริกาเช่นกัน,สูติบัตรเราคือการค้ำประกันหนี้แก่ประเทศไทย ,คือคนไทยทุกๆคนมีค่าตัวตั้งแต่เกืดมาทันทีหรือมีมูลค่าทันที,เพราะคนไทยคือทรัพย์สินมิใช่สิ่งมีชีวิต,ทาสก็ว่า เทียบใบหุ้นใบหนึ่งหรือตราสารหนี้ระดับชาติโดยค้ำประกันหนี้จากคนไทย,เพราะคนไทยคือแหล่งค้ำประกันหนี้คือสูติบัตรเราอ้างสมมุติไปทำแทนตัวเป็นๆ,อเมริกาสูติบัตรเขามีมูลค่าเป็นล้านเหรียญและปั่นจนกว่าพันล้านเหรียญ,คนไทยก็คงเช่นกันปั่นกว่าพันล้านถึงหมื่นล้านบาทแน่ๆต่อสูติบัตร1คน,ยิ่งมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ มีมูลน่าเชื่อได้,รัฐฐะทั่วโลกฝ่ายอีลิทชนชั้นสูงยึดปกครองหมด แน่นอนมันต้องวางหมากวางนโยบายปั่นตีตรามูลค่าสูติบัตรเป็นนโยบายหลักบังคับใช้ในทุกๆประเทศทั่วโลกที่มันปกครอง ไม่เว้นแม้แต่ไทยด้วย,ธนาคารมันอีลิทก็ต้นคิดก่อตั้งแม้ในไทยก็ด้วย,ตลาดหุ้นในไทยมันเองอีกที่ก่อการหัวคิดก่อตั้งในไทยให้ขี้ข้าสมุนรับใช้ในไทยเดินเนื้องานลงหน้างานดำเนินการเปิดให้ได้,พะสาสูติบัตรแน่นอนมันสร้างมูลลค่าแน่ๆและยิ่งฝ่ายดีถ้ามีและคิดอ่านทำอีก แสดงว่าฝ่ายไม่ดียิ่งเหี้ย หามุกโกงแดกฝ่ายดีที่ตั้งราคาหัวสูติบัตรคนบนโลกไว้,ฝ่ายไม่ดีอาสาทำงานให้ฝ่ายดีก็ว่า ,โดยขณะทำงานก็คตโกงสร้างมุกต่างๆวางหมากวางสนุ๊คต่างๆโกงตังชาวโลกก็ว่าในกองทุนกลางของโลกฝ่ายดีที่โอนตังให้ชาวโลกใช้หรือตั้งมูลค่าตังไว้แล้วว่าตลอดการเกิดถึงตาย คนแต่ละน่าจะใช้จ่ายตังดำรงชีพจนถึงตายคงประมาณนี้ ร้อยล้านพันล้านก็ว่าไป,พวกฝ่ายไม่ดีก็ล้างสมองมิให้เรารับรู้ผ่านผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆอย่าเปิดปากบอกคนพวกนี้นะก็ว่า,ก็เปิดธนาคาร ปล่อยกู้โดยเอาตังเราๆนั้นล่ะมาปล่อย กินสองทาง ทางตรงแดกจากกองทุนเช่นซื้อบ้านจ่าย10ล้าน กองทุนจ่ายทันที10ล้านโดยเราไม่รู้หรือหักผ่านกองทุนเราใครมันแต่ละคนที่ส่วนกลางกำหนดไว้แล้วอาทิคนละ1หมื่นล้านบาทในไทย หักอัตโนมัติซื้อบ้านที่ดินรถนั้นนี้โน้นตลอดชีพผ่านกองทุนใครมัน,แต่รัฐฐะที่ปกครองล้มเหลวผิดพลาดหมายแดก เสือกมิให้คนไทยรับรู้,หอบตังเหมารวมว่าเองอาจกว่าล้านล้านล้านบาท จากนั้นกระจายให้อีลิทกิจการขี้ข้าทาสซาตานเครือข่ายเต็มไทยไปทำ แบบแบงค์ก็ปล่อยกู้ กิน2ต่อ ต่อที่1กินจากทางตรงของกองทุนที่ว่า,ต่อที่2กินจากคนไทยคนนั้นล่ะมาซื้อมาผ่อนมาจ่ายค่าดาวน์ค่าผ่อนในอนาคตตลอด30ปีหรือกว่า50ปีที่ทำในสัญญาณผ่อนกับแบงค์ในค่าผ่อนน้อยๆใครผ่อนมากๆเดือนละ4-5หมื่นอาจหมด3-4ปีก็หมดหนี้บ้านหนี้รถหนี้ที่ดินที่ซื้อผ่อนกับแบงค์,ทั้งที่จริงๆรัฐฐะที่ดีหากทำถูกตรง ประชาชนจะไม่เสียตังอะไรใดๆโดยรัฐฐะจ่ายตรงหักผ่านกองทุนที่รัฐฐะดูแลบัญชีกองทุนแทนบุคคลนั้นๆทันที,ไม่อุ๊บอิ๊บกินเองร่วมกับเอกชนเครือข่ายฝ่ายไม่ดีก็ว่า,
    ..สูติบัตรเรามีมูลค่าแต่ฝ่ายไม่ดีมาปล้นมาชิงเอาไปจากความไม่รู้ของคนทั้งโลก นำโดยผู้นำผู้ปกครองในประเทศนั้นๆสมคบคิดกับโจรเหล่านี้ด้วย.
    ..คนไทยร่ำรวยเลยถ้าจริงแบบนี้,บ่อน้ำมันบ่อทองคำจะเสมือนเพียงตัวหลอก จริงๆอาจคือสมบัติร่วมสร้างโลกพัฒนาโลกวิวัฒนาการโลกไปทางดีงานแบ่งปันช่วยเหลือกันและกันหรือซึ่งกันและกันได้สบาย,ผลิตเกินส่วนไหน สามารถเอาส่วนเกินนั้นส่งไปช่วยเหลือพื้นที่ตรงจุดของโลกส่วนอื่นๆที่ผู้คนชาวโลกเรายังขาดแคลนได้เช่นอาหารการกินต่างๆพืชผักผลไม้ ไม่ต้องทำลายทิังได้ เผลอส่งเสริมการแลกเปลี่ยนซื้อขายต่อกันและกันในราคามิตรภาพอีก.

    .
    รัฐบาลใหญ่
    เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย!


    โดย เมเดีย กรีเร่14 เมษายน 2568อัปเดต:19 พฤษภาคม 256849
    เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย!

    พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน!

    หมายเหตุบรรณาธิการ: ข้อมูลที่แบ่งปันในเนื้อหานี้มีต้นกําเนิดมาจาก เรดดิต, วิกิพีเดีย และ X เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยชุมชนและสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ และความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ ฉันเพียงแบ่งปันเนื้อหานี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและไม่อ้างสิทธิ์การประพันธ์หรือความรับผิดชอบต่อเนื้อหา

    สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงเอกสาร—มันเป็น พันธบัตรมูลค่าหลายล้าน ซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ! รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเจ้าของคุณตั้งแต่แรกเกิด ตื่น และเรียนรู้ว่าคุณถูกขาย ถูกเอารัดเอาเปรียบ และ ทาส! อ่านตอนนี้ก่อนที่พวกเขาจะฝังความจริง!


    สูติบัตรของคุณ: การหลอกลวงขั้นสูงสุด – วิธีที่คุณถูกซื้อและขายตั้งแต่แรกเกิด
    โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นของทาสยุคใหม่- ตื่น! ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเข้าสู่โลกนี้ คุณตกเป็นทาส คุณไม่ยินยอม คุณไม่ได้รับทางเลือก คุณผูกพันกับระบบที่ทุจริตและร้ายกาจมากจนทําให้การดํารงอยู่ของคุณกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ นี่ไม่ใช่การคาดเดา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการบันทึกไว้และปฏิเสธไม่ได้
    สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงบันทึก —it เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ คุณไม่ใช่บุคคลที่เป็นอิสระภายใต้กฎหมาย คุณเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นทรัพย์สินชิ้นหนึ่งในเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่ออกแบบมาเพื่อ ใช้ประโยชน์จากคุณ


    สูติบัตรของคุณ: การแสดงความเป็นเจ้าของขององค์กร
    เคยสงสัยไหมว่าทําไมคุณถึงต้องมีสูติบัตร? คิดดูสิ เมื่อเรือมาถึงท่าเรือ ก ใบรับรองรายการ ออกให้เพื่อจัดทําเอกสารสินค้า และเมื่อคุณเกิด คุณได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสินค้า มีการออกสูติบัตร—NOT เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความยินดี แต่เป็นสัญญาการเป็นเจ้าของ
    คุณเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ รัฐไม่เห็นคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอํานาจอธิปไตย คุณเป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้สร้างความมั่งคั่งให้กับชนชั้นสูง เหล่านั้น หมายเลขซีเรียลสีแดง ในสูติบัตรของคุณ? เป็นหมายเลขตลาดหลักทรัพย์ เป็นตัวเลขที่เชื่อมโยงกับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายบน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก● การดํารงอยู่ของคุณสร้างรายได้แล้ว



    พันธบัตรสูติบัตร: มีมูลค่านับพันล้านและคุณเป็นทาส
    คุณรู้ไหมว่าสูติบัตรของคุณถูกสร้างเป็นพันธบัตรมูลค่าหลายพันล้าน?!
    หากคุณสงสัยว่าพันธบัตรสูติบัตรคืออะไรขอให้ชัดเจน: คุณคือมัน คุณได้รับคํามั่นสัญญาว่าจะเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศนี้—A หนี้ที่จะไม่มีวันจ่าย
    เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศล้มละลายในปี พ.ศ.2476 ให้คํามั่นว่าจะเป็นคนอเมริกันทุกคน เป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ
    ประธานาธิบดีรูสเวลต์ โดยทาง คําสั่งผู้บริหาร 6073, 6102, 6111 และ 6260, ประกาศให้ประเทศล้มละลายและยึด ALL GOLD ความสามารถของประชาชนในการชําระหนี้ของตนเองถูกลบออกไปอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว [ดู: รายงานของวุฒิสภา 93-549, หน้า 187 และ 594 ภายใต้ “Trading With The Enemy Act.”]



    แต่รัฐบาลต้องจัดให้มี วิธีการใหม่ ของการชําระเงิน—สิ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาทองคํา แต่พวกเขาสร้างระบบที่เรียกว่า การยกเว้น
    ได้รับการยกเว้นจากอะไร? ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายอะไรเลย!
    ในทางปฏิบัติ นั่นหมายความว่าชาวอเมริกันทุกคนต้องได้รับ บางสิ่งบางอย่าง เพื่อชําระเงินด้วย—AND ว่าบางสิ่งคือเครดิตของคุณ
    คุณค่าของคุณต่อสังคมคํานวณโดยใช้ตารางคณิตศาสตร์ประกันภัย เมื่อแรกเกิด, พันธบัตรที่เท่ากับค่าเฉลี่ย “นี้ ” ถูกสร้างขึ้นและยังคงถูกสร้างขึ้น
    ทําความเข้าใจสิ่งนี้: ปัจจุบันพันธบัตรสูติบัตรของคุณคาดว่าจะมีมูลค่าระหว่างหนึ่งถึงสองล้านดอลลาร์
    พันธบัตรเหล่านี้ค้ําประกันโดยสูติบัตรของคุณ และเปลี่ยนเป็น ตราสารเปลี่ยนมือได้● พวกเขาถูกสมมุติฐานและซื้อขาย ซ้ําแล้วซ้ําเล่า จนกว่ามูลค่าของพวกมันจะไม่จํากัด


    เครดิตทั้งหมดนั้นเป็นของคุณในทางเทคนิคและถูกต้อง
    ในความเป็นจริง, คุณควรจะสามารถเดินเข้าไปในร้านค้าใด ๆ, รับสิ่งที่คุณต้องการ และบอกให้พนักงานเรียกเก็บเงินเข้าบัญชียกเว้นของคุณ
    บัญชีการยกเว้นนั้นจะถูกระบุโดย หมายเลขเก้าหลัก—หมายเลขประกันสังคมของคุณโดยไม่มีขีดกลาง
    หมายเลขนั้นเป็นของคุณ EIN (หมายเลขประจําตัวการยกเว้น)
    นี่คือความจริงที่เก็บไว้จากคุณมาตลอดชีวิต


    CERTIFICATE = ความเป็นเจ้าของ: การหลอกลวงทางกฎหมาย
    ก ใบรับรอง คือเอกสารกรรมสิทธิ์ ก ใบรับรองหุ้น หมายถึงความเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัท ก ใบรับรองที่ดิน หมายถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
    และคุณ สูติบัตร แสดงถึงความเป็นเจ้าของของคุณ
    รัฐบาลไม่ได้มองว่าพลเมืองเป็นบุคคลที่มีสิทธิโดยธรรมชาติ พวกเขามองว่าคุณเป็น ASSET— สิ่งที่ต้องเสียภาษี ติดตาม และควบคุม สูติบัตรทุกใบแสดงถึง เครื่องมือทางการเงิน ใช้ค้ําประกันหนี้ นี่คือรากฐานของเรือนจําเศรษฐกิจที่กดขี่คุณ


    ความไว้วางใจสูติบัตร: อธิบายความเป็นทาสทางเศรษฐกิจ
    อดีตประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ยอมรับความจริงด้วยคําพูดของเขาเอง:
    “เร็วๆ นี้ ชาวอเมริกันทุกคนจะต้องลงทะเบียนทรัพย์สินทางชีวภาพของตนในระบบระดับชาติ ซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตามผู้คน และจะดําเนินการภายใต้ระบบคํามั่นสัญญาแบบโบราณ ด้วยวิธีการดังกล่าว เราสามารถบังคับให้ผู้คนส่งวาระการประชุมของเรา ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยของเราในฐานะการคืนเงินสําหรับสกุลเงินกระดาษ FIAT ของเรา ชาวอเมริกันทุกคนจะถูกบังคับให้ลงทะเบียน หรือประสบ...”
    นี่คือเกม คุณเป็น ให้คํามั่นไว้แต่กําเนิด เพื่อเติมพลังให้กับเครื่องจักรทางการเงินของรัฐบาล


    คําเตือนสุดท้าย: ตื่นหรือยังคงเป็นทาส
    นี่ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว นี่มันเกี่ยวกับ ชีวิตของคุณ อิสรภาพของคุณ และอนาคตของคุณ● ระบบสูติบัตรคือ การหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์● มันได้เปลี่ยนทุกชีวิตให้กลายเป็น ทาสหนี้●
    คุณเกิดมาอย่างอิสระ แต่คุณเป็น ตีตราและจําหน่าย ก่อนที่คุณจะพูดได้
    ทางเลือกเป็นของคุณ คุณยังคงเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในระบบของพวกเขาหรือไม่? หรือคุณยึดอํานาจของคุณกลับคืนมาและทวงคืนอํานาจอธิปไตยของคุณ?
    ถึงเวลาที่จะต่อสู้กลับแล้ว!

    ..
    ..ประเทศไทยเราเองก็อาจเดินตามอเมริกาเช่นกัน,สูติบัตรเราคือการค้ำประกันหนี้แก่ประเทศไทย ,คือคนไทยทุกๆคนมีค่าตัวตั้งแต่เกืดมาทันทีหรือมีมูลค่าทันที,เพราะคนไทยคือทรัพย์สินมิใช่สิ่งมีชีวิต,ทาสก็ว่า เทียบใบหุ้นใบหนึ่งหรือตราสารหนี้ระดับชาติโดยค้ำประกันหนี้จากคนไทย,เพราะคนไทยคือแหล่งค้ำประกันหนี้คือสูติบัตรเราอ้างสมมุติไปทำแทนตัวเป็นๆ,อเมริกาสูติบัตรเขามีมูลค่าเป็นล้านเหรียญและปั่นจนกว่าพันล้านเหรียญ,คนไทยก็คงเช่นกันปั่นกว่าพันล้านถึงหมื่นล้านบาทแน่ๆต่อสูติบัตร1คน,ยิ่งมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ มีมูลน่าเชื่อได้,รัฐฐะทั่วโลกฝ่ายอีลิทชนชั้นสูงยึดปกครองหมด แน่นอนมันต้องวางหมากวางนโยบายปั่นตีตรามูลค่าสูติบัตรเป็นนโยบายหลักบังคับใช้ในทุกๆประเทศทั่วโลกที่มันปกครอง ไม่เว้นแม้แต่ไทยด้วย,ธนาคารมันอีลิทก็ต้นคิดก่อตั้งแม้ในไทยก็ด้วย,ตลาดหุ้นในไทยมันเองอีกที่ก่อการหัวคิดก่อตั้งในไทยให้ขี้ข้าสมุนรับใช้ในไทยเดินเนื้องานลงหน้างานดำเนินการเปิดให้ได้,พะสาสูติบัตรแน่นอนมันสร้างมูลลค่าแน่ๆและยิ่งฝ่ายดีถ้ามีและคิดอ่านทำอีก แสดงว่าฝ่ายไม่ดียิ่งเหี้ย หามุกโกงแดกฝ่ายดีที่ตั้งราคาหัวสูติบัตรคนบนโลกไว้,ฝ่ายไม่ดีอาสาทำงานให้ฝ่ายดีก็ว่า ,โดยขณะทำงานก็คตโกงสร้างมุกต่างๆวางหมากวางสนุ๊คต่างๆโกงตังชาวโลกก็ว่าในกองทุนกลางของโลกฝ่ายดีที่โอนตังให้ชาวโลกใช้หรือตั้งมูลค่าตังไว้แล้วว่าตลอดการเกิดถึงตาย คนแต่ละน่าจะใช้จ่ายตังดำรงชีพจนถึงตายคงประมาณนี้ ร้อยล้านพันล้านก็ว่าไป,พวกฝ่ายไม่ดีก็ล้างสมองมิให้เรารับรู้ผ่านผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆอย่าเปิดปากบอกคนพวกนี้นะก็ว่า,ก็เปิดธนาคาร ปล่อยกู้โดยเอาตังเราๆนั้นล่ะมาปล่อย กินสองทาง ทางตรงแดกจากกองทุนเช่นซื้อบ้านจ่าย10ล้าน กองทุนจ่ายทันที10ล้านโดยเราไม่รู้หรือหักผ่านกองทุนเราใครมันแต่ละคนที่ส่วนกลางกำหนดไว้แล้วอาทิคนละ1หมื่นล้านบาทในไทย หักอัตโนมัติซื้อบ้านที่ดินรถนั้นนี้โน้นตลอดชีพผ่านกองทุนใครมัน,แต่รัฐฐะที่ปกครองล้มเหลวผิดพลาดหมายแดก เสือกมิให้คนไทยรับรู้,หอบตังเหมารวมว่าเองอาจกว่าล้านล้านล้านบาท จากนั้นกระจายให้อีลิทกิจการขี้ข้าทาสซาตานเครือข่ายเต็มไทยไปทำ แบบแบงค์ก็ปล่อยกู้ กิน2ต่อ ต่อที่1กินจากทางตรงของกองทุนที่ว่า,ต่อที่2กินจากคนไทยคนนั้นล่ะมาซื้อมาผ่อนมาจ่ายค่าดาวน์ค่าผ่อนในอนาคตตลอด30ปีหรือกว่า50ปีที่ทำในสัญญาณผ่อนกับแบงค์ในค่าผ่อนน้อยๆใครผ่อนมากๆเดือนละ4-5หมื่นอาจหมด3-4ปีก็หมดหนี้บ้านหนี้รถหนี้ที่ดินที่ซื้อผ่อนกับแบงค์,ทั้งที่จริงๆรัฐฐะที่ดีหากทำถูกตรง ประชาชนจะไม่เสียตังอะไรใดๆโดยรัฐฐะจ่ายตรงหักผ่านกองทุนที่รัฐฐะดูแลบัญชีกองทุนแทนบุคคลนั้นๆทันที,ไม่อุ๊บอิ๊บกินเองร่วมกับเอกชนเครือข่ายฝ่ายไม่ดีก็ว่า, ..สูติบัตรเรามีมูลค่าแต่ฝ่ายไม่ดีมาปล้นมาชิงเอาไปจากความไม่รู้ของคนทั้งโลก นำโดยผู้นำผู้ปกครองในประเทศนั้นๆสมคบคิดกับโจรเหล่านี้ด้วย. ..คนไทยร่ำรวยเลยถ้าจริงแบบนี้,บ่อน้ำมันบ่อทองคำจะเสมือนเพียงตัวหลอก จริงๆอาจคือสมบัติร่วมสร้างโลกพัฒนาโลกวิวัฒนาการโลกไปทางดีงานแบ่งปันช่วยเหลือกันและกันหรือซึ่งกันและกันได้สบาย,ผลิตเกินส่วนไหน สามารถเอาส่วนเกินนั้นส่งไปช่วยเหลือพื้นที่ตรงจุดของโลกส่วนอื่นๆที่ผู้คนชาวโลกเรายังขาดแคลนได้เช่นอาหารการกินต่างๆพืชผักผลไม้ ไม่ต้องทำลายทิังได้ เผลอส่งเสริมการแลกเปลี่ยนซื้อขายต่อกันและกันในราคามิตรภาพอีก. . รัฐบาลใหญ่ เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย! โดย เมเดีย กรีเร่14 เมษายน 2568อัปเดต:19 พฤษภาคม 256849 เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย! พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน! หมายเหตุบรรณาธิการ: ข้อมูลที่แบ่งปันในเนื้อหานี้มีต้นกําเนิดมาจาก เรดดิต, วิกิพีเดีย และ X เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยชุมชนและสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ และความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ ฉันเพียงแบ่งปันเนื้อหานี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและไม่อ้างสิทธิ์การประพันธ์หรือความรับผิดชอบต่อเนื้อหา สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงเอกสาร—มันเป็น พันธบัตรมูลค่าหลายล้าน ซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ! รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเจ้าของคุณตั้งแต่แรกเกิด ตื่น และเรียนรู้ว่าคุณถูกขาย ถูกเอารัดเอาเปรียบ และ ทาส! อ่านตอนนี้ก่อนที่พวกเขาจะฝังความจริง! สูติบัตรของคุณ: การหลอกลวงขั้นสูงสุด – วิธีที่คุณถูกซื้อและขายตั้งแต่แรกเกิด โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นของทาสยุคใหม่- ตื่น! ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเข้าสู่โลกนี้ คุณตกเป็นทาส คุณไม่ยินยอม คุณไม่ได้รับทางเลือก คุณผูกพันกับระบบที่ทุจริตและร้ายกาจมากจนทําให้การดํารงอยู่ของคุณกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ นี่ไม่ใช่การคาดเดา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการบันทึกไว้และปฏิเสธไม่ได้ สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงบันทึก —it เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ คุณไม่ใช่บุคคลที่เป็นอิสระภายใต้กฎหมาย คุณเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นทรัพย์สินชิ้นหนึ่งในเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่ออกแบบมาเพื่อ ใช้ประโยชน์จากคุณ สูติบัตรของคุณ: การแสดงความเป็นเจ้าของขององค์กร เคยสงสัยไหมว่าทําไมคุณถึงต้องมีสูติบัตร? คิดดูสิ เมื่อเรือมาถึงท่าเรือ ก ใบรับรองรายการ ออกให้เพื่อจัดทําเอกสารสินค้า และเมื่อคุณเกิด คุณได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสินค้า มีการออกสูติบัตร—NOT เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความยินดี แต่เป็นสัญญาการเป็นเจ้าของ คุณเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ รัฐไม่เห็นคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอํานาจอธิปไตย คุณเป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้สร้างความมั่งคั่งให้กับชนชั้นสูง เหล่านั้น หมายเลขซีเรียลสีแดง ในสูติบัตรของคุณ? เป็นหมายเลขตลาดหลักทรัพย์ เป็นตัวเลขที่เชื่อมโยงกับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายบน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก● การดํารงอยู่ของคุณสร้างรายได้แล้ว พันธบัตรสูติบัตร: มีมูลค่านับพันล้านและคุณเป็นทาส คุณรู้ไหมว่าสูติบัตรของคุณถูกสร้างเป็นพันธบัตรมูลค่าหลายพันล้าน?! หากคุณสงสัยว่าพันธบัตรสูติบัตรคืออะไรขอให้ชัดเจน: คุณคือมัน คุณได้รับคํามั่นสัญญาว่าจะเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศนี้—A หนี้ที่จะไม่มีวันจ่าย เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศล้มละลายในปี พ.ศ.2476 ให้คํามั่นว่าจะเป็นคนอเมริกันทุกคน เป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ ประธานาธิบดีรูสเวลต์ โดยทาง คําสั่งผู้บริหาร 6073, 6102, 6111 และ 6260, ประกาศให้ประเทศล้มละลายและยึด ALL GOLD ความสามารถของประชาชนในการชําระหนี้ของตนเองถูกลบออกไปอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว [ดู: รายงานของวุฒิสภา 93-549, หน้า 187 และ 594 ภายใต้ “Trading With The Enemy Act.”] แต่รัฐบาลต้องจัดให้มี วิธีการใหม่ ของการชําระเงิน—สิ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาทองคํา แต่พวกเขาสร้างระบบที่เรียกว่า การยกเว้น ได้รับการยกเว้นจากอะไร? ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายอะไรเลย! ในทางปฏิบัติ นั่นหมายความว่าชาวอเมริกันทุกคนต้องได้รับ บางสิ่งบางอย่าง เพื่อชําระเงินด้วย—AND ว่าบางสิ่งคือเครดิตของคุณ คุณค่าของคุณต่อสังคมคํานวณโดยใช้ตารางคณิตศาสตร์ประกันภัย เมื่อแรกเกิด, พันธบัตรที่เท่ากับค่าเฉลี่ย “นี้ ” ถูกสร้างขึ้นและยังคงถูกสร้างขึ้น ทําความเข้าใจสิ่งนี้: ปัจจุบันพันธบัตรสูติบัตรของคุณคาดว่าจะมีมูลค่าระหว่างหนึ่งถึงสองล้านดอลลาร์ พันธบัตรเหล่านี้ค้ําประกันโดยสูติบัตรของคุณ และเปลี่ยนเป็น ตราสารเปลี่ยนมือได้● พวกเขาถูกสมมุติฐานและซื้อขาย ซ้ําแล้วซ้ําเล่า จนกว่ามูลค่าของพวกมันจะไม่จํากัด เครดิตทั้งหมดนั้นเป็นของคุณในทางเทคนิคและถูกต้อง ในความเป็นจริง, คุณควรจะสามารถเดินเข้าไปในร้านค้าใด ๆ, รับสิ่งที่คุณต้องการ และบอกให้พนักงานเรียกเก็บเงินเข้าบัญชียกเว้นของคุณ บัญชีการยกเว้นนั้นจะถูกระบุโดย หมายเลขเก้าหลัก—หมายเลขประกันสังคมของคุณโดยไม่มีขีดกลาง หมายเลขนั้นเป็นของคุณ EIN (หมายเลขประจําตัวการยกเว้น) นี่คือความจริงที่เก็บไว้จากคุณมาตลอดชีวิต CERTIFICATE = ความเป็นเจ้าของ: การหลอกลวงทางกฎหมาย ก ใบรับรอง คือเอกสารกรรมสิทธิ์ ก ใบรับรองหุ้น หมายถึงความเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัท ก ใบรับรองที่ดิน หมายถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และคุณ สูติบัตร แสดงถึงความเป็นเจ้าของของคุณ รัฐบาลไม่ได้มองว่าพลเมืองเป็นบุคคลที่มีสิทธิโดยธรรมชาติ พวกเขามองว่าคุณเป็น ASSET— สิ่งที่ต้องเสียภาษี ติดตาม และควบคุม สูติบัตรทุกใบแสดงถึง เครื่องมือทางการเงิน ใช้ค้ําประกันหนี้ นี่คือรากฐานของเรือนจําเศรษฐกิจที่กดขี่คุณ ความไว้วางใจสูติบัตร: อธิบายความเป็นทาสทางเศรษฐกิจ อดีตประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ยอมรับความจริงด้วยคําพูดของเขาเอง: “เร็วๆ นี้ ชาวอเมริกันทุกคนจะต้องลงทะเบียนทรัพย์สินทางชีวภาพของตนในระบบระดับชาติ ซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตามผู้คน และจะดําเนินการภายใต้ระบบคํามั่นสัญญาแบบโบราณ ด้วยวิธีการดังกล่าว เราสามารถบังคับให้ผู้คนส่งวาระการประชุมของเรา ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยของเราในฐานะการคืนเงินสําหรับสกุลเงินกระดาษ FIAT ของเรา ชาวอเมริกันทุกคนจะถูกบังคับให้ลงทะเบียน หรือประสบ...” นี่คือเกม คุณเป็น ให้คํามั่นไว้แต่กําเนิด เพื่อเติมพลังให้กับเครื่องจักรทางการเงินของรัฐบาล คําเตือนสุดท้าย: ตื่นหรือยังคงเป็นทาส นี่ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว นี่มันเกี่ยวกับ ชีวิตของคุณ อิสรภาพของคุณ และอนาคตของคุณ● ระบบสูติบัตรคือ การหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์● มันได้เปลี่ยนทุกชีวิตให้กลายเป็น ทาสหนี้● คุณเกิดมาอย่างอิสระ แต่คุณเป็น ตีตราและจําหน่าย ก่อนที่คุณจะพูดได้ ทางเลือกเป็นของคุณ คุณยังคงเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในระบบของพวกเขาหรือไม่? หรือคุณยึดอํานาจของคุณกลับคืนมาและทวงคืนอํานาจอธิปไตยของคุณ? ถึงเวลาที่จะต่อสู้กลับแล้ว! ..
    0 Comments 0 Shares 781 Views 0 Reviews
  • SEC ตั้งข้อหา Unicoin และผู้บริหารฐานฉ้อโกงนักลงทุน

    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ตั้งข้อหาบริษัทคริปโตเคอร์เรนซี Unicoin และผู้บริหารระดับสูง 3 คน รวมถึง CEO และประธานกรรมการ Alex Konanykhin ฐานให้ข้อมูลเท็จและทำให้เข้าใจผิด ซึ่งนำไปสู่การระดมทุน กว่า 100 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนหลายพันราย

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงของ Unicoin
    SEC ระบุว่า Unicoin ใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเพื่อดึงดูดนักลงทุน
    - บริษัท ให้ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับศักยภาพของเหรียญคริปโตและผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ

    Unicoin ระดมทุนได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนหลายพันราย
    - นักลงทุน ถูกชักจูงให้เชื่อว่าเหรียญมีมูลค่ามากกว่าความเป็นจริง

    Alex Konanykhin และผู้บริหารอีกสองคนถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง
    - SEC กำลังดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายและลงโทษผู้กระทำผิด

    คดีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี
    - นักลงทุน ต้องตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

    SEC ยังคงเพิ่มมาตรการตรวจสอบบริษัทคริปโตเพื่อป้องกันการฉ้อโกง
    - คาดว่า จะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบริษัทอื่น ๆ ที่ใช้กลยุทธ์คล้ายกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/21/sec-charges-unicoin-and-executives-for-fraud
    SEC ตั้งข้อหา Unicoin และผู้บริหารฐานฉ้อโกงนักลงทุน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ตั้งข้อหาบริษัทคริปโตเคอร์เรนซี Unicoin และผู้บริหารระดับสูง 3 คน รวมถึง CEO และประธานกรรมการ Alex Konanykhin ฐานให้ข้อมูลเท็จและทำให้เข้าใจผิด ซึ่งนำไปสู่การระดมทุน กว่า 100 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนหลายพันราย 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงของ Unicoin ✅ SEC ระบุว่า Unicoin ใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเพื่อดึงดูดนักลงทุน - บริษัท ให้ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับศักยภาพของเหรียญคริปโตและผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ ✅ Unicoin ระดมทุนได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนหลายพันราย - นักลงทุน ถูกชักจูงให้เชื่อว่าเหรียญมีมูลค่ามากกว่าความเป็นจริง ✅ Alex Konanykhin และผู้บริหารอีกสองคนถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง - SEC กำลังดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายและลงโทษผู้กระทำผิด ✅ คดีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี - นักลงทุน ต้องตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ✅ SEC ยังคงเพิ่มมาตรการตรวจสอบบริษัทคริปโตเพื่อป้องกันการฉ้อโกง - คาดว่า จะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบริษัทอื่น ๆ ที่ใช้กลยุทธ์คล้ายกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/21/sec-charges-unicoin-and-executives-for-fraud
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SEC charges Unicoin and executives for fraud
    (Reuters) -The U.S. Securities and Exchange Commission (SEC) on Wednesday charged cryptocurrency company Unicoin and three of its top executives, including its CEO and Board Chairman Alex Konanykhin, for false and misleading statements that raised more than $100 million from thousands of investors.
    0 Comments 0 Shares 378 Views 0 Reviews
More Results