• ปธ.กกต. พร้อม กกต.ชุดใหม่ รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง “ณรงค์” ยืนยันเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งเต็มที่ หลังยุบสภา พร้อมระบุไทม์ไลน์ดำเนินการได้ตามกติกา และมีความเป็นไปได้ที่วันเลือกตั้งจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ. 2569
    .
    นายณรงค์ระบุว่า กกต.ได้เตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว ทั้งเรื่องการแบ่งเขตตามจำนวนประชากรที่เปลี่ยนแปลง และจะประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็ว คาดว่าภายในวันจันทร์หรืออังคารนี้จะมีความชัดเจน
    ส่วนกรณีการทำประชามติ จะต้องรอการหารือกับ ครม. ซึ่งคาดว่าต้นสัปดาห์หน้าจะมีผู้แทนเข้าพบ กกต. เพื่อพูดคุยเรื่องอำนาจของ ครม.รักษาการ รวมถึงการดำเนินการและงบประมาณ โดยย้ำว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและพิจารณาอย่างละเอียดในรูปคณะกรรมการ
    .
    เมื่อถูกถามถึงข้อกังวลเรื่องความเป็นกลาง นายณรงค์ยืนยันว่า กกต.ทำงานบนกติกาและความเป็นกลาง และพร้อมจัดการเลือกตั้งให้ดีที่สุด พร้อมย้ำว่า “ไม่กดดัน” แม้เพิ่งรับตำแหน่ง เพราะเป็นหน้าที่ตามระบบ
    .
    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม:
    https://news1live.com/detail/9680000119404
    .
    #News1live #News1 #กกต #เลือกตั้ง #ยุบสภา #เลือกตั้ง2569 #8กุมภาพันธ์2569 #ณรงค์ #ประชามติ #ครมรักษาการ #การเมืองไทย #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    ปธ.กกต. พร้อม กกต.ชุดใหม่ รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง “ณรงค์” ยืนยันเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งเต็มที่ หลังยุบสภา พร้อมระบุไทม์ไลน์ดำเนินการได้ตามกติกา และมีความเป็นไปได้ที่วันเลือกตั้งจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ. 2569 . นายณรงค์ระบุว่า กกต.ได้เตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว ทั้งเรื่องการแบ่งเขตตามจำนวนประชากรที่เปลี่ยนแปลง และจะประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็ว คาดว่าภายในวันจันทร์หรืออังคารนี้จะมีความชัดเจน ส่วนกรณีการทำประชามติ จะต้องรอการหารือกับ ครม. ซึ่งคาดว่าต้นสัปดาห์หน้าจะมีผู้แทนเข้าพบ กกต. เพื่อพูดคุยเรื่องอำนาจของ ครม.รักษาการ รวมถึงการดำเนินการและงบประมาณ โดยย้ำว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและพิจารณาอย่างละเอียดในรูปคณะกรรมการ . เมื่อถูกถามถึงข้อกังวลเรื่องความเป็นกลาง นายณรงค์ยืนยันว่า กกต.ทำงานบนกติกาและความเป็นกลาง และพร้อมจัดการเลือกตั้งให้ดีที่สุด พร้อมย้ำว่า “ไม่กดดัน” แม้เพิ่งรับตำแหน่ง เพราะเป็นหน้าที่ตามระบบ . อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: https://news1live.com/detail/9680000119404 . #News1live #News1 #กกต #เลือกตั้ง #ยุบสภา #เลือกตั้ง2569 #8กุมภาพันธ์2569 #ณรงค์ #ประชามติ #ครมรักษาการ #การเมืองไทย #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ โดย “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน กกต. พร้อมแต่งตั้ง “อนันต์ สุวรรณรัตน์” และ “ณรงค์ รักร้อย” เป็นกรรมการการเลือกตั้ง
    มีผลตั้งแต่ 7 ธ.ค. 2568
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118395
    .
    #News1live #News1 #กกต #โปรดเกล้าฯ #การเมืองไทย
    ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ โดย “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน กกต. พร้อมแต่งตั้ง “อนันต์ สุวรรณรัตน์” และ “ณรงค์ รักร้อย” เป็นกรรมการการเลือกตั้ง มีผลตั้งแต่ 7 ธ.ค. 2568 . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118395 . #News1live #News1 #กกต #โปรดเกล้าฯ #การเมืองไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เด็กเล็กกับโซเชียลมีเดีย – สัญญาณอันตรายที่สังคมต้องรับมือ"

    รายงานจาก Centre for Social Justice (CSJ) ในสหราชอาณาจักรเผยว่า กว่า 814,000 เด็กอายุ 3–5 ปี กำลังใช้งานโซเชียลมีเดีย แม้ยังไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ แต่กลับถูกป้อนด้วยคอนเทนต์และอัลกอริทึมที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้ใหญ่ ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและสุขภาพเด็ก.

    การวิเคราะห์นี้อ้างอิงข้อมูลประชากรปี 2024 และผลสำรวจจาก Ofcom ที่พบว่า เกือบ 40% ของผู้ปกครองเด็กเล็กยอมรับว่าลูกใช้โซเชียลมีเดีย อย่างน้อยหนึ่งแพลตฟอร์ม สะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ได้เป็นเพียงกรณีเฉพาะ แต่กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ในวงกว้าง.

    Lord Nash อดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการอังกฤษเรียกร้องให้มี การรณรงค์ด้านสาธารณสุข เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจถึงผลเสีย และเสนอให้ ยกอายุขั้นต่ำในการใช้โซเชียลมีเดียเป็น 16 ปี พร้อมบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรับผิดชอบหากปล่อยให้เด็กเล็กเข้าถึงแพลตฟอร์มได้.

    ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียกำลังจะบังคับใช้กฎหมายใหม่ตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2025 ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มต้องป้องกันไม่ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีสมัครบัญชีได้ ถือเป็นก้าวแรกของโลกในการสร้างมาตรการเชิงกฎหมายเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย.

    สรุปสาระสำคัญ
    สถานการณ์การใช้โซเชียลมีเดียในเด็กเล็ก
    เด็กอายุ 3–5 ปีในสหราชอาณาจักรกว่า 814,000 คนใช้งานโซเชียลมีเดีย
    เกือบ 40% ของผู้ปกครองยอมรับว่าลูกใช้แพลตฟอร์มออนไลน์

    ข้อเสนอและมาตรการ
    เรียกร้องให้ยกอายุขั้นต่ำในการใช้โซเชียลมีเดียเป็น 16 ปี
    เสนอให้มีการรณรงค์สาธารณสุขเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้ปกครอง

    ตัวอย่างจากต่างประเทศ
    ออสเตรเลียออกกฎหมายใหม่บังคับใช้ 10 ธันวาคม 2025
    แพลตฟอร์มต้องป้องกันไม่ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีสมัครบัญชี

    คำเตือนต่อสังคมและผู้ปกครอง
    เด็กเล็กที่ยังไม่รู้หนังสือกำลังถูกป้อนคอนเทนต์ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่
    เสี่ยงต่อการพัฒนาสมองและสุขภาพจิตจากการเสพติดโซเชียลมีเดีย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/07/scale-of-social-media-use-in-pre-school-children-deeply-alarming
    📰 "เด็กเล็กกับโซเชียลมีเดีย – สัญญาณอันตรายที่สังคมต้องรับมือ" 👶 รายงานจาก Centre for Social Justice (CSJ) ในสหราชอาณาจักรเผยว่า กว่า 814,000 เด็กอายุ 3–5 ปี กำลังใช้งานโซเชียลมีเดีย แม้ยังไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ แต่กลับถูกป้อนด้วยคอนเทนต์และอัลกอริทึมที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้ใหญ่ ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและสุขภาพเด็ก. 📊 การวิเคราะห์นี้อ้างอิงข้อมูลประชากรปี 2024 และผลสำรวจจาก Ofcom ที่พบว่า เกือบ 40% ของผู้ปกครองเด็กเล็กยอมรับว่าลูกใช้โซเชียลมีเดีย อย่างน้อยหนึ่งแพลตฟอร์ม สะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ได้เป็นเพียงกรณีเฉพาะ แต่กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ในวงกว้าง. ⚖️ Lord Nash อดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการอังกฤษเรียกร้องให้มี การรณรงค์ด้านสาธารณสุข เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจถึงผลเสีย และเสนอให้ ยกอายุขั้นต่ำในการใช้โซเชียลมีเดียเป็น 16 ปี พร้อมบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรับผิดชอบหากปล่อยให้เด็กเล็กเข้าถึงแพลตฟอร์มได้. 🌍 ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียกำลังจะบังคับใช้กฎหมายใหม่ตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2025 ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มต้องป้องกันไม่ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีสมัครบัญชีได้ ถือเป็นก้าวแรกของโลกในการสร้างมาตรการเชิงกฎหมายเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สถานการณ์การใช้โซเชียลมีเดียในเด็กเล็ก ➡️ เด็กอายุ 3–5 ปีในสหราชอาณาจักรกว่า 814,000 คนใช้งานโซเชียลมีเดีย ➡️ เกือบ 40% ของผู้ปกครองยอมรับว่าลูกใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ✅ ข้อเสนอและมาตรการ ➡️ เรียกร้องให้ยกอายุขั้นต่ำในการใช้โซเชียลมีเดียเป็น 16 ปี ➡️ เสนอให้มีการรณรงค์สาธารณสุขเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้ปกครอง ✅ ตัวอย่างจากต่างประเทศ ➡️ ออสเตรเลียออกกฎหมายใหม่บังคับใช้ 10 ธันวาคม 2025 ➡️ แพลตฟอร์มต้องป้องกันไม่ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีสมัครบัญชี ‼️ คำเตือนต่อสังคมและผู้ปกครอง ⛔ เด็กเล็กที่ยังไม่รู้หนังสือกำลังถูกป้อนคอนเทนต์ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ ⛔ เสี่ยงต่อการพัฒนาสมองและสุขภาพจิตจากการเสพติดโซเชียลมีเดีย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/07/scale-of-social-media-use-in-pre-school-children-deeply-alarming
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Scale of social media use in pre-school children 'deeply alarming'
    Hundreds of thousands of pre-school children are "being fed content and algorithms designed to hook adults", a former education minister in Britain has warned.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพลง "ปลงซะ" ของวงพลอย: จุดเริ่มต้นของติ๊ก ชิโร่ อัจฉริยะแห่งวงการเพลงไทยยุค 90

    ในยุคที่เพลงไทยกำลังเบ่งบานด้วยสไตล์ป็อปร็อกผสมผสานกลิ่นอายแดนซ์และคันทรี่ เพลง "ปลงซะ" จากอัลบั้มชุดแรกของวงพลอย ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่จุดประกายให้วงการเพลงไทยคึกคักขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และต้น 1990s เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ทำให้วงพลอยเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในอาชีพนักร้องนำและมือกลองอย่างติ๊ก ชิโร่ (ชื่อจริง: มนัสวิน นันทเสน หรือชื่อเดิม ศิริศักดิ์ นันทเสน) ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการเพลงไทยในยุค 90 ด้วยพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีที่หลากหลาย บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของวงพลอย ประวัติของติ๊ก ชิโร่ ความดังของเพลง "ปลงซะ" รวมถึงเส้นทางเดี่ยวที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนาน

    ประวัติและการก่อตั้งวงพลอย: จากวงแบ็คอัพสู่ตำนานป็อปร็อก
    วงพลอยเกิดขึ้นจากแนวคิดของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังที่ต้องการมีวงดนตรีแบ็คอัพสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของตนเองภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น การก่อตั้งวงเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 โดยเดิมใช้ชื่อ "แจ้และพลอย" สมาชิกหลักในช่วงแรกประกอบด้วยนักดนตรีมากพรสวรรค์ที่มาจากหลากหลายพื้นเพ วงพลอยมีแนวเพลงหลักเป็นป็อปร็อก ผสมผสานกับแดนซ์ คันทรี่ กอสเปล และบลูส์ ซึ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์โดดเด่น ท่ามกลางกระแสเพลงไทยที่กำลังเปลี่ยนจากยุคดิสโก้สู่ร็อกยุคใหม่

    สมาชิกหลักของวงพลอยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงกิจกรรม แต่บุคคลสำคัญที่ทำให้วงโด่งดัง ได้แก่:
    ติ๊ก ชิโร่ (ศิริศักดิ์ นันทเสน): นักร้องนำและมือกลอง เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 เข้าร่วมวงตั้งแต่ปี 2529 จนถึง 2533 ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเพลงและการแสดงสด
    วสุ แสงสิงแก้ว: นักร้องนำ คีย์บอร์ด และกีตาร์ เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นแต่ลาออกในปี 2531 เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ
    อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา: หัวหน้าวงและคีย์บอร์ด
    มืด ไข่มุก: เพอร์คัสชั่น กลองชุด และร้องนำ (เสียชีวิตเมื่อปี 2565)
    รักษ์ สวัสซิตัง: กีตาร์และร้องนำ
    อนุสาร คุณะดิลก: เบสและร้องนำ (เสียชีวิตปี 2557)
    ชาตรี คงสุวรรณ: กีตาร์และแซ็กโซโฟน (ช่วงแรก)
    สมาชิกอื่น ๆ เช่น ปิติ ปิติวงศ์ (คีย์บอร์ด), เดวิด เอง (กีตาร์) และวรดิษฐ์ เมืองทอง (ร้องนำแทนวสุในอัลบั้มสุดท้าย)

    วงพลอยออกอัลบั้มแรกในนาม "แจ้และพลอย" ชื่อ "ฝันสีทอง" ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2529 ตามด้วย "ของขวัญ" ในปลายปีเดียวกัน ปี 2530 เปลี่ยนชื่อเป็น "วงพลอย" อย่างเป็นทางการและออกอัลบั้มเต็มชุดแรก "สุภาพบุรุษนักฝัน" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อัลบั้มนี้ขายดีและมีเพลงฮิตหลายเพลง ตามด้วย "สมาคมคนเจ็บ ๆ" (2531) และ "พลอย 3" (2532) หลังจากนั้นวงประกาศยุบในปี 2533 เนื่องจากสมาชิกหลายคนแยกย้ายไปทำผลงานเดี่ยว แต่ยังมีอัลบั้มรวมฮิตออกตามมา เช่น "รวมฮิต พลอย" (2535) และ "BEST OF พลอย" (2544) รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่เช่น "โลกดนตรี พลอย" (2531-2533)

    วงพลอยถูกยกย่องว่าเป็น "สมาคมสุภาพบุรุษนักดนตรีแห่งทศวรรษ 1980s" ด้วยการผสมผสานดนตรีที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น

    ประวัติติ๊ก ชิโร่: จากเด็กโคราชสู่มือกลองและนักร้องอัจฉริยะ
    ติ๊ก ชิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชวลิตและนางสุดใจ นันทเสน เขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาแต่มีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ติ๊กตั้งวงกับเพื่อนชื่อ "แฟมิลี่" และเล่นประจำที่เอส.พี.ไนท์คลับในโคราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น "เดอะ ดิสค์" เล่นที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น แล้วเป็น "ดิสโก้คิสส์" กลับมาโคราช ระหว่างเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) เขาเล่นที่ซิลเวอร์สตาร์ ขอนแก่น จากนั้นย้ายไปพัทยา เปลี่ยนชื่อวงเป็น "ริทึ่มมิ๊กซ์" และ "เซเลเบรชั่น" ซึ่งออกอัลบั้มชุดเดียว "คนชุดขาว" ในปี 2527 โดยสมาชิกแต่งกายชุดขาวและสวมหน้ากาก

    ติ๊กเข้าร่วมวงพลอยในปี 2529 ในตำแหน่งมือกลองและนักร้องนำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการเพลงไทยอย่างเต็มตัว เขาไม่เพียงเล่นกลองและร้องนำ แต่ยังแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีให้วงด้วย พรสวรรค์ของติ๊กในด้านนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "อัจฉริยะ" เพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น กลอง เปียโน และกีตาร์ รวมถึงแต่งเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ป็อป แดนซ์ ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่งและคันทรี่
    ด้านชีวิตส่วนตัว ติ๊กสมรสกับพรรทิรา นันทเสน มีบุตรสาวสองคน ชื่อชาเม-ชามันดา และยาหยี-เลอทีญา เขาจบปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาโทจากธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นอกจากดนตรี เขายังเป็นนักแสดง พิธีกร และผู้ก่อตั้งค่ายเพลง LOMABin Entertainment ในปี 2564

    ความดังของเพลง "ปลงซะ": เพลงฮิตที่จุดประกายวงพลอย
    เพลง "ปลงซะ" เป็นหนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้ม "สุภาพบุรุษนักฝัน" (2530) ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงพลอย เพลงนี้แต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดยติ๊ก ชิโร่เอง ร้องนำโดยติ๊ก เนื้อเพลงพูดถึงการ "ปลงตก" กับความผิดหวังในชีวิตและความรัก ด้วยจังหวะสนุกสนานผสมร็อกและแดนซ์ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างรวดเร็ว คำว่า "ปลงซะ" กลายเป็นวลีฮิตที่คนรุ่นนั้นใช้พูดกันติดปาก

    อัลบั้มนี้มีเพลงดังอื่น ๆ เช่น "จดหมายลาครู" (ร้องโดยวสุ), "สูตรรักนักเรียน" (วสุ), และ "ไม่ได้เจตนา" (มืด) ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มขายดีและทำให้วงพลอยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น เพลง "ปลงซะ" ไม่เพียงทำให้ติ๊กเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้เพลงนี้ถูกนำไปรวมในอัลบั้มฮิตหลายชุด เช่น "ดีที่สุดแห่งปี 2530" (2549) และ "เพลงฮิตเมื่อวันวาน" (2555) ความดังของเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊กก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา

    การแยกตัวและความดังส่วนตัวของติ๊ก ชิโร่: ยุคทองของศิลปินเดี่ยว
    หลังจากวงพลอยยุบในปี 2533 ติ๊ก ชิโร่ ตัดสินใจแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในยุค 90 อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "โชะ ไชโย" (ธันวาคม 2533) ขายได้มากกว่าล้านตลับ ด้วยเพลงฮิตอย่าง "โชะ ไชโย" ที่ผสมผสานป็อปแดนซ์ร็อก ตามด้วย "เต็มเหนี่ยว" (2535) ซึ่งได้รับรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ด และขายล้านตลับเช่นกัน

    ตลอดทศวรรษ 1990s ติ๊กออกอัลบั้มอีกหลายชุด เช่น "ยินดีต้อนรับ" (2536) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมสีสันอวอร์ด, "ซ.ต.พ. (Q.E.D.)" (2537), "ติ๊กเบอร์ 5 (มหาชน)" (2539), "ย้อนยุคใหม่" (2540), "ทำปุ๋ย" (2541) และ "โช๊ะ ลูกทุ่ง 1 2 3" (2541) เพลงดังส่วนตัวของเขา ได้แก่ "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง", "มนุษย์ค้างคาว", "เต็มเหนี่ยว", "โชะ ไชโย" และเพลงรณรงค์อย่าง "แค่ขยับ" (2550) นอกจากนี้ เขายังแต่งเพลงให้ศิลปินอื่น เช่น "จูนหัวใจ" ให้กัญญาณี มุจจลินทร์กุล และ "ก็ดี" ให้ธงไชย แมคอินไตย์

    ความดังของติ๊กในยุค 90 มาจากการผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลาย ทำให้เขาเป็นศิลปินที่เข้าถึงผู้ฟังทุกวัย เขาได้รับฉายา "โบราณแมน" จากอัลบั้มในปี 2548 และยังคงผลิตผลงานจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอัลบั้มรวมเพลงอย่าง "25 ปี ติ๊ก ชิโร่" (2558) และ "The Legend Of ติ๊ก ชิโร่" (2560) การแยกตัวทำให้ติ๊กประสบความสำเร็จสูงสุด โดยขายอัลบั้มรวมหลายล้านชุดและมีคอนเสิร์ตใหญ่หลายครั้ง

    สรุป: มรดกของติ๊ก ชิโร่และวงพลอยในวงการเพลงไทย
    เพลง "ปลงซะ" ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊ก ชิโร่ ก้าวจากมือกลองในวงพลอยสู่ศิลปินเดี่ยวระดับตำนาน วงพลอยเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ปูทางให้ดนตรีไทยในยุค 90 มีความหลากหลายมากขึ้น ติ๊กถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพราะความสามารถรอบด้าน ทั้งแต่ง ร้อง และผลิตเพลงที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่เพลงของเขาและวงพลอยยังคงถูกเปิดฟังและนำไปรีเมค สะท้อนถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนในวงการเพลงไทย

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=Yg1kHho4J-o
    🎵 เพลง "ปลงซะ" ของวงพลอย: จุดเริ่มต้นของติ๊ก ชิโร่ อัจฉริยะแห่งวงการเพลงไทยยุค 90 🕺 🗺️ ในยุคที่เพลงไทยกำลังเบ่งบานด้วยสไตล์ป็อปร็อกผสมผสานกลิ่นอายแดนซ์และคันทรี่ เพลง "ปลงซะ" จากอัลบั้มชุดแรกของวงพลอย ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่จุดประกายให้วงการเพลงไทยคึกคักขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และต้น 1990s เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ทำให้วงพลอยเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในอาชีพนักร้องนำและมือกลองอย่างติ๊ก ชิโร่ (ชื่อจริง: มนัสวิน นันทเสน หรือชื่อเดิม ศิริศักดิ์ นันทเสน) ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการเพลงไทยในยุค 90 ด้วยพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีที่หลากหลาย บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของวงพลอย ประวัติของติ๊ก ชิโร่ ความดังของเพลง "ปลงซะ" รวมถึงเส้นทางเดี่ยวที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนาน 🌠 ✡️ ประวัติและการก่อตั้งวงพลอย: จากวงแบ็คอัพสู่ตำนานป็อปร็อก วงพลอยเกิดขึ้นจากแนวคิดของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังที่ต้องการมีวงดนตรีแบ็คอัพสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของตนเองภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น การก่อตั้งวงเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 โดยเดิมใช้ชื่อ "แจ้และพลอย" สมาชิกหลักในช่วงแรกประกอบด้วยนักดนตรีมากพรสวรรค์ที่มาจากหลากหลายพื้นเพ วงพลอยมีแนวเพลงหลักเป็นป็อปร็อก ผสมผสานกับแดนซ์ คันทรี่ กอสเปล และบลูส์ ซึ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์โดดเด่น ท่ามกลางกระแสเพลงไทยที่กำลังเปลี่ยนจากยุคดิสโก้สู่ร็อกยุคใหม่ 💎 สมาชิกหลักของวงพลอยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงกิจกรรม แต่บุคคลสำคัญที่ทำให้วงโด่งดัง ได้แก่: 🙎‍♂️ ติ๊ก ชิโร่ (ศิริศักดิ์ นันทเสน): นักร้องนำและมือกลอง เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 เข้าร่วมวงตั้งแต่ปี 2529 จนถึง 2533 ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเพลงและการแสดงสด 🙎‍♂️ วสุ แสงสิงแก้ว: นักร้องนำ คีย์บอร์ด และกีตาร์ เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นแต่ลาออกในปี 2531 เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ 🙎‍♂️ อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา: หัวหน้าวงและคีย์บอร์ด 🙎‍♂️ มืด ไข่มุก: เพอร์คัสชั่น กลองชุด และร้องนำ (เสียชีวิตเมื่อปี 2565) 🙎‍♂️ รักษ์ สวัสซิตัง: กีตาร์และร้องนำ 🙎‍♂️ อนุสาร คุณะดิลก: เบสและร้องนำ (เสียชีวิตปี 2557) 🙎‍♂️ ชาตรี คงสุวรรณ: กีตาร์และแซ็กโซโฟน (ช่วงแรก) 🙎‍♂️ สมาชิกอื่น ๆ เช่น ปิติ ปิติวงศ์ (คีย์บอร์ด), เดวิด เอง (กีตาร์) และวรดิษฐ์ เมืองทอง (ร้องนำแทนวสุในอัลบั้มสุดท้าย) 💿 วงพลอยออกอัลบั้มแรกในนาม "แจ้และพลอย" ชื่อ "ฝันสีทอง" ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2529 ตามด้วย "ของขวัญ" ในปลายปีเดียวกัน ปี 2530 เปลี่ยนชื่อเป็น "วงพลอย" อย่างเป็นทางการและออกอัลบั้มเต็มชุดแรก "สุภาพบุรุษนักฝัน" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อัลบั้มนี้ขายดีและมีเพลงฮิตหลายเพลง ตามด้วย "สมาคมคนเจ็บ ๆ" (2531) และ "พลอย 3" (2532) หลังจากนั้นวงประกาศยุบในปี 2533 เนื่องจากสมาชิกหลายคนแยกย้ายไปทำผลงานเดี่ยว แต่ยังมีอัลบั้มรวมฮิตออกตามมา เช่น "รวมฮิต พลอย" (2535) และ "BEST OF พลอย" (2544) รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่เช่น "โลกดนตรี พลอย" (2531-2533) 💎 วงพลอยถูกยกย่องว่าเป็น "สมาคมสุภาพบุรุษนักดนตรีแห่งทศวรรษ 1980s" ด้วยการผสมผสานดนตรีที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น 🕺 ประวัติติ๊ก ชิโร่: จากเด็กโคราชสู่มือกลองและนักร้องอัจฉริยะ ติ๊ก ชิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชวลิตและนางสุดใจ นันทเสน เขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาแต่มีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ติ๊กตั้งวงกับเพื่อนชื่อ "แฟมิลี่" และเล่นประจำที่เอส.พี.ไนท์คลับในโคราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น "เดอะ ดิสค์" เล่นที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น แล้วเป็น "ดิสโก้คิสส์" กลับมาโคราช ระหว่างเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) เขาเล่นที่ซิลเวอร์สตาร์ ขอนแก่น จากนั้นย้ายไปพัทยา เปลี่ยนชื่อวงเป็น "ริทึ่มมิ๊กซ์" และ "เซเลเบรชั่น" ซึ่งออกอัลบั้มชุดเดียว "คนชุดขาว" ในปี 2527 โดยสมาชิกแต่งกายชุดขาวและสวมหน้ากาก 🙎‍♂️ ติ๊กเข้าร่วมวงพลอยในปี 2529 ในตำแหน่งมือกลองและนักร้องนำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการเพลงไทยอย่างเต็มตัว เขาไม่เพียงเล่นกลองและร้องนำ แต่ยังแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีให้วงด้วย พรสวรรค์ของติ๊กในด้านนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "อัจฉริยะ" เพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น กลอง เปียโน และกีตาร์ รวมถึงแต่งเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ป็อป แดนซ์ ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่งและคันทรี่ ด้านชีวิตส่วนตัว ติ๊กสมรสกับพรรทิรา นันทเสน มีบุตรสาวสองคน ชื่อชาเม-ชามันดา และยาหยี-เลอทีญา เขาจบปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาโทจากธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นอกจากดนตรี เขายังเป็นนักแสดง พิธีกร และผู้ก่อตั้งค่ายเพลง LOMABin Entertainment ในปี 2564 🎖️ ความดังของเพลง "ปลงซะ": เพลงฮิตที่จุดประกายวงพลอย เพลง "ปลงซะ" เป็นหนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้ม "สุภาพบุรุษนักฝัน" (2530) ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงพลอย เพลงนี้แต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดยติ๊ก ชิโร่เอง ร้องนำโดยติ๊ก เนื้อเพลงพูดถึงการ "ปลงตก" กับความผิดหวังในชีวิตและความรัก ด้วยจังหวะสนุกสนานผสมร็อกและแดนซ์ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างรวดเร็ว คำว่า "ปลงซะ" กลายเป็นวลีฮิตที่คนรุ่นนั้นใช้พูดกันติดปาก 🏆 อัลบั้มนี้มีเพลงดังอื่น ๆ เช่น "จดหมายลาครู" (ร้องโดยวสุ), "สูตรรักนักเรียน" (วสุ), และ "ไม่ได้เจตนา" (มืด) ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มขายดีและทำให้วงพลอยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น เพลง "ปลงซะ" ไม่เพียงทำให้ติ๊กเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้เพลงนี้ถูกนำไปรวมในอัลบั้มฮิตหลายชุด เช่น "ดีที่สุดแห่งปี 2530" (2549) และ "เพลงฮิตเมื่อวันวาน" (2555) ความดังของเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊กก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา ☢️ การแยกตัวและความดังส่วนตัวของติ๊ก ชิโร่: ยุคทองของศิลปินเดี่ยว หลังจากวงพลอยยุบในปี 2533 ติ๊ก ชิโร่ ตัดสินใจแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในยุค 90 อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "โชะ ไชโย" (ธันวาคม 2533) ขายได้มากกว่าล้านตลับ ด้วยเพลงฮิตอย่าง "โชะ ไชโย" ที่ผสมผสานป็อปแดนซ์ร็อก ตามด้วย "เต็มเหนี่ยว" (2535) ซึ่งได้รับรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ด และขายล้านตลับเช่นกัน ตลอดทศวรรษ 1990s ติ๊กออกอัลบั้มอีกหลายชุด เช่น "ยินดีต้อนรับ" (2536) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมสีสันอวอร์ด, "ซ.ต.พ. (Q.E.D.)" (2537), "ติ๊กเบอร์ 5 (มหาชน)" (2539), "ย้อนยุคใหม่" (2540), "ทำปุ๋ย" (2541) และ "โช๊ะ ลูกทุ่ง 1 2 3" (2541) เพลงดังส่วนตัวของเขา ได้แก่ "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง", "มนุษย์ค้างคาว", "เต็มเหนี่ยว", "โชะ ไชโย" และเพลงรณรงค์อย่าง "แค่ขยับ" (2550) นอกจากนี้ เขายังแต่งเพลงให้ศิลปินอื่น เช่น "จูนหัวใจ" ให้กัญญาณี มุจจลินทร์กุล และ "ก็ดี" ให้ธงไชย แมคอินไตย์ 📝 🤍 ความดังของติ๊กในยุค 90 มาจากการผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลาย ทำให้เขาเป็นศิลปินที่เข้าถึงผู้ฟังทุกวัย เขาได้รับฉายา "โบราณแมน" จากอัลบั้มในปี 2548 และยังคงผลิตผลงานจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอัลบั้มรวมเพลงอย่าง "25 ปี ติ๊ก ชิโร่" (2558) และ "The Legend Of ติ๊ก ชิโร่" (2560) การแยกตัวทำให้ติ๊กประสบความสำเร็จสูงสุด โดยขายอัลบั้มรวมหลายล้านชุดและมีคอนเสิร์ตใหญ่หลายครั้ง ℹ️ℹ️ สรุป: มรดกของติ๊ก ชิโร่และวงพลอยในวงการเพลงไทย🏁 เพลง "ปลงซะ" ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊ก ชิโร่ ก้าวจากมือกลองในวงพลอยสู่ศิลปินเดี่ยวระดับตำนาน วงพลอยเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ปูทางให้ดนตรีไทยในยุค 90 มีความหลากหลายมากขึ้น ติ๊กถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพราะความสามารถรอบด้าน ทั้งแต่ง ร้อง และผลิตเพลงที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่เพลงของเขาและวงพลอยยังคงถูกเปิดฟังและนำไปรีเมค สะท้อนถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนในวงการเพลงไทย ✨💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=Yg1kHho4J-o
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • "งานวิจัยเผย AI Chatbots มีอิทธิพลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง"

    ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ พบว่า AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสนทนาเชิงโต้ตอบที่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกับบุคคลจริง ๆ มากกว่าการรับข้อมูลจากโฆษณาออนไลน์หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย.

    นักวิจัยระบุว่า Chatbots มีศักยภาพในการ ปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน เช่น การใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียหรือพฤติกรรมออนไลน์ เพื่อสร้างข้อความที่ตรงกับความสนใจและความเชื่อเดิมของผู้ใช้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการโน้มน้าวใจได้มากขึ้น.

    แม้จะมีข้อดีในด้านการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูล แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การใช้ AI ในการรณรงค์ทางการเมืองอาจสร้างความเสี่ยงต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม เพราะผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ไม่ใช่บุคคลจริง.

    งานวิจัยนี้จึงจุดประกายการถกเถียงว่า ควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเมือง เพื่อป้องกันการบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณะ และรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตย โดยหลายฝ่ายเสนอให้มีการออกกฎหมายหรือมาตรฐานใหม่ในการใช้เทคโนโลยีนี้.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้
    การสนทนาเชิงโต้ตอบมีอิทธิพลมากกว่าการโฆษณาออนไลน์ทั่วไป
    Chatbots สามารถปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    หลายประเทศเริ่มถกเถียงเรื่องการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเลือกตั้ง
    สหภาพยุโรปมีข้อเสนอให้จำกัดการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล
    นักวิชาการเตือนว่า AI อาจสร้าง “echo chamber” ที่ทำให้ผู้ใช้เห็นแต่ข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิม

    คำเตือนจากข่าว
    ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ
    การใช้ AI ในการรณรงค์อาจกระทบต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม
    หากไม่มีการกำกับดูแล อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/studies-ai-chatbots-can-influence-voters
    🗳️ "งานวิจัยเผย AI Chatbots มีอิทธิพลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง" ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ พบว่า AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสนทนาเชิงโต้ตอบที่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกับบุคคลจริง ๆ มากกว่าการรับข้อมูลจากโฆษณาออนไลน์หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย. นักวิจัยระบุว่า Chatbots มีศักยภาพในการ ปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน เช่น การใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียหรือพฤติกรรมออนไลน์ เพื่อสร้างข้อความที่ตรงกับความสนใจและความเชื่อเดิมของผู้ใช้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการโน้มน้าวใจได้มากขึ้น. แม้จะมีข้อดีในด้านการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูล แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การใช้ AI ในการรณรงค์ทางการเมืองอาจสร้างความเสี่ยงต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม เพราะผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ไม่ใช่บุคคลจริง. งานวิจัยนี้จึงจุดประกายการถกเถียงว่า ควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเมือง เพื่อป้องกันการบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณะ และรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตย โดยหลายฝ่ายเสนอให้มีการออกกฎหมายหรือมาตรฐานใหม่ในการใช้เทคโนโลยีนี้. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ ➡️ การสนทนาเชิงโต้ตอบมีอิทธิพลมากกว่าการโฆษณาออนไลน์ทั่วไป ➡️ Chatbots สามารถปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ หลายประเทศเริ่มถกเถียงเรื่องการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเลือกตั้ง ➡️ สหภาพยุโรปมีข้อเสนอให้จำกัดการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล ➡️ นักวิชาการเตือนว่า AI อาจสร้าง “echo chamber” ที่ทำให้ผู้ใช้เห็นแต่ข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิม ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ⛔ การใช้ AI ในการรณรงค์อาจกระทบต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแล อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/studies-ai-chatbots-can-influence-voters
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Studies: AI chatbots can influence voters
    A brief conversation with a partisan AI chatbot can influence voters' political views, studies published Dec 4 found, with evidence-backed arguments – true or not – proving particularly persuasive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • "AI จุดกระแสสร้างศูนย์ข้อมูลยักษ์ใน Data Centre Alley – แต่ชุมชนเริ่มตั้งคำถาม"

    Ashburn เมืองเล็กใน Loudoun County รัฐเวอร์จิเนีย กลายเป็นศูนย์กลางของโลกดิจิทัล โดยมี 152 ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่เพียง 40 ตารางกิโลเมตร และรองรับกว่า 70% ของการจราจรอินเทอร์เน็ตโลกในแต่ละช่วงเวลา. การลงทุนด้าน AI ทำให้เกิดการเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลจาก US Census Bureau ระบุว่าในปี 2025 บริษัทเอกชนใช้เงินกว่า 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ เทียบกับเพียง 1.8 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิบปีก่อน. โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเมกะโปรเจกต์จาก Google, Amazon, Microsoft และ OpenAI

    อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลรุ่นใหม่ที่ใช้ GPU ของ Nvidia สำหรับการฝึก AI ต้องการพลังงานและโครงสร้างที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ามาก รวมถึงระบบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ แทนเครื่องปรับอากาศทั่วไป ทำให้เกิดข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น

    แม้ศูนย์ข้อมูลจะสร้างรายได้และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับเมือง แต่ งานถาวรมีน้อย ส่วนใหญ่จำกัดอยู่ในช่วงก่อสร้าง ขณะเดียวกันนักการเมืองท้องถิ่นเริ่มรณรงค์ให้ ชะลอการขยายตัว แทนที่จะดึงดูดการลงทุนเพิ่ม เพราะชุมชนเริ่มตั้งคำถามถึงผลกระทบระยะยาวต่อพลังงานและคุณภาพชีวิต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Ashburn มีศูนย์ข้อมูล 152 แห่งในพื้นที่ 40 ตร.กม.
    รองรับกว่า 70% ของการจราจรอินเทอร์เน็ตโลก
    การลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ พุ่งถึง 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2025
    ใช้ GPU ของ Nvidia และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดศูนย์ข้อมูลทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายจำกัดการใช้พลังงานและน้ำของศูนย์ข้อมูล
    การแข่งขัน AI ทำให้บริษัทเทคโนโลยีเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่

    คำเตือนจากข่าว
    ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าในเวอร์จิเนียมากเท่ากับทั้งเมืองนิวยอร์กในปีที่ผ่านมา
    งานถาวรในศูนย์ข้อมูลมีน้อย ทำให้ผลประโยชน์ต่อชุมชนจำกัด
    การขยายตัวอาจกระทบสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/in-data-centre-alley-ai-sows-building-boom-doubts
    🏗️ "AI จุดกระแสสร้างศูนย์ข้อมูลยักษ์ใน Data Centre Alley – แต่ชุมชนเริ่มตั้งคำถาม" Ashburn เมืองเล็กใน Loudoun County รัฐเวอร์จิเนีย กลายเป็นศูนย์กลางของโลกดิจิทัล โดยมี 152 ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่เพียง 40 ตารางกิโลเมตร และรองรับกว่า 70% ของการจราจรอินเทอร์เน็ตโลกในแต่ละช่วงเวลา. การลงทุนด้าน AI ทำให้เกิดการเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก US Census Bureau ระบุว่าในปี 2025 บริษัทเอกชนใช้เงินกว่า 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ เทียบกับเพียง 1.8 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิบปีก่อน. โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเมกะโปรเจกต์จาก Google, Amazon, Microsoft และ OpenAI อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลรุ่นใหม่ที่ใช้ GPU ของ Nvidia สำหรับการฝึก AI ต้องการพลังงานและโครงสร้างที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ามาก รวมถึงระบบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ แทนเครื่องปรับอากาศทั่วไป ทำให้เกิดข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น แม้ศูนย์ข้อมูลจะสร้างรายได้และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับเมือง แต่ งานถาวรมีน้อย ส่วนใหญ่จำกัดอยู่ในช่วงก่อสร้าง ขณะเดียวกันนักการเมืองท้องถิ่นเริ่มรณรงค์ให้ ชะลอการขยายตัว แทนที่จะดึงดูดการลงทุนเพิ่ม เพราะชุมชนเริ่มตั้งคำถามถึงผลกระทบระยะยาวต่อพลังงานและคุณภาพชีวิต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Ashburn มีศูนย์ข้อมูล 152 แห่งในพื้นที่ 40 ตร.กม. ➡️ รองรับกว่า 70% ของการจราจรอินเทอร์เน็ตโลก ➡️ การลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ พุ่งถึง 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2025 ➡️ ใช้ GPU ของ Nvidia และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดศูนย์ข้อมูลทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายจำกัดการใช้พลังงานและน้ำของศูนย์ข้อมูล ➡️ การแข่งขัน AI ทำให้บริษัทเทคโนโลยีเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าในเวอร์จิเนียมากเท่ากับทั้งเมืองนิวยอร์กในปีที่ผ่านมา ⛔ งานถาวรในศูนย์ข้อมูลมีน้อย ทำให้ผลประโยชน์ต่อชุมชนจำกัด ⛔ การขยายตัวอาจกระทบสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/in-data-centre-alley-ai-sows-building-boom-doubts
    WWW.THESTAR.COM.MY
    In Data Centre Alley, AI sows building boom, doubts
    As planes make their final approach to Washington DC's Dulles Airport, just below lies Ashburn, a town otherwise known as Data centre Alley – where an estimated 70% of all global Internet traffic at any moment finds its way.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม"

    ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง

    แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง

    โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากงานวิจัย
    AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ
    ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้
    โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว
    เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber
    การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป
    มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย

    คำเตือนจากงานวิจัย
    การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ
    การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร
    ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

    https://arxiv.org/abs/2512.04047
    🧠 "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม" ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากงานวิจัย ➡️ AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ ➡️ ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้ ➡️ โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว ➡️ เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber ➡️ การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป ➡️ มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย ‼️ คำเตือนจากงานวิจัย ⛔ การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ ⛔ การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร ⛔ ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย https://arxiv.org/abs/2512.04047
    ARXIV.ORG
    Polarization by Design: How Elites Could Shape Mass Preferences as AI Reduces Persuasion Costs
    In democracies, major policy decisions typically require some form of majority or consensus, so elites must secure mass support to govern. Historically, elites could shape support only through limited instruments like schooling and mass media; advances in AI-driven persuasion sharply reduce the cost and increase the precision of shaping public opinion, making the distribution of preferences itself an object of deliberate design. We develop a dynamic model in which elites choose how much to reshape the distribution of policy preferences, subject to persuasion costs and a majority rule constraint. With a single elite, any optimal intervention tends to push society toward more polarized opinion profiles - a ``polarization pull'' - and improvements in persuasion technology accelerate this drift. When two opposed elites alternate in power, the same technology also creates incentives to park society in ``semi-lock'' regions where opinions are more cohesive and harder for a rival to overturn, so advances in persuasion can either heighten or dampen polarization depending on the environment. Taken together, cheaper persuasion technologies recast polarization as a strategic instrument of governance rather than a purely emergent social byproduct, with important implications for democratic stability as AI capabilities advance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกแป้น ทำหาดใหญ่พังคามือ

    เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2568 เป็นบทพิสูจน์การทำงานของนายกแป้น ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา จากความประมาทและความมั่นหน้ามั่นใจในตัวเอง คิดว่าการบริหารจัดการน้ำท่วมของตัวเองนั้น "เอาอยู่" แต่สุดท้ายมวลน้ำจำนวนมหาศาล พัดพาเมืองเศรษฐกิจหลักภาคใต้ ให้พังทลายราวกับวันสิ้นโลก ผู้เสียชีวิตมากกว่า 110 ศพ การบริหารจัดการที่ย่ำแย่ของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ประชาชนต้องดูแลกันเอง ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และความป่าเถื่อนของชาวบ้านบางคนในเขต 8 ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจนล่าถอย ความวุ่นวายจากการที่ชาวบ้านบางคนลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ขบวนรถไฟ คลังสินค้าเหล้าเบียร์ และคนทำมาหากินจำนวนมากสิ้นเนื้อประดาตัว จากข้าวของเครื่องใช้ถูกน้ำพัดพังเสียหาย

    จากความฉิบหายของเมืองหาดใหญ่ในวันนั้น เขาหายไปจากพื้นที่โซเชียลมีเดีย ของเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เขาคุ้นเคยในการทำคอนเทนต์วีดีโอ 3 วัน ก่อนกลับมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสารพัดข้ออ้าง ระบุว่า ผมเพิ่งเข้ามาแค่ 4 เดือน เรือสภาพเก่าและพังหมด ไม่ได้ซื้อมาเป็นสิบปี มีอยู่แค่ 4-5 ลำ ก็เลยต้องสู้เท่าที่สู้ได้ ส่วนการแจ้งเตือนที่ว่ายังปักธงเขียว อ้างว่ามีคนดึงธงไป ตนประกาศยกธงเองไม่ได้ ต้องมีคณะกรรมการอนุมัติ อีกทั้งชลประทานมั่นใจว่ามวลน้ำจาก อ.สะเดา (คลองอู่ตะเภา) ห่างจากตลิ่งกว่า 3 เมตร แต่กลับมีน้ำจากเขาคอหงส์มาด้วย ก่อนจะขอโทษและจะฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาเหมือนเดิมเร็วที่สุด

    แต่เสียงสะท้อนจากชาวหาดใหญ่ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการข้ออ้างและคำแก้ตัว แต่ต้องการสปิริตทางการเมือง เรียกร้องให้เขาลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิต และความสูญเสียแบบประเมินค่าไม่ได้ พร้อมขุดดิจิทัลฟุตพรินท์เก่าๆ ที่เคยหาเสียงไว้ อ้างว่าการทำงานของนักปกครอง ระหว่างเกิดเหตุต้องเตรียมรถ เตรียมเรือ อุปกรณ์ เตรียมของกินให้พี่น้องประชาชน ... แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง

    ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่เมื่อเดือน พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายกแป้นเอาชนะ "พี่หลวงคร" พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีคนก่อนหน้า ด้วยคะแนน 23,595 ต่อ 21,577 คะแนน หรือห่างกันแค่ 2,000 คะแนนเศษ โดยมีรายงานว่า ปลัดแป้น ถือเป็นข้าราชการนักปกครอง เคยเป็นนายอำเภอในหลายพื้นที่ของจังหวัดสงขลา และปลัดจังหวัดอีกหลายจังหวัด อีกทั้งมีความใกล้ชิดกับเครือข่ายพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ พี่หลวงครยังคงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามกำลังที่มี แม้บ้านพี่หลวงครจะถูกน้ำท่วม และรถยนต์พังขณะแจกถุงยังชีพ กลายเป็นผู้ประสบภัยพร้อมกับชาวบ้านก็ตาม

    #Newskit
    นายกแป้น ทำหาดใหญ่พังคามือ เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2568 เป็นบทพิสูจน์การทำงานของนายกแป้น ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา จากความประมาทและความมั่นหน้ามั่นใจในตัวเอง คิดว่าการบริหารจัดการน้ำท่วมของตัวเองนั้น "เอาอยู่" แต่สุดท้ายมวลน้ำจำนวนมหาศาล พัดพาเมืองเศรษฐกิจหลักภาคใต้ ให้พังทลายราวกับวันสิ้นโลก ผู้เสียชีวิตมากกว่า 110 ศพ การบริหารจัดการที่ย่ำแย่ของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ประชาชนต้องดูแลกันเอง ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และความป่าเถื่อนของชาวบ้านบางคนในเขต 8 ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจนล่าถอย ความวุ่นวายจากการที่ชาวบ้านบางคนลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ขบวนรถไฟ คลังสินค้าเหล้าเบียร์ และคนทำมาหากินจำนวนมากสิ้นเนื้อประดาตัว จากข้าวของเครื่องใช้ถูกน้ำพัดพังเสียหาย จากความฉิบหายของเมืองหาดใหญ่ในวันนั้น เขาหายไปจากพื้นที่โซเชียลมีเดีย ของเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เขาคุ้นเคยในการทำคอนเทนต์วีดีโอ 3 วัน ก่อนกลับมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสารพัดข้ออ้าง ระบุว่า ผมเพิ่งเข้ามาแค่ 4 เดือน เรือสภาพเก่าและพังหมด ไม่ได้ซื้อมาเป็นสิบปี มีอยู่แค่ 4-5 ลำ ก็เลยต้องสู้เท่าที่สู้ได้ ส่วนการแจ้งเตือนที่ว่ายังปักธงเขียว อ้างว่ามีคนดึงธงไป ตนประกาศยกธงเองไม่ได้ ต้องมีคณะกรรมการอนุมัติ อีกทั้งชลประทานมั่นใจว่ามวลน้ำจาก อ.สะเดา (คลองอู่ตะเภา) ห่างจากตลิ่งกว่า 3 เมตร แต่กลับมีน้ำจากเขาคอหงส์มาด้วย ก่อนจะขอโทษและจะฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาเหมือนเดิมเร็วที่สุด แต่เสียงสะท้อนจากชาวหาดใหญ่ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการข้ออ้างและคำแก้ตัว แต่ต้องการสปิริตทางการเมือง เรียกร้องให้เขาลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิต และความสูญเสียแบบประเมินค่าไม่ได้ พร้อมขุดดิจิทัลฟุตพรินท์เก่าๆ ที่เคยหาเสียงไว้ อ้างว่าการทำงานของนักปกครอง ระหว่างเกิดเหตุต้องเตรียมรถ เตรียมเรือ อุปกรณ์ เตรียมของกินให้พี่น้องประชาชน ... แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่เมื่อเดือน พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายกแป้นเอาชนะ "พี่หลวงคร" พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีคนก่อนหน้า ด้วยคะแนน 23,595 ต่อ 21,577 คะแนน หรือห่างกันแค่ 2,000 คะแนนเศษ โดยมีรายงานว่า ปลัดแป้น ถือเป็นข้าราชการนักปกครอง เคยเป็นนายอำเภอในหลายพื้นที่ของจังหวัดสงขลา และปลัดจังหวัดอีกหลายจังหวัด อีกทั้งมีความใกล้ชิดกับเครือข่ายพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ พี่หลวงครยังคงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามกำลังที่มี แม้บ้านพี่หลวงครจะถูกน้ำท่วม และรถยนต์พังขณะแจกถุงยังชีพ กลายเป็นผู้ประสบภัยพร้อมกับชาวบ้านก็ตาม #Newskit
    Like
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ในคดีที่พรรคภูมิใจไทยฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ปมการออกมาต่อต้านและวิจารณ์นโยบายกัญชาเสรีช่วงเลือกตั้งปี 2566
    - ศาลชี้จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แม้ถ้อยคำจะรุนแรง แต่โจทก์เป็นพรรคการเมืองซึ่งต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน
    - ส่วนกรณีอ้างว่าฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 73 จากการแจกเสื้อ สติ๊กเกอร์ และเข็มกลัด ศาลเห็นว่าเป็นการรณรงค์ต่อต้านนโยบาย ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้ง

    คำพิพากษาสรุปว่า การติชมนโยบายสาธารณะทำได้ตามสิทธิประชาชน และไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112642

    #ศาลอาญา #ชูวิทย์ #กัญชาเสรี #ภูมิใจไทย #คดีหมิ่นประมาท #การเมืองไทย #News1live #News1
    ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ในคดีที่พรรคภูมิใจไทยฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ปมการออกมาต่อต้านและวิจารณ์นโยบายกัญชาเสรีช่วงเลือกตั้งปี 2566 - ศาลชี้จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แม้ถ้อยคำจะรุนแรง แต่โจทก์เป็นพรรคการเมืองซึ่งต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน - ส่วนกรณีอ้างว่าฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 73 จากการแจกเสื้อ สติ๊กเกอร์ และเข็มกลัด ศาลเห็นว่าเป็นการรณรงค์ต่อต้านนโยบาย ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้ง • คำพิพากษาสรุปว่า การติชมนโยบายสาธารณะทำได้ตามสิทธิประชาชน และไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112642 • #ศาลอาญา #ชูวิทย์ #กัญชาเสรี #ภูมิใจไทย #คดีหมิ่นประมาท #การเมืองไทย #News1live #News1
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดรัจฉาน เห็นทนายรณรงค์ไปซ่อมหน้ามา จึงเอาบ้าง แต่ดันปากไม่ดีต่อราคา แซะหมอศัลย์ หมอเลยทำแบบประหยัดให้ เอาหนัง ตรีนมาซ่อมหน้าให้มัน สภาพจึงออกมาเช่นนี้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ทนายเดรัจฉาน เห็นทนายรณรงค์ไปซ่อมหน้ามา จึงเอาบ้าง แต่ดันปากไม่ดีต่อราคา แซะหมอศัลย์ หมอเลยทำแบบประหยัดให้ เอาหนัง ตรีนมาซ่อมหน้าให้มัน สภาพจึงออกมาเช่นนี้ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยาย VPN ฟรีบน Chrome กลายเป็นมัลแวร์ดักข้อมูล

    นักวิจัยจาก LayerX Security เปิดเผยการรณรงค์ที่ดำเนินมากว่า 6 ปี โดยมีการปล่อยส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมใน Chrome Web Store ภายใต้ชื่อที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น “VPN Professional – Free Secure and Unlimited VPN Proxy” และ “Free Unlimited VPN” ซึ่งถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 9 ล้านครั้งทั่วโลก

    สิ่งที่ดูเหมือนเครื่องมือเพื่อความเป็นส่วนตัว กลับถูกออกแบบให้เป็น Browser Implant ที่สามารถควบคุมการท่องเว็บของผู้ใช้ได้ทั้งหมด ส่วนขยายเหล่านี้ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อบังคับให้ทราฟฟิกทั้งหมดวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ทำให้สามารถดักจับข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์, รายการส่วนขยายที่ติดตั้ง, และแม้กระทั่งแก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย

    แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store หลายครั้ง แต่ผู้โจมตีก็กลับมาอีกด้วยเวอร์ชันใหม่ที่มีการปรับปรุงโค้ดให้สะอาดขึ้นและหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ดีกว่าเดิม ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ยังมีเวอร์ชันใหม่ที่ถูกอัปโหลดและมีผู้ใช้งานกว่า 31,000 ราย

    สิ่งที่น่ากังวลคือ ส่วนขยายเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่ VPN เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Ad-blocker และ Music Downloader ที่ใช้โค้ดอันตรายแบบเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่ากำลังป้องกันตัวเอง กลับถูกเปิดช่องให้ถูกสอดแนมและควบคุมการใช้งานโดยไม่รู้ตัว

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบมัลแวร์ใน Chrome Extensions
    ส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมถูกติดตั้งกว่า 9 ล้านครั้ง
    ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อควบคุมทราฟฟิกทั้งหมด

    พฤติกรรมที่อันตราย
    ดักจับข้อมูลการเข้าชมและส่วนขยายที่ติดตั้ง
    แก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    ข้อมูลส่วนตัวและกิจกรรมออนไลน์ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี
    ส่วนขยายยังสามารถปิดการทำงานของ Proxy หรือ Security Tools อื่น ๆ

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    อย่าติดตั้ง VPN หรือ Ad-blocker ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ตรวจสอบสิทธิ์และรีวิวของส่วนขยายก่อนติดตั้งทุกครั้ง

    https://securityonline.info/9-million-installs-malicious-chrome-vpn-extensions-hijack-user-traffic-via-remote-pac-proxy-injection/
    🛡️ ส่วนขยาย VPN ฟรีบน Chrome กลายเป็นมัลแวร์ดักข้อมูล นักวิจัยจาก LayerX Security เปิดเผยการรณรงค์ที่ดำเนินมากว่า 6 ปี โดยมีการปล่อยส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมใน Chrome Web Store ภายใต้ชื่อที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น “VPN Professional – Free Secure and Unlimited VPN Proxy” และ “Free Unlimited VPN” ซึ่งถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 9 ล้านครั้งทั่วโลก สิ่งที่ดูเหมือนเครื่องมือเพื่อความเป็นส่วนตัว กลับถูกออกแบบให้เป็น Browser Implant ที่สามารถควบคุมการท่องเว็บของผู้ใช้ได้ทั้งหมด ส่วนขยายเหล่านี้ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อบังคับให้ทราฟฟิกทั้งหมดวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ทำให้สามารถดักจับข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์, รายการส่วนขยายที่ติดตั้ง, และแม้กระทั่งแก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store หลายครั้ง แต่ผู้โจมตีก็กลับมาอีกด้วยเวอร์ชันใหม่ที่มีการปรับปรุงโค้ดให้สะอาดขึ้นและหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ดีกว่าเดิม ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ยังมีเวอร์ชันใหม่ที่ถูกอัปโหลดและมีผู้ใช้งานกว่า 31,000 ราย สิ่งที่น่ากังวลคือ ส่วนขยายเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่ VPN เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Ad-blocker และ Music Downloader ที่ใช้โค้ดอันตรายแบบเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่ากำลังป้องกันตัวเอง กลับถูกเปิดช่องให้ถูกสอดแนมและควบคุมการใช้งานโดยไม่รู้ตัว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบมัลแวร์ใน Chrome Extensions ➡️ ส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมถูกติดตั้งกว่า 9 ล้านครั้ง ➡️ ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อควบคุมทราฟฟิกทั้งหมด ✅ พฤติกรรมที่อันตราย ➡️ ดักจับข้อมูลการเข้าชมและส่วนขยายที่ติดตั้ง ➡️ แก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ ⛔ ข้อมูลส่วนตัวและกิจกรรมออนไลน์ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ⛔ ส่วนขยายยังสามารถปิดการทำงานของ Proxy หรือ Security Tools อื่น ๆ ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ อย่าติดตั้ง VPN หรือ Ad-blocker ที่ไม่น่าเชื่อถือ ⛔ ตรวจสอบสิทธิ์และรีวิวของส่วนขยายก่อนติดตั้งทุกครั้ง https://securityonline.info/9-million-installs-malicious-chrome-vpn-extensions-hijack-user-traffic-via-remote-pac-proxy-injection/
    SECURITYONLINE.INFO
    9 Million Installs: Malicious Chrome VPN Extensions Hijack User Traffic Via Remote PAC Proxy Injection
    LayerX exposed a 6-year, 9M-install campaign: Fake VPN/ad-blocking Chrome extensions hijack all user traffic via remote PAC proxy scripts, enabling surveillance and data exfiltration.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รองนายกฯ สุชาติ" หารือ ทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย ประสานความร่วมมือดูแล "พลายประตูผา - พลายศรีณรงค์"
    https://www.thai-tai.tv/news/22463/
    "รองนายกฯ สุชาติ" หารือ ทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย ประสานความร่วมมือดูแล "พลายประตูผา - พลายศรีณรงค์" https://www.thai-tai.tv/news/22463/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไฟหน้ารถ LED สว่างเกินไป – ปัญหาที่รัฐบาลอังกฤษเตรียมแก้ไข”

    งานวิจัยที่จัดทำโดย Department for Transport (DfT) ของสหราชอาณาจักร พบว่า 97% ของผู้ขับขี่รู้สึกถูกรบกวนจากแสงไฟหน้ารถที่สว่างเกินไป และ 96% เชื่อว่าไฟหน้ารถส่วนใหญ่สว่างเกินมาตรฐาน ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยจนบางคนถึงขั้นเลี่ยงการขับรถกลางคืน โดย 33% เลิกขับกลางคืนหรือขับน้อยลง และอีก 22% อยากเลี่ยงแต่ไม่มีทางเลือก

    ผู้เชี่ยวชาญจาก Transport Research Laboratory (TRL) ระบุว่าไฟ LED และไฟสีขาวเข้มมีแนวโน้มสร้างแสงจ้าที่ทำให้สายตามนุษย์ปรับตัวได้ยากในเวลากลางคืน ข้อมูลนี้สอดคล้องกับการรณรงค์ของ RAC (Royal Automobile Club) ที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะแม้ไฟหน้าสว่างจะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ดีขึ้น แต่ก็สร้างความเสี่ยงต่อผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ

    รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะบรรจุประเด็นนี้ใน Road Safety Strategy ที่จะออกมาเร็ว ๆ นี้ โดยมีแนวทางทบทวนมาตรฐานไฟหน้ารถ เพื่อหาสมดุลระหว่าง “ความสว่างเพื่อความปลอดภัย” และ “การลดแสงจ้าที่รบกวนสายตา” ขณะเดียวกัน นักทัศนมาตรวิทยาแนะนำให้มีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยีไฟรถที่เปลี่ยนไป

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลสำรวจจาก DfT
    97% ของผู้ขับขี่ถูกรบกวนจากไฟหน้ารถ, 96% เชื่อว่าไฟหน้าสว่างเกินไป

    ผลกระทบต่อพฤติกรรมการขับขี่
    33% เลิกขับกลางคืน, 22% อยากเลี่ยงแต่จำเป็นต้องขับ

    ไฟ LED และไฟสีขาวเข้ม
    มีแนวโน้มสร้างแสงจ้าที่สายตามนุษย์ปรับได้ยาก

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมแก้ไข
    จะบรรจุใน Road Safety Strategy เพื่อทบทวนมาตรฐานไฟหน้า

    ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยบนท้องถนน
    ไฟหน้าสว่างเกินไปอาจทำให้ผู้ขับขี่ตาพร่าและเกิดอุบัติเหตุ

    การพึ่งพาเทคโนโลยีโดยไม่ปรับกฎเกณฑ์
    หากไม่แก้ไข อาจทำให้ปัญหาลุกลามเมื่อรถรุ่นใหม่ใช้ไฟ LED มากขึ้น

    https://www.bbc.com/news/articles/c1j8ewy1p86o
    📰 “ไฟหน้ารถ LED สว่างเกินไป – ปัญหาที่รัฐบาลอังกฤษเตรียมแก้ไข” งานวิจัยที่จัดทำโดย Department for Transport (DfT) ของสหราชอาณาจักร พบว่า 97% ของผู้ขับขี่รู้สึกถูกรบกวนจากแสงไฟหน้ารถที่สว่างเกินไป และ 96% เชื่อว่าไฟหน้ารถส่วนใหญ่สว่างเกินมาตรฐาน ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยจนบางคนถึงขั้นเลี่ยงการขับรถกลางคืน โดย 33% เลิกขับกลางคืนหรือขับน้อยลง และอีก 22% อยากเลี่ยงแต่ไม่มีทางเลือก ผู้เชี่ยวชาญจาก Transport Research Laboratory (TRL) ระบุว่าไฟ LED และไฟสีขาวเข้มมีแนวโน้มสร้างแสงจ้าที่ทำให้สายตามนุษย์ปรับตัวได้ยากในเวลากลางคืน ข้อมูลนี้สอดคล้องกับการรณรงค์ของ RAC (Royal Automobile Club) ที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะแม้ไฟหน้าสว่างจะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ดีขึ้น แต่ก็สร้างความเสี่ยงต่อผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะบรรจุประเด็นนี้ใน Road Safety Strategy ที่จะออกมาเร็ว ๆ นี้ โดยมีแนวทางทบทวนมาตรฐานไฟหน้ารถ เพื่อหาสมดุลระหว่าง “ความสว่างเพื่อความปลอดภัย” และ “การลดแสงจ้าที่รบกวนสายตา” ขณะเดียวกัน นักทัศนมาตรวิทยาแนะนำให้มีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยีไฟรถที่เปลี่ยนไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลสำรวจจาก DfT ➡️ 97% ของผู้ขับขี่ถูกรบกวนจากไฟหน้ารถ, 96% เชื่อว่าไฟหน้าสว่างเกินไป ✅ ผลกระทบต่อพฤติกรรมการขับขี่ ➡️ 33% เลิกขับกลางคืน, 22% อยากเลี่ยงแต่จำเป็นต้องขับ ✅ ไฟ LED และไฟสีขาวเข้ม ➡️ มีแนวโน้มสร้างแสงจ้าที่สายตามนุษย์ปรับได้ยาก ✅ รัฐบาลอังกฤษเตรียมแก้ไข ➡️ จะบรรจุใน Road Safety Strategy เพื่อทบทวนมาตรฐานไฟหน้า ‼️ ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยบนท้องถนน ⛔ ไฟหน้าสว่างเกินไปอาจทำให้ผู้ขับขี่ตาพร่าและเกิดอุบัติเหตุ ‼️ การพึ่งพาเทคโนโลยีโดยไม่ปรับกฎเกณฑ์ ⛔ หากไม่แก้ไข อาจทำให้ปัญหาลุกลามเมื่อรถรุ่นใหม่ใช้ไฟ LED มากขึ้น https://www.bbc.com/news/articles/c1j8ewy1p86o
    WWW.BBC.COM
    Nearly all drivers say vehicles' lights are too bright in study
    The study, commissioned by the Department for Transport, was completed by Berkshire's TRL.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระหว่างที่คนมัวแต่สนใจเรื่องเขมร แม้ว โจ๊ก แจ๊ค เสี่ยเนก็ใกล้กุมอำนาจประธาน กกต. คนใหม่ ผ่านนายณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าฯ อุทัยธานี คนสนิทตระกูลไทยเศรษฐ์ เพื่อล้มคดีฮั้ว สว. และเอื้ออำนวยพรรคน้ำเงินในการเลือกตั้งปีหน้า
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คดีฮั้วสว
    ระหว่างที่คนมัวแต่สนใจเรื่องเขมร แม้ว โจ๊ก แจ๊ค เสี่ยเนก็ใกล้กุมอำนาจประธาน กกต. คนใหม่ ผ่านนายณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าฯ อุทัยธานี คนสนิทตระกูลไทยเศรษฐ์ เพื่อล้มคดีฮั้ว สว. และเอื้ออำนวยพรรคน้ำเงินในการเลือกตั้งปีหน้า #คิงส์โพธิ์แดง #คดีฮั้วสว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ศิษย์เก่าอาชีวะยุค 2000s จัดฟุตบอลสานสัมพันธ์ จุดพลังอาชีวะยุคใหม่ ไม่เอาความรุนแรง รายได้มอบมูลนิธิเด็กเร่ร่อน”
    https://www.thai-tai.tv/news/22396/
    .
    #ร่วมรณรงค์ลดละเลิก #ไม่ใช้ความรุนแรง #เยาวชนอาชีวะยุคใหม่ #ฟุตบอลสานสัมพันธ์ #อาชีวะไทยก้าวใหม่

    “ศิษย์เก่าอาชีวะยุค 2000s จัดฟุตบอลสานสัมพันธ์ จุดพลังอาชีวะยุคใหม่ ไม่เอาความรุนแรง รายได้มอบมูลนิธิเด็กเร่ร่อน” https://www.thai-tai.tv/news/22396/ . #ร่วมรณรงค์ลดละเลิก #ไม่ใช้ความรุนแรง #เยาวชนอาชีวะยุคใหม่ #ฟุตบอลสานสัมพันธ์ #อาชีวะไทยก้าวใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจรจานำช้างกลับไทย พร้อมรับบ้านใหญ่คุณปลื้ม : [THE MESSAGE]

    นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยกรณีขอช้างพลายประตูผาและพลายศรีณรงค์ ที่ถูกส่งไปศรีลังกา กลับประเทศไทย เป็นเรื่องที่ต้องใช้ขั้นตอนทางการทูต ได้ขอพบทูตศรีลังกา เพื่อพูดคุยเรื่องแนวทาง จะไม่พูดว่าไปขอในสิ่งที่เขาดูแลไม่ดี เพราะพูดไม่ได้ แต่จะเจรจาเรื่องความเห็นใจกันและกัน ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองข่าวนายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรมว.วัฒนธรรม จะมาอยู่พรรคภูมิใจไทย และจะแบ่งพื้นที่ส่งผู้สมัคร สส.ชลบุรี คนละครึ่ง นักการเมืองทุกกลุ่ม เมื่อนับถอยหลังเลือกตั้ง ต้องหาพรรคการเมืองที่มั่นคงนำพาประเทศให้เจริญ เราอาจชำนาญบางพื้นที่ ยินดีถ้าใครมีความรู้ความสามารถพร้อมทำงานพรรคเดียวกัน เรื่องนี้ให้ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยพิจารณา เขารู้อยู่แล้วว่าใครถนัดตรงไหน ใครเหมาะสมดูเขตไหน
    เจรจานำช้างกลับไทย พร้อมรับบ้านใหญ่คุณปลื้ม : [THE MESSAGE] นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยกรณีขอช้างพลายประตูผาและพลายศรีณรงค์ ที่ถูกส่งไปศรีลังกา กลับประเทศไทย เป็นเรื่องที่ต้องใช้ขั้นตอนทางการทูต ได้ขอพบทูตศรีลังกา เพื่อพูดคุยเรื่องแนวทาง จะไม่พูดว่าไปขอในสิ่งที่เขาดูแลไม่ดี เพราะพูดไม่ได้ แต่จะเจรจาเรื่องความเห็นใจกันและกัน ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองข่าวนายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรมว.วัฒนธรรม จะมาอยู่พรรคภูมิใจไทย และจะแบ่งพื้นที่ส่งผู้สมัคร สส.ชลบุรี คนละครึ่ง นักการเมืองทุกกลุ่ม เมื่อนับถอยหลังเลือกตั้ง ต้องหาพรรคการเมืองที่มั่นคงนำพาประเทศให้เจริญ เราอาจชำนาญบางพื้นที่ ยินดีถ้าใครมีความรู้ความสามารถพร้อมทำงานพรรคเดียวกัน เรื่องนี้ให้ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยพิจารณา เขารู้อยู่แล้วว่าใครถนัดตรงไหน ใครเหมาะสมดูเขตไหน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 5
    “ซามูไรแบกถาด”

    ตอน 5 (จบ)

    นายอาเบะ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2012 เขามาจากครอบครัวนักการเมืองขนานแท้ดั้งเดิม ท้ังพ่อและปู่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ส่วนแม่ของอาเบะ เป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ นาย Nobusuke Kishi อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วง 1957-1960 ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยนายพลโตโจที่นำการรบ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Kishi เป็นผู้ต้ังพรรค Democratic Party ต่อมาพรรคนี้ไปรวมกับพรรค Liberty ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shigaru Yoshida พรรคขวาจัด ชาตินิยม และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค LDP ซึ่งครองอำนาจในญี่ปุ่นอย่างยาวนาน

    นายอาเบะ นี่ เคยไปเรียนหนังสือที่ University of Southern California แต่ไม่จบ กลับมาทำงานการเมืองในญี่ปุ่นต่อ เขานับเป็นลูกหม้อของพรรค LDP ถูกวางตัวให้เป็นดาราดาวรุ่ง ในที่สุดก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจคนดันในช่วงปี 2005-2006 เขาดูเหมือนนิยมตะวันตก และมีจุดยืนที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือมาตลอด โดยพยายามหาทางคว่ำบาตรเกาหลีเหนือผ่านสหประชาติ และเมื่อตอนหาเสียงเลือกต้ังในปี ค.ศ.2012 เขาชูประเด็นเรื่องข้อพิพาทกับจีน และการขึ้นมาของจีนแทนที่ญี่ปุ่น ในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจและการค้าในเอเซีย

    นับว่า สุดกร่าง CFR มีสายตายาวไกล และลึกซึ้ง การเลือกไพ่แต่ละใบของนักล่าใบตองแห้ง ดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ชัดเจนพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบ่อน หรือสร้างรังโจรที่ประเทศใด ไม่ว่าจะหัวนอก หรือหัวใน ต้องพร้อมรับใช้จนสุดทาง และสุดตัว
    คงจำกันได้ว่า CFR นั้นเป็นผลผลิตของกลุ่มอิลิต นักการเงิน และนักธุรกิจ แองโกลอเมริกัน จาก 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ความใหญ่ของ CFR นั้น เกินจินตนาการของเราๆ ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้จักว่า CFR คืออะไร มีอิทธิพลแค่ไหน อิทธิพล และอำนาจของ CFR เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีอิทธิพลครอบงำการเมือง และรัฐบาลของอเมริกา ต้ังแต่ประมาณปี 1950 เป็นต้นมา และเมื่ออำนาจของอเมริกาครอบงำโลก ก็คงไม่เกินไปที่จะบอกว่า CFR นั้นก็มีส่วนครอบงำโลกด้วย

    (เรื่อง ของ CFR นั้น ผมเขียนเล่าไว้ในนิทาน เรื่อง “มายากลยุทธ” และ “แกะรอยนักล่า” สำหรับท่านผู้อ่าน ที่เข้ามาอ่านตอนหลังๆ ถ้าอยากเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ อีกมุมมอง อีกชุดของข้อมูล ลองอ่านนิทาน 2 เรื่องนี้นะครับ)

    ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับ CFR (เปิดดูจากกูเกิลได้ครับ) คือ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1921 มีสมาชิก เริ่มแรกประมาณ 20 คน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษและอเมริกัน ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลกประมา ณ 5 พันคน สมาชิกส่วนใหญ่ เป็นพวกฝรั่งแองโกลแซกซอน และชาวยุโรป ใน 5 พันคนนี้ ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้นำ หัวหน้า และผู้บริหารระดับสูงของประเทศ และบรรษัทข้ามชาติ มีหลายคน เป็นประธานาธิบดีของอเมริกา หลายคน เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นรัฐมนตรีกลาโหม เป็นรัฐมนตรีการคลัง เป็นผู้ว่าการธนาคารกลาง เป็นหัวหน้าซีไอเอและหลายคนเป็นพระราชวงศ์ในยุโรปและอังกฤษ ฯลฯ

    สำหรับไทยแลนด์แดนสมันน้อย เรามีคนไทยที่ถูกลาก หรือ สมัครใจ เข้าไปเกี่ยวกับ CFR โดยเป็นสมาชิกขององค์กร ชื่อ Trilatteral Commission ซึ่งเป็นองค์กรลูกของ CFR ที่ต้ังขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1973 ขณะน้ัน นาย David Rockefeller ซึ่งเป็นประธาน CFR เห็นว่า ควรจะเอานักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เข้ามาอยู่ในความดูแลของ CFR ด้วย เลยพ่วงเอาชาวเอเซีย ลาติน และอาฟริกา ที่เข้าข่ายน่าจะเป็นประโยชน์ และมีแนวความคิด เกี่ยวกับความเป็นไปในโลกแนวทางเดียวกันกับ CFR เข้ามาร่วมด้วย
    จากเอกสารของ Trilateral Commissionเอง ปี ค.ศ.2014 ปรากฏมีรายชื่อ คนไทย เป็นสมาชิก Trilatteral Commission 4 คน คือ

    1. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
    2. นายสมเกียรติ ต้ังกิจวานิชย์ (ผู้อำนวยการ สถาบัน TDRI ของไทย)
    3. นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)
    4. นายกานต์ ตระกูลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนซิเมนต์ไทย)

    ปี ค.ศ.2015 รายชื่อ ซึ่งเปลี่ยนเมื่อเดือนเมษายน นี้เอง เหลือ 2 ชื่อ ดังนี้

    1. นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
    2. นางธาริษา วัฒนเกศ

    ทำไมผมพูดเรื่องญี่ปุ่น นายอาเบะ และเครือข่ายของ CFR เพราะมันเกี่ยวกัน และมันเป็นตัวอย่าง ที่น่าจะทำให้เรามองเห็นภาพหลายภาพชัดเจนขึ้น

    CFR นั้น เริ่มมีคนพูดถึงกันในช่วงประมาณปี ค.ศ.1960 แต่ช่วงนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ของ CFR ยังไม่มีออกมาแพร่หลายมากนัก นักวิเคราะห์การเมือง และคนทั่วไป จึงมอง CFR ไปในแนวทฤษฏีสมคบคิด ซึ่งมักทำให้ที่ผู้ได้ยินเรื่อง CFR ไม่ให้น้ำหนัก ไม่ให้ความเชื่อถือ ถึงอำนาจและอิทธิพลจริงขององค์กรนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น และลึกขึ้น มีเอกสารที่เหมือนเป็นใบเสร็จ ออกมาให้เราศึกษามากขึ้น อย่างเช่นรายงานการวิเคราะห์ของ CFR เอง ที่ออกมาให้เห็นแนวความคิดของ CFR และกลายมาเป็นนโยบายของรัฐบาลอเมริกา และการดำเนินงานของอเมริกาตามนโยบาย ที่เสนอแนะโดย CFR อย่างจริงจังในหลายส่วนของโลก จึงทำให้ผู้ที่ติดตามดูความเป็น ไปขององค์กร CFR เชื่อมากขึ้นว่า การครอบงำโลกโดย CFR ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฏี แต่มันเป็นของจริง อำนาจจริง อิทธิพลจริง ที่ครอบงำโลกนี้อยู่

    และถ้ามันเป็นของจริงเช่นนั้น เรื่อง Grand Stategy แผนสอยมังกร ของ CFR ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราจะอ่านเล่น หรืออ่านแล้วก็แล้วกัน เราน่าจะต้อง อ่าน และวิเคราะห์เองต่อไปอีกด้วยว่า เมื่อญี่ปุ่น ซึ่งถูก Grand Strategy กำหนดให้มีบทบาทสำคัญ ในการสอยมังกรให้ร่วงนั้น ญี่ปุ่นเอาจริง เดินหน้าตามแผนที่ CFR กำหนดขนาดไหน และการเดินตามแผนนั้น เราคงจะพอมองเห็นได้ว่า อเมริกา กำลัง “ใช้” ญี่ปุ่น และไม่ได้ใช้ไปเดินเล่น จ่ายตลาด แต่ เป็นการ “ใช้” ให้ญี่ปุ่นไปรบแทน และอาจไปตายแทน ด้วยค่าใช้จ่ายที่อาจเป็นเงินภาษี หรือเงินกู้ของญี่ปุ่น แต่มันเป็น “ราคา” ที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องจ่าย
    ขณะเดียวกัน ถ้าอเมริกลากเอาแดนสยาม เข้าไปร่วมขบวนการกับญี่ปุ่น ให้ช่วยกันสอยจีน เราจะถูก “ใช้” ไปรบแทน จนถึงตายแทน ร่วมกับญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ นั่นเป็นประเด็นหนึ่ง ที่ต้องคิดกัน แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่า ลุงตู่ของผมคงมองออก ไม่คิดเป็นคนรับใช้ต่างชาติ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ผันแปร มีการบีบไข่กัน จนต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ช่วยกันมอง ช่วยกันคิดให้ดีๆ นะครับ รูปแบบที่ไอ้นักล่ามันชอบใช้ ไพ่ที่มันชอบเล่นมีอยู่ อย่าตกหลุมมันง่ายๆอีก นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง

    แต่อีกเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่าคือ กรณีที่ญี่ปุ่นเดินหน้า ตาม CFR อย่างไม่หยุดนั่นแหละครับ ถ้าเกิดถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกาสั่งให้ญี่ปุ่นเคลื่อนพล ไปปะทะจีน หรือตอนนั้นสถานการณ์ในเอเซียมันตึงเครียดได้ที่ ตามความต้องการของอเมริกาแล้ว แม้เราจะฉีกตัวออกมาจากการไปช่วยเขาแบกถาดได้ แต่ถ้าบรรดาคุณยุ่น ที่ขณะนี้ กระจายกันอยู่ในแดนสยามของเราไม่น้อย ไม่ว่าในกรุงเทพ โดยเฉพาะแถบสุขุมวิท ซึ่งใกล้จะเปลี่ยนเป็นแดนปลาดิบ แล้ว ยังมีที่ต่างจังหวัด ทางภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ศรีราชา หรือภาคใต้ เช่น ชุมพร ถ้าคุณยุ่นเขาพากันเปลี่ยนชุด หยิบเครื่องแบบทหารมาใส่ เหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ที่กองทหารญี่ปุ่นบุกเข้าเมือง ไทย ยกพลมาจากทางภาคใต้ของไทย มาจาก สงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ พอถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2484 ชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็แต่งชุดทหารเดินเต็มอยู่ในกรุงเทพฯกันหมด แม้แต่หมอฟันของแม่ผม ผมได้แต่หวังว่า เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้นอีก

    และแม้ว่า ข้อสังเกตที่ว่า นายอาเบะอาจจะเล่นบท 2 หน้า จะเป็นซามูไรแบกถาด หรือซามูไรทิ้งถาด สิ่งที่ผมเขียนเล่ามา ผลกระทบต่อบ้านเรา ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงยังน่าเป็นห่วงเช่นเดิม บางส่วน บางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยน ถ้าเขาหักหลังกันเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบอะไรขึ้นมา เพราะไม่น่าไว้วางใจทั้งคนใช้ให้แบกถาด และคนแบกถาด หรือจะเป็นคนทิ้งถาด
    ในชีวิตคนเรา เห็นสงครามโลกครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 2 ผมยังไม่โตพอที่จะไปรบ แต่โตพอที่จะรู้เรื่องว่า บ้านเมืองเราอยู่ในสภาพบ้านพัง สาแหร่กขาดอย่างไร ครอบครัวเราส่วนใหญ่ลำบากอย่างไร และมันทิ้งอะไรไว้กับบ้านเมืองเราครอบครัวเรา ผ่านไป 70 ปี ยังจำได้ไม่ลืม

    เราชาวสยาม จะต้องตื่นรู้เสียที ไม่ใช่เขียนให้แตกตื่น แต่ต้องตื่นมารับรู้ ทันเหตุการณ์นอกบ้าน ที่จะมีผลกระทบในบ้านเราเสียบ้าง ช่วยกันปลุก ช่วยกันให้ข้อมูล ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่รู้แล้วเอาไปหาข้อมูลต่อ ว่า ที่อ่านกันมานี้ จริงเท็จอย่างไร แล้วคิดต่อ ดีกว่าไม่รู้จะคิดอะไร มันเป็นสมัยโลกาภิวัฒน์มิใช่หรือ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว เปลี่ยนแปลงเร็ว อย่ามัวเพลิดเพลินอยู่แต่กับการดูละครน้ำเน่า กับข่าวย้อมสี จนลืมสนใจภัยใหญ่ ที่อาจใกล้เราเข้ามาทุกทีแล้วนะครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 5 “ซามูไรแบกถาด” ตอน 5 (จบ) นายอาเบะ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2012 เขามาจากครอบครัวนักการเมืองขนานแท้ดั้งเดิม ท้ังพ่อและปู่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ส่วนแม่ของอาเบะ เป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ นาย Nobusuke Kishi อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วง 1957-1960 ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยนายพลโตโจที่นำการรบ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Kishi เป็นผู้ต้ังพรรค Democratic Party ต่อมาพรรคนี้ไปรวมกับพรรค Liberty ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shigaru Yoshida พรรคขวาจัด ชาตินิยม และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค LDP ซึ่งครองอำนาจในญี่ปุ่นอย่างยาวนาน นายอาเบะ นี่ เคยไปเรียนหนังสือที่ University of Southern California แต่ไม่จบ กลับมาทำงานการเมืองในญี่ปุ่นต่อ เขานับเป็นลูกหม้อของพรรค LDP ถูกวางตัวให้เป็นดาราดาวรุ่ง ในที่สุดก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจคนดันในช่วงปี 2005-2006 เขาดูเหมือนนิยมตะวันตก และมีจุดยืนที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือมาตลอด โดยพยายามหาทางคว่ำบาตรเกาหลีเหนือผ่านสหประชาติ และเมื่อตอนหาเสียงเลือกต้ังในปี ค.ศ.2012 เขาชูประเด็นเรื่องข้อพิพาทกับจีน และการขึ้นมาของจีนแทนที่ญี่ปุ่น ในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจและการค้าในเอเซีย นับว่า สุดกร่าง CFR มีสายตายาวไกล และลึกซึ้ง การเลือกไพ่แต่ละใบของนักล่าใบตองแห้ง ดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ชัดเจนพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบ่อน หรือสร้างรังโจรที่ประเทศใด ไม่ว่าจะหัวนอก หรือหัวใน ต้องพร้อมรับใช้จนสุดทาง และสุดตัว คงจำกันได้ว่า CFR นั้นเป็นผลผลิตของกลุ่มอิลิต นักการเงิน และนักธุรกิจ แองโกลอเมริกัน จาก 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ความใหญ่ของ CFR นั้น เกินจินตนาการของเราๆ ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้จักว่า CFR คืออะไร มีอิทธิพลแค่ไหน อิทธิพล และอำนาจของ CFR เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีอิทธิพลครอบงำการเมือง และรัฐบาลของอเมริกา ต้ังแต่ประมาณปี 1950 เป็นต้นมา และเมื่ออำนาจของอเมริกาครอบงำโลก ก็คงไม่เกินไปที่จะบอกว่า CFR นั้นก็มีส่วนครอบงำโลกด้วย (เรื่อง ของ CFR นั้น ผมเขียนเล่าไว้ในนิทาน เรื่อง “มายากลยุทธ” และ “แกะรอยนักล่า” สำหรับท่านผู้อ่าน ที่เข้ามาอ่านตอนหลังๆ ถ้าอยากเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ อีกมุมมอง อีกชุดของข้อมูล ลองอ่านนิทาน 2 เรื่องนี้นะครับ) ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับ CFR (เปิดดูจากกูเกิลได้ครับ) คือ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1921 มีสมาชิก เริ่มแรกประมาณ 20 คน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษและอเมริกัน ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลกประมา ณ 5 พันคน สมาชิกส่วนใหญ่ เป็นพวกฝรั่งแองโกลแซกซอน และชาวยุโรป ใน 5 พันคนนี้ ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้นำ หัวหน้า และผู้บริหารระดับสูงของประเทศ และบรรษัทข้ามชาติ มีหลายคน เป็นประธานาธิบดีของอเมริกา หลายคน เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นรัฐมนตรีกลาโหม เป็นรัฐมนตรีการคลัง เป็นผู้ว่าการธนาคารกลาง เป็นหัวหน้าซีไอเอและหลายคนเป็นพระราชวงศ์ในยุโรปและอังกฤษ ฯลฯ สำหรับไทยแลนด์แดนสมันน้อย เรามีคนไทยที่ถูกลาก หรือ สมัครใจ เข้าไปเกี่ยวกับ CFR โดยเป็นสมาชิกขององค์กร ชื่อ Trilatteral Commission ซึ่งเป็นองค์กรลูกของ CFR ที่ต้ังขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1973 ขณะน้ัน นาย David Rockefeller ซึ่งเป็นประธาน CFR เห็นว่า ควรจะเอานักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เข้ามาอยู่ในความดูแลของ CFR ด้วย เลยพ่วงเอาชาวเอเซีย ลาติน และอาฟริกา ที่เข้าข่ายน่าจะเป็นประโยชน์ และมีแนวความคิด เกี่ยวกับความเป็นไปในโลกแนวทางเดียวกันกับ CFR เข้ามาร่วมด้วย จากเอกสารของ Trilateral Commissionเอง ปี ค.ศ.2014 ปรากฏมีรายชื่อ คนไทย เป็นสมาชิก Trilatteral Commission 4 คน คือ 1. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี 2. นายสมเกียรติ ต้ังกิจวานิชย์ (ผู้อำนวยการ สถาบัน TDRI ของไทย) 3. นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) 4. นายกานต์ ตระกูลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนซิเมนต์ไทย) ปี ค.ศ.2015 รายชื่อ ซึ่งเปลี่ยนเมื่อเดือนเมษายน นี้เอง เหลือ 2 ชื่อ ดังนี้ 1. นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ 2. นางธาริษา วัฒนเกศ ทำไมผมพูดเรื่องญี่ปุ่น นายอาเบะ และเครือข่ายของ CFR เพราะมันเกี่ยวกัน และมันเป็นตัวอย่าง ที่น่าจะทำให้เรามองเห็นภาพหลายภาพชัดเจนขึ้น CFR นั้น เริ่มมีคนพูดถึงกันในช่วงประมาณปี ค.ศ.1960 แต่ช่วงนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ของ CFR ยังไม่มีออกมาแพร่หลายมากนัก นักวิเคราะห์การเมือง และคนทั่วไป จึงมอง CFR ไปในแนวทฤษฏีสมคบคิด ซึ่งมักทำให้ที่ผู้ได้ยินเรื่อง CFR ไม่ให้น้ำหนัก ไม่ให้ความเชื่อถือ ถึงอำนาจและอิทธิพลจริงขององค์กรนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น และลึกขึ้น มีเอกสารที่เหมือนเป็นใบเสร็จ ออกมาให้เราศึกษามากขึ้น อย่างเช่นรายงานการวิเคราะห์ของ CFR เอง ที่ออกมาให้เห็นแนวความคิดของ CFR และกลายมาเป็นนโยบายของรัฐบาลอเมริกา และการดำเนินงานของอเมริกาตามนโยบาย ที่เสนอแนะโดย CFR อย่างจริงจังในหลายส่วนของโลก จึงทำให้ผู้ที่ติดตามดูความเป็น ไปขององค์กร CFR เชื่อมากขึ้นว่า การครอบงำโลกโดย CFR ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฏี แต่มันเป็นของจริง อำนาจจริง อิทธิพลจริง ที่ครอบงำโลกนี้อยู่ และถ้ามันเป็นของจริงเช่นนั้น เรื่อง Grand Stategy แผนสอยมังกร ของ CFR ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราจะอ่านเล่น หรืออ่านแล้วก็แล้วกัน เราน่าจะต้อง อ่าน และวิเคราะห์เองต่อไปอีกด้วยว่า เมื่อญี่ปุ่น ซึ่งถูก Grand Strategy กำหนดให้มีบทบาทสำคัญ ในการสอยมังกรให้ร่วงนั้น ญี่ปุ่นเอาจริง เดินหน้าตามแผนที่ CFR กำหนดขนาดไหน และการเดินตามแผนนั้น เราคงจะพอมองเห็นได้ว่า อเมริกา กำลัง “ใช้” ญี่ปุ่น และไม่ได้ใช้ไปเดินเล่น จ่ายตลาด แต่ เป็นการ “ใช้” ให้ญี่ปุ่นไปรบแทน และอาจไปตายแทน ด้วยค่าใช้จ่ายที่อาจเป็นเงินภาษี หรือเงินกู้ของญี่ปุ่น แต่มันเป็น “ราคา” ที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องจ่าย ขณะเดียวกัน ถ้าอเมริกลากเอาแดนสยาม เข้าไปร่วมขบวนการกับญี่ปุ่น ให้ช่วยกันสอยจีน เราจะถูก “ใช้” ไปรบแทน จนถึงตายแทน ร่วมกับญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ นั่นเป็นประเด็นหนึ่ง ที่ต้องคิดกัน แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่า ลุงตู่ของผมคงมองออก ไม่คิดเป็นคนรับใช้ต่างชาติ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ผันแปร มีการบีบไข่กัน จนต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ช่วยกันมอง ช่วยกันคิดให้ดีๆ นะครับ รูปแบบที่ไอ้นักล่ามันชอบใช้ ไพ่ที่มันชอบเล่นมีอยู่ อย่าตกหลุมมันง่ายๆอีก นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่าคือ กรณีที่ญี่ปุ่นเดินหน้า ตาม CFR อย่างไม่หยุดนั่นแหละครับ ถ้าเกิดถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกาสั่งให้ญี่ปุ่นเคลื่อนพล ไปปะทะจีน หรือตอนนั้นสถานการณ์ในเอเซียมันตึงเครียดได้ที่ ตามความต้องการของอเมริกาแล้ว แม้เราจะฉีกตัวออกมาจากการไปช่วยเขาแบกถาดได้ แต่ถ้าบรรดาคุณยุ่น ที่ขณะนี้ กระจายกันอยู่ในแดนสยามของเราไม่น้อย ไม่ว่าในกรุงเทพ โดยเฉพาะแถบสุขุมวิท ซึ่งใกล้จะเปลี่ยนเป็นแดนปลาดิบ แล้ว ยังมีที่ต่างจังหวัด ทางภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ศรีราชา หรือภาคใต้ เช่น ชุมพร ถ้าคุณยุ่นเขาพากันเปลี่ยนชุด หยิบเครื่องแบบทหารมาใส่ เหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ที่กองทหารญี่ปุ่นบุกเข้าเมือง ไทย ยกพลมาจากทางภาคใต้ของไทย มาจาก สงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ พอถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2484 ชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็แต่งชุดทหารเดินเต็มอยู่ในกรุงเทพฯกันหมด แม้แต่หมอฟันของแม่ผม ผมได้แต่หวังว่า เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้นอีก และแม้ว่า ข้อสังเกตที่ว่า นายอาเบะอาจจะเล่นบท 2 หน้า จะเป็นซามูไรแบกถาด หรือซามูไรทิ้งถาด สิ่งที่ผมเขียนเล่ามา ผลกระทบต่อบ้านเรา ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงยังน่าเป็นห่วงเช่นเดิม บางส่วน บางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยน ถ้าเขาหักหลังกันเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบอะไรขึ้นมา เพราะไม่น่าไว้วางใจทั้งคนใช้ให้แบกถาด และคนแบกถาด หรือจะเป็นคนทิ้งถาด ในชีวิตคนเรา เห็นสงครามโลกครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 2 ผมยังไม่โตพอที่จะไปรบ แต่โตพอที่จะรู้เรื่องว่า บ้านเมืองเราอยู่ในสภาพบ้านพัง สาแหร่กขาดอย่างไร ครอบครัวเราส่วนใหญ่ลำบากอย่างไร และมันทิ้งอะไรไว้กับบ้านเมืองเราครอบครัวเรา ผ่านไป 70 ปี ยังจำได้ไม่ลืม เราชาวสยาม จะต้องตื่นรู้เสียที ไม่ใช่เขียนให้แตกตื่น แต่ต้องตื่นมารับรู้ ทันเหตุการณ์นอกบ้าน ที่จะมีผลกระทบในบ้านเราเสียบ้าง ช่วยกันปลุก ช่วยกันให้ข้อมูล ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่รู้แล้วเอาไปหาข้อมูลต่อ ว่า ที่อ่านกันมานี้ จริงเท็จอย่างไร แล้วคิดต่อ ดีกว่าไม่รู้จะคิดอะไร มันเป็นสมัยโลกาภิวัฒน์มิใช่หรือ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว เปลี่ยนแปลงเร็ว อย่ามัวเพลิดเพลินอยู่แต่กับการดูละครน้ำเน่า กับข่าวย้อมสี จนลืมสนใจภัยใหญ่ ที่อาจใกล้เราเข้ามาทุกทีแล้วนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1008 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกฯ สุชาติ เดินหน้าเต็มที่ เจรจาขอ "พลายประตูผา-พลายศรีณรงค์" คืนจากศรีลังกา
    https://www.thai-tai.tv/news/22251/
    .
    #ไทยไท #ทวงคืนช้าง #พลายประตูผา #ศรีลังกา #สุชาติชมกลิ่น #เจรจาการทูต

    รองนายกฯ สุชาติ เดินหน้าเต็มที่ เจรจาขอ "พลายประตูผา-พลายศรีณรงค์" คืนจากศรีลังกา https://www.thai-tai.tv/news/22251/ . #ไทยไท #ทวงคืนช้าง #พลายประตูผา #ศรีลังกา #สุชาติชมกลิ่น #เจรจาการทูต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านค้ารับเงินนักท่องเที่ยวจีน สแกนพร้อมเพย์ได้แล้ว

    ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าและบริการ ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นประจำควรรู้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศการเปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-border Payment) ผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ ไปเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา นำร่อง 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. และจะมีธนาคารเข้าร่วมให้บริการเพิ่มเติมอีกในระยะต่อไป

    โดยร้านค้าที่มี QR Code ซึ่งธนาคารจัดพิมพ์ให้ หรือแอปพลิเคชันรับเงินผ่าน QR Code สำหรับร้านค้า และเครื่องรูดบัตร EDC ที่รองรับ Thai QR Payment สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวจีน โดยสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน Alipay, WeChat Pay และธนาคารจีนที่มี UnionPay ไปยัง Thai QR Payment โดยตรงเพื่อชำระเป็นเงินหยวน ก่อนที่จะแปลงอัตราแลกเปลี่ยนอัตโนมัติ และร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาท โดยไม่ต้องสมัครและสร้าง QR Code ของ Alipay หรือ WeChat Pay แยกต่างหากอีกต่อไป

    มีรายงานว่า ธนาคารกรุงไทยจะทำหน้าที่เป็นธนาคารรับชำระดุล (Settlement Bank) ในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่าง เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ (NITMX) ผู้ให้บริการระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) กับ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล ผู้ให้บริการ Alipay จากจีน

    ประโยชน์ของบริการ Cross-border Payment ระหว่างไทยและจีน ช่วยให้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนประเทศไทย ซึ่งในปี 2567 มีผู้มาเยือนเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนกว่า 6.7 ล้านคน รวมทั้งนักลงทุนชาวจีน และชาวจีนที่อาศัยอยู่ระยะยาวในไทย สามารถใช้จ่ายในประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องแลกเงินหรือเปิดบัญชีธนาคารในไทย ครอบคลุมหลากหลายกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ทั้งรับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง และท่องเที่ยว ที่ผ่านมาลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และลาว สามารถสแกนจ่ายในไทยได้แล้วก่อนหน้านี้

    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีร้านค้าขนาดเล็กจำนวนมาก ยังคงใช้ Promptpay QR Code สำหรับรับเงินโอนเฉพาะบุคคลจากโมบายแบงกิ้งเป็นหลัก ไม่รองรับบริการ Cross-border Payment ทำให้ไม่สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ซึ่งที่ผ่านมามีธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ รณรงค์ให้ร้านค้าสามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน เช่น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รองรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย

    #Newskit
    ร้านค้ารับเงินนักท่องเที่ยวจีน สแกนพร้อมเพย์ได้แล้ว ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าและบริการ ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นประจำควรรู้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศการเปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-border Payment) ผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ ไปเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา นำร่อง 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. และจะมีธนาคารเข้าร่วมให้บริการเพิ่มเติมอีกในระยะต่อไป โดยร้านค้าที่มี QR Code ซึ่งธนาคารจัดพิมพ์ให้ หรือแอปพลิเคชันรับเงินผ่าน QR Code สำหรับร้านค้า และเครื่องรูดบัตร EDC ที่รองรับ Thai QR Payment สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวจีน โดยสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน Alipay, WeChat Pay และธนาคารจีนที่มี UnionPay ไปยัง Thai QR Payment โดยตรงเพื่อชำระเป็นเงินหยวน ก่อนที่จะแปลงอัตราแลกเปลี่ยนอัตโนมัติ และร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาท โดยไม่ต้องสมัครและสร้าง QR Code ของ Alipay หรือ WeChat Pay แยกต่างหากอีกต่อไป มีรายงานว่า ธนาคารกรุงไทยจะทำหน้าที่เป็นธนาคารรับชำระดุล (Settlement Bank) ในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่าง เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ (NITMX) ผู้ให้บริการระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) กับ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล ผู้ให้บริการ Alipay จากจีน ประโยชน์ของบริการ Cross-border Payment ระหว่างไทยและจีน ช่วยให้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนประเทศไทย ซึ่งในปี 2567 มีผู้มาเยือนเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนกว่า 6.7 ล้านคน รวมทั้งนักลงทุนชาวจีน และชาวจีนที่อาศัยอยู่ระยะยาวในไทย สามารถใช้จ่ายในประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องแลกเงินหรือเปิดบัญชีธนาคารในไทย ครอบคลุมหลากหลายกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ทั้งรับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง และท่องเที่ยว ที่ผ่านมาลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และลาว สามารถสแกนจ่ายในไทยได้แล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีร้านค้าขนาดเล็กจำนวนมาก ยังคงใช้ Promptpay QR Code สำหรับรับเงินโอนเฉพาะบุคคลจากโมบายแบงกิ้งเป็นหลัก ไม่รองรับบริการ Cross-border Payment ทำให้ไม่สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ซึ่งที่ผ่านมามีธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ รณรงค์ให้ร้านค้าสามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน เช่น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รองรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 792 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทลายปาร์ตี้ยา เหยียดเพศโดยไม่ตั้งใจ

    กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) กำลังวิจารณ์กรณีที่ตำรวจศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) ร่วมกับสืบนครบาล (IDMB) ตำรวจนครบาล 5 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จับกุมกลุ่มนักเที่ยว 29 คน ที่นัดหมายมั่วสุมเสพยาเสพติด และมีเพศสัมพันธ์ ที่ห้องสวีตในโรงแรมหรูชื่อดัง ในซอยสุขุมวิท 13 แขวงวัฒนา เขตคลองตันเหนือ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาไอซ์ ยาบ้า ยาอีน้ำ เคตามีน ยาไวอะกร้า ยาป็อปเปอร์ (สารระเหย ใช้สูดดมเพื่อลดความปวดบริเวณทวารหนัก) และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง

    โดยพบว่าเนื้อหาข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ มีลักษณะเน้นย้ำถึงพฤติกรรมทางเพศมากกว่าประเด็นยาเสพติด ซึ่งพบว่าเป็นการทำข่าวแบบคัดลอกแล้ววาง (Copy and Paste) จากข่าวแจกของตำรวจอีกที ประการต่อมาคือ ตำรวจใช้ชื่อ "ปฎิบัติการทลายปาร์ตี้เหมืองทอง" ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเหยียดเพศขั้นรุนแรง ทั้งที่ผ่านมาประเทศไทยพยายามผลักดันเรื่องความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งตระหนักถึงปัญหาจากการรังแกกันบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying)

    อีกประการหนึ่ง คือ การนำเสนอภาพการจับกุมของตำรวจ ที่เผยแพร่ออกมาแบบไม่มีการคัดกรอง เช่น ภาพตำรวจถือถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วชูขึ้นมา แม้ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ "กองบัญชาการตำรวจนครบาล" จะลบโพสต์ผลงานการจับกุมดังกล่าวออกจากระบบก็ตาม ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ "จ๋อแจ๊ะจับโจร" ซึ่งเป็นเพจของกลุ่มแฟนคลับผู้สนับสนุน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. และ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ โพสต์ภาพสารวัตรแจ๊ะถือถุงยางอนามัย พร้อมระบุข้อความว่า "แอดขอเตือน รสนิยมทางเพศไม่ผิด แต่ยาเสพติดผิดเต็มประตู"

    ด้านสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า "ไม่ควรเหมารวม LGBTQ+ กับพฤติกรรมผิดกฎหมาย" ระบุว่า หลายสื่อวันนี้พาดหัวข่าวเชื่อมโยงกลุ่ม LGBTQ+ กับปาร์ตี้ยาเสพติด ซึ่งเป็นการนำเสนอที่ขาดความรับผิดชอบและละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน การระบุอัตลักษณ์ทางเพศของผู้ถูกจับกุมโดยไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว เป็นการผลิตซ้ำอคติและสร้างภาพเหมารวมเชิงลบต่อชุมชน LGBTQ+ สมาคมฟ้าสีรุ้งฯ ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนตระหนักถึงผลกระทบของถ้อยคำ และยึดหลักจริยธรรมในการรายงานข่าว เพื่อร่วมกันลดการตีตราและสร้างความเท่าเทียมในสังคม

    ที่ผ่านมาองค์กรวิชาชีพสื่อก็เคยรณรงค์ให้สื่อมวลชนนำเสนอประเด็นความหลากหลายทางเพศ ทั้งการเปิดอบรมรวมทั้งการออกคู่มือการนำเสนอข่าว แต่ปัญหาก็คือพอเวลาผ่านไปก็ถูกปล่อยปะละเลย แล้วเหตุการณ์เดิมๆ ก็กลับเข้ามาอีก

    #Newskit
    ทลายปาร์ตี้ยา เหยียดเพศโดยไม่ตั้งใจ กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) กำลังวิจารณ์กรณีที่ตำรวจศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) ร่วมกับสืบนครบาล (IDMB) ตำรวจนครบาล 5 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จับกุมกลุ่มนักเที่ยว 29 คน ที่นัดหมายมั่วสุมเสพยาเสพติด และมีเพศสัมพันธ์ ที่ห้องสวีตในโรงแรมหรูชื่อดัง ในซอยสุขุมวิท 13 แขวงวัฒนา เขตคลองตันเหนือ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาไอซ์ ยาบ้า ยาอีน้ำ เคตามีน ยาไวอะกร้า ยาป็อปเปอร์ (สารระเหย ใช้สูดดมเพื่อลดความปวดบริเวณทวารหนัก) และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง โดยพบว่าเนื้อหาข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ มีลักษณะเน้นย้ำถึงพฤติกรรมทางเพศมากกว่าประเด็นยาเสพติด ซึ่งพบว่าเป็นการทำข่าวแบบคัดลอกแล้ววาง (Copy and Paste) จากข่าวแจกของตำรวจอีกที ประการต่อมาคือ ตำรวจใช้ชื่อ "ปฎิบัติการทลายปาร์ตี้เหมืองทอง" ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเหยียดเพศขั้นรุนแรง ทั้งที่ผ่านมาประเทศไทยพยายามผลักดันเรื่องความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งตระหนักถึงปัญหาจากการรังแกกันบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) อีกประการหนึ่ง คือ การนำเสนอภาพการจับกุมของตำรวจ ที่เผยแพร่ออกมาแบบไม่มีการคัดกรอง เช่น ภาพตำรวจถือถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วชูขึ้นมา แม้ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ "กองบัญชาการตำรวจนครบาล" จะลบโพสต์ผลงานการจับกุมดังกล่าวออกจากระบบก็ตาม ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ "จ๋อแจ๊ะจับโจร" ซึ่งเป็นเพจของกลุ่มแฟนคลับผู้สนับสนุน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. และ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ โพสต์ภาพสารวัตรแจ๊ะถือถุงยางอนามัย พร้อมระบุข้อความว่า "แอดขอเตือน รสนิยมทางเพศไม่ผิด แต่ยาเสพติดผิดเต็มประตู" ด้านสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า "ไม่ควรเหมารวม LGBTQ+ กับพฤติกรรมผิดกฎหมาย" ระบุว่า หลายสื่อวันนี้พาดหัวข่าวเชื่อมโยงกลุ่ม LGBTQ+ กับปาร์ตี้ยาเสพติด ซึ่งเป็นการนำเสนอที่ขาดความรับผิดชอบและละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน การระบุอัตลักษณ์ทางเพศของผู้ถูกจับกุมโดยไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว เป็นการผลิตซ้ำอคติและสร้างภาพเหมารวมเชิงลบต่อชุมชน LGBTQ+ สมาคมฟ้าสีรุ้งฯ ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนตระหนักถึงผลกระทบของถ้อยคำ และยึดหลักจริยธรรมในการรายงานข่าว เพื่อร่วมกันลดการตีตราและสร้างความเท่าเทียมในสังคม ที่ผ่านมาองค์กรวิชาชีพสื่อก็เคยรณรงค์ให้สื่อมวลชนนำเสนอประเด็นความหลากหลายทางเพศ ทั้งการเปิดอบรมรวมทั้งการออกคู่มือการนำเสนอข่าว แต่ปัญหาก็คือพอเวลาผ่านไปก็ถูกปล่อยปะละเลย แล้วเหตุการณ์เดิมๆ ก็กลับเข้ามาอีก #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 677 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว.

    ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ.

    ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้,

    ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด.

    ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที.

    #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้.

    #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย.

    #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก

    #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย.

    https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว. ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ. ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้, ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด. ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที. #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้. #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย. #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย. https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    @adithepchawla01

    Biometric Clip 1 of 3 สแกนหน้า ความปลอดภัย หรือการควบคุม?

    ♬ original sound - อดิเทพ จาวลาห์ - อดิเทพ จาวลาห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1047 มุมมอง 0 รีวิว
  • วชิรพยาบาล เปิดโครงการ "Vajira Handwashing Day 2025" เดินหน้ารณรงค์ "ล้างมือบ่อยๆ" สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยยั่งยืน
    https://www.thai-tai.tv/news/21923/
    .
    #ไทยไท #VajiraHandwashingDay #วชิรพยาบาล #ล้างมือบ่อยๆ #สุขอนามัย #สาธารณสุข

    วชิรพยาบาล เปิดโครงการ "Vajira Handwashing Day 2025" เดินหน้ารณรงค์ "ล้างมือบ่อยๆ" สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยยั่งยืน https://www.thai-tai.tv/news/21923/ . #ไทยไท #VajiraHandwashingDay #วชิรพยาบาล #ล้างมือบ่อยๆ #สุขอนามัย #สาธารณสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไต้หวันเตือนภัยไซเบอร์จากจีนทวีความรุนแรง” — เมื่อการแฮกและข่าวปลอมกลายเป็นอาวุธก่อนเลือกตั้งปี 2026

    สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน (NSB) รายงานต่อรัฐสภาว่า ประเทศกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์จากจีนอย่างหนัก โดยเฉลี่ยแล้วมีการพยายามเจาะระบบถึง 2.8 ล้านครั้งต่อวัน เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา

    นอกจากการแฮกข้อมูลแล้ว จีนยังดำเนินการรณรงค์ข่าวปลอมผ่าน “กองทัพโทรลออนไลน์” ที่ใช้บัญชีโซเชียลมีเดียกว่า 10,000 บัญชีในการเผยแพร่โพสต์ปลอมมากกว่า 1.5 ล้านรายการ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่สนับสนุนจีนและบิดเบือนนโยบายภายในของไต้หวัน รวมถึงการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น APT41, Volt Typhoon และ Salt Typhoon มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การป้องกันประเทศ โทรคมนาคม พลังงาน และสาธารณสุข โดยใช้มัลแวร์และช่องทางใน dark web เพื่อขโมยข้อมูลและเผยแพร่เนื้อหาบิดเบือน

    จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และกลับกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็น “นักเลงไซเบอร์ตัวจริงของโลก” โดยอ้างว่า NSA เคยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของจีนหลายครั้ง

    ข้อมูลในข่าว
    ไต้หวันเผชิญการโจมตีไซเบอร์จากจีนเฉลี่ย 2.8 ล้านครั้งต่อวัน
    เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา
    จีนใช้บัญชีโทรลกว่า 10,000 บัญชีเผยแพร่โพสต์ปลอมกว่า 1.5 ล้านรายการ
    เนื้อหาส่วนใหญ่สนับสนุนจีนและบิดเบือนนโยบายของไต้หวัน
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ APT41, Volt Typhoon, Salt Typhoon
    เป้าหมายคือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น กลาโหม โทรคมนาคม พลังงาน และสาธารณสุข
    ใช้มัลแวร์และช่องทาง dark web ในการเผยแพร่ข้อมูล
    จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาและกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้โจมตีไซเบอร์ตัวจริง

    https://www.techradar.com/pro/security/taiwan-warns-chinese-cyberattacks-are-intensifying
    🛡️ “ไต้หวันเตือนภัยไซเบอร์จากจีนทวีความรุนแรง” — เมื่อการแฮกและข่าวปลอมกลายเป็นอาวุธก่อนเลือกตั้งปี 2026 สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน (NSB) รายงานต่อรัฐสภาว่า ประเทศกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์จากจีนอย่างหนัก โดยเฉลี่ยแล้วมีการพยายามเจาะระบบถึง 2.8 ล้านครั้งต่อวัน เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา นอกจากการแฮกข้อมูลแล้ว จีนยังดำเนินการรณรงค์ข่าวปลอมผ่าน “กองทัพโทรลออนไลน์” ที่ใช้บัญชีโซเชียลมีเดียกว่า 10,000 บัญชีในการเผยแพร่โพสต์ปลอมมากกว่า 1.5 ล้านรายการ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่สนับสนุนจีนและบิดเบือนนโยบายภายในของไต้หวัน รวมถึงการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น APT41, Volt Typhoon และ Salt Typhoon มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การป้องกันประเทศ โทรคมนาคม พลังงาน และสาธารณสุข โดยใช้มัลแวร์และช่องทางใน dark web เพื่อขโมยข้อมูลและเผยแพร่เนื้อหาบิดเบือน จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และกลับกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็น “นักเลงไซเบอร์ตัวจริงของโลก” โดยอ้างว่า NSA เคยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของจีนหลายครั้ง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ไต้หวันเผชิญการโจมตีไซเบอร์จากจีนเฉลี่ย 2.8 ล้านครั้งต่อวัน ➡️ เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา ➡️ จีนใช้บัญชีโทรลกว่า 10,000 บัญชีเผยแพร่โพสต์ปลอมกว่า 1.5 ล้านรายการ ➡️ เนื้อหาส่วนใหญ่สนับสนุนจีนและบิดเบือนนโยบายของไต้หวัน ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ APT41, Volt Typhoon, Salt Typhoon ➡️ เป้าหมายคือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น กลาโหม โทรคมนาคม พลังงาน และสาธารณสุข ➡️ ใช้มัลแวร์และช่องทาง dark web ในการเผยแพร่ข้อมูล ➡️ จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาและกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้โจมตีไซเบอร์ตัวจริง https://www.techradar.com/pro/security/taiwan-warns-chinese-cyberattacks-are-intensifying
    WWW.TECHRADAR.COM
    Taiwan warns Chinese cyberattacks are intensifying
    Breaches and misinformation campaigns are rampant
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 464 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Bitcoin Jesus” ยอมจ่ายเกือบ 50 ล้านเหรียญ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ

    ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี มีบุคคลหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า “Bitcoin Jesus” เขาคือ Roger Ver นักลงทุนยุคแรกของบิตคอยน์ที่เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการผลักดันให้บิตคอยน์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ล่าสุดเขาตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Ver ได้ตกลงจ่ายเงินสูงสุดถึง 49.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีและฉ้อโกงทางไปรษณีย์

    ข้อตกลงนี้เป็นรูปแบบ “deferred prosecution agreement” หรือการเลื่อนการดำเนินคดี ซึ่งหมายความว่า หากเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน คดีจะไม่ถูกดำเนินต่อในศาล โดยก่อนหน้านี้ Ver ได้ออกมารณรงค์ให้ประธานาธิบดี Donald Trump ช่วยยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า “lawfare” หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง

    นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของการจัดเก็บภาษีในโลกคริปโต ที่ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาในหลายประเทศ รวมถึงการที่นักลงทุนคริปโตต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมาย หากไม่จัดการเรื่องภาษีอย่างถูกต้อง

    ข้อมูลในข่าว
    Roger Ver หรือ “Bitcoin Jesus” เป็นนักลงทุนบิตคอยน์ยุคแรก
    เขาตกลงจ่ายเงินสูงสุด 49.9 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษี
    ข้อตกลงเป็นแบบ “deferred prosecution” ซึ่งอาจทำให้คดีไม่ถูกดำเนินต่อ
    Ver เคยรณรงค์ให้ประธานาธิบดี Trump ช่วยยุติการใช้กฎหมายโจมตีทางการเมือง

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    นักลงทุนคริปโตต้องระวังเรื่องการจัดการภาษีอย่างถูกต้อง
    การเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ อาจนำไปสู่คดีอาญาและค่าปรับมหาศาล
    การใช้คริปโตในธุรกรรมจำนวนมากโดยไม่เปิดเผย อาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้
    แม้จะมีข้อตกลงเลื่อนการดำเนินคดี แต่หากผิดเงื่อนไขก็อาจถูกดำเนินคดีเต็มรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/crypto-investor-039bitcoin-jesus039-reaches-deal-to-resolve-us-tax-charges
    🎯 “Bitcoin Jesus” ยอมจ่ายเกือบ 50 ล้านเหรียญ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี มีบุคคลหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า “Bitcoin Jesus” เขาคือ Roger Ver นักลงทุนยุคแรกของบิตคอยน์ที่เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการผลักดันให้บิตคอยน์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ล่าสุดเขาตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Ver ได้ตกลงจ่ายเงินสูงสุดถึง 49.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีและฉ้อโกงทางไปรษณีย์ ข้อตกลงนี้เป็นรูปแบบ “deferred prosecution agreement” หรือการเลื่อนการดำเนินคดี ซึ่งหมายความว่า หากเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน คดีจะไม่ถูกดำเนินต่อในศาล โดยก่อนหน้านี้ Ver ได้ออกมารณรงค์ให้ประธานาธิบดี Donald Trump ช่วยยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า “lawfare” หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของการจัดเก็บภาษีในโลกคริปโต ที่ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาในหลายประเทศ รวมถึงการที่นักลงทุนคริปโตต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมาย หากไม่จัดการเรื่องภาษีอย่างถูกต้อง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Roger Ver หรือ “Bitcoin Jesus” เป็นนักลงทุนบิตคอยน์ยุคแรก ➡️ เขาตกลงจ่ายเงินสูงสุด 49.9 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษี ➡️ ข้อตกลงเป็นแบบ “deferred prosecution” ซึ่งอาจทำให้คดีไม่ถูกดำเนินต่อ ➡️ Ver เคยรณรงค์ให้ประธานาธิบดี Trump ช่วยยุติการใช้กฎหมายโจมตีทางการเมือง ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ นักลงทุนคริปโตต้องระวังเรื่องการจัดการภาษีอย่างถูกต้อง ⛔ การเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ อาจนำไปสู่คดีอาญาและค่าปรับมหาศาล ⛔ การใช้คริปโตในธุรกรรมจำนวนมากโดยไม่เปิดเผย อาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้ ⛔ แม้จะมีข้อตกลงเลื่อนการดำเนินคดี แต่หากผิดเงื่อนไขก็อาจถูกดำเนินคดีเต็มรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/crypto-investor-039bitcoin-jesus039-reaches-deal-to-resolve-us-tax-charges
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Bitcoin Jesus' strikes deal with Trump administration to resolve US tax charges
    (Reuters) -An early cryptocurrency investor dubbed the "Bitcoin Jesus" has agreed to pay up to $49.9 million to resolve charges he evaded tens of millions of dollars in taxes, the U.S. Department of Justice said in a court filing on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น”

    ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว

    KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

    KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025
    เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน

    เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี
    ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี

    เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน
    ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน

    KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
    ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft

    KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ
    เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี

    ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้
    เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE

    https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    🎉 “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น” ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ✅ KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025 ➡️ เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน ✅ เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี ➡️ ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี ✅ เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน ➡️ ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน ✅ KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft ✅ KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ ➡️ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี ✅ ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้ ➡️ เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    KDE.ORG
    Happy Birthday to KDE
    This week is KDE’s 29th anniversary. It may not be a nice round number like 25 or 30, but whenever another birthday rolls around for an independent project the size and scope of KDE — powered by the goodwill of its contributors and users — that’s really quite something!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts