• เป็นการล้อเลียนของยุโรป ที่เข้าใจสันดานของอเมริกา

    Greenland: "We found oil!"

    USA: "You mean WE found oil!!!!."

    Democracy is coming
    เป็นการล้อเลียนของยุโรป ที่เข้าใจสันดานของอเมริกา Greenland: "We found oil!" USA: "You mean WE found oil!!!!." Democracy is coming
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของจีนและมุมมองของปักกิ่งเกี่ยวกับนโยบายปลดอาวุธ ระหว่างเยือนมอสโก ประเทศรัสเซีย

    ➡️ จีนยึดมั่นในยุทธศาสตร์การป้องกันตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และไม่เคยมีเจตนาแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศใด

    ➡️ ปักกิ่งยังคงรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ในระดับต่ำเท่าที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ

    ➡️ กองกำลังนิวเคลียร์ของจีน นับว่ามีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อสันติภาพของโลก

    ➡️ การปลดอาวุธนิวเคลียร์ต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน และยึดตามหลักการไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความมั่นคงของจีนและของประเทศใด


    ➡️ จำนวนอาวุธนิวเคลียร์ของจีนยังห่างไกลจากจำนวนที่สหรัฐอเมริกาครอบครองไว้อย่างที่ไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้

    ➡️ ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้จีนเข้าร่วมการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์นั้นไม่ยุติธรรมและไม่สมจริง

    ➡️ สหรัฐฯ ต้องลดบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ หยุดสร้าง "พันธมิตรนิวเคลียร์" การป้องกันขีปนาวุธระดับโลก และติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นดินพิสัยกลางและกองกำลังยุทธศาสตร์อื่น ๆ ใกล้ชายแดนประเทศอื่นได้แล้ว
    หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของจีนและมุมมองของปักกิ่งเกี่ยวกับนโยบายปลดอาวุธ ระหว่างเยือนมอสโก ประเทศรัสเซีย ➡️ จีนยึดมั่นในยุทธศาสตร์การป้องกันตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และไม่เคยมีเจตนาแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศใด ➡️ ปักกิ่งยังคงรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ในระดับต่ำเท่าที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ ➡️ กองกำลังนิวเคลียร์ของจีน นับว่ามีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อสันติภาพของโลก ➡️ การปลดอาวุธนิวเคลียร์ต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน และยึดตามหลักการไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความมั่นคงของจีนและของประเทศใด ➡️ จำนวนอาวุธนิวเคลียร์ของจีนยังห่างไกลจากจำนวนที่สหรัฐอเมริกาครอบครองไว้อย่างที่ไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้ ➡️ ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้จีนเข้าร่วมการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์นั้นไม่ยุติธรรมและไม่สมจริง ➡️ สหรัฐฯ ต้องลดบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ หยุดสร้าง "พันธมิตรนิวเคลียร์" การป้องกันขีปนาวุธระดับโลก และติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นดินพิสัยกลางและกองกำลังยุทธศาสตร์อื่น ๆ ใกล้ชายแดนประเทศอื่นได้แล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • โพสต์ล้อเล่น “วันโกหก” ระวังเจอคุก! รู้ทันกฎหมายก่อนแชร์ ในวันเอพริลฟูลเดย์

    🤡 วันเอพริลฟูลเดย์ วัฒนธรรมตะวันตกที่คนไทยควร “เล่นอย่างมีสติ” เพราะพลาดเพียงนิดเดียว อาจโดนโทษหนักจาก พ.ร.บ.คอมพ์ฯ 😰

    🧠 วันโกหกที่ไม่ควรโกหก ในทุกวันที่ 1 เมษายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกเฉลิมฉลอง “วันเมษาหน้าโง่” หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า April Fool’s Day วันที่คนส่วนใหญ่ มักใช้เล่นมุกล้อขำขัน สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง...แต่เดี๋ยวก่อน!

    ✋📱 แม้จะดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ในประเทศไทย การโพสต์หรือแชร์ “ข่าวปลอม” หรือ “ข้อมูลอันเป็นเท็จ” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท 😱

    🎭 วันเอพริลฟูลเดย์ (April Fool's Day) เป็นเทศกาลที่คนในประเทศตะวันตก เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และหลายประเทศในยุโรป เล่นมุกหลอกกันเพื่อความสนุกสนาน ในวันที่ 1 เมษายน

    ตามธรรมเนียม วัตถุประสงค์ของวันนี้ ไม่ใช่การโกหกแบบจริงจัง แต่เป็นการ เล่นมุกขำขัน โดยต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลเสียจริง เช่น ทำให้คนตกใจ เข้าใจผิด หรือเสียหาย

    🌍 ความนิยมของวันโกหก เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยสื่อและบุคคลต่าง ๆ จะโพสต์เรื่องหลอกในวันนี้ และเฉลยความจริงในวันถัดมา

    📚 ต้นกำเนิดของวันโกหกจากตะวันตก มีหลายทฤษฎี เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ April Fool’s Day

    ยุคกลางของยุโรป เคยมีการฉลองปีใหม่ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึง 1 เมษายน เมื่อมีการเปลี่ยนมาใช้วันที่ 1 มกราคมแทน คนที่ยังเฉลิมฉลองในช่วงเดิม จึงถูกมองว่า "โง่" 🤦

    มีการเชื่อมโยงกับเทศกาลโรมันชื่อว่า Hilaria ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เป็นการเฉลิมฉลองความสนุกสนาน และการแต่งตัวล้อเลียน

    ตำนานแคนเตอร์บรีของชอเซอร์ (ปี ค.ศ. 1392) มีคำบรรยายที่ตีความว่า “32 มีนาคม” ซึ่งก็คือวันที่ 1 เมษายน

    🕰️ ไม่ว่าต้นกำเนิดจะมาจากไหน แต่แน่นอนว่าวันนี้กลายเป็น “วันแห่งการหลอกแบบเบา ๆ” ที่ยังมีอิทธิพลจนถึงปัจจุบัน

    ⚖️ กฎหมายไทยไม่ขำด้วย! รู้จัก พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 แม้ว่าจะเป็นวันล้อเล่น ในวัฒนธรรมตะวันตก แต่ในประเทศไทย การโพสต์ ข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอม ไม่ว่าจะมีเจตนาขำหรือไม่ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย!

    📌 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือประเทศชาติ ถือว่ามีความผิด"

    👮‍♂️ โทษหนักมาก! จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ!

    ❗ แม้จะเป็นการล้อเล่น ถ้าทำให้คนตื่นตระหนก หรือเชื่อผิดจริง ก็ถือว่ามีความผิด ตามกฎหมายนี้ได้เช่นกัน

    🧨 ข่าวปลอมที่คิดว่า “เล่นๆ” แต่ผิดจริง! หลายคนอาจเคยเห็นโพสต์ ในวันเอพริลฟูล เช่น

    “รัฐบาลจะล็อกดาวน์ประเทศ!”
    “ธนาคารกำลังจะล้ม”
    “มีเอเลี่ยนบุกกรุงเทพ”

    แม้จะโพสต์แบบขำ ๆ แต่หากไม่มีการระบุชัดเจนว่าเป็น “มุกล้อเล่น” และส่งผลให้คนตื่นตกใจ หรือแชร์ต่อกันเป็นวงกว้าง ก็มีโอกาสโดนแจ้งความจริง!

    📂 ตัวอย่างคดีจริงในไทยจากวันโกหก เคสข่าวลือวัคซีนหมด ผู้โพสต์บอกว่า "วัคซีนโควิดหมดแล้ว!" แต่ประชาชนบางส่วนเชื่อจริง และแห่กันไปโรงพยาบาล ถูกตำรวจเรียกตัว และแจ้งความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ. คอมฯ

    เคสข่าวปลอมเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ โพสต์ข่าวแผ่นดินไหวรุนแรงในเชียงใหม่ ทำให้คนตกใจกลัว สุดท้ายพบว่า เป็นมุกในวันเอพริลฟูล แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ขำด้วย 😬

    ✅ วิธีโพสต์มุกวันโกหกแบบ “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เจอปัญหา นี่คือแนวทางการล้อเล่นแบบ “ขำได้ไม่ผิดกฎหมาย

    💡 ต้องมี “คำชี้แจง” ใส่ #มุกวันโกหก หรือ #AprilFools ใช้ emoji อย่าง 🤡😂🃏 เพื่อสื่อความขำขัน เขียนท้ายโพสต์ว่า “เรื่องนี้ไม่จริงนะครับ/ค่ะ เป็นมุกวันโกหก”

    🙅‍♂️ หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจ เช่น “ธนาคารล้ม” สุขภาพ เช่น “โรคใหม่ระบาด” เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น “มีระเบิดในห้าง”

    🎨 ตัวอย่างมุกล้อเล่นที่ปลอดภัย และสร้างสรรค์
    “วันนี้จะลาออกไปเปิดร้านกาแฟบนดาวอังคารแล้วนะ ☕🚀”
    “Apple จะออก iPhone กลิ่นต้มยำในรุ่นถัดไป 🍜📱”
    “บีทีเอสเปิดให้ขึ้นฟรีตลอดปี ถ้าใส่เสื้อสีม่วงทุกวัน 😆”

    🔍 วิธีตรวจสอบข่าว ก่อนโพสต์หรือแชร์ ก่อนจะแชร์อะไรในวันโกหก อย่าลืมตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่!

    ✅ เช็คยังไง? ดูแหล่งข่าว ตรวจสอบว่าเป็นสื่อชั้นนำที่น่าเชื่อถือ ดูวันที่ข่าว ข่าวเก่าบางข่าวถูกนำมาแชร์ใหม่ ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบข่าวปลอม เช่น Anti-Fake News Center

    👤 ความรับผิดชอบของผู้ใช้โซเชียล การใช้โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่ความสนุก แต่คือ “ความรับผิดชอบ” เราทุกคนมีส่วนในการสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัย อย่าแชร์ถ้าไม่แน่ใจ อย่าทำให้คนอื่นตกใจ อย่าล้อในเรื่องที่กระทบสังคม

    ⚠️ ข้อควรระวัง แชร์โพสต์ของคนอื่นก็ผิดได้! แม้ไม่ได้เป็นคนเขียนโพสต์ต้นฉบับ แต่หาก “แชร์” ข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน ก็อาจถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เช่นกัน!

    👩‍⚖️ ถ้าโดนแจ้งความ ให้ติดต่อทนายความทันที อย่าเพิกเฉยต่อหมายเรียก ให้ข้อมูลตามจริง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

    🔚 ขำได้...แต่อย่าผิดกฎหมาย! วันเอพริลฟูลเดย์ เป็นวันที่ให้เสียงหัวเราะ แต่ในโลกยุคดิจิทัล การล้อเล่นโดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎหมายควบคุม “ข้อมูลเท็จ” อย่างจริงจัง เช่นประเทศไทย

    คิดก่อนโพสต์ แชร์อย่างรับผิดชอบ ล้อเล่นแบบสร้างสรรค์ เพื่อให้วันโกหกยังคงเป็นวันสนุก...โดยไม่ต้องเจอคุก! 🤝✨

    📌 อยากให้วันโกหกเป็นเรื่องขำ...ไม่ใช่เรื่องคุก ขอแค่ “คิดก่อนคลิก แชร์อย่างรู้ทัน” ก็ปลอดภัยทุกฝ่าย 😊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 011152 เม.ย. 2568

    📌 #วันเอพริลฟูลเดย์ #ข่าวปลอม #โพสต์ล้อเล่น #พรกคอมพ์ #วันโกหก #AprilFools #ล้อเล่นอย่างมีสติ #แชร์อย่างรับผิดชอบ #กฎหมายออนไลน์ #โทษโพสต์เท็จ

    โพสต์ล้อเล่น “วันโกหก” ระวังเจอคุก! รู้ทันกฎหมายก่อนแชร์ ในวันเอพริลฟูลเดย์ 🤡 วันเอพริลฟูลเดย์ วัฒนธรรมตะวันตกที่คนไทยควร “เล่นอย่างมีสติ” เพราะพลาดเพียงนิดเดียว อาจโดนโทษหนักจาก พ.ร.บ.คอมพ์ฯ 😰 🧠 วันโกหกที่ไม่ควรโกหก ในทุกวันที่ 1 เมษายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกเฉลิมฉลอง “วันเมษาหน้าโง่” หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า April Fool’s Day วันที่คนส่วนใหญ่ มักใช้เล่นมุกล้อขำขัน สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง...แต่เดี๋ยวก่อน! ✋📱 แม้จะดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ในประเทศไทย การโพสต์หรือแชร์ “ข่าวปลอม” หรือ “ข้อมูลอันเป็นเท็จ” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท 😱 🎭 วันเอพริลฟูลเดย์ (April Fool's Day) เป็นเทศกาลที่คนในประเทศตะวันตก เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และหลายประเทศในยุโรป เล่นมุกหลอกกันเพื่อความสนุกสนาน ในวันที่ 1 เมษายน ตามธรรมเนียม วัตถุประสงค์ของวันนี้ ไม่ใช่การโกหกแบบจริงจัง แต่เป็นการ เล่นมุกขำขัน โดยต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลเสียจริง เช่น ทำให้คนตกใจ เข้าใจผิด หรือเสียหาย 🌍 ความนิยมของวันโกหก เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยสื่อและบุคคลต่าง ๆ จะโพสต์เรื่องหลอกในวันนี้ และเฉลยความจริงในวันถัดมา 📚 ต้นกำเนิดของวันโกหกจากตะวันตก มีหลายทฤษฎี เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ April Fool’s Day ยุคกลางของยุโรป เคยมีการฉลองปีใหม่ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึง 1 เมษายน เมื่อมีการเปลี่ยนมาใช้วันที่ 1 มกราคมแทน คนที่ยังเฉลิมฉลองในช่วงเดิม จึงถูกมองว่า "โง่" 🤦 มีการเชื่อมโยงกับเทศกาลโรมันชื่อว่า Hilaria ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เป็นการเฉลิมฉลองความสนุกสนาน และการแต่งตัวล้อเลียน ตำนานแคนเตอร์บรีของชอเซอร์ (ปี ค.ศ. 1392) มีคำบรรยายที่ตีความว่า “32 มีนาคม” ซึ่งก็คือวันที่ 1 เมษายน 🕰️ ไม่ว่าต้นกำเนิดจะมาจากไหน แต่แน่นอนว่าวันนี้กลายเป็น “วันแห่งการหลอกแบบเบา ๆ” ที่ยังมีอิทธิพลจนถึงปัจจุบัน ⚖️ กฎหมายไทยไม่ขำด้วย! รู้จัก พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 แม้ว่าจะเป็นวันล้อเล่น ในวัฒนธรรมตะวันตก แต่ในประเทศไทย การโพสต์ ข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอม ไม่ว่าจะมีเจตนาขำหรือไม่ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย! 📌 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือประเทศชาติ ถือว่ามีความผิด" 👮‍♂️ โทษหนักมาก! จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ! ❗ แม้จะเป็นการล้อเล่น ถ้าทำให้คนตื่นตระหนก หรือเชื่อผิดจริง ก็ถือว่ามีความผิด ตามกฎหมายนี้ได้เช่นกัน 🧨 ข่าวปลอมที่คิดว่า “เล่นๆ” แต่ผิดจริง! หลายคนอาจเคยเห็นโพสต์ ในวันเอพริลฟูล เช่น “รัฐบาลจะล็อกดาวน์ประเทศ!” “ธนาคารกำลังจะล้ม” “มีเอเลี่ยนบุกกรุงเทพ” แม้จะโพสต์แบบขำ ๆ แต่หากไม่มีการระบุชัดเจนว่าเป็น “มุกล้อเล่น” และส่งผลให้คนตื่นตกใจ หรือแชร์ต่อกันเป็นวงกว้าง ก็มีโอกาสโดนแจ้งความจริง! 📂 ตัวอย่างคดีจริงในไทยจากวันโกหก เคสข่าวลือวัคซีนหมด ผู้โพสต์บอกว่า "วัคซีนโควิดหมดแล้ว!" แต่ประชาชนบางส่วนเชื่อจริง และแห่กันไปโรงพยาบาล ถูกตำรวจเรียกตัว และแจ้งความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ. คอมฯ เคสข่าวปลอมเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ โพสต์ข่าวแผ่นดินไหวรุนแรงในเชียงใหม่ ทำให้คนตกใจกลัว สุดท้ายพบว่า เป็นมุกในวันเอพริลฟูล แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ขำด้วย 😬 ✅ วิธีโพสต์มุกวันโกหกแบบ “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เจอปัญหา นี่คือแนวทางการล้อเล่นแบบ “ขำได้ไม่ผิดกฎหมาย 💡 ต้องมี “คำชี้แจง” ใส่ #มุกวันโกหก หรือ #AprilFools ใช้ emoji อย่าง 🤡😂🃏 เพื่อสื่อความขำขัน เขียนท้ายโพสต์ว่า “เรื่องนี้ไม่จริงนะครับ/ค่ะ เป็นมุกวันโกหก” 🙅‍♂️ หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจ เช่น “ธนาคารล้ม” สุขภาพ เช่น “โรคใหม่ระบาด” เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น “มีระเบิดในห้าง” 🎨 ตัวอย่างมุกล้อเล่นที่ปลอดภัย และสร้างสรรค์ “วันนี้จะลาออกไปเปิดร้านกาแฟบนดาวอังคารแล้วนะ ☕🚀” “Apple จะออก iPhone กลิ่นต้มยำในรุ่นถัดไป 🍜📱” “บีทีเอสเปิดให้ขึ้นฟรีตลอดปี ถ้าใส่เสื้อสีม่วงทุกวัน 😆” 🔍 วิธีตรวจสอบข่าว ก่อนโพสต์หรือแชร์ ก่อนจะแชร์อะไรในวันโกหก อย่าลืมตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่! ✅ เช็คยังไง? ดูแหล่งข่าว ตรวจสอบว่าเป็นสื่อชั้นนำที่น่าเชื่อถือ ดูวันที่ข่าว ข่าวเก่าบางข่าวถูกนำมาแชร์ใหม่ ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบข่าวปลอม เช่น Anti-Fake News Center 👤 ความรับผิดชอบของผู้ใช้โซเชียล การใช้โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่ความสนุก แต่คือ “ความรับผิดชอบ” เราทุกคนมีส่วนในการสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัย อย่าแชร์ถ้าไม่แน่ใจ อย่าทำให้คนอื่นตกใจ อย่าล้อในเรื่องที่กระทบสังคม ⚠️ ข้อควรระวัง แชร์โพสต์ของคนอื่นก็ผิดได้! แม้ไม่ได้เป็นคนเขียนโพสต์ต้นฉบับ แต่หาก “แชร์” ข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน ก็อาจถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เช่นกัน! 👩‍⚖️ ถ้าโดนแจ้งความ ให้ติดต่อทนายความทันที อย่าเพิกเฉยต่อหมายเรียก ให้ข้อมูลตามจริง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ 🔚 ขำได้...แต่อย่าผิดกฎหมาย! วันเอพริลฟูลเดย์ เป็นวันที่ให้เสียงหัวเราะ แต่ในโลกยุคดิจิทัล การล้อเล่นโดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎหมายควบคุม “ข้อมูลเท็จ” อย่างจริงจัง เช่นประเทศไทย คิดก่อนโพสต์ แชร์อย่างรับผิดชอบ ล้อเล่นแบบสร้างสรรค์ เพื่อให้วันโกหกยังคงเป็นวันสนุก...โดยไม่ต้องเจอคุก! 🤝✨ 📌 อยากให้วันโกหกเป็นเรื่องขำ...ไม่ใช่เรื่องคุก ขอแค่ “คิดก่อนคลิก แชร์อย่างรู้ทัน” ก็ปลอดภัยทุกฝ่าย 😊 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 011152 เม.ย. 2568 📌 #วันเอพริลฟูลเดย์ #ข่าวปลอม #โพสต์ล้อเล่น #พรกคอมพ์ #วันโกหก #AprilFools #ล้อเล่นอย่างมีสติ #แชร์อย่างรับผิดชอบ #กฎหมายออนไลน์ #โทษโพสต์เท็จ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • โพสต์ล้อเล่น “วันโกหก” ระวังเจอคุก! รู้ทันกฎหมายก่อนแชร์ ในวันเอพริลฟูลเดย์

    🤡 วันเอพริลฟูลเดย์ วัฒนธรรมตะวันตกที่คนไทยควร “เล่นอย่างมีสติ” เพราะพลาดเพียงนิดเดียว อาจโดนโทษหนักจาก พ.ร.บ.คอมพ์ฯ 😰

    🧠 วันโกหกที่ไม่ควรโกหก ในทุกวันที่ 1 เมษายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกเฉลิมฉลอง “วันเมษาหน้าโง่” หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า April Fool’s Day วันที่คนส่วนใหญ่ มักใช้เล่นมุกล้อขำขัน สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง...แต่เดี๋ยวก่อน!

    ✋📱 แม้จะดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ในประเทศไทย การโพสต์หรือแชร์ “ข่าวปลอม” หรือ “ข้อมูลอันเป็นเท็จ” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท 😱

    🎭 วันเอพริลฟูลเดย์ (April Fool's Day) เป็นเทศกาลที่คนในประเทศตะวันตก เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และหลายประเทศในยุโรป เล่นมุกหลอกกันเพื่อความสนุกสนาน ในวันที่ 1 เมษายน

    ตามธรรมเนียม วัตถุประสงค์ของวันนี้ ไม่ใช่การโกหกแบบจริงจัง แต่เป็นการ เล่นมุกขำขัน โดยต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลเสียจริง เช่น ทำให้คนตกใจ เข้าใจผิด หรือเสียหาย

    🌍 ความนิยมของวันโกหก เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยสื่อและบุคคลต่าง ๆ จะโพสต์เรื่องหลอกในวันนี้ และเฉลยความจริงในวันถัดมา

    📚 ต้นกำเนิดของวันโกหกจากตะวันตก มีหลายทฤษฎี เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ April Fool’s Day

    ยุคกลางของยุโรป เคยมีการฉลองปีใหม่ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึง 1 เมษายน เมื่อมีการเปลี่ยนมาใช้วันที่ 1 มกราคมแทน คนที่ยังเฉลิมฉลองในช่วงเดิม จึงถูกมองว่า "โง่" 🤦

    มีการเชื่อมโยงกับเทศกาลโรมันชื่อว่า Hilaria ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เป็นการเฉลิมฉลองความสนุกสนาน และการแต่งตัวล้อเลียน

    ตำนานแคนเตอร์บรีของชอเซอร์ (ปี ค.ศ. 1392) มีคำบรรยายที่ตีความว่า “32 มีนาคม” ซึ่งก็คือวันที่ 1 เมษายน

    🕰️ ไม่ว่าต้นกำเนิดจะมาจากไหน แต่แน่นอนว่าวันนี้กลายเป็น “วันแห่งการหลอกแบบเบา ๆ” ที่ยังมีอิทธิพลจนถึงปัจจุบัน

    ⚖️ กฎหมายไทยไม่ขำด้วย! รู้จัก พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 แม้ว่าจะเป็นวันล้อเล่น ในวัฒนธรรมตะวันตก แต่ในประเทศไทย การโพสต์ ข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอม ไม่ว่าจะมีเจตนาขำหรือไม่ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย!

    📌 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือประเทศชาติ ถือว่ามีความผิด"

    👮‍♂️ โทษหนักมาก! จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ!

    ❗ แม้จะเป็นการล้อเล่น ถ้าทำให้คนตื่นตระหนก หรือเชื่อผิดจริง ก็ถือว่ามีความผิด ตามกฎหมายนี้ได้เช่นกัน

    🧨 ข่าวปลอมที่คิดว่า “เล่นๆ” แต่ผิดจริง! หลายคนอาจเคยเห็นโพสต์ ในวันเอพริลฟูล เช่น

    “รัฐบาลจะล็อกดาวน์ประเทศ!”
    “ธนาคารกำลังจะล้ม”
    “มีเอเลี่ยนบุกกรุงเทพ”

    แม้จะโพสต์แบบขำ ๆ แต่หากไม่มีการระบุชัดเจนว่าเป็น “มุกล้อเล่น” และส่งผลให้คนตื่นตกใจ หรือแชร์ต่อกันเป็นวงกว้าง ก็มีโอกาสโดนแจ้งความจริง!

    📂 ตัวอย่างคดีจริงในไทยจากวันโกหก เคสข่าวลือวัคซีนหมด ผู้โพสต์บอกว่า "วัคซีนโควิดหมดแล้ว!" แต่ประชาชนบางส่วนเชื่อจริง และแห่กันไปโรงพยาบาล ถูกตำรวจเรียกตัว และแจ้งความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ. คอมฯ

    เคสข่าวปลอมเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ โพสต์ข่าวแผ่นดินไหวรุนแรงในเชียงใหม่ ทำให้คนตกใจกลัว สุดท้ายพบว่า เป็นมุกในวันเอพริลฟูล แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ขำด้วย 😬

    ✅ วิธีโพสต์มุกวันโกหกแบบ “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เจอปัญหา นี่คือแนวทางการล้อเล่นแบบ “ขำได้ไม่ผิดกฎหมาย

    💡 ต้องมี “คำชี้แจง” ใส่ #มุกวันโกหก หรือ #AprilFools ใช้ emoji อย่าง 🤡😂🃏 เพื่อสื่อความขำขัน เขียนท้ายโพสต์ว่า “เรื่องนี้ไม่จริงนะครับ/ค่ะ เป็นมุกวันโกหก”

    🙅‍♂️ หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจ เช่น “ธนาคารล้ม” สุขภาพ เช่น “โรคใหม่ระบาด” เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น “มีระเบิดในห้าง”

    🎨 ตัวอย่างมุกล้อเล่นที่ปลอดภัย และสร้างสรรค์
    “วันนี้จะลาออกไปเปิดร้านกาแฟบนดาวอังคารแล้วนะ ☕🚀”
    “Apple จะออก iPhone กลิ่นต้มยำในรุ่นถัดไป 🍜📱”
    “บีทีเอสเปิดให้ขึ้นฟรีตลอดปี ถ้าใส่เสื้อสีม่วงทุกวัน 😆”

    🔍 วิธีตรวจสอบข่าว ก่อนโพสต์หรือแชร์ ก่อนจะแชร์อะไรในวันโกหก อย่าลืมตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่!

    ✅ เช็คยังไง? ดูแหล่งข่าว ตรวจสอบว่าเป็นสื่อชั้นนำที่น่าเชื่อถือ ดูวันที่ข่าว ข่าวเก่าบางข่าวถูกนำมาแชร์ใหม่ ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบข่าวปลอม เช่น Anti-Fake News Center

    👤 ความรับผิดชอบของผู้ใช้โซเชียล การใช้โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่ความสนุก แต่คือ “ความรับผิดชอบ” เราทุกคนมีส่วนในการสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัย อย่าแชร์ถ้าไม่แน่ใจ อย่าทำให้คนอื่นตกใจ อย่าล้อในเรื่องที่กระทบสังคม

    ⚠️ ข้อควรระวัง แชร์โพสต์ของคนอื่นก็ผิดได้! แม้ไม่ได้เป็นคนเขียนโพสต์ต้นฉบับ แต่หาก “แชร์” ข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน ก็อาจถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เช่นกัน!

    👩‍⚖️ ถ้าโดนแจ้งความ ให้ติดต่อทนายความทันที อย่าเพิกเฉยต่อหมายเรียก ให้ข้อมูลตามจริง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

    🔚 ขำได้...แต่อย่าผิดกฎหมาย! วันเอพริลฟูลเดย์ เป็นวันที่ให้เสียงหัวเราะ แต่ในโลกยุคดิจิทัล การล้อเล่นโดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎหมายควบคุม “ข้อมูลเท็จ” อย่างจริงจัง เช่นประเทศไทย

    คิดก่อนโพสต์ แชร์อย่างรับผิดชอบ ล้อเล่นแบบสร้างสรรค์ เพื่อให้วันโกหกยังคงเป็นวันสนุก...โดยไม่ต้องเจอคุก! 🤝✨

    📌 อยากให้วันโกหกเป็นเรื่องขำ...ไม่ใช่เรื่องคุก ขอแค่ “คิดก่อนคลิก แชร์อย่างรู้ทัน” ก็ปลอดภัยทุกฝ่าย 😊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 011152 เม.ย. 2568

    📌 #วันเอพริลฟูลเดย์ #ข่าวปลอม #โพสต์ล้อเล่น #พรกคอมพ์ #วันโกหก #AprilFools #ล้อเล่นอย่างมีสติ #แชร์อย่างรับผิดชอบ #กฎหมายออนไลน์ #โทษโพสต์เท็จ

    โพสต์ล้อเล่น “วันโกหก” ระวังเจอคุก! รู้ทันกฎหมายก่อนแชร์ ในวันเอพริลฟูลเดย์ 🤡 วันเอพริลฟูลเดย์ วัฒนธรรมตะวันตกที่คนไทยควร “เล่นอย่างมีสติ” เพราะพลาดเพียงนิดเดียว อาจโดนโทษหนักจาก พ.ร.บ.คอมพ์ฯ 😰 🧠 วันโกหกที่ไม่ควรโกหก ในทุกวันที่ 1 เมษายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกเฉลิมฉลอง “วันเมษาหน้าโง่” หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า April Fool’s Day วันที่คนส่วนใหญ่ มักใช้เล่นมุกล้อขำขัน สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง...แต่เดี๋ยวก่อน! ✋📱 แม้จะดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ในประเทศไทย การโพสต์หรือแชร์ “ข่าวปลอม” หรือ “ข้อมูลอันเป็นเท็จ” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท 😱 🎭 วันเอพริลฟูลเดย์ (April Fool's Day) เป็นเทศกาลที่คนในประเทศตะวันตก เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และหลายประเทศในยุโรป เล่นมุกหลอกกันเพื่อความสนุกสนาน ในวันที่ 1 เมษายน ตามธรรมเนียม วัตถุประสงค์ของวันนี้ ไม่ใช่การโกหกแบบจริงจัง แต่เป็นการ เล่นมุกขำขัน โดยต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลเสียจริง เช่น ทำให้คนตกใจ เข้าใจผิด หรือเสียหาย 🌍 ความนิยมของวันโกหก เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยสื่อและบุคคลต่าง ๆ จะโพสต์เรื่องหลอกในวันนี้ และเฉลยความจริงในวันถัดมา 📚 ต้นกำเนิดของวันโกหกจากตะวันตก มีหลายทฤษฎี เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ April Fool’s Day ยุคกลางของยุโรป เคยมีการฉลองปีใหม่ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึง 1 เมษายน เมื่อมีการเปลี่ยนมาใช้วันที่ 1 มกราคมแทน คนที่ยังเฉลิมฉลองในช่วงเดิม จึงถูกมองว่า "โง่" 🤦 มีการเชื่อมโยงกับเทศกาลโรมันชื่อว่า Hilaria ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เป็นการเฉลิมฉลองความสนุกสนาน และการแต่งตัวล้อเลียน ตำนานแคนเตอร์บรีของชอเซอร์ (ปี ค.ศ. 1392) มีคำบรรยายที่ตีความว่า “32 มีนาคม” ซึ่งก็คือวันที่ 1 เมษายน 🕰️ ไม่ว่าต้นกำเนิดจะมาจากไหน แต่แน่นอนว่าวันนี้กลายเป็น “วันแห่งการหลอกแบบเบา ๆ” ที่ยังมีอิทธิพลจนถึงปัจจุบัน ⚖️ กฎหมายไทยไม่ขำด้วย! รู้จัก พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 แม้ว่าจะเป็นวันล้อเล่น ในวัฒนธรรมตะวันตก แต่ในประเทศไทย การโพสต์ ข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอม ไม่ว่าจะมีเจตนาขำหรือไม่ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย! 📌 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือประเทศชาติ ถือว่ามีความผิด" 👮‍♂️ โทษหนักมาก! จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ! ❗ แม้จะเป็นการล้อเล่น ถ้าทำให้คนตื่นตระหนก หรือเชื่อผิดจริง ก็ถือว่ามีความผิด ตามกฎหมายนี้ได้เช่นกัน 🧨 ข่าวปลอมที่คิดว่า “เล่นๆ” แต่ผิดจริง! หลายคนอาจเคยเห็นโพสต์ ในวันเอพริลฟูล เช่น “รัฐบาลจะล็อกดาวน์ประเทศ!” “ธนาคารกำลังจะล้ม” “มีเอเลี่ยนบุกกรุงเทพ” แม้จะโพสต์แบบขำ ๆ แต่หากไม่มีการระบุชัดเจนว่าเป็น “มุกล้อเล่น” และส่งผลให้คนตื่นตกใจ หรือแชร์ต่อกันเป็นวงกว้าง ก็มีโอกาสโดนแจ้งความจริง! 📂 ตัวอย่างคดีจริงในไทยจากวันโกหก เคสข่าวลือวัคซีนหมด ผู้โพสต์บอกว่า "วัคซีนโควิดหมดแล้ว!" แต่ประชาชนบางส่วนเชื่อจริง และแห่กันไปโรงพยาบาล ถูกตำรวจเรียกตัว และแจ้งความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ. คอมฯ เคสข่าวปลอมเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ โพสต์ข่าวแผ่นดินไหวรุนแรงในเชียงใหม่ ทำให้คนตกใจกลัว สุดท้ายพบว่า เป็นมุกในวันเอพริลฟูล แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ขำด้วย 😬 ✅ วิธีโพสต์มุกวันโกหกแบบ “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เจอปัญหา นี่คือแนวทางการล้อเล่นแบบ “ขำได้ไม่ผิดกฎหมาย 💡 ต้องมี “คำชี้แจง” ใส่ #มุกวันโกหก หรือ #AprilFools ใช้ emoji อย่าง 🤡😂🃏 เพื่อสื่อความขำขัน เขียนท้ายโพสต์ว่า “เรื่องนี้ไม่จริงนะครับ/ค่ะ เป็นมุกวันโกหก” 🙅‍♂️ หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจ เช่น “ธนาคารล้ม” สุขภาพ เช่น “โรคใหม่ระบาด” เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น “มีระเบิดในห้าง” 🎨 ตัวอย่างมุกล้อเล่นที่ปลอดภัย และสร้างสรรค์ “วันนี้จะลาออกไปเปิดร้านกาแฟบนดาวอังคารแล้วนะ ☕🚀” “Apple จะออก iPhone กลิ่นต้มยำในรุ่นถัดไป 🍜📱” “บีทีเอสเปิดให้ขึ้นฟรีตลอดปี ถ้าใส่เสื้อสีม่วงทุกวัน 😆” 🔍 วิธีตรวจสอบข่าว ก่อนโพสต์หรือแชร์ ก่อนจะแชร์อะไรในวันโกหก อย่าลืมตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่! ✅ เช็คยังไง? ดูแหล่งข่าว ตรวจสอบว่าเป็นสื่อชั้นนำที่น่าเชื่อถือ ดูวันที่ข่าว ข่าวเก่าบางข่าวถูกนำมาแชร์ใหม่ ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบข่าวปลอม เช่น Anti-Fake News Center 👤 ความรับผิดชอบของผู้ใช้โซเชียล การใช้โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่ความสนุก แต่คือ “ความรับผิดชอบ” เราทุกคนมีส่วนในการสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัย อย่าแชร์ถ้าไม่แน่ใจ อย่าทำให้คนอื่นตกใจ อย่าล้อในเรื่องที่กระทบสังคม ⚠️ ข้อควรระวัง แชร์โพสต์ของคนอื่นก็ผิดได้! แม้ไม่ได้เป็นคนเขียนโพสต์ต้นฉบับ แต่หาก “แชร์” ข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน ก็อาจถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เช่นกัน! 👩‍⚖️ ถ้าโดนแจ้งความ ให้ติดต่อทนายความทันที อย่าเพิกเฉยต่อหมายเรียก ให้ข้อมูลตามจริง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ 🔚 ขำได้...แต่อย่าผิดกฎหมาย! วันเอพริลฟูลเดย์ เป็นวันที่ให้เสียงหัวเราะ แต่ในโลกยุคดิจิทัล การล้อเล่นโดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎหมายควบคุม “ข้อมูลเท็จ” อย่างจริงจัง เช่นประเทศไทย คิดก่อนโพสต์ แชร์อย่างรับผิดชอบ ล้อเล่นแบบสร้างสรรค์ เพื่อให้วันโกหกยังคงเป็นวันสนุก...โดยไม่ต้องเจอคุก! 🤝✨ 📌 อยากให้วันโกหกเป็นเรื่องขำ...ไม่ใช่เรื่องคุก ขอแค่ “คิดก่อนคลิก แชร์อย่างรู้ทัน” ก็ปลอดภัยทุกฝ่าย 😊 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 011152 เม.ย. 2568 📌 #วันเอพริลฟูลเดย์ #ข่าวปลอม #โพสต์ล้อเล่น #พรกคอมพ์ #วันโกหก #AprilFools #ล้อเล่นอย่างมีสติ #แชร์อย่างรับผิดชอบ #กฎหมายออนไลน์ #โทษโพสต์เท็จ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้อนรับฤดูร้อนนี้ ด้วยการมาดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารอร่อย ๆ นั่งชมวิว กันที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️

    𝐖𝐞𝐥𝐜𝐨𝐦𝐞 𝐬𝐮𝐦𝐦𝐞𝐫𝐭𝐢𝐦𝐞! 𝐋𝐞𝐭'𝐬 𝐞𝐧𝐣𝐨𝐲 𝐚 𝐜𝐨𝐨𝐥 𝐝𝐫𝐢𝐧𝐤 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐚𝐤𝐞 𝐢𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐯𝐢𝐞𝐰 𝐰𝐢𝐭𝐡 𝐮𝐬. - Ao Luek Ocean View 🌤

    เมนูแนะนำ:
    ☕ อเมริกาโน่มะพร้าว, คาราเมล มัคคิอาโต้, มัจฉะลาเต้
    🍹 บลูโอเชี่ยน สมูทตี้, คุกกี้แอนด์ครีมมิลค์เชค
    🍝 สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ
    🥞 ฮันนี่โทสต์ เค้กตามฤดูกาล

    📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover
    ต้อนรับฤดูร้อนนี้ ด้วยการมาดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารอร่อย ๆ นั่งชมวิว กันที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️ 𝐖𝐞𝐥𝐜𝐨𝐦𝐞 𝐬𝐮𝐦𝐦𝐞𝐫𝐭𝐢𝐦𝐞! 𝐋𝐞𝐭'𝐬 𝐞𝐧𝐣𝐨𝐲 𝐚 𝐜𝐨𝐨𝐥 𝐝𝐫𝐢𝐧𝐤 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐚𝐤𝐞 𝐢𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐯𝐢𝐞𝐰 𝐰𝐢𝐭𝐡 𝐮𝐬. - Ao Luek Ocean View 🌤 เมนูแนะนำ: ☕ อเมริกาโน่มะพร้าว, คาราเมล มัคคิอาโต้, มัจฉะลาเต้ 🍹 บลูโอเชี่ยน สมูทตี้, คุกกี้แอนด์ครีมมิลค์เชค 🍝 สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ 🥞 ฮันนี่โทสต์ เค้กตามฤดูกาล 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังการกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอิสราเอล ในที่สุด เนทันยาฮูก็ได้เปิดเผยถึงเป้าหมายที่แท้จริงของสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งไม่ใช่แค่การยุบกลุ่มฮามาสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกำจัดประชากรในฉนวนกาซาด้วย

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา เนทันยาฮูกล่าวหาฮามาสมาตลอดว่าไม่ยอมรับข้อตกลงหยุดยิง และถึงแม้ต่อมาฮามาสจะรับข้อเสนอ แต่ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นละเมิดข้อตกลง แน่นอนว่าคนทั้งหมดเชื่อสื่อ เชื่ออิสราเอล เชื่ออเมริกา

    เมื่อข้อตกลงหยุดยิงเฟสแรกสิ้นสุดลง อิสราเอลเมินเฉยในการเจรจาขั้นต่อไป และเปิดฉากโจมตีอย่างหนักในกาซา โดยอ้างเรื่องการกำจัดฮามาส และให้ปล่อยตัวประกัน ทั้งๆที่ฮามาสไม่เคยบิดพลิ้วเรื่องการปล่อยตัวประกัน ขอเพียงให้อิสราเอลทำตามข้อตกลงในเรื่องการเจรจาเฟสต่อไป

    ในแถลงการณ์ล่าสุดของเนทันยาฮู อิสราเอลได้ยื่นข้อตกลงใหม่อีกครั้ง!!!

    “เราพร้อมที่จะหารือถึงขั้นตอนสุดท้ายของสงคราม กลุ่มฮามาสจะวางอาวุธ และผู้นำของกลุ่มจะได้รับอนุญาตให้ออกไป เราจะดูแลความปลอดภัยในฉนวนกาซา และดำเนินการตามแผนการอพยพโดยสมัครใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นี่คือแผนของเรา เราไม่ได้ปิดบัง และเราพร้อมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ทุกเมื่อ”

    คำประกาศเหล่านี้ของเนทันยาฮู ได้ลบล้างข้ออ้างไปจนหมดสิ้นที่ว่าสงครามครั้งนี้แค่ต้องการกำจัดกลุ่มฮามาสเท่านั้น

    เป็นคำประกาศที่เนทันยาฮูยอมรับอย่างเปิดเผยว่า แม้ว่ากลุ่มฮามาสจะยุบไปแล้ว อิสราเอลก็ยังมีแผนที่จะอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนของพวกเขา และกองกำลังอิสราเอลจะเข้าควบคุมเต็มพื้นที่อย่างสมบูรณ์ด้วยกำลังทหาร นี่เท่ากับการ "ยึดประเทศ" โดยไม่มีชาติใดกล้าคัดค้าน

    ฉนวนกาซาจะหายไปจากแผนที่ และจะไม่มีชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นดินแดนดั้งเดิมของพวกเขา นี่คือสงครามล้างเผ่าพันธุ์ที่ได้รับการยืนยันจากปากของเนทันยาฮู โดยมีนานาชาติรับรู้และยอมรับ!!
    หลังการกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอิสราเอล ในที่สุด เนทันยาฮูก็ได้เปิดเผยถึงเป้าหมายที่แท้จริงของสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งไม่ใช่แค่การยุบกลุ่มฮามาสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกำจัดประชากรในฉนวนกาซาด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เนทันยาฮูกล่าวหาฮามาสมาตลอดว่าไม่ยอมรับข้อตกลงหยุดยิง และถึงแม้ต่อมาฮามาสจะรับข้อเสนอ แต่ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นละเมิดข้อตกลง แน่นอนว่าคนทั้งหมดเชื่อสื่อ เชื่ออิสราเอล เชื่ออเมริกา เมื่อข้อตกลงหยุดยิงเฟสแรกสิ้นสุดลง อิสราเอลเมินเฉยในการเจรจาขั้นต่อไป และเปิดฉากโจมตีอย่างหนักในกาซา โดยอ้างเรื่องการกำจัดฮามาส และให้ปล่อยตัวประกัน ทั้งๆที่ฮามาสไม่เคยบิดพลิ้วเรื่องการปล่อยตัวประกัน ขอเพียงให้อิสราเอลทำตามข้อตกลงในเรื่องการเจรจาเฟสต่อไป ในแถลงการณ์ล่าสุดของเนทันยาฮู อิสราเอลได้ยื่นข้อตกลงใหม่อีกครั้ง!!! “เราพร้อมที่จะหารือถึงขั้นตอนสุดท้ายของสงคราม กลุ่มฮามาสจะวางอาวุธ และผู้นำของกลุ่มจะได้รับอนุญาตให้ออกไป เราจะดูแลความปลอดภัยในฉนวนกาซา และดำเนินการตามแผนการอพยพโดยสมัครใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นี่คือแผนของเรา เราไม่ได้ปิดบัง และเราพร้อมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ทุกเมื่อ” คำประกาศเหล่านี้ของเนทันยาฮู ได้ลบล้างข้ออ้างไปจนหมดสิ้นที่ว่าสงครามครั้งนี้แค่ต้องการกำจัดกลุ่มฮามาสเท่านั้น เป็นคำประกาศที่เนทันยาฮูยอมรับอย่างเปิดเผยว่า แม้ว่ากลุ่มฮามาสจะยุบไปแล้ว อิสราเอลก็ยังมีแผนที่จะอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนของพวกเขา และกองกำลังอิสราเอลจะเข้าควบคุมเต็มพื้นที่อย่างสมบูรณ์ด้วยกำลังทหาร นี่เท่ากับการ "ยึดประเทศ" โดยไม่มีชาติใดกล้าคัดค้าน ฉนวนกาซาจะหายไปจากแผนที่ และจะไม่มีชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นดินแดนดั้งเดิมของพวกเขา นี่คือสงครามล้างเผ่าพันธุ์ที่ได้รับการยืนยันจากปากของเนทันยาฮู โดยมีนานาชาติรับรู้และยอมรับ!!
    Angry
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านคงไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง หากถูกโจมตีโดยสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตร จากคำเตือนของที่ปรึกษารายหนึ่งของผู้นำสูงสุดเตหะราน หนึ่งวันหลังจากมีคำขู่มาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030836
    อิหร่านคงไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง หากถูกโจมตีโดยสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตร จากคำเตือนของที่ปรึกษารายหนึ่งของผู้นำสูงสุดเตหะราน หนึ่งวันหลังจากมีคำขู่มาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030836
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฟรันเชสโก บัญญาญ่า" กลับมาคว้าแชมป์แรกของปีนี้ได้แล้ว หลัง "มาร์ค มาร์เกซ" ล้มสนามที่ 3 ในอเมริกา ส่งผลให้ "อเล็กซ์ มาร์เกซ" ทำคะแนนสะสมชิงแชมป์โลกนำแล้วทางด้าน "ก้อง สมเกียรติ จันทรา" นักบิดชาวไทย ยกระดับผลงานบิดคว้าอันดับ 16
    "ฟรันเชสโก บัญญาญ่า" กลับมาคว้าแชมป์แรกของปีนี้ได้แล้ว หลัง "มาร์ค มาร์เกซ" ล้มสนามที่ 3 ในอเมริกา ส่งผลให้ "อเล็กซ์ มาร์เกซ" ทำคะแนนสะสมชิงแชมป์โลกนำแล้วทางด้าน "ก้อง สมเกียรติ จันทรา" นักบิดชาวไทย ยกระดับผลงานบิดคว้าอันดับ 16
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 31 มีนา “วันเจษฎาบดินทร์” ระลึกพระนั่งเกล้าฯ ผู้ให้กำเนิด "เงินถุงแดง" ไถ่บ้านไถ่เมือง

    ✨ วันแห่งประวัติศาสตร์ไทย ที่ไม่ควรลืม ✨ วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี ได้รับการประกาศจากคณะรัฐมนตรีให้เป็น “วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” หรือเรียกกันว่า “วันเจษฎาบดินทร์” 💛

    เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้วางรากฐานสำคัญให้กับการค้า การป้องกันประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา และเป็นผู้นำแนวคิดการเก็บออม ไว้ให้ชาติบ้านเมืองในยามคับขัน ที่รู้จักกันในนาม “เงินถุงแดง” 💰

    🏯 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 กับสมเด็จพระศรีสุลาลัย หรือเจ้าจอมมารดาเรียม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2331 ที่พระราชวังเดิม ธนบุรี 🏰

    พระองค์มีพระนามเดิมว่า “หม่อมเจ้าชายทับ” ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็น “กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์” และขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ทรงมีพระชนมพรรษา 37 ปี

    ตลอดรัชสมัยกว่า 27 ปี พระองค์ทรงใช้พระปรีชาญาณ ในการบริหารบ้านเมืองอย่างรอบคอบ ทรงวางระบบเศรษฐกิจ 📈 ขยายเส้นทางการค้า 🌏 และจัดสรรรายได้แผ่นดินอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคงในอนาคต 🇹🇭

    👑 จุดเริ่มต้นของคำว่า “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามใหม่อย่างย่อว่า “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว”

    โดยคำว่า “เจษฎา” หมายถึง เลิศล้ำ ยอดเยี่ยม และ “บดินทร์” หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” จึงหมายถึง “พระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่และเป็นเลิศ” ✨

    🧭 รัชสมัยแห่งความมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงส่งเสริมการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับจีน และประเทศทางตะวันตก อย่างอังกฤษและสหรัฐฯ มีการลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และสนธิสัญญากับอเมริกาใน พ.ศ. 2375 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาฉบับแรก ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับประเทศในเอเชียตะวันออก 🌐

    พระองค์ทรงวางรากฐานเศรษฐกิจการค้า เสริมสร้างรายได้แผ่นดิน โดยมีระบบภาษีใหม่ถึง 38 รายการ และทรงปกครองด้วยพระปรีชาญาณอย่างเด็ดขาด รวมถึงการสร้างคลอง เพื่อใช้ในสงครามและการพาณิชย์ เช่น คลองบางขุนเทียน คลองหมาหอน 🚤

    📚 “เงินถุงแดง” ตำนานที่กลายเป็นจริง หนึ่งในมรดกที่สำคัญที่สุ ดจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เงินถุงแดง หรือ “พระคลังข้างที่” 💼

    📌 พระคลังข้างที่ คือ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่สะสมไว้ใช้ในยามจำเป็นของแผ่นดิน พระองค์ทรงประหยัดมัธยัสถ์ และตั้งพระราชดำริว่า “เก็บไว้เพื่อไถ่บ้านไถ่เมือง” ในยามเกิดภัยพิบัติหรือสงคราม

    ต่อมาในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 หรือ พ.ศ. 2436 เมื่อฝรั่งเศสบุกเรือรบ เข้ายึดดินแดนของไทย และเรียกร้องค่าปรับสงคราม 3,000,000 ฟรังก์ รัฐบาลสยามจึงได้นำเงินถุงแดง ออกมาใช้ในการไถ่แผ่นดิน 💸

    📆 เหตุการณ์ ร.ศ.112 และการใช้ “เงินถุงแดง” ไถ่ชาติ

    🔥 ความขัดแย้งไทย - ฝรั่งเศส ใน พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสกล่าวหาไทย ว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม โดยอ้างเหตุการณ์ที่แม่น้ำโขง ที่กองกำลังไทยสังหารทหารฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสส่งเรือรบ เข้าปิดล้อมแม่น้ำเจ้าพระยา

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตึงเครียด ในระดับที่ชาติอาจล่มสลาย 💣 ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ไทยจ่ายค่าปรับ และยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง

    🧾 ตัวเลขที่มากมาย
    ค่าเสียหายที่เรียกร้อง = 2,000,000 ฟรังก์
    เงินมัดจำเพิ่มเติม = 1,000,000 ฟรังก์
    รวมเป็น 3,000,000 ฟรังก์ ประมาณ 1.6 ล้านบาท ในขณะนั้น

    📤 แหล่งเงินสำคัญ เงินที่นำมาใช้จ่ายครั้งนั้น มาจาก “พระคลังข้างที่” ซึ่งเป็นเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 3 ที่ถูกเก็บไว้ในถุงแดงอย่างเงียบงัน 😌

    🧠 ข้อเท็จจริงหรือแค่ตำนาน? เงินถุงแดงมีจริงหรือไม่ 🤔 มีบางความเห็นในยุคปัจจุบัน ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “เงินถุงแดง” อาจไม่มีอยู่จริง และเป็นแค่เรื่องเล่าขาน แต่เมื่อพิจารณาหลักฐานจากหลายแหล่ง ทั้ง

    📖 หนังสือพิมพ์ Le Monde Illustré ของฝรั่งเศส
    📚 หนังสือ “เหตุการณ์ ร.ศ.112 และเรื่องเสียเขตแดนใน ร.5”
    📜 พระราชนิพนธ์ และคำกราบบังคมทูล ของกรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์

    ต่างยืนยันว่า มีการชำระเงินมัดจำด้วยเหรียญเม็กซิกัน จำนวนกว่า 800,000 เหรียญ หรือประมาณ 23 ตัน ที่ขนส่งออกไปจากกรุงเทพฯ 🚢

    🔍 วิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ เงินถุงแดงสะท้อนอะไร? เงินถุงแดงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ ของความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ของรัชกาลที่ 3 แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิด “เงินสำรองแผ่นดิน” ซึ่งในภายหลัง ก็กลายเป็นแนวคิดตั้งต้นของ “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” ในรูปแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ 🌎💹

    📖 พระราชสมัญญา แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมาใน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานพระราชสมัญญา “พระมหาเจษฎาราชเจ้า”

    ตามมาด้วยใน พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2558 ได้มีการถวายพระราชสมัญญาเพิ่มเติม ได้แก่
    - พระบิดาแห่งการค้าไทย 🛍
    - พระบิดาแห่งการพาณิชย์นาวีไทย 🚢
    - พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย 🌿

    🧡 วันเจษฎาบดินทร์ 31 มีนาคม วันแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันเจษฎาบดินทร์” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แห่งรัชกาลที่ 3 แม้ไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่ถือเป็น วันสำคัญของชาติไทย 🗓🇹🇭

    💬 รัชกาลที่ 3 กับมรดกที่คนไทยไม่ควรลืม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ด้านการค้าและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นกษัตริย์ที่ “เตรียมพร้อม” รับสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด 💼💪

    “เงินถุงแดง” คือสัญลักษณ์ของ วินัยทางการเงินระดับชาติ และความห่วงใยต่อแผ่นดิน ของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 310848 มี.ค. 2568

    📌 #วันเจษฎาบดินทร์ #พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว #เงินถุงแดง #ราชวงศ์จักรี #ประวัติศาสตร์ไทย #รัชกาลที่3 #รศ112 #บทเรียนจากอดีต #พระมหาเจษฎาราชเจ้า #อธิปไตยไทย
    31 มีนา “วันเจษฎาบดินทร์” ระลึกพระนั่งเกล้าฯ ผู้ให้กำเนิด "เงินถุงแดง" ไถ่บ้านไถ่เมือง ✨ วันแห่งประวัติศาสตร์ไทย ที่ไม่ควรลืม ✨ วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี ได้รับการประกาศจากคณะรัฐมนตรีให้เป็น “วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” หรือเรียกกันว่า “วันเจษฎาบดินทร์” 💛 เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้วางรากฐานสำคัญให้กับการค้า การป้องกันประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา และเป็นผู้นำแนวคิดการเก็บออม ไว้ให้ชาติบ้านเมืองในยามคับขัน ที่รู้จักกันในนาม “เงินถุงแดง” 💰 🏯 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 กับสมเด็จพระศรีสุลาลัย หรือเจ้าจอมมารดาเรียม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2331 ที่พระราชวังเดิม ธนบุรี 🏰 พระองค์มีพระนามเดิมว่า “หม่อมเจ้าชายทับ” ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็น “กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์” และขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ทรงมีพระชนมพรรษา 37 ปี ตลอดรัชสมัยกว่า 27 ปี พระองค์ทรงใช้พระปรีชาญาณ ในการบริหารบ้านเมืองอย่างรอบคอบ ทรงวางระบบเศรษฐกิจ 📈 ขยายเส้นทางการค้า 🌏 และจัดสรรรายได้แผ่นดินอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคงในอนาคต 🇹🇭 👑 จุดเริ่มต้นของคำว่า “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามใหม่อย่างย่อว่า “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดยคำว่า “เจษฎา” หมายถึง เลิศล้ำ ยอดเยี่ยม และ “บดินทร์” หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” จึงหมายถึง “พระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่และเป็นเลิศ” ✨ 🧭 รัชสมัยแห่งความมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงส่งเสริมการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับจีน และประเทศทางตะวันตก อย่างอังกฤษและสหรัฐฯ มีการลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และสนธิสัญญากับอเมริกาใน พ.ศ. 2375 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาฉบับแรก ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับประเทศในเอเชียตะวันออก 🌐 พระองค์ทรงวางรากฐานเศรษฐกิจการค้า เสริมสร้างรายได้แผ่นดิน โดยมีระบบภาษีใหม่ถึง 38 รายการ และทรงปกครองด้วยพระปรีชาญาณอย่างเด็ดขาด รวมถึงการสร้างคลอง เพื่อใช้ในสงครามและการพาณิชย์ เช่น คลองบางขุนเทียน คลองหมาหอน 🚤 📚 “เงินถุงแดง” ตำนานที่กลายเป็นจริง หนึ่งในมรดกที่สำคัญที่สุ ดจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เงินถุงแดง หรือ “พระคลังข้างที่” 💼 📌 พระคลังข้างที่ คือ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่สะสมไว้ใช้ในยามจำเป็นของแผ่นดิน พระองค์ทรงประหยัดมัธยัสถ์ และตั้งพระราชดำริว่า “เก็บไว้เพื่อไถ่บ้านไถ่เมือง” ในยามเกิดภัยพิบัติหรือสงคราม ต่อมาในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 หรือ พ.ศ. 2436 เมื่อฝรั่งเศสบุกเรือรบ เข้ายึดดินแดนของไทย และเรียกร้องค่าปรับสงคราม 3,000,000 ฟรังก์ รัฐบาลสยามจึงได้นำเงินถุงแดง ออกมาใช้ในการไถ่แผ่นดิน 💸 📆 เหตุการณ์ ร.ศ.112 และการใช้ “เงินถุงแดง” ไถ่ชาติ 🔥 ความขัดแย้งไทย - ฝรั่งเศส ใน พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสกล่าวหาไทย ว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม โดยอ้างเหตุการณ์ที่แม่น้ำโขง ที่กองกำลังไทยสังหารทหารฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสส่งเรือรบ เข้าปิดล้อมแม่น้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตึงเครียด ในระดับที่ชาติอาจล่มสลาย 💣 ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ไทยจ่ายค่าปรับ และยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง 🧾 ตัวเลขที่มากมาย ค่าเสียหายที่เรียกร้อง = 2,000,000 ฟรังก์ เงินมัดจำเพิ่มเติม = 1,000,000 ฟรังก์ รวมเป็น 3,000,000 ฟรังก์ ประมาณ 1.6 ล้านบาท ในขณะนั้น 📤 แหล่งเงินสำคัญ เงินที่นำมาใช้จ่ายครั้งนั้น มาจาก “พระคลังข้างที่” ซึ่งเป็นเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 3 ที่ถูกเก็บไว้ในถุงแดงอย่างเงียบงัน 😌 🧠 ข้อเท็จจริงหรือแค่ตำนาน? เงินถุงแดงมีจริงหรือไม่ 🤔 มีบางความเห็นในยุคปัจจุบัน ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “เงินถุงแดง” อาจไม่มีอยู่จริง และเป็นแค่เรื่องเล่าขาน แต่เมื่อพิจารณาหลักฐานจากหลายแหล่ง ทั้ง 📖 หนังสือพิมพ์ Le Monde Illustré ของฝรั่งเศส 📚 หนังสือ “เหตุการณ์ ร.ศ.112 และเรื่องเสียเขตแดนใน ร.5” 📜 พระราชนิพนธ์ และคำกราบบังคมทูล ของกรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ ต่างยืนยันว่า มีการชำระเงินมัดจำด้วยเหรียญเม็กซิกัน จำนวนกว่า 800,000 เหรียญ หรือประมาณ 23 ตัน ที่ขนส่งออกไปจากกรุงเทพฯ 🚢 🔍 วิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ เงินถุงแดงสะท้อนอะไร? เงินถุงแดงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ ของความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ของรัชกาลที่ 3 แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิด “เงินสำรองแผ่นดิน” ซึ่งในภายหลัง ก็กลายเป็นแนวคิดตั้งต้นของ “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” ในรูปแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ 🌎💹 📖 พระราชสมัญญา แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมาใน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานพระราชสมัญญา “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” ตามมาด้วยใน พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2558 ได้มีการถวายพระราชสมัญญาเพิ่มเติม ได้แก่ - พระบิดาแห่งการค้าไทย 🛍 - พระบิดาแห่งการพาณิชย์นาวีไทย 🚢 - พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย 🌿 🧡 วันเจษฎาบดินทร์ 31 มีนาคม วันแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันเจษฎาบดินทร์” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แห่งรัชกาลที่ 3 แม้ไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่ถือเป็น วันสำคัญของชาติไทย 🗓🇹🇭 💬 รัชกาลที่ 3 กับมรดกที่คนไทยไม่ควรลืม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ด้านการค้าและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นกษัตริย์ที่ “เตรียมพร้อม” รับสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด 💼💪 “เงินถุงแดง” คือสัญลักษณ์ของ วินัยทางการเงินระดับชาติ และความห่วงใยต่อแผ่นดิน ของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 310848 มี.ค. 2568 📌 #วันเจษฎาบดินทร์ #พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว #เงินถุงแดง #ราชวงศ์จักรี #ประวัติศาสตร์ไทย #รัชกาลที่3 #รศ112 #บทเรียนจากอดีต #พระมหาเจษฎาราชเจ้า #อธิปไตยไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีกลุ่มผู้ประท้วงออกมาชุมนุมกันตามหน้าโชว์รูมของรถยนต์เทสลาทั่วอเมริกา รวมทั้งที่แคนาดา และบางเมืองในยุโรป เพื่อแสดงการต่อต้านปฏิบัติการปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก ของ อีลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีซีอีโอของเทสลา ซึ่งเวลานี้กลายเป็นที่ปรึกษาระดับท็อปคนหนึ่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030409
    มีกลุ่มผู้ประท้วงออกมาชุมนุมกันตามหน้าโชว์รูมของรถยนต์เทสลาทั่วอเมริกา รวมทั้งที่แคนาดา และบางเมืองในยุโรป เพื่อแสดงการต่อต้านปฏิบัติการปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก ของ อีลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีซีอีโอของเทสลา ซึ่งเวลานี้กลายเป็นที่ปรึกษาระดับท็อปคนหนึ่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030409
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 641 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน"

    นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี:

    นอจกากนี้ เนรทันยาฮูยังกล่าวอีกว่า
    “แรงกดดันทางการทหารควบคู่ไปกับการเจรจาเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ได้ตัวประกันกลับมา นี่ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอยอย่างไร้สาระ”


    “เช้านี้ ผมอยากพูดถึง 3H: อันดับแรกคือฮามาส จากนั้นคือฮิซบอลเลาะห์ และสุดท้ายคือฮูตี”

    👉เกี่ยวกับฮามาสในฉนวนกาซา:

    “แรงกดดันทางการทหารมันใช้ได้ผล เพราะมันทำลายศักยภาพทางการทหารและการปกครองของฮามาสไปพร้อมกัน และยังสร้างเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเรา นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”

    “นอกจากนี้ ที่ประชุมด้านความมั่นคงมีมติเพิ่มแรงกดดันทางทหารให้หนักหน่วงกว่าเดิมขุ้นไปอีกเพื่อทำลายฮามาสให้มากขึ้น และเพิ่มเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเราให้มากที่สุด”

    “ผมขอโต้แย้งถึงคำหลอกลวง 3 ข้อที่มุ่งเป้าใส่ร้ายมาที่เรามาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันยังคงดำเนินอยู่:”

    1. “เราไม่คิดจริงจังเรื่องการเจรจา?” “มันไม่จริเลยง เราแค่กำลังเจรจาภายใต้การโจมตีและกดดันทางทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาได้ผล ตอนนี้เรากำลังเริ่มเห็นความแตกแยกในฮามาสและกาซา” (หมายถึงชาวกาซาส่วนหนึ่งกำลังประท้วงให้ฮามาสออกนอกพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริง ชาวกาซาประท้วงไม่เอาสงคราม ต้องการขับไล่ทั้งฮามาสและอิสราเอล)


    2. “เราไม่จริงใจในการเจรจาขั้นต่อไป?”
    “นี่ไม่ใช่เรื่องจริงเช่นกัน เรายินดีเจรจา และเราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน”


    3. “เราไม่สนใจตัวประกัน?”
    “ไม่จริงเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเพิ่งไปพบปะพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งกับครอบครัวสี่ครอบครัวของตัวประกัน เราไปรับรู้ความเจ็บปวดของพวกเขา ซึ่งมันยิ่งใหญ่มาก การอ้างว่าเราไม่สนใจนั้นสะท้อนให้เห็นการโฆษณาชวนเชื่อของฮามาสที่ตั้งใจแบ่งแยกเราและบิดเบือนความเป็นจริง”

    “เราให้คำมั่นที่จะนำตัวประกันกลับบ้านและกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง จนถึงขณะนี้ มีเพียงแรงกดดันทางการทหารและการทูตเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คำขวัญลมๆ แล้งๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่ประกาศตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ”
    .

    👉เกี่ยวกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์:
    “ในเลบานอน คำสั่งจากผม รัฐมนตรีกลาโหม และคณะรัฐมนตรี และกองทัพอิสราเอล คือการบังคับใช้กฎของเราอย่างเข้มงวดและไม่มีการประนีประนอม เราไม่ยอมให้มีการ “แทรกแซง” ใดๆ และไม่มีการผ่อนปรน”

    “เราบอกไปถึงเลบานอน จะต้องคอยดูแลรับผิดชอบในดินแดนของพวกเขา และต้องแน่ใจว่าจะไม่มีการปล่อยให้ใครโจมตีอิสราเอล”


    👉เกี่ยวกับกลุ่มฮูตี:

    “ผมซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อการกระทำของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา พวกเขากำลังจัดการกับกลุ่มฮูตีด้วยกำลังที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่า เรายังดำเนินการเพื่อปกป้องตัวเองด้วย ดังที่เห็นเมื่อเร็วๆ นี้”

    “เราให้ความสำคัญกับพันธมิตรของเราเสมอ เรามีพันธมิตรกับมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสนับสนุนเราอย่างแข็งแกร่ง ทั้งที่นี่และในเวทีอื่นๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข ”
    "เราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน" นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี: นอจกากนี้ เนรทันยาฮูยังกล่าวอีกว่า “แรงกดดันทางการทหารควบคู่ไปกับการเจรจาเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ได้ตัวประกันกลับมา นี่ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอยอย่างไร้สาระ” “เช้านี้ ผมอยากพูดถึง 3H: อันดับแรกคือฮามาส จากนั้นคือฮิซบอลเลาะห์ และสุดท้ายคือฮูตี” 👉เกี่ยวกับฮามาสในฉนวนกาซา: “แรงกดดันทางการทหารมันใช้ได้ผล เพราะมันทำลายศักยภาพทางการทหารและการปกครองของฮามาสไปพร้อมกัน และยังสร้างเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเรา นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่” “นอกจากนี้ ที่ประชุมด้านความมั่นคงมีมติเพิ่มแรงกดดันทางทหารให้หนักหน่วงกว่าเดิมขุ้นไปอีกเพื่อทำลายฮามาสให้มากขึ้น และเพิ่มเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเราให้มากที่สุด” “ผมขอโต้แย้งถึงคำหลอกลวง 3 ข้อที่มุ่งเป้าใส่ร้ายมาที่เรามาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันยังคงดำเนินอยู่:” 1. “เราไม่คิดจริงจังเรื่องการเจรจา?” “มันไม่จริเลยง เราแค่กำลังเจรจาภายใต้การโจมตีและกดดันทางทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาได้ผล ตอนนี้เรากำลังเริ่มเห็นความแตกแยกในฮามาสและกาซา” (หมายถึงชาวกาซาส่วนหนึ่งกำลังประท้วงให้ฮามาสออกนอกพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริง ชาวกาซาประท้วงไม่เอาสงคราม ต้องการขับไล่ทั้งฮามาสและอิสราเอล) 2. “เราไม่จริงใจในการเจรจาขั้นต่อไป?” “นี่ไม่ใช่เรื่องจริงเช่นกัน เรายินดีเจรจา และเราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน” 3. “เราไม่สนใจตัวประกัน?” “ไม่จริงเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเพิ่งไปพบปะพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งกับครอบครัวสี่ครอบครัวของตัวประกัน เราไปรับรู้ความเจ็บปวดของพวกเขา ซึ่งมันยิ่งใหญ่มาก การอ้างว่าเราไม่สนใจนั้นสะท้อนให้เห็นการโฆษณาชวนเชื่อของฮามาสที่ตั้งใจแบ่งแยกเราและบิดเบือนความเป็นจริง” “เราให้คำมั่นที่จะนำตัวประกันกลับบ้านและกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง จนถึงขณะนี้ มีเพียงแรงกดดันทางการทหารและการทูตเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คำขวัญลมๆ แล้งๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่ประกาศตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ” . 👉เกี่ยวกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์: “ในเลบานอน คำสั่งจากผม รัฐมนตรีกลาโหม และคณะรัฐมนตรี และกองทัพอิสราเอล คือการบังคับใช้กฎของเราอย่างเข้มงวดและไม่มีการประนีประนอม เราไม่ยอมให้มีการ “แทรกแซง” ใดๆ และไม่มีการผ่อนปรน” “เราบอกไปถึงเลบานอน จะต้องคอยดูแลรับผิดชอบในดินแดนของพวกเขา และต้องแน่ใจว่าจะไม่มีการปล่อยให้ใครโจมตีอิสราเอล” 👉เกี่ยวกับกลุ่มฮูตี: “ผมซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อการกระทำของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา พวกเขากำลังจัดการกับกลุ่มฮูตีด้วยกำลังที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่า เรายังดำเนินการเพื่อปกป้องตัวเองด้วย ดังที่เห็นเมื่อเร็วๆ นี้” “เราให้ความสำคัญกับพันธมิตรของเราเสมอ เรามีพันธมิตรกับมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสนับสนุนเราอย่างแข็งแกร่ง ทั้งที่นี่และในเวทีอื่นๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29-03-68/01 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP3 (ไม่ต้องถาม..ซัดเลยล่ะกัน)

    มรึงโดนแน่ YELLOW STONE ไอ้สัส! อย่าคิดว่าเค้าไม่รู้? สะกายเหรอ? รอยเปลือกแยกอาเซียนเหรอ? มรึงตั้งใจจะล่ออาเซียนเพื่อสกัดจีนผนวก ล่อพม่า หวังกระทบทั้งอาเซียน หลายครั้งที่มรึงเลือกลงมือก่อนเมษายน เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว เม็ดเงินเข้าอาเซียนถล่มทลาย ทำลายเศรษฐกิจทั้งอาเซียน เพื่อดึงโลกเข้าสู่สงคราม เหตุผลง่ายๆ คือ มรึงแพ้ยับในสมรภูมิจริง ทั้งยูเครน แอฟริกา และเยรูซาเล็ม มรึงแพ้ยับทั้งสงครามการค้า เพราะโลกหันไปเข้า BRICS กันหมด จับมือจีน รัสเซีย ผู้นำโลกใหม่ มรึงแพ้ยับทั้งเวทีโลก และความเชื่อมั่นนักลงทุน มรึงไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย มุกเดิมเหี้ยจะทำอะไรได้อีก หากไม่ใช้ไวรัสระบาด หรือก่อเหตุอุทกภัยอย่างที่เคยทำมา หมายังเดาได้? ระดับหน่วยข่าวกรอง เค้ารู้ล่วงหน้าแล้ว โป๊ะมาแตก ศูนย์กลางแผ่นดินไหวใหญ่อยู่ที่พม่า แล้วอะไรอยู่ใกล้แถวนั้นล่ะ กงศุลใหญ่เหี้ยมะกันในเชียงใหม่ไงล่ะ ที่มาว่าทำไม มรึงถึงต้องขุดดินลึกลงไปกว่า 200 เมตร กงศุลบ้านพ่องดิ ต้องลึกขนาดนั้นเพื่อ? ไม่ต้องแถ ไม่ต้องอ้าง มรึงฝังเหี้ยอะไรเอาไว้กันล่ะ? ไม่ต้องมโน ไม่ต้องเดา มันผิดปกติอยู่แล้วที่สร้างกงศุลใหญ่ขึ้นมาใหม่ หลังถูกจีนสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันที่เฉิงตู ทำให้มรึงหน้ามืด ตาบอดทันที ไม่รู้ข่าวสารจีนอะไรอีกเลย นับแต่นั้น ที่มาว่าพยายามสร้างกงศุลใหญ่ใหม่ใกล้จีน พม่า ไงล่ะ จีนยังสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยได้ ทำไม เราจะทำไม่ได้? กงศุลมรึงไม่ได้มีแค่ที่เชียงใหม่ กทม.ก็ยังอยู่ แก้ตรงจุด สั่งปิดกงศุลใหญ่ที่เชียงใหม่ปุ๊บ แผ่นดินไหวหายวับทันตาทันที กูท้ามรึงเลย? แต่อย่าหวังอีรัฐบาลเถื่อนขี้ข้าวอชิงตันชุดนี้เลย ถึงเวลายัง ที่กองทัพจะออกตัว ประชาชนตามติด วังนำหน้า แม่ทัพใหญ่ของกองทัพไทย เมื่อเลือกข้างแล้ว ก็ต้องเล่นบทให้สุดซอย ยุคพระเดชถึงจะมาเต็มตรีน ความเสียหายที่เห็นนี้ ยังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่อีกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันยังเสนอหน้าอยู่ที่เชียงใหม่ ขนาดกูยังรู้ หน่วยความมั่นคง หน่วยข่าวกรองทำไมไม่รู้ มันผิดสังเกตุมาตั้งแต่สร้างใหญ่อลังการ และควบคุมการสร้างเอง โดยไม่ให้ใครเสือก เจ้าหน้าที่คุมก่อสร้างก็ไม่ให้คนไทยยุ่ง มันชัดซะยิ่งกว่าชัด? ใครก็รู้ ว่ามรึงทำอะไร แต่ปล่อยให้มันทำ จนได้เห็นเต็มตาวันนี้ไงล่ะ กระทบแผ่นดิน มรึงจะให้มันอยู่ต่อมั้ยล่ะ จะเก็บไอ้อีเหี้ยไปอีกนานแค่ไหน คำตอบอยู่ที่ "ศรีธนญชัย" เพราะเค้าประสานกับกุนซือ เกจิ จีน รัสเซีย ไว้แล้ว สิ่งที่เห็น มันจะเทียบไม่ได้เลย ความเสียหายขั้นสูงสุด ที่เหี้ยจะเจอ หากล่อมันกลับที่ YELLOW STONE อเมริกาจะฉิบหายทั้งแผ่นดิน อะไรที่เกิดขึ้นทั่วโลก มรึงว่ามันปกติงั้นเหรอ? ใช้สติ ใช้ปัญญา ดูก็รู้ ว่ามันเกิดจากอะไร? ไฟ่ป่าเหรอ สึนามิเหรอ แผ่นดินไหวเหรอ โลกยุคดิจิตอล ที่เอาอาวุธร้ายแรงไปไว้บนอวกาศได้ มันทำได้หมดมากกว่าที่มรึงคิด รัสเซีย จีน มีเทคโนโลยีสูงกว่ามรึงเยอะ ทำได้รุนแรงกว่ามรึง 100 เท่า แต่ที่ไม่ทำ เพราะ "ศีลมันต่างกัน" คนตายเป็นล้านน่ะมรึง หากโดนเข้าเต็มตรีน เพราะนี่คือสิ่งที่ยิวเหี้ยมันต้องการ "WWIII" ไงล่ะ เห็นยังล่ะว่า เดินแต่ก้าวไม่ง่าย เพราะอีกฝ่ายมันจ้องจะทำลายล้างมนุษยชาติอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เกมส์จะมันส์สุดติ่งกระดิ่งเหี้ย เมษาเลือดมาแน่ ไม่ว่าจะภายใน ภายนอก ระอุ ดุเดือด อุทกภัยที่มรึงไม่เคยเจอ จะดาหน้ามาหมด แบบบังเอิญอีกแล้วครับท่าน อาวุธเทคโนโลยี จะถูกงัดมาใช้เพื่องานนี้ และมรึงจะได้เห็นแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ของจีน รัสเซีย ในเวลานั้นแหละ เปิดที เหี้ยขี้แตก! กทม.ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มานานมากแล้ว ครั้งนี้ มันตั้งใจ นั่นคือสัญญานที่ดี ว่าไทยเราได้เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว เคยบอกไปแล้ว มรึงควรจะดีใจ เรายอมแลก ก็เพื่อดินแดนสุวรรณภูมิ อย่ากลัวเหี้ย นี่มันยุคสุดท้ายแล้ว เหี้ยต่างหากที่ต้องกลัวมรึง คนดี คนกล้า ไม่กลัวเหี้ย คนชั่วจะหดหัวเอง เพราะมันกลัวคนจริง มันกลัวหัวใจที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ศรัทธาเดียว สิ่งที่ซาตานกลัวที่สุด! จากนี้ รอดูการตอบโต้กลับบ้าง อย่ากระพริบตา เกมส์นี้ระดับโลก อย่ามาเสียเวลากับละครปาหี่ ขี้หมา การ์ตูนเล่มละบาทอีกต่อไป ชีวิตมรึงและกู และชาวอโยธยาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับชัยชนะของขั้วใหม่เต็มตรีน รออะไรล่ะ ตามเค้าไป แล้วใส่ให้สุด วังนำ ชนะแน่ กองทัพเป็นของพระเจ้าอยู่หัว กูการันตี 1000000% เกมส์โลกต้องเด็ดขาด โลกสวยไม่ได้ อาเซียนคุยกันแน่ และจากนี้ จะรวมมือกันอย่างเสียมิได้ มรึงจ้องเล่นสะกายกูเหรอ เดี๋ยวกูก็ล่อหินเหลืองมรึงกลับบ้าง อย่าร้องขอชีวิตน่ะมรึง?

    หมี CNN(ไม่รีบ รอควันจาง มรึงจะเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดเอง ที่มา ที่ไป แล้วทำไมต้องสะกาย มันสอดคล้องกับหน่วยข่าวกรอง ความมั่นคง ใครที่มีอายุเกิน 40 ขึ้นไป มรึงจะรู้ดี ว่าไม่มีทางที่แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเองได้ดอก หากไม่มีคลื่นแม่เหล็กไปกระตุ้นแกนโลก และใช้พลังงานมหาศาล เป้าหมายคือพม่า และเส้นรอยแยกเปลือกสะกายผ่านอาเซียนเต็มตรีน ใครมันจะทำ หากไม่จนตรอกขั้นสูงสุดขนาดนี้ ตกผลึกแล้ว ถึงได้เอามาชี้เป้าให้มรึงดู เพราะคิดถึงความบังเอิญ 108 1009 แต่คำตอบที่ได้คือ "ไม่มี" การเมืองโลกมาเต็ม ทุกอย่างถูกวางแผนมานานแล้ว มันถึงต้องการกงศุลใหญ่ใหม่ ที่สามารถเข้าใกล้จีน พม่า ให้มากที่สุด ไส้ศึกมันมี สายลับก็มา รู้กันหมด)
    29 มีนาคม 68
    11.05 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    29-03-68/01 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP3 (ไม่ต้องถาม..ซัดเลยล่ะกัน) มรึงโดนแน่ YELLOW STONE ไอ้สัส! อย่าคิดว่าเค้าไม่รู้? สะกายเหรอ? รอยเปลือกแยกอาเซียนเหรอ? มรึงตั้งใจจะล่ออาเซียนเพื่อสกัดจีนผนวก ล่อพม่า หวังกระทบทั้งอาเซียน หลายครั้งที่มรึงเลือกลงมือก่อนเมษายน เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว เม็ดเงินเข้าอาเซียนถล่มทลาย ทำลายเศรษฐกิจทั้งอาเซียน เพื่อดึงโลกเข้าสู่สงคราม เหตุผลง่ายๆ คือ มรึงแพ้ยับในสมรภูมิจริง ทั้งยูเครน แอฟริกา และเยรูซาเล็ม มรึงแพ้ยับทั้งสงครามการค้า เพราะโลกหันไปเข้า BRICS กันหมด จับมือจีน รัสเซีย ผู้นำโลกใหม่ มรึงแพ้ยับทั้งเวทีโลก และความเชื่อมั่นนักลงทุน มรึงไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย มุกเดิมเหี้ยจะทำอะไรได้อีก หากไม่ใช้ไวรัสระบาด หรือก่อเหตุอุทกภัยอย่างที่เคยทำมา หมายังเดาได้? ระดับหน่วยข่าวกรอง เค้ารู้ล่วงหน้าแล้ว โป๊ะมาแตก ศูนย์กลางแผ่นดินไหวใหญ่อยู่ที่พม่า แล้วอะไรอยู่ใกล้แถวนั้นล่ะ กงศุลใหญ่เหี้ยมะกันในเชียงใหม่ไงล่ะ ที่มาว่าทำไม มรึงถึงต้องขุดดินลึกลงไปกว่า 200 เมตร กงศุลบ้านพ่องดิ ต้องลึกขนาดนั้นเพื่อ? ไม่ต้องแถ ไม่ต้องอ้าง มรึงฝังเหี้ยอะไรเอาไว้กันล่ะ? ไม่ต้องมโน ไม่ต้องเดา มันผิดปกติอยู่แล้วที่สร้างกงศุลใหญ่ขึ้นมาใหม่ หลังถูกจีนสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันที่เฉิงตู ทำให้มรึงหน้ามืด ตาบอดทันที ไม่รู้ข่าวสารจีนอะไรอีกเลย นับแต่นั้น ที่มาว่าพยายามสร้างกงศุลใหญ่ใหม่ใกล้จีน พม่า ไงล่ะ จีนยังสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยได้ ทำไม เราจะทำไม่ได้? กงศุลมรึงไม่ได้มีแค่ที่เชียงใหม่ กทม.ก็ยังอยู่ แก้ตรงจุด สั่งปิดกงศุลใหญ่ที่เชียงใหม่ปุ๊บ แผ่นดินไหวหายวับทันตาทันที กูท้ามรึงเลย? แต่อย่าหวังอีรัฐบาลเถื่อนขี้ข้าวอชิงตันชุดนี้เลย ถึงเวลายัง ที่กองทัพจะออกตัว ประชาชนตามติด วังนำหน้า แม่ทัพใหญ่ของกองทัพไทย เมื่อเลือกข้างแล้ว ก็ต้องเล่นบทให้สุดซอย ยุคพระเดชถึงจะมาเต็มตรีน ความเสียหายที่เห็นนี้ ยังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่อีกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันยังเสนอหน้าอยู่ที่เชียงใหม่ ขนาดกูยังรู้ หน่วยความมั่นคง หน่วยข่าวกรองทำไมไม่รู้ มันผิดสังเกตุมาตั้งแต่สร้างใหญ่อลังการ และควบคุมการสร้างเอง โดยไม่ให้ใครเสือก เจ้าหน้าที่คุมก่อสร้างก็ไม่ให้คนไทยยุ่ง มันชัดซะยิ่งกว่าชัด? ใครก็รู้ ว่ามรึงทำอะไร แต่ปล่อยให้มันทำ จนได้เห็นเต็มตาวันนี้ไงล่ะ กระทบแผ่นดิน มรึงจะให้มันอยู่ต่อมั้ยล่ะ จะเก็บไอ้อีเหี้ยไปอีกนานแค่ไหน คำตอบอยู่ที่ "ศรีธนญชัย" เพราะเค้าประสานกับกุนซือ เกจิ จีน รัสเซีย ไว้แล้ว สิ่งที่เห็น มันจะเทียบไม่ได้เลย ความเสียหายขั้นสูงสุด ที่เหี้ยจะเจอ หากล่อมันกลับที่ YELLOW STONE อเมริกาจะฉิบหายทั้งแผ่นดิน อะไรที่เกิดขึ้นทั่วโลก มรึงว่ามันปกติงั้นเหรอ? ใช้สติ ใช้ปัญญา ดูก็รู้ ว่ามันเกิดจากอะไร? ไฟ่ป่าเหรอ สึนามิเหรอ แผ่นดินไหวเหรอ โลกยุคดิจิตอล ที่เอาอาวุธร้ายแรงไปไว้บนอวกาศได้ มันทำได้หมดมากกว่าที่มรึงคิด รัสเซีย จีน มีเทคโนโลยีสูงกว่ามรึงเยอะ ทำได้รุนแรงกว่ามรึง 100 เท่า แต่ที่ไม่ทำ เพราะ "ศีลมันต่างกัน" คนตายเป็นล้านน่ะมรึง หากโดนเข้าเต็มตรีน เพราะนี่คือสิ่งที่ยิวเหี้ยมันต้องการ "WWIII" ไงล่ะ เห็นยังล่ะว่า เดินแต่ก้าวไม่ง่าย เพราะอีกฝ่ายมันจ้องจะทำลายล้างมนุษยชาติอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เกมส์จะมันส์สุดติ่งกระดิ่งเหี้ย เมษาเลือดมาแน่ ไม่ว่าจะภายใน ภายนอก ระอุ ดุเดือด อุทกภัยที่มรึงไม่เคยเจอ จะดาหน้ามาหมด แบบบังเอิญอีกแล้วครับท่าน อาวุธเทคโนโลยี จะถูกงัดมาใช้เพื่องานนี้ และมรึงจะได้เห็นแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ของจีน รัสเซีย ในเวลานั้นแหละ เปิดที เหี้ยขี้แตก! กทม.ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มานานมากแล้ว ครั้งนี้ มันตั้งใจ นั่นคือสัญญานที่ดี ว่าไทยเราได้เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว เคยบอกไปแล้ว มรึงควรจะดีใจ เรายอมแลก ก็เพื่อดินแดนสุวรรณภูมิ อย่ากลัวเหี้ย นี่มันยุคสุดท้ายแล้ว เหี้ยต่างหากที่ต้องกลัวมรึง คนดี คนกล้า ไม่กลัวเหี้ย คนชั่วจะหดหัวเอง เพราะมันกลัวคนจริง มันกลัวหัวใจที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ศรัทธาเดียว สิ่งที่ซาตานกลัวที่สุด! จากนี้ รอดูการตอบโต้กลับบ้าง อย่ากระพริบตา เกมส์นี้ระดับโลก อย่ามาเสียเวลากับละครปาหี่ ขี้หมา การ์ตูนเล่มละบาทอีกต่อไป ชีวิตมรึงและกู และชาวอโยธยาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับชัยชนะของขั้วใหม่เต็มตรีน รออะไรล่ะ ตามเค้าไป แล้วใส่ให้สุด วังนำ ชนะแน่ กองทัพเป็นของพระเจ้าอยู่หัว กูการันตี 1000000% เกมส์โลกต้องเด็ดขาด โลกสวยไม่ได้ อาเซียนคุยกันแน่ และจากนี้ จะรวมมือกันอย่างเสียมิได้ มรึงจ้องเล่นสะกายกูเหรอ เดี๋ยวกูก็ล่อหินเหลืองมรึงกลับบ้าง อย่าร้องขอชีวิตน่ะมรึง? หมี CNN(ไม่รีบ รอควันจาง มรึงจะเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดเอง ที่มา ที่ไป แล้วทำไมต้องสะกาย มันสอดคล้องกับหน่วยข่าวกรอง ความมั่นคง ใครที่มีอายุเกิน 40 ขึ้นไป มรึงจะรู้ดี ว่าไม่มีทางที่แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเองได้ดอก หากไม่มีคลื่นแม่เหล็กไปกระตุ้นแกนโลก และใช้พลังงานมหาศาล เป้าหมายคือพม่า และเส้นรอยแยกเปลือกสะกายผ่านอาเซียนเต็มตรีน ใครมันจะทำ หากไม่จนตรอกขั้นสูงสุดขนาดนี้ ตกผลึกแล้ว ถึงได้เอามาชี้เป้าให้มรึงดู เพราะคิดถึงความบังเอิญ 108 1009 แต่คำตอบที่ได้คือ "ไม่มี" การเมืองโลกมาเต็ม ทุกอย่างถูกวางแผนมานานแล้ว มันถึงต้องการกงศุลใหญ่ใหม่ ที่สามารถเข้าใกล้จีน พม่า ให้มากที่สุด ไส้ศึกมันมี สายลับก็มา รู้กันหมด) 29 มีนาคม 68 11.05 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • 35 ปี ตึกร้างผีสิง “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ร่องรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่… ไร้รอยฝุ่นฟุ้งแผ่นดินไหว 🏚️

    🏙️ เมื่อสถานที่กลายเป็น ร่องรอยของเหตุการณ์ในอดีต สถานที่บางแห่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อจดจำสิ่งยิ่งใหญ่ เช่น รูปปั้นเทพีเสรีภาพของอเมริกา หรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของไทย แต่บางครั้งสถานที่กลับกลายเป็น "ร่องรอยที่ไม่มีใครอยากจดจำ" อย่างเช่น ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ (Sathorn Unique Tower) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในหลักฐานชิ้นเอกของ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540 🕰️

    🌉 Sathorn Unique Tower:ความหวังระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุง ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทย เฟื่องฟูแบบก้าวกระโดด โครงการอสังหาริมทรัพย์หรู ผุดขึ้นทั่วเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ที่ออกแบบโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของ State Tower ที่โด่งดังเช่นกัน

    ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นคอนโดฯ สไตล์โรมันสูง 49 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น บนความสูง 185 เมตร 🏢 รวมทั้งหมด 600 ยูนิต มูลค่าลงทุนมากถึง 1,800 ล้านบาท เป้าหมายคือการเป็นแลนด์มาร์กสุดหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    🏗️ โครงการในฝัน กลายเป็นฝันร้าย? แม้จะมีเงินลงทุนจากพรีเซลล์ และบริษัทร่วมทุน แต่ก็ยังไม่พอ จึงต้องพึ่งพาเงินกู้จาก บริษัทหลักทรัพย์ไทยเม็กซ์ ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทันทีที่เจ้าของโครงการ ถูกกล่าวหาคดีอาญาเรื่องจ้างวานฆ่า ซึ่งภายหลังถูกยกฟ้อง ก็ส่งผลให้สถาบันการเงิน “เบรก” การปล่อยกู้ทันที 😨

    แม้จะฟื้นคืนการเงินได้ในภายหลัง แต่ “ความเชื่อมั่น” ก็ไม่กลับมาอีกเลย…

    📉 วิกฤตต้มยำกุ้ง จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจที่ทำให้ตึกหยุดสร้าง

    🔍 พื้นหลังเศรษฐกิจไทยยุคทอง ก่อนปี 2540 เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ย 9% ต่อปี เงินทุนไหลเข้ามหาศาล ดอกเบี้ยในประเทศสูง ต่างชาติแห่ลงทุน ธนาคารไทยเองก็ขยายเครดิตอย่างหนัก 🏦

    มีการตั้ง BIBF เพื่อปล่อยกู้เงินต่างประเทศ เข้ามาภายในประเทศ แต่บริษัทส่วนใหญ่กลับกู้ระยะสั้น ทั้งที่อสังหาฯ ต้องใช้เงินระยะยาว ระบบเศรษฐกิจ "เติบโตเกินจริง" หรือ Overextended

    เมื่อค่าเงินบาทถูก "ลอยตัว" จาก 25 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะ 50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ภาคเอกชนต้องใช้หนี้เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” โดยไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น

    🧨 เมื่อฟองสบู่แตก บริษัทเงินทุนล่มสลาย ปี 2540 รัฐบาลประกาศปิดบริษัทเงินทุนกว่า 50 แห่ง รวมถึง ไทยเม็กซ์
    โครงการสาธร ยูนีค ที่เดินหน้าไปแล้ว 80% ก็ต้องหยุดกะทันหัน ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่น และต้นทุนกู้ยืมที่สูงเกินรับไหว

    👻 จาก “สาธร ยูนีค” สู่ “Ghost Tower” ตำนานความหลอนใจกลางเมือง หลังจากการก่อสร้างถูกปล่อยทิ้งร้าง ตึกนี้ก็เริ่มเสื่อมโทรมตามกาลเวลา และเพราะเป็นตึกสูงใหญ่โดดเด่นที่ "ไม่เสร็จ" ผู้คนก็เริ่มแต่งเรื่องลี้ลับขึ้นมา…

    💀 ข่าวลือที่สร้างชื่อเสียงแบบไม่ตั้งใจ บางคนเชื่อว่า ตึกสร้างไม่เสร็จเพราะอาถรรพ์ บ้างลือว่าตึกนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่สุสานเก่า มีข่าวลือถึงการเสียชีวิตปริศนาในตึก

    🎥 ในปี 2557 มีเหตุสลดจริง เมื่อพบศพชายชาวสวีเดน แขวนคอในตึกดังกล่าว ทำให้ทางเจ้าของตึกแจ้งความ และมีการ “ปิดทางเข้า” ไม่ให้คนภายนอกเข้าไปอีก

    อย่างไรก็ตาม ภาพจากตึกนี้ยังคงปรากฏในหนังหลายเรื่อง เช่น “เพื่อน…ที่ระลึก” ที่ตีแผ่ความหลอนจากวิกฤตเศรษฐกิจและการพลัดพราก 🕯️

    💡 ทำไมถึงขายไม่ได้? ราคาพุ่งจาก 3,000 ล้าน สู่ 4,000 ล้าน

    📌 ต้นทุนที่ยังค้างคา เจ้าของคนปัจจุบันคือ นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ บุตรชาย ผศ.รังสรรค์ ยืนยันว่า จะขายตึกในราคาที่สามารถคืนทุนทั้งหมด และคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อพรีเซลล์ไว้แล้วกว่า 90%

    ปัจจุบันราคาตึกตั้งไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงเกินกว่าที่นักลงทุนรายใหม่จะรับได้ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างห้องในอดีตเน้น “ขนาดใหญ่” ซึ่งสวนทางกับเทรนด์ห้องยุคปัจจุบัน ที่ต้องการห้องขนาดกะทัดรัด 😕

    🧱 แต่… “Ghost Tower” แข็งแรงกว่าที่คิด! 🌍 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ขายตึกนี้ในราคา 4,000 ล้านบาท พร้อมข้อมูลว่า…

    ❗ "แม้จะเกิดแผ่นดินไหว แต่โครงสร้างตึก ไม่กระทบเลยแม้แต่น้อย"

    ทำให้มีคนเริ่มสนใจตึกนี้ในฐานะ “อสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแรง และโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม” อีกครั้ง ตึกนี้ไม่เพียงรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ยัง "ยืนหยัดท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากธรรมชาติ" ได้อีกด้วย 💪🌎

    🧠 “สาธร” หรือ “สาทร” สรุปใช้คำไหนกันแน่? แม้ตึกจะใช้ชื่อว่า “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ตามชื่อบริษัทที่จดทะเบียน แต่ในความเป็นจริง ชื่อเขตที่ตั้งควรสะกดว่า “สาทร” โดยมีที่มาทางประวัติศาสตร์ดังนี้

    “สาทร” มาจาก หลวงสาทรราชายุตก์ ผู้สร้างถนนและคลองในยุค ร.5 เอกสารราชการในยุค ร.6 ใช้คำว่า “สาทร” อย่างชัดเจน ปัจจุบันการสะกดผิดพลาด และใช้คำว่า “สาธร” แพร่หลาย

    ราชบัณฑิตยสถานจึงแนะนำให้ใช้คำว่า “สาทร” เพื่อความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ 📜

    🎬 "Sathorn Unique Tower" แลนด์มาร์กของ “อดีต” ที่ยังยืนอยู่ใน “ปัจจุบัน” แม้จะผ่านเวลามาแล้ว 35 ปี ตึกแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าน อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้เพียงเป็นตึกร้าง แต่กลายเป็น สัญลักษณ์ของบทเรียนเศรษฐกิจ กลายเป็น แลนด์มาร์กแห่งความทรงจำ และอาจเป็น “โอกาสใหม่” ที่รอเพียงการตีความใหม่อีกครั้ง ในอนาคต…

    🔚 "ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์" อดีตที่ยัง “ยืนอยู่” ตึกนี้คือบทเรียนทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม
    ที่ยังไม่จบ… และอาจเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” หากมีใครกล้าคิด…ต่าง 💡

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 301305 มี.ค. 2568

    🏷️ #ตึกสาธรยูนีค #GhostTower #วิกฤตต้มยำกุ้ง #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย #สถานที่หลอน #ตึกผีสิง #กรุงเทพมหานคร #SathornUniqueTower #ตำนานเมืองกรุง
    35 ปี ตึกร้างผีสิง “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ร่องรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่… ไร้รอยฝุ่นฟุ้งแผ่นดินไหว 🏚️ 🏙️ เมื่อสถานที่กลายเป็น ร่องรอยของเหตุการณ์ในอดีต สถานที่บางแห่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อจดจำสิ่งยิ่งใหญ่ เช่น รูปปั้นเทพีเสรีภาพของอเมริกา หรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของไทย แต่บางครั้งสถานที่กลับกลายเป็น "ร่องรอยที่ไม่มีใครอยากจดจำ" อย่างเช่น ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ (Sathorn Unique Tower) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในหลักฐานชิ้นเอกของ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540 🕰️ 🌉 Sathorn Unique Tower:ความหวังระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุง ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทย เฟื่องฟูแบบก้าวกระโดด โครงการอสังหาริมทรัพย์หรู ผุดขึ้นทั่วเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ที่ออกแบบโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของ State Tower ที่โด่งดังเช่นกัน ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นคอนโดฯ สไตล์โรมันสูง 49 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น บนความสูง 185 เมตร 🏢 รวมทั้งหมด 600 ยูนิต มูลค่าลงทุนมากถึง 1,800 ล้านบาท เป้าหมายคือการเป็นแลนด์มาร์กสุดหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 🏗️ โครงการในฝัน กลายเป็นฝันร้าย? แม้จะมีเงินลงทุนจากพรีเซลล์ และบริษัทร่วมทุน แต่ก็ยังไม่พอ จึงต้องพึ่งพาเงินกู้จาก บริษัทหลักทรัพย์ไทยเม็กซ์ ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทันทีที่เจ้าของโครงการ ถูกกล่าวหาคดีอาญาเรื่องจ้างวานฆ่า ซึ่งภายหลังถูกยกฟ้อง ก็ส่งผลให้สถาบันการเงิน “เบรก” การปล่อยกู้ทันที 😨 แม้จะฟื้นคืนการเงินได้ในภายหลัง แต่ “ความเชื่อมั่น” ก็ไม่กลับมาอีกเลย… 📉 วิกฤตต้มยำกุ้ง จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจที่ทำให้ตึกหยุดสร้าง 🔍 พื้นหลังเศรษฐกิจไทยยุคทอง ก่อนปี 2540 เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ย 9% ต่อปี เงินทุนไหลเข้ามหาศาล ดอกเบี้ยในประเทศสูง ต่างชาติแห่ลงทุน ธนาคารไทยเองก็ขยายเครดิตอย่างหนัก 🏦 มีการตั้ง BIBF เพื่อปล่อยกู้เงินต่างประเทศ เข้ามาภายในประเทศ แต่บริษัทส่วนใหญ่กลับกู้ระยะสั้น ทั้งที่อสังหาฯ ต้องใช้เงินระยะยาว ระบบเศรษฐกิจ "เติบโตเกินจริง" หรือ Overextended เมื่อค่าเงินบาทถูก "ลอยตัว" จาก 25 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะ 50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ภาคเอกชนต้องใช้หนี้เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” โดยไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น 🧨 เมื่อฟองสบู่แตก บริษัทเงินทุนล่มสลาย ปี 2540 รัฐบาลประกาศปิดบริษัทเงินทุนกว่า 50 แห่ง รวมถึง ไทยเม็กซ์ โครงการสาธร ยูนีค ที่เดินหน้าไปแล้ว 80% ก็ต้องหยุดกะทันหัน ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่น และต้นทุนกู้ยืมที่สูงเกินรับไหว 👻 จาก “สาธร ยูนีค” สู่ “Ghost Tower” ตำนานความหลอนใจกลางเมือง หลังจากการก่อสร้างถูกปล่อยทิ้งร้าง ตึกนี้ก็เริ่มเสื่อมโทรมตามกาลเวลา และเพราะเป็นตึกสูงใหญ่โดดเด่นที่ "ไม่เสร็จ" ผู้คนก็เริ่มแต่งเรื่องลี้ลับขึ้นมา… 💀 ข่าวลือที่สร้างชื่อเสียงแบบไม่ตั้งใจ บางคนเชื่อว่า ตึกสร้างไม่เสร็จเพราะอาถรรพ์ บ้างลือว่าตึกนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่สุสานเก่า มีข่าวลือถึงการเสียชีวิตปริศนาในตึก 🎥 ในปี 2557 มีเหตุสลดจริง เมื่อพบศพชายชาวสวีเดน แขวนคอในตึกดังกล่าว ทำให้ทางเจ้าของตึกแจ้งความ และมีการ “ปิดทางเข้า” ไม่ให้คนภายนอกเข้าไปอีก อย่างไรก็ตาม ภาพจากตึกนี้ยังคงปรากฏในหนังหลายเรื่อง เช่น “เพื่อน…ที่ระลึก” ที่ตีแผ่ความหลอนจากวิกฤตเศรษฐกิจและการพลัดพราก 🕯️ 💡 ทำไมถึงขายไม่ได้? ราคาพุ่งจาก 3,000 ล้าน สู่ 4,000 ล้าน 📌 ต้นทุนที่ยังค้างคา เจ้าของคนปัจจุบันคือ นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ บุตรชาย ผศ.รังสรรค์ ยืนยันว่า จะขายตึกในราคาที่สามารถคืนทุนทั้งหมด และคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อพรีเซลล์ไว้แล้วกว่า 90% ปัจจุบันราคาตึกตั้งไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงเกินกว่าที่นักลงทุนรายใหม่จะรับได้ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างห้องในอดีตเน้น “ขนาดใหญ่” ซึ่งสวนทางกับเทรนด์ห้องยุคปัจจุบัน ที่ต้องการห้องขนาดกะทัดรัด 😕 🧱 แต่… “Ghost Tower” แข็งแรงกว่าที่คิด! 🌍 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ขายตึกนี้ในราคา 4,000 ล้านบาท พร้อมข้อมูลว่า… ❗ "แม้จะเกิดแผ่นดินไหว แต่โครงสร้างตึก ไม่กระทบเลยแม้แต่น้อย" ทำให้มีคนเริ่มสนใจตึกนี้ในฐานะ “อสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแรง และโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม” อีกครั้ง ตึกนี้ไม่เพียงรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ยัง "ยืนหยัดท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากธรรมชาติ" ได้อีกด้วย 💪🌎 🧠 “สาธร” หรือ “สาทร” สรุปใช้คำไหนกันแน่? แม้ตึกจะใช้ชื่อว่า “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ตามชื่อบริษัทที่จดทะเบียน แต่ในความเป็นจริง ชื่อเขตที่ตั้งควรสะกดว่า “สาทร” โดยมีที่มาทางประวัติศาสตร์ดังนี้ “สาทร” มาจาก หลวงสาทรราชายุตก์ ผู้สร้างถนนและคลองในยุค ร.5 เอกสารราชการในยุค ร.6 ใช้คำว่า “สาทร” อย่างชัดเจน ปัจจุบันการสะกดผิดพลาด และใช้คำว่า “สาธร” แพร่หลาย ราชบัณฑิตยสถานจึงแนะนำให้ใช้คำว่า “สาทร” เพื่อความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ 📜 🎬 "Sathorn Unique Tower" แลนด์มาร์กของ “อดีต” ที่ยังยืนอยู่ใน “ปัจจุบัน” แม้จะผ่านเวลามาแล้ว 35 ปี ตึกแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าน อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้เพียงเป็นตึกร้าง แต่กลายเป็น สัญลักษณ์ของบทเรียนเศรษฐกิจ กลายเป็น แลนด์มาร์กแห่งความทรงจำ และอาจเป็น “โอกาสใหม่” ที่รอเพียงการตีความใหม่อีกครั้ง ในอนาคต… 🔚 "ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์" อดีตที่ยัง “ยืนอยู่” ตึกนี้คือบทเรียนทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม ที่ยังไม่จบ… และอาจเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” หากมีใครกล้าคิด…ต่าง 💡 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 301305 มี.ค. 2568 🏷️ #ตึกสาธรยูนีค #GhostTower #วิกฤตต้มยำกุ้ง #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย #สถานที่หลอน #ตึกผีสิง #กรุงเทพมหานคร #SathornUniqueTower #ตำนานเมืองกรุง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพอิหร่านให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Telegraph ว่าอิหร่านจะโจมตีฐานทัพเรือร่วมสหรัฐฯ-อังกฤษบนเกาะดิเอโก การ์เซีย เพื่อตอบโต้การโจมตีของสหรัฐฯ

    “จะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างการโจมตีกองกำลังอังกฤษหรืออเมริกา หากอิหร่านถูกโจมตีจากฐานทัพใดๆ ในภูมิภาคนี้หรือภายในระยะโจมตีของขีปนาวุธของอิหร่าน” เขากล่าวเมื่อวันเสาร์

    เขาเสริมว่า “เมื่อถึงเวลา ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นทหารอเมริกัน อังกฤษ หรือตุรกี คุณจะตกเป็นเป้าโจมตีหากฐานทัพของคุณถูกใช้โดยอเมริกัน”

    “อิหร่านมีอาวุธที่เหมาะสมสำหรับการโจมตีจากแผ่นดินใหญ่ เช่น ขีปนาวุธ Khorramshahr รุ่นใหม่ที่มีพิสัยปานกลาง และโดรนโจมตีพลีชีพ Shahed-136B ที่มีพิสัยโจมตี 4,000 กม.”
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพอิหร่านให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Telegraph ว่าอิหร่านจะโจมตีฐานทัพเรือร่วมสหรัฐฯ-อังกฤษบนเกาะดิเอโก การ์เซีย เพื่อตอบโต้การโจมตีของสหรัฐฯ “จะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างการโจมตีกองกำลังอังกฤษหรืออเมริกา หากอิหร่านถูกโจมตีจากฐานทัพใดๆ ในภูมิภาคนี้หรือภายในระยะโจมตีของขีปนาวุธของอิหร่าน” เขากล่าวเมื่อวันเสาร์ เขาเสริมว่า “เมื่อถึงเวลา ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นทหารอเมริกัน อังกฤษ หรือตุรกี คุณจะตกเป็นเป้าโจมตีหากฐานทัพของคุณถูกใช้โดยอเมริกัน” “อิหร่านมีอาวุธที่เหมาะสมสำหรับการโจมตีจากแผ่นดินใหญ่ เช่น ขีปนาวุธ Khorramshahr รุ่นใหม่ที่มีพิสัยปานกลาง และโดรนโจมตีพลีชีพ Shahed-136B ที่มีพิสัยโจมตี 4,000 กม.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายละเอียดเพิ่มเติมในการพบปะกับสื่อมวลชนของเซเลนสกี:

    👉ยูเครนไม่ยอมรับการเป็นหนี้จากการสนับสนุนทางทหารของสหรัฐในนอดีต และสหรัฐได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าความช่วยเหลือในอนาคตจะไม่ฟรีอีกต่อไป

    👉ข้อตกลงแร่ธาตุของสหรัฐไม่หมือนที่เจรจากันไว้ และมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยร่วมกัน แต่มันกลับถูกนำมาเพิ่มเติมใหม่

    👉ปูตินไม่อยากให้มีการเจรจาเกิดขึ้นกับยูเครน เขากลัวการเจรจาโดยตรงกับผม เขาพยายามหาเหตุผลเพื่อยืดเวลาสงครามออกไป ในความคิดของเขา ยูเครนไม่ได้มีอำนาจอธิปไตย ซึ่งนั่นเป็นความคิดส่วนตัวของเขา

    👉ยูเครนพร้อมเปิดใจให้การเจรจากับรัสเซีย "แต่ไม่ใช่กับปูติน"

    👉หากภายในธุรกิจหรือประชาชนในภูมิภาคใดๆของรัสเซียที่พร้อมจะต่อต้านสงครามและทำงานเพื่อสันติภาพ แจ้งมาที่เรา เราพร้อมที่จะรับฟังและร่วมมือกัน

    👉ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรพร้อมส่งกองกำลังเข้าสู่ยูเครน เราเป็นสามเหลี่ยมที่จับมือกันอย่างแน่นหนา "ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และยูเครน"

    👉ยูเครนจะมีการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง ภาพถ่ายดาวเทียม รวมทั้งได้รับใบอนุญาตจากประเทศในยุโรป ในการผลิตกระสุน ขีปนาวุธ และเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศ

    👉สัปดาห์นี้ เคียฟจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฉุกเฉินแบบปิด(ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมฟัง) ของผู้นำกองทัพจากประเทศต่างๆ ที่พร้อมจะส่งกองกำลังเข้าสู่ยูเครน

    👉ก่อนหน้านี้สหรัฐรับปากจะทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบีย ตุรกี และพันธมิตรในยุโรป เกี่ยวกับวิธีการติดตามการโจมตีของรัสเซียต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน

    👉ยูเครนไม่เห็นด้วยที่จะให้ซาอุดีอาระเบียเข้ามากำกับดูแลโครงสร้างด้านพลังงานของเรา พวกเขาขาดอุปกรณ์ ประสบการณ์ความรู้ทางเทคนิค และความสามารถด้านข่าวกรอง

    👉การติดตามความปลอดภัยในทะเลดำ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัฐชายฝั่งทะเลดำ ได้แก่ โรมาเนียและบัลแกเรีย จะเป็นฝ่ายที่ต้องดูแลร่วมกัน
    รายละเอียดเพิ่มเติมในการพบปะกับสื่อมวลชนของเซเลนสกี: 👉ยูเครนไม่ยอมรับการเป็นหนี้จากการสนับสนุนทางทหารของสหรัฐในนอดีต และสหรัฐได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าความช่วยเหลือในอนาคตจะไม่ฟรีอีกต่อไป 👉ข้อตกลงแร่ธาตุของสหรัฐไม่หมือนที่เจรจากันไว้ และมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยร่วมกัน แต่มันกลับถูกนำมาเพิ่มเติมใหม่ 👉ปูตินไม่อยากให้มีการเจรจาเกิดขึ้นกับยูเครน เขากลัวการเจรจาโดยตรงกับผม เขาพยายามหาเหตุผลเพื่อยืดเวลาสงครามออกไป ในความคิดของเขา ยูเครนไม่ได้มีอำนาจอธิปไตย ซึ่งนั่นเป็นความคิดส่วนตัวของเขา 👉ยูเครนพร้อมเปิดใจให้การเจรจากับรัสเซีย "แต่ไม่ใช่กับปูติน" 👉หากภายในธุรกิจหรือประชาชนในภูมิภาคใดๆของรัสเซียที่พร้อมจะต่อต้านสงครามและทำงานเพื่อสันติภาพ แจ้งมาที่เรา เราพร้อมที่จะรับฟังและร่วมมือกัน 👉ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรพร้อมส่งกองกำลังเข้าสู่ยูเครน เราเป็นสามเหลี่ยมที่จับมือกันอย่างแน่นหนา "ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และยูเครน" 👉ยูเครนจะมีการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง ภาพถ่ายดาวเทียม รวมทั้งได้รับใบอนุญาตจากประเทศในยุโรป ในการผลิตกระสุน ขีปนาวุธ และเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศ 👉สัปดาห์นี้ เคียฟจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฉุกเฉินแบบปิด(ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมฟัง) ของผู้นำกองทัพจากประเทศต่างๆ ที่พร้อมจะส่งกองกำลังเข้าสู่ยูเครน 👉ก่อนหน้านี้สหรัฐรับปากจะทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบีย ตุรกี และพันธมิตรในยุโรป เกี่ยวกับวิธีการติดตามการโจมตีของรัสเซียต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน 👉ยูเครนไม่เห็นด้วยที่จะให้ซาอุดีอาระเบียเข้ามากำกับดูแลโครงสร้างด้านพลังงานของเรา พวกเขาขาดอุปกรณ์ ประสบการณ์ความรู้ทางเทคนิค และความสามารถด้านข่าวกรอง 👉การติดตามความปลอดภัยในทะเลดำ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัฐชายฝั่งทะเลดำ ได้แก่ โรมาเนียและบัลแกเรีย จะเป็นฝ่ายที่ต้องดูแลร่วมกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบันคือ **ระบบ Earthquake Early Warning (EEW)** ของญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า **"ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (緊急地震速報, Kinkyū Jishin Sokuhō)"** ซึ่งดำเนินการโดย **Japan Meteorological Agency (JMA)**

    ### 🔍 **เหตุผลที่ญี่ปุ่นมีระบบที่ดีที่สุด**:
    1. **ความเร็วในการตรวจจับ**:
    - ญี่ปุ่นใช้เครือข่ายเซ็นเซอร์วัดแผ่นดินไหว (Seismometers) จำนวนมากทั่วประเทศ ที่สามารถตรวจจับคลื่นแผ่นดินไหว (คลื่น P) ได้ทันทีและส่งสัญญาณเตือนภายในเวลา **ไม่กี่วินาที** ก่อนที่คลื่นทำลายล้าง (คลื่น S) จะมาถึง
    - ในบางกรณี สามารถแจ้งเตือนได้ **5-30 วินาที** ก่อนเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง

    2. **การบูรณาการกับระบบสาธารณะ**:
    - การแจ้งเตือนถูกส่งไปยัง **โทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง** ในพื้นที่เสี่ยงผ่านระบบ **J-Alert**
    - ระบบกระจายเสียงผ่าน **ทีวี วิทยุ และลำโพงฉุกเฉิน**
    - บางเมืองยังเชื่อมกับระบบขนส่ง เช่น **รถไฟชินคันเซน** ที่หยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อได้รับสัญญาณเตือน

    3. **ความแม่นยำสูง**:
    - ญี่ปุ่นลงทุนในเทคโนโลยี AI และระบบประมวลผลแบบเรียลไทม์ เพื่อลด **ผลบวกปลอม (False Alarms)** และปรับปรุงความแม่นยำ

    4. **ประสบการณ์กับแผ่นดินไหว**:
    - ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย จึงมีการพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง เช่น หลังเหตุการณ์ **แผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิน (1995)** และ **โทโฮกุ (2011)**

    ### 🌍 **ระบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ**:
    - **สหรัฐอเมริกา (ShakeAlert)** – ใช้ในแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และวอชิงตัน
    - **เม็กซิโก (SASMEX)** – แจ้งเตือนในเม็กซิโกซิตี้
    - **ไต้หวัน** – มีระบบที่คล้ายญี่ปุ่น แต่ครอบคลุมพื้นที่เล็กกว่า
    - **จีนและอินโดนีเซีย** – กำลังพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ### ⚠️ **ข้อจำกัดของระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว**:
    - **เวลาเตือนสั้นมาก** (มักไม่เกิน 1 นาที)
    - **ไม่สามารถทำนายแผ่นดินไหวได้ล่วงหน้า** แต่แจ้งเตือนเมื่อตรวจพบคลื่นแรกเท่านั้น
    - **ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับระยะทางจากจุดศูนย์กลาง** (ถ้าอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ อาจได้รับแจ้งเตือนช้าหรือไม่ทัน)

    ### 🚨 **สรุป**:
    ญี่ปุ่นเป็นผู้นำด้านระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน แต่ละประเทศก็พยายามปรับปรุงระบบของตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดความสูญเสียจากภัยพิบัตินี้
    ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบันคือ **ระบบ Earthquake Early Warning (EEW)** ของญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า **"ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (緊急地震速報, Kinkyū Jishin Sokuhō)"** ซึ่งดำเนินการโดย **Japan Meteorological Agency (JMA)** ### 🔍 **เหตุผลที่ญี่ปุ่นมีระบบที่ดีที่สุด**: 1. **ความเร็วในการตรวจจับ**: - ญี่ปุ่นใช้เครือข่ายเซ็นเซอร์วัดแผ่นดินไหว (Seismometers) จำนวนมากทั่วประเทศ ที่สามารถตรวจจับคลื่นแผ่นดินไหว (คลื่น P) ได้ทันทีและส่งสัญญาณเตือนภายในเวลา **ไม่กี่วินาที** ก่อนที่คลื่นทำลายล้าง (คลื่น S) จะมาถึง - ในบางกรณี สามารถแจ้งเตือนได้ **5-30 วินาที** ก่อนเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง 2. **การบูรณาการกับระบบสาธารณะ**: - การแจ้งเตือนถูกส่งไปยัง **โทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง** ในพื้นที่เสี่ยงผ่านระบบ **J-Alert** - ระบบกระจายเสียงผ่าน **ทีวี วิทยุ และลำโพงฉุกเฉิน** - บางเมืองยังเชื่อมกับระบบขนส่ง เช่น **รถไฟชินคันเซน** ที่หยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อได้รับสัญญาณเตือน 3. **ความแม่นยำสูง**: - ญี่ปุ่นลงทุนในเทคโนโลยี AI และระบบประมวลผลแบบเรียลไทม์ เพื่อลด **ผลบวกปลอม (False Alarms)** และปรับปรุงความแม่นยำ 4. **ประสบการณ์กับแผ่นดินไหว**: - ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย จึงมีการพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง เช่น หลังเหตุการณ์ **แผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิน (1995)** และ **โทโฮกุ (2011)** ### 🌍 **ระบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ**: - **สหรัฐอเมริกา (ShakeAlert)** – ใช้ในแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และวอชิงตัน - **เม็กซิโก (SASMEX)** – แจ้งเตือนในเม็กซิโกซิตี้ - **ไต้หวัน** – มีระบบที่คล้ายญี่ปุ่น แต่ครอบคลุมพื้นที่เล็กกว่า - **จีนและอินโดนีเซีย** – กำลังพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ### ⚠️ **ข้อจำกัดของระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว**: - **เวลาเตือนสั้นมาก** (มักไม่เกิน 1 นาที) - **ไม่สามารถทำนายแผ่นดินไหวได้ล่วงหน้า** แต่แจ้งเตือนเมื่อตรวจพบคลื่นแรกเท่านั้น - **ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับระยะทางจากจุดศูนย์กลาง** (ถ้าอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ อาจได้รับแจ้งเตือนช้าหรือไม่ทัน) ### 🚨 **สรุป**: ญี่ปุ่นเป็นผู้นำด้านระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน แต่ละประเทศก็พยายามปรับปรุงระบบของตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดความสูญเสียจากภัยพิบัตินี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อที่เกี่ยวข้องกับอเมริกาในเยเมนรายงานว่า พลเอกอับดุลคาลิก อัล ฮูซี ซึ่งเป็นพี่ชายของอับดุลมาลิก อัลฮูซี ผู้นำกลุ่มฮูซี และยังเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาการณ์ของรัฐและหน่วยงานอื่นๆ อีกหลายหน่วยในกระทรวงกลาโหมของกลุ่มฮูซี ถูกสังหารจากการโจมตีของสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ พลตรีมูฮัมหมัด อับดุล คาริม อัลกามารี หัวหน้าคณะเสนาธิการทหารของกลุ่มฮูซี และผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนในกระทรวงกลาโหมของกลุ่มฮูซีก็เสียชีวิตในครั้งเดียวกันด้วย
    สื่อที่เกี่ยวข้องกับอเมริกาในเยเมนรายงานว่า พลเอกอับดุลคาลิก อัล ฮูซี ซึ่งเป็นพี่ชายของอับดุลมาลิก อัลฮูซี ผู้นำกลุ่มฮูซี และยังเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาการณ์ของรัฐและหน่วยงานอื่นๆ อีกหลายหน่วยในกระทรวงกลาโหมของกลุ่มฮูซี ถูกสังหารจากการโจมตีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ พลตรีมูฮัมหมัด อับดุล คาริม อัลกามารี หัวหน้าคณะเสนาธิการทหารของกลุ่มฮูซี และผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนในกระทรวงกลาโหมของกลุ่มฮูซีก็เสียชีวิตในครั้งเดียวกันด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สหรัฐฯยืนยันกับสำนักข่าวอเมริกา Axios ว่า การเพิ่มกำลังทางอากาศเข้าสู่ภูมิภาคแปซิฟิก-อินเดีย ซึ่งรวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ที่ส่งไปยังดิเอโก การ์เซีย มีความเชื่อมโยงกับกำหนดเส้นตาย 2 เดือนของทรัมป์สำหรับอิหร่าน
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯยืนยันกับสำนักข่าวอเมริกา Axios ว่า การเพิ่มกำลังทางอากาศเข้าสู่ภูมิภาคแปซิฟิก-อินเดีย ซึ่งรวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ที่ส่งไปยังดิเอโก การ์เซีย มีความเชื่อมโยงกับกำหนดเส้นตาย 2 เดือนของทรัมป์สำหรับอิหร่าน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพสหรัฐกำลังระดมโจมตีทางอากาศถล่มทั้วทั้งเยเมน ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ของอับดุลมาลิก อัลฮูซี (Abdul-Malik al-Houthi) ผู้นำกลุ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวปลอมว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วจากการโจมตีของอเมริกา

    แหล่งข่าวในเยเมนรายงานว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ ได้โจมตีทางอากาศอย่างน้อย 14 ครั้งในเมืองหลวงซานา ร่วมกับอีก 18 ครั้งในจังหวัดซาอาดา ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงที่อับดุลมาลิก อัลฮูซี ผู้นำกลุ่มฮูซี กล่าวสุนทรพจน์ผ่านโทรทัศน์

    จนถึงขณะนี้การโจมตีทางอากาศของสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป
    กองทัพสหรัฐกำลังระดมโจมตีทางอากาศถล่มทั้วทั้งเยเมน ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ของอับดุลมาลิก อัลฮูซี (Abdul-Malik al-Houthi) ผู้นำกลุ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวปลอมว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วจากการโจมตีของอเมริกา แหล่งข่าวในเยเมนรายงานว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ ได้โจมตีทางอากาศอย่างน้อย 14 ครั้งในเมืองหลวงซานา ร่วมกับอีก 18 ครั้งในจังหวัดซาอาดา ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงที่อับดุลมาลิก อัลฮูซี ผู้นำกลุ่มฮูซี กล่าวสุนทรพจน์ผ่านโทรทัศน์ จนถึงขณะนี้การโจมตีทางอากาศของสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • ผิดจากนี้ไม่ใช่อเมริกา!
    ไม่กี่ชั่วโมงก่อน มีรายงานโดรนของอเมริกากำลังลาดตระเวนบริเวณชายฝั่งของภูมิภาคบูเชห์ร ของอิหร่าน
    แม้ว่าโดรนจะไม่ได้บินเข้าสู่พื้นที่น่านฟ้าของอิหร่าน แต่การกระทำของอเมริกา ถือเป็นการยั่วยุอย่างเต็มรูปแบบ!
    ผิดจากนี้ไม่ใช่อเมริกา! ไม่กี่ชั่วโมงก่อน มีรายงานโดรนของอเมริกากำลังลาดตระเวนบริเวณชายฝั่งของภูมิภาคบูเชห์ร ของอิหร่าน แม้ว่าโดรนจะไม่ได้บินเข้าสู่พื้นที่น่านฟ้าของอิหร่าน แต่การกระทำของอเมริกา ถือเป็นการยั่วยุอย่างเต็มรูปแบบ!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เร่งแผนการสร้างโรงงานผลิตชิปในอเมริกา โดยใช้ประสบการณ์จากอดีตเพื่อปรับปรุงกระบวนการก่อสร้างให้เร็วขึ้น โรงงานใหม่จะรองรับเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตร และมีเป้าหมายเสริมความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ แม้จะมีอุปสรรคด้านการจัดหาอุปกรณ์ แต่การปรับตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนโฉมการผลิตชิปในอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ

    การสร้างโรงงานใหม่:
    - TSMC มีแผนเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิป Fab 21 แห่งที่สามในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะเริ่มการผลิตทดลองในปี 2028 และเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2029 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร (N2) และ 1.6 นาโนเมตร (A16).

    ผลกระทบของการเร่งการผลิต:
    - แม้ TSMC จะเร่งสร้างโรงงาน แต่การได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นจากซัพพลายเออร์ เช่น ASML อาจเป็นอุปสรรค เนื่องจากปัจจุบันซัพพลายเออร์เหล่านี้มีรายการคำสั่งซื้อที่ยังรอผลิตอยู่อีกหลายพันล้านดอลลาร์.

    การเรียนรู้จากอดีต:
    - การก่อสร้างโรงงาน Fab 21 แห่งแรกของ TSMC ใช้เวลากว่า 5 ปี เนื่องจากปัญหาแรงงานและต้นทุนสูง แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น.

    ผลลัพธ์ในอนาคต:
    - หากการก่อสร้างเป็นไปตามแผน โรงงานเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากเอเชีย.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-to-reportedly-speed-up-fab-building-in-the-us-third-fab-to-begin-construction-this-year
    TSMC เร่งแผนการสร้างโรงงานผลิตชิปในอเมริกา โดยใช้ประสบการณ์จากอดีตเพื่อปรับปรุงกระบวนการก่อสร้างให้เร็วขึ้น โรงงานใหม่จะรองรับเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตร และมีเป้าหมายเสริมความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ แม้จะมีอุปสรรคด้านการจัดหาอุปกรณ์ แต่การปรับตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนโฉมการผลิตชิปในอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ การสร้างโรงงานใหม่: - TSMC มีแผนเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิป Fab 21 แห่งที่สามในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะเริ่มการผลิตทดลองในปี 2028 และเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2029 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร (N2) และ 1.6 นาโนเมตร (A16). ผลกระทบของการเร่งการผลิต: - แม้ TSMC จะเร่งสร้างโรงงาน แต่การได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นจากซัพพลายเออร์ เช่น ASML อาจเป็นอุปสรรค เนื่องจากปัจจุบันซัพพลายเออร์เหล่านี้มีรายการคำสั่งซื้อที่ยังรอผลิตอยู่อีกหลายพันล้านดอลลาร์. การเรียนรู้จากอดีต: - การก่อสร้างโรงงาน Fab 21 แห่งแรกของ TSMC ใช้เวลากว่า 5 ปี เนื่องจากปัญหาแรงงานและต้นทุนสูง แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น. ผลลัพธ์ในอนาคต: - หากการก่อสร้างเป็นไปตามแผน โรงงานเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากเอเชีย. https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-to-reportedly-speed-up-fab-building-in-the-us-third-fab-to-begin-construction-this-year
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC ลงทุนครั้งใหญ่ในอเมริกาเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัย แต่ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ชี้ว่า แม้จะช่วยปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน แต่การขาด R&D ขั้นสูงในประเทศยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีกระบวนการผลิต การลงทุนนี้จึงสะท้อนถึงความสำคัญของการวิจัยในประเทศในการพัฒนานวัตกรรม

    ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงทุนของ TSMC:
    - TSMC มีแผนสร้างโรงงานผลิตชิป 6 แห่ง รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาในรัฐแอริโซนา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าการวิจัยขั้นสูงจะถูกย้ายมายังสหรัฐฯ หรือไม่.

    ความสำคัญของการวิจัยและพัฒนา (R&D):
    - Gelsinger ชี้ว่า การมี R&D ในประเทศเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อเมริกาสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ได้ เช่น กระบวนการผลิตแบบ N3X หรือ N4 ที่ TSMC พัฒนาอยู่ในไต้หวัน.

    การปฏิสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและ R&D:
    - โรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัยมีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการผลิตที่ต้องมีการทดลองและปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง TSMC ยังเน้นที่ไต้หวันเป็นหลัก.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์:
    - การลงทุนของ TSMC อาจช่วยให้โรงงานในสหรัฐฯ สามารถผลิตชิปแบบกระบวนการขั้นสูงได้เร็วขึ้น แต่การขาด R&D ภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตและการเป็นผู้นำในระยะยาว.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-gelsinger-warns-tsmcs-usd165b-investment-will-not-restore-u-s-semiconductor-leadership
    TSMC ลงทุนครั้งใหญ่ในอเมริกาเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัย แต่ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ชี้ว่า แม้จะช่วยปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน แต่การขาด R&D ขั้นสูงในประเทศยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีกระบวนการผลิต การลงทุนนี้จึงสะท้อนถึงความสำคัญของการวิจัยในประเทศในการพัฒนานวัตกรรม ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงทุนของ TSMC: - TSMC มีแผนสร้างโรงงานผลิตชิป 6 แห่ง รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาในรัฐแอริโซนา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าการวิจัยขั้นสูงจะถูกย้ายมายังสหรัฐฯ หรือไม่. ความสำคัญของการวิจัยและพัฒนา (R&D): - Gelsinger ชี้ว่า การมี R&D ในประเทศเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อเมริกาสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ได้ เช่น กระบวนการผลิตแบบ N3X หรือ N4 ที่ TSMC พัฒนาอยู่ในไต้หวัน. การปฏิสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและ R&D: - โรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัยมีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการผลิตที่ต้องมีการทดลองและปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง TSMC ยังเน้นที่ไต้หวันเป็นหลัก. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์: - การลงทุนของ TSMC อาจช่วยให้โรงงานในสหรัฐฯ สามารถผลิตชิปแบบกระบวนการขั้นสูงได้เร็วขึ้น แต่การขาด R&D ภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตและการเป็นผู้นำในระยะยาว. https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-gelsinger-warns-tsmcs-usd165b-investment-will-not-restore-u-s-semiconductor-leadership
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงสถานการณ์ของคนรุ่น Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012) ที่กำลังเผชิญปัญหาการว่างงานทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร มีคนรุ่นนี้กว่า 4.3 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา การฝึกอบรม หรือการจ้างงาน (NEETs) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่าเป็นผลมาจากหลักสูตรปริญญามหาวิทยาลัยที่ไม่มีคุณค่าเพียงพอสำหรับตลาดงานในปัจจุบัน

    ผลกระทบของการศึกษา:
    - การศึกษาพบว่าบางสาขาปริญญา เช่น ปรัชญา, ประวัติศาสตร์, การออกแบบแฟชั่น, ศิลปะ ฯลฯ มีโอกาสในการจ้างงานต่ำเมื่อเทียบกับสายสุขภาพที่มีรายได้เริ่มต้นเฉลี่ยปีละ $41,000 ขณะที่สายมนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์เริ่มต้นที่เพียง $29,000.

    อิทธิพลของ AI ต่อการจ้างงาน:
    - เทคโนโลยี AI ส่งผลกระทบต่อสายงานคอมพิวเตอร์และการเขียนโค้ด ซึ่งเคยเป็นที่นิยม ขณะที่อาชีพด้านสุขภาพ เช่น ผู้ช่วยดูแลสุขภาพและพยาบาลวิชาชีพ ยังคงมีความต้องการสูงและกำลังเติบโต.

    ปัญหาเพิ่มเติมของ Gen Z:
    - ค่าใช้จ่ายสูงในการดำรงชีวิต เช่น ค่าเดินทางและการคมนาคม ส่งผลให้หลายคนเลือกที่จะไม่เข้าทำงานที่รายได้ต่ำ นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาว่าคนรุ่นนี้บางส่วนเลือกงานที่ "เหมาะสม" และมองข้ามโอกาสที่ต้องเริ่มจากตำแหน่งล่าง.

    การศึกษาและการปรับตัว:
    - สถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ต้องมองหาวิธีปรับตัวเพื่อเตรียมบุคลากรให้ตอบโจทย์ตลาดงานในยุคที่ AI และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น.

    https://www.techspot.com/news/107312-millions-gen-z-jobless-ndash-useless-university-degrees.html
    ข่าวนี้กล่าวถึงสถานการณ์ของคนรุ่น Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012) ที่กำลังเผชิญปัญหาการว่างงานทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร มีคนรุ่นนี้กว่า 4.3 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา การฝึกอบรม หรือการจ้างงาน (NEETs) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่าเป็นผลมาจากหลักสูตรปริญญามหาวิทยาลัยที่ไม่มีคุณค่าเพียงพอสำหรับตลาดงานในปัจจุบัน ผลกระทบของการศึกษา: - การศึกษาพบว่าบางสาขาปริญญา เช่น ปรัชญา, ประวัติศาสตร์, การออกแบบแฟชั่น, ศิลปะ ฯลฯ มีโอกาสในการจ้างงานต่ำเมื่อเทียบกับสายสุขภาพที่มีรายได้เริ่มต้นเฉลี่ยปีละ $41,000 ขณะที่สายมนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์เริ่มต้นที่เพียง $29,000. อิทธิพลของ AI ต่อการจ้างงาน: - เทคโนโลยี AI ส่งผลกระทบต่อสายงานคอมพิวเตอร์และการเขียนโค้ด ซึ่งเคยเป็นที่นิยม ขณะที่อาชีพด้านสุขภาพ เช่น ผู้ช่วยดูแลสุขภาพและพยาบาลวิชาชีพ ยังคงมีความต้องการสูงและกำลังเติบโต. ปัญหาเพิ่มเติมของ Gen Z: - ค่าใช้จ่ายสูงในการดำรงชีวิต เช่น ค่าเดินทางและการคมนาคม ส่งผลให้หลายคนเลือกที่จะไม่เข้าทำงานที่รายได้ต่ำ นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาว่าคนรุ่นนี้บางส่วนเลือกงานที่ "เหมาะสม" และมองข้ามโอกาสที่ต้องเริ่มจากตำแหน่งล่าง. การศึกษาและการปรับตัว: - สถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ต้องมองหาวิธีปรับตัวเพื่อเตรียมบุคลากรให้ตอบโจทย์ตลาดงานในยุคที่ AI และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น. https://www.techspot.com/news/107312-millions-gen-z-jobless-ndash-useless-university-degrees.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Millions of Gen Z are jobless – are useless university degrees to blame?
    It's estimated that more than 4.3 million young people in the US are classified as NEETs – not in employment, education, or training. The UK is facing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • 48 ปี โศกนาฏกรรมกลางรันเวย์ “โบอิง 747” ชนกันที่เตเนริเฟ 🇪🇸✈️ สำเนียงสเปนพ่นพิษ นักบินสื่อสารผิดพลาด 583 ศพ บทเรียนราคาแพงจากท่าอากาศยาน ท่ามกลางหมอกหนา ความเครียด และสำเนียงที่ฟังยาก

    🌫️ โศกนาฏกรรมแห่งเตเนริเฟ 🔥 ย้อนไปเมื่อ 48 ปี ที่ผ่านมา ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 เป็นวันที่โลกต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การบิน เมื่อเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ โบอิง 747 ของสายการบิน KLM และ Pan Am ชนกันกลางรันเวย์ที่สนามบินโลสโรเดโอส ปัจจุบันคือท่าอากาศยานเตเนริเฟนอร์เต เกาะเตเนริเฟ ประเทศสเปน

    ผลที่ตามมาคือ ผู้เสียชีวิต 583 ราย และบาดเจ็บ 61 คน เป็นอุบัติเหตุทางอากาศ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในโลก เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีขัดข้อง หากแต่เป็นผลพวงจากปัจจัยมนุษย์ (Human Error) และการสื่อสารที่ผิดพลาด ท่ามกลางความกดดัน

    ✈️💥 บริบทก่อนเกิดเหตุ ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 "สนามบินกรันกานาเรีย" ซึ่งเป็นสนามบินหลักของหมู่เกาะคานารี ถูกขู่วางระเบิด ทำให้ต้องปิดการใช้งานชั่วคราว ✋🔴

    เครื่องบินหลายลำ รวมถึงเที่ยวบิน KLM 4805 และ Pan Am 1736 จำเป็นต้องลงจอดที่สนามบินสำรองอย่าง “โลสโรเดโอส” ซึ่งเป็นสนามบินขนาดเล็ก ที่ไม่มีความพร้อมรองรับ เครื่องบินลำใหญ่จำนวนมาก

    🕰️ จุดเริ่มต้นของหายนะ 🧨
    - KLM 4805 เดินทางจากอัมสเตอร์ดัม พร้อมผู้โดยสาร 234 คน และลูกเรือ 14 คน
    - Pan Am 1736:เดินทางจากลอสแอนเจลิส แวะนิวยอร์ก มุ่งหน้ากรุงมาดริด พร้อมผู้โดยสาร 380 คน และลูกเรือ 16 คน

    หลังจากเครื่องบินหลายลำลงจอด และจอดเรียงรายกันในพื้นที่จำกัด เจ้าหน้าที่ต้องบริหารพื้นที่ อย่างเร่งด่วน ก่อให้เกิดความเครียด ทั้งในหอบังคับการบินและลูกเรือ

    🚧 จุดเปลี่ยนสำคัญคือ กัปตันของ KLM ตัดสินใจเติมน้ำมันให้เต็มถัง เพื่อเลี่ยงเติมที่สนามบินปลายทางเ พราะราคาถูกกว่า ทำให้ต้องจอดนานกว่าเดิม และขัดขวางการเคลื่อนตัวของ Pan Am

    ☁️ หมอกและความสับสน ภัยเงียบแห่งรันเวย์ 🗣️ เมื่อสนามบินกรันกานาเรียเปิดใช้งานอีกครั้ง การจราจรทางอากาศในโลสโรเดโอส วุ่นวายทันที

    📻 หอบังคับการบิน ต้องจัดการเครื่องบินหลายลำ แต่ขาดเรดาร์ภาคพื้นดิน ทำให้พวกเขามองไม่เห็นตำแหน่งเครื่องบิน ต้องอาศัยการสื่อสารวิทยุแทน

    ✋ จุดวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อ KLM เข้าใจผิดว่า สามารถนำเครื่องขึ้นได้ทันที ขณะที่ Pan Am ยังอยู่บนรันเวย์เดียวกัน!

    สำเนียงสเปน กับความคลุมเครือของคำว่า “Takeoff” 😓📡

    📌 ขณะที่ KLM กำลังเตรียมนำเครื่องขึ้น นักบินผู้ช่วยพูดว่า

    “We are now at takeoff.”

    ซึ่งไม่ใช่ประโยคขออนุญาตขึ้นบินโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจคลุมเครือ หอบังคับการบินตอบกลับว่า

    “OK, stand by for takeoff, I will call you.”

    แต่...❗เสียงตอบกลับนั้น ถูกกลืนหายไปกับคลื่นรบกวน ทำให้นักบิน KLM ไม่ได้ยินคำสั่งเต็ม ๆ

    🔥 การชนที่ไม่ควรเกิดขึ้น 💔 KLM เร่งนำเครื่องขึ้น โดยเข้าใจว่าได้รับอนุญาต ขณะที่ Pan Am กำลังเคลื่อนผ่านทางแยก วิ่งบนรันเวย์เดียวกัน หมอกหนาทำให้มองไม่เห็น

    ผลลัพธ์คือ ❌

    ✈️ เครื่องบิน KLM ชนเข้ากลางลำ Pan Am อย่างรุนแรง

    💥 ไฟลุกท่วมเครื่องบินทั้งสองลำในทันที

    - เสียชีวิตจาก KLM 248 ศพ (รอด = 0)
    - เสียชีวิตจาก Pan Am 335 ศพ (รอด = 61 คน)

    😢 บทวิเคราะห์: สาเหตุแห่งหายนะ 🔍
    ปัจจัยมนุษย์ (Human Error)
    - ความเครียดของกัปตัน KLM ที่ต้องรับแรงกดดัน จากบริษัทห้ามดีเลย์ 🕒
    - ขาดการสื่อสารชัดเจน ระหว่างนักบินกับหอบังคับการบิน 📻
    - สำเนียงสเปน ทำให้สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ชัดเจน 🗣️

    ปัจจัยสิ่งแวดล้อม
    - สนามบินโลสโรเดโอส ไม่มีเรดาร์พื้นดิน ❌
    - หมอกลงจัด มองไม่เห็นปลายรันเวย์ 🌫️
    - พื้นที่สนามบิน ไม่พร้อมรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่หลายลำ 🚫

    📚🛫 หลังเหตุการณ์นี้ อุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ได้ปรับปรุงมาตรการอย่างจริงจัง
    ✅ การสื่อสารต้องใช้ภาษามาตรฐาน และชัดเจนมากขึ้น (Standard Phraseology)
    ✅ ห้ามนักบินตีความเอง โดยไม่มีการอนุญาตชัดเจน
    ✅ มีการพัฒนา Cockpit Resource Management (CRM) เพื่อเน้นการทำงานเป็นทีมระหว่างลูกเรือ
    ✅ ระบบเรดาร์พื้นดิน (Ground Radar) ถูกติดตั้งในสนามบินใหญ่ ๆ ทั่วโลก

    😨 เหตุการณ์ที่เกือบซ้ำรอยในปี 2542 🛬
    เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2542 ที่สนามบินโอแฮร์ สหรัฐอเมริกา ✈️
    - Korean Air เที่ยวบิน 36 Boeing 747 พร้อมผู้โดยสาร 340 คน
    - China Airlines เที่ยวบิน 9018 Boeing 747 เช่นกัน

    เกือบชนกันกลางรันเวย์ เนื่องจากความเข้าใจผิด ในการจราจรทางอากาศ แต่โชคดีที่หลีกเลี่ยงได้ทันโดยเครื่องบินอยู่ห่างกันเพียง 75 ฟุตเท่านั้น 😱

    🕯️ 583 ชีวิต กับบทเรียนที่ไม่มีวันลืม ✈️ “โศกนาฏกรรมเตเนริเฟ” เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ที่สอนเราให้ระมัดระวังในการสื่อสาร การจัดการความเสี่ยง และให้ความสำคัญ กับมาตรฐานความปลอดภัยการบิน ✈️🧠

    แม้เวลาจะผ่านไป 48 ปี... แต่ความสูญเสีย และบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ยังคงส่องแสงเป็นคำเตือน ถึงทุกคนในวงการการบินเสมอ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 271250 มี.ค. 2568

    📲 #TenerifeDisaster #Boeing747 #PlaneCrashHistory #AirlineSafety #KLM4805 #PanAm1736 #AirCrashInvestigation #อุบัติเหตุทางการบิน #โบอิง747ชนกัน #บทเรียนการบิน
    48 ปี โศกนาฏกรรมกลางรันเวย์ “โบอิง 747” ชนกันที่เตเนริเฟ 🇪🇸✈️ สำเนียงสเปนพ่นพิษ นักบินสื่อสารผิดพลาด 583 ศพ บทเรียนราคาแพงจากท่าอากาศยาน ท่ามกลางหมอกหนา ความเครียด และสำเนียงที่ฟังยาก 🌫️ โศกนาฏกรรมแห่งเตเนริเฟ 🔥 ย้อนไปเมื่อ 48 ปี ที่ผ่านมา ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 เป็นวันที่โลกต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การบิน เมื่อเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ โบอิง 747 ของสายการบิน KLM และ Pan Am ชนกันกลางรันเวย์ที่สนามบินโลสโรเดโอส ปัจจุบันคือท่าอากาศยานเตเนริเฟนอร์เต เกาะเตเนริเฟ ประเทศสเปน ผลที่ตามมาคือ ผู้เสียชีวิต 583 ราย และบาดเจ็บ 61 คน เป็นอุบัติเหตุทางอากาศ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในโลก เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีขัดข้อง หากแต่เป็นผลพวงจากปัจจัยมนุษย์ (Human Error) และการสื่อสารที่ผิดพลาด ท่ามกลางความกดดัน ✈️💥 บริบทก่อนเกิดเหตุ ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 "สนามบินกรันกานาเรีย" ซึ่งเป็นสนามบินหลักของหมู่เกาะคานารี ถูกขู่วางระเบิด ทำให้ต้องปิดการใช้งานชั่วคราว ✋🔴 เครื่องบินหลายลำ รวมถึงเที่ยวบิน KLM 4805 และ Pan Am 1736 จำเป็นต้องลงจอดที่สนามบินสำรองอย่าง “โลสโรเดโอส” ซึ่งเป็นสนามบินขนาดเล็ก ที่ไม่มีความพร้อมรองรับ เครื่องบินลำใหญ่จำนวนมาก 🕰️ จุดเริ่มต้นของหายนะ 🧨 - KLM 4805 เดินทางจากอัมสเตอร์ดัม พร้อมผู้โดยสาร 234 คน และลูกเรือ 14 คน - Pan Am 1736:เดินทางจากลอสแอนเจลิส แวะนิวยอร์ก มุ่งหน้ากรุงมาดริด พร้อมผู้โดยสาร 380 คน และลูกเรือ 16 คน หลังจากเครื่องบินหลายลำลงจอด และจอดเรียงรายกันในพื้นที่จำกัด เจ้าหน้าที่ต้องบริหารพื้นที่ อย่างเร่งด่วน ก่อให้เกิดความเครียด ทั้งในหอบังคับการบินและลูกเรือ 🚧 จุดเปลี่ยนสำคัญคือ กัปตันของ KLM ตัดสินใจเติมน้ำมันให้เต็มถัง เพื่อเลี่ยงเติมที่สนามบินปลายทางเ พราะราคาถูกกว่า ทำให้ต้องจอดนานกว่าเดิม และขัดขวางการเคลื่อนตัวของ Pan Am ☁️ หมอกและความสับสน ภัยเงียบแห่งรันเวย์ 🗣️ เมื่อสนามบินกรันกานาเรียเปิดใช้งานอีกครั้ง การจราจรทางอากาศในโลสโรเดโอส วุ่นวายทันที 📻 หอบังคับการบิน ต้องจัดการเครื่องบินหลายลำ แต่ขาดเรดาร์ภาคพื้นดิน ทำให้พวกเขามองไม่เห็นตำแหน่งเครื่องบิน ต้องอาศัยการสื่อสารวิทยุแทน ✋ จุดวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อ KLM เข้าใจผิดว่า สามารถนำเครื่องขึ้นได้ทันที ขณะที่ Pan Am ยังอยู่บนรันเวย์เดียวกัน! สำเนียงสเปน กับความคลุมเครือของคำว่า “Takeoff” 😓📡 📌 ขณะที่ KLM กำลังเตรียมนำเครื่องขึ้น นักบินผู้ช่วยพูดว่า “We are now at takeoff.” ซึ่งไม่ใช่ประโยคขออนุญาตขึ้นบินโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจคลุมเครือ หอบังคับการบินตอบกลับว่า “OK, stand by for takeoff, I will call you.” แต่...❗เสียงตอบกลับนั้น ถูกกลืนหายไปกับคลื่นรบกวน ทำให้นักบิน KLM ไม่ได้ยินคำสั่งเต็ม ๆ 🔥 การชนที่ไม่ควรเกิดขึ้น 💔 KLM เร่งนำเครื่องขึ้น โดยเข้าใจว่าได้รับอนุญาต ขณะที่ Pan Am กำลังเคลื่อนผ่านทางแยก วิ่งบนรันเวย์เดียวกัน หมอกหนาทำให้มองไม่เห็น ผลลัพธ์คือ ❌ ✈️ เครื่องบิน KLM ชนเข้ากลางลำ Pan Am อย่างรุนแรง 💥 ไฟลุกท่วมเครื่องบินทั้งสองลำในทันที - เสียชีวิตจาก KLM 248 ศพ (รอด = 0) - เสียชีวิตจาก Pan Am 335 ศพ (รอด = 61 คน) 😢 บทวิเคราะห์: สาเหตุแห่งหายนะ 🔍 ปัจจัยมนุษย์ (Human Error) - ความเครียดของกัปตัน KLM ที่ต้องรับแรงกดดัน จากบริษัทห้ามดีเลย์ 🕒 - ขาดการสื่อสารชัดเจน ระหว่างนักบินกับหอบังคับการบิน 📻 - สำเนียงสเปน ทำให้สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ชัดเจน 🗣️ ปัจจัยสิ่งแวดล้อม - สนามบินโลสโรเดโอส ไม่มีเรดาร์พื้นดิน ❌ - หมอกลงจัด มองไม่เห็นปลายรันเวย์ 🌫️ - พื้นที่สนามบิน ไม่พร้อมรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่หลายลำ 🚫 📚🛫 หลังเหตุการณ์นี้ อุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ได้ปรับปรุงมาตรการอย่างจริงจัง ✅ การสื่อสารต้องใช้ภาษามาตรฐาน และชัดเจนมากขึ้น (Standard Phraseology) ✅ ห้ามนักบินตีความเอง โดยไม่มีการอนุญาตชัดเจน ✅ มีการพัฒนา Cockpit Resource Management (CRM) เพื่อเน้นการทำงานเป็นทีมระหว่างลูกเรือ ✅ ระบบเรดาร์พื้นดิน (Ground Radar) ถูกติดตั้งในสนามบินใหญ่ ๆ ทั่วโลก 😨 เหตุการณ์ที่เกือบซ้ำรอยในปี 2542 🛬 เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2542 ที่สนามบินโอแฮร์ สหรัฐอเมริกา ✈️ - Korean Air เที่ยวบิน 36 Boeing 747 พร้อมผู้โดยสาร 340 คน - China Airlines เที่ยวบิน 9018 Boeing 747 เช่นกัน เกือบชนกันกลางรันเวย์ เนื่องจากความเข้าใจผิด ในการจราจรทางอากาศ แต่โชคดีที่หลีกเลี่ยงได้ทันโดยเครื่องบินอยู่ห่างกันเพียง 75 ฟุตเท่านั้น 😱 🕯️ 583 ชีวิต กับบทเรียนที่ไม่มีวันลืม ✈️ “โศกนาฏกรรมเตเนริเฟ” เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ที่สอนเราให้ระมัดระวังในการสื่อสาร การจัดการความเสี่ยง และให้ความสำคัญ กับมาตรฐานความปลอดภัยการบิน ✈️🧠 แม้เวลาจะผ่านไป 48 ปี... แต่ความสูญเสีย และบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ยังคงส่องแสงเป็นคำเตือน ถึงทุกคนในวงการการบินเสมอ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 271250 มี.ค. 2568 📲 #TenerifeDisaster #Boeing747 #PlaneCrashHistory #AirlineSafety #KLM4805 #PanAm1736 #AirCrashInvestigation #อุบัติเหตุทางการบิน #โบอิง747ชนกัน #บทเรียนการบิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts