• จาก 'อัลไพน์' ถึง 'ปากช่อง' ศึกสามก๊กชำระแค้น 'เพื่อไทย-กล้าธรรม-ภูมิใจไทยมา : ข่าวลึกปมลับ 17/02/67
    จาก 'อัลไพน์' ถึง 'ปากช่อง' ศึกสามก๊กชำระแค้น 'เพื่อไทย-กล้าธรรม-ภูมิใจไทยมา : ข่าวลึกปมลับ 17/02/67
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • พปชร.เลือดไหลไม่หยุด คนตีจาก 'บิ๊กป้อม' กล้าธรรมดูด สส.ต่อเนื่อง

    การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา แม้หลักใหญ่ใจความจะอยู่ที่การประชุมที่ล่มไม่เป็นท่า แต่มีซีนหนึ่งในทางการเมืองที่น่าสนใจ คือ การปรากฏภาพของ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มานั่งอยู่กับกลุ่ม สส.พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เหรัญญิกพรรค และ นางรัชนี พลซื่อ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

    ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า การประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันอังคารที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในที่ประชุม ปรากฏว่า มี สส.ของพรรคเข้าร่วมอย่างบางตามาก โดย น.ส.กาญจนา ก็ไม่ได้มาร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ คือ กลุ่มยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ได้เป็น สส. อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี รวมถึงบรรดาอดีตผู้สมัคร สส.ของพรรคที่สอบตกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เท่านั้น

    ขณะเดียวกัน ที่พรรคกล้าธรรมยังมีรายงานอีกว่า นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นจำเลยในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม ในขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และเกิดการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น รวม 431 ล้านบาท มาร่วมการประชุมด้วย โดยนั่งติดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ นายเอกราช เพิ่งได้ทำหนังสือแจ้งศาลขอเลื่อนฟังคำสั่งพิพากษาในคดียักยอกทรัพย์เงินสหกรณ์ครูขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยแนบเอกสารใบรับรองแพทย์รพ. ที่ลงความเห็นว่านายเอกราช ป่วยหนักหลายโรคต้องนอนพักรักษาตัวที่รพ.อย่างไม่มีกำหนดออกจากรพ. ทำให้ศาลอนุญาตเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.
    ..............
    Sondhi X
    พปชร.เลือดไหลไม่หยุด คนตีจาก 'บิ๊กป้อม' กล้าธรรมดูด สส.ต่อเนื่อง การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา แม้หลักใหญ่ใจความจะอยู่ที่การประชุมที่ล่มไม่เป็นท่า แต่มีซีนหนึ่งในทางการเมืองที่น่าสนใจ คือ การปรากฏภาพของ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มานั่งอยู่กับกลุ่ม สส.พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เหรัญญิกพรรค และ นางรัชนี พลซื่อ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า การประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันอังคารที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในที่ประชุม ปรากฏว่า มี สส.ของพรรคเข้าร่วมอย่างบางตามาก โดย น.ส.กาญจนา ก็ไม่ได้มาร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ คือ กลุ่มยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ได้เป็น สส. อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี รวมถึงบรรดาอดีตผู้สมัคร สส.ของพรรคที่สอบตกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เท่านั้น ขณะเดียวกัน ที่พรรคกล้าธรรมยังมีรายงานอีกว่า นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นจำเลยในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม ในขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และเกิดการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น รวม 431 ล้านบาท มาร่วมการประชุมด้วย โดยนั่งติดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ นายเอกราช เพิ่งได้ทำหนังสือแจ้งศาลขอเลื่อนฟังคำสั่งพิพากษาในคดียักยอกทรัพย์เงินสหกรณ์ครูขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยแนบเอกสารใบรับรองแพทย์รพ. ที่ลงความเห็นว่านายเอกราช ป่วยหนักหลายโรคต้องนอนพักรักษาตัวที่รพ.อย่างไม่มีกำหนดออกจากรพ. ทำให้ศาลอนุญาตเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 17 เม.ย. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1870 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดผลโหวตไม่เลื่อนญัตติ “หมอเปรม” ขอให้รัฐสภาส่งศาล รธน.ตีความ ขึ้นมาพิจารณาก่อนถกแก้รัฐธรรมนูญ พบ “สว.สีน้ำเงิน” ตัวพลิกกระดาน ลงมติค้าน 136 เสียง ขณะ “ภูมิใจไทย” ไม่ร่วมสังฆกรรมตามเจตนารมณ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014453

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เปิดผลโหวตไม่เลื่อนญัตติ “หมอเปรม” ขอให้รัฐสภาส่งศาล รธน.ตีความ ขึ้นมาพิจารณาก่อนถกแก้รัฐธรรมนูญ พบ “สว.สีน้ำเงิน” ตัวพลิกกระดาน ลงมติค้าน 136 เสียง ขณะ “ภูมิใจไทย” ไม่ร่วมสังฆกรรมตามเจตนารมณ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014453 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 995 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุทิน นำ ส.ว.น้ำเงิน ส่งสัญญาณแตกหัก อ้างหลักการแก้ รธน. ทำประชามติ 3 ครั้ง
    .
    การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่เปิดโอกาสในการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากภายหลังฝ่ายที่่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มส.ว.เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยล่าสุดสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำความเห็นเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยสำนักกฎหมายฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นต้องมีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ถามประชาชนก่อนว่าต้องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหมหรือไม่ ครั้งที่ 2 (ถ้าผ่านครั้งที่ 1) นำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เสนอแก้มาตรา 256+เพิ่มหมวด 15/1 เสนอที่ประชุมร่วมรัฐสภา ถ้าสภาเห็นชอบแล้ว จึงไปทำประชามติอีกที
    ครั้งที่ 3 (ถ้าผ่านครั้งที่ 2) ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาร่วมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอต่อรัฐสภาพิจารณาแล้วจึงทำประชามติ
    .
    ประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา 221 วรรคสี่ บัญญัติว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐ” ซึ่งความเห็นหลักฝ่ายนี้มีการอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18- 22/2555 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2555 และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยกลางของศาล (มิใช่คำวินิจฉัยส่วนตน) ตามที่วินิจฉัยว่า”…รัฐสภามีหน้าที่ และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง” มาเป็นหลักในการพิจารณา
    .
    ทั้งนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 1 ) และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 3) ส่วนการออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 2 เป็นไปโดยบทบัญญัติเฉพาะของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 256 (8)
    .
    ความเห็นของสำนักกฎหมายฯ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้ทำหนังสือแจ้งต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้ทราบแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าความเห็นดังกล่าวจะเป็นท่าทีของ ส.ว.ส่วนใหญ่ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ.นี้
    .
    ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย มีเป็นมติเอกฉันท์ ไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ เพราะเห็นว่า การบรรจุวาระเข้ามายังมีความขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ระบุว่า ต้องมีการถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อน เมื่อการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ขั้นตอนการทำประชามติยังไม่ได้รับการปฏิบัติพรรค จึงเห็นว่า มีความสุ่มเสี่ยงไม่สามารถที่จะไปรับฟังความคิดเห็นนั้นได้ เพราะเรามี ส.ส. ซึ่งพี่น้องประชาชนได้เลือกให้เราเข้ามาทำงาน ถึง 71 คน เราก็ต้องทำงาน จะไปรับความเสี่ยง โดยมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วไม่ได้
    ..............
    Sondhi X
    อนุทิน นำ ส.ว.น้ำเงิน ส่งสัญญาณแตกหัก อ้างหลักการแก้ รธน. ทำประชามติ 3 ครั้ง . การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่เปิดโอกาสในการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากภายหลังฝ่ายที่่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มส.ว.เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยล่าสุดสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำความเห็นเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยสำนักกฎหมายฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นต้องมีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ถามประชาชนก่อนว่าต้องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหมหรือไม่ ครั้งที่ 2 (ถ้าผ่านครั้งที่ 1) นำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เสนอแก้มาตรา 256+เพิ่มหมวด 15/1 เสนอที่ประชุมร่วมรัฐสภา ถ้าสภาเห็นชอบแล้ว จึงไปทำประชามติอีกที ครั้งที่ 3 (ถ้าผ่านครั้งที่ 2) ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาร่วมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอต่อรัฐสภาพิจารณาแล้วจึงทำประชามติ . ประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา 221 วรรคสี่ บัญญัติว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐ” ซึ่งความเห็นหลักฝ่ายนี้มีการอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18- 22/2555 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2555 และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยกลางของศาล (มิใช่คำวินิจฉัยส่วนตน) ตามที่วินิจฉัยว่า”…รัฐสภามีหน้าที่ และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง” มาเป็นหลักในการพิจารณา . ทั้งนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 1 ) และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 3) ส่วนการออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 2 เป็นไปโดยบทบัญญัติเฉพาะของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 256 (8) . ความเห็นของสำนักกฎหมายฯ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้ทำหนังสือแจ้งต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้ทราบแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าความเห็นดังกล่าวจะเป็นท่าทีของ ส.ว.ส่วนใหญ่ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ . ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย มีเป็นมติเอกฉันท์ ไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ เพราะเห็นว่า การบรรจุวาระเข้ามายังมีความขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ระบุว่า ต้องมีการถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อน เมื่อการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ขั้นตอนการทำประชามติยังไม่ได้รับการปฏิบัติพรรค จึงเห็นว่า มีความสุ่มเสี่ยงไม่สามารถที่จะไปรับฟังความคิดเห็นนั้นได้ เพราะเรามี ส.ส. ซึ่งพี่น้องประชาชนได้เลือกให้เราเข้ามาทำงาน ถึง 71 คน เราก็ต้องทำงาน จะไปรับความเสี่ยง โดยมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วไม่ได้ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2031 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลจังหวัดขอนแก่น รับคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาคดี “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 431 ล้านบาท ไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.68 หลังแพทย์ รพ.พญาไท2 ออกใบรับรองอาการป่วยหลายโรค ต้องแอดมิดเป็นผู้ป่วยในและบอกไม่ได้ว่าอาการโรคต่างๆจะรักษาให้ทุเลาได้เมื่อใด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013878

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลจังหวัดขอนแก่น รับคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาคดี “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 431 ล้านบาท ไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.68 หลังแพทย์ รพ.พญาไท2 ออกใบรับรองอาการป่วยหลายโรค ต้องแอดมิดเป็นผู้ป่วยในและบอกไม่ได้ว่าอาการโรคต่างๆจะรักษาให้ทุเลาได้เมื่อใด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013878 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 735 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดไฟปัญหาไม่จบ ฟางเส้นสุดท้าย 'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย' : ข่าวลึกปมลับ 06/02/68
    ตัดไฟปัญหาไม่จบ ฟางเส้นสุดท้าย 'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย' : ข่าวลึกปมลับ 06/02/68
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • ทักษิณหมดสเน่ห์ ภูมิใจไทย ประชาชน ได้ส่วนแบ่งการตลาดเกินครึ่ง
    ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ. ที่เสร็จสิ้นแล้ว ต้องยอมรับว่าเป็นสัญญาณที่ทําให้ภาพการเมืองของประเทศไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีความชัดเจนระดับหนึ่งโดยเฉพาะขั้วการเมืองสามสี แดง ส้ม น้ําเงิน แม้ว่าถ้ามองในตัวเลขของจํานวนเก้าอี้ที่เพื่อไทยได้มาถึง 10 เก้าอี้นั้น เมื่อพิจารณาถึงจุดคุ้มทุนแล้วต้องยอมรับว่าด้านหนึ่งพรรคเพื่อไทยก็ขาดทุนไปไม่น้อยเช่นกัน
    เพราะแต่ละสนามที่เพื่อไทยลงแข่งขันนั้นทักษิณชินวัตรนายใหญ่ผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับพรรคเพื่อไทยได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับปราศรัยด้วยท่าทีดุดัน แต่ก็สามารถชนะคู่แข่งได้เพียงหนึ่งที่นั่งเท่านั้น
    โดยอันดับสองอย่างภาคภูมิใจไทยที่ไม่ได้ประกาศส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการแต่ใช้วิธีกาสนับสนุนอยู่แบบห่างห่างอย่างห่วงห่วงกลับได้เก้าอี้มาถึงเก้าที่นั่ง ด้วยเหตุนี้เองจึงกลายเป็นคําถามตัวใหญ่ขึ้นมาว่าทักษิณเสื่อมมนต์ขลังแล้วหรือไม่
    ย้อนกลับไปที่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมามักจะประกาศว่าต้องการชนะในทุกพื้นที่ที่ได้ส่งผู้สมัครเพื่อจะประกาศชัยชนะ แบบแลนด์สไลด์ก่อนไปศึกใหญ่อย่างการเลือกตั้งระดับประเทศ จึงเป็นที่มาที่ทําให้ครอบครัวชินวัตรต้องลงแรงหาเสียงให้สมศักดิ์ศรีกับการกลับมาประเทศไทยของทักษิณ เพราะหากทักษิณลงสนามแล้วแพ้ แน่นอนว่าขวัญและกําลังใจของเหล่าสาวกในพรรคเพื่อไทยน่าจะกระเจิง
    แต่ดูเหมือนที่ผ่านมาทักษิณและพรรคเพื่อไทยเองก็เดินเกมผิดพลาดมาตลอดเพราะแต่ละเวทีปราศรัยของทักษิณมักจะเน้นไปที่นโยบายของรัฐบาล
    เพื่ออวยแพทองธารชินวัตร มากกว่าการช่วยโปรโมทสรรพคุณผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยและนโยบายการทํางานเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งเป็นหัวใจของการเลือกตั้งท้องถิ่น
    ก่อนเข้าสู่ศึกใหญ่ในปี ๒๕๗๐การเมืองไทยนับจากนี้จะเป็นลักษณะของ ๓ ขั้วใหญ่แดง ส้ม น้ําเงิน ถึงผลการเลือกตั้งท้องถิ่น อาจจะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดอนาคตทางการเมืองอย่างเด็ดขาด แต่ทุกขั้วการเมือง มีการบ้านที่ต้องรับไปทําอย่างลึกซึ้ง แน่นอน
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ทักษิณหมดสเน่ห์ ภูมิใจไทย ประชาชน ได้ส่วนแบ่งการตลาดเกินครึ่ง ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ. ที่เสร็จสิ้นแล้ว ต้องยอมรับว่าเป็นสัญญาณที่ทําให้ภาพการเมืองของประเทศไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีความชัดเจนระดับหนึ่งโดยเฉพาะขั้วการเมืองสามสี แดง ส้ม น้ําเงิน แม้ว่าถ้ามองในตัวเลขของจํานวนเก้าอี้ที่เพื่อไทยได้มาถึง 10 เก้าอี้นั้น เมื่อพิจารณาถึงจุดคุ้มทุนแล้วต้องยอมรับว่าด้านหนึ่งพรรคเพื่อไทยก็ขาดทุนไปไม่น้อยเช่นกัน เพราะแต่ละสนามที่เพื่อไทยลงแข่งขันนั้นทักษิณชินวัตรนายใหญ่ผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับพรรคเพื่อไทยได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับปราศรัยด้วยท่าทีดุดัน แต่ก็สามารถชนะคู่แข่งได้เพียงหนึ่งที่นั่งเท่านั้น โดยอันดับสองอย่างภาคภูมิใจไทยที่ไม่ได้ประกาศส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการแต่ใช้วิธีกาสนับสนุนอยู่แบบห่างห่างอย่างห่วงห่วงกลับได้เก้าอี้มาถึงเก้าที่นั่ง ด้วยเหตุนี้เองจึงกลายเป็นคําถามตัวใหญ่ขึ้นมาว่าทักษิณเสื่อมมนต์ขลังแล้วหรือไม่ ย้อนกลับไปที่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมามักจะประกาศว่าต้องการชนะในทุกพื้นที่ที่ได้ส่งผู้สมัครเพื่อจะประกาศชัยชนะ แบบแลนด์สไลด์ก่อนไปศึกใหญ่อย่างการเลือกตั้งระดับประเทศ จึงเป็นที่มาที่ทําให้ครอบครัวชินวัตรต้องลงแรงหาเสียงให้สมศักดิ์ศรีกับการกลับมาประเทศไทยของทักษิณ เพราะหากทักษิณลงสนามแล้วแพ้ แน่นอนว่าขวัญและกําลังใจของเหล่าสาวกในพรรคเพื่อไทยน่าจะกระเจิง แต่ดูเหมือนที่ผ่านมาทักษิณและพรรคเพื่อไทยเองก็เดินเกมผิดพลาดมาตลอดเพราะแต่ละเวทีปราศรัยของทักษิณมักจะเน้นไปที่นโยบายของรัฐบาล เพื่ออวยแพทองธารชินวัตร มากกว่าการช่วยโปรโมทสรรพคุณผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยและนโยบายการทํางานเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งเป็นหัวใจของการเลือกตั้งท้องถิ่น ก่อนเข้าสู่ศึกใหญ่ในปี ๒๕๗๐การเมืองไทยนับจากนี้จะเป็นลักษณะของ ๓ ขั้วใหญ่แดง ส้ม น้ําเงิน ถึงผลการเลือกตั้งท้องถิ่น อาจจะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดอนาคตทางการเมืองอย่างเด็ดขาด แต่ทุกขั้วการเมือง มีการบ้านที่ต้องรับไปทําอย่างลึกซึ้ง แน่นอน ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณหมดเสน่ห์ ภูมิใจไทย ประชาชนได้ส่วนแบ่งการตลาดเกินครึ่ง
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ทักษิณหมดเสน่ห์ ภูมิใจไทย ประชาชนได้ส่วนแบ่งการตลาดเกินครึ่ง #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • กาสิโนถูกกฎหมาย รอยร้าวใหม่ ระหว่างพรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย ที่ดูท่าทางจะยังดีลไม่จบกับการแบ่งเค้กของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เลยต้องหาทางต่อรองกันต่อไป

    #กาสิโนดีลไม่จบ #มหาโปรเจกต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอลมเพล็กซ์ #เพิ่มโทษเล่นการพนัน #กาสิโน #พรรคเพื่อไทย #พรรคภูมิใจไทย #แบ่งเค้ก #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    กาสิโนถูกกฎหมาย รอยร้าวใหม่ ระหว่างพรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย ที่ดูท่าทางจะยังดีลไม่จบกับการแบ่งเค้กของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เลยต้องหาทางต่อรองกันต่อไป #กาสิโนดีลไม่จบ #มหาโปรเจกต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอลมเพล็กซ์ #เพิ่มโทษเล่นการพนัน #กาสิโน #พรรคเพื่อไทย #พรรคภูมิใจไทย #แบ่งเค้ก #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Haha
    Angry
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1958 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • ศึกชิงนายก อบจ. ดุเดือดจนทักษิณยังหนาวหลัง
    ทักษิณ ชินวัตร ออกปากยอมรับ สนามเลือกตั้งนายกอบจ ศรีสะเกษ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับ บ้านใหญ่ไตรสรณกุล สูสีกัน ทักษิณยอมรับความจริง เพราะแม้พื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทยจะกวาด สส. เกือบค่อนจังหวัด
    แต่เมื่อเจาะลงไปในสนามท้องถิ่นบ้านใหญ่ ไตรสรณกุล ได้ตําแหน่งมาหลายปีสร้างผลงานเอาไว้มากมาย ในขณะที่ผู้สมัครนายกอบจของพรรคเพื่อไทยอย่างเสี่ยปู๊วิวัฒน์ชัย เป็นพวกกระดูกคนละเบอร์กับแชมป์เก่าอย่างนายกส้มเกลี้ยง เทียบกันให้ชัดชัดสนามเลือกตั้งส.ส.ศรีสะเกษที่เพิ่งผ่านมา พรรคเพื่อไทยหอบส.ส.เข้าสภาเกือบจะยกจังหวัดตกอยู่ไม่กี่เขต
    แต่หนึ่งในนั้นมีเสี่ยปู๊รวมอยู่ด้วย กระแสพรรคเพื่อไทยในศรีสะเกษเมื่อก่อนมีมาก โดยเฉพาะแคมเปญไล่หนูตีงูเห่า ที่เล่นเอาภาคภูมิใจไทยช็อตปั่นแต้มไม่ขึ้นพรรคเพื่อไทยแทบไม่ต้องออกแรงมาก นักการเมืองที่นั่นพาเหรดกันเข้าวิน แต่เสี่ยปู๊ดันตกขบวนทั้งที่ทําตัวเป็นหัวโจกค่ายสีแดงในจังหวัดถึงขั้นต้องพิจารณากันว่าต้องไม่เอาอ่าวขนาดไหน ขนาดกระแสพรรคเพื่อไทยดีขนาดนี้แต่ดันสอบตก
    หลังการเลือกตั้งเสี่ยปู๊ เข้ามาสังกัดก๊ก สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคมนาคม ท่อน้ําเลี้ยงนัมเบอร์วันของพรรคเพื่อไทยก่อนจะได้รับการปลอบใจให้มีตําแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
    พอได้อยู่กับท่อน้ําเลี้ยงแล้วคึกมีความหวัง กระแสไม่ได้ หันไปพึ่งกระสุนขอลงชิงชัยเก้าอี้นายก อบจ ศรีสะเกษ ดูสักตั้ง กระแสส่วนตัวในจังหวัดเป็นรองแต่ขอพึ่งบารมีทักษิณและสุริยะ เพื่อเข้าไปบริหารการเมืองท้องถิ่นดินแดนทุเรียนภูเขาไฟก็ยัง
    ยอมรับตรงๆว่าคะแนนสูสี ทั้งที่ความเป็นจริง ความนิยมในจังหวัดแชมป์เก่าเหนือกว่าหลายขุม ขณะที่นายกส้มเกลี้ยง เหนือกว่า เสี่ยปู๊ที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าพื้นเพเป็นคนอุบลราชธานีด้วยซ้ํา
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    ศึกชิงนายก อบจ. ดุเดือดจนทักษิณยังหนาวหลัง ทักษิณ ชินวัตร ออกปากยอมรับ สนามเลือกตั้งนายกอบจ ศรีสะเกษ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับ บ้านใหญ่ไตรสรณกุล สูสีกัน ทักษิณยอมรับความจริง เพราะแม้พื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทยจะกวาด สส. เกือบค่อนจังหวัด แต่เมื่อเจาะลงไปในสนามท้องถิ่นบ้านใหญ่ ไตรสรณกุล ได้ตําแหน่งมาหลายปีสร้างผลงานเอาไว้มากมาย ในขณะที่ผู้สมัครนายกอบจของพรรคเพื่อไทยอย่างเสี่ยปู๊วิวัฒน์ชัย เป็นพวกกระดูกคนละเบอร์กับแชมป์เก่าอย่างนายกส้มเกลี้ยง เทียบกันให้ชัดชัดสนามเลือกตั้งส.ส.ศรีสะเกษที่เพิ่งผ่านมา พรรคเพื่อไทยหอบส.ส.เข้าสภาเกือบจะยกจังหวัดตกอยู่ไม่กี่เขต แต่หนึ่งในนั้นมีเสี่ยปู๊รวมอยู่ด้วย กระแสพรรคเพื่อไทยในศรีสะเกษเมื่อก่อนมีมาก โดยเฉพาะแคมเปญไล่หนูตีงูเห่า ที่เล่นเอาภาคภูมิใจไทยช็อตปั่นแต้มไม่ขึ้นพรรคเพื่อไทยแทบไม่ต้องออกแรงมาก นักการเมืองที่นั่นพาเหรดกันเข้าวิน แต่เสี่ยปู๊ดันตกขบวนทั้งที่ทําตัวเป็นหัวโจกค่ายสีแดงในจังหวัดถึงขั้นต้องพิจารณากันว่าต้องไม่เอาอ่าวขนาดไหน ขนาดกระแสพรรคเพื่อไทยดีขนาดนี้แต่ดันสอบตก หลังการเลือกตั้งเสี่ยปู๊ เข้ามาสังกัดก๊ก สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคมนาคม ท่อน้ําเลี้ยงนัมเบอร์วันของพรรคเพื่อไทยก่อนจะได้รับการปลอบใจให้มีตําแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พอได้อยู่กับท่อน้ําเลี้ยงแล้วคึกมีความหวัง กระแสไม่ได้ หันไปพึ่งกระสุนขอลงชิงชัยเก้าอี้นายก อบจ ศรีสะเกษ ดูสักตั้ง กระแสส่วนตัวในจังหวัดเป็นรองแต่ขอพึ่งบารมีทักษิณและสุริยะ เพื่อเข้าไปบริหารการเมืองท้องถิ่นดินแดนทุเรียนภูเขาไฟก็ยัง ยอมรับตรงๆว่าคะแนนสูสี ทั้งที่ความเป็นจริง ความนิยมในจังหวัดแชมป์เก่าเหนือกว่าหลายขุม ขณะที่นายกส้มเกลี้ยง เหนือกว่า เสี่ยปู๊ที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าพื้นเพเป็นคนอุบลราชธานีด้วยซ้ํา ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้ “สาโรจน์ สามารถ” ผู้สมัครนายก อบจ. วิจารณ์กันหนัก อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ช่วยหาเสียงให้คนของพรรคภูมิใจไทยไม่เหมาะสม ด้าน “อภิสิทธิ์” แจงบนเวทีวันนี้ไม่ได้เป็นคนของพรรคไหน มีอิสระจะช่วยใครก็ได้ ไม่เคยมีความแค้นกับใคร ชี้ “สาโรจน์” เคยทำงานมาด้วยกัน มีนโยบายที่ดี จึงมาช่วยหาเสียง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009643

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้ “สาโรจน์ สามารถ” ผู้สมัครนายก อบจ. วิจารณ์กันหนัก อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ช่วยหาเสียงให้คนของพรรคภูมิใจไทยไม่เหมาะสม ด้าน “อภิสิทธิ์” แจงบนเวทีวันนี้ไม่ได้เป็นคนของพรรคไหน มีอิสระจะช่วยใครก็ได้ ไม่เคยมีความแค้นกับใคร ชี้ “สาโรจน์” เคยทำงานมาด้วยกัน มีนโยบายที่ดี จึงมาช่วยหาเสียง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009643 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 884 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชี้ช่องจบปัญหา 'อัลไพน์' กฤษฎีกา เสนอสองทาง 'งบเยียวยา-ออกกฎหมาย'
    .
    กรณีพิพาทที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เหมือนจบแต่ไม่จบ เพราะด้านหนึ่งถูกโฟกัสไปในเรื่องทางการเมืองที่ว่าด้วยการเอาคืนพรรคเพื่อไทยของพรรคภูมิใจไทยในฐานะเจ้ากระทรวงมหาดไทย แต่ในแง่มุมของกฎหมายนั้นเป็นประเด็นที่สำคัญที่กำลังรอการดำเนินการว่าครอบครัวชินวัตรในฐานะเจ้าของที่ดินจะต้องดำเนินการอย่างไร
    .
    นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า มีแนวคำวินิจฉัยการเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ของคณะกรรมการกฤษฎีกามาตั้งแต่ปี 2544 และหลักของคำวินิจฉัย คือ ที่ดินที่ได้มาโดยมรดกต้องทำเป็นไปตามที่เจ้าของมรดกกำหนด เมื่อต้องการให้ตกแก่วัดก็ต้องตกแก่วัด ซึ่งการเพิกถอนที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ขอให้ไปถามจากกระทรวงมหาดไทยว่าจะหาทางแก้ไขเยียวยาให้กับประชาชนที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างไร ซึ่งต้องไปว่ากันอีกรอบหนึ่ง
    .
    "ต้องตรวจสอบว่ามีการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอะไรหรือไม่ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว เราต้องเสียเงินชดเชยให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ได้มาโดยสุจริต ต้องไปดูว่าคำสั่งทางปกครองออกมาและถูกยกเลิกไปนั้นชอบหรือไม่ และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ"
    .
    นายปกรณ์ ยอมรับว่า งบประมาณที่จะนำมาเยียวยานั้นส่วนตัวไม่ทราบว่าจะต้องนำเงินมาจากส่วนใด แต่หากจำเป็นจะต้องแก้ไขเยียวยาก็สามารถของบประมาณจากรัฐบาลได้ ซึ่งงบปกติน่าจะไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งงบไว้ และไม่มีใครคิดว่าจะเกิด จึงต้องหารือกับสำนักงบประมาณว่ามีแหล่งเงินจากที่ใดบ้าง อย่างไรก็ตาม คิดว่ามีหลายวิธีที่จะแก้ไข ซึ่งต้องรอ รมว.มหาดไทย และอธิบดีกรมที่ดิน มาแนะนำว่าจะหาทางแก้อย่างไร
    .
    นายปกรณ์ ส่วนประเด็นปัญหาด้านกฎหมายมีเพียงว่า ถ้าคำสั่งทางปกครองไม่ชอบก็เพิกถอนเสีย และหากเพิกถอนคำสั่งทางปกครองไปแล้ว และมีผลกระทบต่อบุคคลที่สุจริตก็ต้องเยียวยากันในทางกฎหมายมีเพียงแค่นั้น ส่วนในทางบริหารก็ไปว่ากัน
    .
    สำหรับข้อเสนอที่ว่าให้ออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนเป็นที่ดินเอกชนนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า การโอนที่ดินซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ต้องตามเป็นตามกฏหมายอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไร ซึ่งก็แล้วแต่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยว่าจะพิจารณาว่าทางใดเหมาะสมหรือสมควร ควรรอถาม รมว.มหาดไทยจะเหมาะสมกว่า
    .............
    Sondhi X
    ชี้ช่องจบปัญหา 'อัลไพน์' กฤษฎีกา เสนอสองทาง 'งบเยียวยา-ออกกฎหมาย' . กรณีพิพาทที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เหมือนจบแต่ไม่จบ เพราะด้านหนึ่งถูกโฟกัสไปในเรื่องทางการเมืองที่ว่าด้วยการเอาคืนพรรคเพื่อไทยของพรรคภูมิใจไทยในฐานะเจ้ากระทรวงมหาดไทย แต่ในแง่มุมของกฎหมายนั้นเป็นประเด็นที่สำคัญที่กำลังรอการดำเนินการว่าครอบครัวชินวัตรในฐานะเจ้าของที่ดินจะต้องดำเนินการอย่างไร . นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า มีแนวคำวินิจฉัยการเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ของคณะกรรมการกฤษฎีกามาตั้งแต่ปี 2544 และหลักของคำวินิจฉัย คือ ที่ดินที่ได้มาโดยมรดกต้องทำเป็นไปตามที่เจ้าของมรดกกำหนด เมื่อต้องการให้ตกแก่วัดก็ต้องตกแก่วัด ซึ่งการเพิกถอนที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ขอให้ไปถามจากกระทรวงมหาดไทยว่าจะหาทางแก้ไขเยียวยาให้กับประชาชนที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างไร ซึ่งต้องไปว่ากันอีกรอบหนึ่ง . "ต้องตรวจสอบว่ามีการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอะไรหรือไม่ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว เราต้องเสียเงินชดเชยให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ได้มาโดยสุจริต ต้องไปดูว่าคำสั่งทางปกครองออกมาและถูกยกเลิกไปนั้นชอบหรือไม่ และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ" . นายปกรณ์ ยอมรับว่า งบประมาณที่จะนำมาเยียวยานั้นส่วนตัวไม่ทราบว่าจะต้องนำเงินมาจากส่วนใด แต่หากจำเป็นจะต้องแก้ไขเยียวยาก็สามารถของบประมาณจากรัฐบาลได้ ซึ่งงบปกติน่าจะไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งงบไว้ และไม่มีใครคิดว่าจะเกิด จึงต้องหารือกับสำนักงบประมาณว่ามีแหล่งเงินจากที่ใดบ้าง อย่างไรก็ตาม คิดว่ามีหลายวิธีที่จะแก้ไข ซึ่งต้องรอ รมว.มหาดไทย และอธิบดีกรมที่ดิน มาแนะนำว่าจะหาทางแก้อย่างไร . นายปกรณ์ ส่วนประเด็นปัญหาด้านกฎหมายมีเพียงว่า ถ้าคำสั่งทางปกครองไม่ชอบก็เพิกถอนเสีย และหากเพิกถอนคำสั่งทางปกครองไปแล้ว และมีผลกระทบต่อบุคคลที่สุจริตก็ต้องเยียวยากันในทางกฎหมายมีเพียงแค่นั้น ส่วนในทางบริหารก็ไปว่ากัน . สำหรับข้อเสนอที่ว่าให้ออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนเป็นที่ดินเอกชนนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า การโอนที่ดินซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ต้องตามเป็นตามกฏหมายอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไร ซึ่งก็แล้วแต่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยว่าจะพิจารณาว่าทางใดเหมาะสมหรือสมควร ควรรอถาม รมว.มหาดไทยจะเหมาะสมกว่า ............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1546 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิใจไทยกระตุ้นแรงเพื่อไทย หวังจบเรื่องเขากระโดง
    เพื่อไทยกับภูมิใจไทย สองพรรคใหญ่ในรัฐบาล ยังเล่นเกม ชิงไหวชิงพริบกันเป็นระยะๆ อย่างล่าสุด ถึงขั้นทำให้ หนูอิ๊งค์ แพทองธาร ฉาวในเรื่องที่ดินอัลไพน์
    เคยสังเกตหรือไม่ เพราะอะไรทั้งที่เงียบไปแล้ว นั่นก็ต้องมองกลับไปที่ต้นตอของข่าว จุดเริ่มต้นมาจากที่อยู่ดีๆ มีแหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยออกมาระบุว่า ชาดา ไทยเศรษฐ์ ได้เซ็นก่อนจะหลุดเก้าอี้ รมช.มหาดไทยไม่กี่วัน ให้เพิกถอนที่ดินอัลไพน์ กลับไปเป็นธรณีสงฆ์ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และศาล
    อุ๊งอิ๊ง เคยถือหุ้นอัลไพน์ที่เพิ่งจะโอนไปก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ซึ่งหากมีการเพิกถอนจริง ย่อมมีผลกระทบเหมือนกัน การที่มีข่าวเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ออกมามันก็อนุมานได้เหมือนกันว่า จงใจสะกิดอีกฝั่งให้รู้ว่า …ลูกสาวก็อยู่ในกำมือ สามารถให้คุณให้โทษได้ จะบีบก็ตายจะคายก็รอด…?
    เรื่องที่ดินอัลไพน์ อยู่ในอำนาจของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในความดูแลของพรรคภูมิใจไทย โดยมี เสี่ยหนู เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
    เมื่อเป็นเช่นนี้หลายฝ่ายจึงจับจ้องว่าเป็นเกมเขย่าจากค่ายสีน้ำเงิน และนั่นเมื่อนำไปโยงกับคำพูด “สังเกตไหมล่ะ” ของ หนูอิ๊งค์ มันก็ชวนให้วิเคราะห์ ต่อยอด แตกแขนงได้เหมือนกันว่า เจ้าตัวก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร!
    เรื่องที่ดินอัลไพน์ก็มีผลในทางการเมืองกับตัวนายกฯ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของทักษิณ ผู้นำจิตวิญญาณค่ายสีแดง เมื่อเป็นเรื่องนี้ก็เหมือนเปิดให้ต้องมาคุยกันในเรื่องที่ค้างคา ไม่จบ ดีลไม่ลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกาสิโน หรือแม้แต่เรื่องที่ดินเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
    หลายฝ่ายมองว่าเป็นการต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมว ในลักษณะว่า ถ้า รฟท.เลิกรากันไปในเรื่องเขากระโดง ทางฝั่งค่ายสีน้ำเงินก็จะไม่เล่นเรื่องนี้เหมือนกัน ฉะนั้น มันจึงถูกมองว่าค่ายสีน้ำเงินกำลังใช้เรื่องที่หนักหน่วงที่สุดของหนูอิ๊งค์ ขึ้นมาต่อรองกับผู้นำจิตวิญญาณค่ายสีแดง
    เพราะถ้าค่ายสีน้ำเงินหวังน็อกเลยโดยไม่ต่อรอง คงไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ ป่านนี้คงเซ็นเพิกถอนไปแล้ว
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ

    ภูมิใจไทยกระตุ้นแรงเพื่อไทย หวังจบเรื่องเขากระโดง เพื่อไทยกับภูมิใจไทย สองพรรคใหญ่ในรัฐบาล ยังเล่นเกม ชิงไหวชิงพริบกันเป็นระยะๆ อย่างล่าสุด ถึงขั้นทำให้ หนูอิ๊งค์ แพทองธาร ฉาวในเรื่องที่ดินอัลไพน์ เคยสังเกตหรือไม่ เพราะอะไรทั้งที่เงียบไปแล้ว นั่นก็ต้องมองกลับไปที่ต้นตอของข่าว จุดเริ่มต้นมาจากที่อยู่ดีๆ มีแหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยออกมาระบุว่า ชาดา ไทยเศรษฐ์ ได้เซ็นก่อนจะหลุดเก้าอี้ รมช.มหาดไทยไม่กี่วัน ให้เพิกถอนที่ดินอัลไพน์ กลับไปเป็นธรณีสงฆ์ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และศาล อุ๊งอิ๊ง เคยถือหุ้นอัลไพน์ที่เพิ่งจะโอนไปก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ซึ่งหากมีการเพิกถอนจริง ย่อมมีผลกระทบเหมือนกัน การที่มีข่าวเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ออกมามันก็อนุมานได้เหมือนกันว่า จงใจสะกิดอีกฝั่งให้รู้ว่า …ลูกสาวก็อยู่ในกำมือ สามารถให้คุณให้โทษได้ จะบีบก็ตายจะคายก็รอด…? เรื่องที่ดินอัลไพน์ อยู่ในอำนาจของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในความดูแลของพรรคภูมิใจไทย โดยมี เสี่ยหนู เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง เมื่อเป็นเช่นนี้หลายฝ่ายจึงจับจ้องว่าเป็นเกมเขย่าจากค่ายสีน้ำเงิน และนั่นเมื่อนำไปโยงกับคำพูด “สังเกตไหมล่ะ” ของ หนูอิ๊งค์ มันก็ชวนให้วิเคราะห์ ต่อยอด แตกแขนงได้เหมือนกันว่า เจ้าตัวก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร! เรื่องที่ดินอัลไพน์ก็มีผลในทางการเมืองกับตัวนายกฯ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของทักษิณ ผู้นำจิตวิญญาณค่ายสีแดง เมื่อเป็นเรื่องนี้ก็เหมือนเปิดให้ต้องมาคุยกันในเรื่องที่ค้างคา ไม่จบ ดีลไม่ลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกาสิโน หรือแม้แต่เรื่องที่ดินเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลายฝ่ายมองว่าเป็นการต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมว ในลักษณะว่า ถ้า รฟท.เลิกรากันไปในเรื่องเขากระโดง ทางฝั่งค่ายสีน้ำเงินก็จะไม่เล่นเรื่องนี้เหมือนกัน ฉะนั้น มันจึงถูกมองว่าค่ายสีน้ำเงินกำลังใช้เรื่องที่หนักหน่วงที่สุดของหนูอิ๊งค์ ขึ้นมาต่อรองกับผู้นำจิตวิญญาณค่ายสีแดง เพราะถ้าค่ายสีน้ำเงินหวังน็อกเลยโดยไม่ต่อรอง คงไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ ป่านนี้คงเซ็นเพิกถอนไปแล้ว ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิใจไทยกระตุ้นแรงเพื่อไทย หวังจบเรื่องเขากระโดง
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ภูมิใจไทยกระตุ้นแรงเพื่อไทย หวังจบเรื่องเขากระโดง #คิงส์โพธิ์ดำ
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ♣ ภูมิใจไทย ง้างดาบแล้วไม่ฟัน รอเพื่อไทยยืนยันถอยเพิกถอนเขากระโดง สุดท้ายก็เกี้ยเซี๊ยะ สมประโยชน์ละเมิดกฎหมายทั้งคู่
    #7ดอกจิก
    ♣ ภูมิใจไทย ง้างดาบแล้วไม่ฟัน รอเพื่อไทยยืนยันถอยเพิกถอนเขากระโดง สุดท้ายก็เกี้ยเซี๊ยะ สมประโยชน์ละเมิดกฎหมายทั้งคู่ #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ อย่าคาดหวังอะไรจากรัฐบาลที่จ้องแต่แสวงหาประโยชน์ และเล่นงานกันเอง เพื่อต่อรองอำนาจ ขนาดพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ที่เล่นละครจูบปาก อวยพรปีใหม่ ตีกอล์ฟด้วยกัน ลับหลังยังเล่นงานกันเอง อย่าหวังว่านักการเมืองพวกนี้จะทำเพื่อชาติและประชาชน
    #7ดอกจิก
    ♣ อย่าคาดหวังอะไรจากรัฐบาลที่จ้องแต่แสวงหาประโยชน์ และเล่นงานกันเอง เพื่อต่อรองอำนาจ ขนาดพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ที่เล่นละครจูบปาก อวยพรปีใหม่ ตีกอล์ฟด้วยกัน ลับหลังยังเล่นงานกันเอง อย่าหวังว่านักการเมืองพวกนี้จะทำเพื่อชาติและประชาชน #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดม้ามืดปราจีน รอบนี้วางแผนมาดีเกินกว่าจะปราชัย
    สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ปราจีนบุรีกำลังเป็นที่จับตา ใครจะมาวิน แม้ ส.จ.จอย ในสีเสื้อพรรคเพื่อไทย และเป็นทายาทการเมืองของ “ส.จ.โต้ง” สามีผู้ล่วงลับ จะเป็นข่าวครึมโครมกว่าผู้สมัครรายอื่น แต่คนปราจีนฯ กลับให้น้ำหนักของคู่แข่งที่ชื่อ “กำนันศักดิ์” มากกว่า ส.จ.จอย
    หลังที่เมืองปราจีนเกิดสุญญากาศอำนาจ ส.จ.โต้ง ถูกล้อมฆ่า ส่วน “โกทร” ตกเป็นผู้ต้องหา ต้องอยู่ในคุกระหว่างสู้คดี นาทีนี้ “บ้านใหญ่” แห่งเมืองปราจีนไม่มีใครใหญ่กว่า “กำนันศักดิ์แห่งบ้านคลองรั้ง” อีกแล้ว
    กำนันศักดิ์มาครบทั้งบารมีทางการเมือง และฐานะทางการเงินที่แน่นปึ้ก ร่ำรวยเป็นพันๆ ล้าน สามารถลุยสนามเลือกตั้งได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งเงินใคร ต่างจาก ส.จ.จอย ซึ่งไม่มีเงินมากพอจะสู้ศึกเลือกตั้ง เพียงแต่ได้น้ำเลี้ยงจากพรรคเพื่อไทย และก็บรรดานักการเมืองขาใหญ่หลายคนที่ประกาศพร้อมช่วย
    ไม่ว่าจะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ และ เสี่ยเฮ้ง แต่กำนันศักดิ์ก็ใช่จะ “ข้ามาคนเดียว” ถึงจะลงสมัครในนามอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมืองใดๆ ก็ตาม
    แต่จริงๆ แล้ว กำนันศักดิ์นี่แหละคือตัวตายตัวแทนของโกทร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยหนุนหลังอยู่ การไม่ใช้ชื่อพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นกลยุทธ์หาเสียง และการประสานความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ ได้ดีกว่า จะช่วยให้กำนันศักดิ์ได้คะแนนเสียง มากกว่าลงในนามพรรค เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยคุมพื้นที่ปราจีนบุรีมานาน ผ่านเครือข่ายบ้านใหญ่อย่างโกทร พอเกิดคดีสังหาร ส.จ.โต้งขึ้นมา พรรคภูมิใจไทยจึงพบว่าเวลานี้ ไม่เหลือคนในตระกูลวิลาวัลย์ ที่จะส่งลงเป็นตัวแทนของพรรคอีกแล้ว
    เพราะลูกสาวก็ถูกตัดสิทธิทางการเมือง น้องสาวก็โดนคดีทุจริตคาอยู่ใน ป.ป.ช.ถึง 15 คดี กำนันศักดิ์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งต้องการรักษาฐานอำนาจในพื้นที่ปราจีนบุรีไว้ตามเดิม
    งานนี้ไม่ต้องสงสัย แม้จะเป็นผู้สมัครอิสระ แต่กำนันศักดิ์มีพรรคภูมิใจไทยเป็นกองหนุนแน่นอน ในการตรึงป้อมค่ายเมืองปราจีนไม่ให้ถูกพรรคเพื่อไทยตีแตกอย่างแน่นอน ติดตาม
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    เปิดม้ามืดปราจีน รอบนี้วางแผนมาดีเกินกว่าจะปราชัย สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ปราจีนบุรีกำลังเป็นที่จับตา ใครจะมาวิน แม้ ส.จ.จอย ในสีเสื้อพรรคเพื่อไทย และเป็นทายาทการเมืองของ “ส.จ.โต้ง” สามีผู้ล่วงลับ จะเป็นข่าวครึมโครมกว่าผู้สมัครรายอื่น แต่คนปราจีนฯ กลับให้น้ำหนักของคู่แข่งที่ชื่อ “กำนันศักดิ์” มากกว่า ส.จ.จอย หลังที่เมืองปราจีนเกิดสุญญากาศอำนาจ ส.จ.โต้ง ถูกล้อมฆ่า ส่วน “โกทร” ตกเป็นผู้ต้องหา ต้องอยู่ในคุกระหว่างสู้คดี นาทีนี้ “บ้านใหญ่” แห่งเมืองปราจีนไม่มีใครใหญ่กว่า “กำนันศักดิ์แห่งบ้านคลองรั้ง” อีกแล้ว กำนันศักดิ์มาครบทั้งบารมีทางการเมือง และฐานะทางการเงินที่แน่นปึ้ก ร่ำรวยเป็นพันๆ ล้าน สามารถลุยสนามเลือกตั้งได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งเงินใคร ต่างจาก ส.จ.จอย ซึ่งไม่มีเงินมากพอจะสู้ศึกเลือกตั้ง เพียงแต่ได้น้ำเลี้ยงจากพรรคเพื่อไทย และก็บรรดานักการเมืองขาใหญ่หลายคนที่ประกาศพร้อมช่วย ไม่ว่าจะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ และ เสี่ยเฮ้ง แต่กำนันศักดิ์ก็ใช่จะ “ข้ามาคนเดียว” ถึงจะลงสมัครในนามอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมืองใดๆ ก็ตาม แต่จริงๆ แล้ว กำนันศักดิ์นี่แหละคือตัวตายตัวแทนของโกทร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยหนุนหลังอยู่ การไม่ใช้ชื่อพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นกลยุทธ์หาเสียง และการประสานความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ ได้ดีกว่า จะช่วยให้กำนันศักดิ์ได้คะแนนเสียง มากกว่าลงในนามพรรค เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยคุมพื้นที่ปราจีนบุรีมานาน ผ่านเครือข่ายบ้านใหญ่อย่างโกทร พอเกิดคดีสังหาร ส.จ.โต้งขึ้นมา พรรคภูมิใจไทยจึงพบว่าเวลานี้ ไม่เหลือคนในตระกูลวิลาวัลย์ ที่จะส่งลงเป็นตัวแทนของพรรคอีกแล้ว เพราะลูกสาวก็ถูกตัดสิทธิทางการเมือง น้องสาวก็โดนคดีทุจริตคาอยู่ใน ป.ป.ช.ถึง 15 คดี กำนันศักดิ์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งต้องการรักษาฐานอำนาจในพื้นที่ปราจีนบุรีไว้ตามเดิม งานนี้ไม่ต้องสงสัย แม้จะเป็นผู้สมัครอิสระ แต่กำนันศักดิ์มีพรรคภูมิใจไทยเป็นกองหนุนแน่นอน ในการตรึงป้อมค่ายเมืองปราจีนไม่ให้ถูกพรรคเพื่อไทยตีแตกอย่างแน่นอน ติดตาม ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 593 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครพนม กำลังมีการแข่งขันทางการเมืองกันดุเดือด ระหว่าง 'พรรคเพื่อไทย' และ 'พรรคภูมิใจไทย'

    #เลือกตั้งนครพนม #ตระกูลโพธิ์สุ #ศึกใหญ่ทักษิณเนวิน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    นครพนม กำลังมีการแข่งขันทางการเมืองกันดุเดือด ระหว่าง 'พรรคเพื่อไทย' และ 'พรรคภูมิใจไทย' #เลือกตั้งนครพนม #ตระกูลโพธิ์สุ #ศึกใหญ่ทักษิณเนวิน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1350 มุมมอง 73 0 รีวิว
  • จับตา สนามเลือกตั้ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี ใครจะมาวิน ระหว่าง ”ส.จ.จอย“ พรรคเพื่อไทย ทายาทการเมืองของ “ส.จ.โต้ง” สามีผู้ล่วงลับ กับ “กำนันศักดิ์” ตัวตายตัวแทนของโกทร ซึ่งมีพรรคภูมิใจไทยหนุนหลังอยู่

    #เปิดลับกำนันศักดิ์ #เลือกตั้งนายกอบจ #กำนันศักดิ์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    จับตา สนามเลือกตั้ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี ใครจะมาวิน ระหว่าง ”ส.จ.จอย“ พรรคเพื่อไทย ทายาทการเมืองของ “ส.จ.โต้ง” สามีผู้ล่วงลับ กับ “กำนันศักดิ์” ตัวตายตัวแทนของโกทร ซึ่งมีพรรคภูมิใจไทยหนุนหลังอยู่ #เปิดลับกำนันศักดิ์ #เลือกตั้งนายกอบจ #กำนันศักดิ์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1490 มุมมอง 110 1 รีวิว
  • อยากเขี่ยทิ้งแทบขาดใจ แต่ทำได้แค่ยิ้มสยาม
    เรื่องการยุบสภา สถานการณ์ตอนนี้ ทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคประชาชนไม่มีใครพร้อมลงสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเรตติ้งไม่ค่อยดี ผลงานยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน
    ที่สําคัญพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะปลดล็อกมรดกเผด็จการสร้างกติกาที่ตัวเองได้เปรียบและเปลี่ยนมาเป็นคนกําหนดเกมบ้าง ซึ่งดูแล้วก็คงไม่ยากเพราะกระดูกก้อนโตชิ้นสําคัญ ไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้านแต่อยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเองโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย กองกําลังสีน้ําเงินที่สวมบท ภูมิใจขวางอยู่
    พรรคภูมิใจไทยไม่ได้หวงมรดก คสช แต่บ้านใหญ่บุรีรัมย์อ่านขาดว่าถ้าปล่อยให้ทําประชามติกันง่ายง่ายปูทางให้พรรคเพื่อไทยแก้ไขรัฐธรรมนูญสําเร็จ พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์เต็มเต็มพรรคเดียวแน่นอนและที่อาจจะเป็นของร้อนบั่นทอนอายุรัฐบาลได้ก็คือสิ่งที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ทักษิณกลับมาเล่นการเมืองได้อีกครั้ง จับอาการที่ แม้วเดินสายไฮปาร์ค ดูออกว่าคันไม้คันมืออยากจะลงสนามเองเพราะมันคล่องตัวกว่าการให้คนอื่นเป็น
    ถ้ามีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่จริง โดยมีปมร้อนร้อนดังกล่าว จะกลายเป็นการหาเงื่อนไขให้ฝ่ายต้านระดมคนออกมาบนท้องถนนอีกครั้ง แต่ค่ายสีน้ําเงินยังต้องการเสวยสุขอยู่ในอํานาจ ฉะนั้นอะไรที่มันร้อนมันเสี่ยง ก็สวมบทภูมิใจขวางแบบเนียนเนียนทุกเรื่อง
    ขณะที่พรรคเพื่อไทยและนายใหญ่ ต่อให้จะอึดอัดกับบทบาทของพรรคภูมิใจไทยแค่ไหน ก็ยากที่จะเขี่ยทิ้งเหมือนในสิ่งที่ใจต้องการได้ สมการการเมืองในวันนี้ไม่มีทางเลือกให้พรรคเพื่อไทยมากนัก ถ้าไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ไม่เอารวมไทยสร้างชาติ
    พรรคเพื่อไทยจะไปหาเสียงส.ส.ในสภามาจากไหน ในเมื่อไฟท์บังคับมาแล้วว่าจับกับใครก็ได้ แต่ห้ามจับกับพรรคประชาชนเด็ดขาด แค่สมการนี้ก็จบเห่
    ถึงอย่างไรก็ต้องอดทนอดกลั้นอยู่กันไปแบบตบหัวลูบหลังแบบนี้กันไปเรื่อยเรื่อยสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทํากับพรรคภูมิใจไทยได้มากที่สุด มีแค่เพียงบีบ กดดันบั่นทอนอํานาจต่อรองไม่ให้สวมบทภูมิใจขวางได้มากนัก เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่แม้หัวหน้าพรรคจะทําตัวเป็นเอกเทศหลายเรื่องก็ขวางแบบเนียนเนียนตามประสาพรรคอนุรักษ์นิยมจ๋า แต่จะเขี่ยทิ้ง ก็ยากเพราะเป็นองคาพยพสําคัญที่ทําให้การจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสําเร็จ การไปเขี่ยทิ้งก็เท่ากับเปิดศึกกับผู้คุมดุลอํานาจในประเทศตอนนี้
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    อยากเขี่ยทิ้งแทบขาดใจ แต่ทำได้แค่ยิ้มสยาม เรื่องการยุบสภา สถานการณ์ตอนนี้ ทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคประชาชนไม่มีใครพร้อมลงสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเรตติ้งไม่ค่อยดี ผลงานยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน ที่สําคัญพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะปลดล็อกมรดกเผด็จการสร้างกติกาที่ตัวเองได้เปรียบและเปลี่ยนมาเป็นคนกําหนดเกมบ้าง ซึ่งดูแล้วก็คงไม่ยากเพราะกระดูกก้อนโตชิ้นสําคัญ ไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้านแต่อยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเองโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย กองกําลังสีน้ําเงินที่สวมบท ภูมิใจขวางอยู่ พรรคภูมิใจไทยไม่ได้หวงมรดก คสช แต่บ้านใหญ่บุรีรัมย์อ่านขาดว่าถ้าปล่อยให้ทําประชามติกันง่ายง่ายปูทางให้พรรคเพื่อไทยแก้ไขรัฐธรรมนูญสําเร็จ พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์เต็มเต็มพรรคเดียวแน่นอนและที่อาจจะเป็นของร้อนบั่นทอนอายุรัฐบาลได้ก็คือสิ่งที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ทักษิณกลับมาเล่นการเมืองได้อีกครั้ง จับอาการที่ แม้วเดินสายไฮปาร์ค ดูออกว่าคันไม้คันมืออยากจะลงสนามเองเพราะมันคล่องตัวกว่าการให้คนอื่นเป็น ถ้ามีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่จริง โดยมีปมร้อนร้อนดังกล่าว จะกลายเป็นการหาเงื่อนไขให้ฝ่ายต้านระดมคนออกมาบนท้องถนนอีกครั้ง แต่ค่ายสีน้ําเงินยังต้องการเสวยสุขอยู่ในอํานาจ ฉะนั้นอะไรที่มันร้อนมันเสี่ยง ก็สวมบทภูมิใจขวางแบบเนียนเนียนทุกเรื่อง ขณะที่พรรคเพื่อไทยและนายใหญ่ ต่อให้จะอึดอัดกับบทบาทของพรรคภูมิใจไทยแค่ไหน ก็ยากที่จะเขี่ยทิ้งเหมือนในสิ่งที่ใจต้องการได้ สมการการเมืองในวันนี้ไม่มีทางเลือกให้พรรคเพื่อไทยมากนัก ถ้าไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ไม่เอารวมไทยสร้างชาติ พรรคเพื่อไทยจะไปหาเสียงส.ส.ในสภามาจากไหน ในเมื่อไฟท์บังคับมาแล้วว่าจับกับใครก็ได้ แต่ห้ามจับกับพรรคประชาชนเด็ดขาด แค่สมการนี้ก็จบเห่ ถึงอย่างไรก็ต้องอดทนอดกลั้นอยู่กันไปแบบตบหัวลูบหลังแบบนี้กันไปเรื่อยเรื่อยสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทํากับพรรคภูมิใจไทยได้มากที่สุด มีแค่เพียงบีบ กดดันบั่นทอนอํานาจต่อรองไม่ให้สวมบทภูมิใจขวางได้มากนัก เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่แม้หัวหน้าพรรคจะทําตัวเป็นเอกเทศหลายเรื่องก็ขวางแบบเนียนเนียนตามประสาพรรคอนุรักษ์นิยมจ๋า แต่จะเขี่ยทิ้ง ก็ยากเพราะเป็นองคาพยพสําคัญที่ทําให้การจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสําเร็จ การไปเขี่ยทิ้งก็เท่ากับเปิดศึกกับผู้คุมดุลอํานาจในประเทศตอนนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 595 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ภูมิใจไทย รอดคดียุบพรรค กกต. ยกคำร้องคดีรับเงินบริจาค บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เพราะพรรคไม่รู้ว่าเงินบริจาคได้มาโดยผิดกฎหมาย
    #7ดอกจิก
    ♣ ภูมิใจไทย รอดคดียุบพรรค กกต. ยกคำร้องคดีรับเงินบริจาค บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เพราะพรรคไม่รู้ว่าเงินบริจาคได้มาโดยผิดกฎหมาย #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่
    .
    สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี
    .
    วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้
    .
    “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน"
    .
    ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ
    .
    "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์"
    .
    กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง
    .
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"
    นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว
    .
    นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง"
    “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน
    .
    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง”
    การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา
    .
    "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น
    .
    "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน”
    .
    - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก
    .
    - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง
    .
    “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
    .
    “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน
    .
    คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา”
    .
    ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป
    ...............
    Sondhi X
    "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่ . สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี . วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้ . “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน" . ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ . "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์" . กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง . นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก" นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว . นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง" “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน . นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง” การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา . "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น . "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน” . - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก . - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง . “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป . “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน . คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา” . ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป ............... Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1858 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากที่เสี่ยไก่ วัฒนา สามีเอื้ออาทร ไปนอนซังเต โบว์ก็ต้องดิ้นรนหากิน ด้วยการรับงานเชียร์ภูมิใจไทย อวยทั้งพรรคทั้งเสี่ยหนู แถมยังปกป้องเขากระโดงเสี่ยเน แต่ตอนนี้โบว์กำลังคบซ้อน หันกลับไปซบเสี่ยแม้วไปด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    หลังจากที่เสี่ยไก่ วัฒนา สามีเอื้ออาทร ไปนอนซังเต โบว์ก็ต้องดิ้นรนหากิน ด้วยการรับงานเชียร์ภูมิใจไทย อวยทั้งพรรคทั้งเสี่ยหนู แถมยังปกป้องเขากระโดงเสี่ยเน แต่ตอนนี้โบว์กำลังคบซ้อน หันกลับไปซบเสี่ยแม้วไปด้วย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การรถไฟฯ" แถลงการณ์ยืนยัน ที่ดิน "เขากระโดง" เป็นกรรมสิทธิของ รฟท. ย้ำมีเอกสาร-ข้อมูล พร้อมยืนยัน
    ลั่นจะดำเนินการทุกอย่าง เพื่อให้ที่ดินดังกล่าว กลับมาเป็นของ รฟท. เพื่อรักษาสมบัติของแผ่นดิน

    การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แถลงการณ์จากกรณีที่มีผู้มาพาดพิง ตามที่มีการรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่า นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ซึ่งกำกับดูแลกรมที่ดิน ได้นำอธิบดีกรมที่ดิน รองอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สส.จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และข้าราชการส่วนท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ พบกับราษฎรที่ครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อยืนยันสิทธิ์การครอบครองที่ดินของราษฎร และกล่าวพาดพิงถึง รฟท. ในทำนองว่า รฟท. จะไปก้าวล่วงสิทธิของประชาชนนั้น

    ทั้งนี้ รฟท. เห็นว่า การดำเนินการข้างต้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดของประชาชนต่อการดำเนินการของ รฟท. เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ดังนั้นจึงขอชี้แจงว่า รฟท. เป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ดินของ รฟท. จึงเป็นที่ดินของรัฐและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่ง รฟท. มีวัตถุประสงค์เพื่อรับโอนกิจการของกรมรถไฟ ดังนั้นบรรดาที่ดินและทรัพย์สินที่เคยเป็นของกรมรถไฟจึงโอนมาเป็นของ รฟท. ซึ่ง รฟท. มีหน้าที่ต้องดูแลที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ และติดตามเอาที่ดินของ รฟท. ที่มีการยึดถือครอบครองและออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบให้กลับคืนมาเป็นของ รฟท. อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การดำเนินการของ รฟท. เพื่อทวงคืนที่ดินบริเวณเขากระโดง จึงเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด

    ทั้งนี้ที่ดินบริเวณเขากระโดงได้รับการพิสูจน์และยืนยันผ่านกระบวนการทางศาล และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเป็นที่ยุติแล้วว่าที่ดินประมาณ 5,000 ไร่เศษ บริเวณ ตำบลอิสาณ และ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิของ รฟท. พร้อมกันนี้ศาลปกครองได้วินิจฉัยโดยอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาทั้งสองเรื่องข้างต้นแล้วสรุปว่าที่ดินบริเวณพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. นอกจากนี้ คำพิพากษาของศาลปกครองกลางยังระบุด้วยว่า กรมที่ดินมีหน้าที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการรถไฟฯ ไม่จำต้องไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาทุกแปลง

    ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะต้องดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของ รฟท. ซึ่งเป็นการออกโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง ไม่ได้เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า เหตุใด รฟท. จึงไม่ยื่นเอกสารแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินชุดเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกา ซึ่งแสดงถึงเขตที่ดินของการรถไฟฯ ที่ครบถ้วน และที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดินพิจารณานั้น ขอชี้แจงว่า รฟท. ยื่นเอกสารซึ่งแสดงถึงการได้มาของที่ดินรถไฟ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้กับคณะกรรมการสอบสวนทั้งหมด และเป็นเอกสารชุดเดียวกันกับที่ยื่นต่อศาลยุติธรรมด้วย

    ทั้งนี้ปัญหาการออกเอกสารทับซ้อนที่ดินของ รฟท. นั้น หน่วยงานที่เป็นผู้ออกเอกสารสิทธิในที่ดิน คือ กรมที่ดินและสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินที่จะต้องแก้ไขหรือดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยการดำเนินการตามขั้นตอนในการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทั้งหมด

    พร้อมขอขอยืนยันว่า สิทธิในความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง อันเป็นที่ดินของรัฐ โดยจะดำเนินการทุกอย่างภายในกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นที่ดินของ รฟท. เพื่อสงวนไว้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินอันเป็นไปเพื่อประโยชน์โดยรวมของประชาชนทุกคนต่อไป

    โดยการแก้ปัญหาที่ดินเขากระโดงไม่ใช่เรื่องยาก หากกรมที่ดินซึ่งเป็นผู้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินได้ร่วมมือกับ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครองกลาง และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีฝ่ายใดนำเอาปัญหาที่ดินเขากระโดง ไปเชื่อมโยงเพื่อเป็นประเด็นการเมือง เพียงหวังเรื่องคะแนนนิยมทางการเมือง เพราะจะทำให้การแก้ปัญหามีความยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีก
    "การรถไฟฯ" แถลงการณ์ยืนยัน ที่ดิน "เขากระโดง" เป็นกรรมสิทธิของ รฟท. ย้ำมีเอกสาร-ข้อมูล พร้อมยืนยัน ลั่นจะดำเนินการทุกอย่าง เพื่อให้ที่ดินดังกล่าว กลับมาเป็นของ รฟท. เพื่อรักษาสมบัติของแผ่นดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แถลงการณ์จากกรณีที่มีผู้มาพาดพิง ตามที่มีการรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่า นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ซึ่งกำกับดูแลกรมที่ดิน ได้นำอธิบดีกรมที่ดิน รองอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สส.จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และข้าราชการส่วนท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ พบกับราษฎรที่ครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อยืนยันสิทธิ์การครอบครองที่ดินของราษฎร และกล่าวพาดพิงถึง รฟท. ในทำนองว่า รฟท. จะไปก้าวล่วงสิทธิของประชาชนนั้น ทั้งนี้ รฟท. เห็นว่า การดำเนินการข้างต้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดของประชาชนต่อการดำเนินการของ รฟท. เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ดังนั้นจึงขอชี้แจงว่า รฟท. เป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ดินของ รฟท. จึงเป็นที่ดินของรัฐและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่ง รฟท. มีวัตถุประสงค์เพื่อรับโอนกิจการของกรมรถไฟ ดังนั้นบรรดาที่ดินและทรัพย์สินที่เคยเป็นของกรมรถไฟจึงโอนมาเป็นของ รฟท. ซึ่ง รฟท. มีหน้าที่ต้องดูแลที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ และติดตามเอาที่ดินของ รฟท. ที่มีการยึดถือครอบครองและออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบให้กลับคืนมาเป็นของ รฟท. อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การดำเนินการของ รฟท. เพื่อทวงคืนที่ดินบริเวณเขากระโดง จึงเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด ทั้งนี้ที่ดินบริเวณเขากระโดงได้รับการพิสูจน์และยืนยันผ่านกระบวนการทางศาล และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเป็นที่ยุติแล้วว่าที่ดินประมาณ 5,000 ไร่เศษ บริเวณ ตำบลอิสาณ และ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิของ รฟท. พร้อมกันนี้ศาลปกครองได้วินิจฉัยโดยอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาทั้งสองเรื่องข้างต้นแล้วสรุปว่าที่ดินบริเวณพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. นอกจากนี้ คำพิพากษาของศาลปกครองกลางยังระบุด้วยว่า กรมที่ดินมีหน้าที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการรถไฟฯ ไม่จำต้องไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาทุกแปลง ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะต้องดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของ รฟท. ซึ่งเป็นการออกโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง ไม่ได้เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า เหตุใด รฟท. จึงไม่ยื่นเอกสารแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินชุดเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกา ซึ่งแสดงถึงเขตที่ดินของการรถไฟฯ ที่ครบถ้วน และที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดินพิจารณานั้น ขอชี้แจงว่า รฟท. ยื่นเอกสารซึ่งแสดงถึงการได้มาของที่ดินรถไฟ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้กับคณะกรรมการสอบสวนทั้งหมด และเป็นเอกสารชุดเดียวกันกับที่ยื่นต่อศาลยุติธรรมด้วย ทั้งนี้ปัญหาการออกเอกสารทับซ้อนที่ดินของ รฟท. นั้น หน่วยงานที่เป็นผู้ออกเอกสารสิทธิในที่ดิน คือ กรมที่ดินและสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินที่จะต้องแก้ไขหรือดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยการดำเนินการตามขั้นตอนในการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทั้งหมด พร้อมขอขอยืนยันว่า สิทธิในความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง อันเป็นที่ดินของรัฐ โดยจะดำเนินการทุกอย่างภายในกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นที่ดินของ รฟท. เพื่อสงวนไว้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินอันเป็นไปเพื่อประโยชน์โดยรวมของประชาชนทุกคนต่อไป โดยการแก้ปัญหาที่ดินเขากระโดงไม่ใช่เรื่องยาก หากกรมที่ดินซึ่งเป็นผู้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินได้ร่วมมือกับ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครองกลาง และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีฝ่ายใดนำเอาปัญหาที่ดินเขากระโดง ไปเชื่อมโยงเพื่อเป็นประเด็นการเมือง เพียงหวังเรื่องคะแนนนิยมทางการเมือง เพราะจะทำให้การแก้ปัญหามีความยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีก
    Like
    Love
    3
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อิ๊งค์" ไม่แปลกใจ "ทักษิณ-อนุทิน" ออกรอบตีกอล์ฟ ปัดสยบรอยร้าว (23/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #รอยราวภูมิใจไทยเพื่อไทย #สยบรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล #อีแอบทางการเมือง
    "อิ๊งค์" ไม่แปลกใจ "ทักษิณ-อนุทิน" ออกรอบตีกอล์ฟ ปัดสยบรอยร้าว (23/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #รอยราวภูมิใจไทยเพื่อไทย #สยบรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล #อีแอบทางการเมือง
    Angry
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1060 มุมมอง 35 0 รีวิว
Pages Boosts