• เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัคคีนุกูล จ.นครศรีธรรมราช ปี2538
    เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัคคีนุกูล ตำบลไสหร้า อำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ปี2538 // พระดีพิธีใหญ่ งานผูกพันธสีมา ฝังลูกนิมิต วัดสามัคคีนุกูล //พระสถาพสวยเดิมๆ ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >>

    ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >>

    ** พระสถาพสวยเดิมๆ ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัคคีนุกูล จ.นครศรีธรรมราช ปี2538 เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัคคีนุกูล ตำบลไสหร้า อำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ปี2538 // พระดีพิธีใหญ่ งานผูกพันธสีมา ฝังลูกนิมิต วัดสามัคคีนุกูล //พระสถาพสวยเดิมๆ ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >> ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >> ** พระสถาพสวยเดิมๆ ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช

    วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย

    สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช

    วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย

    สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 0 Reviews
  • นครปฐม - เปิดประวัติพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) ปัจจุบันอายุ 70 ปี ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเจ้าคณะภาค 14 เป็นพระนักพัฒนาและนักการศึกษาที่เคยได้รับรางวัลระดับชาติ และปริญญากิตติมศักดิ์หลายสถาบัน ก่อนจะตกเป็นข่าวฉาวในครั้งนี้ ซึ่งสังคมยังคงรอความกระจ่างจากผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อไป

    สำหรับ พระธรรมวชิรานุวัตร ชื่อเดิม แย้ม ฉายา กิตฺตินฺธโร เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองแม่กองธรรมสนามหลวง ประจำหนกลาง เจ้าคณะภาค 14 และดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จ.นครปฐม

    พระธรรมวชิรานุวัตร เดิมชื่อ แย้ม อินทร์กรุงเก่า เป็นบุตรของนายหยวก อินทร์กรุงเก่า และนางทวี ศรีบุญรอด เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ที่ บ้านคลองรางไทร ตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ขณะมีอายุได้ 12 ปี ณ วัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยมีพระปัญญาวิมลมุนี (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) วัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์

    ต่อมาเมื่ออายุได้ 21 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดไร่ขิง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2519 โดยมีพระปฐมนคราภิรักษ์ (ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม วัดวังตะกู อำเภอเมืองนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูไพศาลคณารักษ์ (ปราณี อินฺทวํโส) ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชวิสุทธาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภออำเภอสามพราน วัดไร่ขิง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุปจิตบุญวัฒน์ (บุญธรรม จารุวณฺโณ) วัดบางเลน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "กิตฺตินฺธโร"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000045372

    #MGROnline #วัดไร่ขิง #เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง #บาคาร่า
    นครปฐม - เปิดประวัติพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) ปัจจุบันอายุ 70 ปี ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเจ้าคณะภาค 14 เป็นพระนักพัฒนาและนักการศึกษาที่เคยได้รับรางวัลระดับชาติ และปริญญากิตติมศักดิ์หลายสถาบัน ก่อนจะตกเป็นข่าวฉาวในครั้งนี้ ซึ่งสังคมยังคงรอความกระจ่างจากผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อไป • สำหรับ พระธรรมวชิรานุวัตร ชื่อเดิม แย้ม ฉายา กิตฺตินฺธโร เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองแม่กองธรรมสนามหลวง ประจำหนกลาง เจ้าคณะภาค 14 และดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จ.นครปฐม • พระธรรมวชิรานุวัตร เดิมชื่อ แย้ม อินทร์กรุงเก่า เป็นบุตรของนายหยวก อินทร์กรุงเก่า และนางทวี ศรีบุญรอด เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ที่ บ้านคลองรางไทร ตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ขณะมีอายุได้ 12 ปี ณ วัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยมีพระปัญญาวิมลมุนี (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) วัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ • ต่อมาเมื่ออายุได้ 21 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดไร่ขิง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2519 โดยมีพระปฐมนคราภิรักษ์ (ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม วัดวังตะกู อำเภอเมืองนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูไพศาลคณารักษ์ (ปราณี อินฺทวํโส) ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชวิสุทธาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภออำเภอสามพราน วัดไร่ขิง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุปจิตบุญวัฒน์ (บุญธรรม จารุวณฺโณ) วัดบางเลน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "กิตฺตินฺธโร" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000045372 • #MGROnline #วัดไร่ขิง #เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง #บาคาร่า
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • 🏝️ เกาะแมวที่ญี่ปุ่น – สวรรค์ของทาสแมว 🐾
    ญี่ปุ่นมีหลายเกาะที่ได้รับฉายาว่า "เกาะแมว" เพราะมีประชากรแมวมากกว่าคน! 😻 หนึ่งในเกาะที่โด่งดังที่สุดคือ…

    🎯 เกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island - 青島)
    📍 ตั้งอยู่ในจังหวัดเอฮิเมะ (Ehime)
    จุดเด่นคือมีแมวจำนวนมากอาศัยอยู่ทั่วเกาะ เดินเล่นน่ารักๆ ทุกมุม ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตร 🐱

    ✨ จุดน่าสนใจ:
    – แมวเดินเล่นอย่างอิสระทั่วเกาะ 🐾
    – วิวธรรมชาติสวยงาม เงียบสงบ 🌊
    – ไม่มีโรงแรมหรือร้านอาหารบนเกาะ เหมาะสำหรับ one day trip เท่านั้น

    🚢 การเดินทาง:
    – นั่งเรือเฟอร์รี่จากเมืองนางาฮามะ (Nagahama) ไปยังเกาะอาโอชิมะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
    – เรือมีวันละรอบเดียวเท่านั้น ต้องวางแผนล่วงหน้า!

    ❗ ข้อควรรู้:
    – ห้ามให้อาหารแมวโดยตรง
    – โปรดรักษาความสะอาดและไม่รบกวนแมว

    ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/a32eb2

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์ญี่ปุ่น #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #เกาะแมวญี่ปุ่น #AoshimaIsland #CatIsland #ทาสแมวต้องมา #เที่ยวญี่ปุ่นไม่ซ้ำใคร #แมวเต็มเกาะ 😽⛴️🌸 #แมว #ทาสแมว
    🏝️ เกาะแมวที่ญี่ปุ่น – สวรรค์ของทาสแมว 🐾 ญี่ปุ่นมีหลายเกาะที่ได้รับฉายาว่า "เกาะแมว" เพราะมีประชากรแมวมากกว่าคน! 😻 หนึ่งในเกาะที่โด่งดังที่สุดคือ… 🎯 เกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island - 青島) 📍 ตั้งอยู่ในจังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) จุดเด่นคือมีแมวจำนวนมากอาศัยอยู่ทั่วเกาะ เดินเล่นน่ารักๆ ทุกมุม ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตร 🐱 ✨ จุดน่าสนใจ: – แมวเดินเล่นอย่างอิสระทั่วเกาะ 🐾 – วิวธรรมชาติสวยงาม เงียบสงบ 🌊 – ไม่มีโรงแรมหรือร้านอาหารบนเกาะ เหมาะสำหรับ one day trip เท่านั้น 🚢 การเดินทาง: – นั่งเรือเฟอร์รี่จากเมืองนางาฮามะ (Nagahama) ไปยังเกาะอาโอชิมะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที – เรือมีวันละรอบเดียวเท่านั้น ต้องวางแผนล่วงหน้า! ❗ ข้อควรรู้: – ห้ามให้อาหารแมวโดยตรง – โปรดรักษาความสะอาดและไม่รบกวนแมว ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/a32eb2 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ญี่ปุ่น #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #เกาะแมวญี่ปุ่น #AoshimaIsland #CatIsland #ทาสแมวต้องมา #เที่ยวญี่ปุ่นไม่ซ้ำใคร #แมวเต็มเกาะ 😽⛴️🌸 #แมว #ทาสแมว
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • กาตาร์เตรียมมอบ Boeing 747-8 สุดหรูให้รัฐบาลทรัมป์ ใช้เป็น Air Force One ลำใหม่.สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเตรียมรับมอบเครื่องบินเจ็ทสุดหรู Boeing 747-8 จากราชวงศ์กาตาร์ เพื่อนำไปดัดแปลงและใช้เป็น "Air Force One" ลำใหม่ โดยการส่งมอบครั้งนี้คาดว่าอยู่ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่การให้ของขวัญส่วนบุคคล.แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับ ABC News ว่า เครื่องบินลำนี้ได้รับฉายาว่า “พระราชวังลอยฟ้า” ด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราเหนือระดับ โดยทรัมป์เคยขึ้นไปชมเครื่องลำดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา.เจ้าหน้าที่ของกาตาร์ระบุว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงกลาโหมกาตาร์ และจะมอบให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อใช้งานทางการทหาร โดยเฉพาะสำหรับภารกิจของประธานาธิบดี.อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากหน่วยซีเคร็ทเซอร์วิสให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า การที่ต่างชาติมอบเครื่องบินให้ใช้งานในระดับผู้นำประเทศอาจเป็น “ฝันร้ายด้านความมั่นคง” เนื่องจากต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงระบบภายในทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกฝังอุปกรณ์จารกรรม.ทั้งนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ลงนามสั่งซื้อ Boeing 747-8I จำนวน 2 ลำ ภายใต้โครงการ VC-25B เพื่อมาแทนที่ฝูงบิน VC-25A เดิมที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี โดยอยู่ภายใต้สัญญามูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยแสดงความไม่พอใจต่อโบอิ้งจากปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินใหม่.การรับมอบเครื่องบินจากกาตาร์ครั้งนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางการเมือง สะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องถึงความโปร่งใสและความมั่นคงในระดับสูงสุดที่มา https://www.facebook.com/share/p/15h9it8GVW/?mibextid=wwXIfr
    กาตาร์เตรียมมอบ Boeing 747-8 สุดหรูให้รัฐบาลทรัมป์ ใช้เป็น Air Force One ลำใหม่.สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเตรียมรับมอบเครื่องบินเจ็ทสุดหรู Boeing 747-8 จากราชวงศ์กาตาร์ เพื่อนำไปดัดแปลงและใช้เป็น "Air Force One" ลำใหม่ โดยการส่งมอบครั้งนี้คาดว่าอยู่ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่การให้ของขวัญส่วนบุคคล.แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับ ABC News ว่า เครื่องบินลำนี้ได้รับฉายาว่า “พระราชวังลอยฟ้า” ด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราเหนือระดับ โดยทรัมป์เคยขึ้นไปชมเครื่องลำดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา.เจ้าหน้าที่ของกาตาร์ระบุว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงกลาโหมกาตาร์ และจะมอบให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อใช้งานทางการทหาร โดยเฉพาะสำหรับภารกิจของประธานาธิบดี.อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากหน่วยซีเคร็ทเซอร์วิสให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า การที่ต่างชาติมอบเครื่องบินให้ใช้งานในระดับผู้นำประเทศอาจเป็น “ฝันร้ายด้านความมั่นคง” เนื่องจากต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงระบบภายในทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกฝังอุปกรณ์จารกรรม.ทั้งนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ลงนามสั่งซื้อ Boeing 747-8I จำนวน 2 ลำ ภายใต้โครงการ VC-25B เพื่อมาแทนที่ฝูงบิน VC-25A เดิมที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี โดยอยู่ภายใต้สัญญามูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยแสดงความไม่พอใจต่อโบอิ้งจากปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินใหม่.การรับมอบเครื่องบินจากกาตาร์ครั้งนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางการเมือง สะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องถึงความโปร่งใสและความมั่นคงในระดับสูงสุดที่มา https://www.facebook.com/share/p/15h9it8GVW/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • รูปหล่อพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช
    รูปหล่อพ่อท่านคล้าย อุดกริ่ง เนื้อทองฝาบาตร วัดสวนขัน ต.สวนขัน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีใหญ่ พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดนครศรีธรรมราชมา ได้รับการยกย่องและขนานนามว่า “เทพเจ้าของคนใต้” // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >>

    ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช รูปหล่อพ่อท่านคล้าย อุดกริ่ง เนื้อทองฝาบาตร วัดสวนขัน ต.สวนขัน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีใหญ่ พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดนครศรีธรรมราชมา ได้รับการยกย่องและขนานนามว่า “เทพเจ้าของคนใต้” // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >> ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งเปิดเรือนจำอัลคาทราซอีกครั้งเพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดเหี้ยมและรุนแรงที่สุดในอเมริกา

    “วันนี้ ผมกำลังสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เอฟบีไอ และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเรือนจำอัลคาทราซที่ขยายใหญ่ขึ้นและสร้างขึ้นใหม่ เพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดร้ายและรุนแรงที่สุดในอเมริกา”
    .

    เกี่ยวกับ "อัลคาทราซ"

    เรือนจำอัลคาทราซ เป็นอดีตเรือนจำซึ่งตั้งอยู่บนเกาะนอกชายฝั่งซานฟรานซิสโก ที่ปิดมานานกว่า 60 ปี โดยปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2506 และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

    ในปี 1962 นักโทษชายสามคนประสบผลสำเร็จในการหลบหนีออกจากเรือนจำ “อัลคาทราซ” (Alcatraz) สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดของสหรัฐ ประกอบไปด้วย แฟรงก์ มอร์ริส และสองพี่น้องตระกูลแอนกลิน

    เริ่มต้นนั้น "อัลคาทราซ" คือป้อมปืนของกองทัพเรือ ซึ่งใช้ป้องกันศัตรูไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำของอ่าวซานฟรานซิสโก

    ต่อมาในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ถูกดัดแปลงใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่เป็นฝ่ายสมาพันธรัฐ เนื่องจากเป็นเกาะที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและมีหน้าผาสูงชัน ทั้งยังมีกระแสน้ำเย็นยะเยือกที่ไหลเชี่ยวล้อมรอบ

    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการปรับปรุงป้อมปราการเก่าให้กลายเป็นเรือนจำทหาร และต่อมาในช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจัดการกับบรรดาแก๊งอาชญากรรมที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เพราะนโยบายห้ามผลิตและค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Prohibition) กระทรวงยุติธรรมได้เข้าควบคุมเรือนจำอัลคาทราซ และเริ่มโยกย้ายนักโทษตัวอันตรายที่อยู่ในระบบเรือนจำของรัฐบาลกลางมาที่นั่น ในจำนวนนี้มีอาชญากรชื่อดังอย่างเจ้าพ่ออัลคาโปน, มิกกี โคเฮน, จอร์จ เคลลี เจ้าของฉายา “ปืนกล”, และฆาตกรตัวฉกาจอย่างโรเบิร์ต สตราวด์ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “คนเลี้ยงนกแห่งอัลคาทราซ” (Birdman of Alcatraz)

    รายละเอียดเพิ่มเติม
    https://www.bbc.com/thai/articles/cv225351q59o

    ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งเปิดเรือนจำอัลคาทราซอีกครั้งเพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดเหี้ยมและรุนแรงที่สุดในอเมริกา “วันนี้ ผมกำลังสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เอฟบีไอ และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเรือนจำอัลคาทราซที่ขยายใหญ่ขึ้นและสร้างขึ้นใหม่ เพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดร้ายและรุนแรงที่สุดในอเมริกา” . เกี่ยวกับ "อัลคาทราซ" เรือนจำอัลคาทราซ เป็นอดีตเรือนจำซึ่งตั้งอยู่บนเกาะนอกชายฝั่งซานฟรานซิสโก ที่ปิดมานานกว่า 60 ปี โดยปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2506 และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ในปี 1962 นักโทษชายสามคนประสบผลสำเร็จในการหลบหนีออกจากเรือนจำ “อัลคาทราซ” (Alcatraz) สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดของสหรัฐ ประกอบไปด้วย แฟรงก์ มอร์ริส และสองพี่น้องตระกูลแอนกลิน เริ่มต้นนั้น "อัลคาทราซ" คือป้อมปืนของกองทัพเรือ ซึ่งใช้ป้องกันศัตรูไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำของอ่าวซานฟรานซิสโก ต่อมาในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ถูกดัดแปลงใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่เป็นฝ่ายสมาพันธรัฐ เนื่องจากเป็นเกาะที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและมีหน้าผาสูงชัน ทั้งยังมีกระแสน้ำเย็นยะเยือกที่ไหลเชี่ยวล้อมรอบ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการปรับปรุงป้อมปราการเก่าให้กลายเป็นเรือนจำทหาร และต่อมาในช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจัดการกับบรรดาแก๊งอาชญากรรมที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เพราะนโยบายห้ามผลิตและค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Prohibition) กระทรวงยุติธรรมได้เข้าควบคุมเรือนจำอัลคาทราซ และเริ่มโยกย้ายนักโทษตัวอันตรายที่อยู่ในระบบเรือนจำของรัฐบาลกลางมาที่นั่น ในจำนวนนี้มีอาชญากรชื่อดังอย่างเจ้าพ่ออัลคาโปน, มิกกี โคเฮน, จอร์จ เคลลี เจ้าของฉายา “ปืนกล”, และฆาตกรตัวฉกาจอย่างโรเบิร์ต สตราวด์ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “คนเลี้ยงนกแห่งอัลคาทราซ” (Birdman of Alcatraz) รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bbc.com/thai/articles/cv225351q59o
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 397 Views 0 Reviews
  • "ทราย สก๊อต"ไปเหยียบตีนใคร ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในทะเลไทย
    .
    “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตต์แลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทรายเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกาและเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเล 30 กม.ได้รับฉายาเป็น“อควาแมนเมืองไทย” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯนายอรรถพล เจริญชันษา เมื่อต้นปี 2567 ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ รักษ์ทะเล จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และสื่อสารเก่งผ่านโซเชียล
    .
    เขาทำงานเชิงรุกในภาคสนามอย่างเข้มข้น ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผ่อนปรน ยอมหักไม่ยอมงอ ทั้งเตือนนักท่องเที่ยว ใช้กฎหมายจัดการผู้ละเมิดกฎอุทยาน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเรือหรือไกด์ทัวร์ที่ให้อาหารสัตว์ทะเลหรือเหยียบปะการัง จนเกิดความไม่พอใจจากบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำคอนเทนต์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพูดจาเหยียดหยามเจ้าหน้าที่
    .
    เหตุการณ์เริ่มต้นจากคลิป “หนีห่าว” ที่ทรายเข้าไปตักเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดจาเหยียดคนไทย ตามด้วยคดีฟ้องหมิ่นประมาทจากบริษัทเรือ ก่อกระแสโต้กลับหนักบนโซเชียลและในวงราชการ กระทั่งวันที่ 21 เม.ย. 2568 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาตินายอรรถพล เจริญชันษา มีคำสั่งปลดทรายออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า “มีความประพฤติไม่เหมาะสม เตือนแล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้”
    .
    สังคมออนไลน์กลับมองต่าง ช่วยกันติดแฮชแท็ก #Saveทราย #คืนทรายให้ทะเล พร้อมตั้งคำถามว่า “เขาไปเหยียบตีนใครหรือเปล่า?” เพราะสิ่งที่ทรายพูดอาจเป็นการสะกิดรอยรั่วของระบบอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่ “ทำเงิน”ในอุทยานทางทะเล 4 แห่งคืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดกระบี่, อุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ก็ฟาดไปกว่าปีละ 500 ล้านบาท
    .
    ทรายยืนยันว่า “ไม่ได้ล้ำเส้น แค่ใช้กฎให้ถูกต้อง” พร้อมเปรยว่า “ผมเห็นเยอะเกินไป” เป็นประโยคที่หลายคนตีความว่า เขาอาจสัมผัสปัญหาหรือความหย่อนยานเชิงโครงสร้างในระบบราชการที่ไม่มีใครกล้าพูด
    .
    ขบวนการผลประโยชน์ที่ "ทราย สก๊อต" มองเห็นอยู่ ย่อมไม่มีผลดีต่อพวกที่คิดชั่ว ทำชั่วระบบเวียนตั๋ว-อุปถัมภ์-ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ใช่แค่โกงตั๋ว ยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่อแววเอื้อพวกพ้อง ทั้งที่รายได้จากอุทยานทั่วประเทศปี 2567 พุ่งถึง 2,200 ล้านบาท แต่สวัสดิการพื้นฐานของเจ้าหน้าที่อุทยาน เช่น ประกันภัยยังแทบไม่มี “ทราย สก๊อต” เคยเสนอแนวคิดใช้เงินตรงนี้ดูแลคนทำงานจริง กลับถูกต้านจากระบบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวจริงเป็น "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลัง คือตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
    .
    นี่ล่ะ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณี "หนีห่าว" ของ "ทราย สก๊อต" ที่ไม่ได้จบแค่เรื่องการเหยียดคนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์นับพันล้านของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเงื้อมมือของข้าราชการและนักการเมืองที่ตัดไม่ได้ขายไม่ออกด้วย
    .
    สำหรับคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้น ท่านก็เคยมีวีรกรรมของท่านมากมายเหลือเกินสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วก็มีเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการสั่งซื้อเรือราคาหลายร้อยล้านบาทนั้น มันออกมาจากคนไหน ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย เป็นคนกระซิบคุณอริยะ เชื้อชม ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ผมรู้แต่ว่า คุณเฉลิมชัย อยู่ที่ไหน ที่นั่นไม่ค่อยจะสงบสุขเลย
    "ทราย สก๊อต"ไปเหยียบตีนใคร ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในทะเลไทย . “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตต์แลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทรายเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกาและเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเล 30 กม.ได้รับฉายาเป็น“อควาแมนเมืองไทย” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯนายอรรถพล เจริญชันษา เมื่อต้นปี 2567 ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ รักษ์ทะเล จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และสื่อสารเก่งผ่านโซเชียล . เขาทำงานเชิงรุกในภาคสนามอย่างเข้มข้น ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผ่อนปรน ยอมหักไม่ยอมงอ ทั้งเตือนนักท่องเที่ยว ใช้กฎหมายจัดการผู้ละเมิดกฎอุทยาน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเรือหรือไกด์ทัวร์ที่ให้อาหารสัตว์ทะเลหรือเหยียบปะการัง จนเกิดความไม่พอใจจากบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำคอนเทนต์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพูดจาเหยียดหยามเจ้าหน้าที่ . เหตุการณ์เริ่มต้นจากคลิป “หนีห่าว” ที่ทรายเข้าไปตักเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดจาเหยียดคนไทย ตามด้วยคดีฟ้องหมิ่นประมาทจากบริษัทเรือ ก่อกระแสโต้กลับหนักบนโซเชียลและในวงราชการ กระทั่งวันที่ 21 เม.ย. 2568 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาตินายอรรถพล เจริญชันษา มีคำสั่งปลดทรายออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า “มีความประพฤติไม่เหมาะสม เตือนแล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้” . สังคมออนไลน์กลับมองต่าง ช่วยกันติดแฮชแท็ก #Saveทราย #คืนทรายให้ทะเล พร้อมตั้งคำถามว่า “เขาไปเหยียบตีนใครหรือเปล่า?” เพราะสิ่งที่ทรายพูดอาจเป็นการสะกิดรอยรั่วของระบบอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่ “ทำเงิน”ในอุทยานทางทะเล 4 แห่งคืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดกระบี่, อุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ก็ฟาดไปกว่าปีละ 500 ล้านบาท . ทรายยืนยันว่า “ไม่ได้ล้ำเส้น แค่ใช้กฎให้ถูกต้อง” พร้อมเปรยว่า “ผมเห็นเยอะเกินไป” เป็นประโยคที่หลายคนตีความว่า เขาอาจสัมผัสปัญหาหรือความหย่อนยานเชิงโครงสร้างในระบบราชการที่ไม่มีใครกล้าพูด . ขบวนการผลประโยชน์ที่ "ทราย สก๊อต" มองเห็นอยู่ ย่อมไม่มีผลดีต่อพวกที่คิดชั่ว ทำชั่วระบบเวียนตั๋ว-อุปถัมภ์-ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ใช่แค่โกงตั๋ว ยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่อแววเอื้อพวกพ้อง ทั้งที่รายได้จากอุทยานทั่วประเทศปี 2567 พุ่งถึง 2,200 ล้านบาท แต่สวัสดิการพื้นฐานของเจ้าหน้าที่อุทยาน เช่น ประกันภัยยังแทบไม่มี “ทราย สก๊อต” เคยเสนอแนวคิดใช้เงินตรงนี้ดูแลคนทำงานจริง กลับถูกต้านจากระบบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวจริงเป็น "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลัง คือตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ . นี่ล่ะ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณี "หนีห่าว" ของ "ทราย สก๊อต" ที่ไม่ได้จบแค่เรื่องการเหยียดคนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์นับพันล้านของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเงื้อมมือของข้าราชการและนักการเมืองที่ตัดไม่ได้ขายไม่ออกด้วย . สำหรับคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้น ท่านก็เคยมีวีรกรรมของท่านมากมายเหลือเกินสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วก็มีเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการสั่งซื้อเรือราคาหลายร้อยล้านบาทนั้น มันออกมาจากคนไหน ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย เป็นคนกระซิบคุณอริยะ เชื้อชม ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ผมรู้แต่ว่า คุณเฉลิมชัย อยู่ที่ไหน ที่นั่นไม่ค่อยจะสงบสุขเลย
    Like
    Love
    19
    1 Comments 0 Shares 1448 Views 0 Reviews
  • 78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅

    เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า?

    เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥

    เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก

    "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ"

    “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี

    😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5”

    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน

    แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨

    ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป

    สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน

    🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️

    “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ”

    🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน

    เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ

    “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ”

    🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง

    จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน”

    สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา

    📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก...

    ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌

    แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล”

    😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร

    “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้

    เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ

    🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร

    🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ

    🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่...

    เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า”

    คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓

    ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ?

    ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง?

    ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว?

    🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ
    แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี

    เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568

    📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅 เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า? เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥 เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ" “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี 😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5” ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨 ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน 🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️ “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ” 🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ” 🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน” สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา 📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก... ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล” 😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้ เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ 🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร 🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ 🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่... เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า” คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓ ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ? ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง? ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว? 🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568 📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    0 Comments 0 Shares 695 Views 0 Reviews
  • [ ราชอาณาจักร​ภูฏาน ประดับพระบรมฉายาลักษณ์​ และธงชาติไทย เตรียม​การรับเสด็จ​ฯ ในหลวง-พระราชินี ]
    .
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือน ราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๕- ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน

    https://web.facebook.com/share/p/1EbSg5mS71/
    [ ราชอาณาจักร​ภูฏาน ประดับพระบรมฉายาลักษณ์​ และธงชาติไทย เตรียม​การรับเสด็จ​ฯ ในหลวง-พระราชินี ] . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือน ราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๕- ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน https://web.facebook.com/share/p/1EbSg5mS71/
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 Comments 0 Shares 794 Views 0 Reviews
  • ถือเป็นอีกหนึ่งทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อันร้อนแรงบนสังคมโซเชียลบ้านเราต่อกรณี “ทราย สก๊อต” ที่แม้จะถูกปลดออกจากหน้าที่ แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ที่ทำมาหากินกับท้องทะเลไทยในพื้นที่ได้อย่างใหญ่หลวง

    “ทราย สก๊อต” หรือ “สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี” เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-สก๊อตแลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของจำนง ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกา

    ทราย สก๊อต สร้างชื่อจากการเป็นเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเลข้ามเกาะโดยไม่ใช่เครื่องช่วยชีวิตรวดเดียว 30 กิโลเมตร จนได้รับฉายาว่า “อควาแมนเมืองไทย” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งอินฟลูคนดังด้านการอนุรักษ์ท้องทะเลของเมืองไทย

    ทราย สก๊อต ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 ซึ่งเขาถูกยกให้เป็นนักอนุรักษ์ทะเลไทยรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็น เป็นลูกคนรวย เก่ง มีการศึกษาดี ภาษาอังกฤษเยี่ยม และเชี่ยวชาญในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียล

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000037394

    #MGROnline #ทรายสก๊อต #อุทยาน #ทะเลภาคใต้ #กรมอุทยานแห่งชาติ
    ถือเป็นอีกหนึ่งทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อันร้อนแรงบนสังคมโซเชียลบ้านเราต่อกรณี “ทราย สก๊อต” ที่แม้จะถูกปลดออกจากหน้าที่ แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ที่ทำมาหากินกับท้องทะเลไทยในพื้นที่ได้อย่างใหญ่หลวง • “ทราย สก๊อต” หรือ “สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี” เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-สก๊อตแลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของจำนง ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกา • ทราย สก๊อต สร้างชื่อจากการเป็นเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเลข้ามเกาะโดยไม่ใช่เครื่องช่วยชีวิตรวดเดียว 30 กิโลเมตร จนได้รับฉายาว่า “อควาแมนเมืองไทย” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งอินฟลูคนดังด้านการอนุรักษ์ท้องทะเลของเมืองไทย • ทราย สก๊อต ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 ซึ่งเขาถูกยกให้เป็นนักอนุรักษ์ทะเลไทยรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็น เป็นลูกคนรวย เก่ง มีการศึกษาดี ภาษาอังกฤษเยี่ยม และเชี่ยวชาญในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียล • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000037394 • #MGROnline #ทรายสก๊อต #อุทยาน #ทะเลภาคใต้ #กรมอุทยานแห่งชาติ
    0 Comments 0 Shares 513 Views 0 Reviews
  • ผ้ายันต์เกราะเพชร วัดบ่อหิน จ.ยะลา
    ผ้ายันต์เกราะเพชร ขนาดพกพาติดตัว ความสูงประมาณ 5 นิ้ว วัดบ่อหิน อ.ธารโต จ.ยะลา // พระดีพิธีใหญ่ มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายหลวงพ่อทวด-สายเขาอ้อ ร่วมกันประกอบพิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ "แคล้วคาดปลอดภัย" เมตตามหานิยม กันคุณไสย์ แคล้วคลาดจากภยันตราย หนุนดวง เสริมบารมี การงาน การเงิน ป้องกันคุณไสย์ คนคิดร้ายจะแพ้ภัยตัวเอง ...

    ** ผ้ายันต์เกราะเพชร วัดบ่อหิน อ.ธารโต จ.ยะลา เกจิดังภาคใต้ร่วมอธิษฐานจิต ที่วัดบ่อหินยะลา หลวงพ่อภัตร อริโย ฉายา “เทพสามตา” เจ้าอาวาสวัดนาทวี และเกจิดังอีกหลายรูปทางภาคใต้ ร่วมพิธีอธิษฐานจิต ประกอบด้วย พระอาจารย์แดง แห่งวัดไร่ พระอาจารย์เกียรติ แห่งวัดหาดใหญ่ใน เป็นต้น โดยในพิธีมี พระธรรมวงศาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ พร้อมด้วยประชาชนที่เข้ามาร่วมในพิธีอีกจำนวนมาก >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    ผ้ายันต์เกราะเพชร วัดบ่อหิน จ.ยะลา ผ้ายันต์เกราะเพชร ขนาดพกพาติดตัว ความสูงประมาณ 5 นิ้ว วัดบ่อหิน อ.ธารโต จ.ยะลา // พระดีพิธีใหญ่ มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายหลวงพ่อทวด-สายเขาอ้อ ร่วมกันประกอบพิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ "แคล้วคาดปลอดภัย" เมตตามหานิยม กันคุณไสย์ แคล้วคลาดจากภยันตราย หนุนดวง เสริมบารมี การงาน การเงิน ป้องกันคุณไสย์ คนคิดร้ายจะแพ้ภัยตัวเอง ... ** ผ้ายันต์เกราะเพชร วัดบ่อหิน อ.ธารโต จ.ยะลา เกจิดังภาคใต้ร่วมอธิษฐานจิต ที่วัดบ่อหินยะลา หลวงพ่อภัตร อริโย ฉายา “เทพสามตา” เจ้าอาวาสวัดนาทวี และเกจิดังอีกหลายรูปทางภาคใต้ ร่วมพิธีอธิษฐานจิต ประกอบด้วย พระอาจารย์แดง แห่งวัดไร่ พระอาจารย์เกียรติ แห่งวัดหาดใหญ่ใน เป็นต้น โดยในพิธีมี พระธรรมวงศาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ พร้อมด้วยประชาชนที่เข้ามาร่วมในพิธีอีกจำนวนมาก >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ จ.ลพบุรี ปี2540
    เหรียญหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ปี2540 //พระดีพิธีใหญ๋ ฉลองอำเภอ มหาลาภ ร่ำรวย ปลดหนี้ // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ทำมาค้าขายขึ้น มีโชคมีลาภ ค้าขายดี ทำมาหากินร่ำรวยเงินทอง ปลดหนี้เรียกทรัพย์ >>

    ** หลวงปู่บุญตา พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ วัดคลองเกตุ เป็นวัดที่ได้รับการพัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด จนเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน และวัดคลองเกตุมีชื่อเสียงมากในเรื่องของความโด่งดังเรื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่บุญตา “วิสุทธสีโล”คือฉายาของหลวงปู่บุญตา "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์" หลวงปู่ท่านเป็นพระเถรวาทผู้มีเมตตาและบารมีอันสูงส่ง หลวงปู่บุญตาเป็นพระเกจิที่มีลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนมากมายให้การเคารพและนับถือท่านเป็นจำนวนมาก >>


    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ จ.ลพบุรี ปี2540 เหรียญหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ปี2540 //พระดีพิธีใหญ๋ ฉลองอำเภอ มหาลาภ ร่ำรวย ปลดหนี้ // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ทำมาค้าขายขึ้น มีโชคมีลาภ ค้าขายดี ทำมาหากินร่ำรวยเงินทอง ปลดหนี้เรียกทรัพย์ >> ** หลวงปู่บุญตา พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ วัดคลองเกตุ เป็นวัดที่ได้รับการพัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด จนเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน และวัดคลองเกตุมีชื่อเสียงมากในเรื่องของความโด่งดังเรื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่บุญตา “วิสุทธสีโล”คือฉายาของหลวงปู่บุญตา "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์" หลวงปู่ท่านเป็นพระเถรวาทผู้มีเมตตาและบารมีอันสูงส่ง หลวงปู่บุญตาเป็นพระเกจิที่มีลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนมากมายให้การเคารพและนับถือท่านเป็นจำนวนมาก >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นมงคลทักษิณ พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ จ.นครศรีธรรมราช ปี2540
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นมงคลทักษิณ (ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก) พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ จ.นครศรีธรรมราช ปี2540 // พระดีพิธีใหญ่ พ่อท่านสังข์เป็นพระอริยสงฆ์แดนใต้ ฉายา ”เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำปากพนัง” //พระสถาพสวยมากพร้อมกล่องเดิม ๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เข้มขลัง สุดยอดยิ่งนัก เมตตามหานิยม มีเสน่ห์ในการผูกไมตรีกับผู้คน การเจรจาค้าความเป็นเลิศ อยู่เย็นเป็นสุข ประสบโชคชัยสวัสดี ทำกิจการอันใดมีแต่เจริญรุ่งเรือง หายจากอาการเจ็บป่วยไข้ และให้มีโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง >>

    ** ”พ่อท่านสังข์” เป็นพระอริยสงฆ์แดนใต้ สุดยอดเกจิดังที่ได้รับการยกย่องเป็น ”เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำปากพนัง” ได้ละสังขารไปตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. 2547 หรือ 13 ปีที่ผ่านมา โดยคณะศิษยานุศิษย์ได้อัญเชิญสรีระของหลวงปู่สังข์ไว้ในโลงแก้ว แม้ระยะเวลาผ่านมานานถึง 13 ปี แต่สรีระของหลวงปู่สังข์ยังไม่เน่าเปื่อย >>

    ** พระสถาพสวยมากพร้อมกล่องเดิม ๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นมงคลทักษิณ พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ จ.นครศรีธรรมราช ปี2540 เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นมงคลทักษิณ (ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก) พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ จ.นครศรีธรรมราช ปี2540 // พระดีพิธีใหญ่ พ่อท่านสังข์เป็นพระอริยสงฆ์แดนใต้ ฉายา ”เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำปากพนัง” //พระสถาพสวยมากพร้อมกล่องเดิม ๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เข้มขลัง สุดยอดยิ่งนัก เมตตามหานิยม มีเสน่ห์ในการผูกไมตรีกับผู้คน การเจรจาค้าความเป็นเลิศ อยู่เย็นเป็นสุข ประสบโชคชัยสวัสดี ทำกิจการอันใดมีแต่เจริญรุ่งเรือง หายจากอาการเจ็บป่วยไข้ และให้มีโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง >> ** ”พ่อท่านสังข์” เป็นพระอริยสงฆ์แดนใต้ สุดยอดเกจิดังที่ได้รับการยกย่องเป็น ”เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำปากพนัง” ได้ละสังขารไปตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. 2547 หรือ 13 ปีที่ผ่านมา โดยคณะศิษยานุศิษย์ได้อัญเชิญสรีระของหลวงปู่สังข์ไว้ในโลงแก้ว แม้ระยะเวลาผ่านมานานถึง 13 ปี แต่สรีระของหลวงปู่สังข์ยังไม่เน่าเปื่อย >> ** พระสถาพสวยมากพร้อมกล่องเดิม ๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • เนสกาแฟจ่อขาดตลาด ศาลสั่งห้ามผลิต-ขาย

    สร้างความตกใจแก่ผู้บริโภค เมื่อบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ศาลแพ่งมีนบุรีออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปโดยใช้เครื่องหมายการค้าเนสกาแฟ (Nescafé) ในประเทศไทย หลังจากนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ทายาทรุ่น 2 ของนายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าของฉายา "เจ้าพ่อเนสกาแฟ" ฟ้องดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่และกรรมการ 2 คดี เป็นผลทำให้บริษัทฯ จะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าปลีกต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ระหว่างนี้ร้านค้าปลีกที่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟอยู่ในร้าน ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ

    เนสท์เล่ กล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่า ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านกาแฟขนาดเล็ก และรถเข็นขายกาแฟจะสูญเสียรายได้ เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจำหน่าย หากปรับเปลี่ยนสูตรการชงและวัตถุดิบที่ใช้ อาจส่งผลต่อรสชาติที่เปลี่ยนไป กระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งพนักงานของลูกค้าและคู่ค้าซัพพลายเออร์ ที่เคยสามารถจัดส่งวัตถุดิบต่างๆ ให้กับเนสกาแฟต้องหยุดชะงักลง ส่งผลให้ขาดรายได้ เกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟ และเกษตรกรโคนมในไทยจะไม่สามารถจำหน่ายวัตถุดิบให้เนสกาแฟได้ ซึ่งทุกปีจะรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบพันธุ์โรบัสต้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้บริโภคหลายล้านคนในประเทศไทย และผู้บริโภคในตลาดส่งออกของเนสกาแฟจะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟดื่ม

    "เนสท์เล่ จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขสถานการณ์นี้ และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวต่อศาล พร้อมยื่นข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อการพิจารณาคำร้อง" แถลงการณ์ ระบุ

    เนสกาแฟวางตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2533-2567 ผลิตโดย บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนในสัดส่วนคนละครึ่ง ระหว่างเนสท์เล่ กับตระกูลมหากิจศิริ นำโดยนายประยุทธ มหากิจศิริ แต่อำนาจในการบริหารงานการผลิต การจัดจำหน่าย รวมทั้งการทำการตลาด เป็นของเนสท์เล่ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเนสกาแฟ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่

    เนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญากับบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส เมื่อปี 2564 และศาลอนุญาโตตุลาการสากลตัดสินแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2567 แต่หลังยุติสัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เนสท์เล่จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส แต่เมื่อเดือน มี.ค.-เม.ย. 2568 นายเฉลิมชัยฟ้องศาลแพ่งมีนบุรี ก่อนจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว

    #Newskit
    เนสกาแฟจ่อขาดตลาด ศาลสั่งห้ามผลิต-ขาย สร้างความตกใจแก่ผู้บริโภค เมื่อบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ศาลแพ่งมีนบุรีออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปโดยใช้เครื่องหมายการค้าเนสกาแฟ (Nescafé) ในประเทศไทย หลังจากนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ทายาทรุ่น 2 ของนายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าของฉายา "เจ้าพ่อเนสกาแฟ" ฟ้องดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่และกรรมการ 2 คดี เป็นผลทำให้บริษัทฯ จะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าปลีกต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ระหว่างนี้ร้านค้าปลีกที่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟอยู่ในร้าน ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ เนสท์เล่ กล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่า ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านกาแฟขนาดเล็ก และรถเข็นขายกาแฟจะสูญเสียรายได้ เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจำหน่าย หากปรับเปลี่ยนสูตรการชงและวัตถุดิบที่ใช้ อาจส่งผลต่อรสชาติที่เปลี่ยนไป กระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งพนักงานของลูกค้าและคู่ค้าซัพพลายเออร์ ที่เคยสามารถจัดส่งวัตถุดิบต่างๆ ให้กับเนสกาแฟต้องหยุดชะงักลง ส่งผลให้ขาดรายได้ เกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟ และเกษตรกรโคนมในไทยจะไม่สามารถจำหน่ายวัตถุดิบให้เนสกาแฟได้ ซึ่งทุกปีจะรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบพันธุ์โรบัสต้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้บริโภคหลายล้านคนในประเทศไทย และผู้บริโภคในตลาดส่งออกของเนสกาแฟจะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟดื่ม "เนสท์เล่ จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขสถานการณ์นี้ และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวต่อศาล พร้อมยื่นข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อการพิจารณาคำร้อง" แถลงการณ์ ระบุ เนสกาแฟวางตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2533-2567 ผลิตโดย บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนในสัดส่วนคนละครึ่ง ระหว่างเนสท์เล่ กับตระกูลมหากิจศิริ นำโดยนายประยุทธ มหากิจศิริ แต่อำนาจในการบริหารงานการผลิต การจัดจำหน่าย รวมทั้งการทำการตลาด เป็นของเนสท์เล่ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเนสกาแฟ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่ เนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญากับบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส เมื่อปี 2564 และศาลอนุญาโตตุลาการสากลตัดสินแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2567 แต่หลังยุติสัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เนสท์เล่จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส แต่เมื่อเดือน มี.ค.-เม.ย. 2568 นายเฉลิมชัยฟ้องศาลแพ่งมีนบุรี ก่อนจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว #Newskit
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 559 Views 0 Reviews
  • เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ

    สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย

    อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม

    #Newskit
    เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 787 Views 0 Reviews
  • เหรียญสมเด็จพระสังฆราช ปุ่น ปุณณสิริ
    เหรียญสมเด็จพระสังฆราช ปุ่น ปุณณสิริ หลังเรียบ เนื้อทองแดง // พระสถาพสวย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี >>

    ** สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ พระนามเดิม ปุ่น สุขเจริญ ฉายา ปุณฺณสิริ เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บริหารการคณะสงฆ์ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดโสธรวราราม และในตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการ ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ตามประกาสสถาปนาสมณศักดิ์นั้นแล้ว นอกจากนี้ยังวิตกถึงวัดที่เป็นพระอารามหลวง ซึ่งชำรุดทรุดโทรมเป็นจำนวนมาก ปรารภในที่ประชุมพระสังฆาธิการของกรุงเทพมหานคร มีพระประสงค์จะให้วัดเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น สร้างกำแพงหรือรั้วกั้นเขตวัด เมื่อทุเลาจากการประชวรคราวแรก ได้เสด็จไปตรวจเยี่ยมวัดราชโอรสาราม และวัดชัยพฤกษมาลา ที่ได้ตั้งพระเถระไปเป็นเจ้าอาวาส ในขณะประชวรก็ยังมีพระบัญชาให้พระเถระผู้ใหญ่ออกตรวจเยี่ยมวัดแทนพระองค์ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญสมเด็จพระสังฆราช ปุ่น ปุณณสิริ เหรียญสมเด็จพระสังฆราช ปุ่น ปุณณสิริ หลังเรียบ เนื้อทองแดง // พระสถาพสวย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี >> ** สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ พระนามเดิม ปุ่น สุขเจริญ ฉายา ปุณฺณสิริ เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บริหารการคณะสงฆ์ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดโสธรวราราม และในตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการ ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ตามประกาสสถาปนาสมณศักดิ์นั้นแล้ว นอกจากนี้ยังวิตกถึงวัดที่เป็นพระอารามหลวง ซึ่งชำรุดทรุดโทรมเป็นจำนวนมาก ปรารภในที่ประชุมพระสังฆาธิการของกรุงเทพมหานคร มีพระประสงค์จะให้วัดเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น สร้างกำแพงหรือรั้วกั้นเขตวัด เมื่อทุเลาจากการประชวรคราวแรก ได้เสด็จไปตรวจเยี่ยมวัดราชโอรสาราม และวัดชัยพฤกษมาลา ที่ได้ตั้งพระเถระไปเป็นเจ้าอาวาส ในขณะประชวรก็ยังมีพระบัญชาให้พระเถระผู้ใหญ่ออกตรวจเยี่ยมวัดแทนพระองค์ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 0 Reviews
  • อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    Yay
    1
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 1 Reviews
  • อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 0 Reviews
  • อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    อุปสมบท 3 รูป เณร 2 รูป นาค 1 คน ณ วัดดวงแข ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568 เวลา 9.00 น. ฉายา สัจจญาโณ มานิโต สุธัมโม
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • **คุยเรื่องสีแดงจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับบทกวีและสีแดงหลากเฉดที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ซึ่งเดินเรื่องราวด้วยสูตรสีย้อมผ้าไหมสูจิ่นสีแดงของพ่อนางเอกที่ในเรื่องเรียกว่า ‘สู่หง’ ซึ่งถูกยกย่องขึ้นเป็นสุดยอดของสีแดงตามจินตนาการของผู้แต่งนิยายต้นฉบับ

    เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้จะจำได้ว่าก่อนที่นางเอกจะค้นคว้าสูตรลับนี้ของพ่อขึ้นมาอีกได้สำเร็จ นางเอกได้พัฒนาสีแดงขึ้นสามสีโดยอธิบายว่า ‘สู่หง’ แท้จริงแล้วหมายถึงสีแดงจากพื้นที่สู่ (สองสัปดาห์ก่อนเรากล่าวถึงดินแดนแคว้นสู่ไปแล้วลองย้อนอ่านดูได้) และนางได้จัดงานแฟชั่นโชว์ขึ้นเพื่อแสดงชุดที่ทอจากไหมสามสีใหม่นี้ โดยนางและพี่ชายได้บรรยายถึงสีเหล่านี้ด้วยการกล่าวอิงกับบทกวี วันนี้เรามาคุยถึงเกร็ดวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในนี้กัน

    เริ่มจากชุดแรกที่นางเอกกล่าวว่าสีแดงนี้ได้อารมณ์อิสระและความมีชีวิตชีวาจากบทกวีของกวีผู้ที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’

    ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเขาผู้นี้คือใครและคำแปลซับไทยอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่น แต่จริงๆ แล้ว ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ (青莲居士 / ชิงเหลียนจวีซื่อ) เป็นฉายาของกวีเอกสมัยถังหลี่ไป๋ และเป็นฉายาที่เราชาวไทยไม่คุ้นหู ซึ่งสาเหตุที่หลี่ไป๋ถูกเรียกขานเช่นนี้เป็นเพราะว่าบ้านเกิดของเขาคือหมู่บ้านชิงเหลียน (ปัจจุบันคือตำบลชิงเหลียน อำเภอจิ่นหยาง มณฑลเสฉวน) และกลอนบทที่พูดถึงในตอนนี้มีชื่อว่า ‘ซานจงอวี่โยวเหรินตุ้ยจั๋ว’ (山中与幽人对酌 แปลได้ว่าร่ำสุรากลางเขาคู่กับสหายผู้ปลีกวิเวก) ในบทกวีไม่ได้กล่าวถึงสีแดง แต่บรรยายถึงความสนุกสุขสันต์ที่ได้ร่ำสุรากับผู้รู้ใจท่ามกลางวิวดอกไม้บานเต็มเขา

    ต่อมาชุดที่สองนี้มีหลากเฉดสีเช่นแดง ชมพูและส้มเหลือง โดยบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของ ‘เลขาธิการหญิง’ (女校书 / หนี่ว์เจี้ยวซู) ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าคือใคร

    กวีที่ถูกกล่าวถึงนี้คือเซวียเทา (薛涛) ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่กวีเอกสตรีแห่งราชวงศ์ถัง มีผลงานกว่าห้าร้อยชิ้น มีบทกลอนที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่าเก้าสิบบท เกิดที่ฉางอันแต่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนางมารับราชการที่เมืองเฉิงตู นางได้รับการศึกษาอย่างดีและเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและบทกวี แต่งกลอนยาวได้ตั้งแต่อายุเพียงแปดปี เชี่ยวชาญด้านการออกเสียงและดนตรี

    เมื่อเซวียเทาอายุได้สิบสี่ปี บิดาของนางป่วยตายในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ต่างเมือง นางและมารดาพยายามหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ในที่สุดนางตัดสินใจเข้าเป็นนางคณิกาหลวงประเภทขับร้อง (ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘เกอจี้’) เพื่อจะได้มีเงินเดือนหลวงยังชีพ โดยรับหน้าที่ขับร้องในงานเลี้ยงของทางการต่างๆ มีโอกาสได้แต่งบทกวีในงานเลี้ยงต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนเป็นที่โด่งดัง ต่อมาได้รับการเคารพยกย่องจากผู้คนมากมายด้วยความปราดเปรื่องด้านงานกวี และได้รู้จักสนิทสนมกับเหวยเกาเริ่น เจี๋ยตู้สื่อผู้ปกครองเขตพื้นที่นั้น

    เจี๋ยตู้สื่อเหวยเกาเริ่นชื่นชมผลงานและความสามารถของเซวียเทาถึงขนาดยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอให้แต่งตั้งนางเป็น ‘เจี้ยวซูหลาง’ (校书郎) ซึ่งเป็นตำแหน่งเลขาธิการผู้ดูแลงานด้านพิสูจน์อักษรของเอกสารทางการและบันทึกโบราณ จัดเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นที่เก้า แต่ไม่เคยมีสตรีดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนจึงมีข้อจำกัดมากมาย สุดท้ายนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องที่นางได้รับการเสนอชื่อไม่ใช่ความลับ ชาวเมืองเฉิงตูจึงเรียกนางอย่างยกย่องว่า ‘เลขาธิการหญิง’ นั่นเอง

    บทกวีของเซวียเทาที่ถูกยกมากล่าวในซีรีส์นี้บรรยายถึงสีสันสวยงามบนแดนสวรรค์ที่แต่งแต้มจนดอกไม้ดารดาษมีสีสันสวยงาม แต่ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจยิ่งกว่าบทกวีนี้คือสีแดงที่เกี่ยวข้องกับเซวียเทา ว่ากันว่านางชื่นชอบสีแดงมาก มักแต่งกายด้วยสีแดง และได้คิดค้นกระดาษสีแดงขึ้นไว้สำหรับเขียนบทกลอนของตัวเอง บทกลอนบนกระดาษแดงสีพิเศษที่เขียนและลงนามโดยเซวียเทาถือว่าเป็นของที่มีค่าอันทรงเกียรติมากในสมัยนั้น โดยมีบางแผ่นมีลายวาดดอกไม้ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือการวาดของเซวียเทาเอง ต่อมากระดาษดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับชนชั้นมีการศึกษาในสมัยนั้นและกลายมาเป็นสินค้าที่นางผลิตขายยังชีพได้ในที่สุด เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์จีนว่ากระดาษเซวียเทา (薛涛笺 / เซวียเทาเจียน โดย ‘เจียน’ เป็นคำเรียกทั่วไปของกระดาษเขียนหนังสือ)

    Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีการทำกระดาษจีนโบราณในบทความอื่น (ดูลิ้งค์ได้ที่ท้ายเรื่อง) ซึ่งมีกรรมวิธีการทำคล้ายกระดาษสา และกวีโบราณหลายท่านจะทำกระดาษของตัวเองไว้ใช้จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เซวียเทาก็เช่นกัน หลังจากที่นางถอนตนออกจากการเป็นนางคณิกาหลวงแล้วก็พำนักอยู่ในบริเวณห่วนฮวาซีที่เมืองเฉิงตูนี้ (คือสถานที่ล้างไหมของนางเอกในซีรีส์ที่ Storyฯ เขียนถึงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งผลิตกระดาษชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถังอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณสมบัติของแหล่งน้ำแถวนี้เหมาะสมต่อการผสมเยื่อกระดาษ และกระดาษเซวียเทาถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระดาษห่วนฮวา (浣花笺 / ห่วนฮวาเจียน)

    เซวียเทาใช้น้ำจากลำธารห่วนฮวาซี เยื่อไม้จากเปลือกต้นพุดตาน และสีที่คั้นจากกลีบดอกพุดตานทำกระดาษเซวียเทานี้ จากงานเขียนของท่านอื่นในสมัยนั้นมีการกล่าวว่าจริงๆ แล้วเนื้อกระดาษเซวียเทาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันมีความโดดเด่นด้วยสีของกระดาษที่สวยงามไม่มีใครเทียม และบางครั้งยังมีเศษดอกไม้อัดติดมาในกระดาษด้วย แต่สีของกระดาษที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสีอะไรยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจวบจนปัจจุบัน บ้างว่าเป็นสีชมพูแดงของดอกท้อซึ่งเป็นสีโปรดของนาง บ้างอ้างอิงจากกระดาษจริงของผลงานบทกวีของเซวียเทาที่มีคนสะสมไว้ พบว่ามีร่วมสิบเฉดสีไล่ไปตั้งแต่ชมพูแดง ม่วง ชมพูอมส้ม ส้มเขียว ส้มเหลือง จนถึงเหลืองนวล

    เซวียเทาเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นความภาคภูมิใจของเมืองเฉิงตู มีรูปปั้นของนางตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียงโหลว เพื่อนเพจที่ไปเที่ยวเมืองเฉิงตูลองสังเกตดูนะคะ เผื่อว่าจะเห็นร่องรอยเกี่ยวกับเซวียเทาบ้าง

    ส่วนชุดที่สามในซีรีส์ นางเอกบอกไว้ว่าเป็นชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ (虞美人 / โฉมงามอวี๋) แต่ในซีรีส์ยังไม่ทันได้ท่องบทกวีนี้ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นเสียก่อน

    บทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้มีวลีเด็ดที่หลายท่านอาจร้อง “อ๋อ” คือวลี ‘บุปผาวสันต์จันทราสารทฤดู’ Storyฯ เคยเขียนถึงบทกวีนี้เมื่อนานมาแล้วแต่ถูกลบไป เข้าใจว่าเป็นเพราะมันมีลิ้งค์ต้องห้าม เดี๋ยว Storyฯ จะแก้ไขและลงให้อ่านใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนสีแดงที่เกี่ยวข้องก็คือสีแดงดอกป๊อปปี้ เพราะอวี๋เหม่ยเหรินคือชื่อเรียกของดอกป๊อปปี้ในภาษาจีนค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    ลิ้งค์บทความเกี่ยวกับกระดาษไป๋ลู่จากเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/953057363489223

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.agentm.tw/310261/
    https://news.qq.com/rain/a/20200731A0U80V00
    https://www.yeeyi.com/news/details/629504/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/李白/1043
    https://baike.baidu.com/item/薛涛/2719
    http://scdfz.sc.gov.cn/scyx/scrw/sclsmr/depsclsmr/xt/content_40259
    https://baike.baidu.com/item/薛涛笺/5523904
    https://www.sohu.com/a/538839040_355475
    http://scdfz.sc.gov.cn/whzh/slzc1/content_105211#

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #เฉิงตู #สีแดงหงสู่ #บัณฑิตชิงเหลียน #เลขาธิการหญิง #โฉมงามอวี๋ #เซวียเทา #กระดาษจีนโบราณ #สาระจีน
    **คุยเรื่องสีแดงจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับบทกวีและสีแดงหลากเฉดที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ซึ่งเดินเรื่องราวด้วยสูตรสีย้อมผ้าไหมสูจิ่นสีแดงของพ่อนางเอกที่ในเรื่องเรียกว่า ‘สู่หง’ ซึ่งถูกยกย่องขึ้นเป็นสุดยอดของสีแดงตามจินตนาการของผู้แต่งนิยายต้นฉบับ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้จะจำได้ว่าก่อนที่นางเอกจะค้นคว้าสูตรลับนี้ของพ่อขึ้นมาอีกได้สำเร็จ นางเอกได้พัฒนาสีแดงขึ้นสามสีโดยอธิบายว่า ‘สู่หง’ แท้จริงแล้วหมายถึงสีแดงจากพื้นที่สู่ (สองสัปดาห์ก่อนเรากล่าวถึงดินแดนแคว้นสู่ไปแล้วลองย้อนอ่านดูได้) และนางได้จัดงานแฟชั่นโชว์ขึ้นเพื่อแสดงชุดที่ทอจากไหมสามสีใหม่นี้ โดยนางและพี่ชายได้บรรยายถึงสีเหล่านี้ด้วยการกล่าวอิงกับบทกวี วันนี้เรามาคุยถึงเกร็ดวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในนี้กัน เริ่มจากชุดแรกที่นางเอกกล่าวว่าสีแดงนี้ได้อารมณ์อิสระและความมีชีวิตชีวาจากบทกวีของกวีผู้ที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเขาผู้นี้คือใครและคำแปลซับไทยอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่น แต่จริงๆ แล้ว ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ (青莲居士 / ชิงเหลียนจวีซื่อ) เป็นฉายาของกวีเอกสมัยถังหลี่ไป๋ และเป็นฉายาที่เราชาวไทยไม่คุ้นหู ซึ่งสาเหตุที่หลี่ไป๋ถูกเรียกขานเช่นนี้เป็นเพราะว่าบ้านเกิดของเขาคือหมู่บ้านชิงเหลียน (ปัจจุบันคือตำบลชิงเหลียน อำเภอจิ่นหยาง มณฑลเสฉวน) และกลอนบทที่พูดถึงในตอนนี้มีชื่อว่า ‘ซานจงอวี่โยวเหรินตุ้ยจั๋ว’ (山中与幽人对酌 แปลได้ว่าร่ำสุรากลางเขาคู่กับสหายผู้ปลีกวิเวก) ในบทกวีไม่ได้กล่าวถึงสีแดง แต่บรรยายถึงความสนุกสุขสันต์ที่ได้ร่ำสุรากับผู้รู้ใจท่ามกลางวิวดอกไม้บานเต็มเขา ต่อมาชุดที่สองนี้มีหลากเฉดสีเช่นแดง ชมพูและส้มเหลือง โดยบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของ ‘เลขาธิการหญิง’ (女校书 / หนี่ว์เจี้ยวซู) ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าคือใคร กวีที่ถูกกล่าวถึงนี้คือเซวียเทา (薛涛) ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่กวีเอกสตรีแห่งราชวงศ์ถัง มีผลงานกว่าห้าร้อยชิ้น มีบทกลอนที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่าเก้าสิบบท เกิดที่ฉางอันแต่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนางมารับราชการที่เมืองเฉิงตู นางได้รับการศึกษาอย่างดีและเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและบทกวี แต่งกลอนยาวได้ตั้งแต่อายุเพียงแปดปี เชี่ยวชาญด้านการออกเสียงและดนตรี เมื่อเซวียเทาอายุได้สิบสี่ปี บิดาของนางป่วยตายในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ต่างเมือง นางและมารดาพยายามหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ในที่สุดนางตัดสินใจเข้าเป็นนางคณิกาหลวงประเภทขับร้อง (ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘เกอจี้’) เพื่อจะได้มีเงินเดือนหลวงยังชีพ โดยรับหน้าที่ขับร้องในงานเลี้ยงของทางการต่างๆ มีโอกาสได้แต่งบทกวีในงานเลี้ยงต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนเป็นที่โด่งดัง ต่อมาได้รับการเคารพยกย่องจากผู้คนมากมายด้วยความปราดเปรื่องด้านงานกวี และได้รู้จักสนิทสนมกับเหวยเกาเริ่น เจี๋ยตู้สื่อผู้ปกครองเขตพื้นที่นั้น เจี๋ยตู้สื่อเหวยเกาเริ่นชื่นชมผลงานและความสามารถของเซวียเทาถึงขนาดยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอให้แต่งตั้งนางเป็น ‘เจี้ยวซูหลาง’ (校书郎) ซึ่งเป็นตำแหน่งเลขาธิการผู้ดูแลงานด้านพิสูจน์อักษรของเอกสารทางการและบันทึกโบราณ จัดเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นที่เก้า แต่ไม่เคยมีสตรีดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนจึงมีข้อจำกัดมากมาย สุดท้ายนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องที่นางได้รับการเสนอชื่อไม่ใช่ความลับ ชาวเมืองเฉิงตูจึงเรียกนางอย่างยกย่องว่า ‘เลขาธิการหญิง’ นั่นเอง บทกวีของเซวียเทาที่ถูกยกมากล่าวในซีรีส์นี้บรรยายถึงสีสันสวยงามบนแดนสวรรค์ที่แต่งแต้มจนดอกไม้ดารดาษมีสีสันสวยงาม แต่ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจยิ่งกว่าบทกวีนี้คือสีแดงที่เกี่ยวข้องกับเซวียเทา ว่ากันว่านางชื่นชอบสีแดงมาก มักแต่งกายด้วยสีแดง และได้คิดค้นกระดาษสีแดงขึ้นไว้สำหรับเขียนบทกลอนของตัวเอง บทกลอนบนกระดาษแดงสีพิเศษที่เขียนและลงนามโดยเซวียเทาถือว่าเป็นของที่มีค่าอันทรงเกียรติมากในสมัยนั้น โดยมีบางแผ่นมีลายวาดดอกไม้ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือการวาดของเซวียเทาเอง ต่อมากระดาษดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับชนชั้นมีการศึกษาในสมัยนั้นและกลายมาเป็นสินค้าที่นางผลิตขายยังชีพได้ในที่สุด เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์จีนว่ากระดาษเซวียเทา (薛涛笺 / เซวียเทาเจียน โดย ‘เจียน’ เป็นคำเรียกทั่วไปของกระดาษเขียนหนังสือ) Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีการทำกระดาษจีนโบราณในบทความอื่น (ดูลิ้งค์ได้ที่ท้ายเรื่อง) ซึ่งมีกรรมวิธีการทำคล้ายกระดาษสา และกวีโบราณหลายท่านจะทำกระดาษของตัวเองไว้ใช้จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เซวียเทาก็เช่นกัน หลังจากที่นางถอนตนออกจากการเป็นนางคณิกาหลวงแล้วก็พำนักอยู่ในบริเวณห่วนฮวาซีที่เมืองเฉิงตูนี้ (คือสถานที่ล้างไหมของนางเอกในซีรีส์ที่ Storyฯ เขียนถึงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งผลิตกระดาษชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถังอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณสมบัติของแหล่งน้ำแถวนี้เหมาะสมต่อการผสมเยื่อกระดาษ และกระดาษเซวียเทาถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระดาษห่วนฮวา (浣花笺 / ห่วนฮวาเจียน) เซวียเทาใช้น้ำจากลำธารห่วนฮวาซี เยื่อไม้จากเปลือกต้นพุดตาน และสีที่คั้นจากกลีบดอกพุดตานทำกระดาษเซวียเทานี้ จากงานเขียนของท่านอื่นในสมัยนั้นมีการกล่าวว่าจริงๆ แล้วเนื้อกระดาษเซวียเทาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันมีความโดดเด่นด้วยสีของกระดาษที่สวยงามไม่มีใครเทียม และบางครั้งยังมีเศษดอกไม้อัดติดมาในกระดาษด้วย แต่สีของกระดาษที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสีอะไรยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจวบจนปัจจุบัน บ้างว่าเป็นสีชมพูแดงของดอกท้อซึ่งเป็นสีโปรดของนาง บ้างอ้างอิงจากกระดาษจริงของผลงานบทกวีของเซวียเทาที่มีคนสะสมไว้ พบว่ามีร่วมสิบเฉดสีไล่ไปตั้งแต่ชมพูแดง ม่วง ชมพูอมส้ม ส้มเขียว ส้มเหลือง จนถึงเหลืองนวล เซวียเทาเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นความภาคภูมิใจของเมืองเฉิงตู มีรูปปั้นของนางตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียงโหลว เพื่อนเพจที่ไปเที่ยวเมืองเฉิงตูลองสังเกตดูนะคะ เผื่อว่าจะเห็นร่องรอยเกี่ยวกับเซวียเทาบ้าง ส่วนชุดที่สามในซีรีส์ นางเอกบอกไว้ว่าเป็นชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ (虞美人 / โฉมงามอวี๋) แต่ในซีรีส์ยังไม่ทันได้ท่องบทกวีนี้ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นเสียก่อน บทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้มีวลีเด็ดที่หลายท่านอาจร้อง “อ๋อ” คือวลี ‘บุปผาวสันต์จันทราสารทฤดู’ Storyฯ เคยเขียนถึงบทกวีนี้เมื่อนานมาแล้วแต่ถูกลบไป เข้าใจว่าเป็นเพราะมันมีลิ้งค์ต้องห้าม เดี๋ยว Storyฯ จะแก้ไขและลงให้อ่านใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนสีแดงที่เกี่ยวข้องก็คือสีแดงดอกป๊อปปี้ เพราะอวี๋เหม่ยเหรินคือชื่อเรียกของดอกป๊อปปี้ในภาษาจีนค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) ลิ้งค์บทความเกี่ยวกับกระดาษไป๋ลู่จากเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/953057363489223 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.agentm.tw/310261/ https://news.qq.com/rain/a/20200731A0U80V00 https://www.yeeyi.com/news/details/629504/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/李白/1043 https://baike.baidu.com/item/薛涛/2719 http://scdfz.sc.gov.cn/scyx/scrw/sclsmr/depsclsmr/xt/content_40259 https://baike.baidu.com/item/薛涛笺/5523904 https://www.sohu.com/a/538839040_355475 http://scdfz.sc.gov.cn/whzh/slzc1/content_105211# #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #เฉิงตู #สีแดงหงสู่ #บัณฑิตชิงเหลียน #เลขาธิการหญิง #โฉมงามอวี๋ #เซวียเทา #กระดาษจีนโบราณ #สาระจีน
    2 Comments 0 Shares 1252 Views 0 Reviews
More Results