• โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องตลก

    เมื่อวันก่อน นายระวี ตะวันธรงค์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เรียกร้องไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO), สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH), United for Global Mental Health และเครือข่ายนวัตกรรมสุขภาพจิต (MHIN) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หยุดการใช้ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเครื่องมือโจมตีในพื้นที่สื่อของไทย โดยประณามการกระทำของผู้จัดรายการที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นำอาการป่วยของนักการเมืองหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาโจมตีอย่างรุนแรงในรายการออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำลายศักดิ์ศรีของปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกสังคมตีตราและตัดสิน คำพูดที่ขาดความรับผิดชอบกำลังทำร้ายผู้คนและบ่อนทำลายความพยายามด้านสาธารณสุขทั่วโลก

    โดยเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อประณามการใช้ข้อมูลสุขภาพจิตในทางที่ผิด และเรียกร้องให้สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะในไทยยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมกับกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสื่อ โดยทำงานร่วมกับองค์กรสื่อในไทยเพื่อสร้างและบังคับใช้แนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนภาคประชาสังคม โดยเพิ่มการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยที่ทำงานเพื่อรณรงค์ลดอคติและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชน

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้จัดรายการคนดังกล่าวระบุถึงนักการเมืองหญิงรายหนึ่งด้วยความตลกขบขัน เรียกชื่อต่อด้วยคำว่าซึมเศร้า พร้อมขอให้ซึมเศร้าร้องไห้ในสภาฯ อีกเยอะๆ คล้ายกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่ในวัยเรียน กลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งผู้จัดรายการคนดังกล่าว ขอยุติการจัดรายการทางทีวีดิจิทัลแห่งหนึ่ง ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนรักษามาตรฐานการแสดงออกให้เหมาะสม และไม่ใช้ถ้อยคำที่อาจนำไปสู่การดูหมิ่น กดทับ หรือสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

    ข้อมูลล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563-2567 คนไทยมากกว่า 8% เผชิญกับภาวะความเครียดสูง เกือบ 10% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงในการจบชีวิตตัวเอง โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งในปี 2567 ประเทศไทยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเฉลี่ย 42 ครั้งต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต

    #Newskit
    โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องตลก เมื่อวันก่อน นายระวี ตะวันธรงค์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เรียกร้องไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO), สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH), United for Global Mental Health และเครือข่ายนวัตกรรมสุขภาพจิต (MHIN) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หยุดการใช้ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเครื่องมือโจมตีในพื้นที่สื่อของไทย โดยประณามการกระทำของผู้จัดรายการที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นำอาการป่วยของนักการเมืองหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาโจมตีอย่างรุนแรงในรายการออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำลายศักดิ์ศรีของปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกสังคมตีตราและตัดสิน คำพูดที่ขาดความรับผิดชอบกำลังทำร้ายผู้คนและบ่อนทำลายความพยายามด้านสาธารณสุขทั่วโลก โดยเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อประณามการใช้ข้อมูลสุขภาพจิตในทางที่ผิด และเรียกร้องให้สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะในไทยยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมกับกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสื่อ โดยทำงานร่วมกับองค์กรสื่อในไทยเพื่อสร้างและบังคับใช้แนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนภาคประชาสังคม โดยเพิ่มการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยที่ทำงานเพื่อรณรงค์ลดอคติและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้จัดรายการคนดังกล่าวระบุถึงนักการเมืองหญิงรายหนึ่งด้วยความตลกขบขัน เรียกชื่อต่อด้วยคำว่าซึมเศร้า พร้อมขอให้ซึมเศร้าร้องไห้ในสภาฯ อีกเยอะๆ คล้ายกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่ในวัยเรียน กลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งผู้จัดรายการคนดังกล่าว ขอยุติการจัดรายการทางทีวีดิจิทัลแห่งหนึ่ง ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนรักษามาตรฐานการแสดงออกให้เหมาะสม และไม่ใช้ถ้อยคำที่อาจนำไปสู่การดูหมิ่น กดทับ หรือสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ข้อมูลล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563-2567 คนไทยมากกว่า 8% เผชิญกับภาวะความเครียดสูง เกือบ 10% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงในการจบชีวิตตัวเอง โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งในปี 2567 ประเทศไทยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเฉลี่ย 42 ครั้งต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต #Newskit
    1 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลนี้คนไทยก็ไร้ความหวัง "ประเทศไทยอาจมีสภาพเหมือนอินโดนีเซีย ประชาชนสุดจะทนกับนักการเมืองแล้ว...ผลประโยชน์ฯลฯ#นักการเมืองเราจะมีไว้ทำไม?"ประเทศมีสงคราม ประชาชนกับทหารช่วยกัน น้ำท่วมทหาร&กลุ่มอาสาฯลฯช่วยกัน ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนเลยออกมาช่วยเหลือประชาชน"ทหารเขาก็เป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกันเดินแช่น้ำเป็นวันๆจนเท้าเลือดออก เป็นเบาหวานเท้าเป็นแผลอาจสูญเสียขาได้เหมือนกัน "มีไหมพวกที่ชอบอ้าง'ปชช.11/14ล้านเสียง. ที่เลือกพวกคุณเข้าไปรับเงินเดือนกันเป็นแสน ค่าอาหารวันละ1พันบาท.ค่ายานพาหนะฟรีฯลฯ ออกมาช่วยประชาชนบ้างไหม ชายแดนคนไทยตายไม่มีใครสักคนออกมาประนามกัมพูชาเรื่องมนุษยธรรม ยิงใส่บ้านเรือนคนอพยพเป็นแสนมองไม่เห็น "ทหารกัมพูชาฆ่าคนไทยบอกต้องรับมารักษา เด็กกัมพูชาเหยียบธงชาติไทยบอกต้องให้สิทธิได้เรียนอ้างสิทธิสารพัด บล่าๆๆ🗣#กับคนไทยด้วยกับเงียบกริปมองไม่เห็น #เราขออยู่แบบไม่มีนักการเมืองดีกว่า ชายแดนไทย-เขมร "จะทำกำแพงล้อมรั้วลวดหนามคัดค้านกันจังทำไม??มันมีผลประโยชน์อะไรนักหรือ เพื่อนบ้านเลวกั้นรั้วถาวรไปเลยดีแล้วไว้ใจไม่ได้ ต่างคนต่างอยู่ถ้าจะเข้ามาก็ต้องมีหนังสือเข้าออกตามกฎหมาย ขนาดคุณวีระเดินอยู่บนแผ่นดินไทยยังโดนจับไปขังคุกตั้งหลายปีบรรพบุรุษเราสอนไว้แล้วว่าอย่าไว้ใจ"พวกละแวกมันชอบหักหลัง"ดูซิจีนช่วยหักหลังจีนไปจับมือเมกา..คนแบบนี้คบได้หรือ?"มีแต่ขอๆๆแต่ประเทศไม่ได้พัฒนาไปไหนเลย ผู้นำรวยมหาศาลประชาชนยากจนเข็นใจ แค่ห้องน้ำยังไม่มีคนต้องฉี่ใส่กำแพงวังอนาถแท้ๆประชาชนเขาถูกสอนฝังหัวในแบบเรียนเลยว่า"เสียม(สยาม)รุกรานปล้นสมบัติเขามา คนอยู่ในประเทศถูกปิดหูปิดตาก็พอเข้าใจได้ แต่เขมรนอกประเทศที่สามารถค้นคว้าหาข้อมูลที่แท้จริงได้ก็เปล่า เป็นเหมือนกันหมดฝังหัวข้อมูลเท็จกันมานาน#เราอย่าทิ้งมรดกบาปไว้ให้ลูกหลานต้องมารบฆ่าฟันกันในภายภาคหน้าเลย#เงินทองจะเอาไปไหนนักหนา #เกียรติยศศักดิ์ศรีเงินซื้อไม่ได้นะแม่ทัพภาค2พูดน่ะถูกต้องแล้ววันหนึ่งกินไม่ถึง300บ.ชีวิตก็นับถอยหลังแล้วที่มีก็พอแล้ว.."นกม.ไม่เคยพออุดมการณ์มันไม่เคยมีอยู่จริงอาสามารับใช้ชาติปากเป็นมัน"#หนูมีเล็กน้อยหนูก็บริจาคช่วยซื้อแอนตี้โดรนตามกำลังเพื่อเชฟชีวิตทหารๆของเรา ถ้าจะล้อมรั้วทำกำแพงก็จะร่วมบริจาค ต่อให้ไม่มีก็จะขายทองให้เลย ไม่มีแผ่นดินเราก็ไม่มีชีวิตหรอก""นกม.อย่าให้ประชาชนสุดทนจะเป็นแบบอินโดนีเซียๆดีนะทหารเขาอยู่ข้างประชาชน"ตอนนี้เงินเฟ้อข้าวของแพงไปหมด ถ้าอเมริกาล้มไทยมีผลกระทบแน่ไทยเราก็ถือเงินดอลล่าร์ไว้เยอะซะด้วย"พิมพ์เงินเป็นว่าเล่นเลยๆจะเป็นกระดาษเปล่าๆไร้ค่าแบบเวเนฯเงินตกเกลื่อนถนนคนยังไม่เก็บเลยเวเนฯทำงานทั้งวันซื้อใข่แพงเดียวยังไม่ได้เลย กาแฟแก้วละ6,000บาท."ไทยกินกาแฟเอสแก้วล่ะ45-50บ.ยังได้อยู่#คนอินโดนีเซียสุดยอดจริงๆบุกเข้าไปถึงในบ้านนักการเมืองเลย
    รัฐบาลนี้คนไทยก็ไร้ความหวัง "ประเทศไทยอาจมีสภาพเหมือนอินโดนีเซีย ประชาชนสุดจะทนกับนักการเมืองแล้ว🤚📣...ผลประโยชน์ฯลฯ#นักการเมืองเราจะมีไว้ทำไม?"ประเทศมีสงคราม ประชาชนกับทหารช่วยกัน น้ำท่วมทหาร&กลุ่มอาสาฯลฯช่วยกัน ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนเลยออกมาช่วยเหลือประชาชน"ทหารเขาก็เป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกันเดินแช่น้ำเป็นวันๆจนเท้าเลือดออก เป็นเบาหวานเท้าเป็นแผลอาจสูญเสียขาได้เหมือนกัน "มีไหมพวกที่ชอบอ้าง'ปชช.11/14ล้านเสียง. ที่เลือกพวกคุณเข้าไปรับเงินเดือนกันเป็นแสน ค่าอาหารวันละ1พันบาท.ค่ายานพาหนะฟรีฯลฯ ออกมาช่วยประชาชนบ้างไหม ชายแดนคนไทยตายไม่มีใครสักคนออกมาประนามกัมพูชาเรื่องมนุษยธรรม ยิงใส่บ้านเรือนคนอพยพเป็นแสนมองไม่เห็น "ทหารกัมพูชาฆ่าคนไทยบอกต้องรับมารักษา เด็กกัมพูชาเหยียบธงชาติไทยบอกต้องให้สิทธิได้เรียนอ้างสิทธิสารพัด บล่าๆๆ🗣#กับคนไทยด้วยกับเงียบกริป🙊🙉🙈มองไม่เห็น #เราขออยู่แบบไม่มีนักการเมืองดีกว่า ชายแดนไทย-เขมร "จะทำกำแพงล้อมรั้วลวดหนามคัดค้านกันจังทำไม??มันมีผลประโยชน์อะไรนักหรือ เพื่อนบ้านเลวกั้นรั้วถาวรไปเลยดีแล้วไว้ใจไม่ได้ ต่างคนต่างอยู่ถ้าจะเข้ามาก็ต้องมีหนังสือเข้าออกตามกฎหมาย ขนาดคุณวีระเดินอยู่บนแผ่นดินไทยยังโดนจับไปขังคุกตั้งหลายปีบรรพบุรุษเราสอนไว้แล้วว่าอย่าไว้ใจ"พวกละแวกมันชอบหักหลัง"ดูซิจีนช่วยหักหลังจีนไปจับมือเมกา..คนแบบนี้คบได้หรือ?"มีแต่ขอๆๆแต่ประเทศไม่ได้พัฒนาไปไหนเลย ผู้นำรวยมหาศาลประชาชนยากจนเข็นใจ แค่ห้องน้ำยังไม่มีคนต้องฉี่ใส่กำแพงวังอนาถแท้ๆประชาชนเขาถูกสอนฝังหัวในแบบเรียนเลยว่า"เสียม(สยาม)รุกรานปล้นสมบัติเขามา คนอยู่ในประเทศถูกปิดหูปิดตาก็พอเข้าใจได้ แต่เขมรนอกประเทศที่สามารถค้นคว้าหาข้อมูลที่แท้จริงได้ก็เปล่า เป็นเหมือนกันหมดฝังหัวข้อมูลเท็จกันมานาน#เราอย่าทิ้งมรดกบาปไว้ให้ลูกหลานต้องมารบฆ่าฟันกันในภายภาคหน้าเลย#เงินทองจะเอาไปไหนนักหนา #เกียรติยศศักดิ์ศรีเงินซื้อไม่ได้นะแม่ทัพภาค2พูดน่ะถูกต้องแล้ววันหนึ่งกินไม่ถึง300บ.ชีวิตก็นับถอยหลังแล้วที่มีก็พอแล้ว.."นกม.ไม่เคยพออุดมการณ์มันไม่เคยมีอยู่จริงอาสามารับใช้ชาติปากเป็นมัน"#หนูมีเล็กน้อยหนูก็บริจาคช่วยซื้อแอนตี้โดรนตามกำลังเพื่อเชฟชีวิตทหารๆของเรา ถ้าจะล้อมรั้วทำกำแพงก็จะร่วมบริจาค ต่อให้ไม่มีก็จะขายทองให้เลย ไม่มีแผ่นดินเราก็ไม่มีชีวิตหรอก""นกม.อย่าให้ประชาชนสุดทนจะเป็นแบบอินโดนีเซียๆดีนะทหารเขาอยู่ข้างประชาชน"ตอนนี้เงินเฟ้อข้าวของแพงไปหมด ถ้าอเมริกาล้มไทยมีผลกระทบแน่ไทยเราก็ถือเงินดอลล่าร์ไว้เยอะซะด้วย"พิมพ์เงินเป็นว่าเล่นเลยๆจะเป็นกระดาษเปล่าๆไร้ค่าแบบเวเนฯเงินตกเกลื่อนถนนคนยังไม่เก็บเลยเวเนฯทำงานทั้งวันซื้อใข่แพงเดียวยังไม่ได้เลย กาแฟแก้วละ6,000บาท."ไทยกินกาแฟเอสแก้วล่ะ45-50บ.ยังได้อยู่#คนอินโดนีเซียสุดยอดจริงๆบุกเข้าไปถึงในบ้านนักการเมืองเลย
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 9
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 9
    นาย Kenneth ถูกกระทรวงต่างประเทศ ส่งกลับมาทำการสำรวจเมืองไทยรอบใหญ่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1950 นาย Kenneth เล่าว่าเป็นปีที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงทำพิธีอภิเศกสมรสกับสมเด็จพระราชินี และทำพิธีขึ้นครองราชย์ ทางอเมริกาเตรียมของขวัญที่จะถวายสำหรับพระราชพิธีอภิเศก เป็นแก้วเป่าของ Steuben ซึ่งมีชื่อมาก แต่นาย Kenneth ในฐานะเคยอยู่เมืองไทยมานาน และอ้างว่าเคยรู้จักและเคยพบพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง ก็รีบเสนอหน้าแนะนำไปยังประธานาธิบดี ให้รัฐบาลอเมริกันจัดการเปลี่ยนของขวัญ เขาบอกว่าในหลวงทรงเป็นนักดนตรีแจ๊ส และโปรดฟังเพลง ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ก็เริ่มมาจากดนตรี ดังนั้นน่าจะถวายของขวัญเป็นอะไรที่เกี่ยวกับดนตรี
    ในที่สุดนาย Kenneth ก็จัดการให้รัฐบาลอเมริกันถวายเครื่องเล่นแผ่นเสียง รวมทั้งแผ่นเสียงของ Gershwin ครบชุด เขาอ้างว่าทรงโปรดมาก และเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ทรงนำไปยังวังไกลกังวล หลังจากทรงทำพิธีอภิเศกสมรสแล้ว (ไม่รู้นาย Kenneth รู้ได้อย่างไร!? แต่อย่างน้อย การแนะนำเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า การอยู่ใกล้ เข้ามาคลุกคลีในประเทศ ทำให้นักล่ารู้จักหลายอย่างเกี่ยวสมันน้อย ดีกว่ามองจากทางไกลหรืออ่านแต่รายงาน)
    ในการเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสจัดการตัวเองให้ได้พบกับจอมพลสฤษดิ์ เขาบอกว่าถ้าอยากรู้เรื่องเมืองไทยต้องอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย และต้องรู้จักอ่าน “ระหว่างบันทัด” ให้เป็น จึงจะรู้ว่าคนไทยพูดเรื่องอะไรกันบ้าง อะไรเป็นข่าวในตอนนั้น ด้วยวิธีนี้ ทำให้เขารู้เรื่องเกี่ยวกับจอมพลสฤษดิ์ในหลายมุม ตอนนั้นจอมพลสฤษดิ์ยังเป็นเพียงนายทหารระดับนายพล คุมกองทัพภาค 1 ในกรุงเทพฯ แต่เขาเห็นว่าแล้วว่าจะมีอนาคตไกล เขาจึงขอให้ฑูต Stanton ช่วยนัดให้เขาพบกับจอมพลสฤษดิ์ ฑูตบอกว่าไม่ได้หรอก ต้องผ่านฑูตทหารอีกที แล้วฑูตทหารก็จะถามว่าไปพบทำไม นาย Kenneth จึงบอกว่าไม่เป็นไร เขานัดเองก็ได้ แล้วเขาก็ให้เพื่อนคนไทยนัดให้
    เพื่อนไปแจ้งสฤษดิ์ สฤษดิ์ถามกลับว่าจะมาพบทำไม เขาไม่พูดภาษาอังกฤษ (I don’t speak English) นาย Kenneth ให้เพื่อนตอบกลับไปว่า เขาก็ไม่พูดภาษาอังกฤษเหมือนกัน (I don’t speak English either !) คำตอบนี้ทำให้สฤษดิ์ขำ และสนใจนาย Kenneth ขึ้นมา จึงยอมรับนัด ปรากฎว่าเมื่อทั้ง 2 พบกันก็ถูกชะตากัน และคุยกันเป็นภาษาไทย สฤษดิ์ถามว่านาย Kenneth สนใจอะไรเขา นาย Kenneth บอกว่า เขาเชื่อว่าวันหนึ่งสฤษดิ์จะเป็นบุคคลสำคัญมากในวงการเมืองของประเทศไทย สฤษดิ์ถามว่า ฉันจะต้องไปรบกับใครหรือ นาย Kenneth บอกไม่ใช่รบแบบทหาร แต่รบในทางการเมืองละก้อใช่ สฤษดิ์ถามว่าคุณรู้ได้ยังไงนาย Kenneth บอกเขาอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย ซึ่งมีบทความมากมายและถ้ารู้จักวิธีอ่าน ก็จะได้ข้อมูลอย่างนึกไม่ถึง สฤษดิ์ตอบว่าใช่ ใช่แล้ว ! หลังจากนั้นทั้ง 2 คน ก็กลายเป็นเพื่อนกัน และเป็นเพื่อนชนิดที่ไว้ใจกัน
    หลังจากพบกับสฤษดิ์ นาย Kenneth เดินทางไปพบกับอดีตจักรพรรดิ์เบาได๋ (Baodai) ของเวียตนาม ซึ่งหนีลุงโฮมาอยู่ทางใต้ของเวียตนาม เบาได๋เชื่อว่าวันหนึ่งฝรั่งเศสจะคืนเอกราชให้เวียตนาม เบาได๋ขอให้อเมริกาช่วยจัดการให้ฝรั่งเศสออกไปจากเวียตนาม และช่วยให้เขากลับมามีอำนาจในเวียตนามต่อไป แล้วเขาจะให้ความร่วมมืออย่างดีกับอเมริกา นาย Kenneth เห็นว่า เบาได๋เป็นคนอ่อนแอ และไม่น่าที่จะรักษาเวียตนามไว้ได้
    จากเวียตนามเขาเดินทางต่อไปพบเจ้านโรดมสีหนุที่เขมร ซึ่งขณะนั้นก็ยังไม่ได้อิสรภาพจากฝรั่งเศส ฝรั่งเศสตั้งให้เจ้านโรดมเป็นกษัตริย์ ตั้งแต่ยังเด็กโดยหวังจะให้เป็น หุ่นชักของฝรั่งเศส นาย Kenneth บอก เจ้าสีหนุเป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ ลื่นไหล ลดเลี้ยวเก่งมาก เขาคิดว่าฝรั่งเศส (รวมทั้งอเมริกาด้วย) คงจะชักหุ่นชื่อสีหนุนี้ยาก
    ต่อจากเขมร นาย Kenneth ก็ไปลาว เขาไปพบรัฐบาลลาวที่เวียงจันทร์ หลังจากนั้นก็ไปพบกษัตริย์ลาวที่หลวงพระบาง ตอนแรกเจ้าลาวก็ทำตัวเกร็งกับนาย Kenneth ฝ่ายหนึ่งพูดฝรั่งเศษ อีกฝ่ายพูดอังกฤษกันจนเมื่อยมือ จนนาย Kenneth พูดภาษาไทยด้วย เจ้าลาวก็ดีใจ ได้พูดลาวโดยนาย Kenneth ก็อ้างว่าเข้าใจ หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็สื่อสารกันได้ (หมายเหตุ คนเล่านิทาน : กษัตริย์ลาวที่นาย Kenneth ไปพบน่าจะเป็นเจ้าสุวรรณภูมา เพราะนาย Kenneth บอกว่าภายหลัง กษัตริย์ลาวองค์นี้ถูกพวกคอมมิวนิสต์จับได้และปฏิบัติต่อพระองค์แย่มาก ในที่สุดก็สวรรคตในค่ายกักกันของคอมมิวนิสต์)
    จากลาว นาย Kenneth กลับมาเมืองไทยและเดินทางลงใต้ไปสิงค์โปร์และกัวลาลัมเปอร์ เสร็จแล้วก็ข้ามไปยังจาร์กาต้า เพื่อพบนายพลซูการ์โน เขาเจอลูกเล่นสาระพัดจากนักการเมือง และทหารที่จาร์กาต้า รวมทั้งถูกลองดี เช่น เครื่องบินที่เขาจะต้องใช้บินกลับมาสิงค์โปร์ ถูกดูดเอาน้ำมันออกจนเกลี้ยงถัง นาย Kenneth “รู้จัก” คนอินโดนีเซียจากประสบการณ์ของจริง !

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 9 นาย Kenneth ถูกกระทรวงต่างประเทศ ส่งกลับมาทำการสำรวจเมืองไทยรอบใหญ่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1950 นาย Kenneth เล่าว่าเป็นปีที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงทำพิธีอภิเศกสมรสกับสมเด็จพระราชินี และทำพิธีขึ้นครองราชย์ ทางอเมริกาเตรียมของขวัญที่จะถวายสำหรับพระราชพิธีอภิเศก เป็นแก้วเป่าของ Steuben ซึ่งมีชื่อมาก แต่นาย Kenneth ในฐานะเคยอยู่เมืองไทยมานาน และอ้างว่าเคยรู้จักและเคยพบพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง ก็รีบเสนอหน้าแนะนำไปยังประธานาธิบดี ให้รัฐบาลอเมริกันจัดการเปลี่ยนของขวัญ เขาบอกว่าในหลวงทรงเป็นนักดนตรีแจ๊ส และโปรดฟังเพลง ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ก็เริ่มมาจากดนตรี ดังนั้นน่าจะถวายของขวัญเป็นอะไรที่เกี่ยวกับดนตรี ในที่สุดนาย Kenneth ก็จัดการให้รัฐบาลอเมริกันถวายเครื่องเล่นแผ่นเสียง รวมทั้งแผ่นเสียงของ Gershwin ครบชุด เขาอ้างว่าทรงโปรดมาก และเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ทรงนำไปยังวังไกลกังวล หลังจากทรงทำพิธีอภิเศกสมรสแล้ว (ไม่รู้นาย Kenneth รู้ได้อย่างไร!? แต่อย่างน้อย การแนะนำเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า การอยู่ใกล้ เข้ามาคลุกคลีในประเทศ ทำให้นักล่ารู้จักหลายอย่างเกี่ยวสมันน้อย ดีกว่ามองจากทางไกลหรืออ่านแต่รายงาน) ในการเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสจัดการตัวเองให้ได้พบกับจอมพลสฤษดิ์ เขาบอกว่าถ้าอยากรู้เรื่องเมืองไทยต้องอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย และต้องรู้จักอ่าน “ระหว่างบันทัด” ให้เป็น จึงจะรู้ว่าคนไทยพูดเรื่องอะไรกันบ้าง อะไรเป็นข่าวในตอนนั้น ด้วยวิธีนี้ ทำให้เขารู้เรื่องเกี่ยวกับจอมพลสฤษดิ์ในหลายมุม ตอนนั้นจอมพลสฤษดิ์ยังเป็นเพียงนายทหารระดับนายพล คุมกองทัพภาค 1 ในกรุงเทพฯ แต่เขาเห็นว่าแล้วว่าจะมีอนาคตไกล เขาจึงขอให้ฑูต Stanton ช่วยนัดให้เขาพบกับจอมพลสฤษดิ์ ฑูตบอกว่าไม่ได้หรอก ต้องผ่านฑูตทหารอีกที แล้วฑูตทหารก็จะถามว่าไปพบทำไม นาย Kenneth จึงบอกว่าไม่เป็นไร เขานัดเองก็ได้ แล้วเขาก็ให้เพื่อนคนไทยนัดให้ เพื่อนไปแจ้งสฤษดิ์ สฤษดิ์ถามกลับว่าจะมาพบทำไม เขาไม่พูดภาษาอังกฤษ (I don’t speak English) นาย Kenneth ให้เพื่อนตอบกลับไปว่า เขาก็ไม่พูดภาษาอังกฤษเหมือนกัน (I don’t speak English either !) คำตอบนี้ทำให้สฤษดิ์ขำ และสนใจนาย Kenneth ขึ้นมา จึงยอมรับนัด ปรากฎว่าเมื่อทั้ง 2 พบกันก็ถูกชะตากัน และคุยกันเป็นภาษาไทย สฤษดิ์ถามว่านาย Kenneth สนใจอะไรเขา นาย Kenneth บอกว่า เขาเชื่อว่าวันหนึ่งสฤษดิ์จะเป็นบุคคลสำคัญมากในวงการเมืองของประเทศไทย สฤษดิ์ถามว่า ฉันจะต้องไปรบกับใครหรือ นาย Kenneth บอกไม่ใช่รบแบบทหาร แต่รบในทางการเมืองละก้อใช่ สฤษดิ์ถามว่าคุณรู้ได้ยังไงนาย Kenneth บอกเขาอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย ซึ่งมีบทความมากมายและถ้ารู้จักวิธีอ่าน ก็จะได้ข้อมูลอย่างนึกไม่ถึง สฤษดิ์ตอบว่าใช่ ใช่แล้ว ! หลังจากนั้นทั้ง 2 คน ก็กลายเป็นเพื่อนกัน และเป็นเพื่อนชนิดที่ไว้ใจกัน หลังจากพบกับสฤษดิ์ นาย Kenneth เดินทางไปพบกับอดีตจักรพรรดิ์เบาได๋ (Baodai) ของเวียตนาม ซึ่งหนีลุงโฮมาอยู่ทางใต้ของเวียตนาม เบาได๋เชื่อว่าวันหนึ่งฝรั่งเศสจะคืนเอกราชให้เวียตนาม เบาได๋ขอให้อเมริกาช่วยจัดการให้ฝรั่งเศสออกไปจากเวียตนาม และช่วยให้เขากลับมามีอำนาจในเวียตนามต่อไป แล้วเขาจะให้ความร่วมมืออย่างดีกับอเมริกา นาย Kenneth เห็นว่า เบาได๋เป็นคนอ่อนแอ และไม่น่าที่จะรักษาเวียตนามไว้ได้ จากเวียตนามเขาเดินทางต่อไปพบเจ้านโรดมสีหนุที่เขมร ซึ่งขณะนั้นก็ยังไม่ได้อิสรภาพจากฝรั่งเศส ฝรั่งเศสตั้งให้เจ้านโรดมเป็นกษัตริย์ ตั้งแต่ยังเด็กโดยหวังจะให้เป็น หุ่นชักของฝรั่งเศส นาย Kenneth บอก เจ้าสีหนุเป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ ลื่นไหล ลดเลี้ยวเก่งมาก เขาคิดว่าฝรั่งเศส (รวมทั้งอเมริกาด้วย) คงจะชักหุ่นชื่อสีหนุนี้ยาก ต่อจากเขมร นาย Kenneth ก็ไปลาว เขาไปพบรัฐบาลลาวที่เวียงจันทร์ หลังจากนั้นก็ไปพบกษัตริย์ลาวที่หลวงพระบาง ตอนแรกเจ้าลาวก็ทำตัวเกร็งกับนาย Kenneth ฝ่ายหนึ่งพูดฝรั่งเศษ อีกฝ่ายพูดอังกฤษกันจนเมื่อยมือ จนนาย Kenneth พูดภาษาไทยด้วย เจ้าลาวก็ดีใจ ได้พูดลาวโดยนาย Kenneth ก็อ้างว่าเข้าใจ หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็สื่อสารกันได้ (หมายเหตุ คนเล่านิทาน : กษัตริย์ลาวที่นาย Kenneth ไปพบน่าจะเป็นเจ้าสุวรรณภูมา เพราะนาย Kenneth บอกว่าภายหลัง กษัตริย์ลาวองค์นี้ถูกพวกคอมมิวนิสต์จับได้และปฏิบัติต่อพระองค์แย่มาก ในที่สุดก็สวรรคตในค่ายกักกันของคอมมิวนิสต์) จากลาว นาย Kenneth กลับมาเมืองไทยและเดินทางลงใต้ไปสิงค์โปร์และกัวลาลัมเปอร์ เสร็จแล้วก็ข้ามไปยังจาร์กาต้า เพื่อพบนายพลซูการ์โน เขาเจอลูกเล่นสาระพัดจากนักการเมือง และทหารที่จาร์กาต้า รวมทั้งถูกลองดี เช่น เครื่องบินที่เขาจะต้องใช้บินกลับมาสิงค์โปร์ ถูกดูดเอาน้ำมันออกจนเกลี้ยงถัง นาย Kenneth “รู้จัก” คนอินโดนีเซียจากประสบการณ์ของจริง ! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 8
    ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?)

เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้
    เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ)
    แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง !
    นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม
    หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 8 ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?)

เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้ เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ) แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง ! นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 7
    ระหว่างสมครามโลกลามมาถึงเอเซีย ขบวนการเสรีไทยก็แตกหน่อขยายตัว มีนักเรียนไทยในอังกฤษและอเมริกาเข้ามาร่วม พวกที่อยู่ในอเมริกา อยู่ในความดูแลของสถานฑูตไทยในวอชิงตัน ส่วนที่อังกฤษ น่าจะอยู่ในความดูแลของฑูตทหารไทยในอังกฤษ ด้านอังกฤษไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก แต่ทางด้านอเมริกา ผู้ช่วยฑูตฝ่ายทหาร คือ ม.ล ขาบ กุญชร และผู้ช่วย ได้รับการฝึกอบรมจากทางอเมริกาและร่วมทำงานกับหน่วยงาน OSS นาย Kenneth อ้างว่าเขาเข้าร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับการนำสายลับ เข้าไปในไทยและก่อการวุ่นวายในประเทศ เขาเล่าว่าผู้สำเร็จราชการขณะนั้น คือ นายปริดี พนมยงค์ ลาออกจากเป็นรัฐมนตรีคลัง เพื่อเป็นผู้สำเร็จราชการ เมื่อญี่ปุ่นบุกไทย ซึ่งทำให้นายปรีดีไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเคลื่อนไหวได้สะดวก เขาบอกนายปริดีนี่แหละคือคนของอเมริกา he was “our boy” และได้รับชื่อรหัสว่า “Ruth” เอาไว้ใช้ในการสื่อสารลับ อีกคนหนึ่งคือหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจขณะนั้น ก็เช่นกันและได้ชื่อรหัสว่า “Betty”
    ช่วงนั้นอเมริกาส่งสายลับมาเต็มอัตรา เดินกันขวักไขว่อยู่ในเอเซีย ผู้ที่เดินสายอยู่แถบอินโดจีน ส่วนมากจะเป็นพวกเสรีไทย มีบ้างที่เป็นสายลับอเมริกา ที่มีชื่อโด่งดังก็คือ นาย Jim Thompson (ซึ่งต่อมาเป็นราชาผ้าไหมไทย เจ้าของกิจการ Jim Thompson คนนั่นแหละ เรื่องของนาย Jim นี้ ก็น่าสนุกนะ มีคนเขียนชีวประวัติเขา มีขายกันทั่วไป ลองไปหาอ่านกันดู) จากการทำงานในช่วงนี้ทำให้นาย Kenneth กับนาย Jim รู้จักและสนิทสนมกัน ถึงขนาดเมื่อหนังสือของนาง Margaret ได้ถูกนำไปทำละคร ทำหนังเรื่อง The King and I นาย Jim นี่แหละเป็นคนส่งผ้าไหมไทยไปให้ตัดเย็บชุดดารา ทำให้ผ้าไหมไทย โดยเฉพาะของ Jim Thompson ดังเป็นพลุแตกตอนนั้นแหละ
    งานจารกรรมพวกนี้ดำเนินการ โดย OSS และเนื่องจากไม่มีใครรู้จักเมืองไทยและอินโดจีน เท่ากับนาย Kenneth ช่วงนี้นาย Kenneth โอ่ว่าเขาเป็นขวัญใจของทุกหน่วยงาน ใครๆก็เรียกหา ใครๆก็อยากใช้เขา แผนที่และหนังสือพิมพ์ที่เขาเก็บสะสมมา 10 ปี และหอบกลับมาอเมริกา พิสูจน์ให้เห็นว่ามีค่าขนาดไหน สำหรับทุกหน่วยงาน เหมือนอย่างกับ นาย Kenneth รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า !
    ช่วงปี ค.ศ. 1942 Kenneth ย้ายไปทำงานที่หน่วยงาน Board of Economic Warfare (BEW) โดยนาย Donovan ไม่ขัดข้อง หน้าที่ของเขาคือ ชี้เป้าสำหรับให้นักบินทิ้งระเบิด นับว่าเป็นมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษจริงๆ อย่าลืมนาย Kenneth หอบแผนที่ไทย และรวมทั้งแถบอินโดจีนกลับมากับตัวด้วย ทำให้นักบินอเมริกันสามารถทิ้งระเบิดถล่ม ทางรถไฟไปหลายสายทั้งในจีน ฮานอย และแน่นอนรวมทั้งทางรถไฟของไทยด้วย นาย Kenneth บอกว่าผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือการถล่มเขื่อน และต้องทำตอนเขื่อนมีน้ำเต็ม ครั้งหนึ่งเขากะสถานที่และเวลาให้นักบินอเมริกันทิ้งบอมบ์เขื่อนที่เวียตนามเหนือ หลังจากเขื่อนทลาย น้ำจะท่วมพื้นที่บริเวณนั้นอย่างกว้างขวาง ไร่นาฉิบหายหมด เขาตั้งใจจะสกัดไม่ให้ญี่ปุ่นมีอาหารกิน แต่ผู้ที่รับเคราะห์คือชาวบ้าน เขามารู้จากลุงโฮจิมินท์ เมื่อมาพบกันตอนปี ค.ศ. 1946 ซึ่งบอกว่า คุณรู้ไหมระเบิดคราวนั้นทำให้ประชาชนเวียตนามอดอยากแทบตายถึง 2 ล้านคน !
    หลังจากนั้น นาย Kenneth ก็ได้ถูกชวนให้ย้ายไปอยู่ สำนักงานตะวันออกไกล Far East Bureau ของกระทรวงต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตะวันออกไกล (Far East) จากมิชชั่นนารี กลายมาเป็นนักวางแผนอยู่ในกระทรวงต่างประเทศ แทบไม่น่าเชื่อ! งานสำคัญชิ้นแรกที่เขาทำคือ ร่างนโยบายของอเมริกาเกี่ยวกับอินโดจีนหลังสงครามโลก ให้กับประธานาธิบดี Roosevelt ซึ่งให้ธงไว้ว่า อเมริกาไม่เอาใจฝรั่งเศส และเห็นว่าฝรั่งเศสเป็นนักล่าอาณานิคม ที่แย่มาก เขาร่างนโยบายอยู่ 30 รอบ กว่าจะเป็นที่พอใจของทุกคน โดยเฉพาะประธานาธิบดี ซึ่งประทับตราเห็นด้วย ด้วยการบอกว่าฉันไม่ต้องการให้ฝรั่งเศสกลับมาที่อินโดจีนอีก “I want no French returned to Indochina, FDR” (เพราะเราอเมริกาจะเป็นผู้ครอบครอง อินโดจีนต่อไป ! ) เขาทำงานอยู่ที่หน่วยงานนี้จนถึงปีค.ศ. 1954
    เมื่อสงครามโลกปิดฉาก อังกฤษแก้แค้นที่ไทยประกาศสงครามใส่ โดยการยื่นข้อเรียกร้องกับไทย 21 ข้อ นาย Kenneth บอกว่าข้อเรียกร้องของอังกฤษโหดมาก ถ้าไทยยอมก็เท่ากับตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทางอเมริกาเองไม่ถือว่าไทยเป็นคู่รบ และไม่ได้เรียกร้องอะไรกับไทย (แต่มีแผนการอย่างอื่น เตรียมไว้ให้โดยไม่บอกให้อังกฤษรู้) และส่งนาย Charles Yost (ซึ่งเป็นนักการฑูตที่มีประสบการณ์และชั่วโมงบินสูง เขามาประจำอยู่ที่เมืองไทยระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนหลังไปประทำที่สหประชาชาติ) และนาย Kenneth มาช่วยไทยเจรจากับอังกฤษ การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายเดือน ในที่สุด อังกฤษยอมยกเลิกข้อเรียกร้อง 21 ข้อ เหลือเพียงข้อเดียวให้ไทยชดใช้ โดยการส่งข้าว ให้แก่อังกฤษแทน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 7 ระหว่างสมครามโลกลามมาถึงเอเซีย ขบวนการเสรีไทยก็แตกหน่อขยายตัว มีนักเรียนไทยในอังกฤษและอเมริกาเข้ามาร่วม พวกที่อยู่ในอเมริกา อยู่ในความดูแลของสถานฑูตไทยในวอชิงตัน ส่วนที่อังกฤษ น่าจะอยู่ในความดูแลของฑูตทหารไทยในอังกฤษ ด้านอังกฤษไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก แต่ทางด้านอเมริกา ผู้ช่วยฑูตฝ่ายทหาร คือ ม.ล ขาบ กุญชร และผู้ช่วย ได้รับการฝึกอบรมจากทางอเมริกาและร่วมทำงานกับหน่วยงาน OSS นาย Kenneth อ้างว่าเขาเข้าร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับการนำสายลับ เข้าไปในไทยและก่อการวุ่นวายในประเทศ เขาเล่าว่าผู้สำเร็จราชการขณะนั้น คือ นายปริดี พนมยงค์ ลาออกจากเป็นรัฐมนตรีคลัง เพื่อเป็นผู้สำเร็จราชการ เมื่อญี่ปุ่นบุกไทย ซึ่งทำให้นายปรีดีไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเคลื่อนไหวได้สะดวก เขาบอกนายปริดีนี่แหละคือคนของอเมริกา he was “our boy” และได้รับชื่อรหัสว่า “Ruth” เอาไว้ใช้ในการสื่อสารลับ อีกคนหนึ่งคือหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจขณะนั้น ก็เช่นกันและได้ชื่อรหัสว่า “Betty” ช่วงนั้นอเมริกาส่งสายลับมาเต็มอัตรา เดินกันขวักไขว่อยู่ในเอเซีย ผู้ที่เดินสายอยู่แถบอินโดจีน ส่วนมากจะเป็นพวกเสรีไทย มีบ้างที่เป็นสายลับอเมริกา ที่มีชื่อโด่งดังก็คือ นาย Jim Thompson (ซึ่งต่อมาเป็นราชาผ้าไหมไทย เจ้าของกิจการ Jim Thompson คนนั่นแหละ เรื่องของนาย Jim นี้ ก็น่าสนุกนะ มีคนเขียนชีวประวัติเขา มีขายกันทั่วไป ลองไปหาอ่านกันดู) จากการทำงานในช่วงนี้ทำให้นาย Kenneth กับนาย Jim รู้จักและสนิทสนมกัน ถึงขนาดเมื่อหนังสือของนาง Margaret ได้ถูกนำไปทำละคร ทำหนังเรื่อง The King and I นาย Jim นี่แหละเป็นคนส่งผ้าไหมไทยไปให้ตัดเย็บชุดดารา ทำให้ผ้าไหมไทย โดยเฉพาะของ Jim Thompson ดังเป็นพลุแตกตอนนั้นแหละ งานจารกรรมพวกนี้ดำเนินการ โดย OSS และเนื่องจากไม่มีใครรู้จักเมืองไทยและอินโดจีน เท่ากับนาย Kenneth ช่วงนี้นาย Kenneth โอ่ว่าเขาเป็นขวัญใจของทุกหน่วยงาน ใครๆก็เรียกหา ใครๆก็อยากใช้เขา แผนที่และหนังสือพิมพ์ที่เขาเก็บสะสมมา 10 ปี และหอบกลับมาอเมริกา พิสูจน์ให้เห็นว่ามีค่าขนาดไหน สำหรับทุกหน่วยงาน เหมือนอย่างกับ นาย Kenneth รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ! ช่วงปี ค.ศ. 1942 Kenneth ย้ายไปทำงานที่หน่วยงาน Board of Economic Warfare (BEW) โดยนาย Donovan ไม่ขัดข้อง หน้าที่ของเขาคือ ชี้เป้าสำหรับให้นักบินทิ้งระเบิด นับว่าเป็นมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษจริงๆ อย่าลืมนาย Kenneth หอบแผนที่ไทย และรวมทั้งแถบอินโดจีนกลับมากับตัวด้วย ทำให้นักบินอเมริกันสามารถทิ้งระเบิดถล่ม ทางรถไฟไปหลายสายทั้งในจีน ฮานอย และแน่นอนรวมทั้งทางรถไฟของไทยด้วย นาย Kenneth บอกว่าผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือการถล่มเขื่อน และต้องทำตอนเขื่อนมีน้ำเต็ม ครั้งหนึ่งเขากะสถานที่และเวลาให้นักบินอเมริกันทิ้งบอมบ์เขื่อนที่เวียตนามเหนือ หลังจากเขื่อนทลาย น้ำจะท่วมพื้นที่บริเวณนั้นอย่างกว้างขวาง ไร่นาฉิบหายหมด เขาตั้งใจจะสกัดไม่ให้ญี่ปุ่นมีอาหารกิน แต่ผู้ที่รับเคราะห์คือชาวบ้าน เขามารู้จากลุงโฮจิมินท์ เมื่อมาพบกันตอนปี ค.ศ. 1946 ซึ่งบอกว่า คุณรู้ไหมระเบิดคราวนั้นทำให้ประชาชนเวียตนามอดอยากแทบตายถึง 2 ล้านคน ! หลังจากนั้น นาย Kenneth ก็ได้ถูกชวนให้ย้ายไปอยู่ สำนักงานตะวันออกไกล Far East Bureau ของกระทรวงต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตะวันออกไกล (Far East) จากมิชชั่นนารี กลายมาเป็นนักวางแผนอยู่ในกระทรวงต่างประเทศ แทบไม่น่าเชื่อ! งานสำคัญชิ้นแรกที่เขาทำคือ ร่างนโยบายของอเมริกาเกี่ยวกับอินโดจีนหลังสงครามโลก ให้กับประธานาธิบดี Roosevelt ซึ่งให้ธงไว้ว่า อเมริกาไม่เอาใจฝรั่งเศส และเห็นว่าฝรั่งเศสเป็นนักล่าอาณานิคม ที่แย่มาก เขาร่างนโยบายอยู่ 30 รอบ กว่าจะเป็นที่พอใจของทุกคน โดยเฉพาะประธานาธิบดี ซึ่งประทับตราเห็นด้วย ด้วยการบอกว่าฉันไม่ต้องการให้ฝรั่งเศสกลับมาที่อินโดจีนอีก “I want no French returned to Indochina, FDR” (เพราะเราอเมริกาจะเป็นผู้ครอบครอง อินโดจีนต่อไป ! ) เขาทำงานอยู่ที่หน่วยงานนี้จนถึงปีค.ศ. 1954 เมื่อสงครามโลกปิดฉาก อังกฤษแก้แค้นที่ไทยประกาศสงครามใส่ โดยการยื่นข้อเรียกร้องกับไทย 21 ข้อ นาย Kenneth บอกว่าข้อเรียกร้องของอังกฤษโหดมาก ถ้าไทยยอมก็เท่ากับตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทางอเมริกาเองไม่ถือว่าไทยเป็นคู่รบ และไม่ได้เรียกร้องอะไรกับไทย (แต่มีแผนการอย่างอื่น เตรียมไว้ให้โดยไม่บอกให้อังกฤษรู้) และส่งนาย Charles Yost (ซึ่งเป็นนักการฑูตที่มีประสบการณ์และชั่วโมงบินสูง เขามาประจำอยู่ที่เมืองไทยระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนหลังไปประทำที่สหประชาชาติ) และนาย Kenneth มาช่วยไทยเจรจากับอังกฤษ การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายเดือน ในที่สุด อังกฤษยอมยกเลิกข้อเรียกร้อง 21 ข้อ เหลือเพียงข้อเดียวให้ไทยชดใช้ โดยการส่งข้าว ให้แก่อังกฤษแทน คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • พร้อมมาก! ปลัดคลัง ระบุหากรัฐบาลใหม่ ตัดสินใจฟื้นโครงการคนละครึ่ง สามารถดำเนินการได้ทันที ต.ค.68 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบฯ 69 ใช้แอป‘เป๋าตัง’ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ไม่ต้องสร้างแพลตฟอร์มใหม่
    พร้อมมาก! ปลัดคลัง ระบุหากรัฐบาลใหม่ ตัดสินใจฟื้นโครงการคนละครึ่ง สามารถดำเนินการได้ทันที ต.ค.68 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบฯ 69 ใช้แอป‘เป๋าตัง’ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ไม่ต้องสร้างแพลตฟอร์มใหม่
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 0 Reviews
  • คลิปต้นเหตุ “แขก คำผกา” โดนสอยจาก NBT (8/9/68)
    #แขกคำผกาถูกปลด #ต้นเหตุจากคลิปนี้ #สื่อกับอำนาจรัฐ #NBTถอดแขก #ดราม่าคำผกา #วงการสื่อไทย #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    คลิปต้นเหตุ “แขก คำผกา” โดนสอยจาก NBT (8/9/68) #แขกคำผกาถูกปลด #ต้นเหตุจากคลิปนี้ #สื่อกับอำนาจรัฐ #NBTถอดแขก #ดราม่าคำผกา #วงการสื่อไทย #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 0 Reviews
  • พปชร.ได้โควตา 4 รมต. ใครๆ ก็อยากมีพลัง : [THE MESSAGE]
    นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหารือโควตารัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐได้ 4 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่ง
    ส่วนที่มีชื่อตนเองนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นางสาวตรีนุช เทียนทอง นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คณะกรรมการบริหารพรรคได้ให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ตัดสินใจหาผู้ที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมยังเป็นสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ไม่อยากพูดถึง เนื่องจากเป็นกระทรวงความมั่นคง ขณะนี้บ้านเมืองต้องการศักยภาพสูงสุดเต็มที่ พรรครัฐบาลคงพิจารณา ใครๆ ก็อยากทำให้พรรคตัวเองมีพลัง ผู้สื่อข่าว ถามว่า เป็นพลัง 4 เดือน เพื่อจะไปต่ออีก 4 ปีข้างหน้าใช่หรือไม่ นายสันติ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    พปชร.ได้โควตา 4 รมต. ใครๆ ก็อยากมีพลัง : [THE MESSAGE] นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหารือโควตารัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐได้ 4 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่ง ส่วนที่มีชื่อตนเองนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นางสาวตรีนุช เทียนทอง นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คณะกรรมการบริหารพรรคได้ให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ตัดสินใจหาผู้ที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมยังเป็นสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ไม่อยากพูดถึง เนื่องจากเป็นกระทรวงความมั่นคง ขณะนี้บ้านเมืองต้องการศักยภาพสูงสุดเต็มที่ พรรครัฐบาลคงพิจารณา ใครๆ ก็อยากทำให้พรรคตัวเองมีพลัง ผู้สื่อข่าว ถามว่า เป็นพลัง 4 เดือน เพื่อจะไปต่ออีก 4 ปีข้างหน้าใช่หรือไม่ นายสันติ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 0 Reviews
  • เจรจาแต่ละครั้ง ทหารเสียขาทุกรอบ! ผลจะเป็นอย่างไร... (8/9/68)
    #เจรจาแต่ไทยเจ็บ #ทหารไทยเจ็บทุกครั้ง #ชายแดนเดือด #ข่าวด่วนชายแดน #ความสูญเสียที่รัฐเงียบ #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #CambodianDeception #news1 #thaitimes #shorts
    เจรจาแต่ละครั้ง ทหารเสียขาทุกรอบ! ผลจะเป็นอย่างไร... (8/9/68) #เจรจาแต่ไทยเจ็บ #ทหารไทยเจ็บทุกครั้ง #ชายแดนเดือด #ข่าวด่วนชายแดน #ความสูญเสียที่รัฐเงียบ #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #CambodianDeception #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 0 Reviews
  • ♣ พรุ่งนี้ 9 กันยา ขี้ข้าทักษิณประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย ก่อนเคลื่อนย้ายไปประชุมเพลิงให้นายใหญ่ คดีชั้น14 ปิดฉากพรรคเพื่อแม้วแบบเศร้าๆ
    #7ดอกจิก
    #คดีชั้น14
    ♣ พรุ่งนี้ 9 กันยา ขี้ข้าทักษิณประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย ก่อนเคลื่อนย้ายไปประชุมเพลิงให้นายใหญ่ คดีชั้น14 ปิดฉากพรรคเพื่อแม้วแบบเศร้าๆ #7ดอกจิก #คดีชั้น14
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • 4เดือนภูมิใจไทย ให้ผลงานพิสูจน์ จะรอดหรือร่วง (8/9/68)
    #4เดือนภูมิใจไทย #รัฐบาลอนุทิน #ผลงานหรือภาพลวง #ภูมิใจไทยไปไกลแค่ไหน #พรรคภูมิใจไทย #การเมืองไทย2568 #Thaitimes #News1short #truthfromthailand #shorts
    4เดือนภูมิใจไทย ให้ผลงานพิสูจน์ จะรอดหรือร่วง (8/9/68) #4เดือนภูมิใจไทย #รัฐบาลอนุทิน #ผลงานหรือภาพลวง #ภูมิใจไทยไปไกลแค่ไหน #พรรคภูมิใจไทย #การเมืองไทย2568 #Thaitimes #News1short #truthfromthailand #shorts
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 0 Reviews
  • ‘ภูมิธรรม’ โต้ ‘พริษฐ์’ เป็นฝ่ายไหนกันแน่ จะค้านหรืออุ้มรัฐบาล บอกถ้ามีอภิปราย ฮั้ว สว. จะยกมือไว้วางใจหรือไม่ (8/9/68)
    #ภูมิธรรมปะทะพริษฐ์ #ฝ่ายค้านหรือแนบแน่น #อภิปรายฮั้วสว #ฝ่ายค้านอุ้มรัฐบาล #พรรคก้าวไกล #เพื่อไทยvsก้าวไกล #การเมืองไทย2568 #Thaitimes #News1short #truthfromthailand #shorts
    ‘ภูมิธรรม’ โต้ ‘พริษฐ์’ เป็นฝ่ายไหนกันแน่ จะค้านหรืออุ้มรัฐบาล บอกถ้ามีอภิปราย ฮั้ว สว. จะยกมือไว้วางใจหรือไม่ (8/9/68) #ภูมิธรรมปะทะพริษฐ์ #ฝ่ายค้านหรือแนบแน่น #อภิปรายฮั้วสว #ฝ่ายค้านอุ้มรัฐบาล #พรรคก้าวไกล #เพื่อไทยvsก้าวไกล #การเมืองไทย2568 #Thaitimes #News1short #truthfromthailand #shorts
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 0 Reviews
  • เคาะแล้ว! ‘สันติ’ เผย พปชร. ได้โควตารัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง ลั่นให้ ‘ประวิตร’ ตัดสินใจส่งรายชื่อ
    https://www.thai-tai.tv/news/21366/
    .
    #ไทยไท #สันติพร้อมพัฒน์ #พรรคพลังประชารัฐ #อนุทินชาญวีรกูล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    เคาะแล้ว! ‘สันติ’ เผย พปชร. ได้โควตารัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง ลั่นให้ ‘ประวิตร’ ตัดสินใจส่งรายชื่อ https://www.thai-tai.tv/news/21366/ . #ไทยไท #สันติพร้อมพัฒน์ #พรรคพลังประชารัฐ #อนุทินชาญวีรกูล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • ‘สุชาติ-ธนกร’ ลาออก จาก สส.บัญชีรายชื่อ รทสช. เตรียมรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/21362/
    .
    #ไทยไท #ธนกรวังบุญคงชนะ #สุชาติชมกลิ่น #พรรครวมไทยสร้างชาติ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘สุชาติ-ธนกร’ ลาออก จาก สส.บัญชีรายชื่อ รทสช. เตรียมรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/21362/ . #ไทยไท #ธนกรวังบุญคงชนะ #สุชาติชมกลิ่น #พรรครวมไทยสร้างชาติ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ (08/09/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้น #รัฐบาลอนุทิน #นโยบายรัฐ
    เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ (08/09/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้น #รัฐบาลอนุทิน #นโยบายรัฐ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 0 Reviews
  • นายกอนุทิน จะอยู่ได้นานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ..? (8/9/68)
    #นายกอนุทิน #รัฐบาลใหม่ #การเมืองไทย2568 #สมดุลอำนาจ #เสถียรภาพรัฐบาล #อนุทินชาญวีรกูล #Thaitimes #News1short #truthfromthailand #shorts
    นายกอนุทิน จะอยู่ได้นานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ..? (8/9/68) #นายกอนุทิน #รัฐบาลใหม่ #การเมืองไทย2568 #สมดุลอำนาจ #เสถียรภาพรัฐบาล #อนุทินชาญวีรกูล #Thaitimes #News1short #truthfromthailand #shorts
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 0 Reviews
  • ตั้งเป้าแก้วิกฤติ 4 ด้าน ไม่ได้มาด้วยบุญคุณใคร : [NEWS UPDATE]
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นตั้งเป้าแก้ปัญหาวิกฤติ 4 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และภัยสังคม จะแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติภาพ แต่ไม่ยอมให้เสียดินแดนแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว จากนี้ไม่มีวันหยุด พักร้อน เจ็บป่วย บางครั้งถูกกลั่นแกล้งแต่ถือว่าผ่านมาแล้ว ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีการใส่ร้ายเหมือนที่มีมา การเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ไม่ได้มาด้วยบุญคุณของใครยกเว้นประชาชน ขอบคุณเสียงจากพรรคประชาชน ประกาศยุบสภาแน่ภายใน 4 เดือน



    รับสภาพฝ่ายค้าน

    ต้องเร่งแก้ปัญหาชายแดน

    โหวตเตอร์พลีชีพ เปิดปาก

    ปัญหาเศรษฐกิจรอไม่ได้
    ตั้งเป้าแก้วิกฤติ 4 ด้าน ไม่ได้มาด้วยบุญคุณใคร : [NEWS UPDATE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นตั้งเป้าแก้ปัญหาวิกฤติ 4 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และภัยสังคม จะแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติภาพ แต่ไม่ยอมให้เสียดินแดนแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว จากนี้ไม่มีวันหยุด พักร้อน เจ็บป่วย บางครั้งถูกกลั่นแกล้งแต่ถือว่าผ่านมาแล้ว ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีการใส่ร้ายเหมือนที่มีมา การเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ไม่ได้มาด้วยบุญคุณของใครยกเว้นประชาชน ขอบคุณเสียงจากพรรคประชาชน ประกาศยุบสภาแน่ภายใน 4 เดือน รับสภาพฝ่ายค้าน ต้องเร่งแก้ปัญหาชายแดน โหวตเตอร์พลีชีพ เปิดปาก ปัญหาเศรษฐกิจรอไม่ได้
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากภาพแจ้งเตือนปลอมถึงมัลแวร์จริง: เมื่อไฟล์ SVG กลายเป็นชุดฟิชชิ่งเต็มรูปแบบ

    รายงานล่าสุดจาก VirusTotal เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ได้ใช้ไฟล์ SVG (Scalable Vector Graphics) ซึ่งเป็นไฟล์ภาพแบบ XML ที่สามารถฝังโค้ด HTML และ JavaScript ได้ เพื่อสร้างเว็บปลอมที่เลียนแบบระบบศาลของรัฐบาลโคลอมเบีย โดยเมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ SVG ผ่านเบราว์เซอร์ จะเห็นหน้าเว็บที่ดูเหมือนเป็นระบบแจ้งเตือนทางกฎหมาย พร้อมแถบดาวน์โหลดและรหัสผ่าน

    เมื่อคลิกดาวน์โหลด ผู้ใช้จะได้รับไฟล์ ZIP ที่มีไฟล์ .exe ของเบราว์เซอร์ Comodo Dragon ซึ่งถูกเซ็นรับรองอย่างถูกต้อง และไฟล์ .dll ที่เป็นมัลแวร์ซ่อนอยู่ หากผู้ใช้เปิด .exe มัลแวร์จะถูก sideload โดยอัตโนมัติ และเริ่มติดตั้ง payload เพิ่มเติมในระบบ

    VirusTotal ตรวจพบว่าแคมเปญนี้มีไฟล์ SVG ที่เกี่ยวข้องถึง 523 ไฟล์ โดย 44 ไฟล์ไม่ถูกตรวจจับโดยแอนตี้ไวรัสใด ๆ เลยในช่วงเวลาที่ถูกอัปโหลด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหลบเลี่ยงการตรวจจับผ่านเทคนิคเช่น code obfuscation และการใส่โค้ดขยะเพื่อเพิ่ม entropy

    ก่อนหน้านี้ IBM X-Force และ Cloudflare ก็เคยพบการใช้ SVG ในการโจมตีฟิชชิ่ง โดยเฉพาะกับธนาคารและบริษัทประกันภัย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า SVG กำลังกลายเป็นช่องทางใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้ในการหลอกลวงและติดตั้งมัลแวร์

    Microsoft จึงประกาศยกเลิกการรองรับการแสดงผล SVG แบบ inline ใน Outlook for Web และ Outlook for Windows เพื่อปิดช่องทางการโจมตีนี้ โดยจะไม่แสดงผล SVG ที่ฝังอยู่ในอีเมลอีกต่อไป

    ลักษณะของแคมเปญ SVG ฟิชชิ่ง
    ใช้ SVG สร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบระบบศาลโคลอมเบีย
    มีแถบดาวน์โหลดและรหัสผ่านเพื่อหลอกให้ผู้ใช้เปิดไฟล์ ZIP
    ZIP มี .exe ที่เซ็นรับรองและ .dll ที่เป็นมัลแวร์ซ่อนอยู่

    เทคนิคที่ใช้ในการหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ใช้ JavaScript ฝังใน SVG เพื่อแสดง HTML และเรียกใช้ payload
    ใช้ code obfuscation และโค้ดขยะเพื่อเพิ่ม entropy
    44 ไฟล์ไม่ถูกตรวจจับโดยแอนตี้ไวรัสใด ๆ ในช่วงแรก

    การตอบสนองจากผู้ให้บริการและนักวิจัย
    VirusTotal ใช้ AI Code Insight ตรวจพบแคมเปญนี้
    IBM X-Force และ Cloudflare เคยพบการใช้ SVG ในการโจมตีฟิชชิ่ง
    Microsoft ยกเลิกการแสดงผล SVG inline ใน Outlook เพื่อป้องกัน

    https://www.tomshardware.com/software/security-software/hackers-hide-malware-in-svg-files
    🎙️ เรื่องเล่าจากภาพแจ้งเตือนปลอมถึงมัลแวร์จริง: เมื่อไฟล์ SVG กลายเป็นชุดฟิชชิ่งเต็มรูปแบบ รายงานล่าสุดจาก VirusTotal เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ได้ใช้ไฟล์ SVG (Scalable Vector Graphics) ซึ่งเป็นไฟล์ภาพแบบ XML ที่สามารถฝังโค้ด HTML และ JavaScript ได้ เพื่อสร้างเว็บปลอมที่เลียนแบบระบบศาลของรัฐบาลโคลอมเบีย โดยเมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ SVG ผ่านเบราว์เซอร์ จะเห็นหน้าเว็บที่ดูเหมือนเป็นระบบแจ้งเตือนทางกฎหมาย พร้อมแถบดาวน์โหลดและรหัสผ่าน เมื่อคลิกดาวน์โหลด ผู้ใช้จะได้รับไฟล์ ZIP ที่มีไฟล์ .exe ของเบราว์เซอร์ Comodo Dragon ซึ่งถูกเซ็นรับรองอย่างถูกต้อง และไฟล์ .dll ที่เป็นมัลแวร์ซ่อนอยู่ หากผู้ใช้เปิด .exe มัลแวร์จะถูก sideload โดยอัตโนมัติ และเริ่มติดตั้ง payload เพิ่มเติมในระบบ VirusTotal ตรวจพบว่าแคมเปญนี้มีไฟล์ SVG ที่เกี่ยวข้องถึง 523 ไฟล์ โดย 44 ไฟล์ไม่ถูกตรวจจับโดยแอนตี้ไวรัสใด ๆ เลยในช่วงเวลาที่ถูกอัปโหลด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหลบเลี่ยงการตรวจจับผ่านเทคนิคเช่น code obfuscation และการใส่โค้ดขยะเพื่อเพิ่ม entropy ก่อนหน้านี้ IBM X-Force และ Cloudflare ก็เคยพบการใช้ SVG ในการโจมตีฟิชชิ่ง โดยเฉพาะกับธนาคารและบริษัทประกันภัย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า SVG กำลังกลายเป็นช่องทางใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้ในการหลอกลวงและติดตั้งมัลแวร์ Microsoft จึงประกาศยกเลิกการรองรับการแสดงผล SVG แบบ inline ใน Outlook for Web และ Outlook for Windows เพื่อปิดช่องทางการโจมตีนี้ โดยจะไม่แสดงผล SVG ที่ฝังอยู่ในอีเมลอีกต่อไป ✅ ลักษณะของแคมเปญ SVG ฟิชชิ่ง ➡️ ใช้ SVG สร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบระบบศาลโคลอมเบีย ➡️ มีแถบดาวน์โหลดและรหัสผ่านเพื่อหลอกให้ผู้ใช้เปิดไฟล์ ZIP ➡️ ZIP มี .exe ที่เซ็นรับรองและ .dll ที่เป็นมัลแวร์ซ่อนอยู่ ✅ เทคนิคที่ใช้ในการหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ใช้ JavaScript ฝังใน SVG เพื่อแสดง HTML และเรียกใช้ payload ➡️ ใช้ code obfuscation และโค้ดขยะเพื่อเพิ่ม entropy ➡️ 44 ไฟล์ไม่ถูกตรวจจับโดยแอนตี้ไวรัสใด ๆ ในช่วงแรก ✅ การตอบสนองจากผู้ให้บริการและนักวิจัย ➡️ VirusTotal ใช้ AI Code Insight ตรวจพบแคมเปญนี้ ➡️ IBM X-Force และ Cloudflare เคยพบการใช้ SVG ในการโจมตีฟิชชิ่ง ➡️ Microsoft ยกเลิกการแสดงผล SVG inline ใน Outlook เพื่อป้องกัน https://www.tomshardware.com/software/security-software/hackers-hide-malware-in-svg-files
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Malware found hidden in image files, can dodge antivirus detection entirely — VirusTotal discovers undetected SVG phishing campaign
    A new report links over 500 weaponized SVGs to a phishing campaign that spoofed a Colombian government portal.
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก SEA-ME-WE ถึง Azure: เมื่อสายเคเบิลใต้ทะเลกลายเป็นจุดอ่อนของอินเทอร์เน็ตโลก

    เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2025 Microsoft ต้องรีบเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลของ Azure หลังจากสายเคเบิลใต้น้ำสองเส้นหลัก—SEA-ME-WE 4 และ IMEWE—ถูกตัดขาดในทะเลแดงใกล้เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียใต้และอ่าวเปอร์เซียพบกับความล่าช้าและประสิทธิภาพที่ลดลงทันที

    แม้ Microsoft จะสามารถ reroute ทราฟฟิกผ่านเส้นทางสำรองได้ แต่ก็เตือนว่าการใช้งานจะมี latency สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสำหรับ workload ที่ต้องเชื่อมต่อระหว่างยุโรปกับเอเชีย เช่น การดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่, การเล่นเกมออนไลน์แบบมัลติเพลเยอร์ หรือการใช้งานคลาวด์ระดับ hyperscale อย่าง Google และ Meta

    NetBlocks ซึ่งเป็นองค์กรติดตามสถานะอินเทอร์เน็ต รายงานว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของอินเทอร์เน็ตในปากีสถาน อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง

    ที่น่ากังวลคือ การซ่อมแซมสายเคเบิลใต้น้ำไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เรือเฉพาะทางที่มีจำนวนจำกัด และต้องระบุตำแหน่งที่เสียอย่างแม่นยำในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างทะเลแดง ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้วในปี 2024 และ 2025 โดยมีข้อสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีจากกลุ่ม Houthi ในเยเมน แม้เหตุการณ์ล่าสุดจะเกิดขึ้นทางเหนือของพื้นที่ที่กลุ่มนี้เคลื่อนไหว

    เหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง
    เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2025 บริเวณใกล้เมืองเจดดาห์
    สายเคเบิลที่ได้รับผลกระทบคือ SEA-ME-WE 4 และ IMEWE
    ส่งผลให้ Microsoft ต้อง reroute ทราฟฟิกของ Azure

    ผลกระทบต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ต
    ผู้ใช้งานในเอเชียใต้และอ่าวเปอร์เซียพบ latency สูงขึ้น
    บริการคลาวด์ระดับ hyperscale เช่น Google และ Meta ได้รับผลกระทบ
    การใช้งานที่ต้องเชื่อมต่อระหว่างยุโรปกับเอเชียได้รับผลกระทบโดยตรง

    การรายงานจาก NetBlocks และผู้ให้บริการท้องถิ่น
    อินเทอร์เน็ตชะลอตัวในปากีสถาน อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และ UAE
    ผู้ให้บริการเช่น Etisalat และ Du ยืนยันว่ามีการหยุดชะงัก
    Microsoft เตือนว่าผลกระทบอาจต่อเนื่องถึงวันที่ 7 กันยายน

    ความยากในการซ่อมแซม
    ต้องใช้เรือเฉพาะทางและการระบุตำแหน่งที่แม่นยำ
    พื้นที่ทะเลแดงมีความอ่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์
    การซ่อมแซมอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/red-sea-cable-cut-takes-azure-routes-down
    🎙️ เรื่องเล่าจาก SEA-ME-WE ถึง Azure: เมื่อสายเคเบิลใต้ทะเลกลายเป็นจุดอ่อนของอินเทอร์เน็ตโลก เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2025 Microsoft ต้องรีบเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลของ Azure หลังจากสายเคเบิลใต้น้ำสองเส้นหลัก—SEA-ME-WE 4 และ IMEWE—ถูกตัดขาดในทะเลแดงใกล้เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียใต้และอ่าวเปอร์เซียพบกับความล่าช้าและประสิทธิภาพที่ลดลงทันที แม้ Microsoft จะสามารถ reroute ทราฟฟิกผ่านเส้นทางสำรองได้ แต่ก็เตือนว่าการใช้งานจะมี latency สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสำหรับ workload ที่ต้องเชื่อมต่อระหว่างยุโรปกับเอเชีย เช่น การดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่, การเล่นเกมออนไลน์แบบมัลติเพลเยอร์ หรือการใช้งานคลาวด์ระดับ hyperscale อย่าง Google และ Meta NetBlocks ซึ่งเป็นองค์กรติดตามสถานะอินเทอร์เน็ต รายงานว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของอินเทอร์เน็ตในปากีสถาน อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง ที่น่ากังวลคือ การซ่อมแซมสายเคเบิลใต้น้ำไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เรือเฉพาะทางที่มีจำนวนจำกัด และต้องระบุตำแหน่งที่เสียอย่างแม่นยำในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างทะเลแดง ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้วในปี 2024 และ 2025 โดยมีข้อสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีจากกลุ่ม Houthi ในเยเมน แม้เหตุการณ์ล่าสุดจะเกิดขึ้นทางเหนือของพื้นที่ที่กลุ่มนี้เคลื่อนไหว ✅ เหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง ➡️ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2025 บริเวณใกล้เมืองเจดดาห์ ➡️ สายเคเบิลที่ได้รับผลกระทบคือ SEA-ME-WE 4 และ IMEWE ➡️ ส่งผลให้ Microsoft ต้อง reroute ทราฟฟิกของ Azure ✅ ผลกระทบต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ต ➡️ ผู้ใช้งานในเอเชียใต้และอ่าวเปอร์เซียพบ latency สูงขึ้น ➡️ บริการคลาวด์ระดับ hyperscale เช่น Google และ Meta ได้รับผลกระทบ ➡️ การใช้งานที่ต้องเชื่อมต่อระหว่างยุโรปกับเอเชียได้รับผลกระทบโดยตรง ✅ การรายงานจาก NetBlocks และผู้ให้บริการท้องถิ่น ➡️ อินเทอร์เน็ตชะลอตัวในปากีสถาน อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และ UAE ➡️ ผู้ให้บริการเช่น Etisalat และ Du ยืนยันว่ามีการหยุดชะงัก ➡️ Microsoft เตือนว่าผลกระทบอาจต่อเนื่องถึงวันที่ 7 กันยายน ✅ ความยากในการซ่อมแซม ➡️ ต้องใช้เรือเฉพาะทางและการระบุตำแหน่งที่แม่นยำ ➡️ พื้นที่ทะเลแดงมีความอ่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์ ➡️ การซ่อมแซมอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/red-sea-cable-cut-takes-azure-routes-down
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก H100 ถึง GAIN AI Act: เมื่อชิปกลายเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ที่ต้องจัดลำดับความสำคัญ

    ในปี 2025 สหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ชื่อว่า GAIN AI Act (Guaranteeing Access and Innovation for National Artificial Intelligence) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการส่งออกชิป AI ระดับสูง เช่น Nvidia H100, H200, B300 และ AMD Instinct MI308 โดยเฉพาะไปยังประเทศที่ถูกจัดว่าเป็น “D:5” หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคง เช่นจีน

    ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้ผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia และ AMD ต้องให้ “สิทธิ์ซื้อก่อน” กับลูกค้าในสหรัฐฯ ก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ แม้แต่ประเทศพันธมิตรอย่างยุโรปหรือสหราชอาณาจักร โดยต้องพิสูจน์ว่าไม่มีคำสั่งซื้อค้างในประเทศ, ไม่มีการเสนอราคาที่ดีกว่าให้กับลูกค้าต่างชาติ และไม่มีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอเมริกัน

    Nvidia ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า “เราไม่เคยละเลยลูกค้าในสหรัฐฯ เพื่อไปบริการลูกค้าต่างประเทศ” และมองว่าร่างกฎหมายนี้พยายามแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมเตือนว่าการจำกัดการส่งออกจะกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในอุตสาหกรรมที่ใช้ชิปทั่วไป ไม่ใช่แค่ AI

    ข้อมูลจาก Nvidia ระบุว่าในปีงบประมาณ 2024 ยอดขายในสหรัฐฯ คิดเป็น 49.9% ของทั้งหมด ขณะที่จีนอยู่ที่ 28% และสิงคโปร์ 18% ซึ่งสะท้อนว่าสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดหลักของบริษัท

    ร่างกฎหมายยังระบุเกณฑ์ทางเทคนิคที่ชัดเจน เช่น GPU ที่มี TPP (Total Processing Performance) เกิน 2,400 หรือ bandwidth เกิน 1.4 TB/s จะถูกควบคุมการส่งออก และหาก TPP เกิน 4,800 จะถูกห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด ซึ่งครอบคลุมถึง H100 (TPP 16,000), B300 (TPP 60,000) และ MI308

    รายละเอียดของ GAIN AI Act
    เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 2026
    กำหนดให้ผู้ผลิตชิปต้องให้สิทธิ์ซื้อก่อนกับลูกค้าในสหรัฐฯ
    ครอบคลุมทั้งประเทศคู่แข่งและพันธมิตร เช่นจีนและยุโรป

    ข้อกำหนดสำหรับการส่งออก
    ต้องไม่มีคำสั่งซื้อค้างในประเทศ
    ห้ามเสนอราคาดีกว่าให้ลูกค้าต่างชาติ
    ห้ามส่งออกหากกระทบต่อการแข่งขันของบริษัทในสหรัฐฯ

    ชิปที่อยู่ภายใต้การควบคุม
    Nvidia H100, H200, B300 และ HGX H20
    AMD Instinct MI308
    ชิปที่มี TPP เกิน 4,800 จะถูกห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด

    จุดยืนของ Nvidia
    ยืนยันว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักของบริษัท
    มองว่าร่างกฎหมายนี้แก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง
    เตือนว่าการควบคุมจะกระทบต่อการแข่งขันระดับโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-says-we-never-deprive-american-customers-in-order-to-serve-the-rest-of-the-world-company-says-gain-ai-act-addresses-a-problem-that-doesnt-exist
    🎙️ เรื่องเล่าจาก H100 ถึง GAIN AI Act: เมื่อชิปกลายเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ที่ต้องจัดลำดับความสำคัญ ในปี 2025 สหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ชื่อว่า GAIN AI Act (Guaranteeing Access and Innovation for National Artificial Intelligence) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการส่งออกชิป AI ระดับสูง เช่น Nvidia H100, H200, B300 และ AMD Instinct MI308 โดยเฉพาะไปยังประเทศที่ถูกจัดว่าเป็น “D:5” หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคง เช่นจีน ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้ผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia และ AMD ต้องให้ “สิทธิ์ซื้อก่อน” กับลูกค้าในสหรัฐฯ ก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ แม้แต่ประเทศพันธมิตรอย่างยุโรปหรือสหราชอาณาจักร โดยต้องพิสูจน์ว่าไม่มีคำสั่งซื้อค้างในประเทศ, ไม่มีการเสนอราคาที่ดีกว่าให้กับลูกค้าต่างชาติ และไม่มีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอเมริกัน Nvidia ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า “เราไม่เคยละเลยลูกค้าในสหรัฐฯ เพื่อไปบริการลูกค้าต่างประเทศ” และมองว่าร่างกฎหมายนี้พยายามแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมเตือนว่าการจำกัดการส่งออกจะกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในอุตสาหกรรมที่ใช้ชิปทั่วไป ไม่ใช่แค่ AI ข้อมูลจาก Nvidia ระบุว่าในปีงบประมาณ 2024 ยอดขายในสหรัฐฯ คิดเป็น 49.9% ของทั้งหมด ขณะที่จีนอยู่ที่ 28% และสิงคโปร์ 18% ซึ่งสะท้อนว่าสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดหลักของบริษัท ร่างกฎหมายยังระบุเกณฑ์ทางเทคนิคที่ชัดเจน เช่น GPU ที่มี TPP (Total Processing Performance) เกิน 2,400 หรือ bandwidth เกิน 1.4 TB/s จะถูกควบคุมการส่งออก และหาก TPP เกิน 4,800 จะถูกห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด ซึ่งครอบคลุมถึง H100 (TPP 16,000), B300 (TPP 60,000) และ MI308 ✅ รายละเอียดของ GAIN AI Act ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 2026 ➡️ กำหนดให้ผู้ผลิตชิปต้องให้สิทธิ์ซื้อก่อนกับลูกค้าในสหรัฐฯ ➡️ ครอบคลุมทั้งประเทศคู่แข่งและพันธมิตร เช่นจีนและยุโรป ✅ ข้อกำหนดสำหรับการส่งออก ➡️ ต้องไม่มีคำสั่งซื้อค้างในประเทศ ➡️ ห้ามเสนอราคาดีกว่าให้ลูกค้าต่างชาติ ➡️ ห้ามส่งออกหากกระทบต่อการแข่งขันของบริษัทในสหรัฐฯ ✅ ชิปที่อยู่ภายใต้การควบคุม ➡️ Nvidia H100, H200, B300 และ HGX H20 ➡️ AMD Instinct MI308 ➡️ ชิปที่มี TPP เกิน 4,800 จะถูกห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด ✅ จุดยืนของ Nvidia ➡️ ยืนยันว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักของบริษัท ➡️ มองว่าร่างกฎหมายนี้แก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง ➡️ เตือนว่าการควบคุมจะกระทบต่อการแข่งขันระดับโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-says-we-never-deprive-american-customers-in-order-to-serve-the-rest-of-the-world-company-says-gain-ai-act-addresses-a-problem-that-doesnt-exist
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 8-9-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็นโกยซีหมี่ไก่เส้นกรอบ โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้ถกเถียงกันในหลายประเด็น หนึ่งคือ กรณีที่คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกำหนดจะต้องนัดฟังคำสั่งศาลกรณีชั้น 14 ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) ซึ่งหลายคนสงสัยว่าคุณทักษิณจะกลับมาประเทศไทยไหม? ถ้ากลับจะเป็นอย่างไร และถ้าไม่กลับจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง? นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของนายกฯ คนใหม่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กับรัฐบาลใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาเรื่องชายแดน และการยกเลิก MOU43-44
    .
    คุณสนธิคิดและมองอย่างไรกับการเมืองไทย ณ เวลานี้ ต้องติดตาม !
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=9tFRd3ycq28
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ทักษิณ #ชั้น14 #ทักษิณ #รัฐบาล #นายกหนู #อนุทินชาญวีรกูล #คณะรัฐมนตรี #รัฐบาลอนุทิน
    สนธิเล่าเรื่อง 8-9-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็นโกยซีหมี่ไก่เส้นกรอบ โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้ถกเถียงกันในหลายประเด็น หนึ่งคือ กรณีที่คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกำหนดจะต้องนัดฟังคำสั่งศาลกรณีชั้น 14 ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) ซึ่งหลายคนสงสัยว่าคุณทักษิณจะกลับมาประเทศไทยไหม? ถ้ากลับจะเป็นอย่างไร และถ้าไม่กลับจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง? นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของนายกฯ คนใหม่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กับรัฐบาลใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาเรื่องชายแดน และการยกเลิก MOU43-44 . คุณสนธิคิดและมองอย่างไรกับการเมืองไทย ณ เวลานี้ ต้องติดตาม ! . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=9tFRd3ycq28 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ทักษิณ #ชั้น14 #ทักษิณ #รัฐบาล #นายกหนู #อนุทินชาญวีรกูล #คณะรัฐมนตรี #รัฐบาลอนุทิน
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก rootkit ถึง OCR: เมื่อการขโมยรหัสผ่านกลายเป็นการปลอมตัวระดับรัฐ

    การรั่วไหลของข้อมูลที่เรียกว่า “Kim dump” เปิดเผยการทำงานภายในของกลุ่ม Kimsuky ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ โดยมีเป้าหมายหลักคือการขโมยข้อมูลรับรอง (credentials) จากระบบของรัฐบาลเกาหลีใต้และไต้หวัน

    ในข้อมูลที่รั่วออกมา มีทั้งประวัติการใช้คำสั่งในเทอร์มินัล, rootkit สำหรับ Linux, โดเมนฟิชชิ่งที่เลียนแบบเว็บไซต์ราชการ, และไฟล์ .key ที่ใช้ในระบบ GPKI (Government Public Key Infrastructure) ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ยืนยันตัวตนของเจ้าหน้าที่รัฐ

    แฮกเกอร์ใช้ OCR (Optical Character Recognition) เพื่อแปลงเอกสาร PDF ภาษาเกาหลีที่เกี่ยวข้องกับระบบ PKI และ VPN ให้กลายเป็นข้อมูลที่นำไปใช้สร้างเครื่องมือปลอมตัวได้ เช่น การปลอมลายเซ็นดิจิทัล หรือการสร้างระบบยืนยันตัวตนปลอม

    นอกจากนี้ยังพบการใช้ rootkit ที่สามารถซ่อนตัวในระดับ kernel ของ Linux โดยใช้เทคนิค syscall hooking และการสร้าง reverse shell ที่มีการเข้ารหัส ซึ่งทำให้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายได้โดยไม่ถูกตรวจจับ

    ในฝั่งไต้หวัน แฮกเกอร์พยายามเข้าถึงระบบของสถาบันวิจัยและผู้ให้บริการคลาวด์ โดยเจาะเข้าไปในโฟลเดอร์ .git เพื่อค้นหาคีย์ API และข้อมูลการ deploy ที่อาจหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ

    สิ่งที่น่าจับตามองคือการใช้โครงสร้างพื้นฐานของจีน เช่น Gitee, Baidu และ Zhihu รวมถึงการตั้งค่าเครื่องในเขตเวลา UTC+9 (เวลาเปียงยาง) ซึ่งบ่งชี้ว่าแฮกเกอร์อาจเป็นคนเกาหลีเหนือที่ทำงานจากในจีน หรือได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานของจีน

    เป้าหมายหลักของ Kimsuky
    ขโมย credentials และไฟล์ .key จากระบบ GPKI ของเกาหลีใต้
    ใช้ OCR เพื่อวิเคราะห์เอกสารเทคนิคของระบบ PKI และ VPN
    เจาะระบบของไต้หวันผ่านโฟลเดอร์ .git และระบบคลาวด์

    เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้
    ใช้ NASM ในการเขียน shellcode สำหรับ Windows
    ใช้ rootkit แบบ vmmisc.ko ที่ซ่อนตัวในระดับ kernel
    ใช้ phishing domain เช่น nid-security[.]com และ spoofed portals เช่น spo.go.kr

    โครงสร้างพื้นฐานและพฤติกรรม
    ใช้เครื่องมือจาก GitHub และ Gitee เช่น TitanLdr, Blacklotus
    ตั้งค่าเครื่องในเขตเวลา UTC+9 และใช้ภาษาเกาหลีในคำสั่ง
    ใช้ภาพและเนื้อหาจากแพลตฟอร์มจีนเพื่อกลมกลืนกับผู้ใช้ใน PRC

    การเจาะระบบของไต้หวัน
    เข้าถึงโดเมนเช่น caa.org[.]tw/.git และ tw.systexcloud[.]com
    ใช้ IP ที่เชื่อมโยงกับสถาบันวิจัยและรัฐบาล เช่น 163.29.3[.]119
    พฤติกรรมบ่งชี้การเตรียมการเจาะระบบ supply chain

    https://dti.domaintools.com/inside-the-kimsuky-leak-how-the-kim-dump-exposed-north-koreas-credential-theft-playbook/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก rootkit ถึง OCR: เมื่อการขโมยรหัสผ่านกลายเป็นการปลอมตัวระดับรัฐ การรั่วไหลของข้อมูลที่เรียกว่า “Kim dump” เปิดเผยการทำงานภายในของกลุ่ม Kimsuky ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ โดยมีเป้าหมายหลักคือการขโมยข้อมูลรับรอง (credentials) จากระบบของรัฐบาลเกาหลีใต้และไต้หวัน ในข้อมูลที่รั่วออกมา มีทั้งประวัติการใช้คำสั่งในเทอร์มินัล, rootkit สำหรับ Linux, โดเมนฟิชชิ่งที่เลียนแบบเว็บไซต์ราชการ, และไฟล์ .key ที่ใช้ในระบบ GPKI (Government Public Key Infrastructure) ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ยืนยันตัวตนของเจ้าหน้าที่รัฐ แฮกเกอร์ใช้ OCR (Optical Character Recognition) เพื่อแปลงเอกสาร PDF ภาษาเกาหลีที่เกี่ยวข้องกับระบบ PKI และ VPN ให้กลายเป็นข้อมูลที่นำไปใช้สร้างเครื่องมือปลอมตัวได้ เช่น การปลอมลายเซ็นดิจิทัล หรือการสร้างระบบยืนยันตัวตนปลอม นอกจากนี้ยังพบการใช้ rootkit ที่สามารถซ่อนตัวในระดับ kernel ของ Linux โดยใช้เทคนิค syscall hooking และการสร้าง reverse shell ที่มีการเข้ารหัส ซึ่งทำให้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายได้โดยไม่ถูกตรวจจับ ในฝั่งไต้หวัน แฮกเกอร์พยายามเข้าถึงระบบของสถาบันวิจัยและผู้ให้บริการคลาวด์ โดยเจาะเข้าไปในโฟลเดอร์ .git เพื่อค้นหาคีย์ API และข้อมูลการ deploy ที่อาจหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ สิ่งที่น่าจับตามองคือการใช้โครงสร้างพื้นฐานของจีน เช่น Gitee, Baidu และ Zhihu รวมถึงการตั้งค่าเครื่องในเขตเวลา UTC+9 (เวลาเปียงยาง) ซึ่งบ่งชี้ว่าแฮกเกอร์อาจเป็นคนเกาหลีเหนือที่ทำงานจากในจีน หรือได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานของจีน ✅ เป้าหมายหลักของ Kimsuky ➡️ ขโมย credentials และไฟล์ .key จากระบบ GPKI ของเกาหลีใต้ ➡️ ใช้ OCR เพื่อวิเคราะห์เอกสารเทคนิคของระบบ PKI และ VPN ➡️ เจาะระบบของไต้หวันผ่านโฟลเดอร์ .git และระบบคลาวด์ ✅ เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้ ➡️ ใช้ NASM ในการเขียน shellcode สำหรับ Windows ➡️ ใช้ rootkit แบบ vmmisc.ko ที่ซ่อนตัวในระดับ kernel ➡️ ใช้ phishing domain เช่น nid-security[.]com และ spoofed portals เช่น spo.go.kr ✅ โครงสร้างพื้นฐานและพฤติกรรม ➡️ ใช้เครื่องมือจาก GitHub และ Gitee เช่น TitanLdr, Blacklotus ➡️ ตั้งค่าเครื่องในเขตเวลา UTC+9 และใช้ภาษาเกาหลีในคำสั่ง ➡️ ใช้ภาพและเนื้อหาจากแพลตฟอร์มจีนเพื่อกลมกลืนกับผู้ใช้ใน PRC ✅ การเจาะระบบของไต้หวัน ➡️ เข้าถึงโดเมนเช่น caa.org[.]tw/.git และ tw.systexcloud[.]com ➡️ ใช้ IP ที่เชื่อมโยงกับสถาบันวิจัยและรัฐบาล เช่น 163.29.3[.]119 ➡️ พฤติกรรมบ่งชี้การเตรียมการเจาะระบบ supply chain https://dti.domaintools.com/inside-the-kimsuky-leak-how-the-kim-dump-exposed-north-koreas-credential-theft-playbook/
    DTI.DOMAINTOOLS.COM
    Inside the Kimsuky Leak: How the “Kim” Dump Exposed North Korea’s Credential Theft Playbook - DomainTools Investigations | DTI
    A rare and revealing breach attributed to a North Korean-affiliated actor, known only as “Kim” as named by the hackers who dumped the data, has delivered a new insight into Kimsuky (APT43) tactics, techniques, and infrastructure. This actor's operational profile showcases credential-focused intrusions targeting South Korean and Taiwanese networks, with a blending of Chinese-language tooling, infrastructure, and possible logistical support. The “Kim” dump, which includes bash histories, phishing domains, OCR workflows, compiled stagers, and rootkit evidence, reflects a hybrid operation situated between DPRK attribution and Chinese resource utilization.
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากฝุ่นถึงฟันเฟืองสมอง: เมื่ออากาศสกปรกกลายเป็นตัวเร่งโรคที่เราไม่เคยคาดคิด

    งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 56.5 ล้านคนในสหรัฐฯ และพบว่าการสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในระยะยาวมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดภาวะสมองเสื่อมแบบ Lewy body และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพันธุกรรมที่โน้มเอียงต่อโรคเหล่านี้

    PM2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย และในงานวิจัยนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าในหนูทดลองที่ได้รับ PM2.5 ผ่านทางจมูกเป็นเวลา 10 เดือน มีการสะสมของโปรตีน α-synuclein (αSyn) ในสมอง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรค Lewy body dementia

    ที่น่าตกใจคือ หนูที่ได้รับ PM2.5 มีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อมในการทดสอบเขาวงกต และการจำวัตถุใหม่ไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเนื้อสมองบริเวณ medial temporal lobe ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างและเรียกคืนความทรงจำ มีการหดตัวอย่างชัดเจน

    ทีมวิจัยยังพบว่า αSyn ไม่ได้สะสมแค่ในสมอง แต่ยังพบในลำไส้และปอดของหนูที่ได้รับ PM2.5 ซึ่งชี้ว่าอาจมีการแพร่กระจายของโปรตีนผ่าน “gut–brain axis” หรือเส้นทางลำไส้สู่สมอง ซึ่งเป็นกลไกที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์และ Lewy body dementia

    เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ไม่มีโปรตีน αSyn พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองเลย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนนี้เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจากฝุ่น PM2.5

    ความเชื่อมโยงระหว่าง PM2.5 กับภาวะสมองเสื่อม
    การสัมผัส PM2.5 ระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงต่อ Lewy body dementia และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อม
    ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 12% สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ผู้ที่มีพันธุกรรมโน้มเอียงจะได้รับผลกระทบชัดเจนมากกว่า

    กลไกของโรคที่พบในหนูทดลอง
    พบการสะสมของโปรตีน αSyn ในสมอง ลำไส้ และปอด
    หนูมีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อม
    สมองบริเวณ medial temporal lobe หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ

    การเปรียบเทียบกับหนูที่ไม่มีโปรตีน αSyn
    ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองหรือพฤติกรรม
    ยืนยันว่า αSyn เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจาก PM2.5

    การเปลี่ยนแปลงระดับยีนในสมอง
    พบการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของยีนใน anterior cingulate cortex
    การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับที่พบในผู้ป่วย Lewy body dementia
    ไม่พบความคล้ายกันในผู้ป่วยพาร์กินสันที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อม

    https://www.nature.com/articles/d41586-025-02844-9
    🎙️ เรื่องเล่าจากฝุ่นถึงฟันเฟืองสมอง: เมื่ออากาศสกปรกกลายเป็นตัวเร่งโรคที่เราไม่เคยคาดคิด งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 56.5 ล้านคนในสหรัฐฯ และพบว่าการสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในระยะยาวมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดภาวะสมองเสื่อมแบบ Lewy body และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพันธุกรรมที่โน้มเอียงต่อโรคเหล่านี้ PM2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย และในงานวิจัยนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าในหนูทดลองที่ได้รับ PM2.5 ผ่านทางจมูกเป็นเวลา 10 เดือน มีการสะสมของโปรตีน α-synuclein (αSyn) ในสมอง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรค Lewy body dementia ที่น่าตกใจคือ หนูที่ได้รับ PM2.5 มีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อมในการทดสอบเขาวงกต และการจำวัตถุใหม่ไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเนื้อสมองบริเวณ medial temporal lobe ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างและเรียกคืนความทรงจำ มีการหดตัวอย่างชัดเจน ทีมวิจัยยังพบว่า αSyn ไม่ได้สะสมแค่ในสมอง แต่ยังพบในลำไส้และปอดของหนูที่ได้รับ PM2.5 ซึ่งชี้ว่าอาจมีการแพร่กระจายของโปรตีนผ่าน “gut–brain axis” หรือเส้นทางลำไส้สู่สมอง ซึ่งเป็นกลไกที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์และ Lewy body dementia เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ไม่มีโปรตีน αSyn พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองเลย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนนี้เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจากฝุ่น PM2.5 ✅ ความเชื่อมโยงระหว่าง PM2.5 กับภาวะสมองเสื่อม ➡️ การสัมผัส PM2.5 ระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงต่อ Lewy body dementia และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อม ➡️ ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 12% สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ➡️ ผู้ที่มีพันธุกรรมโน้มเอียงจะได้รับผลกระทบชัดเจนมากกว่า ✅ กลไกของโรคที่พบในหนูทดลอง ➡️ พบการสะสมของโปรตีน αSyn ในสมอง ลำไส้ และปอด ➡️ หนูมีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อม ➡️ สมองบริเวณ medial temporal lobe หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การเปรียบเทียบกับหนูที่ไม่มีโปรตีน αSyn ➡️ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองหรือพฤติกรรม ➡️ ยืนยันว่า αSyn เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจาก PM2.5 ✅ การเปลี่ยนแปลงระดับยีนในสมอง ➡️ พบการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของยีนใน anterior cingulate cortex ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับที่พบในผู้ป่วย Lewy body dementia ➡️ ไม่พบความคล้ายกันในผู้ป่วยพาร์กินสันที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อม https://www.nature.com/articles/d41586-025-02844-9
    WWW.NATURE.COM
    Air pollution directly linked to increased dementia risk
    Long-term exposure accelerates the development of Lewy body dementia and Parkinson’s disease with dementia in people who are predisposed to the conditions.
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • รัสเซียถล่มโจมตีทางอากาศเล่นงานยูเครนทั่วประเทศครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในช่วงคืนวันเสาร์ (6 ก.ย.) ต่อเนื่องถึงก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ (7) โดยที่เคียฟระบุว่าทำให้เกิดไฟไหม้หลังคาอาคารหลักของรัฐบาลในเมืองหลวง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สิ่งปลูกสร้างนี้ตกเป็นเป้าหมายการถล่มของแดนหมีขาว อย่างไรก็ดี มอสโกออกมาปฏิเสธ โดยอ้างว่า จำกัดการโจมตีให้อยู่เฉพาะพวกเป้าหมายทางทหารและอุตสาหกรรมทางทหาร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000085716

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รัสเซียถล่มโจมตีทางอากาศเล่นงานยูเครนทั่วประเทศครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในช่วงคืนวันเสาร์ (6 ก.ย.) ต่อเนื่องถึงก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ (7) โดยที่เคียฟระบุว่าทำให้เกิดไฟไหม้หลังคาอาคารหลักของรัฐบาลในเมืองหลวง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สิ่งปลูกสร้างนี้ตกเป็นเป้าหมายการถล่มของแดนหมีขาว อย่างไรก็ดี มอสโกออกมาปฏิเสธ โดยอ้างว่า จำกัดการโจมตีให้อยู่เฉพาะพวกเป้าหมายทางทหารและอุตสาหกรรมทางทหาร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000085716 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    Wow
    5
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • ผู้ร่วมก่อตั้ง Gojek ถูกกล่าวหาทุจริต Chromebook

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.ย.) สำนักงานอัยการสูงสุดของอินโดนีเซีย (AGO RI) ควบคุมตัวนายนาดีม มาคาริม (Nadiem Makarim) อดีต รมว.ศึกษาธิการ วัฒนธรรม การวิจัย และเทคโนโลยีของอินโดนีเซีย ไปกักขังเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมเป็นเวลา 20 วัน หลังจากตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย คดีทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปสำหรับโรงเรียน เชื่อมโยงกับ Chromebook ของ Google มูลค่า 9.3 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 18,161 ล้านบาท

    โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2563-2565 สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโจโค วิโดโด มีการแจกจ่าย Chromebook จำนวน 1.2 ล้านเครื่องให้กับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ตามนโยบายเปลี่ยนผ่านการศึกษาสู่ระบบดิจิทัล แต่อัยการชี้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับโครงการนี้ เนื่องจาก Chromebook จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร แต่กลับไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่เป้าหมายหลายแห่ง ซึ่งมีไฟฟ้าจำกัดและการเชื่อมต่อที่ย่ำแย่ ส่งผลให้รัฐบาลอินโดนีเซียเสียหายกว่า 1.98 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 3,866 ล้านบาท

    จากการเปิดเผยของนายนูร์คาห์โย จุงกุง มาดโย (Nurcahyo Jungkung Madyo) ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนการทุจริตของสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายนาดีม ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ มีการประชุมแบบปิดผ่าน Zoom เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2563 สั่งการให้คนใกล้ชิดนำระบบปฏิบัติการ Chrome ของ Google มาใช้ในการจัดซื้อแล็ปท็อปของกระทรวงศึกษาธิการฯ ทั่วประเทศ อีกทั้งในเดือน ก.พ.2564 นายนาดีมได้ออกกฎกระทรวง กำหนดให้ใช้ระบบปฎิบัติการ ChromeOS และฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงกับบริการด้านการศึกษาของ Google กลายเป็นการล็อกสเปก ทำให้เกิดการแข่งขันไม่เป็นธรรม

    ด้านนายนาดีมตะโกนบอกผู้สื่อข่าวระหว่างถูกควบคุมตัวว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ขอพระเจ้าคุ้มครองผม ความจริงจะปรากฏ อัลลอฮ์จะทรงทราบความจริง” ขณะที่ทนายความของนายนาดีม ยืนยันว่านายนาดีมไม่ได้รับแม้แต่เซ็นต์เดียว ทั้งนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง โทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต

    สำหรับนายนาดีม มาคาริม อายุ 41 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโกเจ็ก (Gojek) แพลตฟอร์มเรียกรถโดยสาร สั่งอาหาร และชำระเงินออนไลน์ของอินโดนีเซีย ก่อนจะลาออกในปี 2562 เพื่อเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการกับ Tokopedia ในปี 2564 เป็น GoTo Gojek Tokopedia บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ชี้แจงว่า หลังนายนาดีมลาออก เขาก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหาร หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกต่อไป

    #Newskit
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Gojek ถูกกล่าวหาทุจริต Chromebook เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.ย.) สำนักงานอัยการสูงสุดของอินโดนีเซีย (AGO RI) ควบคุมตัวนายนาดีม มาคาริม (Nadiem Makarim) อดีต รมว.ศึกษาธิการ วัฒนธรรม การวิจัย และเทคโนโลยีของอินโดนีเซีย ไปกักขังเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมเป็นเวลา 20 วัน หลังจากตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย คดีทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปสำหรับโรงเรียน เชื่อมโยงกับ Chromebook ของ Google มูลค่า 9.3 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 18,161 ล้านบาท โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2563-2565 สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโจโค วิโดโด มีการแจกจ่าย Chromebook จำนวน 1.2 ล้านเครื่องให้กับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ตามนโยบายเปลี่ยนผ่านการศึกษาสู่ระบบดิจิทัล แต่อัยการชี้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับโครงการนี้ เนื่องจาก Chromebook จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร แต่กลับไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่เป้าหมายหลายแห่ง ซึ่งมีไฟฟ้าจำกัดและการเชื่อมต่อที่ย่ำแย่ ส่งผลให้รัฐบาลอินโดนีเซียเสียหายกว่า 1.98 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 3,866 ล้านบาท จากการเปิดเผยของนายนูร์คาห์โย จุงกุง มาดโย (Nurcahyo Jungkung Madyo) ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนการทุจริตของสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายนาดีม ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ มีการประชุมแบบปิดผ่าน Zoom เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2563 สั่งการให้คนใกล้ชิดนำระบบปฏิบัติการ Chrome ของ Google มาใช้ในการจัดซื้อแล็ปท็อปของกระทรวงศึกษาธิการฯ ทั่วประเทศ อีกทั้งในเดือน ก.พ.2564 นายนาดีมได้ออกกฎกระทรวง กำหนดให้ใช้ระบบปฎิบัติการ ChromeOS และฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงกับบริการด้านการศึกษาของ Google กลายเป็นการล็อกสเปก ทำให้เกิดการแข่งขันไม่เป็นธรรม ด้านนายนาดีมตะโกนบอกผู้สื่อข่าวระหว่างถูกควบคุมตัวว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ขอพระเจ้าคุ้มครองผม ความจริงจะปรากฏ อัลลอฮ์จะทรงทราบความจริง” ขณะที่ทนายความของนายนาดีม ยืนยันว่านายนาดีมไม่ได้รับแม้แต่เซ็นต์เดียว ทั้งนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง โทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต สำหรับนายนาดีม มาคาริม อายุ 41 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโกเจ็ก (Gojek) แพลตฟอร์มเรียกรถโดยสาร สั่งอาหาร และชำระเงินออนไลน์ของอินโดนีเซีย ก่อนจะลาออกในปี 2562 เพื่อเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการกับ Tokopedia ในปี 2564 เป็น GoTo Gojek Tokopedia บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ชี้แจงว่า หลังนายนาดีมลาออก เขาก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหาร หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกต่อไป #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
More Results