• ผลชันสูตร ผกก.โจ้ ให้น้ำหนักผูกคอ-มีรอยช้ำ : [NEWS UPDATE]
    ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยผลชันสูตรพลิกศพ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ การเสียชีวิตให้น้ำหนักเรื่องผูกคอ เพราะการถูกทำร้ายไม่พบบาดแผลที่ชัดเจน มีร่องรอยบาดแผลฟกช้ำบริเวณสะโพกและหลัง ซึ่งเป็นลักษณะรอยช้ำเก่า แต่จะตรวจเนื้อเยื่อเพื่อดูระยะเวลาการเกิดบาดแผล ส่วนเลือดที่ออกได้สอบถามกับคณะชันสูตรที่เกิดเหตุเป็นไปได้ 2 กรณี คือ 1.หลังเสียชีวิตจะมีของเหลวในร่างกายออกมาคล้ายเลือด อาจออกทางปากหรือบริเวณอื่น และ 2.เกิดจากบาดแผล ซึ่งพบบาดแผลถลอกบริเวณแขนเท่านั้น จึงน่าจะเกิดจากสารของเหลวที่ออกจากร่างกายหลังเสียชีวิต ส่วนแผลถลอกพนักงานฝ่ายปกครองบอกว่า เห็นตั้งแต่ช่วงที่ไปชันสูตรศพที่เกิดเหตุ โดยอาจเกิดระหว่างนำร่างลงมาและอาจครูดกับของแข็งบางอย่าง


    ต้องตรวจหลักฐานละเอียด

    ไม่อยากเป็นจำเลย

    ไม่ตัดชื่อ"ทักษิณ"

    อากาศเริ่มร้อน
    ผลชันสูตร ผกก.โจ้ ให้น้ำหนักผูกคอ-มีรอยช้ำ : [NEWS UPDATE] ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยผลชันสูตรพลิกศพ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ การเสียชีวิตให้น้ำหนักเรื่องผูกคอ เพราะการถูกทำร้ายไม่พบบาดแผลที่ชัดเจน มีร่องรอยบาดแผลฟกช้ำบริเวณสะโพกและหลัง ซึ่งเป็นลักษณะรอยช้ำเก่า แต่จะตรวจเนื้อเยื่อเพื่อดูระยะเวลาการเกิดบาดแผล ส่วนเลือดที่ออกได้สอบถามกับคณะชันสูตรที่เกิดเหตุเป็นไปได้ 2 กรณี คือ 1.หลังเสียชีวิตจะมีของเหลวในร่างกายออกมาคล้ายเลือด อาจออกทางปากหรือบริเวณอื่น และ 2.เกิดจากบาดแผล ซึ่งพบบาดแผลถลอกบริเวณแขนเท่านั้น จึงน่าจะเกิดจากสารของเหลวที่ออกจากร่างกายหลังเสียชีวิต ส่วนแผลถลอกพนักงานฝ่ายปกครองบอกว่า เห็นตั้งแต่ช่วงที่ไปชันสูตรศพที่เกิดเหตุ โดยอาจเกิดระหว่างนำร่างลงมาและอาจครูดกับของแข็งบางอย่าง ต้องตรวจหลักฐานละเอียด ไม่อยากเป็นจำเลย ไม่ตัดชื่อ"ทักษิณ" อากาศเริ่มร้อน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • ชาวลำพูนเผชิญไฟป่าอย่างลำพัง จนกองทัพอากาศต้องช่วยดับไฟ ชาวบ้าน วัด จิตอาสา ออกช่วยเหลือ ส่วนไอ้สส.กับนายก อบจ.ที่โอ้อวดมาตลอดกลัยเงียบกริบ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ลำพูนลำบากลำบน
    ชาวลำพูนเผชิญไฟป่าอย่างลำพัง จนกองทัพอากาศต้องช่วยดับไฟ ชาวบ้าน วัด จิตอาสา ออกช่วยเหลือ ส่วนไอ้สส.กับนายก อบจ.ที่โอ้อวดมาตลอดกลัยเงียบกริบ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3 #ลำพูนลำบากลำบน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • IBM's Red Hat ได้จับมือกับ Axiom Space เพื่อพัฒนาและส่งศูนย์ข้อมูลต้นแบบ AxDCU-1 ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 โดยโปรเจกต์นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีขยายออกไปนอกโลก โดยเฉพาะด้าน การประมวลผลข้อมูลในอวกาศ

    AxDCU-1 ใช้พลังจาก Red Hat Device Edge และ Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นระบบจัดการ Kubernetes แบบน้ำหนักเบา พร้อมด้วย Red Hat Enterprise Linux และ Ansible Automation Platform อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่สำคัญ:
    - ทดสอบการประมวลผลด้วย AI/ML (Artificial Intelligence/Machine Learning)
    - พัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับการใช้งานในอวกาศ
    - ทดลองระบบประมวลผลคลาวด์สำหรับข้อมูลจากดาวเทียมและยานอวกาศ

    โดยข้อมูลจะถูกประมวลผลใกล้กับแหล่งกำเนิดในอวกาศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความรวดเร็วและความปลอดภัยสำหรับการตัดสินใจที่สำคัญในแบบเรียลไทม์

    คุณ Tony James หัวหน้าสถาปนิกจาก Red Hat ได้กล่าวว่า “การประมวลผลข้อมูลในอวกาศเป็นพรมแดนใหม่ที่น่าตื่นเต้น” โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้พันธมิตรภาคพื้นโลกสามารถทำงานร่วมกันในอวกาศได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ Jason Aspiotis ผู้อำนวยการของ Axiom Space ยังกล่าวเสริมว่า Orbital Data Centers (ODC) จะสามารถช่วยปฏิวัติการทำงานในอวกาศ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลอากาศในอวกาศ การฝึกฝน AI ในอวกาศ และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลกจากนอกโลก

    โครงการนี้นอกจากจะช่วยผลักดันความเป็นไปได้ในการใช้งานคลาวด์และ AI ในอวกาศ ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมนุษย์ที่จะขยายขอบเขตการสำรวจและประมวลผลข้อมูลไปในที่ที่ไม่เคยมีใครทำได้ ความสำเร็จนี้อาจเป็นก้าวแรกสู่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับความต้องการในอนาคตทั้งในอวกาศและบนโลก

    https://www.techradar.com/pro/is-the-moon-too-far-for-your-data-ibms-red-hat-is-teaming-up-with-axiom-space-to-send-a-data-center-into-space
    IBM's Red Hat ได้จับมือกับ Axiom Space เพื่อพัฒนาและส่งศูนย์ข้อมูลต้นแบบ AxDCU-1 ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 โดยโปรเจกต์นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีขยายออกไปนอกโลก โดยเฉพาะด้าน การประมวลผลข้อมูลในอวกาศ AxDCU-1 ใช้พลังจาก Red Hat Device Edge และ Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นระบบจัดการ Kubernetes แบบน้ำหนักเบา พร้อมด้วย Red Hat Enterprise Linux และ Ansible Automation Platform อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่สำคัญ: - ทดสอบการประมวลผลด้วย AI/ML (Artificial Intelligence/Machine Learning) - พัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับการใช้งานในอวกาศ - ทดลองระบบประมวลผลคลาวด์สำหรับข้อมูลจากดาวเทียมและยานอวกาศ โดยข้อมูลจะถูกประมวลผลใกล้กับแหล่งกำเนิดในอวกาศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความรวดเร็วและความปลอดภัยสำหรับการตัดสินใจที่สำคัญในแบบเรียลไทม์ คุณ Tony James หัวหน้าสถาปนิกจาก Red Hat ได้กล่าวว่า “การประมวลผลข้อมูลในอวกาศเป็นพรมแดนใหม่ที่น่าตื่นเต้น” โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้พันธมิตรภาคพื้นโลกสามารถทำงานร่วมกันในอวกาศได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ Jason Aspiotis ผู้อำนวยการของ Axiom Space ยังกล่าวเสริมว่า Orbital Data Centers (ODC) จะสามารถช่วยปฏิวัติการทำงานในอวกาศ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลอากาศในอวกาศ การฝึกฝน AI ในอวกาศ และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลกจากนอกโลก โครงการนี้นอกจากจะช่วยผลักดันความเป็นไปได้ในการใช้งานคลาวด์และ AI ในอวกาศ ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมนุษย์ที่จะขยายขอบเขตการสำรวจและประมวลผลข้อมูลไปในที่ที่ไม่เคยมีใครทำได้ ความสำเร็จนี้อาจเป็นก้าวแรกสู่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับความต้องการในอนาคตทั้งในอวกาศและบนโลก https://www.techradar.com/pro/is-the-moon-too-far-for-your-data-ibms-red-hat-is-teaming-up-with-axiom-space-to-send-a-data-center-into-space
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียโบกมือลา หยุดให้บริการสนามบินซูบัง

    หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย แอร์เอเชีย (AirAsia) กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิสชาห์ หรือท่าอากาศยานซูบัง (Subang หรือ SZB) ซึ่งเป็นอดีตสนามบินหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในรอบ 24 ปี ไปยังรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว มาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าผ่านไปเพียง 7 เดือน ในที่สุดประกาศว่า จะกลับมารวมเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) อาคาร 2 (KLIA2) เช่นเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เคยจองบัตรโดยสารไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปลี่ยนไปขึ้นหรือลงที่ KLIA2 แทน

    แถลงการณ์ของแอร์เอเชียอ้างว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้โดยสารระหว่าง KLIA2 ไปยังเมืองหลัก เช่น โกตากินาบาลู (Kota Kinabalu) และกูชิง (Kucing) เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการให้บริการรวมกันที่ KLIA2 จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางได้ดีขึ้น แม้ท่าอากาศยานซูบังจะสะดวกสบายโดยเฉพาะนักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่การพัฒนาสนามบินซูบังขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้องใช้เวลา ขณะที่ท่าอากาศยาน KLIA2 เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ

    ฟาเรห์ มาซปุตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของ KLIA2 รองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเดินทางสูงสุด และอาคารผู้โดยสารยังรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ\เพิ่มเที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางมาเลเซียตะวันออก

    การยุติให้บริการของแอร์เอเชีย ทำให้ยังคงเหลือสายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานซูบัง ได้แก่ ไฟร์ฟลาย (Firefly) ไปยังสนามบินเซเลตาร์ (Seletar) หรือ XSP ในสิงคโปร์มากถึงวันละ 5 เที่ยวบิน ปีนัง (Penang) วันละ 4 เที่ยวบิน โกตาบารู (Kota Bharu) วันละ 2-4 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (Johor Bahru) วันละ 2 เที่ยวบิน และเมืองอื่นๆ เช่น อลอร์สตาร์ (Alor Setar) ลังกาวี (Langkawi) กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) และโกตากินาบาลู

    ส่วนสายการบินอื่นๆ อาทิ รายาแอร์เวย์ (Raya Airways) ไปยังโกตากินาบาลู 2 เที่ยวบิน กูชิง 2 เที่ยวบิน ลาบวน (Labuan) ฮ่องกง (HKG) 1-2 เที่ยวบิน สิงคโปร์ชางงี (SIN) และจาการ์ตา (Jakarta CGK) อินโดนีเซีย, เบอร์จายาแอร์ (Berjaya Air) ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังลังกาวีและเรดัง (Redang), ทรานส์นูซา (TransNusa) ไปยังจาการ์ตา และสกู๊ต (Scoot) ไปยังสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น

    #Newskit
    แอร์เอเชียโบกมือลา หยุดให้บริการสนามบินซูบัง หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย แอร์เอเชีย (AirAsia) กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิสชาห์ หรือท่าอากาศยานซูบัง (Subang หรือ SZB) ซึ่งเป็นอดีตสนามบินหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในรอบ 24 ปี ไปยังรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว มาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าผ่านไปเพียง 7 เดือน ในที่สุดประกาศว่า จะกลับมารวมเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) อาคาร 2 (KLIA2) เช่นเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เคยจองบัตรโดยสารไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปลี่ยนไปขึ้นหรือลงที่ KLIA2 แทน แถลงการณ์ของแอร์เอเชียอ้างว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้โดยสารระหว่าง KLIA2 ไปยังเมืองหลัก เช่น โกตากินาบาลู (Kota Kinabalu) และกูชิง (Kucing) เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการให้บริการรวมกันที่ KLIA2 จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางได้ดีขึ้น แม้ท่าอากาศยานซูบังจะสะดวกสบายโดยเฉพาะนักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่การพัฒนาสนามบินซูบังขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้องใช้เวลา ขณะที่ท่าอากาศยาน KLIA2 เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ ฟาเรห์ มาซปุตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของ KLIA2 รองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเดินทางสูงสุด และอาคารผู้โดยสารยังรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ\เพิ่มเที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางมาเลเซียตะวันออก การยุติให้บริการของแอร์เอเชีย ทำให้ยังคงเหลือสายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานซูบัง ได้แก่ ไฟร์ฟลาย (Firefly) ไปยังสนามบินเซเลตาร์ (Seletar) หรือ XSP ในสิงคโปร์มากถึงวันละ 5 เที่ยวบิน ปีนัง (Penang) วันละ 4 เที่ยวบิน โกตาบารู (Kota Bharu) วันละ 2-4 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (Johor Bahru) วันละ 2 เที่ยวบิน และเมืองอื่นๆ เช่น อลอร์สตาร์ (Alor Setar) ลังกาวี (Langkawi) กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) และโกตากินาบาลู ส่วนสายการบินอื่นๆ อาทิ รายาแอร์เวย์ (Raya Airways) ไปยังโกตากินาบาลู 2 เที่ยวบิน กูชิง 2 เที่ยวบิน ลาบวน (Labuan) ฮ่องกง (HKG) 1-2 เที่ยวบิน สิงคโปร์ชางงี (SIN) และจาการ์ตา (Jakarta CGK) อินโดนีเซีย, เบอร์จายาแอร์ (Berjaya Air) ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังลังกาวีและเรดัง (Redang), ทรานส์นูซา (TransNusa) ไปยังจาการ์ตา และสกู๊ต (Scoot) ไปยังสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • บขส.ทำรถทัวร์ฟีดเดอร์ จากสนามบินปลายทางสู่ทะเล

    เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการสำหรับรถโดยสารเชื่อมต่อ (Feeder) ของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. เส้นทางจากท่าอากาศยานเชื่อมต่อไปยังจังหวัดต่างๆ นำร่อง 3 เส้นทาง ได้แก่ สาย 9905 ท่าอากาศยานดอนเมือง‐พัทยา ระยะทาง 162 กิโลเมตร, สาย 978 ท่าอากาศยานดอนเมือง‐หัวหิน ระยะทาง 216 กิโลเมตร และสาย 389 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ระยะทาง 127 กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้งสองสนามบิน เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในเมืองหลัก เมืองรอง และเมืองน่าเที่ยวภายในประเทศ โดยเปิดเที่ยวรถปฐมฤกษ์ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา

    จากการสังเกตพบว่าเส้นทางที่ขายดีที่สุด ได้แก่ เส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง‐พัทยา เที่ยวปฐมฤกษ์มีผู้โดยสารค่อนข้างหนาแน่น ส่วนเส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง‐หัวหิน เที่ยวปฐมฤกษ์ เวลา 15.00 น. มีผู้โดยสาร 4 คน ถึงจุดจอดวัดหัวหิน 18.35 น. ส่วนเที่ยวปฐมฤกษ์จากต้นทางสถานีเดินรถหัวหิน รถออกเวลา 09.00 น. ถึงปลายทางท่าอากาศยานดอนเมือง เวลาประมาณ 12.50 น. ซึ่งการเดินรถขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร เนื่องจากใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ ทางด่วนเฉลิมมหานคร ต่อเนื่องถนนพระรามที่ 2 ที่กำลังก่อสร้างทางยกระดับตั้งแต่ทางลงดาวคะนองถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว และถนนเพชรเกษม

    ส่วนเส้นทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเดินรถเอกชน อย่างบริษัท รถรุ่งเรือง จำกัด ให้บริการสาย 389 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-เมืองพัทยา ปลายทางสถานีขนส่งเทพประสิทธิ์ (หาดจอมเทียน) และสาย 789 หัวหิน-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา (รถหมวด 3) ปลายทางสถานีขนส่งพัทยาเหนือ ซึ่งพบว่าเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของ บขส. ที่อาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 8 เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วอยู่ติดกันเสียอีก แต่ปลายทางพัทยา บขส. ได้ก่อสร้างสถานีเดินรถพัทยา บริเวณถนนสุขุมวิท ขาออก ระหว่างแยกพัทยาเหนือกับพัทยากลาง ตรงข้ามศูนย์คณะพระมหาไถ่ รองรับผู้โดยสารไว้แล้ว

    การเชื่อมต่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อระหว่างสนามบินไปยังเมืองท่องเที่ยว ถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ บขส. ร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ โดยได้กำหนดจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารและจุดจอดรถ พร้อมประชาสัมพันธ์ภายในสนามบิน ที่ผ่านมาท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารรวม 29.14 ล้านคน และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารรวม 59.99 ล้านคน นับจากนี้จะต้องดูผลตอบรับจากผู้โดยสาร ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถ เพิ่มเที่ยวเวลา หรือเพิ่มเส้นทางไปยังเมืองหลัก เมืองท่องเที่ยว หรือเมืองรองต่างๆ เพิ่มเติม

    #Newskit
    บขส.ทำรถทัวร์ฟีดเดอร์ จากสนามบินปลายทางสู่ทะเล เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการสำหรับรถโดยสารเชื่อมต่อ (Feeder) ของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. เส้นทางจากท่าอากาศยานเชื่อมต่อไปยังจังหวัดต่างๆ นำร่อง 3 เส้นทาง ได้แก่ สาย 9905 ท่าอากาศยานดอนเมือง‐พัทยา ระยะทาง 162 กิโลเมตร, สาย 978 ท่าอากาศยานดอนเมือง‐หัวหิน ระยะทาง 216 กิโลเมตร และสาย 389 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ระยะทาง 127 กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้งสองสนามบิน เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในเมืองหลัก เมืองรอง และเมืองน่าเที่ยวภายในประเทศ โดยเปิดเที่ยวรถปฐมฤกษ์ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา จากการสังเกตพบว่าเส้นทางที่ขายดีที่สุด ได้แก่ เส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง‐พัทยา เที่ยวปฐมฤกษ์มีผู้โดยสารค่อนข้างหนาแน่น ส่วนเส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง‐หัวหิน เที่ยวปฐมฤกษ์ เวลา 15.00 น. มีผู้โดยสาร 4 คน ถึงจุดจอดวัดหัวหิน 18.35 น. ส่วนเที่ยวปฐมฤกษ์จากต้นทางสถานีเดินรถหัวหิน รถออกเวลา 09.00 น. ถึงปลายทางท่าอากาศยานดอนเมือง เวลาประมาณ 12.50 น. ซึ่งการเดินรถขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร เนื่องจากใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ ทางด่วนเฉลิมมหานคร ต่อเนื่องถนนพระรามที่ 2 ที่กำลังก่อสร้างทางยกระดับตั้งแต่ทางลงดาวคะนองถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว และถนนเพชรเกษม ส่วนเส้นทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเดินรถเอกชน อย่างบริษัท รถรุ่งเรือง จำกัด ให้บริการสาย 389 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-เมืองพัทยา ปลายทางสถานีขนส่งเทพประสิทธิ์ (หาดจอมเทียน) และสาย 789 หัวหิน-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา (รถหมวด 3) ปลายทางสถานีขนส่งพัทยาเหนือ ซึ่งพบว่าเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของ บขส. ที่อาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 8 เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วอยู่ติดกันเสียอีก แต่ปลายทางพัทยา บขส. ได้ก่อสร้างสถานีเดินรถพัทยา บริเวณถนนสุขุมวิท ขาออก ระหว่างแยกพัทยาเหนือกับพัทยากลาง ตรงข้ามศูนย์คณะพระมหาไถ่ รองรับผู้โดยสารไว้แล้ว การเชื่อมต่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อระหว่างสนามบินไปยังเมืองท่องเที่ยว ถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ บขส. ร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ โดยได้กำหนดจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารและจุดจอดรถ พร้อมประชาสัมพันธ์ภายในสนามบิน ที่ผ่านมาท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารรวม 29.14 ล้านคน และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารรวม 59.99 ล้านคน นับจากนี้จะต้องดูผลตอบรับจากผู้โดยสาร ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถ เพิ่มเที่ยวเวลา หรือเพิ่มเส้นทางไปยังเมืองหลัก เมืองท่องเที่ยว หรือเมืองรองต่างๆ เพิ่มเติม #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อยากช่วยมากกว่านี้ แต่คงทำไม่ได้!!"

    เจ้าหน้าที่ทหารรัสเซียที่ฐานทัพอากาศฮไมมิม ในซีเรีย พยายามช่วยเหลือชาวซีเรียด้านมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ หลังจากต้องหลบหนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยกลุ่มอาชญากรของอัล-จูลานีทั่วซีเรีย

    มีรายงานว่า ชาวอลาวีมากกว่า 7,000 คน หลบภัยอยู่ในฐานทัพอากาศของรัสเซียแห่งนี้
    "อยากช่วยมากกว่านี้ แต่คงทำไม่ได้!!" เจ้าหน้าที่ทหารรัสเซียที่ฐานทัพอากาศฮไมมิม ในซีเรีย พยายามช่วยเหลือชาวซีเรียด้านมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ หลังจากต้องหลบหนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยกลุ่มอาชญากรของอัล-จูลานีทั่วซีเรีย มีรายงานว่า ชาวอลาวีมากกว่า 7,000 คน หลบภัยอยู่ในฐานทัพอากาศของรัสเซียแห่งนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • รัสเซียยิงระเบิดทางอากาศเกือบ 1,200 ลูก โดรน 870 ลำ และขีปนาวุธกว่า 80 ลูก เพื่อโจมตียูเครนแค่เฉพาะในสัปดาห์นี้
    -เซเลนสกีรำพึงรำพันผ่านโซเชียล
    รัสเซียยิงระเบิดทางอากาศเกือบ 1,200 ลูก โดรน 870 ลำ และขีปนาวุธกว่า 80 ลูก เพื่อโจมตียูเครนแค่เฉพาะในสัปดาห์นี้ -เซเลนสกีรำพึงรำพันผ่านโซเชียล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบป้องกันขีปนาวุธ SAMP/T ของฝรั่งเศส-อิตาลี ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพและล้มเหลวในยูเครน

    ระบบป้องขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ SAMP/T ของฝรั่งเศส-อิตาลี ซึ่งถูกส่งมาเพื่อปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามทางอากาศจากรัสเซีย ประสบปัญหาด้านการปฏิบัติงานที่ร้ายแรงนับตั้งแต่มีการใช้งาน

    1. ความผิดพลาดของซอฟต์แวร์: มีรายงานว่าระบบนี้ประสบปัญหาทางเทคนิคที่ทำให้ไม่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    2. ขีปนาวุธ Aster ไม่เพียงพอ: ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Aster ซึ่งเป็นอาวุธหลักของระบบนี้จนหมดอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบไม่ได้ใช้ในการปกป้องภัยคุกคามเลย

    3. ความมั่นใจด้านประสิทธิภาพ: เมื่อเปรียบเทียบกับระบบ Patriot ที่สหรัฐฯ จัดหาให้ ซึ่งสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของรัสเซียได้สำเร็จ ระบบ SAMP/T กลับมีประสิทธิภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของระบบในการทำสงครามที่มีความรุนแรงสูง

    โฆษกของ Eurosam ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่อยู่เบื้องหลังระบบ SAMP/T ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกังวลด้านประสิทธิภาพเหล่านี้

    WSJ - รายงาน
    ระบบป้องกันขีปนาวุธ SAMP/T ของฝรั่งเศส-อิตาลี ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพและล้มเหลวในยูเครน ระบบป้องขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ SAMP/T ของฝรั่งเศส-อิตาลี ซึ่งถูกส่งมาเพื่อปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามทางอากาศจากรัสเซีย ประสบปัญหาด้านการปฏิบัติงานที่ร้ายแรงนับตั้งแต่มีการใช้งาน 1. ความผิดพลาดของซอฟต์แวร์: มีรายงานว่าระบบนี้ประสบปัญหาทางเทคนิคที่ทำให้ไม่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ขีปนาวุธ Aster ไม่เพียงพอ: ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Aster ซึ่งเป็นอาวุธหลักของระบบนี้จนหมดอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบไม่ได้ใช้ในการปกป้องภัยคุกคามเลย 3. ความมั่นใจด้านประสิทธิภาพ: เมื่อเปรียบเทียบกับระบบ Patriot ที่สหรัฐฯ จัดหาให้ ซึ่งสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของรัสเซียได้สำเร็จ ระบบ SAMP/T กลับมีประสิทธิภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของระบบในการทำสงครามที่มีความรุนแรงสูง โฆษกของ Eurosam ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่อยู่เบื้องหลังระบบ SAMP/T ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกังวลด้านประสิทธิภาพเหล่านี้ WSJ - รายงาน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทหารรัสเซียที่ฐานทัพอากาศ Hmeimim ในซีเรียตะวันตกกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียผ่อนคลายความกังวล หลังจากต้องหลบหนีการสังหารหมู่โดยกองกำลัง HTS ของรัฐบาลซีเรียใหม่

    ขณะที่ทั้งสื่อและผู้นำโลกตะวันตกยังคงนิ่งเฉย
    กองทหารรัสเซียที่ฐานทัพอากาศ Hmeimim ในซีเรียตะวันตกกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียผ่อนคลายความกังวล หลังจากต้องหลบหนีการสังหารหมู่โดยกองกำลัง HTS ของรัฐบาลซีเรียใหม่ ขณะที่ทั้งสื่อและผู้นำโลกตะวันตกยังคงนิ่งเฉย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลชันสูตร "ผกก.โจ้" เกิดจากผูกคอเสียชีวิตจนเกิดภาวะขาดอากาศหายใจ ทำร้ายตัวเอง-ครอบครัวส่งผ่ารอบสอง นิติเวช จุฬาฯ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022736

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผลชันสูตร "ผกก.โจ้" เกิดจากผูกคอเสียชีวิตจนเกิดภาวะขาดอากาศหายใจ ทำร้ายตัวเอง-ครอบครัวส่งผ่ารอบสอง นิติเวช จุฬาฯ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022736 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    5/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • 4/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    4/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • 3/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    3/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • 2/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    2/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • 1/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    1/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • อากาศว่าร้อนแล้วแต่ใจคนนั้นร้อนกว่าเพราะทำในสิ่งไม่ดีถ้าทำในสิ่งที่ดีใจก็จะร่มเย็นเป็นสุขมีธรรมนำหน้าจิตใจสงบเป็นกลาง
    อากาศว่าร้อนแล้วแต่ใจคนนั้นร้อนกว่าเพราะทำในสิ่งไม่ดีถ้าทำในสิ่งที่ดีใจก็จะร่มเย็นเป็นสุขมีธรรมนำหน้าจิตใจสงบเป็นกลาง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากฐานข้อมูล Carbon Majors รายงานล่าสุดเปิดเผยว่าในปี 2023 การปล่อยมลพิษจากบริษัทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่งผลกระทบต่อโลกร้อนอย่างมหาศาล ที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือ กว่า 50% ของการปล่อยมลพิษทั้งหมดมาจากบริษัทเพียง 36 แห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ

    บริษัทที่ปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2023
    บริษัทของรัฐ:
    - Aramco (ซาอุดิอาระเบีย)
    - Coal India (อินเดีย)
    - CHN Energy (จีน)
    - NIOC (อิหร่าน)
    - Jinneng Group (จีน)

    บริษัทเอกชน:
    - ExxonMobil (สหรัฐฯ)
    - Chevron (สหรัฐฯ)
    - Shell (สหราชอาณาจักร)
    - TotalEnergies (ฝรั่งเศส)
    - BP (สหราชอาณาจักร)

    บริษัทของรัฐในกลุ่ม Top 20 มีส่วนปล่อย CO2 ถึง 52% ของการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมทั่วโลก ขณะที่บริษัทจากจีนเพียงประเทศเดียวปล่อย CO2 ถึง 23% ของการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิลและปูนซีเมนต์

    นอกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังมีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2023 โดยบริษัทที่มียอดปล่อยมลพิษสูงสุดได้แก่ Holcim Group, Heidelberg Materials, UltraTech Cement และ CRH

    ฐานข้อมูล Carbon Majors ไม่เพียงแต่ใช้ติดตามข้อมูลการปล่อยก๊าซ แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญในกรณีทางกฎหมาย เช่น การผลักดันกฎหมาย Climate Superfund ในรัฐ Vermont และ New York รวมถึงการประเมินผลกระทบของบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    ข้อมูลล่าสุดจาก International Energy Agency ชี้ว่าโครงการพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เริ่มขึ้นหลังปี 2021 ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของการลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 หากเราต้องการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C การปล่อยก๊าซต้องลดลง 45% ภายในปี 2030

    https://www.techspot.com/news/107070-36-companies-account-50-global-co2-emissions-report.html
    จากฐานข้อมูล Carbon Majors รายงานล่าสุดเปิดเผยว่าในปี 2023 การปล่อยมลพิษจากบริษัทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่งผลกระทบต่อโลกร้อนอย่างมหาศาล ที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือ กว่า 50% ของการปล่อยมลพิษทั้งหมดมาจากบริษัทเพียง 36 แห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ บริษัทที่ปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2023 บริษัทของรัฐ: - Aramco (ซาอุดิอาระเบีย) - Coal India (อินเดีย) - CHN Energy (จีน) - NIOC (อิหร่าน) - Jinneng Group (จีน) บริษัทเอกชน: - ExxonMobil (สหรัฐฯ) - Chevron (สหรัฐฯ) - Shell (สหราชอาณาจักร) - TotalEnergies (ฝรั่งเศส) - BP (สหราชอาณาจักร) บริษัทของรัฐในกลุ่ม Top 20 มีส่วนปล่อย CO2 ถึง 52% ของการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมทั่วโลก ขณะที่บริษัทจากจีนเพียงประเทศเดียวปล่อย CO2 ถึง 23% ของการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิลและปูนซีเมนต์ นอกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังมีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2023 โดยบริษัทที่มียอดปล่อยมลพิษสูงสุดได้แก่ Holcim Group, Heidelberg Materials, UltraTech Cement และ CRH ฐานข้อมูล Carbon Majors ไม่เพียงแต่ใช้ติดตามข้อมูลการปล่อยก๊าซ แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญในกรณีทางกฎหมาย เช่น การผลักดันกฎหมาย Climate Superfund ในรัฐ Vermont และ New York รวมถึงการประเมินผลกระทบของบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลล่าสุดจาก International Energy Agency ชี้ว่าโครงการพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เริ่มขึ้นหลังปี 2021 ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของการลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 หากเราต้องการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C การปล่อยก๊าซต้องลดลง 45% ภายในปี 2030 https://www.techspot.com/news/107070-36-companies-account-50-global-co2-emissions-report.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Just 36 companies account for 50% of global CO2 emissions, report reveals
    The data indicates that over 50 percent of these emissions can be attributed to just 36 high-emitting companies, with state-owned enterprises playing a significant role.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดตำนานถุงดำอำมหิต! เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ “ผู้กำกับโจ้” ถูกปองร้าย หรือว่า... ฆ่าตัวตาย?

    📌 การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้สร้างข้อกังขามากมายให้กับสังคม เกิดคำถามว่า เป็นการฆ่าตัวตายจริง หรือถูกปองร้าย? โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประวัติ ที่เต็มไปด้วยความอื้อฉาว ทั้งคดีรีดไถ และการคลุมถุงดำผู้ต้องหาจนเสียชีวิต

    แม้ว่ากรมราชทัณฑ์จะออกมาแถลงว่า "ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต จากการผูกคอภายในห้องขัง" แต่ญาติและทนายความ กลับสงสัยถึงความเป็นไปได้ ของการถูกทำร้ายในเรือนจำ เรื่องราวนี้จะลงเอยอย่างไร? และมีเงื่อนงำอะไรที่ต้องจับตา?

    📍 ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมพบ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" นั่งพิงประตูห้องขังในท่าทีผิดปกติ เมื่อตรวจสอบพบว่า ใช้ผ้าขนหนูผูกคอ และไม่มีชีพจร จึงเร่งนำตัวส่งแพทย์ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

    💬 เรือนจำกลางคลองเปรมยืนยันว่า
    - ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายบนร่างกาย
    - กล้องวงจรปิดไม่พบใครเข้าออกห้องขัง ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต
    - ผู้กำกับโจ้มีประวัติ "วิตกกังวลและหวาดระแวง" เนื่องจากเป็นอดีตตำรวจ จึงถูกแยกขังเดี่ยว เพื่อความปลอดภัย

    แต่อีกด้านหนึ่ง ทนายความ และครอบครัวของผู้กำกับโจ้ กลับตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตอาจมีเงื่อนงำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ 🚨

    🔍 คำถามที่สังคมสงสัย ผู้กำกับโจ้ถูกสังหาร หรือว่า... ฆ่าตัวตาย?
    📌 หลักฐานที่สนับสนุนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย
    ✔️ ถูกขังเดี่ยว ไม่มีผู้ต้องขังคนอื่นในห้องขัง
    ✔️ ภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่มีใครเข้าออกห้องขัง
    ✔️ ประวัติอาการทางจิตเวช มีภาวะเครียด วิตกกังวล และหวาดระแวง
    ✔️ คำให้การของเรือนจำระบุว่า ผู้กำกับโจ้มีพฤติกรรมซึมเศร้า และวิตกกังวลมานาน

    ❗ หลักฐานที่บ่งชี้ว่า อาจถูกฆาตกรรม
    ❌ เคยแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ มีใบรับรองแพทย์ยืนยันรอยฟกช้ำ
    ❌ ถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยมจากทนาย ก่อนเสียชีวิต ทนายของผู้กำกับโจ้ ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปพบ
    ❌ ปริศนาเรื่องอาวุธที่ใช้ฆ่าตัวตาย ใช้เพียง "ผ้าขนหนู" ผูกคอซึ่งอาจไม่แข็งแรงพอ

    🔎 ข้อสังเกต หากการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เป็น "การฆ่าตัวตาย" จริง คำถามสำคัญคือ เหตุใดคนที่เคยเป็นตำรวจผู้มีอิทธิพล และมีเครือข่ายมากมาย จึงตัดสินใจเช่นนี้? หรืออาจเป็นไปได้ว่า มีผู้ไม่ต้องการให้ผู้กำกับโจ้ เปิดเผยข้อมูลบางอย่าง?

