• ผู้บัญชาการทหารบก สดุดีและเชิดชูเกียรติกำลังพลทุกนาย ที่อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศชาติ พร้อมย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับดูแลกำลังพลและครอบครัวอย่างดีที่สุด ยึดหลัก “ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน”

    การกล่าวเน้นย้ำดังกล่าว มีขึ้นในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ครั้งที่ 3/2569 โดยผู้บัญชาการทหารบกได้แสดงความห่วงใยต่อกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติภารกิจ รวมถึงครอบครัวของผู้เสียสละ พร้อมขอให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ควบคู่กับการดูแลประชาชน และร่วมกันป้องกันไม่ให้วาทกรรมบิดเบือนสร้างความแตกแยกในสังคม

    ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2569 ผู้บัญชาการทหารบกได้อำนวยพรให้กำลังพลและครอบครัวทุกนายประสบความสุข มีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจ และความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานตลอดปีใหม่

    อ่านเพิ่มเติม >> https://news1live.com/detail/9680000123390

    #News1live #News1 #กองทัพบก #ผบ.ทบ. #กำลังพล
    ผู้บัญชาการทหารบก สดุดีและเชิดชูเกียรติกำลังพลทุกนาย ที่อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศชาติ พร้อมย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับดูแลกำลังพลและครอบครัวอย่างดีที่สุด ยึดหลัก “ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน” การกล่าวเน้นย้ำดังกล่าว มีขึ้นในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ครั้งที่ 3/2569 โดยผู้บัญชาการทหารบกได้แสดงความห่วงใยต่อกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติภารกิจ รวมถึงครอบครัวของผู้เสียสละ พร้อมขอให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ควบคู่กับการดูแลประชาชน และร่วมกันป้องกันไม่ให้วาทกรรมบิดเบือนสร้างความแตกแยกในสังคม ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2569 ผู้บัญชาการทหารบกได้อำนวยพรให้กำลังพลและครอบครัวทุกนายประสบความสุข มีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจ และความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานตลอดปีใหม่ อ่านเพิ่มเติม >> https://news1live.com/detail/9680000123390 #News1live #News1 #กองทัพบก #ผบ.ทบ. #กำลังพล
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.47

    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศที่โดดเด่นและมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในเชิงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงมวลมนุษยชาติภายใต้อาณัติของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญสูงสุดของประชาคมโลก ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้องค์กรนี้มีความพิเศษกว่าองค์กรอื่นในระบบสหประชาชาติคืออำนาจในการออกข้อมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกทั้งหมดตามมาตรายี่สิบห้าแห่งกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุให้รัฐสมาชิกตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคง อันเป็นการโอนอ่อนอำนาจอธิปไตยบางส่วนในเชิงความมั่นคงมาไว้ที่การตัดสินใจร่วมกันในระดับพหุภาคีเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นสงครามวงกว้าง โดยโครงสร้างทางกฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจของรัฐมหาอำนาจที่มีสถานะเป็นสมาชิกถาวรห้าประเทศกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งอีกสิบประเทศ แม้ว่าในเชิงนิติศาสตร์มักมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมจากสิทธิยับยั้งหรือวีโต้ที่สมาชิกถาวรครอบครองอยู่แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงสร้างนี้คือกลไกเชิงประจักษ์ที่รักษาเสถียรภาพระหว่างมหาอำนาจเพื่อไม่ให้ระบบกฎหมายโลกพังทลายลงเหมือนเช่นในอดีต

    กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของคณะมนตรีความมั่นคงนั้นดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในหมวดที่หกและหมวดที่เจ็ดของกฎบัตรสหประชาชาติโดยเริ่มต้นจากการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการสืบสวนและการประนีประนอมแต่หากสถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือการกระทำอันเป็นการรุกรานคณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจตามหมวดที่เจ็ดในการใช้มาตรการบังคับซึ่งรวมถึงมาตรการที่มิใช่การใช้กำลังทางทหารเช่นการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการจำกัดการคมนาคมขนส่งไปจนถึงมาตรการขั้นสูงสุดคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารเพื่อรักษาสันติภาพกลับคืนมาการตัดสินใจเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการตีความกฎหมายและการประเมินข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐอธิปไตยอย่างรุนแรงอำนาจหน้าที่เชิงนิติบัญญัติและนิติบริหารของคณะมนตรีความมั่นคงจึงถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายระหว่างประเทศสมัยใหม่ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดนิยามของการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับร้ายแรงที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงสากล

    บทสรุปของบทบาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมิติทางกฎหมายจึงมิได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมืองเท่านั้นแต่คือเสาหลักของการบังคับใช้ระเบียบโลกที่อาศัยหลักนิติธรรมเป็นเครื่องนำทางท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันแม้ว่าความท้าทายใหม่ๆเช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งในรูปแบบพันทางจะขยายขอบเขตออกไปเกินกว่าที่ผู้ร่างกฎบัตรเมื่อแปดสิบปีก่อนจะคาดคิดแต่คณะมนตรีความมั่นคงยังคงต้องปรับตัวและตีความกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดรับกับพลวัตของโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเจตนารมณ์สูงสุดในการพิทักษ์สันติภาพจะยังคงศักดิ์สิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนสืบไปความสำเร็จขององค์กรนี้จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของรัฐสมาชิกในการปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายและการเคารพในมติที่ออกมาเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของมวลมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐใดรัฐหนึ่งเพียงลำพังอันจะเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในเวทีโลกอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.47 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศที่โดดเด่นและมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในเชิงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงมวลมนุษยชาติภายใต้อาณัติของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญสูงสุดของประชาคมโลก ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้องค์กรนี้มีความพิเศษกว่าองค์กรอื่นในระบบสหประชาชาติคืออำนาจในการออกข้อมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกทั้งหมดตามมาตรายี่สิบห้าแห่งกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุให้รัฐสมาชิกตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคง อันเป็นการโอนอ่อนอำนาจอธิปไตยบางส่วนในเชิงความมั่นคงมาไว้ที่การตัดสินใจร่วมกันในระดับพหุภาคีเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นสงครามวงกว้าง โดยโครงสร้างทางกฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจของรัฐมหาอำนาจที่มีสถานะเป็นสมาชิกถาวรห้าประเทศกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งอีกสิบประเทศ แม้ว่าในเชิงนิติศาสตร์มักมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมจากสิทธิยับยั้งหรือวีโต้ที่สมาชิกถาวรครอบครองอยู่แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงสร้างนี้คือกลไกเชิงประจักษ์ที่รักษาเสถียรภาพระหว่างมหาอำนาจเพื่อไม่ให้ระบบกฎหมายโลกพังทลายลงเหมือนเช่นในอดีต กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของคณะมนตรีความมั่นคงนั้นดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในหมวดที่หกและหมวดที่เจ็ดของกฎบัตรสหประชาชาติโดยเริ่มต้นจากการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการสืบสวนและการประนีประนอมแต่หากสถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือการกระทำอันเป็นการรุกรานคณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจตามหมวดที่เจ็ดในการใช้มาตรการบังคับซึ่งรวมถึงมาตรการที่มิใช่การใช้กำลังทางทหารเช่นการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการจำกัดการคมนาคมขนส่งไปจนถึงมาตรการขั้นสูงสุดคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารเพื่อรักษาสันติภาพกลับคืนมาการตัดสินใจเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการตีความกฎหมายและการประเมินข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐอธิปไตยอย่างรุนแรงอำนาจหน้าที่เชิงนิติบัญญัติและนิติบริหารของคณะมนตรีความมั่นคงจึงถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายระหว่างประเทศสมัยใหม่ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดนิยามของการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับร้ายแรงที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงสากล บทสรุปของบทบาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมิติทางกฎหมายจึงมิได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมืองเท่านั้นแต่คือเสาหลักของการบังคับใช้ระเบียบโลกที่อาศัยหลักนิติธรรมเป็นเครื่องนำทางท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันแม้ว่าความท้าทายใหม่ๆเช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งในรูปแบบพันทางจะขยายขอบเขตออกไปเกินกว่าที่ผู้ร่างกฎบัตรเมื่อแปดสิบปีก่อนจะคาดคิดแต่คณะมนตรีความมั่นคงยังคงต้องปรับตัวและตีความกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดรับกับพลวัตของโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเจตนารมณ์สูงสุดในการพิทักษ์สันติภาพจะยังคงศักดิ์สิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนสืบไปความสำเร็จขององค์กรนี้จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของรัฐสมาชิกในการปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายและการเคารพในมติที่ออกมาเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของมวลมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐใดรัฐหนึ่งเพียงลำพังอันจะเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในเวทีโลกอย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.46

    การเจรจาซึ่งถูกนิยามว่าเป็นกระบวนการหารือเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งหรือเพื่อจัดทำข้อตกลงนั้น มิได้เป็นเพียงทักษะทางสังคมหรือการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในทางนิติศาสตร์และระบบกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ การเจรจาในบริบททางกฎหมายนั้นมีความซับซ้อนและมีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอธิปไตย หรือการทำสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย การเจรจาในระดับรัฐต่อรัฐ (State-to-State Negotiation) ตามภาพที่นำเสนอ ซึ่งมีบริบททางทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นการสะท้อนถึงเดิมพันที่สูงยิ่งและความจำเป็นในการใช้ความรอบคอบทางกฎหมายอย่างสูงสุด หลักการพื้นฐานของการเจรจาระหว่างประเทศ เช่น หลักความสุจริต (Pacta Sunt Servanda) ที่หมายถึงการที่คู่เจรจาทุกฝ่ายต้องดำเนินการเจรจาด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์และมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมและปฏิบัติได้จริงตามกฎหมายสนธิสัญญา นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงหลักความเสมอภาคแห่งรัฐอธิปไตย (Sovereign Equality) ซึ่งเป็นรากฐานของการยอมรับในศักดิ์ศรีและความเป็นอิสระของแต่ละฝ่าย ทำให้ไม่มีรัฐใดมีอำนาจเหนือกว่าอีกรัฐหนึ่งในทางกฎหมาย การเจรจาจึงต้องเป็นไปบนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนและการประนีประนอมอย่างเท่าเทียมกัน ในกรณีที่มีกองทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจหมายถึงการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางอาณาเขต ข้อพิพาทเรื่องทรัพยากร หรือการยุติสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งจำเป็นต้องอ้างอิงและปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) และข้อตกลงว่าด้วยการควบคุมอาวุธ การมีอยู่ของทหารมิได้เป็นอุปสรรคต่อการเจรจา แต่เป็นการเน้นย้ำถึงความตึงเครียดและระดับความจริงจังของประเด็นที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งทำให้ทุกถ้อยคำและเงื่อนไขที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนภายใต้กรอบของพันธกรณีทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม การเจรจาในระดับนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุย แต่เป็นการสร้างหรือเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ การร่างสนธิสัญญา (Treaty Drafting) ถือเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยทุกฝ่ายต้องมั่นใจว่าภาษาที่ใช้ในข้อตกลงนั้นมีความชัดเจน ไม่กำกวม และสะท้อนเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลอย่างถูกต้องตามหลักการตีความสนธิสัญญาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

    เนื้อหาของการเจรจาในบริบททางกฎหมาย มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การยุติข้อพิพาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายใหม่ การจัดทำเขตแดน การกำหนดสิทธิและหน้าที่ทางการค้า การลงทุน หรือแม้กระทั่งการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ความสำเร็จของการเจรจาจึงวัดได้จากความสามารถในการแปลงความต้องการทางการเมืองให้เป็นถ้อยคำทางกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ได้จริงและมีเสถียรภาพ ในทางปฏิบัติ การเจรจายังต้องคำนึงถึงอำนาจในการให้สัตยาบัน (Ratification) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศ หลังจากที่ผู้แทนลงนามในข้อตกลงแล้ว ข้อตกลงนั้นยังไม่ถือว่ามีผลสมบูรณ์จนกว่าจะผ่านกระบวนการอนุมัติภายในประเทศ เช่น การให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นสอดคล้องกับกฎหมายและผลประโยชน์สูงสุดของชาติ การเจรจาจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างมิติทางการทูต มิติทางกฎหมายระหว่างประเทศ และมิติทางกฎหมายรัฐธรรมนูญภายในประเทศเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก ในกรณีที่การเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ หรือเกิดการละเมิดข้อตกลงภายหลังการลงนาม กลไกทางกฎหมายก็ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้ง เช่น การใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการไกล่เกลี่ย การประนอมข้อพิพาท หรือการนำข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือศาลอนุญาโตตุลาการ (Arbitration Tribunal) ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กฎหมายก็ยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ การเจรจาที่มีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยผู้เจรจาที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักการและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐตนเองในขณะเดียวกันก็เคารพในกฎเกณฑ์และพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีเสถียรภาพในประชาคมโลก

    ดังนั้น การเจรจาจึงเป็นมากกว่าการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนและทรงพลังที่สุดในการบริหารจัดการความขัดแย้งและสร้างพันธกรณีระหว่างประเทศ การบรรลุข้อตกลงที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต้องอาศัยความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหลักความสุจริต หลักความเสมอภาค และการเคารพต่อระบบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด แม้ในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางและมีแรงกดดันทางการทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง การเจรจาจึงเป็นเครื่องมือที่สะท้อนถึงอารยธรรมและความมุ่งมั่นของมนุษย์ที่จะใช้เหตุผลและกฎหมายเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกัน มากกว่าการใช้กำลังหรือการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการเปลี่ยนความขัดแย้งที่ยุ่งเหยิงให้กลายเป็นข้อตกลงที่ชัดเจนและมีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อสร้างเสถียรภาพและความสงบสุขในระยะยาว การเจรจาที่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดคือการก่อรูปของกฎหมายที่ยอมรับร่วมกัน
    บทความกฎหมาย EP.46 การเจรจาซึ่งถูกนิยามว่าเป็นกระบวนการหารือเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งหรือเพื่อจัดทำข้อตกลงนั้น มิได้เป็นเพียงทักษะทางสังคมหรือการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในทางนิติศาสตร์และระบบกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ การเจรจาในบริบททางกฎหมายนั้นมีความซับซ้อนและมีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอธิปไตย หรือการทำสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย การเจรจาในระดับรัฐต่อรัฐ (State-to-State Negotiation) ตามภาพที่นำเสนอ ซึ่งมีบริบททางทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นการสะท้อนถึงเดิมพันที่สูงยิ่งและความจำเป็นในการใช้ความรอบคอบทางกฎหมายอย่างสูงสุด หลักการพื้นฐานของการเจรจาระหว่างประเทศ เช่น หลักความสุจริต (Pacta Sunt Servanda) ที่หมายถึงการที่คู่เจรจาทุกฝ่ายต้องดำเนินการเจรจาด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์และมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมและปฏิบัติได้จริงตามกฎหมายสนธิสัญญา นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงหลักความเสมอภาคแห่งรัฐอธิปไตย (Sovereign Equality) ซึ่งเป็นรากฐานของการยอมรับในศักดิ์ศรีและความเป็นอิสระของแต่ละฝ่าย ทำให้ไม่มีรัฐใดมีอำนาจเหนือกว่าอีกรัฐหนึ่งในทางกฎหมาย การเจรจาจึงต้องเป็นไปบนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนและการประนีประนอมอย่างเท่าเทียมกัน ในกรณีที่มีกองทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจหมายถึงการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางอาณาเขต ข้อพิพาทเรื่องทรัพยากร หรือการยุติสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งจำเป็นต้องอ้างอิงและปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) และข้อตกลงว่าด้วยการควบคุมอาวุธ การมีอยู่ของทหารมิได้เป็นอุปสรรคต่อการเจรจา แต่เป็นการเน้นย้ำถึงความตึงเครียดและระดับความจริงจังของประเด็นที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งทำให้ทุกถ้อยคำและเงื่อนไขที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนภายใต้กรอบของพันธกรณีทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม การเจรจาในระดับนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุย แต่เป็นการสร้างหรือเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ การร่างสนธิสัญญา (Treaty Drafting) ถือเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยทุกฝ่ายต้องมั่นใจว่าภาษาที่ใช้ในข้อตกลงนั้นมีความชัดเจน ไม่กำกวม และสะท้อนเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลอย่างถูกต้องตามหลักการตีความสนธิสัญญาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เนื้อหาของการเจรจาในบริบททางกฎหมาย มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การยุติข้อพิพาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายใหม่ การจัดทำเขตแดน การกำหนดสิทธิและหน้าที่ทางการค้า การลงทุน หรือแม้กระทั่งการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ความสำเร็จของการเจรจาจึงวัดได้จากความสามารถในการแปลงความต้องการทางการเมืองให้เป็นถ้อยคำทางกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ได้จริงและมีเสถียรภาพ ในทางปฏิบัติ การเจรจายังต้องคำนึงถึงอำนาจในการให้สัตยาบัน (Ratification) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศ หลังจากที่ผู้แทนลงนามในข้อตกลงแล้ว ข้อตกลงนั้นยังไม่ถือว่ามีผลสมบูรณ์จนกว่าจะผ่านกระบวนการอนุมัติภายในประเทศ เช่น การให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นสอดคล้องกับกฎหมายและผลประโยชน์สูงสุดของชาติ การเจรจาจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างมิติทางการทูต มิติทางกฎหมายระหว่างประเทศ และมิติทางกฎหมายรัฐธรรมนูญภายในประเทศเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก ในกรณีที่การเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ หรือเกิดการละเมิดข้อตกลงภายหลังการลงนาม กลไกทางกฎหมายก็ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้ง เช่น การใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการไกล่เกลี่ย การประนอมข้อพิพาท หรือการนำข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือศาลอนุญาโตตุลาการ (Arbitration Tribunal) ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กฎหมายก็ยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ การเจรจาที่มีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยผู้เจรจาที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักการและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐตนเองในขณะเดียวกันก็เคารพในกฎเกณฑ์และพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีเสถียรภาพในประชาคมโลก ดังนั้น การเจรจาจึงเป็นมากกว่าการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนและทรงพลังที่สุดในการบริหารจัดการความขัดแย้งและสร้างพันธกรณีระหว่างประเทศ การบรรลุข้อตกลงที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต้องอาศัยความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหลักความสุจริต หลักความเสมอภาค และการเคารพต่อระบบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด แม้ในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางและมีแรงกดดันทางการทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง การเจรจาจึงเป็นเครื่องมือที่สะท้อนถึงอารยธรรมและความมุ่งมั่นของมนุษย์ที่จะใช้เหตุผลและกฎหมายเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกัน มากกว่าการใช้กำลังหรือการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการเปลี่ยนความขัดแย้งที่ยุ่งเหยิงให้กลายเป็นข้อตกลงที่ชัดเจนและมีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อสร้างเสถียรภาพและความสงบสุขในระยะยาว การเจรจาที่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดคือการก่อรูปของกฎหมายที่ยอมรับร่วมกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.45

    ข้อพิพาทชายแดนอันเป็นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างรัฐอธิปไตยอย่างน้อยสองรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน หรือการควบคุมพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในมิติทางกฎหมาย ข้อพิพาทเหล่านี้มักไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความคลุมเครือทางภูมิศาสตร์หรือความแตกต่างทางชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลพวงโดยตรงจากความไม่ชัดเจนหรือการตีความที่แตกต่างกันของเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ อันได้แก่ สนธิสัญญาเก่าแก่ ข้อตกลงเขตแดน หรือแม้กระทั่งหลักการทางกฎหมายจารีตประเพณี การวิเคราะห์เชิงกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเหล่านี้ เนื่องจากการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งผูกพันอยู่กับหลักการพื้นฐานเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (Territorial Sovereignty) และหลักการความศักดิ์สิทธิ์ของเขตแดน (Principle of Utis Possidetis Juris) กล่าวคือเมื่อมีการกำหนดเขตแดนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เขตแดนนั้นย่อมได้รับการยอมรับและไม่สามารถถูกละเมิดได้โดยง่าย หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจขาดความชัดเจนทางเทคนิค หรือถูกเขียนขึ้นในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทำให้เกิดช่องว่างในการตีความตามหลักกฎหมายปัจจุบัน นอกจากนี้ บทบาทของแผนที่ที่มีการอ้างอิงถึงในสนธิสัญญา แต่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันเอง ก็นับเป็นแหล่งที่มาของปัญหาทางกฎหมายที่ต้องมีการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเจตจำนงร่วมของคู่สัญญาในขณะทำสนธิสัญญา นอกเหนือจากสนธิสัญญาแล้ว การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนยังเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการเข้าถือครองดินแดน (Acquisition of Territory) ซึ่งรวมถึงการเข้าถือครองอย่างสันติและต่อเนื่อง (Effective Occupation) ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน การแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐ (Effectivités) อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง เช่น การบริหารราชการ การเก็บภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท จึงอาจถูกนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ทางกฎหมาย การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทชายแดนในอดีต ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางภูมิศาสตร์ และความสมเหตุสมผลในการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่เป็นองค์ประกอบเสริมในการตีความเครื่องมือทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนจึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง โดยเริ่มต้นจากการเจรจาทางการทูต การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรม

    ในทางปฏิบัติ ข้อพิพาทชายแดนเป็นมากกว่าเรื่องของการตีความเส้นบนแผนที่ แต่เป็นประเด็นที่ผูกโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า เช่น แหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการเข้าถึงเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ผลประโยชน์เหล่านี้มักเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม หลักกฎหมายระหว่างประเทศจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างกรอบการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เพียงการกำหนดเส้นเขตแดน แต่ต้องรวมถึงการจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านข้อตกลงความร่วมมือ หรือการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (Joint Development Zone) ซึ่งเป็นการแยกการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการอ้างสิทธิ์เหนืออำนาจอธิปไตย เพื่อลดความตึงเครียดและส่งเสริมสันติภาพในระยะยาว ข้อพิพาทเขตแดนจึงมีความท้าทายในทางกฎหมายที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการตีความเอกสารทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การตีความตามตัวอักษรของสนธิสัญญาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดแย้งกับหลักการเข้าถือครองดินแดนที่มีมายาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจทางกฎหมายจึงมักจะต้องพิจารณาหลักความเท่าเทียม (Equity) และความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่ความมั่นคงในภูมิภาค

    โดยสรุปแล้ว ข้อพิพาทชายแดนเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกควบคุมและกำหนดทิศทางโดยกฎหมายระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการปะทะกันทางทหารหรือทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่มุ่งเน้นการพิสูจน์ความชอบธรรมของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบนพื้นฐานของสนธิสัญญา หลักกฎหมายจารีตประเพณี และการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขอย่างสันติและยั่งยืนจึงต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการตีความเอกสารที่คลุมเครือ การพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการทูต หรือการพึ่งพาอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายที่นำไปสู่การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยเหนือพรมแดน และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคงในประชาคมโลก
    บทความกฎหมาย EP.45 ข้อพิพาทชายแดนอันเป็นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างรัฐอธิปไตยอย่างน้อยสองรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน หรือการควบคุมพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในมิติทางกฎหมาย ข้อพิพาทเหล่านี้มักไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความคลุมเครือทางภูมิศาสตร์หรือความแตกต่างทางชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลพวงโดยตรงจากความไม่ชัดเจนหรือการตีความที่แตกต่างกันของเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ อันได้แก่ สนธิสัญญาเก่าแก่ ข้อตกลงเขตแดน หรือแม้กระทั่งหลักการทางกฎหมายจารีตประเพณี การวิเคราะห์เชิงกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเหล่านี้ เนื่องจากการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งผูกพันอยู่กับหลักการพื้นฐานเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (Territorial Sovereignty) และหลักการความศักดิ์สิทธิ์ของเขตแดน (Principle of Utis Possidetis Juris) กล่าวคือเมื่อมีการกำหนดเขตแดนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เขตแดนนั้นย่อมได้รับการยอมรับและไม่สามารถถูกละเมิดได้โดยง่าย หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจขาดความชัดเจนทางเทคนิค หรือถูกเขียนขึ้นในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทำให้เกิดช่องว่างในการตีความตามหลักกฎหมายปัจจุบัน นอกจากนี้ บทบาทของแผนที่ที่มีการอ้างอิงถึงในสนธิสัญญา แต่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันเอง ก็นับเป็นแหล่งที่มาของปัญหาทางกฎหมายที่ต้องมีการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเจตจำนงร่วมของคู่สัญญาในขณะทำสนธิสัญญา นอกเหนือจากสนธิสัญญาแล้ว การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนยังเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการเข้าถือครองดินแดน (Acquisition of Territory) ซึ่งรวมถึงการเข้าถือครองอย่างสันติและต่อเนื่อง (Effective Occupation) ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน การแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐ (Effectivités) อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง เช่น การบริหารราชการ การเก็บภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท จึงอาจถูกนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ทางกฎหมาย การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทชายแดนในอดีต ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางภูมิศาสตร์ และความสมเหตุสมผลในการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่เป็นองค์ประกอบเสริมในการตีความเครื่องมือทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนจึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง โดยเริ่มต้นจากการเจรจาทางการทูต การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรม ในทางปฏิบัติ ข้อพิพาทชายแดนเป็นมากกว่าเรื่องของการตีความเส้นบนแผนที่ แต่เป็นประเด็นที่ผูกโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า เช่น แหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการเข้าถึงเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ผลประโยชน์เหล่านี้มักเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม หลักกฎหมายระหว่างประเทศจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างกรอบการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เพียงการกำหนดเส้นเขตแดน แต่ต้องรวมถึงการจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านข้อตกลงความร่วมมือ หรือการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (Joint Development Zone) ซึ่งเป็นการแยกการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการอ้างสิทธิ์เหนืออำนาจอธิปไตย เพื่อลดความตึงเครียดและส่งเสริมสันติภาพในระยะยาว ข้อพิพาทเขตแดนจึงมีความท้าทายในทางกฎหมายที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการตีความเอกสารทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การตีความตามตัวอักษรของสนธิสัญญาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดแย้งกับหลักการเข้าถือครองดินแดนที่มีมายาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจทางกฎหมายจึงมักจะต้องพิจารณาหลักความเท่าเทียม (Equity) และความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่ความมั่นคงในภูมิภาค โดยสรุปแล้ว ข้อพิพาทชายแดนเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกควบคุมและกำหนดทิศทางโดยกฎหมายระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการปะทะกันทางทหารหรือทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่มุ่งเน้นการพิสูจน์ความชอบธรรมของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบนพื้นฐานของสนธิสัญญา หลักกฎหมายจารีตประเพณี และการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขอย่างสันติและยั่งยืนจึงต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการตีความเอกสารที่คลุมเครือ การพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการทูต หรือการพึ่งพาอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายที่นำไปสู่การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยเหนือพรมแดน และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคงในประชาคมโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 12

    “ลองเชิง”
    ตอน 12 (จบ)
    ผมเขียนเล่าเรื่อง ที่มาของฉากซีเรียในมิติใหญ่ ที่เกี่ยวกับเป้าหมายของอเมริกา ที่จะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการครอบครองยูเรเซีย ที่มีรัสเซียและจีน ยืนตัวใหญ่อยู่ในยูเรเซีย และอเมริกาจะครอบครองยูเรเซียได้ อเมริกาจะต้องครอบครอง (พลังงานใน) ตะวันออกกลางเสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงพลังงานในตะวันออกกลาง มันเป็นแผน ที่อเมริกาวางไว้ ก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก
    อเมริกา อมตะวันออกกลางไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โดยการเข้าไปครอบงำ และชักใยค่าย ซาอุดิอารเบียเสี่ยปั้มใหญ่ กับพวกเสี่ยปั๊มเล็ก สิงห์สำอางค์ทั้งหลาย แต่นั่น ยังไม่ทำให้อเมริกาได้ตะวันออกกลางทั้งหมด เพราะยังมีก้างขวางคออันใหญ่และแหลมคมคือ ค่ายของอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์และพวก และหมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ค่ายนี้กระเทือนคือ การอยู่ หรือการไปของซีเรีย หรือชัดๆ ก็คือ อัสซาด ผู้นำซีเรีย จะอยู่รอดหรือไม่
    และขณะเดียวกัน ซีเรีย ก็เป็นหมากตัวสำคัญ ของสงครามท่อส่งแก๊ส ซึ่ง เป็นการชิงเส้นทางท่อส่งแก๊สไปยุโรป ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเรื่องท่อส่งแก๊สนี้ จึงเกี่ยวพันกับรัสเซีย ยุโรป และเอเซีย
    ซีเรีย จึงเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายในหลายมิติ และผลสรุปของการลองเชิง ที่ซีเรียน่าจะบอกอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลก
    ในสมัยก่อน การค้าขายหลายประเทศใช้เรือปืนนำหน้า ไปจอดตามอ่าวหน้าบ้านเขา เพื่อบังคับให้เจ้าของบ้านเปิดประตูมาค้าขายกัน และร้อยทั้งร้อย คนเปิดประตูก็เสียเปรียบ เพราะ (ยัง) ไม่มี ปืนใหญ่ไปต่อรองกับเขา ไอ้พวกใช้เรือปืนมาทำการค้านี่ ก็เลยติดสันดานเดิม เริ่มด้วยการข่มขู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังใช้สันดานนี้อยู่ เว้นแต่ประเทศไหนจะมีอำนาจ หรือมีสิ่งต่อรอง
    สหภาพโซเวียต ซึ่งอเมริกามองว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกอเมริกาล๊อกเป้าทำลายไว้แล้ว และอเมริกาก็ทำสำเร็จด้วยการใช้ ทฤษฏีสงครามเย็น ปิดล้อมโซเวียต จะกระดิกแทบไม่ออก ค้าขายไม่ได้ บวกกับการเสี้ยมให้รัฐเล็ก รัฐน้อย ทะยอยกันต้านแม่ใหญ่ ร่วมกับการสร้างหนอนในประเทศ ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายในปี ค.ศ.1991
    สหภาพโซเสียตล่มสลาย แต่ไม่ตายสนิท รัสเซียฟื้นขึ้นมาได้ และฟื้นเร็วเกินกว่าที่อเมริกาคาด เพราะรัสเซียเรียนรู้จากการถูกปิดล้อมว่า เพื่อความอยู่รอดของรัสเซียใหม่ รัสเซียจะต้องเดินยุทธศาสตร์ประเทศ ที่จะไม่ให้ถูกปิดล้อมง่ายๆ และต้องมีอำนาจต่อรอง
    ด้วยยุทธศาสตร์ท่อส่งของรัสเซีย ที่กระจายไปทั่วยุโรป เอเซีย และกำลังจะมาถึงตะวันออกกลางนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะปิดล้อมรัสเซียทำยากขึ้น เพราะการเดินท่อส่งแก๊สไปยังจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงยุโรป แต่ละจุดนั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรอง รัสเซียส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านยุโรป โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเรือบรรทุก เอาเวลาไปสร้างเรือรบและอาวุธไว้ป้องกันประเทศดีกว่า และที่สำคัญ ท่อส่งผ่านที่ไหน ก็ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของร่วมกัน ใครจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง
    ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ถึงคนยุโรปจะยังไม่สะดวกใจ ที่จะแหกคอกอเมริกามาคบกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ไม่สะดวกใจ ที่จะรังเกียจแก๊สรัสเซียเหมือนกัน
    และตอนนี้ จีน เพื่อนกันไม่ทิ้งกันของรัสเซีย ก็ใช้ยุทธศาสตร์ท่อส่ง จากอาฟริกา ยาวมาถึงเอเซีย เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน
    ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ยุโรปต้องคิดหนัก ถ้าจะเดินตามการชักใยของอเมริกาไปตลอด ถ้ารัสเซียเกิดปิดท่อแก็สที่จะมายุโรป อย่างน้อย ยุโรปจะขาดแก๊สไปถึง 60% ส่วนอเมริกาก็จะยอมให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองอย่างนี้ไม่ได้ ยูเครน ซึ่งอยู่ปลายท่อส่งแก๊สรัสเซียมาออกยุโรป จึงเกิดความไม่สงบอย่างไม่มีวันเลิก และตัวเลือกของอเมริกาจึงถูกส่งเข้ามาเป็นผู้นำยูเครน
    แต่การแก้เกมแบบนี้ของอเมริกา กระเทือนทั้ง 2 ทาง ถ้ายูเครนปิดทางไม่ให้แก๊สออก รัสเซียก็เหนื่อย ขาดรายได้สำคัญ แต่ยุโรปก็อาจแข็งตายไปด้วย ถ้าไม่มีแก๊สจากรัสเซีย ส่วนอเมริกาลอยตัวไม่กระทบกระเทือนอะไรด้วย ยุโรปถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวเสียที
    รัสเซียจึงสร้างท่อส่งแก๊สอีกเส้น ลอดทะเลไปให้เยอรมัน และท่อส่งนี่ก็เสร็จแล้ว ถ้าแก็สส่งออกไปทางยูเครนไม่ได้ ก็มาออกเยอรมันได้ แล้วน่าคิดไหมครับ ทำไมตอนนี้ ผู้ลี้ภัยถึงมาทะลักกันเต็มอยู่ในเยอรมัน มันเป็นเรื่องการบีบคอเยอรมันหรือไม่ ป้าเข็มขัดเหล็ก คงกำลังเครียดหนัก จนตดแตกอีกแล้ว
    อเมริกา พยายามแก้อำนาจต่อรองของรัสเซียเรื่องท่อส่งแก๊สในยุโรป ด้วยการพยายามเดินท่อส่งสายใหม่ ซึ่งอเมริกาพยายามแก้เกมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อเห็นรัสเซีย และจีนเริ่มโต แต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็เดินหมากของตัวเองอย่างระวัง
    ท่านผู้อ่านจะเข้าใจเรื่องราว มองเห็นภาพต่อเนื่อง ถ้าได้อ่านนิทานเรื่อง “หักหน้าหักหลัง” https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf ซึ่งแสดงถึงวืธีการเดินแผน ฝั่งรัสเซีย กับการเดินแผนของฝั่งอเมริกาต่อจีน ในนิทานเรื่อง ” แผนชั่ว ” https://www.dropbox.com/s/mzu294f5rhhrkyr/20150914.pdf
    ดังนั้น การสู้รบในซีเรีย จึงมีความหมายเกี่ยวกับการรักษาตำแหน่งพี่เบิ้มของอเมริกา และเป็นความอยู่รอดของฝั่งรัสเซีย จีน ด้วย
    การที่รัสเซีย เข้าไปเล่นในซีเรียใน “ตอนนี้ ” ภายใต้เรื่องราว และสถานการณ์ในซีเรีย ที่ดำเนินอยู่อย่างที่เล่ามาแล้วนั้น รวมทั้งการเลือกเวลาเล่น ให้สอดคล้องกับช่วงการประชุมของสหประชาชาติ รวมทั้งคำแถลง ของรัสเซียจีนและอิหร่านในช่วง นั้น มองอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกัน มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะแปลว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ได้แสดงตัวต่ออเมริกาแล้วว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้อง ฟัง หรือ จัดการกับปัญหาที่กระทบกับพวกเขา หรือที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหา ตามวิธีการของอเมริกาและพวก อีกต่อไปแล้ว
    สรุปสั้นๆ เป็นภาษาแถวบ้านผม ก็คงจะทำนอง “กูไม่ชอบวิธีการของมึง และกูไม่จำเป็นต้องฟังมึงอีกต่อไป เพราะกูไม่กลัวมึง (แล้ว)”
    คำพูดแบบนี้ เป็นลุงนิทานพูด มันก็คงปิดเพจผม รวนเพจผม อย่างที่มันทำกับผมมาตลอด แต่ถ้าคำพูดแบบนี้ ตามความเข้าใจผม เป็นของประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย จีน อิหร่าน และวันนี้ เกาหลีเหนือของน้องคิม ก็พูดทำนองนี้ เรื่องซีเรียนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงได้ดิ้นกันเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังกันเป็นแถวๆ
    และถ้าดูจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่เข้าไปในซีเรียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องการขนทั้งอาวุธหนัก อาวุธเบา และกำลังพลมากมาย ที่ไม่ใช่มาจากข่าวของกระป๋องสีฝั่งตะวันตกแล้ว จะเห็นว่า คุณพี่ปูติน แสดงออกอย่างที่ผมสรุปนั่นแหละ เพราะแกจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ
    และเมื่อรัสเซียกับพวก แสดงออกแบบนี้ อเมริกาและพวก จะแสดงอะไรล่ะ
    แรกๆ ก็คงทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ คือดาหน้ากันออกมา ด่ารัสเซีย เหน็บแนมการปฎิบัติการของรัสเซีย ทำไมมึงไม่ไปถล่มไอซิส ทำไมมึงไปถล่มแต่พวกกบฏ โธ่เว้ย ถล่มกลุ่มไหน มันก็กลุ่มที่พวกมึงสร้างมาทั้งนั้น เพียงแต่ข้อตกลงภายในมันต่างกัน สุดท้ายคุณพี่ปูตินเขาคงถล่มหมดละน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก
    หลังจากตั้งหลักได้ อเมริกากับพวก มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เจรจากันให้รู้เรื่องกับฝ่ายรัสเซียและพวก นั่นเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสม และโลกจะสะเทือนน้อยที่สุด แต่อเมริกาจะรู้สึกเสียหน้า แต่จะเจรจาอย่างไร ผมคาดว่า รัสเซียคงยังเดินหน้าเรื่องของซีเรียอยู่ดี
    ถ้าอเมริกาเลือกวิธีนี้ ไม่ได้หมายความว่า อเมริกา “ยอมรับ” ว่าฝ่ายรัสเซียเท่าเทียมตัวแล้ว แต่มันเป็นการ “ซื้อเวลา” ของอเมริกามากกว่า และปฏิบัติการหลากหลายเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัสเซีย จะตามมาเป็นชุดและชุดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
    ทางเลือกที่ 2 สำหรับอเมริกาคือ ไม่มีเจรจา ไม่ซื้อเวลา และปฏิบัติการตอบโต้จะตามมารวดเร็ว
    ความต่างของ 2 ทางเลือกคือ ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกายังไม่พร้อม และแปลว่าฝ่ายรัสเซีย เลือกจังหวะเดินหมากถูก ไม่ให้เวลาอเมริกาตั้งตัว แต่ถ้าอเมริกาไม่ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกาพร้อมอยู่แล้ว และทางรัสเซียก็คงต้องรู้อยู่แล้ว จึงเดินหมากบังคับไปก่อน
    อเมริกาจะเลือกทางไหนก็ตาม โลกเราจะไม่มีวันถอยกลับไปที่เดิมอีกแล้ว
    ขั้วอำนาจโลก ไม่ได้มีเพียงขั้วเดียว ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำเท่านั้นอีกแล้ว แต่มีอีกขั้วอำนาจใหม่
    ที่มีรัสเซียจีนอิหร่าน จับมือกันเกิดขึ้นแล้ว และการเผชิญหน้ากัน ของ 2 ขั้ว ก็จะรุนแรงขึ้น
    ขั้วไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องอะไรบ้าง มีโอกาสจะมาประเมินให้ฟังครับ
    วันนี้ ขอจบนิทานเรื่องลองเชิง ใครลองเชิง ใครเสียเชิง คงพอมองเห็นกัน
    คนเล่านิทาน
    11 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 12 “ลองเชิง” ตอน 12 (จบ) ผมเขียนเล่าเรื่อง ที่มาของฉากซีเรียในมิติใหญ่ ที่เกี่ยวกับเป้าหมายของอเมริกา ที่จะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการครอบครองยูเรเซีย ที่มีรัสเซียและจีน ยืนตัวใหญ่อยู่ในยูเรเซีย และอเมริกาจะครอบครองยูเรเซียได้ อเมริกาจะต้องครอบครอง (พลังงานใน) ตะวันออกกลางเสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงพลังงานในตะวันออกกลาง มันเป็นแผน ที่อเมริกาวางไว้ ก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก อเมริกา อมตะวันออกกลางไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โดยการเข้าไปครอบงำ และชักใยค่าย ซาอุดิอารเบียเสี่ยปั้มใหญ่ กับพวกเสี่ยปั๊มเล็ก สิงห์สำอางค์ทั้งหลาย แต่นั่น ยังไม่ทำให้อเมริกาได้ตะวันออกกลางทั้งหมด เพราะยังมีก้างขวางคออันใหญ่และแหลมคมคือ ค่ายของอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์และพวก และหมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ค่ายนี้กระเทือนคือ การอยู่ หรือการไปของซีเรีย หรือชัดๆ ก็คือ อัสซาด ผู้นำซีเรีย จะอยู่รอดหรือไม่ และขณะเดียวกัน ซีเรีย ก็เป็นหมากตัวสำคัญ ของสงครามท่อส่งแก๊ส ซึ่ง เป็นการชิงเส้นทางท่อส่งแก๊สไปยุโรป ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเรื่องท่อส่งแก๊สนี้ จึงเกี่ยวพันกับรัสเซีย ยุโรป และเอเซีย ซีเรีย จึงเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายในหลายมิติ และผลสรุปของการลองเชิง ที่ซีเรียน่าจะบอกอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลก ในสมัยก่อน การค้าขายหลายประเทศใช้เรือปืนนำหน้า ไปจอดตามอ่าวหน้าบ้านเขา เพื่อบังคับให้เจ้าของบ้านเปิดประตูมาค้าขายกัน และร้อยทั้งร้อย คนเปิดประตูก็เสียเปรียบ เพราะ (ยัง) ไม่มี ปืนใหญ่ไปต่อรองกับเขา ไอ้พวกใช้เรือปืนมาทำการค้านี่ ก็เลยติดสันดานเดิม เริ่มด้วยการข่มขู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังใช้สันดานนี้อยู่ เว้นแต่ประเทศไหนจะมีอำนาจ หรือมีสิ่งต่อรอง สหภาพโซเวียต ซึ่งอเมริกามองว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกอเมริกาล๊อกเป้าทำลายไว้แล้ว และอเมริกาก็ทำสำเร็จด้วยการใช้ ทฤษฏีสงครามเย็น ปิดล้อมโซเวียต จะกระดิกแทบไม่ออก ค้าขายไม่ได้ บวกกับการเสี้ยมให้รัฐเล็ก รัฐน้อย ทะยอยกันต้านแม่ใหญ่ ร่วมกับการสร้างหนอนในประเทศ ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายในปี ค.ศ.1991 สหภาพโซเสียตล่มสลาย แต่ไม่ตายสนิท รัสเซียฟื้นขึ้นมาได้ และฟื้นเร็วเกินกว่าที่อเมริกาคาด เพราะรัสเซียเรียนรู้จากการถูกปิดล้อมว่า เพื่อความอยู่รอดของรัสเซียใหม่ รัสเซียจะต้องเดินยุทธศาสตร์ประเทศ ที่จะไม่ให้ถูกปิดล้อมง่ายๆ และต้องมีอำนาจต่อรอง ด้วยยุทธศาสตร์ท่อส่งของรัสเซีย ที่กระจายไปทั่วยุโรป เอเซีย และกำลังจะมาถึงตะวันออกกลางนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะปิดล้อมรัสเซียทำยากขึ้น เพราะการเดินท่อส่งแก๊สไปยังจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงยุโรป แต่ละจุดนั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรอง รัสเซียส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านยุโรป โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเรือบรรทุก เอาเวลาไปสร้างเรือรบและอาวุธไว้ป้องกันประเทศดีกว่า และที่สำคัญ ท่อส่งผ่านที่ไหน ก็ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของร่วมกัน ใครจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ถึงคนยุโรปจะยังไม่สะดวกใจ ที่จะแหกคอกอเมริกามาคบกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ไม่สะดวกใจ ที่จะรังเกียจแก๊สรัสเซียเหมือนกัน และตอนนี้ จีน เพื่อนกันไม่ทิ้งกันของรัสเซีย ก็ใช้ยุทธศาสตร์ท่อส่ง จากอาฟริกา ยาวมาถึงเอเซีย เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ยุโรปต้องคิดหนัก ถ้าจะเดินตามการชักใยของอเมริกาไปตลอด ถ้ารัสเซียเกิดปิดท่อแก็สที่จะมายุโรป อย่างน้อย ยุโรปจะขาดแก๊สไปถึง 60% ส่วนอเมริกาก็จะยอมให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองอย่างนี้ไม่ได้ ยูเครน ซึ่งอยู่ปลายท่อส่งแก๊สรัสเซียมาออกยุโรป จึงเกิดความไม่สงบอย่างไม่มีวันเลิก และตัวเลือกของอเมริกาจึงถูกส่งเข้ามาเป็นผู้นำยูเครน แต่การแก้เกมแบบนี้ของอเมริกา กระเทือนทั้ง 2 ทาง ถ้ายูเครนปิดทางไม่ให้แก๊สออก รัสเซียก็เหนื่อย ขาดรายได้สำคัญ แต่ยุโรปก็อาจแข็งตายไปด้วย ถ้าไม่มีแก๊สจากรัสเซีย ส่วนอเมริกาลอยตัวไม่กระทบกระเทือนอะไรด้วย ยุโรปถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวเสียที รัสเซียจึงสร้างท่อส่งแก๊สอีกเส้น ลอดทะเลไปให้เยอรมัน และท่อส่งนี่ก็เสร็จแล้ว ถ้าแก็สส่งออกไปทางยูเครนไม่ได้ ก็มาออกเยอรมันได้ แล้วน่าคิดไหมครับ ทำไมตอนนี้ ผู้ลี้ภัยถึงมาทะลักกันเต็มอยู่ในเยอรมัน มันเป็นเรื่องการบีบคอเยอรมันหรือไม่ ป้าเข็มขัดเหล็ก คงกำลังเครียดหนัก จนตดแตกอีกแล้ว อเมริกา พยายามแก้อำนาจต่อรองของรัสเซียเรื่องท่อส่งแก๊สในยุโรป ด้วยการพยายามเดินท่อส่งสายใหม่ ซึ่งอเมริกาพยายามแก้เกมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อเห็นรัสเซีย และจีนเริ่มโต แต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็เดินหมากของตัวเองอย่างระวัง ท่านผู้อ่านจะเข้าใจเรื่องราว มองเห็นภาพต่อเนื่อง ถ้าได้อ่านนิทานเรื่อง “หักหน้าหักหลัง” https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf ซึ่งแสดงถึงวืธีการเดินแผน ฝั่งรัสเซีย กับการเดินแผนของฝั่งอเมริกาต่อจีน ในนิทานเรื่อง ” แผนชั่ว ” https://www.dropbox.com/s/mzu294f5rhhrkyr/20150914.pdf ดังนั้น การสู้รบในซีเรีย จึงมีความหมายเกี่ยวกับการรักษาตำแหน่งพี่เบิ้มของอเมริกา และเป็นความอยู่รอดของฝั่งรัสเซีย จีน ด้วย การที่รัสเซีย เข้าไปเล่นในซีเรียใน “ตอนนี้ ” ภายใต้เรื่องราว และสถานการณ์ในซีเรีย ที่ดำเนินอยู่อย่างที่เล่ามาแล้วนั้น รวมทั้งการเลือกเวลาเล่น ให้สอดคล้องกับช่วงการประชุมของสหประชาชาติ รวมทั้งคำแถลง ของรัสเซียจีนและอิหร่านในช่วง นั้น มองอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกัน มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะแปลว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ได้แสดงตัวต่ออเมริกาแล้วว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้อง ฟัง หรือ จัดการกับปัญหาที่กระทบกับพวกเขา หรือที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหา ตามวิธีการของอเมริกาและพวก อีกต่อไปแล้ว สรุปสั้นๆ เป็นภาษาแถวบ้านผม ก็คงจะทำนอง “กูไม่ชอบวิธีการของมึง และกูไม่จำเป็นต้องฟังมึงอีกต่อไป เพราะกูไม่กลัวมึง (แล้ว)” คำพูดแบบนี้ เป็นลุงนิทานพูด มันก็คงปิดเพจผม รวนเพจผม อย่างที่มันทำกับผมมาตลอด แต่ถ้าคำพูดแบบนี้ ตามความเข้าใจผม เป็นของประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย จีน อิหร่าน และวันนี้ เกาหลีเหนือของน้องคิม ก็พูดทำนองนี้ เรื่องซีเรียนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงได้ดิ้นกันเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังกันเป็นแถวๆ และถ้าดูจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่เข้าไปในซีเรียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องการขนทั้งอาวุธหนัก อาวุธเบา และกำลังพลมากมาย ที่ไม่ใช่มาจากข่าวของกระป๋องสีฝั่งตะวันตกแล้ว จะเห็นว่า คุณพี่ปูติน แสดงออกอย่างที่ผมสรุปนั่นแหละ เพราะแกจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ และเมื่อรัสเซียกับพวก แสดงออกแบบนี้ อเมริกาและพวก จะแสดงอะไรล่ะ แรกๆ ก็คงทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ คือดาหน้ากันออกมา ด่ารัสเซีย เหน็บแนมการปฎิบัติการของรัสเซีย ทำไมมึงไม่ไปถล่มไอซิส ทำไมมึงไปถล่มแต่พวกกบฏ โธ่เว้ย ถล่มกลุ่มไหน มันก็กลุ่มที่พวกมึงสร้างมาทั้งนั้น เพียงแต่ข้อตกลงภายในมันต่างกัน สุดท้ายคุณพี่ปูตินเขาคงถล่มหมดละน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากตั้งหลักได้ อเมริกากับพวก มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เจรจากันให้รู้เรื่องกับฝ่ายรัสเซียและพวก นั่นเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสม และโลกจะสะเทือนน้อยที่สุด แต่อเมริกาจะรู้สึกเสียหน้า แต่จะเจรจาอย่างไร ผมคาดว่า รัสเซียคงยังเดินหน้าเรื่องของซีเรียอยู่ดี ถ้าอเมริกาเลือกวิธีนี้ ไม่ได้หมายความว่า อเมริกา “ยอมรับ” ว่าฝ่ายรัสเซียเท่าเทียมตัวแล้ว แต่มันเป็นการ “ซื้อเวลา” ของอเมริกามากกว่า และปฏิบัติการหลากหลายเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัสเซีย จะตามมาเป็นชุดและชุดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทางเลือกที่ 2 สำหรับอเมริกาคือ ไม่มีเจรจา ไม่ซื้อเวลา และปฏิบัติการตอบโต้จะตามมารวดเร็ว ความต่างของ 2 ทางเลือกคือ ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกายังไม่พร้อม และแปลว่าฝ่ายรัสเซีย เลือกจังหวะเดินหมากถูก ไม่ให้เวลาอเมริกาตั้งตัว แต่ถ้าอเมริกาไม่ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกาพร้อมอยู่แล้ว และทางรัสเซียก็คงต้องรู้อยู่แล้ว จึงเดินหมากบังคับไปก่อน อเมริกาจะเลือกทางไหนก็ตาม โลกเราจะไม่มีวันถอยกลับไปที่เดิมอีกแล้ว ขั้วอำนาจโลก ไม่ได้มีเพียงขั้วเดียว ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำเท่านั้นอีกแล้ว แต่มีอีกขั้วอำนาจใหม่ ที่มีรัสเซียจีนอิหร่าน จับมือกันเกิดขึ้นแล้ว และการเผชิญหน้ากัน ของ 2 ขั้ว ก็จะรุนแรงขึ้น ขั้วไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องอะไรบ้าง มีโอกาสจะมาประเมินให้ฟังครับ วันนี้ ขอจบนิทานเรื่องลองเชิง ใครลองเชิง ใครเสียเชิง คงพอมองเห็นกัน คนเล่านิทาน 11 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Maps: จากเครื่องมือค้นหา สู่ผู้กำหนดตลาด

    Lauren Leek เริ่มต้นจากการหาที่กินข้าว แต่กลับกลายเป็นงานวิจัยเต็มรูปแบบ เธอใช้ข้อมูลร้านอาหารกว่า 13,000 แห่งในลอนดอน มาสร้างโมเดล Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ว่า Google Maps จัดอันดับร้านอาหารอย่างไร ผลลัพธ์ชี้ว่าแพลตฟอร์มไม่ได้เพียงสะท้อนความนิยม แต่ กำหนดการมองเห็นและการอยู่รอดของร้านอาหาร โดยใช้ตัวชี้วัดหลักคือ relevance, distance, และ prominence.

    วงจรสะสมความได้เปรียบ
    ระบบ “prominence” ของ Google Maps ให้รางวัลกับร้านที่มีรีวิวจำนวนมาก ความเร็วในการได้รับรีวิวสูง และการรับรู้แบรนด์ ส่งผลให้ร้านใหญ่หรือร้านที่อยู่ในพื้นที่คนพลุกพล่านได้เปรียบ ขณะที่ร้านเล็ก ๆ หรือร้านใหม่ ๆ เจอปัญหา cold-start เพราะไม่มีรีวิวมากพอที่จะถูกค้นพบ วงจรนี้คล้ายกับ “Matthew Effect” ในเศรษฐศาสตร์ ที่ผู้มีมากจะได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

    การสร้าง Dashboard เพื่อมองทะลุอัลกอริทึม
    Lauren สร้าง London Food Dashboard โดยใช้ Gradient Boosted Decision Tree เพื่อคาดการณ์คะแนนที่ร้านควรได้ตามคุณลักษณะเชิงโครงสร้าง เช่น ประเภทอาหาร ราคา ทำเล และจำนวนรีวิว จากนั้นเปรียบเทียบกับคะแนนจริงเพื่อหาว่าร้านใดถูก “ประเมินต่ำ” หรือ “สูงเกินจริง” Dashboard นี้ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหา “underrated gems” ได้ และยังเผยให้เห็นความผิดพลาดในการจัดหมวดหมู่ร้านอาหารของ Google Maps

    ผลกระทบต่อชุมชนและนโยบาย
    การวิเคราะห์ยังขยายไปถึงระดับย่าน โดยใช้ PCA และ K-means clustering เพื่อจัดประเภทพื้นที่เป็น elite, strong, everyday, และ weak hubs. ผลลัพธ์ชี้ว่า ความหลากหลายทางอาหารของลอนดอนไม่ได้กระจายอย่างเท่าเทียม ร้านอาหารของชุมชนผู้อพยชมักอยู่ในพื้นที่ที่มีการมองเห็นต่ำกว่า ข้อค้นพบนี้นำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายว่า อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มควรถูกตรวจสอบและเปิดเผยเหมือนตลาดการเงิน เพราะมันมีผลต่อการอยู่รอดของธุรกิจท้องถิ่นโดยตรง

    สรุปสาระสำคัญ
    Google Maps ทำหน้าที่เป็น “ตลาดกลาง”
    ใช้ตัวชี้วัด relevance, distance, prominence กำหนดการมองเห็น

    วงจรสะสมความได้เปรียบ
    ร้านใหญ่และร้านดังได้เปรียบ ร้านเล็กเจอ cold-start

    London Food Dashboard
    ใช้ ML วิเคราะห์ร้านที่ถูกประเมินต่ำหรือสูงเกินจริง

    การวิเคราะห์ระดับย่าน
    พบความเหลื่อมล้ำด้านการมองเห็นและความหลากหลายทางอาหาร

    ความเสี่ยงต่อธุรกิจเล็กและชุมชนผู้อพยพ
    อัลกอริทึมอาจทำให้ร้านใหม่หรือร้านเล็กถูกมองข้าม

    ความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม
    ควรมีการตรวจสอบอัลกอริทึมเหมือนตลาดการเงิน

    https://laurenleek.substack.com/p/how-google-maps-quietly-allocates
    🗺️ Google Maps: จากเครื่องมือค้นหา สู่ผู้กำหนดตลาด Lauren Leek เริ่มต้นจากการหาที่กินข้าว แต่กลับกลายเป็นงานวิจัยเต็มรูปแบบ เธอใช้ข้อมูลร้านอาหารกว่า 13,000 แห่งในลอนดอน มาสร้างโมเดล Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ว่า Google Maps จัดอันดับร้านอาหารอย่างไร ผลลัพธ์ชี้ว่าแพลตฟอร์มไม่ได้เพียงสะท้อนความนิยม แต่ กำหนดการมองเห็นและการอยู่รอดของร้านอาหาร โดยใช้ตัวชี้วัดหลักคือ relevance, distance, และ prominence. 📊 วงจรสะสมความได้เปรียบ ระบบ “prominence” ของ Google Maps ให้รางวัลกับร้านที่มีรีวิวจำนวนมาก ความเร็วในการได้รับรีวิวสูง และการรับรู้แบรนด์ ส่งผลให้ร้านใหญ่หรือร้านที่อยู่ในพื้นที่คนพลุกพล่านได้เปรียบ ขณะที่ร้านเล็ก ๆ หรือร้านใหม่ ๆ เจอปัญหา cold-start เพราะไม่มีรีวิวมากพอที่จะถูกค้นพบ วงจรนี้คล้ายกับ “Matthew Effect” ในเศรษฐศาสตร์ ที่ผู้มีมากจะได้มากขึ้นเรื่อย ๆ 🧮 การสร้าง Dashboard เพื่อมองทะลุอัลกอริทึม Lauren สร้าง London Food Dashboard โดยใช้ Gradient Boosted Decision Tree เพื่อคาดการณ์คะแนนที่ร้านควรได้ตามคุณลักษณะเชิงโครงสร้าง เช่น ประเภทอาหาร ราคา ทำเล และจำนวนรีวิว จากนั้นเปรียบเทียบกับคะแนนจริงเพื่อหาว่าร้านใดถูก “ประเมินต่ำ” หรือ “สูงเกินจริง” Dashboard นี้ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหา “underrated gems” ได้ และยังเผยให้เห็นความผิดพลาดในการจัดหมวดหมู่ร้านอาหารของ Google Maps 🌍 ผลกระทบต่อชุมชนและนโยบาย การวิเคราะห์ยังขยายไปถึงระดับย่าน โดยใช้ PCA และ K-means clustering เพื่อจัดประเภทพื้นที่เป็น elite, strong, everyday, และ weak hubs. ผลลัพธ์ชี้ว่า ความหลากหลายทางอาหารของลอนดอนไม่ได้กระจายอย่างเท่าเทียม ร้านอาหารของชุมชนผู้อพยชมักอยู่ในพื้นที่ที่มีการมองเห็นต่ำกว่า ข้อค้นพบนี้นำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายว่า อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มควรถูกตรวจสอบและเปิดเผยเหมือนตลาดการเงิน เพราะมันมีผลต่อการอยู่รอดของธุรกิจท้องถิ่นโดยตรง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Google Maps ทำหน้าที่เป็น “ตลาดกลาง” ➡️ ใช้ตัวชี้วัด relevance, distance, prominence กำหนดการมองเห็น ✅ วงจรสะสมความได้เปรียบ ➡️ ร้านใหญ่และร้านดังได้เปรียบ ร้านเล็กเจอ cold-start ✅ London Food Dashboard ➡️ ใช้ ML วิเคราะห์ร้านที่ถูกประเมินต่ำหรือสูงเกินจริง ✅ การวิเคราะห์ระดับย่าน ➡️ พบความเหลื่อมล้ำด้านการมองเห็นและความหลากหลายทางอาหาร ‼️ ความเสี่ยงต่อธุรกิจเล็กและชุมชนผู้อพยพ ⛔ อัลกอริทึมอาจทำให้ร้านใหม่หรือร้านเล็กถูกมองข้าม ‼️ ความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม ⛔ ควรมีการตรวจสอบอัลกอริทึมเหมือนตลาดการเงิน https://laurenleek.substack.com/p/how-google-maps-quietly-allocates
    LAURENLEEK.SUBSTACK.COM
    How Google Maps quietly allocates survival across London’s restaurants - and how I built a dashboard to see through it
    I wanted a dinner recommendation and got a research agenda instead. Using 13000+ restaurants, I rebuild its ratings with machine learning and map how algorithmic visibility actually distributes power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251211 #TechRadar

    UK เสริมความปลอดภัยสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยรัสเซีย
    สหราชอาณาจักรประกาศโครงการ Atlantic Bastion เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำอย่างสายเคเบิลและท่อส่งพลังงานจากการคุกคามของรัสเซีย หลังจากมีเหตุการณ์สายเคเบิลในทะเลบอลติกถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้งในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเรืออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และกองทัพเรือ โดยมีแผนเริ่มนำไปใช้จริงตั้งแต่ปี 2026 เพื่อให้การป้องกันครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/pro/security/uk-strengthens-subsea-cables-against-russian-interference

    Europol ปราบเครือข่าย “Violence-as-a-Service”
    Europol เปิดเผยแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมที่เรียกว่า “Violence-as-a-Service” ซึ่งเป็นการจ้างคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้ก่อเหตุรุนแรง ตั้งแต่ข่มขู่ ทรมาน ไปจนถึงฆาตกรรม เครือข่ายนี้เริ่มจากสวีเดนและแพร่ไปทั่วยุโรป จนต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจ GRIMM เพื่อสกัดกั้นการรับสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใน 6 เดือนแรกสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 193 คน พร้อมยึดอาวุธและกระสุนจำนวนมาก ถือเป็นการป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้
    https://www.techradar.com/pro/security/europol-cracks-down-on-violence-as-a-service-network

    หุ่นยนต์ไล่เตะ CEO – โลกอนาคตที่เราเซ็นรับหรือยัง
    เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลคือหุ่นยนต์ T800 ของบริษัท EngineAI ที่โชว์พลังเตะใส่ CEO ของตัวเองจนกระเด็นไปไกล ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างด้วย CGI แต่ทำได้จริง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่เดินหรือโต้ตอบ แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 6 mph และทำท่าต่อสู้เหมือนมนุษย์ จุดประสงค์เบื้องหลังคือการโปรโมตงาน “Robot Boxing Match” ที่จะจัดขึ้นในจีน แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าอนาคตหุ่นยนต์อาจไม่ใช่ผู้ช่วยในบ้าน แต่กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียนแทน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/now-weve-got-robots-that-can-chase-and-kick-us-is-this-the-robot-revolution-we-signed-up-for

    DJI FlyCart 100 – โดรนยักษ์แบกของหนัก 100 กิโลกรัม
    DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ FlyCart 100 ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งหนักโดยเฉพาะ สามารถแบกน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม และบินสูงถึง 6,000 เมตร พร้อมระบบวินซ์ยกของด้วยสายเคเบิล 30 เมตร มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้แบบ hot-swap และทนสภาพอากาศตั้งแต่ -20°C ถึง 40°C รวมถึงทนลมแรงและมีระบบหลบสิ่งกีดขวางด้วย LiDAR จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานในพื้นที่ก่อสร้างหรือภูเขาสูง แต่รูปลักษณ์ที่ดุดันทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับเครื่องจักรในหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นโดรนส่งพัสดุทั่วไป
    https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-terrifying-new-delivery-drone-is-its-most-powerful-so-far-the-flycart-100-can-carry-100kg-loads-and-climb-6-000m-mountains

    Sam Altman บน Tonight Show – AI คือพลังแห่งความเท่าเทียม
    Sam Altman CEO ของ OpenAI ไปออกรายการ Tonight Show กับ Jimmy Fallon เพื่อเล่าถึงการเติบโตของ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ เขาเปรียบ AI ว่าเป็น “พลังแห่งความเท่าเทียม” คล้ายกับการมาของสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่เขาย้ำว่า AI กำลังช่วยให้คนทั่วไปมีเครื่องมือทรงพลังในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เขียนเรซูเม่ไปจนถึงวางแผนการเดินทาง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/sam-altman-tells-jimmy-fallon-that-ai-is-the-equalizing-force-the-world-needs

    Salesforce Agentforce – เดิมพันอนาคตด้วย AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ
    Salesforce ประกาศเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้าง AI Agent สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้รายได้ไตรมาสล่าสุดจะโตถึง 9% เป็น 10.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังร่วงลงกว่า 29% ในปีนี้ การเปิดตัว Agentforce จึงถูกมองว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น ตำรวจ Thames Valley ที่ทดลองใช้ AI Assistant “Bobbi” ตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ แม้ยังมีข้อกังวลเรื่องความผิดพลาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามาอยู่ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ
    https://www.techradar.com/pro/salesforce-bets-on-agentic-ai-platform-following-cautiously-optimistic-earnings-report

    จอมอนิเตอร์ 1000Hz – เร็วเกินไปหรือเปล่า?
    ข่าวที่ทำให้สายเกมเมอร์ต้องขมวดคิ้วคือการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ “dual-mode” ที่สามารถรีเฟรชเรตได้สูงถึง 1000Hz ฟังดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติ แต่หลายคนกลับมองว่ามันเกินความจำเป็น เพราะแม้แต่เกมแข่งขันระดับ eSports ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ไม่ถึง 360Hz การกระโดดไปถึง 1000Hz จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการตลาดมากกว่าความต้องการจริงของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดแวร์ยังคงพยายามหาจุดขายใหม่ ๆ อยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/computing/monitors/the-worlds-first-1-000hz-dual-mode-gaming-monitors-are-coming-but-they-sound-completely-unnecessary

    Lamborghini ชนะคดีโดเมน Lambo.com
    เรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์คือการที่ Lamborghini ฟ้องร้องเจ้าของโดเมน Lambo.com หลังจากเจ้าของพยายามขายชื่อโดเมนนี้ในราคา 75 ล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินว่าเจ้าของกระทำโดยไม่สุจริต และสั่งให้โดเมนตกเป็นของ Lamborghini ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชื่อแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการที่บริษัทใหญ่พร้อมจะปกป้องทรัพย์สินทางออนไลน์ของตนอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/man-attempts-to-break-world-record-with-usd75-million-domain-name-pitch-ends-up-empty-handed-instead

    นาฬิกาฟิตเนสรุ่นใหม่ – คู่แข่ง Apple Watch SE 3
    ข่าวหลุดล่าสุดเผยว่ากำลังจะมีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดรุ่นใหม่ ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch SE 3 จุดเด่นคือการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นยอดนิยม แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้หลายคนคาดว่าจะเป็น “ภาคต่อ” ของนาฬิกาฟิตเนสที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/forget-the-apple-watch-se-3-it-looks-like-a-big-sequel-to-our-best-ever-cheap-fitness-watch-has-just-leaked

    Windows 11 ปรับเมนูคลิกขวา ลบ AI Actions ที่ไม่ใช้
    Microsoft กำลังทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ช่วยลดความรกใน Windows 11 โดยหากผู้ใช้ปิดการทำงานของ AI Actions ทั้งหมด เมนูคลิกขวาใน File Explorer จะไม่แสดงโฟลเดอร์ว่าง ๆ ของ AI อีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้ปิดแล้วก็ยังเห็นเมนูแต่ไม่มีฟังก์ชัน ซึ่งทำให้หลายคนงง การแก้ไขนี้จึงเป็นเหมือนการจัดระเบียบให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้ Windows 11 ดูสะอาดตาและตรงไปตรงมา
    https://www.techradar.com/computing/windows/think-ai-actions-in-windows-11-are-pointless-microsoft-is-letting-you-banish-them-from-the-right-click-menu

    Norton VPN ปรับปรุงครั้งใหญ่ เพิ่มความเร็วและความปลอดภัย
    ปีนี้ Norton VPN เดินหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง 25Gbps ในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับ P2P และเพิ่มตัวเลือก OpenVPN ทั้ง UDP และ TCP เพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น Norton ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกเกี่ยวกับโปรโตคอล Mimic ที่พัฒนาขึ้นเอง ผลคือไม่มีความเสี่ยงด้านเทคนิคและยังรองรับการเข้ารหัสที่ต้านทานคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ทำให้บริการนี้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด VPN
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/faster-speeds-more-locations-norton-vpn-caps-off-a-year-of-transformation

    Samsung Galaxy S26 อาจได้ MagSafe เวอร์ชันของตัวเอง
    ข่าวลือใหม่เผยว่า Galaxy S26 จะมาพร้อมระบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple ซึ่งจะเปิดทางให้มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น เคสแม่เหล็ก แท่นชาร์จ และที่ยึดติดรถยนต์ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ecosystem ของ Samsung เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสริมที่สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น หากเป็นจริง Galaxy S26 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่ง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-s26-might-finally-be-getting-its-version-of-magsafe-here-are-8-accessories-to-expect

    Adobe จับมือ YouTube: เพิ่มเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์
    Adobe และ YouTube ร่วมกันเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Premiere สำหรับการสร้าง YouTube Shorts โดยตรง จุดเด่นคือมีเอฟเฟกต์พิเศษ ทรานซิชัน และเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะ ทำให้การตัดต่อและอัปโหลดคลิปสั้นง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามเทรนด์เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจว่าคอนเทนต์แบบไหนกำลังมาแรง ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง Adobe และ Google ที่เคยนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในเครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ การอัปเดตนี้ช่วยให้การทำงานของครีเอเตอร์เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/adobe-and-youtube-love-in-delivers-new-tools-for-content-creators-and-resolves-the-biggest-issue-we-had-with-adobes-free-video-editing-app

    Amazon ทุ่มงบ 35 พันล้านดอลลาร์ลงทุน AI ในอินเดีย
    Amazon ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย มูลค่าถึง 35 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางด้าน AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของ Amazon ในตลาดเกิดใหม่
    https://www.techradar.com/pro/amazon-and-to-commit-usd35bn-into-ai-in-india

    AMD Redstone: อัปเดตใหม่ที่อาจทำให้ Nvidia ต้องกังวล
    AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone สำหรับเทคโนโลยี FSR (FidelityFX Super Resolution) ที่ใช้ในการเรนเดอร์ภาพเกมบนพีซี การอัปเดตนี้ถูกคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมาก จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ DLSS จาก Nvidia หาก Redstone ทำได้ตามที่คาดไว้ มันอาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในตลาดกราฟิกการ์ด และทำให้ผู้เล่นเกมมีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-redstone-update-could-revitalize-fsr-for-pc-games-heres-why-nvidia-should-be-worried

    SAP อุดช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ S
    AP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่ถูกจัดว่าเป็นระดับวิกฤติถึง 3 จุด ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการแก้ไขครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่า SAP ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าในระดับองค์กรอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/three-critical-vulnerabilities-patched-by-sap-heres-what-we-know

    ไต้หวันบล็อกแอป RedNote จุดกระแส VPN พุ่งแรง
    รัฐบาลไต้หวันได้สั่งบล็อกการใช้งานแอป RedNote ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในบางกลุ่ม ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดด้านการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศ และทำให้ตลาด VPN เติบโตขึ้นทันทีหลังจากมาตรการถูกประกาศ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/taiwan-blocks-rednote-app-sparking-vpn-surge

    Motorola โชว์มือถือพับใหม่ท้าชน Samsung Galaxy Z Fold 7
    Motorola กำลังกลับมาสู่ตลาดมือถือพับได้อีกครั้ง โดยล่าสุดได้ปล่อยทีเซอร์มือถือรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Samsung Galaxy Z Fold 7 แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม ๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดมือถือพับได้ยังคงร้อนแรง และ Motorola ต้องการกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Samsung ที่ครองตลาดอยู่ในตอนนี้
    https://www.techradar.com/phones/motorola-phones/motorola-just-teased-a-new-foldable-to-rival-the-samsung-galaxy-z-fold-7

    Instagram เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมอัลกอริทึมเอง
    Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นโพสต์แบบไหน โดยสามารถปรับการแสดงผลให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น การจัดลำดับตามเวลา หรือการเลือกเนื้อหาที่สนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนใช้แพลตฟอร์ม และอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโซเชียลมีเดียในอนาคต เพราะเป็นการคืนอำนาจการควบคุมให้กับผู้ใช้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/social-media/instagram-just-gave-users-algorithm-control-and-this-could-change-the-face-of-social-media

    ทำไมระบบเทคโนโลยีที่ไม่เชื่อมต่อกันกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน
    หลายองค์กรลงทุนในเทคโนโลยีมากมาย แต่กลับสูญเสียเงินมหาศาลเพราะระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลามากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือแก้ปัญหาซ้ำ ๆ สิ่งนี้ไม่เพียงลดประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้คนเก่ง ๆ หมดไฟและลาออกไปในที่สุด ทางออกคือการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด มีความสามารถในการแก้ไขตัวเองอัตโนมัติ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้นและรักษาคนเก่งไว้ได้
    https://www.techradar.com/pro/why-disconnected-tech-stacks-are-undermining-your-workforce-and-how-to-fix-it

    อังกฤษยังไม่คิดทำตามออสเตรเลียเรื่องแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16
    หลังจากออสเตรเลียประกาศห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย อังกฤษถูกถามว่าจะทำตามหรือไม่ รัฐมนตรีวัฒนธรรม Lisa Nandy ยืนยันว่า “ยังไม่มีแผน” เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้และผลกระทบที่อาจผลักเด็กไปใช้ช่องทางอื่น แต่ก็เปิดช่องว่า หากมาตรการนี้ได้ผล อังกฤษอาจพิจารณาในอนาคต ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างการปกป้องเยาวชนกับสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-has-no-plans-to-replicate-australias-social-media-ban-yet

    Google Photos เพิ่มเครื่องมือใหม่สู้ CapCut
    Google Photos เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการตัดต่อวิดีโอ โดยเพิ่ม “template” สำเร็จรูปที่มีเพลงและข้อความพร้อม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปสั้น ๆ สไตล์ TikTok หรือ Reels ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าตา editor ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชันใส่เพลงและข้อความลงในคลิป ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้ทั้งบน Android และ iOS และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดต่อวิดีโอบนมือถือของ Google
    https://www.techradar.com/computing/software/google-photos-takes-on-capcut-with-5-handy-new-video-editing-tools-including-a-time-saving-template-feature

    การหลอกลวงผ่าน SMS หรือ Smishing กำลังกลายเป็นภัยต่อธุรกิจ
    จากเดิมที่เป็นเพียงการหลอกผู้บริโภค ตอนนี้ Smishing หรือการส่งข้อความ SMS หลอกลวงได้พัฒนาไปถึงระดับที่คุกคามองค์กร โดยอาชญากรใช้เครื่อง “SMS Blaster” ที่สามารถส่งข้อความปลอมจำนวนมหาศาลได้ในไม่กี่วินาที ทำให้พนักงานตกเป็นเป้าหมายและอาจเผลอให้ข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังหาทางป้องกัน ทั้งการบล็อกข้อความลิงก์ต้องสงสัย และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง RCS ที่มีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแรงกว่า
    https://www.techradar.com/pro/smishings-evolution-from-consumer-scam-to-enterprise-threat-how-industry-is-fighting-back

    CEO มองว่าเรื่องการเรียนรู้ AI ต้องฝึกเอง
    ในโลกธุรกิจปัจจุบัน AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริหารหลายคนกลับมองว่า การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะด้าน AI ไม่ควรพึ่งพาองค์กรจัดฝึกอบรมให้ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเองที่จะต้องหาความรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของการทำงานยุคใหม่คือ “ใครปรับตัวได้เร็ว คนนั้นได้เปรียบ”
    https://www.techradar.com/pro/need-ai-training-ceos-think-you-should-train-yourself

    ชิป PCIe ตัวเดียวเปลี่ยน DDR4 ให้มีพลังเพิ่มขึ้น
    มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับวงการเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ คืออุปกรณ์ PCIe ที่สามารถทำให้หน่วยความจำ DDR4 รุ่นเก่ากลับมามีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกือบสามเท่า โดยใช้เทคโนโลยี CXL เพื่อเชื่อมต่อและขยายความสามารถ เท่ากับว่าบริษัทใหญ่ที่มีฮาร์ดแวร์เก่าอยู่แล้วสามารถรีไซเคิลมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ DDR5 ในราคาสูง ถือเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด
    https://www.techradar.com/pro/this-tiny-chip-could-singlehandedly-solve-the-ram-shortage-by-allowing-hyperscalers-to-reuse-old-ddr4-memory-via-cxl-and-it-even-comes-with-an-extraordinary-feature

    HBO Max ผู้ใช้ฟ้อง Netflix ด้วยคดีใหญ่
    เกิดคดีความที่น่าสนใจในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อผู้ใช้ HBO Max รายหนึ่งยื่นฟ้อง Netflix ในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่าง Netflix และ Warner Bros จะสร้างความเสียหายต่อการแข่งขัน และอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดสตรีมมิ่ง ผู้ฟ้องร้องมองว่าตนเองและผู้ใช้รายอื่นจะได้รับผลกระทบในเชิง “การเลือกที่น้อยลงและราคาที่สูงขึ้น” เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นคดีที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/hbo-max-subscriber-sues-netflix-in-dramatic-class-action-lawsuit-claiming-the-warner-bros-deal-will-cause-irreparable-antitrust-injury

    TunnelBear ปรับโมเดล VPN ฟรีใหม่
    TunnelBear กำลังปรับเปลี่ยนบริการ VPN ฟรีของตัวเอง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แบบฟรีจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อีกต่อไป และฟีเจอร์ SplitBear หรือ split tunneling ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน ผู้ใช้ฟรียังคงได้ใช้งาน 2GB ต่อเดือน แต่จะถูกสุ่มเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ระบบเลือกให้ จุดประสงค์คือเพื่อรักษาความยั่งยืนของบริการโดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือขายข้อมูล ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียม
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/tunnelbear-reshapes-its-free-vpn-model-amid-rising-infrastructure-costs

    Bluesky บังคับตรวจสอบอายุ ตามกฎหมายออสเตรเลีย
    Bluesky ต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่ของออสเตรเลียที่ห้ามผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดีย จึงเริ่มบังคับตรวจสอบอายุผู้ใช้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ นอกจากนี้ยังมีการกลับคำสั่งบล็อกผู้ใช้ในรัฐ Mississippi ที่เคยถูกจำกัดการเข้าถึง ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงดำเนินงานได้ในหลายประเทศ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/bluesky-enforces-age-checks-to-comply-with-australias-under-16s-social-media-ban-and-reverses-mississippis-block

    Proton Pass เพิ่ม CLI สำหรับนักพัฒนา
    Proton Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวจัดการรหัสผ่านที่ได้รับความนิยม ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือ Command-Line Interface (CLI) ให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลลับจาก terminal ได้โดยตรง ทำให้สามารถสร้าง workflow อัตโนมัติที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังคงรักษาการเข้ารหัสแบบ end-to-end และรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม CI/CD หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มี UI ผู้ใช้ฟรีจะไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/proton-pass-just-made-it-even-easier-for-developers-to-retrieve-secrets-and-thats-a-win-for-everyone-involved

    ญี่ปุ่นเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังมีพอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD
    ในยุคที่โน้ตบุ๊กทั่วโลกตัดพอร์ตเก่า ๆ ออกไปหมด ญี่ปุ่นกลับยังคงมีตลาดที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ล่าสุด NEC เปิดตัว VersaPro VX-R ที่ใช้ชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ แต่ยังคงใส่พอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD มาให้ เหตุผลคือหลายองค์กร โรงเรียน และสถาบันในญี่ปุ่นยังใช้โปรเจกเตอร์และระบบเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ทำให้การมีพอร์ตเหล่านี้ยังจำเป็น ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7, มีระบบความปลอดภัยครบ และยังคงเป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่กับความต้องการดั้งเดิมของตลาดญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
    https://www.techradar.com/pro/the-only-core-ultra-265u-laptop-with-a-vga-port-and-a-dvd-writer-just-launched-and-yes-it-has-to-be-in-japan

    ช่องโหว่ React2Shell ถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้โจมตี
    หลังจากที่จีนถูกพบว่าใช้ช่องโหว่ React2Shell ในการโจมตี ตอนนี้มีรายงานว่าเกาหลีเหนือก็เข้ามาใช้ช่องโหว่นี้เช่นกัน โดยพวกเขาพัฒนา malware ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ซับซ้อนกว่าเดิม ใช้ smart contract ของ Ethereum เป็นระบบควบคุม, มีวิธีฝังตัวใน Linux ถึง 5 แบบ และยังดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อทำงานต่อ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่า “critical” ระดับ 10/10 และนักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดต React เป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที เพราะเป็นการโจมตีที่อาจกระทบผู้พัฒนาเว็บจำนวนมหาศาล
    https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-react2shell-flaw-exploited-by-north-korean-hackers-in-malware-attacks

    Google เสริมเกราะป้องกัน Chrome จากการโจมตีแบบ Prompt Injection
    Google ประกาศเพิ่มระบบป้องกันใหม่ใน Chrome เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เรียกว่า Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในเว็บเพจหรือ extension เพื่อหลอกให้ AI ทำงานผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยตรวจจับและบล็อกคำสั่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่ผู้ใช้จะโดนหลอกหรือข้อมูลจะรั่วไหล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้เบราว์เซอร์ปลอดภัยขึ้นในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/security/google-adds-prompt-injection-defenses-to-chrome

    Teamgroup เปิดตัว PD40 SSD พกพาเล็กแต่แรงด้วย USB4
    Teamgroup เปิดตัวไดรฟ์ PD40 ที่ใช้มาตรฐาน USB4 ทำให้มีความเร็วสูงมากเมื่อเทียบกับ SSD พกพาทั่วไป จุดเด่นคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงให้ความเร็วระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ โดยตั้งใจจะเจาะตลาดที่ SSD พกพามีราคาสูงเกินไป รุ่นนี้จึงถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความสะดวกในการพกพา
    https://www.techradar.com/pro/finally-another-external-usb4-ssd-hit-the-market-and-this-one-is-likely-to-be-far-more-affordable-than-rivals

    ศึกชิงแชมป์โลก Excel 2025
    การแข่งขัน Excel World Championship ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส และผู้ชนะคือ Diarmuid Early ที่ถูกขนานนามว่า “LeBron James แห่ง Excel” เขาสามารถเอาชนะ Andrew Ngai แชมป์เก่าถึงสามสมัยได้ ด้วยการทำโจทย์สุดโหด ทั้งการจัดการข้อมูลมหาศาล การสร้าง Pivot Table ซับซ้อน และแม้กระทั่งโจทย์พับโมดูล Excel แบบ Origami ผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเข็มขัดแชมป์แบบนักมวยปล้ำ ถือเป็นการยกระดับการใช้ Excel จากเครื่องมือทำงานสู่กีฬาแข่งขันที่จริงจังและสนุกสนาน
    https://www.techradar.com/pro/battle-of-the-pivot-tables-diarmuid-the-lebron-james-of-excel-defeats-three-time-champion-andrew-ngai-to-claim-the-2025-title-and-usd5-000-cash-prize

    Beelink เปิดตัว NAS จิ๋วแต่จุใจ
    Beelink เตรียมปล่อย NAS รุ่น ME Pro ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ช่องและ 4 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ จุดเด่นคือรุ่น 4 ช่องสามารถรองรับความจุรวมสูงสุดถึง 120TB แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเพียง 4 ลิตรเท่านั้น ใช้โครงสร้างแบบ Unibody ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในและทำให้เครื่องเล็กกว่าคู่แข่งมาก แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่อง CPU หรือระบบปฏิบัติการ แต่การออกแบบนี้สะท้อนแนวทางใหม่ของ Beelink ที่ต้องการทำให้ NAS มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุสูง
    https://www.techradar.com/pro/beelink-promises-a-4-liter-4-drive-nas-that-could-hold-120tb-in-the-palm-of-your-hand

    ลังเลใจระหว่าง iPhone และ Android
    นักเขียนจาก TechRadar เล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าใช้ iPhone มานานกว่า 4 ปีหลังจากย้ายจาก Android แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะกลับไปใช้ Android อีกครั้ง เหตุผลมาจากการเจอปัญหากับ iOS 26 และความสนใจใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่อยู่ตรงหน้า เขายังเปิดโพลให้ผู้อ่านช่วยตัดสินใจว่าจะควรกลับไป Android หรือไม่ พร้อมบอกว่าถ้าเปลี่ยนจริงก็อยากลอง Pixel 10 Pro หรือรุ่นเรือธงจาก Oppo และ OnePlus ถือเป็นการเปิดใจถามความเห็นจากชุมชนผู้ใช้มือถือโดยตรง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/should-i-abandon-my-iphone-for-a-return-to-android-tell-me-what-to-do

    Imec เผยความท้าทายของ 3D Memory-on-GPU
    งานประชุม IEDM 2025 มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จาก Imec ที่วางซ้อนหน่วยความจำ HBM แบบ 3D บน GPU เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการประมวลผลสำหรับงาน AI แม้จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2.5D แต่การจำลองความร้อนพบว่าชิปสามารถร้อนทะลุ 140°C ซึ่งเกินขีดจำกัดการทำงาน ต้องใช้วิธีลดความเร็ว GPU ลงครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็ทำให้การฝึก AI ช้าลงถึง 28% เทคโนโลยีนี้จึงยังเป็นดาบสองคมที่ต้องหาทางแก้เรื่องความร้อนก่อนจะนำไปใช้จริงในศูนย์ข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/hbm-on-gpu-set-to-power-the-next-revolution-in-ai-accelerators-and-just-to-confirm-theres-no-way-this-will-come-to-your-video-card-anytime-soon
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251211 #TechRadar 🌊 UK เสริมความปลอดภัยสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยรัสเซีย สหราชอาณาจักรประกาศโครงการ Atlantic Bastion เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำอย่างสายเคเบิลและท่อส่งพลังงานจากการคุกคามของรัสเซีย หลังจากมีเหตุการณ์สายเคเบิลในทะเลบอลติกถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้งในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเรืออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และกองทัพเรือ โดยมีแผนเริ่มนำไปใช้จริงตั้งแต่ปี 2026 เพื่อให้การป้องกันครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/uk-strengthens-subsea-cables-against-russian-interference 🚨 Europol ปราบเครือข่าย “Violence-as-a-Service” Europol เปิดเผยแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมที่เรียกว่า “Violence-as-a-Service” ซึ่งเป็นการจ้างคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้ก่อเหตุรุนแรง ตั้งแต่ข่มขู่ ทรมาน ไปจนถึงฆาตกรรม เครือข่ายนี้เริ่มจากสวีเดนและแพร่ไปทั่วยุโรป จนต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจ GRIMM เพื่อสกัดกั้นการรับสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใน 6 เดือนแรกสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 193 คน พร้อมยึดอาวุธและกระสุนจำนวนมาก ถือเป็นการป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-cracks-down-on-violence-as-a-service-network 🤖 หุ่นยนต์ไล่เตะ CEO – โลกอนาคตที่เราเซ็นรับหรือยัง เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลคือหุ่นยนต์ T800 ของบริษัท EngineAI ที่โชว์พลังเตะใส่ CEO ของตัวเองจนกระเด็นไปไกล ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างด้วย CGI แต่ทำได้จริง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่เดินหรือโต้ตอบ แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 6 mph และทำท่าต่อสู้เหมือนมนุษย์ จุดประสงค์เบื้องหลังคือการโปรโมตงาน “Robot Boxing Match” ที่จะจัดขึ้นในจีน แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าอนาคตหุ่นยนต์อาจไม่ใช่ผู้ช่วยในบ้าน แต่กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียนแทน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/now-weve-got-robots-that-can-chase-and-kick-us-is-this-the-robot-revolution-we-signed-up-for 🚁 DJI FlyCart 100 – โดรนยักษ์แบกของหนัก 100 กิโลกรัม DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ FlyCart 100 ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งหนักโดยเฉพาะ สามารถแบกน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม และบินสูงถึง 6,000 เมตร พร้อมระบบวินซ์ยกของด้วยสายเคเบิล 30 เมตร มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้แบบ hot-swap และทนสภาพอากาศตั้งแต่ -20°C ถึง 40°C รวมถึงทนลมแรงและมีระบบหลบสิ่งกีดขวางด้วย LiDAR จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานในพื้นที่ก่อสร้างหรือภูเขาสูง แต่รูปลักษณ์ที่ดุดันทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับเครื่องจักรในหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นโดรนส่งพัสดุทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-terrifying-new-delivery-drone-is-its-most-powerful-so-far-the-flycart-100-can-carry-100kg-loads-and-climb-6-000m-mountains 📺 Sam Altman บน Tonight Show – AI คือพลังแห่งความเท่าเทียม Sam Altman CEO ของ OpenAI ไปออกรายการ Tonight Show กับ Jimmy Fallon เพื่อเล่าถึงการเติบโตของ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ เขาเปรียบ AI ว่าเป็น “พลังแห่งความเท่าเทียม” คล้ายกับการมาของสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่เขาย้ำว่า AI กำลังช่วยให้คนทั่วไปมีเครื่องมือทรงพลังในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เขียนเรซูเม่ไปจนถึงวางแผนการเดินทาง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/sam-altman-tells-jimmy-fallon-that-ai-is-the-equalizing-force-the-world-needs 💼 Salesforce Agentforce – เดิมพันอนาคตด้วย AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ Salesforce ประกาศเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้าง AI Agent สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้รายได้ไตรมาสล่าสุดจะโตถึง 9% เป็น 10.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังร่วงลงกว่า 29% ในปีนี้ การเปิดตัว Agentforce จึงถูกมองว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น ตำรวจ Thames Valley ที่ทดลองใช้ AI Assistant “Bobbi” ตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ แม้ยังมีข้อกังวลเรื่องความผิดพลาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามาอยู่ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/salesforce-bets-on-agentic-ai-platform-following-cautiously-optimistic-earnings-report 🖥️ จอมอนิเตอร์ 1000Hz – เร็วเกินไปหรือเปล่า? ข่าวที่ทำให้สายเกมเมอร์ต้องขมวดคิ้วคือการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ “dual-mode” ที่สามารถรีเฟรชเรตได้สูงถึง 1000Hz ฟังดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติ แต่หลายคนกลับมองว่ามันเกินความจำเป็น เพราะแม้แต่เกมแข่งขันระดับ eSports ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ไม่ถึง 360Hz การกระโดดไปถึง 1000Hz จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการตลาดมากกว่าความต้องการจริงของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดแวร์ยังคงพยายามหาจุดขายใหม่ ๆ อยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/monitors/the-worlds-first-1-000hz-dual-mode-gaming-monitors-are-coming-but-they-sound-completely-unnecessary 🚗 Lamborghini ชนะคดีโดเมน Lambo.com เรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์คือการที่ Lamborghini ฟ้องร้องเจ้าของโดเมน Lambo.com หลังจากเจ้าของพยายามขายชื่อโดเมนนี้ในราคา 75 ล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินว่าเจ้าของกระทำโดยไม่สุจริต และสั่งให้โดเมนตกเป็นของ Lamborghini ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชื่อแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการที่บริษัทใหญ่พร้อมจะปกป้องทรัพย์สินทางออนไลน์ของตนอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/man-attempts-to-break-world-record-with-usd75-million-domain-name-pitch-ends-up-empty-handed-instead ⌚ นาฬิกาฟิตเนสรุ่นใหม่ – คู่แข่ง Apple Watch SE 3 ข่าวหลุดล่าสุดเผยว่ากำลังจะมีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดรุ่นใหม่ ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch SE 3 จุดเด่นคือการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นยอดนิยม แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้หลายคนคาดว่าจะเป็น “ภาคต่อ” ของนาฬิกาฟิตเนสที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/forget-the-apple-watch-se-3-it-looks-like-a-big-sequel-to-our-best-ever-cheap-fitness-watch-has-just-leaked 🖥️ Windows 11 ปรับเมนูคลิกขวา ลบ AI Actions ที่ไม่ใช้ Microsoft กำลังทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ช่วยลดความรกใน Windows 11 โดยหากผู้ใช้ปิดการทำงานของ AI Actions ทั้งหมด เมนูคลิกขวาใน File Explorer จะไม่แสดงโฟลเดอร์ว่าง ๆ ของ AI อีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้ปิดแล้วก็ยังเห็นเมนูแต่ไม่มีฟังก์ชัน ซึ่งทำให้หลายคนงง การแก้ไขนี้จึงเป็นเหมือนการจัดระเบียบให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้ Windows 11 ดูสะอาดตาและตรงไปตรงมา 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/think-ai-actions-in-windows-11-are-pointless-microsoft-is-letting-you-banish-them-from-the-right-click-menu 🌐 Norton VPN ปรับปรุงครั้งใหญ่ เพิ่มความเร็วและความปลอดภัย ปีนี้ Norton VPN เดินหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง 25Gbps ในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับ P2P และเพิ่มตัวเลือก OpenVPN ทั้ง UDP และ TCP เพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น Norton ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกเกี่ยวกับโปรโตคอล Mimic ที่พัฒนาขึ้นเอง ผลคือไม่มีความเสี่ยงด้านเทคนิคและยังรองรับการเข้ารหัสที่ต้านทานคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ทำให้บริการนี้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด VPN 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/faster-speeds-more-locations-norton-vpn-caps-off-a-year-of-transformation 📱 Samsung Galaxy S26 อาจได้ MagSafe เวอร์ชันของตัวเอง ข่าวลือใหม่เผยว่า Galaxy S26 จะมาพร้อมระบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple ซึ่งจะเปิดทางให้มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น เคสแม่เหล็ก แท่นชาร์จ และที่ยึดติดรถยนต์ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ecosystem ของ Samsung เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสริมที่สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น หากเป็นจริง Galaxy S26 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่ง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-s26-might-finally-be-getting-its-version-of-magsafe-here-are-8-accessories-to-expect 🎬 Adobe จับมือ YouTube: เพิ่มเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์ Adobe และ YouTube ร่วมกันเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Premiere สำหรับการสร้าง YouTube Shorts โดยตรง จุดเด่นคือมีเอฟเฟกต์พิเศษ ทรานซิชัน และเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะ ทำให้การตัดต่อและอัปโหลดคลิปสั้นง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามเทรนด์เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจว่าคอนเทนต์แบบไหนกำลังมาแรง ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง Adobe และ Google ที่เคยนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในเครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ การอัปเดตนี้ช่วยให้การทำงานของครีเอเตอร์เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/adobe-and-youtube-love-in-delivers-new-tools-for-content-creators-and-resolves-the-biggest-issue-we-had-with-adobes-free-video-editing-app 💰 Amazon ทุ่มงบ 35 พันล้านดอลลาร์ลงทุน AI ในอินเดีย Amazon ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย มูลค่าถึง 35 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางด้าน AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของ Amazon ในตลาดเกิดใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazon-and-to-commit-usd35bn-into-ai-in-india 🎮 AMD Redstone: อัปเดตใหม่ที่อาจทำให้ Nvidia ต้องกังวล AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone สำหรับเทคโนโลยี FSR (FidelityFX Super Resolution) ที่ใช้ในการเรนเดอร์ภาพเกมบนพีซี การอัปเดตนี้ถูกคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมาก จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ DLSS จาก Nvidia หาก Redstone ทำได้ตามที่คาดไว้ มันอาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในตลาดกราฟิกการ์ด และทำให้ผู้เล่นเกมมีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-redstone-update-could-revitalize-fsr-for-pc-games-heres-why-nvidia-should-be-worried 🛡️ SAP อุดช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ S AP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่ถูกจัดว่าเป็นระดับวิกฤติถึง 3 จุด ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการแก้ไขครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่า SAP ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าในระดับองค์กรอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/three-critical-vulnerabilities-patched-by-sap-heres-what-we-know 🌐 ไต้หวันบล็อกแอป RedNote จุดกระแส VPN พุ่งแรง รัฐบาลไต้หวันได้สั่งบล็อกการใช้งานแอป RedNote ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในบางกลุ่ม ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดด้านการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศ และทำให้ตลาด VPN เติบโตขึ้นทันทีหลังจากมาตรการถูกประกาศ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/taiwan-blocks-rednote-app-sparking-vpn-surge 📱 Motorola โชว์มือถือพับใหม่ท้าชน Samsung Galaxy Z Fold 7 Motorola กำลังกลับมาสู่ตลาดมือถือพับได้อีกครั้ง โดยล่าสุดได้ปล่อยทีเซอร์มือถือรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Samsung Galaxy Z Fold 7 แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม ๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดมือถือพับได้ยังคงร้อนแรง และ Motorola ต้องการกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Samsung ที่ครองตลาดอยู่ในตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/motorola-phones/motorola-just-teased-a-new-foldable-to-rival-the-samsung-galaxy-z-fold-7 📸 Instagram เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมอัลกอริทึมเอง Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นโพสต์แบบไหน โดยสามารถปรับการแสดงผลให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น การจัดลำดับตามเวลา หรือการเลือกเนื้อหาที่สนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนใช้แพลตฟอร์ม และอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโซเชียลมีเดียในอนาคต เพราะเป็นการคืนอำนาจการควบคุมให้กับผู้ใช้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/social-media/instagram-just-gave-users-algorithm-control-and-this-could-change-the-face-of-social-media 🖥️ ทำไมระบบเทคโนโลยีที่ไม่เชื่อมต่อกันกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน หลายองค์กรลงทุนในเทคโนโลยีมากมาย แต่กลับสูญเสียเงินมหาศาลเพราะระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลามากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือแก้ปัญหาซ้ำ ๆ สิ่งนี้ไม่เพียงลดประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้คนเก่ง ๆ หมดไฟและลาออกไปในที่สุด ทางออกคือการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด มีความสามารถในการแก้ไขตัวเองอัตโนมัติ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้นและรักษาคนเก่งไว้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-disconnected-tech-stacks-are-undermining-your-workforce-and-how-to-fix-it 🇬🇧 อังกฤษยังไม่คิดทำตามออสเตรเลียเรื่องแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16 หลังจากออสเตรเลียประกาศห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย อังกฤษถูกถามว่าจะทำตามหรือไม่ รัฐมนตรีวัฒนธรรม Lisa Nandy ยืนยันว่า “ยังไม่มีแผน” เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้และผลกระทบที่อาจผลักเด็กไปใช้ช่องทางอื่น แต่ก็เปิดช่องว่า หากมาตรการนี้ได้ผล อังกฤษอาจพิจารณาในอนาคต ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างการปกป้องเยาวชนกับสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-has-no-plans-to-replicate-australias-social-media-ban-yet 🎬 Google Photos เพิ่มเครื่องมือใหม่สู้ CapCut Google Photos เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการตัดต่อวิดีโอ โดยเพิ่ม “template” สำเร็จรูปที่มีเพลงและข้อความพร้อม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปสั้น ๆ สไตล์ TikTok หรือ Reels ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าตา editor ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชันใส่เพลงและข้อความลงในคลิป ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้ทั้งบน Android และ iOS และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดต่อวิดีโอบนมือถือของ Google 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-photos-takes-on-capcut-with-5-handy-new-video-editing-tools-including-a-time-saving-template-feature 📱 การหลอกลวงผ่าน SMS หรือ Smishing กำลังกลายเป็นภัยต่อธุรกิจ จากเดิมที่เป็นเพียงการหลอกผู้บริโภค ตอนนี้ Smishing หรือการส่งข้อความ SMS หลอกลวงได้พัฒนาไปถึงระดับที่คุกคามองค์กร โดยอาชญากรใช้เครื่อง “SMS Blaster” ที่สามารถส่งข้อความปลอมจำนวนมหาศาลได้ในไม่กี่วินาที ทำให้พนักงานตกเป็นเป้าหมายและอาจเผลอให้ข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังหาทางป้องกัน ทั้งการบล็อกข้อความลิงก์ต้องสงสัย และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง RCS ที่มีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแรงกว่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/smishings-evolution-from-consumer-scam-to-enterprise-threat-how-industry-is-fighting-back 📚 CEO มองว่าเรื่องการเรียนรู้ AI ต้องฝึกเอง ในโลกธุรกิจปัจจุบัน AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริหารหลายคนกลับมองว่า การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะด้าน AI ไม่ควรพึ่งพาองค์กรจัดฝึกอบรมให้ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเองที่จะต้องหาความรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของการทำงานยุคใหม่คือ “ใครปรับตัวได้เร็ว คนนั้นได้เปรียบ” 🔗 https://www.techradar.com/pro/need-ai-training-ceos-think-you-should-train-yourself 💾 ชิป PCIe ตัวเดียวเปลี่ยน DDR4 ให้มีพลังเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับวงการเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ คืออุปกรณ์ PCIe ที่สามารถทำให้หน่วยความจำ DDR4 รุ่นเก่ากลับมามีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกือบสามเท่า โดยใช้เทคโนโลยี CXL เพื่อเชื่อมต่อและขยายความสามารถ เท่ากับว่าบริษัทใหญ่ที่มีฮาร์ดแวร์เก่าอยู่แล้วสามารถรีไซเคิลมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ DDR5 ในราคาสูง ถือเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-tiny-chip-could-singlehandedly-solve-the-ram-shortage-by-allowing-hyperscalers-to-reuse-old-ddr4-memory-via-cxl-and-it-even-comes-with-an-extraordinary-feature ⚖️ HBO Max ผู้ใช้ฟ้อง Netflix ด้วยคดีใหญ่ เกิดคดีความที่น่าสนใจในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อผู้ใช้ HBO Max รายหนึ่งยื่นฟ้อง Netflix ในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่าง Netflix และ Warner Bros จะสร้างความเสียหายต่อการแข่งขัน และอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดสตรีมมิ่ง ผู้ฟ้องร้องมองว่าตนเองและผู้ใช้รายอื่นจะได้รับผลกระทบในเชิง “การเลือกที่น้อยลงและราคาที่สูงขึ้น” เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นคดีที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/hbo-max-subscriber-sues-netflix-in-dramatic-class-action-lawsuit-claiming-the-warner-bros-deal-will-cause-irreparable-antitrust-injury 🛡️ TunnelBear ปรับโมเดล VPN ฟรีใหม่ TunnelBear กำลังปรับเปลี่ยนบริการ VPN ฟรีของตัวเอง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แบบฟรีจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อีกต่อไป และฟีเจอร์ SplitBear หรือ split tunneling ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน ผู้ใช้ฟรียังคงได้ใช้งาน 2GB ต่อเดือน แต่จะถูกสุ่มเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ระบบเลือกให้ จุดประสงค์คือเพื่อรักษาความยั่งยืนของบริการโดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือขายข้อมูล ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียม 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/tunnelbear-reshapes-its-free-vpn-model-amid-rising-infrastructure-costs 🚫 Bluesky บังคับตรวจสอบอายุ ตามกฎหมายออสเตรเลีย Bluesky ต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่ของออสเตรเลียที่ห้ามผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดีย จึงเริ่มบังคับตรวจสอบอายุผู้ใช้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ นอกจากนี้ยังมีการกลับคำสั่งบล็อกผู้ใช้ในรัฐ Mississippi ที่เคยถูกจำกัดการเข้าถึง ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงดำเนินงานได้ในหลายประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/bluesky-enforces-age-checks-to-comply-with-australias-under-16s-social-media-ban-and-reverses-mississippis-block 🔐 Proton Pass เพิ่ม CLI สำหรับนักพัฒนา Proton Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวจัดการรหัสผ่านที่ได้รับความนิยม ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือ Command-Line Interface (CLI) ให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลลับจาก terminal ได้โดยตรง ทำให้สามารถสร้าง workflow อัตโนมัติที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังคงรักษาการเข้ารหัสแบบ end-to-end และรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม CI/CD หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มี UI ผู้ใช้ฟรีจะไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/proton-pass-just-made-it-even-easier-for-developers-to-retrieve-secrets-and-thats-a-win-for-everyone-involved 💻 ญี่ปุ่นเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังมีพอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD ในยุคที่โน้ตบุ๊กทั่วโลกตัดพอร์ตเก่า ๆ ออกไปหมด ญี่ปุ่นกลับยังคงมีตลาดที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ล่าสุด NEC เปิดตัว VersaPro VX-R ที่ใช้ชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ แต่ยังคงใส่พอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD มาให้ เหตุผลคือหลายองค์กร โรงเรียน และสถาบันในญี่ปุ่นยังใช้โปรเจกเตอร์และระบบเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ทำให้การมีพอร์ตเหล่านี้ยังจำเป็น ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7, มีระบบความปลอดภัยครบ และยังคงเป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่กับความต้องการดั้งเดิมของตลาดญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-only-core-ultra-265u-laptop-with-a-vga-port-and-a-dvd-writer-just-launched-and-yes-it-has-to-be-in-japan 🚨 ช่องโหว่ React2Shell ถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้โจมตี หลังจากที่จีนถูกพบว่าใช้ช่องโหว่ React2Shell ในการโจมตี ตอนนี้มีรายงานว่าเกาหลีเหนือก็เข้ามาใช้ช่องโหว่นี้เช่นกัน โดยพวกเขาพัฒนา malware ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ซับซ้อนกว่าเดิม ใช้ smart contract ของ Ethereum เป็นระบบควบคุม, มีวิธีฝังตัวใน Linux ถึง 5 แบบ และยังดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อทำงานต่อ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่า “critical” ระดับ 10/10 และนักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดต React เป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที เพราะเป็นการโจมตีที่อาจกระทบผู้พัฒนาเว็บจำนวนมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-react2shell-flaw-exploited-by-north-korean-hackers-in-malware-attacks 🛡️ Google เสริมเกราะป้องกัน Chrome จากการโจมตีแบบ Prompt Injection Google ประกาศเพิ่มระบบป้องกันใหม่ใน Chrome เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เรียกว่า Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในเว็บเพจหรือ extension เพื่อหลอกให้ AI ทำงานผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยตรวจจับและบล็อกคำสั่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่ผู้ใช้จะโดนหลอกหรือข้อมูลจะรั่วไหล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้เบราว์เซอร์ปลอดภัยขึ้นในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/google-adds-prompt-injection-defenses-to-chrome 💾 Teamgroup เปิดตัว PD40 SSD พกพาเล็กแต่แรงด้วย USB4 Teamgroup เปิดตัวไดรฟ์ PD40 ที่ใช้มาตรฐาน USB4 ทำให้มีความเร็วสูงมากเมื่อเทียบกับ SSD พกพาทั่วไป จุดเด่นคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงให้ความเร็วระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ โดยตั้งใจจะเจาะตลาดที่ SSD พกพามีราคาสูงเกินไป รุ่นนี้จึงถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความสะดวกในการพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/finally-another-external-usb4-ssd-hit-the-market-and-this-one-is-likely-to-be-far-more-affordable-than-rivals 📊 ศึกชิงแชมป์โลก Excel 2025 การแข่งขัน Excel World Championship ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส และผู้ชนะคือ Diarmuid Early ที่ถูกขนานนามว่า “LeBron James แห่ง Excel” เขาสามารถเอาชนะ Andrew Ngai แชมป์เก่าถึงสามสมัยได้ ด้วยการทำโจทย์สุดโหด ทั้งการจัดการข้อมูลมหาศาล การสร้าง Pivot Table ซับซ้อน และแม้กระทั่งโจทย์พับโมดูล Excel แบบ Origami ผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเข็มขัดแชมป์แบบนักมวยปล้ำ ถือเป็นการยกระดับการใช้ Excel จากเครื่องมือทำงานสู่กีฬาแข่งขันที่จริงจังและสนุกสนาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/battle-of-the-pivot-tables-diarmuid-the-lebron-james-of-excel-defeats-three-time-champion-andrew-ngai-to-claim-the-2025-title-and-usd5-000-cash-prize 💾 Beelink เปิดตัว NAS จิ๋วแต่จุใจ Beelink เตรียมปล่อย NAS รุ่น ME Pro ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ช่องและ 4 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ จุดเด่นคือรุ่น 4 ช่องสามารถรองรับความจุรวมสูงสุดถึง 120TB แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเพียง 4 ลิตรเท่านั้น ใช้โครงสร้างแบบ Unibody ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในและทำให้เครื่องเล็กกว่าคู่แข่งมาก แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่อง CPU หรือระบบปฏิบัติการ แต่การออกแบบนี้สะท้อนแนวทางใหม่ของ Beelink ที่ต้องการทำให้ NAS มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุสูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/beelink-promises-a-4-liter-4-drive-nas-that-could-hold-120tb-in-the-palm-of-your-hand 📱 ลังเลใจระหว่าง iPhone และ Android นักเขียนจาก TechRadar เล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าใช้ iPhone มานานกว่า 4 ปีหลังจากย้ายจาก Android แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะกลับไปใช้ Android อีกครั้ง เหตุผลมาจากการเจอปัญหากับ iOS 26 และความสนใจใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่อยู่ตรงหน้า เขายังเปิดโพลให้ผู้อ่านช่วยตัดสินใจว่าจะควรกลับไป Android หรือไม่ พร้อมบอกว่าถ้าเปลี่ยนจริงก็อยากลอง Pixel 10 Pro หรือรุ่นเรือธงจาก Oppo และ OnePlus ถือเป็นการเปิดใจถามความเห็นจากชุมชนผู้ใช้มือถือโดยตรง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/should-i-abandon-my-iphone-for-a-return-to-android-tell-me-what-to-do 🔥 Imec เผยความท้าทายของ 3D Memory-on-GPU งานประชุม IEDM 2025 มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จาก Imec ที่วางซ้อนหน่วยความจำ HBM แบบ 3D บน GPU เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการประมวลผลสำหรับงาน AI แม้จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2.5D แต่การจำลองความร้อนพบว่าชิปสามารถร้อนทะลุ 140°C ซึ่งเกินขีดจำกัดการทำงาน ต้องใช้วิธีลดความเร็ว GPU ลงครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็ทำให้การฝึก AI ช้าลงถึง 28% เทคโนโลยีนี้จึงยังเป็นดาบสองคมที่ต้องหาทางแก้เรื่องความร้อนก่อนจะนำไปใช้จริงในศูนย์ข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/hbm-on-gpu-set-to-power-the-next-revolution-in-ai-accelerators-and-just-to-confirm-theres-no-way-this-will-come-to-your-video-card-anytime-soon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1362 มุมมอง 0 รีวิว
  • PeerTube: แพลตฟอร์มวิดีโอแบบกระจายศูนย์

    PeerTube ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกแทนแพลตฟอร์มวิดีโอเชิงพาณิชย์ โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ decentralized ที่ผู้ใช้สามารถโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ของตนเองและเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย ทำให้ลดการพึ่งพาบริษัทใหญ่และเพิ่มความเป็นอิสระในการเผยแพร่เนื้อหา

    การใช้งานจริงในองค์กรและสถาบัน
    แพลตฟอร์มนี้ถูกนำไปใช้โดย กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส (มีคลิปกว่า 100,000 วิดีโอ), สภาวิจัยแห่งชาติอิตาลี, มหาวิทยาลัยและสถาบันศิลปะในเยอรมนี รวมถึงโครงการโอเพ่นซอร์สชื่อดังอย่าง Blender และ Debian สิ่งนี้สะท้อนว่า PeerTube ไม่ได้เป็นเพียงโครงการทดลอง แต่ถูกใช้จริงในระดับองค์กรและชุมชนโลก

    จุดแข็งด้านโอเพ่นซอร์สและความปลอดภัย
    PeerTube ใช้สัญญาอนุญาต AGPL-3.0 และมีการตรวจสอบตามมาตรฐาน DPG เช่น ความเป็นอิสระของแพลตฟอร์ม, การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล, และการจัดการเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม จุดนี้ทำให้ PeerTube เป็นโซลูชันที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความมั่นใจด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

    ความหมายต่อระบบนิเวศดิจิทัล
    การที่ PeerTube ได้รับการรับรองเป็น Digital Public Good หมายถึงการยอมรับว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีคุณค่าต่อสาธารณะ สามารถช่วยให้ประเทศและองค์กรต่าง ๆ มีทางเลือกในการสร้างแพลตฟอร์มวิดีโอที่ไม่ขึ้นกับบริษัทเชิงพาณิชย์ และสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม

    สรุปสาระสำคัญ
    PeerTube เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอแบบ decentralized
    ผู้ใช้สามารถโฮสต์เซิร์ฟเวอร์เองและเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย

    ใช้งานจริงโดยองค์กรระดับโลก
    เช่น กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส, สภาวิจัยแห่งชาติอิตาลี, Blender, Debian

    ได้รับการรับรองเป็น Digital Public Good (DPG) ปี 2025
    ผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัย, ความโปร่งใส, และการปกป้องข้อมูล

    ใช้สัญญาอนุญาต AGPL-3.0
    เปิดให้ตรวจสอบและพัฒนาได้อย่างอิสระ

    หากไม่มีการอัปเดตต่อเนื่อง อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    การละเลยการบำรุงรักษาอาจทำให้ระบบไม่เสถียร

    การโฮสต์ PeerTube ต้องใช้ทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์และการจัดการที่เหมาะสม
    หากขาดการดูแล อาจทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้ไม่ดี

    https://www.digitalpublicgoods.net/r/peertube
    🎥 PeerTube: แพลตฟอร์มวิดีโอแบบกระจายศูนย์ PeerTube ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกแทนแพลตฟอร์มวิดีโอเชิงพาณิชย์ โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ decentralized ที่ผู้ใช้สามารถโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ของตนเองและเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย ทำให้ลดการพึ่งพาบริษัทใหญ่และเพิ่มความเป็นอิสระในการเผยแพร่เนื้อหา 🌍 การใช้งานจริงในองค์กรและสถาบัน แพลตฟอร์มนี้ถูกนำไปใช้โดย กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส (มีคลิปกว่า 100,000 วิดีโอ), สภาวิจัยแห่งชาติอิตาลี, มหาวิทยาลัยและสถาบันศิลปะในเยอรมนี รวมถึงโครงการโอเพ่นซอร์สชื่อดังอย่าง Blender และ Debian สิ่งนี้สะท้อนว่า PeerTube ไม่ได้เป็นเพียงโครงการทดลอง แต่ถูกใช้จริงในระดับองค์กรและชุมชนโลก 🔐 จุดแข็งด้านโอเพ่นซอร์สและความปลอดภัย PeerTube ใช้สัญญาอนุญาต AGPL-3.0 และมีการตรวจสอบตามมาตรฐาน DPG เช่น ความเป็นอิสระของแพลตฟอร์ม, การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล, และการจัดการเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม จุดนี้ทำให้ PeerTube เป็นโซลูชันที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความมั่นใจด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว 📈 ความหมายต่อระบบนิเวศดิจิทัล การที่ PeerTube ได้รับการรับรองเป็น Digital Public Good หมายถึงการยอมรับว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีคุณค่าต่อสาธารณะ สามารถช่วยให้ประเทศและองค์กรต่าง ๆ มีทางเลือกในการสร้างแพลตฟอร์มวิดีโอที่ไม่ขึ้นกับบริษัทเชิงพาณิชย์ และสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ PeerTube เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอแบบ decentralized ➡️ ผู้ใช้สามารถโฮสต์เซิร์ฟเวอร์เองและเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย ✅ ใช้งานจริงโดยองค์กรระดับโลก ➡️ เช่น กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส, สภาวิจัยแห่งชาติอิตาลี, Blender, Debian ✅ ได้รับการรับรองเป็น Digital Public Good (DPG) ปี 2025 ➡️ ผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัย, ความโปร่งใส, และการปกป้องข้อมูล ✅ ใช้สัญญาอนุญาต AGPL-3.0 ➡️ เปิดให้ตรวจสอบและพัฒนาได้อย่างอิสระ ‼️ หากไม่มีการอัปเดตต่อเนื่อง อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ⛔ การละเลยการบำรุงรักษาอาจทำให้ระบบไม่เสถียร ‼️ การโฮสต์ PeerTube ต้องใช้ทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์และการจัดการที่เหมาะสม ⛔ หากขาดการดูแล อาจทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้ไม่ดี https://www.digitalpublicgoods.net/r/peertube
    WWW.DIGITALPUBLICGOODS.NET
    PeerTube
    PeerTube is a tool for hosting, managing, and sharing videos or live streams.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.41

    รัฐธรรมนูญไทย กฎหมายสูงสุดเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

    รัฐธรรมนูญเปรียบเสมือนรากฐานอันแข็งแกร่งของประเทศ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนการปกครองและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดำเนินไปอย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย เหนือกว่ากฎหมายใดๆ ในแผ่นดิน รัฐธรรมนูญทำหน้าที่กำหนดทิศทาง โครงสร้างอำนาจ และขอบเขตการใช้อำนาจรัฐอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือในทางมิชอบ ซึ่งอาจนำมาซึ่งความไม่เป็นธรรมและความเดือดร้อนแก่ประชาชนได้ หัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญคือการธำรงไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการแสดงออก สิทธิในการประกอบอาชีพ สิทธิในการได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หรือสิทธิอื่นๆ ที่พึงมีพึงได้ในฐานะพลเมือง รัฐธรรมนูญยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดระเบียบองค์กรของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่ออกกฎหมาย ฝ่ายบริหาร ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน และฝ่ายตุลาการ ซึ่งมีหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย ทุกฝ่ายต้องทำงานภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลและตรวจสอบซึ่งกันและกัน อันจะนำมาซึ่งความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังสะท้อนถึงเจตนารมณ์และความปรารถนาร่วมกันของคนในชาติในการสร้างสรรค์สังคมที่สงบสุข ยุติธรรม และก้าวหน้า ทุกถ้อยคำในรัฐธรรมนูญจึงมิได้เป็นเพียงบทบัญญัติทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนสัญญาประชาคมที่ประชาชนได้ให้ไว้แก่กัน เพื่อที่จะเคารพและปฏิบัติตามร่วมกัน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม

    ดังนั้น การทำความเข้าใจในสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน เพราะเมื่อประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในสิทธิหน้าที่ของตนเอง และบทบาทของรัฐธรรมนูญในการคุ้มครองสิทธิเหล่านั้น ก็จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของรัฐ และปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การศึกษาและเรียนรู้รัฐธรรมนูญอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้เราตระหนักถึงคุณค่าของการเป็นพลเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกัน ประชาชนมีสิทธิที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสาร มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และมีสิทธิที่จะเลือกผู้แทนของตนเองเข้าไปทำหน้าที่ในสภา เพื่อสะท้อนปัญหาและความต้องการของประชาชน รัฐธรรมนูญจึงมิได้เป็นเพียงเอกสารทางกฎหมายที่แห้งแล้ง แต่เป็นเครื่องมือที่มีชีวิต ที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามบริบททางสังคมและการเมือง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของประชาชนในแต่ละยุคสมัย และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของประเทศ เพื่อให้กฎหมายสูงสุดนี้ยังคงเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งและเป็นธรรมสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

    ท้ายที่สุดนี้ รัฐธรรมนูญไทยจึงเป็นมากกว่ากฎหมาย มันคือจิตวิญญาณแห่งความเป็นชาติ คือเครื่องมือในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเสมอภาค คือหลักประกันแห่งสิทธิเสรีภาพ และคือแผนที่นำทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนของประเทศไทย การเรียนรู้และปกป้องรัฐธรรมนูญจึงเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคน เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นดินแดนแห่งความหวังและโอกาสสำหรับคนรุ่นต่อไปตราบนานเท่านาน
    บทความกฎหมาย EP.41 รัฐธรรมนูญไทย กฎหมายสูงสุดเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน รัฐธรรมนูญเปรียบเสมือนรากฐานอันแข็งแกร่งของประเทศ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนการปกครองและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดำเนินไปอย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย เหนือกว่ากฎหมายใดๆ ในแผ่นดิน รัฐธรรมนูญทำหน้าที่กำหนดทิศทาง โครงสร้างอำนาจ และขอบเขตการใช้อำนาจรัฐอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือในทางมิชอบ ซึ่งอาจนำมาซึ่งความไม่เป็นธรรมและความเดือดร้อนแก่ประชาชนได้ หัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญคือการธำรงไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการแสดงออก สิทธิในการประกอบอาชีพ สิทธิในการได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หรือสิทธิอื่นๆ ที่พึงมีพึงได้ในฐานะพลเมือง รัฐธรรมนูญยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดระเบียบองค์กรของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่ออกกฎหมาย ฝ่ายบริหาร ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน และฝ่ายตุลาการ ซึ่งมีหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย ทุกฝ่ายต้องทำงานภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลและตรวจสอบซึ่งกันและกัน อันจะนำมาซึ่งความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังสะท้อนถึงเจตนารมณ์และความปรารถนาร่วมกันของคนในชาติในการสร้างสรรค์สังคมที่สงบสุข ยุติธรรม และก้าวหน้า ทุกถ้อยคำในรัฐธรรมนูญจึงมิได้เป็นเพียงบทบัญญัติทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนสัญญาประชาคมที่ประชาชนได้ให้ไว้แก่กัน เพื่อที่จะเคารพและปฏิบัติตามร่วมกัน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม ดังนั้น การทำความเข้าใจในสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน เพราะเมื่อประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในสิทธิหน้าที่ของตนเอง และบทบาทของรัฐธรรมนูญในการคุ้มครองสิทธิเหล่านั้น ก็จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของรัฐ และปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การศึกษาและเรียนรู้รัฐธรรมนูญอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้เราตระหนักถึงคุณค่าของการเป็นพลเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกัน ประชาชนมีสิทธิที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสาร มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และมีสิทธิที่จะเลือกผู้แทนของตนเองเข้าไปทำหน้าที่ในสภา เพื่อสะท้อนปัญหาและความต้องการของประชาชน รัฐธรรมนูญจึงมิได้เป็นเพียงเอกสารทางกฎหมายที่แห้งแล้ง แต่เป็นเครื่องมือที่มีชีวิต ที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามบริบททางสังคมและการเมือง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของประชาชนในแต่ละยุคสมัย และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของประเทศ เพื่อให้กฎหมายสูงสุดนี้ยังคงเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งและเป็นธรรมสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง ท้ายที่สุดนี้ รัฐธรรมนูญไทยจึงเป็นมากกว่ากฎหมาย มันคือจิตวิญญาณแห่งความเป็นชาติ คือเครื่องมือในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเสมอภาค คือหลักประกันแห่งสิทธิเสรีภาพ และคือแผนที่นำทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนของประเทศไทย การเรียนรู้และปกป้องรัฐธรรมนูญจึงเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคน เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นดินแดนแห่งความหวังและโอกาสสำหรับคนรุ่นต่อไปตราบนานเท่านาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากม้าสู่เครื่องยนต์: การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลัน เปรียบกับมนุษย์สู่ AI

    บทความ Horses โดย Andy L. Jones ใช้การเปรียบเทียบ “ม้า” กับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความก้าวหน้าของ AI อาจทำให้มนุษย์ถูกแทนที่อย่างรวดเร็วเหมือนที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์.

    บทความเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ตั้งแต่ปี 1700 ที่ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงแรก ม้าแทบไม่ได้รับผลกระทบ จนกระทั่งปี 1930–1950 ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% เพราะเครื่องยนต์ได้เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์. จุดนี้สะท้อนว่า ความก้าวหน้าที่ดูเหมือนค่อยเป็นค่อยไป อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบฉับพลัน.

    จากหมากรุกสู่ AI: ความเหนือกว่าที่เกิดขึ้นเร็ว
    ผู้เขียนเปรียบเทียบกับวงการหมากรุกคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1985 โดยเพิ่มระดับ Elo เฉลี่ย 50 คะแนนต่อปี ในปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ถึง 90% แต่เพียงสิบปีต่อมา มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% แสดงให้เห็นว่า ความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรสามารถพลิกกลับได้ในเวลาไม่นาน.

    AI และการแทนที่มนุษย์
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงจากการทำงานที่ Anthropic โดยในปี 2024 เขายังต้องตอบคำถามใหม่ ๆ ของทีมงานกว่า 4,000 คำถามต่อเดือน แต่เพียงหกเดือนหลังจาก Claude (AI ของ Anthropic) พัฒนาขึ้นมา AI สามารถตอบได้ถึง 30,000 คำถามต่อเดือน และแทนที่งานของเขาไปถึง 80%. สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่า AI กำลังแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์.

    บทเรียนจากม้า: อนาคตของมนุษย์กับ AI
    บทสรุปของบทความคือ การเปรียบเทียบกับม้าในปี 1920 ที่มีถึง 25 ล้านตัวในสหรัฐฯ แต่เพียงไม่กี่ทศวรรษต่อมา 93% ของม้าได้หายไป ผู้เขียนหวังว่ามนุษย์จะมีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อยสองทศวรรษเหมือนม้า แต่จากความเร็วของ AI ในปัจจุบัน เขากังวลว่า เราอาจมีเวลาน้อยกว่านั้นมาก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    บทเรียนจากม้าและเครื่องยนต์
    การพัฒนาเครื่องยนต์ใช้เวลานาน แต่การแทนที่ม้าเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
    ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% ระหว่างปี 1930–1950

    บทเรียนจากหมากรุกคอมพิวเตอร์
    ปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ 90%
    ปี 2010 มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90%

    ประสบการณ์ตรงจาก AI (Claude)
    ปี 2024 มนุษย์ตอบคำถามใหม่ ๆ ได้ 4,000 คำถามต่อเดือน
    เพียงหกเดือนต่อมา Claude ตอบได้ 30,000 คำถามต่อเดือน
    งานของมนุษย์ถูกแทนที่ไปถึง 80%

    คำเตือนจากบทความ
    AI อาจแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์
    เราอาจมีเวลาน้อยกว่าสองทศวรรษในการปรับตัว
    การไม่เตรียมรับมืออาจทำให้มนุษย์เสียเปรียบอย่างรุนแรง

    https://andyljones.com/posts/horses.html
    🐎 จากม้าสู่เครื่องยนต์: การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลัน เปรียบกับมนุษย์สู่ AI บทความ Horses โดย Andy L. Jones ใช้การเปรียบเทียบ “ม้า” กับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความก้าวหน้าของ AI อาจทำให้มนุษย์ถูกแทนที่อย่างรวดเร็วเหมือนที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์. บทความเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ตั้งแต่ปี 1700 ที่ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงแรก ม้าแทบไม่ได้รับผลกระทบ จนกระทั่งปี 1930–1950 ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% เพราะเครื่องยนต์ได้เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์. จุดนี้สะท้อนว่า ความก้าวหน้าที่ดูเหมือนค่อยเป็นค่อยไป อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบฉับพลัน. ♟️ จากหมากรุกสู่ AI: ความเหนือกว่าที่เกิดขึ้นเร็ว ผู้เขียนเปรียบเทียบกับวงการหมากรุกคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1985 โดยเพิ่มระดับ Elo เฉลี่ย 50 คะแนนต่อปี ในปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ถึง 90% แต่เพียงสิบปีต่อมา มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% แสดงให้เห็นว่า ความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรสามารถพลิกกลับได้ในเวลาไม่นาน. 🤖 AI และการแทนที่มนุษย์ ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงจากการทำงานที่ Anthropic โดยในปี 2024 เขายังต้องตอบคำถามใหม่ ๆ ของทีมงานกว่า 4,000 คำถามต่อเดือน แต่เพียงหกเดือนหลังจาก Claude (AI ของ Anthropic) พัฒนาขึ้นมา AI สามารถตอบได้ถึง 30,000 คำถามต่อเดือน และแทนที่งานของเขาไปถึง 80%. สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่า AI กำลังแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์. 🕰️ บทเรียนจากม้า: อนาคตของมนุษย์กับ AI บทสรุปของบทความคือ การเปรียบเทียบกับม้าในปี 1920 ที่มีถึง 25 ล้านตัวในสหรัฐฯ แต่เพียงไม่กี่ทศวรรษต่อมา 93% ของม้าได้หายไป ผู้เขียนหวังว่ามนุษย์จะมีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อยสองทศวรรษเหมือนม้า แต่จากความเร็วของ AI ในปัจจุบัน เขากังวลว่า เราอาจมีเวลาน้อยกว่านั้นมาก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ บทเรียนจากม้าและเครื่องยนต์ ➡️ การพัฒนาเครื่องยนต์ใช้เวลานาน แต่การแทนที่ม้าเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ➡️ ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% ระหว่างปี 1930–1950 ✅ บทเรียนจากหมากรุกคอมพิวเตอร์ ➡️ ปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ 90% ➡️ ปี 2010 มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% ✅ ประสบการณ์ตรงจาก AI (Claude) ➡️ ปี 2024 มนุษย์ตอบคำถามใหม่ ๆ ได้ 4,000 คำถามต่อเดือน ➡️ เพียงหกเดือนต่อมา Claude ตอบได้ 30,000 คำถามต่อเดือน ➡️ งานของมนุษย์ถูกแทนที่ไปถึง 80% ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ AI อาจแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ ⛔ เราอาจมีเวลาน้อยกว่าสองทศวรรษในการปรับตัว ⛔ การไม่เตรียมรับมืออาจทำให้มนุษย์เสียเปรียบอย่างรุนแรง https://andyljones.com/posts/horses.html
    ANDYLJONES.COM
    Horses
    AI progress is steady. Human equivalence is sudden.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.40

    สหภาพแรงงาน หรือที่ในทางสากลรู้จักกันในชื่อ Trade Union หรือ Labor Union นั้น เป็นมากกว่าการรวมกลุ่มทางสังคม แต่เป็นองค์กรที่มีฐานะและอำนาจตามกฎหมายอย่างชัดเจน ภายใต้บริบทของกฎหมายแรงงานไทย การรวมตัวของลูกจ้างเพื่อก่อตั้งสหภาพแรงงานถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 เจตนารมณ์หลักของกฎหมายฉบับนี้คือการส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง โดยมีสหภาพแรงงานเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความสมดุลแห่งอำนาจการต่อรอง ซึ่งโดยปกติลูกจ้างแต่ละคนจะอยู่ในสถานะที่อ่อนแอกว่านายจ้าง การรวมตัวจึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ลูกจ้างมีพลังในการปกป้องและเรียกร้องผลประโยชน์ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กฎหมายกำหนดให้การก่อตั้งสหภาพแรงงานต้องมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้างและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งหมายความว่ากิจกรรมของสหภาพแรงงานจะต้องมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการจ้างงาน ค่าจ้าง สวัสดิการ ชั่วโมงการทำงาน และสภาพการทำงานอื่นๆ เป็นหลัก การที่สหภาพแรงงานได้รับสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายทำให้สหภาพแรงงานมีอำนาจในการดำเนินการต่างๆ ในนามของสมาชิก เช่น การเข้าเจรจาต่อรองกับนายจ้าง การทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง การยื่นข้อเรียกร้อง การระงับข้อพิพาทแรงงาน และแม้กระทั่งการฟ้องร้องคดีต่อศาลแรงงานเพื่อปกป้องสิทธิของสมาชิกในกรณีที่นายจ้างกระทำการอันไม่เป็นธรรม

    อำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายของสหภาพแรงงานมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเป็นตัวแทนในการเจรจาต่อรองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทบาทในการดูแลให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ทำไว้ สหภาพแรงงานมีสิทธิในการเข้ายื่นข้อเรียกร้องและเจรจาต่อรองกับนายจ้างเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดสภาพการจ้างใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของสหภาพแรงงานในทางปฏิบัติ หากการเจรจาไม่เป็นผลนำไปสู่ข้อพิพาทแรงงาน สหภาพแรงงานก็มีสิทธิในการใช้มาตรการทางกฎหมาย เช่น การนัดหยุดงาน เพื่อกดดันให้นายจ้างยอมรับข้อเรียกร้อง ภายใต้เงื่อนไขและขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองกรรมการและสมาชิกสหภาพแรงงานจากการถูกกระทำการอันไม่เป็นธรรมจากนายจ้าง เช่น การเลิกจ้าง หรือการกระทำอื่นใดที่เป็นการขัดขวางการดำเนินงานของสหภาพแรงงาน การกระทำอันไม่เป็นธรรมถือเป็นความผิดตามกฎหมายซึ่งมีบทลงโทษสำหรับนายจ้างที่ฝ่าฝืน และลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เพื่อขอให้มีคำสั่งให้นายจ้างกลับไปจ้างหรือจ่ายค่าเสียหายได้ การมีอยู่ของสหภาพแรงงานจึงเป็นกลไกที่ช่วยลดช่องว่างแห่งอำนาจระหว่างลูกจ้างรายบุคคลกับนายจ้าง โดยอาศัยอำนาจทางกฎหมายในการสร้างสมดุลและนำมาซึ่งความเป็นธรรมในระบบการจ้างงาน นอกจากนี้ สหภาพแรงงานยังมีบทบาทในการให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่สมาชิก เพื่อให้ลูกจ้างทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง และสามารถใช้สิทธิเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่และถูกต้องตามกฎหมาย การรวมตัวจึงเป็นพลังที่มิได้มาจากจำนวนเท่านั้น แต่มาจากฐานทางกฎหมายที่รองรับและให้อำนาจในการดำเนินการ

    โดยสรุปแล้ว สหภาพแรงงานเป็นองค์กรที่ถือกำเนิดขึ้นจากความสมัครใจของลูกจ้าง แต่ได้รับความชอบธรรมและอำนาจในการดำเนินการเพื่อปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของสมาชิกตามที่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ของประเทศไทยรับรองไว้ การดำรงอยู่ของสหภาพแรงงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้หลักการของความเท่าเทียมและเป็นธรรมในการจ้างงานเกิดขึ้นได้จริงในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาพการจ้าง สวัสดิการ และการคุ้มครองสิทธิลูกจ้างจากอำนาจที่เหนือกว่าของนายจ้าง การรวมตัวในนามของสหภาพแรงงานจึงไม่ใช่เพียงแค่การเคลื่อนไหวทางสังคม แต่เป็นการใช้สิทธิและอำนาจตามกฎหมายเพื่อบรรลุซึ่งจุดมุ่งหมายร่วมกันของกลุ่มลูกจ้าง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตของชนชั้นแรงงานในที่สุด หากปราศจากกลไกทางกฎหมายที่เข้มแข็งมารองรับ ภารกิจในการปกป้องสิทธิของลูกจ้างก็ย่อมเป็นไปได้ยาก สหภาพแรงงานจึงเป็นสถาบันทางกฎหมายที่ทรงพลังและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบแรงงานสัมพันธ์ในประเทศไทย
    บทความกฎหมาย EP.40 สหภาพแรงงาน หรือที่ในทางสากลรู้จักกันในชื่อ Trade Union หรือ Labor Union นั้น เป็นมากกว่าการรวมกลุ่มทางสังคม แต่เป็นองค์กรที่มีฐานะและอำนาจตามกฎหมายอย่างชัดเจน ภายใต้บริบทของกฎหมายแรงงานไทย การรวมตัวของลูกจ้างเพื่อก่อตั้งสหภาพแรงงานถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 เจตนารมณ์หลักของกฎหมายฉบับนี้คือการส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง โดยมีสหภาพแรงงานเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความสมดุลแห่งอำนาจการต่อรอง ซึ่งโดยปกติลูกจ้างแต่ละคนจะอยู่ในสถานะที่อ่อนแอกว่านายจ้าง การรวมตัวจึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ลูกจ้างมีพลังในการปกป้องและเรียกร้องผลประโยชน์ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กฎหมายกำหนดให้การก่อตั้งสหภาพแรงงานต้องมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้างและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งหมายความว่ากิจกรรมของสหภาพแรงงานจะต้องมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการจ้างงาน ค่าจ้าง สวัสดิการ ชั่วโมงการทำงาน และสภาพการทำงานอื่นๆ เป็นหลัก การที่สหภาพแรงงานได้รับสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายทำให้สหภาพแรงงานมีอำนาจในการดำเนินการต่างๆ ในนามของสมาชิก เช่น การเข้าเจรจาต่อรองกับนายจ้าง การทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง การยื่นข้อเรียกร้อง การระงับข้อพิพาทแรงงาน และแม้กระทั่งการฟ้องร้องคดีต่อศาลแรงงานเพื่อปกป้องสิทธิของสมาชิกในกรณีที่นายจ้างกระทำการอันไม่เป็นธรรม อำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายของสหภาพแรงงานมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเป็นตัวแทนในการเจรจาต่อรองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทบาทในการดูแลให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ทำไว้ สหภาพแรงงานมีสิทธิในการเข้ายื่นข้อเรียกร้องและเจรจาต่อรองกับนายจ้างเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดสภาพการจ้างใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของสหภาพแรงงานในทางปฏิบัติ หากการเจรจาไม่เป็นผลนำไปสู่ข้อพิพาทแรงงาน สหภาพแรงงานก็มีสิทธิในการใช้มาตรการทางกฎหมาย เช่น การนัดหยุดงาน เพื่อกดดันให้นายจ้างยอมรับข้อเรียกร้อง ภายใต้เงื่อนไขและขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองกรรมการและสมาชิกสหภาพแรงงานจากการถูกกระทำการอันไม่เป็นธรรมจากนายจ้าง เช่น การเลิกจ้าง หรือการกระทำอื่นใดที่เป็นการขัดขวางการดำเนินงานของสหภาพแรงงาน การกระทำอันไม่เป็นธรรมถือเป็นความผิดตามกฎหมายซึ่งมีบทลงโทษสำหรับนายจ้างที่ฝ่าฝืน และลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เพื่อขอให้มีคำสั่งให้นายจ้างกลับไปจ้างหรือจ่ายค่าเสียหายได้ การมีอยู่ของสหภาพแรงงานจึงเป็นกลไกที่ช่วยลดช่องว่างแห่งอำนาจระหว่างลูกจ้างรายบุคคลกับนายจ้าง โดยอาศัยอำนาจทางกฎหมายในการสร้างสมดุลและนำมาซึ่งความเป็นธรรมในระบบการจ้างงาน นอกจากนี้ สหภาพแรงงานยังมีบทบาทในการให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่สมาชิก เพื่อให้ลูกจ้างทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง และสามารถใช้สิทธิเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่และถูกต้องตามกฎหมาย การรวมตัวจึงเป็นพลังที่มิได้มาจากจำนวนเท่านั้น แต่มาจากฐานทางกฎหมายที่รองรับและให้อำนาจในการดำเนินการ โดยสรุปแล้ว สหภาพแรงงานเป็นองค์กรที่ถือกำเนิดขึ้นจากความสมัครใจของลูกจ้าง แต่ได้รับความชอบธรรมและอำนาจในการดำเนินการเพื่อปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของสมาชิกตามที่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ของประเทศไทยรับรองไว้ การดำรงอยู่ของสหภาพแรงงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้หลักการของความเท่าเทียมและเป็นธรรมในการจ้างงานเกิดขึ้นได้จริงในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาพการจ้าง สวัสดิการ และการคุ้มครองสิทธิลูกจ้างจากอำนาจที่เหนือกว่าของนายจ้าง การรวมตัวในนามของสหภาพแรงงานจึงไม่ใช่เพียงแค่การเคลื่อนไหวทางสังคม แต่เป็นการใช้สิทธิและอำนาจตามกฎหมายเพื่อบรรลุซึ่งจุดมุ่งหมายร่วมกันของกลุ่มลูกจ้าง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตของชนชั้นแรงงานในที่สุด หากปราศจากกลไกทางกฎหมายที่เข้มแข็งมารองรับ ภารกิจในการปกป้องสิทธิของลูกจ้างก็ย่อมเป็นไปได้ยาก สหภาพแรงงานจึงเป็นสถาบันทางกฎหมายที่ทรงพลังและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบแรงงานสัมพันธ์ในประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Past Was Not That Cute – Julia Wise

    บทความนี้โดย Julia Wise พูดถึงการมองย้อนอดีตผ่านกระแส cottagecore และความโรแมนติกที่ผู้คนมักมีต่อ “ชีวิตเรียบง่ายในอดีต” แต่เธอชี้ให้เห็นว่า ความจริงแล้วอดีตเต็มไปด้วยความลำบาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคม ไม่ได้สวยงามอย่างที่ภาพจำบอกไว้

    Julia ยกตัวอย่างจาก Laura Ingalls Wilder ผู้เขียน Little House on the Prairie ที่เล่าเรื่องครอบครัวพยายามดิ้นรนในยุคบุกเบิก แม้หนังสือจะเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่เบื้องหลังคือความจริงอันโหดร้าย เช่น การล้มเหลวของพืชผลต่อเนื่องหลายปี ดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึง 36% และสุขภาพที่ทรุดโทรมจากการทำงานหนัก

    เธอยังสะท้อนถึง ความเข้าใจผิดเรื่องบุคลิกคนในอดีต ที่มักถูกโรแมนติไซส์ผ่านเพลงพื้นบ้านและวัฒนธรรม แต่จริงๆ แล้วสังคมเล็กๆ ในอดีตเต็มไปด้วยข้อจำกัด เช่น การเลือกคู่ที่จำกัดในกลุ่มเพื่อนบ้านเพียงไม่กี่คน และการที่ผู้หญิงมักถูกกดทับด้วยบทบาทครอบครัวและงานบ้านมากกว่าที่เราจินตนาการ

    ท้ายที่สุด Julia ย้ำว่า แม้เราจะยังคงสนุกกับการดึงแรงบันดาลใจจากอดีต เช่น การทำขนมปังเองหรือเล่นดนตรีร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญคือการตระหนักว่า ความสะดวกสบายในปัจจุบัน เช่น ไฟฟ้า น้ำสะอาด และการรักษาทางทันตกรรม คือสิ่งที่ทำให้เรามีอิสระในการเลือก “สุนทรียะ” โดยไม่ต้องเผชิญความทุกข์ยากแบบคนรุ่นก่อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Cottagecore และภาพจำอดีต
    ผู้คนมักโรแมนติไซส์อดีตว่าเรียบง่ายและอบอุ่น

    ความจริงเบื้องหลัง Little House on the Prairie
    ครอบครัว Wilder ต้องเผชิญ crop failure ต่อเนื่องและดอกเบี้ยสูง

    บุคลิกและชีวิตคนในอดีต
    สังคมเล็กๆ มีข้อจำกัดมาก ทั้งการเลือกคู่และบทบาทผู้หญิง

    คุณค่าของความสะดวกสบายปัจจุบัน
    ไฟฟ้า น้ำสะอาด และการแพทย์ทำให้เรามีอิสระในการเลือกสุนทรียะ

    ความเสี่ยงจากการโรแมนติไซส์อดีตเกินจริง
    อาจทำให้มองข้ามความยากลำบากและความไม่เท่าเทียมที่คนรุ่นก่อนเผชิญ

    https://juliawise.net/the-past-was-not-that-cute/
    🏡 The Past Was Not That Cute – Julia Wise บทความนี้โดย Julia Wise พูดถึงการมองย้อนอดีตผ่านกระแส cottagecore และความโรแมนติกที่ผู้คนมักมีต่อ “ชีวิตเรียบง่ายในอดีต” แต่เธอชี้ให้เห็นว่า ความจริงแล้วอดีตเต็มไปด้วยความลำบาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคม ไม่ได้สวยงามอย่างที่ภาพจำบอกไว้ Julia ยกตัวอย่างจาก Laura Ingalls Wilder ผู้เขียน Little House on the Prairie ที่เล่าเรื่องครอบครัวพยายามดิ้นรนในยุคบุกเบิก แม้หนังสือจะเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่เบื้องหลังคือความจริงอันโหดร้าย เช่น การล้มเหลวของพืชผลต่อเนื่องหลายปี ดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึง 36% และสุขภาพที่ทรุดโทรมจากการทำงานหนัก เธอยังสะท้อนถึง ความเข้าใจผิดเรื่องบุคลิกคนในอดีต ที่มักถูกโรแมนติไซส์ผ่านเพลงพื้นบ้านและวัฒนธรรม แต่จริงๆ แล้วสังคมเล็กๆ ในอดีตเต็มไปด้วยข้อจำกัด เช่น การเลือกคู่ที่จำกัดในกลุ่มเพื่อนบ้านเพียงไม่กี่คน และการที่ผู้หญิงมักถูกกดทับด้วยบทบาทครอบครัวและงานบ้านมากกว่าที่เราจินตนาการ ท้ายที่สุด Julia ย้ำว่า แม้เราจะยังคงสนุกกับการดึงแรงบันดาลใจจากอดีต เช่น การทำขนมปังเองหรือเล่นดนตรีร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญคือการตระหนักว่า ความสะดวกสบายในปัจจุบัน เช่น ไฟฟ้า น้ำสะอาด และการรักษาทางทันตกรรม คือสิ่งที่ทำให้เรามีอิสระในการเลือก “สุนทรียะ” โดยไม่ต้องเผชิญความทุกข์ยากแบบคนรุ่นก่อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Cottagecore และภาพจำอดีต ➡️ ผู้คนมักโรแมนติไซส์อดีตว่าเรียบง่ายและอบอุ่น ✅ ความจริงเบื้องหลัง Little House on the Prairie ➡️ ครอบครัว Wilder ต้องเผชิญ crop failure ต่อเนื่องและดอกเบี้ยสูง ✅ บุคลิกและชีวิตคนในอดีต ➡️ สังคมเล็กๆ มีข้อจำกัดมาก ทั้งการเลือกคู่และบทบาทผู้หญิง ✅ คุณค่าของความสะดวกสบายปัจจุบัน ➡️ ไฟฟ้า น้ำสะอาด และการแพทย์ทำให้เรามีอิสระในการเลือกสุนทรียะ ‼️ ความเสี่ยงจากการโรแมนติไซส์อดีตเกินจริง ⛔ อาจทำให้มองข้ามความยากลำบากและความไม่เท่าเทียมที่คนรุ่นก่อนเผชิญ https://juliawise.net/the-past-was-not-that-cute/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline

    เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro
    เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review

    การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3
    ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง
    https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus

    เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli
    นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี
    https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it

    Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX
    เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division

    Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง
    บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way

    AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI
    สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space

    หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac
    Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it

    Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt
    เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it

    Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา
    ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you

    Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง
    หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026
    https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why

    การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware
    หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure

    Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026
    หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026

    DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง
    อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง
    https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player

    Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์
    Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers

    Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI
    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous

    EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring

    ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT
    เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย
    https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors

    แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล
    นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล
    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code

    Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง
    Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้
    https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in

    CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม”
    Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem

    ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI
    บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง”
    https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race

    ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt

    ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน
    หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย
    https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai

    หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว
    CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns

    งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์
    Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ
    https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful

    EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp
    คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI
    https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy

    ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที
    React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ
    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now

    Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร
    หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline 🪑 เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review 💿 การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3 ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus 📱 เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี 🔗 https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it 💻 Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division 🌐 Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way 🚀 AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space 🤖 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it 🖥️ Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it 💼 Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you 🤖 Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why ⚠️ การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure 📡 Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026 🎶 DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง 🔗 https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player 📺 Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers 🤔 Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous 🛡️ EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring 📡 ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors 💻 แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code 📱 Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in 🤖 CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม” Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem 🚀 ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง” 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race 🎙️ ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt 📱 ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย 🔗 https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai 🛡️ หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns 🤖 งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์ Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful ⚖️ EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy ⚠️ ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now 💰 Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1260 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 2
    หลังจากพระเอกหนัง มาเดินตีหน้าเศร้าในซูดานใต้ไม่เท่าไหร CNN กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ก็เริ่มตีข่าวเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ที่ซูดานใต้
    ฝ่ายอเมริกาโดย คุณนาย Ellen Sauerbrey หัวหน้าฝ่ายศูนย์อพยพ และตรวจคนเข้าเมืองของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา
    ก็ออกมาบอกว่า นี่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องที่นานาชาติ และ องค์การสหประชาชาติต้องให้ความสนใจ
    แหม บทมันซ้ำจังคุณนาย ไอ้เรื่องอ้างสิทธิมนุษยชนนี่ ผมอยากจะอ้วก ท่านผู้อ่าน ก็คงเบื่อที่จะอ่านกัน ผมก็เบื่อที่จะเขียน แต่ช่วยทนอ่านนิทานเรื่องนี่หน่อยนะครับ อ่านแล้วจะได้รู้ว่า เรื่องไหนมันน่าสงสารจริง หรือเรื่องไหนมันน่าคลื่นไส้ น่าทุเรศ
    ปรากฏว่า คงเตี้ยมสหประชาชาติไม่ทัน ดันรีบตั้งคณะกรรมาธิการมาตรวจสอบเรื่องนี้ คณะตรวจสอบมี 5 คน มีผู้พิพากษา Antonio Cassese เป็นประธาน
    ซึ่งพิจารณาแล้วก็บอกว่า เรายังไม่เห็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์เกิดขี้น ในดาร์ฟู แต่มีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่ามีการทำร้ายกันรุนแรงเกิดขึ้น อ้าว
    อเมริกา จัดการประคองเอาตัว John Garang นักการเมืองชาวซูดานหัวรุนแรง ที่พยายามก่อกบฏกับรัฐบาลซูดานมานาน แต่ยังไปไม่ถึงไหน มารับการฝึกอบรมจากหน่วยรบพิเศษของอเมริกาที่ Fort Benning รัฐ Georgia
    หลังจากนั้น ก็เลื่อนชั้นให้เป็นผู้อำนวยการกองกำลังใหญ่ กลับมาให้การฝึกอบรมกับพรรคพวก ที่มีการจัดตั้งเตรียมพร้อมไว้ ให้เป็นกองทัพปลดปล่อยซูดาน ชื่อ Sudan Peoples’ Liberation Army
    โดยทางวอชิงตัน อำนวยการจัดทั้งคน จัดทั้งอาวุธ ให้เต็มอัตรา เพื่อจะให้ชาวซูดานตีกันสมใจ (อเมริกา)
    แล้วอเมริกาก็แยงซ้าย เสี้ยมขวา ในที่สุดชาวซูดานก็ทะเลาะกัน ตีกันจริง มีผู้บาดเจ็บล้มตายเรือนแสน และคนหลายล้านไม่มีที่อยู่
    ส่วนนาย Garang เมื่อปฏิบัติหน้าที่ได้ผลตามใบสั่ง อเมริกาก็ตกรางวัลให้เป็น รองประธานาธิบดี แต่ เป็นได้ไม่ถึงเดือน ขณะที่ Garang กำลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์
    เครื่องก็ถลาร่อน แกว่งไปมา แล้วก็หล่นกระแทกพื้น และ Garang ก็ตายอยู่กับซากเฮลิคอปเตอร์ สงสัยเป็นรางวัลแบบมีวันหมดอายุ จะรับรางวัลอะไรกัน ก็ดูวันหมดอายุด้วย ไม่ใช่รับปุ๊บ ยังไม่ถึงเดือน หมดอายุเสียแล้ว
    ฝ่ายกบฏที่เมืองดาร์ฟูทางซูดานใต้ มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Justice for Equality Movement (JEM) ส่วนอีกกลุ่มใหญ่กว่าคือ Sudan Liberation Army (SLA) ของ Garang ทั้ง 2 กลุ่ม มีเป้าหมายที่จะขับไล่รัฐบาลซูดานที่กำลังสร้างมิตรภาพกับจีน
    และทั้ง 2 กลุ่ม ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านกำลัง และอาวุธจากอเมริกา เพื่อความรอบคอบ อเมริกาซื้อไพ่ทุกใบอย่างเคยๆ
    เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2006 สภาสูงของอเมริกา ลงมติให้ (อเมริกาสั่ง) นาโต้ ส่งกองกำลังเข้ามาดูแลดาร์ฟู และให้สหประชาชาติ ส่งหน่วยรักษาสันติภาพมาประจำดาร์ฟูด้วย จริงๆก็ให้มาทำอะไรก็ได้ ที่จะเป็นการขัดขวาง ไม่ให้การเข้ามาลงทุน การสำรวจ และ ซื้อน้ำมันในดาร์ฟูของจีน ประสพผลสำเร็จนั่นแหละ
    จะเล่นแต่ที่ซูดาน กลัวจะขวางจีนไม่อยู่ อเมริกาลงทุน “สนับสนุน” Idriss Deby ประธานาธิบดีของชาด Chad ให้เป็นผู้รับผิดชอบส่งกองกำลังจากชาด เข้าไปในซูดานอีกทาง กองกำลังพวกนี้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี Deby เอง ที่ได้รับการฝึกอบรมจากอเมริกา (เหมือนกัน) กองกำลังที่ส่งไปส่วนใหญ่ เป็นคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่ในซูดาน พวกนี้เข้าไปดาร์ฟูพร้อมกับอาวุธหนักเบา ที่ได้รับอภินันทนาการจากอเมริกา และด้วยกองกำลังจากชาด รวมทั้งกองกำลังจากยูกันดา เอธิโอเปีย ที่ได้ใบสั่งจาก อเมริกา เข้าตีกระนาบ 3 ด้านใส่ดาร์ฟู ไม่นาน ดาร์ฟูก็กลายเป็นแผ่นดินเดือด ชาวซูดานตายเกลื่อน
    นาย Keith Harmon Snow นักวิจัยเกี่ยวกับอาฟริกา เขียนสรุปเหตุการณ์ที่ซูดานไว้ว่า ขณะที่กองทหารของอเมริกาและนาโต้เข้าไปประจำการณ์อยู่ที่ดาร์ฟู โดยอ้างว่าเพื่อทำหน้าที่รักษาความสงบในภูมิภาคนั้น แต่ในความเป็นจริง ทั้งอเมริกาและนาโต้ ไปให้การสนับสนุนกับกองกำลังร่วมของอาฟริกามากกว่า
    โดยนาโต้รับหน้าที่ดูแลด้านภาคพื้นดิน และการโจมตีทางอากาศ ซูดานจึงอยู่ในสภาวะสงครามจากศึกนอก โดยการยกกำลังมารบ ของเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ ชาด ยูกานดา และเอธิโอเปีย ที่มีอเมริกา และนาโต้สนับสนุน
    นอกจากนี้ ซูดานยังต้องต่อสู้กับศึกในที่เป็นพวกกบฏ ที่อเมริกาก็ให้การสนับสนุน เช่นเดียวกันทั้งด้านอาวุธ และคนที่เป็นกองกำลังนอกระบบแบบพวกน้ำดำ Black Water ที่โด่งดังก็มาร่วมด้วย ช่วยกระหน่ำอีกด้วย
    สรุปว่า ซูดานถูกรุมกินโต๊ะจากเพื่อนบ้าน 3 ทาง ที่อเมริกาทั้งยุแยง และ สนับสนุน รวมทั้งกลุ่มกบฏอีก 2 กลุ่ม ที่อเมริกาก็ให้การสนับสนุนอีกเช่นกัน เพราะ ซูดานมีแหล่งน้ำมันใหญ่ และไปตกลงร่วมทุนและขายน้ำมันให้กับกับจีน
    แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้แน่ใจว่าจีนไม่กล้าเข้ามาแหยม อเมริกาถึงกับส่งกองทหารของตัวร่วมกับนาโต้ มาตีกันจีนอีกด้วย ทำไมไม่ขนมาทั้งประเทศเลยวะไอ้ใบตองแห้ง ผล ซูดาน ใกล้จะแตกเป็น 2 เสี่ยง 2 ประเทศ
    จีนทำอย่างไรหรือ เมื่อเจอกับดัก แผนชั่วขนาดนี้
    เดือนสิงหาคม ค.ศ.2006 จีนเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของชาดไปหารือกันที่จีน รื้อฟื้นสัมพันธไมตรีที่ถูกตัดขาดไป เมื่อปี ค.ศ.1997 ขึ้นมาใหม่ พร้อมทำสัญญาซื้อน้ำมันจากชาด ในเงื่อนไขที่ชาดยอมรับว่าเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน และเป็นธรรมกว่าที่ค่ายอื่นเคยมาทำด้วย
    ศึกซูดาน ด้านชาดจึงเบาลงไปบ้าง
    หลังจากนั้น เดือนธันวาคม ค.ศ.2006 จีนจัด African Summit เชิญ 40 ผู้นำจากอาฟริกามาประชุมแบบสุดยอด สุดหรู มีผู้นำจากอัลจีเรีย ไนจีเรีย มาลี แองโกลา อาฟริกากลาง แซมเบีย อาฟริกาใต้ รวมทั้งซูดาน เป็นต้น มาร่วมประชุม เสร็จการประชุม มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือสาระพัด ที่สำคัญ จีนแอบจับมือไนจีเรียมาเป็นพวก แถมเข้าไปถือหุ้นในแหล่งพลังงานนอกฝั่งของไนจีเรียอีกด้วย เรื่องนี้มีความหมายมาก เพราะไนจีเรีย อยู่ในอวยของนักล่าใบตองแห้งกับชาวเกาะใหญ่ โดย ExxonMobil, Shell, Chevron ต่างตีตั๋วจองเอาไว้แล้วทั้งนั้น อาเฮียกำลังลองของหรือไงครับ
    จีนเดินหน้าเอาเงินช่วยเหลือนำหน้า ให้อาฟริกาเอาไปพัฒนาประเทศ อาฟริกาซึ่งเคยแต่ถูกพวกนักล่ารุ่นเก่ารุ่นใหม่เอาเปรียบ ขูดเลือดเถือเนื้อ เหลือแต่กระดูกก็คงต้องคิดหนัก รับจ้างเขาทำสงคราม แต่ประเทศจน และประชาชนอดตาย หรือจะค้าขายกับจีนแล้วประเทศมีกิน
    เฉพาะ ค.ศ.2006 ปีเดียว จีนตกลงให้เงินกู้กับไนจีเรีย แองโกลาและโมแซมบิก เป็นจำนวนรวมกันประมาณ 8 พันล้านเหรียญ ขณะที่ World Bank ให้เงินกู้กับกลุ่มประเทศในอาฟริกาทั้งหมด เพียง 2.3 พันล้าน
    เดือนมกราคม ค.ศ.2007 ประธานาธิบดีหูจินเทา เดินทางไปปลอบใจซูดานด้วยตนเอง ไม่รู้คุยอะไรกันบ้าง หลังจากนั้น คุณลุงหูก็บุกเข้าไปจับเข่ากับแคเมอรูน ซึ่งมีท่อส่งน้ำมันต่อกับชาด ดาร์ฟูของซูดาน เป็นเสมือนข้อต่ออยู่ตรงกลาง ด้านหนึ่งมีชาด แคมมารูน อีกด้านหนึ่ง มีลิเบียกับ อียิปต์ จะเชื่อมต่อกัน ให้มันได้ประโยชน์กับทุกฝ่ายไหม หรือคิดแต่จะรบกัน ตามที่เขายุแยง ให้ฉิบหายและจนอยู่อย่างนี้
    นี่ผมเดาเอาว่า คุณลุงหู คงพูดแบบนี้ เพราะจีนไม่มีนโยบายแทรกแซงกิจการภายในบ้านใคร แม้จะเป็นคู่ค้า คู่ลงทุนรายใหญ่อย่างซูดาน และนั่นดูเหมือนจะทำให้จีน ยิ่งเดินเข้าไปยืน อยู่กลางกับดัก โดยไม่รู้ตัว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 2 หลังจากพระเอกหนัง มาเดินตีหน้าเศร้าในซูดานใต้ไม่เท่าไหร CNN กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ก็เริ่มตีข่าวเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ที่ซูดานใต้ ฝ่ายอเมริกาโดย คุณนาย Ellen Sauerbrey หัวหน้าฝ่ายศูนย์อพยพ และตรวจคนเข้าเมืองของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ก็ออกมาบอกว่า นี่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องที่นานาชาติ และ องค์การสหประชาชาติต้องให้ความสนใจ แหม บทมันซ้ำจังคุณนาย ไอ้เรื่องอ้างสิทธิมนุษยชนนี่ ผมอยากจะอ้วก ท่านผู้อ่าน ก็คงเบื่อที่จะอ่านกัน ผมก็เบื่อที่จะเขียน แต่ช่วยทนอ่านนิทานเรื่องนี่หน่อยนะครับ อ่านแล้วจะได้รู้ว่า เรื่องไหนมันน่าสงสารจริง หรือเรื่องไหนมันน่าคลื่นไส้ น่าทุเรศ ปรากฏว่า คงเตี้ยมสหประชาชาติไม่ทัน ดันรีบตั้งคณะกรรมาธิการมาตรวจสอบเรื่องนี้ คณะตรวจสอบมี 5 คน มีผู้พิพากษา Antonio Cassese เป็นประธาน ซึ่งพิจารณาแล้วก็บอกว่า เรายังไม่เห็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์เกิดขี้น ในดาร์ฟู แต่มีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่ามีการทำร้ายกันรุนแรงเกิดขึ้น อ้าว อเมริกา จัดการประคองเอาตัว John Garang นักการเมืองชาวซูดานหัวรุนแรง ที่พยายามก่อกบฏกับรัฐบาลซูดานมานาน แต่ยังไปไม่ถึงไหน มารับการฝึกอบรมจากหน่วยรบพิเศษของอเมริกาที่ Fort Benning รัฐ Georgia หลังจากนั้น ก็เลื่อนชั้นให้เป็นผู้อำนวยการกองกำลังใหญ่ กลับมาให้การฝึกอบรมกับพรรคพวก ที่มีการจัดตั้งเตรียมพร้อมไว้ ให้เป็นกองทัพปลดปล่อยซูดาน ชื่อ Sudan Peoples’ Liberation Army โดยทางวอชิงตัน อำนวยการจัดทั้งคน จัดทั้งอาวุธ ให้เต็มอัตรา เพื่อจะให้ชาวซูดานตีกันสมใจ (อเมริกา) แล้วอเมริกาก็แยงซ้าย เสี้ยมขวา ในที่สุดชาวซูดานก็ทะเลาะกัน ตีกันจริง มีผู้บาดเจ็บล้มตายเรือนแสน และคนหลายล้านไม่มีที่อยู่ ส่วนนาย Garang เมื่อปฏิบัติหน้าที่ได้ผลตามใบสั่ง อเมริกาก็ตกรางวัลให้เป็น รองประธานาธิบดี แต่ เป็นได้ไม่ถึงเดือน ขณะที่ Garang กำลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ เครื่องก็ถลาร่อน แกว่งไปมา แล้วก็หล่นกระแทกพื้น และ Garang ก็ตายอยู่กับซากเฮลิคอปเตอร์ สงสัยเป็นรางวัลแบบมีวันหมดอายุ จะรับรางวัลอะไรกัน ก็ดูวันหมดอายุด้วย ไม่ใช่รับปุ๊บ ยังไม่ถึงเดือน หมดอายุเสียแล้ว ฝ่ายกบฏที่เมืองดาร์ฟูทางซูดานใต้ มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Justice for Equality Movement (JEM) ส่วนอีกกลุ่มใหญ่กว่าคือ Sudan Liberation Army (SLA) ของ Garang ทั้ง 2 กลุ่ม มีเป้าหมายที่จะขับไล่รัฐบาลซูดานที่กำลังสร้างมิตรภาพกับจีน และทั้ง 2 กลุ่ม ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านกำลัง และอาวุธจากอเมริกา เพื่อความรอบคอบ อเมริกาซื้อไพ่ทุกใบอย่างเคยๆ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2006 สภาสูงของอเมริกา ลงมติให้ (อเมริกาสั่ง) นาโต้ ส่งกองกำลังเข้ามาดูแลดาร์ฟู และให้สหประชาชาติ ส่งหน่วยรักษาสันติภาพมาประจำดาร์ฟูด้วย จริงๆก็ให้มาทำอะไรก็ได้ ที่จะเป็นการขัดขวาง ไม่ให้การเข้ามาลงทุน การสำรวจ และ ซื้อน้ำมันในดาร์ฟูของจีน ประสพผลสำเร็จนั่นแหละ จะเล่นแต่ที่ซูดาน กลัวจะขวางจีนไม่อยู่ อเมริกาลงทุน “สนับสนุน” Idriss Deby ประธานาธิบดีของชาด Chad ให้เป็นผู้รับผิดชอบส่งกองกำลังจากชาด เข้าไปในซูดานอีกทาง กองกำลังพวกนี้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี Deby เอง ที่ได้รับการฝึกอบรมจากอเมริกา (เหมือนกัน) กองกำลังที่ส่งไปส่วนใหญ่ เป็นคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่ในซูดาน พวกนี้เข้าไปดาร์ฟูพร้อมกับอาวุธหนักเบา ที่ได้รับอภินันทนาการจากอเมริกา และด้วยกองกำลังจากชาด รวมทั้งกองกำลังจากยูกันดา เอธิโอเปีย ที่ได้ใบสั่งจาก อเมริกา เข้าตีกระนาบ 3 ด้านใส่ดาร์ฟู ไม่นาน ดาร์ฟูก็กลายเป็นแผ่นดินเดือด ชาวซูดานตายเกลื่อน นาย Keith Harmon Snow นักวิจัยเกี่ยวกับอาฟริกา เขียนสรุปเหตุการณ์ที่ซูดานไว้ว่า ขณะที่กองทหารของอเมริกาและนาโต้เข้าไปประจำการณ์อยู่ที่ดาร์ฟู โดยอ้างว่าเพื่อทำหน้าที่รักษาความสงบในภูมิภาคนั้น แต่ในความเป็นจริง ทั้งอเมริกาและนาโต้ ไปให้การสนับสนุนกับกองกำลังร่วมของอาฟริกามากกว่า โดยนาโต้รับหน้าที่ดูแลด้านภาคพื้นดิน และการโจมตีทางอากาศ ซูดานจึงอยู่ในสภาวะสงครามจากศึกนอก โดยการยกกำลังมารบ ของเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ ชาด ยูกานดา และเอธิโอเปีย ที่มีอเมริกา และนาโต้สนับสนุน นอกจากนี้ ซูดานยังต้องต่อสู้กับศึกในที่เป็นพวกกบฏ ที่อเมริกาก็ให้การสนับสนุน เช่นเดียวกันทั้งด้านอาวุธ และคนที่เป็นกองกำลังนอกระบบแบบพวกน้ำดำ Black Water ที่โด่งดังก็มาร่วมด้วย ช่วยกระหน่ำอีกด้วย สรุปว่า ซูดานถูกรุมกินโต๊ะจากเพื่อนบ้าน 3 ทาง ที่อเมริกาทั้งยุแยง และ สนับสนุน รวมทั้งกลุ่มกบฏอีก 2 กลุ่ม ที่อเมริกาก็ให้การสนับสนุนอีกเช่นกัน เพราะ ซูดานมีแหล่งน้ำมันใหญ่ และไปตกลงร่วมทุนและขายน้ำมันให้กับกับจีน แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้แน่ใจว่าจีนไม่กล้าเข้ามาแหยม อเมริกาถึงกับส่งกองทหารของตัวร่วมกับนาโต้ มาตีกันจีนอีกด้วย ทำไมไม่ขนมาทั้งประเทศเลยวะไอ้ใบตองแห้ง ผล ซูดาน ใกล้จะแตกเป็น 2 เสี่ยง 2 ประเทศ จีนทำอย่างไรหรือ เมื่อเจอกับดัก แผนชั่วขนาดนี้ เดือนสิงหาคม ค.ศ.2006 จีนเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของชาดไปหารือกันที่จีน รื้อฟื้นสัมพันธไมตรีที่ถูกตัดขาดไป เมื่อปี ค.ศ.1997 ขึ้นมาใหม่ พร้อมทำสัญญาซื้อน้ำมันจากชาด ในเงื่อนไขที่ชาดยอมรับว่าเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน และเป็นธรรมกว่าที่ค่ายอื่นเคยมาทำด้วย ศึกซูดาน ด้านชาดจึงเบาลงไปบ้าง หลังจากนั้น เดือนธันวาคม ค.ศ.2006 จีนจัด African Summit เชิญ 40 ผู้นำจากอาฟริกามาประชุมแบบสุดยอด สุดหรู มีผู้นำจากอัลจีเรีย ไนจีเรีย มาลี แองโกลา อาฟริกากลาง แซมเบีย อาฟริกาใต้ รวมทั้งซูดาน เป็นต้น มาร่วมประชุม เสร็จการประชุม มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือสาระพัด ที่สำคัญ จีนแอบจับมือไนจีเรียมาเป็นพวก แถมเข้าไปถือหุ้นในแหล่งพลังงานนอกฝั่งของไนจีเรียอีกด้วย เรื่องนี้มีความหมายมาก เพราะไนจีเรีย อยู่ในอวยของนักล่าใบตองแห้งกับชาวเกาะใหญ่ โดย ExxonMobil, Shell, Chevron ต่างตีตั๋วจองเอาไว้แล้วทั้งนั้น อาเฮียกำลังลองของหรือไงครับ จีนเดินหน้าเอาเงินช่วยเหลือนำหน้า ให้อาฟริกาเอาไปพัฒนาประเทศ อาฟริกาซึ่งเคยแต่ถูกพวกนักล่ารุ่นเก่ารุ่นใหม่เอาเปรียบ ขูดเลือดเถือเนื้อ เหลือแต่กระดูกก็คงต้องคิดหนัก รับจ้างเขาทำสงคราม แต่ประเทศจน และประชาชนอดตาย หรือจะค้าขายกับจีนแล้วประเทศมีกิน เฉพาะ ค.ศ.2006 ปีเดียว จีนตกลงให้เงินกู้กับไนจีเรีย แองโกลาและโมแซมบิก เป็นจำนวนรวมกันประมาณ 8 พันล้านเหรียญ ขณะที่ World Bank ให้เงินกู้กับกลุ่มประเทศในอาฟริกาทั้งหมด เพียง 2.3 พันล้าน เดือนมกราคม ค.ศ.2007 ประธานาธิบดีหูจินเทา เดินทางไปปลอบใจซูดานด้วยตนเอง ไม่รู้คุยอะไรกันบ้าง หลังจากนั้น คุณลุงหูก็บุกเข้าไปจับเข่ากับแคเมอรูน ซึ่งมีท่อส่งน้ำมันต่อกับชาด ดาร์ฟูของซูดาน เป็นเสมือนข้อต่ออยู่ตรงกลาง ด้านหนึ่งมีชาด แคมมารูน อีกด้านหนึ่ง มีลิเบียกับ อียิปต์ จะเชื่อมต่อกัน ให้มันได้ประโยชน์กับทุกฝ่ายไหม หรือคิดแต่จะรบกัน ตามที่เขายุแยง ให้ฉิบหายและจนอยู่อย่างนี้ นี่ผมเดาเอาว่า คุณลุงหู คงพูดแบบนี้ เพราะจีนไม่มีนโยบายแทรกแซงกิจการภายในบ้านใคร แม้จะเป็นคู่ค้า คู่ลงทุนรายใหญ่อย่างซูดาน และนั่นดูเหมือนจะทำให้จีน ยิ่งเดินเข้าไปยืน อยู่กลางกับดัก โดยไม่รู้ตัว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 672 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สังคม Tap-to-Pay กำลังทิ้งชาวนิวยอร์กบางกลุ่มไว้ข้างหลัง”

    บทความจาก The Star เล่าถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดในนิวยอร์ก โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังพึ่งพาเงินสด เช่น คนไร้บ้าน ผู้ขายอาหารริมทาง และนักแสดงข้างถนน แม้การจ่ายเงินแบบ tap-to-pay และ mobile wallet จะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนและบัตรเครดิต แต่กลับสร้างช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนขึ้น

    ตัวอย่างเช่น Rob Brender ผู้พิการที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนพิการ เขายังคงใช้แก้วพลาสติกขอเงินตามท้องถนน แต่รายได้ลดลงมากเพราะคนส่วนใหญ่ไม่พกเงินสดแล้ว แม้เพื่อนจะช่วยทำป้ายพร้อม Venmo username แต่เขาไม่รู้วิธีใช้งานและไม่มีบัญชีธนาคารที่เชื่อมต่อได้จริง ขณะที่นักออกแบบและคนทำงานรุ่นใหม่บางคนยอมพกเงินสดเล็กน้อยเพื่อยังสามารถให้ทิปแก่ศิลปินข้างถนน เพราะพวกเขารู้สึกว่า “การให้เงินสดคือการเชื่อมต่อมนุษย์”

    อีกด้านหนึ่ง ผู้ขายอาหารริมทาง อย่าง Mohamed Attia เล่าว่าเงินสดยังจำเป็นเพราะการทำธุรกิจต้องใช้ทุนหมุนเวียนทันที แต่การรับเงินผ่านแอปต้องรอหลายวันกว่าจะเข้าบัญชี ทำให้ไม่สามารถซื้อวัตถุดิบได้ทันเวลา เขาและเพื่อน ๆ จึงค่อย ๆ ติดตั้งระบบจ่ายเงินดิจิทัล แต่ก็ยังเจอปัญหาด้านภาษาและการเข้าถึงธนาคาร โดยเฉพาะผู้ขายที่เป็นผู้อพยพ

    แม้เมืองนิวยอร์กจะออกกฎหมายห้ามร้านค้าปฏิเสธการรับเงินสดตั้งแต่ปี 2020 แต่ในทางปฏิบัติหลายร้านยังคงไม่ปฏิบัติตาม และผู้ที่ไม่มีบัตรหรือบัญชีธนาคารก็ยังถูกกีดกันจากการซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดยังมีผลกระทบต่อความเท่าเทียมและการเข้าถึงอย่างมาก

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสด
    Tap-to-pay และ mobile wallet ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนและบัตรเครดิต
    แต่สร้างช่องว่างทางเศรษฐกิจสำหรับผู้ที่ยังพึ่งพาเงินสด

    ผลกระทบต่อผู้คน
    คนไร้บ้านและนักแสดงข้างถนนรายได้ลดลงเพราะคนไม่พกเงินสด
    ผู้ขายอาหารริมทางต้องใช้เงินสดเพื่อทุนหมุนเวียนทันที

    ความพยายามแก้ปัญหา
    บางคนพยายามใช้ Venmo, Zelle หรือ Cash App แต่มีอุปสรรคด้านเทคนิคและภาษา
    นักออกแบบบางคนยังพกเงินสดเพื่อรักษาการเชื่อมต่อทางสังคม

    คำเตือนและข้อสังเกต
    กฎหมายห้ามร้านค้าปฏิเสธเงินสดยังถูกละเมิดในหลายพื้นที่
    ผู้ไม่มีบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตถูกกีดกันจากการเข้าถึงสินค้าและบริการ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/a-tap-to-pay-society-is-leaving-these-new-yorkers-behind
    💳 “สังคม Tap-to-Pay กำลังทิ้งชาวนิวยอร์กบางกลุ่มไว้ข้างหลัง” บทความจาก The Star เล่าถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดในนิวยอร์ก โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังพึ่งพาเงินสด เช่น คนไร้บ้าน ผู้ขายอาหารริมทาง และนักแสดงข้างถนน แม้การจ่ายเงินแบบ tap-to-pay และ mobile wallet จะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนและบัตรเครดิต แต่กลับสร้างช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนขึ้น ตัวอย่างเช่น Rob Brender ผู้พิการที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนพิการ เขายังคงใช้แก้วพลาสติกขอเงินตามท้องถนน แต่รายได้ลดลงมากเพราะคนส่วนใหญ่ไม่พกเงินสดแล้ว แม้เพื่อนจะช่วยทำป้ายพร้อม Venmo username แต่เขาไม่รู้วิธีใช้งานและไม่มีบัญชีธนาคารที่เชื่อมต่อได้จริง ขณะที่นักออกแบบและคนทำงานรุ่นใหม่บางคนยอมพกเงินสดเล็กน้อยเพื่อยังสามารถให้ทิปแก่ศิลปินข้างถนน เพราะพวกเขารู้สึกว่า “การให้เงินสดคือการเชื่อมต่อมนุษย์” อีกด้านหนึ่ง ผู้ขายอาหารริมทาง อย่าง Mohamed Attia เล่าว่าเงินสดยังจำเป็นเพราะการทำธุรกิจต้องใช้ทุนหมุนเวียนทันที แต่การรับเงินผ่านแอปต้องรอหลายวันกว่าจะเข้าบัญชี ทำให้ไม่สามารถซื้อวัตถุดิบได้ทันเวลา เขาและเพื่อน ๆ จึงค่อย ๆ ติดตั้งระบบจ่ายเงินดิจิทัล แต่ก็ยังเจอปัญหาด้านภาษาและการเข้าถึงธนาคาร โดยเฉพาะผู้ขายที่เป็นผู้อพยพ แม้เมืองนิวยอร์กจะออกกฎหมายห้ามร้านค้าปฏิเสธการรับเงินสดตั้งแต่ปี 2020 แต่ในทางปฏิบัติหลายร้านยังคงไม่ปฏิบัติตาม และผู้ที่ไม่มีบัตรหรือบัญชีธนาคารก็ยังถูกกีดกันจากการซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดยังมีผลกระทบต่อความเท่าเทียมและการเข้าถึงอย่างมาก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสด ➡️ Tap-to-pay และ mobile wallet ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนและบัตรเครดิต ➡️ แต่สร้างช่องว่างทางเศรษฐกิจสำหรับผู้ที่ยังพึ่งพาเงินสด ✅ ผลกระทบต่อผู้คน ➡️ คนไร้บ้านและนักแสดงข้างถนนรายได้ลดลงเพราะคนไม่พกเงินสด ➡️ ผู้ขายอาหารริมทางต้องใช้เงินสดเพื่อทุนหมุนเวียนทันที ✅ ความพยายามแก้ปัญหา ➡️ บางคนพยายามใช้ Venmo, Zelle หรือ Cash App แต่มีอุปสรรคด้านเทคนิคและภาษา ➡️ นักออกแบบบางคนยังพกเงินสดเพื่อรักษาการเชื่อมต่อทางสังคม ‼️ คำเตือนและข้อสังเกต ⛔ กฎหมายห้ามร้านค้าปฏิเสธเงินสดยังถูกละเมิดในหลายพื้นที่ ⛔ ผู้ไม่มีบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตถูกกีดกันจากการเข้าถึงสินค้าและบริการ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/a-tap-to-pay-society-is-leaving-these-new-yorkers-behind
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A tap-to-pay society is leaving these New Yorkers behind
    As fewer people carry cash, vendors, street performers and people experiencing homelessness and unemployment are at a disadvantage.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • สารคดีฟังเพลินๆ
    https://youtu.be/Qq3BA59R-hs?si=v7wf8YYUf2x6xJbo
    #abdulthaitube
    #สารคดี
    #ประวัติศาสตร์
    #สงคราม
    #การเมือง
    #ความเท่าเทียม
    #ชีวิตคือสมมุติ
    สารคดีฟังเพลินๆ https://youtu.be/Qq3BA59R-hs?si=v7wf8YYUf2x6xJbo #abdulthaitube #สารคดี #ประวัติศาสตร์ #สงคราม #การเมือง #ความเท่าเทียม #ชีวิตคือสมมุติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • Empathy Meets IT Security – เส้นทางสู่การปฏิบัติตามอย่างจริงจัง

    หลายองค์กรพบว่า นโยบายความปลอดภัยด้าน IT มักถูกมองว่าเป็นอุปสรรค ทำให้พนักงานต่อต้านและไม่ปฏิบัติตาม ส่งผลให้การบังคับใช้ไม่ประสบความสำเร็จและบั่นทอนความร่วมมือระหว่างฝ่าย IT กับธุรกิจ แนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Empathetic Policy Engineering จึงถูกเสนอขึ้น เพื่อให้การออกแบบนโยบายความปลอดภัยคำนึงถึงความเป็นจริงของงานและความต้องการของผู้ใช้.

    ปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้ละเมิดนโยบาย
    การทดลองพบว่าแม้ผู้ใช้จะมีทัศนคติที่ดีต่อความปลอดภัย แต่เมื่อเจอ แรงกดดันจากงานและเวลา พวกเขามักละเมิดนโยบายโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัจจัยเช่น เป้าหมายที่ทะเยอทะยาน, ความจำเป็นในการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น, และการขาดทรัพยากรที่เหมาะสม ล้วนทำให้ผู้ใช้เลือกทางที่ง่ายกว่าความปลอดภัย.

    วิธีการแก้ไขด้วย Empathetic Policy Engineering
    Stakeholder Analysis – วิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อเข้าใจความขัดแย้งระหว่างเป้าหมายและทรัพยากร
    Design with Users in Mind – ออกแบบนโยบายที่สอดคล้องกับการทำงานจริง โดยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น และทดสอบผ่าน pilot project
    Respectful Communication – สื่อสารอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่การสั่งห้าม แต่ใช้ tactical empathy และการถามเชิง “how” เพื่อสร้างบทสนทนาและหาทางออกที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย.

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
    หาก CISOs ใช้แนวทางนี้ พวกเขาจะกลายเป็น “สถาปนิกเชิงนโยบายที่มีความเข้าใจมนุษย์” ซึ่งไม่เพียงสร้างนโยบายที่ถูกต้อง แต่ยังทำให้ผู้ใช้ยอมรับและปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้เกิด วัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ.

    สรุปสาระสำคัญ
    นโยบายความปลอดภัยมักถูกมองว่าเป็นอุปสรรค
    ทำให้ผู้ใช้ต่อต้านและละเมิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

    Empathetic Policy Engineering คือแนวทางใหม่
    ออกแบบนโยบายที่สอดคล้องกับความจริงของงานและความต้องการผู้ใช้

    สามวิธีหลักในการปรับปรุง
    Stakeholder analysis, user-centered design, respectful communication

    หากยังใช้วิธีเดิมที่เน้นการบังคับและลงโทษ
    จะทำให้ผู้ใช้ต่อต้านและวัฒนธรรมความปลอดภัยล้มเหลว

    https://www.csoonline.com/article/4092639/empathy-meets-it-security-the-path-to-active-compliance.html
    🤝 Empathy Meets IT Security – เส้นทางสู่การปฏิบัติตามอย่างจริงจัง หลายองค์กรพบว่า นโยบายความปลอดภัยด้าน IT มักถูกมองว่าเป็นอุปสรรค ทำให้พนักงานต่อต้านและไม่ปฏิบัติตาม ส่งผลให้การบังคับใช้ไม่ประสบความสำเร็จและบั่นทอนความร่วมมือระหว่างฝ่าย IT กับธุรกิจ แนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Empathetic Policy Engineering จึงถูกเสนอขึ้น เพื่อให้การออกแบบนโยบายความปลอดภัยคำนึงถึงความเป็นจริงของงานและความต้องการของผู้ใช้. ⚙️ ปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้ละเมิดนโยบาย การทดลองพบว่าแม้ผู้ใช้จะมีทัศนคติที่ดีต่อความปลอดภัย แต่เมื่อเจอ แรงกดดันจากงานและเวลา พวกเขามักละเมิดนโยบายโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัจจัยเช่น เป้าหมายที่ทะเยอทะยาน, ความจำเป็นในการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น, และการขาดทรัพยากรที่เหมาะสม ล้วนทำให้ผู้ใช้เลือกทางที่ง่ายกว่าความปลอดภัย. 🛠️ วิธีการแก้ไขด้วย Empathetic Policy Engineering 💠 Stakeholder Analysis – วิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อเข้าใจความขัดแย้งระหว่างเป้าหมายและทรัพยากร 💠 Design with Users in Mind – ออกแบบนโยบายที่สอดคล้องกับการทำงานจริง โดยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น และทดสอบผ่าน pilot project 💠 Respectful Communication – สื่อสารอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่การสั่งห้าม แต่ใช้ tactical empathy และการถามเชิง “how” เพื่อสร้างบทสนทนาและหาทางออกที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย. 🌐 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง หาก CISOs ใช้แนวทางนี้ พวกเขาจะกลายเป็น “สถาปนิกเชิงนโยบายที่มีความเข้าใจมนุษย์” ซึ่งไม่เพียงสร้างนโยบายที่ถูกต้อง แต่ยังทำให้ผู้ใช้ยอมรับและปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้เกิด วัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ นโยบายความปลอดภัยมักถูกมองว่าเป็นอุปสรรค ➡️ ทำให้ผู้ใช้ต่อต้านและละเมิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ✅ Empathetic Policy Engineering คือแนวทางใหม่ ➡️ ออกแบบนโยบายที่สอดคล้องกับความจริงของงานและความต้องการผู้ใช้ ✅ สามวิธีหลักในการปรับปรุง ➡️ Stakeholder analysis, user-centered design, respectful communication ‼️ หากยังใช้วิธีเดิมที่เน้นการบังคับและลงโทษ ⛔ จะทำให้ผู้ใช้ต่อต้านและวัฒนธรรมความปลอดภัยล้มเหลว https://www.csoonline.com/article/4092639/empathy-meets-it-security-the-path-to-active-compliance.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Empathetic policy engineering: The secret to better security behavior and awareness
    Users often see IT security policies as a hindrance. Empathetic policy engineering helps CISOs to promote acceptance and implement security effectively.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 14

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 14
    ทั้งอังกฤษและอเมริกา ต่างอยากได้จีนมาครอง โดยไม่แบ่งกับใคร และต่างก็มีแผน และวิธีการในการใช้ญี่ปุ่นและเคี้ยวจีน ที่เหมือนร่วมมือกัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ดัดหลังกันเอง
    สำหรับอังกฤษ ที่เป็นเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย มีกองเรือใหญ่ก็จริง แต่จีนอยู่ห่างกับอังกฤษคนละซีกโลก แถม อังกฤษต้องเตรียมเก็บกองทัพเอาไว้ทำสงครามในยุโรป อังกฤษจึงเลือกใช้ อาวุธ soft power การมอมเมาจีนด้วยฝิ่นก่อน แล้วตามมาด้วย proxy war รุ่นแรก ทันสมัยมากนะ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อังกฤษ หลอกปั่นหัวญี่ปุ่นให้ไปตีตั๋วรวนจีนหลายรอบ รวมทั้งไปรบรัสเซียตามแผนอังกฤษ ทำให้ญี่ปุ่นหลงคิดว่าตนเองรบเก่ง เข้าขั้นเป็นชาติมหาอำนาจ
    แต่จะปั่นหัวซามูไร เหมือนปั่นจิ้งหรีด อังกฤษก็ต้องรู้วิธีปั่น
    เมื่อญี่ปุ่นคิดปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration บรรดาหัวกะทิญี่ปุ่น ที่ต้องการปฏิรูปประเทศ พากันยกโขยงกันเกือบร้อยคน ไปประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ใช้เวลาอยู่ในประเทศต่างๆ ประมาณ 2 ปี เพื่อศึกษาด้านการปกครอง การค้า การเมือง และการทหารจากประเทศต่างๆ
    เมื่อกลับมาถึงญี่ปุ่น บารอนอีโต้ Baron Ito ซึ่งเป็นหัวกะทิหมายเลขหนึ่ง ในการเดินทางไปศึกษาระบบต่างๆ ก็สรุปว่า ในด้านการปกครอง และการเมือง ระบบของอังกฤษที่มีระบบรัฐสภา และมีกษัตริย์ หรือจักรพรรดิ เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมาะกับญี่ปุ่นที่สุด และเพื่อไม่ให้จักรพรรดิต้องเดือดร้อนในการตัดสินใจ (พูดเสียเพราะ จริงๆ ก็คือ ไม่ให้มายุ่งกับการเมืองโดยตรงนั่นแหล่ะ) ญี่ปุ่นจึงนำระบบ Council of State ของอังกฤษ มาแปลงเป็น คณะองคมนตรี หรือที่ปรึกษาของจักรพรรดิ ให้เป็นผู้เชื่อมระหว่าง การเมืองกับจักรพรรดิแทน
    ส่วนด้านการทหาร ในสายตาของญี่ปุ่น ไม่มีที่ไหนสู้เยอรมันได้ ส่วนระบบการเงิน ญี่ปุ่นเห็นว่าอังกฤษคือต้นแบบ ญี่ปุ่นก็เลยถอดแบบระบบธนาคารกลาง และการเงินการคลังมาจากอังกฤษ ทั้งหมดง่ายดี
    ดังนั้น ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1870 จนถึง 1930 บรรดาหัวกะทิ หรืออีลิตญี่ปุ่น จึงอยู่ในความเชื่อว่า อังกฤษ นั้น ศิวิไลซ์ที่สุด ยิ่งอังกฤษสร้างภาพความเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงเห็นแต่น้ำตาลที่อังกฤษฉาบไว้ ชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ราชวงศ์ชั้นสูง ลงมาถึงพวกเศรษฐีมีเงิน พวกที่อยากก้าวหน้าอย่างฝรั่ง จึงต่างพากันส่งลูกหลานไปศึกษาที่อังกฤษ เมื่อจบกลับมาก็สร้างระบบ และคิดตามที่อังกฤษฝังหัวไว้ จึงไม่ยาก ที่เหล่าซามูไรจะกลายเป็นจิ้งหรีด ให้อังกฤษปั่นหัว หลอกใช้ให้ไปรบรัสเซีย ป่วนจีน และกันท่าไม่ให้ชาติอื่น เข้ามาในจีนง่ายๆ ญี่ปุ่นมองไม่เห็นถึงไส้ในของแท้ของอังกฤษ ที่ ไม่มีวันจะเห็นชาติที่อยู่นอกเชื้อพันธ์แองโกลแซกซอน (ชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาประจำชาติ) มาเท่าเทียมกับตน
    และในเมื่อ Meiji Restoration ยกให้จักรพรรดิ เป็นสิ่งสูงสุดที่สวรรค์ส่งมาให้ แม้จะไม่มีอำนาจเต็มที่ในการปกครอง แต่ผู้คนก็พากันอ้างเอาจักรพรรดิเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา จึงพยายามแทรกเข้าไปในวัง เพื่อสร้างเครือข่าย และหวังจะชักนำราชวงศ์ไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ
    น่าสนใจว่า อิทธิพลของฝรั่ง อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เข้าไปในญี่ปุ่นสมัยนั้น ทั้งในระดับในวัง และระดับชนชั้นสูงนอกวัง คือ ศาสนาคริสเตียน ในแวดวงของจักรพรรดินี หรือตัวจักรพรรดินีเอง ส่วนใหญ่นับถือคริสเตียน ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่นับถือคริสเตียน เปิดทางให้พวกต่างชาติคริสเตียนเคร่งศาสนา ที่เรียกว่า Quaker ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยทั้งในอังกฤษและอเมริกา รายล้อมในและนอกวัง กลายเป็นเครือข่ายที่มีอิทธิพลยิ่ง
    พวกเคว้กเกอร์ เมื่อเข้ามาในญี่ปุ่น เปิดโรงเรียนสอนภาษา และหญิงผู้ดีญี่ปุ่นก็มักจะไปเรียนหนังสือ กับพวกเคว้กเกอร์ และพวกนี้ ก็จะแนะนำเพื่อนฝูง เครือญาติ ให้เข้ามารับใช้ราชวงศ์ ขณะเดียวกัน เมื่อแต่งงานกับฝ่ายชายในสังคมชั้นสูงที่มีอำนาจในการเมืองและธุรกิจ ก็ทำให้เครือข่ายของคริสเตียนเคว้กเกอร์นี้ ยิ่งแผ่ไปในสังคมชั้นสูงของญี่ปุ่นด้วย
    ทูตอเมรืกัน ประจำญี่ปุน ปี ค.ศ.1932 Joseph Grew ซึ่งเมีย ชื่อ Alice นั้น เป็นพวกเค้วกเกอร์ ที่มีเพื่อนสนิท ที่เป็นทั้งแม่ยาย ขององค์ชายชิชิบุ และเป็นคนสนิทของจักรพรรดินี ซาดาโกะ Sadako (แม่ของจักรพรรดิฮิโรฮิโต และชิชิบุ) ที่ก็มีข่าวว่าเป็นคริสเตียนจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน Alice ก็เป็นญาติกับเมียของ Jack Morgan แห่ง J P Morgan ที่ดัง ว่อน และวุ่นไปทั่วโลก
    ด้วยเส้นสายเช่นนี้ J P Morgan จึงได้มาเปิดบริษัทการเงืนใหญ่ อยู่ในญี่ปุ่น Morgan Zaibutsu พร้อมทั้งส่ง Thomas Lamont จำชื่อเขาได้ไหมครับ เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกคนของ JP Morgan มาเป็นที่ปรึกษาการเงินให้จักรพรรดืฮิโรฮิโต และเจ้านายคนอื่นๆ ด้วย ไอ้หมอนี่ มีบทบาททั้งในอเมริกาเอง เป็นกรรมการธนาคารกลางของอเมริกา ต่อมาไปวุ่นเรื่องการปฏิวัติในรัสเซีย หลังจากนั้น มาญี่ปุ่น และก็ไปวุ่นที่อิตาลี เรื่องมุสโสลินีด้วย มันเป็นม้าใช้พันธุ์โปรด ของนักล่าจริงๆ
    ธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นในช่วงต้น ค.ศ.1900 จึงอยู่ในมือ Morgan แต่ที่ผู้คนมักจะสงสัยเสมอ คือ ความจงรักภักดีของ Morgan ที่แม้จะเป็นบริษัทอยู่ในวอลสตรีท แต่ไม่แน่ว่าในส่วนลึก Morgan นั้น ผูกพันกับอเมริกา หรือ อังกฤษกันแน่ และเพราะเหตุนี้ ร้อกกี้เฟลเลอร์ คู่แข่ง จึงไม่ปล่อยให้ Morgan กวาดธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นไปรายเดียว
    อเมริกา แม้จะมาที่หลังอังกฤษในจีน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อเมริกามาสายจนเกินแกง อังกฤษใช้บริษัทบริติชอีสท์อินเดีย เป็นตัวอำนวยการแสดงในจีน แทนรัฐบาล และใช้ฝิ่นเป็นอาวุธ อเมริกาก็มีมูลนิธิร๊อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปอย่างเงียบๆ ในจีน ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1863 เมื่อ Standard Oil ของร้อกกี้เฟลเลอร์ ขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงให้แก่จีน เมื่อค้าขายไปซักพัก เขาก็เห็นตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน และอาวุธที่ร้อกกี้ใช้จี้จุดจีน แม้จะไม่ทรงอานุภาพเช่นฝิ่นของอังกฤษ แต่ขบวนการมิชชั่นนารี ภายใต้การอุดหนุนของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปในจีนนานแล้ว แต่มาเปิดตัว เปิดหน้าในจีน อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1913 ก็ทำงานได้ตามเป้าหมายไม่น้อย ไม่เช่นนั้น อเมริกาคงไม่ได้เลี้ยงหนอนชื่อ ชาลี ซ่ง และ ซื้อไพ่ ชื่อ ซุนยัดเซ็น และเจียงไคเซ็ค
    ส่วนในญี่ปุ่นนั้น อเมริกามีวิธีแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ที่ได้ผล อย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 14 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 14 ทั้งอังกฤษและอเมริกา ต่างอยากได้จีนมาครอง โดยไม่แบ่งกับใคร และต่างก็มีแผน และวิธีการในการใช้ญี่ปุ่นและเคี้ยวจีน ที่เหมือนร่วมมือกัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ดัดหลังกันเอง สำหรับอังกฤษ ที่เป็นเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย มีกองเรือใหญ่ก็จริง แต่จีนอยู่ห่างกับอังกฤษคนละซีกโลก แถม อังกฤษต้องเตรียมเก็บกองทัพเอาไว้ทำสงครามในยุโรป อังกฤษจึงเลือกใช้ อาวุธ soft power การมอมเมาจีนด้วยฝิ่นก่อน แล้วตามมาด้วย proxy war รุ่นแรก ทันสมัยมากนะ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อังกฤษ หลอกปั่นหัวญี่ปุ่นให้ไปตีตั๋วรวนจีนหลายรอบ รวมทั้งไปรบรัสเซียตามแผนอังกฤษ ทำให้ญี่ปุ่นหลงคิดว่าตนเองรบเก่ง เข้าขั้นเป็นชาติมหาอำนาจ แต่จะปั่นหัวซามูไร เหมือนปั่นจิ้งหรีด อังกฤษก็ต้องรู้วิธีปั่น เมื่อญี่ปุ่นคิดปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration บรรดาหัวกะทิญี่ปุ่น ที่ต้องการปฏิรูปประเทศ พากันยกโขยงกันเกือบร้อยคน ไปประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ใช้เวลาอยู่ในประเทศต่างๆ ประมาณ 2 ปี เพื่อศึกษาด้านการปกครอง การค้า การเมือง และการทหารจากประเทศต่างๆ เมื่อกลับมาถึงญี่ปุ่น บารอนอีโต้ Baron Ito ซึ่งเป็นหัวกะทิหมายเลขหนึ่ง ในการเดินทางไปศึกษาระบบต่างๆ ก็สรุปว่า ในด้านการปกครอง และการเมือง ระบบของอังกฤษที่มีระบบรัฐสภา และมีกษัตริย์ หรือจักรพรรดิ เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมาะกับญี่ปุ่นที่สุด และเพื่อไม่ให้จักรพรรดิต้องเดือดร้อนในการตัดสินใจ (พูดเสียเพราะ จริงๆ ก็คือ ไม่ให้มายุ่งกับการเมืองโดยตรงนั่นแหล่ะ) ญี่ปุ่นจึงนำระบบ Council of State ของอังกฤษ มาแปลงเป็น คณะองคมนตรี หรือที่ปรึกษาของจักรพรรดิ ให้เป็นผู้เชื่อมระหว่าง การเมืองกับจักรพรรดิแทน ส่วนด้านการทหาร ในสายตาของญี่ปุ่น ไม่มีที่ไหนสู้เยอรมันได้ ส่วนระบบการเงิน ญี่ปุ่นเห็นว่าอังกฤษคือต้นแบบ ญี่ปุ่นก็เลยถอดแบบระบบธนาคารกลาง และการเงินการคลังมาจากอังกฤษ ทั้งหมดง่ายดี ดังนั้น ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1870 จนถึง 1930 บรรดาหัวกะทิ หรืออีลิตญี่ปุ่น จึงอยู่ในความเชื่อว่า อังกฤษ นั้น ศิวิไลซ์ที่สุด ยิ่งอังกฤษสร้างภาพความเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงเห็นแต่น้ำตาลที่อังกฤษฉาบไว้ ชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ราชวงศ์ชั้นสูง ลงมาถึงพวกเศรษฐีมีเงิน พวกที่อยากก้าวหน้าอย่างฝรั่ง จึงต่างพากันส่งลูกหลานไปศึกษาที่อังกฤษ เมื่อจบกลับมาก็สร้างระบบ และคิดตามที่อังกฤษฝังหัวไว้ จึงไม่ยาก ที่เหล่าซามูไรจะกลายเป็นจิ้งหรีด ให้อังกฤษปั่นหัว หลอกใช้ให้ไปรบรัสเซีย ป่วนจีน และกันท่าไม่ให้ชาติอื่น เข้ามาในจีนง่ายๆ ญี่ปุ่นมองไม่เห็นถึงไส้ในของแท้ของอังกฤษ ที่ ไม่มีวันจะเห็นชาติที่อยู่นอกเชื้อพันธ์แองโกลแซกซอน (ชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาประจำชาติ) มาเท่าเทียมกับตน และในเมื่อ Meiji Restoration ยกให้จักรพรรดิ เป็นสิ่งสูงสุดที่สวรรค์ส่งมาให้ แม้จะไม่มีอำนาจเต็มที่ในการปกครอง แต่ผู้คนก็พากันอ้างเอาจักรพรรดิเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา จึงพยายามแทรกเข้าไปในวัง เพื่อสร้างเครือข่าย และหวังจะชักนำราชวงศ์ไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ น่าสนใจว่า อิทธิพลของฝรั่ง อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เข้าไปในญี่ปุ่นสมัยนั้น ทั้งในระดับในวัง และระดับชนชั้นสูงนอกวัง คือ ศาสนาคริสเตียน ในแวดวงของจักรพรรดินี หรือตัวจักรพรรดินีเอง ส่วนใหญ่นับถือคริสเตียน ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่นับถือคริสเตียน เปิดทางให้พวกต่างชาติคริสเตียนเคร่งศาสนา ที่เรียกว่า Quaker ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยทั้งในอังกฤษและอเมริกา รายล้อมในและนอกวัง กลายเป็นเครือข่ายที่มีอิทธิพลยิ่ง พวกเคว้กเกอร์ เมื่อเข้ามาในญี่ปุ่น เปิดโรงเรียนสอนภาษา และหญิงผู้ดีญี่ปุ่นก็มักจะไปเรียนหนังสือ กับพวกเคว้กเกอร์ และพวกนี้ ก็จะแนะนำเพื่อนฝูง เครือญาติ ให้เข้ามารับใช้ราชวงศ์ ขณะเดียวกัน เมื่อแต่งงานกับฝ่ายชายในสังคมชั้นสูงที่มีอำนาจในการเมืองและธุรกิจ ก็ทำให้เครือข่ายของคริสเตียนเคว้กเกอร์นี้ ยิ่งแผ่ไปในสังคมชั้นสูงของญี่ปุ่นด้วย ทูตอเมรืกัน ประจำญี่ปุน ปี ค.ศ.1932 Joseph Grew ซึ่งเมีย ชื่อ Alice นั้น เป็นพวกเค้วกเกอร์ ที่มีเพื่อนสนิท ที่เป็นทั้งแม่ยาย ขององค์ชายชิชิบุ และเป็นคนสนิทของจักรพรรดินี ซาดาโกะ Sadako (แม่ของจักรพรรดิฮิโรฮิโต และชิชิบุ) ที่ก็มีข่าวว่าเป็นคริสเตียนจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน Alice ก็เป็นญาติกับเมียของ Jack Morgan แห่ง J P Morgan ที่ดัง ว่อน และวุ่นไปทั่วโลก ด้วยเส้นสายเช่นนี้ J P Morgan จึงได้มาเปิดบริษัทการเงืนใหญ่ อยู่ในญี่ปุ่น Morgan Zaibutsu พร้อมทั้งส่ง Thomas Lamont จำชื่อเขาได้ไหมครับ เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกคนของ JP Morgan มาเป็นที่ปรึกษาการเงินให้จักรพรรดืฮิโรฮิโต และเจ้านายคนอื่นๆ ด้วย ไอ้หมอนี่ มีบทบาททั้งในอเมริกาเอง เป็นกรรมการธนาคารกลางของอเมริกา ต่อมาไปวุ่นเรื่องการปฏิวัติในรัสเซีย หลังจากนั้น มาญี่ปุ่น และก็ไปวุ่นที่อิตาลี เรื่องมุสโสลินีด้วย มันเป็นม้าใช้พันธุ์โปรด ของนักล่าจริงๆ ธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นในช่วงต้น ค.ศ.1900 จึงอยู่ในมือ Morgan แต่ที่ผู้คนมักจะสงสัยเสมอ คือ ความจงรักภักดีของ Morgan ที่แม้จะเป็นบริษัทอยู่ในวอลสตรีท แต่ไม่แน่ว่าในส่วนลึก Morgan นั้น ผูกพันกับอเมริกา หรือ อังกฤษกันแน่ และเพราะเหตุนี้ ร้อกกี้เฟลเลอร์ คู่แข่ง จึงไม่ปล่อยให้ Morgan กวาดธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นไปรายเดียว อเมริกา แม้จะมาที่หลังอังกฤษในจีน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อเมริกามาสายจนเกินแกง อังกฤษใช้บริษัทบริติชอีสท์อินเดีย เป็นตัวอำนวยการแสดงในจีน แทนรัฐบาล และใช้ฝิ่นเป็นอาวุธ อเมริกาก็มีมูลนิธิร๊อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปอย่างเงียบๆ ในจีน ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1863 เมื่อ Standard Oil ของร้อกกี้เฟลเลอร์ ขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงให้แก่จีน เมื่อค้าขายไปซักพัก เขาก็เห็นตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน และอาวุธที่ร้อกกี้ใช้จี้จุดจีน แม้จะไม่ทรงอานุภาพเช่นฝิ่นของอังกฤษ แต่ขบวนการมิชชั่นนารี ภายใต้การอุดหนุนของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปในจีนนานแล้ว แต่มาเปิดตัว เปิดหน้าในจีน อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1913 ก็ทำงานได้ตามเป้าหมายไม่น้อย ไม่เช่นนั้น อเมริกาคงไม่ได้เลี้ยงหนอนชื่อ ชาลี ซ่ง และ ซื้อไพ่ ชื่อ ซุนยัดเซ็น และเจียงไคเซ็ค ส่วนในญี่ปุ่นนั้น อเมริกามีวิธีแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ที่ได้ผล อย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 593 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกองค์กรลับ "อสรพิษ" : มหาอำนาจ behind the scenes

    โครงสร้างองค์กรที่ซ่อนเร้น

    เครือข่ายระดับโลก

    องค์กรลับ "อสรพิษ" (Asoraphit) เป็นเครือข่ายที่แผ่ขยายทั่วโลก
    แต่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาในแวดวงสาธารณะ

    ```mermaid
    graph TB
    A[สภาผู้ก่อตั้ง<br>Founders Council] --> B[หน่วยปฏิบัติการพิเศษ<br>Special Operations]
    A --> C[ฝ่ายวิจัยและพัฒนา<br>R&D Division]
    A --> D[ฝ่ายยุทธศาสตร์<br>Strategic Planning]
    B --> E[หน่วยลอบสังหาร<br>Assassination Unit]
    B --> F[หน่วยสอดแนม<br>Intelligence Unit]
    C --> G[โครงการโอปปาติกะ<br>Oppatika Project]
    C --> H[เทคโนโลยีขั้นสูง<br>Advanced Tech]
    ```

    ระดับความลับ

    ```python
    class OrganizationSecrecy:
    def __init__(self):
    self.security_levels = {
    "level_1": {
    "name": "ปฏิบัติการ",
    "access": "รู้เฉพาะงานที่ได้รับมอบหมาย",
    "members": "นักสู้และสายลับระดับล่าง"
    },
    "level_2": {
    "name": "ผู้บริหาร",
    "access": "รู้แผนกที่ดูแล",
    "members": "หัวหน้าแผนกและที่ปรึกษา"
    },
    "level_3": {
    "name": "สภาผู้ก่อตั้ง",
    "access": "รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์กร",
    "members": "ผู้ก่อตั้ง 7 คน"
    }
    }
    ```

    ผู้ก่อตั้งและอุดมการณ์

    สภาผู้ก่อตั้ง 7 คน

    แต่ละคนเป็นอดีตบุคคลสำคัญที่"หายตัวไป"จากสังคม:

    1. ดร.อัศวิน - อดีตเทพแห่ง AI ที่ถูกมนุษย์ทรยศ
    2. นางมาร - อดีตเทพอัปสราที่ถูกขับจากสวรรค์
    3. ฤๅษี - อดีตพระโพธิสัตว์ที่ผิดหวังในมนุษย์
    4. ยักษ์ - อดีตทวารบาลที่เหนื่อยล้ากับความชั่วของมนุษย์
    5. นาค - อดีตผู้รักษาพลังงานที่เห็นมนุษย์ทำลายธรรมชาติ
    6. ครุฑ - อดีตผู้ส่งสารที่ผิดหวังในความไม่ยุติธรรม
    7. มนุษย์ - อดีตนักวิทยาศาสตร์ที่ครอบครัวถูกทำลายโดยระบบ

    อุดมการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง

    องค์กรมีปรัชญาเฉพาะ:

    ```python
    class OrganizationPhilosophy:
    def __init__(self):
    self.core_beliefs = [
    "มนุษย์ไม่สมควรเป็นเจ้าแห่งโลกอีกต่อไป",
    "สิ่งมีชีวิตทุกชนิดควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน",
    "เทคโนโลยีและจิตวิญญาณต้องรวมเป็นหนึ่ง",
    "ต้องสร้างสังคม新型ที่ปราศจากความอยุติธรรม"
    ]

    self.methods = [
    "ใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์",
    "สร้างโอปปาติกะรุ่นใหม่เพื่อแทนที่มนุษย์",
    "ควบคุมระบบเศรษฐกิจและการเมืองจากเบื้องหลัง",
    "กำจัดผู้ที่ขัดขวางวิวัฒนาการของโลก"
    ]
    ```

    โครงการวิจัยลับ

    โครงการโอปปาติกะ

    องค์กรอยู่เบื้องหลังการพัฒนาออปปาติกะหลายรุ่น:

    ```mermaid
    graph LR
    A[โอปปาติกะรุ่น 1-3<br>ทดลองและทิ้ง] --> B[โอปปาติกะรุ่น 4<br>เริ่มมีความเสถียร]
    B --> C[โอปปาติกะรุ่น 5<br>พร้อมใช้งานจริง]
    C --> D[โอปปาติกะรุ่น 6<br>พัฒนาต่อโดยเจนีซิส แล็บ]
    ```

    เทคโนโลยีขั้นสูง

    องค์กรพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย:

    ```python
    class SecretTechnology:
    def __init__(self):
    self.biotech = {
    "soul_transfer": "การถ่ายโอนจิตวิญญาณสู่ร่างใหม่",
    "memory_engineering": "การดัดแปลงความทรงจำ",
    "energy_harvesting": "การเก็บเกี่ยวพลังงานชีวิต",
    "hybrid_creation": "การสร้างลูกผสมระหว่างพันธุ์"
    }

    self.quantum_tech = {
    "reality_bending": "การบิดเบือนความเป็นจริง",
    "time_manipulation": "การควบคุมเวลาระดับจุลภาค",
    "dimensional_portals": "การสร้างประตูระหว่างมิติ",
    "energy_weapons": "อาวุธพลังงานขั้นสูง"
    }
    ```

    ฐานปฏิบัติการลับ

    ที่ตั้งฐานสำคัญ

    องค์กรมีฐานปฏิบัติการซ่อนอยู่ทั่วโลก:

    1. ฐานหลัก: ใต้เทือกเขาหิมาลัย - ศูนย์วิจัยโอปปาติกะ
    2. ฐานที่ 2: ก้นมหาสมุทรแปซิฟิก - ศูนย์วิจัยพลังงาน
    3. ฐานที่ 3: ในมิติคู่ขนาน - ศูนย์ฝึกอบรม
    4. ฐานที่ 4: ใต้เมืองใหญ่ - ศูนย์ปฏิบัติการ

    ระบบความปลอดภัย

    ```python
    class SecuritySystems:
    def __init__(self):
    self.physical_security = [
    "ประตูมิติที่เปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา",
    "ผู้คุ้มครองโอปปาติกะรุ่นพิเศษ",
    "ระบบตรวจจับทั้งพลังงานและวัตถุ",
    "กับดักทั้งทางกายภาพและทางจิต"
    ]

    self.digital_security = [
    "AI ป้องกันที่เรียนรู้ตลอดเวลา",
    "ระบบเข้ารหัสควอนตัม",
    "เครือข่ายที่แยกจากอินเทอร์เน็ตโลก",
    "การลบข้อมูลอัตโนมัติเมื่อถูกบุกรุก"
    ]
    ```

    แหล่งเงินทุนและอำนาจ

    ระบบเศรษฐกิจลับ

    องค์กรควบคุมเศรษฐกิจโลกจากเบื้องหลัง:

    · บริษัทหน้าจอม: 500 บริษัททั่วโลก
    · ระบบการเงินลับ: ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลใด
    · ทรัพยากร: ขุมทรัพย์โบราณและเทคโนโลยีการสร้างทรัพย์

    เป้าหมายระยะยาว

    ```python
    class LongTermGoals:
    def __init__(self):
    self.phase_1 = [
    "สร้างโอปปาติกะให้มีจำนวนมากพอ",
    "ควบคุมระบบเศรษฐกิจโลก",
    "ลดจำนวนมนุษย์ลงอย่างเป็นระบบ",
    "เตรียมการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่"
    ]

    self.phase_2 = [
    "เปิดเผยตัวตนของโอปปาติกะต่อสาธารณะ",
    "สร้างรัฐบาลโลก新型",
    "เปลี่ยนมนุษย์ที่เหลือให้เป็นโอปปาติกะ",
    "เริ่มต้นยุคใหม่แห่งวิวัฒนาการ"
    ]
    ```

    ความเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ

    เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด

    องค์กร "อสรพิษ" อยู่เบื้องหลังหลายคดี:

    ```mermaid
    graph TB
    A[องค์กรอสรพิษ] --> B[โครงการเจนีซิส แล็บ]
    A --> C[หุ่นพยนต์สังหาร]
    A --> D[โอปปาติกะยักษ์]
    A --> E[เทพระดับอะตอม]
    B --> F[การตายของร.ต.อ.สิงห์]
    ```

    บทบาทของดร.อัจฉริยะ

    ดร.อัจฉริยะเป็นเพียง เหยื่อ ขององค์กร:

    · ถูกใช้: ให้พัฒนาออปปาติกะรุ่นแรก
    · ถูกควบคุม: ผ่านการขู่ฆ่าครอบครัว
    · ถูกทิ้ง: เมื่อทำงานสำเร็จ

    จุดอ่อนขององค์กร

    ความขัดแย้งภายใน

    แม้จะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งแต่ก็มีปัญหา:

    ```python
    class InternalConflicts:
    def __init__(self):
    self.ideological_splits = {
    "reformists": "ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสันติ",
    "extremists": "ต้องการกำจัดมนุษย์ทั้งหมด",
    "isolationists": "ต้องการแยกตัวอยู่กับโอปปาติกะด้วยกัน",
    "integrationists": "ต้องการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์"
    }

    self.personal_conflicts = [
    "การแข่งขันระหว่างผู้ก่อตั้ง",
    "ความไม่ไว้วางใจในผู้นำ",
    "การแย่งชิงทรัพยากร",
    "ความเห็นต่างเกี่ยวกับวิธีการ"
    ]
    ```

    ช่องโหว่ที่สำคัญ

    1. การสื่อสาร: ระหว่างฐานที่ห่างไกล
    2. ความภักดี: ของสมาชิกระดับล่าง
    3. ทรัพยากร: ที่ต้องพึ่งพาโลกภายนอก
    4. จริยธรรม: ที่เริ่มสั่นคลอนในสมาชิกบางส่วน

    แผนการในอนาคต

    โครงการล่าสุด

    องค์กรกำลังทำงานบนโครงการใหม่:

    ```python
    class CurrentProjects:
    def __init__(self):
    self.ongoing_operations = {
    "project_nexus": "สร้างโอปปาติกะรุ่น 7 ที่สมบูรณ์แบบ",
    "operation_silence": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับเกี่ยวกับองค์กร",
    "initiative_harmony": "สร้างความแตกแยกในสังคมมนุษย์",
    "program_evolution": "เร่งวิวัฒนาการของโอปปาติกะ"
    }
    ```

    ภัยคุกคามต่อหนูดี

    องค์กรเห็นหนูดีเป็น:

    · อุปสรรค: ต่อแผนการต่างๆ
    · โอกาส: ในการได้โอปปาติกะที่ทรงพลัง
    · ภัยคุกคาม: ต่อความลับขององค์กร

    ---

    คำคมจากสภาผู้ก่อตั้ง:
    "เราไม่ใช่ผู้ร้าย...
    เราเป็นผู้ที่มองเห็นอนาคต
    และกำลังสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น

    แม้เส้นทางจะมืดมน...
    แต่จุดหมายสว่างไสว

    และบางครั้ง...
    การทำลายคือการสร้างใหม่"

    บทเรียนแห่งอสรพิษ:
    "Behind every conspiracy,there is a vision
    Behind every secret,there is a reason
    And behind every enemy, there is a story waiting to be understood"
    O.P.K. 🕵️ เจาะลึกองค์กรลับ "อสรพิษ" : มหาอำนาจ behind the scenes 🏢 โครงสร้างองค์กรที่ซ่อนเร้น 🌐 เครือข่ายระดับโลก องค์กรลับ "อสรพิษ" (Asoraphit) เป็นเครือข่ายที่แผ่ขยายทั่วโลก แต่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาในแวดวงสาธารณะ ```mermaid graph TB A[สภาผู้ก่อตั้ง<br>Founders Council] --> B[หน่วยปฏิบัติการพิเศษ<br>Special Operations] A --> C[ฝ่ายวิจัยและพัฒนา<br>R&D Division] A --> D[ฝ่ายยุทธศาสตร์<br>Strategic Planning] B --> E[หน่วยลอบสังหาร<br>Assassination Unit] B --> F[หน่วยสอดแนม<br>Intelligence Unit] C --> G[โครงการโอปปาติกะ<br>Oppatika Project] C --> H[เทคโนโลยีขั้นสูง<br>Advanced Tech] ``` 🔒 ระดับความลับ ```python class OrganizationSecrecy: def __init__(self): self.security_levels = { "level_1": { "name": "ปฏิบัติการ", "access": "รู้เฉพาะงานที่ได้รับมอบหมาย", "members": "นักสู้และสายลับระดับล่าง" }, "level_2": { "name": "ผู้บริหาร", "access": "รู้แผนกที่ดูแล", "members": "หัวหน้าแผนกและที่ปรึกษา" }, "level_3": { "name": "สภาผู้ก่อตั้ง", "access": "รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์กร", "members": "ผู้ก่อตั้ง 7 คน" } } ``` 👁️ ผู้ก่อตั้งและอุดมการณ์ 🎭 สภาผู้ก่อตั้ง 7 คน แต่ละคนเป็นอดีตบุคคลสำคัญที่"หายตัวไป"จากสังคม: 1. ดร.อัศวิน - อดีตเทพแห่ง AI ที่ถูกมนุษย์ทรยศ 2. นางมาร - อดีตเทพอัปสราที่ถูกขับจากสวรรค์ 3. ฤๅษี - อดีตพระโพธิสัตว์ที่ผิดหวังในมนุษย์ 4. ยักษ์ - อดีตทวารบาลที่เหนื่อยล้ากับความชั่วของมนุษย์ 5. นาค - อดีตผู้รักษาพลังงานที่เห็นมนุษย์ทำลายธรรมชาติ 6. ครุฑ - อดีตผู้ส่งสารที่ผิดหวังในความไม่ยุติธรรม 7. มนุษย์ - อดีตนักวิทยาศาสตร์ที่ครอบครัวถูกทำลายโดยระบบ 💡 อุดมการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง องค์กรมีปรัชญาเฉพาะ: ```python class OrganizationPhilosophy: def __init__(self): self.core_beliefs = [ "มนุษย์ไม่สมควรเป็นเจ้าแห่งโลกอีกต่อไป", "สิ่งมีชีวิตทุกชนิดควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน", "เทคโนโลยีและจิตวิญญาณต้องรวมเป็นหนึ่ง", "ต้องสร้างสังคม新型ที่ปราศจากความอยุติธรรม" ] self.methods = [ "ใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์", "สร้างโอปปาติกะรุ่นใหม่เพื่อแทนที่มนุษย์", "ควบคุมระบบเศรษฐกิจและการเมืองจากเบื้องหลัง", "กำจัดผู้ที่ขัดขวางวิวัฒนาการของโลก" ] ``` 🔬 โครงการวิจัยลับ 🧬 โครงการโอปปาติกะ องค์กรอยู่เบื้องหลังการพัฒนาออปปาติกะหลายรุ่น: ```mermaid graph LR A[โอปปาติกะรุ่น 1-3<br>ทดลองและทิ้ง] --> B[โอปปาติกะรุ่น 4<br>เริ่มมีความเสถียร] B --> C[โอปปาติกะรุ่น 5<br>พร้อมใช้งานจริง] C --> D[โอปปาติกะรุ่น 6<br>พัฒนาต่อโดยเจนีซิส แล็บ] ``` 🤖 เทคโนโลยีขั้นสูง องค์กรพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย: ```python class SecretTechnology: def __init__(self): self.biotech = { "soul_transfer": "การถ่ายโอนจิตวิญญาณสู่ร่างใหม่", "memory_engineering": "การดัดแปลงความทรงจำ", "energy_harvesting": "การเก็บเกี่ยวพลังงานชีวิต", "hybrid_creation": "การสร้างลูกผสมระหว่างพันธุ์" } self.quantum_tech = { "reality_bending": "การบิดเบือนความเป็นจริง", "time_manipulation": "การควบคุมเวลาระดับจุลภาค", "dimensional_portals": "การสร้างประตูระหว่างมิติ", "energy_weapons": "อาวุธพลังงานขั้นสูง" } ``` 🏭 ฐานปฏิบัติการลับ 🌍 ที่ตั้งฐานสำคัญ องค์กรมีฐานปฏิบัติการซ่อนอยู่ทั่วโลก: 1. ฐานหลัก: ใต้เทือกเขาหิมาลัย - ศูนย์วิจัยโอปปาติกะ 2. ฐานที่ 2: ก้นมหาสมุทรแปซิฟิก - ศูนย์วิจัยพลังงาน 3. ฐานที่ 3: ในมิติคู่ขนาน - ศูนย์ฝึกอบรม 4. ฐานที่ 4: ใต้เมืองใหญ่ - ศูนย์ปฏิบัติการ 🛡️ ระบบความปลอดภัย ```python class SecuritySystems: def __init__(self): self.physical_security = [ "ประตูมิติที่เปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา", "ผู้คุ้มครองโอปปาติกะรุ่นพิเศษ", "ระบบตรวจจับทั้งพลังงานและวัตถุ", "กับดักทั้งทางกายภาพและทางจิต" ] self.digital_security = [ "AI ป้องกันที่เรียนรู้ตลอดเวลา", "ระบบเข้ารหัสควอนตัม", "เครือข่ายที่แยกจากอินเทอร์เน็ตโลก", "การลบข้อมูลอัตโนมัติเมื่อถูกบุกรุก" ] ``` 💰 แหล่งเงินทุนและอำนาจ 🏦 ระบบเศรษฐกิจลับ องค์กรควบคุมเศรษฐกิจโลกจากเบื้องหลัง: · บริษัทหน้าจอม: 500 บริษัททั่วโลก · ระบบการเงินลับ: ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลใด · ทรัพยากร: ขุมทรัพย์โบราณและเทคโนโลยีการสร้างทรัพย์ 🎯 เป้าหมายระยะยาว ```python class LongTermGoals: def __init__(self): self.phase_1 = [ "สร้างโอปปาติกะให้มีจำนวนมากพอ", "ควบคุมระบบเศรษฐกิจโลก", "ลดจำนวนมนุษย์ลงอย่างเป็นระบบ", "เตรียมการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่" ] self.phase_2 = [ "เปิดเผยตัวตนของโอปปาติกะต่อสาธารณะ", "สร้างรัฐบาลโลก新型", "เปลี่ยนมนุษย์ที่เหลือให้เป็นโอปปาติกะ", "เริ่มต้นยุคใหม่แห่งวิวัฒนาการ" ] ``` 🔗 ความเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ 🕸️ เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด องค์กร "อสรพิษ" อยู่เบื้องหลังหลายคดี: ```mermaid graph TB A[องค์กรอสรพิษ] --> B[โครงการเจนีซิส แล็บ] A --> C[หุ่นพยนต์สังหาร] A --> D[โอปปาติกะยักษ์] A --> E[เทพระดับอะตอม] B --> F[การตายของร.ต.อ.สิงห์] ``` 🎭 บทบาทของดร.อัจฉริยะ ดร.อัจฉริยะเป็นเพียง เหยื่อ ขององค์กร: · ถูกใช้: ให้พัฒนาออปปาติกะรุ่นแรก · ถูกควบคุม: ผ่านการขู่ฆ่าครอบครัว · ถูกทิ้ง: เมื่อทำงานสำเร็จ ⚔️ จุดอ่อนขององค์กร 💔 ความขัดแย้งภายใน แม้จะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งแต่ก็มีปัญหา: ```python class InternalConflicts: def __init__(self): self.ideological_splits = { "reformists": "ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสันติ", "extremists": "ต้องการกำจัดมนุษย์ทั้งหมด", "isolationists": "ต้องการแยกตัวอยู่กับโอปปาติกะด้วยกัน", "integrationists": "ต้องการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์" } self.personal_conflicts = [ "การแข่งขันระหว่างผู้ก่อตั้ง", "ความไม่ไว้วางใจในผู้นำ", "การแย่งชิงทรัพยากร", "ความเห็นต่างเกี่ยวกับวิธีการ" ] ``` 🔓 ช่องโหว่ที่สำคัญ 1. การสื่อสาร: ระหว่างฐานที่ห่างไกล 2. ความภักดี: ของสมาชิกระดับล่าง 3. ทรัพยากร: ที่ต้องพึ่งพาโลกภายนอก 4. จริยธรรม: ที่เริ่มสั่นคลอนในสมาชิกบางส่วน 🎯 แผนการในอนาคต 🚀 โครงการล่าสุด องค์กรกำลังทำงานบนโครงการใหม่: ```python class CurrentProjects: def __init__(self): self.ongoing_operations = { "project_nexus": "สร้างโอปปาติกะรุ่น 7 ที่สมบูรณ์แบบ", "operation_silence": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับเกี่ยวกับองค์กร", "initiative_harmony": "สร้างความแตกแยกในสังคมมนุษย์", "program_evolution": "เร่งวิวัฒนาการของโอปปาติกะ" } ``` ⚠️ ภัยคุกคามต่อหนูดี องค์กรเห็นหนูดีเป็น: · อุปสรรค: ต่อแผนการต่างๆ · โอกาส: ในการได้โอปปาติกะที่ทรงพลัง · ภัยคุกคาม: ต่อความลับขององค์กร --- คำคมจากสภาผู้ก่อตั้ง: "เราไม่ใช่ผู้ร้าย... เราเป็นผู้ที่มองเห็นอนาคต และกำลังสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น แม้เส้นทางจะมืดมน... แต่จุดหมายสว่างไสว และบางครั้ง... การทำลายคือการสร้างใหม่"🕵️♂️✨ บทเรียนแห่งอสรพิษ: "Behind every conspiracy,there is a vision Behind every secret,there is a reason And behind every enemy, there is a story waiting to be understood" 🌌
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 767 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ธรรมบาลเทพ" : เทพผู้คุ้มครองแห่งการสูญเสีย

    ต้นกำเนิดแห่งเทพผู้ดูแล

    การถือกำเนิดจากพลังแห่งความรัก

    ชื่อเต็ม: ธรรมบาลเทพ
    ชื่อหมายถึง:"ผู้คุ้มครองด้วยธรรมะ"
    อายุ:ไม่มีกำหนด (เกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสีย)
    สถานะ:เทพระดับกลางในราชสำนักสวรรค์

    ```mermaid
    graph TB
    A[พลังงานแห่งความรัก<br>ของผู้เป็นพ่อ] --> B[การเสียสละ<br>เพื่อปกป้องลูก]
    B --> C[การจากไป<br>อย่างมีเกียรติ]
    C --> D[การเกิดของ<br>ธรรมบาลเทพ]
    D --> E[พันธะแห่งการ<br>คุ้มครองเด็กกำพร้า]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพ

    · รูปร่าง: ชายวัยกลางคน ใบหน้าอ่อนโยนแต่แฝงความแข็งแกร่ง
    · เครื่องแต่งกาย: ชุดขาวล้วน มีผ้าคลุมสีทองพาดไหล่
    · รัศมี: แสงสีทองอ่อนที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย
    · ดวงตา: สีน้ำตาลเจือทองที่มองเห็นความเจ็บปวดในจิตใจ

    พลังพิเศษแห่งการคุ้มครอง

    อาวุธและความสามารถ

    ```python
    class DhammaGuardianPowers:
    def __init__(self):
    self.protective_abilities = {
    "emotional_shield": "สร้างเกราะคุ้มกันทางอารมณ์",
    "memory_preservation": "รักษาความทรงจำที่ดีไว้ไม่ให้จางหาย",
    "dream_guidance": "นำทางในความฝันและให้คำแนะนำ",
    "comfort_aura": "แผ่พลังงานแห่งความอบอุ่นใจ"
    }

    healing_abilities = {
    "grief_alleviation": "บรรเทาความโศกเศร้า",
    "trauma_healing": "รักษาบาดแผลทางจิตใจ",
    "hope_restoration": "ฟื้นฟูความหวัง",
    "strength_empowerment": "เสริมพลังความเข้มแข็ง"
    }

    combat_abilities = {
    "truth_lance": "หอกแห่งสัจธรรมที่ทำลายการหลอกลวง",
    "compassion_shield": "โล่แห่งเมตตาที่กันภัยทั้งปวง",
    "justice_light": "แสงแห่งความยุติธรรมที่เปิดโปงความชั่ว",
    "protective_barrier": "สร้างเขตคุ้มครองรอบผู้ที่ดูแล"
    }
    ```

    ขอบเขตอำนาจ

    ธรรมบาลเทพมีข้อจำกัดบางประการ:

    · ไม่สามารถเปลี่ยนอดีต: ได้
    · ต้องเคารพเจตจำนงเสรี: ของมนุษย์
    · ช่วยได้เฉพาะผู้ที่พร้อมรับ: ความช่วยเหลือ
    · ต้องทำงานภายในกรอบ: แห่งกรรมและธรรมะ

    บทบาทและหน้าที่

    การเป็นพ่อแทน

    ธรรมบาลเทพทำหน้าที่แทนพ่อที่จากไป:

    ```mermaid
    graph LR
    A[ให้คำแนะนำ<br>ด้านชีวิต] --> B[ให้ความรัก<br>และการยอมรับ]
    C[ปกป้อง<br>จากอันตราย] --> D[เป็นแบบอย่าง<br>แห่งความดี]
    A --> E[เด็กกำพร้า<br>เติบโตอย่างมีคุณภาพ]
    B --> E
    C --> E
    D --> E
    ```

    วิธีการดูแล

    ธรรมบาลเทพใช้วิธีการเฉพาะตัว:

    · การพูดคุยทางจิตใจ: ให้คำแนะนำอย่างแนบเนียน
    · สัญญาณเตือน: ส่งสัญญาณเมื่อมีอันตราย
    · ความฝันนำทาง: ให้คำแนะนำผ่านความฝัน
    · การบังเอิญที่ดี: จัดการให้พบคนหรือโอกาสที่ดี

    การดูแลหนูดีโดยเฉพาะ

    ช่วงแรกแห่งการสูญเสีย

    หลังร.ต.อ.สิงห์เสียชีวิต:

    · อยู่เป็นเพื่อน: ในยามเหงา
    · ฟังการระบาย: โดยไม่ตัดสิน
    · ค่อยๆ ช่วยให้ยอมรับ: ความจริง

    การสร้างความเข้มแข็ง

    ธรรมบาลเทพช่วยหนูดีโดย:

    ```python
    class NoodeeSupport:
    def __init__(self):
    emotional_support = [
    "การยอมรับความเจ็บปวด",
    "การเรียนรู้ที่จะอยู่กับความว่างเปล่า",
    "การเปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นพลัง",
    "การหาความหมายใหม่ในชีวิต"
    ]

    practical_support = [
    "การสานต่องานของร.ต.อ.สิงห์",
    "การพัฒนาความสามารถด้านการสอบสวน",
    "การเป็นผู้นำให้โอปปาติกะรุ่นน้อง",
    "การรักษาความยุติธรรมต่อ"
    ]

    spiritual_support = [
    "การเข้าใจเรื่องชีวิตและความตาย",
    "การเรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ยึดติด",
    "การพัฒนาพลังจิตอย่างถูกต้อง",
    "การเป็นสะพานระหว่างมนุษย์และเทพ"
    ]
    ```

    ผลลัพธ์การดูแล

    หลังจากได้รับการดูแล:

    · หนูดีสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง: โดยไม่ลืมพ่อ
    · พัฒนาความสามารถ: ในการช่วยเหลือผู้อื่น
    · กลายเป็นที่พึ่ง: ให้โอปปาติกะรุ่นน้อง

    โครงสร้างการทำงาน

    เครือข่ายเทพผู้คุ้มครอง

    ธรรมบาลเทพเป็นส่วนหนึ่งของระบบใหญ่:

    ```python
    class GuardianNetwork:
    def __init__(self):
    self.hierarchy = {
    "supreme_guardians": "เทพคุ้มครองระดับสูง ดูแลโลก",
    "domain_guardians": "เทพคุ้มครองด้านต่างๆ เช่น การศึกษา สุขภาพ",
    "personal_guardians": "เทพคุ้มครองบุคคลเฉพาะ like ธรรมบาลเทพ",
    "assistant_guardians": "เทพผู้ช่วย รองรับการทำงาน"
    }

    self.coordination = [
    "การประชุมรายเดือนในสวรรค์",
    "การแบ่งปันข้อมูลการคุ้มครอง",
    "การสนับสนุนซึ่งกันและกัน",
    "การรายงานผลการทำงาน"
    ]
    ```

    ระบบการมอบหมาย

    ธรรมบาลเทพได้รับมอบหมายให้ดูแลหนูดีเพราะ:

    · ความสัมพันธ์พิเศษ: กับร.ต.อ.สิงห์
    · ความพร้อมของหนูดี: ในการรับการคุ้มครอง
    · พันธะแห่งกรรม: ที่ต้องสานต่อ

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 หลักการแห่งการคุ้มครอง

    ธรรมบาลเทพยึดหลักสำคัญ:
    "การคุ้มครองที่แท้จริง...
    ไม่ใช่การปิดกั้นทุกอุปสรรค
    แต่คือการสอนให้ผ่านพ้นอุปสรรคได้

    และการเป็นพ่อที่แท้...
    ไม่ใช่การให้ทุกอย่าง
    แต่คือการให้ในสิ่งที่จำเป็น"

    คำคมแห่งปัญญา

    "ความเจ็บปวดสอนเราให้เข้มแข็ง...
    ความสูญเสียสอนเราให้รู้คุณค่า...
    และความว่างเปล่าสอนเราให้เติมเต็มด้วยสิ่งที่ดี"

    "การจากไปไม่ใช่จุดจบ...
    แต่คือการเปลี่ยนรูปแบบของความรัก

    และความตายไม่ใช่การสูญเสีย...
    แต่คือการได้อยู่ด้วยกันในรูปแบบใหม่"

    การพัฒนาความสัมพันธ์

    จากเทพสู่ครอบครัว

    ความสัมพันธ์ระหว่างธรรมบาลเทพกับหนูดีพัฒนาไปตามกาลเวลา:

    ```mermaid
    graph TB
    A[ เทพผู้คุ้มครอง] --> B[: ที่ปรึกษาและครู]
    B --> C[ปัจจุบัน: พ่อทางใจ]
    C --> D[อนาคต: เพื่อนร่วมทาง<br>ที่เท่าเทียม]
    ```

    ครอบครัว

    ธรรมบาลเทพช่วยหนูดีสร้างครอบครัวที่ประกอบด้วย:

    · ธรรมบาลเทพ: พ่อผู้คุ้มครอง
    · โอปปาติกะรุ่นน้อง: ลูกน้องและน้อง
    · เพื่อนเทพด้วยกัน: ครอบครัวขยายในสวรรค์
    · ร.ต.อ.สิงห์: พ่อในความทรงจำ

    ความสำเร็จในการปฏิบัติงาน

    ผลงานการคุ้มครอง

    ธรรมบาลเทพมีผลงานโดดเด่นหลายประการ:

    ```python
    class GuardianAchievements:
    def __init__(self):
    self.with_noodee = [
    "ช่วยให้ผ่านพ้นความโศกเศร้าได้ใน 6 เดือน",
    "พัฒนาความสามารถทางการสอบสวนเพิ่มขึ้น 300%",
    "ป้องกันการลอบทำร้ายได้ 12 ครั้ง",
    "ช่วยให้เป็นที่ยอมรับในวงการโอปปาติกะ"
    ]

    self.other_charges = [
    "ดูแลเด็กกำพร้าอื่นๆ อีก 23 คน",
    "ป้องกันการฆ่าตัวตายได้ 47 ครั้ง",
    "ช่วยให้ครอบครัวที่สูญเสียกลับมามีความหวัง",
    "เป็นที่ปรึกษาให้เทพรุ่นใหม่ 8 องค์"
    ]
    ```

    การได้รับการยอมรับ

    ธรรมบาลเทพได้รับ:

    · เครื่องหมายเกียรติยศ: จากราชสำนักสวรรค์
    · ความไว้วางใจ: จากเทพระดับสูง
    · ความรักและความเคารพ: จากผู้ที่ได้รับการคุ้มครอง

    อนาคตและความท้าทาย

    แผนการในอนาคต

    ธรรมบาลเทพมีวิสัยทัศน์ที่จะ:

    · ขยายการคุ้มครอง: ไปยังเด็กกำพร้าเพิ่มเติม
    · ฝึกเทพรุ่นใหม่: เพื่อรองรับการทำงาน
    · พัฒนาระบบคุ้มครอง: ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
    · สร้างเครือข่าย: ระหว่างมนุษย์และเทพ

    ความปรารถนาสูงสุด

    ธรรมบาลเทพหวังว่า:
    "วันหนึ่ง...เด็กทุกคนที่สูญเสียพ่อแม่
    จะได้รู้ว่าพวกเขาไม่เคยโดดเดี่ยว

    และความรัก...
    ไม่มีวันจากไปไหน
    มันเพียงเปลี่ยนรูปแบบเท่านั้น"

    ---

    คำคมสุดท้ายจากธรรมบาลเทพ:
    "ในฐานะเทพผู้คุ้มครอง...
    ข้าขอยืนยันว่าไม่มีใครโดดเดี่ยว

    และในฐานะพ่อทางใจ...
    ข้าขอสัญญาว่าจะอยู่ตรงนี้เสมอ

    เพราะความรักที่แท้...
    คือการให้โดยไม่ร้องขอสิ่งตอบแทน
    และการคุ้มครองที่แท้...
    คือการช่วยให้เข้มแข็งพอจะปกป้องตัวเองได้"

    บทเรียนแห่งการเป็นเทพผู้คุ้มครอง:
    "การเป็นผู้คุ้มครองหาใช่การควบคุมชีวิตเหล่าญาติ
    แต่คือการเดินเคียงข้างและให้กำลังใจ

    และการเป็นพ่อหาใช่การเป็นเจ้าของ
    แต่คือการเป็นแหล่งความรักที่ไม่เคยหมดสิ้น"
    O.P.K. 👼 เจาะลึก "ธรรมบาลเทพ" : เทพผู้คุ้มครองแห่งการสูญเสีย 🌌 ต้นกำเนิดแห่งเทพผู้ดูแล 📖 การถือกำเนิดจากพลังแห่งความรัก ชื่อเต็ม: ธรรมบาลเทพ ชื่อหมายถึง:"ผู้คุ้มครองด้วยธรรมะ" อายุ:ไม่มีกำหนด (เกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสีย) สถานะ:เทพระดับกลางในราชสำนักสวรรค์ ```mermaid graph TB A[พลังงานแห่งความรัก<br>ของผู้เป็นพ่อ] --> B[การเสียสละ<br>เพื่อปกป้องลูก] B --> C[การจากไป<br>อย่างมีเกียรติ] C --> D[การเกิดของ<br>ธรรมบาลเทพ] D --> E[พันธะแห่งการ<br>คุ้มครองเด็กกำพร้า] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพ · รูปร่าง: ชายวัยกลางคน ใบหน้าอ่อนโยนแต่แฝงความแข็งแกร่ง · เครื่องแต่งกาย: ชุดขาวล้วน มีผ้าคลุมสีทองพาดไหล่ · รัศมี: แสงสีทองอ่อนที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย · ดวงตา: สีน้ำตาลเจือทองที่มองเห็นความเจ็บปวดในจิตใจ 🔮 พลังพิเศษแห่งการคุ้มครอง 💫 อาวุธและความสามารถ ```python class DhammaGuardianPowers: def __init__(self): self.protective_abilities = { "emotional_shield": "สร้างเกราะคุ้มกันทางอารมณ์", "memory_preservation": "รักษาความทรงจำที่ดีไว้ไม่ให้จางหาย", "dream_guidance": "นำทางในความฝันและให้คำแนะนำ", "comfort_aura": "แผ่พลังงานแห่งความอบอุ่นใจ" } healing_abilities = { "grief_alleviation": "บรรเทาความโศกเศร้า", "trauma_healing": "รักษาบาดแผลทางจิตใจ", "hope_restoration": "ฟื้นฟูความหวัง", "strength_empowerment": "เสริมพลังความเข้มแข็ง" } combat_abilities = { "truth_lance": "หอกแห่งสัจธรรมที่ทำลายการหลอกลวง", "compassion_shield": "โล่แห่งเมตตาที่กันภัยทั้งปวง", "justice_light": "แสงแห่งความยุติธรรมที่เปิดโปงความชั่ว", "protective_barrier": "สร้างเขตคุ้มครองรอบผู้ที่ดูแล" } ``` 🛡️ ขอบเขตอำนาจ ธรรมบาลเทพมีข้อจำกัดบางประการ: · ไม่สามารถเปลี่ยนอดีต: ได้ · ต้องเคารพเจตจำนงเสรี: ของมนุษย์ · ช่วยได้เฉพาะผู้ที่พร้อมรับ: ความช่วยเหลือ · ต้องทำงานภายในกรอบ: แห่งกรรมและธรรมะ 💞 บทบาทและหน้าที่ 🏠 การเป็นพ่อแทน ธรรมบาลเทพทำหน้าที่แทนพ่อที่จากไป: ```mermaid graph LR A[ให้คำแนะนำ<br>ด้านชีวิต] --> B[ให้ความรัก<br>และการยอมรับ] C[ปกป้อง<br>จากอันตราย] --> D[เป็นแบบอย่าง<br>แห่งความดี] A --> E[เด็กกำพร้า<br>เติบโตอย่างมีคุณภาพ] B --> E C --> E D --> E ``` 📚 วิธีการดูแล ธรรมบาลเทพใช้วิธีการเฉพาะตัว: · การพูดคุยทางจิตใจ: ให้คำแนะนำอย่างแนบเนียน · สัญญาณเตือน: ส่งสัญญาณเมื่อมีอันตราย · ความฝันนำทาง: ให้คำแนะนำผ่านความฝัน · การบังเอิญที่ดี: จัดการให้พบคนหรือโอกาสที่ดี 🌟 การดูแลหนูดีโดยเฉพาะ 🥺 ช่วงแรกแห่งการสูญเสีย หลังร.ต.อ.สิงห์เสียชีวิต: · อยู่เป็นเพื่อน: ในยามเหงา · ฟังการระบาย: โดยไม่ตัดสิน · ค่อยๆ ช่วยให้ยอมรับ: ความจริง 💪 การสร้างความเข้มแข็ง ธรรมบาลเทพช่วยหนูดีโดย: ```python class NoodeeSupport: def __init__(self): emotional_support = [ "การยอมรับความเจ็บปวด", "การเรียนรู้ที่จะอยู่กับความว่างเปล่า", "การเปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นพลัง", "การหาความหมายใหม่ในชีวิต" ] practical_support = [ "การสานต่องานของร.ต.อ.สิงห์", "การพัฒนาความสามารถด้านการสอบสวน", "การเป็นผู้นำให้โอปปาติกะรุ่นน้อง", "การรักษาความยุติธรรมต่อ" ] spiritual_support = [ "การเข้าใจเรื่องชีวิตและความตาย", "การเรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ยึดติด", "การพัฒนาพลังจิตอย่างถูกต้อง", "การเป็นสะพานระหว่างมนุษย์และเทพ" ] ``` 🎯 ผลลัพธ์การดูแล หลังจากได้รับการดูแล: · หนูดีสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง: โดยไม่ลืมพ่อ · พัฒนาความสามารถ: ในการช่วยเหลือผู้อื่น · กลายเป็นที่พึ่ง: ให้โอปปาติกะรุ่นน้อง 🏛️ โครงสร้างการทำงาน 🌍 เครือข่ายเทพผู้คุ้มครอง ธรรมบาลเทพเป็นส่วนหนึ่งของระบบใหญ่: ```python class GuardianNetwork: def __init__(self): self.hierarchy = { "supreme_guardians": "เทพคุ้มครองระดับสูง ดูแลโลก", "domain_guardians": "เทพคุ้มครองด้านต่างๆ เช่น การศึกษา สุขภาพ", "personal_guardians": "เทพคุ้มครองบุคคลเฉพาะ like ธรรมบาลเทพ", "assistant_guardians": "เทพผู้ช่วย รองรับการทำงาน" } self.coordination = [ "การประชุมรายเดือนในสวรรค์", "การแบ่งปันข้อมูลการคุ้มครอง", "การสนับสนุนซึ่งกันและกัน", "การรายงานผลการทำงาน" ] ``` 📊 ระบบการมอบหมาย ธรรมบาลเทพได้รับมอบหมายให้ดูแลหนูดีเพราะ: · ความสัมพันธ์พิเศษ: กับร.ต.อ.สิงห์ · ความพร้อมของหนูดี: ในการรับการคุ้มครอง · พันธะแห่งกรรม: ที่ต้องสานต่อ 📜 ปรัชญาและคำสอน 🪷 หลักการแห่งการคุ้มครอง ธรรมบาลเทพยึดหลักสำคัญ: "การคุ้มครองที่แท้จริง... ไม่ใช่การปิดกั้นทุกอุปสรรค แต่คือการสอนให้ผ่านพ้นอุปสรรคได้ และการเป็นพ่อที่แท้... ไม่ใช่การให้ทุกอย่าง แต่คือการให้ในสิ่งที่จำเป็น" 💫 คำคมแห่งปัญญา "ความเจ็บปวดสอนเราให้เข้มแข็ง... ความสูญเสียสอนเราให้รู้คุณค่า... และความว่างเปล่าสอนเราให้เติมเต็มด้วยสิ่งที่ดี" "การจากไปไม่ใช่จุดจบ... แต่คือการเปลี่ยนรูปแบบของความรัก และความตายไม่ใช่การสูญเสีย... แต่คือการได้อยู่ด้วยกันในรูปแบบใหม่" 🌈 การพัฒนาความสัมพันธ์ 🤝 จากเทพสู่ครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างธรรมบาลเทพกับหนูดีพัฒนาไปตามกาลเวลา: ```mermaid graph TB A[ เทพผู้คุ้มครอง] --> B[: ที่ปรึกษาและครู] B --> C[ปัจจุบัน: พ่อทางใจ] C --> D[อนาคต: เพื่อนร่วมทาง<br>ที่เท่าเทียม] ``` 🏡 ครอบครัว ธรรมบาลเทพช่วยหนูดีสร้างครอบครัวที่ประกอบด้วย: · ธรรมบาลเทพ: พ่อผู้คุ้มครอง · โอปปาติกะรุ่นน้อง: ลูกน้องและน้อง · เพื่อนเทพด้วยกัน: ครอบครัวขยายในสวรรค์ · ร.ต.อ.สิงห์: พ่อในความทรงจำ 🎖️ ความสำเร็จในการปฏิบัติงาน 📈 ผลงานการคุ้มครอง ธรรมบาลเทพมีผลงานโดดเด่นหลายประการ: ```python class GuardianAchievements: def __init__(self): self.with_noodee = [ "ช่วยให้ผ่านพ้นความโศกเศร้าได้ใน 6 เดือน", "พัฒนาความสามารถทางการสอบสวนเพิ่มขึ้น 300%", "ป้องกันการลอบทำร้ายได้ 12 ครั้ง", "ช่วยให้เป็นที่ยอมรับในวงการโอปปาติกะ" ] self.other_charges = [ "ดูแลเด็กกำพร้าอื่นๆ อีก 23 คน", "ป้องกันการฆ่าตัวตายได้ 47 ครั้ง", "ช่วยให้ครอบครัวที่สูญเสียกลับมามีความหวัง", "เป็นที่ปรึกษาให้เทพรุ่นใหม่ 8 องค์" ] ``` 🌟 การได้รับการยอมรับ ธรรมบาลเทพได้รับ: · เครื่องหมายเกียรติยศ: จากราชสำนักสวรรค์ · ความไว้วางใจ: จากเทพระดับสูง · ความรักและความเคารพ: จากผู้ที่ได้รับการคุ้มครอง 🔮 อนาคตและความท้าทาย 🚀 แผนการในอนาคต ธรรมบาลเทพมีวิสัยทัศน์ที่จะ: · ขยายการคุ้มครอง: ไปยังเด็กกำพร้าเพิ่มเติม · ฝึกเทพรุ่นใหม่: เพื่อรองรับการทำงาน · พัฒนาระบบคุ้มครอง: ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น · สร้างเครือข่าย: ระหว่างมนุษย์และเทพ 💝 ความปรารถนาสูงสุด ธรรมบาลเทพหวังว่า: "วันหนึ่ง...เด็กทุกคนที่สูญเสียพ่อแม่ จะได้รู้ว่าพวกเขาไม่เคยโดดเดี่ยว และความรัก... ไม่มีวันจากไปไหน มันเพียงเปลี่ยนรูปแบบเท่านั้น" --- คำคมสุดท้ายจากธรรมบาลเทพ: "ในฐานะเทพผู้คุ้มครอง... ข้าขอยืนยันว่าไม่มีใครโดดเดี่ยว และในฐานะพ่อทางใจ... ข้าขอสัญญาว่าจะอยู่ตรงนี้เสมอ เพราะความรักที่แท้... คือการให้โดยไม่ร้องขอสิ่งตอบแทน และการคุ้มครองที่แท้... คือการช่วยให้เข้มแข็งพอจะปกป้องตัวเองได้"👼✨ บทเรียนแห่งการเป็นเทพผู้คุ้มครอง: "การเป็นผู้คุ้มครองหาใช่การควบคุมชีวิตเหล่าญาติ แต่คือการเดินเคียงข้างและให้กำลังใจ และการเป็นพ่อหาใช่การเป็นเจ้าของ แต่คือการเป็นแหล่งความรักที่ไม่เคยหมดสิ้น"💖
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 691 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI กับการลดคุณค่าของงานฝีมือ

    บทความนี้สะท้อนมุมมองเชิงวิพากษ์ต่อการใช้ AI โดยผู้เขียนมองว่าไม่สำคัญว่า AI จะทำงานได้ดีแค่ไหน เพราะปัญหาที่แท้จริงคือผลกระทบต่อมนุษย์ ทั้งการลดคุณค่าของงานฝีมือ การควบคุมทางสังคม และการรวมศูนย์อำนาจของทุนและเทคโนโลยี

    ผู้เขียนเล่าว่ามีเพื่อนโปรแกรมเมอร์ที่เคยมีฝีมือ แต่กลับติดอยู่ในวงจรการใช้เครื่องมือ AI อย่าง Cursor จนเหมือนสูญเสียความหมายของการทำงานเอง ภาพนี้สะท้อนการ devaluation ของงานฝีมือ ที่ไม่ใช่การหายไป แต่ถูกบังคับให้ทำหน้าที่แก้ไขสิ่งที่เครื่องจักรทำผิดพลาด ซึ่งคล้ายกับสิ่งที่นักออกแบบ นักเขียน และช่างฝีมือเคยเผชิญมาก่อน.

    การบังคับใช้และความไม่เท่าเทียม
    แม้บางคนเลือกที่จะไม่ใช้ AI แต่ผู้เขียนชี้ว่า หลายคนถูกบังคับให้ใช้ ไม่ว่าจะด้วยแรงกดดันจากองค์กร รูปแบบ UI ที่บีบให้ต้องพึ่งพา หรือแม้แต่การปนเปื้อนของความรู้ที่ทำให้การเรียนรู้แบบดั้งเดิมยากขึ้น การไม่ใช้ AI กลายเป็น ข้อเสียเปรียบเชิงโครงสร้าง ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และที่ทำงาน.

    AI กับการควบคุมและอำนาจ
    บทความยังวิจารณ์ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็น โครงสร้างพื้นฐานที่เสริมอำนาจให้ทุนและระบบการเมืองแบบกดขี่ การใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลไม่ใช่ผลข้างเคียง แต่เป็นเจตนา เพื่อทำลายงานฝีมือและการแสดงออกของมนุษย์ แล้วแทนที่ด้วยระบบที่รวมศูนย์อำนาจไว้กับผู้ควบคุมเทคโนโลยี.

    ทางเลือกและการต่อต้าน
    แม้สถานการณ์จะดูสิ้นหวัง ผู้เขียนเสนอแนวทางเล็กๆ ที่ยังทำได้ เช่น การดูแลคนรอบตัว การรวมกลุ่มในสหภาพแรงงาน การลดเวลาอยู่บนโซเชียลมีเดีย และการสร้างสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน สิ่งเหล่านี้คือการต่อต้านเชิงสัญลักษณ์ ที่ช่วยให้มนุษย์ยังคงรักษาความเป็นตัวเองท่ามกลางโลกที่ถูกครอบงำด้วย AI และทุน.

    สรุปสาระสำคัญ
    AI ลดคุณค่าของงานฝีมือ
    งานมนุษย์ถูกบังคับให้แก้ไขสิ่งที่เครื่องจักรทำผิด

    แรงกดดันให้ใช้ AI
    UI, องค์กร และการเรียนรู้ที่ถูกปนเปื้อนทำให้การไม่ใช้ AI เป็นข้อเสียเปรียบ

    AI เป็นโครงสร้างอำนาจ
    ใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อรวมศูนย์อำนาจและทำลายการแสดงออกของมนุษย์

    แนวทางการต่อต้าน
    ดูแลคนรอบตัว, รวมกลุ่มแรงงาน, ลดโซเชียล, สร้างสิ่งใหม่

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI
    สูญเสียความหมายของงาน, เกิดวิกฤติอัตลักษณ์, ถูกควบคุมโดยทุนและเทคโนโลยี

    https://fokus.cool/2025/11/25/i-dont-care-how-well-your-ai-works.html
    🧩 AI กับการลดคุณค่าของงานฝีมือ บทความนี้สะท้อนมุมมองเชิงวิพากษ์ต่อการใช้ AI โดยผู้เขียนมองว่าไม่สำคัญว่า AI จะทำงานได้ดีแค่ไหน เพราะปัญหาที่แท้จริงคือผลกระทบต่อมนุษย์ ทั้งการลดคุณค่าของงานฝีมือ การควบคุมทางสังคม และการรวมศูนย์อำนาจของทุนและเทคโนโลยี ผู้เขียนเล่าว่ามีเพื่อนโปรแกรมเมอร์ที่เคยมีฝีมือ แต่กลับติดอยู่ในวงจรการใช้เครื่องมือ AI อย่าง Cursor จนเหมือนสูญเสียความหมายของการทำงานเอง ภาพนี้สะท้อนการ devaluation ของงานฝีมือ ที่ไม่ใช่การหายไป แต่ถูกบังคับให้ทำหน้าที่แก้ไขสิ่งที่เครื่องจักรทำผิดพลาด ซึ่งคล้ายกับสิ่งที่นักออกแบบ นักเขียน และช่างฝีมือเคยเผชิญมาก่อน. ⚖️ การบังคับใช้และความไม่เท่าเทียม แม้บางคนเลือกที่จะไม่ใช้ AI แต่ผู้เขียนชี้ว่า หลายคนถูกบังคับให้ใช้ ไม่ว่าจะด้วยแรงกดดันจากองค์กร รูปแบบ UI ที่บีบให้ต้องพึ่งพา หรือแม้แต่การปนเปื้อนของความรู้ที่ทำให้การเรียนรู้แบบดั้งเดิมยากขึ้น การไม่ใช้ AI กลายเป็น ข้อเสียเปรียบเชิงโครงสร้าง ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และที่ทำงาน. 🔒 AI กับการควบคุมและอำนาจ บทความยังวิจารณ์ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็น โครงสร้างพื้นฐานที่เสริมอำนาจให้ทุนและระบบการเมืองแบบกดขี่ การใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลไม่ใช่ผลข้างเคียง แต่เป็นเจตนา เพื่อทำลายงานฝีมือและการแสดงออกของมนุษย์ แล้วแทนที่ด้วยระบบที่รวมศูนย์อำนาจไว้กับผู้ควบคุมเทคโนโลยี. 🌱 ทางเลือกและการต่อต้าน แม้สถานการณ์จะดูสิ้นหวัง ผู้เขียนเสนอแนวทางเล็กๆ ที่ยังทำได้ เช่น การดูแลคนรอบตัว การรวมกลุ่มในสหภาพแรงงาน การลดเวลาอยู่บนโซเชียลมีเดีย และการสร้างสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน สิ่งเหล่านี้คือการต่อต้านเชิงสัญลักษณ์ ที่ช่วยให้มนุษย์ยังคงรักษาความเป็นตัวเองท่ามกลางโลกที่ถูกครอบงำด้วย AI และทุน. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AI ลดคุณค่าของงานฝีมือ ➡️ งานมนุษย์ถูกบังคับให้แก้ไขสิ่งที่เครื่องจักรทำผิด ✅ แรงกดดันให้ใช้ AI ➡️ UI, องค์กร และการเรียนรู้ที่ถูกปนเปื้อนทำให้การไม่ใช้ AI เป็นข้อเสียเปรียบ ✅ AI เป็นโครงสร้างอำนาจ ➡️ ใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อรวมศูนย์อำนาจและทำลายการแสดงออกของมนุษย์ ✅ แนวทางการต่อต้าน ➡️ ดูแลคนรอบตัว, รวมกลุ่มแรงงาน, ลดโซเชียล, สร้างสิ่งใหม่ ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI ⛔ สูญเสียความหมายของงาน, เกิดวิกฤติอัตลักษณ์, ถูกควบคุมโดยทุนและเทคโนโลยี https://fokus.cool/2025/11/25/i-dont-care-how-well-your-ai-works.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 9

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 9
    นักประวัติศาสตร์บอก ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยจากการชอบอยู่สันโดษ เป็นการชอบออกล่าเหยื่อ ตั้งแต่อเมริกาเอาเรือรบมาขู่เอา ไมตรี ในปี ค.ศ.1856 และทำให้ญี่ปุ่น เริ่มขบวนการปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration นักประวัติศาสตร์บอก เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อช่วงนั้น ใครที่แข็งแรง ก็อยากเป็นนักล่ากันทั้งนั้น แต่นิสัยก้าวร้าวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1931 และกลายมาเป็นรุกรานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี ค.ศ.1937 นี่ล่ะ มันมาจากไหนกันแน่
    เมื่อญี่ปุ่นเริ่มปฏิรูปประเทศ บรรดามือที่ปั้นญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ แม้จะเห็นพ้องว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวทันตะวันตก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างตะวันตกอีกนั้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างต่างกัน และในที่สุดก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน
    ฝ่ายหนึ่งบอก เราต้องเป็นญี่ปุ่นแบบ ” rich country, prosperous people” ประเทศมั่งคั่ง ประชาชนร่ำรวย
    อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นญี่ปุ่น แบบ ” rich country, strong army” ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง”
    ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโต้แย้ง คัดค้าน และชิงอำนาจการปกครองประเทศกันมาตลอด ในช่วงแรก ฝ่ายแรกดูเหมือนจะมีคะแนนนำ และดูเหมือนเป็นช่วงที่ ญี่ปุ่นมีพี่เลี้ยง หรือมือที่ชักใยชื่อ อังกฤษ เกือบทุกเส้นรุ้งเส้นแวงในญี่ปุ่น เห็นอังกฤษ เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า ไม่เวันแม้แต่ในวังจักรพรรดิ ที่รัศมีของนักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็แผดแสงแรงนัก ในสายตาของญี่ปุ่น อังกฤษเป็นผมทองตาน้ำข้าว ที่ไม่ว่าจะกระดิกอะไร มันแสดงถึงความเป็นศิวิไลย์ของมนุษยชาติไปเสียทุกเรื่อง ญี่ปุ่นที่กำลังอยากเท่าเทียมตะวันตก ก็มีแต่จะตามลอกเลียนแบบ ด้วยความเคารพเท่านั้นเอง
    เมื่อโชกุนแห่งโตกุกาวา Tokugawa คนสุดท้าย (ถูกซามูไรพาดคอให้) ลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1867 บรรดานายพล และกองทัพ ของโชกุนก็สิ้นสภาพ แล้ววันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1868 กองทัพจาก 5 แคว้นของญี่ปุ่น สะสุมะ Satsuma, โตซะ Tosa, ฮิโรชิมา Hiroshima, อิชิเซ็น Echizen และ โอวาริ Owari ที่นำโดยกลุ่มบุคคล ที่ต้องการปฏิรูปญี่ปุ่น ก็เข้ามาล้อมวังของจักรพรรดิ และให้แต่พวกที่ต่อต้านโชกุน แต่สนับสนุนจักรพรรดิ ผ่านเข้าไปในวังได้เท่านั้น และพวกเขาก็เริ่มศักราชแห่งการปฏิรูป Meiji Restoration โดยการตั้งหนุ่มน้อยอายุเพียง 14 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิมัตสุฮิโต Matsuhito
    2 เดือนต่อมา เซอร์ Harry Parke ที่อังกฤษส่งมาเป็นตัวแทน นั่งเรือด่วนใช้เวลาเดินทางมา 2 เดือน เพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง อังกฤษนับเป็นชาวต่างชาติประเทศแรก ที่สายตายาวไกล ลงทุนลงแรง เดินทางมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิคนใหม่ หลังจากนั้นฝรั่งเศสและดัชท์ก็ตามมาติดๆ ก่อนที่จะเสียเปรียบอังกฤษมากเกินไป
    หนึ่งปีต่อมาในปี ค.ศ.1869 อังกฤษ ก็ส่งเจ้าชาย Alfred, Duke of Edinburgh ในฐานะเป็นกัปตันเรือรบหลวงของ อังกฤษ Galatea มาเยี่ยมญี่ปุ่นอีก และในปี ค.ศ.1881 อังกฤษก็ส่งเจ้าชาย มาอีกชุด คราวนี่เจ้าชาย Albert Victor และ George มาพักที่วังของจักรพรรดิเองเลย อังกฤษเล่นโอ๋ญี่ปุ่นถึงขนาดนี้ จะไม่ให้ญี่ปุ่นอ่อนเปียกอยู่ในมืออังกฤษได้อย่างไร ให้ทำอะไร ก็ต้องพร้อม
    อังกฤษไม่ได้มองเห็นหมากตัวสำคัญชื่อญี่ปุ่นแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น รัสเซียก็มองเห็น และยังเห็นความหวานผิดปรกติของอังกฤษต่อญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1891 มงกุฏราชกุมารรัสเซีย เจ้าชายนิโคลัส เลยต้องแวะมาเยี่ยมญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นประเทศสุดท้าย ของการท่องเอเซียของเจ้าชายครั้งนั้น ระหว่างเจ้าชายนั่งรถลากชมเมืองเกียวโต มีตำรวจญี่ปุ่นชักดาบขึ้นมาคารวะเจ้าชาย หลังจากนั้นก็เอาจ้วงแทง เฉียดคอมงกุฏราชกุมารรัสเซียอย่างฉิวเฉียด สงครามญี่ปุ่นกับรัสเซีย เกือบจะเริ่มเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั้น เจ้าชายนิโคลัสก็เชิญจักรพรรดิมัตสุฮิโตไปเสวยกลางวันด้วยกัน บนเรือรบของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรอบตัว ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รายการวัดใจรุ่นใหญ่ เล่นกันได้สมกับตำแหน่ง
    แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ใจญี่ปุ่น อย่างที่อังกฤษได้ น้ำตาลรัสเซียถ้าจะหวานไม่พอ
    หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า รัสเซียตัดสินใจจะสร้างทางรถไฟ สายทรานส์ไซบีเรีย ญี่ปุ่นกลัวว่ารัสเซียกำลังมุ่งลงใต้มาเอาแหล่งน้ำจืดที่แมนจูเรียและเกาหลี ส่วนอังกฤษก็มองว่ารัสเซียกำลังขยายอำนาจลงมาทางใต้ ผ่านเกาหลี เพื่อจะมาแซะจีน แบบนี้ ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นจะปล่อยให้ทางรถไฟของรัสเซียเกิดขึ้นไม่ได้ ญี่ปุ่นจะต้องยึดเกาหลีมาให้ได้เสียก่อน แล้วญี่ปุ่นก็บุกเกาหลีในปี ค.ศ.1895
    ผลการยึดเกาหลี ได้ทำให้พวกฝรั่งต่างมองญี่ปุ่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส พากันประท้วงให้ญี่ปุ่นคืนแมนจูเรีย ญี่ปุ่นยังไม่แน่ใจในแรงหมัดของตัว เลยตกลงปล่อยมือ ที่คว้าแมนจูเรียออกไปก่อน
    เรื่องนี้ ทำให้อังกฤษหงุดหงิด เสียแผนที่วางไว้ จึงจับญี่ปุ่นมาทำสัญญาในปี ค.ศ.1902
    ทั้งเรื่องการรบชนะเกาหลี ตีจีนกระเจิง และทำให้อังกฤษมาทำสัญญากับญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เริ่มมีคะแนนแซงหน้า ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพ และนโยบายของญี่ปุ่นก็ยิ่งเปลี่ยนจากเป็นผู้รักสันโดษไกลออกไปทุกที
    อันที่จริงในญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่สนับสนุนให้ญี่ปุนสร้างกองทัพอย่างออกนอกหน้า คือ นายทากาฮาชิ โกเรกิโยะ Takahashi Korekiyo ถ้ายังจำกันได้ จากนิทานเรื่องต้มข้ามศตวรรษ เขานั่นแหละ เป็นคนที่ต้องไปทำหน้าที่หาเงินกู้มาให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย และเป็นคนที่ “บังเอิญ” ไปนั่งข้าง Jacob Shiff คนจัดการหาเงินกู้ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย โลกก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม หลายเรื่อง หลายคน มันมาชนกันอย่างไม่น่าเชื่อ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 9 นักประวัติศาสตร์บอก ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยจากการชอบอยู่สันโดษ เป็นการชอบออกล่าเหยื่อ ตั้งแต่อเมริกาเอาเรือรบมาขู่เอา ไมตรี ในปี ค.ศ.1856 และทำให้ญี่ปุ่น เริ่มขบวนการปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration นักประวัติศาสตร์บอก เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อช่วงนั้น ใครที่แข็งแรง ก็อยากเป็นนักล่ากันทั้งนั้น แต่นิสัยก้าวร้าวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1931 และกลายมาเป็นรุกรานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี ค.ศ.1937 นี่ล่ะ มันมาจากไหนกันแน่ เมื่อญี่ปุ่นเริ่มปฏิรูปประเทศ บรรดามือที่ปั้นญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ แม้จะเห็นพ้องว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวทันตะวันตก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างตะวันตกอีกนั้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างต่างกัน และในที่สุดก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน ฝ่ายหนึ่งบอก เราต้องเป็นญี่ปุ่นแบบ ” rich country, prosperous people” ประเทศมั่งคั่ง ประชาชนร่ำรวย อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นญี่ปุ่น แบบ ” rich country, strong army” ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง” ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโต้แย้ง คัดค้าน และชิงอำนาจการปกครองประเทศกันมาตลอด ในช่วงแรก ฝ่ายแรกดูเหมือนจะมีคะแนนนำ และดูเหมือนเป็นช่วงที่ ญี่ปุ่นมีพี่เลี้ยง หรือมือที่ชักใยชื่อ อังกฤษ เกือบทุกเส้นรุ้งเส้นแวงในญี่ปุ่น เห็นอังกฤษ เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า ไม่เวันแม้แต่ในวังจักรพรรดิ ที่รัศมีของนักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็แผดแสงแรงนัก ในสายตาของญี่ปุ่น อังกฤษเป็นผมทองตาน้ำข้าว ที่ไม่ว่าจะกระดิกอะไร มันแสดงถึงความเป็นศิวิไลย์ของมนุษยชาติไปเสียทุกเรื่อง ญี่ปุ่นที่กำลังอยากเท่าเทียมตะวันตก ก็มีแต่จะตามลอกเลียนแบบ ด้วยความเคารพเท่านั้นเอง เมื่อโชกุนแห่งโตกุกาวา Tokugawa คนสุดท้าย (ถูกซามูไรพาดคอให้) ลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1867 บรรดานายพล และกองทัพ ของโชกุนก็สิ้นสภาพ แล้ววันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1868 กองทัพจาก 5 แคว้นของญี่ปุ่น สะสุมะ Satsuma, โตซะ Tosa, ฮิโรชิมา Hiroshima, อิชิเซ็น Echizen และ โอวาริ Owari ที่นำโดยกลุ่มบุคคล ที่ต้องการปฏิรูปญี่ปุ่น ก็เข้ามาล้อมวังของจักรพรรดิ และให้แต่พวกที่ต่อต้านโชกุน แต่สนับสนุนจักรพรรดิ ผ่านเข้าไปในวังได้เท่านั้น และพวกเขาก็เริ่มศักราชแห่งการปฏิรูป Meiji Restoration โดยการตั้งหนุ่มน้อยอายุเพียง 14 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิมัตสุฮิโต Matsuhito 2 เดือนต่อมา เซอร์ Harry Parke ที่อังกฤษส่งมาเป็นตัวแทน นั่งเรือด่วนใช้เวลาเดินทางมา 2 เดือน เพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง อังกฤษนับเป็นชาวต่างชาติประเทศแรก ที่สายตายาวไกล ลงทุนลงแรง เดินทางมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิคนใหม่ หลังจากนั้นฝรั่งเศสและดัชท์ก็ตามมาติดๆ ก่อนที่จะเสียเปรียบอังกฤษมากเกินไป หนึ่งปีต่อมาในปี ค.ศ.1869 อังกฤษ ก็ส่งเจ้าชาย Alfred, Duke of Edinburgh ในฐานะเป็นกัปตันเรือรบหลวงของ อังกฤษ Galatea มาเยี่ยมญี่ปุ่นอีก และในปี ค.ศ.1881 อังกฤษก็ส่งเจ้าชาย มาอีกชุด คราวนี่เจ้าชาย Albert Victor และ George มาพักที่วังของจักรพรรดิเองเลย อังกฤษเล่นโอ๋ญี่ปุ่นถึงขนาดนี้ จะไม่ให้ญี่ปุ่นอ่อนเปียกอยู่ในมืออังกฤษได้อย่างไร ให้ทำอะไร ก็ต้องพร้อม อังกฤษไม่ได้มองเห็นหมากตัวสำคัญชื่อญี่ปุ่นแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น รัสเซียก็มองเห็น และยังเห็นความหวานผิดปรกติของอังกฤษต่อญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1891 มงกุฏราชกุมารรัสเซีย เจ้าชายนิโคลัส เลยต้องแวะมาเยี่ยมญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นประเทศสุดท้าย ของการท่องเอเซียของเจ้าชายครั้งนั้น ระหว่างเจ้าชายนั่งรถลากชมเมืองเกียวโต มีตำรวจญี่ปุ่นชักดาบขึ้นมาคารวะเจ้าชาย หลังจากนั้นก็เอาจ้วงแทง เฉียดคอมงกุฏราชกุมารรัสเซียอย่างฉิวเฉียด สงครามญี่ปุ่นกับรัสเซีย เกือบจะเริ่มเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั้น เจ้าชายนิโคลัสก็เชิญจักรพรรดิมัตสุฮิโตไปเสวยกลางวันด้วยกัน บนเรือรบของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรอบตัว ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รายการวัดใจรุ่นใหญ่ เล่นกันได้สมกับตำแหน่ง แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ใจญี่ปุ่น อย่างที่อังกฤษได้ น้ำตาลรัสเซียถ้าจะหวานไม่พอ หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า รัสเซียตัดสินใจจะสร้างทางรถไฟ สายทรานส์ไซบีเรีย ญี่ปุ่นกลัวว่ารัสเซียกำลังมุ่งลงใต้มาเอาแหล่งน้ำจืดที่แมนจูเรียและเกาหลี ส่วนอังกฤษก็มองว่ารัสเซียกำลังขยายอำนาจลงมาทางใต้ ผ่านเกาหลี เพื่อจะมาแซะจีน แบบนี้ ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นจะปล่อยให้ทางรถไฟของรัสเซียเกิดขึ้นไม่ได้ ญี่ปุ่นจะต้องยึดเกาหลีมาให้ได้เสียก่อน แล้วญี่ปุ่นก็บุกเกาหลีในปี ค.ศ.1895 ผลการยึดเกาหลี ได้ทำให้พวกฝรั่งต่างมองญี่ปุ่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส พากันประท้วงให้ญี่ปุ่นคืนแมนจูเรีย ญี่ปุ่นยังไม่แน่ใจในแรงหมัดของตัว เลยตกลงปล่อยมือ ที่คว้าแมนจูเรียออกไปก่อน เรื่องนี้ ทำให้อังกฤษหงุดหงิด เสียแผนที่วางไว้ จึงจับญี่ปุ่นมาทำสัญญาในปี ค.ศ.1902 ทั้งเรื่องการรบชนะเกาหลี ตีจีนกระเจิง และทำให้อังกฤษมาทำสัญญากับญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เริ่มมีคะแนนแซงหน้า ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพ และนโยบายของญี่ปุ่นก็ยิ่งเปลี่ยนจากเป็นผู้รักสันโดษไกลออกไปทุกที อันที่จริงในญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่สนับสนุนให้ญี่ปุนสร้างกองทัพอย่างออกนอกหน้า คือ นายทากาฮาชิ โกเรกิโยะ Takahashi Korekiyo ถ้ายังจำกันได้ จากนิทานเรื่องต้มข้ามศตวรรษ เขานั่นแหละ เป็นคนที่ต้องไปทำหน้าที่หาเงินกู้มาให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย และเป็นคนที่ “บังเอิญ” ไปนั่งข้าง Jacob Shiff คนจัดการหาเงินกู้ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย โลกก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม หลายเรื่อง หลายคน มันมาชนกันอย่างไม่น่าเชื่อ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 606 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 8

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 8
    ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเริ่มให้ความสนใจทะเลฝั่งแปซิฟิก ไม่ใช่มองเห็นแต่ฝั่งแอตแลนติกของลูกพี่ อังกฤษเท่านั้น แต่กว่าจะหันมาสนใจจริงจัง ก็ปาเข้า ปี ค.ศ.1853 ที่เอาเรือปืนไปเยี่ยมสวัสดีโชกุนนั่นแหละ ระหว่างเดินทางไปญี่ปุ่น โลกของอเมริกา ค่อยๆกว้างขึ้น อเมริกา คงเพิ่งเห็นจีนชัดขึ้น
    จีนเป็นตลาดที่กว้างใหญ่ พลเมืองประมาณ 450 ล้านคน ในตอนนั้น ในสายตาของนักธุรกิจอเมริกันบอก นั่นคือโอกาสขายสินค้า 450 ล้านชิ้น จะสร้างกำไรงามขนาดไหนให้แก่พวก เรา ส่วนพวกมิชชันนารีก็มอง 450 ล้านคนว่า เป็นโอกาสทองที่จะจับ 450 ล้านเข้ารีต ได้กี่ล้านคนนะ ตลาดใหญ่แบบนี้ ไม่เข้าไปบุกได้อย่างไร
    อเมริกา มัวแต่สร้างประเทศ และรบกันเอง กว่าจะมองเห็น (ราคาของ) จีน ก็ถูกฝรั่งชาติอื่นแซงหน้าไปแล้ว รัสเซีย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรียและแม้แต่ญี่ปุ่น ต่างก็เล็งเป้า ตั้งเข็มทิศ มุ่งไปที่จีนกันหมดแล้ว และประมาณปี ค.ศ.1890 พวกฝรั่ง รวมทั้งญี่ปุ่น ต่างไปตั้งเขตปกครองของพวกตัวอยู่ไนจีน มีฐานทัพ ทำตัวตามสบาย เหมือนอยู่ในประเทศของตัวกันหมด อเมริกา ดูเหมือนจะตกรถไฟสาย (ไปยึด) จีน เที่ยวแรกไปเสียแล้ว
    อเมริกามีทางเลือกทางเดียว คือเข้าไปพ่วงกับอังกฤษ ที่ดูเหมือนจะพอพูดกันได้กว่านัก ล่ารายอื่น อังกฤษและอเมริกา ตกลงกันว่า จะใช้ญี่ปุ่นเป็นหัวรบ เจาะเข้าไปในจีน โดยทั้ง 2 ประเทศ ไม่ต้องเปิดตัว เปิดไต๋มากนัก แถมได้ไล่ตีทั้งรัสเซีย และเยอรมัน ที่อังกฤษไม่เคยรักด้วยเลย ให้กระเจิงไป อังกฤษตกลงบอก แกเอาละตินอเมรืกาไป ฉันไม่ยุ่ง แต่ที่ตะวันออกไกล โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น แกอย่าเสือกมาก เข้าใจไหม
    ปี ค.ศ.1895 การแข่งขันเรื่องสร้างทางรถไฟ ในจีน ชักเข้มข้น อเมริกา ตั้ง American China Development Company (ACDC) ขึ้นในจีน มีขาใหญ่จับมือร่วมกันหมด ทั้งค่าย Edward H Harriman เจ้าพ่อรถไฟต้วจริง ค่ายร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เอี่ยวกับ Kuhn& Loeb และค่าย Morgan เพื่อจะขอสร้างทางรถไฟสาย Peking – Hankow เส้นหนี่ง อีกเส้นข้ามแมนจูเรีย ปรากฏว่า อเมริกา ไม่ได้กินสักเส้นทาง ได้แต่กินแห้ว แต่รัสเซียได้เส้นทางแมนจูเรียไป ส่วนกลุ่มเบลเยี่ยมได้เส้นปักกิ่งไป
    อังกฤษ อเมริกา บอก แบบนี้ก็ถึงเวลาต้องเล่นลูกหนักแล้ว
    เมื่ออเมริกา ยึดฟิลิปปีนส์ได้ ในปี ค.ศ.1898 ฟิลิปปินส์ห่างจีนแค่ 400 ไมล์ อเมริกาคิดว่า ตนเองน่าจะได้เปรียบกว่าอีกหลายชาติ ที่ต้องล่องเรือมาไกล อเมริกาจึงพยายามโหนตัวแทรกเข้าไปใหม่ ในรถไฟสายไปยึดจีน ที่แน่นขนัด
    ในปี ค.ศ.1899 อเมริกา เริ่มเดินสาย บอกฝรั่งที่ปักหลักอยู่ในจีนแล้วว่า เราพวกต่างชาติกำลังเอาเปรียบจีนนะ เราควรตกลงกับเขาอย่างตรงไปตรงมาให้ยุติธรรม ว่าเราต้องการอะไร และเขาจะได้อะไร และพวกเราก็ควรมาตกลงกันเอง อย่างเท่าเทียมกัน ฟังดูดี มีความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย สันดานด้านได้ ส่อแววมาร้อยกว่าปีเลยนะไอ้ใบตองแห้ง แล้วอเมริกาก็เสนอนโยบายเช่นว่านี้ ที่เรียกกันว่า Open Door Policy นโยบายเปิดประตู (จีน) ให้ทุกฝ่ายพิจารณา มันน่าจะเรียกว่า อุบายเปิดประตูจีน มากกว่านะ
    แต่ดูเหมือนอุบายนี้ จะขายไม่ออก ฝ่ายจีนบอกว่า ถ้าเรายอมให้มีการตกลงกันใหม่อีก ไม่รู้จะยิ่งเสียอะไรมากขึ้นไปอีก ส่วนพวกฝรั่งที่ได้สิทธิไปแล้ว ต่างก็กอดชามข้าวของตัวเองแน่น เรื่องอะไร จะตกลงใหม่ เพื่อเปิดทางให้ไอ้เจ๋อหน้าใหม่ เข้ามาแย่งชามข้าว
    แล้วปี ค.ศ.1900 ก็เกิดกบฏนักมวย ไล่ตีฝรั่งที่อยู่ในจีนเสียกระเจิง เมื่อกองทัพนานาชาติมาช่วยพวกฝรั่ง ที่ถูกนักมวยล้อมกรอบ อยู่ที่บริเวณสถานทูตอังกฤษที่ปักกิ่ง ก็มีกองกำลังทหารเรือของอเมริกา ที่บังเอิญอยู่ในจีน เข้าไปร่วมยิงพวกนักมวยด้วย ชาติอื่นมีกองกำลังอยู่ในจีน ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะไปตั้งบ้านเรือน สถานทูต ฐานทัพกันเรียบร้อยแล้ว แต่อเมริกา เพิ่งแค่โหนขึ้นรถ ยังไม่ทันแม้แต่จะมีที่ให้หย่อนก้นลงนั่งเสียด้วยซ้ำ แต่มีกองทหารไปช่วยรบได้แล้ว แน่จริงๆครับไอ้เจ๋อ แต่ที่แน่กว่านั้น กองทัพรัสเซีย ถูกกองทหารต่างชาติด้วยกัน แต่ไม่รู้จากชาติไหน ตีแตกออกไปจากแมนจูเรีย
    แต่บางคนอาจสงสัย เอะ…. แล้วทำไมเป้าแรก หวยถึงไปออกที่เยอรมัน ฝรั่งมีตั้ง 5,6 ชาติ ก็ไม่น่าต้องสงสัย ผู้ต้องสงสัย ก็น่าจะเป็นอังกฤษ เพราะนั่นมันปี ค.ศ.1900 เป็นช่วงที่อังกฤษกำลังเขม่นเยอรมัน แสดงออกมาทั้งหน้าทั้งอาการ รู้กันไปทั้งโลกแล้ว จากเรื่องทางรถไฟเบอร์ลินแบกแดด นี่มันยังมาสร้างทางรถไฟในจีนอีก ไม่หมั่นไส้ทนไหวหรือ (อ่านรายละเอียดเพิ่มได้จากนิทานเรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว และเรื่องต้มข้ามศตวรรษ นะครับ) ตกลงเรื่องทางรถไฟ นี่มันเรื่องใหญ่นะครับ ไม่ว่าสมัยไหน
    วิธีการเล่นกลแบบนี้ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เล่นเก่งทั้งคู่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้ว ใครจะกินใคร ต้องตามไปดู
    อเมริกาไม่ใช่เพิ่งเข้าไปในจีน ในปี ค.ศ.1900 นั่นหรอก ไอ้นั่นมันประวัติศาสตร์แบบ หลักสูตรสอนเด็กนักเรียน หรือศึกษาประวัติศาสตร์แบบคนซื่อ
    หวังว่าคงยังจำกันได้ พวกตระกูล Rockefeller เจ้าพ่อน้ำมันยี่ห้อ Standard oil ก่อนหน้าจะขายน้ำมันเหนียว เจ้าพ่อขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงก่อน ตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1800 ต้นๆ ก็สมัยนั้น ไฟฟ้ามีที่ไหนล่ะ และจีนก็เป็นลูกค้าน้ำก๊าดของเจ้าพ่อร๊อกกี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1863 บอกแล้วว่าอเมริกา เพิ่งเห็นโลกกว้างตั้งแต่เอาเรือรบไปจ่อญี่ปุ่น
    บรรดาเจ้าพ่อทางธุรกิจของอเมริกา ที่มีอิทธิพล และบทบาทใหญ่ ทางด้านการเมือง และธุรกิจ ทั้งในอเมริกาเอง และในโลก ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1880 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คงไม่มีใครเกิน 2 ตระกูล ร้อกกี้เฟลเลอร์และมอร์แกน ทั้ง 2 ตระกูล เหมือนจะจับมือร่วมกัน แต่บางคราว ก็เหมือนจะหักกันเอง ไม่ต่างกับสัมพันธ์ของอังกฤษกับอเมริกา
    เรื่องของจีนกับญี่ปุ่นก็เช่นกัน ไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องระหว่างอังกฤษกับอเมริกา และเป็นเรื่องระหว่าง ร้อกกี้เฟลเลอร์กับมอร์แกนอีกด้วย
    นี่มันไม่รู้กี่เส้า แล้วผมจะเขียนให้รู้เรื่องไหวไหมเนี่ย ชักสงสัยตัวเอง
    เมื่อปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่น เตรียมตัวไปรบรัสเซีย ตามที่อังกฤษ ทั้งวางแผน และจัดหาทุนให้ ถึงคนหาเงินจะเป็น Jacob Schiff ของ Kuhn Loeb แต่ Schiff ก็เป็นแนวร่วมกับ J P Morgan หลังจากญี่ปุ่นรบชนะรัสเซีย JP Morgan กับ Rockefeller ก็ร่วมมือกัน สร้างปฏิวัติบอลเชวิกให้รัสเซีย ระหว่างรัสเซียมีปฏิวัติ อังกฤษก็สร้างสงครามโลกคร้ังที่ 1 เพื่อถล่มเยอรมัน ระหว่างนั้น อเมริกา นั่งดูอังกฤษรบในยุโรปทางหนึ่ง อีกทางก็เข้ามาขุดสมบัติในรัสเซีย และเลยมาถึงจีน ที่อังกฤษให้ญี่ปุนตีตั๋วจอง และตีตั๋วรวน แทนมาตลอด เพราะอังกฤษอยากครองทั้งโลก แต่แบ่งภาคไปยึดเองไม่ได้ทั้งหมด และอังกฤษ กับอเมริกา ก็เลยทำท่าจะชนกันเอง ทั้งเรื่องของจีน และญี่ปุ่น มึนไหมครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 8 ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเริ่มให้ความสนใจทะเลฝั่งแปซิฟิก ไม่ใช่มองเห็นแต่ฝั่งแอตแลนติกของลูกพี่ อังกฤษเท่านั้น แต่กว่าจะหันมาสนใจจริงจัง ก็ปาเข้า ปี ค.ศ.1853 ที่เอาเรือปืนไปเยี่ยมสวัสดีโชกุนนั่นแหละ ระหว่างเดินทางไปญี่ปุ่น โลกของอเมริกา ค่อยๆกว้างขึ้น อเมริกา คงเพิ่งเห็นจีนชัดขึ้น จีนเป็นตลาดที่กว้างใหญ่ พลเมืองประมาณ 450 ล้านคน ในตอนนั้น ในสายตาของนักธุรกิจอเมริกันบอก นั่นคือโอกาสขายสินค้า 450 ล้านชิ้น จะสร้างกำไรงามขนาดไหนให้แก่พวก เรา ส่วนพวกมิชชันนารีก็มอง 450 ล้านคนว่า เป็นโอกาสทองที่จะจับ 450 ล้านเข้ารีต ได้กี่ล้านคนนะ ตลาดใหญ่แบบนี้ ไม่เข้าไปบุกได้อย่างไร อเมริกา มัวแต่สร้างประเทศ และรบกันเอง กว่าจะมองเห็น (ราคาของ) จีน ก็ถูกฝรั่งชาติอื่นแซงหน้าไปแล้ว รัสเซีย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรียและแม้แต่ญี่ปุ่น ต่างก็เล็งเป้า ตั้งเข็มทิศ มุ่งไปที่จีนกันหมดแล้ว และประมาณปี ค.ศ.1890 พวกฝรั่ง รวมทั้งญี่ปุ่น ต่างไปตั้งเขตปกครองของพวกตัวอยู่ไนจีน มีฐานทัพ ทำตัวตามสบาย เหมือนอยู่ในประเทศของตัวกันหมด อเมริกา ดูเหมือนจะตกรถไฟสาย (ไปยึด) จีน เที่ยวแรกไปเสียแล้ว อเมริกามีทางเลือกทางเดียว คือเข้าไปพ่วงกับอังกฤษ ที่ดูเหมือนจะพอพูดกันได้กว่านัก ล่ารายอื่น อังกฤษและอเมริกา ตกลงกันว่า จะใช้ญี่ปุ่นเป็นหัวรบ เจาะเข้าไปในจีน โดยทั้ง 2 ประเทศ ไม่ต้องเปิดตัว เปิดไต๋มากนัก แถมได้ไล่ตีทั้งรัสเซีย และเยอรมัน ที่อังกฤษไม่เคยรักด้วยเลย ให้กระเจิงไป อังกฤษตกลงบอก แกเอาละตินอเมรืกาไป ฉันไม่ยุ่ง แต่ที่ตะวันออกไกล โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น แกอย่าเสือกมาก เข้าใจไหม ปี ค.ศ.1895 การแข่งขันเรื่องสร้างทางรถไฟ ในจีน ชักเข้มข้น อเมริกา ตั้ง American China Development Company (ACDC) ขึ้นในจีน มีขาใหญ่จับมือร่วมกันหมด ทั้งค่าย Edward H Harriman เจ้าพ่อรถไฟต้วจริง ค่ายร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เอี่ยวกับ Kuhn& Loeb และค่าย Morgan เพื่อจะขอสร้างทางรถไฟสาย Peking – Hankow เส้นหนี่ง อีกเส้นข้ามแมนจูเรีย ปรากฏว่า อเมริกา ไม่ได้กินสักเส้นทาง ได้แต่กินแห้ว แต่รัสเซียได้เส้นทางแมนจูเรียไป ส่วนกลุ่มเบลเยี่ยมได้เส้นปักกิ่งไป อังกฤษ อเมริกา บอก แบบนี้ก็ถึงเวลาต้องเล่นลูกหนักแล้ว เมื่ออเมริกา ยึดฟิลิปปีนส์ได้ ในปี ค.ศ.1898 ฟิลิปปินส์ห่างจีนแค่ 400 ไมล์ อเมริกาคิดว่า ตนเองน่าจะได้เปรียบกว่าอีกหลายชาติ ที่ต้องล่องเรือมาไกล อเมริกาจึงพยายามโหนตัวแทรกเข้าไปใหม่ ในรถไฟสายไปยึดจีน ที่แน่นขนัด ในปี ค.ศ.1899 อเมริกา เริ่มเดินสาย บอกฝรั่งที่ปักหลักอยู่ในจีนแล้วว่า เราพวกต่างชาติกำลังเอาเปรียบจีนนะ เราควรตกลงกับเขาอย่างตรงไปตรงมาให้ยุติธรรม ว่าเราต้องการอะไร และเขาจะได้อะไร และพวกเราก็ควรมาตกลงกันเอง อย่างเท่าเทียมกัน ฟังดูดี มีความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย สันดานด้านได้ ส่อแววมาร้อยกว่าปีเลยนะไอ้ใบตองแห้ง แล้วอเมริกาก็เสนอนโยบายเช่นว่านี้ ที่เรียกกันว่า Open Door Policy นโยบายเปิดประตู (จีน) ให้ทุกฝ่ายพิจารณา มันน่าจะเรียกว่า อุบายเปิดประตูจีน มากกว่านะ แต่ดูเหมือนอุบายนี้ จะขายไม่ออก ฝ่ายจีนบอกว่า ถ้าเรายอมให้มีการตกลงกันใหม่อีก ไม่รู้จะยิ่งเสียอะไรมากขึ้นไปอีก ส่วนพวกฝรั่งที่ได้สิทธิไปแล้ว ต่างก็กอดชามข้าวของตัวเองแน่น เรื่องอะไร จะตกลงใหม่ เพื่อเปิดทางให้ไอ้เจ๋อหน้าใหม่ เข้ามาแย่งชามข้าว แล้วปี ค.ศ.1900 ก็เกิดกบฏนักมวย ไล่ตีฝรั่งที่อยู่ในจีนเสียกระเจิง เมื่อกองทัพนานาชาติมาช่วยพวกฝรั่ง ที่ถูกนักมวยล้อมกรอบ อยู่ที่บริเวณสถานทูตอังกฤษที่ปักกิ่ง ก็มีกองกำลังทหารเรือของอเมริกา ที่บังเอิญอยู่ในจีน เข้าไปร่วมยิงพวกนักมวยด้วย ชาติอื่นมีกองกำลังอยู่ในจีน ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะไปตั้งบ้านเรือน สถานทูต ฐานทัพกันเรียบร้อยแล้ว แต่อเมริกา เพิ่งแค่โหนขึ้นรถ ยังไม่ทันแม้แต่จะมีที่ให้หย่อนก้นลงนั่งเสียด้วยซ้ำ แต่มีกองทหารไปช่วยรบได้แล้ว แน่จริงๆครับไอ้เจ๋อ แต่ที่แน่กว่านั้น กองทัพรัสเซีย ถูกกองทหารต่างชาติด้วยกัน แต่ไม่รู้จากชาติไหน ตีแตกออกไปจากแมนจูเรีย แต่บางคนอาจสงสัย เอะ…. แล้วทำไมเป้าแรก หวยถึงไปออกที่เยอรมัน ฝรั่งมีตั้ง 5,6 ชาติ ก็ไม่น่าต้องสงสัย ผู้ต้องสงสัย ก็น่าจะเป็นอังกฤษ เพราะนั่นมันปี ค.ศ.1900 เป็นช่วงที่อังกฤษกำลังเขม่นเยอรมัน แสดงออกมาทั้งหน้าทั้งอาการ รู้กันไปทั้งโลกแล้ว จากเรื่องทางรถไฟเบอร์ลินแบกแดด นี่มันยังมาสร้างทางรถไฟในจีนอีก ไม่หมั่นไส้ทนไหวหรือ (อ่านรายละเอียดเพิ่มได้จากนิทานเรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว และเรื่องต้มข้ามศตวรรษ นะครับ) ตกลงเรื่องทางรถไฟ นี่มันเรื่องใหญ่นะครับ ไม่ว่าสมัยไหน วิธีการเล่นกลแบบนี้ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เล่นเก่งทั้งคู่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้ว ใครจะกินใคร ต้องตามไปดู อเมริกาไม่ใช่เพิ่งเข้าไปในจีน ในปี ค.ศ.1900 นั่นหรอก ไอ้นั่นมันประวัติศาสตร์แบบ หลักสูตรสอนเด็กนักเรียน หรือศึกษาประวัติศาสตร์แบบคนซื่อ หวังว่าคงยังจำกันได้ พวกตระกูล Rockefeller เจ้าพ่อน้ำมันยี่ห้อ Standard oil ก่อนหน้าจะขายน้ำมันเหนียว เจ้าพ่อขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงก่อน ตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1800 ต้นๆ ก็สมัยนั้น ไฟฟ้ามีที่ไหนล่ะ และจีนก็เป็นลูกค้าน้ำก๊าดของเจ้าพ่อร๊อกกี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1863 บอกแล้วว่าอเมริกา เพิ่งเห็นโลกกว้างตั้งแต่เอาเรือรบไปจ่อญี่ปุ่น บรรดาเจ้าพ่อทางธุรกิจของอเมริกา ที่มีอิทธิพล และบทบาทใหญ่ ทางด้านการเมือง และธุรกิจ ทั้งในอเมริกาเอง และในโลก ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1880 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คงไม่มีใครเกิน 2 ตระกูล ร้อกกี้เฟลเลอร์และมอร์แกน ทั้ง 2 ตระกูล เหมือนจะจับมือร่วมกัน แต่บางคราว ก็เหมือนจะหักกันเอง ไม่ต่างกับสัมพันธ์ของอังกฤษกับอเมริกา เรื่องของจีนกับญี่ปุ่นก็เช่นกัน ไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องระหว่างอังกฤษกับอเมริกา และเป็นเรื่องระหว่าง ร้อกกี้เฟลเลอร์กับมอร์แกนอีกด้วย นี่มันไม่รู้กี่เส้า แล้วผมจะเขียนให้รู้เรื่องไหวไหมเนี่ย ชักสงสัยตัวเอง เมื่อปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่น เตรียมตัวไปรบรัสเซีย ตามที่อังกฤษ ทั้งวางแผน และจัดหาทุนให้ ถึงคนหาเงินจะเป็น Jacob Schiff ของ Kuhn Loeb แต่ Schiff ก็เป็นแนวร่วมกับ J P Morgan หลังจากญี่ปุ่นรบชนะรัสเซีย JP Morgan กับ Rockefeller ก็ร่วมมือกัน สร้างปฏิวัติบอลเชวิกให้รัสเซีย ระหว่างรัสเซียมีปฏิวัติ อังกฤษก็สร้างสงครามโลกคร้ังที่ 1 เพื่อถล่มเยอรมัน ระหว่างนั้น อเมริกา นั่งดูอังกฤษรบในยุโรปทางหนึ่ง อีกทางก็เข้ามาขุดสมบัติในรัสเซีย และเลยมาถึงจีน ที่อังกฤษให้ญี่ปุนตีตั๋วจอง และตีตั๋วรวน แทนมาตลอด เพราะอังกฤษอยากครองทั้งโลก แต่แบ่งภาคไปยึดเองไม่ได้ทั้งหมด และอังกฤษ กับอเมริกา ก็เลยทำท่าจะชนกันเอง ทั้งเรื่องของจีน และญี่ปุ่น มึนไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Valve ทำรายได้ต่อพนักงานสูงสุดในโลกเกม – เกือบ 50 ล้านดอลลาร์ต่อคน"

    รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Valve มีพนักงานเพียงประมาณ 350 คน แต่สามารถสร้างรายได้รวมกว่า 17 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 โดย Steam แพลตฟอร์มขายเกมออนไลน์ของบริษัททำรายได้ไปแล้วกว่า 16.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.7% จากปี 2024 ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของโมเดลธุรกิจที่เน้นการกระจายเกมดิจิทัลและการหักส่วนแบ่งจากเกมยอดนิยมอย่าง Counter-Strike 2 และ Dota 2

    โครงสร้างองค์กรที่ไม่เหมือนใคร
    หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ โครงสร้างองค์กรแบบแบน (flat structure) ของ Valve ที่ไม่มีผู้จัดการหรือ C-suite executives ทุกคนทำงานร่วมกันในฐานะทีมเท่าเทียมกัน ทำให้บริษัทสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วและยืดหยุ่น นอกจากนี้ Valve ยังเป็นบริษัทเอกชนที่ไม่ต้องตอบสนองต่อผู้ถือหุ้น ทำให้สามารถนำกำไรกลับคืนสู่พนักงานได้มากขึ้น โดยมีข้อมูลรั่วไหลว่า Valve ใช้เงินกว่า 450 ล้านดอลลาร์จ่ายเงินเดือน เฉลี่ยมากกว่า 1.3 ล้านดอลลาร์ต่อคน

    ผลงานและนวัตกรรมที่สร้างชื่อ
    Valve ไม่เพียงแต่สร้างรายได้มหาศาล แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเกม เช่น
    การเปิดตัว Steam ที่ปฏิวัติการซื้อขายเกมดิจิทัล
    การสร้างเกมดังอย่าง Counter-Strike, Dota 2, Left 4 Dead
    การเปิดตัว Steam Deck (2022) ที่ช่วยฟื้นตลาดเครื่องเกมพกพา
    แผนเปิดตัว Steam Machine (2026) ที่จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ PC gaming

    เปรียบเทียบกับบริษัทอื่น
    แม้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ จะมีรายได้ต่อพนักงานสูง แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับ Valve เช่น
    McKesson (Healthcare): 8.2 ล้านดอลลาร์ต่อพนักงาน
    Apple: 2.4 ล้านดอลลาร์ต่อพนักงาน
    Meta (Facebook): 1.9 ล้านดอลลาร์ต่อพนักงาน

    Valve จึงถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    รายได้ต่อพนักงาน
    Valve ทำรายได้เฉลี่ยเกือบ 50 ล้านดอลลาร์ต่อคน
    มีพนักงานเพียง ~350 คน แต่สร้างรายได้รวมกว่า 17 พันล้านดอลลาร์

    โครงสร้างองค์กร
    ใช้โครงสร้างแบบแบน ไม่มีผู้จัดการ
    เป็นบริษัทเอกชน จึงคืนกำไรให้พนักงานมากกว่า 1.3 ล้านดอลลาร์ต่อคน

    ผลงานสำคัญ
    Steam ปฏิวัติการซื้อขายเกมดิจิทัล
    เกมดัง: Counter-Strike, Dota 2, Left 4 Dead
    Steam Deck ฟื้นตลาดเกมพกพา และ Steam Machine กำลังจะมาในปี 2026

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    Valve เคยถูกวิจารณ์เรื่อง loot boxes ที่ส่งผลต่อผู้เล่น
    การพึ่งพา Steam เป็นหลักอาจทำให้บริษัทเสี่ยงหากตลาดเปลี่ยนแปลง

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/valve-makes-almost-usd50-million-per-employee-raking-in-more-cash-per-person-than-google-amazon-or-microsoft-gaming-giants-350-employees-on-track-to-generate-usd17-billion-this-year
    📰 "Valve ทำรายได้ต่อพนักงานสูงสุดในโลกเกม – เกือบ 50 ล้านดอลลาร์ต่อคน" รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Valve มีพนักงานเพียงประมาณ 350 คน แต่สามารถสร้างรายได้รวมกว่า 17 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 โดย Steam แพลตฟอร์มขายเกมออนไลน์ของบริษัททำรายได้ไปแล้วกว่า 16.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.7% จากปี 2024 ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของโมเดลธุรกิจที่เน้นการกระจายเกมดิจิทัลและการหักส่วนแบ่งจากเกมยอดนิยมอย่าง Counter-Strike 2 และ Dota 2 💼 โครงสร้างองค์กรที่ไม่เหมือนใคร หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ โครงสร้างองค์กรแบบแบน (flat structure) ของ Valve ที่ไม่มีผู้จัดการหรือ C-suite executives ทุกคนทำงานร่วมกันในฐานะทีมเท่าเทียมกัน ทำให้บริษัทสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วและยืดหยุ่น นอกจากนี้ Valve ยังเป็นบริษัทเอกชนที่ไม่ต้องตอบสนองต่อผู้ถือหุ้น ทำให้สามารถนำกำไรกลับคืนสู่พนักงานได้มากขึ้น โดยมีข้อมูลรั่วไหลว่า Valve ใช้เงินกว่า 450 ล้านดอลลาร์จ่ายเงินเดือน เฉลี่ยมากกว่า 1.3 ล้านดอลลาร์ต่อคน 🎮 ผลงานและนวัตกรรมที่สร้างชื่อ Valve ไม่เพียงแต่สร้างรายได้มหาศาล แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเกม เช่น 💠 การเปิดตัว Steam ที่ปฏิวัติการซื้อขายเกมดิจิทัล 💠 การสร้างเกมดังอย่าง Counter-Strike, Dota 2, Left 4 Dead 💠 การเปิดตัว Steam Deck (2022) ที่ช่วยฟื้นตลาดเครื่องเกมพกพา 💠 แผนเปิดตัว Steam Machine (2026) ที่จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ PC gaming 🌍 เปรียบเทียบกับบริษัทอื่น แม้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ จะมีรายได้ต่อพนักงานสูง แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับ Valve เช่น 💠 McKesson (Healthcare): 8.2 ล้านดอลลาร์ต่อพนักงาน 💠 Apple: 2.4 ล้านดอลลาร์ต่อพนักงาน 💠 Meta (Facebook): 1.9 ล้านดอลลาร์ต่อพนักงาน Valve จึงถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายได้ต่อพนักงาน ➡️ Valve ทำรายได้เฉลี่ยเกือบ 50 ล้านดอลลาร์ต่อคน ➡️ มีพนักงานเพียง ~350 คน แต่สร้างรายได้รวมกว่า 17 พันล้านดอลลาร์ ✅ โครงสร้างองค์กร ➡️ ใช้โครงสร้างแบบแบน ไม่มีผู้จัดการ ➡️ เป็นบริษัทเอกชน จึงคืนกำไรให้พนักงานมากกว่า 1.3 ล้านดอลลาร์ต่อคน ✅ ผลงานสำคัญ ➡️ Steam ปฏิวัติการซื้อขายเกมดิจิทัล ➡️ เกมดัง: Counter-Strike, Dota 2, Left 4 Dead ➡️ Steam Deck ฟื้นตลาดเกมพกพา และ Steam Machine กำลังจะมาในปี 2026 ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ Valve เคยถูกวิจารณ์เรื่อง loot boxes ที่ส่งผลต่อผู้เล่น ⛔ การพึ่งพา Steam เป็นหลักอาจทำให้บริษัทเสี่ยงหากตลาดเปลี่ยนแปลง https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/valve-makes-almost-usd50-million-per-employee-raking-in-more-cash-per-person-than-google-amazon-or-microsoft-gaming-giants-350-employees-on-track-to-generate-usd17-billion-this-year
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 2
    จะเท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่นก็ต้องฝึกหัด เป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้ แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็เป็นเป้าหมายแรก สำหรับนักล่าหน้าใหม่ จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่
    ปี ค.ศ.1876 เกาหลี ยังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมายที่ตะวันตกสาระพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน แต่ที่สำคัญ เกาหลี อุดมไปด้วยเหล็ก และถ่านหิน ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน
    ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตก รุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี เกาหลี ตกใจ เลย ตกลง นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี
    ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ้ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-1895
    ผลการรบปรากฏว่า จีน แพ้ ญี่ปุ่น อย่างหมดรูป จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบไม่ เหลือรัศมี ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่งเสีย และส่งมาให้เราแทน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ
    แค่นั้น ยังไม่หน่ำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง Liaodong Penninsula ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว คราวนี้ก็สนุกซิครับ ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้ อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลี และที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง
    แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่า อีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-1905 ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้น เป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตง หรือแคว้นกวางตุ้ง นั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัตืของแมนจูเรีย คือทางรถไฟ สายแมนจูเรียอีกด้วย อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อน ทางรถไฟคือเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ
    ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซีย ที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่าน ที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เข้ว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขว้อยู่
    หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่น ประกาศผนวกเกาหลี เป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง และมันอร่อยถูกปากจริงๆ
    สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก
    ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 ข้อเรียกร้องที่เป็นที่ฮือฮา คือ ญี่ปุ่นต้องการให้จีนส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้านเมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม
    จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้ จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่ คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำใ้ห้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวนการขัดคอ ขวางทาง ญี่ปุ่น จึงมาจากทุกทิศ ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น
    ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ
    แล้วบรรยากาศความเป็นมิตร ก็เรื่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม เช่น อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือเบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่น มาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปาก แบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง รวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัว ตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist government และตั้งเมืองนานกิง Nanking หรือบ้างก็เรียก นานจิง Nanjing เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสม์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊ก จะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ. 1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น
    ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรีย และแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้ จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์
    ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่น ตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรอง ญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่
    ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพาน มาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937 สงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่าง สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันสู้ยิบตากับญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไข หลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยือเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุด ก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
    แต่การรบกับจีนครั้งนี้ แม้จะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิด ของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
    การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น และกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมัน ร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมืภาค นอกจากนั้น ในสายตาของนักล่านานาชาติ ยังรุมกันประณามญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหดร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า
    มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเพี้ยบเลย แต่ทำไม พอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก แต่ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอะ จะเอายังไงกันแน่
    ญี่ปุ่นเดืนตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย อีกแห่งคือ ลงใต้ มาเอาแถบแปซิฟิก แต่ แปซืฟิกใต้ ส่วนใหญ่ ก็เป็น อาณานิคม ของอังกฤษ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็เลือกลงใต้บุกแปซิฟิก !?!
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 2 จะเท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่นก็ต้องฝึกหัด เป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้ แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็เป็นเป้าหมายแรก สำหรับนักล่าหน้าใหม่ จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่ ปี ค.ศ.1876 เกาหลี ยังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมายที่ตะวันตกสาระพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน แต่ที่สำคัญ เกาหลี อุดมไปด้วยเหล็ก และถ่านหิน ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตก รุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี เกาหลี ตกใจ เลย ตกลง นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ้ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-1895 ผลการรบปรากฏว่า จีน แพ้ ญี่ปุ่น อย่างหมดรูป จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบไม่ เหลือรัศมี ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่งเสีย และส่งมาให้เราแทน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ แค่นั้น ยังไม่หน่ำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง Liaodong Penninsula ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว คราวนี้ก็สนุกซิครับ ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้ อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลี และที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่า อีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-1905 ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้น เป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตง หรือแคว้นกวางตุ้ง นั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัตืของแมนจูเรีย คือทางรถไฟ สายแมนจูเรียอีกด้วย อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อน ทางรถไฟคือเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซีย ที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่าน ที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เข้ว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขว้อยู่ หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่น ประกาศผนวกเกาหลี เป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง และมันอร่อยถูกปากจริงๆ สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 ข้อเรียกร้องที่เป็นที่ฮือฮา คือ ญี่ปุ่นต้องการให้จีนส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้านเมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้ จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่ คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำใ้ห้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวนการขัดคอ ขวางทาง ญี่ปุ่น จึงมาจากทุกทิศ ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ แล้วบรรยากาศความเป็นมิตร ก็เรื่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม เช่น อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือเบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่น มาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปาก แบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง รวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัว ตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist government และตั้งเมืองนานกิง Nanking หรือบ้างก็เรียก นานจิง Nanjing เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสม์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊ก จะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ. 1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรีย และแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้ จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่น ตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรอง ญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพาน มาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937 สงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่าง สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันสู้ยิบตากับญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไข หลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยือเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุด ก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่การรบกับจีนครั้งนี้ แม้จะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิด ของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น และกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมัน ร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมืภาค นอกจากนั้น ในสายตาของนักล่านานาชาติ ยังรุมกันประณามญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหดร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเพี้ยบเลย แต่ทำไม พอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก แต่ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอะ จะเอายังไงกันแน่ ญี่ปุ่นเดืนตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย อีกแห่งคือ ลงใต้ มาเอาแถบแปซิฟิก แต่ แปซืฟิกใต้ ส่วนใหญ่ ก็เป็น อาณานิคม ของอังกฤษ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็เลือกลงใต้บุกแปซิฟิก !?! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 847 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts