• #เพาเวอร์​แบ็งก์​ขนาดเล็ก​ 3000​mAh ใช้​เป็น​ตัว​ชาร์จ​สำรอง
    ราคา​ 200 บาทรวมส่งเก็บปลายทางแล้ว​ มีสำหรับหัวเสียบชาร์จ​แอนดรอยด์ไมโครยูเอสบี
    #เพาเวอร์​แบ็งก์​ขนาดเล็ก​ 3000​mAh ใช้​เป็น​ตัว​ชาร์จ​สำรอง ราคา​ 200 บาทรวมส่งเก็บปลายทางแล้ว​ มีสำหรับหัวเสียบชาร์จ​แอนดรอยด์ไมโครยูเอสบี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เพาเวอร์แบงก์​ขนาดเล็ก​ 3000​มิลลีแอมป์​ เป็น​ขนาดพกพาใช้​สะดวก​ มีหัว​เสียบ​ชาร์จ​แบบแอนด​รอยด์​ไมโครยูเอส​บี
    ส่ง​เก็บ​ปลายทาง​ ราคา​200บาท​รวม​ส่ง​แล้ว​
    #เพาเวอร์แบงก์​ขนาดเล็ก​ 3000​มิลลีแอมป์​ เป็น​ขนาดพกพาใช้​สะดวก​ มีหัว​เสียบ​ชาร์จ​แบบแอนด​รอยด์​ไมโครยูเอส​บี ส่ง​เก็บ​ปลายทาง​ ราคา​200บาท​รวม​ส่ง​แล้ว​
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีลทักษิณ-เนวินไม่เกิด แต่คิงเพาเวอร์ขาดทุนจริง

    สะพัดตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะนัดเจอกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นลูกสาว เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

    แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบภาพของนายเนวิน ไปที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เพียงคนเดียว โดยที่สื่อบางสำนักระบุว่าดีลล่ม ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ซึ่งไปปฎิบัติภารกิจที่ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต ปฎิเสธพร้อมกล่าวว่า ไม่ไป จะกลับบ้าน ไปหาน้องธาษิณ (ลูกชาย) และคิดว่านายทักษิณไม่น่าจะไป ส่วนนายอนุทิน ไปรับเสด็จที่วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อ.แม่จัน จ.เชียงราย ไม่รู้เรื่องข่าวนี้ และระบุว่าการที่นายเนวินไปโรงแรมพูลแมนฯ เป็นเรื่องปกติ

    อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุด้วยว่าในการพบกันระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" ซึ่งภายหลังก็ไม่ได้เจอกัน จะมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ทายาทนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า อาจจะมีการเจรจาด้านธุรกิจ เนื่องจากรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ระบุว่า คิง เพาเวอร์ ประสบกับปัญหาขาดทุนกว่า 651 ล้านบาท

    แม้ดีลระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" จะไม่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่ คิง เพาเวอร์ขาดทุนเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า รายได้ของ AOT มีปัญหาเพราะผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ ซึ่งหมายถึง คิง เพาเวอร์ ซึ่งรับสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) 4 สนามบิน มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ขอยืดเวลาการชำระผลตอบแทนขั้นต่ำออกไปเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยยอมจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปี ทำเอาราคาหุ้น AOT ร่วงลงมา

    แต่ถึงกระนั้น นายอัยยวัฒน์เคยยืนยันกับสื่อค่ายยักษ์แห่งหนึ่งว่า การขอเลื่อนเวลาชำระค่าตอบแทน เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ผู้ประกอบการหลายรายยื่นขอเลื่อนการจ่ายค่าตอบแทน เพราะรายได้ที่ประเมินไว้ไม่เข้าเป้า ที่ผ่านมารายได้ที่หายไปในช่วงโควิด ถึงวันนี้ยังไม่กลับมา ยังมีกรณีของดาราจีน "ซิง ซิง" ที่ถูกหลอกลวงไปเมียนมา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางมาไทย ในฐานะผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องขอความกรุณาและช่วยเหลือจากรัฐ

    #Newskit
    ดีลทักษิณ-เนวินไม่เกิด แต่คิงเพาเวอร์ขาดทุนจริง สะพัดตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะนัดเจอกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นลูกสาว เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบภาพของนายเนวิน ไปที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เพียงคนเดียว โดยที่สื่อบางสำนักระบุว่าดีลล่ม ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ซึ่งไปปฎิบัติภารกิจที่ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต ปฎิเสธพร้อมกล่าวว่า ไม่ไป จะกลับบ้าน ไปหาน้องธาษิณ (ลูกชาย) และคิดว่านายทักษิณไม่น่าจะไป ส่วนนายอนุทิน ไปรับเสด็จที่วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อ.แม่จัน จ.เชียงราย ไม่รู้เรื่องข่าวนี้ และระบุว่าการที่นายเนวินไปโรงแรมพูลแมนฯ เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุด้วยว่าในการพบกันระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" ซึ่งภายหลังก็ไม่ได้เจอกัน จะมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ทายาทนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า อาจจะมีการเจรจาด้านธุรกิจ เนื่องจากรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ระบุว่า คิง เพาเวอร์ ประสบกับปัญหาขาดทุนกว่า 651 ล้านบาท แม้ดีลระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" จะไม่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่ คิง เพาเวอร์ขาดทุนเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า รายได้ของ AOT มีปัญหาเพราะผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ ซึ่งหมายถึง คิง เพาเวอร์ ซึ่งรับสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) 4 สนามบิน มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ขอยืดเวลาการชำระผลตอบแทนขั้นต่ำออกไปเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยยอมจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปี ทำเอาราคาหุ้น AOT ร่วงลงมา แต่ถึงกระนั้น นายอัยยวัฒน์เคยยืนยันกับสื่อค่ายยักษ์แห่งหนึ่งว่า การขอเลื่อนเวลาชำระค่าตอบแทน เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ผู้ประกอบการหลายรายยื่นขอเลื่อนการจ่ายค่าตอบแทน เพราะรายได้ที่ประเมินไว้ไม่เข้าเป้า ที่ผ่านมารายได้ที่หายไปในช่วงโควิด ถึงวันนี้ยังไม่กลับมา ยังมีกรณีของดาราจีน "ซิง ซิง" ที่ถูกหลอกลวงไปเมียนมา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางมาไทย ในฐานะผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องขอความกรุณาและช่วยเหลือจากรัฐ #Newskit
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตา “อนุทิน-เนวิน’ นัด ‘ทักษิณ-อิ๊งค์’ เคลียร์ใจ สงบศึกเพื่อไทย-ภูมิใจไทยเย็นนี้ คาด“ต๊อบ อัยยวัฒน์”ร่วมวงถกธุรกิจ "คิงเพาเวอร์" หลังขาดทุนหนัก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018109

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จับตา “อนุทิน-เนวิน’ นัด ‘ทักษิณ-อิ๊งค์’ เคลียร์ใจ สงบศึกเพื่อไทย-ภูมิใจไทยเย็นนี้ คาด“ต๊อบ อัยยวัฒน์”ร่วมวงถกธุรกิจ "คิงเพาเวอร์" หลังขาดทุนหนัก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018109 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 673 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตา “อนุทิน-เนวิน’ นัด “ทักษิณ-แพทองธาร” เคลียร์ใจ สยบศึกเพื่อไทย-ภูมิใจไทยเย็นนี้ คาด “ต๊อบ อัยยวัฒน์” ร่วมวงถกธุรกิจ “คิงเพาเวอร์“ หลังขาดทุนหนัก
    .
    วันนี้ (24 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเย็นวันนี้ได้มีการนัดหมายระหว่างนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยคาดว่าจะมีการพูดคุยทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
    .
    อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในการพบกันเย็นนี้ จะมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า อาจจะมีการเจรจาด้านธุรกิจของคิงเพาเวอร์ด้วย เนื่องจากรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ระบุว่า คิง เพาเวอร์ ประสบกับปัญหาขาดทุนโดยในปี 2566 ขาดทุนถึงจำนวน 651,512,785 บาท ซึ่งได้พยายามดำเนินการในหลากหลายรูปแบบเพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2567 จนถึงปัจจุบัน คิง เพาเวอร์ ก็ยังคงประสบภาวะขาดทุนมาโดยตลอด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018123
    .........
    Sondhi X
    จับตา “อนุทิน-เนวิน’ นัด “ทักษิณ-แพทองธาร” เคลียร์ใจ สยบศึกเพื่อไทย-ภูมิใจไทยเย็นนี้ คาด “ต๊อบ อัยยวัฒน์” ร่วมวงถกธุรกิจ “คิงเพาเวอร์“ หลังขาดทุนหนัก . วันนี้ (24 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเย็นวันนี้ได้มีการนัดหมายระหว่างนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยคาดว่าจะมีการพูดคุยทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล . อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในการพบกันเย็นนี้ จะมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า อาจจะมีการเจรจาด้านธุรกิจของคิงเพาเวอร์ด้วย เนื่องจากรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ระบุว่า คิง เพาเวอร์ ประสบกับปัญหาขาดทุนโดยในปี 2566 ขาดทุนถึงจำนวน 651,512,785 บาท ซึ่งได้พยายามดำเนินการในหลากหลายรูปแบบเพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2567 จนถึงปัจจุบัน คิง เพาเวอร์ ก็ยังคงประสบภาวะขาดทุนมาโดยตลอด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018123 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    Sad
    14
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2159 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่ากำลังสั่งการให้บุคลากรเกือบทั้งหมดทั่วโลก ยกเว้นจำนวนหนึ่งของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) หยุดงานแบบได้รับค่าจ้างและกำจัดตำแหน่งงานเหล่านี้ราว 2,000 อัตราในอเมริกา ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงประกาศแจ้งที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่ขององค์กรแห่งนี้
    .
    ไม่นานก่อนเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (23 ก.พ) ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ บุคลากรทุกคนที่จ้างงานโดยตรงของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ยกเว้นพวกเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นสำหรับหน้าที่การงานสำคัญๆ จะถูกสั่งให้หยุดงาน ในขณะเดียวกันหน่วยงานแห่งนี้จะเริ่มนำนโบบายลดกำลังคนไปปฏิบัติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบุคลากรของ USAID ในอเมริการาว 2,000 คน
    .
    ทำเนียบขาวยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้
    .
    กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ เป็นแกนนำในความพยายามล้างบาง USAID กลไกหลักของสหรัฐฯ ในการมอบความช่วยเหลือแก่ต่างชาติ และเป็นเครื่องมือ "ซอฟต์เพาเวอร์" อันสำคัญยิ่งของสหรัฐฯ สำหรับแผ่ขยายอิทธิพลในต่างแดน
    .
    เมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) ผู้พิพากษาศาลกลางรายหนึ่ง เปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์เดินหน้าสั่งเจ้าหน้าที่ของ USAID หลายพันคนลางาน สร้างความผิดหวังแก่สหภาพลูกจ้างรัฐบาลที่กำลังยื่นฟ้องร้องในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นความพยายามขุดรุกถอนโคนหน่วยงานแห่งนี้
    .
    "รัฐบาลนี้และมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่มองการณ์ไกลในตัดลดศักยภาพและความเชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ในตอบสนองต่อวิกฤตต่างๆ" มาร์เซีย หว่อง อดีตเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ USAID "ครั้งที่โรคระบาดเกิดขึ้น ประชาชนไร้ถิ่นฐาน พวกผู้เชี่ยวชาญของ USAID อยู่ในภาคสนามและประจำการเป็นชุดแรก เข้าช่วยประคับประคองไม่ให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพและมอบความช่วยเหลือ"
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ สั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศเป็นเวลา 90 วัน ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง หยุดป้อนเงินอุดหนุนสำหรับทุกสิ่งอย่างไล่ตั้งแต่โครงการต่อสู้กับความอดอยากและโรคติดต่อร้ายแรง ไปจนถึงจัดหาศูนย์พักพิงแก่คนไร้ถิ่นฐานหลายล้านคนทั่วโลก
    .
    รัฐบาลทรัมป์อนุมัติข้อยกเว้นบางส่วนสำหรับเงินช่วยเหลือรวมกว่า 5,300 ล้านดอลลาร์ที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นโครงการด้านความมั่นคงและต่อต้านยาเสพติด ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือบรรทุกข์ด้านมนุษย์จำนวนหนึ่งอย่างจำกัด รอยเตอร์รายงานอ้างอิงเอกสารที่พบเห็น
    .
    อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆ ของ USAID ได้รับข้อยกเว้นมีไม่ถึง 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับงบประมาณบริหารโครงการต่างๆ ในแต่ละปีของ USAID ตกปีละราว 40,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนถูกแช่แข็ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017985
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่ากำลังสั่งการให้บุคลากรเกือบทั้งหมดทั่วโลก ยกเว้นจำนวนหนึ่งของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) หยุดงานแบบได้รับค่าจ้างและกำจัดตำแหน่งงานเหล่านี้ราว 2,000 อัตราในอเมริกา ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงประกาศแจ้งที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่ขององค์กรแห่งนี้ . ไม่นานก่อนเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (23 ก.พ) ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ บุคลากรทุกคนที่จ้างงานโดยตรงของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ยกเว้นพวกเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นสำหรับหน้าที่การงานสำคัญๆ จะถูกสั่งให้หยุดงาน ในขณะเดียวกันหน่วยงานแห่งนี้จะเริ่มนำนโบบายลดกำลังคนไปปฏิบัติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบุคลากรของ USAID ในอเมริการาว 2,000 คน . ทำเนียบขาวยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ . กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ เป็นแกนนำในความพยายามล้างบาง USAID กลไกหลักของสหรัฐฯ ในการมอบความช่วยเหลือแก่ต่างชาติ และเป็นเครื่องมือ "ซอฟต์เพาเวอร์" อันสำคัญยิ่งของสหรัฐฯ สำหรับแผ่ขยายอิทธิพลในต่างแดน . เมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) ผู้พิพากษาศาลกลางรายหนึ่ง เปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์เดินหน้าสั่งเจ้าหน้าที่ของ USAID หลายพันคนลางาน สร้างความผิดหวังแก่สหภาพลูกจ้างรัฐบาลที่กำลังยื่นฟ้องร้องในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นความพยายามขุดรุกถอนโคนหน่วยงานแห่งนี้ . "รัฐบาลนี้และมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่มองการณ์ไกลในตัดลดศักยภาพและความเชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ในตอบสนองต่อวิกฤตต่างๆ" มาร์เซีย หว่อง อดีตเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ USAID "ครั้งที่โรคระบาดเกิดขึ้น ประชาชนไร้ถิ่นฐาน พวกผู้เชี่ยวชาญของ USAID อยู่ในภาคสนามและประจำการเป็นชุดแรก เข้าช่วยประคับประคองไม่ให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพและมอบความช่วยเหลือ" . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ สั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศเป็นเวลา 90 วัน ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง หยุดป้อนเงินอุดหนุนสำหรับทุกสิ่งอย่างไล่ตั้งแต่โครงการต่อสู้กับความอดอยากและโรคติดต่อร้ายแรง ไปจนถึงจัดหาศูนย์พักพิงแก่คนไร้ถิ่นฐานหลายล้านคนทั่วโลก . รัฐบาลทรัมป์อนุมัติข้อยกเว้นบางส่วนสำหรับเงินช่วยเหลือรวมกว่า 5,300 ล้านดอลลาร์ที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นโครงการด้านความมั่นคงและต่อต้านยาเสพติด ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือบรรทุกข์ด้านมนุษย์จำนวนหนึ่งอย่างจำกัด รอยเตอร์รายงานอ้างอิงเอกสารที่พบเห็น . อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆ ของ USAID ได้รับข้อยกเว้นมีไม่ถึง 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับงบประมาณบริหารโครงการต่างๆ ในแต่ละปีของ USAID ตกปีละราว 40,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนถูกแช่แข็ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017985 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1621 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาย Adrian Kingsley-Hughes จาก ZDNet ได้ทำการทดสอบเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานลมขนาดพกพาที่เรียกว่า Shine Turbine ซึ่งเป็นกังหันลมขนาดเล็กที่สามารถใส่ในเป้สะพายหลังของคุณได้ อุปกรณ์นี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ $399 และสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 40 วัตต์ โดยมีแบตเตอรี่ภายในความจุ 12,000 มิลลิแอมป์-ชั่วโมง

    Kingsley-Hughes พบว่าการติดตั้ง Shine Turbine ครั้งแรกอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดหวัง แต่เมื่อได้ทดลองใช้หลายครั้ง กระบวนการนี้จะง่ายขึ้น เขาแนะนำให้ผู้ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ภายในกังหันหรือใช้งานร่วมกับเพาเวอร์แบงค์ตามสถานการณ์การใช้งาน

    แม้ว่าประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของ Shine Turbine จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น การผลิตไฟฟ้าสูงสุดเพียง 40 วัตต์ ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โดรน และกล้อง แต่ไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟมากขึ้นเช่นแล็ปท็อปได้ อย่างไรก็ตาม Kingsley-Hughes เห็นว่า Shine Turbine เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเก็บเกี่ยวพลังงานจากธรรมชาติในกรณีที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟฟ้า

    ในด้านข้อเสียของ Shine Turbine การติดตั้งและการเก็บรวบรวมอุปกรณ์อาจใช้เวลานานกว่าการใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ แต่หากคุณไม่สามารถพึ่งพาแสงแดดได้ Shine Turbine ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

    โดยรวมแล้ว Shine Turbine เป็นกังหันลมขนาดพกพาที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าแบบพกพา หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณได้รู้จักและเข้าใจการทำงานของ Shine Turbine มากขึ้นนะครับ!

    https://www.zdnet.com/home-and-office/energy/are-wind-power-generators-actually-viable-at-home-heres-what-i-learned-from-testing-one/
    นาย Adrian Kingsley-Hughes จาก ZDNet ได้ทำการทดสอบเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานลมขนาดพกพาที่เรียกว่า Shine Turbine ซึ่งเป็นกังหันลมขนาดเล็กที่สามารถใส่ในเป้สะพายหลังของคุณได้ อุปกรณ์นี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ $399 และสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 40 วัตต์ โดยมีแบตเตอรี่ภายในความจุ 12,000 มิลลิแอมป์-ชั่วโมง Kingsley-Hughes พบว่าการติดตั้ง Shine Turbine ครั้งแรกอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดหวัง แต่เมื่อได้ทดลองใช้หลายครั้ง กระบวนการนี้จะง่ายขึ้น เขาแนะนำให้ผู้ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ภายในกังหันหรือใช้งานร่วมกับเพาเวอร์แบงค์ตามสถานการณ์การใช้งาน แม้ว่าประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของ Shine Turbine จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น การผลิตไฟฟ้าสูงสุดเพียง 40 วัตต์ ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โดรน และกล้อง แต่ไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟมากขึ้นเช่นแล็ปท็อปได้ อย่างไรก็ตาม Kingsley-Hughes เห็นว่า Shine Turbine เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเก็บเกี่ยวพลังงานจากธรรมชาติในกรณีที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟฟ้า ในด้านข้อเสียของ Shine Turbine การติดตั้งและการเก็บรวบรวมอุปกรณ์อาจใช้เวลานานกว่าการใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ แต่หากคุณไม่สามารถพึ่งพาแสงแดดได้ Shine Turbine ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยรวมแล้ว Shine Turbine เป็นกังหันลมขนาดพกพาที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าแบบพกพา หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณได้รู้จักและเข้าใจการทำงานของ Shine Turbine มากขึ้นนะครับ! https://www.zdnet.com/home-and-office/energy/are-wind-power-generators-actually-viable-at-home-heres-what-i-learned-from-testing-one/
    WWW.ZDNET.COM
    Are wind power generators actually viable at home? Here's what I learned from testing one
    Solar generators are trending, but what happens when the sky turns gray? This device keeps your power running.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ป่าใครหนา

    ทุกวันนี้ ป่าดงพงไพรในประเทศไทยทยอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนยังคงตัดไม้และทำลายป่าอย่างไม่หยุดหย่อน บางคราวภูเขาอันร่มรื่นน่าชื่นชมก็กลายเป็นสวนลิ้นจี่ ไร่ข้าวโพด หรือสวนลำไยในเวลาอันรวดเร็ว หรือว่าพวกเราจะยกย่องเรื่องนี้เป็นซอฟเพาเวอร์หรือนี่

    จากปี 2566 ถึงปี 2567 พบว่า ผืนป่าของไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี มีการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ถึง 317,819.20 ไร่ ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ 101,818,155.76 ไร่ หรือคิดเป็น 31.47% ของพื้นที่ประเทศ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลง คือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน จะขอยกตัวอย่างเช่น การตัดไม้เพื่อปลูกแปลงพืชพลทางการเกษตร ตัดไม้เพื่อปลูกบ้านเรือนของตน

    แต่สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดเลยคือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งจะขอยกตัวอย่างเคสที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโปลกหล่น โดยมีนายทุนทำถนนคอนกรีตขึ้นไปบนภูเขาและสร้างที่พักรีสอร์ต หรือ ดราม่าการเฉือนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.6 แสนไร่ โดยหากเกิดการให้เพิกถอนพื้นที่มันจะเป็นการเอื้อให้นายทุนทั้งหลายเข้ามาซื้อขายที่ดินเพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และจะกระทบต่อแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีกเคสหนึ่งที่มีสส.หญิงรุกป่าทำฟาร์มไก่ โดยการกระทำในรูปแบบนี้เข้าข่ายการทำประโยชน์ส่วนตน

    การลดลงของผืนป่าไม่ใช่แค่เรื่องของการตัดไม้เพียงเท่านั้น แต่เป็นการสูญเสียมรดกธรรมชาติที่สะท้อนถึง "นิเวศสำนึก" ของสังคม การที่พื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนสภาพเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้จะตอบโจทย์ด้านรายได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้กลับส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างแน่นอน

    ที่จริงอยากจะประท้วงรัฐบาลให้ออกนโยบายเกี่ยวกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในประเทศอย่างเคร่งครัด หรือ รณรงค์ให้ทุกคนหันมาสนใจธรรมชาติอย่างจริงจัง อยากยกตัวอย่างเคสของอาสืบ นาคะเสถียร ที่เสียสละชีวิตของตัวเอง เรียกผู้คนในสังคมไทยให้หันกลับมารับรู้ปัญหาการคุกคามผืนป่าและสัตว์ป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเวลานั้น

    แต่โปรดเชื่อเถอะใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ถ้าเราไม่ดูแลรักษาระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ มิเช่นนั้นเราคงจะได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์จากกระป๋องแล้วกระมัง
    .
    #ป่าใครหนา ทุกวันนี้ ป่าดงพงไพรในประเทศไทยทยอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนยังคงตัดไม้และทำลายป่าอย่างไม่หยุดหย่อน บางคราวภูเขาอันร่มรื่นน่าชื่นชมก็กลายเป็นสวนลิ้นจี่ ไร่ข้าวโพด หรือสวนลำไยในเวลาอันรวดเร็ว หรือว่าพวกเราจะยกย่องเรื่องนี้เป็นซอฟเพาเวอร์หรือนี่ จากปี 2566 ถึงปี 2567 พบว่า ผืนป่าของไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี มีการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ถึง 317,819.20 ไร่ ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ 101,818,155.76 ไร่ หรือคิดเป็น 31.47% ของพื้นที่ประเทศ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลง คือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน จะขอยกตัวอย่างเช่น การตัดไม้เพื่อปลูกแปลงพืชพลทางการเกษตร ตัดไม้เพื่อปลูกบ้านเรือนของตน แต่สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดเลยคือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งจะขอยกตัวอย่างเคสที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโปลกหล่น โดยมีนายทุนทำถนนคอนกรีตขึ้นไปบนภูเขาและสร้างที่พักรีสอร์ต หรือ ดราม่าการเฉือนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.6 แสนไร่ โดยหากเกิดการให้เพิกถอนพื้นที่มันจะเป็นการเอื้อให้นายทุนทั้งหลายเข้ามาซื้อขายที่ดินเพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และจะกระทบต่อแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีกเคสหนึ่งที่มีสส.หญิงรุกป่าทำฟาร์มไก่ โดยการกระทำในรูปแบบนี้เข้าข่ายการทำประโยชน์ส่วนตน การลดลงของผืนป่าไม่ใช่แค่เรื่องของการตัดไม้เพียงเท่านั้น แต่เป็นการสูญเสียมรดกธรรมชาติที่สะท้อนถึง "นิเวศสำนึก" ของสังคม การที่พื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนสภาพเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้จะตอบโจทย์ด้านรายได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้กลับส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างแน่นอน ที่จริงอยากจะประท้วงรัฐบาลให้ออกนโยบายเกี่ยวกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในประเทศอย่างเคร่งครัด หรือ รณรงค์ให้ทุกคนหันมาสนใจธรรมชาติอย่างจริงจัง อยากยกตัวอย่างเคสของอาสืบ นาคะเสถียร ที่เสียสละชีวิตของตัวเอง เรียกผู้คนในสังคมไทยให้หันกลับมารับรู้ปัญหาการคุกคามผืนป่าและสัตว์ป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเวลานั้น แต่โปรดเชื่อเถอะใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ถ้าเราไม่ดูแลรักษาระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ มิเช่นนั้นเราคงจะได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์จากกระป๋องแล้วกระมัง .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 523 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครอบครัวศรีวัฒนประภา ยื่นฟ้องบริษัทผลิตเฮลิคอปเตอร์ เรียกค่าเสียหายกว่า 9.1 หมื่นล้านบาท ปมเจ้าสัววิชัย ฮ.ตกเสียชีวิต เมื่อปี 2561

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหราชอาณาจักร ครอบครัวของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2561 ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลอังกฤษ เรียกค่าเสียหายจากการเสียชีวิตของนายวิชัย จาก เลโอนาร์โด เอส.พี.เอ. (Leonardo S.p.A) บริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2,148 ล้านปอนด์ (ประมาณ 91,402,340,400 บาท)

    ครอบครัวของนายวิชัย อ้างถึงรายงานการสอบสวนของสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (Air Accident Investigation Branch-AAIB) ของประเทศอังกฤษ ความยาว 209 หน้า ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ได้แสดงถึงปัญหาของระบบความปลอดภัยของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวภายหลังการเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ตกที่บริเวณลานจอดรถสนามฟุตบอลคิง เพาเวอร์ เมืองเลสเตอร์

    รายงานการสอบสวนของ AAIB สรุปสาเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนั้นว่า มาจากความล้มเหลวของลูกปืนคู่ และระบบควบคุมใบพัดหาง ซึ่งทำให้เสียการควบคุมและตกลงมาสู่พื้นดินก่อนเกิดไฟลุกไหม้ในที่สุด

    ครอบครัวของนายวิชัย ยังชี้ว่า บริษัทผู้ผลิตมีความบกพร่องในการออกแบบ และละเลยการวางแผนป้องกันความเสียหายจากการสูญเสียการควบคุมเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้

    สำหรับนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ซึ่งเริ่มต้นมาจากกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองและสนามบิน ก่อนที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ และสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ในประเทศเบลเยียม

    ด้าน “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของนายวิชัย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ให้ความเห็นว่า “ครอบครัวของผมยังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความเสียใจของเราต่อการสูญเสียคุณพ่อไม่เคยลดน้อยลงเลย ผมเสียใจมากที่ลูก ๆ ของผมและหลาน ๆ ไม่เคยได้เจอคุณปู่”

    นายอัยยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตนได้อ่านรายงานของ AAIB หลายรอบ และน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันคืออุบัติเหตุที่รอเวลาเกิดขึ้นเท่านั้น คุณพ่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำนี้มาเพราะเชื่อมั่นในเลโอนาร์โด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด พร้อมย้ำว่า “เลโอนาร์โดต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคุณพ่อ”
    ทั้งนี้ ครอบครัวของนายวิชัย ได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมายชั้นนำ Stewarts และทนายความผู้เชี่ยวชาญ ฟิลิป เชพเพิร์ด และ แฮร์รี่ สเตนเบิร์ก เพื่อฟ้องร้องคดีต่อเลโอนาร์โด

    ด้านปีเตอร์ นีแนน ทนายความแห่งสำนักงานกฎหมาย Stewarts ให้ความเห็นว่า เราอ้างอิงรายงาน AAIB ในการฟ้องเลโอนาร์โด โดยรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยและไม่ใช่เพื่อการโยนความผิด เนื้อหาที่สะเทือนใจที่สุดเท่าที่ตนเคยอ่านมา คดีนี้ต้องผ่านการวิเคราะห์โดยละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมากในการตรวจสอบการละเมิดที่เกิดขึ้นจากความบกพร่องและความประมาททั้งหมดในขั้นตอนการออกแบบ

    “คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ลูกค้าทุกคนของเลโอนาร์โดรวมถึงกองทัพทหารของประเทศ รถพยาบาล และหน่วยปฏิบัติการเบื้องต้นอื่นๆ ทั่วโลกพึงตระหนักอย่างยิ่ง เพราะลูกค้าหรือเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ทุกราย ต่างก็ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในเฮลิคอปเตอร์แบรนด์นี้ว่าจะมีคุณภาพเพียงพอ” ทนายความ ระบุ

    ที่มา ข่าวสด
    ครอบครัวศรีวัฒนประภา ยื่นฟ้องบริษัทผลิตเฮลิคอปเตอร์ เรียกค่าเสียหายกว่า 9.1 หมื่นล้านบาท ปมเจ้าสัววิชัย ฮ.ตกเสียชีวิต เมื่อปี 2561 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหราชอาณาจักร ครอบครัวของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2561 ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลอังกฤษ เรียกค่าเสียหายจากการเสียชีวิตของนายวิชัย จาก เลโอนาร์โด เอส.พี.เอ. (Leonardo S.p.A) บริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2,148 ล้านปอนด์ (ประมาณ 91,402,340,400 บาท) ครอบครัวของนายวิชัย อ้างถึงรายงานการสอบสวนของสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (Air Accident Investigation Branch-AAIB) ของประเทศอังกฤษ ความยาว 209 หน้า ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ได้แสดงถึงปัญหาของระบบความปลอดภัยของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวภายหลังการเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ตกที่บริเวณลานจอดรถสนามฟุตบอลคิง เพาเวอร์ เมืองเลสเตอร์ รายงานการสอบสวนของ AAIB สรุปสาเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนั้นว่า มาจากความล้มเหลวของลูกปืนคู่ และระบบควบคุมใบพัดหาง ซึ่งทำให้เสียการควบคุมและตกลงมาสู่พื้นดินก่อนเกิดไฟลุกไหม้ในที่สุด ครอบครัวของนายวิชัย ยังชี้ว่า บริษัทผู้ผลิตมีความบกพร่องในการออกแบบ และละเลยการวางแผนป้องกันความเสียหายจากการสูญเสียการควบคุมเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ สำหรับนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ซึ่งเริ่มต้นมาจากกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองและสนามบิน ก่อนที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ และสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ในประเทศเบลเยียม ด้าน “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของนายวิชัย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ให้ความเห็นว่า “ครอบครัวของผมยังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความเสียใจของเราต่อการสูญเสียคุณพ่อไม่เคยลดน้อยลงเลย ผมเสียใจมากที่ลูก ๆ ของผมและหลาน ๆ ไม่เคยได้เจอคุณปู่” นายอัยยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตนได้อ่านรายงานของ AAIB หลายรอบ และน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันคืออุบัติเหตุที่รอเวลาเกิดขึ้นเท่านั้น คุณพ่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำนี้มาเพราะเชื่อมั่นในเลโอนาร์โด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด พร้อมย้ำว่า “เลโอนาร์โดต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคุณพ่อ” ทั้งนี้ ครอบครัวของนายวิชัย ได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมายชั้นนำ Stewarts และทนายความผู้เชี่ยวชาญ ฟิลิป เชพเพิร์ด และ แฮร์รี่ สเตนเบิร์ก เพื่อฟ้องร้องคดีต่อเลโอนาร์โด ด้านปีเตอร์ นีแนน ทนายความแห่งสำนักงานกฎหมาย Stewarts ให้ความเห็นว่า เราอ้างอิงรายงาน AAIB ในการฟ้องเลโอนาร์โด โดยรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยและไม่ใช่เพื่อการโยนความผิด เนื้อหาที่สะเทือนใจที่สุดเท่าที่ตนเคยอ่านมา คดีนี้ต้องผ่านการวิเคราะห์โดยละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมากในการตรวจสอบการละเมิดที่เกิดขึ้นจากความบกพร่องและความประมาททั้งหมดในขั้นตอนการออกแบบ “คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ลูกค้าทุกคนของเลโอนาร์โดรวมถึงกองทัพทหารของประเทศ รถพยาบาล และหน่วยปฏิบัติการเบื้องต้นอื่นๆ ทั่วโลกพึงตระหนักอย่างยิ่ง เพราะลูกค้าหรือเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ทุกราย ต่างก็ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในเฮลิคอปเตอร์แบรนด์นี้ว่าจะมีคุณภาพเพียงพอ” ทนายความ ระบุ ที่มา ข่าวสด
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงผลงานของหมูเด้งเรื่องซอฟท์เพาเวอร์
    แถลงผลงานของหมูเด้งเรื่องซอฟท์เพาเวอร์
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม

    6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน"

    พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่

    เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

    สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น

    #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม 6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน" พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1357 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันแบงค็อก กับห้าง‘หลง’ที่สุด

    จากความตั้งใจของเสี่ยเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่อยากให้ประเทศไทยมีแลนด์มาร์คพิเศษ ที่ทำให้ชาวโลกรู้สึกชื่นชมที่จะนำความเจริญ และความภาคภูมิใจมาสู่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำมาสู่ วันแบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดในไทย มูลค่าการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 108 ไร่ ซึ่งเช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567

    พื้นที่ค้าปลีกกว่า 190,000 ตารางเมตร ที่เปิดให้บริการมี 2 โซน ได้แก่ โซนพาเหรด (Parade) โซนเดอะสตอรี่ส์ (The Storeys) ที่ยังไม่เปิดคือโซนโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท (POST 1928) เสียงวิจารณ์ที่ตามมานอกจากทำถนนวิทยุ ถนนพระรามที่ 4 และถนนสาทร รถติดหนักกว่าเดิมแล้ว โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่และแยกเป็นหลายอาคาร ทำให้คนที่มาเยือนครั้งแรกเกิดหลงทางทันที จากเดิมที่เซ็นทรัลเวิลด์ครองแชมป์เดินแล้วหลง เจอวันแบงค็อกเข้าไปต้องเรียกพี่

    แนะนำว่าถ้ามาครั้งแรก ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีลุมพินี ทางออก 1 ดีที่สุด มีทางเชื่อมใต้ดินไปยังโครงการ และจำไว้ว่า MRT ตั้งอยู่ในโซนพาเหรด ชั้น B1 อาคาร Tower 3 ฝั่งถนนพระรามที่ 4

    ชั้น B1 พบกับบิ๊กซีมินิ ร้านอาหาร เดินเลี้ยวขวาสุดทางเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์สัญชาติญี่ปุ่น มิตซูโคชิ เดปาจิกะ (Mitsukoshi Depachika) ชั้น G เป็นลานพาเหรดสแควร์ (Parade Square) สำหรับจัดงานมินิคอนเสิร์ต ชั้น 1-2 เป็นคิงเพาเวอร์ ซิตี้บูติก (King Power City Boutique) จำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี สินค้าซื้อแล้วรับกลับทันที ชั้น 3 เป็นห้างสารพัดไทย ของคิงเพาเวอร์ ชั้น 5 เป็นโรงภาพยนตร์วันอัลตร้าสกรีน (One Ultra Screen) และศูนย์อาหารฟู้ดสตรีท (Food Street)

    เดินไปทางซ้ายจะเป็นโซนเดอะสตอรี่ส์ ฝั่งถนนวิทยุ ประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งสองโซนจะเชื่อมถึงกัน ตรงกลางจะเป็นวันแบงค็อกพาร์ค (One Bangkok Park) พื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง ทางเข้าอาคาร Tower 4

    ถัดไปจะเป็นวันแบงค็อกบูเลอวาร์ด (One Bangkok Boulevard) อาคารโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท อาคาร Tower 5 และอาคารวันแบงค็อกฟอรั่ม (One Bangkok Forum) ศูนย์ประชุมและจัดคอนเสิร์ต โดยชั้น G มีบิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ (Big C Bangkok Marché) โมเดลฟู้ดเพลสรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ อยู่ใกล้ทางเชื่อมทางด่วนเฉลิมมหานคร ด่านลุมพินีมากที่สุด นับจากนี้จะมีโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ตามมา และอาคารสูงที่สุดในประเทศไทย ปี 2569

    #Newskit #OneBangkok
    วันแบงค็อก กับห้าง‘หลง’ที่สุด จากความตั้งใจของเสี่ยเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่อยากให้ประเทศไทยมีแลนด์มาร์คพิเศษ ที่ทำให้ชาวโลกรู้สึกชื่นชมที่จะนำความเจริญ และความภาคภูมิใจมาสู่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำมาสู่ วันแบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดในไทย มูลค่าการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 108 ไร่ ซึ่งเช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567 พื้นที่ค้าปลีกกว่า 190,000 ตารางเมตร ที่เปิดให้บริการมี 2 โซน ได้แก่ โซนพาเหรด (Parade) โซนเดอะสตอรี่ส์ (The Storeys) ที่ยังไม่เปิดคือโซนโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท (POST 1928) เสียงวิจารณ์ที่ตามมานอกจากทำถนนวิทยุ ถนนพระรามที่ 4 และถนนสาทร รถติดหนักกว่าเดิมแล้ว โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่และแยกเป็นหลายอาคาร ทำให้คนที่มาเยือนครั้งแรกเกิดหลงทางทันที จากเดิมที่เซ็นทรัลเวิลด์ครองแชมป์เดินแล้วหลง เจอวันแบงค็อกเข้าไปต้องเรียกพี่ แนะนำว่าถ้ามาครั้งแรก ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีลุมพินี ทางออก 1 ดีที่สุด มีทางเชื่อมใต้ดินไปยังโครงการ และจำไว้ว่า MRT ตั้งอยู่ในโซนพาเหรด ชั้น B1 อาคาร Tower 3 ฝั่งถนนพระรามที่ 4 ชั้น B1 พบกับบิ๊กซีมินิ ร้านอาหาร เดินเลี้ยวขวาสุดทางเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์สัญชาติญี่ปุ่น มิตซูโคชิ เดปาจิกะ (Mitsukoshi Depachika) ชั้น G เป็นลานพาเหรดสแควร์ (Parade Square) สำหรับจัดงานมินิคอนเสิร์ต ชั้น 1-2 เป็นคิงเพาเวอร์ ซิตี้บูติก (King Power City Boutique) จำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี สินค้าซื้อแล้วรับกลับทันที ชั้น 3 เป็นห้างสารพัดไทย ของคิงเพาเวอร์ ชั้น 5 เป็นโรงภาพยนตร์วันอัลตร้าสกรีน (One Ultra Screen) และศูนย์อาหารฟู้ดสตรีท (Food Street) เดินไปทางซ้ายจะเป็นโซนเดอะสตอรี่ส์ ฝั่งถนนวิทยุ ประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งสองโซนจะเชื่อมถึงกัน ตรงกลางจะเป็นวันแบงค็อกพาร์ค (One Bangkok Park) พื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง ทางเข้าอาคาร Tower 4 ถัดไปจะเป็นวันแบงค็อกบูเลอวาร์ด (One Bangkok Boulevard) อาคารโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท อาคาร Tower 5 และอาคารวันแบงค็อกฟอรั่ม (One Bangkok Forum) ศูนย์ประชุมและจัดคอนเสิร์ต โดยชั้น G มีบิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ (Big C Bangkok Marché) โมเดลฟู้ดเพลสรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ อยู่ใกล้ทางเชื่อมทางด่วนเฉลิมมหานคร ด่านลุมพินีมากที่สุด นับจากนี้จะมีโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ตามมา และอาคารสูงที่สุดในประเทศไทย ปี 2569 #Newskit #OneBangkok
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1064 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวรหยุดที่ผ่านมามีโอกาสเข้าไปที่ตึกคิงเพาเวอร์มหานครมาครับ แม้จะไม่ได้ขึ้นไปชมวิวด้านบนเพราะต้องซึ้อบัตรเข้าไป (ซึ่งแพงมาก) แต่ยังสามารถเดินดูของเพลินๆ หรือช้อปปิ้งที่ FIRSTER by KING POWER ชั้น 2 ถึงชั้น 4 ส่วนตึกด้านหน้า อาคารมหานครคิวบ์ (Mahanakhon Cube) มีโซนศูนย์อาหาร Thai Taste Hub มีอาหารแนวสตรีทฟู้ดให้เลือกชิมด้วยนะครับ
    เวรหยุดที่ผ่านมามีโอกาสเข้าไปที่ตึกคิงเพาเวอร์มหานครมาครับ แม้จะไม่ได้ขึ้นไปชมวิวด้านบนเพราะต้องซึ้อบัตรเข้าไป (ซึ่งแพงมาก) แต่ยังสามารถเดินดูของเพลินๆ หรือช้อปปิ้งที่ FIRSTER by KING POWER ชั้น 2 ถึงชั้น 4 ส่วนตึกด้านหน้า อาคารมหานครคิวบ์ (Mahanakhon Cube) มีโซนศูนย์อาหาร Thai Taste Hub มีอาหารแนวสตรีทฟู้ดให้เลือกชิมด้วยนะครับ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • Aston Martin DB11 V8
    Fascination of World’s Premium GT

    โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง

    ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ชุด James Bond ก็คงรู้จักรถ Aston Martin รถสปอร์ตคู่ใจพยัคฆ์ร้าย 007 มาตั้งแต่เรื่อง Gold Finger ที่ Sean Connery นำแสดง ในปีค.ศ.1964 กับ Aston Martin DB 5

    แต่น้อยคนนักที่จะทราบเกียรติประวัติความเกรียงไกรของสุดยอดรถสปอร์ตของอังกฤษยี่ห้อนี้

    Aston Martin เกิดมา 104 ปีแล้ว ก่อตั้งบริษัทผลิตโดย Lionel Martin และ Robert Bamfort เจตนาผลิตรถสปอร์ตชั้นหรูราคาแพง 2 ประเภท ก็คือ Luxury Sport Cars และ Grand Touring Sport Cars จำหน่ายสู่ตลาดโลก ปัจจุบัน Aston Martin Lagonda Limited สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Warwickshire ประเทศอังกฤษ

    Aston Martin คว้าแชมป์โลก F1 (FIA World Formula One Grand Prix) 2 สมัยซ้อน (ปี.ค.ศ.1959 และ 1960) ไม่นับรวมเส้นชัยในการแข่งรถมาราธอน 24 hr Le Mans ประเทศฝรั่งเศส

    นับแต่อดีตมา ผู้ที่ทำชื่อเสียงให้ Aston Martin โด่งดังติดทำเนียบรถสปอร์ตโลกและสังเวียนความเร็วโลก ก็คือ David Brown ซึ่งเข้ามานำทัพให้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่มาของรถรุ่น “DB” จนทุกวันนี้

    ถ้าจำไม่ผิด Aston Martin DB 11 V12 (เครื่องยนต์ 12 สูบวี.) เปิดตัวในไทยในงาน International Bangkok Motor Show เมื่อเดือนเมษายนปีค.ศ. 2017 แล้วก็เป็น Aston Martin DB11 V8 (เครื่องยนต์ 8 สูบวี.) เปิดตัวครั้งแรกในงาน Thailand International Motor Expo ต้นธันวาคมปีค.ศ. 2017 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวของรถรุ่น V8 ครั้งแรกในภูมิภาคอาเชียน

    Aston Martin DB 11 เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Geneva Motor Show ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เดือนมีนาคมปี 2016 เป็นสินค้าใหม่ที่ทดแทน DB9 (DB10 เป็นรถต้นแบบและใช้แสดงใน James Bond 007 Spectre ไม่ได้ผลิตจำหน่าย)

    DB11 คือ รถสปอร์ตประเภท Grand Touring 2+2 ที่นั่ง (รถสปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง แต่ 2 ที่นั่งหลังมีขนาดเล็กแคบกว่ามาตรฐานเบาะนั่งหลังรถทั่วไป) ท้ายลาดในสไตล์รถ Coupe เครื่องยนต์ติดตั้งด้านหน้าเยื้องหลังเล็กน้อยและขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ Front-Mid Engine Mounted/Rear-Wheel Drive Vehicle Layout

    Aston Martin DB11 ควบคุมโครงการออกแบบผลิตโดย Marek Reichman ซึ่งเป็น Chief Creative Officer & Head of Design ของ Aston Martin สิ่งสำคัญ คือ DB11 เป็นผลผลิตชิ้นแรกหลังจากที่ Aston Martin Lagonda Limited กับ Mercedes-AMG ร่วมลงทุนกัน และเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบของ AMG

    มิติตัวรถ ได้แก่ 4.739 x 1.940 x 1.279 เมตร(ยาว x กว้าง x สูง) ช่วงล้อหน้า-หลังยาว 2.805 เมตร น้ำหนักตัวรถ 1,760 กิโลกรัม (เบากว่ารุ่น V12 ประมาณ 115 กิโลกรัม) ค่าความลู่ลม Cd 0.36

    ใช้เทคนิคที่เรียกชื่อเฉพาะว่า Aston Martin “Aeroblade” ตามหลักอากาศพลศาสตร์ หมายถึงว่า ตัวรถมีคุณสมบัติหรือทำหน้าที่เป็นสปอยเลอร์ในตัว สปอยเล่อร์ชิ้นล่างกันชนหน้ามีชื่อว่า Curlicue Aero สปอยเล่อร์หลังซ่อนรูปและยกตัวขึ้นอัตโนมัติ (Deployable Rear Spoiler) เมื่อรถใช้ความเร็ว 120 กม./ชม.

    ตัวถังอลูมิเนียมขึ้นรูปน้ำหนักเบา ฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียวทั้งแผ่น(Clamshell Bonnet) ปิดสนิทด้วยไฟฟ้าแบบ Solf-Close กระจกรอบคันรถเป็น Laminated เพื่อลดเสียงสะท้านขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง

    โครงสร้างแชสซีส์ใช้เทคโนโลยี Extruded Bonded Aluminum Body Structure ผนวกกับ Hot-Form Quenched Aluminum คือ ทำให้เนื้อโลหะมีความร้อนขยายตัวและยึดติดกันก่อนเย็นตัว

    จึงแน่นหนาแข็งแรงกว่าแชสซีส์รถสปอร์ตทั่วไป เหล็กค้ำเบ้าโช้คอัพและโครงสร้างในบานประตูเป็น Magnesium Alloy เบาแต่แข็งแกร่งกว่าเหล็ก บานประตูทั้ง 2 บานเปิดขึ้นทำมุม 20 องศาเพื่อหลบพ้นขอบฟุตบาท

    การตกแต่งภายในเป็นสไตล์สปอร์ต 2+2 ที่นั่ง เบาะนั่งและแผงบุต่างๆตัดเย็บประณีตด้วยช่างฝีมือ แต่ดำรงไว้ซึ่งบรรยากาศของรถสปอร์ตคูเป้พลังแรง เมื่อเทียบกับรุ่น V12 แล้วจำนวนสรรพอุปกรณ์น้อยกว่า แต่สามารถเลือกสั่งพิเศษเพิ่มเติมได้

    เครื่องยนต์ M178 เบนซิน 8 สูบวี.ทำมุม 90 องศา ฝาสูบ/เสื้อสูบอลูมินั่มอัลลอย เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบแปรผัน 2 ชุด(Variable Valve Timing DOHC x 2) 32 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3,982 ซี.ซี. สูบ x ช่วงชัก = 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร เทอร์โบชาร์จแบบ Single-Scroll จำนวน 2 ตัว อัตราส่วนกำลังอัดสูบ 10.5 ต่อ 1

    ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอิเลคทรอนิคแบบจ่อตรง Direct Injection Sequential Electronic Fuel Injection ระบบอิเลคทรอนิคควบคุมการทำงานเครื่องยนต์ของ Bosch Engine Management Software

    กำลังสูงสุด 510 แรงม้า(PS)หรือ 375 กิโลวัตต์ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 675 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-5,000 รอบต่อนาที ค่า CO2 ในไอเสีย 230 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร

    เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 8 สปีดของ ZF เยอรมนี อัตราทด Over-Drive อยู่ที่เกียร์ 7 และ 8 โหมดขับขี่แบ่งเป็น GT, Sport, และ Sport Plus ใช้เทคนิคย้ายเรือนเกียร์มาติดตั้งที่ด้านหน้าเฟืองท้าย ด้วยเหตุผลการกระจายน้ำหนักหน้า/หลังที่สมดุลและลดอาการแกว่งสะท้านของเพลากลาง เพลากลางเป็นท่อกลวงทำจาก Carbon Fibre น้ำหนักเบาแต่แกร่ง สอดในท่อส่งโลหะอัลลอยเบาและกันกระแทก

    ระบบพวงมาลัย Rack&Pinion เพาเวอร์ไฟฟ้า ดิสค์เบรกหน้าแบบร่องระบายความร้อนขนาดจานใหญ่ 40 เซนติเมตร ลูกสูบเบรก 6 ตัว จานหลังใหญ่ 36 เซนติเมตร ลูกสูบเบรก 4 ตัว ระบบกันสะเทือนอิสระเต็มตัว 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังเป็น Multi-Link ควบคุมการทำงานของระบบกันสะทือนโดยอิเลคทรอนิค เรียกว่า Adaptive Damping System ประกอบกับ Skyhook ล้ออัลลาย 10 ก้าน Silver Diamond ขนาดวง 20 นิ้วฟุต ยางเรเดียลหน้า 255/40 R 20 ยางหลัง 295/35 R20

    สมรรถนะและค่าความประหยัด ได้แก่ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า 3.47 กิโลกรัม/แรงม้า ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 12.6 กม./ลิตร ถังเชื้อเพลิงจุ 78 ลิตร (หรือ 982.8 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถัง)

    ขอบคุณที่ติดตามนะครับ.
    Aston Martin DB11 V8 Fascination of World’s Premium GT โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ชุด James Bond ก็คงรู้จักรถ Aston Martin รถสปอร์ตคู่ใจพยัคฆ์ร้าย 007 มาตั้งแต่เรื่อง Gold Finger ที่ Sean Connery นำแสดง ในปีค.ศ.1964 กับ Aston Martin DB 5 แต่น้อยคนนักที่จะทราบเกียรติประวัติความเกรียงไกรของสุดยอดรถสปอร์ตของอังกฤษยี่ห้อนี้ Aston Martin เกิดมา 104 ปีแล้ว ก่อตั้งบริษัทผลิตโดย Lionel Martin และ Robert Bamfort เจตนาผลิตรถสปอร์ตชั้นหรูราคาแพง 2 ประเภท ก็คือ Luxury Sport Cars และ Grand Touring Sport Cars จำหน่ายสู่ตลาดโลก ปัจจุบัน Aston Martin Lagonda Limited สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Warwickshire ประเทศอังกฤษ Aston Martin คว้าแชมป์โลก F1 (FIA World Formula One Grand Prix) 2 สมัยซ้อน (ปี.ค.ศ.1959 และ 1960) ไม่นับรวมเส้นชัยในการแข่งรถมาราธอน 24 hr Le Mans ประเทศฝรั่งเศส นับแต่อดีตมา ผู้ที่ทำชื่อเสียงให้ Aston Martin โด่งดังติดทำเนียบรถสปอร์ตโลกและสังเวียนความเร็วโลก ก็คือ David Brown ซึ่งเข้ามานำทัพให้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่มาของรถรุ่น “DB” จนทุกวันนี้ ถ้าจำไม่ผิด Aston Martin DB 11 V12 (เครื่องยนต์ 12 สูบวี.) เปิดตัวในไทยในงาน International Bangkok Motor Show เมื่อเดือนเมษายนปีค.ศ. 2017 แล้วก็เป็น Aston Martin DB11 V8 (เครื่องยนต์ 8 สูบวี.) เปิดตัวครั้งแรกในงาน Thailand International Motor Expo ต้นธันวาคมปีค.ศ. 2017 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวของรถรุ่น V8 ครั้งแรกในภูมิภาคอาเชียน Aston Martin DB 11 เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Geneva Motor Show ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เดือนมีนาคมปี 2016 เป็นสินค้าใหม่ที่ทดแทน DB9 (DB10 เป็นรถต้นแบบและใช้แสดงใน James Bond 007 Spectre ไม่ได้ผลิตจำหน่าย) DB11 คือ รถสปอร์ตประเภท Grand Touring 2+2 ที่นั่ง (รถสปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง แต่ 2 ที่นั่งหลังมีขนาดเล็กแคบกว่ามาตรฐานเบาะนั่งหลังรถทั่วไป) ท้ายลาดในสไตล์รถ Coupe เครื่องยนต์ติดตั้งด้านหน้าเยื้องหลังเล็กน้อยและขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ Front-Mid Engine Mounted/Rear-Wheel Drive Vehicle Layout Aston Martin DB11 ควบคุมโครงการออกแบบผลิตโดย Marek Reichman ซึ่งเป็น Chief Creative Officer & Head of Design ของ Aston Martin สิ่งสำคัญ คือ DB11 เป็นผลผลิตชิ้นแรกหลังจากที่ Aston Martin Lagonda Limited กับ Mercedes-AMG ร่วมลงทุนกัน และเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบของ AMG มิติตัวรถ ได้แก่ 4.739 x 1.940 x 1.279 เมตร(ยาว x กว้าง x สูง) ช่วงล้อหน้า-หลังยาว 2.805 เมตร น้ำหนักตัวรถ 1,760 กิโลกรัม (เบากว่ารุ่น V12 ประมาณ 115 กิโลกรัม) ค่าความลู่ลม Cd 0.36 ใช้เทคนิคที่เรียกชื่อเฉพาะว่า Aston Martin “Aeroblade” ตามหลักอากาศพลศาสตร์ หมายถึงว่า ตัวรถมีคุณสมบัติหรือทำหน้าที่เป็นสปอยเลอร์ในตัว สปอยเล่อร์ชิ้นล่างกันชนหน้ามีชื่อว่า Curlicue Aero สปอยเล่อร์หลังซ่อนรูปและยกตัวขึ้นอัตโนมัติ (Deployable Rear Spoiler) เมื่อรถใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. ตัวถังอลูมิเนียมขึ้นรูปน้ำหนักเบา ฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียวทั้งแผ่น(Clamshell Bonnet) ปิดสนิทด้วยไฟฟ้าแบบ Solf-Close กระจกรอบคันรถเป็น Laminated เพื่อลดเสียงสะท้านขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง โครงสร้างแชสซีส์ใช้เทคโนโลยี Extruded Bonded Aluminum Body Structure ผนวกกับ Hot-Form Quenched Aluminum คือ ทำให้เนื้อโลหะมีความร้อนขยายตัวและยึดติดกันก่อนเย็นตัว จึงแน่นหนาแข็งแรงกว่าแชสซีส์รถสปอร์ตทั่วไป เหล็กค้ำเบ้าโช้คอัพและโครงสร้างในบานประตูเป็น Magnesium Alloy เบาแต่แข็งแกร่งกว่าเหล็ก บานประตูทั้ง 2 บานเปิดขึ้นทำมุม 20 องศาเพื่อหลบพ้นขอบฟุตบาท การตกแต่งภายในเป็นสไตล์สปอร์ต 2+2 ที่นั่ง เบาะนั่งและแผงบุต่างๆตัดเย็บประณีตด้วยช่างฝีมือ แต่ดำรงไว้ซึ่งบรรยากาศของรถสปอร์ตคูเป้พลังแรง เมื่อเทียบกับรุ่น V12 แล้วจำนวนสรรพอุปกรณ์น้อยกว่า แต่สามารถเลือกสั่งพิเศษเพิ่มเติมได้ เครื่องยนต์ M178 เบนซิน 8 สูบวี.ทำมุม 90 องศา ฝาสูบ/เสื้อสูบอลูมินั่มอัลลอย เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบแปรผัน 2 ชุด(Variable Valve Timing DOHC x 2) 32 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3,982 ซี.ซี. สูบ x ช่วงชัก = 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร เทอร์โบชาร์จแบบ Single-Scroll จำนวน 2 ตัว อัตราส่วนกำลังอัดสูบ 10.5 ต่อ 1 ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอิเลคทรอนิคแบบจ่อตรง Direct Injection Sequential Electronic Fuel Injection ระบบอิเลคทรอนิคควบคุมการทำงานเครื่องยนต์ของ Bosch Engine Management Software กำลังสูงสุด 510 แรงม้า(PS)หรือ 375 กิโลวัตต์ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 675 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-5,000 รอบต่อนาที ค่า CO2 ในไอเสีย 230 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 8 สปีดของ ZF เยอรมนี อัตราทด Over-Drive อยู่ที่เกียร์ 7 และ 8 โหมดขับขี่แบ่งเป็น GT, Sport, และ Sport Plus ใช้เทคนิคย้ายเรือนเกียร์มาติดตั้งที่ด้านหน้าเฟืองท้าย ด้วยเหตุผลการกระจายน้ำหนักหน้า/หลังที่สมดุลและลดอาการแกว่งสะท้านของเพลากลาง เพลากลางเป็นท่อกลวงทำจาก Carbon Fibre น้ำหนักเบาแต่แกร่ง สอดในท่อส่งโลหะอัลลอยเบาและกันกระแทก ระบบพวงมาลัย Rack&Pinion เพาเวอร์ไฟฟ้า ดิสค์เบรกหน้าแบบร่องระบายความร้อนขนาดจานใหญ่ 40 เซนติเมตร ลูกสูบเบรก 6 ตัว จานหลังใหญ่ 36 เซนติเมตร ลูกสูบเบรก 4 ตัว ระบบกันสะเทือนอิสระเต็มตัว 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังเป็น Multi-Link ควบคุมการทำงานของระบบกันสะทือนโดยอิเลคทรอนิค เรียกว่า Adaptive Damping System ประกอบกับ Skyhook ล้ออัลลาย 10 ก้าน Silver Diamond ขนาดวง 20 นิ้วฟุต ยางเรเดียลหน้า 255/40 R 20 ยางหลัง 295/35 R20 สมรรถนะและค่าความประหยัด ได้แก่ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า 3.47 กิโลกรัม/แรงม้า ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 12.6 กม./ลิตร ถังเชื้อเพลิงจุ 78 ลิตร (หรือ 982.8 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถัง) ขอบคุณที่ติดตามนะครับ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คิงส์นี้ใช่มั๊ยที่กำลังตามหา
    รายละเอียดดังนี้
    กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล (อังกฤษ: King Power International Group) เป็นบริษัทด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2532 โดยวิชัย ศรีวัฒนประภา ใช้ชื่อเดิมว่า บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ร่วมทุนกับ ททท. เปิดดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองเป็นรายแรกในประเทศไทย ณ อาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต ต่อมาในปี พ.ศ. 2536–2549 ได้รับสัมปทานจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันคือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) เข้าบริหารร้านค้าปลอดภาษี ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด และในปี พ.ศ. 2549 ได้เข้ามาดำเนินการสินค้าปลอดอากร ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 บริษัทได้รับพระราชทานตราตั้งห้างครุฑ ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ถนนรางน้ำ เขตราชเทวี
    ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวจะพยายามหามาให้อีกนะครับ
    รักทุกค๊นนน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์นี้ใช่มั๊ยที่กำลังตามหา รายละเอียดดังนี้ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล (อังกฤษ: King Power International Group) เป็นบริษัทด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2532 โดยวิชัย ศรีวัฒนประภา ใช้ชื่อเดิมว่า บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ร่วมทุนกับ ททท. เปิดดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองเป็นรายแรกในประเทศไทย ณ อาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต ต่อมาในปี พ.ศ. 2536–2549 ได้รับสัมปทานจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันคือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) เข้าบริหารร้านค้าปลอดภาษี ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด และในปี พ.ศ. 2549 ได้เข้ามาดำเนินการสินค้าปลอดอากร ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 บริษัทได้รับพระราชทานตราตั้งห้างครุฑ ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ถนนรางน้ำ เขตราชเทวี ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวจะพยายามหามาให้อีกนะครับ รักทุกค๊นนน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 826 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซ่อมรถยนต์ ติดแก๊ส นึกถึง เพาเวอร์แก๊ส ซ่อมแอร์
    ซ่อมรถยนต์ ติดแก๊ส นึกถึง เพาเวอร์แก๊ส ซ่อมแอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว