• นัดคนสวนมาตัดหญ้าวันอาทิตย์
    นัดคนสวนมาตัดหญ้าวันอาทิตย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพว่าบริษัทของเราวางระบบบางส่วนไว้ที่ AWS เพราะคุ้นมือ บางแอปก็ใช้อยู่บน Azure หรือ Google Cloud เพราะลูกค้าหรือแผนกอื่นต้องการ → ถ้าเราไม่มีระบบมองภาพรวมที่ดีพอ...ความเสี่ยงก็ตามมาแบบเงียบ ๆ เลยครับ เช่น

    - เห็น Logs ฝั่งนึงชัด แต่อีกฝั่งกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไร
    - Security policy ไม่เสมอกัน → สุดท้ายเกิด “ช่องโหว่จุดเดียวทำลายทั้งองค์กร” ได้
    - แอดมินที่เก่ง AWS อาจทำอะไรไม่ถูกใน Azure (เพราะ CLI, API, IAM ต่างกันหมด)
    - มี API ฝังไว้หลายตัวแต่ไม่มีใครจำได้ว่าเคยให้สิทธิ์อะไรไป

    บทความนี้สรุป 5 ปัจจัยหลักที่ CISO (Chief Information Security Officer) ต้องรับมือให้ได้ พร้อมเสนอแนวทางคร่าว ๆ ที่นำไปปรับใช้ได้เลยครับ

    สรุป 5 ความท้าทายหลักในการจัดการ Multicloud Security:
    1️⃣. ขาดมุมมองภาพรวม (Visibility) ที่ครอบคลุมทุกคลาวด์  
    • องค์กรมักเริ่มจากคลาวด์เดียวที่คุ้นเคย → มี Visibility ดี  
    • แต่พอขยายไปหลายผู้ให้บริการ → เริ่มมองไม่เห็นภาพรวม
    • ข้อมูลกระจัดกระจายตาม Tool ของแต่ละคลาวด์  
    • แนะนำ: ใช้ Cloud-Native Application Protection Platform (CNAPP) เพื่อรวมภาพรวมการเฝ้าระวัง

    2️⃣. จะใช้ Security Program แบบรวมศูนย์หรือแยกตามคลาวด์ดี?  
    • แบบรวมศูนย์: สะดวกแต่อาจไม่ได้ใช้ความสามารถเฉพาะของคลาวด์นั้น ๆ  
    • แบบแยกตามคลาวด์: ได้ประสิทธิภาพแต่ต้องจัดการหลายทีม หลายกระบวนการ  
    • แนะนำ: เลือกกลยุทธ์ตาม tradeoff ที่เหมาะกับโครงสร้างคน + ความเสี่ยงขององค์กร

    3️⃣. ขาดทักษะหลากหลายให้ครอบคลุมทุกคลาวด์  
    • ทีมที่เก่ง AWS อาจไม่คุ้น Azure/GCP  
    • Logs, API, IAM ในแต่ละคลาวด์มีโครงสร้างต่างกัน  
    • แนะนำ: ลงทุนอบรมทีมให้เชี่ยวชาญหลากหลาย หรือใช้ทีมเฉพาะทางแยกตามคลาวด์

    4️⃣. การตั้งค่าผิดพลาด (Misconfigurations)  
    • คลาวด์แต่ละรายมี API, ระบบ, ชื่อเรียก และ Policy ไม่เหมือนกัน  
    • บ่อยครั้งเกิดจากการเข้าใจผิด หรือใช้ default setting  
    • เคยมีรายงานว่า 23% ของ Incident บนคลาวด์เกิดจาก “misconfiguration”  
    • แนะนำ: ใช้เครื่องมือ automation ที่ตรวจสอบ config ได้แบบ cross-cloud เช่น CSPM

    5️⃣. การจัดการ “ตัวตน” และสิทธิ์เข้าถึง (Identity & Access Management – IAM)  
    • IAM บนแต่ละคลาวด์ไม่เหมือนกัน → สร้าง Policy รวมยาก  
    • ต้องดูแลทั้ง User, Role, Token, API, Service Account  
    • แนะนำ: สร้างระบบ IAM แบบรวมศูนย์ พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบชัดเจน → เน้น privileged access ก่อน

    https://www.csoonline.com/article/4009247/5-multicloud-security-challenges-and-how-to-address-them.html
    ลองนึกภาพว่าบริษัทของเราวางระบบบางส่วนไว้ที่ AWS เพราะคุ้นมือ บางแอปก็ใช้อยู่บน Azure หรือ Google Cloud เพราะลูกค้าหรือแผนกอื่นต้องการ → ถ้าเราไม่มีระบบมองภาพรวมที่ดีพอ...ความเสี่ยงก็ตามมาแบบเงียบ ๆ เลยครับ เช่น - เห็น Logs ฝั่งนึงชัด แต่อีกฝั่งกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไร - Security policy ไม่เสมอกัน → สุดท้ายเกิด “ช่องโหว่จุดเดียวทำลายทั้งองค์กร” ได้ - แอดมินที่เก่ง AWS อาจทำอะไรไม่ถูกใน Azure (เพราะ CLI, API, IAM ต่างกันหมด) - มี API ฝังไว้หลายตัวแต่ไม่มีใครจำได้ว่าเคยให้สิทธิ์อะไรไป บทความนี้สรุป 5 ปัจจัยหลักที่ CISO (Chief Information Security Officer) ต้องรับมือให้ได้ พร้อมเสนอแนวทางคร่าว ๆ ที่นำไปปรับใช้ได้เลยครับ ✅ สรุป 5 ความท้าทายหลักในการจัดการ Multicloud Security: 1️⃣. ขาดมุมมองภาพรวม (Visibility) ที่ครอบคลุมทุกคลาวด์   • องค์กรมักเริ่มจากคลาวด์เดียวที่คุ้นเคย → มี Visibility ดี   • แต่พอขยายไปหลายผู้ให้บริการ → เริ่มมองไม่เห็นภาพรวม • ข้อมูลกระจัดกระจายตาม Tool ของแต่ละคลาวด์   • แนะนำ: ใช้ Cloud-Native Application Protection Platform (CNAPP) เพื่อรวมภาพรวมการเฝ้าระวัง 2️⃣. จะใช้ Security Program แบบรวมศูนย์หรือแยกตามคลาวด์ดี?   • แบบรวมศูนย์: สะดวกแต่อาจไม่ได้ใช้ความสามารถเฉพาะของคลาวด์นั้น ๆ   • แบบแยกตามคลาวด์: ได้ประสิทธิภาพแต่ต้องจัดการหลายทีม หลายกระบวนการ   • แนะนำ: เลือกกลยุทธ์ตาม tradeoff ที่เหมาะกับโครงสร้างคน + ความเสี่ยงขององค์กร 3️⃣. ขาดทักษะหลากหลายให้ครอบคลุมทุกคลาวด์   • ทีมที่เก่ง AWS อาจไม่คุ้น Azure/GCP   • Logs, API, IAM ในแต่ละคลาวด์มีโครงสร้างต่างกัน   • แนะนำ: ลงทุนอบรมทีมให้เชี่ยวชาญหลากหลาย หรือใช้ทีมเฉพาะทางแยกตามคลาวด์ 4️⃣. การตั้งค่าผิดพลาด (Misconfigurations)   • คลาวด์แต่ละรายมี API, ระบบ, ชื่อเรียก และ Policy ไม่เหมือนกัน   • บ่อยครั้งเกิดจากการเข้าใจผิด หรือใช้ default setting   • เคยมีรายงานว่า 23% ของ Incident บนคลาวด์เกิดจาก “misconfiguration”   • แนะนำ: ใช้เครื่องมือ automation ที่ตรวจสอบ config ได้แบบ cross-cloud เช่น CSPM 5️⃣. การจัดการ “ตัวตน” และสิทธิ์เข้าถึง (Identity & Access Management – IAM)   • IAM บนแต่ละคลาวด์ไม่เหมือนกัน → สร้าง Policy รวมยาก   • ต้องดูแลทั้ง User, Role, Token, API, Service Account   • แนะนำ: สร้างระบบ IAM แบบรวมศูนย์ พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบชัดเจน → เน้น privileged access ก่อน https://www.csoonline.com/article/4009247/5-multicloud-security-challenges-and-how-to-address-them.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    5 multicloud security challenges — and how to address them
    From inadequate visibility to access management complexity, multicloud environments take baseline cloud security issues to another level.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติแล้วลีกฟุตบอลระดับโลกอย่าง Premier League มีเว็บไซต์ แอปมือถือ เกม Fantasy ที่แฟนบอลเข้าใช้งานกว่า 1 พันล้านครั้งต่อปี แต่เบื้องหลังระบบเดิม...ยังอยู่บนโครงสร้างคลาวด์แบบเก่า กระจัดกระจาย แยกส่วนกันหลายจุด → การเชื่อมต่อ ขยาย หรือนำ AI มาช่วยพัฒนาประสบการณ์แฟนบอล ทำได้ยากและช้า

    ล่าสุด Premier League จึงตกลงเซ็นสัญญา “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ 5 ปี” กับ Microsoft → ย้าย “โครงสร้างเทคโนโลยีหลักทั้งหมด” ไปอยู่บน Azure → พร้อมเปิดตัว AI Assistant ฝังในเว็บไซต์, แอปมือถือ และเกม Fantasy ที่ใช้บริการ AI ของ Microsoft (เช่น Azure OpenAI หรือ Copilot)

    ตัวอย่างประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้น:
    - แอป Premier League มีแชต AI ช่วยตอบคำถามระหว่างเกม เช่น “ใครได้ใบเหลืองไปแล้ว?”, “คืนนี้ถ่ายทอดสดช่องไหน?”
    - เกม Fantasy Premier League ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ “ควรขายใครซื้อตัวไหนในทีม?” ตามข้อมูลบาดเจ็บ–ฟอร์มย้อนหลัง
    - เว็บไซต์สามารถให้ AI สรุปไฮไลต์หรือสถิติจากรอบที่แล้วแบบเนื้อหาเฉพาะตัว

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Microsoft ใช้กีฬาเป็นฐานทดลอง AI — ก่อนหน้านี้ก็มีดีลกับ NBA, NFL และทีม F1 อย่าง Mercedes ด้วย → และในโลกที่ AI–Sport–Entertainment กำลังหลอมรวมกัน... Premier League ก็กลายเป็นเวทีระดับโลกของ Microsoft อีกแห่งเรียบร้อยครับ

    Premier League เซ็นสัญญา 5 ปี กับ Microsoft เป็น “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์”  
    • ย้ายโครงสร้างเทคโนโลยีหลักไปอยู่บน Microsoft Azure  
    • ประกาศความร่วมมือเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2025

    จะใช้ AI Services ของ Microsoft สร้างแชตบอตอัจฉริยะ (AI Assistant)  
    • ฝังใน:   
    – แอป Premier League บนมือถือ   
    – เว็บไซต์ทางการของลีก   
    – เกม Fantasy Premier League

    เป้าหมายคือยกระดับประสบการณ์แฟนบอลด้วยเทคโนโลยี AI – Cloud – Data  
    • สร้างอินเทอร์เฟซสื่อสารแบบเรียลไทม์  
    • เพิ่ม personalisation สำหรับผู้ชม  
    • ลดภาระการค้นหาข้อมูลด้วย AI

    Microsoft เคยมีประสบการณ์ด้านกีฬา AI มาก่อน  
    • เคยร่วมมือกับ NBA, NFL, NASCAR, F1 Mercedes  
    • ใช้ AI วิเคราะห์วิดีโอ, พฤติกรรมแฟน, และเชื่อม AR/VR

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/microsoft-signs-deal-to-power-premier-leagues-ai-tools
    ปกติแล้วลีกฟุตบอลระดับโลกอย่าง Premier League มีเว็บไซต์ แอปมือถือ เกม Fantasy ที่แฟนบอลเข้าใช้งานกว่า 1 พันล้านครั้งต่อปี แต่เบื้องหลังระบบเดิม...ยังอยู่บนโครงสร้างคลาวด์แบบเก่า กระจัดกระจาย แยกส่วนกันหลายจุด → การเชื่อมต่อ ขยาย หรือนำ AI มาช่วยพัฒนาประสบการณ์แฟนบอล ทำได้ยากและช้า ล่าสุด Premier League จึงตกลงเซ็นสัญญา “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ 5 ปี” กับ Microsoft → ย้าย “โครงสร้างเทคโนโลยีหลักทั้งหมด” ไปอยู่บน Azure → พร้อมเปิดตัว AI Assistant ฝังในเว็บไซต์, แอปมือถือ และเกม Fantasy ที่ใช้บริการ AI ของ Microsoft (เช่น Azure OpenAI หรือ Copilot) ตัวอย่างประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้น: - แอป Premier League มีแชต AI ช่วยตอบคำถามระหว่างเกม เช่น “ใครได้ใบเหลืองไปแล้ว?”, “คืนนี้ถ่ายทอดสดช่องไหน?” - เกม Fantasy Premier League ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ “ควรขายใครซื้อตัวไหนในทีม?” ตามข้อมูลบาดเจ็บ–ฟอร์มย้อนหลัง - เว็บไซต์สามารถให้ AI สรุปไฮไลต์หรือสถิติจากรอบที่แล้วแบบเนื้อหาเฉพาะตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Microsoft ใช้กีฬาเป็นฐานทดลอง AI — ก่อนหน้านี้ก็มีดีลกับ NBA, NFL และทีม F1 อย่าง Mercedes ด้วย → และในโลกที่ AI–Sport–Entertainment กำลังหลอมรวมกัน... Premier League ก็กลายเป็นเวทีระดับโลกของ Microsoft อีกแห่งเรียบร้อยครับ ✅ Premier League เซ็นสัญญา 5 ปี กับ Microsoft เป็น “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์”   • ย้ายโครงสร้างเทคโนโลยีหลักไปอยู่บน Microsoft Azure   • ประกาศความร่วมมือเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2025 ✅ จะใช้ AI Services ของ Microsoft สร้างแชตบอตอัจฉริยะ (AI Assistant)   • ฝังใน:    – แอป Premier League บนมือถือ    – เว็บไซต์ทางการของลีก    – เกม Fantasy Premier League ✅ เป้าหมายคือยกระดับประสบการณ์แฟนบอลด้วยเทคโนโลยี AI – Cloud – Data   • สร้างอินเทอร์เฟซสื่อสารแบบเรียลไทม์   • เพิ่ม personalisation สำหรับผู้ชม   • ลดภาระการค้นหาข้อมูลด้วย AI ✅ Microsoft เคยมีประสบการณ์ด้านกีฬา AI มาก่อน   • เคยร่วมมือกับ NBA, NFL, NASCAR, F1 Mercedes   • ใช้ AI วิเคราะห์วิดีโอ, พฤติกรรมแฟน, และเชื่อม AR/VR https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/microsoft-signs-deal-to-power-premier-leagues-ai-tools
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft signs deal to power Premier League's AI tools
    Microsoft Corp has signed a cloud computing deal with the Premier League, a pact that will let the software company tout its AI technology to a captive audience of sports fans.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุโรปเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่ออกกฎหมาย AI แบบครอบคลุมทั้งระบบ โดยเรียกว่า AI Act ซึ่งเน้นความปลอดภัย–ความโปร่งใส–และสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก

    ฟังดูดีใช่ไหมครับ?

    แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งกลับบอกว่า... “มันดีเกินไปจนทำให้นวัตกรรมไปไม่ถึงไหน” → เพราะกฎที่ซับซ้อน อาจทำให้สตาร์ทอัพ–องค์กรขนาดกลาง ไปจนถึง “European Champion” อย่าง Airbus หรือ ASML ไม่สามารถพัฒนา–ใช้งาน–ทดสอบ AI ได้ทันคู่แข่งในจีนและสหรัฐฯ → พวกเขาเลยเสนอให้ “หยุดพัก 2 ปี” สำหรับข้อบังคับที่เกี่ยวกับ AI แบบ “General-purpose” (เช่น ChatGPT, Gemini, Le Chat) และ AI แบบ “High-risk” (เช่น AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ความมั่นคง)

    โดยเฉพาะกฎของ EU ที่ให้ AI ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิทธิผู้ใช้ ต้องผ่านมาตรฐานหลายขั้นมาก (risk-based approach) → ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดของ “code of practice” สำหรับ General-purpose AI ด้วยซ้ำ → แถมประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธาน JD Vance ของสหรัฐฯ ยังเคยวิจารณ์ AI Act ว่า “เข้มจนเป็นภัยต่อการแข่งขัน”

    46 บริษัทใหญ่ของยุโรปยื่นจดหมายขอให้ EU ชะลอกฎหมาย AI Act ออกไป 2 ปี  
    • รวมถึง Airbus (ฝรั่งเศส), ASML (เนเธอร์แลนด์), Lufthansa และ Mercedes-Benz (เยอรมนี), Mistral (AI จากฝรั่งเศส)

    เสนอให้เลื่อนข้อกำหนด 2 กลุ่มหลักออกไปก่อน:  
    • General-purpose AI models (เช่น GPT, Gemini, Le Chat): เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2025  
    • High-risk AI systems: เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2026

    ให้เหตุผลว่ากฎเหล่านี้ “ทำลายความสามารถในการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม”  
    • ทั้งในด้านความเร็ว, งบวิจัย, การทดสอบ, และการสเกลโมเดลไปใช้จริง

    AI Act ใช้หลัก “ความเสี่ยงสูง–ความรับผิดสูง” (risk-based approach)  
    • ถ้าใช้ AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ระบบคะแนนสังคม → ต้องผ่านเกณฑ์เข้มมาก  
    • General-purpose AI ยังไม่มี code of practice อย่างเป็นทางการ

    คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่แนวปฏิบัติ (code of practice) สำหรับ GPAI ภายในกรกฎาคม 2025 นี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/european-companies-urge-eu-to-delay-ai-rules
    ยุโรปเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่ออกกฎหมาย AI แบบครอบคลุมทั้งระบบ โดยเรียกว่า AI Act ซึ่งเน้นความปลอดภัย–ความโปร่งใส–และสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งกลับบอกว่า... “มันดีเกินไปจนทำให้นวัตกรรมไปไม่ถึงไหน” → เพราะกฎที่ซับซ้อน อาจทำให้สตาร์ทอัพ–องค์กรขนาดกลาง ไปจนถึง “European Champion” อย่าง Airbus หรือ ASML ไม่สามารถพัฒนา–ใช้งาน–ทดสอบ AI ได้ทันคู่แข่งในจีนและสหรัฐฯ → พวกเขาเลยเสนอให้ “หยุดพัก 2 ปี” สำหรับข้อบังคับที่เกี่ยวกับ AI แบบ “General-purpose” (เช่น ChatGPT, Gemini, Le Chat) และ AI แบบ “High-risk” (เช่น AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ความมั่นคง) โดยเฉพาะกฎของ EU ที่ให้ AI ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิทธิผู้ใช้ ต้องผ่านมาตรฐานหลายขั้นมาก (risk-based approach) → ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดของ “code of practice” สำหรับ General-purpose AI ด้วยซ้ำ → แถมประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธาน JD Vance ของสหรัฐฯ ยังเคยวิจารณ์ AI Act ว่า “เข้มจนเป็นภัยต่อการแข่งขัน” ✅ 46 บริษัทใหญ่ของยุโรปยื่นจดหมายขอให้ EU ชะลอกฎหมาย AI Act ออกไป 2 ปี   • รวมถึง Airbus (ฝรั่งเศส), ASML (เนเธอร์แลนด์), Lufthansa และ Mercedes-Benz (เยอรมนี), Mistral (AI จากฝรั่งเศส) ✅ เสนอให้เลื่อนข้อกำหนด 2 กลุ่มหลักออกไปก่อน:   • General-purpose AI models (เช่น GPT, Gemini, Le Chat): เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2025   • High-risk AI systems: เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2026 ✅ ให้เหตุผลว่ากฎเหล่านี้ “ทำลายความสามารถในการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม”   • ทั้งในด้านความเร็ว, งบวิจัย, การทดสอบ, และการสเกลโมเดลไปใช้จริง ✅ AI Act ใช้หลัก “ความเสี่ยงสูง–ความรับผิดสูง” (risk-based approach)   • ถ้าใช้ AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ระบบคะแนนสังคม → ต้องผ่านเกณฑ์เข้มมาก   • General-purpose AI ยังไม่มี code of practice อย่างเป็นทางการ ✅ คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่แนวปฏิบัติ (code of practice) สำหรับ GPAI ภายในกรกฎาคม 2025 นี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/european-companies-urge-eu-to-delay-ai-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    European companies urge EU to delay AI rules
    Dozens of Europe's biggest companies urged the EU to hit the pause button on its landmark AI rules on July 3, warning that going too fast could harm the bloc's ability to lead in the global AI race.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนลองใช้ AI แล้วเจอว่า “ก็ตอบโอเคนะ แต่ไม่ว้าว” → ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่เพราะ AI ไม่เก่ง แต่เป็นเพราะ เราอาจยังไม่ได้สื่อสารให้มันเข้าใจเราชัดพอ

    เหมือนคุณไปขอให้เพื่อนช่วยออกแบบโลโก้ แล้วพูดแค่ว่า “ทำโลโก้ให้หน่อย” → ผลลัพธ์ก็คงจินตนาการคนละเรื่องกันเลย

    เพราะงั้น AI ถึงต้องการ “prompt” ที่ไม่ใช่แค่ถาม...แต่ต้องเล่าให้ฟังแบบเข้าใจ → ว่าคุณต้องการอะไร แค่ไหน ในน้ำเสียงแบบไหน และเพื่อใคร → ข่าวนี้เลยรวบรวมเทคนิคหลายมุมมาจากผู้สร้าง AI รุ่นท็อป เพื่อให้คุณ สื่อสารกับ AI แบบไม่เสียเวลา – ได้คำตอบฉลาดแบบที่คุณต้องการ ครับ

    เขียนให้ชัดและเฉพาะเจาะจงที่สุด (Be specific)  
    • อย่าบอกแค่ “ออกแบบโลโก้” → ให้เพิ่ม: ชื่อแบรนด์, อุตสาหกรรม, อารมณ์ที่ต้องการ, กลุ่มเป้าหมาย  
    • ลองใช้โครงสร้าง: “ช่วย __ สำหรับ __ ในแบบที่ __ โดยไม่ต้อง __”

    ถามแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่จบที่คำถามแรก (Refine & Follow up)  
    • คิดว่า AI คือเพื่อนที่คุยได้ยาว ๆ → คำตอบแรกอาจไม่สุด แต่คำถามถัดไปทำให้ดีขึ้นมาก  
    • ปรับคำถาม, ขออธิบายเพิ่ม, ขอตัวอย่างใหม่ได้เรื่อย ๆ

    ระบุ “บุคลิก” และ “ผู้ฟัง” ที่ต้องการ (Voice & Audience)  
    • เช่น: “เขียนแบบเป็นกันเอง สำหรับคนอายุ 50 ที่ไม่ใช้ศัพท์เทคนิคเยอะ”  
    • หรือ “สรุปแบบจริงจัง ให้เหมือนผู้เชี่ยวชาญอธิบายให้ CEO ฟัง”

    ให้บริบทเพิ่ม พร้อมตัวอย่างถ้ามี (Context helps!)
    • อย่าบอกว่า “ช่วยวางแผนเที่ยวลอนดอน”  
    • ให้เพิ่มเช่น: “สำหรับครอบครัว 4 คน, ไม่เน้นพิพิธภัณฑ์, ชอบมิวสิคัล, งบกลาง ๆ”  
    • ยิ่งเล่าเหมือนเพื่อนยิ่งได้คำตอบแม่น

    จำกัดคำตอบให้เหมาะสม (Limit the output)  
    • สั่งได้เลยว่า “ตอบใน 150 คำ” หรือ “สรุปใน 5 bullet”  
    • ดีมากถ้าอยากให้เข้าใจง่าย หรือใช้ในพื้นที่จำกัด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/one-tech-tip-get-the-most-out-of-chatgpt-and-other-ai-chatbots-with-better-prompts
    หลายคนลองใช้ AI แล้วเจอว่า “ก็ตอบโอเคนะ แต่ไม่ว้าว” → ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่เพราะ AI ไม่เก่ง แต่เป็นเพราะ เราอาจยังไม่ได้สื่อสารให้มันเข้าใจเราชัดพอ เหมือนคุณไปขอให้เพื่อนช่วยออกแบบโลโก้ แล้วพูดแค่ว่า “ทำโลโก้ให้หน่อย” → ผลลัพธ์ก็คงจินตนาการคนละเรื่องกันเลย เพราะงั้น AI ถึงต้องการ “prompt” ที่ไม่ใช่แค่ถาม...แต่ต้องเล่าให้ฟังแบบเข้าใจ → ว่าคุณต้องการอะไร แค่ไหน ในน้ำเสียงแบบไหน และเพื่อใคร → ข่าวนี้เลยรวบรวมเทคนิคหลายมุมมาจากผู้สร้าง AI รุ่นท็อป เพื่อให้คุณ สื่อสารกับ AI แบบไม่เสียเวลา – ได้คำตอบฉลาดแบบที่คุณต้องการ ครับ ✅ เขียนให้ชัดและเฉพาะเจาะจงที่สุด (Be specific)   • อย่าบอกแค่ “ออกแบบโลโก้” → ให้เพิ่ม: ชื่อแบรนด์, อุตสาหกรรม, อารมณ์ที่ต้องการ, กลุ่มเป้าหมาย   • ลองใช้โครงสร้าง: “ช่วย __ สำหรับ __ ในแบบที่ __ โดยไม่ต้อง __” ✅ ถามแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่จบที่คำถามแรก (Refine & Follow up)   • คิดว่า AI คือเพื่อนที่คุยได้ยาว ๆ → คำตอบแรกอาจไม่สุด แต่คำถามถัดไปทำให้ดีขึ้นมาก   • ปรับคำถาม, ขออธิบายเพิ่ม, ขอตัวอย่างใหม่ได้เรื่อย ๆ ✅ ระบุ “บุคลิก” และ “ผู้ฟัง” ที่ต้องการ (Voice & Audience)   • เช่น: “เขียนแบบเป็นกันเอง สำหรับคนอายุ 50 ที่ไม่ใช้ศัพท์เทคนิคเยอะ”   • หรือ “สรุปแบบจริงจัง ให้เหมือนผู้เชี่ยวชาญอธิบายให้ CEO ฟัง” ✅ ให้บริบทเพิ่ม พร้อมตัวอย่างถ้ามี (Context helps!) • อย่าบอกว่า “ช่วยวางแผนเที่ยวลอนดอน”   • ให้เพิ่มเช่น: “สำหรับครอบครัว 4 คน, ไม่เน้นพิพิธภัณฑ์, ชอบมิวสิคัล, งบกลาง ๆ”   • ยิ่งเล่าเหมือนเพื่อนยิ่งได้คำตอบแม่น ✅ จำกัดคำตอบให้เหมาะสม (Limit the output)   • สั่งได้เลยว่า “ตอบใน 150 คำ” หรือ “สรุปใน 5 bullet”   • ดีมากถ้าอยากให้เข้าใจง่าย หรือใช้ในพื้นที่จำกัด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/one-tech-tip-get-the-most-out-of-chatgpt-and-other-ai-chatbots-with-better-prompts
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Get the most out of ChatGPT and other AI chatbots with better prompts
    If you're using ChatGPT but getting mediocre results, don't blame the chatbot. Instead, try sharpening up your prompts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • กังวลผลเจรจา ภาษีไทย-สหรัฐ! 04/07/68 #กะเทาะหุ้น #ภาษีไทย-สหรัฐ #ภาษีทรัมป์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย

    https://www.youtube.com/shorts/CHWjWE28z6I
    กังวลผลเจรจา ภาษีไทย-สหรัฐ! 04/07/68 #กะเทาะหุ้น #ภาษีไทย-สหรัฐ #ภาษีทรัมป์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย https://www.youtube.com/shorts/CHWjWE28z6I
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าเคยรู้สึกว่า “หางานยุ่งยาก, scroll เท่าไรก็ไม่โดน, สมัครก็ไม่ตอบ” — Jobright.ai กำลังจะมาเป็นคู่หูใหม่สำหรับคุณครับ แนวคิดคือ: → AI จะเป็นคนหางานแทนเรา โดยใช้ข้อมูลจากเรซูเม่ + คำตอบเบื้องต้น → แล้วส่งลิงก์งานที่ตรงกับคุณแบบอัปเดตทุกสัปดาห์ (สูงสุด 50 ตำแหน่ง) → ถ้าคุณกดชอบงานไหน AI จะสมัครแทนคุณ รวมถึงเขียนคำตอบสำหรับคำถามสั้น (short-answer) ได้ภายในไม่ถึง 1 นาที!

    AI จะ “เรียนรู้” ไปเรื่อย ๆ ว่าแนวงานแบบไหนที่คุณสนใจ → เหมือนระบบแนะนำคู่ใน Tinder: กดข้าม–กดสนใจ แล้วมันจะเริ่มรู้ใจคุณขึ้นเรื่อย ๆ → มีระบบแสดง “คะแนนความตรง” (Qualification Score) เป็นเปอร์เซ็นต์ข้างแต่ละงาน (ต้องตรงอย่างน้อย 60% ถึงจะเสนอ)

    นอกจากนี้ยังไม่ใช่แค่บอก “บริษัทไหน–ตำแหน่งไหน” → Jobright.ai ยังให้ข้อมูลเสริม เช่น วัฒนธรรมบริษัท, คะแนนความพึงพอใจพนักงาน, ประวัติเงินทุน ฯลฯ

    ปัจจุบันยังเน้นสายงานด้านเทคโนโลยี–วิศวกรรมเป็นหลัก → แต่เทรนด์นี้กำลังขยายไปเร็ว เพราะบริษัทแม่ของ Indeed และ Glassdoor ก็เตรียมปล่อย AI “Career Scout” ลักษณะเดียวกัน → ส่วน LinkedIn ก็มีเครื่องมือ AI ช่วย draft เรซูเม่–จดหมายสมัครงาน พร้อมระบบค้นหางานแบบพูดคุยกับบ็อตได้แล้วเช่นกัน

    Jobright.ai คือ AI Agent ช่วยค้น–สมัครงานอัตโนมัติ  
    • ผู้ใช้ส่งเรซูเม่ → ระบุประเภทงานที่ต้องการ  
    • AI ค้นหางานตรงตามเกณฑ์ สูงสุด 50 รายการ/สัปดาห์  
    • ส่งข้อมูลบริษัท, วัฒนธรรม, คะแนนพนักงาน, ความน่าทำงาน ฯลฯ  
    • ถ้าผู้ใช้กดยอมรับ AI จะสมัครให้ทันที รวมถึงตอบคำถามสั้นในฟอร์ม

    มีระบบ Qualification Score แสดงระดับความตรงกับงาน (ขั้นต่ำ 60%)  
    • คำนวนจากสกิล–ประสบการณ์ของผู้ใช้  
    • เน้นสายงานเทคโนโลยี, วิศวกรรม

    Jobright.ai ได้รับเงินลงทุนจาก Recruit Holdings (เจ้าของ Indeed & Glassdoor)  
    • ทำให้คาดว่า AI หาคู่งานจะกลายเป็นเทรนด์หลักในแพลตฟอร์มใหญ่เร็ว ๆ นี้

    AI จะเรียนรู้จากพฤติกรรมเรา (กด skip/got interested) เพื่อปรับแนะนำให้แม่นยำขึ้น  
    • เปรียบเทียบกับระบบคู่เดทแบบ Tinder

    มีระบบกำลังทดลองสำหรับฝั่ง HR/Recruiter → แนะนำคนที่ตรงจริง ~20–30 คนเท่านั้น  
    • ลดภาระไม่ต้องอ่าน 500 ใบสมัครแบบเดิม  
    • งานที่โพสต์ผ่านระบบมักมีคนจบงานภายใน 30 วัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/would-you-trust-your-job-search-toa-bot
    ถ้าเคยรู้สึกว่า “หางานยุ่งยาก, scroll เท่าไรก็ไม่โดน, สมัครก็ไม่ตอบ” — Jobright.ai กำลังจะมาเป็นคู่หูใหม่สำหรับคุณครับ แนวคิดคือ: → AI จะเป็นคนหางานแทนเรา โดยใช้ข้อมูลจากเรซูเม่ + คำตอบเบื้องต้น → แล้วส่งลิงก์งานที่ตรงกับคุณแบบอัปเดตทุกสัปดาห์ (สูงสุด 50 ตำแหน่ง) → ถ้าคุณกดชอบงานไหน AI จะสมัครแทนคุณ รวมถึงเขียนคำตอบสำหรับคำถามสั้น (short-answer) ได้ภายในไม่ถึง 1 นาที! AI จะ “เรียนรู้” ไปเรื่อย ๆ ว่าแนวงานแบบไหนที่คุณสนใจ → เหมือนระบบแนะนำคู่ใน Tinder: กดข้าม–กดสนใจ แล้วมันจะเริ่มรู้ใจคุณขึ้นเรื่อย ๆ → มีระบบแสดง “คะแนนความตรง” (Qualification Score) เป็นเปอร์เซ็นต์ข้างแต่ละงาน (ต้องตรงอย่างน้อย 60% ถึงจะเสนอ) นอกจากนี้ยังไม่ใช่แค่บอก “บริษัทไหน–ตำแหน่งไหน” → Jobright.ai ยังให้ข้อมูลเสริม เช่น วัฒนธรรมบริษัท, คะแนนความพึงพอใจพนักงาน, ประวัติเงินทุน ฯลฯ ปัจจุบันยังเน้นสายงานด้านเทคโนโลยี–วิศวกรรมเป็นหลัก → แต่เทรนด์นี้กำลังขยายไปเร็ว เพราะบริษัทแม่ของ Indeed และ Glassdoor ก็เตรียมปล่อย AI “Career Scout” ลักษณะเดียวกัน → ส่วน LinkedIn ก็มีเครื่องมือ AI ช่วย draft เรซูเม่–จดหมายสมัครงาน พร้อมระบบค้นหางานแบบพูดคุยกับบ็อตได้แล้วเช่นกัน ✅ Jobright.ai คือ AI Agent ช่วยค้น–สมัครงานอัตโนมัติ   • ผู้ใช้ส่งเรซูเม่ → ระบุประเภทงานที่ต้องการ   • AI ค้นหางานตรงตามเกณฑ์ สูงสุด 50 รายการ/สัปดาห์   • ส่งข้อมูลบริษัท, วัฒนธรรม, คะแนนพนักงาน, ความน่าทำงาน ฯลฯ   • ถ้าผู้ใช้กดยอมรับ AI จะสมัครให้ทันที รวมถึงตอบคำถามสั้นในฟอร์ม ✅ มีระบบ Qualification Score แสดงระดับความตรงกับงาน (ขั้นต่ำ 60%)   • คำนวนจากสกิล–ประสบการณ์ของผู้ใช้   • เน้นสายงานเทคโนโลยี, วิศวกรรม ✅ Jobright.ai ได้รับเงินลงทุนจาก Recruit Holdings (เจ้าของ Indeed & Glassdoor)   • ทำให้คาดว่า AI หาคู่งานจะกลายเป็นเทรนด์หลักในแพลตฟอร์มใหญ่เร็ว ๆ นี้ ✅ AI จะเรียนรู้จากพฤติกรรมเรา (กด skip/got interested) เพื่อปรับแนะนำให้แม่นยำขึ้น   • เปรียบเทียบกับระบบคู่เดทแบบ Tinder ✅ มีระบบกำลังทดลองสำหรับฝั่ง HR/Recruiter → แนะนำคนที่ตรงจริง ~20–30 คนเท่านั้น   • ลดภาระไม่ต้องอ่าน 500 ใบสมัครแบบเดิม   • งานที่โพสต์ผ่านระบบมักมีคนจบงานภายใน 30 วัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/would-you-trust-your-job-search-toa-bot
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Would you trust your job search to a bot?
    As artificial intelligence creeps into every aspect of the hiring process – from candidate screenings to video interviews – a new AI agent released by the startup Jobright.ai is aiming to make endless scrolling on job sites a thing of the past.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • โมร็อกโกจัดงาน Morocco Gaming Expo ปีที่ 2 ที่เมืองราบัต โดยเชิญทั้งนักพัฒนา นักศึกษา และบริษัทจากทั่วโลกมาร่วมงาน ซึ่งในงานก็มีทั้งบูธเกมใหม่ ๆ, VR โลกเสมือนจริง, การแข่ง e-sport, และเวทีหารือระหว่างภาครัฐและอุตสาหกรรม

    เบื้องหลังงานนี้คือยุทธศาสตร์ระดับประเทศ: → รัฐบาลมองว่าอุตสาหกรรมเกมที่มีมูลค่ากว่า $200,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ควรเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเยาวชนที่กำลังเผชิญอัตราว่างงานสูงเกือบ 30% → จึงลงทุนสร้าง Rabat Gaming City มูลค่ากว่า $26 ล้านดอลลาร์ → มีทั้งพื้นที่ฝึกงาน, co-working space, สตูดิโอผลิตเกม และการฝึกอบรมด้านเกมดีไซน์, VR และการเขียนโปรแกรม

    รัฐมนตรีกระทรวงเยาวชนของโมร็อกโกยังบอกเลยว่า:

    “เป้าหมายไม่ใช่แค่สร้างรายได้ แต่คือการเปิดโอกาสชีวิตให้กับเยาวชน” “เราต้องเปลี่ยนความหลงใหลของพวกเขาให้กลายเป็นอาชีพ”

    ปัจจุบัน โมร็อกโกสร้างรายได้จากเกมราว $500 ล้านดอลลาร์/ปี และตั้งเป้าเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2030 โดยหวังจะเป็นประเทศแอฟริกาต้นแบบด้านเกม เหมือนที่เกาหลีใต้เป็นผู้นำด้าน e-sport

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว:
    รัฐบาลโมร็อกโกลงทุน $26 ล้านสร้าง “Rabat Gaming City” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกม  
    • มี training center, co-working space, production studio  
    • สร้างพื้นที่ฝึกอบรมด้านเกมดีไซน์, VR, coding สำหรับเยาวชน

    จัดงาน Morocco Gaming Expo เพื่อดึงบริษัทเกมระดับโลกเข้ามาในประเทศ  
    • มีการแข่ง e-sport, โชว์เกม, เจรจาธุรกิจ, ทดลอง VR

    รัฐบาลหวังให้อุตสาหกรรมเกมเป็นทางออกสำหรับปัญหาว่างงานเยาวชน (เกือบ 30%)  
    • เน้นเปิดโอกาสให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพดิจิทัล  
    • สนับสนุนให้คนท้องถิ่นพัฒนาเกมของตัวเอง (ไม่ใช่แค่เล่น)

    อุตสาหกรรมเกมของโมร็อกโกสร้างรายได้ $500 ล้าน/ปี และมีแผนเพิ่มเป็น $1,000 ล้านภายในปี 2030

    แนวทางนี้ถือเป็นแบบอย่างการ “กระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ” ของแอฟริกาโดยไม่พึ่งแค่การเกษตรหรือพลังงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/morocco-bets-on-video-game-industry-to-provide-jobs-and-diversify-economy
    โมร็อกโกจัดงาน Morocco Gaming Expo ปีที่ 2 ที่เมืองราบัต โดยเชิญทั้งนักพัฒนา นักศึกษา และบริษัทจากทั่วโลกมาร่วมงาน ซึ่งในงานก็มีทั้งบูธเกมใหม่ ๆ, VR โลกเสมือนจริง, การแข่ง e-sport, และเวทีหารือระหว่างภาครัฐและอุตสาหกรรม เบื้องหลังงานนี้คือยุทธศาสตร์ระดับประเทศ: → รัฐบาลมองว่าอุตสาหกรรมเกมที่มีมูลค่ากว่า $200,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ควรเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเยาวชนที่กำลังเผชิญอัตราว่างงานสูงเกือบ 30% → จึงลงทุนสร้าง Rabat Gaming City มูลค่ากว่า $26 ล้านดอลลาร์ → มีทั้งพื้นที่ฝึกงาน, co-working space, สตูดิโอผลิตเกม และการฝึกอบรมด้านเกมดีไซน์, VR และการเขียนโปรแกรม รัฐมนตรีกระทรวงเยาวชนของโมร็อกโกยังบอกเลยว่า: “เป้าหมายไม่ใช่แค่สร้างรายได้ แต่คือการเปิดโอกาสชีวิตให้กับเยาวชน” “เราต้องเปลี่ยนความหลงใหลของพวกเขาให้กลายเป็นอาชีพ” ปัจจุบัน โมร็อกโกสร้างรายได้จากเกมราว $500 ล้านดอลลาร์/ปี และตั้งเป้าเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2030 โดยหวังจะเป็นประเทศแอฟริกาต้นแบบด้านเกม เหมือนที่เกาหลีใต้เป็นผู้นำด้าน e-sport ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว: ✅ รัฐบาลโมร็อกโกลงทุน $26 ล้านสร้าง “Rabat Gaming City” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกม   • มี training center, co-working space, production studio   • สร้างพื้นที่ฝึกอบรมด้านเกมดีไซน์, VR, coding สำหรับเยาวชน ✅ จัดงาน Morocco Gaming Expo เพื่อดึงบริษัทเกมระดับโลกเข้ามาในประเทศ   • มีการแข่ง e-sport, โชว์เกม, เจรจาธุรกิจ, ทดลอง VR ✅ รัฐบาลหวังให้อุตสาหกรรมเกมเป็นทางออกสำหรับปัญหาว่างงานเยาวชน (เกือบ 30%)   • เน้นเปิดโอกาสให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพดิจิทัล   • สนับสนุนให้คนท้องถิ่นพัฒนาเกมของตัวเอง (ไม่ใช่แค่เล่น) ✅ อุตสาหกรรมเกมของโมร็อกโกสร้างรายได้ $500 ล้าน/ปี และมีแผนเพิ่มเป็น $1,000 ล้านภายในปี 2030 ✅ แนวทางนี้ถือเป็นแบบอย่างการ “กระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ” ของแอฟริกาโดยไม่พึ่งแค่การเกษตรหรือพลังงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/morocco-bets-on-video-game-industry-to-provide-jobs-and-diversify-economy
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Morocco bets on video game industry to provide jobs and diversify economy
    Morocco is laying down foundations to build a homegrown gaming industry by establishing a developer hub in the capital, training coders and launching programmes to draw tech-savvy youth into the sector.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newsstory : เปิดความจริง การหายไปของ "ต้าร์ วันเฉลิม" เป็นคนนี้นี่เอง

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #เปิดความจริง #ต้าร์วันเฉลิม
    Newsstory : เปิดความจริง การหายไปของ "ต้าร์ วันเฉลิม" เป็นคนนี้นี่เอง #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #เปิดความจริง #ต้าร์วันเฉลิม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบชิปอย่าง Synopsys, Cadence และ Siemens EDA ต้องขอใบอนุญาตเป็นรายกรณีก่อนส่งออกซอฟต์แวร์ไปยังจีน → สร้างความปั่นป่วนทันที เพราะทั้ง 3 บริษัทถือครองตลาด EDA ร่วมกันกว่า 70% ของโลก และจีนเองก็พึ่งพาซอฟต์แวร์เหล่านี้ในการออกแบบชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูง

    แต่ไม่ถึง 6 สัปดาห์หลังจากออกคำสั่ง…รัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับลำ → อนุญาตให้กลับมาขายแบบ “ไม่ต้องมีใบอนุญาต” ได้อีกครั้ง → แม้จะไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวชี้ว่าเกิดจากดีลการเจรจากับจีนที่ “จีนยอมผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ เช่น นีโอไดเมียม ลิเธียม ฯลฯ ที่ใช้ผลิตแม่เหล็ก มอเตอร์ และแบตเตอรี่

    ผลที่ตามมาคือ:
    - Synopsys และ Cadence ได้ “คืนชีวิต” ทันที เพราะจีนคิดเป็น 12–16% ของรายได้
    - อุตสาหกรรมชิปโล่งอก เพราะไม่ต้องปรับระบบใหม่รวดเร็วเกินไป
    - บางฝ่ายมองว่าก้าวนี้คือ “การยอมถอยเชิงยุทธศาสตร์” เพื่อรักษาผลประโยชน์ฝั่งอุตสาหกรรม

    https://www.techspot.com/news/108550-us-lifts-chip-design-software-export-ban-china.html
    เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบชิปอย่าง Synopsys, Cadence และ Siemens EDA ต้องขอใบอนุญาตเป็นรายกรณีก่อนส่งออกซอฟต์แวร์ไปยังจีน → สร้างความปั่นป่วนทันที เพราะทั้ง 3 บริษัทถือครองตลาด EDA ร่วมกันกว่า 70% ของโลก และจีนเองก็พึ่งพาซอฟต์แวร์เหล่านี้ในการออกแบบชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูง แต่ไม่ถึง 6 สัปดาห์หลังจากออกคำสั่ง…รัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับลำ → อนุญาตให้กลับมาขายแบบ “ไม่ต้องมีใบอนุญาต” ได้อีกครั้ง → แม้จะไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวชี้ว่าเกิดจากดีลการเจรจากับจีนที่ “จีนยอมผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ เช่น นีโอไดเมียม ลิเธียม ฯลฯ ที่ใช้ผลิตแม่เหล็ก มอเตอร์ และแบตเตอรี่ ผลที่ตามมาคือ: - Synopsys และ Cadence ได้ “คืนชีวิต” ทันที เพราะจีนคิดเป็น 12–16% ของรายได้ - อุตสาหกรรมชิปโล่งอก เพราะไม่ต้องปรับระบบใหม่รวดเร็วเกินไป - บางฝ่ายมองว่าก้าวนี้คือ “การยอมถอยเชิงยุทธศาสตร์” เพื่อรักษาผลประโยชน์ฝั่งอุตสาหกรรม https://www.techspot.com/news/108550-us-lifts-chip-design-software-export-ban-china.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US lifts chip design software export ban to China after rare earths deal
    This policy shift marks a significant moment in the ongoing trade relationship between the United States and China, coming on the heels of a broader framework agreement...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newsstory : ใครๆก็อยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่คิดว่าคนนี้ก็อยาก

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #นายกรัฐมนตรี #เก้าอี้นายก
    Newsstory : ใครๆก็อยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่คิดว่าคนนี้ก็อยาก #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #นายกรัฐมนตรี #เก้าอี้นายก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แม้บริษัทต่าง ๆ จะลงเงินลงทุนมหาศาลเพื่อนำ “AI Assistant” มาช่วยงานในคอลเซนเตอร์ ทั้งในแง่การถอดเสียงพูดเป็นข้อความ สรุปการสนทนา หรือช่วยตรวจจับอารมณ์ของลูกค้า → แต่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนและบริษัทพลังงานที่ใช้ระบบนี้จริง กลับเผยว่า AI สร้าง “ปัญหามากกว่าความช่วยเหลือ” สำหรับพนักงานแนวหน้าอย่างแท้จริง

    ตัวอย่างปัญหาที่เจอ:
    - ถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบผิด ๆ
    - อ่านเบอร์โทรศัพท์จากเสียงผิดพลาด
    - เข้าใจคำพ้องเสียง (homophones) ผิด
    - สรุปบทสนทนาไม่ตรงประเด็น
    - ตรวจจับอารมณ์คนผิด (เช่น แค่พูดเสียงดัง → ถูกตีความว่าโกรธ)

    แม้จะลดงานพิมพ์เอกสารได้นิดหน่อย แต่พนักงานต้องเสียเวลาตรวจ–แก้เนื้อหาเกือบทั้งหมด บางคนถึงขั้นบอกว่า “AI ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” และสุดท้ายต้องทำเองแทบทั้งหมดอยู่ดี

    AI Assistant สำหรับคอลเซนเตอร์ ถูกประเมินว่า “ช่วยบางเรื่อง แต่อยู่ไกลจากคำว่าอัจฉริยะ”  
    • ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้นแทนที่การทำงานของพนักงานได้จริง

    ถอดเสียง (Speech-to-Text) มีความผิดพลาดสูง  
    • ฟังสำเนียงหลากหลายไม่ออก  
    • ถอดหมายเลขผิด ทำให้ต้องกรอกเอง

    เข้าใจคำพ้องเสียงผิด (เช่น knew vs. new)  
    • ทำให้ความหมายในบทสนทนาเพี้ยน

    Emotion Detection มีความคลาดเคลื่อน  
    • แยกแยะอารมณ์ได้แค่ไม่กี่แบบ  
    • เข้าใจผิดว่า “เสียงดัง = โกรธ” ทั้งที่ผู้พูดแค่เสียงใหญ่  
    • พนักงานส่วนใหญ่เลือก “มองข้าม” แท็กอารมณ์จาก AI

    AI ช่วยลดงานพิมพ์นิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ยังไม่พร้อมใช้ทันที  
    • ต้องแก้ไขสรุปการสนทนาเยอะ  
    • มักพลาดข้อมูลสำคัญจากลูกค้า

    การศึกษาชี้ว่า AI เพิ่ม “ภาระการเรียนรู้” ให้พนักงานมากกว่าที่คาด  
    • ต้องเรียนรู้วิธีแก้ข้อมูลจาก AI  
    • ทำให้ไม่ได้ประหยัดเวลาจริงเท่าไร

    Gartner คาดการณ์ว่าเกิน 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกภายในปี 2027  
    • และกว่า 50% ขององค์กรที่ตั้งใจใช้ AI แทนคน จะ “ทบทวนแผน”

    https://www.techspot.com/news/108547-call-center-workers-their-ai-assistants-create-more.html
    แม้บริษัทต่าง ๆ จะลงเงินลงทุนมหาศาลเพื่อนำ “AI Assistant” มาช่วยงานในคอลเซนเตอร์ ทั้งในแง่การถอดเสียงพูดเป็นข้อความ สรุปการสนทนา หรือช่วยตรวจจับอารมณ์ของลูกค้า → แต่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนและบริษัทพลังงานที่ใช้ระบบนี้จริง กลับเผยว่า AI สร้าง “ปัญหามากกว่าความช่วยเหลือ” สำหรับพนักงานแนวหน้าอย่างแท้จริง ตัวอย่างปัญหาที่เจอ: - ถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบผิด ๆ - อ่านเบอร์โทรศัพท์จากเสียงผิดพลาด - เข้าใจคำพ้องเสียง (homophones) ผิด - สรุปบทสนทนาไม่ตรงประเด็น - ตรวจจับอารมณ์คนผิด (เช่น แค่พูดเสียงดัง → ถูกตีความว่าโกรธ) แม้จะลดงานพิมพ์เอกสารได้นิดหน่อย แต่พนักงานต้องเสียเวลาตรวจ–แก้เนื้อหาเกือบทั้งหมด บางคนถึงขั้นบอกว่า “AI ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” และสุดท้ายต้องทำเองแทบทั้งหมดอยู่ดี ✅ AI Assistant สำหรับคอลเซนเตอร์ ถูกประเมินว่า “ช่วยบางเรื่อง แต่อยู่ไกลจากคำว่าอัจฉริยะ”   • ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้นแทนที่การทำงานของพนักงานได้จริง ✅ ถอดเสียง (Speech-to-Text) มีความผิดพลาดสูง   • ฟังสำเนียงหลากหลายไม่ออก   • ถอดหมายเลขผิด ทำให้ต้องกรอกเอง ✅ เข้าใจคำพ้องเสียงผิด (เช่น knew vs. new)   • ทำให้ความหมายในบทสนทนาเพี้ยน ✅ Emotion Detection มีความคลาดเคลื่อน   • แยกแยะอารมณ์ได้แค่ไม่กี่แบบ   • เข้าใจผิดว่า “เสียงดัง = โกรธ” ทั้งที่ผู้พูดแค่เสียงใหญ่   • พนักงานส่วนใหญ่เลือก “มองข้าม” แท็กอารมณ์จาก AI ✅ AI ช่วยลดงานพิมพ์นิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ยังไม่พร้อมใช้ทันที   • ต้องแก้ไขสรุปการสนทนาเยอะ   • มักพลาดข้อมูลสำคัญจากลูกค้า ✅ การศึกษาชี้ว่า AI เพิ่ม “ภาระการเรียนรู้” ให้พนักงานมากกว่าที่คาด   • ต้องเรียนรู้วิธีแก้ข้อมูลจาก AI   • ทำให้ไม่ได้ประหยัดเวลาจริงเท่าไร ✅ Gartner คาดการณ์ว่าเกิน 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกภายในปี 2027   • และกว่า 50% ขององค์กรที่ตั้งใจใช้ AI แทนคน จะ “ทบทวนแผน” https://www.techspot.com/news/108547-call-center-workers-their-ai-assistants-create-more.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Call center workers say their AI assistants create more problems than they solve
    A study carried out by researchers from several Chinese universities and a Chinese power company looked at what impact AI assistants were having on the plant's customer...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lorde ปล่อยอัลบั้มใหม่ Virgin เมื่อ 27 มิ.ย. 2025 และเพื่อความสวยแบบรักษ์โลก แผ่น CD รุ่นพิเศษ (special edition) ถูกทำเป็น แผ่นใสล้วน ๆ (translucent CD) ที่ทั้งตัวแผ่น, booklet 20 หน้า, และกล่อง jewel case ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100%

    ปัญหาคืออะไร? หลายคนซื้อมาแล้วพบว่า เครื่องเล่น CD มองไม่เห็นแผ่นเลย บางเครื่องขึ้น “No Disc” บางเครื่องไม่แม้แต่จะเริ่มโหลด → เพราะแผ่นใสเกินไป จนเซนเซอร์ optical drive (โดยเฉพาะรุ่นเก่า) ไม่สามารถตรวจจับแผ่นได้ → ไม่มีเวอร์ชันซีดีธรรมดาจำหน่าย มีแค่แผ่นใสเท่านั้น ณ เวลานี้ → ทำให้ตอนนี้คนจำนวนมากต้องหันไปฟังเวอร์ชันดิจิทัล หรือซื้อแผ่นเสียง (vinyl)

    ผู้สื่อข่าว TechSpot ยังเสนอแนวคิดว่า “ถ้าติดสติกเกอร์ทึบบนแผ่น จะช่วยให้เครื่องอ่านเจอไหม” — แม้มันจะทำลายความสวยของแผ่นก็ตาม

    แผ่นพิเศษนี้วางขายเฉพาะในเว็บของ Lorde เท่านั้น และตอนนี้ “หมดเกลี้ยง” แล้ว แต่ยังมีหลุดไปขายมือสองบน eBay ราว $20

    https://www.techspot.com/news/108553-lorde-new-cd-clear-stereo-might-think-invisible.html
    Lorde ปล่อยอัลบั้มใหม่ Virgin เมื่อ 27 มิ.ย. 2025 และเพื่อความสวยแบบรักษ์โลก แผ่น CD รุ่นพิเศษ (special edition) ถูกทำเป็น แผ่นใสล้วน ๆ (translucent CD) ที่ทั้งตัวแผ่น, booklet 20 หน้า, และกล่อง jewel case ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% 📀 ปัญหาคืออะไร? หลายคนซื้อมาแล้วพบว่า เครื่องเล่น CD มองไม่เห็นแผ่นเลย บางเครื่องขึ้น “No Disc” บางเครื่องไม่แม้แต่จะเริ่มโหลด → เพราะแผ่นใสเกินไป จนเซนเซอร์ optical drive (โดยเฉพาะรุ่นเก่า) ไม่สามารถตรวจจับแผ่นได้ → ไม่มีเวอร์ชันซีดีธรรมดาจำหน่าย มีแค่แผ่นใสเท่านั้น ณ เวลานี้ → ทำให้ตอนนี้คนจำนวนมากต้องหันไปฟังเวอร์ชันดิจิทัล หรือซื้อแผ่นเสียง (vinyl) ผู้สื่อข่าว TechSpot ยังเสนอแนวคิดว่า “ถ้าติดสติกเกอร์ทึบบนแผ่น จะช่วยให้เครื่องอ่านเจอไหม” — แม้มันจะทำลายความสวยของแผ่นก็ตาม 😅 แผ่นพิเศษนี้วางขายเฉพาะในเว็บของ Lorde เท่านั้น และตอนนี้ “หมดเกลี้ยง” แล้ว แต่ยังมีหลุดไปขายมือสองบน eBay ราว $20 https://www.techspot.com/news/108553-lorde-new-cd-clear-stereo-might-think-invisible.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Lorde's new CD is so clear, your stereo might think it's invisible
    The clear disc, along with the 20-page full-color booklet and jewel case, are meant to be fully recyclable. Visually, the CD is absolutely stunning and would look...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newsstory : พรรคส้มอาการหนัก เจอแต่ ค.เต็มฟีด คนเริ่มเบื่อการปกครองโซเชียล

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #พรรคส้ม #การปกครองโซเชียล
    Newsstory : พรรคส้มอาการหนัก เจอแต่ ค.เต็มฟีด คนเริ่มเบื่อการปกครองโซเชียล #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #พรรคส้ม #การปกครองโซเชียล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "นิพนธ์" ปัดข่าวร่วมตั้งพรรคใหม่ "ดร.เอ้" ย้ำยังยึดมั่นอุดมการณ์ "ประชาธิปัตย์" ดั้งเดิมที่เป็นเสรีประชาธิปไตย
    https://www.thai-tai.tv/news/20019/
    .
    #นิพนธ์บุญญามณี #พรรคประชาธิปัตย์ #ไม่ย้ายพรรค #ข่าวลือ #อุดมการณ์ประชาธิปไตย #การเมืองไทย #สงขลา #เสรีประชาธิปไตย #กระจายอำนาจ #ภาคใต้
    "นิพนธ์" ปัดข่าวร่วมตั้งพรรคใหม่ "ดร.เอ้" ย้ำยังยึดมั่นอุดมการณ์ "ประชาธิปัตย์" ดั้งเดิมที่เป็นเสรีประชาธิปไตย https://www.thai-tai.tv/news/20019/ . #นิพนธ์บุญญามณี #พรรคประชาธิปัตย์ #ไม่ย้ายพรรค #ข่าวลือ #อุดมการณ์ประชาธิปไตย #การเมืองไทย #สงขลา #เสรีประชาธิปไตย #กระจายอำนาจ #ภาคใต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวในงาน Aspen Ideas Festival ว่า “ในอีกไม่กี่ปี AI อาจแทนที่งานของพนักงานสาย white-collar ได้ถึงครึ่งหนึ่งทั่วสหรัฐฯ” — โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร, การวิเคราะห์, การเขียนรายงาน, งานธุรการ หรือแม้แต่งานด้านกฎหมายและการเงิน

    เขาไม่ได้พูดคนเดียวครับ — บิ๊กเทคอย่าง Amazon, Spotify, Fiverr, Moderna, Anthropic และแม้แต่ JPMorgan Chase ต่างก็เตือนในทางเดียวกัน:
    - CEO ของ Amazon บอกว่า “หลายตำแหน่งจะหายไป” แต่จะมีโอกาสใหม่เกิดในสายงาน STEM และ Robotics
    - CEO ของ Anthropic ถึงขั้นคาดว่า "AI จะลบงานระดับเริ่มต้น (entry-level white-collar) ไปครึ่งหนึ่งใน 5 ปี" และอาจเพิ่มอัตราการว่างงาน 10-20%
    - CPO ของ Anthropic ยังบอกว่า “ลังเลที่จะจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจว่างานที่พวกเขาทำจะยังอยู่ไหม
    - CEO ของ Fiverr, Spotify, Moderna ต่างก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “แม้แต่งานสายเทคที่ดูรอด ก็ไม่รอด”

    ฝั่งคนทำงานเองก็เริ่มหวั่น — รายงานจาก PYMNTs (พฤษภาคม 2025) พบว่า คนอเมริกัน 54% มองว่า AI กำลังคุกคามงานของพวกเขา และยิ่งเรียนสูง–เก่งเทค ยิ่งกลัวหนัก

    ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามอย่าง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) กลับบอกว่า “การมองว่า AI จะลบงานเป็นเรื่องเว่อร์เกินจริง” และสนับสนุนให้พัฒนาร่วมกันอย่างโปร่งใส

    Ford CEO เตือนว่า AI อาจแทนงาน white-collar ครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาในไม่กี่ปี  
    • โดยเฉพาะสายงานวิเคราะห์, เอกสาร, บริหาร ฯลฯ

    Amazon, Anthropic, Fiverr, Spotify, JPMorgan, และ Moderna แสดงความกังวลเช่นกัน  
    • Anthropic คาดการว่างงานอาจเพิ่ม 10-20% ภายใน 5 ปี  
    • CEO ของบางบริษัทเริ่ม “หยุดจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจอนาคตตำแหน่งงาน

    งานที่ AI อาจแทนที่ได้ รวมถึง:  
    • โปรแกรมเมอร์, นักออกแบบ, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์  
    • นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, ทนายความ, ฝ่ายซัพพอร์ต, ฝ่ายขาย, นักวิเคราะห์การเงิน

    Moderna ตั้งเป้า “ไม่ต้องการพนักงานมากกว่าหลักพันคน” เพราะใช้ AI  
    • จากเดิมที่บริษัทในระดับเดียวกันอาจมีคนเป็นหมื่น

    ผลสำรวจในสหรัฐฯ พ.ค. 2025 พบว่า 54% ของพนักงานเชื่อว่า AI กำลังคุกคามงานของตน  
    • โดยกลุ่มที่เรียนสูงและทำงานสายเทคมีความกังวลมากที่สุด

    มีเพียง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ที่ออกมาบอกว่า “มองโลกในแง่ร้ายเกินไป”

    https://www.techspot.com/news/108552-ford-ceo-warns-generative-ai-could-eliminate-half.html
    Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวในงาน Aspen Ideas Festival ว่า “ในอีกไม่กี่ปี AI อาจแทนที่งานของพนักงานสาย white-collar ได้ถึงครึ่งหนึ่งทั่วสหรัฐฯ” — โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร, การวิเคราะห์, การเขียนรายงาน, งานธุรการ หรือแม้แต่งานด้านกฎหมายและการเงิน เขาไม่ได้พูดคนเดียวครับ — บิ๊กเทคอย่าง Amazon, Spotify, Fiverr, Moderna, Anthropic และแม้แต่ JPMorgan Chase ต่างก็เตือนในทางเดียวกัน: - CEO ของ Amazon บอกว่า “หลายตำแหน่งจะหายไป” แต่จะมีโอกาสใหม่เกิดในสายงาน STEM และ Robotics - CEO ของ Anthropic ถึงขั้นคาดว่า "AI จะลบงานระดับเริ่มต้น (entry-level white-collar) ไปครึ่งหนึ่งใน 5 ปี" และอาจเพิ่มอัตราการว่างงาน 10-20% - CPO ของ Anthropic ยังบอกว่า “ลังเลที่จะจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจว่างานที่พวกเขาทำจะยังอยู่ไหม - CEO ของ Fiverr, Spotify, Moderna ต่างก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “แม้แต่งานสายเทคที่ดูรอด ก็ไม่รอด” ฝั่งคนทำงานเองก็เริ่มหวั่น — รายงานจาก PYMNTs (พฤษภาคม 2025) พบว่า คนอเมริกัน 54% มองว่า AI กำลังคุกคามงานของพวกเขา และยิ่งเรียนสูง–เก่งเทค ยิ่งกลัวหนัก ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามอย่าง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) กลับบอกว่า “การมองว่า AI จะลบงานเป็นเรื่องเว่อร์เกินจริง” และสนับสนุนให้พัฒนาร่วมกันอย่างโปร่งใส ✅ Ford CEO เตือนว่า AI อาจแทนงาน white-collar ครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาในไม่กี่ปี   • โดยเฉพาะสายงานวิเคราะห์, เอกสาร, บริหาร ฯลฯ ✅ Amazon, Anthropic, Fiverr, Spotify, JPMorgan, และ Moderna แสดงความกังวลเช่นกัน   • Anthropic คาดการว่างงานอาจเพิ่ม 10-20% ภายใน 5 ปี   • CEO ของบางบริษัทเริ่ม “หยุดจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจอนาคตตำแหน่งงาน ✅ งานที่ AI อาจแทนที่ได้ รวมถึง:   • โปรแกรมเมอร์, นักออกแบบ, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์   • นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, ทนายความ, ฝ่ายซัพพอร์ต, ฝ่ายขาย, นักวิเคราะห์การเงิน ✅ Moderna ตั้งเป้า “ไม่ต้องการพนักงานมากกว่าหลักพันคน” เพราะใช้ AI   • จากเดิมที่บริษัทในระดับเดียวกันอาจมีคนเป็นหมื่น ✅ ผลสำรวจในสหรัฐฯ พ.ค. 2025 พบว่า 54% ของพนักงานเชื่อว่า AI กำลังคุกคามงานของตน   • โดยกลุ่มที่เรียนสูงและทำงานสายเทคมีความกังวลมากที่สุด ✅ มีเพียง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ที่ออกมาบอกว่า “มองโลกในแง่ร้ายเกินไป” https://www.techspot.com/news/108552-ford-ceo-warns-generative-ai-could-eliminate-half.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Ford CEO joins list of execs warning AI could eliminate millions of white-collar jobs
    Farley did not elaborate on his views, but he is hardly the only Fortune 500 CEO who believes AI could spell trouble for educated white-collar workers. Leaders...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • SOUTH AMERICA GRAND TOUR
    CARNIVAL 2026
    BRAZIL • ARGENTINA • PERU • CHILE • PATAGONIA

    VIP FRONT SEAT ชมขบวนพาเหรดคาร์นิวัลระดับโลก ที่ริโอ เดอ จาเนโร!

    25 DAYS 21 NIGHTS
    เดินทาง 19 ก.พ. – 15 มี.ค. 2026
    โดยสายการบิน Emirates
    ราคา 629,900.- (รวมทิป ไกด์ + น้ำดื่มตลอดทริป)

    พักโรงแรมระดับ 5 ดาวตลอดเส้นทาง

    เส้นทางทัวร์ในฝัน:
    บราซิล – ริโอ เดอ จาเนโร + รูปปั้นพระเยซูบนเขาคอร์โควาโด + น้ำตกอีกวาสุ + เรือเจ็ทมาคูคู
    เปรู – นั่งรถไฟสู่มาชูปิกชู พักเมืองปาชาปิกชู + ซาเครส วาเลย์ + ล่องเรือตะลุยทะเลสาบติติกาก้า
    ชิลี – ซานติอาโก + เกาะอีสเตอร์ + ชมรูปสลักโมอาย
    อาร์เจนตินา– เอล คาลาฟาเต้ + ธารน้ำแข็ง Perito Moreno + ล่องเรือทะเลสาบอาร์เจนตินา
    เขต ปาตาโกเนีย – อุทยาน Torres del Paine อลังการระดับโลก

    ทริปเดียวครบทุก Bucket List ของทวีปอเมริกาใต้!
    ที่นั่ง VIP มีจำนวนจำกัด

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ec2916

    ดูทัวร์อเมริกาใต้ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/951ea6

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์อเมริกาใต้ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #SouthAmericaGrandTour #Carnival2026 #BrazilArgentinaPeruChile #PatagoniaDreamTrip #LuxuryTravel #เที่ยวหรูระดับพรีเมียม #ชมคาร์นิวัลแบบVIP #ทัวร์อเมริกาใต้สุดอลัง #เที่ยวทั่วโลกกับสไตล์คุณ
    🌎✨ SOUTH AMERICA GRAND TOUR CARNIVAL 2026 🇧🇷🇦🇷🇵🇪🇨🇱 BRAZIL • ARGENTINA • PERU • CHILE • PATAGONIA 🎭 VIP FRONT SEAT ชมขบวนพาเหรดคาร์นิวัลระดับโลก ที่ริโอ เดอ จาเนโร! 📅 25 DAYS 21 NIGHTS 🛫 เดินทาง 19 ก.พ. – 15 มี.ค. 2026 ✈️ โดยสายการบิน Emirates 💰 ราคา 629,900.- (รวมทิป ไกด์ + น้ำดื่มตลอดทริป) 🛏️ พักโรงแรมระดับ 5 ดาวตลอดเส้นทาง 📍 เส้นทางทัวร์ในฝัน: 🇧🇷 บราซิล – ริโอ เดอ จาเนโร + รูปปั้นพระเยซูบนเขาคอร์โควาโด + น้ำตกอีกวาสุ + เรือเจ็ทมาคูคู 🇵🇪 เปรู – นั่งรถไฟสู่มาชูปิกชู พักเมืองปาชาปิกชู + ซาเครส วาเลย์ + ล่องเรือตะลุยทะเลสาบติติกาก้า 🇨🇱 ชิลี – ซานติอาโก + เกาะอีสเตอร์ + ชมรูปสลักโมอาย 🇦🇷 อาร์เจนตินา– เอล คาลาฟาเต้ + ธารน้ำแข็ง Perito Moreno + ล่องเรือทะเลสาบอาร์เจนตินา 🏔️ เขต ปาตาโกเนีย – อุทยาน Torres del Paine อลังการระดับโลก 💼 ทริปเดียวครบทุก Bucket List ของทวีปอเมริกาใต้! 🔥 ที่นั่ง VIP มีจำนวนจำกัด ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ec2916 ดูทัวร์อเมริกาใต้ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/951ea6 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์อเมริกาใต้ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #SouthAmericaGrandTour #Carnival2026 #BrazilArgentinaPeruChile #PatagoniaDreamTrip #LuxuryTravel #เที่ยวหรูระดับพรีเมียม #ชมคาร์นิวัลแบบVIP #ทัวร์อเมริกาใต้สุดอลัง #เที่ยวทั่วโลกกับสไตล์คุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนกลับไปปี 2022 Samsung เริ่มลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ที่เมือง Taylor, Texas ด้วยความหวังจะยึดหัวหาดในตลาดอเมริกา

    → เดิมวางแผนใช้สายการผลิตระดับ 4nm และต่อมาอัปเกรดไปเป็น 2nm เพื่อแข่งขันกับ TSMC/Intel → ทุ่มงบจากเดิม $17B เพิ่มเป็น $44B → รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กว่า $6.6B

    แต่ถึงตอนนี้...อุปกรณ์เครื่องจักรยังไม่ได้ติดตั้ง และแหล่งข่าวบอกว่า เหตุผลสำคัญคือ “ยังไม่มีลูกค้า” และ “ความต้องการชิประดับนี้ในสหรัฐฯ ยังน้อย”

    ตรงกันข้ามกับ TSMC ที่โรงงานในแอริโซนาแม้ผลิตชิปราคาแพงกว่าจากต่างประเทศ แต่ มีลูกค้าเต็มล่วงหน้าถึงปี 2027 แล้ว เช่น Apple, AMD, Nvidia, Qualcomm

    สรุปคือ: Samsung อาจสร้างโรงงานทัน แต่ถ้าไม่มีลูกค้ามารอใช้สายการผลิต — ก็ยังเดินหน้าต่อไม่ได้

    Samsung ชะลอการเปิดโรงงานผลิตชิปที่ Taylor, Texas มูลค่า $44,000 ล้าน  
    • แม้โครงสร้างก่อสร้างจะเสร็จแล้ว 92% ณ มีนาคม 2024  
    • เดิมมีกำหนดแล้วเสร็จเมษายน 2024 แต่ถูกเลื่อนไปตุลาคม

    เหตุหลักของความล่าช้า: “ยังไม่มีลูกค้า และ node 4nm ที่วางแผนไว้ไม่ตรงกับตลาดปัจจุบัน”  
    • บริษัทวางแผนอัปเกรดเป็น 2nm แต่ต้องใช้เวลา–เงิน–คน–เทคโนโลยีจำนวนมาก

    เปรียบเทียบกับ TSMC ที่ Fab 21 ในรัฐแอริโซนา
    • ผลิตชิประดับ 4nm  
    • ลูกค้าหลัก: Apple, AMD, Nvidia, Broadcom  
    • ปริมาณการสั่งผลิตถูกจองหมดถึงปี 2027 แม้ราคาสูง

    Samsung มีตลาดโรงหล่อ (foundry market share) เพียง 7.7% เทียบกับ TSMC ที่ถือ 68%

    แม้เทคโนโลยีพร้อม แต่ยังต้องสร้างทีมงาน ทดสอบอุปกรณ์ และรับมือกับต้นทุนติดตั้งที่สูง (เฉพาะ EUV เครื่องพิมพ์ลายวงจร ก็ใช้เวลาติดตั้งนานมาก)

    Samsung ยืนยันว่าจะเดินหน้าเปิดโรงงานให้ทันปี 2026 เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์เงินสนับสนุนจาก CHIPS Act

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-delays-usd44-billion-texas-chip-fab-sources-say-completion-halted-because-there-are-no-customers
    ย้อนกลับไปปี 2022 Samsung เริ่มลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ที่เมือง Taylor, Texas ด้วยความหวังจะยึดหัวหาดในตลาดอเมริกา → เดิมวางแผนใช้สายการผลิตระดับ 4nm และต่อมาอัปเกรดไปเป็น 2nm เพื่อแข่งขันกับ TSMC/Intel → ทุ่มงบจากเดิม $17B เพิ่มเป็น $44B → รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กว่า $6.6B แต่ถึงตอนนี้...อุปกรณ์เครื่องจักรยังไม่ได้ติดตั้ง และแหล่งข่าวบอกว่า เหตุผลสำคัญคือ “ยังไม่มีลูกค้า” และ “ความต้องการชิประดับนี้ในสหรัฐฯ ยังน้อย” ตรงกันข้ามกับ TSMC ที่โรงงานในแอริโซนาแม้ผลิตชิปราคาแพงกว่าจากต่างประเทศ แต่ มีลูกค้าเต็มล่วงหน้าถึงปี 2027 แล้ว เช่น Apple, AMD, Nvidia, Qualcomm สรุปคือ: Samsung อาจสร้างโรงงานทัน แต่ถ้าไม่มีลูกค้ามารอใช้สายการผลิต — ก็ยังเดินหน้าต่อไม่ได้ ✅ Samsung ชะลอการเปิดโรงงานผลิตชิปที่ Taylor, Texas มูลค่า $44,000 ล้าน   • แม้โครงสร้างก่อสร้างจะเสร็จแล้ว 92% ณ มีนาคม 2024   • เดิมมีกำหนดแล้วเสร็จเมษายน 2024 แต่ถูกเลื่อนไปตุลาคม ✅ เหตุหลักของความล่าช้า: “ยังไม่มีลูกค้า และ node 4nm ที่วางแผนไว้ไม่ตรงกับตลาดปัจจุบัน”   • บริษัทวางแผนอัปเกรดเป็น 2nm แต่ต้องใช้เวลา–เงิน–คน–เทคโนโลยีจำนวนมาก ✅ เปรียบเทียบกับ TSMC ที่ Fab 21 ในรัฐแอริโซนา • ผลิตชิประดับ 4nm   • ลูกค้าหลัก: Apple, AMD, Nvidia, Broadcom   • ปริมาณการสั่งผลิตถูกจองหมดถึงปี 2027 แม้ราคาสูง ✅ Samsung มีตลาดโรงหล่อ (foundry market share) เพียง 7.7% เทียบกับ TSMC ที่ถือ 68% ✅ แม้เทคโนโลยีพร้อม แต่ยังต้องสร้างทีมงาน ทดสอบอุปกรณ์ และรับมือกับต้นทุนติดตั้งที่สูง (เฉพาะ EUV เครื่องพิมพ์ลายวงจร ก็ใช้เวลาติดตั้งนานมาก) ✅ Samsung ยืนยันว่าจะเดินหน้าเปิดโรงงานให้ทันปี 2026 เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์เงินสนับสนุนจาก CHIPS Act https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-delays-usd44-billion-texas-chip-fab-sources-say-completion-halted-because-there-are-no-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Newsstory : 2ปีผ่านมา พรรคส้มก็เหมือนเดิม ธนาธรลั่นเพื่อไทยคือมิตร

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #ธนาธร #ส้มแดง #ส้มผสมแดง #ทักษิณ
    Newsstory : 2ปีผ่านมา พรรคส้มก็เหมือนเดิม ธนาธรลั่นเพื่อไทยคือมิตร #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #ธนาธร #ส้มแดง #ส้มผสมแดง #ทักษิณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ต้องบอกว่า Nvidia ไม่ได้แค่เปิดตัว Grace Blackwell แล้วให้รอกันเป็นปีนะครับ — เพราะตอนนี้ Dell ส่งมอบ “เครื่องจริง” ให้ CoreWeave ใช้งานแล้ว
    → ติดตั้งที่ศูนย์ข้อมูลของ Switch
    → ใช้แร็กแบบ NVL72: ในหนึ่งแร็กมี
     • 72 GPU (Blackwell Ultra)
     • 36 CPU (Grace 72-core)
      • 36 DPU (BlueField)
    → พร้อมเมโมรี HBM3E 20TB และ RAM รวม 40TB
    → แร็กเดียวให้พลัง inferencing 1.1 ExaFLOPS (FP4) และ training 0.36 ExaFLOPS (FP8)
    → ใช้น้ำระบายความร้อน เพราะกินไฟถึง 1,400W ต่อ GPU

    ระบบนี้ยังต่อกันด้วย Nvidia Quantum-X800 InfiniBand และ ConnectX-8 SuperNICs ให้ความเร็วระดับ 14.4 GB/s — แรงกว่า GB200 NVL72 เดิมถึง 2 เท่าในการสื่อสารระหว่างแร็ก

    สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ... → Dell กับ CoreWeave พึ่งติดตั้ง GB200 NVL72 ไปเมื่อ 7 เดือนก่อน แต่ก็อัปเกรดเป็น GB300 Ultra เลย แสดงว่า demand แรงมาก และตลาดไม่รอของเก่าอีกแล้ว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidias-newest-top-tier-ai-supercomputers-deployed-for-the-first-time-grace-blackwell-ultra-superchip-systems-deployed-at-coreweave
    ต้องบอกว่า Nvidia ไม่ได้แค่เปิดตัว Grace Blackwell แล้วให้รอกันเป็นปีนะครับ — เพราะตอนนี้ Dell ส่งมอบ “เครื่องจริง” ให้ CoreWeave ใช้งานแล้ว → ติดตั้งที่ศูนย์ข้อมูลของ Switch → ใช้แร็กแบบ NVL72: ในหนึ่งแร็กมี  • 72 GPU (Blackwell Ultra)  • 36 CPU (Grace 72-core)   • 36 DPU (BlueField) → พร้อมเมโมรี HBM3E 20TB และ RAM รวม 40TB 🔥 → แร็กเดียวให้พลัง inferencing 1.1 ExaFLOPS (FP4) และ training 0.36 ExaFLOPS (FP8) → ใช้น้ำระบายความร้อน เพราะกินไฟถึง 1,400W ต่อ GPU 😮💧 ระบบนี้ยังต่อกันด้วย Nvidia Quantum-X800 InfiniBand และ ConnectX-8 SuperNICs ให้ความเร็วระดับ 14.4 GB/s — แรงกว่า GB200 NVL72 เดิมถึง 2 เท่าในการสื่อสารระหว่างแร็ก สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ... → Dell กับ CoreWeave พึ่งติดตั้ง GB200 NVL72 ไปเมื่อ 7 เดือนก่อน แต่ก็อัปเกรดเป็น GB300 Ultra เลย แสดงว่า demand แรงมาก และตลาดไม่รอของเก่าอีกแล้ว https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidias-newest-top-tier-ai-supercomputers-deployed-for-the-first-time-grace-blackwell-ultra-superchip-systems-deployed-at-coreweave
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าเรามอง mini PC แบบเดิมว่าเล็กน่ารักไว้แค่ทำงานเบา ๆ…อันนี้คือคนละโลกเลยครับ Abee AI Station มาในขนาดตัวเครื่อง 21x22x15 ซม. เท่านั้น — แต่ภายในยัดชิป Ryzen AI Max 395 (Strix Halo) ที่มี 16 คอร์ 32 เธรด + AI NPU แรงระดับ 126 TOPS + GPU Radeon 8600S ความเร็ว 2900MHz และหน่วยความจำรวมถึง 128GB LPDDR5X @8000MT/s กับ GPU memory shared ได้สูงสุดถึง 96GB

    แถมยังใช้ liquid cooling แบบครบชุด มีหม้อน้ำเล็ก ๆ, ปั๊มน้ำในตัว, และพัดลม 92mm คู่ → รองรับการ inferencing model AI ขนาดใหญ่ในเครื่องเดียว ไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ → PSU ก็จัดให้ในตัว 400W (Platinum-rated)

    นอกจากนี้ยังมากับ เมนบอร์ดแบบ ATX12VO custom, รองรับ LAN 2.5GbE และ 10GbE, จอ AOC QHD 27 นิ้ว, กล้อง V700, และชุดคีย์บอร์ด–เมาส์ไร้สายครบเซต

    แม้ยังไม่มี benchmark ภาคสนาม แต่สเปกแบบนี้เรียกได้ว่า “เกินหน้า Mac Studio M2 Ultra” ไปพอสมควรเลยครับ โดยเฉพาะถ้าเน้นใช้งาน AI inference ภายในแบบ local ไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    Abee เปิดตัว Mini PC ชื่อ AI Station ที่ใช้ชิป Ryzen AI Max 395 (Strix Halo)  
    • 16 คอร์ 32 เธรด, Boost ได้ถึง 5.1GHz  
    • NPU รองรับ 126 TOPS, เป็นระดับสูงสุดของฝั่ง AMD ตอนนี้

    มี GPU Radeon 8600S ทำงานที่ 2900MHz + shared memory ได้ถึง 96GB  
    • GPU ในตัว APU แต่แรงพอตัวสำหรับ inferencing

    RAM 128GB LPDDR5X @8000MT/s แบบฝัง (soldered)  
    • เน้นประสิทธิภาพสูง แต่ไม่สามารถอัปเกรดภายหลังได้

    ระบบระบายความร้อนแบบน้ำ ขนาดเล็กในตัวเครื่อง + พัดลม 92mm 2 ตัว  
    • ปั๊มน้ำอยู่บน APU โดยตรง

    PSU แบบ Flex ATX กำลังไฟ 400W ในเครื่อง + เมนบอร์ด ATX12VO แบบ custom  
    • ไม่มีพอร์ตไฟ 24-pin แบบเดิม

    มี LAN 2.5Gbps และ 10Gbps + จอ QHD + กล้อง + คีย์บอร์ด–เมาส์ เป็น Ecosystem พร้อมใช้

    เหมาะกับการรัน AI model ขนาดกลาง–ใหญ่ แบบ local (ไม่ต้องใช้ cloud)  
    • ใช้ได้ทั้ง inference, fine-tune, และ edge AI

    https://www.techradar.com/pro/chinese-vendor-launches-liquid-cooled-mini-pc-powered-by-amds-most-powerful-ai-processor-with-a-built-in-400w-psu
    ถ้าเรามอง mini PC แบบเดิมว่าเล็กน่ารักไว้แค่ทำงานเบา ๆ…อันนี้คือคนละโลกเลยครับ Abee AI Station มาในขนาดตัวเครื่อง 21x22x15 ซม. เท่านั้น — แต่ภายในยัดชิป Ryzen AI Max 395 (Strix Halo) ที่มี 16 คอร์ 32 เธรด + AI NPU แรงระดับ 126 TOPS + GPU Radeon 8600S ความเร็ว 2900MHz และหน่วยความจำรวมถึง 128GB LPDDR5X @8000MT/s กับ GPU memory shared ได้สูงสุดถึง 96GB แถมยังใช้ liquid cooling แบบครบชุด มีหม้อน้ำเล็ก ๆ, ปั๊มน้ำในตัว, และพัดลม 92mm คู่ → รองรับการ inferencing model AI ขนาดใหญ่ในเครื่องเดียว ไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ → PSU ก็จัดให้ในตัว 400W (Platinum-rated) นอกจากนี้ยังมากับ เมนบอร์ดแบบ ATX12VO custom, รองรับ LAN 2.5GbE และ 10GbE, จอ AOC QHD 27 นิ้ว, กล้อง V700, และชุดคีย์บอร์ด–เมาส์ไร้สายครบเซต แม้ยังไม่มี benchmark ภาคสนาม แต่สเปกแบบนี้เรียกได้ว่า “เกินหน้า Mac Studio M2 Ultra” ไปพอสมควรเลยครับ โดยเฉพาะถ้าเน้นใช้งาน AI inference ภายในแบบ local ไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ✅ Abee เปิดตัว Mini PC ชื่อ AI Station ที่ใช้ชิป Ryzen AI Max 395 (Strix Halo)   • 16 คอร์ 32 เธรด, Boost ได้ถึง 5.1GHz   • NPU รองรับ 126 TOPS, เป็นระดับสูงสุดของฝั่ง AMD ตอนนี้ ✅ มี GPU Radeon 8600S ทำงานที่ 2900MHz + shared memory ได้ถึง 96GB   • GPU ในตัว APU แต่แรงพอตัวสำหรับ inferencing ✅ RAM 128GB LPDDR5X @8000MT/s แบบฝัง (soldered)   • เน้นประสิทธิภาพสูง แต่ไม่สามารถอัปเกรดภายหลังได้ ✅ ระบบระบายความร้อนแบบน้ำ ขนาดเล็กในตัวเครื่อง + พัดลม 92mm 2 ตัว   • ปั๊มน้ำอยู่บน APU โดยตรง ✅ PSU แบบ Flex ATX กำลังไฟ 400W ในเครื่อง + เมนบอร์ด ATX12VO แบบ custom   • ไม่มีพอร์ตไฟ 24-pin แบบเดิม ✅ มี LAN 2.5Gbps และ 10Gbps + จอ QHD + กล้อง + คีย์บอร์ด–เมาส์ เป็น Ecosystem พร้อมใช้ ✅ เหมาะกับการรัน AI model ขนาดกลาง–ใหญ่ แบบ local (ไม่ต้องใช้ cloud)   • ใช้ได้ทั้ง inference, fine-tune, และ edge AI https://www.techradar.com/pro/chinese-vendor-launches-liquid-cooled-mini-pc-powered-by-amds-most-powerful-ai-processor-with-a-built-in-400w-psu
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้ใครที่ใช้โน้ตบุ๊กแล้วอยากเพิ่มพลังการ์ดจอ ต้องพึ่ง eGPU ที่ใช้ Thunderbolt 3 หรือ 4 ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องแบนด์วิดธ์ — พอมาเจอ Thunderbolt 5 ที่วิ่งได้ถึง 80 Gbps (จากเดิม 40–64 Gbps) การส่งข้อมูลกราฟิกจะเร็วกว่าเดิมชัดเจน → ทำให้ภาพลื่นขึ้น การตอบสนองเร็วขึ้น โดยเฉพาะในเกม AAA หรือการเรนเดอร์ภาพ/โมเดล AI

    ONE-NETBOOK เคยเปิดตัว ONEXGPU รุ่นแรกที่ใช้ OCulink (64 Gbps) มาก่อน
    → ตอนนี้รุ่นใหม่จะเปลี่ยนมาใช้ Thunderbolt 5, เพิ่มแบนด์วิดธ์อีก 16 Gbps
    → ดีไซน์ใหม่, ระบบระบายความร้อนดีขึ้น, มีไฟ LED ด้านหน้าเพื่อความสวยงาม
    → แม้ยังไม่เปิดสเปกทั้งหมด แต่คาดว่าจะมี ช่อง M.2 SSD แบบ PCIe 4.0 หรือ 5.0, USB-A/USB-C, และพอร์ตชาร์จ (PD) เหมือนรุ่นก่อน

    eGPU รุ่นใหม่นี้ถือเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจของ ROG XG Mobile และ Minisforum MGA 1 ที่ใช้ RX 7600M XT เช่นกัน
    → จุดเด่นของ ONE-NETBOOK คือ “ขนาดเล็กแบบพกพาใส่กระเป๋าได้” แถมราคาน่าจะไม่แรงเท่าคู่แข่งจากแบรนด์ใหญ่

    https://wccftech.com/one-netbook-prepares-worlds-first-thunderbolt-5-based-rx-7600m-xt-egpu/
    ก่อนหน้านี้ใครที่ใช้โน้ตบุ๊กแล้วอยากเพิ่มพลังการ์ดจอ ต้องพึ่ง eGPU ที่ใช้ Thunderbolt 3 หรือ 4 ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องแบนด์วิดธ์ — พอมาเจอ Thunderbolt 5 ที่วิ่งได้ถึง 80 Gbps (จากเดิม 40–64 Gbps) การส่งข้อมูลกราฟิกจะเร็วกว่าเดิมชัดเจน → ทำให้ภาพลื่นขึ้น การตอบสนองเร็วขึ้น โดยเฉพาะในเกม AAA หรือการเรนเดอร์ภาพ/โมเดล AI ONE-NETBOOK เคยเปิดตัว ONEXGPU รุ่นแรกที่ใช้ OCulink (64 Gbps) มาก่อน → ตอนนี้รุ่นใหม่จะเปลี่ยนมาใช้ Thunderbolt 5, เพิ่มแบนด์วิดธ์อีก 16 Gbps → ดีไซน์ใหม่, ระบบระบายความร้อนดีขึ้น, มีไฟ LED ด้านหน้าเพื่อความสวยงาม → แม้ยังไม่เปิดสเปกทั้งหมด แต่คาดว่าจะมี ช่อง M.2 SSD แบบ PCIe 4.0 หรือ 5.0, USB-A/USB-C, และพอร์ตชาร์จ (PD) เหมือนรุ่นก่อน eGPU รุ่นใหม่นี้ถือเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจของ ROG XG Mobile และ Minisforum MGA 1 ที่ใช้ RX 7600M XT เช่นกัน → จุดเด่นของ ONE-NETBOOK คือ “ขนาดเล็กแบบพกพาใส่กระเป๋าได้” แถมราคาน่าจะไม่แรงเท่าคู่แข่งจากแบรนด์ใหญ่ https://wccftech.com/one-netbook-prepares-worlds-first-thunderbolt-5-based-rx-7600m-xt-egpu/
    WCCFTECH.COM
    ONE-NETBOOK Prepares World's First ThunderBolt 5-Based RX 7600M XT eGPU
    OneXPlayer has introduced the first-ever RX 7600M XT eGPU with Thunderbolt 5 interface, delivering greater bandwidth than before.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Your” vs. “You’re”: How To Choose The Right Word

    Did you know English is frequently cited as a very hard language to learn? Hmm, we wonder why?

    Well, its difficulty explains the mistakes we all make when speaking. But writing in English has its own unique set of challenges. One of the most common mistakes is telling you’re and your apart.

    They look similar, right? Even if they sound the same and look like fraternal twins, they serve two distinct and different purposes.

    When to use you’re

    Let’s take a look at you’re first.

    You’re is a contraction of the phrase you are. Easy enough to remember. Here’s how it looks in a few sentences:

    • You’re my best friend!
    • I think you’re the perfect match for the job.
    • Make sure you’re healthy.

    Any of these sentences would read the exact same way if you are replaced you’re.

    When to use your

    Your is a possessive adjective used to show ownership. It is not a contraction. Your is usually followed by a noun (including gerunds).

    Take these sentences, for example:

    • Your hair looks great today!
    • I wish I had your energy.
    • Has all your running around made you tired?

    If you added you are in the place of your in these sentences, they would not make sense.

    Why isn’t there an apostrophe for the possessive your?

    A big reason why people get these confused is the association of apostrophes with possession, such as:

    • That is George’s dog.
    • Susan’s cake won the baking competition.

    And that makes it easy to forget the differences between your and you’re when in the thick of writing. But don’t fret, there are ways to remember whether you need your or you’re.

    Tips

    Your first line of defense is to stop the mistake before it reaches the page. Identify which of the words has the apostrophe.

    Step 2: reread your writing and say “you are” instead of using the contraction. This editing tip will snuff out most misuse of the two words.

    Let’s test your new skills. Can you identify if your and you’re are used correctly in these sentences?

    • Your so talented at playing you’re piano.
    • It’s important you express your emotions.
    • Washing your clothes is necessary.

    Both your and you’re are incorrectly used in the first sentence; they should be switched. It should look like this instead: You’re so talented at playing your piano. In the second sentence, your is the correct word to use. The third sentence is correct. How did you do?

    Thankfully, once you understand the key differences, the correct use of these terms should be the least of your worries. You can move on to other more challenging and frequently mixed-up pairs, like affect vs. effect, complement vs. compliment, or even infamous vs. notorious!

    In no time, you’ll have conquered the English language.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Your” vs. “You’re”: How To Choose The Right Word Did you know English is frequently cited as a very hard language to learn? Hmm, we wonder why? Well, its difficulty explains the mistakes we all make when speaking. But writing in English has its own unique set of challenges. One of the most common mistakes is telling you’re and your apart. They look similar, right? Even if they sound the same and look like fraternal twins, they serve two distinct and different purposes. When to use you’re Let’s take a look at you’re first. You’re is a contraction of the phrase you are. Easy enough to remember. Here’s how it looks in a few sentences: • You’re my best friend! • I think you’re the perfect match for the job. • Make sure you’re healthy. Any of these sentences would read the exact same way if you are replaced you’re. When to use your Your is a possessive adjective used to show ownership. It is not a contraction. Your is usually followed by a noun (including gerunds). Take these sentences, for example: • Your hair looks great today! • I wish I had your energy. • Has all your running around made you tired? If you added you are in the place of your in these sentences, they would not make sense. Why isn’t there an apostrophe for the possessive your? A big reason why people get these confused is the association of apostrophes with possession, such as: • That is George’s dog. • Susan’s cake won the baking competition. And that makes it easy to forget the differences between your and you’re when in the thick of writing. But don’t fret, there are ways to remember whether you need your or you’re. Tips Your first line of defense is to stop the mistake before it reaches the page. Identify which of the words has the apostrophe. Step 2: reread your writing and say “you are” instead of using the contraction. This editing tip will snuff out most misuse of the two words. Let’s test your new skills. Can you identify if your and you’re are used correctly in these sentences? • Your so talented at playing you’re piano. • It’s important you express your emotions. • Washing your clothes is necessary. Both your and you’re are incorrectly used in the first sentence; they should be switched. It should look like this instead: You’re so talented at playing your piano. In the second sentence, your is the correct word to use. The third sentence is correct. How did you do? Thankfully, once you understand the key differences, the correct use of these terms should be the least of your worries. You can move on to other more challenging and frequently mixed-up pairs, like affect vs. effect, complement vs. compliment, or even infamous vs. notorious! In no time, you’ll have conquered the English language. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว