• Sondhitalk EP 279 : บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? (Full)

    - บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ?
    - ขุดรากปัญหา “จีนเทา” เจอ “ไทยเทา”
    - USAID “องค์กรอาชญากรรม”
    - DeepSeek เขย่าวงการ AI โลกไม่หยุด

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #บิ๊กโจ๊ก #ผบตร #จีนเทา #ไทยเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ตัดไฟพม่า #หลิวจงอี้ #USAID #องค์กรอาชญากรรม #DeepSeek #AI
    Sondhitalk EP 279 : บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? (Full) - บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? - ขุดรากปัญหา “จีนเทา” เจอ “ไทยเทา” - USAID “องค์กรอาชญากรรม” - DeepSeek เขย่าวงการ AI โลกไม่หยุด #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #บิ๊กโจ๊ก #ผบตร #จีนเทา #ไทยเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ตัดไฟพม่า #หลิวจงอี้ #USAID #องค์กรอาชญากรรม #DeepSeek #AI
    Like
    Love
    Yay
    Wow
    21
    2 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 730 มุมมอง 100 1 รีวิว
  • มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ กล่าวโจมตีสำนักงานพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ในวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) เรียกหน่วยงานแห่งนี้ว่าเป็น "องค์กรก่อการร้าย" หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศของวอชิงตันเป็นเวลา 3 เดือน
    .
    หลังจากระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับตั้งแต่นั้นรัฐบาลของทรัมป์ ได้ออกประกาศมอบข้อยกเว้นบางส่วนสำหรับเงินช่วยเหลือด้านอาการและมนุษยธรรมอื่นๆ แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความช่วยเหลือบอกว่าคำสั่งดังกล่าวยังคงนำพามาซึ่งความไม่แน่นอน และกลุ่มคนอ่อนแอที่สุดในโลกบางส่วนเริ่มสัมผัสได้ถึงผลกระทบของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    ทรัมป์ มอบหมายให้ มัสก์ รับผิดชอบด้านการตัดลดคนงานรัฐบาลและปรับลดในสิ่งที่ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้เรียกว่าเป็นการใช้จ่ายที่เปล่าประโยชน์และไม่จำเป็น ภายใต้หน้ากากของกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency - DOGE) ซึ่งเวลานี้กำลังเล่นงาน USAID ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    .
    "USAID คือองค์กรอาชญากรรม" มัสก์ เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของเขาเอง ตอบกลับวิดีโอหนึ่งที่กล่าวอ้างว่า USAID เกี่ยวข้องกับ "งานเกเรของ CIA" และ "เซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ต"
    .
    ข้อความในโพสต์ต่อมา มัสก์เน้นย้ำในคำกล่าวหานี้ แต่ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ เขาถามผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ 215 ล้านคน "คุณรู้หรือไม่ว่า USAID ใช้ภาษีเงินดอลลาร์ของคุณเป็นทุนวิจัยอาวุธชีวภาพ ในนั้นรวมถึงโควิด-19 ที่เข่นฆ่าผู้คนหลายล้านคน"
    .
    มีรายงานว่า ทรัมป์ ต้องการดึง USAID ซึ่งปัจจุบันเป็นหน่วยงานอิสระ เข้าไปอยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงการต่างประเทศ แต่พอสำนักข่าวเอเอฟพีติดต่อสอบถามในเรื่องนี้ ทางคณะทำงานของทรัมป์ ยังไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
    .
    เอเอฟพียืนยันว่าเวลานี้เว็บไซต์ของ USAID หยุดให้บริการแล้ว หลังจากที่ ทรัมป์ สั่งระงับการช่วยเหลือต่างประเทศและองค์การพัฒนาทั่วโลก ทำให้ต้องมีการพักงาน เลิกจ้าง และปิดโครงการต่างๆ หลายพันโครงการ
    .
    USAID เป็นองค์กรอิสระที่ถูกจัดตั้งขึ้นในนามของสภาคองเกรส ทำหน้าที่บริหารจัดการงบประมาณกว่า 42,800 ล้านดอลลาร์ ที่มีเจตนาบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมและมอบความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่ทั่วโลก
    .
    คริส เมอร์ฟีย์ สมาชิกวุฒิสภาจากเดโมแครต วิพากษ์วิจารณ์คำสั่งของทรัมป์ ว่าเทียบเท่ากับเป็นการทำลายล้างองค์กรแห่งนี้โดยสิ้นเชิง
    .
    ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของ USAID จำนวน 2 ราย ถูกบังคับให้ลางาน หลังจากพวกเขาห้ามเจ้าหน้าที่จากกระทรวง DOGE ของมัสก์ เข้าถึงเอกสารลับ ส่วนหนึ่งในความพยายามอย่างกว้างขวางในการตรวจสอบงบประมาณของรัฐบาล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010780
    ..................
    Sondhi X
    มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ กล่าวโจมตีสำนักงานพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ในวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) เรียกหน่วยงานแห่งนี้ว่าเป็น "องค์กรก่อการร้าย" หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศของวอชิงตันเป็นเวลา 3 เดือน . หลังจากระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับตั้งแต่นั้นรัฐบาลของทรัมป์ ได้ออกประกาศมอบข้อยกเว้นบางส่วนสำหรับเงินช่วยเหลือด้านอาการและมนุษยธรรมอื่นๆ แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความช่วยเหลือบอกว่าคำสั่งดังกล่าวยังคงนำพามาซึ่งความไม่แน่นอน และกลุ่มคนอ่อนแอที่สุดในโลกบางส่วนเริ่มสัมผัสได้ถึงผลกระทบของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . ทรัมป์ มอบหมายให้ มัสก์ รับผิดชอบด้านการตัดลดคนงานรัฐบาลและปรับลดในสิ่งที่ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้เรียกว่าเป็นการใช้จ่ายที่เปล่าประโยชน์และไม่จำเป็น ภายใต้หน้ากากของกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency - DOGE) ซึ่งเวลานี้กำลังเล่นงาน USAID ซ้ำแล้วซ้ำเล่า . "USAID คือองค์กรอาชญากรรม" มัสก์ เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของเขาเอง ตอบกลับวิดีโอหนึ่งที่กล่าวอ้างว่า USAID เกี่ยวข้องกับ "งานเกเรของ CIA" และ "เซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ต" . ข้อความในโพสต์ต่อมา มัสก์เน้นย้ำในคำกล่าวหานี้ แต่ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ เขาถามผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ 215 ล้านคน "คุณรู้หรือไม่ว่า USAID ใช้ภาษีเงินดอลลาร์ของคุณเป็นทุนวิจัยอาวุธชีวภาพ ในนั้นรวมถึงโควิด-19 ที่เข่นฆ่าผู้คนหลายล้านคน" . มีรายงานว่า ทรัมป์ ต้องการดึง USAID ซึ่งปัจจุบันเป็นหน่วยงานอิสระ เข้าไปอยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงการต่างประเทศ แต่พอสำนักข่าวเอเอฟพีติดต่อสอบถามในเรื่องนี้ ทางคณะทำงานของทรัมป์ ยังไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว . เอเอฟพียืนยันว่าเวลานี้เว็บไซต์ของ USAID หยุดให้บริการแล้ว หลังจากที่ ทรัมป์ สั่งระงับการช่วยเหลือต่างประเทศและองค์การพัฒนาทั่วโลก ทำให้ต้องมีการพักงาน เลิกจ้าง และปิดโครงการต่างๆ หลายพันโครงการ . USAID เป็นองค์กรอิสระที่ถูกจัดตั้งขึ้นในนามของสภาคองเกรส ทำหน้าที่บริหารจัดการงบประมาณกว่า 42,800 ล้านดอลลาร์ ที่มีเจตนาบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมและมอบความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่ทั่วโลก . คริส เมอร์ฟีย์ สมาชิกวุฒิสภาจากเดโมแครต วิพากษ์วิจารณ์คำสั่งของทรัมป์ ว่าเทียบเท่ากับเป็นการทำลายล้างองค์กรแห่งนี้โดยสิ้นเชิง . ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของ USAID จำนวน 2 ราย ถูกบังคับให้ลางาน หลังจากพวกเขาห้ามเจ้าหน้าที่จากกระทรวง DOGE ของมัสก์ เข้าถึงเอกสารลับ ส่วนหนึ่งในความพยายามอย่างกว้างขวางในการตรวจสอบงบประมาณของรัฐบาล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010780 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1028 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔊รู้กันยังว่า วัคซีน HPV ฉีดแล้วตุยได้😬 ไม่ต่างกับ แว๊กซ์โคขวิด💉☠️
    แถมที่บอกว่า ป้องกันมะเร็งก็โม้แบบไม่มีงานวิจัยอะไรรองรับ 💥 ใครจะให้ลูกหลานฉีด หาข้อมูลเพิ่มเติ่มหน่อยเน้อ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!

    วัคซีนป้องกันมะเร็ง HPV Gardasil คร่าอนาคตวัยรุ่น 📌Merck ถูกฟ้องปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง ทำให้วัยรุ่นหลายรายต้องพิการถาวร -เสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ขณะบริษัท กอบโกยกำไร 8 พันล้าน$ จากวัคซีนนี้ในปีเดียว
    👉Merck ผู้ผลิตยารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ เผชิญคดีฟ้องร้องจากการทำตลาดวัคซีน Gardasil ที่อ้างความปลอดภัยแต่พบผลข้างเคียงร้ายแรง ทั้งไมเกรน ปัญหาความจำ อัมพาตเป็นช่วง ปัญหาหัวใจ และกระเพาะอาหารอ่อนแรง ส่งผลให้วัยรุ่นบางรายพิการถาวร แม้สร้างกำไร 8,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ด้าน RFK Jr. ว่าที่รัฐมนตรีรัฐบาลทรัมป์ ประกาศจะเข้มงวดกับบริษัทยาที่เรียกว่า "องค์กรอาชญากรรม" ขณะที่ Merck มีประวัติจ่ายค่าเสียหายพันล้านดอลลาร์จากกรณียา Vioxx และถูกกล่าวหาทดลองยาในยูเครน #imctnews รายงาน

    https://www.facebook.com/share/p/1KoJZe36Ab/
    🔊รู้กันยังว่า วัคซีน HPV ฉีดแล้วตุยได้😬 ไม่ต่างกับ แว๊กซ์โคขวิด💉☠️ แถมที่บอกว่า ป้องกันมะเร็งก็โม้แบบไม่มีงานวิจัยอะไรรองรับ 💥 ใครจะให้ลูกหลานฉีด หาข้อมูลเพิ่มเติ่มหน่อยเน้อ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!! วัคซีนป้องกันมะเร็ง HPV Gardasil คร่าอนาคตวัยรุ่น 📌Merck ถูกฟ้องปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง ทำให้วัยรุ่นหลายรายต้องพิการถาวร -เสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ขณะบริษัท กอบโกยกำไร 8 พันล้าน$ จากวัคซีนนี้ในปีเดียว 👉Merck ผู้ผลิตยารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ เผชิญคดีฟ้องร้องจากการทำตลาดวัคซีน Gardasil ที่อ้างความปลอดภัยแต่พบผลข้างเคียงร้ายแรง ทั้งไมเกรน ปัญหาความจำ อัมพาตเป็นช่วง ปัญหาหัวใจ และกระเพาะอาหารอ่อนแรง ส่งผลให้วัยรุ่นบางรายพิการถาวร แม้สร้างกำไร 8,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ด้าน RFK Jr. ว่าที่รัฐมนตรีรัฐบาลทรัมป์ ประกาศจะเข้มงวดกับบริษัทยาที่เรียกว่า "องค์กรอาชญากรรม" ขณะที่ Merck มีประวัติจ่ายค่าเสียหายพันล้านดอลลาร์จากกรณียา Vioxx และถูกกล่าวหาทดลองยาในยูเครน #imctnews รายงาน https://www.facebook.com/share/p/1KoJZe36Ab/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนร้ายรายหนึ่งสังหารชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ในเหตุอาละวาดในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในมอนเตเนโกร ก่อนเสียชีวิตจากพิษบาดแผลอาการบาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นจากความพยายามฆ่าตัวตาย จากการเปิดเผยของ ดานิโล ซาราโนวิค รัฐมนตรีมหาดไทยของประเทศแห่งนี้
    .
    ตำรวจระบุตัวตนมือปืนชื่อ อเล็กซานเดอร์ มาร์ติโนวิช วัย 24 ปี และบอกว่าคนร้ายรายนี้พยายามฆ่าตัวตายใกล้บ้านพักของตนเองในเมืองเซติเญ ขณะกำลังถูกตำรวจต้อนจนมุม
    .
    "ตอนที่เขาเห็นว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ไร้ความหวัง เขาพยายามฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตระหว่างถูกลำเลียงตัวส่งโรงพยาบาล" ซาราโนวิค ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RTCG สื่อมวลชนแห่งรัฐมอนเตเนโกร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับความพยายามฆ่าตัวตาย
    .
    มาร์ติโนวิช พยายามหลบหนีหลังจากกราดยิงเข้าใส่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเซติเญ เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพอดกอรีตซา เมืองหลวงของมอนเตเนโกร ไปทางตะวันตกราว 38 กิโลเมตร ปลิดชีพชาวบ้านไป 4 ราย
    .
    จากนั้นมือปืนก็มุ่งหน้าไปยังจุดอื่นๆ อีก 3 แห่ง สังหารผู้คนไปอีกอย่างน้อย 6 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 2 คน จากการเปิดเผยของตำรวจ นอกจากนี้ ยังมีคนอื่น 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
    .
    ตำรวจเปิดเผยว่า มาร์ติโนวิช เคยมีประวัติเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย
    .
    เมื่อช่วงค่ำวันพุธ (1 ม.ค.) ลาซาร์ เชปาโนวิช ผู้บัญชาการตำรวจ เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยคงดื่มมาอย่างหนักก่อนลงมือไล่ยิงผู้คน ขณะที่นายกรัฐมนตรี มิโลจโก สปาจิช ระบุว่ามีเหตุกระทบกระทั่งกัน ก่อนหน้าการกราดยิง ความเห็นที่สอดคล้องกับความเห็นของตำรวจ ที่เชื่อว่าเหตุยิงกันในครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม
    .
    เหตุกราดยิงหมู่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ ในมอนเตเนโกร แต่ระยะหลังเริ่มพบเห็นบ่อยขึ้นเช่นกัน โดยหนล่าสุดเกิดขึ้นในเมืองเซติเญ เช่นกัน มี 11 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คนและมือปืนคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุโจมตีหมู่ดังกล่าว
    .
    ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในประเทศที่มีประชากร 605,000 คน ทาง สปาจิช เรียกเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่า "โศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยอง" และประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศ 3 วัน ทั้งนี้ ทางประธานาธิบดี ยาคอฟ มิลาโตวิช ก็รู้สึกขนลุกขนพองต่อเหตุโจมตีดังกล่าวเช่นกัน
    .
    แม้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอันเข้มงวด บรรดาประเทศแถบบอลข่านตะวันตก ที่ประกอบด้วยเซอร์เบีย มอนเตเนโกร บอสเนีย แอลเบเนีย โคโซโว และมาซิโดเนียเหนือ ยังคงเต็มไปด้วยอาวุธ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่มาจากสงครามนองเลือดในยุคทศวรรษ 1990 แต่บางส่วนย้อนกลับไปถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยทีเดียว
    .
    สปาจิช เปิดเผยว่าพวกเจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณายกระดับกฎเกณฑ์การเป็นเจ้าของและพกพาอาวุธปืนสั้น ในนั้นอาจรวมถึงความเป็นไปได้ในการแบนอาวุธดังกล่าวโดยสิ้นเชิง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000249
    ..............
    Sondhi X
    คนร้ายรายหนึ่งสังหารชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ในเหตุอาละวาดในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในมอนเตเนโกร ก่อนเสียชีวิตจากพิษบาดแผลอาการบาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นจากความพยายามฆ่าตัวตาย จากการเปิดเผยของ ดานิโล ซาราโนวิค รัฐมนตรีมหาดไทยของประเทศแห่งนี้ . ตำรวจระบุตัวตนมือปืนชื่อ อเล็กซานเดอร์ มาร์ติโนวิช วัย 24 ปี และบอกว่าคนร้ายรายนี้พยายามฆ่าตัวตายใกล้บ้านพักของตนเองในเมืองเซติเญ ขณะกำลังถูกตำรวจต้อนจนมุม . "ตอนที่เขาเห็นว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ไร้ความหวัง เขาพยายามฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตระหว่างถูกลำเลียงตัวส่งโรงพยาบาล" ซาราโนวิค ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RTCG สื่อมวลชนแห่งรัฐมอนเตเนโกร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับความพยายามฆ่าตัวตาย . มาร์ติโนวิช พยายามหลบหนีหลังจากกราดยิงเข้าใส่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเซติเญ เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพอดกอรีตซา เมืองหลวงของมอนเตเนโกร ไปทางตะวันตกราว 38 กิโลเมตร ปลิดชีพชาวบ้านไป 4 ราย . จากนั้นมือปืนก็มุ่งหน้าไปยังจุดอื่นๆ อีก 3 แห่ง สังหารผู้คนไปอีกอย่างน้อย 6 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 2 คน จากการเปิดเผยของตำรวจ นอกจากนี้ ยังมีคนอื่น 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเสี่ยงต่อการเสียชีวิต . ตำรวจเปิดเผยว่า มาร์ติโนวิช เคยมีประวัติเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย . เมื่อช่วงค่ำวันพุธ (1 ม.ค.) ลาซาร์ เชปาโนวิช ผู้บัญชาการตำรวจ เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยคงดื่มมาอย่างหนักก่อนลงมือไล่ยิงผู้คน ขณะที่นายกรัฐมนตรี มิโลจโก สปาจิช ระบุว่ามีเหตุกระทบกระทั่งกัน ก่อนหน้าการกราดยิง ความเห็นที่สอดคล้องกับความเห็นของตำรวจ ที่เชื่อว่าเหตุยิงกันในครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม . เหตุกราดยิงหมู่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ ในมอนเตเนโกร แต่ระยะหลังเริ่มพบเห็นบ่อยขึ้นเช่นกัน โดยหนล่าสุดเกิดขึ้นในเมืองเซติเญ เช่นกัน มี 11 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คนและมือปืนคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุโจมตีหมู่ดังกล่าว . ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในประเทศที่มีประชากร 605,000 คน ทาง สปาจิช เรียกเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่า "โศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยอง" และประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศ 3 วัน ทั้งนี้ ทางประธานาธิบดี ยาคอฟ มิลาโตวิช ก็รู้สึกขนลุกขนพองต่อเหตุโจมตีดังกล่าวเช่นกัน . แม้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอันเข้มงวด บรรดาประเทศแถบบอลข่านตะวันตก ที่ประกอบด้วยเซอร์เบีย มอนเตเนโกร บอสเนีย แอลเบเนีย โคโซโว และมาซิโดเนียเหนือ ยังคงเต็มไปด้วยอาวุธ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่มาจากสงครามนองเลือดในยุคทศวรรษ 1990 แต่บางส่วนย้อนกลับไปถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยทีเดียว . สปาจิช เปิดเผยว่าพวกเจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณายกระดับกฎเกณฑ์การเป็นเจ้าของและพกพาอาวุธปืนสั้น ในนั้นอาจรวมถึงความเป็นไปได้ในการแบนอาวุธดังกล่าวโดยสิ้นเชิง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000249 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1465 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนทำการประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่ง ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านหยวน (ราว 14,000 ล้านบาท) อ้างอิงข้อมูลจากศาลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของประเทศ ในขณะที่การลงทัณฑ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันในวงกว้างโดยพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง
    .
    หลี่ เจี้ยนผิง อดีตเลขาธิการคณะทำงานพรรคคอมมิวนิสต์ ด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองโฮฮอต ถูกพบว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง และสมคบคิดกับองค์กรอาชญากรรม
    .
    เบื้องต้น หลี่ วัย 64 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตในเดือนกันยายน 2022 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าเขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐในการยักยอกเงิน จากนั้นเขาพ่ายแพ้ในการยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดศาลประชาชนสูงสุด (The Supreme People's Court) ได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตในวันอังคาร (17 ธ.ค.)
    .
    ศาลสูงสุดระบุว่า หลี่ ยักยอกเงินกว่า 1,437 ล้านหยวน (ราว 6,700 ล้านบาท) ไปจากเงินทุนรัฐวิสาหกิจผ่านวิธีการตบตาต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเงินอีกกว่า 289 ล้านหยวน (ราว 1,350 ล้านบาท) ที่ยังติดตามคืนมาไม่ได้
    .
    นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังรับเงินสินบนอีกกว่า 577 ล้าานหยวน (ราว 2,700 ล้านบาท) แลกกับการมอบผลประโยชน์ต่างๆ และยักยอกเงินหลวงอีก 1,060 ล้านหยวน (ราว 4,950 ล้านบาท) ในนั้นมากกว่า 404 ล้านหยวน (ราว 1,900 ล้านบาท) ยังติดตามคืนมาไม่ได้ ตามรายงานของสื่อมวลชนจีน
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว หลิว เหลียงเก๋อ อดีตประธานธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ฐานรับสินบนคิดเป็นมูลค่าเกือบ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580 ล้านบาท) และปล่อยสินเชื่อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    การรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งได้รับการอนุมัติสืบเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และแสดงออกถึงการสำนึกผิด หมายความว่าเขาจะถูกประหารชีวิตก็ต่อเมื่อเขากระทำผิดทางอาญาซ้ำอีกระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากได้รับการบรรเทาโทษ เขาจะติดคุกตลอดชีวิตแทน
    .
    นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัย 3 ในปี 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยกระดับความพยายามอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน มีมหาเศรษฐีและนายธนาคารหลายคนที่ถูกขับไล่ออกจากพรรคและโดนจำคุก ในช่วงเวลาที่ปักกิ่งปฏิบัติการกวาดล้างต่อต้านคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง
    .
    ยุทธการดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชน แม้พวกนักวิจารณ์อ้างว่ามันเปิดทางให้ประธานาธิบดีรายนี้ รวมศูนย์อำนาจด้วยการขับไล่คู่ปรับออกจากตำแหน่งสำคัญๆ แล้วตั้งเหล่าผู้ภักดีเข้ามาทำหน้าที่แทน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121242
    ..............
    Sondhi X
    จีนทำการประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่ง ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านหยวน (ราว 14,000 ล้านบาท) อ้างอิงข้อมูลจากศาลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของประเทศ ในขณะที่การลงทัณฑ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันในวงกว้างโดยพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง . หลี่ เจี้ยนผิง อดีตเลขาธิการคณะทำงานพรรคคอมมิวนิสต์ ด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองโฮฮอต ถูกพบว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง และสมคบคิดกับองค์กรอาชญากรรม . เบื้องต้น หลี่ วัย 64 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตในเดือนกันยายน 2022 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าเขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐในการยักยอกเงิน จากนั้นเขาพ่ายแพ้ในการยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดศาลประชาชนสูงสุด (The Supreme People's Court) ได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตในวันอังคาร (17 ธ.ค.) . ศาลสูงสุดระบุว่า หลี่ ยักยอกเงินกว่า 1,437 ล้านหยวน (ราว 6,700 ล้านบาท) ไปจากเงินทุนรัฐวิสาหกิจผ่านวิธีการตบตาต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเงินอีกกว่า 289 ล้านหยวน (ราว 1,350 ล้านบาท) ที่ยังติดตามคืนมาไม่ได้ . นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังรับเงินสินบนอีกกว่า 577 ล้าานหยวน (ราว 2,700 ล้านบาท) แลกกับการมอบผลประโยชน์ต่างๆ และยักยอกเงินหลวงอีก 1,060 ล้านหยวน (ราว 4,950 ล้านบาท) ในนั้นมากกว่า 404 ล้านหยวน (ราว 1,900 ล้านบาท) ยังติดตามคืนมาไม่ได้ ตามรายงานของสื่อมวลชนจีน . เมื่อเดือนที่แล้ว หลิว เหลียงเก๋อ อดีตประธานธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ฐานรับสินบนคิดเป็นมูลค่าเกือบ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580 ล้านบาท) และปล่อยสินเชื่อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย . การรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งได้รับการอนุมัติสืบเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และแสดงออกถึงการสำนึกผิด หมายความว่าเขาจะถูกประหารชีวิตก็ต่อเมื่อเขากระทำผิดทางอาญาซ้ำอีกระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากได้รับการบรรเทาโทษ เขาจะติดคุกตลอดชีวิตแทน . นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัย 3 ในปี 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยกระดับความพยายามอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน มีมหาเศรษฐีและนายธนาคารหลายคนที่ถูกขับไล่ออกจากพรรคและโดนจำคุก ในช่วงเวลาที่ปักกิ่งปฏิบัติการกวาดล้างต่อต้านคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง . ยุทธการดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชน แม้พวกนักวิจารณ์อ้างว่ามันเปิดทางให้ประธานาธิบดีรายนี้ รวมศูนย์อำนาจด้วยการขับไล่คู่ปรับออกจากตำแหน่งสำคัญๆ แล้วตั้งเหล่าผู้ภักดีเข้ามาทำหน้าที่แทน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121242 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 852 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ บช.ก. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง “ไฮบริดสแกม” หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เสียหายนับร้อยล้านบาท

    วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.บก.ปอท. แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam” ทลายแก๊ง หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย,มุกดาหาร, สุรินทร์ ,กทม. ,สมุทรปราการ,อุทัยธานี ,นครราชสีมา , กาญจนบุรี,ปราจีนบุรีและ พระนครศรีอยุธยา

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000116317

    #MGROnline #ไฮบริดสแกม
    ตำรวจ บช.ก. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง “ไฮบริดสแกม” หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เสียหายนับร้อยล้านบาท • วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.บก.ปอท. แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam” ทลายแก๊ง หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย,มุกดาหาร, สุรินทร์ ,กทม. ,สมุทรปราการ,อุทัยธานี ,นครราชสีมา , กาญจนบุรี,ปราจีนบุรีและ พระนครศรีอยุธยา • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000116317 • #MGROnline #ไฮบริดสแกม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน
    .
    หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง
    .
    "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว
    .
    โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด
    .
    ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน
    .
    ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
    .
    เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน
    .
    "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล
    .
    ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร
    .
    https://sondhitalk.com/detail/9670000102037

    #Thaitimes
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน . หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง . "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว . โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด . ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน . ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย . เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน . "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล . ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร . https://sondhitalk.com/detail/9670000102037 #Thaitimes
    SONDHITALK.COM
    ส่อลุกลาม! เกาหลีใต้ขู่จัดอาวุธร้ายแรงให้ยูเครนตรงๆ เอาคืนเกาหลีเหนือส่งทหารช่วยรัสเซีย
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร(22ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 852 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน
    .
    หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง
    .
    "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว
    .
    โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด
    .
    ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน
    .
    ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
    .
    เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน
    .
    "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล
    .
    ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102037
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน . หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง . "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว . โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด . ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน . ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย . เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน . "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล . ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102037 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1351 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่วม 18 บอสดิไอคอน เตรียมโดนข้อหาฟอกเงิน
    .
    ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการตรวจสอบการทำธุรกิจของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นอกจากต้องจับตาความคืบหน้าในการขอประกันตัวของบรรดาเหล่าบอสคนดังแล้ว ปรากฎว่าการดำเนินไต่สวนของพนักงานสอบสวนก็มีความคืบหน้าเช่นกัน หลังจากมีรายงานว่ากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เตรียมแจ้งข้อหากับบรรดาบอสทั้ง 18 คน เพิ่มเติม
    .
    สำหรับฐานความผิดที่จะแจ้งเพิ่มนั้น มีข้อหาร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินเป็นหลัก นอกจากนี้อาจมีข้อหาอื่น ๆ ประกอบ เช่น ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมไปถึงข้อหาอั้งยี่และซ่องโจร เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมลักษณะขององค์กรอาชญากรรมอีกด้วย
    .
    โดยการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น ทีมสอบสวนจะมอบให้ให้พนักงานสอบสวน บช.ก. เข้าไปแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดในเรือนจำ ซึ่งคาดว่าจะสรุปข้อหาทั้งหมดที่จะแจ้งเพิ่มเติมได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งชุดพนักงานสอบสวนจะประสานงานกับทีมสืบสวนที่มีตำรวจ กองปราบปราม เป็นตัวหลักในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของผู้ต้องหาแต่ละราย เพื่อให้ได้หลักฐานเชื่อมโยงไปสู่การกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วย
    .
    ด้าน ตำรวจสอบสวนกลาง สรุปจำนวนยอดผู้เสียหายพบว่ายอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 10-20 ตุลาคม 2567 จำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,875 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้วรวม 979 ล้านบาทเศษ
    .
    ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปข้อมูลการรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิไอคอนกรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรจังหวัดและกองบังคับการตำรวจนครบาล ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2567 รวมผู้เสียหาย 892 ราย มูลค่าความเสียหาย 207 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคม 2567 มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,773 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 632 ล้านบาทเศษ
    ..............
    Sondhi X
    อ่วม 18 บอสดิไอคอน เตรียมโดนข้อหาฟอกเงิน . ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการตรวจสอบการทำธุรกิจของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นอกจากต้องจับตาความคืบหน้าในการขอประกันตัวของบรรดาเหล่าบอสคนดังแล้ว ปรากฎว่าการดำเนินไต่สวนของพนักงานสอบสวนก็มีความคืบหน้าเช่นกัน หลังจากมีรายงานว่ากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เตรียมแจ้งข้อหากับบรรดาบอสทั้ง 18 คน เพิ่มเติม . สำหรับฐานความผิดที่จะแจ้งเพิ่มนั้น มีข้อหาร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินเป็นหลัก นอกจากนี้อาจมีข้อหาอื่น ๆ ประกอบ เช่น ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมไปถึงข้อหาอั้งยี่และซ่องโจร เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมลักษณะขององค์กรอาชญากรรมอีกด้วย . โดยการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น ทีมสอบสวนจะมอบให้ให้พนักงานสอบสวน บช.ก. เข้าไปแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดในเรือนจำ ซึ่งคาดว่าจะสรุปข้อหาทั้งหมดที่จะแจ้งเพิ่มเติมได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งชุดพนักงานสอบสวนจะประสานงานกับทีมสืบสวนที่มีตำรวจ กองปราบปราม เป็นตัวหลักในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของผู้ต้องหาแต่ละราย เพื่อให้ได้หลักฐานเชื่อมโยงไปสู่การกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วย . ด้าน ตำรวจสอบสวนกลาง สรุปจำนวนยอดผู้เสียหายพบว่ายอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 10-20 ตุลาคม 2567 จำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,875 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้วรวม 979 ล้านบาทเศษ . ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปข้อมูลการรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิไอคอนกรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรจังหวัดและกองบังคับการตำรวจนครบาล ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2567 รวมผู้เสียหาย 892 ราย มูลค่าความเสียหาย 207 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคม 2567 มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,773 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 632 ล้านบาทเศษ .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 976 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่

    Gosar สมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐ เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma) สําหรับการบาดเจ็บจากวัคซีน
    วอชิงตัน ดี.ซี. 26 กันยายน 2024

    สมาชิกสภาคองเกรส พอล เอ. โกซาร์, ดี.ดี.เอส. (AZ-09) ออกแถลงการณ์ ต่อไปนี้ หลังจากเสนอ H.R. 9828 พระราชบัญญัติระงับ การปกป้อง ผู้ผลิตวัคซีนจากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบ End the Vaccine Carveout Act (https://www.congress.gov/bill/118th-congress/house-bill/9828#:~:text=Summary%20of%20H.R.9828%20-%20118th%20Congress)
    เป็นร่างกฎหมายที่จะถอดผู้ผลิตวัคซีนออกจากโล่ความที่ไม่ต้องรับผิด ส่งผลให้มีกําไรหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับ Big Pharma ในขณะที่ทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมทางกฎหมาย และ การชดเชยการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน
    และมีการแถลง press release ดังต่อไปนี้

    “แม้ว่าข้าราชการของรัฐบาลกลางและ Big Pharma จะยืนยันว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย แต่ก็น่าเสียดายที่ขาดวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ตัวอย่างเช่น การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ 12,000 ฉบับโดยสถาบันการแพทย์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2555 พบว่า 98% ของการบาดเจ็บที่ศึกษานั้น เกิดจากหรืออาจเกิดจากวัคซีน การศึกษาของรัฐบาลอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า ในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดการบาดเจ็บใน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับรายงาน ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนถูกนับน้อยไปอย่างมาก

    นอกจากนี้ ตามระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมโรค มีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 20,000 คนตายโดยวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเท่ากับ การเสียชีวิต หนึ่งรายต่อทุกๆ 14,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งสูงกว่าหนึ่งในล้านของการเสียชีวิต ที่ปกติมีการอ้างถึงอันตรายจากวัคซีน

    ข้าราชการและนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการอนุมัติวัคซีนอยู่บนเตียงกับ Big Pharma ซึ่งมักเป็นเจ้าของหุ้นยา โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และรับสัญญาที่ร่ํารวยจากบริษัทยาที่กดดันให้พวกเขาสร้างผลลัพธ์ที่ดีซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยตรง

    ที่แย่กว่านั้น นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายคนในหน่วยงานของรัฐพัฒนาสิทธิบัตรสําหรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่พวกเขาทํางาน สร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์และก่อให้เกิดคําถามร้ายแรงเกี่ยวกับความเป็นธรรมของการตัดสินใจของพวกเขา

    ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ผู้ผลิตวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน เนื่องจากกฎหมายปี 1986 ที่สร้างภูมิคุ้มกันพิเศษอย่างไม่เป็นธรรมสําหรับ Big Pharma ทําให้เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนชนะในศาลได้ยากมาก

    กฎหมายนี้ยกเลิกบทบัญญัติภูมิคุ้มกันในปัจจุบันที่ปกป้อง Big Pharma อย่างไม่เป็นธรรม จากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน และอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนดําเนินคดีทางแพ่งในศาลของรัฐหรือรัฐบาลกลาง Big Pharma ไม่สมควรได้รับบัตรปลอดคุกสําหรับการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีนที่เป็นอันตราย” สมาชิกสภาคองเกรส Gosar กล่าวสรุป

    โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ก่อตั้ง Children's Health Defense และประธานคณะกรรมการ Leave กล่าวว่า “ผู้ผลิตวัคซีนชาวอเมริกันทั้งสี่รายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายค่าปรับทางอาญาหลายหมื่นล้านในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการปลดปล่อยพวกเขาจากความรับผิดสําหรับความประมาทเลินเล่อ กฎเกณฑ์ปี 1986 ได้ลบสิ่งจูงใจใด ๆ สําหรับบริษัทเหล่านี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หากเราต้องการวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจําเป็นต้องยุติเกราะป้องกันความรับผิด”

    แมรี่ ฮอลแลนด์ ประธานฝ่ายป้องกันสุขภาพเด็กกล่าวเสริมว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสโกซาร์ที่แนะนํากฎหมายประวัติศาสตร์และจําเป็นอย่างเร่งด่วนนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากวัคซีนที่รัฐบาลแนะนําถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเยียวยาที่มีความหมาย -- มีเพียงโครงการชดเชยที่ซับซ้อนและหลอกลวงที่ทําให้ครอบครัวที่เสียใจต่อต้านรัฐบาล ในขณะที่ Big Pharma ไม่มีความรับผิด ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะสุขภาพเรื้อรังในเด็ก - ออทิสติก สมาธิสั้น โรคภูมิแพ้รุนแรง หอบหืด - ได้พุ่งสูงขึ้น กฎหมายนี้จะช่วยยุติการปกครองของ Big Pharma เหนือรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ทุจริตของพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติปี 1986 ได้ปราบปรามวิทยาศาสตร์ ขัดขวางครอบครัว โค่นล้มตลาดการตรวจสอบและถ่วงดุลแบบประชาธิปไตย และลบสิทธิของพลเมืองในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ชาวอเมริกันสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้”

    ความเป็นมา:
    ในปี 1986 สภาคองเกรสได้ผ่านพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติ (NVCIA) ซึ่งปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน ทําให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บาดเจ็บจากวัคซีนจะชนะในศาล โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ผลิตวัคซีนจงใจ "[ระงับ] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน" มีส่วนร่วมใน "กิจกรรมทางอาญาหรือผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน" หรือ "โดยหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ... ล้มเหลวในการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม"การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

    ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับมอบหมายให้อนุมัติวัคซีน น่าเศร้าที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทํางานในหน่วยงานเหล่านี้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตวัคซีน และในการทําเช่นนั้น ได้รับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 150,000 ดอลลาร์นอกจากนี้ สมาชิกที่ลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการที่ให้คําแนะนําแก่ CDC และ NIH เป็นเจ้าของหุ้นของผู้ผลิตวัคซีน มีส่วนร่วมในงานสัญญาสําหรับผู้ผลิตวัคซีน และได้รับเงินช่วยเหลือจากผู้ผลิตวัคซีน

    ผู้สนับสนุนร่วมในปัจจุบัน:
    Representatives Andy Biggs, Lauren Boebert, Josh Brecheen, Tim Burchett, Eric Burlison, Mike Collins, Eli Crane, Warren Davidson, Byron Donalds, Matt Gaetz, Bob Good, Marjorie Taylor Greene, Harriet Hageman, Andy Harris, Clay Higgins, Ronny Jackson, Anna Paulina Luna, Nancy Mace, Thomas Massie, Mary E. Miller, Cory Mills, Barry Moore, Troy E. Nehls, Ralph Norman, Andy Ogles, Bill Posey, Chip Roy, Keith Self, Victoria Spartz, and Randy K. Weber Sr.

    ถอดความภาษาไทยโดย

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ Gosar สมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐ เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma) สําหรับการบาดเจ็บจากวัคซีน วอชิงตัน ดี.ซี. 26 กันยายน 2024 สมาชิกสภาคองเกรส พอล เอ. โกซาร์, ดี.ดี.เอส. (AZ-09) ออกแถลงการณ์ ต่อไปนี้ หลังจากเสนอ H.R. 9828 พระราชบัญญัติระงับ การปกป้อง ผู้ผลิตวัคซีนจากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบ End the Vaccine Carveout Act (https://www.congress.gov/bill/118th-congress/house-bill/9828#:~:text=Summary%20of%20H.R.9828%20-%20118th%20Congress) เป็นร่างกฎหมายที่จะถอดผู้ผลิตวัคซีนออกจากโล่ความที่ไม่ต้องรับผิด ส่งผลให้มีกําไรหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับ Big Pharma ในขณะที่ทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมทางกฎหมาย และ การชดเชยการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน และมีการแถลง press release ดังต่อไปนี้ “แม้ว่าข้าราชการของรัฐบาลกลางและ Big Pharma จะยืนยันว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย แต่ก็น่าเสียดายที่ขาดวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ตัวอย่างเช่น การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ 12,000 ฉบับโดยสถาบันการแพทย์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2555 พบว่า 98% ของการบาดเจ็บที่ศึกษานั้น เกิดจากหรืออาจเกิดจากวัคซีน การศึกษาของรัฐบาลอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า ในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดการบาดเจ็บใน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับรายงาน ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนถูกนับน้อยไปอย่างมาก นอกจากนี้ ตามระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมโรค มีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 20,000 คนตายโดยวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเท่ากับ การเสียชีวิต หนึ่งรายต่อทุกๆ 14,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งสูงกว่าหนึ่งในล้านของการเสียชีวิต ที่ปกติมีการอ้างถึงอันตรายจากวัคซีน ข้าราชการและนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการอนุมัติวัคซีนอยู่บนเตียงกับ Big Pharma ซึ่งมักเป็นเจ้าของหุ้นยา โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และรับสัญญาที่ร่ํารวยจากบริษัทยาที่กดดันให้พวกเขาสร้างผลลัพธ์ที่ดีซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยตรง ที่แย่กว่านั้น นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายคนในหน่วยงานของรัฐพัฒนาสิทธิบัตรสําหรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่พวกเขาทํางาน สร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์และก่อให้เกิดคําถามร้ายแรงเกี่ยวกับความเป็นธรรมของการตัดสินใจของพวกเขา ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ผู้ผลิตวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน เนื่องจากกฎหมายปี 1986 ที่สร้างภูมิคุ้มกันพิเศษอย่างไม่เป็นธรรมสําหรับ Big Pharma ทําให้เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนชนะในศาลได้ยากมาก กฎหมายนี้ยกเลิกบทบัญญัติภูมิคุ้มกันในปัจจุบันที่ปกป้อง Big Pharma อย่างไม่เป็นธรรม จากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน และอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนดําเนินคดีทางแพ่งในศาลของรัฐหรือรัฐบาลกลาง Big Pharma ไม่สมควรได้รับบัตรปลอดคุกสําหรับการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีนที่เป็นอันตราย” สมาชิกสภาคองเกรส Gosar กล่าวสรุป โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ก่อตั้ง Children's Health Defense และประธานคณะกรรมการ Leave กล่าวว่า “ผู้ผลิตวัคซีนชาวอเมริกันทั้งสี่รายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายค่าปรับทางอาญาหลายหมื่นล้านในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการปลดปล่อยพวกเขาจากความรับผิดสําหรับความประมาทเลินเล่อ กฎเกณฑ์ปี 1986 ได้ลบสิ่งจูงใจใด ๆ สําหรับบริษัทเหล่านี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หากเราต้องการวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจําเป็นต้องยุติเกราะป้องกันความรับผิด” แมรี่ ฮอลแลนด์ ประธานฝ่ายป้องกันสุขภาพเด็กกล่าวเสริมว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสโกซาร์ที่แนะนํากฎหมายประวัติศาสตร์และจําเป็นอย่างเร่งด่วนนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากวัคซีนที่รัฐบาลแนะนําถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเยียวยาที่มีความหมาย -- มีเพียงโครงการชดเชยที่ซับซ้อนและหลอกลวงที่ทําให้ครอบครัวที่เสียใจต่อต้านรัฐบาล ในขณะที่ Big Pharma ไม่มีความรับผิด ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะสุขภาพเรื้อรังในเด็ก - ออทิสติก สมาธิสั้น โรคภูมิแพ้รุนแรง หอบหืด - ได้พุ่งสูงขึ้น กฎหมายนี้จะช่วยยุติการปกครองของ Big Pharma เหนือรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ทุจริตของพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติปี 1986 ได้ปราบปรามวิทยาศาสตร์ ขัดขวางครอบครัว โค่นล้มตลาดการตรวจสอบและถ่วงดุลแบบประชาธิปไตย และลบสิทธิของพลเมืองในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ชาวอเมริกันสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้” ความเป็นมา: ในปี 1986 สภาคองเกรสได้ผ่านพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติ (NVCIA) ซึ่งปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน ทําให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บาดเจ็บจากวัคซีนจะชนะในศาล โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ผลิตวัคซีนจงใจ "[ระงับ] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน" มีส่วนร่วมใน "กิจกรรมทางอาญาหรือผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน" หรือ "โดยหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ... ล้มเหลวในการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม"การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับมอบหมายให้อนุมัติวัคซีน น่าเศร้าที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทํางานในหน่วยงานเหล่านี้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตวัคซีน และในการทําเช่นนั้น ได้รับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 150,000 ดอลลาร์นอกจากนี้ สมาชิกที่ลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการที่ให้คําแนะนําแก่ CDC และ NIH เป็นเจ้าของหุ้นของผู้ผลิตวัคซีน มีส่วนร่วมในงานสัญญาสําหรับผู้ผลิตวัคซีน และได้รับเงินช่วยเหลือจากผู้ผลิตวัคซีน ผู้สนับสนุนร่วมในปัจจุบัน: Representatives Andy Biggs, Lauren Boebert, Josh Brecheen, Tim Burchett, Eric Burlison, Mike Collins, Eli Crane, Warren Davidson, Byron Donalds, Matt Gaetz, Bob Good, Marjorie Taylor Greene, Harriet Hageman, Andy Harris, Clay Higgins, Ronny Jackson, Anna Paulina Luna, Nancy Mace, Thomas Massie, Mary E. Miller, Cory Mills, Barry Moore, Troy E. Nehls, Ralph Norman, Andy Ogles, Bill Posey, Chip Roy, Keith Self, Victoria Spartz, and Randy K. Weber Sr. ถอดความภาษาไทยโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์เรื่องอื้อฉาวโสมมของDiddyเจ้าพ่อบันเทิงคนดังของอเมริกา
    “ปรากฏการณ์ดิ๊ดดี้ (Diddy) สะเทือนสังคมอเมริกันอย่างรุนแรง เพราะมีเซเลบริตี้เข้าไปข้องเกี่ยวมากมาย

    ก่อนจะเกิดเรื่องฉาว ดิ๊ดดี้ มีความสัมพันธ์ดีๆ กับ นักกีฬาระดับโลกหลายคน แต่ในวันนี้ทุกคนตัดความสัมพันธ์ทิ้งหมดแล้ว

    เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลผู้โด่งดัง สนิทสนมกับดิ๊ดดี้ เป็นการส่วนตัว ลูกชายคนเล็กของเขาชื่อ บรีซ เคยไปเที่ยวกับ เจสซี่ และ ดีลีล่า ลูกสาวแฝดของดิ๊ดดี้ และเคยถ่ายคลิปเต้นด้วยกันอีกต่างหาก

    เลอบรอน เคยพูดอินสตาแกรมไลฟ์ ว่า "ทุกคนรู้ว่า ไม่มีปาร์ตี้ไหน จะเหมือนปาร์ตี้ของดิ๊ดดี้" กลายเป็นประโยคไวรัล ที่จะถูกใช้ไปอีกนานต่อจากนี้

    แต่จากความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ล่าสุดเลอบรอน อันฟอลโลว์ดิ๊ดดี้ไปแล้วเรียบร้อย ตัดขาดกันไปเลย ไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ ด้วย

    แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กจากแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ เจ้าของแชมป์ซูเปอร์โบวล์ 3 สมัย ไล่ลบทวีต ที่เคยแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ดิ๊ดดี้ พยายามไม่ให้เหลือหลักฐานว่าเคยสนิทกัน (แต่โดนคนแคปเก็บไว้แล้ว)

    เช่นเดียวกับ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ และ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ก็อันฟอลโลว์ดิ๊ดดี้ ในโซเชียลมีเดียไปแล้วทั้งหมด

    เรื่องราวของดิ๊ดดี้เป็นอย่างไร ทำไมนักกีฬาต้องเลิกติดตามเขา เราจะไปลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่แรก อย่างเข้าใจง่ายนะครับ

    ดิ๊ดดี้ มีชื่อจริงว่า ฌอน คอมบ์ส เขาเป็นคนนิวยอร์ก และเข้าสู่วงการดนตรีตั้งแต่วัยรุ่น และอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 3 ทศวรรษ ถือเป็นหนึ่งในเลเจนด์ของวงการเพลงแร็พ

    ฌอน คอมบ์ส มีชื่อในวงการหลายชื่อ เช่น Diddy, P.Diddy, Puff Daddy เป็นต้น

    ดิ๊ดดี้ ได้รางวัลใหญ่ๆ ในด้านดนตรีมาแล้ว แทบทุกสถาบัน เช่นแกรมมี่ อวอร์ดส และ MTV Music Awards

    เขามีซิงเกิ้ลขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ด ถึง 3 เพลง โดยหนึ่งในเพลงคลาสสิคที่สุด ที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินแน่นอน คือเพลงชื่อ I'll be missing you แค่อินโทรดังขึ้นมา ก็ติดหูแล้ว (แต่จริงๆ ไปเอาทำนองมาจากเพลงชื่อ Every Breath You Take ของ Police)

    ในปี 1993 ดิ๊ดดี้ เปิดค่ายเพลงชื่อ แบด บอย เรคคอร์ดส และเป็นโปรดิวเซอร์ให้สตาร์ของวงการมาแล้วหลายคน เช่น The Notorious B.I.G. ที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนในยุคปัจจุบันก็มี MGK ศิลปินที่ทำเพลงร้อยล้านวิวเป็นว่าเล่น

    ดิ๊ดดี้ ไม่ใช่แค่ทำเพลงเก่งอย่างเดียว แต่ยังมีหัวธุรกิจในระดับสุดยอดอีกด้วย พอมีชื่อเสียงจากฮิปฮอป เขาต่อยอดไปทำแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ ฌอน จอห์น ตามด้วยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ให้กับว็อดก้ายี่ห้อซิร็อค ได้รับส่วนแบ่งยอดขายต่อขวด

    นอกจากนั้น เขายังก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ชื่อ Revolt TV เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมและดนตรี ของกลุ่มแอฟริกัน อเมริกัน โดยเฉพาะ

    และในที่สุด ปี 2022 ดิ๊ดดี้ ก็มีสินทรัพย์ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ (32,000 ล้านบาท) กลายเป็นศิลปินฮิปฮอปแค่ไม่กี่คนบนโลก ที่มีรายได้มหาศาลในเลเวลนี้

    ไม่ใช่แค่ความรวย แต่ดิ๊ดดี้ ยังสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา รวมถึงสร้างเครือข่ายของกลุ่มเซเลบริตี้ ที่คอยซัพพอร์ทช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้ดิ๊ดดี้ ถูกสื่อมวลชน ใช้คำว่า Mogul (ผู้มีอำนาจ, เจ้าพ่อ) ในวงการดนตรี

    ดิ๊ดดี้นั้น ขึ้นชื่อมาก เรื่องการจัดงานปาร์ตี้ ในช่วงปี 1998-2009 เขาจัดงานชื่อ "ไวท์ปาร์ตี้" สังสรรค์เฉพาะกลุ่มคนรวย คนดัง ใส่เสื้อขาวทั้งงาน เป็นปาร์ตี้ที่พวกเซเล็บอยากไปร่วมกันมากๆ

    ชีวิตของเขาก็ดูราบรื่นดี อย่างในปี 2022 เขาจัดงานปาร์ตี้ ฉลองวันเกิดอายุ 53 ปี ที่เบเวอร์ลี่ฮิลส์ คนดังๆ ทั้ง เจย์ซี, ทราวิส สกอตต์, แมรี่ เจ ไบล์ และ คริส บราวน์ ก็มาร่วมงานด้วย ดูแล้ว ชีวิตก็สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร

    ส่วนเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวนั้น ในอดีต เขาโดนคดีต่างๆ มาบ้าง เช่น พกพาอาวุธปืน หรือ ทำร้ายร่างกายคนอื่น แต่ก็รอดมาได้ตลอด ไม่เคยต้องติดคุกสักครั้ง

    อย่างไรก็ตาม ชีวิตของดิ๊ดดี้ ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นับจากวันที่ 16 พฤศจิกายน 2023 เมื่อคาซานดร้า เวนทูร่า หรือ แคสซี่ อดีตแฟนสาวของของเขา ที่เลิกรากันไปแล้ว ไปแจ้งความที่นิวยอร์ก

    แคสซี่ ระบายความในใจทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าช่วงเวลาที่เธอคบหากับดิ๊ดดี้ มีแต่ความทรมาน และโดนทำร้ายร่างกายเป็นว่าเล่น

    เธอบอกว่าเคยโดนดิ๊ดดี้ ทั้งเตะ ทั้งต่อย จนตาเขียวช้ำ เลือดออก และมีแผลทั่วร่างกาย ครั้งหนึ่งเคยโดนต่อยท้องต่อหน้าเพื่อนๆ ของดิ๊ดดี้ด้วย

    นอกจากนั้น ยังใช้อำนาจในการบังคับ และล่อลวง ให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น โดยที่ดิ๊ดดี้จะนั่งดูอย่างสนุกสนาน เหมือนกิจกรรมบันเทิง

    ตลอดช่วงที่คบกัน แคสซี่ โดนกระทำมากมาย เช่นบีบคอ ผลักรุนแรงจนกระแทกกำแพง เคยโดนปาไข่ใส่หน้ามาแล้ว เวลาทำอะไรไม่ถูกใจ

    ไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกาย หรือ บังคับเรื่องเพศ แต่ดิ๊ดดี้ ยังมีส่วนพัวพันกับอาชญากรรมหลายอย่าง หนึ่งในนั้น คือการจ้างคนไปเผารถยนต์ ของแรพเปอร์ชื่อ คิด คูดี้ ที่มีข่าวว่าปลื้มแคสซี่

    แล้วไม่ใช่แค่เรื่องที่ตัวเธอโดน แต่แคสซี่ แฉมากกว่านั้น บอกว่า มีปาร์ตี้พิสดาร ที่ดิ๊ดดี้เป็นเจ้าภาพ มีชื่อว่า "freak offs" (ปาร์ตี้หลุดโลก) โดยในงานมีเหล้า มียา สารผิดกฎหมาย และมีการจ้างเด็กเอ็น ทั้งชายและหญิง มามีเซ็กส์กันแบบมั่วสุดๆ และยังมีการถ่ายคลิปเก็บไว้ด้วย โดยไม่สนใจว่า คนในงานจะเต็มใจหรือไม่

    เมื่อโดนแจ้งความใส่ยับแบบนี้ ดิ๊ดดี้ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เขาว่าจ้างทนายให้มาสู้คดีกับแคสซี่บนศาล คุณมีหลักฐานอะไรก็งัดกันออกมาดู

    หลังจากที่แคสซี่ ทำการแฉดิ๊ดดี้นั้น ในจังหวะใกล้ๆ กัน มีคนออกมาแจ้งความใส่ดิ๊ดดี้รัวๆ แบบต่างกรรมต่างวาระ เช่น

    - จอย ดิกเกอร์สัน-นีล เธออ้างว่า ในสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เธอโดนดิ๊ดดี้ ถ่ายคลิประหว่างใช้กำลังมีเซ็กส์กับเธอ จ่ายนั้นเอาไปส่งต่อให้คนอื่น โดยที่เธอไม่ได้ยินยอม

    - ลิซ่า การ์ดเนอร์ บอกว่าเธอกับเพื่อนถูกชวนไปปาร์ตี้ตอนอายุ 16 และโดนดิ๊ดดี้ กับ เพื่อน ล่อลวงให้มีเซ็กส์ด้วย ทั้งๆ ที่เธอยังเป็นผู้เยาว์

    - ผู้หญิงอีกคนที่ไม่เอ่ยนาม บอกว่าเธอโดนดิ๊ดดี้ กับ ประธานบริษัทแบดบอย เรคคอร์ด ชื่อ ฮาร์ฟ ปิแอร์ และผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทำการลงแขก ตอนเธออายุ 17 ปี โดยหลอกล่อว่าจะให้โอกาสทางหน้าที่การงาน

    - ร็อดนีย์ โจนส์ โปรดิวเซอร์ผู้ชาย ที่เคยร่วมงานกับดิ๊ดดี้ บอกว่า โดนกดดันให้ไปมีเซ็กส์กับผู้ชายอีกคนหนึ่งในงานปาร์ตี้ โดยอ้างว่า 'นี่เป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมดนตรี'

    คดีแล้ว คดีเล่า ที่ค่อยๆ แดงออกมาเรื่อยๆ แต่ดิ๊ดดี้ ไม่ยอมจำนน เขาตั้งใจจะสู้ทุกคดี เพราะแค่พูด ใครก็พูดได้ ไว้มีหลักฐานจะจะ ค่อยคิดจะมาโค่นเขา

    วันที่ 17 พฤษภาคม 2024 สถานี CNN ก็ได้หลักฐานเด็ดในคดี แคสซี่-ดิ๊ดดี้ นั่นคือกล้องวงจรปิด จากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล ในลอสแองเจลิส

    เป็นจังหวะที่แคสซี่ เดินออกจากห้องพัก เพื่อลงลิฟต์เตรียมจะกลับบ้าน แต่ดิ๊ดดี้ ตื่นขึ้นมาพอดี และเห็นแคสซี่ไม่อยู่ จึงวิ่งใส่ผ้าเช็ดตัว ออกมาตามทางเดินแล้วมาเจอเธอที่ลิฟต์

    เขาต่อยเธอด้วยหมัดขวา ถีบไปอีก 2 ที แล้วเอาแจกันแก้วที่โรงแรมวางประดับเอาไว้ ขว้างใส่ ก่อนจะลากคอกลับเข้าห้องนอน

    เมื่อมีหลักฐานจะแจ้งขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าการใช้กำลังเกิดขึ้นจริง ทำให้ดิ๊ดดี้ก็ต้องออกมายอมรับ และกล่าวคำขอโทษต่อมวลชน

    และจากจุดนั้นเอง ทำให้เซเล็บหลายๆ คน เริ่มอันฟอลโลว์เขา ไม่มีใครอยากจะสนิทชิดเชื้อกับคนที่ใช้ความรุนแรงแบบนี้ คือภาพที่ออกไป มันแย่มาก

    และจากจุดนั้น ก็มีคดีใหม่ๆ ที่ถูกเปิดเผยเรื่อยๆ ประเดประดังเข้ามาใส่ดิ๊ดดี้ จนตั้งตัวไม่ทัน

    - คริสตัล แม็คเคนนีย์ นางแบบสาว อ้างว่าโดนดิ๊ดดี้ ใช้กำลังลากเธอเข้าไปในห้องนำแล้วบังคับให้ทำออรัลเซ็กส์ให้ ในสตูดิโอที่ใช้อัดเพลงในนิวยอร์ก

    - เอพริล แลมพรอส นักศึกษาสถาบันแฟชั่น บอกว่าเธอโดนดิ๊ดดี้บังคับให้ทำการเซ็กส์หมู่

    - อาเดรีย อิงลิช นักแสดงหนังโป๊ บอกว่าเธอโดนล่อหลอกให้แสดงกิจกรรมทางเพศ ระหว่างงานปาร์ตี้ โจมตีดิ๊ดดี้ว่าทำการค้ามนุษย์

    - ดอว์น ริชาร์ดส นักร้องจากวงดานิตี้ เคน ที่เคยร่วมงานกับดิ๊ดดี้ บอกว่า โดนดิ๊ดดี้แอบจับหน้าอก และจับก้นหลายครั้ง ทำแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร เหมือนเป็นเรื่องปกติ คุณพ่อของดอว์น ริชาร์ดส ขับรถจากบัลติมอร์ มานิวยอร์กเพื่อมาคุยกับดิ๊ดดี้ แต่โดนขู่ว่า "คิดถึงครอบครัวของแกให้ดีเถอะ"

    เมื่อคดียาวเป็นหางว่าวแบบนี้ ทำให้วันที่ 16 กันยายน 2024 ดิ๊ดดี้ โดนตำรวจจับกุมตัว ที่โรงแรมพาร์กไฮแอต ในนิวยอร์ก

    โดยคดีที่ตำรวจให้ความสนใจคือ การจัดปาร์ตี้เบื้องหน้า แต่เบื้องหลังคือขบวนการค้ากาม ค้ามนุษย์ รวมถึงพรากผู้เยาว์ รวมถึงการทำร้ายร่างกาย ที่มีคลิปหลักฐานชัดเจน

    สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ มองอยู่ คือดิ๊ดดี้ อาจทำเรื่องผิดกฎหมายที่ร้ายแรงกว่านั้นอีก เช่น การสร้างองค์กรอาชญากรรมของตัวเองขึ้นมา แล้วมีส่วนในการลักลอบวางเพลิง, การลักพาตัว, การใช้แรงงานทาส, การค้าสารเสพติด และ การติดสินบนเจ้าพนักงาน

    เขาอาจจะไม่ใช่แค่เจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปเฉยๆ แต่อาจเป็นผู้มีอิทธิพลของจริงเลยก็ได้

    หลังจากดิ๊ดดี้โดนจับ มีข้อมูลน่าสนใจ ที่ตำรวจค้นพบ ระหว่างการค้นบ้านของดิ๊ดดี้ ที่ลอสแองเจลิส กับ ไมอามี่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ freak offs

    ตำรวจพบว่า มีขวดเบบี้ออยล์ มากถึง 1,000 ขวด อยู่ในบ้าน

    แน่นอน คนก็เชื่อมโยงว่า คุณจะซื้อเบบี้ออยล์มาเยอะขนาดนั้นทำไม เหตุผลน่าจะมีอย่างเดียวคือ คงเอาไปใช้ในกิจกรรมทางเพศอย่างบ้าคลั่ง เช่นงาน ปาร์ตี้เซ็กส์ เป็นต้น

    นับจนถึงเมื่อวานนี้ (24 กันยายน) มีคนแจ้งความดิ๊ดดี้ ทั้งหมด 11 คน และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นอีกเรื่อยๆ

    รวมถึงบางคดี ที่น่าสนใจเหมือนกัน เช่น จากัวร์ ไรท์ นักร้องสาวชาวอเมริกัน อ้างว่า ดิ๊ดดี้ ถ่ายคลิปของเซเลบริตี้หลายคนเอาไว้ แล้วไปปล่อยในดาร์กเว็บ ได้เงินมา 500 ล้านดอลลาร์

    นอกจากนั้น ยังมีข่าวลืออีกสารพัด ว่าเขาเคยล่วงละเมิด ศิลปินทั้งชาย และ หญิง มาแล้วหลายคน ซึ่งในจำนวนนั้นก็มีคนที่เป็นซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบันด้วย

    สถานการณ์ล่าสุด ดิ๊ดดี้ต้องไปอยู่ในห้องขัง โดยเขายื่นข้อเสนอประกันตัว 50 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งติด GPS เพื่อการันตีว่าจะไม่หลบหนี แต่ศาลไม่อนุมัติ ทำให้ตอนนี้ดิ๊ดดี้ต้องอยู่ในเรือนจำที่บรู๊คลิน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

    สเต็ปต่อไปทนายของดิ๊ดดี้ กำลังเตรียมสู้คดีอย่างเต็มที่ คือมีบางเคสที่ดิ๊ดดี้โดนแน่ๆ เช่นทำร้ายร่างกายแคสซี่ เพราะมีกล้องวงจรปิดชัดเจน

    แต่กับคดีอื่นๆ ที่เขาโดนกล่าวหาว่ากระทำ ก็ต้องมาพิสูจน์กันต่อไป ว่าทำจริงหรือไม่

    สำหรับในวงการกีฬานั้น เรื่องนี้ก็สั่นสะเทือนเช่นกัน เพราะศิลปินฮิปฮ็อป กับนักกีฬาอีลีท มักจะสนิทสนมกัน เช่น เคนดริค ลามาร์ กับ เดมาร์ เดโรซาน สนิทกันถึงขั้นเดโรซานไปเล่นในเอ็มวีให้

    หรือตอนรัสเซลล์ เวสต์บรู๊ก นำทริปเปิ้ลดับเบิ้ลในตำนาน (20 แต้ม, 20 รีบาวด์, 20 แอสซิสต์) เขาอุทิศผลงานนี้ ให้กับแรพเปอร์ ชื่อ นิปซีย์ ผู้ล่วงลับ

    โดยดิ๊ดดี้ อยู่ในวงการมาเกิน 30 ปี รู้จักคนมากมาย และสนิทสนมกับนักกีฬาหลายคน ไปร่วมกิจกรรมกับ NBA ก็บ่อย แต่ถึงตรงนี้ ก็คงไม่มีใครที่พร้อมจะอยู่ซัพพอร์ทเขา เพราะไม่อยากติดร่างแหไปด้วย

    มีคนย้อนไปดูคลิปงานปาร์ตี้ freak offs ที่เผยแพร่ออกมา พบว่า มีนักกีฬาบางคนไปร่วมงานด้วย เช่น เลียวนาร์ด โฟร์เนตต์ รันนิ่งแบ็กชุดแชมป์ NFL ของแทมป้าเบย์ บัคคาเนียร์ ซึ่งโฟร์เนตต์ก็โดนสังคมจับจ้องทันทีว่า ไปมั่วยา มั่วเซ็กส์ หรือทำอะไรผิดกฎหมายหรือเปล่า

    ดังนั้นสิ่งที่นักกีฬาทำตอนนี้คือ เอาตัวออกห่างจากดิ๊ดดี้ให้ไกลที่สุด ไม่ให้เชื่อมโยงกันได้ อะไรที่เคยโพสต์ถึงก็ไล่ลบจนเกลี้ยงทั้งหมด

    สิ่งที่เราเห็นจากเรื่องนี้ คือในวันที่ยิ่งใหญ่ ทำอะไรก็ราบรื่น ผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ในวันนี้ ที่ความผิดเริ่มแดงออกมาเรื่อยๆ ดิ๊ดดี้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครอยากจะร่วม "ปาร์ตี้" ของเขาอีกแล้ว

    และแน่นอน ถ้าพิสูจน์ได้ว่าทำผิดจริง ก็ต้องรับโทษทางกฎหมายกันไป

    บางคนบอกว่า ถ้าทีมทนายไม่เก่งระดับเทพล่ะก็ อิสรภาพวันสุดท้ายของดิ๊ดดี้ อาจจะหมดลงแล้ว และอาจติดคุกในช่วงที่เหลืออยู่ของชีวิต แม้จะมีเงินในบัญชีถึง 1 พันล้านดอลลาร์ก็ตามที”

    ที่มา : เพจวิเคราะห์บอลจริงจัง https://www.facebook.com/share/5f8x3Zx1WzpUs8b5/?mibextid=CTbP7E
    ภาพ

    #Thaitimes
    รีโพสต์เรื่องอื้อฉาวโสมมของDiddyเจ้าพ่อบันเทิงคนดังของอเมริกา “ปรากฏการณ์ดิ๊ดดี้ (Diddy) สะเทือนสังคมอเมริกันอย่างรุนแรง เพราะมีเซเลบริตี้เข้าไปข้องเกี่ยวมากมาย ก่อนจะเกิดเรื่องฉาว ดิ๊ดดี้ มีความสัมพันธ์ดีๆ กับ นักกีฬาระดับโลกหลายคน แต่ในวันนี้ทุกคนตัดความสัมพันธ์ทิ้งหมดแล้ว เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลผู้โด่งดัง สนิทสนมกับดิ๊ดดี้ เป็นการส่วนตัว ลูกชายคนเล็กของเขาชื่อ บรีซ เคยไปเที่ยวกับ เจสซี่ และ ดีลีล่า ลูกสาวแฝดของดิ๊ดดี้ และเคยถ่ายคลิปเต้นด้วยกันอีกต่างหาก เลอบรอน เคยพูดอินสตาแกรมไลฟ์ ว่า "ทุกคนรู้ว่า ไม่มีปาร์ตี้ไหน จะเหมือนปาร์ตี้ของดิ๊ดดี้" กลายเป็นประโยคไวรัล ที่จะถูกใช้ไปอีกนานต่อจากนี้ แต่จากความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ล่าสุดเลอบรอน อันฟอลโลว์ดิ๊ดดี้ไปแล้วเรียบร้อย ตัดขาดกันไปเลย ไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ ด้วย แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กจากแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ เจ้าของแชมป์ซูเปอร์โบวล์ 3 สมัย ไล่ลบทวีต ที่เคยแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ดิ๊ดดี้ พยายามไม่ให้เหลือหลักฐานว่าเคยสนิทกัน (แต่โดนคนแคปเก็บไว้แล้ว) เช่นเดียวกับ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ และ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ก็อันฟอลโลว์ดิ๊ดดี้ ในโซเชียลมีเดียไปแล้วทั้งหมด เรื่องราวของดิ๊ดดี้เป็นอย่างไร ทำไมนักกีฬาต้องเลิกติดตามเขา เราจะไปลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่แรก อย่างเข้าใจง่ายนะครับ ดิ๊ดดี้ มีชื่อจริงว่า ฌอน คอมบ์ส เขาเป็นคนนิวยอร์ก และเข้าสู่วงการดนตรีตั้งแต่วัยรุ่น และอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 3 ทศวรรษ ถือเป็นหนึ่งในเลเจนด์ของวงการเพลงแร็พ ฌอน คอมบ์ส มีชื่อในวงการหลายชื่อ เช่น Diddy, P.Diddy, Puff Daddy เป็นต้น ดิ๊ดดี้ ได้รางวัลใหญ่ๆ ในด้านดนตรีมาแล้ว แทบทุกสถาบัน เช่นแกรมมี่ อวอร์ดส และ MTV Music Awards เขามีซิงเกิ้ลขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ด ถึง 3 เพลง โดยหนึ่งในเพลงคลาสสิคที่สุด ที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินแน่นอน คือเพลงชื่อ I'll be missing you แค่อินโทรดังขึ้นมา ก็ติดหูแล้ว (แต่จริงๆ ไปเอาทำนองมาจากเพลงชื่อ Every Breath You Take ของ Police) ในปี 1993 ดิ๊ดดี้ เปิดค่ายเพลงชื่อ แบด บอย เรคคอร์ดส และเป็นโปรดิวเซอร์ให้สตาร์ของวงการมาแล้วหลายคน เช่น The Notorious B.I.G. ที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนในยุคปัจจุบันก็มี MGK ศิลปินที่ทำเพลงร้อยล้านวิวเป็นว่าเล่น ดิ๊ดดี้ ไม่ใช่แค่ทำเพลงเก่งอย่างเดียว แต่ยังมีหัวธุรกิจในระดับสุดยอดอีกด้วย พอมีชื่อเสียงจากฮิปฮอป เขาต่อยอดไปทำแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ ฌอน จอห์น ตามด้วยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ให้กับว็อดก้ายี่ห้อซิร็อค ได้รับส่วนแบ่งยอดขายต่อขวด นอกจากนั้น เขายังก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ชื่อ Revolt TV เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมและดนตรี ของกลุ่มแอฟริกัน อเมริกัน โดยเฉพาะ และในที่สุด ปี 2022 ดิ๊ดดี้ ก็มีสินทรัพย์ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ (32,000 ล้านบาท) กลายเป็นศิลปินฮิปฮอปแค่ไม่กี่คนบนโลก ที่มีรายได้มหาศาลในเลเวลนี้ ไม่ใช่แค่ความรวย แต่ดิ๊ดดี้ ยังสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา รวมถึงสร้างเครือข่ายของกลุ่มเซเลบริตี้ ที่คอยซัพพอร์ทช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้ดิ๊ดดี้ ถูกสื่อมวลชน ใช้คำว่า Mogul (ผู้มีอำนาจ, เจ้าพ่อ) ในวงการดนตรี ดิ๊ดดี้นั้น ขึ้นชื่อมาก เรื่องการจัดงานปาร์ตี้ ในช่วงปี 1998-2009 เขาจัดงานชื่อ "ไวท์ปาร์ตี้" สังสรรค์เฉพาะกลุ่มคนรวย คนดัง ใส่เสื้อขาวทั้งงาน เป็นปาร์ตี้ที่พวกเซเล็บอยากไปร่วมกันมากๆ ชีวิตของเขาก็ดูราบรื่นดี อย่างในปี 2022 เขาจัดงานปาร์ตี้ ฉลองวันเกิดอายุ 53 ปี ที่เบเวอร์ลี่ฮิลส์ คนดังๆ ทั้ง เจย์ซี, ทราวิส สกอตต์, แมรี่ เจ ไบล์ และ คริส บราวน์ ก็มาร่วมงานด้วย ดูแล้ว ชีวิตก็สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวนั้น ในอดีต เขาโดนคดีต่างๆ มาบ้าง เช่น พกพาอาวุธปืน หรือ ทำร้ายร่างกายคนอื่น แต่ก็รอดมาได้ตลอด ไม่เคยต้องติดคุกสักครั้ง อย่างไรก็ตาม ชีวิตของดิ๊ดดี้ ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นับจากวันที่ 16 พฤศจิกายน 2023 เมื่อคาซานดร้า เวนทูร่า หรือ แคสซี่ อดีตแฟนสาวของของเขา ที่เลิกรากันไปแล้ว ไปแจ้งความที่นิวยอร์ก แคสซี่ ระบายความในใจทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าช่วงเวลาที่เธอคบหากับดิ๊ดดี้ มีแต่ความทรมาน และโดนทำร้ายร่างกายเป็นว่าเล่น เธอบอกว่าเคยโดนดิ๊ดดี้ ทั้งเตะ ทั้งต่อย จนตาเขียวช้ำ เลือดออก และมีแผลทั่วร่างกาย ครั้งหนึ่งเคยโดนต่อยท้องต่อหน้าเพื่อนๆ ของดิ๊ดดี้ด้วย นอกจากนั้น ยังใช้อำนาจในการบังคับ และล่อลวง ให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น โดยที่ดิ๊ดดี้จะนั่งดูอย่างสนุกสนาน เหมือนกิจกรรมบันเทิง ตลอดช่วงที่คบกัน แคสซี่ โดนกระทำมากมาย เช่นบีบคอ ผลักรุนแรงจนกระแทกกำแพง เคยโดนปาไข่ใส่หน้ามาแล้ว เวลาทำอะไรไม่ถูกใจ ไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกาย หรือ บังคับเรื่องเพศ แต่ดิ๊ดดี้ ยังมีส่วนพัวพันกับอาชญากรรมหลายอย่าง หนึ่งในนั้น คือการจ้างคนไปเผารถยนต์ ของแรพเปอร์ชื่อ คิด คูดี้ ที่มีข่าวว่าปลื้มแคสซี่ แล้วไม่ใช่แค่เรื่องที่ตัวเธอโดน แต่แคสซี่ แฉมากกว่านั้น บอกว่า มีปาร์ตี้พิสดาร ที่ดิ๊ดดี้เป็นเจ้าภาพ มีชื่อว่า "freak offs" (ปาร์ตี้หลุดโลก) โดยในงานมีเหล้า มียา สารผิดกฎหมาย และมีการจ้างเด็กเอ็น ทั้งชายและหญิง มามีเซ็กส์กันแบบมั่วสุดๆ และยังมีการถ่ายคลิปเก็บไว้ด้วย โดยไม่สนใจว่า คนในงานจะเต็มใจหรือไม่ เมื่อโดนแจ้งความใส่ยับแบบนี้ ดิ๊ดดี้ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เขาว่าจ้างทนายให้มาสู้คดีกับแคสซี่บนศาล คุณมีหลักฐานอะไรก็งัดกันออกมาดู หลังจากที่แคสซี่ ทำการแฉดิ๊ดดี้นั้น ในจังหวะใกล้ๆ กัน มีคนออกมาแจ้งความใส่ดิ๊ดดี้รัวๆ แบบต่างกรรมต่างวาระ เช่น - จอย ดิกเกอร์สัน-นีล เธออ้างว่า ในสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เธอโดนดิ๊ดดี้ ถ่ายคลิประหว่างใช้กำลังมีเซ็กส์กับเธอ จ่ายนั้นเอาไปส่งต่อให้คนอื่น โดยที่เธอไม่ได้ยินยอม - ลิซ่า การ์ดเนอร์ บอกว่าเธอกับเพื่อนถูกชวนไปปาร์ตี้ตอนอายุ 16 และโดนดิ๊ดดี้ กับ เพื่อน ล่อลวงให้มีเซ็กส์ด้วย ทั้งๆ ที่เธอยังเป็นผู้เยาว์ - ผู้หญิงอีกคนที่ไม่เอ่ยนาม บอกว่าเธอโดนดิ๊ดดี้ กับ ประธานบริษัทแบดบอย เรคคอร์ด ชื่อ ฮาร์ฟ ปิแอร์ และผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทำการลงแขก ตอนเธออายุ 17 ปี โดยหลอกล่อว่าจะให้โอกาสทางหน้าที่การงาน - ร็อดนีย์ โจนส์ โปรดิวเซอร์ผู้ชาย ที่เคยร่วมงานกับดิ๊ดดี้ บอกว่า โดนกดดันให้ไปมีเซ็กส์กับผู้ชายอีกคนหนึ่งในงานปาร์ตี้ โดยอ้างว่า 'นี่เป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมดนตรี' คดีแล้ว คดีเล่า ที่ค่อยๆ แดงออกมาเรื่อยๆ แต่ดิ๊ดดี้ ไม่ยอมจำนน เขาตั้งใจจะสู้ทุกคดี เพราะแค่พูด ใครก็พูดได้ ไว้มีหลักฐานจะจะ ค่อยคิดจะมาโค่นเขา วันที่ 17 พฤษภาคม 2024 สถานี CNN ก็ได้หลักฐานเด็ดในคดี แคสซี่-ดิ๊ดดี้ นั่นคือกล้องวงจรปิด จากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล ในลอสแองเจลิส เป็นจังหวะที่แคสซี่ เดินออกจากห้องพัก เพื่อลงลิฟต์เตรียมจะกลับบ้าน แต่ดิ๊ดดี้ ตื่นขึ้นมาพอดี และเห็นแคสซี่ไม่อยู่ จึงวิ่งใส่ผ้าเช็ดตัว ออกมาตามทางเดินแล้วมาเจอเธอที่ลิฟต์ เขาต่อยเธอด้วยหมัดขวา ถีบไปอีก 2 ที แล้วเอาแจกันแก้วที่โรงแรมวางประดับเอาไว้ ขว้างใส่ ก่อนจะลากคอกลับเข้าห้องนอน เมื่อมีหลักฐานจะแจ้งขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าการใช้กำลังเกิดขึ้นจริง ทำให้ดิ๊ดดี้ก็ต้องออกมายอมรับ และกล่าวคำขอโทษต่อมวลชน และจากจุดนั้นเอง ทำให้เซเล็บหลายๆ คน เริ่มอันฟอลโลว์เขา ไม่มีใครอยากจะสนิทชิดเชื้อกับคนที่ใช้ความรุนแรงแบบนี้ คือภาพที่ออกไป มันแย่มาก และจากจุดนั้น ก็มีคดีใหม่ๆ ที่ถูกเปิดเผยเรื่อยๆ ประเดประดังเข้ามาใส่ดิ๊ดดี้ จนตั้งตัวไม่ทัน - คริสตัล แม็คเคนนีย์ นางแบบสาว อ้างว่าโดนดิ๊ดดี้ ใช้กำลังลากเธอเข้าไปในห้องนำแล้วบังคับให้ทำออรัลเซ็กส์ให้ ในสตูดิโอที่ใช้อัดเพลงในนิวยอร์ก - เอพริล แลมพรอส นักศึกษาสถาบันแฟชั่น บอกว่าเธอโดนดิ๊ดดี้บังคับให้ทำการเซ็กส์หมู่ - อาเดรีย อิงลิช นักแสดงหนังโป๊ บอกว่าเธอโดนล่อหลอกให้แสดงกิจกรรมทางเพศ ระหว่างงานปาร์ตี้ โจมตีดิ๊ดดี้ว่าทำการค้ามนุษย์ - ดอว์น ริชาร์ดส นักร้องจากวงดานิตี้ เคน ที่เคยร่วมงานกับดิ๊ดดี้ บอกว่า โดนดิ๊ดดี้แอบจับหน้าอก และจับก้นหลายครั้ง ทำแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร เหมือนเป็นเรื่องปกติ คุณพ่อของดอว์น ริชาร์ดส ขับรถจากบัลติมอร์ มานิวยอร์กเพื่อมาคุยกับดิ๊ดดี้ แต่โดนขู่ว่า "คิดถึงครอบครัวของแกให้ดีเถอะ" เมื่อคดียาวเป็นหางว่าวแบบนี้ ทำให้วันที่ 16 กันยายน 2024 ดิ๊ดดี้ โดนตำรวจจับกุมตัว ที่โรงแรมพาร์กไฮแอต ในนิวยอร์ก โดยคดีที่ตำรวจให้ความสนใจคือ การจัดปาร์ตี้เบื้องหน้า แต่เบื้องหลังคือขบวนการค้ากาม ค้ามนุษย์ รวมถึงพรากผู้เยาว์ รวมถึงการทำร้ายร่างกาย ที่มีคลิปหลักฐานชัดเจน สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ มองอยู่ คือดิ๊ดดี้ อาจทำเรื่องผิดกฎหมายที่ร้ายแรงกว่านั้นอีก เช่น การสร้างองค์กรอาชญากรรมของตัวเองขึ้นมา แล้วมีส่วนในการลักลอบวางเพลิง, การลักพาตัว, การใช้แรงงานทาส, การค้าสารเสพติด และ การติดสินบนเจ้าพนักงาน เขาอาจจะไม่ใช่แค่เจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปเฉยๆ แต่อาจเป็นผู้มีอิทธิพลของจริงเลยก็ได้ หลังจากดิ๊ดดี้โดนจับ มีข้อมูลน่าสนใจ ที่ตำรวจค้นพบ ระหว่างการค้นบ้านของดิ๊ดดี้ ที่ลอสแองเจลิส กับ ไมอามี่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ freak offs ตำรวจพบว่า มีขวดเบบี้ออยล์ มากถึง 1,000 ขวด อยู่ในบ้าน แน่นอน คนก็เชื่อมโยงว่า คุณจะซื้อเบบี้ออยล์มาเยอะขนาดนั้นทำไม เหตุผลน่าจะมีอย่างเดียวคือ คงเอาไปใช้ในกิจกรรมทางเพศอย่างบ้าคลั่ง เช่นงาน ปาร์ตี้เซ็กส์ เป็นต้น นับจนถึงเมื่อวานนี้ (24 กันยายน) มีคนแจ้งความดิ๊ดดี้ ทั้งหมด 11 คน และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นอีกเรื่อยๆ รวมถึงบางคดี ที่น่าสนใจเหมือนกัน เช่น จากัวร์ ไรท์ นักร้องสาวชาวอเมริกัน อ้างว่า ดิ๊ดดี้ ถ่ายคลิปของเซเลบริตี้หลายคนเอาไว้ แล้วไปปล่อยในดาร์กเว็บ ได้เงินมา 500 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น ยังมีข่าวลืออีกสารพัด ว่าเขาเคยล่วงละเมิด ศิลปินทั้งชาย และ หญิง มาแล้วหลายคน ซึ่งในจำนวนนั้นก็มีคนที่เป็นซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบันด้วย สถานการณ์ล่าสุด ดิ๊ดดี้ต้องไปอยู่ในห้องขัง โดยเขายื่นข้อเสนอประกันตัว 50 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งติด GPS เพื่อการันตีว่าจะไม่หลบหนี แต่ศาลไม่อนุมัติ ทำให้ตอนนี้ดิ๊ดดี้ต้องอยู่ในเรือนจำที่บรู๊คลิน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง สเต็ปต่อไปทนายของดิ๊ดดี้ กำลังเตรียมสู้คดีอย่างเต็มที่ คือมีบางเคสที่ดิ๊ดดี้โดนแน่ๆ เช่นทำร้ายร่างกายแคสซี่ เพราะมีกล้องวงจรปิดชัดเจน แต่กับคดีอื่นๆ ที่เขาโดนกล่าวหาว่ากระทำ ก็ต้องมาพิสูจน์กันต่อไป ว่าทำจริงหรือไม่ สำหรับในวงการกีฬานั้น เรื่องนี้ก็สั่นสะเทือนเช่นกัน เพราะศิลปินฮิปฮ็อป กับนักกีฬาอีลีท มักจะสนิทสนมกัน เช่น เคนดริค ลามาร์ กับ เดมาร์ เดโรซาน สนิทกันถึงขั้นเดโรซานไปเล่นในเอ็มวีให้ หรือตอนรัสเซลล์ เวสต์บรู๊ก นำทริปเปิ้ลดับเบิ้ลในตำนาน (20 แต้ม, 20 รีบาวด์, 20 แอสซิสต์) เขาอุทิศผลงานนี้ ให้กับแรพเปอร์ ชื่อ นิปซีย์ ผู้ล่วงลับ โดยดิ๊ดดี้ อยู่ในวงการมาเกิน 30 ปี รู้จักคนมากมาย และสนิทสนมกับนักกีฬาหลายคน ไปร่วมกิจกรรมกับ NBA ก็บ่อย แต่ถึงตรงนี้ ก็คงไม่มีใครที่พร้อมจะอยู่ซัพพอร์ทเขา เพราะไม่อยากติดร่างแหไปด้วย มีคนย้อนไปดูคลิปงานปาร์ตี้ freak offs ที่เผยแพร่ออกมา พบว่า มีนักกีฬาบางคนไปร่วมงานด้วย เช่น เลียวนาร์ด โฟร์เนตต์ รันนิ่งแบ็กชุดแชมป์ NFL ของแทมป้าเบย์ บัคคาเนียร์ ซึ่งโฟร์เนตต์ก็โดนสังคมจับจ้องทันทีว่า ไปมั่วยา มั่วเซ็กส์ หรือทำอะไรผิดกฎหมายหรือเปล่า ดังนั้นสิ่งที่นักกีฬาทำตอนนี้คือ เอาตัวออกห่างจากดิ๊ดดี้ให้ไกลที่สุด ไม่ให้เชื่อมโยงกันได้ อะไรที่เคยโพสต์ถึงก็ไล่ลบจนเกลี้ยงทั้งหมด สิ่งที่เราเห็นจากเรื่องนี้ คือในวันที่ยิ่งใหญ่ ทำอะไรก็ราบรื่น ผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ในวันนี้ ที่ความผิดเริ่มแดงออกมาเรื่อยๆ ดิ๊ดดี้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครอยากจะร่วม "ปาร์ตี้" ของเขาอีกแล้ว และแน่นอน ถ้าพิสูจน์ได้ว่าทำผิดจริง ก็ต้องรับโทษทางกฎหมายกันไป บางคนบอกว่า ถ้าทีมทนายไม่เก่งระดับเทพล่ะก็ อิสรภาพวันสุดท้ายของดิ๊ดดี้ อาจจะหมดลงแล้ว และอาจติดคุกในช่วงที่เหลืออยู่ของชีวิต แม้จะมีเงินในบัญชีถึง 1 พันล้านดอลลาร์ก็ตามที” ที่มา : เพจวิเคราะห์บอลจริงจัง https://www.facebook.com/share/5f8x3Zx1WzpUs8b5/?mibextid=CTbP7E ภาพ #Thaitimes
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1553 มุมมอง 0 รีวิว