• "ศุภชัย" ชี้ "เขากระโดง" ไม่มีใครบุกรุก ย้อนถาม เดชอิศม์ ญาติถูกจำคุก รุกโบราณสถานหัวเขาแดง จะว่าอย่างไร
    https://www.thai-tai.tv/news/20751/
    .
    #ศุภชัยใจสมุทร #เดชอิศม์ขาวทอง #คดีบุกรุกโบราณสถาน #เขาน้อยสงขลา #การเมือง #ไทยไท
    "ศุภชัย" ชี้ "เขากระโดง" ไม่มีใครบุกรุก ย้อนถาม เดชอิศม์ ญาติถูกจำคุก รุกโบราณสถานหัวเขาแดง จะว่าอย่างไร https://www.thai-tai.tv/news/20751/ . #ศุภชัยใจสมุทร #เดชอิศม์ขาวทอง #คดีบุกรุกโบราณสถาน #เขาน้อยสงขลา #การเมือง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • พระกริ่งชัยวัฒน์ วัดพระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช
    พระกริ่งชัยวัฒน์ ก้นตอกโค็ด"นะโม" วัดพระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พระกริ่งชัยวัฒน์ มีความเชื่อกันมาอย่างยาวนานว่า หากใครได้มีไว้ครอบครองบูชาจะยิ่งทำให้ชีวิตมีความสุข และนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาให้ มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานแช่น้ำทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์แล้วดื่มกินด้วยความเชื่อว่า จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ เกิดคุณด้านความเจริญรุ่งเรือง เกิดผลในทางคุ้มครองรักษา ปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยร้ายแรง มีความสุข ความเจริญ รุ่งเรือง นับเป็นคุณอันวิเศษยิ่งนัก >>

    ** วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือที่ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ นั้น เป็นโบราณสถานสถานศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองนครศรีธรรมราชค่ะ อีกทั้งยังเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของ จังหวัดนครศรีธรรมราช อีกด้วย ซึ่งพระบรมธาตุเจดีย์นั้นเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ทำให้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    พระกริ่งชัยวัฒน์ วัดพระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช พระกริ่งชัยวัฒน์ ก้นตอกโค็ด"นะโม" วัดพระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พระกริ่งชัยวัฒน์ มีความเชื่อกันมาอย่างยาวนานว่า หากใครได้มีไว้ครอบครองบูชาจะยิ่งทำให้ชีวิตมีความสุข และนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาให้ มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานแช่น้ำทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์แล้วดื่มกินด้วยความเชื่อว่า จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ เกิดคุณด้านความเจริญรุ่งเรือง เกิดผลในทางคุ้มครองรักษา ปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยร้ายแรง มีความสุข ความเจริญ รุ่งเรือง นับเป็นคุณอันวิเศษยิ่งนัก >> ** วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือที่ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ นั้น เป็นโบราณสถานสถานศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองนครศรีธรรมราชค่ะ อีกทั้งยังเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของ จังหวัดนครศรีธรรมราช อีกด้วย ซึ่งพระบรมธาตุเจดีย์นั้นเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ทำให้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น

    แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง

    ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ

    การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ช่วงบ่าย กัมพูชายังเสริมกำลังตลอดแนวชายแดนส่วนที่ปราสาทตาควายทั้งสองฝ่ายคุมพื้นที่เท่าเทียม แต่ด้านหน้ามีทุ่นระเบิดวาง ผิดอนุสัญญาออตตาวา ซ้ำเขมรตั้งกองกำลังในโบราณสถานละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072613

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ช่วงบ่าย กัมพูชายังเสริมกำลังตลอดแนวชายแดนส่วนที่ปราสาทตาควายทั้งสองฝ่ายคุมพื้นที่เท่าเทียม แต่ด้านหน้ามีทุ่นระเบิดวาง ผิดอนุสัญญาออตตาวา ซ้ำเขมรตั้งกองกำลังในโบราณสถานละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072613 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 417 Views 0 Reviews
  • โลกต้องรู้! กัมพูชาใช้ 'ปราสาทตาควาย' เป็นที่ตั้งกำลังพล ละเมิดกฎยูเนสโกและกฎหมายสากลอย่างโจ่งแจ้ง!
    https://www.thai-tai.tv/news/20676/
    .
    #กัมพูชา #ปราสาทตาควาย #โบราณสถาน #ละเมิดสากล #ยูเนสโก #อนุสัญญาเฮก #ชายแดนไทยกัมพูชา #มรดกโลก #ไทยไท
    โลกต้องรู้! กัมพูชาใช้ 'ปราสาทตาควาย' เป็นที่ตั้งกำลังพล ละเมิดกฎยูเนสโกและกฎหมายสากลอย่างโจ่งแจ้ง! https://www.thai-tai.tv/news/20676/ . #กัมพูชา #ปราสาทตาควาย #โบราณสถาน #ละเมิดสากล #ยูเนสโก #อนุสัญญาเฮก #ชายแดนไทยกัมพูชา #มรดกโลก #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • "หักหลังสันติภาพ!" กองทัพไทยแฉกัมพูชา "ยิงไม่หยุด แถม "ใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง" ละเมิดกฎหมายสากล! เผยปักธงไทย 11 พื้นที่
    https://www.thai-tai.tv/news/20613/
    .
    #หยุดยิงละเมิด #กัมพูชาไม่จริงใจ #ใช้โบราณสถานบังหน้า #โฆษกศบทก #ชายแดนไทยกัมพูชา #การตอบโต้ #อธิปไตยไทย #สถานการณ์ผู้อพยพ #ไทยไท
    "หักหลังสันติภาพ!" กองทัพไทยแฉกัมพูชา "ยิงไม่หยุด แถม "ใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง" ละเมิดกฎหมายสากล! เผยปักธงไทย 11 พื้นที่ https://www.thai-tai.tv/news/20613/ . #หยุดยิงละเมิด #กัมพูชาไม่จริงใจ #ใช้โบราณสถานบังหน้า #โฆษกศบทก #ชายแดนไทยกัมพูชา #การตอบโต้ #อธิปไตยไทย #สถานการณ์ผู้อพยพ #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • กองทัพอากาศไทย ส่งเครื่อง F16 และ Gripen บินทิ้งระเบิดถล่มปืนใหญ่ BM21 ฐานทหารเขมร ที่ปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม หลังเขมรไม่สนใดๆ ยิงทำลายปราสาท โบราณสถาน หวังโจมตีทหารไทย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070889

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กองทัพอากาศไทย ส่งเครื่อง F16 และ Gripen บินทิ้งระเบิดถล่มปืนใหญ่ BM21 ฐานทหารเขมร ที่ปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม หลังเขมรไม่สนใดๆ ยิงทำลายปราสาท โบราณสถาน หวังโจมตีทหารไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070889 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    2 Comments 0 Shares 427 Views 1 Reviews
  • ไหน? ใครบอกหยุด
    กัมพูชา ยิงจรวด BM-21
    ใส่ปราสาทตาเมือนธม
    ทำลายโบราณสถาน
    ฮุนเซนคิด ฮุนมาเนตทำ
    (สั่งตรงจากห้องแอร์แหล่งบัญชาการ)
    Who said it stopped?
    Cambodia has launched BM-21 rockets targeting Ta Muen Thom Temple, causing damage to ancient cultural heritage.
    Hun Sen planned it. Hun Manet ordered it.
    (Issued straight from the comfort of an air-conditioned war room.)
    #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม
    #hunsenwarcriminal
    #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន
    #洪森戰爭罪犯
    #กัมพูชายิงก่อน
    #CambodiaOpenedFire
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #กองทัพบกทันกระแส
    ไหน? ใครบอกหยุด กัมพูชา ยิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ทำลายโบราณสถาน ฮุนเซนคิด ฮุนมาเนตทำ (สั่งตรงจากห้องแอร์แหล่งบัญชาการ) Who said it stopped? Cambodia has launched BM-21 rockets targeting Ta Muen Thom Temple, causing damage to ancient cultural heritage. Hun Sen planned it. Hun Manet ordered it. (Issued straight from the comfort of an air-conditioned war room.) #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន #洪森戰爭罪犯 #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #กองทัพบกทันกระแส
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ถึงเที่ยง 26 ก.ค.ยังปะทะหนักหลายพื้นที่ อพยพประชาชนแล้วเกือบ 9 หมื่นคน พนักงานกาสิโนเขมรช่องสายตะกูอพยพออกด้วย กัมพูชายังยิง BM-21 ใส่บ้านเรือประชาชน ภูมะเขือยึดได้ตามแผนแล้ว ปราสาทตาควายมีข้อจำกัดใกล้โบราณสถาน เฝ้าระวังกันทรลักษ์ กาบเชิง พนมดงรัก เขมรเล็งปืนมุ่งทำลายพลเรือน กดดันไทยให้หยุดต่อสู้ ยันลูกปืนใหญ่ตกเขตลาวตรวจสอบแล้วเป็นของกัมพูชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070643

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ถึงเที่ยง 26 ก.ค.ยังปะทะหนักหลายพื้นที่ อพยพประชาชนแล้วเกือบ 9 หมื่นคน พนักงานกาสิโนเขมรช่องสายตะกูอพยพออกด้วย กัมพูชายังยิง BM-21 ใส่บ้านเรือประชาชน ภูมะเขือยึดได้ตามแผนแล้ว ปราสาทตาควายมีข้อจำกัดใกล้โบราณสถาน เฝ้าระวังกันทรลักษ์ กาบเชิง พนมดงรัก เขมรเล็งปืนมุ่งทำลายพลเรือน กดดันไทยให้หยุดต่อสู้ ยันลูกปืนใหญ่ตกเขตลาวตรวจสอบแล้วเป็นของกัมพูชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070643 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 410 Views 0 Reviews
  • กองทัพภาคที่ 2 ลั่นไทยมีสิทธิ์ป้องกันตนเอง! ประณามกัมพูชาโจมตีพลเรือน ยันตอบโต้ตามหลักสากล-ไม่แตะโบราณสถาน
    https://www.thai-tai.tv/news/20492/
    .
    #กองทัพบก #กองทัพภาคที่2 #SMARTSoldiersStrongARMY #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #ชายแดนไทยกัมพูชา #ป้องกันตนเอง #กฎบัตรสหประชาชาติ #กาบเชิง #สุรินทร์

    กองทัพภาคที่ 2 ลั่นไทยมีสิทธิ์ป้องกันตนเอง! ประณามกัมพูชาโจมตีพลเรือน ยันตอบโต้ตามหลักสากล-ไม่แตะโบราณสถาน https://www.thai-tai.tv/news/20492/ . #กองทัพบก #กองทัพภาคที่2 #SMARTSoldiersStrongARMY #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #ชายแดนไทยกัมพูชา #ป้องกันตนเอง #กฎบัตรสหประชาชาติ #กาบเชิง #สุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • กัมพูชาเปิดฉากถล่มหนัก! โจมตีทั้งโบราณสถาน-แหล่งชุมชน ปราสาทตาเมือนธม-ปั๊มน้ำมัน-โรงพยาบาลโดนหางเลข
    https://www.thai-tai.tv/news/20489/
    .
    #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชาโจมตี #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทโดนตรวน #ปั๊มน้ำมัน #โรงพยาบาลพนมดงรัก #ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน
    กัมพูชาเปิดฉากถล่มหนัก! โจมตีทั้งโบราณสถาน-แหล่งชุมชน ปราสาทตาเมือนธม-ปั๊มน้ำมัน-โรงพยาบาลโดนหางเลข https://www.thai-tai.tv/news/20489/ . #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชาโจมตี #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทโดนตรวน #ปั๊มน้ำมัน #โรงพยาบาลพนมดงรัก #ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • กรกิจ ดิษฐาน คอลัมนิสต์นักเขียนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์ว่า “สองสามวันมานี้ผมอ่านบันทึกการเดินทางของ เอเจียน เอโมนิเยร์ (Étienne Aymonier) ผู้ที่ทำการสำรวจ "ขอบเขตของดินแดนเขมรโบราณ" โดยเข้ามาสำรวจในภาคอีสานไทยและบางส่วนของลาว

    หนังสือสองเล่มนั้นคือ Le Cambodge. Les provinces siamoises (การสำรวจโบราณสถานเขมรโบราณในดินแดนของประเทศสยาม) กับ Voyage dans le Laos (การสำรวจภาคอีสานของไทยโดยที่เขาเรียกดินแดนนี้ว่าลาว)

    ที่สำคัญคือ เมื่อถึงเทือกเขาพนมดงรักแล้ว เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม

    สำหรับหนังสือการสำรวจทั้งสองนั้น เล่มแรกมีรสชาติเป็นวิชาการ คือ ค่อนข้างไร้อารมณ์ ส่วนเล่มสองนั้นมีเกร็ดสนุกๆ พอสมควร ทั้งสองเล่มต่างก็เล่าถึงการเดินทางมาที่ "เมืองสุรินทร์" อันเป็นจังหวัดของประเทศสยามและมีระเบียบการปกครองแบบสยาม เอโมนิเยร์ เดินทางกับลูกน้องชาวกัมพูชาจากสุรินทร์ลงมายังเทือกเขาพนมดงรักเพื่อสำรวจกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งบรรยากาศการสำรวจในหนังสือ Le Cambodge. Les provinces siamoises กล่าวถึงการรายละเอียดที่เป็นวิชาการมาก (เช่นปราสาทมีลักษณะแบบไหน ใครสร้าง จารึกว่าด้วยอะไร) แต่ Voyage dans le Laos ดูลี้ลับ สนุกเร้าใจ และน่าเสี่ยงภัยพอดู

    สิ่งสำคัญก็คือ เอเจียน เอโมนิเยร์ บอกว่า ปราสาทตาเมือน (ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาเมือนธรรมดา) ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ แม้ว่าในเวลานั้นการกำหนดพรมแดนของไทยและอินโดจีนฝรั่งเศสยังไม่ชัด แต่การระบุว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตสุรินทร์ก็เท่ากับยอมรับว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของไทย

    และเนื้อหาของ Voyage dans le Laos ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ชัด รวมถึงการเข้ามาของข้าราชการจากสยามและบางกอกในพื้นที่นี้ ซึ่งผมจะแปลให้อ่านกัน ดังนี้ .... (บทว่าด้วยจากสังขะ ถึงสุรินทร์ สู่ดงรัก)

    "หมู่บ้านพนมได (พนมฎี?) แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักไป 4 ลีก (19.32 กิโลเมตร) นับจากช่องจุบสมัจที่ชาวสยามเรียกว่า ช่องเสม็ด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนนำเครื่องบรรณาการจากเมืองลาวต่างๆ (อีสานและลาวฝั่งซ้าย) มายังกรุงเทพฯ เครื่องบรรณาการเหล่านี้ไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของโจร ครั้งหนึ่งเคยถูกลักขโมยไปเมื่อปีที่แล้ว อีกครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นผู้รักษาการเจ้าถูกปล้นทรัพย์จนหมดสิ้น เขาต้องหลบหนีกลับประเทศโดยที่แม้แต่สัญญาบัตรพระราชทานตำแหน่งก็สูญหายไป พวกโจรยังปล้นสะดมได้แม้พระมหากษัตริย์ และพวกเรากับชาวกัมพูชาคนอื่นๆ กล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าในสัมภาระของเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากกระดาษพิมพ์ลายศิลาจารึก"

    วันพุธที่ 19 ธันวาคม พวกเขาออกจากหมู่บ้านพนมไดเวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปเยี่ยมชมซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทตาเมือนบนภูเขา เวลา 9 โมง พวกเขาออกจากป่าที่โล่งและเข้าสู่ป่าสูงใหญ่ทึบที่ปกคลุมยอดเขาดงรัก ในภูมิภาคนี้ ป่าแห่งนี้มีลักษณะที่หาได้ยากในอินโดจีน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะเป็นหลุมดำทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง ประกอบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บริเวณเชิงเขา พื้นดินไม่ได้โล่งเตียน แต่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้และพุ่มไม้เล็กๆ ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาได้พบกับป่าแห่งนี้อีกครั้ง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องเพลาจอมทัพเพชร เห็นได้ชัดว่าสามารถเดินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกจากป่า

    หนึ่งชั่วโมงหลังจากเข้าไปในป่านี้ นักเดินทางก็มาถึงปราสาทตาเมือน ในป่า ไม่ไกลจากสันเขาของกำแพงสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเขาดงรัก จากภูมิพนมได (บ้านพนมได) ไม่มีร่องให้ปีนป่ายให้เห็นเด่นชัด ภูมิประเทศดูเหมือนจะราบเรียบ และยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงหน้าผาสูงชันครึ่งลีก (2.4 กิโลเมตร) เลยซากปรักหักพังไป ซึ่งมีทางเดินเท้าใกล้ๆ ซึ่งช่วยให้ลงจากภูเขาได้ มีคนเล่ากันว่าโจรขโมยวัวมักจะผ่านช่องเขาร้างที่เรียกว่า เพลาตาเมือน เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซากปรักหักพังเล็กๆ ของปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบและเป็นทราย จากที่นั่น ลูกหาบชาวกัมพูชาของผมเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 หรือ 1,800 เมตร เพื่อเยี่ยมชมซากปรักหักพังขนาดใหญ่หรือปราสาทตาเมือนธม อนุสรณ์สถานสุดท้ายนี้ ซึ่งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เช่นกัน มีความสำคัญมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้สันเขา มีบันไดขนาดใหญ่ที่ลงจากภูเขาไปยังที่ราบสูงตอนล่าง ในวันแรกนั้น จารึกของปราสาทตาเมือนธมถูกพิมพ์ทำสำเนาไว้ อันส่งอุกกลับไปยังพนมไดเพื่อเฝ้าสัมภาระและพักอยู่กับชานที่ซากปรักหักพัง

    ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม เป็นวันที่ผมใช้เวลาทั้งวันในการขุดค้นจารึกของปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากไม่ได้นำอาหารมาเพียงพอ และต้องอยู่ในซากปรักหักพังนี้เกินกว่าที่คาดไว้ คนของผมและผู้นำทางจึงต้องงดอาหารเย็นและนอนที่ปราสาทตาเมือนธม ในซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในป่ารกร้างอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาได้รับสัญญาณเตือน ซึ่งอันเล่าว่า “พวกเราสี่คนนอนอยู่ที่นั่น จัน ผม (อัน) และชายสองคนจากภูมิพนมได ค่ำคืนนั้นเงียบสงัดจนใบไม้ร่วงแต่ละใบส่งเสียงประหลาด เราได้ยินเสียงคล้ายเสียงสัตว์เดิน ผมต้องชื่นชมความนิ่งของชายคนหนึ่งจากท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด นิ่งสงบอยู่เสมอ แต่ราวๆ ช่วงเวลาไก่ขันครั้งแรก ชายคนนี้ก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “อะไรมันยืนอยู่อย่างนี้?” พลันกองไฟของเราดับลง ผมกระโดดขึ้น คว้าปืนไรเฟิลไว้ในมือข้างหนึ่งและเขย่าจันด้วยมืออีกข้างเพื่อปลุกเขา เราถามชายคนนี้ว่าเขาเห็นอะไร แต่เขานิ่งลงตามปกติแล้ว หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง เขาบอกเราเพียงว่าเขาได้ยินเสียงคล้ายเสียงนกบิน เราจึงกลับไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำสำเนาจารึกเสร็จ เราหุงข้าวถ้วยเล็กๆ ที่เราเหลือไว้โดยการเจือจางด้วยน้ำปริมาณมาก และแบ่งโจ๊กหม้อเล็กๆ นี้ให้ทุกคนกิน งานของเรา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราออกจากซากปรักหักพังทางทิศตะวันตก และทันใดนั้นก็พบกับงูสีดำตัวหนึ่ง ยาวสามถึง 4 เมตร ใหญ่กว่าลูกวัวเสียอีก มันกระโดดและหายเข้าไปในโพรงของซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ผมขอปืนไรเฟิลไปอย่างไร้ผล ชายท้องถิ่นที่ถือมันไว้กลับวิ่งหนีไปแทนที่จะยื่นให้ผม ขณะที่ผมยังคงจ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น ซึ่งน่าจะเป็นแขกยามราตรีที่ออกล่าสัตว์กับเรา"

    บันทึกนี้ระทึกใจเหมือนกำลังอ่านบทหนึ่งของเพชรพระอุมา

    แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม

    ดังนั้นพวก "เขมรต่ำ" ไม่ต้องมาเถียงให้เสียเวลาอีก”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1FziKPwjkT/?mibextid=wwXIfr
    กรกิจ ดิษฐาน คอลัมนิสต์นักเขียนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์ว่า “สองสามวันมานี้ผมอ่านบันทึกการเดินทางของ เอเจียน เอโมนิเยร์ (Étienne Aymonier) ผู้ที่ทำการสำรวจ "ขอบเขตของดินแดนเขมรโบราณ" โดยเข้ามาสำรวจในภาคอีสานไทยและบางส่วนของลาว หนังสือสองเล่มนั้นคือ Le Cambodge. Les provinces siamoises (การสำรวจโบราณสถานเขมรโบราณในดินแดนของประเทศสยาม) กับ Voyage dans le Laos (การสำรวจภาคอีสานของไทยโดยที่เขาเรียกดินแดนนี้ว่าลาว) ที่สำคัญคือ เมื่อถึงเทือกเขาพนมดงรักแล้ว เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม สำหรับหนังสือการสำรวจทั้งสองนั้น เล่มแรกมีรสชาติเป็นวิชาการ คือ ค่อนข้างไร้อารมณ์ ส่วนเล่มสองนั้นมีเกร็ดสนุกๆ พอสมควร ทั้งสองเล่มต่างก็เล่าถึงการเดินทางมาที่ "เมืองสุรินทร์" อันเป็นจังหวัดของประเทศสยามและมีระเบียบการปกครองแบบสยาม เอโมนิเยร์ เดินทางกับลูกน้องชาวกัมพูชาจากสุรินทร์ลงมายังเทือกเขาพนมดงรักเพื่อสำรวจกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งบรรยากาศการสำรวจในหนังสือ Le Cambodge. Les provinces siamoises กล่าวถึงการรายละเอียดที่เป็นวิชาการมาก (เช่นปราสาทมีลักษณะแบบไหน ใครสร้าง จารึกว่าด้วยอะไร) แต่ Voyage dans le Laos ดูลี้ลับ สนุกเร้าใจ และน่าเสี่ยงภัยพอดู สิ่งสำคัญก็คือ เอเจียน เอโมนิเยร์ บอกว่า ปราสาทตาเมือน (ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาเมือนธรรมดา) ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ แม้ว่าในเวลานั้นการกำหนดพรมแดนของไทยและอินโดจีนฝรั่งเศสยังไม่ชัด แต่การระบุว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตสุรินทร์ก็เท่ากับยอมรับว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของไทย และเนื้อหาของ Voyage dans le Laos ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ชัด รวมถึงการเข้ามาของข้าราชการจากสยามและบางกอกในพื้นที่นี้ ซึ่งผมจะแปลให้อ่านกัน ดังนี้ .... (บทว่าด้วยจากสังขะ ถึงสุรินทร์ สู่ดงรัก) "หมู่บ้านพนมได (พนมฎี?) แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักไป 4 ลีก (19.32 กิโลเมตร) นับจากช่องจุบสมัจที่ชาวสยามเรียกว่า ช่องเสม็ด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนนำเครื่องบรรณาการจากเมืองลาวต่างๆ (อีสานและลาวฝั่งซ้าย) มายังกรุงเทพฯ เครื่องบรรณาการเหล่านี้ไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของโจร ครั้งหนึ่งเคยถูกลักขโมยไปเมื่อปีที่แล้ว อีกครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นผู้รักษาการเจ้าถูกปล้นทรัพย์จนหมดสิ้น เขาต้องหลบหนีกลับประเทศโดยที่แม้แต่สัญญาบัตรพระราชทานตำแหน่งก็สูญหายไป พวกโจรยังปล้นสะดมได้แม้พระมหากษัตริย์ และพวกเรากับชาวกัมพูชาคนอื่นๆ กล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าในสัมภาระของเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากกระดาษพิมพ์ลายศิลาจารึก" วันพุธที่ 19 ธันวาคม พวกเขาออกจากหมู่บ้านพนมไดเวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปเยี่ยมชมซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทตาเมือนบนภูเขา เวลา 9 โมง พวกเขาออกจากป่าที่โล่งและเข้าสู่ป่าสูงใหญ่ทึบที่ปกคลุมยอดเขาดงรัก ในภูมิภาคนี้ ป่าแห่งนี้มีลักษณะที่หาได้ยากในอินโดจีน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะเป็นหลุมดำทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง ประกอบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บริเวณเชิงเขา พื้นดินไม่ได้โล่งเตียน แต่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้และพุ่มไม้เล็กๆ ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาได้พบกับป่าแห่งนี้อีกครั้ง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องเพลาจอมทัพเพชร เห็นได้ชัดว่าสามารถเดินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกจากป่า หนึ่งชั่วโมงหลังจากเข้าไปในป่านี้ นักเดินทางก็มาถึงปราสาทตาเมือน ในป่า ไม่ไกลจากสันเขาของกำแพงสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเขาดงรัก จากภูมิพนมได (บ้านพนมได) ไม่มีร่องให้ปีนป่ายให้เห็นเด่นชัด ภูมิประเทศดูเหมือนจะราบเรียบ และยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงหน้าผาสูงชันครึ่งลีก (2.4 กิโลเมตร) เลยซากปรักหักพังไป ซึ่งมีทางเดินเท้าใกล้ๆ ซึ่งช่วยให้ลงจากภูเขาได้ มีคนเล่ากันว่าโจรขโมยวัวมักจะผ่านช่องเขาร้างที่เรียกว่า เพลาตาเมือน เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซากปรักหักพังเล็กๆ ของปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบและเป็นทราย จากที่นั่น ลูกหาบชาวกัมพูชาของผมเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 หรือ 1,800 เมตร เพื่อเยี่ยมชมซากปรักหักพังขนาดใหญ่หรือปราสาทตาเมือนธม อนุสรณ์สถานสุดท้ายนี้ ซึ่งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เช่นกัน มีความสำคัญมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้สันเขา มีบันไดขนาดใหญ่ที่ลงจากภูเขาไปยังที่ราบสูงตอนล่าง ในวันแรกนั้น จารึกของปราสาทตาเมือนธมถูกพิมพ์ทำสำเนาไว้ อันส่งอุกกลับไปยังพนมไดเพื่อเฝ้าสัมภาระและพักอยู่กับชานที่ซากปรักหักพัง ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม เป็นวันที่ผมใช้เวลาทั้งวันในการขุดค้นจารึกของปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากไม่ได้นำอาหารมาเพียงพอ และต้องอยู่ในซากปรักหักพังนี้เกินกว่าที่คาดไว้ คนของผมและผู้นำทางจึงต้องงดอาหารเย็นและนอนที่ปราสาทตาเมือนธม ในซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในป่ารกร้างอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาได้รับสัญญาณเตือน ซึ่งอันเล่าว่า “พวกเราสี่คนนอนอยู่ที่นั่น จัน ผม (อัน) และชายสองคนจากภูมิพนมได ค่ำคืนนั้นเงียบสงัดจนใบไม้ร่วงแต่ละใบส่งเสียงประหลาด เราได้ยินเสียงคล้ายเสียงสัตว์เดิน ผมต้องชื่นชมความนิ่งของชายคนหนึ่งจากท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด นิ่งสงบอยู่เสมอ แต่ราวๆ ช่วงเวลาไก่ขันครั้งแรก ชายคนนี้ก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “อะไรมันยืนอยู่อย่างนี้?” พลันกองไฟของเราดับลง ผมกระโดดขึ้น คว้าปืนไรเฟิลไว้ในมือข้างหนึ่งและเขย่าจันด้วยมืออีกข้างเพื่อปลุกเขา เราถามชายคนนี้ว่าเขาเห็นอะไร แต่เขานิ่งลงตามปกติแล้ว หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง เขาบอกเราเพียงว่าเขาได้ยินเสียงคล้ายเสียงนกบิน เราจึงกลับไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำสำเนาจารึกเสร็จ เราหุงข้าวถ้วยเล็กๆ ที่เราเหลือไว้โดยการเจือจางด้วยน้ำปริมาณมาก และแบ่งโจ๊กหม้อเล็กๆ นี้ให้ทุกคนกิน งานของเรา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราออกจากซากปรักหักพังทางทิศตะวันตก และทันใดนั้นก็พบกับงูสีดำตัวหนึ่ง ยาวสามถึง 4 เมตร ใหญ่กว่าลูกวัวเสียอีก มันกระโดดและหายเข้าไปในโพรงของซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ผมขอปืนไรเฟิลไปอย่างไร้ผล ชายท้องถิ่นที่ถือมันไว้กลับวิ่งหนีไปแทนที่จะยื่นให้ผม ขณะที่ผมยังคงจ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น ซึ่งน่าจะเป็นแขกยามราตรีที่ออกล่าสัตว์กับเรา" บันทึกนี้ระทึกใจเหมือนกำลังอ่านบทหนึ่งของเพชรพระอุมา แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม ดังนั้นพวก "เขมรต่ำ" ไม่ต้องมาเถียงให้เสียเวลาอีก” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1FziKPwjkT/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • อดีตบิ๊กข่าวกรอง สวน 'เคลมโบเดีย' ปราสาทตาเมือนธมของไทย ถ้าไม่ใช่ฝรั่งเสศต้องท้วงตั้งแต่ปี 2478
    https://www.thai-tai.tv/news/20087/
    .
    #นันทิวัฒน์สามารถ #ปราสาทตาเมือนธม #กัมพูชา #เคลมโบเดีย #โบราณสถานไทย #มรดกโลก #เขาพระวิหาร #อธิปไตยไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #ข้อพิพาทชายแดน
    อดีตบิ๊กข่าวกรอง สวน 'เคลมโบเดีย' ปราสาทตาเมือนธมของไทย ถ้าไม่ใช่ฝรั่งเสศต้องท้วงตั้งแต่ปี 2478 https://www.thai-tai.tv/news/20087/ . #นันทิวัฒน์สามารถ #ปราสาทตาเมือนธม #กัมพูชา #เคลมโบเดีย #โบราณสถานไทย #มรดกโลก #เขาพระวิหาร #อธิปไตยไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #ข้อพิพาทชายแดน
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ประเดิมเข้ากระทรวงวันแรก สั่งทบทวนการส่งวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กัมพูชา เพราะงบประมาณไม่เพียงพอในการขนส่ง และไม่เป็นเรื่องเร่งด่วนในการของบกลาง เตรียมแจ้งความคนปล่อยข่าวปลุกปั่น ทำให้เกิดความเสียหาย ยืนยัน กลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นโบราณสถานในอำนาจอธิปไตยของไทย มีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน พ.ศ.2505 แล้ว

    -ผิดกฎหมายร้ายแรง
    -ศาลถามทำไมส่งตัวไกล
    -ขอศาลงดแพร่คำเบิกความ
    -สภาล่มเกิดได้ทุกเมื่อ

    https://www.youtube.com/watch?v=qcGeQflFnr0
    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ประเดิมเข้ากระทรวงวันแรก สั่งทบทวนการส่งวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กัมพูชา เพราะงบประมาณไม่เพียงพอในการขนส่ง และไม่เป็นเรื่องเร่งด่วนในการของบกลาง เตรียมแจ้งความคนปล่อยข่าวปลุกปั่น ทำให้เกิดความเสียหาย ยืนยัน กลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นโบราณสถานในอำนาจอธิปไตยของไทย มีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน พ.ศ.2505 แล้ว -ผิดกฎหมายร้ายแรง -ศาลถามทำไมส่งตัวไกล -ขอศาลงดแพร่คำเบิกความ -สภาล่มเกิดได้ทุกเมื่อ https://www.youtube.com/watch?v=qcGeQflFnr0
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 657 Views 0 0 Reviews
  • แม่ทัพภาคที่ 2 ชวนเที่ยวปราสาทตาเมือนธม-ตาเมือนโต๊ด-ตาควาย กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน
    https://www.thai-tai.tv/news/19957/
    .
    #เที่ยวชายแดนไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาควาย #ปราสาทตาเมือนโต๊ด #สุรินทร์ #แม่ทัพภาคที่2 #เที่ยวไทย #กระตุ้นเศรษฐกิจ #ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ #โบราณสถาน #อุดหนุนคนไทย
    แม่ทัพภาคที่ 2 ชวนเที่ยวปราสาทตาเมือนธม-ตาเมือนโต๊ด-ตาควาย กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน https://www.thai-tai.tv/news/19957/ . #เที่ยวชายแดนไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาควาย #ปราสาทตาเมือนโต๊ด #สุรินทร์ #แม่ทัพภาคที่2 #เที่ยวไทย #กระตุ้นเศรษฐกิจ #ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ #โบราณสถาน #อุดหนุนคนไทย
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • 'ดร.อานนท์' กังวล 'อุ๊งอิ๊ง' คุมกรมศิลปากร 3 ปราสาทกำลังจะดูแลโดยรัฐมนตรีผู้มีประวัติเป็นไส้ศึก ไขความลับของชาติ ประชาชนจะไว้ใจได้อย่างไร
    https://www.thai-tai.tv/news/19930/
    .
    #กระทรวงวัฒนธรรม #แพทองธาร #ปราสาทตาเมือน #ปราสาทตาควาย #เสียดินแดน #กัมพูชา #อานนท์ศักดิ์วรวิชญ์ #โบราณสถานไทย #ข้อพิพาทไทยกัมพูชา #การเมืองไทย
    'ดร.อานนท์' กังวล 'อุ๊งอิ๊ง' คุมกรมศิลปากร 3 ปราสาทกำลังจะดูแลโดยรัฐมนตรีผู้มีประวัติเป็นไส้ศึก ไขความลับของชาติ ประชาชนจะไว้ใจได้อย่างไร https://www.thai-tai.tv/news/19930/ . #กระทรวงวัฒนธรรม #แพทองธาร #ปราสาทตาเมือน #ปราสาทตาควาย #เสียดินแดน #กัมพูชา #อานนท์ศักดิ์วรวิชญ์ #โบราณสถานไทย #ข้อพิพาทไทยกัมพูชา #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • ฮุนเซน ไม่ติดหนี้อะไรไทยจริงหรอ?

    ทั้งที่เคย ทูลขอไปยังเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร(พระยศขณะนั้น)ให้ทรงช่วยเหลือกัมพูชาด้านสาธารณสุข และการศึกษาต่อไป” สำนักข่าวซึ่งเป็นของรัฐบาล กล่าว

    พล.อ.วาภิรมย์ นายทหารเกษียนราชการวัย 65 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการ โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่กัมพูชาด้านการศึกษา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธาน

    โครงการนี้ได้ช่วยกัมพูชาก่อสร้างโรงเรียนมัธยมกัมปงเฌอเตียล (Kampong Chheuteal) ใน จ.กัมปงธม ตามแนวพระราชดำริ โดยเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2543 พระองค์เสด็จฯ กัมพูชาหลายครั้งมาตั้งแต่นั้น รวมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนในเดือน พ.ย.2548 ร่วมกับ นรม.กัมพูชา

    โรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างเป็นทางการ มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 และจากชื่อเดิม คือ โรงเรียนมัธยมปราสาทซอมบอร์ ได้กลายมาเป็นโรงเรียนมัธยมกัมปงเฉอเตียลและเป็นวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียลในปัจจุบัน

    ในแต่ละปีวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียล รับนักเรียนเข้าเรียนกว่า 1,000 คน สอนตามหลักสูตรของกัมพูชาโดยครูอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวเขมร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดหาอุปกรณ์และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆ ตลอดมา

    กัมปงเฌอเตียล ได้กลายเป็นสถานศึกษาตัวอย่าง ซึ่งนอกจากจะฝึกสอนวิชาการแล้วยังเน้นการอบรมนักเรียนด้านความสะอาด การรักษาสุขภาพอนามัย การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม

    และเนื่องจากประชาคมแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของปราสาทซอมบอร์ (Sambor Prey Kuk) ที่สร้างมาก่อนยุคเมืองพระนคร (นครวัด) การเรียนการสอนจึงเน้นในด้านการอนุรักษ์โบราณสถานอีกด้วย
    ฮุนเซน ไม่ติดหนี้อะไรไทยจริงหรอ? ทั้งที่เคย ทูลขอไปยังเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร(พระยศขณะนั้น)ให้ทรงช่วยเหลือกัมพูชาด้านสาธารณสุข และการศึกษาต่อไป” สำนักข่าวซึ่งเป็นของรัฐบาล กล่าว พล.อ.วาภิรมย์ นายทหารเกษียนราชการวัย 65 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการ โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่กัมพูชาด้านการศึกษา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธาน โครงการนี้ได้ช่วยกัมพูชาก่อสร้างโรงเรียนมัธยมกัมปงเฌอเตียล (Kampong Chheuteal) ใน จ.กัมปงธม ตามแนวพระราชดำริ โดยเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2543 พระองค์เสด็จฯ กัมพูชาหลายครั้งมาตั้งแต่นั้น รวมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนในเดือน พ.ย.2548 ร่วมกับ นรม.กัมพูชา โรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างเป็นทางการ มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 และจากชื่อเดิม คือ โรงเรียนมัธยมปราสาทซอมบอร์ ได้กลายมาเป็นโรงเรียนมัธยมกัมปงเฉอเตียลและเป็นวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียลในปัจจุบัน ในแต่ละปีวิทยาลัยกัมปงเฌอเตียล รับนักเรียนเข้าเรียนกว่า 1,000 คน สอนตามหลักสูตรของกัมพูชาโดยครูอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวเขมร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดหาอุปกรณ์และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆ ตลอดมา กัมปงเฌอเตียล ได้กลายเป็นสถานศึกษาตัวอย่าง ซึ่งนอกจากจะฝึกสอนวิชาการแล้วยังเน้นการอบรมนักเรียนด้านความสะอาด การรักษาสุขภาพอนามัย การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม และเนื่องจากประชาคมแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของปราสาทซอมบอร์ (Sambor Prey Kuk) ที่สร้างมาก่อนยุคเมืองพระนคร (นครวัด) การเรียนการสอนจึงเน้นในด้านการอนุรักษ์โบราณสถานอีกด้วย
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 Reviews
  • ## สมเด็จจากนรก ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่...!!! ##
    ..
    ..
    เอาจริงๆนะ...
    .
    พฤติกรรม เกเร ระราน เจ้าเล่ห์เพทุบาย...
    .
    ระดมใช้วิชามารต่างๆนานาเพื่อยึดครองแผ่นดินไทย...
    .
    ถ้าใคร ศึกษา หรือ ตามข่าวตลอด ก็จะพอเข้าใจ ทำไม "ไอ้สมเด็จจากนรก" มันเกาะยึด MOU43 และ แผนที่ 1:200,000 ไม่ปล่อย...
    .
    และ ท่าทีของรัฐบาลไทย และ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ อ่อนยวบ ไร้น้ำหนักราวกับล่องลอยอยู่ในอวกาศก็มิปาน...
    .
    ไม่หือ ไม่อือ ไม่โต้แย้ง ในทุกประเด็น ที่ เขมร มันประกาศวางเกม...
    .
    เพื่อที่ในอนาคต อาจจะได้มีโอกาส ใช้กฎหมายปิดปากจาก ชาติมหาอำนาจเจ้าจักรวรรดินิยมอีกครั้ง...
    ....
    ....
    ที่น่าแปลก คือ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมดุ ส่วน รัฐบาลไทย สวมวิญญาณ เดอะนุ่น...!!!
    .
    ทำทีราวกับตามเกมอะไร เขมรสองพ่อลูก ไม่ทันเลย...
    ..
    ..
    ทั้งๆที่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมเดือด ประกาศกร้าวว่า ตรงนั้นแผ่นดินเขมร ประเทศไทยเป็นโจรขโมยแผ่นดิน...
    .
    แต่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" ไม่เคยด่าคนใน รัฐบาลไทย จริงๆจังๆ
    .
    หนำซ้ำยังเย้ยว่า คุมกองทัพไม่ได้ 100%
    .
    บวกกับ เป็นเดือดเป็นแค้น สนธิ ลิ้มทองกุล และ ทวงบุญจาก ตู่ จตุพร...
    .
    ด่าว่า ลุงสนธิ ลิ้มทองกุล มองเขมรเป็นศัตรู ดูถูกเขมร คลั่งชาติ และ ปั่นหัวคนไทยหัวรุนแรงให้คลั่งชาติ
    .
    เพราะ ชาวคณะบ้านพระอาทิตย์ และ นักวิชาการ รวมทั้งประชาชน รวมพลังกันไปยื่นเรื่องให้รัฐบาล ยกเลิก MOU43 ยึดหลักสากล คือ สันปันน้ำ และ เปลี่ยนตัว ประธานคณะเจรจา JBC ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ว่าอาจจะยึดถือแผนที่ 1:200,000 ของ เขมร
    .
    ประกอบกับรอบก่อน สำนักบ้านพระอาทิตย์ โดย ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ก็ไปยื่นเรื่องให้ รัฐบาล ยกเลิก MOU44 กับ JC44 และ ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนไทย...
    .
    จนรัฐบาลเงียบไปเรื่องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลอ่าวไทยด้านตะวันออก ตาม MOU44 และ JC44
    ....
    ....
    โอ้โห พฤติกรรมของ สมเด็จจากนรก นี่เขาเรียก "ตีปลาหน้าไซ" ใช่หรือไม่...???
    .
    ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เข้าทางรัฐบาลไทยทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย...!!!
    ...
    ...
    ตอนนี้คนไทย ไม่พอใจในท่าทีของ รัฐบาล อย่างมาก เพราะ แลดูอ่อนแอ ไม่ทันเกมเขมร อีกทั้งยังแลดูเหมือนไม่ได้มีท่าทีจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างเข้มแข็งอีกด้วย...!!!
    ..
    ..
    นี่มัน ชงหวาน ให้รัฐบาลไทยชัดๆ...!!!
    ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่...!!!
    .
    แสดงว่าที่ ลุงสนธิ และ คณะบ้านพระอาทิตย์ ไปแตะ MOU43 + MOU44 + JC44 คือ ไปแตะโดนกล่องดวงใจ ของ สมเด็จจากนรก ใช่หรือไม่...???
    .
    ถ้าไม่มี MOU43 + MOU44 + JC44 แผนร้ายจะมีอันเป็นไป ใช่หรือไม่...???
    .
    "ไอ้สมเด็จจากนรก" หารู้ไม่...!!!
    .
    คนไทย เขาไม่ไม่กินหญ้า เหมือน สมเด็จเตโชจากนรก นะโว่ย..!!!
    .
    แบบนี้หลอกได้แต่ ชาวเหมนตาใสๆ เท่านั้นแหล่ะ...!!!
    .
    ขนาด ปราสาทตาเมือนธม ได้ขึ้นบัญชี โบราณสถานของไทยตั้งแต่ 2478 ก่อนที่เขมร จะได้รับเอกราช ในปี 2496 เป็นระยะเวลาถึง 18 ปี...
    .
    วันนี้ผ่านมาแล้ว 90 ปี แล้ว คุณเอาอะไรมาเคลม ว่าประเทศไทย ขโมยของคุณไป...???
    .
    พฤติกรรมของคุณมันส่อว่า วอนหา สหบาทาส้งตรีง จาก ชาวสยามเมืองยิ้ม ครับ ไอ้สมเด็จเตโชจากนรก...!!!
    .
    อ่อ แล้วไอ้พวกคนไทยใจเขมร ที่สมรู้ร่วมคิด ก็ระวัง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ไว้ให้ดีหล่ะ ประหารชีวิต นะมุง...!!!
    ..
    ..
    คนไทยรู้ทันพวกคุณนะครับ...
    ## สมเด็จจากนรก ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่...!!! ## .. .. เอาจริงๆนะ... . พฤติกรรม เกเร ระราน เจ้าเล่ห์เพทุบาย... . ระดมใช้วิชามารต่างๆนานาเพื่อยึดครองแผ่นดินไทย... . ถ้าใคร ศึกษา หรือ ตามข่าวตลอด ก็จะพอเข้าใจ ทำไม "ไอ้สมเด็จจากนรก" มันเกาะยึด MOU43 และ แผนที่ 1:200,000 ไม่ปล่อย... . และ ท่าทีของรัฐบาลไทย และ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ อ่อนยวบ ไร้น้ำหนักราวกับล่องลอยอยู่ในอวกาศก็มิปาน... . ไม่หือ ไม่อือ ไม่โต้แย้ง ในทุกประเด็น ที่ เขมร มันประกาศวางเกม... . เพื่อที่ในอนาคต อาจจะได้มีโอกาส ใช้กฎหมายปิดปากจาก ชาติมหาอำนาจเจ้าจักรวรรดินิยมอีกครั้ง... .... .... ที่น่าแปลก คือ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมดุ ส่วน รัฐบาลไทย สวมวิญญาณ เดอะนุ่น...!!! . ทำทีราวกับตามเกมอะไร เขมรสองพ่อลูก ไม่ทันเลย... .. .. ทั้งๆที่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมเดือด ประกาศกร้าวว่า ตรงนั้นแผ่นดินเขมร ประเทศไทยเป็นโจรขโมยแผ่นดิน... . แต่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" ไม่เคยด่าคนใน รัฐบาลไทย จริงๆจังๆ . หนำซ้ำยังเย้ยว่า คุมกองทัพไม่ได้ 100% . บวกกับ เป็นเดือดเป็นแค้น สนธิ ลิ้มทองกุล และ ทวงบุญจาก ตู่ จตุพร... . ด่าว่า ลุงสนธิ ลิ้มทองกุล มองเขมรเป็นศัตรู ดูถูกเขมร คลั่งชาติ และ ปั่นหัวคนไทยหัวรุนแรงให้คลั่งชาติ . เพราะ ชาวคณะบ้านพระอาทิตย์ และ นักวิชาการ รวมทั้งประชาชน รวมพลังกันไปยื่นเรื่องให้รัฐบาล ยกเลิก MOU43 ยึดหลักสากล คือ สันปันน้ำ และ เปลี่ยนตัว ประธานคณะเจรจา JBC ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ว่าอาจจะยึดถือแผนที่ 1:200,000 ของ เขมร . ประกอบกับรอบก่อน สำนักบ้านพระอาทิตย์ โดย ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ก็ไปยื่นเรื่องให้ รัฐบาล ยกเลิก MOU44 กับ JC44 และ ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนไทย... . จนรัฐบาลเงียบไปเรื่องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลอ่าวไทยด้านตะวันออก ตาม MOU44 และ JC44 .... .... โอ้โห พฤติกรรมของ สมเด็จจากนรก นี่เขาเรียก "ตีปลาหน้าไซ" ใช่หรือไม่...??? . ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เข้าทางรัฐบาลไทยทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย...!!! ... ... ตอนนี้คนไทย ไม่พอใจในท่าทีของ รัฐบาล อย่างมาก เพราะ แลดูอ่อนแอ ไม่ทันเกมเขมร อีกทั้งยังแลดูเหมือนไม่ได้มีท่าทีจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างเข้มแข็งอีกด้วย...!!! .. .. นี่มัน ชงหวาน ให้รัฐบาลไทยชัดๆ...!!! ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่...!!! . แสดงว่าที่ ลุงสนธิ และ คณะบ้านพระอาทิตย์ ไปแตะ MOU43 + MOU44 + JC44 คือ ไปแตะโดนกล่องดวงใจ ของ สมเด็จจากนรก ใช่หรือไม่...??? . ถ้าไม่มี MOU43 + MOU44 + JC44 แผนร้ายจะมีอันเป็นไป ใช่หรือไม่...??? . "ไอ้สมเด็จจากนรก" หารู้ไม่...!!! . คนไทย เขาไม่ไม่กินหญ้า เหมือน สมเด็จเตโชจากนรก นะโว่ย..!!! . แบบนี้หลอกได้แต่ ชาวเหมนตาใสๆ เท่านั้นแหล่ะ...!!! . ขนาด ปราสาทตาเมือนธม ได้ขึ้นบัญชี โบราณสถานของไทยตั้งแต่ 2478 ก่อนที่เขมร จะได้รับเอกราช ในปี 2496 เป็นระยะเวลาถึง 18 ปี... . วันนี้ผ่านมาแล้ว 90 ปี แล้ว คุณเอาอะไรมาเคลม ว่าประเทศไทย ขโมยของคุณไป...??? . พฤติกรรมของคุณมันส่อว่า วอนหา สหบาทาส้งตรีง จาก ชาวสยามเมืองยิ้ม ครับ ไอ้สมเด็จเตโชจากนรก...!!! . อ่อ แล้วไอ้พวกคนไทยใจเขมร ที่สมรู้ร่วมคิด ก็ระวัง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ไว้ให้ดีหล่ะ ประหารชีวิต นะมุง...!!! .. .. คนไทยรู้ทันพวกคุณนะครับ...
    0 Comments 0 Shares 458 Views 0 Reviews
  • สะกดทุกสายตา ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mini Light & Sound แสงแห่ง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตรากเหง้าชาวพิมายตามเส้นทางอารยธรรมขอม

    วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณประตูชัย อ.พิมาย #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา เขต 8 นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย และ นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมกันเปิดการแสดง แสง สี เสียง (Mini Light and Sound) “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตตามเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เกิดการใช้ต้นทุนในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ด้วยเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่พิมาย มีอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ไทรงาม รวมถึงเทศกาลเที่ยวพิมายและงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ที่ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาในอนาคต

    Mini Light And Sound “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 วันแรกชมพิธีเปิดและชมการแสดง แสง สี เสียง ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7 ต่อด้วยการแสดงจากวงดนตรีลูกทุ่ง ส่วนวันที่ 7 จะมีการประกวดเทพธิดาอัปสรา ประจำปี 2568, การแสดงศิลปวัฒนธรรม 2 ชุดการแสดง จากนั้นชมการแสดง แสง สี เสียง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ปิดท้ายด้วย การแสดงของวงดนตรีลูกทุ่ง ชมฟรี!! ตลอด 2 วัน 2 คืน พร้อมเลือกช้อปสินค้าและของดี อ.พิมาย ณ บริเวณประตูชัย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #พิมาย
    # MiniLightAndSound
    #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    สะกดทุกสายตา ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mini Light & Sound แสงแห่ง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตรากเหง้าชาวพิมายตามเส้นทางอารยธรรมขอม วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณประตูชัย อ.พิมาย #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา เขต 8 นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย และ นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมกันเปิดการแสดง แสง สี เสียง (Mini Light and Sound) “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตตามเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เกิดการใช้ต้นทุนในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ด้วยเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่พิมาย มีอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ไทรงาม รวมถึงเทศกาลเที่ยวพิมายและงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ที่ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาในอนาคต Mini Light And Sound “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 วันแรกชมพิธีเปิดและชมการแสดง แสง สี เสียง ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7 ต่อด้วยการแสดงจากวงดนตรีลูกทุ่ง ส่วนวันที่ 7 จะมีการประกวดเทพธิดาอัปสรา ประจำปี 2568, การแสดงศิลปวัฒนธรรม 2 ชุดการแสดง จากนั้นชมการแสดง แสง สี เสียง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ปิดท้ายด้วย การแสดงของวงดนตรีลูกทุ่ง ชมฟรี!! ตลอด 2 วัน 2 คืน พร้อมเลือกช้อปสินค้าและของดี อ.พิมาย ณ บริเวณประตูชัย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา #นายกหน่อย #พิมาย # MiniLightAndSound #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • สะกดทุกสายตา ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mini Light & Sound แสงแห่ง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตรากเหง้าชาวพิมายตามเส้นทางอารยธรรมขอม

    วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณประตูชัย อ.พิมาย #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิกร โสมกลางสส.นครราชสีมา เขต 8 นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย และ นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมกันเปิดการแสดง แสง สี เสียง (Mini Light and Sound) “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตตามเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เกิดการใช้ต้นทุนในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ด้วยเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่พิมาย มีอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ไทรงาม รวมถึงเทศกาลเที่ยวพิมายและงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ที่ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาในอนาคต

    Mini Light And Sound “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 วันแรกชมพิธีเปิดและชมการแสดง แสง สี เสียง ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7 ต่อด้วยการแสดงจากวงดนตรีลูกทุ่ง ส่วนวันที่ 7 จะมีการประกวดเทพธิดาอัปสรา ประจำปี 2568, การแสดงศิลปวัฒนธรรม 2 ชุดการแสดง จากนั้นชมการแสดง แสง สี เสียง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ปิดท้ายด้วย การแสดงของวงดนตรีลูกทุ่ง ชมฟรี!! ตลอด 2 วัน 2 คืน พร้อมเลือกช้อปสินค้าและของดี อ.พิมาย ณ บริเวณประตูชัย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #พิมาย
    # MiniLightAndSound
    #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    สะกดทุกสายตา ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mini Light & Sound แสงแห่ง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตรากเหง้าชาวพิมายตามเส้นทางอารยธรรมขอม วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณประตูชัย อ.พิมาย #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิกร โสมกลางสส.นครราชสีมา เขต 8 นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย และ นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมกันเปิดการแสดง แสง สี เสียง (Mini Light and Sound) “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตตามเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เกิดการใช้ต้นทุนในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ด้วยเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่พิมาย มีอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ไทรงาม รวมถึงเทศกาลเที่ยวพิมายและงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ที่ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาในอนาคต Mini Light And Sound “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 วันแรกชมพิธีเปิดและชมการแสดง แสง สี เสียง ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7 ต่อด้วยการแสดงจากวงดนตรีลูกทุ่ง ส่วนวันที่ 7 จะมีการประกวดเทพธิดาอัปสรา ประจำปี 2568, การแสดงศิลปวัฒนธรรม 2 ชุดการแสดง จากนั้นชมการแสดง แสง สี เสียง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ปิดท้ายด้วย การแสดงของวงดนตรีลูกทุ่ง ชมฟรี!! ตลอด 2 วัน 2 คืน พร้อมเลือกช้อปสินค้าและของดี อ.พิมาย ณ บริเวณประตูชัย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา #นายกหน่อย #พิมาย # MiniLightAndSound #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 367 Views 0 Reviews
  • หลวงพ่อทวด พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช ปี2543
    หลวงพ่อทวด พิมพ์ใหญ่ เนื้อว่านทาบรอนซ์ทอง วัดพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ปี2543 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >>

    พระบรมธาตุ ที่ วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ เป็นโบราณสถานสถานศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งพระบรมธาตุเจดีย์นั้นเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ทำให้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย >>

    * พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อทวด พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช ปี2543 หลวงพ่อทวด พิมพ์ใหญ่ เนื้อว่านทาบรอนซ์ทอง วัดพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ปี2543 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >> พระบรมธาตุ ที่ วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ เป็นโบราณสถานสถานศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งพระบรมธาตุเจดีย์นั้นเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ทำให้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย >> * พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • ฉลองพระองค์ไทยอมรินทร์ ผ้าไหมพื้นเรียบปักลูกปัด
    พระภูษาผ้าไหมยกดอก ลายกลีบบงกช

    ภูฏานเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่ยอมรับนับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ เป็นศาสนาประจำชาติอย่างเป็นทางการ นิกายตันตรยานหรือวัชรยานถือกำเนิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของพัฒนาการอันยาวนานของพุทธศาสนา พุทธศาสนาตันตรายานสูญหายไปจากอินเดียซึ่งเป็นดินแดนต้นกำเนิดในช่วงที่พวกมุสลิมยกมารุกรานในต้นศตวรรษที่ ๑๓ และไปรุ่งเรืองอยู่ในทิเบต ลาดัคห์ สิกขิม มองโกเลีย ภาคเหนือของเนปาล ภูฏาน จีน และญี่ปุ่นแทน

    สิ่งที่ชาวภูฏานถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคล ๘ ประการ ของชีวิตตามความเชื่อและความศรัทธา ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะปรากฎเป็นรูปเคารพตามโบราณสถาน ตลอดจนในบ้านเรือน ของผู้นับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ หนึ่งสิ่งนั้นคือ ปัทมะ

    ปัทมะ หรือ ดอกบัว (Lotus หรือ meto pema) ดอกบัวมีความหมายเหมือนสังข์ขาว ดอกบัวถือเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ดังพุทธวัจนะที่ว่า “ดอกบัวเกิดแต่โคลนตมในนน้ำ แต่ไม่เปียกน้ำ พระพุทธเจ้าก็เช่นกัน เกิดในโลก แต่ไม่เปรอะเปื้อนด้วยมลทินของโลกฉันนั้น”
    -------
    HER ROYAL ATTIRE IN THAI AMARIN
    EMBROIDERED BEADS LUMPHUN BROCADE SILK
    PETALS OF LOTUS MOTIF

    Bhutan is the only country in the world to accept Tantric Mahayana Buddhism as its official state religion. Tantric or Vajrayana Buddhism emerged at the end of a long development of Buddhism. Tantric Buddhism disappeared from its homeland of India during the Muslim invasions in the early 13th century and flourished instead in Tibet, Ladakh, Sikkim, Mongolia, northern Nepal, Bhutan, China and Japan.

    The Bhutanese believe in the Eight Auspicious Symbols of Life, which are often depicted in ancient monuments and in the homes of Tantric Mahayana Buddhists. One of these is the Padma.

    The Padma or Lotus (meto pema) is like a white conch shell. The lotus is considered to represent the Buddha, as the Buddha said: “A lotus flower is born from the mud in the water, but it is not wet with water. Similarly, the Buddha was born in the world, but it was not stained by the world’s impurities.”
    _________________________________
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    ฉลองพระองค์ไทยอมรินทร์ ผ้าไหมพื้นเรียบปักลูกปัด พระภูษาผ้าไหมยกดอก ลายกลีบบงกช ภูฏานเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่ยอมรับนับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ เป็นศาสนาประจำชาติอย่างเป็นทางการ นิกายตันตรยานหรือวัชรยานถือกำเนิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของพัฒนาการอันยาวนานของพุทธศาสนา พุทธศาสนาตันตรายานสูญหายไปจากอินเดียซึ่งเป็นดินแดนต้นกำเนิดในช่วงที่พวกมุสลิมยกมารุกรานในต้นศตวรรษที่ ๑๓ และไปรุ่งเรืองอยู่ในทิเบต ลาดัคห์ สิกขิม มองโกเลีย ภาคเหนือของเนปาล ภูฏาน จีน และญี่ปุ่นแทน สิ่งที่ชาวภูฏานถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคล ๘ ประการ ของชีวิตตามความเชื่อและความศรัทธา ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะปรากฎเป็นรูปเคารพตามโบราณสถาน ตลอดจนในบ้านเรือน ของผู้นับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ หนึ่งสิ่งนั้นคือ ปัทมะ ปัทมะ หรือ ดอกบัว (Lotus หรือ meto pema) ดอกบัวมีความหมายเหมือนสังข์ขาว ดอกบัวถือเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ดังพุทธวัจนะที่ว่า “ดอกบัวเกิดแต่โคลนตมในนน้ำ แต่ไม่เปียกน้ำ พระพุทธเจ้าก็เช่นกัน เกิดในโลก แต่ไม่เปรอะเปื้อนด้วยมลทินของโลกฉันนั้น” ------- HER ROYAL ATTIRE IN THAI AMARIN EMBROIDERED BEADS LUMPHUN BROCADE SILK PETALS OF LOTUS MOTIF Bhutan is the only country in the world to accept Tantric Mahayana Buddhism as its official state religion. Tantric or Vajrayana Buddhism emerged at the end of a long development of Buddhism. Tantric Buddhism disappeared from its homeland of India during the Muslim invasions in the early 13th century and flourished instead in Tibet, Ladakh, Sikkim, Mongolia, northern Nepal, Bhutan, China and Japan. The Bhutanese believe in the Eight Auspicious Symbols of Life, which are often depicted in ancient monuments and in the homes of Tantric Mahayana Buddhists. One of these is the Padma. The Padma or Lotus (meto pema) is like a white conch shell. The lotus is considered to represent the Buddha, as the Buddha said: “A lotus flower is born from the mud in the water, but it is not wet with water. Similarly, the Buddha was born in the world, but it was not stained by the world’s impurities.” _________________________________ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 762 Views 0 Reviews
  • ทางการกัมพูชายังคงนิ่งเงียบต่อเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด และทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยสื่อท้องถิ่นหลายรายได้ลบข่าวดังกล่าวออกไปแล้ว เนื่องจากทางการสั่งปิดข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตต่างระบุว่าการปกปิดเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวกัมพูชา

    รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และได้รับบาดเจ็บหลายคน หลังจากฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. และจนถึงขณะนี้ทางการยังไม่ได้ออกคำแถลงใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโบราณสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้

    สำนักข่าวคีรีโพสต์พยายามติดต่อกับผู้บริหารจ.เสียมราฐ และโฆษกขององค์การอัปสรา เพื่อขอรายละเอียดและยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด

    ขณะที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของข่าวสดภาษาอังกฤษ ที่อ้างคำพูดของหน่วยงานความมั่นคงของไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน ระหว่างทำพิธีทางศาสนาที่ปราสาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000046331

    #MGROnline #กัมพูชา
    ทางการกัมพูชายังคงนิ่งเงียบต่อเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด และทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยสื่อท้องถิ่นหลายรายได้ลบข่าวดังกล่าวออกไปแล้ว เนื่องจากทางการสั่งปิดข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตต่างระบุว่าการปกปิดเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวกัมพูชา • รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และได้รับบาดเจ็บหลายคน หลังจากฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. และจนถึงขณะนี้ทางการยังไม่ได้ออกคำแถลงใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโบราณสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ • สำนักข่าวคีรีโพสต์พยายามติดต่อกับผู้บริหารจ.เสียมราฐ และโฆษกขององค์การอัปสรา เพื่อขอรายละเอียดและยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด • ขณะที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของข่าวสดภาษาอังกฤษ ที่อ้างคำพูดของหน่วยงานความมั่นคงของไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน ระหว่างทำพิธีทางศาสนาที่ปราสาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000046331 • #MGROnline #กัมพูชา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • 258 ปี สิ้น “ขุนหลวงขี้เรื้อน” จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชบัลลังก์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา และชะตากรรมที่โลกไม่ลืม

    เส้นทางชีวิตของพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับบทสรุปแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้ที่ถูกเรียกขานว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน”

    ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึก การสิ้นสุดของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผ่านพระเจ้าเอกทัศ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “ขุนหลวงขี้เรื้อน” กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง โรคร้าย และโศกนาฏกรรมแห่งชาติ

    ประวัติศาสตร์ไม่เคยหลับใหล 258 ปี ผ่านไป นับแต่วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2310 เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่สอง ชาติไทยได้สูญเสียสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือเอกราชแห่งแผ่นดิน และราชวงศ์ที่ปกครองสืบเนื่อง มายาวนานกว่า 400 ปี

    หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญในห้วงเวลานี้คือ “พระเจ้าเอกทัศ” หรือที่ราษฎรทั่วไปเรียกว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” ชื่อที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด เย้ยหยัน และประวัติศาสตร์ที่แสนซับซ้อน ของกษัตริย์องค์สุดท้าย แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้สิ้นราชย์ ในห้วงยามแห่งความล่มสลายของชาติ

    กษัตริย์ที่ราชบัลลังก์ไม่เคยพร้อมให้ครอง "พระเจ้าเอกทัศ" หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 ทรงมีพระนามหลากหลาย ทั้ง "พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์" และ "ขุนหลวงขี้เรื้อน" ซึ่งเป็นคำเรียกขานโดยราษฎร เนื่องจากพระองค์มีอาการประชวร ด้วยโรคผิวหนัง ที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคเรื้อน หรือกลากเกลื้อนเรื้อรัง

    จุดเริ่มต้นของการขึ้นครองราชย์ หลังการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ รัชทายาทที่เหมาะสมตามสายพระโลหิตคือ “เจ้าฟ้าอุทุมพร” แต่ด้วยแรงปรารถนาจะขึ้นครองราชย์อย่างแรงกล้า เจ้าฟ้าเอกทัศซึ่งเป็นเชษฐา ได้เสด็จกลับจากการผนวช และปรี่ขึ้นประทับบนพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ ดั่งการตีตราจองราชบัลลังก์ ไว้ด้วยพระองค์เอง

    เจ้าฟ้าอุทุมพรจึงสละราชสมบัติให้ หลังครองราชย์เพียง 10 วัน แล้วเสด็จออกผนวชเป็น “ขุนหลวงหาวัด” หวังหลีกเร้นจากวังวนอำนาจ

    สาเหตุการสิ้นพระชนม์ของขุนหลวงขี้เรื้อน

    หลักฐานไทย บันทึกของฝ่ายไทยกล่าวว่า พระองค์หนีภัยสงครามไปหลบซ่อนที่บ้านจิก ใกล้วัดสังฆาวาส และสิ้นพระชนม์เพราะอดพระกระยาหารนานเกิน 10 วัน

    พงศาวดารพม่า กล่าวว่าพระองค์ถูกยิงเสียชีวิต ขณะหลบหนีระหว่างกรุงแตก บริเวณประตูท้ายวัง

    คำให้การของฝรั่ง "แอนโทนี โกยาตัน" บันทึกว่า พระเจ้าเอกทัศถูกปลงพระชนม์โดยชาวสยาม หรืออาจทรงวางยาพิษพระองค์เอง

    พระศพและพิธีพระเพลิง นายทองสุกนำพระบรมศพ ไปฝังที่โคกพระเมรุ หน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร ก่อนจะถูกอัญเชิญถวายพระเพลิง ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

    ขุนหลวงหาวัด กับขุนหลวงขี้เรื้อน

    "พระเจ้าอุทุมพร" กษัตริย์ผู้สละบัลลังก์เพื่อความสงบ พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาท แต่เลือกสละราชสมบัติ เพื่อความสงบภายใน พระองค์จึงกลายเป็น "ขุนหลวงหาวัด" ผู้ปลีกวิเวกที่พระตำหนักคำหยาด จังหวัดอ่างทอง

    "พระเจ้าเอกทัศ" กษัตริย์ผู้ไม่ยอมเสียราชบัลลังก์ ตรงกันข้าม พระเจ้าเอกทัศมีความกระหายอำนาจ แม้จะมีข้อจำกัดจากพระวรกาย ทรงใช้บัลลังก์เป็นตราจองอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อบ้านเมือง

    "ขุนหลวงขี้เรื้อน" เป็นโรคเรื้อนจริงหรือแค่คำเล่าลือ?

    หลักฐานจากตะวันตก ฝรั่งเศส "สังฆราชปีแยร์ บรีโกต์" ระบุว่า พระองค์มีอาการของโรคเรื้อน และไม่ทรงปรากฏพระวรกายต่อผู้ใด ส่วนดัตช์รายงานของ "นิโกลาส บัง" ใช้คำว่า "ลาซารัส" อันเป็นคำเปรียบเทียบถึงโรคเรื้อน

    แต่...โรคเรื้อนห้ามบวช! พระวินัยระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคเรื้อนห้ามบวช ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ว่า พระเจ้าเอกทัศเคยออกผนวช จึงอาจหมายถึงโรคผิวหนังอื่น ที่คล้ายคลึงกัน เช่น กลากเกลื้อน หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง

    ความขัดแย้งในแผ่นดิน การแตกความสามัคคีในยุคปลายอยุธยา ขุนนางฉ้อฉล ข่มเหงประชาชน พระเจ้าเอกทัศไม่แสดงพระองค์แก่ประชาชน ฝ่ายในมีอำนาจครอบงำการเมือง ราษฎรถูกรีดไถ จนหมดศรัทธา

    ถึงแม้จะมีหลักฐาน ที่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระองค์ ในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม แต่ภาพรวมกลับเป็นลบ ต่อสายตาประวัติศาสตร์

    คำให้การจากผู้ถูกกวาดต้อน มุมมองที่แตกต่าง ใน "คำให้การของชาวกรุงเก่า" พระเจ้าเอกทัศกลับถูกยกย่องว่า

    “...ทรงพระกรุณากับอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง แผ่เมตตาไปทั่วสารพัดสัตว์ทั้งปวง”

    คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ยังเสริมว่า พระองค์มีศีลธรรม ทศพิธราชธรรม และทำนุบำรุงบ้านเมือง พัฒนามาตราฐานตวงวัด และยกเลิกภาษี 3 ปี

    จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง และบทเรียนจากความล่มสลาย พระเจ้าเอกทัศถูกมองว่า เป็นต้นเหตุการเสียกรุง ทั้งจากราษฎรไทยในสมัยธนบุรี ไปจนถึงกษัตริย์ยุคต่อมา เช่น รัชกาลที่ 5 ที่ทรงกลัวจะถูกกล่าวขานในแบบเดียวกัน

    ประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่แค่การจดจำบุคคล แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคม วัฒนธรรม และการเมืองในยุคที่ความมั่นคง พังทลายด้วยความทะยานอยากของอำนาจ

    กษัตริย์ผู้ถูกลืม หรือถูกจำในมุมผิด? “ขุนหลวงขี้เรื้อน” อาจเป็นเพียงนามที่ประชาชนผู้สิ้นศรัทธา ใช้เรียกผู้มีอำนาจที่ไร้ความสามารถ แต่ในอีกแง่หนึ่ง พระเจ้าเอกทัศอาจเป็นเพียงเหยื่อของช่วงเวลา แรงกดดัน และความไม่พร้อมของแผ่นดิน

    เรื่องราวของพระองค์ จึงไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของความพ่ายแพ้ แต่คือบทเรียนของการเมืองไทย ที่วนเวียนไม่รู้จบ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171927 เม.ย. 2568

    #ขุนหลวงขี้เรื้อน #กรุงศรีอยุธยา #ประวัติศาสตร์ไทย #พระเจ้าเอกทัศ #ราชวงศ์บ้านพลูหลวง #ขุนหลวงหาวัด #คำให้การชาวกรุงเก่า #กษัตริย์ไทย #โบราณสถาน #พระตำหนักคำหยาด
    258 ปี สิ้น “ขุนหลวงขี้เรื้อน” จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง 👑 ราชบัลลังก์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา และชะตากรรมที่โลกไม่ลืม เส้นทางชีวิตของพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับบทสรุปแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้ที่ถูกเรียกขานว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” 📜 ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึก การสิ้นสุดของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผ่านพระเจ้าเอกทัศ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “ขุนหลวงขี้เรื้อน” กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง โรคร้าย และโศกนาฏกรรมแห่งชาติ 🇹🇭📖 🕰️ ประวัติศาสตร์ไม่เคยหลับใหล 🕰️ 258 ปี ผ่านไป นับแต่วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2310 เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่สอง ชาติไทยได้สูญเสียสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือเอกราชแห่งแผ่นดิน และราชวงศ์ที่ปกครองสืบเนื่อง มายาวนานกว่า 400 ปี หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญในห้วงเวลานี้คือ “พระเจ้าเอกทัศ” หรือที่ราษฎรทั่วไปเรียกว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” ชื่อที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด เย้ยหยัน และประวัติศาสตร์ที่แสนซับซ้อน ของกษัตริย์องค์สุดท้าย แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้สิ้นราชย์ ในห้วงยามแห่งความล่มสลายของชาติ 💔 👑กษัตริย์ที่ราชบัลลังก์ไม่เคยพร้อมให้ครอง "พระเจ้าเอกทัศ" หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 ทรงมีพระนามหลากหลาย ทั้ง "พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์" และ "ขุนหลวงขี้เรื้อน" ซึ่งเป็นคำเรียกขานโดยราษฎร เนื่องจากพระองค์มีอาการประชวร ด้วยโรคผิวหนัง ที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคเรื้อน หรือกลากเกลื้อนเรื้อรัง 🩺 จุดเริ่มต้นของการขึ้นครองราชย์ หลังการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ รัชทายาทที่เหมาะสมตามสายพระโลหิตคือ “เจ้าฟ้าอุทุมพร” แต่ด้วยแรงปรารถนาจะขึ้นครองราชย์อย่างแรงกล้า เจ้าฟ้าเอกทัศซึ่งเป็นเชษฐา ได้เสด็จกลับจากการผนวช และปรี่ขึ้นประทับบนพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ ดั่งการตีตราจองราชบัลลังก์ ไว้ด้วยพระองค์เอง 🤴 เจ้าฟ้าอุทุมพรจึงสละราชสมบัติให้ หลังครองราชย์เพียง 10 วัน แล้วเสด็จออกผนวชเป็น “ขุนหลวงหาวัด” หวังหลีกเร้นจากวังวนอำนาจ 👣 สาเหตุการสิ้นพระชนม์ของขุนหลวงขี้เรื้อน ☠️ หลักฐานไทย บันทึกของฝ่ายไทยกล่าวว่า พระองค์หนีภัยสงครามไปหลบซ่อนที่บ้านจิก ใกล้วัดสังฆาวาส และสิ้นพระชนม์เพราะอดพระกระยาหารนานเกิน 10 วัน พงศาวดารพม่า 🐘 กล่าวว่าพระองค์ถูกยิงเสียชีวิต ขณะหลบหนีระหว่างกรุงแตก บริเวณประตูท้ายวัง คำให้การของฝรั่ง "แอนโทนี โกยาตัน" บันทึกว่า พระเจ้าเอกทัศถูกปลงพระชนม์โดยชาวสยาม หรืออาจทรงวางยาพิษพระองค์เอง 🧪 พระศพและพิธีพระเพลิง นายทองสุกนำพระบรมศพ ไปฝังที่โคกพระเมรุ หน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร ก่อนจะถูกอัญเชิญถวายพระเพลิง ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี 😇 ขุนหลวงหาวัด กับขุนหลวงขี้เรื้อน 😈 "พระเจ้าอุทุมพร" กษัตริย์ผู้สละบัลลังก์เพื่อความสงบ พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาท แต่เลือกสละราชสมบัติ เพื่อความสงบภายใน พระองค์จึงกลายเป็น "ขุนหลวงหาวัด" ผู้ปลีกวิเวกที่พระตำหนักคำหยาด จังหวัดอ่างทอง 🏯 "พระเจ้าเอกทัศ" กษัตริย์ผู้ไม่ยอมเสียราชบัลลังก์ ตรงกันข้าม พระเจ้าเอกทัศมีความกระหายอำนาจ แม้จะมีข้อจำกัดจากพระวรกาย ทรงใช้บัลลังก์เป็นตราจองอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อบ้านเมือง "ขุนหลวงขี้เรื้อน" เป็นโรคเรื้อนจริงหรือแค่คำเล่าลือ? 🧬 หลักฐานจากตะวันตก ฝรั่งเศส "สังฆราชปีแยร์ บรีโกต์" ระบุว่า พระองค์มีอาการของโรคเรื้อน และไม่ทรงปรากฏพระวรกายต่อผู้ใด ส่วนดัตช์รายงานของ "นิโกลาส บัง" ใช้คำว่า "ลาซารัส" อันเป็นคำเปรียบเทียบถึงโรคเรื้อน แต่...โรคเรื้อนห้ามบวช! พระวินัยระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคเรื้อนห้ามบวช ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ว่า พระเจ้าเอกทัศเคยออกผนวช จึงอาจหมายถึงโรคผิวหนังอื่น ที่คล้ายคลึงกัน เช่น กลากเกลื้อน หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง 😕 ความขัดแย้งในแผ่นดิน การแตกความสามัคคีในยุคปลายอยุธยา ⚔️ ขุนนางฉ้อฉล ข่มเหงประชาชน พระเจ้าเอกทัศไม่แสดงพระองค์แก่ประชาชน ฝ่ายในมีอำนาจครอบงำการเมือง ราษฎรถูกรีดไถ จนหมดศรัทธา ถึงแม้จะมีหลักฐาน ที่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระองค์ ในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม แต่ภาพรวมกลับเป็นลบ ต่อสายตาประวัติศาสตร์ 📖 คำให้การจากผู้ถูกกวาดต้อน มุมมองที่แตกต่าง ใน "คำให้การของชาวกรุงเก่า" พระเจ้าเอกทัศกลับถูกยกย่องว่า “...ทรงพระกรุณากับอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง แผ่เมตตาไปทั่วสารพัดสัตว์ทั้งปวง” คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ยังเสริมว่า พระองค์มีศีลธรรม ทศพิธราชธรรม และทำนุบำรุงบ้านเมือง พัฒนามาตราฐานตวงวัด และยกเลิกภาษี 3 ปี 🎯 🏚️ จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง และบทเรียนจากความล่มสลาย พระเจ้าเอกทัศถูกมองว่า เป็นต้นเหตุการเสียกรุง ทั้งจากราษฎรไทยในสมัยธนบุรี ไปจนถึงกษัตริย์ยุคต่อมา เช่น รัชกาลที่ 5 ที่ทรงกลัวจะถูกกล่าวขานในแบบเดียวกัน ประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่แค่การจดจำบุคคล แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคม วัฒนธรรม และการเมืองในยุคที่ความมั่นคง พังทลายด้วยความทะยานอยากของอำนาจ ⚖️ 🕯️ กษัตริย์ผู้ถูกลืม หรือถูกจำในมุมผิด? “ขุนหลวงขี้เรื้อน” อาจเป็นเพียงนามที่ประชาชนผู้สิ้นศรัทธา ใช้เรียกผู้มีอำนาจที่ไร้ความสามารถ แต่ในอีกแง่หนึ่ง พระเจ้าเอกทัศอาจเป็นเพียงเหยื่อของช่วงเวลา แรงกดดัน และความไม่พร้อมของแผ่นดิน เรื่องราวของพระองค์ จึงไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของความพ่ายแพ้ แต่คือบทเรียนของการเมืองไทย ที่วนเวียนไม่รู้จบ 🌪️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171927 เม.ย. 2568 📢 #ขุนหลวงขี้เรื้อน #กรุงศรีอยุธยา #ประวัติศาสตร์ไทย #พระเจ้าเอกทัศ #ราชวงศ์บ้านพลูหลวง #ขุนหลวงหาวัด #คำให้การชาวกรุงเก่า #กษัตริย์ไทย #โบราณสถาน #พระตำหนักคำหยาด
    0 Comments 0 Shares 1009 Views 0 Reviews

  • #วัดชมภูเวก
    #นนทบุรี
    #เที่ยววัด

    วัดชมภูเวก - พาไปชมวัดมอญ กับ ภาพสีฝุ่นโบราณบนผนังโบสถ์ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย

    วัดชมภูเวก ตั้งอยู่แถวสนามบินน้ำ สันนิษฐานว่าก่อสร้างโดยชาวมอญที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ราว ๆ พศ 2300 เดิมชื่อว่า วัดชมภูวิเวก แปลว่า วัดที่ตั้งอยู่บนเนินอันเงียบสงบ ภายหลัง น่าจะเพี้ยนเป็น วัดชมภูเวก

    ทันทีที่เดินเข้ามา ก็จะเห็น พระมุดตา (ชื่อเรียกเจดีย์ที่มีศิลปะผสมผสานของมอญอยู่) สีขาว โดดเด่นสวยงามมาก ด้านหลังเจดีย์จะมีโบสถ์มหาอุด ผนังภายในมีภาพวาดสีฝุ่นที่งดงาม โดยเฉพาะภาพ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่อยู่เหนือประตูโบสถ์ ทางพุทธศิลป์แล้วได้รับการยกย่อง จัดว่าเป็นภาพที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันโบสถ์มหาอุดดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานของชาติ

    นอกจากนี้ สายมู ห้ามพลาด ถัดไปด้านข้างโบสถ์มหาอุด เราสามารถลอดอุโบสถเพื่อสะเดาะเคราะห์ เสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตได้ โดยทางทางยังจัดให้มีการปิดทองลูกนิมิต และพระ ที่ใต้อุโบสถครับ

    เป็นไงครับ จะชมพุทธศิลป์ ก็มีของดี ระดับประเทศ จะเอาสะเดาะเคราะห์ ก็มาได้ หรือ สายถ่ายภาพก็มีมุมสวยๆ ให้ได้กดชัตเตอร์กัน ใกล้ๆ แค่ นนทบุรี นี่เอง ไม่มา ถือว่าพลาดนะครับ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #teavel #temple #nonthaburi #thailand #amazingthailand #thaitour
    #วัดชมภูเวก #นนทบุรี #เที่ยววัด วัดชมภูเวก - พาไปชมวัดมอญ กับ ภาพสีฝุ่นโบราณบนผนังโบสถ์ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย วัดชมภูเวก ตั้งอยู่แถวสนามบินน้ำ สันนิษฐานว่าก่อสร้างโดยชาวมอญที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ราว ๆ พศ 2300 เดิมชื่อว่า วัดชมภูวิเวก แปลว่า วัดที่ตั้งอยู่บนเนินอันเงียบสงบ ภายหลัง น่าจะเพี้ยนเป็น วัดชมภูเวก ทันทีที่เดินเข้ามา ก็จะเห็น พระมุดตา (ชื่อเรียกเจดีย์ที่มีศิลปะผสมผสานของมอญอยู่) สีขาว โดดเด่นสวยงามมาก ด้านหลังเจดีย์จะมีโบสถ์มหาอุด ผนังภายในมีภาพวาดสีฝุ่นที่งดงาม โดยเฉพาะภาพ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่อยู่เหนือประตูโบสถ์ ทางพุทธศิลป์แล้วได้รับการยกย่อง จัดว่าเป็นภาพที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันโบสถ์มหาอุดดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานของชาติ นอกจากนี้ สายมู ห้ามพลาด ถัดไปด้านข้างโบสถ์มหาอุด เราสามารถลอดอุโบสถเพื่อสะเดาะเคราะห์ เสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตได้ โดยทางทางยังจัดให้มีการปิดทองลูกนิมิต และพระ ที่ใต้อุโบสถครับ เป็นไงครับ จะชมพุทธศิลป์ ก็มีของดี ระดับประเทศ จะเอาสะเดาะเคราะห์ ก็มาได้ หรือ สายถ่ายภาพก็มีมุมสวยๆ ให้ได้กดชัตเตอร์กัน ใกล้ๆ แค่ นนทบุรี นี่เอง ไม่มา ถือว่าพลาดนะครับ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #teavel #temple #nonthaburi #thailand #amazingthailand #thaitour
    0 Comments 0 Shares 1284 Views 0 Reviews
More Results