0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
19 มุมมอง
0 รีวิว
รายการ
ค้นพบผู้คนใหม่ๆ สร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่
- กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น!
- "อะไรจะเกิดมันก็ต้องแหละเนอะเยอรมัน"
ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) ผู้ที่เตรียมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในเดือนหน้า ประกาศเยอรมนียินดีและเต็มใจส่งขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Taurus ให้กับยูเครน หากได้รับความเห็นชอบร่วมกันกับพันธมิตรในยุโรป
ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Taurus KEPD-350 ที่ยิงจากอากาศ มีพิสัยปฏิบัติการ 500 กม. ความเร็วสูงสุด 0.6 - 0.95 มัค และหัวรบขนาดมาตรฐาน 480 กก.
ซีอีโอของ MBDA Deutschland (หนึ่งในผู้ผลิตขีปนาวุธ Taurus) เคยกล่าวไว้ในปี 2023 ถึงการปรับปรุงเครื่องบิน Su-24M ของยูเครนว่า อาจต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการดัดแปลงขีปนาวุธนี้ให้ติดตั้งเข้ากับเครื่องบินรุ่นดังกล่าว โดยแบ่งเป็น 2 เดือนแรกในการติดตั้งอาวุธ และอีก 4 เดือนในการฝึกฝนการใช้งานของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม เนื่องจากเป็นระบบการทำงานที่ซับซ้อน
กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานขึ้นไปอีกเป็น 12 ถึง 18 เดือน สำหรับเครื่องบิน F-16"อะไรจะเกิดมันก็ต้องแหละเนอะเยอรมัน" ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) ผู้ที่เตรียมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในเดือนหน้า ประกาศเยอรมนียินดีและเต็มใจส่งขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Taurus ให้กับยูเครน หากได้รับความเห็นชอบร่วมกันกับพันธมิตรในยุโรป ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Taurus KEPD-350 ที่ยิงจากอากาศ มีพิสัยปฏิบัติการ 500 กม. ความเร็วสูงสุด 0.6 - 0.95 มัค และหัวรบขนาดมาตรฐาน 480 กก. ซีอีโอของ MBDA Deutschland (หนึ่งในผู้ผลิตขีปนาวุธ Taurus) เคยกล่าวไว้ในปี 2023 ถึงการปรับปรุงเครื่องบิน Su-24M ของยูเครนว่า อาจต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการดัดแปลงขีปนาวุธนี้ให้ติดตั้งเข้ากับเครื่องบินรุ่นดังกล่าว โดยแบ่งเป็น 2 เดือนแรกในการติดตั้งอาวุธ และอีก 4 เดือนในการฝึกฝนการใช้งานของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม เนื่องจากเป็นระบบการทำงานที่ซับซ้อน กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานขึ้นไปอีกเป็น 12 ถึง 18 เดือน สำหรับเครื่องบิน F-160 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ลดงบประมาณสัญญาจ้างงานกับบริษัทที่ปรึกษาและบริการที่ไม่จำเป็น เช่น Accenture, Booz Allen Hamilton และ Deloitte โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น อาวุธไฮเปอร์โซนิกและปัญญาประดิษฐ์ (AI)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม Pete Hegseth ได้ประกาศลดงบประมาณสัญญาจ้างงานมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าสัญญาบางส่วน เช่น การให้คำปรึกษาด้านกระบวนการธุรกิจและบริการ IT ซ้ำซ้อนและสามารถดำเนินการโดยบุคลากรภายในได้ การตัดงบประมาณนี้ยังรวมถึงการลดสัญญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
งบประมาณที่ประหยัดได้จากการลดสัญญาจ้างงานจะถูกนำไปใช้ในโครงการที่สำคัญ เช่น การพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ อาวุธไฮเปอร์โซนิก และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงแห่งชาติ
✅ การลดงบประมาณสัญญาจ้างงาน
- กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดงบประมาณสัญญาจ้างงานมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์
- สัญญาที่ถูกลดรวมถึงการให้คำปรึกษาด้านกระบวนการธุรกิจและบริการ IT
✅ เป้าหมายของการลดงบประมาณ
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรโดยใช้บุคลากรภายใน
- มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญ เช่น AI และอาวุธไฮเปอร์โซนิก
✅ การจัดสรรงบประมาณใหม่
- งบประมาณที่ประหยัดได้จะถูกนำไปใช้ในโครงการด้านความมั่นคงแห่งชาติ
- รวมถึงการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธและโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคง
ℹ️ ความเสี่ยงจากการลดสัญญาจ้างงาน
- การลดสัญญาอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทที่พึ่งพาสัญญาจากรัฐบาล
- การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดความล่าช้าในบางโครงการ
ℹ️ ผลกระทบต่อบุคลากรภายใน
- บุคลากรภายในอาจต้องรับภาระงานเพิ่มขึ้น
- การปรับตัวของบุคลากรอาจต้องใช้เวลาและการฝึกอบรมเพิ่มเติม
https://www.techspot.com/news/107521-pentagon-slashes-51-billion-contracts-accenture-booz-allen.htmlกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ลดงบประมาณสัญญาจ้างงานกับบริษัทที่ปรึกษาและบริการที่ไม่จำเป็น เช่น Accenture, Booz Allen Hamilton และ Deloitte โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น อาวุธไฮเปอร์โซนิกและปัญญาประดิษฐ์ (AI) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม Pete Hegseth ได้ประกาศลดงบประมาณสัญญาจ้างงานมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าสัญญาบางส่วน เช่น การให้คำปรึกษาด้านกระบวนการธุรกิจและบริการ IT ซ้ำซ้อนและสามารถดำเนินการโดยบุคลากรภายในได้ การตัดงบประมาณนี้ยังรวมถึงการลดสัญญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ งบประมาณที่ประหยัดได้จากการลดสัญญาจ้างงานจะถูกนำไปใช้ในโครงการที่สำคัญ เช่น การพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ อาวุธไฮเปอร์โซนิก และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงแห่งชาติ ✅ การลดงบประมาณสัญญาจ้างงาน - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดงบประมาณสัญญาจ้างงานมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ - สัญญาที่ถูกลดรวมถึงการให้คำปรึกษาด้านกระบวนการธุรกิจและบริการ IT ✅ เป้าหมายของการลดงบประมาณ - เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรโดยใช้บุคลากรภายใน - มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญ เช่น AI และอาวุธไฮเปอร์โซนิก ✅ การจัดสรรงบประมาณใหม่ - งบประมาณที่ประหยัดได้จะถูกนำไปใช้ในโครงการด้านความมั่นคงแห่งชาติ - รวมถึงการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธและโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคง ℹ️ ความเสี่ยงจากการลดสัญญาจ้างงาน - การลดสัญญาอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทที่พึ่งพาสัญญาจากรัฐบาล - การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดความล่าช้าในบางโครงการ ℹ️ ผลกระทบต่อบุคลากรภายใน - บุคลากรภายในอาจต้องรับภาระงานเพิ่มขึ้น - การปรับตัวของบุคลากรอาจต้องใช้เวลาและการฝึกอบรมเพิ่มเติม https://www.techspot.com/news/107521-pentagon-slashes-51-billion-contracts-accenture-booz-allen.htmlWWW.TECHSPOT.COMPentagon slashes $5.1 billion in contracts with Accenture, Booz Allen, and DeloitteUnited States Defense Secretary Pete Hegseth has cut $5.1 billion in defense contracts for consulting and nonessential services. The move targets redundant agreements, with plans to shift...0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว - Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมีนาคม 2025 มีการดาวน์โหลดแอป ChatGPT มากถึง 46 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนนั้น (ไม่รวมเกม) การอัปเดตฟีเจอร์การสร้างภาพในเดือนมีนาคมช่วยเพิ่มความนิยม โดยเฉพาะภาพในสไตล์ Studio Ghibli ที่สร้างกระแสในโซเชียลมีเดียจนทำให้ระบบของ OpenAI ต้องเผชิญกับความต้องการที่สูงมาก
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ ChatGPT ยังนำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในที่ทำงาน เนื่องจากมีบริษัทหลายแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานบางส่วนถูกแทนที่ด้วย AI Altman ให้ความเห็นว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน และแม้จะมีความคาดหวังที่สูงขึ้นในงาน แต่ AI จะช่วยให้ผู้คนสามารถปรับตัวและทำงานได้ดีขึ้น
✅ ความสำเร็จของ ChatGPT
- มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์ใกล้ถึงหนึ่งพันล้านคน
- การดาวน์โหลดแอป ChatGPT สูงสุดในเดือนมีนาคม 2025
✅ ฟีเจอร์การสร้างภาพที่ได้รับความนิยม
- การสร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli ได้รับความนิยมอย่างมาก
- ฟีเจอร์การสร้างภาพช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน
✅ ผลกระทบต่อการทำงาน
- บริษัทบางแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานถูกแทนที่ด้วย AI
- AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานและปรับตัวในงานที่มีความคาดหวังสูง
ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในที่ทำงาน
- การลดจำนวนพนักงานอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ
- การใช้ AI อาจเพิ่มความกดดันในงานที่ต้องการความสามารถสูง
ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับตัว
- ผู้คนควรเรียนรู้และปรับตัวกับการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- องค์กรควรสนับสนุนการฝึกอบรมและการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ
https://www.techspot.com/news/107528-chatgpt-user-base-nears-one-billion-after-image.htmlSam Altman ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมีนาคม 2025 มีการดาวน์โหลดแอป ChatGPT มากถึง 46 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนนั้น (ไม่รวมเกม) การอัปเดตฟีเจอร์การสร้างภาพในเดือนมีนาคมช่วยเพิ่มความนิยม โดยเฉพาะภาพในสไตล์ Studio Ghibli ที่สร้างกระแสในโซเชียลมีเดียจนทำให้ระบบของ OpenAI ต้องเผชิญกับความต้องการที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ ChatGPT ยังนำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในที่ทำงาน เนื่องจากมีบริษัทหลายแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานบางส่วนถูกแทนที่ด้วย AI Altman ให้ความเห็นว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน และแม้จะมีความคาดหวังที่สูงขึ้นในงาน แต่ AI จะช่วยให้ผู้คนสามารถปรับตัวและทำงานได้ดีขึ้น ✅ ความสำเร็จของ ChatGPT - มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์ใกล้ถึงหนึ่งพันล้านคน - การดาวน์โหลดแอป ChatGPT สูงสุดในเดือนมีนาคม 2025 ✅ ฟีเจอร์การสร้างภาพที่ได้รับความนิยม - การสร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli ได้รับความนิยมอย่างมาก - ฟีเจอร์การสร้างภาพช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ✅ ผลกระทบต่อการทำงาน - บริษัทบางแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานถูกแทนที่ด้วย AI - AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานและปรับตัวในงานที่มีความคาดหวังสูง ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในที่ทำงาน - การลดจำนวนพนักงานอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ - การใช้ AI อาจเพิ่มความกดดันในงานที่ต้องการความสามารถสูง ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับตัว - ผู้คนควรเรียนรู้และปรับตัวกับการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน - องค์กรควรสนับสนุนการฝึกอบรมและการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ https://www.techspot.com/news/107528-chatgpt-user-base-nears-one-billion-after-image.htmlWWW.TECHSPOT.COMChatGPT nears one billion users as Ghibli-style AI images double weekly activesSpeaking onstage at TED on Friday, curator Chris Anderson asked Altman how many users ChatGPT had. "I think the last time we said was 500 million weekly...0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว - แมนยูเตรียม โละนักเตะถึง 9 คน เพื่อสร้างทีมใหม่ (14/04/68) #news1 #ข่าวกีฬา #แมนยูโละนักเตะ
- ถั่วลิสงทองเหลือง อุดกริ่ง หลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดป่าศิริวัฒนา จ.อุดรธานี
ถั่วลิสงหล่อโบราณ เนื้อเหลือง อุดกริ่ง ( กริ่งดังกังวาน ) หลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดป่าศิริวัฒนา จ.อุดรธานี //เครื่องรางของขลังด้านโภคทรัพย์ มีกินมีใช้ เรียกเงินเรียกทอง ดูดทรัพย์ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>
** พุทธคุณพกพาติดตัวเดินทาง แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น เจริญงอกงาม เครื่องรางแห่งความอุดมสมบูรณ์ บูชาก็จะช่วยให้ผู้ที่บูชามีความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย ผู้คนจึงนิยมนำมาบูชา เพื่อเสริมโชคกิจการ และการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ จะได้ก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง >>
** ถั่วลิสงหล่อโบราณ อุดกริ่งสภาพสุดคลาสสิค กริ่งดังกังวาน ผู้ใดได้บูชา จะเป็น สิริมงคล จะได้ค้าขายดีดี. ทำมาค้าคล่อง เงินทองไหลมาเทมา.เรียกเงินเรียกทอง เมตตา แคล้วคลาด คนโบราณนิยมเก็บใส่ไว้ ในกระป๋อง ใส่สตางค์ เพื่อเอาเคล็ดให้ เงินทองเจริญงอกงามอุดมสมบูรณ์ เหมือนกับถั่วลิสงนัั้นเอง >>
** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ
ช่องทางติดต่อ
LINE 0881915131
โทรศัพท์ 0881915131
ถั่วลิสงทองเหลือง อุดกริ่ง หลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดป่าศิริวัฒนา จ.อุดรธานี ถั่วลิสงหล่อโบราณ เนื้อเหลือง อุดกริ่ง ( กริ่งดังกังวาน ) หลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดป่าศิริวัฒนา จ.อุดรธานี //เครื่องรางของขลังด้านโภคทรัพย์ มีกินมีใช้ เรียกเงินเรียกทอง ดูดทรัพย์ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณพกพาติดตัวเดินทาง แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น เจริญงอกงาม เครื่องรางแห่งความอุดมสมบูรณ์ บูชาก็จะช่วยให้ผู้ที่บูชามีความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย ผู้คนจึงนิยมนำมาบูชา เพื่อเสริมโชคกิจการ และการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ จะได้ก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง >> ** ถั่วลิสงหล่อโบราณ อุดกริ่งสภาพสุดคลาสสิค กริ่งดังกังวาน ผู้ใดได้บูชา จะเป็น สิริมงคล จะได้ค้าขายดีดี. ทำมาค้าคล่อง เงินทองไหลมาเทมา.เรียกเงินเรียกทอง เมตตา แคล้วคลาด คนโบราณนิยมเก็บใส่ไว้ ในกระป๋อง ใส่สตางค์ เพื่อเอาเคล็ดให้ เงินทองเจริญงอกงามอุดมสมบูรณ์ เหมือนกับถั่วลิสงนัั้นเอง >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 08819151310 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว - Microsoft Research ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถของ AI ในการดีบักโค้ด โดยพบว่าเครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ดได้ แต่ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ เนื่องจาก AI ยังขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Microsoft ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่เรียกว่า debug-gym ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดีบักโค้ดในสถานการณ์จริงได้ โดยใช้เครื่องมือที่คล้ายกับที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า AI ที่ใช้ debug-gym สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถแทนที่มนุษย์ได้
✅ ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI และการดีบักโค้ด
- เครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด
- AI ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์
✅ การพัฒนาแพลตฟอร์ม debug-gym
- Microsoft พัฒนา debug-gym เพื่อช่วยให้ AI ดีบักโค้ดในสถานการณ์จริง
- ผลการทดลองแสดงว่า AI สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
✅ ข้อจำกัดของ AI ในการดีบัก
- AI ขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน
- การแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดยังต้องพึ่งพามนุษย์
ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในการดีบัก
- การพึ่งพา AI ในการดีบักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
- ข้อผิดพลาดในโค้ดที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อระบบ
ℹ️ คำแนะนำสำหรับการพัฒนา AI
- ควรเพิ่มข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักในชุดข้อมูลการฝึก AI
https://www.techspot.com/news/107523-microsoft-research-shows-ai-coding-tools-fall-short.htmlMicrosoft Research ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถของ AI ในการดีบักโค้ด โดยพบว่าเครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ดได้ แต่ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ เนื่องจาก AI ยังขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Microsoft ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่เรียกว่า debug-gym ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดีบักโค้ดในสถานการณ์จริงได้ โดยใช้เครื่องมือที่คล้ายกับที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า AI ที่ใช้ debug-gym สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ ✅ ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI และการดีบักโค้ด - เครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด - AI ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ ✅ การพัฒนาแพลตฟอร์ม debug-gym - Microsoft พัฒนา debug-gym เพื่อช่วยให้ AI ดีบักโค้ดในสถานการณ์จริง - ผลการทดลองแสดงว่า AI สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ✅ ข้อจำกัดของ AI ในการดีบัก - AI ขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน - การแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดยังต้องพึ่งพามนุษย์ ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในการดีบัก - การพึ่งพา AI ในการดีบักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ - ข้อผิดพลาดในโค้ดที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อระบบ ℹ️ คำแนะนำสำหรับการพัฒนา AI - ควรเพิ่มข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักในชุดข้อมูลการฝึก AI https://www.techspot.com/news/107523-microsoft-research-shows-ai-coding-tools-fall-short.htmlWWW.TECHSPOT.COMMicrosoft research shows AI coding tools fall short in key debugging tasksThe Microsoft Research study acknowledges that while today's AI coding tools can boost productivity by suggesting examples, they are limited in actively seeking new information or interacting...0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว - Apple ได้เปิดตัว Apple Maps Web App ที่สามารถใช้งานได้ผ่านเบราว์เซอร์ โดยไม่จำกัดเฉพาะอุปกรณ์ของ Apple อีกต่อไป ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การค้นหาและการนำทาง รวมถึงฟีเจอร์ Look Around ที่คล้ายกับ Google Street View อย่างไรก็ตาม Web App นี้ยังมีข้อจำกัด เช่น ไม่รองรับการเข้าสู่ระบบเพื่อบันทึกข้อมูล ไม่มีแผนที่การเดินทาง และไม่มีอาคาร 3D
การเปิดตัวนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของ Apple ในการตอบสนองต่อแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะในยุโรปที่เรียกร้องให้ Apple เปิดระบบนิเวศของตนให้กว้างขึ้น
✅ การเปิดตัว Apple Maps Web App
- Apple Maps Web App สามารถใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์ รวมถึง Android
- รองรับฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การค้นหา การนำทาง และ Look Around
✅ ข้อจำกัดของ Web App
- ไม่รองรับการเข้าสู่ระบบเพื่อบันทึกข้อมูล
- ไม่มีแผนที่การเดินทางและอาคาร 3D
✅ แรงผลักดันจากหน่วยงานกำกับดูแล
- การเปิดตัวนี้เป็นผลมาจากแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป
- Apple ถูกเรียกร้องให้เปิดระบบนิเวศของตนให้กว้างขึ้น
ℹ️ ความเสี่ยงต่อการใช้งาน
- Web App อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Google Maps ในด้านฟีเจอร์และความสะดวก
- ผู้ใช้งานอาจไม่เลือกใช้ Apple Maps หากไม่มีฟีเจอร์ที่ครบครัน
ℹ️ ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Apple
- การเปิดตัว Web App ที่มีข้อจำกัดอาจลดความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ของ Apple
- Apple อาจต้องพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมเพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน
https://www.techspot.com/news/107529-android-users-can-now-use-apple-maps-web.htmlApple ได้เปิดตัว Apple Maps Web App ที่สามารถใช้งานได้ผ่านเบราว์เซอร์ โดยไม่จำกัดเฉพาะอุปกรณ์ของ Apple อีกต่อไป ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การค้นหาและการนำทาง รวมถึงฟีเจอร์ Look Around ที่คล้ายกับ Google Street View อย่างไรก็ตาม Web App นี้ยังมีข้อจำกัด เช่น ไม่รองรับการเข้าสู่ระบบเพื่อบันทึกข้อมูล ไม่มีแผนที่การเดินทาง และไม่มีอาคาร 3D การเปิดตัวนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของ Apple ในการตอบสนองต่อแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะในยุโรปที่เรียกร้องให้ Apple เปิดระบบนิเวศของตนให้กว้างขึ้น ✅ การเปิดตัว Apple Maps Web App - Apple Maps Web App สามารถใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์ รวมถึง Android - รองรับฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การค้นหา การนำทาง และ Look Around ✅ ข้อจำกัดของ Web App - ไม่รองรับการเข้าสู่ระบบเพื่อบันทึกข้อมูล - ไม่มีแผนที่การเดินทางและอาคาร 3D ✅ แรงผลักดันจากหน่วยงานกำกับดูแล - การเปิดตัวนี้เป็นผลมาจากแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป - Apple ถูกเรียกร้องให้เปิดระบบนิเวศของตนให้กว้างขึ้น ℹ️ ความเสี่ยงต่อการใช้งาน - Web App อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Google Maps ในด้านฟีเจอร์และความสะดวก - ผู้ใช้งานอาจไม่เลือกใช้ Apple Maps หากไม่มีฟีเจอร์ที่ครบครัน ℹ️ ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Apple - การเปิดตัว Web App ที่มีข้อจำกัดอาจลดความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ของ Apple - Apple อาจต้องพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมเพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน https://www.techspot.com/news/107529-android-users-can-now-use-apple-maps-web.htmlWWW.TECHSPOT.COMApple Maps web app is now available on all devices, including AndroidInitially, users could only access the Maps web app from desktops or tablets. Now, Apple has quietly dropped the beta tag from the URL and opened the...0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว - ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายของ Meta ในการพัฒนาโครงการ Metaverse ซึ่งใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้
Meta ซึ่งนำโดย Mark Zuckerberg ได้เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนา Metaverse แต่โครงการนี้กลับกลายเป็นปัญหาทางการเงินที่ใหญ่หลวง โดยมีการสูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 สาเหตุหลักมาจากการขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการบริหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR
นอกจากนี้ รายได้ประจำปีของ Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ Metaverse ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอและการไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้
✅ การลงทุนในโครงการ Metaverse
- Meta ใช้เงินลงทุนกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
- สูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024
✅ ปัญหาด้านการบริหารและกลยุทธ์
- การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR
- ขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์
✅ ผลกระทบต่อรายได้ของ Reality Labs
- รายได้ประจำปีลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021
- ยอดขายอ่อนแอและไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้
ℹ️ ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของโครงการ
- การสูญเสียเงินจำนวนมากอาจทำให้โครงการ Metaverse ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
- ความล้มเหลวในการเข้าถึงตลาดหลักอาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับปรุง
- Meta ควรพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและตอบสนองความต้องการของตลาด
- การแต่งตั้งผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR เป็นสิ่งสำคัญ
https://www.techspot.com/news/107530-four-years-meta-has-burned-through-45-billion.htmlข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายของ Meta ในการพัฒนาโครงการ Metaverse ซึ่งใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ Meta ซึ่งนำโดย Mark Zuckerberg ได้เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนา Metaverse แต่โครงการนี้กลับกลายเป็นปัญหาทางการเงินที่ใหญ่หลวง โดยมีการสูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 สาเหตุหลักมาจากการขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการบริหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR นอกจากนี้ รายได้ประจำปีของ Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ Metaverse ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอและการไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้ ✅ การลงทุนในโครงการ Metaverse - Meta ใช้เงินลงทุนกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา - สูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 ✅ ปัญหาด้านการบริหารและกลยุทธ์ - การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR - ขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ✅ ผลกระทบต่อรายได้ของ Reality Labs - รายได้ประจำปีลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 - ยอดขายอ่อนแอและไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้ ℹ️ ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของโครงการ - การสูญเสียเงินจำนวนมากอาจทำให้โครงการ Metaverse ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ - ความล้มเหลวในการเข้าถึงตลาดหลักอาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับปรุง - Meta ควรพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและตอบสนองความต้องการของตลาด - การแต่งตั้งผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR เป็นสิ่งสำคัญ https://www.techspot.com/news/107530-four-years-meta-has-burned-through-45-billion.htmlWWW.TECHSPOT.COMFour years in, Meta has burned through $45 billion chasing its metaverse dreamInsiders say the metaverse project has become a financial sinkhole, consuming $45 billion by early 2025. That's nearly equal to the combined market caps of social media...0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว - ข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ได้เข้าร่วมกับบริษัท xLight ในฐานะประธานกรรมการบริหาร เพื่อพัฒนาแหล่งกำเนิดแสงแบบ Free Electron Laser (FEL) สำหรับระบบลิโทกราฟี Extreme Ultraviolet (EUV) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป
xLight กำลังพัฒนาแหล่งกำเนิดแสง FEL ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาค (Particle Accelerator) เพื่อสร้างแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงถึง 8 นาโนเมตร เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดต้นทุนการผลิตต่อแผ่นเวเฟอร์ลงถึง 50% และลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านทุนและการดำเนินงานถึงสามเท่า
นอกจากนี้ xLight ยังตั้งเป้าที่จะทำให้แหล่งกำเนิดแสง FEL นี้สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องลิโทกราฟีของ ASML ได้ภายในปี 2028 โดยเทคโนโลยีนี้ยังมีศักยภาพในการนำไปใช้ในด้านอื่นๆ เช่น การตรวจวัดพลังงานสูง การควบคุมเศษซากในอวกาศ และการวิจัยทางการแพทย์
✅ การพัฒนาแหล่งกำเนิดแสง FEL
- ใช้เทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อสร้างแสงที่มีความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตร
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงถึง 8 นาโนเมตร
✅ เป้าหมายของ xLight
- ลดต้นทุนการผลิตต่อแผ่นเวเฟอร์ลงถึง 50%
- ลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านทุนและการดำเนินงานถึงสามเท่า
✅ การใช้งานในอนาคต
- ใช้งานร่วมกับเครื่องลิโทกราฟีของ ASML ภายในปี 2028
- มีศักยภาพในการนำไปใช้ในด้านพลังงาน อวกาศ และการแพทย์
ℹ️ ข้อจำกัดของเทคโนโลยี FEL
- ขนาดของเครื่องเร่งอนุภาคอาจไม่เหมาะสมกับโรงงานผลิตชิปในปัจจุบัน
- การพัฒนาเทคโนโลยีนี้อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม
ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
- การแข่งขันในอุตสาหกรรมอาจเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
- ความสำเร็จของ xLight อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนในอุตสาหกรรม
https://www.tomshardware.com/tech-industry/pat-gelsinger-turns-to-particle-accelerators-for-a-new-way-to-make-chips-joins-xlightข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ได้เข้าร่วมกับบริษัท xLight ในฐานะประธานกรรมการบริหาร เพื่อพัฒนาแหล่งกำเนิดแสงแบบ Free Electron Laser (FEL) สำหรับระบบลิโทกราฟี Extreme Ultraviolet (EUV) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป xLight กำลังพัฒนาแหล่งกำเนิดแสง FEL ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาค (Particle Accelerator) เพื่อสร้างแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงถึง 8 นาโนเมตร เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดต้นทุนการผลิตต่อแผ่นเวเฟอร์ลงถึง 50% และลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านทุนและการดำเนินงานถึงสามเท่า นอกจากนี้ xLight ยังตั้งเป้าที่จะทำให้แหล่งกำเนิดแสง FEL นี้สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องลิโทกราฟีของ ASML ได้ภายในปี 2028 โดยเทคโนโลยีนี้ยังมีศักยภาพในการนำไปใช้ในด้านอื่นๆ เช่น การตรวจวัดพลังงานสูง การควบคุมเศษซากในอวกาศ และการวิจัยทางการแพทย์ ✅ การพัฒนาแหล่งกำเนิดแสง FEL - ใช้เทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อสร้างแสงที่มีความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตร - เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงถึง 8 นาโนเมตร ✅ เป้าหมายของ xLight - ลดต้นทุนการผลิตต่อแผ่นเวเฟอร์ลงถึง 50% - ลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านทุนและการดำเนินงานถึงสามเท่า ✅ การใช้งานในอนาคต - ใช้งานร่วมกับเครื่องลิโทกราฟีของ ASML ภายในปี 2028 - มีศักยภาพในการนำไปใช้ในด้านพลังงาน อวกาศ และการแพทย์ ℹ️ ข้อจำกัดของเทคโนโลยี FEL - ขนาดของเครื่องเร่งอนุภาคอาจไม่เหมาะสมกับโรงงานผลิตชิปในปัจจุบัน - การพัฒนาเทคโนโลยีนี้อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การแข่งขันในอุตสาหกรรมอาจเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ - ความสำเร็จของ xLight อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนในอุตสาหกรรม https://www.tomshardware.com/tech-industry/pat-gelsinger-turns-to-particle-accelerators-for-a-new-way-to-make-chips-joins-xlightWWW.TOMSHARDWARE.COMPat Gelsinger turns to particle accelerators for a new way to make chips, joins xLightxLight aims to deliver a powerful alternative LPP source for ASML EUV tools by 2028.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว - ข่าวนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน Silicon Valley ซึ่งมีการแฮกระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ เช่น Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto โดยเสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg
เสียงที่ถูกแฮกนี้ไม่ได้ให้คำเตือนเกี่ยวกับการจราจรตามปกติ แต่กลับเป็นข้อความเสียดสี เช่น เสียงที่เลียนแบบ Zuckerberg กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน หรือเสียงที่เลียนแบบ Musk ที่พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย แม้ว่าการแฮกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT (Internet of Things) ที่อาจถูกโจมตีได้ง่าย และยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการป้องกันระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ
✅ เหตุการณ์แฮกปุ่มข้ามถนนใน Silicon Valley
- ระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto ถูกแฮก
- เสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg
✅ ผลกระทบของการแฮก
- ระบบสัญญาณไฟจราจรไม่ได้รับผลกระทบ
- เจ้าหน้าที่ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย
✅ ข้อความเสียดสีที่ถูกแฮก
- Zuckerberg: กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน
- Musk: พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย
ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT
- ระบบ IoT ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะอาจถูกโจมตีได้ง่าย
- การแฮกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบสาธารณะ
https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crosswalks-in-silicon-valley-hacked-to-play-satirical-messages-from-musk-and-zuckerberg-sound-a-likesข่าวนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน Silicon Valley ซึ่งมีการแฮกระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ เช่น Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto โดยเสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg เสียงที่ถูกแฮกนี้ไม่ได้ให้คำเตือนเกี่ยวกับการจราจรตามปกติ แต่กลับเป็นข้อความเสียดสี เช่น เสียงที่เลียนแบบ Zuckerberg กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน หรือเสียงที่เลียนแบบ Musk ที่พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย แม้ว่าการแฮกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT (Internet of Things) ที่อาจถูกโจมตีได้ง่าย และยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการป้องกันระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ ✅ เหตุการณ์แฮกปุ่มข้ามถนนใน Silicon Valley - ระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto ถูกแฮก - เสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg ✅ ผลกระทบของการแฮก - ระบบสัญญาณไฟจราจรไม่ได้รับผลกระทบ - เจ้าหน้าที่ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย ✅ ข้อความเสียดสีที่ถูกแฮก - Zuckerberg: กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน - Musk: พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT - ระบบ IoT ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะอาจถูกโจมตีได้ง่าย - การแฮกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบสาธารณะ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crosswalks-in-silicon-valley-hacked-to-play-satirical-messages-from-musk-and-zuckerberg-sound-a-likesWWW.TOMSHARDWARE.COMCrosswalks in Silicon Valley hacked to play satirical messages from Musk and Zuckerberg sound-a-likesCity officials have disabled crosswalk voice announcement features, for now.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว - #กระตุ้นเลือดลม #หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง https://youtu.be/wLDulf0s1DI
- ข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนา Broadband Optical SSD ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัทญี่ปุ่นชั้นนำ ได้แก่ Kioxia, AIO Core และ Kyocera โดย SSD รุ่นใหม่นี้ใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคัลแทนการเชื่อมต่อแบบไฟฟ้า
Broadband Optical SSD ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ต้องการการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล เช่น การประมวลผล AI และการจัดเก็บข้อมูลในระดับเพตะไบต์ การใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคัลช่วยลดข้อจำกัดทางกายภาพของการเชื่อมต่อแบบไฟฟ้า และยังช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบปัจจุบัน
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลสีเขียวของญี่ปุ่น (Next Generation Green Data Center Technology Development) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์กร NEDO โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
✅ การพัฒนา Broadband Optical SSD
- พัฒนาโดย Kioxia, AIO Core และ Kyocera
- ใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคัลแทนการเชื่อมต่อแบบไฟฟ้า
✅ ประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้
- รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
- ลดการใช้พลังงานได้ถึง 40%
✅ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลสีเขียว
- เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Next Generation Green Data Center Technology Development
- ได้รับการสนับสนุนจากองค์กร NEDO
ℹ️ ข้อจำกัดของเทคโนโลยี
- การพัฒนาเทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ
- อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติมในการทดสอบและปรับปรุง
ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
- การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทอื่นๆ ต้องปรับตัว
- การแข่งขันในวงการเซมิคอนดักเตอร์อาจเข้มข้นขึ้น
https://www.techradar.com/pro/its-broadband-jim-but-not-as-we-know-it-japanese-tech-giants-are-developing-a-broadband-optical-ssd-for-data-centersข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนา Broadband Optical SSD ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัทญี่ปุ่นชั้นนำ ได้แก่ Kioxia, AIO Core และ Kyocera โดย SSD รุ่นใหม่นี้ใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคัลแทนการเชื่อมต่อแบบไฟฟ้า Broadband Optical SSD ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ต้องการการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล เช่น การประมวลผล AI และการจัดเก็บข้อมูลในระดับเพตะไบต์ การใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคัลช่วยลดข้อจำกัดทางกายภาพของการเชื่อมต่อแบบไฟฟ้า และยังช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบปัจจุบัน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลสีเขียวของญี่ปุ่น (Next Generation Green Data Center Technology Development) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์กร NEDO โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ✅ การพัฒนา Broadband Optical SSD - พัฒนาโดย Kioxia, AIO Core และ Kyocera - ใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคัลแทนการเชื่อมต่อแบบไฟฟ้า ✅ ประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้ - รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ - ลดการใช้พลังงานได้ถึง 40% ✅ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลสีเขียว - เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Next Generation Green Data Center Technology Development - ได้รับการสนับสนุนจากองค์กร NEDO ℹ️ ข้อจำกัดของเทคโนโลยี - การพัฒนาเทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ - อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติมในการทดสอบและปรับปรุง ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทอื่นๆ ต้องปรับตัว - การแข่งขันในวงการเซมิคอนดักเตอร์อาจเข้มข้นขึ้น https://www.techradar.com/pro/its-broadband-jim-but-not-as-we-know-it-japanese-tech-giants-are-developing-a-broadband-optical-ssd-for-data-centersWWW.TECHRADAR.COMIt's broadband, Jim, but not as we know it: Japanese tech giants are developing a broadband optical SSD for data centersKioxia, AIO Core, and Kyocera are all working on separate parts of the project0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว - ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายที่ Google กำลังเผชิญในการจัดการความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป AI โดยบริษัทกำลังพิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI
Google CFO Anat Ashkenazi เปิดเผยว่า Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการนี้ในปี 2025 นอกจากนี้ Google ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นกับ CoreWeave เพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลของ CoreWeave สำหรับชิป TPU ที่ Google พัฒนาขึ้นเอง
ในขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด
✅ ความต้องการชิป AI ของ Google
- Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- กำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการในปี 2025
✅ การเจรจากับ CoreWeave
- Google พิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave
- อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลสำหรับชิป TPU
✅ สถานการณ์ของ CoreWeave
- CoreWeave เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25%
- ผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด
ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพึ่งพา CoreWeave
- การพึ่งพา CoreWeave อาจเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทเผชิญปัญหาทางการเงิน
- ความไม่แน่นอนในตลาดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน
ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
- ความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิป
- การแข่งขันในตลาด AI อาจเข้มข้นขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่
https://www.techradar.com/pro/google-rumored-to-be-looking-to-rent-latest-nvidia-ai-gpu-from-coreweave-because-it-doesnt-have-enough-of-themข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายที่ Google กำลังเผชิญในการจัดการความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป AI โดยบริษัทกำลังพิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI Google CFO Anat Ashkenazi เปิดเผยว่า Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการนี้ในปี 2025 นอกจากนี้ Google ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นกับ CoreWeave เพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลของ CoreWeave สำหรับชิป TPU ที่ Google พัฒนาขึ้นเอง ในขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด ✅ ความต้องการชิป AI ของ Google - Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน - กำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการในปี 2025 ✅ การเจรจากับ CoreWeave - Google พิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave - อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลสำหรับชิป TPU ✅ สถานการณ์ของ CoreWeave - CoreWeave เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% - ผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพึ่งพา CoreWeave - การพึ่งพา CoreWeave อาจเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทเผชิญปัญหาทางการเงิน - ความไม่แน่นอนในตลาดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - ความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิป - การแข่งขันในตลาด AI อาจเข้มข้นขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ https://www.techradar.com/pro/google-rumored-to-be-looking-to-rent-latest-nvidia-ai-gpu-from-coreweave-because-it-doesnt-have-enough-of-themWWW.TECHRADAR.COMGoogle rumored to be looking to rent latest Nvidia AI GPU from CoreWeave because it doesn't have enough of themHowever Google is still expected to spend significantly less than Microsoft and OpenAI0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว - ข่าวนี้เล่าถึงผลการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า การฝึกอบรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของโมเดล โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ เช่น Carnegie Mellon, Stanford, Harvard และ Princeton ได้ค้นพบปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Catastrophic Overtraining”
นักวิจัยพบว่าเมื่อโมเดล AI ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลจำนวนมากเกินไป เช่น การเพิ่มจำนวนโทเค็นจาก 2.3 ล้านล้านเป็น 3 ล้านล้านในโมเดล OLMo-1B ประสิทธิภาพของโมเดลกลับลดลงถึง 3% ในการทดสอบมาตรฐาน เช่น AlpacaEval และ ARC สาเหตุหลักมาจาก “Progressive Sensitivity” ซึ่งทำให้โมเดลมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น การปรับแต่งหรือการเพิ่มเสียงรบกวน
นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า “Inflection Point” หรือจุดที่การฝึกอบรมเพิ่มเติมเริ่มส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพ มักเกิดขึ้นเมื่อจำนวนโทเค็นเกิน 2.5 ล้านล้านในโมเดลขนาดเล็ก การค้นพบนี้เรียกร้องให้มีการพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการปรับขนาดโมเดล AI โดยเน้นที่กระบวนการฝึกอบรมทั้งหมดแทนที่จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มข้อมูลเพียงอย่างเดียว
✅ การค้นพบปรากฏการณ์ Catastrophic Overtraining
- การฝึกอบรม AI มากเกินไปอาจลดประสิทธิภาพของโมเดล
- Progressive Sensitivity ทำให้โมเดลเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
✅ ผลกระทบของการฝึกอบรมเพิ่มเติม
- โมเดล OLMo-1B ที่ฝึกอบรมด้วยข้อมูล 3 ล้านล้านโทเค็นมีประสิทธิภาพลดลงถึง 3%
- Inflection Point มักเกิดขึ้นเมื่อจำนวนโทเค็นเกิน 2.5 ล้านล้าน
✅ ข้อเสนอแนะจากนักวิจัย
- ควรพิจารณากระบวนการฝึกอบรมทั้งหมดแทนการเพิ่มข้อมูลเพียงอย่างเดียว
- การปรับขนาดโมเดล AI ควรคำนึงถึงความสมดุลระหว่างข้อมูลและความเสถียร
ℹ️ ความเสี่ยงจากการฝึกอบรมมากเกินไป
- การฝึกอบรมมากเกินไปอาจทำให้โมเดลเปราะบางและลดประสิทธิภาพ
- การเพิ่มเสียงรบกวนหรือการปรับแต่งอาจส่งผลเสียต่อโมเดลที่ฝึกอบรมมากเกินไป
ℹ️ คำแนะนำสำหรับนักพัฒนา AI
- ควรพิจารณาจำนวนข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอบรม
- การพัฒนาโมเดล AI ควรเน้นที่ความสมดุลระหว่างข้อมูลและความเสถียร
https://www.techradar.com/pro/catastrophic-overtraining-could-harm-large-language-ai-models-that-are-trained-on-more-data-for-the-sake-of-trainingข่าวนี้เล่าถึงผลการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า การฝึกอบรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของโมเดล โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ เช่น Carnegie Mellon, Stanford, Harvard และ Princeton ได้ค้นพบปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Catastrophic Overtraining” นักวิจัยพบว่าเมื่อโมเดล AI ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลจำนวนมากเกินไป เช่น การเพิ่มจำนวนโทเค็นจาก 2.3 ล้านล้านเป็น 3 ล้านล้านในโมเดล OLMo-1B ประสิทธิภาพของโมเดลกลับลดลงถึง 3% ในการทดสอบมาตรฐาน เช่น AlpacaEval และ ARC สาเหตุหลักมาจาก “Progressive Sensitivity” ซึ่งทำให้โมเดลมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น การปรับแต่งหรือการเพิ่มเสียงรบกวน นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า “Inflection Point” หรือจุดที่การฝึกอบรมเพิ่มเติมเริ่มส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพ มักเกิดขึ้นเมื่อจำนวนโทเค็นเกิน 2.5 ล้านล้านในโมเดลขนาดเล็ก การค้นพบนี้เรียกร้องให้มีการพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการปรับขนาดโมเดล AI โดยเน้นที่กระบวนการฝึกอบรมทั้งหมดแทนที่จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มข้อมูลเพียงอย่างเดียว ✅ การค้นพบปรากฏการณ์ Catastrophic Overtraining - การฝึกอบรม AI มากเกินไปอาจลดประสิทธิภาพของโมเดล - Progressive Sensitivity ทำให้โมเดลเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ✅ ผลกระทบของการฝึกอบรมเพิ่มเติม - โมเดล OLMo-1B ที่ฝึกอบรมด้วยข้อมูล 3 ล้านล้านโทเค็นมีประสิทธิภาพลดลงถึง 3% - Inflection Point มักเกิดขึ้นเมื่อจำนวนโทเค็นเกิน 2.5 ล้านล้าน ✅ ข้อเสนอแนะจากนักวิจัย - ควรพิจารณากระบวนการฝึกอบรมทั้งหมดแทนการเพิ่มข้อมูลเพียงอย่างเดียว - การปรับขนาดโมเดล AI ควรคำนึงถึงความสมดุลระหว่างข้อมูลและความเสถียร ℹ️ ความเสี่ยงจากการฝึกอบรมมากเกินไป - การฝึกอบรมมากเกินไปอาจทำให้โมเดลเปราะบางและลดประสิทธิภาพ - การเพิ่มเสียงรบกวนหรือการปรับแต่งอาจส่งผลเสียต่อโมเดลที่ฝึกอบรมมากเกินไป ℹ️ คำแนะนำสำหรับนักพัฒนา AI - ควรพิจารณาจำนวนข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอบรม - การพัฒนาโมเดล AI ควรเน้นที่ความสมดุลระหว่างข้อมูลและความเสถียร https://www.techradar.com/pro/catastrophic-overtraining-could-harm-large-language-ai-models-that-are-trained-on-more-data-for-the-sake-of-trainingWWW.TECHRADAR.COM'Catastrophic overtraining' could harm large language AI models that are trained on more data for the sake of trainingUniversity researchers found less is sometimes more when it comes to LLMs0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว - ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัว MUSA SDK ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัท Moore Threads ของจีน เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในตลาด AI และการประมวลผลแบบขนาน
MUSA SDK เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU ของ Moore Threads โดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น ไลบรารีสำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (muBLAS, muFFT) และเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Musify ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้อย่างง่ายดาย
เวอร์ชันล่าสุดของ MUSA SDK (4.0.1) รองรับโปรเซสเซอร์ Intel และ ARM รวมถึง CPU ในประเทศจีน เช่น Hygon, Kylin และ Loongson ซึ่งช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถใช้งานได้ในระบบที่หลากหลายมากขึ้น
การเปิดตัว MUSA SDK นี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการค้าและการเมือง
✅ การเปิดตัว MUSA SDK
- พัฒนาโดย Moore Threads เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA
- รองรับ GPU ของ Moore Threads และมีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น muBLAS, muFFT
✅ ฟีเจอร์เด่นของ MUSA SDK
- Musify ช่วยพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้ง่าย
- รองรับโปรเซสเซอร์ Intel, ARM และ CPU ในประเทศจีน
✅ เป้าหมายของการพัฒนา
- ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
- สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศจีน
ℹ️ ข้อจำกัดของ MUSA SDK
- ยังไม่สามารถแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในด้านประสิทธิภาพ
- การใช้งานอาจจำกัดในกลุ่มนักพัฒนาที่ใช้ GPU ของ Moore Threads
ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
- การเปิดตัว MUSA SDK อาจเพิ่มการแข่งขันในตลาด AI
- ความสำเร็จของ MUSA SDK อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับโลก
https://wccftech.com/china-first-in-house-alternative-to-nvidias-cuda-emerges-online/ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัว MUSA SDK ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัท Moore Threads ของจีน เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในตลาด AI และการประมวลผลแบบขนาน MUSA SDK เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU ของ Moore Threads โดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น ไลบรารีสำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (muBLAS, muFFT) และเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Musify ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้อย่างง่ายดาย เวอร์ชันล่าสุดของ MUSA SDK (4.0.1) รองรับโปรเซสเซอร์ Intel และ ARM รวมถึง CPU ในประเทศจีน เช่น Hygon, Kylin และ Loongson ซึ่งช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถใช้งานได้ในระบบที่หลากหลายมากขึ้น การเปิดตัว MUSA SDK นี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการค้าและการเมือง ✅ การเปิดตัว MUSA SDK - พัฒนาโดย Moore Threads เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA - รองรับ GPU ของ Moore Threads และมีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น muBLAS, muFFT ✅ ฟีเจอร์เด่นของ MUSA SDK - Musify ช่วยพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้ง่าย - รองรับโปรเซสเซอร์ Intel, ARM และ CPU ในประเทศจีน ✅ เป้าหมายของการพัฒนา - ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ - สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศจีน ℹ️ ข้อจำกัดของ MUSA SDK - ยังไม่สามารถแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในด้านประสิทธิภาพ - การใช้งานอาจจำกัดในกลุ่มนักพัฒนาที่ใช้ GPU ของ Moore Threads ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - การเปิดตัว MUSA SDK อาจเพิ่มการแข่งขันในตลาด AI - ความสำเร็จของ MUSA SDK อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับโลก https://wccftech.com/china-first-in-house-alternative-to-nvidias-cuda-emerges-online/WCCFTECH.COMChina's First "In-House" Alternative To NVIDIA's CUDA Emerges Online; The MUSA SDK From Moore ThreadsIt appears that the Chinese firm Moore Threads wants its share of the AI market, as the firm has released a new upgrade to its MUSA SDK.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว - ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 51,250 ขายออกบาททองคำละ 51,350 ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาททองคำละ 50,331.20 ขายออกทองคำละ 52,150 โดยราคาขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ (11 เม.ย.) อีกบาททองคำละ 150
•
บทวเคราะห์ของบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ราคาทองในตลาดโลกปิดทะยานอีก 61.31 ดอลลาร์ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.93% โดยทำ New All Time High ใหม่ที่ที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐฯ เผยดัชนี PPI และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด ด้านสงครามการค้าระหว่าสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจีนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
•
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000035464
•
#MGROnline #สมาคมค้าทองคำราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 51,250 ขายออกบาททองคำละ 51,350 ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาททองคำละ 50,331.20 ขายออกทองคำละ 52,150 โดยราคาขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ (11 เม.ย.) อีกบาททองคำละ 150 • บทวเคราะห์ของบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ราคาทองในตลาดโลกปิดทะยานอีก 61.31 ดอลลาร์ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.93% โดยทำ New All Time High ใหม่ที่ที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐฯ เผยดัชนี PPI และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด ด้านสงครามการค้าระหว่าสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจีนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000035464 • #MGROnline #สมาคมค้าทองคำ -
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
-
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
- Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนที่ 1
.
ฉากทัศน์ปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ต่างมากนักกับหนังเรื่อง Blood Diamond ที่สร้างจากเรื่องจริงที่ที่แอฟริกา ว่าด้วยการด้านมืดของทำเหมืองเพชร ฉายในปีค.ศ. 2006 ดารานำคือ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ แสดงคู่กับ โซโลมอน แวนดี้ ชาวประมงผู้ถูกจับตัวไปเป็นแรงงานในเหมืองเพชรของกลุ่มกบฏ
.
Blood Diamond ในเรื่องถือเป็นขุมทรัพย์ของกลุ่มกบฏ กระบวนการคือการกดขี่แรงงาน สังหารชาวบ้าน ที่ต่อต้าน ล้างสมองใช้แรงงานเด็กถืออาวุธเคี่ยวเข่น ฟอกเงินจากขายเพชรไปซื้ออาวุธ เสริมสร้างกองทัพ การค้าอาวุธและของเถื่อน เรียกว่าเถื่อนครบวงจร
.
หลังจากน้ำท่วมแม่สายอย่างสาหัส ด้วยมวลขุ่นชี้โคลนมหาศาลโถมทับพื้นที่ลุ่มน้ำแม่สาย ท่าขี้เหล็ก ทางมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation ; SHRF) ได้เปิดผลการศึกษา ว่าด้วย “การขยายตัวของเหมืองแร่ในรัฐฉาน เมียนมา กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในเมียนมาและไทย”
.
เสียงสะท้อนจากเรื่องนี้ดังมาจากฝั่งเมียนมาร์ถือเป็นครั้งแรกห้วงเดือนพฤศจิกายน 2567 นอกจากโคลนคือการได้รับของแถมคือ สารหนู นิเกิลและสังกะสีปนเปื้อนในระดับสูง โดยระดับปนเปื้อนของสังกะสีในแม่น้ำสายสูงงกว่าระดับปลอดภัยถึง 18 เท่า
.
ประเด็นชี้เป้าไปที่ 4 พื้นที่หลักภายใต้การคือ การขยายตัวของเหมืองทองคำด้านตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ริมฝั่งแม่น้ำกก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำรวก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ตามริมฝั่งน้ำเลน รัฐฉาน
.
Deep State ที่ตัวแสดงหลักคือกองทัพสหรัฐว้า United Wa State Army ทำขอตกลงกับรัฐบาลเมียนมาคือ เขตปกครองพิเศษที่ 2 มีพื้นที่อิทธิพลในเขตเปกครองตนเองว้า ภาคเหนือติดชายแดนจีน และทางภาคใต้-ตะวันออกของรัฐฉาน ติดกับประเทศไทย และการพันลึกกับจีน
.
ปมปัญหามลพิษทางน้ำข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ประเด็นร้อนล่าสุดที่ผลกระทบได้ขยายวงแผ่ไปตามกระแสน้ำที่มีมลพิษจากการทำเหมืองทองคำเป็นต้นเหตุหลักในพื้นที่รัฐฉาน ที่ไหลลงแม่น้ำลัดเลาะลงอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านจังหวัดเชียงราย ลงแม่น้ำโขง
.
เรื่องนี้มีความน่าสนใจเชิงทรัพยากรเหมืองแร่ที่มีทุนจีนเข้ามาโอบล้อมภาคเหนือของไทยสูบแร่ ที่คิดว่าไม่ใช่เฉพาะทองคำ แต่จะกินไปถึงถ่านหิน และแมงกานีส เป็นอุตสาหกรรมที่มีความลึกลับซับซ้อนเป็นทองคำสีเลือดที่สร้างผลกระทบชีวิตคนลุ่มแม่น้ำโขง สุขภาพตายผ่อนส่ง ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่ยังไม่รวมเรื่องฝุ่นควันข้ามแดนจากการบายพาสสินค้าไปตลาดจีน คาสิโน บ่อนที่ประชิดชายแดนไทย ทั้งพม่าและคิงส์โรมัน
.
ทั้งหมดล้วนพัวพันเป็นเนื้อเดียวที่ส่งสัญญาณอนาคตประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ลุ่มนํ้าสาละวิน กก สาย และอิง ไม่รวมแม่น้ำสาขา น้ำแม่ฝาง น้ำแม่ลาว และน้ำแม่สรวย กำลังเผชิญวิกฤติที่ลุกลามเป็นกินพื้นที่ภาคเหนือ
.
ต้องยอมรับว่าการ Reaction ของรัฐไทยช้า และไม่มีพลังที่จะชน Deep State ประเทศเพื่อนบ้าน ภาพปรากฎเป็นการตั้งรับเกือบ 100% และไม่ทันการณ์
.
ความอ่อนแอเชิงพื้นที่ที่ได้ถูกกัดกร่อน ทำให้พลังการแสดงออกของพื้นที่เชียงรายอ่อนแรง ทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน มิได้ส่งเสียงส่งพลังให้เกิดการมีปฏิกิริยาเชิงรุกกับรัฐบาลไทยเพื่อปกป้องผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของภาคเหนือ
.
หากประมวลมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของไทย นอกจากการเกาะติดของสื่อ ก็จะมีข้อเรียกร้องทางให้เปิดโต๊ะเจรจาจีน-เมียนมา-ว้า ประสานพี่ใหญ่จีนด้วยที่มีบริษัทจีนส่วนใหญ่เข้าไปสัมปทาน ทั้งรูปแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ร่วมกันหาทางออกทั้งการยุติการทำเหมืองทอง หรือการควบคุมการปล่อยสารพิษลงแม่น้ำ
.
จังหวัดเชียงรายต้องทำฉากทัศน์ (Scenarios) หลายระดับ 1.ในช่วง 5 ปี หน้าดินที่เสื่อมสลายไป จะทำอย่างไรในเรื่องตะกอน น้ำท่วม และสารพิษในแม่น้ำ 2.ในช่วง 10 ปีข้างหน้า หากเหมืองทองขยายตัวมากกว่านี้ ขยายเหมือนไร่ข้าวโพดในเมียนมา จะมีการบริหารจัดการอย่างไร 3.ประเด็นการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA)
.
ก่อนหน้านี้กลางเดือนมีนาคมมีการรวมตัวของชุมชน 700 คน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวกันเพื่อรณรงค์ปกป้องแม่น้ำกก ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองทองคำบนต้นน้ำกกที่ห่างจากชายแดนไทยไป 30 กิโลเมตรทางทิศใต้ของเมืองสาด ที่ดำเนินขุดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา การขุดทองในวงกว้างเกิดขึ้นริมแม่น้ำกกในเมืองยอน ตอนใต้ของอำเภอเมืองสาด
.
ในแถลงการณ์ระบุว่ามีบริษัทจีนหลัก 4 แห่ง ที่ดำเนินการขุดเหมือง มีซับคอนแทรกอีก 20 ราย มีพนักงานมากกว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน บริษัทเหล่านี้ทำเหมืองบนเนินเขาและริมฝั่งแม่น้ำกก รวมถึงการใช้เรือขุดทองและสกัดบนแม่น้ำกกโดยตรง ทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจการบริโภคในครัวเรือน และทำให้ปลาแทบสูญพันธุ์
.
ล่าสุดมีการขยับของ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกหนังสือไปยังหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong Committee Secretariat: MRCS) เสนอจัดตั้ง “กลไกความร่วมมือทวิภาคี” สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยมี MRCS ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งต้องติดตามต่อไป
.
หลังจากการเปิดฉากเรื่อง Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนต่อไปคือการเจาะลึกการขยายอุตสาหกรรมเหมืองทองคำในลุ่มแม่น้ำโขงในเงื้อมมือทุนจีน การเล่นแร่แปรธาตุสู่อาวุธ บ่อน และสงคราม ไปจนทางถึง Supply Chain การเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเหมืองในลุ่มแม่น้ำโขง ผลประโยชน์ขนาดไหน ความสูญเสียของคนลุ่มแม่น้ำโขงในอนาคตภายใต้ความเสี่ยงของมลพิษข้ามแดนจะวิกฤติอย่างไร มีทางออกอย่างไรโปรดติดตาม
อ้างอิง :
• มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ https://shanhumanrights.org/
• วิกฤตสารหนู ‘แม่น้ำกก’ จี้รัฐถก 3 ชาติ ป้องเศรษฐกิจเชียงรายพัง https://www.prachachat.net/local-economy/news-1792140
• สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 https://www.facebook.com/share/p/1D8ZwWYsN1/
• ไทยกับว้าแดง https://www.facebook.com/share/p/15KvYRaDH1/
• Toxic Waters, Dysfunctional States The Destruction of the Kok and Sai Rivers
By Paskorn Jumlongrach https://transbordernews.in.th/home/?p=42108
Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนที่ 1 . ฉากทัศน์ปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ต่างมากนักกับหนังเรื่อง Blood Diamond ที่สร้างจากเรื่องจริงที่ที่แอฟริกา ว่าด้วยการด้านมืดของทำเหมืองเพชร ฉายในปีค.ศ. 2006 ดารานำคือ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ แสดงคู่กับ โซโลมอน แวนดี้ ชาวประมงผู้ถูกจับตัวไปเป็นแรงงานในเหมืองเพชรของกลุ่มกบฏ . Blood Diamond ในเรื่องถือเป็นขุมทรัพย์ของกลุ่มกบฏ กระบวนการคือการกดขี่แรงงาน สังหารชาวบ้าน ที่ต่อต้าน ล้างสมองใช้แรงงานเด็กถืออาวุธเคี่ยวเข่น ฟอกเงินจากขายเพชรไปซื้ออาวุธ เสริมสร้างกองทัพ การค้าอาวุธและของเถื่อน เรียกว่าเถื่อนครบวงจร . หลังจากน้ำท่วมแม่สายอย่างสาหัส ด้วยมวลขุ่นชี้โคลนมหาศาลโถมทับพื้นที่ลุ่มน้ำแม่สาย ท่าขี้เหล็ก ทางมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation ; SHRF) ได้เปิดผลการศึกษา ว่าด้วย “การขยายตัวของเหมืองแร่ในรัฐฉาน เมียนมา กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในเมียนมาและไทย” . เสียงสะท้อนจากเรื่องนี้ดังมาจากฝั่งเมียนมาร์ถือเป็นครั้งแรกห้วงเดือนพฤศจิกายน 2567 นอกจากโคลนคือการได้รับของแถมคือ สารหนู นิเกิลและสังกะสีปนเปื้อนในระดับสูง โดยระดับปนเปื้อนของสังกะสีในแม่น้ำสายสูงงกว่าระดับปลอดภัยถึง 18 เท่า . ประเด็นชี้เป้าไปที่ 4 พื้นที่หลักภายใต้การคือ การขยายตัวของเหมืองทองคำด้านตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ริมฝั่งแม่น้ำกก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำรวก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ตามริมฝั่งน้ำเลน รัฐฉาน . Deep State ที่ตัวแสดงหลักคือกองทัพสหรัฐว้า United Wa State Army ทำขอตกลงกับรัฐบาลเมียนมาคือ เขตปกครองพิเศษที่ 2 มีพื้นที่อิทธิพลในเขตเปกครองตนเองว้า ภาคเหนือติดชายแดนจีน และทางภาคใต้-ตะวันออกของรัฐฉาน ติดกับประเทศไทย และการพันลึกกับจีน . ปมปัญหามลพิษทางน้ำข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ประเด็นร้อนล่าสุดที่ผลกระทบได้ขยายวงแผ่ไปตามกระแสน้ำที่มีมลพิษจากการทำเหมืองทองคำเป็นต้นเหตุหลักในพื้นที่รัฐฉาน ที่ไหลลงแม่น้ำลัดเลาะลงอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านจังหวัดเชียงราย ลงแม่น้ำโขง . เรื่องนี้มีความน่าสนใจเชิงทรัพยากรเหมืองแร่ที่มีทุนจีนเข้ามาโอบล้อมภาคเหนือของไทยสูบแร่ ที่คิดว่าไม่ใช่เฉพาะทองคำ แต่จะกินไปถึงถ่านหิน และแมงกานีส เป็นอุตสาหกรรมที่มีความลึกลับซับซ้อนเป็นทองคำสีเลือดที่สร้างผลกระทบชีวิตคนลุ่มแม่น้ำโขง สุขภาพตายผ่อนส่ง ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่ยังไม่รวมเรื่องฝุ่นควันข้ามแดนจากการบายพาสสินค้าไปตลาดจีน คาสิโน บ่อนที่ประชิดชายแดนไทย ทั้งพม่าและคิงส์โรมัน . ทั้งหมดล้วนพัวพันเป็นเนื้อเดียวที่ส่งสัญญาณอนาคตประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ลุ่มนํ้าสาละวิน กก สาย และอิง ไม่รวมแม่น้ำสาขา น้ำแม่ฝาง น้ำแม่ลาว และน้ำแม่สรวย กำลังเผชิญวิกฤติที่ลุกลามเป็นกินพื้นที่ภาคเหนือ . ต้องยอมรับว่าการ Reaction ของรัฐไทยช้า และไม่มีพลังที่จะชน Deep State ประเทศเพื่อนบ้าน ภาพปรากฎเป็นการตั้งรับเกือบ 100% และไม่ทันการณ์ . ความอ่อนแอเชิงพื้นที่ที่ได้ถูกกัดกร่อน ทำให้พลังการแสดงออกของพื้นที่เชียงรายอ่อนแรง ทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน มิได้ส่งเสียงส่งพลังให้เกิดการมีปฏิกิริยาเชิงรุกกับรัฐบาลไทยเพื่อปกป้องผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของภาคเหนือ . หากประมวลมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของไทย นอกจากการเกาะติดของสื่อ ก็จะมีข้อเรียกร้องทางให้เปิดโต๊ะเจรจาจีน-เมียนมา-ว้า ประสานพี่ใหญ่จีนด้วยที่มีบริษัทจีนส่วนใหญ่เข้าไปสัมปทาน ทั้งรูปแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ร่วมกันหาทางออกทั้งการยุติการทำเหมืองทอง หรือการควบคุมการปล่อยสารพิษลงแม่น้ำ . จังหวัดเชียงรายต้องทำฉากทัศน์ (Scenarios) หลายระดับ 1.ในช่วง 5 ปี หน้าดินที่เสื่อมสลายไป จะทำอย่างไรในเรื่องตะกอน น้ำท่วม และสารพิษในแม่น้ำ 2.ในช่วง 10 ปีข้างหน้า หากเหมืองทองขยายตัวมากกว่านี้ ขยายเหมือนไร่ข้าวโพดในเมียนมา จะมีการบริหารจัดการอย่างไร 3.ประเด็นการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) . ก่อนหน้านี้กลางเดือนมีนาคมมีการรวมตัวของชุมชน 700 คน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวกันเพื่อรณรงค์ปกป้องแม่น้ำกก ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองทองคำบนต้นน้ำกกที่ห่างจากชายแดนไทยไป 30 กิโลเมตรทางทิศใต้ของเมืองสาด ที่ดำเนินขุดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา การขุดทองในวงกว้างเกิดขึ้นริมแม่น้ำกกในเมืองยอน ตอนใต้ของอำเภอเมืองสาด . ในแถลงการณ์ระบุว่ามีบริษัทจีนหลัก 4 แห่ง ที่ดำเนินการขุดเหมือง มีซับคอนแทรกอีก 20 ราย มีพนักงานมากกว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน บริษัทเหล่านี้ทำเหมืองบนเนินเขาและริมฝั่งแม่น้ำกก รวมถึงการใช้เรือขุดทองและสกัดบนแม่น้ำกกโดยตรง ทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจการบริโภคในครัวเรือน และทำให้ปลาแทบสูญพันธุ์ . ล่าสุดมีการขยับของ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกหนังสือไปยังหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong Committee Secretariat: MRCS) เสนอจัดตั้ง “กลไกความร่วมมือทวิภาคี” สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยมี MRCS ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งต้องติดตามต่อไป . หลังจากการเปิดฉากเรื่อง Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนต่อไปคือการเจาะลึกการขยายอุตสาหกรรมเหมืองทองคำในลุ่มแม่น้ำโขงในเงื้อมมือทุนจีน การเล่นแร่แปรธาตุสู่อาวุธ บ่อน และสงคราม ไปจนทางถึง Supply Chain การเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเหมืองในลุ่มแม่น้ำโขง ผลประโยชน์ขนาดไหน ความสูญเสียของคนลุ่มแม่น้ำโขงในอนาคตภายใต้ความเสี่ยงของมลพิษข้ามแดนจะวิกฤติอย่างไร มีทางออกอย่างไรโปรดติดตาม อ้างอิง : • มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ https://shanhumanrights.org/ • วิกฤตสารหนู ‘แม่น้ำกก’ จี้รัฐถก 3 ชาติ ป้องเศรษฐกิจเชียงรายพัง https://www.prachachat.net/local-economy/news-1792140 • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 https://www.facebook.com/share/p/1D8ZwWYsN1/ • ไทยกับว้าแดง https://www.facebook.com/share/p/15KvYRaDH1/ • Toxic Waters, Dysfunctional States The Destruction of the Kok and Sai Rivers By Paskorn Jumlongrach https://transbordernews.in.th/home/?p=421080 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว