• Western Digital คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความต้องการที่ลดลงจากลูกค้าด้านคลาวด์และองค์กร สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจลดการลงทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการชิปหน่วยความจำหลังจากที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงการระบาดของโรค

    Western Digital คาดว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะอยู่ในช่วง 3.75 พันล้านดอลลาร์ถึง 3.95 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วจะอยู่ในช่วง 90 เซนต์ถึง 1.20 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.47 ดอลลาร์

    ในไตรมาสที่สอง รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 4.29 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.26 พันล้านดอลลาร์. กำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วอยู่ที่ 1.77 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.78 ดอลลาร์

    การลดลงของความต้องการชิปหน่วยความจำนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ Western Digital เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อคู่แข่งอย่าง Seagate Technology ที่คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน

    การคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและต้นทุนการกู้ยืมที่สูง ซึ่งทำให้ธุรกิจต่างๆ ลดการลงทุนในเทคโนโลยีและชิปหน่วยความจำ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/30/western-digital-expects-third-quarter-revenue-below-estimates-on-weak-demand
    Western Digital คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความต้องการที่ลดลงจากลูกค้าด้านคลาวด์และองค์กร สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจลดการลงทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการชิปหน่วยความจำหลังจากที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงการระบาดของโรค Western Digital คาดว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะอยู่ในช่วง 3.75 พันล้านดอลลาร์ถึง 3.95 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วจะอยู่ในช่วง 90 เซนต์ถึง 1.20 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.47 ดอลลาร์ ในไตรมาสที่สอง รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 4.29 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.26 พันล้านดอลลาร์. กำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วอยู่ที่ 1.77 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.78 ดอลลาร์ การลดลงของความต้องการชิปหน่วยความจำนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ Western Digital เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อคู่แข่งอย่าง Seagate Technology ที่คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน การคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและต้นทุนการกู้ยืมที่สูง ซึ่งทำให้ธุรกิจต่างๆ ลดการลงทุนในเทคโนโลยีและชิปหน่วยความจำ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/30/western-digital-expects-third-quarter-revenue-below-estimates-on-weak-demand
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Western Digital expects third-quarter revenue below estimates on weak demand
    (Reuters) - Data storage products maker Western Digital Corp forecast third-quarter revenue below Wall Street estimates on Wednesday, as it expects decreased demand from cloud and corporate customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฯ สป.จีน ลงพื้นที่ชายแดนตาก ส่องกาสิโน-โครงการลงทุนจีนเทาชเวโก๊กโก่ ฝั่งเมียนมา ก่อนหารือแนวทางช่วย 160 ชาวจีนถูกหลอก-ฉ้อโกงในเมียวดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009371

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฯ สป.จีน ลงพื้นที่ชายแดนตาก ส่องกาสิโน-โครงการลงทุนจีนเทาชเวโก๊กโก่ ฝั่งเมียนมา ก่อนหารือแนวทางช่วย 160 ชาวจีนถูกหลอก-ฉ้อโกงในเมียวดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009371 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานข่าวBlognoneระบุว่าบอร์ดบีโอไออนุมัติการลงทุน 3 โครงการสำคัญ มูลค่ารวมกว่า 1.7 แสนล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และ AI ในไทย เพื่อพัฒนาไทยสู่การเป็น Digital Hub ของภูมิภาค และขึ้นแท่นอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก
    .
    สำหรับ 3 โครงการลงทุนใหม่มีดังต่อไปนี้:
    .
    1. โครงการ Data Hosting ของบริษัทในเครือ TikTok ลงทุนติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อใช้ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวม 126,790 ล้านบาท
    2. AI Cloud Service ของ สยาม เอไอ ลงทุนในชลบุรีและปทุมธานี รวม 3,250 ล้านบาท
    3. การผลิตโพแทสเซียมคลอไรด์ของ เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตปุ๋ย ลงทุนในอุดรธานี รวม 40,400 ล้านบาท
    .
    ที่มา: blognone
    รายงานข่าวBlognoneระบุว่าบอร์ดบีโอไออนุมัติการลงทุน 3 โครงการสำคัญ มูลค่ารวมกว่า 1.7 แสนล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และ AI ในไทย เพื่อพัฒนาไทยสู่การเป็น Digital Hub ของภูมิภาค และขึ้นแท่นอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก . สำหรับ 3 โครงการลงทุนใหม่มีดังต่อไปนี้: . 1. โครงการ Data Hosting ของบริษัทในเครือ TikTok ลงทุนติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อใช้ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวม 126,790 ล้านบาท 2. AI Cloud Service ของ สยาม เอไอ ลงทุนในชลบุรีและปทุมธานี รวม 3,250 ล้านบาท 3. การผลิตโพแทสเซียมคลอไรด์ของ เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตปุ๋ย ลงทุนในอุดรธานี รวม 40,400 ล้านบาท . ที่มา: blognone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ชี้ “ดีปซีค” (DeepSeek) แชตบอตเอไอจีน ที่เขย่าหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐฯ ร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ซิลลิคอนแวลลีย์ให้ยิ่งมุ่งมั่นทุ่มเทความสนใจเพื่อเอาชนะจีน
    .
    ถึงแม้การเปิดตัวโมเดลล่าสุดของดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงแรกๆ ถูกกลบจนเงียบสนิทจากข่าวพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แชตบอตของดีปซีค สามารถโค่นยักษ์แชตจีพีทีของค่ายโอเพ่นเอไอ กลายเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกา
    .
    สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ และค่ายตะวันตกโดยรวมนั่งไม่ติด คือ การที่ดีปซีคระบุว่า พัฒนาโมเดลล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า อาร์1 นี้ ด้วยต้นทุนแค่เศษเงินของที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเอไอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอิงอยู่กับชิป และซอฟต์แวร์ราคาแพงของเอ็นวิเดีย
    .
    พัฒนาการดังกล่าวมีความสำคัญมากเนื่องจากกระแสเอไอที่จุดชนวนจากการเปิดตัวแชตจีพีทีเมื่อปลายปี 2022 นั้น กลายเป็นกระแสร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไฮเทคในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และโลกตะวันตกอื่นๆ พุ่งแรงไม่มีตกเรื่อยมา โดยเฉพาะทำให้เอ็นวิเดียกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในโลกในขณะนี้
    .
    ข่าวความฮิตฮอตของดีปซีค กำลังสั่นสะเทือนทั่ววงการเทคโนโลยีของอเมริกา และปลุกเร้าความกังวลสำคัญที่ว่า บรรดาบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ยังควรยึดโมเดลเดิม ด้วยการลงทุนเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์กับเอไอแบบราคาแพงต่อไปหรือไม่ ในเมื่อบริษัทจีนอย่างดีปซีค สามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมด้วยต้นทุนต่ำกว่ามากมาย
    .
    นอกจากนั้น ความก้าวหน้าอย่างชัดเจนของดีปซีค ยังควรสร้างความขุ่นเคืองและตระหนกให้แก่วอชิงตัน เนื่องจากมันฟ้องว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน พยายามรักษาสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกาเอาไว้ ด้วยการกีดกันแซงก์ชันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์อันจำเป็นสำหรับการพัฒนาเอไอที่ล้ำยุคนั้น กลับไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง
    .
    ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นทันควันในวันจันทร์ (27) ว่า การเปิดตัวดีปซีคควรถือเป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของอเมริกาต้องทุ่มเทความสนใจในการเอาชนะจีน
    .
    อย่างไรก็ดี ทรัมป์สำทับว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิ๊กเทคอเมริกา เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านป็นแสนล้านดอลลาร์ ก็มีโซลูชันแบบเดียวกันได้
    .
    ทางด้าน แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพ่นเอไอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การมีคู่แข่งใหม่ๆ ทำให้ทั้งวงการมีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พร้อมชมดีปซีค อาร์1 เป็นโมเดลที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่นำเสนอจากต้นทุนระดับนั้น เขายังให้สัญญว่า โอเพ่นเอไอ จะเร่งปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมา
    .
    ขณะที่ เดวิด แซคส์ ที่ปรึกษาด้านเอไอของทรัมป์และเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ชี้ว่า ความสำเร็จของดีปซีคยืนยันว่า ทำเนียบขาวตัดสินใจถูกต้องแล้วในการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเอไอ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อบริษัทเอไอของอเมริกาโดยไม่มีหลักประกันว่า จีนจะไล่ตามไม่ทัน
    .
    สำหรับ มาร์ก แอนเดรสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นพันธมิตรอีกคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ดีปซีค อาร์1 เป็น “สปุตนิก โมเมนต์” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียตปล่อยสปุตนิก กลายเป็นดาวเทียมโคจรรอบโลกดวงแรกของโลก เมื่อปี 1957 โดยเวลานั้นสหรัฐฯ ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ โลกตะวันตกจึงทั้งทึ่งและตกตะลึงไปตามๆ กัน
    .
    แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเอ็กซ์ทีบี ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจีนไล่ตามอเมริกาในการแข่งขันด้านเอไอได้เร็วขนาดนี้ เศรษฐศาสตร์ของเอไอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
    .
    สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ โพสต์ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในวันจันทร์ว่า เอไอต้นทุนต่ำเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน กระนั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมที่ดาวอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเตือนว่า ตะวันตกควรจับตาพัฒนาการของจีนอย่างจริงจังมาก
    .
    ไมโครซอฟท์นั้นประกาศเอาไว้ว่า ปีนี้มีแผนลงทุนในเอไอ 80,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งอย่างเมตา ก็ประกาศลงทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์
    .
    คาดกันไว้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้จำนวนมากจะไปตกอยู่กับเอ็นวิเดีย ซึ่งเวลานี้เป็นเจ้าในเรื่องชิปเอไอระดับล้ำยุคที่ใช้กับเอไอ แต่เมื่อมีข่าวดีปชีคออกมา ราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย จึงกลับร่วงหนักถึง 17% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์
    .
    ถือว่าสถานการณ์พิเศษมากที่ดีปซีค ซึ่งก็เช่นเดียวกับพวกบริษัทจีนอื่นๆ ถูกมาตรการจำกัดกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ระดับล้ำยุคของเอ็นวิเดียได้ กลับสามารถพัฒนาโมเดลเอไอของตนลลจนทัดเทียมกับพวกยักษ์แนวหน้าระดับโลกได้
    .
    วารสาร เอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว ชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯนั่นเอง ที่ผลักดันให้สตาร์ทอัปจีนอย่างดีปซีค ต้องค้นหาหนทางที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของชิปรุ่นเก่ากว่าเท่าที่จะหาได้ ตลอดจนเน้นการรวมเครือข่ายทรัพยากร และการร่วมมือประสานงานกัน
    .
    กระนั้น อีลอน มัสก์ ที่ลงทุนก้อนใหญ่ในชิปเอ็นวิเดียสำหรับบริษัทเอไอของตนเองคือ เอ็กซ์เอไอ รวมทั้งยังเป็นซีอีโอของสเกลเอไอ สตาร์ทอัปชื่อดังแห่งซิลลิคอนแวลลีย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอมะซอนและเมตา ออกมาแสดงความสงสัยข้องใจว่า ดีปซีค น่าจะแอบเข้าถึงชิปเอช100 ของเอ็นวิเดียอย่างผิดกฎหมาย
    .
    อย่างไรก็ดี เอ็นวิเดียออกคำแถลงยืนยันว่า เทคโนโลยีของดีปซีคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009080
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ชี้ “ดีปซีค” (DeepSeek) แชตบอตเอไอจีน ที่เขย่าหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐฯ ร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ซิลลิคอนแวลลีย์ให้ยิ่งมุ่งมั่นทุ่มเทความสนใจเพื่อเอาชนะจีน . ถึงแม้การเปิดตัวโมเดลล่าสุดของดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงแรกๆ ถูกกลบจนเงียบสนิทจากข่าวพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แชตบอตของดีปซีค สามารถโค่นยักษ์แชตจีพีทีของค่ายโอเพ่นเอไอ กลายเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกา . สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ และค่ายตะวันตกโดยรวมนั่งไม่ติด คือ การที่ดีปซีคระบุว่า พัฒนาโมเดลล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า อาร์1 นี้ ด้วยต้นทุนแค่เศษเงินของที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเอไอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอิงอยู่กับชิป และซอฟต์แวร์ราคาแพงของเอ็นวิเดีย . พัฒนาการดังกล่าวมีความสำคัญมากเนื่องจากกระแสเอไอที่จุดชนวนจากการเปิดตัวแชตจีพีทีเมื่อปลายปี 2022 นั้น กลายเป็นกระแสร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไฮเทคในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และโลกตะวันตกอื่นๆ พุ่งแรงไม่มีตกเรื่อยมา โดยเฉพาะทำให้เอ็นวิเดียกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในโลกในขณะนี้ . ข่าวความฮิตฮอตของดีปซีค กำลังสั่นสะเทือนทั่ววงการเทคโนโลยีของอเมริกา และปลุกเร้าความกังวลสำคัญที่ว่า บรรดาบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ยังควรยึดโมเดลเดิม ด้วยการลงทุนเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์กับเอไอแบบราคาแพงต่อไปหรือไม่ ในเมื่อบริษัทจีนอย่างดีปซีค สามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมด้วยต้นทุนต่ำกว่ามากมาย . นอกจากนั้น ความก้าวหน้าอย่างชัดเจนของดีปซีค ยังควรสร้างความขุ่นเคืองและตระหนกให้แก่วอชิงตัน เนื่องจากมันฟ้องว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน พยายามรักษาสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกาเอาไว้ ด้วยการกีดกันแซงก์ชันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์อันจำเป็นสำหรับการพัฒนาเอไอที่ล้ำยุคนั้น กลับไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง . ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นทันควันในวันจันทร์ (27) ว่า การเปิดตัวดีปซีคควรถือเป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของอเมริกาต้องทุ่มเทความสนใจในการเอาชนะจีน . อย่างไรก็ดี ทรัมป์สำทับว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิ๊กเทคอเมริกา เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านป็นแสนล้านดอลลาร์ ก็มีโซลูชันแบบเดียวกันได้ . ทางด้าน แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพ่นเอไอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การมีคู่แข่งใหม่ๆ ทำให้ทั้งวงการมีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พร้อมชมดีปซีค อาร์1 เป็นโมเดลที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่นำเสนอจากต้นทุนระดับนั้น เขายังให้สัญญว่า โอเพ่นเอไอ จะเร่งปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมา . ขณะที่ เดวิด แซคส์ ที่ปรึกษาด้านเอไอของทรัมป์และเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ชี้ว่า ความสำเร็จของดีปซีคยืนยันว่า ทำเนียบขาวตัดสินใจถูกต้องแล้วในการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเอไอ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อบริษัทเอไอของอเมริกาโดยไม่มีหลักประกันว่า จีนจะไล่ตามไม่ทัน . สำหรับ มาร์ก แอนเดรสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นพันธมิตรอีกคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ดีปซีค อาร์1 เป็น “สปุตนิก โมเมนต์” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียตปล่อยสปุตนิก กลายเป็นดาวเทียมโคจรรอบโลกดวงแรกของโลก เมื่อปี 1957 โดยเวลานั้นสหรัฐฯ ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ โลกตะวันตกจึงทั้งทึ่งและตกตะลึงไปตามๆ กัน . แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเอ็กซ์ทีบี ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจีนไล่ตามอเมริกาในการแข่งขันด้านเอไอได้เร็วขนาดนี้ เศรษฐศาสตร์ของเอไอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง . สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ โพสต์ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในวันจันทร์ว่า เอไอต้นทุนต่ำเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน กระนั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมที่ดาวอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเตือนว่า ตะวันตกควรจับตาพัฒนาการของจีนอย่างจริงจังมาก . ไมโครซอฟท์นั้นประกาศเอาไว้ว่า ปีนี้มีแผนลงทุนในเอไอ 80,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งอย่างเมตา ก็ประกาศลงทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ . คาดกันไว้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้จำนวนมากจะไปตกอยู่กับเอ็นวิเดีย ซึ่งเวลานี้เป็นเจ้าในเรื่องชิปเอไอระดับล้ำยุคที่ใช้กับเอไอ แต่เมื่อมีข่าวดีปชีคออกมา ราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย จึงกลับร่วงหนักถึง 17% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ . ถือว่าสถานการณ์พิเศษมากที่ดีปซีค ซึ่งก็เช่นเดียวกับพวกบริษัทจีนอื่นๆ ถูกมาตรการจำกัดกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ระดับล้ำยุคของเอ็นวิเดียได้ กลับสามารถพัฒนาโมเดลเอไอของตนลลจนทัดเทียมกับพวกยักษ์แนวหน้าระดับโลกได้ . วารสาร เอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว ชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯนั่นเอง ที่ผลักดันให้สตาร์ทอัปจีนอย่างดีปซีค ต้องค้นหาหนทางที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของชิปรุ่นเก่ากว่าเท่าที่จะหาได้ ตลอดจนเน้นการรวมเครือข่ายทรัพยากร และการร่วมมือประสานงานกัน . กระนั้น อีลอน มัสก์ ที่ลงทุนก้อนใหญ่ในชิปเอ็นวิเดียสำหรับบริษัทเอไอของตนเองคือ เอ็กซ์เอไอ รวมทั้งยังเป็นซีอีโอของสเกลเอไอ สตาร์ทอัปชื่อดังแห่งซิลลิคอนแวลลีย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอมะซอนและเมตา ออกมาแสดงความสงสัยข้องใจว่า ดีปซีค น่าจะแอบเข้าถึงชิปเอช100 ของเอ็นวิเดียอย่างผิดกฎหมาย . อย่างไรก็ดี เอ็นวิเดียออกคำแถลงยืนยันว่า เทคโนโลยีของดีปซีคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009080 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • การซื้อของใช้ดีๆ
    ก็เป็นการลงทุน
    เพราะเมื่ออยู่ท่ามกลาง
    ข้าวของดีๆ คุณก็จะรู้สึกดี

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    การซื้อของใช้ดีๆ ก็เป็นการลงทุน เพราะเมื่ออยู่ท่ามกลาง ข้าวของดีๆ คุณก็จะรู้สึกดี จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี
    .
    วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา
    .
    ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน
    .
    สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น
    .
    เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน
    .
    เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท
    .
    เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789
    .........
    Sondhi X
    รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี . วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา . ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน . สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น . เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน . เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท . เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี. . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789 ......... Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 707 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข
    .
    ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา
    .
    อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้
    .
    “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ
    .
    ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง”
    .
    “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ
    .
    ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า”
    .
    คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว
    .
    สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย
    .
    ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย
    .
    โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau)
    .
    อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว
    .
    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX
    .
    อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย
    .
    ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก
    .
    ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข . ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา . อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้ . “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ . ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง” . “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ . ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า” . คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว . สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย . ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย . โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau) . อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว . ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX . อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย . ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก . ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมิชิแกนได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐต้องเปิดสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งวิชาเริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคต

    กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Amazon และ Microsoft รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่พวกเขาสนับสนุน เช่น Code.org นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูวิทยาการคอมพิวเตอร์และกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น TechNet ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Google, Meta และอื่นๆ

    กฎหมายนี้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐมิชิแกนต้องมีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาของรัฐ หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ สามารถใช้ตัวเลือกการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงได้ ยกเว้นโรงเรียนที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด

    นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในรัฐ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงานในรัฐมิชิแกน

    การที่รัฐมิชิแกนกำหนดให้มีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนมัธยมแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/106514-michigan-passes-law-mandating-computer-science-classes-high.html
    รัฐมิชิแกนได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐต้องเปิดสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งวิชาเริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคต กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Amazon และ Microsoft รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่พวกเขาสนับสนุน เช่น Code.org นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูวิทยาการคอมพิวเตอร์และกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น TechNet ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Google, Meta และอื่นๆ กฎหมายนี้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐมิชิแกนต้องมีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาของรัฐ หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ สามารถใช้ตัวเลือกการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงได้ ยกเว้นโรงเรียนที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในรัฐ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงานในรัฐมิชิแกน การที่รัฐมิชิแกนกำหนดให้มีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนมัธยมแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ https://www.techspot.com/news/106514-michigan-passes-law-mandating-computer-science-classes-high.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Michigan new law mandates Computer Science classes in high schools
    The bipartisan bill, signed into law last week by Governor Gretchen Whitmer, aims to increase technological literacy across the state. It mandates that every Michigan high school...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • Humanity Protocol บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันว่าบัญชีออนไลน์นั้นเป็นของบุคคลจริง เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าเต็มที่ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่นำโดย Pantera Capital และ Jump Crypto

    Humanity Protocol มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนในวงกว้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบอท บัญชีปลอม และการฉ้อโกงออนไลน์

    การยืนยันตัวตนดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ deepfakes และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนกำลังหันมาใช้ไบโอเมตริกส์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้

    นอกจากนี้ Humanity Protocol ยังเตรียมเปิดตัวโทเค็นคริปโตของตนเอง โดยกำลังทำการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อให้การเปิดตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตและบล็อกเชนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและการลงทุนมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/humanity-protocol-valued-at-11-billion-after-latest-fundraise
    Humanity Protocol บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันว่าบัญชีออนไลน์นั้นเป็นของบุคคลจริง เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าเต็มที่ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่นำโดย Pantera Capital และ Jump Crypto Humanity Protocol มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนในวงกว้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบอท บัญชีปลอม และการฉ้อโกงออนไลน์ การยืนยันตัวตนดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ deepfakes และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนกำลังหันมาใช้ไบโอเมตริกส์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ นอกจากนี้ Humanity Protocol ยังเตรียมเปิดตัวโทเค็นคริปโตของตนเอง โดยกำลังทำการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อให้การเปิดตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตและบล็อกเชนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและการลงทุนมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/humanity-protocol-valued-at-11-billion-after-latest-fundraise
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Humanity Protocol valued at $1.1 billion after latest fundraise
    (Reuters) - Humanity Protocol has secured a fully diluted valuation of $1.1 billion after raising $20 million in a funding round co-led by Pantera Capital and Jump Crypto, the identity verification blockchain firm said on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากจีนที่กำลังสร้างความฮือฮาในวงการ AI DeepSeek ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng ในเดือนพฤษภาคม 2023 และได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ Wenfeng เป็นผู้บริหาร ความโดดเด่นของ DeepSeek คือการใช้โมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่เรียกว่า R1 ซึ่งสามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในหลายด้าน เช่น คณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และการให้เหตุผล

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek ได้เปิดตัวเวอร์ชันเต็มของ R1 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AI ของ DeepSeek ใน App Store มากกว่า ChatGPT ซึ่งเคยเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด นอกจากนี้ DeepSeek ยังขึ้นเป็นอันดับสามใน HuggingFace's Chatbot Arena รองจากโมเดล Gemini และ ChatGPT-4o

    อย่างไรก็ตาม DeepSeek ต้องจำกัดการสมัครสมาชิกเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น. แม้จะมีปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ DeepSeek ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้และนักวิจัยในวงการ AI

    นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ DeepSeek อาจเก็บรวบรวมและแชร์กับรัฐบาลจีน นโยบายความเป็นส่วนตัวของ DeepSeek ระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การที่ R1 เป็นโอเพ่นซอร์สทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดของโมเดลเพื่อดูว่ามีการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวหรือไม่

    ความสำเร็จของ R1 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการ AI ที่อาจช่วยให้นักวิจัยและห้องปฏิบัติการขนาดเล็กสามารถสร้างโมเดลที่แข่งขันได้และเพิ่มความหลากหลายในตัวเลือกที่มีอยู่ การพัฒนา AI แบบโอเพ่นซอร์สนี้อาจทำให้การลงทุนใน AI ลดลงและเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่ในวงการ

    https://www.zdnet.com/article/why-you-should-pay-attention-to-deepseek-ai/
    DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากจีนที่กำลังสร้างความฮือฮาในวงการ AI DeepSeek ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng ในเดือนพฤษภาคม 2023 และได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ Wenfeng เป็นผู้บริหาร ความโดดเด่นของ DeepSeek คือการใช้โมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่เรียกว่า R1 ซึ่งสามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในหลายด้าน เช่น คณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และการให้เหตุผล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek ได้เปิดตัวเวอร์ชันเต็มของ R1 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AI ของ DeepSeek ใน App Store มากกว่า ChatGPT ซึ่งเคยเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด นอกจากนี้ DeepSeek ยังขึ้นเป็นอันดับสามใน HuggingFace's Chatbot Arena รองจากโมเดล Gemini และ ChatGPT-4o อย่างไรก็ตาม DeepSeek ต้องจำกัดการสมัครสมาชิกเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น. แม้จะมีปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ DeepSeek ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้และนักวิจัยในวงการ AI นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ DeepSeek อาจเก็บรวบรวมและแชร์กับรัฐบาลจีน นโยบายความเป็นส่วนตัวของ DeepSeek ระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การที่ R1 เป็นโอเพ่นซอร์สทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดของโมเดลเพื่อดูว่ามีการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวหรือไม่ ความสำเร็จของ R1 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการ AI ที่อาจช่วยให้นักวิจัยและห้องปฏิบัติการขนาดเล็กสามารถสร้างโมเดลที่แข่งขันได้และเพิ่มความหลากหลายในตัวเลือกที่มีอยู่ การพัฒนา AI แบบโอเพ่นซอร์สนี้อาจทำให้การลงทุนใน AI ลดลงและเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่ในวงการ https://www.zdnet.com/article/why-you-should-pay-attention-to-deepseek-ai/
    WWW.ZDNET.COM
    Why you should pay attention to DeepSeek AI
    Despite a cyber attack, the open-source startup is rapidly climbing over its more established competitors. Here's what we know.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทต่างๆ กำลังเผชิญกับ "ขีดจำกัดความเร็ว" ในการนำปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Gen AI) มาใช้งานจริง รายงานจาก Deloitte พบว่ามีเพียงไม่กี่บริษัทที่พร้อมจะนำ Gen AI มาใช้งานในระดับการผลิต โดยมีเพียงหนึ่งในสามของการทดลอง Gen AI ที่จะสามารถขยายขนาดได้เต็มที่ในอีกสามถึงหกเดือนข้างหน้า

    ปัญหาหลักที่ทำให้การนำ Gen AI มาใช้งานช้าคือความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและการจัดการความเสี่ยง 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าปัญหาด้านกฎระเบียบเป็นอุปสรรคหลักในการนำ Gen AI มาใช้งาน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงในองค์กรยังเกิดขึ้นช้ากว่าการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้การนำ Gen AI มาใช้งานต้องใช้เวลานานขึ้น

    แม้ว่าบริษัทต่างๆ จะเห็นผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการลงทุนใน AI แต่การสร้างมูลค่าจาก Gen AI และการนำมาใช้งานในระดับใหญ่ยังคงเป็นงานที่ยาก บางฟังก์ชันขององค์กรที่เห็นผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากการใช้ Gen AI ได้แก่ IT, การดำเนินงาน และการตลาด ในขณะที่ฟังก์ชันอื่นๆ เช่น การขาย การเงิน และการวิจัยและพัฒนา ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างผลตอบแทนที่คาดหวัง

    https://www.zdnet.com/article/enterprises-are-hitting-a-speed-limit-in-deploying-gen-ai-heres-why/
    บริษัทต่างๆ กำลังเผชิญกับ "ขีดจำกัดความเร็ว" ในการนำปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Gen AI) มาใช้งานจริง รายงานจาก Deloitte พบว่ามีเพียงไม่กี่บริษัทที่พร้อมจะนำ Gen AI มาใช้งานในระดับการผลิต โดยมีเพียงหนึ่งในสามของการทดลอง Gen AI ที่จะสามารถขยายขนาดได้เต็มที่ในอีกสามถึงหกเดือนข้างหน้า ปัญหาหลักที่ทำให้การนำ Gen AI มาใช้งานช้าคือความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและการจัดการความเสี่ยง 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าปัญหาด้านกฎระเบียบเป็นอุปสรรคหลักในการนำ Gen AI มาใช้งาน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงในองค์กรยังเกิดขึ้นช้ากว่าการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้การนำ Gen AI มาใช้งานต้องใช้เวลานานขึ้น แม้ว่าบริษัทต่างๆ จะเห็นผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการลงทุนใน AI แต่การสร้างมูลค่าจาก Gen AI และการนำมาใช้งานในระดับใหญ่ยังคงเป็นงานที่ยาก บางฟังก์ชันขององค์กรที่เห็นผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากการใช้ Gen AI ได้แก่ IT, การดำเนินงาน และการตลาด ในขณะที่ฟังก์ชันอื่นๆ เช่น การขาย การเงิน และการวิจัยและพัฒนา ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างผลตอบแทนที่คาดหวัง https://www.zdnet.com/article/enterprises-are-hitting-a-speed-limit-in-deploying-gen-ai-heres-why/
    WWW.ZDNET.COM
    Enterprises are hitting a 'speed limit' in deploying Gen AI - here's why
    Many C-suite executives have been cheerleaders for their company's work in AI despite slow progress, finds Deloitte's latest survey.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียใช้โรงฝึกศัลยกรรมสงคราม ที่เปลี่ยนสนามรบเป็นห้องรักษาชีวิตด้วยเทคโนโลยี AI และ VR

    การเปิดตัวห้องปฏิบัติการฝึกทักษะทางการแพทย์ใหม่
    กระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย และ สถาบันศัลยกรรมฉุกเฉินและฟื้นฟู V. K. Gusak เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมและวิจัยทางการแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลใน Donetsk (พื้นที่ผนวกใหม่ของรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางทหาร) เพื่อยกระดับการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในบริบทของภูมิภาคที่เผชิญความขัดแย้งในสงคราม

    เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ
    1. VR และ AI: เพื่อสร้างสถานการณ์จำลองการรักษาผู้ป่วย
    2. อุปกรณ์เสมือนจริง (VR) และอินเทอร์เฟซประสาท (Neurointerfaces) เพื่อสร้างสถานการณ์สมมุติที่ใกล้เคียงกับสนามรบ เช่น การรักษาผู้บาดเจ็บหมู่ภายใต้เสียงระเบิด
    3. เครื่องมือวัดชีวภาพ (Biometric Sensors) ที่ติดตามอัตราการเต้นหัวใจ ความเครียด และการทำงานของกล้ามเนื้อระหว่างฝึก
    4. ปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกอย่างเป็นระบบ ลดอคติจากการประเมินด้วยมนุษย์

    วัตถุประสงค์หลัก
    เพื่อเตรียมความพร้อมแพทย์และพยาบาลในภูมิภาคใหม่ที่ต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ได้แก่
    1. สภาพแวดล้อมความเครียดสูงจากการรักษาผู้บาดเจ็บจำนวนมากในภาวะฉุกเฉิน
    2. การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์เสี่ยง เช่น การผ่าตัดที่ต้องแข่งกับเวลา
    3. ความอดทนต่อการทำงานระยะยาว ผ่านการฝึกใช้กล้ามเนื้อเฉพาะจุดด้วยเครื่องจำลองการผ่าตัด

    ตามคำกล่าวของ รอแมน อิชเชนโก (Roman Ishchenko) ผู้อำนวยการสถาบัน ห้องปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะเชิงเทคนิค แต่ยังสร้างความมั่นใจให้บุคลากรเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์จริง โดยระบบเทคโนโลยีจะช่วยวัดผลได้อย่างแม่นยำ เช่น การวิเคราะห์ว่าแพทย์สามารถควบคุมความเครียดขณะผ่าตัดได้ดีเพียงใด

    ความสำคัญเชิงนโยบาย
    การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ดังกล่าวสะท้อนความพยายามของรัสเซียในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในดินแดนที่เพิ่งผนวก ซึ่งต้องเผชิญทั้งความท้าทายจากความขัดแย้งและความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้อาจเป็นแบบจำลองสำหรับการขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในอนาคต

    หากด้านหนึ่ง AI ถูกใช้เพื่อสร้างอาวุธทำลายล้าง อีกด้านมันก็เป็นเครื่องมือช่วยเหลือที่ทรงพลังไม่แพ้กัน ห้องปฏิบัติการใน Donesk คือตัวอย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีนี้สามารถเป็น "พันธมิตร" ในการกู้ชีพ แทนที่จะเป็นเพียงผู้สังหาร ทั้งยังท้าทายแนวคิดเดิม ๆ เกี่ยวกับบทบาทของ AI ในสงคราม

    ที่มา
    https://t.me/minzdravru/12508


    รัสเซียใช้โรงฝึกศัลยกรรมสงคราม ที่เปลี่ยนสนามรบเป็นห้องรักษาชีวิตด้วยเทคโนโลยี AI และ VR การเปิดตัวห้องปฏิบัติการฝึกทักษะทางการแพทย์ใหม่ กระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย และ สถาบันศัลยกรรมฉุกเฉินและฟื้นฟู V. K. Gusak เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมและวิจัยทางการแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลใน Donetsk (พื้นที่ผนวกใหม่ของรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางทหาร) เพื่อยกระดับการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในบริบทของภูมิภาคที่เผชิญความขัดแย้งในสงคราม เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ 1. VR และ AI: เพื่อสร้างสถานการณ์จำลองการรักษาผู้ป่วย 2. อุปกรณ์เสมือนจริง (VR) และอินเทอร์เฟซประสาท (Neurointerfaces) เพื่อสร้างสถานการณ์สมมุติที่ใกล้เคียงกับสนามรบ เช่น การรักษาผู้บาดเจ็บหมู่ภายใต้เสียงระเบิด 3. เครื่องมือวัดชีวภาพ (Biometric Sensors) ที่ติดตามอัตราการเต้นหัวใจ ความเครียด และการทำงานของกล้ามเนื้อระหว่างฝึก 4. ปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกอย่างเป็นระบบ ลดอคติจากการประเมินด้วยมนุษย์ วัตถุประสงค์หลัก เพื่อเตรียมความพร้อมแพทย์และพยาบาลในภูมิภาคใหม่ที่ต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ได้แก่ 1. สภาพแวดล้อมความเครียดสูงจากการรักษาผู้บาดเจ็บจำนวนมากในภาวะฉุกเฉิน 2. การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์เสี่ยง เช่น การผ่าตัดที่ต้องแข่งกับเวลา 3. ความอดทนต่อการทำงานระยะยาว ผ่านการฝึกใช้กล้ามเนื้อเฉพาะจุดด้วยเครื่องจำลองการผ่าตัด ตามคำกล่าวของ รอแมน อิชเชนโก (Roman Ishchenko) ผู้อำนวยการสถาบัน ห้องปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะเชิงเทคนิค แต่ยังสร้างความมั่นใจให้บุคลากรเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์จริง โดยระบบเทคโนโลยีจะช่วยวัดผลได้อย่างแม่นยำ เช่น การวิเคราะห์ว่าแพทย์สามารถควบคุมความเครียดขณะผ่าตัดได้ดีเพียงใด ความสำคัญเชิงนโยบาย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ดังกล่าวสะท้อนความพยายามของรัสเซียในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในดินแดนที่เพิ่งผนวก ซึ่งต้องเผชิญทั้งความท้าทายจากความขัดแย้งและความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้อาจเป็นแบบจำลองสำหรับการขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในอนาคต หากด้านหนึ่ง AI ถูกใช้เพื่อสร้างอาวุธทำลายล้าง อีกด้านมันก็เป็นเครื่องมือช่วยเหลือที่ทรงพลังไม่แพ้กัน ห้องปฏิบัติการใน Donesk คือตัวอย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีนี้สามารถเป็น "พันธมิตร" ในการกู้ชีพ แทนที่จะเป็นเพียงผู้สังหาร ทั้งยังท้าทายแนวคิดเดิม ๆ เกี่ยวกับบทบาทของ AI ในสงคราม ที่มา https://t.me/minzdravru/12508
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • 34,000,000,000,000 บาท (อ่านว่า 34 ล้านล้านบาท) นี่คือมูลค่าบริษัทที่หายไปในคืนเดียว ของบรรดาหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ-ยุโรป จากการที่ราคาหุ้น Panic ร่วงหนัก..

    หลังการมาของ DeepSeek บริษัทจีนที่พัฒนาโมเดล AI มาสู้กับ ChatGPT ของ OpenAI
    ซึ่งมากับความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่ต้นทุนต่ำกว่ามหาศาล ทั้งในแง่ของการพัฒนาโมเดล และการใช้งานถาม-ตอบ

    จึงฉุดให้นักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ และยุโรป เช่น Nvidia, ASML ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาหลายเท่าตัว

    และกังขาเกี่ยวกับงบลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Meta, Alphabet (Google) วางแผนจะใช้กับการลงทุนด้าน AI

    เพราะ DeepSeek กำลังแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาโมเดล AI ที่ทรงพลัง ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านั้น เป็นไปได้

    และนี่ก็อาจพลิกโฉมภาพของอุตสาหกรรม AI และการลงทุนของทั้งซัปพลายเชน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายมหาศาล จากบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง

    ซึ่งการมาของ DeepSeek ก็กำลังทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า เทคโนโลยี AI ของจีน ไม่ได้ตามหลังสหรัฐฯ เหมือนที่คิดไว้

    และมาตรการกีดกันเทคโนโลยีต่าง ๆ ของสหรัฐฯ นั้น ก็ไม่มีผลต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน

    รวมถึงทำให้ต้องคิดใหม่ว่า เกมชิงความเป็นผู้นำในสมรภูมิแห่ง AI ยังไม่จบ แต่กำลังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น..

    .
    https://www.facebook.com/share/p/1FQ2W9GAPv/
    34,000,000,000,000 บาท (อ่านว่า 34 ล้านล้านบาท) นี่คือมูลค่าบริษัทที่หายไปในคืนเดียว ของบรรดาหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ-ยุโรป จากการที่ราคาหุ้น Panic ร่วงหนัก.. หลังการมาของ DeepSeek บริษัทจีนที่พัฒนาโมเดล AI มาสู้กับ ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งมากับความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่ต้นทุนต่ำกว่ามหาศาล ทั้งในแง่ของการพัฒนาโมเดล และการใช้งานถาม-ตอบ จึงฉุดให้นักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ และยุโรป เช่น Nvidia, ASML ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาหลายเท่าตัว และกังขาเกี่ยวกับงบลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Meta, Alphabet (Google) วางแผนจะใช้กับการลงทุนด้าน AI เพราะ DeepSeek กำลังแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาโมเดล AI ที่ทรงพลัง ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านั้น เป็นไปได้ และนี่ก็อาจพลิกโฉมภาพของอุตสาหกรรม AI และการลงทุนของทั้งซัปพลายเชน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายมหาศาล จากบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งการมาของ DeepSeek ก็กำลังทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า เทคโนโลยี AI ของจีน ไม่ได้ตามหลังสหรัฐฯ เหมือนที่คิดไว้ และมาตรการกีดกันเทคโนโลยีต่าง ๆ ของสหรัฐฯ นั้น ก็ไม่มีผลต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน รวมถึงทำให้ต้องคิดใหม่ว่า เกมชิงความเป็นผู้นำในสมรภูมิแห่ง AI ยังไม่จบ แต่กำลังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น.. . https://www.facebook.com/share/p/1FQ2W9GAPv/
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดุดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568
    ทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข คำทำนายนี้มีผล
    ในเดือน กุมภาพันธ์ เป็นเดือนโบ่ว เอี้ยง นักษัตร ขาล พลังไม้ ธาตุดิน เป็นเดือนเริ่มต้นของ ปีอิก จี๋ ปีมะเส็งพลังไฟ ธาตุไม้
    ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมกัน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการเริ่มต้น ส่งเสริมสิ่งใหม่ การลงทุนลงแรง การขยายงาน ส่งผลดีต่อธุรกิจการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การผลิตอาหาร สินค้าการเกษตร การเพาะปลูก ร้านอาหาร การท่องเที่ยว โรงแรม สถานบันเทิง
    ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนขาลจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    https://youtu.be/OJIujfUuxhc
    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568
    00:00 บทนำ
    01:33 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:30 ดวง ปีฉลู (วัว)
    05:17 ดวง ปีขาล (เสือ)
    07:02 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    08:49 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:40 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:35 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    14:11 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    15:55 ดวง ปีวอก (ลิง)
    18:00 ดวง ปีระกา (ไก่)
    19:47 ดวง ปีจอ (หมา)
    21:41 ดวง ปีกุน (หมู)

    คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 3กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2568
    #ดูดวง

    ดุดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข คำทำนายนี้มีผล ในเดือน กุมภาพันธ์ เป็นเดือนโบ่ว เอี้ยง นักษัตร ขาล พลังไม้ ธาตุดิน เป็นเดือนเริ่มต้นของ ปีอิก จี๋ ปีมะเส็งพลังไฟ ธาตุไม้ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมกัน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการเริ่มต้น ส่งเสริมสิ่งใหม่ การลงทุนลงแรง การขยายงาน ส่งผลดีต่อธุรกิจการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การผลิตอาหาร สินค้าการเกษตร การเพาะปลูก ร้านอาหาร การท่องเที่ยว โรงแรม สถานบันเทิง ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนขาลจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน https://youtu.be/OJIujfUuxhc ดูดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568 00:00 บทนำ 01:33 ดวง ปีชวด (หนู) 03:30 ดวง ปีฉลู (วัว) 05:17 ดวง ปีขาล (เสือ) 07:02 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 08:49 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 10:40 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 12:35 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 14:11 ดวง ปีมะแม (แพะ) 15:55 ดวง ปีวอก (ลิง) 18:00 ดวง ปีระกา (ไก่) 19:47 ดวง ปีจอ (หมา) 21:41 ดวง ปีกุน (หมู) คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 3กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2568 #ดูดวง
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังเตรียมแผนการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 138 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อแข่งขันกับโครงการ "Stargate Project" ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการของจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านการขยายศูนย์ข้อมูลและการเพิ่มจำนวน AI accelerators

    โครงการนี้มีชื่อว่า "AI Industry Development Action Plan" ต่างจากโครงการ "Stargate" ของสหรัฐฯ ที่นำโดยภาคเอกชนและ OpenAI แผนการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ของจีนเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐทั้งหมด โดยจะให้ทุนแก่บริษัทต่างๆ เช่น Baidu, ByteDance, Alibaba และ DeepSeek เพื่อสร้างระบบ AI ที่ล้ำหน้ามากขึ้น

    ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา DeepSeek ซึ่งเป็นสาขาของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในจีน ได้เปิดเผยโมเดลการให้เหตุผล R1 และทำให้สามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับทุกคน การกระทำนี้ได้ท้าทายคู่แข่งในตะวันตก เช่น OpenAI ซึ่งทำให้ CEO ของ OpenAI ต้องเสนอโมเดล O3-mini สำหรับการใช้งานสูงสุด 100 คำถามต่อวันสำหรับผู้ใช้ ChatGPT Plus

    การพัฒนา AI ในจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันผู้ผลิต AI ในประเทศให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และอาจทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในตะวันตกได้ แน่นอนว่าการจัดหา GPU สำหรับโครงการเหล่านี้ยังคงเป็นงานที่ซับซ้อน แต่ด้วยการพัฒนา AI accelerators ในประเทศและการใช้ช่องโหว่ในการควบคุมการส่งออก การแข่งขันในด้าน AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    https://www.techpowerup.com/331636/the-empire-strikes-back-china-prepares-one-trillion-yuan-ai-plan-to-rival-usd-500-billion-us-stargate-project
    จีนกำลังเตรียมแผนการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 138 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อแข่งขันกับโครงการ "Stargate Project" ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการของจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านการขยายศูนย์ข้อมูลและการเพิ่มจำนวน AI accelerators โครงการนี้มีชื่อว่า "AI Industry Development Action Plan" ต่างจากโครงการ "Stargate" ของสหรัฐฯ ที่นำโดยภาคเอกชนและ OpenAI แผนการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ของจีนเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐทั้งหมด โดยจะให้ทุนแก่บริษัทต่างๆ เช่น Baidu, ByteDance, Alibaba และ DeepSeek เพื่อสร้างระบบ AI ที่ล้ำหน้ามากขึ้น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา DeepSeek ซึ่งเป็นสาขาของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในจีน ได้เปิดเผยโมเดลการให้เหตุผล R1 และทำให้สามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับทุกคน การกระทำนี้ได้ท้าทายคู่แข่งในตะวันตก เช่น OpenAI ซึ่งทำให้ CEO ของ OpenAI ต้องเสนอโมเดล O3-mini สำหรับการใช้งานสูงสุด 100 คำถามต่อวันสำหรับผู้ใช้ ChatGPT Plus การพัฒนา AI ในจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันผู้ผลิต AI ในประเทศให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และอาจทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในตะวันตกได้ แน่นอนว่าการจัดหา GPU สำหรับโครงการเหล่านี้ยังคงเป็นงานที่ซับซ้อน แต่ด้วยการพัฒนา AI accelerators ในประเทศและการใช้ช่องโหว่ในการควบคุมการส่งออก การแข่งขันในด้าน AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก https://www.techpowerup.com/331636/the-empire-strikes-back-china-prepares-one-trillion-yuan-ai-plan-to-rival-usd-500-billion-us-stargate-project
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    The Empire Strikes Back: China Prepares One Trillion Yuan AI Plan to Rival $500 Billion US Stargate Project
    A few days ago, we reported on the US reading a massive 500 billion US Dollar package called "Stargate Project" to build AI infrastructure on American soil. However, China is also planning to stay close behind, or even overlap the US in some areas, with a one trillion Yuan "AI Industry Development A...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fujifilm Holdings วางแผนที่จะลงทุน 100 พันล้านเยน (ประมาณ 640.5 ล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมีนาคม 2027 เพื่อเพิ่มการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

    Fujifilm เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิต photoresists สำหรับการลิโทกราฟีอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) การลิโทกราฟี EUV ใช้ความยาวคลื่นที่สั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ทำให้ photoresists ต้องมีคุณสมบัติที่เข้มงวดในด้านความไว ความละเอียด และความเข้ากันได้กับวัสดุ photomask ของ EUV

    การลงทุนนี้จะช่วยให้ Fujifilm สามารถขยายกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อรองรับการผลิตชิปที่มีความซับซ้อนสูงสำหรับภาค AI และ HPC นอกจากนี้ Fujifilm ยังมีแผนที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมุ่งเน้นการผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน

    การขยายการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์นี้สอดคล้องกับตำแหน่งที่โดดเด่นของญี่ปุ่นในห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญนี้ โดยปัจจุบันญี่ปุ่นควบคุมครึ่งหนึ่งของตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็น การวิจัยโดย Fuji Keizai คาดการณ์ว่าตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะขยายตัว 35% โดยมีมูลค่า 58.3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/fujifilm-to-double-spending-on-chip-materials-as-u-s-japan-and-south-korea-up-chip-production
    Fujifilm Holdings วางแผนที่จะลงทุน 100 พันล้านเยน (ประมาณ 640.5 ล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมีนาคม 2027 เพื่อเพิ่มการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ Fujifilm เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิต photoresists สำหรับการลิโทกราฟีอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) การลิโทกราฟี EUV ใช้ความยาวคลื่นที่สั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ทำให้ photoresists ต้องมีคุณสมบัติที่เข้มงวดในด้านความไว ความละเอียด และความเข้ากันได้กับวัสดุ photomask ของ EUV การลงทุนนี้จะช่วยให้ Fujifilm สามารถขยายกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อรองรับการผลิตชิปที่มีความซับซ้อนสูงสำหรับภาค AI และ HPC นอกจากนี้ Fujifilm ยังมีแผนที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมุ่งเน้นการผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน การขยายการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์นี้สอดคล้องกับตำแหน่งที่โดดเด่นของญี่ปุ่นในห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญนี้ โดยปัจจุบันญี่ปุ่นควบคุมครึ่งหนึ่งของตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็น การวิจัยโดย Fuji Keizai คาดการณ์ว่าตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะขยายตัว 35% โดยมีมูลค่า 58.3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 https://www.tomshardware.com/tech-industry/fujifilm-to-double-spending-on-chip-materials-as-u-s-japan-and-south-korea-up-chip-production
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Fujifilm to double spending on chip materials as U.S., Japan and South Korea up chip production
    Fujifilm to invest $640 million in the preparation of raw materials for chip production.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา
    .
    ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา
    .
    ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ
    .
    มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!"
    .
    ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง
    .
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา
    .
    ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร"
    .
    เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล
    .
    ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา
    .
    ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ
    .
    เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา . ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา . ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ . มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน . นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!" . ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา . ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร" . เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล . ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา . ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ . เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 903 มุมมอง 0 รีวิว
  • 52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น

    สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏

    จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง
    สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ

    นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์
    สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน"

    ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ
    ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว

    รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม

    ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ
    สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่
    - ดอนเมือง
    - นครราชสีมา
    - ตาคลี
    - อุบลราชธานี
    - อุดรธานี
    - นครพนม
    - อู่ตะเภา

    ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย

    ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม
    ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง

    - รัฐบาลสหรัฐ
    - รัฐบาลเวียดนามเหนือ
    - รัฐบาลเวียดนามใต้
    - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้

    เนื้อหาสำคัญ ได้แก่
    - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม
    - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม
    - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม
    - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้

    ผลกระทบจากข้อตกลง
    การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน

    ผลกระทบนามต่อประเทศไทย
    1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ
    - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร
    - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ

    2. การสูญเสียเอกราช
    มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา

    3. ผลกระทบทางสังคม
    การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว

    สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค

    การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568

    #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม

    🎯
    52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏 จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์ สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน" ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่ - ดอนเมือง - นครราชสีมา - ตาคลี - อุบลราชธานี - อุดรธานี - นครพนม - อู่ตะเภา ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง - รัฐบาลสหรัฐ - รัฐบาลเวียดนามเหนือ - รัฐบาลเวียดนามใต้ - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้ เนื้อหาสำคัญ ได้แก่ - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้ ผลกระทบจากข้อตกลง การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน ผลกระทบนามต่อประเทศไทย 1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ 2. การสูญเสียเอกราช มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา 3. ผลกระทบทางสังคม การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568 #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม 🎯
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 65 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ที่มี GPU จำนวน 1.3 ล้านตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้โมเดล AI Llama 4 ของ Meta กลายเป็นโมเดลที่ทันสมัยที่สุดในโลก

    Zuckerberg เรียกปี 2025 ว่าเป็น "ปีที่กำหนดอนาคตของ AI" และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในเทคโนโลยีนี้เพื่อขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์หลักและธุรกิจของบริษัท นอกจากนี้ Meta ยังมีแผนที่จะสร้าง "วิศวกร AI" เพื่อสร้างซอฟต์แวร์และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของบริษัท

    ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ Meta วางแผนจะสร้างจะมีขนาด 2 กิกะวัตต์ ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ในแมนฮัตตัน โดยคาดว่าจะมีความจุ 1 กิกะวัตต์ออนไลน์ภายในสิ้นปีนี้

    การลงทุนครั้งนี้ทำให้ Meta เข้าร่วมกับบริษัท AI ขนาดใหญ่อื่น ๆ เช่น Microsoft และ OpenAI ที่มีแผนการลงทุนใน AI อย่างต่อเนื่องในปี 2025

    https://wccftech.com/zuckerberg-shares-65-billion-2025-spending-plan-for-1-3-million-gpu-ai-datacenter/
    Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 65 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ที่มี GPU จำนวน 1.3 ล้านตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้โมเดล AI Llama 4 ของ Meta กลายเป็นโมเดลที่ทันสมัยที่สุดในโลก Zuckerberg เรียกปี 2025 ว่าเป็น "ปีที่กำหนดอนาคตของ AI" และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในเทคโนโลยีนี้เพื่อขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์หลักและธุรกิจของบริษัท นอกจากนี้ Meta ยังมีแผนที่จะสร้าง "วิศวกร AI" เพื่อสร้างซอฟต์แวร์และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของบริษัท ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ Meta วางแผนจะสร้างจะมีขนาด 2 กิกะวัตต์ ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ในแมนฮัตตัน โดยคาดว่าจะมีความจุ 1 กิกะวัตต์ออนไลน์ภายในสิ้นปีนี้ การลงทุนครั้งนี้ทำให้ Meta เข้าร่วมกับบริษัท AI ขนาดใหญ่อื่น ๆ เช่น Microsoft และ OpenAI ที่มีแผนการลงทุนใน AI อย่างต่อเนื่องในปี 2025 https://wccftech.com/zuckerberg-shares-65-billion-2025-spending-plan-for-1-3-million-gpu-ai-datacenter/
    WCCFTECH.COM
    Zuckerberg Shares $65 Billion 2025 Spending Plan For 1.3 Million GPU AI Datacenter
    Meta CEO Mark Zuckerberg ups the stakes and announces a $65 billion capital expenditure plan for 2025 to set up a 2GW data center .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.105 : ญี่ปุ่นจะรอดจาก “สึนามิรถ EV จีน” ได้อย่างไร ?
    .
    อุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่นในขณะนี้ กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่จากรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นแทบจะไม่มีรถยนต์ไฟฟ้า ที่แข่งกับเทสลา และค่ายรถยนต์จากประเทศจีนได้เลย ทำให้ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นสูญเสียยอดขายไปมาก จนมีความกังวลว่า ถ้าค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นต้องพ่ายแพ้ในสมรภูมิรถยนต์ไฟฟ้า จะส่งผลต่อฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยด้วย โดยผลกระทบที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว คือ “ซูซูกิ” และ “ซูบารุ” ได้ยุติการผลิตรถในประเทศไทยไปแล้ว
    .
    ขณะที่ล่าสุด “นิสสัน” ซึ่งทำธุรกิจในไทยมานานกว่า 70 ปีก็กำลังจะควบรวมกับ “ฮอนด้า” และอาจจะมีคนงานของ “นิสสัน” ในประเทศไทยถูกเลิกจ้างมากถึง 1,000 ตำแหน่ง รวมถึงยุบรวมโรงงานจาก 2 แห่งให้เหลือเพียงแห่งเดียว
    .
    ทีมงานบูรพาไม่แพ้ เพิ่งมีโอกาสไปร่วมงานสัมมนาเรื่อง ธุรกิจรถยนต์ของญี่ปุ่นและไทย ที่จัดโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ... และจะนำมาเล่าในพอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ว่า ผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นและไทย เห็นว่า ญี่ปุ่นจะรอดจากสมรภูมิรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไร ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=tninxbcqrzw
    บูรพาไม่แพ้ Ep.105 : ญี่ปุ่นจะรอดจาก “สึนามิรถ EV จีน” ได้อย่างไร ? . อุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่นในขณะนี้ กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่จากรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นแทบจะไม่มีรถยนต์ไฟฟ้า ที่แข่งกับเทสลา และค่ายรถยนต์จากประเทศจีนได้เลย ทำให้ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นสูญเสียยอดขายไปมาก จนมีความกังวลว่า ถ้าค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นต้องพ่ายแพ้ในสมรภูมิรถยนต์ไฟฟ้า จะส่งผลต่อฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยด้วย โดยผลกระทบที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว คือ “ซูซูกิ” และ “ซูบารุ” ได้ยุติการผลิตรถในประเทศไทยไปแล้ว . ขณะที่ล่าสุด “นิสสัน” ซึ่งทำธุรกิจในไทยมานานกว่า 70 ปีก็กำลังจะควบรวมกับ “ฮอนด้า” และอาจจะมีคนงานของ “นิสสัน” ในประเทศไทยถูกเลิกจ้างมากถึง 1,000 ตำแหน่ง รวมถึงยุบรวมโรงงานจาก 2 แห่งให้เหลือเพียงแห่งเดียว . ทีมงานบูรพาไม่แพ้ เพิ่งมีโอกาสไปร่วมงานสัมมนาเรื่อง ธุรกิจรถยนต์ของญี่ปุ่นและไทย ที่จัดโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ... และจะนำมาเล่าในพอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ว่า ผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นและไทย เห็นว่า ญี่ปุ่นจะรอดจากสมรภูมิรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไร ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=tninxbcqrzw
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอนมัสก์ฉะโครงการลงทุนเอไอ5แสนล้านของทรัมป์ : คนเคาะข่าว 23-1-2025
    ดำเนินรายการโดย : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา
    อีลอนมัสก์ฉะโครงการลงทุนเอไอ5แสนล้านของทรัมป์ : คนเคาะข่าว 23-1-2025 ดำเนินรายการโดย : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 27 1 รีวิว
  • การดูดวงกับการเสี่ยงโชค คือ การเช็คโอกาส ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จ
    .
    หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูดวงสามารถบอกเลขเด็ด หรือทำให้ถูกหวยได้โดยตรง แต่แท้จริงแล้ว การดูดวงไม่ได้เป็นการบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำเช่นนั้น สิ่งที่การดูดวงทำได้ คือ การช่วยให้เราตรวจสอบโอกาส ทิศทาง และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสี่ยงโชคมากกว่า
    .
    🔮 ดูดวงเพื่อเช็คจังหวะของชีวิต
    การดูดวงเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้เราตระหนักถึงพลังงานหรือแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์ ไพ่พยากรณ์ หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักพยากรณ์จะช่วยวิเคราะห์ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีพลังงานส่งเสริมด้านโชคลาภหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
    .
    💰 โอกาสและความเป็นไปได้ ไม่ใช่การรับประกัน
    แม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งอาจมีพลังบวกส่งเสริมด้านโชคลาภ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถูกหวยหรือได้รับโชคใหญ่เสมอไป การเสี่ยงโชคยังคงเป็นเรื่องของสถิติ ดวง และจังหวะชีวิต การดูดวงช่วยให้เรารู้ว่าควรลองเสี่ยงโชคหรือควรรอจังหวะที่ดีกว่า
    .
    🎯 เสริมโอกาสด้วยการใช้สติและวางแผน
    แทนที่จะหวังพึ่งโชคเพียงอย่างเดียว การดูดวงสามารถเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ เช่น หากพบว่าช่วงเวลานั้นไม่เหมาะกับการลงทุนหรือเสี่ยงโชค ก็อาจเป็นสัญญาณให้เราระมัดระวังมากขึ้น หรือหากเป็นช่วงที่ดี ก็อาจใช้เป็นแนวทางในการลองเสี่ยงอย่างมีสติ
    .
    ✨ สรุป: ดูดวงคือแนวทาง ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
    การดูดวงเพื่อเสี่ยงโชคไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกรางวัลแน่นอน แต่เป็นการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจขึ้น การใช้ดวงเป็นแนวทางประกอบกับการคิดวิเคราะห์ที่ดี จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างเหมาะสม
    .
    การเสี่ยงโชคที่ดี คือ การเล่นอย่างมีสติ และอยู่ในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน หากเรารู้จักใช้การดูดวงเป็นเครื่องมือเช็คโอกาส แทนที่จะหวังพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น 😊🔮✨
    .
    ❤️ลองเปิดใจ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่
    FB: Nataphat Jacky Promayarn
    FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่
    หรือ
    Line OA: 874idjbu
    คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii
    .
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    การดูดวงกับการเสี่ยงโชค คือ การเช็คโอกาส ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จ . หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูดวงสามารถบอกเลขเด็ด หรือทำให้ถูกหวยได้โดยตรง แต่แท้จริงแล้ว การดูดวงไม่ได้เป็นการบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำเช่นนั้น สิ่งที่การดูดวงทำได้ คือ การช่วยให้เราตรวจสอบโอกาส ทิศทาง และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสี่ยงโชคมากกว่า . 🔮 ดูดวงเพื่อเช็คจังหวะของชีวิต การดูดวงเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้เราตระหนักถึงพลังงานหรือแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์ ไพ่พยากรณ์ หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักพยากรณ์จะช่วยวิเคราะห์ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีพลังงานส่งเสริมด้านโชคลาภหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น . 💰 โอกาสและความเป็นไปได้ ไม่ใช่การรับประกัน แม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งอาจมีพลังบวกส่งเสริมด้านโชคลาภ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถูกหวยหรือได้รับโชคใหญ่เสมอไป การเสี่ยงโชคยังคงเป็นเรื่องของสถิติ ดวง และจังหวะชีวิต การดูดวงช่วยให้เรารู้ว่าควรลองเสี่ยงโชคหรือควรรอจังหวะที่ดีกว่า . 🎯 เสริมโอกาสด้วยการใช้สติและวางแผน แทนที่จะหวังพึ่งโชคเพียงอย่างเดียว การดูดวงสามารถเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ เช่น หากพบว่าช่วงเวลานั้นไม่เหมาะกับการลงทุนหรือเสี่ยงโชค ก็อาจเป็นสัญญาณให้เราระมัดระวังมากขึ้น หรือหากเป็นช่วงที่ดี ก็อาจใช้เป็นแนวทางในการลองเสี่ยงอย่างมีสติ . ✨ สรุป: ดูดวงคือแนวทาง ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การดูดวงเพื่อเสี่ยงโชคไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกรางวัลแน่นอน แต่เป็นการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจขึ้น การใช้ดวงเป็นแนวทางประกอบกับการคิดวิเคราะห์ที่ดี จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างเหมาะสม . การเสี่ยงโชคที่ดี คือ การเล่นอย่างมีสติ และอยู่ในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน หากเรารู้จักใช้การดูดวงเป็นเครื่องมือเช็คโอกาส แทนที่จะหวังพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น 😊🔮✨ . ❤️ลองเปิดใจ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่ FB: Nataphat Jacky Promayarn FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่ หรือ Line OA: 874idjbu คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii . #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา ที่นำโดยซอฟต์แบงก์ ออราเคิล และโอเพนเอไอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก้าวนำทิ้งห่างพวกประเทศคู่แข่งในเทคโนโลยีเอไอที่กำลังมีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจ
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า โครงการลงทุนดังกล่าวที่มีชื่อว่า “สตาร์เกต” เป็นสักขีพยานความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของอเมริกา
    .
    ขณะที่ แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพนเอไอ มาซาโยชิ ซัน หัวเรือใหญ่ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น และแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวด้วย
    .
    ซันเผยว่า ทั้งสามบริษัทตกลงลงทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ และสูงสุด 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป
    .
    โครงการร่วมทุนนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาบิ๊กเทคพยายามอย่างหนักในการตอบสนองความต้องการท่วมท้นมหาศาลที่มีต่อการประยุกต์ใช้งานจากการคำนวณของเทคโนโลยีเอไอ
    .
    ทรัมป์กล่าวว่า สตาร์เกตจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์หลายๆ แห่งที่จะนำไปสู่การสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในอเมริกา
    .
    ในเวลาต่อมา โอเพนเอไอ ผู้พัฒนาแชตจีพีที โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า โปรเจกต์นี้ไม่เพียงสนับสนุนการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมใหม่ของอเมริกาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรอีกด้วย
    .
    โพสต์ดังกล่าวเสริมว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอจะเป็นหุ้นส่วนหลักของสตาร์เกต โดยซอฟต์แบงก์รับผิดชอบด้านการเงิน และโอเพนเอไอรับผิดชอบด้านปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนเทคโนโลยีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นนักลงทุนรายที่ 4 ขณะที่อาร์ม ไมโครซอฟท์ เอ็นวีเดีย ออราเคิล และโอเพนเอไอเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีหลัก
    .
    เอลลิสันจากออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของอเมริกา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของสตาร์เกตอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รัฐเทกซัส โดยจะมีการสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่ 500,000 ตารางฟุต และเสริมว่า โครงการนี้อาจสนับสนุนเอไอที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยแพทย์ดูแลผู้ป่วย
    .
    ทั้งนี้ในปัจจุบัน เทกซัสกำลังกลายเป็นตัวเลือกใหม่มาแรงแทนที่แคลิฟอร์เนียสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอเมริกา
    .
    ขณะที่โอเพนเอไอสำทับว่า กำลังประเมินสถานที่ที่เป็นไปได้ในการตั้งแคมปัสขึ้นทั่วอเมริกา ควบคู่ไปกับการดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้าย
    .
    ผู้บริหารบิ๊กเทคทั้งสามกล่าวขอบคุณทรัมป์ โดยอัลต์แมนบอกว่า โครงการนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าไม่มีประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกาผู้นี้
    .
    อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การประกาศข่าวล่าสุดนี้เป็นโครงการเดียวกับที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี ดิ อินฟอร์เมชัน รายงานตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วว่า โอเพนเอไอและไมโครซอฟท์กำลังร่วมมือกันในโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่จะครอบคลุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ อีกทั้งยังมีชื่อว่า “สตาร์เกต” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2028 หรือไม่
    .
    ข่าวนี้ออกมาหลังจากในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทไฮเทคชื่อดังมากมาย เช่น ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา และเจฟฟ์ เบโซส นายใหญ่แอมะซอน
    .
    นอกจากนั้น ในวันจันทร์ ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากเอไอที่มีต่อผู้บริโภค พนักงาน และความมั่นคงของชาติ เท่ากับว่า ขณะนี้อเมริกาไม่มีแนวทางในการพัฒนาเอไอระดับประเทศ แม้แต่ละรัฐกำลังพยายามกำหนดมาตรการของตนเองก็ตาม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006997
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา ที่นำโดยซอฟต์แบงก์ ออราเคิล และโอเพนเอไอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก้าวนำทิ้งห่างพวกประเทศคู่แข่งในเทคโนโลยีเอไอที่กำลังมีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า โครงการลงทุนดังกล่าวที่มีชื่อว่า “สตาร์เกต” เป็นสักขีพยานความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของอเมริกา . ขณะที่ แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพนเอไอ มาซาโยชิ ซัน หัวเรือใหญ่ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น และแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวด้วย . ซันเผยว่า ทั้งสามบริษัทตกลงลงทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ และสูงสุด 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป . โครงการร่วมทุนนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาบิ๊กเทคพยายามอย่างหนักในการตอบสนองความต้องการท่วมท้นมหาศาลที่มีต่อการประยุกต์ใช้งานจากการคำนวณของเทคโนโลยีเอไอ . ทรัมป์กล่าวว่า สตาร์เกตจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์หลายๆ แห่งที่จะนำไปสู่การสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในอเมริกา . ในเวลาต่อมา โอเพนเอไอ ผู้พัฒนาแชตจีพีที โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า โปรเจกต์นี้ไม่เพียงสนับสนุนการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมใหม่ของอเมริกาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรอีกด้วย . โพสต์ดังกล่าวเสริมว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอจะเป็นหุ้นส่วนหลักของสตาร์เกต โดยซอฟต์แบงก์รับผิดชอบด้านการเงิน และโอเพนเอไอรับผิดชอบด้านปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนเทคโนโลยีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นนักลงทุนรายที่ 4 ขณะที่อาร์ม ไมโครซอฟท์ เอ็นวีเดีย ออราเคิล และโอเพนเอไอเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีหลัก . เอลลิสันจากออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของอเมริกา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของสตาร์เกตอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รัฐเทกซัส โดยจะมีการสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่ 500,000 ตารางฟุต และเสริมว่า โครงการนี้อาจสนับสนุนเอไอที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยแพทย์ดูแลผู้ป่วย . ทั้งนี้ในปัจจุบัน เทกซัสกำลังกลายเป็นตัวเลือกใหม่มาแรงแทนที่แคลิฟอร์เนียสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอเมริกา . ขณะที่โอเพนเอไอสำทับว่า กำลังประเมินสถานที่ที่เป็นไปได้ในการตั้งแคมปัสขึ้นทั่วอเมริกา ควบคู่ไปกับการดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้าย . ผู้บริหารบิ๊กเทคทั้งสามกล่าวขอบคุณทรัมป์ โดยอัลต์แมนบอกว่า โครงการนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าไม่มีประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกาผู้นี้ . อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การประกาศข่าวล่าสุดนี้เป็นโครงการเดียวกับที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี ดิ อินฟอร์เมชัน รายงานตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วว่า โอเพนเอไอและไมโครซอฟท์กำลังร่วมมือกันในโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่จะครอบคลุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ อีกทั้งยังมีชื่อว่า “สตาร์เกต” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2028 หรือไม่ . ข่าวนี้ออกมาหลังจากในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทไฮเทคชื่อดังมากมาย เช่น ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา และเจฟฟ์ เบโซส นายใหญ่แอมะซอน . นอกจากนั้น ในวันจันทร์ ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากเอไอที่มีต่อผู้บริโภค พนักงาน และความมั่นคงของชาติ เท่ากับว่า ขณะนี้อเมริกาไม่มีแนวทางในการพัฒนาเอไอระดับประเทศ แม้แต่ละรัฐกำลังพยายามกำหนดมาตรการของตนเองก็ตาม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006997 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1360 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung ตัดสินใจลดการลงทุนในการผลิตชิปลงถึง 50% เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตและคำสั่งซื้อที่ลดลง ในปี 2025 Samsung จะลงทุนเพียง 5 ล้านล้านวอนในการผลิตชิป ซึ่งลดลงจาก 10 ล้านล้านวอนในปี 2024

    Samsung จะมุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรและ 1.4 นาโนเมตรแทนการขยายสายการผลิตชิปขนาด 5 นาโนเมตรและเทคโนโลยีอื่น ๆ โรงงานใน Hwaeseong จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ในขณะที่โรงงานใน Pyeongtaek จะมุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปขนาด 1.4 นาโนเมตร

    แม้ว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ AI จะเพิ่มขึ้น แต่ Samsung ยังคงเผชิญกับปัญหาด้านผลผลิตที่ต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตร การลดการลงทุนนี้จะเปิดโอกาสให้ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น

    https://wccftech.com/samsung-to-cut-chipmaking-investment-by-a-whopping-50-as-it-struggles-with-yields-report/
    Samsung ตัดสินใจลดการลงทุนในการผลิตชิปลงถึง 50% เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตและคำสั่งซื้อที่ลดลง ในปี 2025 Samsung จะลงทุนเพียง 5 ล้านล้านวอนในการผลิตชิป ซึ่งลดลงจาก 10 ล้านล้านวอนในปี 2024 Samsung จะมุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรและ 1.4 นาโนเมตรแทนการขยายสายการผลิตชิปขนาด 5 นาโนเมตรและเทคโนโลยีอื่น ๆ โรงงานใน Hwaeseong จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ในขณะที่โรงงานใน Pyeongtaek จะมุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปขนาด 1.4 นาโนเมตร แม้ว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ AI จะเพิ่มขึ้น แต่ Samsung ยังคงเผชิญกับปัญหาด้านผลผลิตที่ต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตร การลดการลงทุนนี้จะเปิดโอกาสให้ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น https://wccftech.com/samsung-to-cut-chipmaking-investment-by-a-whopping-50-as-it-struggles-with-yields-report/
    WCCFTECH.COM
    Samsung To Cut Chipmaking Investment By A Whopping 50% As It Struggles With Yields - Report
    Korean chip manufacturer Samsung Foundry will slash its chip spending by 50% in 2025 as it struggles with quality control.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • ByteDance เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok มีแผนที่จะลงทุนมากกว่า 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปี 2025 โดยหวังว่าจะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้เพื่อสร้างการเติบโตใหม่ ๆ ให้กับบริษัท การลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ขายแอป TikTok ในสหรัฐอเมริกา

    การลงทุนใน AI ของ ByteDance นี้อาจเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/22/tiktok-owner-bytedance-plans-to-spend-12-billion-on-ai-chips-in-2025-ft-reports
    ByteDance เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok มีแผนที่จะลงทุนมากกว่า 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปี 2025 โดยหวังว่าจะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้เพื่อสร้างการเติบโตใหม่ ๆ ให้กับบริษัท การลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ขายแอป TikTok ในสหรัฐอเมริกา การลงทุนใน AI ของ ByteDance นี้อาจเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/22/tiktok-owner-bytedance-plans-to-spend-12-billion-on-ai-chips-in-2025-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    TikTok owner ByteDance plans to spend $12 billion on AI chips in 2025, FT reports
    (Reuters) - TikTok owner ByteDance plans to spend more than $12 billion on artificial intelligence infrastructure this year, betting on the cutting-edge technology for new growth, the Financial Times reported on Tuesday, citing people familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts