• “ทักษิณ”ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.นครพนมยังพล่ามเรื่องเดิมๆ ทั้ง Entertainment Complexและโอ่จะปราบยาบ้าให้สำเร็จเหมือนตอนเป็นนายกเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน แต่ไม่วายแขวะรัฐบาลชุดก่อนบริหารประเทศไม่เป็นทำคนไทยยากจน โอ่รัฐบาลนี้บริหารครบเทอมในปี 70 เงินจะเต็มกระเป๋ากันถ้วนหน้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005557

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ทักษิณ”ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.นครพนมยังพล่ามเรื่องเดิมๆ ทั้ง Entertainment Complexและโอ่จะปราบยาบ้าให้สำเร็จเหมือนตอนเป็นนายกเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน แต่ไม่วายแขวะรัฐบาลชุดก่อนบริหารประเทศไม่เป็นทำคนไทยยากจน โอ่รัฐบาลนี้บริหารครบเทอมในปี 70 เงินจะเต็มกระเป๋ากันถ้วนหน้า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005557 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Foundry ได้ประกาศการเข้าร่วมของลูกค้าใหม่ในโครงการ RAMP-C (Rapid Assured Microelectronics Prototypes - Commercial) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Trusted & Assured Microelectronics (T&AM) ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สำหรับการวิจัยและวิศวกรรม (OUSD (R&E)) ลูกค้าใหม่ที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้แก่ Trusted Semiconductor Solutions และ Reliable MicroSystems

    โครงการ RAMP-C ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการผลิต Intel 18A และการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงสำหรับการผลิตต้นแบบและการผลิตในปริมาณมากของผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และผลิตภัณฑ์สำหรับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    Kapil Wadhera รองประธานของ Intel Foundry และผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มธุรกิจการบินและอวกาศ กลาโหม และรัฐบาล กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Trusted Semiconductor Solutions และ Reliable MicroSystems เข้าร่วมโครงการ RAMP-C ความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อนโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์ที่ปลอดภัยและทันสมัย ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของประเทศ เราภูมิใจในบทบาทสำคัญของ Intel Foundry ในการสนับสนุนการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับลูกค้าใหม่ของเราเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี Intel 18A ของเรา"

    โครงการ RAMP-C ได้รับความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2021 โดย Intel Foundry มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างทรัพย์สินทางปัญญา และการเตรียมลูกค้าสำหรับการทดสอบชิปต้นแบบ จนถึงการขยายฐานลูกค้าและการผลิตต้นแบบขั้นสูง

    การขยายการผลิต Intel 18A ช่วยเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกด้วยแหล่งที่เชื่อถือได้และยั่งยืนของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดสำหรับอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.techpowerup.com/331263/intel-foundry-adds-new-customers-to-ramp-c-project-for-us-defense
    Intel Foundry ได้ประกาศการเข้าร่วมของลูกค้าใหม่ในโครงการ RAMP-C (Rapid Assured Microelectronics Prototypes - Commercial) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Trusted & Assured Microelectronics (T&AM) ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สำหรับการวิจัยและวิศวกรรม (OUSD (R&E)) ลูกค้าใหม่ที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้แก่ Trusted Semiconductor Solutions และ Reliable MicroSystems โครงการ RAMP-C ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการผลิต Intel 18A และการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงสำหรับการผลิตต้นแบบและการผลิตในปริมาณมากของผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และผลิตภัณฑ์สำหรับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ Kapil Wadhera รองประธานของ Intel Foundry และผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มธุรกิจการบินและอวกาศ กลาโหม และรัฐบาล กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Trusted Semiconductor Solutions และ Reliable MicroSystems เข้าร่วมโครงการ RAMP-C ความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อนโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์ที่ปลอดภัยและทันสมัย ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของประเทศ เราภูมิใจในบทบาทสำคัญของ Intel Foundry ในการสนับสนุนการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับลูกค้าใหม่ของเราเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี Intel 18A ของเรา" โครงการ RAMP-C ได้รับความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2021 โดย Intel Foundry มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างทรัพย์สินทางปัญญา และการเตรียมลูกค้าสำหรับการทดสอบชิปต้นแบบ จนถึงการขยายฐานลูกค้าและการผลิตต้นแบบขั้นสูง การขยายการผลิต Intel 18A ช่วยเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกด้วยแหล่งที่เชื่อถือได้และยั่งยืนของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดสำหรับอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ https://www.techpowerup.com/331263/intel-foundry-adds-new-customers-to-ramp-c-project-for-us-defense
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Intel Foundry Adds New Customers to RAMP-C Project for US Defense
    Intel Foundry has announced the onboarding of new defense industrial base (DIB) customers, Trusted Semiconductor Solutions and Reliable MicroSystems, as part of the third phase of the Rapid Assured Microelectronics Prototypes - Commercial (RAMP-C) efforts under the Trusted & Assured Microelectronics...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในปี 2025 การจัดการ AI ในฐานะพนักงานจะเป็นความท้าทายใหม่สำหรับบริษัทต่าง ๆ โดย AI จะสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริษัทจะต้องจัดการทรัพยากรมนุษย์และเครื่องจักร (AI) ร่วมกัน Marco Argenti, CIO ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ บริษัทจะต้องจัดการทรัพยากรมนุษย์และเครื่องจักร (AI) ร่วมกัน และอาจมีการ "เลิกจ้าง" AI เมื่อมีโปรแกรมที่มีความสามารถสูงกว่าเข้ามาแทนที่

    นอกจากนี้ AI ที่มีความสามารถสูงสุดจะเป็นเหมือนผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ที่มีความรู้เฉพาะด้านในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การเงินและการแพทย์ การพัฒนา AI จะเน้นไปที่การเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น ฐานข้อมูลและการเรียกใช้ฟังก์ชัน API รวมถึงการฝึกอบรมเพิ่มเติมด้วยข้อมูลเฉพาะด้าน

    https://www.zdnet.com/article/managing-ai-agents-as-employees-is-the-challenge-of-2025-says-goldman-sachs-cio/
    ในปี 2025 การจัดการ AI ในฐานะพนักงานจะเป็นความท้าทายใหม่สำหรับบริษัทต่าง ๆ โดย AI จะสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริษัทจะต้องจัดการทรัพยากรมนุษย์และเครื่องจักร (AI) ร่วมกัน Marco Argenti, CIO ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ บริษัทจะต้องจัดการทรัพยากรมนุษย์และเครื่องจักร (AI) ร่วมกัน และอาจมีการ "เลิกจ้าง" AI เมื่อมีโปรแกรมที่มีความสามารถสูงกว่าเข้ามาแทนที่ นอกจากนี้ AI ที่มีความสามารถสูงสุดจะเป็นเหมือนผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ที่มีความรู้เฉพาะด้านในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การเงินและการแพทย์ การพัฒนา AI จะเน้นไปที่การเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น ฐานข้อมูลและการเรียกใช้ฟังก์ชัน API รวมถึงการฝึกอบรมเพิ่มเติมด้วยข้อมูลเฉพาะด้าน https://www.zdnet.com/article/managing-ai-agents-as-employees-is-the-challenge-of-2025-says-goldman-sachs-cio/
    WWW.ZDNET.COM
    Managing AI agents as employees is the challenge of 2025, says Goldman Sachs CIO
    There may even be AI 'layoffs' as programs are replaced by more highly capable versions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักข่าวโดนล็อคคอนำตัวออกจากห้องแถลงข่าวของบลิงเคน หลังยิงคำถามไม่ถูกใจ!!

    เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายของนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก่อนที่เขาจะหมดวาระจากตำแหน่ง หลังการประกาศข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส รวมทั้งข้อตกลงเรื่องตัวประกัน

    แซม ฮัสเซนี นักข่าวอเมริกันเชื้อสายจอร์แดน-ปาเลสไตน์ และคอลัมนิสต์ในสื่อหลายแห่ง ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกระทรวงต่างประเทศล็อคคอลากออกจากห้องแถลงข่าว หลังจากที่เขาพยายามถามเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ซึ่งบลิงเคนอ้างว่าเป็นความสำเร็จทางการทูตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

    บลิงเคนไม่ยอมตอบคำถามของฮัสเซนี หลังจากเขาพยายามถามว่าทำไมสหรัฐถึงยอมให้ฝ่ายอิสราเอลจบสงครามในกาซา ซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 15 เดือนและคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนอย่างง่ายดาย

    ในระหว่างที่ฮัสเซนีรัวคำถามอยู่นั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับพยายามนำตัวเขา ออกจากห้องแถลงข่าว ทำให้เขาโกรธมากและตะโกนออกไปว่า "ไอ้ฆาตกร! ทำไมแกไม่อยู่ในกรุงเฮก!" (กรุงเฮก ในเนเธอร์แลนด์ เป็นที่ตั้งของศาลอาญาระหว่างประเทศ)

    ฮัสเซนีกล่าวภายหลังว่า เขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพียงแค่พยายามตั้งคำถามทั่วไปเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง แต่บลิงเคนไม่รู้คิดอะไรอยู่ ถึงไม่ยินยอมตอบคำถาม โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับระเบียบฮันนิบาล ไดเร็กทีฟ (Hannibal Directive) ซึ่งอนุญาตให้ทหารอิสราเอลดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของพลเรือนและทหารของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวประกันตกไปอยู่ในมือศัตรู

    นักข่าวโดนล็อคคอนำตัวออกจากห้องแถลงข่าวของบลิงเคน หลังยิงคำถามไม่ถูกใจ!! เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายของนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก่อนที่เขาจะหมดวาระจากตำแหน่ง หลังการประกาศข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส รวมทั้งข้อตกลงเรื่องตัวประกัน แซม ฮัสเซนี นักข่าวอเมริกันเชื้อสายจอร์แดน-ปาเลสไตน์ และคอลัมนิสต์ในสื่อหลายแห่ง ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกระทรวงต่างประเทศล็อคคอลากออกจากห้องแถลงข่าว หลังจากที่เขาพยายามถามเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ซึ่งบลิงเคนอ้างว่าเป็นความสำเร็จทางการทูตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บลิงเคนไม่ยอมตอบคำถามของฮัสเซนี หลังจากเขาพยายามถามว่าทำไมสหรัฐถึงยอมให้ฝ่ายอิสราเอลจบสงครามในกาซา ซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 15 เดือนและคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนอย่างง่ายดาย ในระหว่างที่ฮัสเซนีรัวคำถามอยู่นั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับพยายามนำตัวเขา ออกจากห้องแถลงข่าว ทำให้เขาโกรธมากและตะโกนออกไปว่า "ไอ้ฆาตกร! ทำไมแกไม่อยู่ในกรุงเฮก!" (กรุงเฮก ในเนเธอร์แลนด์ เป็นที่ตั้งของศาลอาญาระหว่างประเทศ) ฮัสเซนีกล่าวภายหลังว่า เขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพียงแค่พยายามตั้งคำถามทั่วไปเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง แต่บลิงเคนไม่รู้คิดอะไรอยู่ ถึงไม่ยินยอมตอบคำถาม โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับระเบียบฮันนิบาล ไดเร็กทีฟ (Hannibal Directive) ซึ่งอนุญาตให้ทหารอิสราเอลดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของพลเรือนและทหารของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวประกันตกไปอยู่ในมือศัตรู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 5 ขั้นตอนพัฒนาตนเองให้สำเร็จในอาชีพ
    5 ขั้นตอนพัฒนาตนเองให้สำเร็จในอาชีพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • #ทุกอย่างจะพังเพราะป้าใครเตือนก็ไม่ฟัง
    #แต่ป้ากลับโทษทุกคนยกเว้นตัวเอง
    โครตตลกเลย เชื่อมจิตเล่านิทานมโน
    โยงมั่วซั่วไปหมด ตั้งสตินะป้า
    กรูเตือนเมิงแล้ว เป็นร้อยโพส
    ว่าอย่าดึงอีแฝดไปพัวพันกับกามิน
    เมิงก็รั้น ยังไม่พอ อิแฝดจะยืมมือเมิง
    เป็นเครื่องมือฟ๊องกรู เมิงก็ง่าว
    รีบประกาศว่าจะเอาทนายกามิน
    มาปกป้องอิแฝดมิ๊จฉาชีพ
    ยังไม่พอ ยังดันทุรังเอาอีมิจ๊
    ไปไลฟ์กับกามินอีก กรูเตือนแล้ว
    ว่าอย่านะ ให้เช็คข้อมูลก่อน
    มึงก็โพสว่าอิแฝดมีมีเลยคะดีฉ้อโGง
    ก็มาว่ากรูมั่ว แล้วเมิงก็ดันทุรังจนสำเร็จ
    เอาสาวเกาไปไลฟ์ขายคอลาเจน
    สุดท้าย คอลาเจนที่ส่งมา
    ผิดกฎหมายตามที่รองประธานสภา
    คุ้มครองผู้บริโภคพูดกลางรายการสัมภาษณ์
    แล้วตอนนี้ความชิ๊บหายมาถึงกามิน
    เมิงก็จะมาโยนว่า นี่คือเรื่องเกมส์การเมือง
    กามินอยู่พรรคอะไร ตอบกรูก่อน
    อิห่านจิก เมิงโทษทุกอย่าง ยกเว้นตัวเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทุกอย่างจะพังเพราะป้าใครเตือนก็ไม่ฟัง #แต่ป้ากลับโทษทุกคนยกเว้นตัวเอง โครตตลกเลย เชื่อมจิตเล่านิทานมโน โยงมั่วซั่วไปหมด ตั้งสตินะป้า กรูเตือนเมิงแล้ว เป็นร้อยโพส ว่าอย่าดึงอีแฝดไปพัวพันกับกามิน เมิงก็รั้น ยังไม่พอ อิแฝดจะยืมมือเมิง เป็นเครื่องมือฟ๊องกรู เมิงก็ง่าว รีบประกาศว่าจะเอาทนายกามิน มาปกป้องอิแฝดมิ๊จฉาชีพ ยังไม่พอ ยังดันทุรังเอาอีมิจ๊ ไปไลฟ์กับกามินอีก กรูเตือนแล้ว ว่าอย่านะ ให้เช็คข้อมูลก่อน มึงก็โพสว่าอิแฝดมีมีเลยคะดีฉ้อโGง ก็มาว่ากรูมั่ว แล้วเมิงก็ดันทุรังจนสำเร็จ เอาสาวเกาไปไลฟ์ขายคอลาเจน สุดท้าย คอลาเจนที่ส่งมา ผิดกฎหมายตามที่รองประธานสภา คุ้มครองผู้บริโภคพูดกลางรายการสัมภาษณ์ แล้วตอนนี้ความชิ๊บหายมาถึงกามิน เมิงก็จะมาโยนว่า นี่คือเรื่องเกมส์การเมือง กามินอยู่พรรคอะไร ตอบกรูก่อน อิห่านจิก เมิงโทษทุกอย่าง ยกเว้นตัวเอง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่านที่เกิดปีมะเส็ง

    ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีมะเส็งทุกๆคนได้รับผลกระทบจากพลังดาวเทพเฝ้าดูแลดวงชะตา 太歲爺 (ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) เสด็จมาสถิตซ้อนทับตำแหน่งปีเกิดให้ต้องตระหนกอกสั่นขวัญแขวนไม่สงบผ่อนคลาย จะกระทำการใดๆไม่ควรประมาทปราศจากการไตร่ตรองต้องระแวดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีพลังดาวร้าย伏屍(ฮกซี) ดาวร้าย 指背(จี๋ป่วย) ดาวร้าย血刃(ฮ๊วยยิ่ง) และดาวร้าย浮沉(ผู่ติ๊ม) ร่วมด้วยช่วยกันกระหน่ำซ้ำผลักดันให้ชะตาชีวิตขึ้นๆลงๆมากด้วยอุปสรรคปัญหาพบกับความเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งกับคนรอบข้างรอบตัวตลอดเวลา ทั้งมีคนคิดร้ายหักหลังขัดขวางให้การงานไม่ราบรื่น ทั้งมีคนฉ้อฉลให้หลงกลโกงเพราะหวังผลประโยชน์ของคนอื่นให้ต้องสูญเสียเงินทองอย่างยากที่จะควบคุม การคิดอ่านคาดคะเนจะหละหลวมไร้ความละเอียดรอบคอบ ขาดสมาธิไม่ตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่เป็นผลให้การงานมีโอกาสผิดพลาด เกิดอาการเกียจคร้านเอาแต่สนุกสนานเที่ยวเตร่เสเพลไปวันๆ มีเกณฑ์พาลพบภัยที่ไม่คาดคิดอันตรายที่ไม่คาดถึง ควรงดเดินทางไกลลดภัยอุบัติเหตุให้ไม่ต้องเลือดตกยางออกผ่าตัดรักษา หมั่นทำความดีสร้างบุญกุศลตามความเหมาะสมของตน

    แต่ฟ้ายังเมตตาที่มีดาวเทพมงคลดาว天解(เทียงโก๊ย)และดาวเทพมงคล八痤(โป๊ยจ่อ) ช่วยสลายผ่อนคลายเรื่องหนักให้เป็นเบาหรือพลิกเรื่องร้ายๆกลับหายไปให้ฟันฝ่าอุปสรรคแข่งขันได้รับชัยชนะ ทั้งการเรียนการศึกษาสำเร็จสมหวัง ทั้งการงานได้เลื่อนขั้นสมปรารถนาตลอดทั้งปี 2568 นี้
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ท่านที่เกิดปีมะเส็ง ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีมะเส็งทุกๆคนได้รับผลกระทบจากพลังดาวเทพเฝ้าดูแลดวงชะตา 太歲爺 (ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) เสด็จมาสถิตซ้อนทับตำแหน่งปีเกิดให้ต้องตระหนกอกสั่นขวัญแขวนไม่สงบผ่อนคลาย จะกระทำการใดๆไม่ควรประมาทปราศจากการไตร่ตรองต้องระแวดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีพลังดาวร้าย伏屍(ฮกซี) ดาวร้าย 指背(จี๋ป่วย) ดาวร้าย血刃(ฮ๊วยยิ่ง) และดาวร้าย浮沉(ผู่ติ๊ม) ร่วมด้วยช่วยกันกระหน่ำซ้ำผลักดันให้ชะตาชีวิตขึ้นๆลงๆมากด้วยอุปสรรคปัญหาพบกับความเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งกับคนรอบข้างรอบตัวตลอดเวลา ทั้งมีคนคิดร้ายหักหลังขัดขวางให้การงานไม่ราบรื่น ทั้งมีคนฉ้อฉลให้หลงกลโกงเพราะหวังผลประโยชน์ของคนอื่นให้ต้องสูญเสียเงินทองอย่างยากที่จะควบคุม การคิดอ่านคาดคะเนจะหละหลวมไร้ความละเอียดรอบคอบ ขาดสมาธิไม่ตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่เป็นผลให้การงานมีโอกาสผิดพลาด เกิดอาการเกียจคร้านเอาแต่สนุกสนานเที่ยวเตร่เสเพลไปวันๆ มีเกณฑ์พาลพบภัยที่ไม่คาดคิดอันตรายที่ไม่คาดถึง ควรงดเดินทางไกลลดภัยอุบัติเหตุให้ไม่ต้องเลือดตกยางออกผ่าตัดรักษา หมั่นทำความดีสร้างบุญกุศลตามความเหมาะสมของตน แต่ฟ้ายังเมตตาที่มีดาวเทพมงคลดาว天解(เทียงโก๊ย)และดาวเทพมงคล八痤(โป๊ยจ่อ) ช่วยสลายผ่อนคลายเรื่องหนักให้เป็นเบาหรือพลิกเรื่องร้ายๆกลับหายไปให้ฟันฝ่าอุปสรรคแข่งขันได้รับชัยชนะ ทั้งการเรียนการศึกษาสำเร็จสมหวัง ทั้งการงานได้เลื่อนขั้นสมปรารถนาตลอดทั้งปี 2568 นี้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุดกรวดนำ้รุ่นแทนธรรม 7 สี
    ผลิตจากวัสดุคุณภาพ เกรดพรีเมี่ยม
    ทนต่อการใช้งาน สีสันคงทน ไม่ซีดจาง
    จำหน่ายปลีก - ส่ง
    ราคาชุดละ 79.-
    ราคาเซตละ 500.-
    1 ลัง บรรจุ 24 ชุด {ไม่คละสี} ราคาลังละ 1,400.-

    🚚ค่าบริการจัดส่งเริ่มต้น 29 - 50 บาท
    📣สนใจติดต่อสอบถาม สั่งสินค้าได้ที่
    Line ID : sskolshop
    Tel : 082 934 5559
    #ชุดกรวดน้ำ #ชุดกรวดน้ำลายไทย #ชุดกรวดน้ำสุดหรู #ชุดกรวดน้ำพลาสติก #ชุดกรวดน้ำทำบุญ #ชุดกรวดน้ำถวายพระ #ชุดกรวดน้ำสำเร็จรูป
    ชุดกรวดนำ้รุ่นแทนธรรม 7 สี ผลิตจากวัสดุคุณภาพ เกรดพรีเมี่ยม ทนต่อการใช้งาน สีสันคงทน ไม่ซีดจาง จำหน่ายปลีก - ส่ง ราคาชุดละ 79.- ราคาเซตละ 500.- 1 ลัง บรรจุ 24 ชุด {ไม่คละสี} ราคาลังละ 1,400.- 🚚ค่าบริการจัดส่งเริ่มต้น 29 - 50 บาท 📣สนใจติดต่อสอบถาม สั่งสินค้าได้ที่ Line ID : sskolshop Tel : 082 934 5559 #ชุดกรวดน้ำ #ชุดกรวดน้ำลายไทย #ชุดกรวดน้ำสุดหรู #ชุดกรวดน้ำพลาสติก #ชุดกรวดน้ำทำบุญ #ชุดกรวดน้ำถวายพระ #ชุดกรวดน้ำสำเร็จรูป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • 04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน?

    พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว
    พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม
    พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก
    พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น
    พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง
    พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว
    พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน
    พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา
    พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย
    พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน
    พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้
    พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า
    พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย
    พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน
    พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง
    พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง
    พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
    พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ
    พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย
    พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก
    พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง
    พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้
    พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ
    พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย
    พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น

    มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!

    หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์)
    04 เม.ย. 62
    16.53 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?”

    ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ

    ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์

    ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง

    ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม

    … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม )

    ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน

    ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” )

    ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน? พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้ พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย! หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์) 04 เม.ย. 62 16.53 น. ------------------------------------------------------------------------— Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?” ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์ ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม ) ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” ) ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cambricon Technologies ผู้พัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ชั้นนำจากจีน ได้ประกาศกำไรไตรมาสแรกในช่วงปลายปี 2024 หลังจากที่ประสบปัญหาขาดทุนมาหลายปี ความสำเร็จทางการเงินนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งห้ามการขาย GPU AI ขั้นสูงของ Nvidia ให้กับจีน ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Cambricon ได้รับความนิยมมากขึ้นในจีน

    รายได้ของ Cambricon เพิ่มขึ้นเกือบ 70% ในปี 2024 โดยมีรายได้ประมาณ ¥1.2 พันล้าน ($163.7 ล้าน) แม้ว่าจะยังเป็นเพียงเศษเสี้ยวของรายได้ $90 พันล้านของ Nvidia ทั่วโลก แต่ก็แสดงถึงการเติบโตที่สำคัญ กำไรไตรมาสที่ 4 ของ Cambricon อยู่ระหว่าง ¥240 ล้านถึง ¥328 ล้าน ($32.74 ล้านถึง $44.74 ล้าน) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากขาดทุน ¥724 ล้าน ($98.76 ล้าน) ในสามไตรมาสแรก ทำให้ขาดทุนทั้งปี 2024 ลดลงเหลือ ¥396 - ¥484 ล้าน ($54 ล้าน - $66 ล้าน)

    การนำฮาร์ดแวร์ของ Cambricon มาใช้ในจีนเพิ่มขึ้นในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงการนำไปใช้โดย Huawei ทำให้หุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้นกว่า 470% ในปีที่ผ่านมา หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก ¥120.80 เป็น ¥695.96 ในปีที่ผ่านมา

    Cambricon ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 เพื่อพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่อุปกรณ์ขอบเครือข่ายไปจนถึงศูนย์ข้อมูลคลาวด์ ปัจจุบันบริษัทมีตัวเร่ง AI ที่ทรงพลังที่สุดคือ MLU290-M5 ซึ่งมีประสิทธิภาพ 512 INT8 TOPS, 256 INT16 TOPS และ 64 CINT32 TOPS และมาพร้อมกับหน่วยความจำ HBM2 ขนาด 32GB ที่มีแบนด์วิดท์ 1,228 GB/s

    แม้ว่า Cambricon จะยังล้าหลัง Nvidia อยู่ประมาณ 4-5 ปีในด้านประสิทธิภาพ แต่สำหรับลูกค้าของ Cambricon ที่ไม่สามารถหาซื้อ GPU ของ Nvidia ได้ ข้อได้เปรียบของแพลตฟอร์ม Nvidia ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

    ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ AI ของจีนคาดว่าจะเติบโตถึง ¥178 พันล้าน ($24.28 พันล้าน) ในปีนี้ Cambricon เป็นผู้เล่นหลักในตลาด AI ของจีน และด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วและการปรับปรุงทางการเงิน บริษัทมีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความต้องการฮาร์ดแวร์ AI ที่เพิ่มขึ้นในประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-cambricon-posts-first-profit-as-demand-for-this-nvidia-rivals-ai-processors-explodes
    Cambricon Technologies ผู้พัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ชั้นนำจากจีน ได้ประกาศกำไรไตรมาสแรกในช่วงปลายปี 2024 หลังจากที่ประสบปัญหาขาดทุนมาหลายปี ความสำเร็จทางการเงินนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งห้ามการขาย GPU AI ขั้นสูงของ Nvidia ให้กับจีน ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Cambricon ได้รับความนิยมมากขึ้นในจีน รายได้ของ Cambricon เพิ่มขึ้นเกือบ 70% ในปี 2024 โดยมีรายได้ประมาณ ¥1.2 พันล้าน ($163.7 ล้าน) แม้ว่าจะยังเป็นเพียงเศษเสี้ยวของรายได้ $90 พันล้านของ Nvidia ทั่วโลก แต่ก็แสดงถึงการเติบโตที่สำคัญ กำไรไตรมาสที่ 4 ของ Cambricon อยู่ระหว่าง ¥240 ล้านถึง ¥328 ล้าน ($32.74 ล้านถึง $44.74 ล้าน) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากขาดทุน ¥724 ล้าน ($98.76 ล้าน) ในสามไตรมาสแรก ทำให้ขาดทุนทั้งปี 2024 ลดลงเหลือ ¥396 - ¥484 ล้าน ($54 ล้าน - $66 ล้าน) การนำฮาร์ดแวร์ของ Cambricon มาใช้ในจีนเพิ่มขึ้นในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงการนำไปใช้โดย Huawei ทำให้หุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้นกว่า 470% ในปีที่ผ่านมา หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก ¥120.80 เป็น ¥695.96 ในปีที่ผ่านมา Cambricon ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 เพื่อพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่อุปกรณ์ขอบเครือข่ายไปจนถึงศูนย์ข้อมูลคลาวด์ ปัจจุบันบริษัทมีตัวเร่ง AI ที่ทรงพลังที่สุดคือ MLU290-M5 ซึ่งมีประสิทธิภาพ 512 INT8 TOPS, 256 INT16 TOPS และ 64 CINT32 TOPS และมาพร้อมกับหน่วยความจำ HBM2 ขนาด 32GB ที่มีแบนด์วิดท์ 1,228 GB/s แม้ว่า Cambricon จะยังล้าหลัง Nvidia อยู่ประมาณ 4-5 ปีในด้านประสิทธิภาพ แต่สำหรับลูกค้าของ Cambricon ที่ไม่สามารถหาซื้อ GPU ของ Nvidia ได้ ข้อได้เปรียบของแพลตฟอร์ม Nvidia ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ AI ของจีนคาดว่าจะเติบโตถึง ¥178 พันล้าน ($24.28 พันล้าน) ในปีนี้ Cambricon เป็นผู้เล่นหลักในตลาด AI ของจีน และด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วและการปรับปรุงทางการเงิน บริษัทมีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความต้องการฮาร์ดแวร์ AI ที่เพิ่มขึ้นในประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-cambricon-posts-first-profit-as-demand-for-this-nvidia-rivals-ai-processors-explodes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    ‼️กลางปีนี้ บ้านไหนไม่แยกขยะ🏠กทม.จะ #ขึ้นค่าเก็บขยะ เป็น 60 บาทต่อเดือนแล้วนะ‼️

    🏠ใครอยากจ่ายเท่าเดิม 20 บาท 👉 รีบ Save คู่มือ "ฮาวทูทิ้ง" ฉบับกทม. 🚮 แล้วมาเริ่มแยกขยะง่าย ๆ

    ด้วยการระบุข้อความบนถุงขยะ เพื่อความสะดวกในการคัดแยก 🗑️✨

    ++++++++++++
    ประเภทขยะที่ควรรู้
    ++++++++++++

    👉🏼 ขยะทั่วไป เช่น

    ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร 🍟
    ซองบะหมี่ 🍜
    ถุงขนม 🍬
    กล่องโฟม 📦
    ผ้าอ้อมสำเร็จรูป 🍼

    .
    👉🏼 ขยะเศษอาหาร เช่น

    เศษผักผลไม้ 🍎
    เศษอาหาร 🍲
    เศษเนื้อสัตว์ 🍖

    .
    👉🏼 ขยะรีไซเคิล เช่น

    กระดาษ 📄
    พลาสติก ♻️
    แก้ว 🍶
    โลหะ ⚙️

    .
    👉🏼 ขยะอันตราย เช่น

    หลอดไฟ 💡
    แบตเตอรี่ 🔋
    ถ่านไฟฉาย 🔦
    ยาหมดอายุ 💊
    กระป๋องสเปรย์ 🧴
    ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ 🧼
    .
    +++++++++++++++
    คำถามยอดฮิต ❓
    แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครแยก/ไม่แยกขยะ ⁉️
    +++++++++++++++

    กทม.จะเปิดให้บ้านที่แยกขยะ ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ #บ้านนี้ไม่เทรวม เพื่อจ่ายค่าขยะลดเหลือ 20 บาทเท่าเดิม 💰

    โดยช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK Waste Pay 📲

    หรือเข้าไปติดต่อที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตที่มีทะเบียนบ้านอยู่ 📋 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนในระบบ

    🛠️ โดยกทม.จะมีการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่ามีการคัดแยกขยะจริง ✅

    +++++++++++++++
    ทำไมต้องปรับค่าเก็บขยะเพิ่ม?
    +++++++++++++++

    🌿 การปรับค่าธรรมเนียมใหม่จะใช้เฉพาะบ้านที่ไม่คัดแยกขยะเท่านั้น
    เพื่อส่งเสริมการแยกขยะ ลดปริมาณขยะในกรุงเทพฯ และช่วยลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก 🌏

    ปัจจุบัน กทม. ต้องรับภาระจัดการขยะในแต่ละวันะเฉลี่ยเกือบหมื่นตัน

    ซึ่งมีใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะอยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท/ตัน

    เมื่อปริมาณขยะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การแยกขยะจึงเป็นอีกแนวทางสำคัญที่จะช่วยลดภาระในด้านการจัดการขยะ

    โดยข้อบัญญัติฯ ค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าประมาณเดือนมิ.ย. 2568

    .
    📌ค่าธรรมเนียมขยะใหม่ สำหรับบ้านพักอาศัยที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตร/วัน หรือไม่เกิน 4 กก./วัน

    1️⃣ บ้านที่ไม่คัดแยกขยะ
    ค่าธรรมเนียม 60 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 30 บาท + ค่ากำจัด 30 บาท)
    .
    2️⃣ บ้านที่คัดแยกขยะ
    ค่าธรรมเนียม 20 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 10 บาท + ค่ากำจัด 10 บาท)

    +++++++++++++++

    ประโยชน์ของการปรับอัตราค่าขยะ

    ✔️ ลดปริมาณขยะในพื้นที่กรุงเทพฯ
    ✔️ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะ
    ✔️ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ
    ✔️ ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก

    เริ่มต้นแยกขยะวันนี้ นอกจากไม่ต้องค่าขยะเพิ่มแล้ว
    ยังช่วยโลก ช่วยสิ่งแวดล้อม ได้เยอะเลย ✨🌱
    17/1/68 ‼️กลางปีนี้ บ้านไหนไม่แยกขยะ🏠กทม.จะ #ขึ้นค่าเก็บขยะ เป็น 60 บาทต่อเดือนแล้วนะ‼️ 🏠ใครอยากจ่ายเท่าเดิม 20 บาท 👉 รีบ Save คู่มือ "ฮาวทูทิ้ง" ฉบับกทม. 🚮 แล้วมาเริ่มแยกขยะง่าย ๆ ด้วยการระบุข้อความบนถุงขยะ เพื่อความสะดวกในการคัดแยก 🗑️✨ ++++++++++++ ประเภทขยะที่ควรรู้ ++++++++++++ 👉🏼 ขยะทั่วไป เช่น ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร 🍟 ซองบะหมี่ 🍜 ถุงขนม 🍬 กล่องโฟม 📦 ผ้าอ้อมสำเร็จรูป 🍼 . 👉🏼 ขยะเศษอาหาร เช่น เศษผักผลไม้ 🍎 เศษอาหาร 🍲 เศษเนื้อสัตว์ 🍖 . 👉🏼 ขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ 📄 พลาสติก ♻️ แก้ว 🍶 โลหะ ⚙️ . 👉🏼 ขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ 💡 แบตเตอรี่ 🔋 ถ่านไฟฉาย 🔦 ยาหมดอายุ 💊 กระป๋องสเปรย์ 🧴 ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ 🧼 . +++++++++++++++ คำถามยอดฮิต ❓ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครแยก/ไม่แยกขยะ ⁉️ +++++++++++++++ กทม.จะเปิดให้บ้านที่แยกขยะ ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ #บ้านนี้ไม่เทรวม เพื่อจ่ายค่าขยะลดเหลือ 20 บาทเท่าเดิม 💰 โดยช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK Waste Pay 📲 หรือเข้าไปติดต่อที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตที่มีทะเบียนบ้านอยู่ 📋 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนในระบบ 🛠️ โดยกทม.จะมีการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่ามีการคัดแยกขยะจริง ✅ +++++++++++++++ ทำไมต้องปรับค่าเก็บขยะเพิ่ม? +++++++++++++++ 🌿 การปรับค่าธรรมเนียมใหม่จะใช้เฉพาะบ้านที่ไม่คัดแยกขยะเท่านั้น เพื่อส่งเสริมการแยกขยะ ลดปริมาณขยะในกรุงเทพฯ และช่วยลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก 🌏 ปัจจุบัน กทม. ต้องรับภาระจัดการขยะในแต่ละวันะเฉลี่ยเกือบหมื่นตัน ซึ่งมีใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะอยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท/ตัน เมื่อปริมาณขยะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การแยกขยะจึงเป็นอีกแนวทางสำคัญที่จะช่วยลดภาระในด้านการจัดการขยะ โดยข้อบัญญัติฯ ค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าประมาณเดือนมิ.ย. 2568 . 📌ค่าธรรมเนียมขยะใหม่ สำหรับบ้านพักอาศัยที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตร/วัน หรือไม่เกิน 4 กก./วัน 1️⃣ บ้านที่ไม่คัดแยกขยะ ค่าธรรมเนียม 60 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 30 บาท + ค่ากำจัด 30 บาท) . 2️⃣ บ้านที่คัดแยกขยะ ค่าธรรมเนียม 20 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 10 บาท + ค่ากำจัด 10 บาท) +++++++++++++++ ประโยชน์ของการปรับอัตราค่าขยะ ✔️ ลดปริมาณขยะในพื้นที่กรุงเทพฯ ✔️ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะ ✔️ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ✔️ ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก เริ่มต้นแยกขยะวันนี้ นอกจากไม่ต้องค่าขยะเพิ่มแล้ว ยังช่วยโลก ช่วยสิ่งแวดล้อม ได้เยอะเลย ✨🌱
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    https://thaipublica.org
    Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons
    กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา

    จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล

    มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค

    3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร

    และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488
    ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา

    ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า
    อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส

    10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง

    การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา
    จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น"
    โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ

    ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู"

    วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา

    เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน
    ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้"

    ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน"

    สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์
    เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน

    ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ

    * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

    * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน

    * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง

    * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย

    * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country"

    จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน
    แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย

    สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย

    ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน
    ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ

    ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง
    ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี

    ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว

    เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น
    นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา

    กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    17/1/68 https://thaipublica.org Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค 3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488 ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส 10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น" โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู" วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้" ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน" สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์ เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country" จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/

    อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย

    ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!

    อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    3/ อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • 2/
    อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย

    ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!

    อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    2/ อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • 1/
    ด่วน!
    อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย

    ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!

    อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    1/ ด่วน! อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันครู 2568

    ในโอกาสวันครูแห่งชาติ ปี 2568
    ขอกราบขอบพระคุณคุณครู ผู้เป็นแสงสว่างนำทางชีวิต
    ด้วยความรักและความเมตตา คุณครูคือผู้สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเรา
    ช่วยปลูกฝังความรู้ คู่คุณธรรม และมอบแรงบันดาลใจ ให้ก้าวเดินไปสู่อนาคตที่สดใส

    ขอให้คุณครูทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง
    เปี่ยมด้วยกำลังใจ ในหน้าที่การสอน
    และพบแต่ความสำเร็จ ความสุขในชีวิต
    พวกเราขอน้อมจิตระลึกถึง พระคุณอันยิ่งใหญ่
    และสัญญาว่าจะนำคำสอนของคุณค ไปใช้ในการสร้างอนาคตที่ดี

    ด้วยความเคารพรักอย่างสูง
    ✨ สุขสันต์วันครู 2568 ✨
    วันครู 2568 ในโอกาสวันครูแห่งชาติ ปี 2568 ขอกราบขอบพระคุณคุณครู ผู้เป็นแสงสว่างนำทางชีวิต ด้วยความรักและความเมตตา คุณครูคือผู้สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเรา ช่วยปลูกฝังความรู้ คู่คุณธรรม และมอบแรงบันดาลใจ ให้ก้าวเดินไปสู่อนาคตที่สดใส ขอให้คุณครูทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง เปี่ยมด้วยกำลังใจ ในหน้าที่การสอน และพบแต่ความสำเร็จ ความสุขในชีวิต พวกเราขอน้อมจิตระลึกถึง พระคุณอันยิ่งใหญ่ และสัญญาว่าจะนำคำสอนของคุณค ไปใช้ในการสร้างอนาคตที่ดี ด้วยความเคารพรักอย่างสูง ✨ สุขสันต์วันครู 2568 ✨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • "น้อบประณตกราบขอบพระคุณคุณครูผู้เปรียบดั่งแสงประทีปนำทางสรรพชีวิต ให้ศิษย์ได้พบหนทางแห่งปัญญาและความเจริญในทุกด้าน เนื่องในวันครูนี้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้คุณครูมีสุขภาพแข็งแรง จิตใจเบิกบานสมบูรณ์ พบแต่ความสำเร็จและความสุขในชีวิต ขอคุณธรรมความดีงามของท่านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ศิษย์ตลอดไป"
    .
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘ ปลายยาม ๓ ดาว ๑ ฤกษ์นักพรต
    "น้อบประณตกราบขอบพระคุณคุณครูผู้เปรียบดั่งแสงประทีปนำทางสรรพชีวิต ให้ศิษย์ได้พบหนทางแห่งปัญญาและความเจริญในทุกด้าน เนื่องในวันครูนี้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้คุณครูมีสุขภาพแข็งแรง จิตใจเบิกบานสมบูรณ์ พบแต่ความสำเร็จและความสุขในชีวิต ขอคุณธรรมความดีงามของท่านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ศิษย์ตลอดไป" . วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘ ปลายยาม ๓ ดาว ๑ ฤกษ์นักพรต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 33 ปี สิ้น “หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง” พระเถราจารย์แห่งอุบลราชธานี ผู้สร้างวัดสาขาต่างประเทศมากมาย

    ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ และทั่วโลกต้องเศร้าโศก เมื่อหลวงปู่ชา สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พระเถราจารย์ผู้เป็นที่เคารพรัก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้ละสังขารอย่างสงบ หลังจากอาพาธ มายาวนาน

    หลวงปู่ชาไม่เพียงเป็น ผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่ยังเป็นบุคคลสำคัญ ที่ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปสู่ชาวต่างชาติ ผ่านการปฏิบัติธรรม และการสร้างวัดสาขามากมาย ทั้งในและนอกประเทศไทย แม้ว่าท่านจะพูดได้เพียงภาษาไทย แต่ด้วยคำสอน และวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย กลับสร้างแรงศรัทธา ให้แก่คนทั่วโลก

    วัยเยาว์หลวงปู่
    หลวงปู่ชา สุภัทโท เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ตามปฏิทินจันทรคติ ที่บ้านก่อ (เดิมชื่อบ้านก้นถ้วย) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดามารดาของท่านคือนายมา และนางพิมพ์ ช่วงโชติ หลวงปู่ชาเป็นบุตรคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 10 คน

    เริ่มต้นชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์
    เมื่อหลวงปู่ชามีอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาที่วัดบ้านก่อนอก ร่วมกับเพื่อนๆ หลายคน แต่ไม่นานท่านก็ลาสิกขาออกมา เพื่อช่วยครอบครัว อย่างไรก็ตาม ความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส ได้ผลักดันให้ท่าน หันกลับมาสู่เส้นทางธรรมอีกครั้ง

    เมื่ออายุครบ 21 ปี หลังทราบว่า ไม่ติดทหารเกณฑ์ หลวงปู่ชาจึงได้อุปสมบท เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 ณ วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ โดยมี พระครูอินทรสารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า "สุภัทโท" ซึ่งแปลว่า "ผู้เจริญด้วยดี"

    ธุดงค์พบทางธรรม
    หลวงปู่ชาได้ออกเดินธุดงค์ เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ผู้มีความรู้ทั้งด้านปริยัติ และปฏิบัติ โดยเดินทางไกล ผ่านหลายจังหวัดของประเทศไทย รวมถึงการไปศึกษาธรรมกับ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ สายวิปัสสนากรรมฐาน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น

    หลวงปู่ชาเล่าถึงความประทับใจ เมื่อได้พบหลวงปู่มั่นว่า การได้ฟังธรรมะจากท่าน ทำให้จิตใจของหลวงปู่ชา สงบลึกในทันที และทำให้เกิดความมั่นใจ ในแนวทางการปฏิบัติธรรม

    ตั้งวัดหนองป่าพง
    หลังจากธุดงค์ ยาวนานกว่า 8 ปี ในที่สุดหลวงปู่ชา ได้กลับมาที่บ้านเกิด และก่อตั้งวัดหนองป่าพง ขึ้นในปี พ.ศ. 2497 โดยพื้นที่ดั้งเดิมของวัด เป็นป่าอันเงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม หลวงปู่ชาใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย และเน้นการปฏิบัติ เพื่อสร้างแบบอย่างให้ศิษย์เห็น

    วัดหนองป่าพง เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่ในหมู่คนไทย แต่ยังรวมถึงชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาศึกษาธรรม กับหลวงปู่ชา

    เผยแผ่พุทธศาสนาไปต่างประเทศ
    หนึ่งในสิ่งที่น่าทึ่งที่สุด เกี่ยวกับหลวงปู่ชา คือความสามารถ ในการถ่ายทอดธรรมะ ให้แก่ชาวต่างชาติ แม้ว่าท่าน จะไม่ได้พูดภาษาอังกฤษก็ตาม ท่านสอนด้วยการกระทำเป็นหลัก โดยมักกล่าวว่า

    “น้ำร้อนก็มี น้ำฮ้อนก็มี ฮอตวอเตอร์ก็มี มันเป็นแต่ชื่อหรอก ถ้าเอามือจุ่มลงไป ก็ไม่ต้องใช้ภาษาหรอก คนชาติไหนก็รู้ได้เอง”

    วัดหนองป่าพง และวัดสาขาของหลวงปู่ชา กลายเป็นจุดหมายของชาวต่างชาติ ที่สนใจปฏิบัติธรรม ปัจจุบันวัดหนองป่าพง มีวัดสาขาทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศรวมกว่า 141 แห่ง โดยแบ่งเป็น 133 สาขา ในประเทศไทย และ 8 สาขา ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์

    คำสอนเรียบง่ายลึกซึ้ง
    คำสอนของหลวงปู่ชา เน้นไปที่การปฏิบัติจริง ในชีวิตประจำวัน ท่านสอนให้ศิษย์รักษาศีล เจริญสมาธิ และใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาในชีวิต โดยหลวงปู่ชาเคยกล่าวไว้ว่า

    “พึงทำตน ให้ตั้งอยู่ในคุณธรรม อันสมควรเสียก่อน จึงค่อยสอนผู้อื่นทีหลัง จึงจักไม่เป็นบัณฑิตทราม”

    ท่านยังเน้นย้ำว่า การปฏิบัติธรรมจะสำเร็จได้ ต้องเริ่มจากการรักษาศีล เพราะศีลจะนำไปสู่สมาธิ และสมาธิจะนำไปสู่ปัญญา ซึ่งทั้งสามส่วนนี้ ต้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

    บั้นปลายชีวิต
    ในปี พ.ศ. 2520 หลวงปู่ชาเริ่มอาพาธ และแม้ว่าท่าน จะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ แต่ท่านก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ และเผยแผ่ธรรมะจนถึงที่สุด

    หลวงปู่ชาได้ละสังขารเมื่อ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ณ วัดหนองป่าพง โดยทิ้งมรดกทางธรรม และวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย ให้แก่ศิษยานุศิษย์ทั่วโลก

    33 ปี หลังการละสังขารของหลวงปู่ชา คำสอนและวัตรปฏิบัติของท่าน ยังคงมีชีวิตอยู่ในใจ ของศิษยานุศิษย์ และผู้ปฏิบัติธรรมทั่วโลก วัดหนองป่าพง ยังคงเป็นศูนย์กลาง ของพระพุทธศาสนา และแหล่งเผยแผ่ธรรมะ ที่ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ขยายไปสู่ชาวต่างชาติ

    หลวงปู่ชาเป็นตัวอย่าง ของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้ใช้ชีวิตเรียบง่าย และยึดมั่นในคำสอน ของพระพุทธเจ้า อย่างแท้จริง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161017 ม.ค. 2568

    #หลวงปู่ชา #วัดหนองป่าพง #ธรรมะ #พระป่ากรรมฐาน #ปฏิบัติธรรม #ศาสนาพุทธ #คำสอนหลวงปู่ชา #พระพุทธศาสนา #ธรรมะอินเตอร์ #วัดสาขาต่างประเทศ
    33 ปี สิ้น “หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง” พระเถราจารย์แห่งอุบลราชธานี ผู้สร้างวัดสาขาต่างประเทศมากมาย ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ และทั่วโลกต้องเศร้าโศก เมื่อหลวงปู่ชา สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พระเถราจารย์ผู้เป็นที่เคารพรัก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้ละสังขารอย่างสงบ หลังจากอาพาธ มายาวนาน หลวงปู่ชาไม่เพียงเป็น ผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่ยังเป็นบุคคลสำคัญ ที่ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปสู่ชาวต่างชาติ ผ่านการปฏิบัติธรรม และการสร้างวัดสาขามากมาย ทั้งในและนอกประเทศไทย แม้ว่าท่านจะพูดได้เพียงภาษาไทย แต่ด้วยคำสอน และวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย กลับสร้างแรงศรัทธา ให้แก่คนทั่วโลก วัยเยาว์หลวงปู่ หลวงปู่ชา สุภัทโท เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ตามปฏิทินจันทรคติ ที่บ้านก่อ (เดิมชื่อบ้านก้นถ้วย) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดามารดาของท่านคือนายมา และนางพิมพ์ ช่วงโชติ หลวงปู่ชาเป็นบุตรคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 10 คน เริ่มต้นชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อหลวงปู่ชามีอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาที่วัดบ้านก่อนอก ร่วมกับเพื่อนๆ หลายคน แต่ไม่นานท่านก็ลาสิกขาออกมา เพื่อช่วยครอบครัว อย่างไรก็ตาม ความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส ได้ผลักดันให้ท่าน หันกลับมาสู่เส้นทางธรรมอีกครั้ง เมื่ออายุครบ 21 ปี หลังทราบว่า ไม่ติดทหารเกณฑ์ หลวงปู่ชาจึงได้อุปสมบท เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 ณ วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ โดยมี พระครูอินทรสารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า "สุภัทโท" ซึ่งแปลว่า "ผู้เจริญด้วยดี" ธุดงค์พบทางธรรม หลวงปู่ชาได้ออกเดินธุดงค์ เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ผู้มีความรู้ทั้งด้านปริยัติ และปฏิบัติ โดยเดินทางไกล ผ่านหลายจังหวัดของประเทศไทย รวมถึงการไปศึกษาธรรมกับ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ สายวิปัสสนากรรมฐาน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น หลวงปู่ชาเล่าถึงความประทับใจ เมื่อได้พบหลวงปู่มั่นว่า การได้ฟังธรรมะจากท่าน ทำให้จิตใจของหลวงปู่ชา สงบลึกในทันที และทำให้เกิดความมั่นใจ ในแนวทางการปฏิบัติธรรม ตั้งวัดหนองป่าพง หลังจากธุดงค์ ยาวนานกว่า 8 ปี ในที่สุดหลวงปู่ชา ได้กลับมาที่บ้านเกิด และก่อตั้งวัดหนองป่าพง ขึ้นในปี พ.ศ. 2497 โดยพื้นที่ดั้งเดิมของวัด เป็นป่าอันเงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม หลวงปู่ชาใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย และเน้นการปฏิบัติ เพื่อสร้างแบบอย่างให้ศิษย์เห็น วัดหนองป่าพง เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่ในหมู่คนไทย แต่ยังรวมถึงชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาศึกษาธรรม กับหลวงปู่ชา เผยแผ่พุทธศาสนาไปต่างประเทศ หนึ่งในสิ่งที่น่าทึ่งที่สุด เกี่ยวกับหลวงปู่ชา คือความสามารถ ในการถ่ายทอดธรรมะ ให้แก่ชาวต่างชาติ แม้ว่าท่าน จะไม่ได้พูดภาษาอังกฤษก็ตาม ท่านสอนด้วยการกระทำเป็นหลัก โดยมักกล่าวว่า “น้ำร้อนก็มี น้ำฮ้อนก็มี ฮอตวอเตอร์ก็มี มันเป็นแต่ชื่อหรอก ถ้าเอามือจุ่มลงไป ก็ไม่ต้องใช้ภาษาหรอก คนชาติไหนก็รู้ได้เอง” วัดหนองป่าพง และวัดสาขาของหลวงปู่ชา กลายเป็นจุดหมายของชาวต่างชาติ ที่สนใจปฏิบัติธรรม ปัจจุบันวัดหนองป่าพง มีวัดสาขาทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศรวมกว่า 141 แห่ง โดยแบ่งเป็น 133 สาขา ในประเทศไทย และ 8 สาขา ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์ คำสอนเรียบง่ายลึกซึ้ง คำสอนของหลวงปู่ชา เน้นไปที่การปฏิบัติจริง ในชีวิตประจำวัน ท่านสอนให้ศิษย์รักษาศีล เจริญสมาธิ และใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาในชีวิต โดยหลวงปู่ชาเคยกล่าวไว้ว่า “พึงทำตน ให้ตั้งอยู่ในคุณธรรม อันสมควรเสียก่อน จึงค่อยสอนผู้อื่นทีหลัง จึงจักไม่เป็นบัณฑิตทราม” ท่านยังเน้นย้ำว่า การปฏิบัติธรรมจะสำเร็จได้ ต้องเริ่มจากการรักษาศีล เพราะศีลจะนำไปสู่สมาธิ และสมาธิจะนำไปสู่ปัญญา ซึ่งทั้งสามส่วนนี้ ต้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน บั้นปลายชีวิต ในปี พ.ศ. 2520 หลวงปู่ชาเริ่มอาพาธ และแม้ว่าท่าน จะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ แต่ท่านก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ และเผยแผ่ธรรมะจนถึงที่สุด หลวงปู่ชาได้ละสังขารเมื่อ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ณ วัดหนองป่าพง โดยทิ้งมรดกทางธรรม และวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย ให้แก่ศิษยานุศิษย์ทั่วโลก 33 ปี หลังการละสังขารของหลวงปู่ชา คำสอนและวัตรปฏิบัติของท่าน ยังคงมีชีวิตอยู่ในใจ ของศิษยานุศิษย์ และผู้ปฏิบัติธรรมทั่วโลก วัดหนองป่าพง ยังคงเป็นศูนย์กลาง ของพระพุทธศาสนา และแหล่งเผยแผ่ธรรมะ ที่ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ขยายไปสู่ชาวต่างชาติ หลวงปู่ชาเป็นตัวอย่าง ของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้ใช้ชีวิตเรียบง่าย และยึดมั่นในคำสอน ของพระพุทธเจ้า อย่างแท้จริง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161017 ม.ค. 2568 #หลวงปู่ชา #วัดหนองป่าพง #ธรรมะ #พระป่ากรรมฐาน #ปฏิบัติธรรม #ศาสนาพุทธ #คำสอนหลวงปู่ชา #พระพุทธศาสนา #ธรรมะอินเตอร์ #วัดสาขาต่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่านที่เกิดปีมะโรง

    ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีมะโรงทุกๆคนจะพลิกผันสำเร็จอย่างราบรื่น ด้วยอิทธิพลของดาวเทพมงคล太陽(ไท้เอี้ยง)และดาวเทพ มงคล天喜(เทียงฮี้) ช่วยผ่อนคลายพลังดาวร้ายให้ลดแรงอิทธิฤทธิ์ลง ส่งผลให้กิจการงานค้าขายได้ผลประโยชน์กำไรงอกเงยงามทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์เจริญก้าวหน้า มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้นสูงขึ้น พร้อมรับข่าวดีมีเรื่องมงคลเกิดขึ้นภายในบ้าน ช่วยเสริมสร้างพลังกำลังใจให้มีแรงฮึดสู้ตลอดทั้งปีนี้

    แม้จะถูกพลังดาวอัปมงคลดาวร้าย 晦氣(ห้วยขี่) ดาวร้าย 天空(เทียนคง) ดาวร้าย 孤辰(โกวซิ้ง) และ ดาวร้าย 劫煞(เกี๊ยบสั่วะ) ยังผลให้เกิดอุปสรรคปัญหาผิดพลาดวุ่นวาย ไปยุ่งเรื่องคนอื่นจะเกิดปากเสียงทะเลาะเบาะแว้ง คนรอบข้างให้ร้ายใส่ความลับหลังจนผิดพลาด จะรู้สึกโดดเดี่ยวแปลกแยกเหมือนไม่มีใครเข้าใจ ทั้งยังเบื่อหน่ายอยากเก็บตัวห่างจากสังคมที่วุ่นวาย หรือเป็นเพราะลูกน้องและบริวาร หรือธุรกิจการงานที่ต้องทุ่มเทผลประโยชน์จึงจะได้มา การเงินเสียหายใช้จ่ายเป็นรายวันควรรู้จักยับยั้งชั่งใจไว้บ้าง เงินทองจะหมดไปในเรื่องชู้สาว เพศตรงข้ามจะสร้างปัญหาแก่ชีวิตให้วุ่นวาย ซ้ำร้ายยังมีเกณฑ์จะถูกปล้นแย่งชิงทรัพย์ให้ต้องสูญเสียต้องระมัดระวังอีกเช่นกัน
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ท่านที่เกิดปีมะโรง ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีมะโรงทุกๆคนจะพลิกผันสำเร็จอย่างราบรื่น ด้วยอิทธิพลของดาวเทพมงคล太陽(ไท้เอี้ยง)และดาวเทพ มงคล天喜(เทียงฮี้) ช่วยผ่อนคลายพลังดาวร้ายให้ลดแรงอิทธิฤทธิ์ลง ส่งผลให้กิจการงานค้าขายได้ผลประโยชน์กำไรงอกเงยงามทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์เจริญก้าวหน้า มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้นสูงขึ้น พร้อมรับข่าวดีมีเรื่องมงคลเกิดขึ้นภายในบ้าน ช่วยเสริมสร้างพลังกำลังใจให้มีแรงฮึดสู้ตลอดทั้งปีนี้ แม้จะถูกพลังดาวอัปมงคลดาวร้าย 晦氣(ห้วยขี่) ดาวร้าย 天空(เทียนคง) ดาวร้าย 孤辰(โกวซิ้ง) และ ดาวร้าย 劫煞(เกี๊ยบสั่วะ) ยังผลให้เกิดอุปสรรคปัญหาผิดพลาดวุ่นวาย ไปยุ่งเรื่องคนอื่นจะเกิดปากเสียงทะเลาะเบาะแว้ง คนรอบข้างให้ร้ายใส่ความลับหลังจนผิดพลาด จะรู้สึกโดดเดี่ยวแปลกแยกเหมือนไม่มีใครเข้าใจ ทั้งยังเบื่อหน่ายอยากเก็บตัวห่างจากสังคมที่วุ่นวาย หรือเป็นเพราะลูกน้องและบริวาร หรือธุรกิจการงานที่ต้องทุ่มเทผลประโยชน์จึงจะได้มา การเงินเสียหายใช้จ่ายเป็นรายวันควรรู้จักยับยั้งชั่งใจไว้บ้าง เงินทองจะหมดไปในเรื่องชู้สาว เพศตรงข้ามจะสร้างปัญหาแก่ชีวิตให้วุ่นวาย ซ้ำร้ายยังมีเกณฑ์จะถูกปล้นแย่งชิงทรัพย์ให้ต้องสูญเสียต้องระมัดระวังอีกเช่นกัน ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะผู้แทนเจรจา บรรลุข้อตกลงแบบเป็นขั้นเป็นตอน สำหรับหยุดสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในกาซา จากการเปิดเผยของสหรัฐฯ และกาตาร์ หลังฉนวนแห่งนี้ต้องเผชิญกับการนองเลือดที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน เข่นฆ่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปหลายหมื่นคนและโหมกระพือไฟในตะวันออกกลาง
    .
    ข้อตกลงนี้วางกรอบสำหรับการหยุดยิงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปในเบื้องต้น 6 สัปดาห์ และในนั้นยังรวมถึงการที่กองกำลังอิสราเอลค่อยๆ ถอยทหารออกจากฉนวนกาซา และปล่อยตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวโดยฮามาส แลกกับนักโทษปาเลสไตน์ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอล
    .
    ระหว่างแถลงข่าวในกรุงโดฮา นายกรัฐมนตรี เชคโมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน บิน จัสซิม อัล ธานี ของกาตาร์ กล่าวว่า ข้อตลงหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ (19 ม.ค.) และเวลานี้คณะผู้แทนเจรจากำลังทำงานร่วมกับอิสราเอลและฮามาส สำหรับก้าวย่างต่างๆ ในการนำข้อตกลงไปปฏิบัติ
    .
    "ข้อตกลงนี้จะหยุดการสู้รบในกาซา เพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นป้อนสู่พลเมืองชาวปาเลสไตน์ และนำพาตัวประกันกลับสู่ครอบครัว หลังถูกคุมขังนานกว่า 15 เดือน" ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวในวอชิงตัน
    .
    ชาวปาเลสไตน์พากันออกมาฉลองบนท้องถนนในกาซา ดินแดนที่พวกเขาต้องเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมร้ายแรง ขาดแคลนอาหาร น้ำและเชื้อเพลิงอย่างหนัก
    .
    ข้อตกลงนี้มีขึ้นตามหลังการเจรจานานหลายเดือน ที่เต็มไปด้วยอุปสรรค วกไปวนมา ชักเข้าชักออก ที่ดำเนินการโดยคนกลางอย่างอียิปต์และกาตาร์ ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ และมันมีขึ้นไม่นาน ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกา ในวันที่ 20 มกราคม
    .
    อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ แสดงความยินดีกับข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน
    .
    ถ้ามันประสบความสำเร็จ แผนข้อตกลงหยุดยิงอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้ จะหยุดการสู้รบที่ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของกาซาเหลือแต่ซากปรักหักพัง และประชาชนส่วนใหญ่จากทั้งหมด 2.3 ล้านคน ในฉนวนเล็กๆ แห่งนี้ต้องไร้ถิ่นฐาน ในขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุดในแต่ละวัน
    .
    ขั้นหนึ่งของข้อตกลงคือการนำมาซึ่งการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 33 คน ประกอบด้วยผู้หญิงทั้งหมด เด็กๆ และชายที่มีอายุเกิน 50 ปี
    .
    ซามี อาบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ฮามาส เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า คณะผู้แทนของพวกเขาได้อนุมัติผ่านคนกลาง สำหรับข้อตกลงหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน
    .
    ในอิสราเอล ทำเนียบนายกรัฐมนตรีของเบนจามิน เนทันยาฮู ระบุว่า ฮามาส ถอนข้อเรียกร้องในนาทีสุดท้าย แต่ยังมีข้อแม้จำนวนหนึ่งที่ยังไม่คลี่คลายในข้อตกลงดังกล่าว "เราหวังว่าจะสามารถปิดรายละเอียดกันได้ในคืนนี้" ถ้อยแถลงระบุ
    .
    กองทัพอิสราเอลบุกเข้าไปยังฉนวนกาซา แก้แค้นกรณีที่กลุ่มมือปืนที่นำโดยฮามาส บุกจู่โจมข้ามชายแดน เล่นงานชุมชนต่างๆ ตามแนวชายแดนของอิสราเอล ในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 สังหารทหารและพลเมืองไป 1,200 ราย และจับชาวต่างชาติและชาวอิสราเอล ไปเป็นตัวประกัน 250 คน
    .
    นับตั้งแต่นั้น สงครามทางอากาศและทางภาคพื้นของอิสราเอลในฉนวนกาซา ได้ปลิดชีพผู้คนไปกว่า 46,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และอีกหลายแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งเวลานี้กำลังดิ้นรนฟันผ่าอากาศหนาวเหน็บตามเต็นท์และที่พักพิงชั่วคราว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004672
    ..............
    Sondhi X
    คณะผู้แทนเจรจา บรรลุข้อตกลงแบบเป็นขั้นเป็นตอน สำหรับหยุดสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในกาซา จากการเปิดเผยของสหรัฐฯ และกาตาร์ หลังฉนวนแห่งนี้ต้องเผชิญกับการนองเลือดที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน เข่นฆ่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปหลายหมื่นคนและโหมกระพือไฟในตะวันออกกลาง . ข้อตกลงนี้วางกรอบสำหรับการหยุดยิงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปในเบื้องต้น 6 สัปดาห์ และในนั้นยังรวมถึงการที่กองกำลังอิสราเอลค่อยๆ ถอยทหารออกจากฉนวนกาซา และปล่อยตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวโดยฮามาส แลกกับนักโทษปาเลสไตน์ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอล . ระหว่างแถลงข่าวในกรุงโดฮา นายกรัฐมนตรี เชคโมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน บิน จัสซิม อัล ธานี ของกาตาร์ กล่าวว่า ข้อตลงหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ (19 ม.ค.) และเวลานี้คณะผู้แทนเจรจากำลังทำงานร่วมกับอิสราเอลและฮามาส สำหรับก้าวย่างต่างๆ ในการนำข้อตกลงไปปฏิบัติ . "ข้อตกลงนี้จะหยุดการสู้รบในกาซา เพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นป้อนสู่พลเมืองชาวปาเลสไตน์ และนำพาตัวประกันกลับสู่ครอบครัว หลังถูกคุมขังนานกว่า 15 เดือน" ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวในวอชิงตัน . ชาวปาเลสไตน์พากันออกมาฉลองบนท้องถนนในกาซา ดินแดนที่พวกเขาต้องเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมร้ายแรง ขาดแคลนอาหาร น้ำและเชื้อเพลิงอย่างหนัก . ข้อตกลงนี้มีขึ้นตามหลังการเจรจานานหลายเดือน ที่เต็มไปด้วยอุปสรรค วกไปวนมา ชักเข้าชักออก ที่ดำเนินการโดยคนกลางอย่างอียิปต์และกาตาร์ ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ และมันมีขึ้นไม่นาน ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกา ในวันที่ 20 มกราคม . อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ แสดงความยินดีกับข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน . ถ้ามันประสบความสำเร็จ แผนข้อตกลงหยุดยิงอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้ จะหยุดการสู้รบที่ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของกาซาเหลือแต่ซากปรักหักพัง และประชาชนส่วนใหญ่จากทั้งหมด 2.3 ล้านคน ในฉนวนเล็กๆ แห่งนี้ต้องไร้ถิ่นฐาน ในขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุดในแต่ละวัน . ขั้นหนึ่งของข้อตกลงคือการนำมาซึ่งการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 33 คน ประกอบด้วยผู้หญิงทั้งหมด เด็กๆ และชายที่มีอายุเกิน 50 ปี . ซามี อาบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ฮามาส เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า คณะผู้แทนของพวกเขาได้อนุมัติผ่านคนกลาง สำหรับข้อตกลงหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน . ในอิสราเอล ทำเนียบนายกรัฐมนตรีของเบนจามิน เนทันยาฮู ระบุว่า ฮามาส ถอนข้อเรียกร้องในนาทีสุดท้าย แต่ยังมีข้อแม้จำนวนหนึ่งที่ยังไม่คลี่คลายในข้อตกลงดังกล่าว "เราหวังว่าจะสามารถปิดรายละเอียดกันได้ในคืนนี้" ถ้อยแถลงระบุ . กองทัพอิสราเอลบุกเข้าไปยังฉนวนกาซา แก้แค้นกรณีที่กลุ่มมือปืนที่นำโดยฮามาส บุกจู่โจมข้ามชายแดน เล่นงานชุมชนต่างๆ ตามแนวชายแดนของอิสราเอล ในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 สังหารทหารและพลเมืองไป 1,200 ราย และจับชาวต่างชาติและชาวอิสราเอล ไปเป็นตัวประกัน 250 คน . นับตั้งแต่นั้น สงครามทางอากาศและทางภาคพื้นของอิสราเอลในฉนวนกาซา ได้ปลิดชีพผู้คนไปกว่า 46,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และอีกหลายแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งเวลานี้กำลังดิ้นรนฟันผ่าอากาศหนาวเหน็บตามเต็นท์และที่พักพิงชั่วคราว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004672 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1055 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการเกาหลีใต้เข้าจับกุมประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล เพื่อนำตัวไปสอบสวนความผิดฐานก่อกบฏ (insurrection) ได้สำเร็จวันนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่ ยุน ประกาศว่าตนยอมให้ความร่วมมือกับกระบวนการสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิด "เหตุการณ์นองเลือด"

    นับตั้งแต่ถูกสมาชิกรัฐสภาโหวตถอดถอนออกจากตำแหน่งสืบเนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีที่แล้ว ยุน ก็กบดานอยู่แต่ในบ้านพักริมเชิงเขา โดยมีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน และสกัดขัดขวางความพยายามจับกุม ยุน รอบแรก

    การจับกุม ยุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีในตำแหน่งของเกาหลีใต้ นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในวิกฤตการเมืองที่สั่นสะเทือนแดนโสมขาว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็งที่สุดในเอเชีย แม้จะมีประวัติดำเนินคดีและสั่งจำคุกอดีตประธานาธิบดีมาแล้วหลายคนก็ตาม

    ยุน ซึ่งยังคงยืนกรานความบริสุทธิ์อย่างแข็งกร้าว ระบุว่าที่ยอมมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น หลังจากที่มีตำรวจมากกว่า 3,000 นายเดินเข้ามายังบ้านพักเพิ่อจับกุมตนในช่วงเช้าวันนี้ (15)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000004327

    #MGROnline #เกาหลีใต้ #ยุนซอกยอล #กฎอัยการศึก
    ทางการเกาหลีใต้เข้าจับกุมประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล เพื่อนำตัวไปสอบสวนความผิดฐานก่อกบฏ (insurrection) ได้สำเร็จวันนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่ ยุน ประกาศว่าตนยอมให้ความร่วมมือกับกระบวนการสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิด "เหตุการณ์นองเลือด" • นับตั้งแต่ถูกสมาชิกรัฐสภาโหวตถอดถอนออกจากตำแหน่งสืบเนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีที่แล้ว ยุน ก็กบดานอยู่แต่ในบ้านพักริมเชิงเขา โดยมีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน และสกัดขัดขวางความพยายามจับกุม ยุน รอบแรก • การจับกุม ยุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีในตำแหน่งของเกาหลีใต้ นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในวิกฤตการเมืองที่สั่นสะเทือนแดนโสมขาว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็งที่สุดในเอเชีย แม้จะมีประวัติดำเนินคดีและสั่งจำคุกอดีตประธานาธิบดีมาแล้วหลายคนก็ตาม • ยุน ซึ่งยังคงยืนกรานความบริสุทธิ์อย่างแข็งกร้าว ระบุว่าที่ยอมมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น หลังจากที่มีตำรวจมากกว่า 3,000 นายเดินเข้ามายังบ้านพักเพิ่อจับกุมตนในช่วงเช้าวันนี้ (15) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000004327 • #MGROnline #เกาหลีใต้ #ยุนซอกยอล #กฎอัยการศึก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • Axiom Space บริษัทอเมริกันที่เชี่ยวชาญด้านภารกิจอวกาศและเป็นหน่วยงานเชิงพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่มีโมดูลเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจในการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์บางชนิดในอวกาศ โดยเชื่อว่าสภาพแวดล้อมในวงโคจรต่ำของโลก (LEO) สามารถผลิตวัสดุที่บริสุทธิ์มากขึ้นได้

    ดร. Koichi Wakata, CTO ของ Axiom Space ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และอดีตผู้บัญชาการ ISS จากญี่ปุ่น ได้เน้นถึงศักยภาพของสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำและสุญญากาศในการปรับปรุงการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ สภาพแวดล้อมเหล่านี้ช่วยให้การเจริญเติบโตของผลึกที่ปราศจากข้อบกพร่อง ซึ่งยากที่จะผลิตบนโลกเนื่องจากแรงโน้มถ่วงและสิ่งสกปรกในบรรยากาศ

    Divya Panchanathan หัวหน้าฝ่ายการค้าเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกของ Axiom อธิบายว่าแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้เกิดข้อบกพร่องในโครงสร้างผลึก ในขณะที่แรงโน้มถ่วงต่ำใน LEO ช่วยให้การเจริญเติบโตของผลึกมีความสม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ สุญญากาศในอวกาศยังช่วยให้กระบวนการผลิตที่ปราศจากภาชนะ ลดการปนเปื้อน และช่วยให้ผลิตผลึกที่มีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับเซมิคอนดักเตอร์

    Axiom ได้เสนอความร่วมมือกับบริษัทไต้หวันเพื่อทำการทดลองเบื้องต้นบน ISS และวางแผนที่จะย้ายการผลิตไปยังสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์ของ Axiom หลังปี 2030 บริษัทมองเห็นกระบวนการที่สามารถขยายได้ ซึ่งการทดลองที่ประสบความสำเร็จจะนำไปสู่การผลิตเต็มรูปแบบในโมดูลอวกาศที่ทุ่มเท

    แม้ว่าการผลิตในอวกาศจะมีข้อพิจารณาทางปฏิบัติ เช่น ค่าใช้จ่ายในการส่งวัสดุไปยังอวกาศและการบำรุงรักษาสถานีโคจร แต่ Axiom เชื่อว่าการผลิตวัสดุที่มีคุณภาพสูงขึ้นในอวกาศอาจคุ้มค่าในอนาคต โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์ย้ายไปสู่เทคโนโลยีกระบวนการย่อยแองสตรอม

    นอกจากนี้ Axiom ยังระบุถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่อาจได้รับประโยชน์จากการผลิตในอวกาศ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ ยา และการพิมพ์ 3 มิติของอวัยวะเทียม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/axiom-space-pitches-idea-to-produce-chipmaking-materials-in-space-plans-trials-aboard-iss
    Axiom Space บริษัทอเมริกันที่เชี่ยวชาญด้านภารกิจอวกาศและเป็นหน่วยงานเชิงพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่มีโมดูลเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจในการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์บางชนิดในอวกาศ โดยเชื่อว่าสภาพแวดล้อมในวงโคจรต่ำของโลก (LEO) สามารถผลิตวัสดุที่บริสุทธิ์มากขึ้นได้ ดร. Koichi Wakata, CTO ของ Axiom Space ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และอดีตผู้บัญชาการ ISS จากญี่ปุ่น ได้เน้นถึงศักยภาพของสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำและสุญญากาศในการปรับปรุงการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ สภาพแวดล้อมเหล่านี้ช่วยให้การเจริญเติบโตของผลึกที่ปราศจากข้อบกพร่อง ซึ่งยากที่จะผลิตบนโลกเนื่องจากแรงโน้มถ่วงและสิ่งสกปรกในบรรยากาศ Divya Panchanathan หัวหน้าฝ่ายการค้าเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกของ Axiom อธิบายว่าแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้เกิดข้อบกพร่องในโครงสร้างผลึก ในขณะที่แรงโน้มถ่วงต่ำใน LEO ช่วยให้การเจริญเติบโตของผลึกมีความสม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ สุญญากาศในอวกาศยังช่วยให้กระบวนการผลิตที่ปราศจากภาชนะ ลดการปนเปื้อน และช่วยให้ผลิตผลึกที่มีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ Axiom ได้เสนอความร่วมมือกับบริษัทไต้หวันเพื่อทำการทดลองเบื้องต้นบน ISS และวางแผนที่จะย้ายการผลิตไปยังสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์ของ Axiom หลังปี 2030 บริษัทมองเห็นกระบวนการที่สามารถขยายได้ ซึ่งการทดลองที่ประสบความสำเร็จจะนำไปสู่การผลิตเต็มรูปแบบในโมดูลอวกาศที่ทุ่มเท แม้ว่าการผลิตในอวกาศจะมีข้อพิจารณาทางปฏิบัติ เช่น ค่าใช้จ่ายในการส่งวัสดุไปยังอวกาศและการบำรุงรักษาสถานีโคจร แต่ Axiom เชื่อว่าการผลิตวัสดุที่มีคุณภาพสูงขึ้นในอวกาศอาจคุ้มค่าในอนาคต โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์ย้ายไปสู่เทคโนโลยีกระบวนการย่อยแองสตรอม นอกจากนี้ Axiom ยังระบุถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่อาจได้รับประโยชน์จากการผลิตในอวกาศ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ ยา และการพิมพ์ 3 มิติของอวัยวะเทียม https://www.tomshardware.com/tech-industry/axiom-space-pitches-idea-to-produce-chipmaking-materials-in-space-plans-trials-aboard-iss
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง

    ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย

    ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม
    "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย

    บรรพชาในวัยเยาว์
    ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474

    อุปสมบท
    ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”

    หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ

    วิถีแห่งวิปัสสนา
    หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ

    ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง

    พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง
    ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง

    ศรัทธาประชาชน
    ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง

    ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน

    ปณิธานแห่งความเรียบง่าย
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น

    มรดกธรรมที่ยังคงอยู่
    แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568

    #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย บรรพชาในวัยเยาว์ ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474 อุปสมบท ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม” หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ วิถีแห่งวิปัสสนา หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง ศรัทธาประชาชน ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน ปณิธานแห่งความเรียบง่าย คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น มรดกธรรมที่ยังคงอยู่ แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568 #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุน ซ็อก-ย็อล (Yoon Suk-yeol) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถูกจับกุมแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจสอบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือ CIO

    นี่เป็นความพยายามจับกุมครั้งที่ 2 หลังจากความพยายามจับกุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ประสบความสำเร็จ

    การจับกุมครั้งนี้ ทำให้ ยุน ซ็อก-ย็อล กลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยังอยู่ในตำแหน่ง และขณะนี้เขากำลังถูกตำรวจสอบสวนเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นความผิดเข้าข่ายการก่อกบฎ
    ยุน ซ็อก-ย็อล (Yoon Suk-yeol) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถูกจับกุมแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจสอบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือ CIO นี่เป็นความพยายามจับกุมครั้งที่ 2 หลังจากความพยายามจับกุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ประสบความสำเร็จ การจับกุมครั้งนี้ ทำให้ ยุน ซ็อก-ย็อล กลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยังอยู่ในตำแหน่ง และขณะนี้เขากำลังถูกตำรวจสอบสวนเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นความผิดเข้าข่ายการก่อกบฎ
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • 718 ปี แห่งประวัติศาสตร์ ลอบปลงพระชนม์ "พระเจ้าฟ้ารั่ว" จากเด็กเลี้ยงช้าง สู่ปฐมกษัตริย์แห่งรัฐมอญ

    วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 1850 หรือเมื่อ 718 ปี ที่ผ่านมา โลกได้จารึกเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ ที่ยังคงถูกกล่าวถึง จนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การลอบปลงพระชนม์ "พระเจ้าฟ้ารั่ว" หรือที่รู้จักในพระนาม "พระเจ้าวาเรรุ" กษัตริย์ผู้รวบรวมแผ่นดินมอญ ให้เป็นหนึ่งเดียว เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุด แห่งยุคของพระองค์ แต่ยังสะท้อนถึง การเปลี่ยนผ่านของอำนาจ ในยุคที่แผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังเต็มไปด้วย การช่วงชิงราชบัลลังก์

    พระเจ้าฟ้ารั่ว หรือที่ชาวมอญเรียกพระองค์ว่า “พระเจ้าวาเรรุ” ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งเมืองเมาะตะมะ (ปัจจุบันคือเมืองในประเทศเมียนมา) และทรงเป็นผู้นำ ที่รวบรวมชนชาติมอญ ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในยุคที่อาณาจักรพุกาม กำลังล่มสลาย พระองค์ทรงครองราชย์ ระหว่างปี พ.ศ. 1830 - 1850 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และอำนาจในภูมิภาค

    พระเจ้าฟ้ารั่ว ประสูติเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 1796 ภายใต้ชื่อ มะกะโท (แมะกะตู) พระองค์เป็นบุตรของบิดาชาวไทยใหญ่ และมารดาชาวมอญ ณ เมืองสะโตง (บริเวณตอนล่างของพม่า ในปัจจุบัน) การเดินทางของพระองค์ เริ่มต้นเมื่ออายุ 19 พรรษา เมื่อมะกะโท เดินทางไปยังอาณาจักรสุโขทัย เพื่อค้าขาย ก่อนจะเริ่มชีวิตใหม่ ในราชสำนักสุโขทัย

    จากเด็กเลี้ยงช้าง สู่ตำแหน่งขุนวังแห่งสุโขทัย
    เมื่อมะกะโทเดินทางมายังสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนบานเมือง (พ.ศ. 1815) พระองค์เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการเข้ารับราชการ ในตำแหน่งควาญช้าง ด้วยความขยันและเฉลียวฉลาด มะกะโทสามารถสร้างความประทับใจ แก่พระเจ้าแผ่นดิน และในที่สุด ได้รับตำแหน่งขุนวัง ในรัชสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

    ช่วงเวลานี้เอง ที่พระองค์ได้พบรักกับ "เจ้านางสร้อยดาว" (หรือพระนามในพงศาวดารไทยว่า นางสุวรรณเทวี) ธิดาของพ่อขุนรามคำแหง ทั้งสองแอบมีใจ ผูกสมัครรักใคร่ต่อกัน จนกระทั่งตัดสินใจ
    ลอบหนีออกจากสุโขทัย พร้อมทั้งข้าราชบริพารจำนวนมาก

    การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชีวิตของมะกะโท แต่ยังส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์ ของทั้งอาณาจักรมอญ และสุโขทัย

    ประกาศอิสรภาพจากพุกาม
    หลังจากที่มะกะโท หรือพระเจ้าฟ้ารั่ว กลับมายังเมืองเมาะตะมะ พระองค์ได้เผชิญหน้ากับ "อลิมามาง" เจ้าเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งจากอาณาจักรพุกาม ในปี พ.ศ. 1828 มะกะโทสามารถโค่นล้มอำนาจ ของอลิมามางได้สำเร็จ และในปี พ.ศ. 1830 พระองค์ได้ประกาศอิสรภาพ จากพุกาม พร้อมทั้งสถาปนาตนเองเป็น กษัตริย์แห่งเมืองเมาะตะมะ

    ยุทธศาสตร์บริหารแผ่นดิน
    หลังจากขึ้นครองราชย์ พระเจ้าฟ้ารั่วใช้เวลากว่า 10 ปีในการรวบรวมแผ่นดินมอญ ให้เป็นหนึ่งเดียว โดยทรงจัดการศัตรูทางการเมือง จนหมดสิ้น รวมถึงสร้างพันธมิตรทางการทูต กับราชวงศ์หยวนแห่งจีน เพื่อป้องกันการรุกราน จากมหาอำนาจภายนอก

    พระองค์ยังทรงชำระ "ประมวลกฎหมายวาเรรุ" ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรก ของอาณาจักรมอญ โดยมีเป้าหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม และปกครองประชาชนอย่างยุติธรรม

    ลอบปลงพระชนม์
    แม้พระเจ้าฟ้ารั่ว จะประสบความสำเร็จ ในการสร้างอาณาจักรมอญ แต่พระองค์ไม่สามารถหลีกเลี่ยง วัฏจักรแห่งการชิงอำนาจได้ ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 1850 พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ โดยพระราชโอรส 2 พระองค์ ของพระเจ้าตะยาพยาแห่งหงสาวดี ซึ่งต้องการแก้แค้นให้กับพระบิดา ที่ถูกพระเจ้าฟ้ารั่วสำเร็จโทษ

    การสิ้นพระชนม์ ของพระเจ้าฟ้ารั่ว นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของอาณาจักรมอญ ซึ่งภายหลัง ต้องเผชิญกับ ความแตกแยกทางการเมือง จนกระทั่งล่มสลาย

    ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าฟ้ารั่วและสุโขทัย
    หนึ่งในเหตุการณ์ ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างอาณาจักรมอญ และสุโขทัยคือ การส่งพระราชสาสน์ ของพระเจ้าฟ้ารั่ว ไปยังพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อขอขมาในสิ่งที่พระองค์ล่วงละเมิด และยอมเป็นประเทศราช พระราชสาสน์ฉบับนี้ ไม่เพียงเป็นการแสดงความเคารพ แต่ยังยืนยันถึงบทบาทของสุโขทัย ในฐานะมหาอำนาจ ที่มีอิทธิพลต่อภูมิภาค

    มรดกพระเจ้าฟ้ารั่ว
    พระเจ้าฟ้ารั่วไม่เพียงเป็น กษัตริย์ผู้สร้างความเป็นหนึ่งเดียว ให้กับแผ่นดินมอญ แต่ยังเป็นตัวแทนของยุคสมัย ที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบทบาทสำคัญ ต่อประวัติศาสตร์โลก

    แม้ว่าพระองค์จะจากไป นานกว่า 718 ปี แต่เรื่องราวของพระเจ้าฟ้ารั่ว ยังคงสะท้อนถึงบทเรียน เกี่ยวกับความเป็นผู้นำ ความอดทนต่ออุปสรรค และความสำคัญของการรวมพลัง เพื่อสร้างความมั่นคง ให้แก่แผ่นดิน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 142006 ม.ค. 2568

    #ประวัติศาสตร์มอญ #พระเจ้าฟ้ารั่ว #วาเรรุ #พ่อขุนรามคำแหง #ประวัติศาสตร์ไทย #อาณาจักรพุกาม #การปฏิวัติมอญ #ความสัมพันธ์ไทยมอญ #กษัตริย์มอญ #ย้อนอดีต
    718 ปี แห่งประวัติศาสตร์ ลอบปลงพระชนม์ "พระเจ้าฟ้ารั่ว" จากเด็กเลี้ยงช้าง สู่ปฐมกษัตริย์แห่งรัฐมอญ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 1850 หรือเมื่อ 718 ปี ที่ผ่านมา โลกได้จารึกเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ ที่ยังคงถูกกล่าวถึง จนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การลอบปลงพระชนม์ "พระเจ้าฟ้ารั่ว" หรือที่รู้จักในพระนาม "พระเจ้าวาเรรุ" กษัตริย์ผู้รวบรวมแผ่นดินมอญ ให้เป็นหนึ่งเดียว เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุด แห่งยุคของพระองค์ แต่ยังสะท้อนถึง การเปลี่ยนผ่านของอำนาจ ในยุคที่แผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังเต็มไปด้วย การช่วงชิงราชบัลลังก์ พระเจ้าฟ้ารั่ว หรือที่ชาวมอญเรียกพระองค์ว่า “พระเจ้าวาเรรุ” ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งเมืองเมาะตะมะ (ปัจจุบันคือเมืองในประเทศเมียนมา) และทรงเป็นผู้นำ ที่รวบรวมชนชาติมอญ ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในยุคที่อาณาจักรพุกาม กำลังล่มสลาย พระองค์ทรงครองราชย์ ระหว่างปี พ.ศ. 1830 - 1850 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และอำนาจในภูมิภาค พระเจ้าฟ้ารั่ว ประสูติเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 1796 ภายใต้ชื่อ มะกะโท (แมะกะตู) พระองค์เป็นบุตรของบิดาชาวไทยใหญ่ และมารดาชาวมอญ ณ เมืองสะโตง (บริเวณตอนล่างของพม่า ในปัจจุบัน) การเดินทางของพระองค์ เริ่มต้นเมื่ออายุ 19 พรรษา เมื่อมะกะโท เดินทางไปยังอาณาจักรสุโขทัย เพื่อค้าขาย ก่อนจะเริ่มชีวิตใหม่ ในราชสำนักสุโขทัย จากเด็กเลี้ยงช้าง สู่ตำแหน่งขุนวังแห่งสุโขทัย เมื่อมะกะโทเดินทางมายังสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนบานเมือง (พ.ศ. 1815) พระองค์เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการเข้ารับราชการ ในตำแหน่งควาญช้าง ด้วยความขยันและเฉลียวฉลาด มะกะโทสามารถสร้างความประทับใจ แก่พระเจ้าแผ่นดิน และในที่สุด ได้รับตำแหน่งขุนวัง ในรัชสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ช่วงเวลานี้เอง ที่พระองค์ได้พบรักกับ "เจ้านางสร้อยดาว" (หรือพระนามในพงศาวดารไทยว่า นางสุวรรณเทวี) ธิดาของพ่อขุนรามคำแหง ทั้งสองแอบมีใจ ผูกสมัครรักใคร่ต่อกัน จนกระทั่งตัดสินใจ ลอบหนีออกจากสุโขทัย พร้อมทั้งข้าราชบริพารจำนวนมาก การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชีวิตของมะกะโท แต่ยังส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์ ของทั้งอาณาจักรมอญ และสุโขทัย ประกาศอิสรภาพจากพุกาม หลังจากที่มะกะโท หรือพระเจ้าฟ้ารั่ว กลับมายังเมืองเมาะตะมะ พระองค์ได้เผชิญหน้ากับ "อลิมามาง" เจ้าเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งจากอาณาจักรพุกาม ในปี พ.ศ. 1828 มะกะโทสามารถโค่นล้มอำนาจ ของอลิมามางได้สำเร็จ และในปี พ.ศ. 1830 พระองค์ได้ประกาศอิสรภาพ จากพุกาม พร้อมทั้งสถาปนาตนเองเป็น กษัตริย์แห่งเมืองเมาะตะมะ ยุทธศาสตร์บริหารแผ่นดิน หลังจากขึ้นครองราชย์ พระเจ้าฟ้ารั่วใช้เวลากว่า 10 ปีในการรวบรวมแผ่นดินมอญ ให้เป็นหนึ่งเดียว โดยทรงจัดการศัตรูทางการเมือง จนหมดสิ้น รวมถึงสร้างพันธมิตรทางการทูต กับราชวงศ์หยวนแห่งจีน เพื่อป้องกันการรุกราน จากมหาอำนาจภายนอก พระองค์ยังทรงชำระ "ประมวลกฎหมายวาเรรุ" ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรก ของอาณาจักรมอญ โดยมีเป้าหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม และปกครองประชาชนอย่างยุติธรรม ลอบปลงพระชนม์ แม้พระเจ้าฟ้ารั่ว จะประสบความสำเร็จ ในการสร้างอาณาจักรมอญ แต่พระองค์ไม่สามารถหลีกเลี่ยง วัฏจักรแห่งการชิงอำนาจได้ ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 1850 พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ โดยพระราชโอรส 2 พระองค์ ของพระเจ้าตะยาพยาแห่งหงสาวดี ซึ่งต้องการแก้แค้นให้กับพระบิดา ที่ถูกพระเจ้าฟ้ารั่วสำเร็จโทษ การสิ้นพระชนม์ ของพระเจ้าฟ้ารั่ว นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของอาณาจักรมอญ ซึ่งภายหลัง ต้องเผชิญกับ ความแตกแยกทางการเมือง จนกระทั่งล่มสลาย ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าฟ้ารั่วและสุโขทัย หนึ่งในเหตุการณ์ ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างอาณาจักรมอญ และสุโขทัยคือ การส่งพระราชสาสน์ ของพระเจ้าฟ้ารั่ว ไปยังพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อขอขมาในสิ่งที่พระองค์ล่วงละเมิด และยอมเป็นประเทศราช พระราชสาสน์ฉบับนี้ ไม่เพียงเป็นการแสดงความเคารพ แต่ยังยืนยันถึงบทบาทของสุโขทัย ในฐานะมหาอำนาจ ที่มีอิทธิพลต่อภูมิภาค มรดกพระเจ้าฟ้ารั่ว พระเจ้าฟ้ารั่วไม่เพียงเป็น กษัตริย์ผู้สร้างความเป็นหนึ่งเดียว ให้กับแผ่นดินมอญ แต่ยังเป็นตัวแทนของยุคสมัย ที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบทบาทสำคัญ ต่อประวัติศาสตร์โลก แม้ว่าพระองค์จะจากไป นานกว่า 718 ปี แต่เรื่องราวของพระเจ้าฟ้ารั่ว ยังคงสะท้อนถึงบทเรียน เกี่ยวกับความเป็นผู้นำ ความอดทนต่ออุปสรรค และความสำคัญของการรวมพลัง เพื่อสร้างความมั่นคง ให้แก่แผ่นดิน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 142006 ม.ค. 2568 #ประวัติศาสตร์มอญ #พระเจ้าฟ้ารั่ว #วาเรรุ #พ่อขุนรามคำแหง #ประวัติศาสตร์ไทย #อาณาจักรพุกาม #การปฏิวัติมอญ #ความสัมพันธ์ไทยมอญ #กษัตริย์มอญ #ย้อนอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts