• ‘สม รังสี’แฉเหยื่อกว่า 120,000 คนในกัมพูชา ถูกขังใน 53 ตึก โดนบังคับใช้เป็นทาสมาเฟียจีน ชี้ "ฮุน เซน" หนุนหลัง
    https://www.thai-tai.tv/news/20214/
    .
    #สมรังสี #กัมพูชา #แรงงานทาส #ค้ามนุษย์ #แอมเนสตี้ #ฮุนเซน #มาเฟียจีน #อาชญากรรมข้ามชาติ #ไทยกัมพูชา #ความตึงเครียดชายแดน
    ‘สม รังสี’แฉเหยื่อกว่า 120,000 คนในกัมพูชา ถูกขังใน 53 ตึก โดนบังคับใช้เป็นทาสมาเฟียจีน ชี้ "ฮุน เซน" หนุนหลัง https://www.thai-tai.tv/news/20214/ . #สมรังสี #กัมพูชา #แรงงานทาส #ค้ามนุษย์ #แอมเนสตี้ #ฮุนเซน #มาเฟียจีน #อาชญากรรมข้ามชาติ #ไทยกัมพูชา #ความตึงเครียดชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไบเดนย่องเงียบ" อนุมัติแผนการขายอาวุธ 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล

    กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อรัฐสภา "อย่างไม่เป็นทางการ" ถึงข้อเสนอข้อตกลงด้านอาวุธมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์กับอิสราเอล ซึ่งจะรวมถึงอาวุธสำหรับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมถึงกระสุนปืนใหญ่

    แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อรัฐสภาว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "สนับสนุนความมั่นคงในระยะยาวของอิสราเอลโดยการจัดหาอาวุธสำคัญและความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม"

    "ประธานาธิบดีได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องพลเมืองของตน สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และในการยับยั้งการรุกรานจากอิหร่านและองค์กรตัวแทนของอิหร่าน" เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว

    การขายอาวุธครั้งนี้รวมถึงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-120C-8 AMRAAM สำหรับเครื่องบินขับไล่เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงโดรน

    ยังรวมถึงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และขีปนาวุธ Hellfire AGM-114 สำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตีด้วย

    ข้อตกลงที่เสนอนี้ยังรวมถึงระเบิดขนาดเล็ก ระเบิดดัดแปลง JDAM ที่มีหัวรบขนาด 500 ปอนด์

    ในขณะที่:
    - แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - ฮิวแมนไรท์วอทช์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - รายงานของสหประชาชาติ: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - นักวิชาการด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC): กำลังดำเนินคดีกับเนทันยาฮูในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - แต่ไบเดนยังคงเดินหน้าขายอาวุธอีก 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล
    "ไบเดนย่องเงียบ" อนุมัติแผนการขายอาวุธ 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อรัฐสภา "อย่างไม่เป็นทางการ" ถึงข้อเสนอข้อตกลงด้านอาวุธมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์กับอิสราเอล ซึ่งจะรวมถึงอาวุธสำหรับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมถึงกระสุนปืนใหญ่ แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อรัฐสภาว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "สนับสนุนความมั่นคงในระยะยาวของอิสราเอลโดยการจัดหาอาวุธสำคัญและความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม" "ประธานาธิบดีได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องพลเมืองของตน สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และในการยับยั้งการรุกรานจากอิหร่านและองค์กรตัวแทนของอิหร่าน" เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว การขายอาวุธครั้งนี้รวมถึงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-120C-8 AMRAAM สำหรับเครื่องบินขับไล่เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงโดรน ยังรวมถึงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และขีปนาวุธ Hellfire AGM-114 สำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตีด้วย ข้อตกลงที่เสนอนี้ยังรวมถึงระเบิดขนาดเล็ก ระเบิดดัดแปลง JDAM ที่มีหัวรบขนาด 500 ปอนด์ ในขณะที่: - แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - ฮิวแมนไรท์วอทช์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - รายงานของสหประชาชาติ: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - นักวิชาการด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC): กำลังดำเนินคดีกับเนทันยาฮูในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - แต่ไบเดนยังคงเดินหน้าขายอาวุธอีก 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล
    Sad
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    อเมริกาใบ้กิน! หลังโดนถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan ในกาซา ซึ่งรวมถึงการหายตัวไปของผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการกักขังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan

    “สิทธิมนุษยชนและการยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลนี้ เรายืนยันในเรื่องนี้ใช่ไหม” นักข่าวเริ่มต้นด้วยการถามหลอกล่อ Karine Jean-Pierre โฆษกทำเนียบขาวของรัฐบาลไบเดน

    “ไม่โต้แย้ง คุณพูดถูก” Karine Jean-Pierre หลงกลตอบด้วยความใสซื่อ โดยไม่รู้เลยว่านักข่าวเตรียมคำถามเด็ดไว้แล้ว!

    ไม่ทันที่โฆษกทำเนียบขาวจะตั้งตัว นักข่าวจึงเริ่มถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล Dr. Hussam Abu Safiya ซึ่งถูกจับกุมหลังจากกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปในโรงพยาบาล ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซา ส่งผลให้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกมาประกาศแสดงความกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเขา และยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนจนถึงขณะนี้

    “ทำเนียบขาวมีแนวทางจะทำอะไร เพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยไหม” นักข่าวถาม
    “เอ่อ.. ฉันไม่มีอะไรจะแบ่งปันเกี่ยวกับเรื่องนั้น” ฌอง-ปิแอร์กล่าวโดยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม

    “แต่การจับกุมแพทย์จะไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศหรือ” นักข่าวยังไล่จี้ไม่หยุด

    “ฉันจะระมัดระวังเป็นพิเศษและปล่อยมันไว้แบบนั้น” ในที่สุด ฌอง-ปิแอร์ ก็เข้าสู่การ "ถามวัวตอบควาย"

    วิดีโอ2- สื่อนำเสนอภาพกองกำลังอิสราเอลบุกทำลายโรงพยาบาล Kamal Adwan เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ดร. ฮุสซัม อาบู ซาฟิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Kamal Adwan ได้รับบาดเจ็บที่ขาจากการโจมตีของอิสราเอล ตามรายงาน การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่สถานีจ่ายออกซิเจนของโรงพยาบาล

    วิดีโอ3- เพียงไม่กี่นาทีก่อนการโจมตี ดร. อาบู ซาฟิยาได้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลต่อสถานพยาบาล
    3/ อเมริกาใบ้กิน! หลังโดนถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan ในกาซา ซึ่งรวมถึงการหายตัวไปของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการกักขังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan “สิทธิมนุษยชนและการยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลนี้ เรายืนยันในเรื่องนี้ใช่ไหม” นักข่าวเริ่มต้นด้วยการถามหลอกล่อ Karine Jean-Pierre โฆษกทำเนียบขาวของรัฐบาลไบเดน “ไม่โต้แย้ง คุณพูดถูก” Karine Jean-Pierre หลงกลตอบด้วยความใสซื่อ โดยไม่รู้เลยว่านักข่าวเตรียมคำถามเด็ดไว้แล้ว! ไม่ทันที่โฆษกทำเนียบขาวจะตั้งตัว นักข่าวจึงเริ่มถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล Dr. Hussam Abu Safiya ซึ่งถูกจับกุมหลังจากกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปในโรงพยาบาล ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซา ส่งผลให้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกมาประกาศแสดงความกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเขา และยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนจนถึงขณะนี้ “ทำเนียบขาวมีแนวทางจะทำอะไร เพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยไหม” นักข่าวถาม “เอ่อ.. ฉันไม่มีอะไรจะแบ่งปันเกี่ยวกับเรื่องนั้น” ฌอง-ปิแอร์กล่าวโดยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม “แต่การจับกุมแพทย์จะไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศหรือ” นักข่าวยังไล่จี้ไม่หยุด “ฉันจะระมัดระวังเป็นพิเศษและปล่อยมันไว้แบบนั้น” ในที่สุด ฌอง-ปิแอร์ ก็เข้าสู่การ "ถามวัวตอบควาย" วิดีโอ2- สื่อนำเสนอภาพกองกำลังอิสราเอลบุกทำลายโรงพยาบาล Kamal Adwan เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ดร. ฮุสซัม อาบู ซาฟิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Kamal Adwan ได้รับบาดเจ็บที่ขาจากการโจมตีของอิสราเอล ตามรายงาน การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่สถานีจ่ายออกซิเจนของโรงพยาบาล วิดีโอ3- เพียงไม่กี่นาทีก่อนการโจมตี ดร. อาบู ซาฟิยาได้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลต่อสถานพยาบาล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 815 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • 2/
    อเมริกาใบ้กิน! หลังโดนถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan ในกาซา ซึ่งรวมถึงการหายตัวไปของผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการกักขังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan

    “สิทธิมนุษยชนและการยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลนี้ เรายืนยันในเรื่องนี้ใช่ไหม” นักข่าวเริ่มต้นด้วยการถามหลอกล่อ Karine Jean-Pierre โฆษกทำเนียบขาวของรัฐบาลไบเดน

    “ไม่โต้แย้ง คุณพูดถูก” Karine Jean-Pierre หลงกลตอบด้วยความใสซื่อ โดยไม่รู้เลยว่านักข่าวเตรียมคำถามเด็ดไว้แล้ว!

    ไม่ทันที่โฆษกทำเนียบขาวจะตั้งตัว นักข่าวจึงเริ่มถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล Dr. Hussam Abu Safiya ซึ่งถูกจับกุมหลังจากกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปในโรงพยาบาล ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซา ส่งผลให้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกมาประกาศแสดงความกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเขา และยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนจนถึงขณะนี้

    “ทำเนียบขาวมีแนวทางจะทำอะไร เพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยไหม” นักข่าวถาม
    “เอ่อ.. ฉันไม่มีอะไรจะแบ่งปันเกี่ยวกับเรื่องนั้น” ฌอง-ปิแอร์กล่าวโดยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม

    “แต่การจับกุมแพทย์จะไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศหรือ” นักข่าวยังไล่จี้ไม่หยุด

    “ฉันจะระมัดระวังเป็นพิเศษและปล่อยมันไว้แบบนั้น” ในที่สุด ฌอง-ปิแอร์ ก็เข้าสู่การ "ถามวัวตอบควาย"

    วิดีโอ2- สื่อนำเสนอภาพกองกำลังอิสราเอลบุกทำลายโรงพยาบาล Kamal Adwan เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ดร. ฮุสซัม อาบู ซาฟิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Kamal Adwan ได้รับบาดเจ็บที่ขาจากการโจมตีของอิสราเอล ตามรายงาน การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่สถานีจ่ายออกซิเจนของโรงพยาบาล

    วิดีโอ3- เพียงไม่กี่นาทีก่อนการโจมตี ดร. อาบู ซาฟิยาได้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลต่อสถานพยาบาล
    2/ อเมริกาใบ้กิน! หลังโดนถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan ในกาซา ซึ่งรวมถึงการหายตัวไปของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการกักขังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan “สิทธิมนุษยชนและการยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลนี้ เรายืนยันในเรื่องนี้ใช่ไหม” นักข่าวเริ่มต้นด้วยการถามหลอกล่อ Karine Jean-Pierre โฆษกทำเนียบขาวของรัฐบาลไบเดน “ไม่โต้แย้ง คุณพูดถูก” Karine Jean-Pierre หลงกลตอบด้วยความใสซื่อ โดยไม่รู้เลยว่านักข่าวเตรียมคำถามเด็ดไว้แล้ว! ไม่ทันที่โฆษกทำเนียบขาวจะตั้งตัว นักข่าวจึงเริ่มถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล Dr. Hussam Abu Safiya ซึ่งถูกจับกุมหลังจากกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปในโรงพยาบาล ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซา ส่งผลให้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกมาประกาศแสดงความกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเขา และยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนจนถึงขณะนี้ “ทำเนียบขาวมีแนวทางจะทำอะไร เพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยไหม” นักข่าวถาม “เอ่อ.. ฉันไม่มีอะไรจะแบ่งปันเกี่ยวกับเรื่องนั้น” ฌอง-ปิแอร์กล่าวโดยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม “แต่การจับกุมแพทย์จะไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศหรือ” นักข่าวยังไล่จี้ไม่หยุด “ฉันจะระมัดระวังเป็นพิเศษและปล่อยมันไว้แบบนั้น” ในที่สุด ฌอง-ปิแอร์ ก็เข้าสู่การ "ถามวัวตอบควาย" วิดีโอ2- สื่อนำเสนอภาพกองกำลังอิสราเอลบุกทำลายโรงพยาบาล Kamal Adwan เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ดร. ฮุสซัม อาบู ซาฟิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Kamal Adwan ได้รับบาดเจ็บที่ขาจากการโจมตีของอิสราเอล ตามรายงาน การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่สถานีจ่ายออกซิเจนของโรงพยาบาล วิดีโอ3- เพียงไม่กี่นาทีก่อนการโจมตี ดร. อาบู ซาฟิยาได้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลต่อสถานพยาบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 805 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • 1/
    อเมริกาใบ้กิน! หลังโดนถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan ในกาซา ซึ่งรวมถึงการหายตัวไปของผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการกักขังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan

    “สิทธิมนุษยชนและการยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลนี้ เรายืนยันในเรื่องนี้ใช่ไหม” นักข่าวเริ่มต้นด้วยการถามหลอกล่อ Karine Jean-Pierre โฆษกทำเนียบขาวของรัฐบาลไบเดน

    “ไม่โต้แย้ง คุณพูดถูก” Karine Jean-Pierre หลงกลตอบด้วยความใสซื่อ โดยไม่รู้เลยว่านักข่าวเตรียมคำถามเด็ดไว้แล้ว!

    ไม่ทันที่โฆษกทำเนียบขาวจะตั้งตัว นักข่าวจึงเริ่มถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล Dr. Hussam Abu Safiya ซึ่งถูกจับกุมหลังจากกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปในโรงพยาบาล ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซา ส่งผลให้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกมาประกาศแสดงความกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเขา และยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนจนถึงขณะนี้

    “ทำเนียบขาวมีแนวทางจะทำอะไร เพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยไหม” นักข่าวถาม
    “เอ่อ.. ฉันไม่มีอะไรจะแบ่งปันเกี่ยวกับเรื่องนั้น” ฌอง-ปิแอร์กล่าวโดยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม

    “แต่การจับกุมแพทย์จะไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศหรือ” นักข่าวยังไล่จี้ไม่หยุด

    “ฉันจะระมัดระวังเป็นพิเศษและปล่อยมันไว้แบบนั้น” ในที่สุด ฌอง-ปิแอร์ ก็เข้าสู่การ "ถามวัวตอบควาย"

    วิดีโอ2- สื่อนำเสนอภาพกองกำลังอิสราเอลบุกทำลายโรงพยาบาล Kamal Adwan เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ดร. ฮุสซัม อาบู ซาฟิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Kamal Adwan ได้รับบาดเจ็บที่ขาจากการโจมตีของอิสราเอล ตามรายงาน การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่สถานีจ่ายออกซิเจนของโรงพยาบาล

    วิดีโอ3- เพียงไม่กี่นาทีก่อนการโจมตี ดร. อาบู ซาฟิยาได้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลต่อสถานพยาบาล
    1/ อเมริกาใบ้กิน! หลังโดนถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan ในกาซา ซึ่งรวมถึงการหายตัวไปของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการกักขังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan “สิทธิมนุษยชนและการยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลนี้ เรายืนยันในเรื่องนี้ใช่ไหม” นักข่าวเริ่มต้นด้วยการถามหลอกล่อ Karine Jean-Pierre โฆษกทำเนียบขาวของรัฐบาลไบเดน “ไม่โต้แย้ง คุณพูดถูก” Karine Jean-Pierre หลงกลตอบด้วยความใสซื่อ โดยไม่รู้เลยว่านักข่าวเตรียมคำถามเด็ดไว้แล้ว! ไม่ทันที่โฆษกทำเนียบขาวจะตั้งตัว นักข่าวจึงเริ่มถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล Kamal Adwan รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล Dr. Hussam Abu Safiya ซึ่งถูกจับกุมหลังจากกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปในโรงพยาบาล ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซา ส่งผลให้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกมาประกาศแสดงความกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเขา และยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนจนถึงขณะนี้ “ทำเนียบขาวมีแนวทางจะทำอะไร เพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยไหม” นักข่าวถาม “เอ่อ.. ฉันไม่มีอะไรจะแบ่งปันเกี่ยวกับเรื่องนั้น” ฌอง-ปิแอร์กล่าวโดยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม “แต่การจับกุมแพทย์จะไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศหรือ” นักข่าวยังไล่จี้ไม่หยุด “ฉันจะระมัดระวังเป็นพิเศษและปล่อยมันไว้แบบนั้น” ในที่สุด ฌอง-ปิแอร์ ก็เข้าสู่การ "ถามวัวตอบควาย" วิดีโอ2- สื่อนำเสนอภาพกองกำลังอิสราเอลบุกทำลายโรงพยาบาล Kamal Adwan เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ดร. ฮุสซัม อาบู ซาฟิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Kamal Adwan ได้รับบาดเจ็บที่ขาจากการโจมตีของอิสราเอล ตามรายงาน การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่สถานีจ่ายออกซิเจนของโรงพยาบาล วิดีโอ3- เพียงไม่กี่นาทีก่อนการโจมตี ดร. อาบู ซาฟิยาได้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลต่อสถานพยาบาล
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 790 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • Google และแอมเนสตี้ได้เห็นหลักฐานว่าช่องโหว่ของชิปเซ็ต Qualcomm หมายเลข CVE-2024-43047 อาจถูกใช้ประโยชน์ในวงกว้าง จากการถูกควบคุมระยะไกลผ่านการใช้ช่องโหว่นี้

    #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม
    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    #ThaiTimes
    Google และแอมเนสตี้ได้เห็นหลักฐานว่าช่องโหว่ของชิปเซ็ต Qualcomm หมายเลข CVE-2024-43047 อาจถูกใช้ประโยชน์ในวงกว้าง จากการถูกควบคุมระยะไกลผ่านการใช้ช่องโหว่นี้ #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี #ThaiTimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 944 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นับจากนี้ไปคนไทยจะตาสว่างเสียที
    ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส ในประเทศไทย
    มีมาโดยตลอด แต่อดีตจะทำแบบแอบๆทำ รู้กันเฉพาะกลุ่ม
    ภายใต้หนังสือและเว็บไซต์ที่ชื่อฟ้าเดียวกันที่มีเนื้อหา
    ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ให้ร้ายต่อสถาบันกษัตรย์
    คาดว่าในเวลานั้น ธนาธรใช้ทุนส่วนตัวในการเคลื่อนไหวอย่างไม่กระโตกกระตากนัก โดยมีนายชัยธวัชหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้ายก่อนถูกยุบเป็นบรรณาธิการอย่างเปิดเผย
    แต่วันหนึ่ง ธนาธร ช่อ และปิยบุตร เหมือนได้พลังวิเศษ
    คิดใหญ่ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในช่วงแรก
    คนไทยยังรู้สึกถึงความหวังว่าการเมืองในประเทศไทย
    น่าจะเปลี่ยนไปได้ด้วยมือของคนรุ่นใหม่
    ทำให้ได้คะแนนเสียงมากอย่างน่าตกใจ
    รวมถึงการนำระบบไอโอบอท มาใช้ก่อนใคร
    ปั้นกระแสทวิตเตอร์ กำหนดเทรนให้มีแต่เรื่องราวของพรรคอนาคตใหม่
    ทำให้สื่อทุกสำนักวนเวียนอยู่แต่กับพรรคและคนของพรรคอนาคตใหม่เวลานั้น จนทำให้เกิดอุปทานหมู่ เวลาใครไปคอมเม้นตรงข้าม ก็ใช้บอทไอโอเข้าไปถล่ม จนคนคิดต่างไม่กล้าไปยุ่งเพราะเข้าใจว่า บอทไอโอคือคนจริงๆ
    เกิดปรากฏการคอมเม้นเป็นรูปส้มพร้อมกัน
    แต่เรื่องก็มาแตก ที่วิโรจน์ถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์มือถือหลายสิบเครื่องที่เป็นอุปกรณ์บอทไอโอที่นำเข้าระบบมาจากเวียดนาม
    แต่ตอนนี้ ทุกแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและป้องกันบอทไอโอและลบแอคเค้าบอทออกจากระบบแทบเกลี้ยง ทำให้ทุกวันนี้แม้แต่ไลฟ์สดของหัวหน้าพรรคเอง หรือนายพิธาก็ยังมีคนดูแค่สามสี่ร้อยคน
    ยังรวมไปถึงการที่พรรคก้าวไกลไม่กล้าทำในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่อกฏหมาย
    ก็ยังมีงบจำนวนมหาศาลที่มีหลักฐานและพยานว่าบุ้งได้รับมาจากการส่งภาพการก่อความวุ่นวายจากสมุน และได้ตังมาก็เอามาเปย์ผู้ และให้เด็กในสังกัดกินอดๆอยากๆ แต่ต้นทางน้ำมานั้น จำนวนมหาศาล ถึงขนาดที่ตรวจสอบบัญชีเพนกวิ้น มีไม่ต่ำกว่า ุ60 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลับเซิทหาได้เป็นข้อมูลจากทางการไทยเองและทรายเจริญปุระ ก็เคยออกมาคอนเฟิร์มเองด้วยซ้ำ
    คำถามว่า งบทำบอทไอโอ งบสร้างความวุ่นวายในนามกลุ่มทะลุวัง หรือ งบในการสร้างพรรค มันเอามาจากไหนกันนะ
    ก็พบว่ามีการสืบเส้นทางการเงินมีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่งของต่างชาติ เป็นจุดเชื่อมโยงเงินจากบางคนในสหรัฐเข้ากระเป๋าคนเหล่านี้
    จนในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิด ด้วยการที่ผู้นำจิตวิญญาณของอนาคตใหม่หรือพรรคก้าวไกล ต่างเข้านอกออกในสถานฑูตสหรัฐประจำประเทศไทยเป็นว่าเล่น ไม่เว้นแม้แต่เสี่ยเพนกวิ้นเช่นกัน
    จนมาถึงวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ก้าวไกลเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรเป็นประมุข
    องค์กรแอมเนสตี้ ถึงขนาดออกอาการเหิมเกริม สั่งศาลรัฐธรรมนูญให้รีบกลับคำตัดสิน ซึ่งไม่เคยมีเหตุการละเมิดศาลจากองค์กรต่างชาติแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย
    นอกจากนั้น ทูต 18 ประเทศ ที่ทำเกินหน้าที่การเป็นทูตประจำประเทศไทย รวมไปถึง สว.สหรัฐก็ออกมาขู่ศาลไทย อย่างกร่างๆ
    ดังนั้น ที่คิงส์โพธิ์แดงเคยให้ข้อมูลว่า เมกาคือผู้อยู่เ้บื้องหลัง
    ความพยายามในการก้าวก่าย และให้การสนับสนุนส่งเสริมกลุ่มคนที่ให้ร้ายจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตรย์มาโดยตลอดนั้น ก็คือสหรัฐอเมริกา
    ที่มีเป้าหมายในการแก้ไขม.112 นั้น มีความชัดเจนแม้ว่าหากตัดข้อนี้ไปพรรคอื่นๆก็พร้อมร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่เพราะเหตุใดทั้งพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล จึงยืนยันในจุดยืนนี้มาตลอด
    นั่นก็เพราะงบประมาณที่ให้การสนับสนุน ก็ให้มาทำเรื่องนี้โดยตรง
    เพราะการที่แก้ไขม112 โดยการให้ร้าย บิดเบือน พระมหากษัตย์ได้โดยผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยท ก็คุ้มค่าต่อความเสี่ยงที่จะปั้นแต่งปลุกปั่นให้คนไทยรุ่นใหม่ มีความชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสหรัฐไม่มีฐานทัพในโซนนี้ หากได้ประเทศไทยในการตั้งฐานทัพด้วยการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถส่งจรวดไปจีนได้ในระยะวิถีกรณีมีความขัดแย้งกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ (ซึ่งข้อมูลเรื่องสหรัฐมีเป้าหมายตั้งฐานทัพในประเทศไทย มีหลักฐานอยู่ทั้งที่วิทยาลัยป้องกันราชอนาจักร และฝ่ายความมั่นคงจำนวนไม่น้อย)
    ....และโดยเฉพาะตอนนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ใช้สูตรทางเศรษฐกิจและการลงทุนเข้ามาขายอนาเขตแบบเนียนๆทั้งกำพูชา สปปลาว และพม่าแล้ว เหลือแค่ไทยที่ขยับเข้ามาได้ยากกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากนักแต่ก็มาแล้วพอสมควรทีเดียว
    แต่สหรัฐที่ยังไม่สามารถมาตั้งฐานทัพในประเทศไทยหรือยึดประเทศไทยได้นั้น เพราะประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตรที่ทรงอยู่เหนือการเมือง เป็นผู้ทรงให้ทรงเมตตาต่อพสกนิกรในทุกยุคทุกรัชสมัยจวบถึงปัจจุบัน มีผู้จงรักษภักดีต่อพระองค์ที่รักษาปกป้องไว้ซึ่งสามสถาบันหลักที่ยืนหยัดมั่นคงในความเป็นชาติได้ ดังนั้น ม.112 จึงเป็นกูญแจสำคัญที่ก้าวไกลและอนาคตใหม่พยายามผลักดันกฏหมายด้วยวาทะกรรมต่างๆให้ผู้หมิ่นสถาบันผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยตามกฏหมายนั่นเอง ไม่มีสถาบันกษัตริย์ก็สิ้นชาติ
    หากสังเกตุให้ดีแม้กระทั่งมีเป้าหมายลดกำลังทหาร ก็เพื่อบั่นทอนความมั่นคงของชาติ โดยนำจุดบกพร่องเพียงส่วนน้อย มาตีให้เป็นเรื่อง่ส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความชอบธรรมและได้คะแนนเสียงกับกลุ่มเด็กโตที่กำลังจะเกณฑ์และกลัวการเป็นทหารมาเป็นคะแนนเสียงร่วม และพฤติกรรมที่สร้างแนวคิดไม่ให้ลูกมีความกตัญญูกับพ่อแม่ นั่นก็เพราะเมื่อเด็กห่างอกพ่อแม่ก็จะสามารถชักจูงได้โดยง่าย และเป็นฐานมวลชนที่พวกเขาเหล่านี้จูงไปไหนก็ไป
    ดังนั้น ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่คิงส์โพธิ์แดง นำเสนอมาโดยตลอด และทุกอย่างในข้อมูลของโพสนี้ได้มอบให้นั้น ล้วนมีหลักฐาน มีพยานที่หาได้ไม่ยากเลย
    ยกตัวอย่างเช่น ภาพเพนกวิ้น ที่เข้านอกออกในสถานฑุตสหรัฐก็มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น
    ดังนั้นพี่น้องชาวไทยอย่าแปลกใจถึงการเคลื่อนไหวขององค์กรอิสระต่างชาติ หรือแม้กระทั่ง นาโต้ un รวมถึงความพยายามกดดันโดนทูตตะวันตกประจำประเทศไทย นั่นเพราะเรามีกลุ่มค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส-ต-ก-ยุ-ค อย่าธร ข่อ ปิยะบุตร และตัวแม่อย่างเจี๊ยบอมรัตน์ที่คิดว่าจะห-ล-อ-ก ใช้งบและอำนาจของสหรัฐและกลุ่มยุโรปเพื่อสานฝันของตัวเอง แต่แท้ที่จริงกลับถูกเค้าใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือยึดประเทศไทยเป็นฐานไม่รู้ตัว และมีคนอยากดังแบบพิธา ไอติม และสก็อยอย่างไอซ์ คนไม่อยากเป็นทหารอย่างจิรัฐ ก็มั่วๆรวมๆกันอยู่และยอมแลกความมั่นคงของชาติกับผลประโยชน์ส่วนตัว
    นับจากวันที่ 7 สิงหา 67 นี้ไป เราจะถูกรุมวิจารณ์และกดดันจากสหรัฐและพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงองค์กรอิสระมากมาย
    คิงส์โพธิ์แดงจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยผู้รักชาติรับสถาบันร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตรย์ และ
    ช่วยเผยแพร่ความรู้นี้สู่พี่น้องชาวไทยเพื่อให้ประเทศไทยยังคงอยู่สืบไปนานเท่านาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #นับจากนี้ไปคนไทยจะตาสว่างเสียที ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส ในประเทศไทย มีมาโดยตลอด แต่อดีตจะทำแบบแอบๆทำ รู้กันเฉพาะกลุ่ม ภายใต้หนังสือและเว็บไซต์ที่ชื่อฟ้าเดียวกันที่มีเนื้อหา ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ให้ร้ายต่อสถาบันกษัตรย์ คาดว่าในเวลานั้น ธนาธรใช้ทุนส่วนตัวในการเคลื่อนไหวอย่างไม่กระโตกกระตากนัก โดยมีนายชัยธวัชหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้ายก่อนถูกยุบเป็นบรรณาธิการอย่างเปิดเผย แต่วันหนึ่ง ธนาธร ช่อ และปิยบุตร เหมือนได้พลังวิเศษ คิดใหญ่ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในช่วงแรก คนไทยยังรู้สึกถึงความหวังว่าการเมืองในประเทศไทย น่าจะเปลี่ยนไปได้ด้วยมือของคนรุ่นใหม่ ทำให้ได้คะแนนเสียงมากอย่างน่าตกใจ รวมถึงการนำระบบไอโอบอท มาใช้ก่อนใคร ปั้นกระแสทวิตเตอร์ กำหนดเทรนให้มีแต่เรื่องราวของพรรคอนาคตใหม่ ทำให้สื่อทุกสำนักวนเวียนอยู่แต่กับพรรคและคนของพรรคอนาคตใหม่เวลานั้น จนทำให้เกิดอุปทานหมู่ เวลาใครไปคอมเม้นตรงข้าม ก็ใช้บอทไอโอเข้าไปถล่ม จนคนคิดต่างไม่กล้าไปยุ่งเพราะเข้าใจว่า บอทไอโอคือคนจริงๆ เกิดปรากฏการคอมเม้นเป็นรูปส้มพร้อมกัน แต่เรื่องก็มาแตก ที่วิโรจน์ถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์มือถือหลายสิบเครื่องที่เป็นอุปกรณ์บอทไอโอที่นำเข้าระบบมาจากเวียดนาม แต่ตอนนี้ ทุกแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและป้องกันบอทไอโอและลบแอคเค้าบอทออกจากระบบแทบเกลี้ยง ทำให้ทุกวันนี้แม้แต่ไลฟ์สดของหัวหน้าพรรคเอง หรือนายพิธาก็ยังมีคนดูแค่สามสี่ร้อยคน ยังรวมไปถึงการที่พรรคก้าวไกลไม่กล้าทำในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่อกฏหมาย ก็ยังมีงบจำนวนมหาศาลที่มีหลักฐานและพยานว่าบุ้งได้รับมาจากการส่งภาพการก่อความวุ่นวายจากสมุน และได้ตังมาก็เอามาเปย์ผู้ และให้เด็กในสังกัดกินอดๆอยากๆ แต่ต้นทางน้ำมานั้น จำนวนมหาศาล ถึงขนาดที่ตรวจสอบบัญชีเพนกวิ้น มีไม่ต่ำกว่า ุ60 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลับเซิทหาได้เป็นข้อมูลจากทางการไทยเองและทรายเจริญปุระ ก็เคยออกมาคอนเฟิร์มเองด้วยซ้ำ คำถามว่า งบทำบอทไอโอ งบสร้างความวุ่นวายในนามกลุ่มทะลุวัง หรือ งบในการสร้างพรรค มันเอามาจากไหนกันนะ ก็พบว่ามีการสืบเส้นทางการเงินมีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่งของต่างชาติ เป็นจุดเชื่อมโยงเงินจากบางคนในสหรัฐเข้ากระเป๋าคนเหล่านี้ จนในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิด ด้วยการที่ผู้นำจิตวิญญาณของอนาคตใหม่หรือพรรคก้าวไกล ต่างเข้านอกออกในสถานฑูตสหรัฐประจำประเทศไทยเป็นว่าเล่น ไม่เว้นแม้แต่เสี่ยเพนกวิ้นเช่นกัน จนมาถึงวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ก้าวไกลเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรเป็นประมุข องค์กรแอมเนสตี้ ถึงขนาดออกอาการเหิมเกริม สั่งศาลรัฐธรรมนูญให้รีบกลับคำตัดสิน ซึ่งไม่เคยมีเหตุการละเมิดศาลจากองค์กรต่างชาติแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย นอกจากนั้น ทูต 18 ประเทศ ที่ทำเกินหน้าที่การเป็นทูตประจำประเทศไทย รวมไปถึง สว.สหรัฐก็ออกมาขู่ศาลไทย อย่างกร่างๆ ดังนั้น ที่คิงส์โพธิ์แดงเคยให้ข้อมูลว่า เมกาคือผู้อยู่เ้บื้องหลัง ความพยายามในการก้าวก่าย และให้การสนับสนุนส่งเสริมกลุ่มคนที่ให้ร้ายจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตรย์มาโดยตลอดนั้น ก็คือสหรัฐอเมริกา ที่มีเป้าหมายในการแก้ไขม.112 นั้น มีความชัดเจนแม้ว่าหากตัดข้อนี้ไปพรรคอื่นๆก็พร้อมร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่เพราะเหตุใดทั้งพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล จึงยืนยันในจุดยืนนี้มาตลอด นั่นก็เพราะงบประมาณที่ให้การสนับสนุน ก็ให้มาทำเรื่องนี้โดยตรง เพราะการที่แก้ไขม112 โดยการให้ร้าย บิดเบือน พระมหากษัตย์ได้โดยผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยท ก็คุ้มค่าต่อความเสี่ยงที่จะปั้นแต่งปลุกปั่นให้คนไทยรุ่นใหม่ มีความชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสหรัฐไม่มีฐานทัพในโซนนี้ หากได้ประเทศไทยในการตั้งฐานทัพด้วยการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถส่งจรวดไปจีนได้ในระยะวิถีกรณีมีความขัดแย้งกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ (ซึ่งข้อมูลเรื่องสหรัฐมีเป้าหมายตั้งฐานทัพในประเทศไทย มีหลักฐานอยู่ทั้งที่วิทยาลัยป้องกันราชอนาจักร และฝ่ายความมั่นคงจำนวนไม่น้อย) ....และโดยเฉพาะตอนนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ใช้สูตรทางเศรษฐกิจและการลงทุนเข้ามาขายอนาเขตแบบเนียนๆทั้งกำพูชา สปปลาว และพม่าแล้ว เหลือแค่ไทยที่ขยับเข้ามาได้ยากกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากนักแต่ก็มาแล้วพอสมควรทีเดียว แต่สหรัฐที่ยังไม่สามารถมาตั้งฐานทัพในประเทศไทยหรือยึดประเทศไทยได้นั้น เพราะประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตรที่ทรงอยู่เหนือการเมือง เป็นผู้ทรงให้ทรงเมตตาต่อพสกนิกรในทุกยุคทุกรัชสมัยจวบถึงปัจจุบัน มีผู้จงรักษภักดีต่อพระองค์ที่รักษาปกป้องไว้ซึ่งสามสถาบันหลักที่ยืนหยัดมั่นคงในความเป็นชาติได้ ดังนั้น ม.112 จึงเป็นกูญแจสำคัญที่ก้าวไกลและอนาคตใหม่พยายามผลักดันกฏหมายด้วยวาทะกรรมต่างๆให้ผู้หมิ่นสถาบันผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยตามกฏหมายนั่นเอง ไม่มีสถาบันกษัตริย์ก็สิ้นชาติ หากสังเกตุให้ดีแม้กระทั่งมีเป้าหมายลดกำลังทหาร ก็เพื่อบั่นทอนความมั่นคงของชาติ โดยนำจุดบกพร่องเพียงส่วนน้อย มาตีให้เป็นเรื่อง่ส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความชอบธรรมและได้คะแนนเสียงกับกลุ่มเด็กโตที่กำลังจะเกณฑ์และกลัวการเป็นทหารมาเป็นคะแนนเสียงร่วม และพฤติกรรมที่สร้างแนวคิดไม่ให้ลูกมีความกตัญญูกับพ่อแม่ นั่นก็เพราะเมื่อเด็กห่างอกพ่อแม่ก็จะสามารถชักจูงได้โดยง่าย และเป็นฐานมวลชนที่พวกเขาเหล่านี้จูงไปไหนก็ไป ดังนั้น ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่คิงส์โพธิ์แดง นำเสนอมาโดยตลอด และทุกอย่างในข้อมูลของโพสนี้ได้มอบให้นั้น ล้วนมีหลักฐาน มีพยานที่หาได้ไม่ยากเลย ยกตัวอย่างเช่น ภาพเพนกวิ้น ที่เข้านอกออกในสถานฑุตสหรัฐก็มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น ดังนั้นพี่น้องชาวไทยอย่าแปลกใจถึงการเคลื่อนไหวขององค์กรอิสระต่างชาติ หรือแม้กระทั่ง นาโต้ un รวมถึงความพยายามกดดันโดนทูตตะวันตกประจำประเทศไทย นั่นเพราะเรามีกลุ่มค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส-ต-ก-ยุ-ค อย่าธร ข่อ ปิยะบุตร และตัวแม่อย่างเจี๊ยบอมรัตน์ที่คิดว่าจะห-ล-อ-ก ใช้งบและอำนาจของสหรัฐและกลุ่มยุโรปเพื่อสานฝันของตัวเอง แต่แท้ที่จริงกลับถูกเค้าใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือยึดประเทศไทยเป็นฐานไม่รู้ตัว และมีคนอยากดังแบบพิธา ไอติม และสก็อยอย่างไอซ์ คนไม่อยากเป็นทหารอย่างจิรัฐ ก็มั่วๆรวมๆกันอยู่และยอมแลกความมั่นคงของชาติกับผลประโยชน์ส่วนตัว นับจากวันที่ 7 สิงหา 67 นี้ไป เราจะถูกรุมวิจารณ์และกดดันจากสหรัฐและพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงองค์กรอิสระมากมาย คิงส์โพธิ์แดงจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยผู้รักชาติรับสถาบันร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตรย์ และ ช่วยเผยแพร่ความรู้นี้สู่พี่น้องชาวไทยเพื่อให้ประเทศไทยยังคงอยู่สืบไปนานเท่านาน #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2229 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค
    แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน
    พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา
    ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น
    พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน
    แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย
    โดยมีเนื้อหาดังนี้
    นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย
    “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น”
    “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน”
    เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์
    จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน
    ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป
    ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้ นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น” “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน” เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 906 มุมมอง 0 รีวิว