    📜 ย้อนรอยคดี "ถุงดำอำมหิต" ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม "ผู้กำกับโจ้" กับคดีฆาตกรรม ที่สะเทือนขวัญทั้งประเทศ 🔴

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ถูกเปิดโปงว่า ใช้ถุงดำคลุมหัวรีดเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิต ภายในห้องสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์

    💣 หลักฐานสำคัญ กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชัดว่า ผู้ต้องหาถูกทรมานจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของตำรวจ ที่อ้างว่าผู้ต้องหาเสียชีวิต เพราะเสพยาเสพติดเกินขนาด

    ⚖️ ศาลชั้นต้นพิพากษา "ประหารชีวิต" ผู้กำกับโจ้ แต่ลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ ส่วนลูกน้องตำรวจที่ร่วมกระทำผิด ได้รับโทษแตกต่างกัน

    ⚡ ชีวิตในเรือนจำ ผู้กำกับโจ้ถูกคุมขังตั้งแต่ 27 สิงหาคม 2564 มีทรัพย์สินมากมายกว่า สองพันล้านบาท จากคดีทุจริตต่างๆ เคยหวังว่า จะสามารถใช้เส้นสาย และทรัพย์สินช่วยให้พ้นโทษ

    📌 สุดท้ายแล้ว… แม้จะรอดพ้นจากโทษประหาร แต่ชีวิตของผู้กำกับโจ้ ก็ต้องจบลงในเรือนจำ

    🏛️ ความลับที่อาจถูกฝังไปพร้อมกับ "ผู้กำกับโจ้" คำถามสำคัญที่ต้องจับตาต่อไปคือ 🕵🏻‍♂️
    - ผู้กำกับโจ้กำลังซ่อนความลับอะไรอยู่?
    - มีใครต้องการปิดปากผู้กำกับโจ้หรือไม่?
    - มีเครือข่ายอำนาจ หรือกลุ่มผลประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า?

    🔥 หรือท้ายที่สุดแล้ว การเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ จะเป็นเพียงโศกนาฏกรรมของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่เคยคิดว่า ตัวเองจะอยู่เหนือกฎหมาย?

    🔮 "คดีนี้จบแล้วจริงหรือ?" การเสียชีวิตของ "ผู้กำกับโจ้" ได้สร้างคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แม้ว่าทางกรมราชทัณฑ์ จะยืนยันว่าเป็น "การฆ่าตัวตาย" แต่หลักฐานหลายอย่าง ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า "มีใครบางคน อยู่เบื้องหลังหรือไม่?" 📢

    ⏳ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรศพ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการไขปริศนาครั้งนี้

    ❗ คดีนี้ยังไม่จบ... และอาจมีเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอวันถูกเปิดเผย!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 081808 มี.ค. 2568

    📢 #ผู้กำกับโจ้ #ถุงดำอำมหิต #ตายปริศนา #คดีดัง #ตำรวจไทย #เรือนจำคลองเปรม #ฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม #เปิดโปงความจริง #อำนาจมืด #สะเทือนขวัญ
    ปิดตำนานถุงดำอำมหิต! เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ “ผู้กำกับโจ้” ถูกปองร้าย หรือว่า... ฆ่าตัวตาย? 📌 การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้สร้างข้อกังขามากมายให้กับสังคม เกิดคำถามว่า เป็นการฆ่าตัวตายจริง หรือถูกปองร้าย? โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประวัติ ที่เต็มไปด้วยความอื้อฉาว ทั้งคดีรีดไถ และการคลุมถุงดำผู้ต้องหาจนเสียชีวิต แม้ว่ากรมราชทัณฑ์จะออกมาแถลงว่า "ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต จากการผูกคอภายในห้องขัง" แต่ญาติและทนายความ กลับสงสัยถึงความเป็นไปได้ ของการถูกทำร้ายในเรือนจำ เรื่องราวนี้จะลงเอยอย่างไร? และมีเงื่อนงำอะไรที่ต้องจับตา? 📍 ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมพบ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" นั่งพิงประตูห้องขังในท่าทีผิดปกติ เมื่อตรวจสอบพบว่า ใช้ผ้าขนหนูผูกคอ และไม่มีชีพจร จึงเร่งนำตัวส่งแพทย์ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ 💬 เรือนจำกลางคลองเปรมยืนยันว่า - ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายบนร่างกาย - กล้องวงจรปิดไม่พบใครเข้าออกห้องขัง ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต - ผู้กำกับโจ้มีประวัติ "วิตกกังวลและหวาดระแวง" เนื่องจากเป็นอดีตตำรวจ จึงถูกแยกขังเดี่ยว เพื่อความปลอดภัย แต่อีกด้านหนึ่ง ทนายความ และครอบครัวของผู้กำกับโจ้ กลับตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตอาจมีเงื่อนงำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ 🚨 🔍 คำถามที่สังคมสงสัย ผู้กำกับโจ้ถูกสังหาร หรือว่า... ฆ่าตัวตาย? 📌 หลักฐานที่สนับสนุนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย ✔️ ถูกขังเดี่ยว ไม่มีผู้ต้องขังคนอื่นในห้องขัง ✔️ ภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่มีใครเข้าออกห้องขัง ✔️ ประวัติอาการทางจิตเวช มีภาวะเครียด วิตกกังวล และหวาดระแวง ✔️ คำให้การของเรือนจำระบุว่า ผู้กำกับโจ้มีพฤติกรรมซึมเศร้า และวิตกกังวลมานาน ❗ หลักฐานที่บ่งชี้ว่า อาจถูกฆาตกรรม ❌ เคยแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ มีใบรับรองแพทย์ยืนยันรอยฟกช้ำ ❌ ถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยมจากทนาย ก่อนเสียชีวิต ทนายของผู้กำกับโจ้ ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปพบ ❌ ปริศนาเรื่องอาวุธที่ใช้ฆ่าตัวตาย ใช้เพียง "ผ้าขนหนู" ผูกคอซึ่งอาจไม่แข็งแรงพอ 🔎 ข้อสังเกต หากการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เป็น "การฆ่าตัวตาย" จริง คำถามสำคัญคือ เหตุใดคนที่เคยเป็นตำรวจผู้มีอิทธิพล และมีเครือข่ายมากมาย จึงตัดสินใจเช่นนี้? หรืออาจเป็นไปได้ว่า มีผู้ไม่ต้องการให้ผู้กำกับโจ้ เปิดเผยข้อมูลบางอย่าง? 📜 ย้อนรอยคดี "ถุงดำอำมหิต" ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม "ผู้กำกับโจ้" กับคดีฆาตกรรม ที่สะเทือนขวัญทั้งประเทศ 🔴 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ถูกเปิดโปงว่า ใช้ถุงดำคลุมหัวรีดเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิต ภายในห้องสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ 💣 หลักฐานสำคัญ กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชัดว่า ผู้ต้องหาถูกทรมานจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของตำรวจ ที่อ้างว่าผู้ต้องหาเสียชีวิต เพราะเสพยาเสพติดเกินขนาด ⚖️ ศาลชั้นต้นพิพากษา "ประหารชีวิต" ผู้กำกับโจ้ แต่ลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ ส่วนลูกน้องตำรวจที่ร่วมกระทำผิด ได้รับโทษแตกต่างกัน ⚡ ชีวิตในเรือนจำ ผู้กำกับโจ้ถูกคุมขังตั้งแต่ 27 สิงหาคม 2564 มีทรัพย์สินมากมายกว่า สองพันล้านบาท จากคดีทุจริตต่างๆ เคยหวังว่า จะสามารถใช้เส้นสาย และทรัพย์สินช่วยให้พ้นโทษ 📌 สุดท้ายแล้ว… แม้จะรอดพ้นจากโทษประหาร แต่ชีวิตของผู้กำกับโจ้ ก็ต้องจบลงในเรือนจำ 🏛️ ความลับที่อาจถูกฝังไปพร้อมกับ "ผู้กำกับโจ้" คำถามสำคัญที่ต้องจับตาต่อไปคือ 🕵🏻‍♂️ - ผู้กำกับโจ้กำลังซ่อนความลับอะไรอยู่? - มีใครต้องการปิดปากผู้กำกับโจ้หรือไม่? - มีเครือข่ายอำนาจ หรือกลุ่มผลประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า? 🔥 หรือท้ายที่สุดแล้ว การเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ จะเป็นเพียงโศกนาฏกรรมของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่เคยคิดว่า ตัวเองจะอยู่เหนือกฎหมาย? 🔮 "คดีนี้จบแล้วจริงหรือ?" การเสียชีวิตของ "ผู้กำกับโจ้" ได้สร้างคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แม้ว่าทางกรมราชทัณฑ์ จะยืนยันว่าเป็น "การฆ่าตัวตาย" แต่หลักฐานหลายอย่าง ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า "มีใครบางคน อยู่เบื้องหลังหรือไม่?" 📢 ⏳ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรศพ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการไขปริศนาครั้งนี้ ❗ คดีนี้ยังไม่จบ... และอาจมีเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอวันถูกเปิดเผย! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 081808 มี.ค. 2568 📢 #ผู้กำกับโจ้ #ถุงดำอำมหิต #ตายปริศนา #คดีดัง #ตำรวจไทย #เรือนจำคลองเปรม #ฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม #เปิดโปงความจริง #อำนาจมืด #สะเทือนขวัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพประชาชนชาวอลาวีที่มาหลบภัยการสังหารอย่างโหดเหี้ยมจากกองกำลังของโจลานี (HTS) ที่ฐานทัพอากาศคไมมิม (Russia's Khmeimim airbase)ของรัสเซีย ในภูมิภาคลาตาเกีย
    ภาพประชาชนชาวอลาวีที่มาหลบภัยการสังหารอย่างโหดเหี้ยมจากกองกำลังของโจลานี (HTS) ที่ฐานทัพอากาศคไมมิม (Russia's Khmeimim airbase)ของรัสเซีย ในภูมิภาคลาตาเกีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินีฯ ในฉลองพระองค์นักบิน เสด็จเป็นประธานงาน 88 ปี กองทัพอากาศ ดอนเมือง ( 7 มีนาคม 2568 )
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินีฯ ในฉลองพระองค์นักบิน เสด็จเป็นประธานงาน 88 ปี กองทัพอากาศ ดอนเมือง ( 7 มีนาคม 2568 )
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • ภาพกลุ่มก่อการร้าย HTS ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลซีเรีย กำลังทิ้งระเบิดถัง (barrel bombs) ซึ่งเป็นอาวุธของกองทัพ SAA (รับบาลซีเรียเดิม ก่อนถูกโค่นล้ม) เป้าหมายในละแวกใกล้เคียงฐานทัพอากาศของรัสเซียทางตะวันออกของลาตาเกีย

    การทิ้งระเบิดลักษณะนี้ คือการสุ่มโจมตี ระเบิดที่ตกลงไปอาจเป็นเป้าหมายที่พักพลเรือนได้

    ที่ผ่านมารัฐบาลของอดีตปธน.อัสซาด แห่งซีเรีย เคยใช้ระเบิดถัง (barrel bombs) ในการโจมตีกลุ่มต่อต้านรัฐบาล แต่ถูกนานาชาติประณามอย่างรุนแรง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ระเบิดจะตกลงไปในเขตชุมชนของพลเรือน
    ภาพกลุ่มก่อการร้าย HTS ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลซีเรีย กำลังทิ้งระเบิดถัง (barrel bombs) ซึ่งเป็นอาวุธของกองทัพ SAA (รับบาลซีเรียเดิม ก่อนถูกโค่นล้ม) เป้าหมายในละแวกใกล้เคียงฐานทัพอากาศของรัสเซียทางตะวันออกของลาตาเกีย การทิ้งระเบิดลักษณะนี้ คือการสุ่มโจมตี ระเบิดที่ตกลงไปอาจเป็นเป้าหมายที่พักพลเรือนได้ ที่ผ่านมารัฐบาลของอดีตปธน.อัสซาด แห่งซีเรีย เคยใช้ระเบิดถัง (barrel bombs) ในการโจมตีกลุ่มต่อต้านรัฐบาล แต่ถูกนานาชาติประณามอย่างรุนแรง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ระเบิดจะตกลงไปในเขตชุมชนของพลเรือน
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • ภาพชาวอลาวีมารวมตัวเรียกร้องให้กองกำลังรัสเซียที่ฐานทัพอากาศคไมมิม (Russia's Khmeimim airbase) ในภูมิภาคลาตาเกีย ช่วยปกป้องพวกเขา หลังจากมีรายงานกองกำลัง HTS ของรัฐบาลซีเรียใหม่ ซึ่งอดีตคือกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง กำลังไล่ล่ากำจัดพวกเขา
    ภาพชาวอลาวีมารวมตัวเรียกร้องให้กองกำลังรัสเซียที่ฐานทัพอากาศคไมมิม (Russia's Khmeimim airbase) ในภูมิภาคลาตาเกีย ช่วยปกป้องพวกเขา หลังจากมีรายงานกองกำลัง HTS ของรัฐบาลซีเรียใหม่ ซึ่งอดีตคือกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง กำลังไล่ล่ากำจัดพวกเขา
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้ายมาจะสิบปีแหละ ได้ยินเสียงเครื่องบินมาตลอด มีปีนี้แหละ ได้เก็บภาพเครื่องบินผ่านหน้าบ้าน โดยไม่ต้องขึ้นชั้นสองหรือชั้นสิบเหมือนตอนวันเด็ก

    ก่อนจะบันทึกภาพ ฝูงบิน บินผ่านไปได้สัก สี่รอบ จึงเตรียมมือถือรอบันทึก .. ดีใจสุดๆ 🥰🥰

    #88ปีกองทัพอากาศ
    #AirShow รอบที่ 1
    ย้ายมาจะสิบปีแหละ ได้ยินเสียงเครื่องบินมาตลอด มีปีนี้แหละ ได้เก็บภาพเครื่องบินผ่านหน้าบ้าน โดยไม่ต้องขึ้นชั้นสองหรือชั้นสิบเหมือนตอนวันเด็ก ก่อนจะบันทึกภาพ ฝูงบิน บินผ่านไปได้สัก สี่รอบ จึงเตรียมมือถือรอบันทึก .. ดีใจสุดๆ 🥰🥰 #88ปีกองทัพอากาศ #AirShow รอบที่ 1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กองทัพอากาศยูเครนรายงาน รัสเซียใช้อาวุธรวม 261 รายการ สามารถสกัดกั้นได้ 134 รายการ และอาวุธของรัสเซียสูญหายโดยไปไม่ถึงเป้าหมายอีก 96 รายการ
    ขณะที่มีรายงานวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 2.6 2.6 ริกเตอร์ ระหว่างการโจมตีของรัสเซียที่โรงเก็บก๊าซแห่งหนึ่งในเขตเตอร์โนปิล (Ternopil):

    กองทัพอากาศยูเครนรายงานตรวจพบการโจมตีทางอากาศของรัสเซียจำนวนรวมทั้งสิ้น 261 เป้าหมาย ประกอบไปด้วยขีปนาวุธ 67 ลูก ในประเภทต่างๆ และโดรนโจมตีอีก 194 ลำ แบ่งเป็น:
    ขีปนาวุธร่อน Kh-101/Kh-55 จำนวน 35 ลูก
    ขีปนาวุธร่อน Kalibr จำนวน 8 ลูก
    ขีปนาวุธ Iskander-M/KN-23 จำนวน 3 ลูก
    ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานนำวิถี S-300 จำนวน 4 ลูก
    ขีปนาวุธนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-59/69 จำนวน 8 ลูก
    โดรนโจมตี Shahed จำนวน 194 ลำ

    กองทัพอากาศยูเครน รายงานการสกัดกั้นด้วยขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน อุปกรณ์สงครามอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเครื่องบิน F-16 และ Mirage-2000 (ฝรั่งเศส)
    ณ เวลา 10.00 น. ยืนยันการทำลายเป้าหมายรวม 134 เป้าหมาย ประกอบด้วย:
    ขีปนาวุธร่อน Kh-101/Kh-55cm จำนวน 25 ลูก
    ขีปนาวุธร่อน Kalibr จำนวน 8 ลูก
    ขีปนาวุธนำวิถีอากาศสู่อากาศ Kh-59/69 จำนวน 1 ลูก
    โดรนโจมตี Shahed จำนวน 100 ลำ

    นอกจากนี้ กองทัพอากาศยูเครนยังรายงานเพิ่มเติมว่า ขีปนาวุธของรัสเซียมากถึง 10 ลูก และโดรนอีก 86 ลำ ไม่สามารถโจมตีเป้าหมายยูเครนได้ (ไม่รวมอยู่ในการสกัดกั้นของยูเครน อาจจะเกิดจากความผิดพลาดของการทำงานของขีปนาวุธเอง)

    ข้อมูลเพิ่มเติมจากสื่อในพื้นที่:
    มีรายงานกองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธไปที่โรงเก็บก๊าซแห่งหนึ่งในเขตเตอร์โนปิล (Ternopil) จากแรงระเบิด ทำให้เครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวสามารถวัดขนาดได้ 2.6 ริกเตอร์
    กองทัพอากาศยูเครนรายงาน รัสเซียใช้อาวุธรวม 261 รายการ สามารถสกัดกั้นได้ 134 รายการ และอาวุธของรัสเซียสูญหายโดยไปไม่ถึงเป้าหมายอีก 96 รายการ ขณะที่มีรายงานวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 2.6 2.6 ริกเตอร์ ระหว่างการโจมตีของรัสเซียที่โรงเก็บก๊าซแห่งหนึ่งในเขตเตอร์โนปิล (Ternopil): กองทัพอากาศยูเครนรายงานตรวจพบการโจมตีทางอากาศของรัสเซียจำนวนรวมทั้งสิ้น 261 เป้าหมาย ประกอบไปด้วยขีปนาวุธ 67 ลูก ในประเภทต่างๆ และโดรนโจมตีอีก 194 ลำ แบ่งเป็น: ขีปนาวุธร่อน Kh-101/Kh-55 จำนวน 35 ลูก ขีปนาวุธร่อน Kalibr จำนวน 8 ลูก ขีปนาวุธ Iskander-M/KN-23 จำนวน 3 ลูก ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานนำวิถี S-300 จำนวน 4 ลูก ขีปนาวุธนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-59/69 จำนวน 8 ลูก โดรนโจมตี Shahed จำนวน 194 ลำ กองทัพอากาศยูเครน รายงานการสกัดกั้นด้วยขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน อุปกรณ์สงครามอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเครื่องบิน F-16 และ Mirage-2000 (ฝรั่งเศส) ณ เวลา 10.00 น. ยืนยันการทำลายเป้าหมายรวม 134 เป้าหมาย ประกอบด้วย: ขีปนาวุธร่อน Kh-101/Kh-55cm จำนวน 25 ลูก ขีปนาวุธร่อน Kalibr จำนวน 8 ลูก ขีปนาวุธนำวิถีอากาศสู่อากาศ Kh-59/69 จำนวน 1 ลูก โดรนโจมตี Shahed จำนวน 100 ลำ นอกจากนี้ กองทัพอากาศยูเครนยังรายงานเพิ่มเติมว่า ขีปนาวุธของรัสเซียมากถึง 10 ลูก และโดรนอีก 86 ลำ ไม่สามารถโจมตีเป้าหมายยูเครนได้ (ไม่รวมอยู่ในการสกัดกั้นของยูเครน อาจจะเกิดจากความผิดพลาดของการทำงานของขีปนาวุธเอง) ข้อมูลเพิ่มเติมจากสื่อในพื้นที่: มีรายงานกองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธไปที่โรงเก็บก๊าซแห่งหนึ่งในเขตเตอร์โนปิล (Ternopil) จากแรงระเบิด ทำให้เครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวสามารถวัดขนาดได้ 2.6 ริกเตอร์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ในหลวง-พระราชินี'เสด็จฯไปทอดพระเนตรการแสดงการบินเนื่องในโอกาสครบ 88 ปีกองทัพอากาศ
    https://www.thai-tai.tv/news/17538/
    'ในหลวง-พระราชินี'เสด็จฯไปทอดพระเนตรการแสดงการบินเนื่องในโอกาสครบ 88 ปีกองทัพอากาศ https://www.thai-tai.tv/news/17538/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts