• รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline

    Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
    เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety

    Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่
    เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่
    https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol

    PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว
    มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้
    https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability

    NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ
    AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด
    https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover

    WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์
    รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง
    https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime

    Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด
    Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก
    https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai

    Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล
    Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง
    https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search

    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46%
    Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล
    https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power

    INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน
    INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่
    https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations

    GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD
    GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks

    Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana
    เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว
    https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x

    Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox
    Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593

    Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน
    https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks

    Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6
    การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
    https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers

    Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer
    วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ
    https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer

    Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ
    มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก
    https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover

    UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน
    มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit

    Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล
    นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์
    https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035

    Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday
    ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา
    https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday

    Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking
    Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline 📰 Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety 🔐 Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่ เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่ 🔗 https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol ⚠️ PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้ 🔗 https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability 💻 NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด 🔗 https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover 🕵️‍♂️ WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์ รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง 🔗 https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime 📊 Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai 🛒 Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง 🔗 https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search ⚡ Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46% Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power 🎓 INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่ 🔗 https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations 🛡️ GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks 🕵️‍♂️ Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว 🔗 https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x 💻 Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593 🎯 Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน 🔗 https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks 🎮 Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6 การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที 🔗 https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers 🎨 Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ 🔗 https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer 📺 Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover 🕶️ UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit ⚠️ Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ 🔗 https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035 🛍️ Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา 🔗 https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday 🛡️ Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • การจับมือของกลุ่มแรนซัมแวร์

    รายงานจาก NCC Group ชี้ว่าเดือนตุลาคม 2025 มีการโจมตีแรนซัมแวร์มากถึง 594 ครั้ง เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อนหน้า โดยกลุ่ม Qilin ครองสัดส่วนสูงสุดถึง 29% ตามด้วย Sinobi และ Akira การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการจับมือกันของกลุ่มใหญ่ เช่น LockBit 5.0, DragonForce และ Qilin ที่รวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยากต่อการรับมือจากองค์กรและหน่วยงานรัฐ.

    กลยุทธ์ใหม่และการขยายตัว
    นอกจากการรวมกลุ่มแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ เช่น การใช้เทคนิค double extortion, zero-day exploits และการให้บริการเสริมแก่ affiliate เช่น การช่วยเจรจาเรียกค่าไถ่ สิ่งเหล่านี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มี กลุ่มใหม่ๆ เช่น The Gentlemen เข้ามาในตลาด โดยเน้นโจมตีภาคสุขภาพ การเงิน และ IT.

    ภาคส่วนและภูมิภาคที่ถูกโจมตีหนัก
    อุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจบริการยังคงเป็นเป้าหมายหลัก โดยภาค อุตสาหกรรมถูกโจมตีมากที่สุด (28%) ตามด้วยธุรกิจยานยนต์และค้าปลีก ส่วนภูมิภาค อเมริกาเหนือโดนโจมตีมากกว่า 62% ของทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคนี้ยังเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มแรนซัมแวร์.

    แนวทางป้องกันและรับมือ
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าองค์กรควร ทดสอบแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ (incident response plan) อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้ การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย, การตรวจสอบสิทธิ์หลายชั้น และการอบรมพนักงาน เพื่อรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น การเฝ้าระวังเชิงรุกและการอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่องถือเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยง.

    สรุปสาระสำคัญ
    จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น
    เดือนตุลาคม 2025 มี 594 ครั้ง เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อน

    กลุ่มที่มีบทบาทสูงสุด
    Qilin (29%), Sinobi และ Akira

    การจับมือของกลุ่มใหญ่
    LockBit 5.0, DragonForce และ Qilin รวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐาน

    กลยุทธ์ใหม่ของแรนซัมแวร์
    Double extortion, zero-day exploits, affiliate services

    ภาคส่วนและภูมิภาคที่โดนหนัก
    อุตสาหกรรม (28%), อเมริกาเหนือ (62%)

    ความเสี่ยงจากการรวมกลุ่ม
    ทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยากต่อการรับมือ

    ความเสี่ยงจากกลยุทธ์ใหม่
    การโจมตีซับซ้อนขึ้น เช่น การเจรจาเรียกค่าไถ่และการใช้ zero-day

    https://www.csoonline.com/article/4096263/alliances-between-ransomware-groups-tied-to-recent-surge-in-cybercrime.html
    🕵️‍♂️ การจับมือของกลุ่มแรนซัมแวร์ รายงานจาก NCC Group ชี้ว่าเดือนตุลาคม 2025 มีการโจมตีแรนซัมแวร์มากถึง 594 ครั้ง เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อนหน้า โดยกลุ่ม Qilin ครองสัดส่วนสูงสุดถึง 29% ตามด้วย Sinobi และ Akira การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการจับมือกันของกลุ่มใหญ่ เช่น LockBit 5.0, DragonForce และ Qilin ที่รวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยากต่อการรับมือจากองค์กรและหน่วยงานรัฐ. ⚡ กลยุทธ์ใหม่และการขยายตัว นอกจากการรวมกลุ่มแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ เช่น การใช้เทคนิค double extortion, zero-day exploits และการให้บริการเสริมแก่ affiliate เช่น การช่วยเจรจาเรียกค่าไถ่ สิ่งเหล่านี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มี กลุ่มใหม่ๆ เช่น The Gentlemen เข้ามาในตลาด โดยเน้นโจมตีภาคสุขภาพ การเงิน และ IT. 🌍 ภาคส่วนและภูมิภาคที่ถูกโจมตีหนัก อุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจบริการยังคงเป็นเป้าหมายหลัก โดยภาค อุตสาหกรรมถูกโจมตีมากที่สุด (28%) ตามด้วยธุรกิจยานยนต์และค้าปลีก ส่วนภูมิภาค อเมริกาเหนือโดนโจมตีมากกว่า 62% ของทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคนี้ยังเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มแรนซัมแวร์. 🛡️ แนวทางป้องกันและรับมือ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าองค์กรควร ทดสอบแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ (incident response plan) อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้ การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย, การตรวจสอบสิทธิ์หลายชั้น และการอบรมพนักงาน เพื่อรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น การเฝ้าระวังเชิงรุกและการอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่องถือเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยง. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น ➡️ เดือนตุลาคม 2025 มี 594 ครั้ง เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อน ✅ กลุ่มที่มีบทบาทสูงสุด ➡️ Qilin (29%), Sinobi และ Akira ✅ การจับมือของกลุ่มใหญ่ ➡️ LockBit 5.0, DragonForce และ Qilin รวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐาน ✅ กลยุทธ์ใหม่ของแรนซัมแวร์ ➡️ Double extortion, zero-day exploits, affiliate services ✅ ภาคส่วนและภูมิภาคที่โดนหนัก ➡️ อุตสาหกรรม (28%), อเมริกาเหนือ (62%) ‼️ ความเสี่ยงจากการรวมกลุ่ม ⛔ ทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยากต่อการรับมือ ‼️ ความเสี่ยงจากกลยุทธ์ใหม่ ⛔ การโจมตีซับซ้อนขึ้น เช่น การเจรจาเรียกค่าไถ่และการใช้ zero-day https://www.csoonline.com/article/4096263/alliances-between-ransomware-groups-tied-to-recent-surge-in-cybercrime.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Alliances between ransomware groups tied to recent surge in cybercrime
    Ransomware attacks have increased because of new players and partnerships between existing attackers. This is expected to grow further in the lead up to the end of year holidays.
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • Collabora Office: รุ่นใหม่สำหรับ Desktop

    Collabora Productivity เปิดตัว Collabora Office สำหรับ Desktop โดยใช้เทคโนโลยีจาก LibreOffice แต่ปรับอินเทอร์เฟซให้เหมือนกับ Collabora Online ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น จุดเด่นคือการสร้างด้วย JavaScript, CSS, WebGL และ Canvas ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็กลงและไม่ต้องพึ่งพา Java อีกต่อไป

    ฟีเจอร์หลักยังคงครบถ้วน เช่น Writer สำหรับเอกสาร, Impress สำหรับงานนำเสนอ และ Calc สำหรับสเปรดชีต รวมถึงรองรับทั้ง Microsoft Office formats (DOCX, XLSX, PPTX) และ OpenDocument formats

    ความแตกต่างจาก Collabora Office Classic
    Collabora Office Classic ยังคงใช้ VCL-based interface แบบดั้งเดิมของ LibreOffice และมี Base database app ที่ต้องใช้ Java
    Collabora Office รุ่นใหม่ ตัด Base ออกไป และรองรับเฉพาะการรัน Macro โดยไม่มีเครื่องมือแก้ไขขั้นสูงเหมือน Classic
    Classic มี enterprise support พร้อมใช้งานแล้ว แต่รุ่นใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Collabora คาดว่าจะเพิ่ม enterprise support ภายในปี 2026

    การดาวน์โหลดและการใช้งาน
    Collabora Office รุ่นใหม่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วในหลายแพลตฟอร์ม:
    Linux: Flatpak
    Windows 11: Appx file
    macOS 15 Sequoia+: App bundle

    นอกจากนี้ยังมี source code บน GitHub สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งหรือร่วมพัฒนา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Collabora เปิดตัว Office รุ่นใหม่สำหรับ Desktop
    ใช้เทคโนโลยี JavaScript, CSS, WebGL, Canvas
    ไม่ต้องพึ่งพา Java และไฟล์ติดตั้งเล็กลง

    ฟีเจอร์หลักครบถ้วน
    Writer, Impress, Calc
    รองรับ Microsoft Office และ OpenDocument formats

    ความแตกต่างจาก Classic
    Classic ใช้ VCL interface และมี Base database
    รุ่นใหม่ไม่มี Base และรองรับ Macro แบบจำกัด

    การดาวน์โหลดและใช้งาน
    มีให้สำหรับ Linux, Windows, macOS
    Source code เปิดบน GitHub

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    รุ่นใหม่ยังไม่มี enterprise support พร้อมใช้งาน
    ผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรควรใช้ Classic ไปก่อนจนถึงปี 2026

    https://itsfoss.com/news/collabora-launches-desktop-office-suite/
    🖥️ Collabora Office: รุ่นใหม่สำหรับ Desktop Collabora Productivity เปิดตัว Collabora Office สำหรับ Desktop โดยใช้เทคโนโลยีจาก LibreOffice แต่ปรับอินเทอร์เฟซให้เหมือนกับ Collabora Online ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น จุดเด่นคือการสร้างด้วย JavaScript, CSS, WebGL และ Canvas ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็กลงและไม่ต้องพึ่งพา Java อีกต่อไป ฟีเจอร์หลักยังคงครบถ้วน เช่น Writer สำหรับเอกสาร, Impress สำหรับงานนำเสนอ และ Calc สำหรับสเปรดชีต รวมถึงรองรับทั้ง Microsoft Office formats (DOCX, XLSX, PPTX) และ OpenDocument formats ⚡ ความแตกต่างจาก Collabora Office Classic 🔷 Collabora Office Classic ยังคงใช้ VCL-based interface แบบดั้งเดิมของ LibreOffice และมี Base database app ที่ต้องใช้ Java 🔷 Collabora Office รุ่นใหม่ ตัด Base ออกไป และรองรับเฉพาะการรัน Macro โดยไม่มีเครื่องมือแก้ไขขั้นสูงเหมือน Classic 🔷 Classic มี enterprise support พร้อมใช้งานแล้ว แต่รุ่นใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Collabora คาดว่าจะเพิ่ม enterprise support ภายในปี 2026 🌐 การดาวน์โหลดและการใช้งาน Collabora Office รุ่นใหม่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วในหลายแพลตฟอร์ม: 🎗️ Linux: Flatpak 🎗️ Windows 11: Appx file 🎗️ macOS 15 Sequoia+: App bundle นอกจากนี้ยังมี source code บน GitHub สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งหรือร่วมพัฒนา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Collabora เปิดตัว Office รุ่นใหม่สำหรับ Desktop ➡️ ใช้เทคโนโลยี JavaScript, CSS, WebGL, Canvas ➡️ ไม่ต้องพึ่งพา Java และไฟล์ติดตั้งเล็กลง ✅ ฟีเจอร์หลักครบถ้วน ➡️ Writer, Impress, Calc ➡️ รองรับ Microsoft Office และ OpenDocument formats ✅ ความแตกต่างจาก Classic ➡️ Classic ใช้ VCL interface และมี Base database ➡️ รุ่นใหม่ไม่มี Base และรองรับ Macro แบบจำกัด ✅ การดาวน์โหลดและใช้งาน ➡️ มีให้สำหรับ Linux, Windows, macOS ➡️ Source code เปิดบน GitHub ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ รุ่นใหม่ยังไม่มี enterprise support พร้อมใช้งาน ⛔ ผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรควรใช้ Classic ไปก่อนจนถึงปี 2026 https://itsfoss.com/news/collabora-launches-desktop-office-suite/
    ITSFOSS.COM
    Collabora Launches Desktop Office Suite for Linux
    The new office suite uses modern tech for a consistent online-offline experience; the existing offering is renamed 'Classic' and it maintains a traditional approach.
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • Perplexity เปิดตัว AI Shopping Tool

    Perplexity ได้เปิดตัวเครื่องมือ AI Shopping ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสินค้าได้อย่างแม่นยำและตรงกับความต้องการมากขึ้น โดยระบบจะใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ ทำให้การค้นหาสินค้าเป็นแบบ personalized search ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลได้ดีกว่าการค้นหาทั่วไป

    PayPal Instant Buy: ซื้อได้ทันที
    หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญคือการผสานเข้ากับ PayPal Instant Buy ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อน ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้การช็อปปิ้งออนไลน์มีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โดยลดขั้นตอนการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน และเพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม

    การแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ AI
    การเปิดตัวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการท้าชนกับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด AI อย่าง ChatGPT และ Google ที่ต่างก็พัฒนาเครื่องมือค้นหาและระบบช่วยเหลือด้านการช็อปปิ้งเช่นกัน จุดแข็งของ Perplexity คือการผสานการค้นหาที่แม่นยำเข้ากับระบบการซื้อที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เลือกใช้งานมากขึ้นในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Perplexity เปิดตัว AI Shopping Tool
    ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้
    ค้นหาสินค้าแบบ personalized search

    PayPal Instant Buy ช่วยให้ซื้อได้ทันที
    ลดขั้นตอนการทำธุรกรรม
    เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย

    การแข่งขันในตลาด AI Shopping
    ท้าชนกับ ChatGPT และ Google
    จุดแข็งคือการผสานการค้นหากับการซื้อที่รวดเร็ว

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ระบบใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อาจมีข้อจำกัดด้านสินค้าและร้านค้าที่รองรับ
    การพึ่งพา AI อาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล หากไม่มีการป้องกันที่เข้มงวด

    https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search/
    🛒 Perplexity เปิดตัว AI Shopping Tool Perplexity ได้เปิดตัวเครื่องมือ AI Shopping ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสินค้าได้อย่างแม่นยำและตรงกับความต้องการมากขึ้น โดยระบบจะใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ ทำให้การค้นหาสินค้าเป็นแบบ personalized search ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลได้ดีกว่าการค้นหาทั่วไป 💳 PayPal Instant Buy: ซื้อได้ทันที หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญคือการผสานเข้ากับ PayPal Instant Buy ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อน ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้การช็อปปิ้งออนไลน์มีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โดยลดขั้นตอนการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน และเพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม ⚔️ การแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ AI การเปิดตัวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการท้าชนกับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด AI อย่าง ChatGPT และ Google ที่ต่างก็พัฒนาเครื่องมือค้นหาและระบบช่วยเหลือด้านการช็อปปิ้งเช่นกัน จุดแข็งของ Perplexity คือการผสานการค้นหาที่แม่นยำเข้ากับระบบการซื้อที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เลือกใช้งานมากขึ้นในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Perplexity เปิดตัว AI Shopping Tool ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้ ➡️ ค้นหาสินค้าแบบ personalized search ✅ PayPal Instant Buy ช่วยให้ซื้อได้ทันที ➡️ ลดขั้นตอนการทำธุรกรรม ➡️ เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย ✅ การแข่งขันในตลาด AI Shopping ➡️ ท้าชนกับ ChatGPT และ Google ➡️ จุดแข็งคือการผสานการค้นหากับการซื้อที่รวดเร็ว ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ระบบใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อาจมีข้อจำกัดด้านสินค้าและร้านค้าที่รองรับ ⛔ การพึ่งพา AI อาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล หากไม่มีการป้องกันที่เข้มงวด https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search/
    SECURITYONLINE.INFO
    Perplexity Launches AI Shopping with PayPal Instant Buy & Personalized Product Search
    Perplexity launched a new AI shopping tool in the U.S. that offers deeply personalized search and enables instant purchases through PayPal, rivaling ChatGPT and Google.
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • Pichai มองอนาคต Quantum Computing

    Sundar Pichai กล่าวในพอดแคสต์ Google AI: Release Notes ว่าโลกจะรู้สึกถึง “ความตื่นเต้นหายใจไม่ทั่วท้อง” (breathless excitement) เกี่ยวกับ Quantum Computing ภายใน 5 ปีข้างหน้า เขาเปรียบเทียบกับกระแส AI ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมองว่า Quantum Computing จะเป็น Next Paradigm Shift ที่ต่อยอดจากความสำเร็จของ AI

    เขาย้อนเล่าถึงการวางกลยุทธ์ AI-first ตั้งแต่ปี 2016 ที่เริ่มจากงานวิจัย Google Brain และการเข้าซื้อกิจการ DeepMind ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะของ AlphaGo และการเปิดตัว Tensor Processing Unit (TPU) รุ่นแรกในปีเดียวกัน

    Gemini 3 และ Nano Banana Pro
    Pichai กล่าวถึงการเปิดตัว Gemini 3 และ Nano Banana Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานได้ตามจินตนาการ โดยเฉพาะ Nano Banana Pro ที่โดดเด่นในการสร้าง Infographics และงานภาพเชิงข้อมูล เขายังคาดหวังว่า Gemini 3.0 Flash จะเป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ Google และช่วยให้บริการ AI เข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น

    Project Suncatcher และ Data Center ในอวกาศ
    อีกหนึ่งไฮไลต์คือการพูดถึง Project Suncatcher ซึ่งเป็นแผนการสร้าง Data Center ในอวกาศภายในปี 2027 เพื่อรองรับความต้องการพลังประมวลผลมหาศาลในอนาคต Pichai มองว่าแนวคิดนี้แม้ดูเหนือจริง แต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ในอนาคต เขายังหยอกล้อว่า TPU ในอวกาศอาจเจอกับ Tesla Roadster ที่ลอยอยู่ในวงโคจร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Pichai คาดการณ์ Quantum Computing จะสร้างความตื่นเต้นภายใน 5 ปี
    เปรียบเทียบกับกระแส AI ในปัจจุบัน
    มองว่าเป็น Paradigm Shift ถัดไป

    Google AI-first Strategy ตั้งแต่ปี 2016
    เริ่มจาก Google Brain และ DeepMind
    เปิดตัว TPU รุ่นแรกในปีเดียวกัน

    Gemini 3 และ Nano Banana Pro เปิดตัวแล้ว
    Nano Banana Pro เด่นด้าน Infographics
    Gemini 3.0 Flash อาจเป็นโมเดลที่ดีที่สุด

    Project Suncatcher: Data Center ในอวกาศปี 2027
    รองรับความต้องการพลังประมวลผลอนาคต
    แนวคิดแม้ดูเหนือจริงแต่มีเหตุผล

    คำเตือนสำหรับผู้ติดตามเทคโนโลยี
    Quantum Computing ยังอยู่ในระยะวิจัย ไม่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ทันที
    Project Suncatcher ยังเป็นแผนการทดลอง อาจมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและเทคโนโลยี

    https://securityonline.info/pichai-forecast-quantum-computing-will-reach-breathless-excitement-in-five-years/
    🔮 Pichai มองอนาคต Quantum Computing Sundar Pichai กล่าวในพอดแคสต์ Google AI: Release Notes ว่าโลกจะรู้สึกถึง “ความตื่นเต้นหายใจไม่ทั่วท้อง” (breathless excitement) เกี่ยวกับ Quantum Computing ภายใน 5 ปีข้างหน้า เขาเปรียบเทียบกับกระแส AI ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมองว่า Quantum Computing จะเป็น Next Paradigm Shift ที่ต่อยอดจากความสำเร็จของ AI เขาย้อนเล่าถึงการวางกลยุทธ์ AI-first ตั้งแต่ปี 2016 ที่เริ่มจากงานวิจัย Google Brain และการเข้าซื้อกิจการ DeepMind ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะของ AlphaGo และการเปิดตัว Tensor Processing Unit (TPU) รุ่นแรกในปีเดียวกัน 🚀 Gemini 3 และ Nano Banana Pro Pichai กล่าวถึงการเปิดตัว Gemini 3 และ Nano Banana Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานได้ตามจินตนาการ โดยเฉพาะ Nano Banana Pro ที่โดดเด่นในการสร้าง Infographics และงานภาพเชิงข้อมูล เขายังคาดหวังว่า Gemini 3.0 Flash จะเป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ Google และช่วยให้บริการ AI เข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น 🌌 Project Suncatcher และ Data Center ในอวกาศ อีกหนึ่งไฮไลต์คือการพูดถึง Project Suncatcher ซึ่งเป็นแผนการสร้าง Data Center ในอวกาศภายในปี 2027 เพื่อรองรับความต้องการพลังประมวลผลมหาศาลในอนาคต Pichai มองว่าแนวคิดนี้แม้ดูเหนือจริง แต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ในอนาคต เขายังหยอกล้อว่า TPU ในอวกาศอาจเจอกับ Tesla Roadster ที่ลอยอยู่ในวงโคจร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Pichai คาดการณ์ Quantum Computing จะสร้างความตื่นเต้นภายใน 5 ปี ➡️ เปรียบเทียบกับกระแส AI ในปัจจุบัน ➡️ มองว่าเป็น Paradigm Shift ถัดไป ✅ Google AI-first Strategy ตั้งแต่ปี 2016 ➡️ เริ่มจาก Google Brain และ DeepMind ➡️ เปิดตัว TPU รุ่นแรกในปีเดียวกัน ✅ Gemini 3 และ Nano Banana Pro เปิดตัวแล้ว ➡️ Nano Banana Pro เด่นด้าน Infographics ➡️ Gemini 3.0 Flash อาจเป็นโมเดลที่ดีที่สุด ✅ Project Suncatcher: Data Center ในอวกาศปี 2027 ➡️ รองรับความต้องการพลังประมวลผลอนาคต ➡️ แนวคิดแม้ดูเหนือจริงแต่มีเหตุผล ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ติดตามเทคโนโลยี ⛔ Quantum Computing ยังอยู่ในระยะวิจัย ไม่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ทันที ⛔ Project Suncatcher ยังเป็นแผนการทดลอง อาจมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและเทคโนโลยี https://securityonline.info/pichai-forecast-quantum-computing-will-reach-breathless-excitement-in-five-years/
    SECURITYONLINE.INFO
    Pichai Forecast: Quantum Computing Will Reach 'Breathless Excitement' in Five Years
    Google CEO Sundar Pichai forecasts quantum computing will match today's AI excitement in 5 years. He also touched on Gemini 3's success and Project Suncatcher (space data centers).
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ใน Angular

    ทีมงาน Angular ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ใน HTTP Client ของเฟรมเวิร์ก ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ URL ที่ไม่สมบูรณ์ โดยปกติ Angular จะป้องกัน CSRF ด้วยการแนบ X-XSRF-TOKEN ไปกับ Request ที่ส่งไปยัง same-origin เท่านั้น แต่หากมีการใช้ URL ที่ขึ้นต้นด้วย // Angular จะเข้าใจผิดว่าเป็น same-origin และแนบ Token ไปด้วย ทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังโดเมนที่ผู้โจมตีควบคุมได้

    ผลกระทบและความเสี่ยง
    หากผู้โจมตีสามารถบังคับให้แอปพลิเคชันส่ง Request ไปยังโดเมนที่ควบคุมโดยตนเองด้วยรูปแบบ //attacker.com พวกเขาจะได้รับ XSRF Token ที่ถูกต้อง และสามารถใช้มันเพื่อปลอมแปลงคำสั่งในระบบของผู้ใช้ได้ทันที เช่น การเปลี่ยนรหัสผ่าน การลบข้อมูล หรือการทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต

    ช่องโหว่นี้ถือเป็นการ ล้มเหลวของกลไกป้องกัน CSRF ที่มีอยู่ใน Angular และอาจส่งผลกระทบต่อเว็บแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ยังไม่ได้อัปเดต

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    Angular ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน v21.0.1, v20.3.14 และ v19.2.16 ผู้พัฒนาควรอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ในตอนนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ protocol-relative URLs และใช้เฉพาะ relative paths (/api/data) หรือ absolute URLs ที่เชื่อถือได้ (https://api.my-app.com) เท่านั้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-66035 ใน Angular HTTP Client
    เกิดจากการใช้ Protocol-Relative URLs (//)
    ทำให้ XSRF Token ถูกส่งไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัย

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้โจมตีสามารถขโมย Token และทำ CSRF ได้
    เสี่ยงต่อการปลอมแปลงคำสั่ง เช่น ลบข้อมูลหรือทำธุรกรรม

    การแก้ไขจาก Angular
    อัปเดตเป็น v21.0.1, v20.3.14 หรือ v19.2.16
    ใช้เฉพาะ relative paths หรือ absolute URLs ที่เชื่อถือได้

    คำเตือนสำหรับนักพัฒนา
    หากยังใช้ Protocol-Relative URLs จะเสี่ยงต่อการรั่วไหลของ Token
    การไม่อัปเดตแพตช์อาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้

    https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035/
    ⚠️ ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ใน Angular ทีมงาน Angular ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ใน HTTP Client ของเฟรมเวิร์ก ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ URL ที่ไม่สมบูรณ์ โดยปกติ Angular จะป้องกัน CSRF ด้วยการแนบ X-XSRF-TOKEN ไปกับ Request ที่ส่งไปยัง same-origin เท่านั้น แต่หากมีการใช้ URL ที่ขึ้นต้นด้วย // Angular จะเข้าใจผิดว่าเป็น same-origin และแนบ Token ไปด้วย ทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังโดเมนที่ผู้โจมตีควบคุมได้ 🔐 ผลกระทบและความเสี่ยง หากผู้โจมตีสามารถบังคับให้แอปพลิเคชันส่ง Request ไปยังโดเมนที่ควบคุมโดยตนเองด้วยรูปแบบ //attacker.com พวกเขาจะได้รับ XSRF Token ที่ถูกต้อง และสามารถใช้มันเพื่อปลอมแปลงคำสั่งในระบบของผู้ใช้ได้ทันที เช่น การเปลี่ยนรหัสผ่าน การลบข้อมูล หรือการทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้ถือเป็นการ ล้มเหลวของกลไกป้องกัน CSRF ที่มีอยู่ใน Angular และอาจส่งผลกระทบต่อเว็บแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ยังไม่ได้อัปเดต 🛠️ การแก้ไขและคำแนะนำ Angular ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน v21.0.1, v20.3.14 และ v19.2.16 ผู้พัฒนาควรอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ในตอนนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ protocol-relative URLs และใช้เฉพาะ relative paths (/api/data) หรือ absolute URLs ที่เชื่อถือได้ (https://api.my-app.com) เท่านั้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-66035 ใน Angular HTTP Client ➡️ เกิดจากการใช้ Protocol-Relative URLs (//) ➡️ ทำให้ XSRF Token ถูกส่งไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัย ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้โจมตีสามารถขโมย Token และทำ CSRF ได้ ➡️ เสี่ยงต่อการปลอมแปลงคำสั่ง เช่น ลบข้อมูลหรือทำธุรกรรม ✅ การแก้ไขจาก Angular ➡️ อัปเดตเป็น v21.0.1, v20.3.14 หรือ v19.2.16 ➡️ ใช้เฉพาะ relative paths หรือ absolute URLs ที่เชื่อถือได้ ‼️ คำเตือนสำหรับนักพัฒนา ⛔ หากยังใช้ Protocol-Relative URLs จะเสี่ยงต่อการรั่วไหลของ Token ⛔ การไม่อัปเดตแพตช์อาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035/
    SECURITYONLINE.INFO
    Angular Alert: Protocol-Relative URLs Leak XSRF Tokens (CVE-2025-66035)
    CVE-2025-66035: Angular protocol-relative URLs leak XSRF tokens, bypassing CSRF protection. Update to v19.2.16, v20.3.14, or v21.0.1 now.
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • GitLab ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง

    GitLab ประกาศอัปเดตความปลอดภัยล่าสุด ครอบคลุมทั้ง Community Edition (CE) และ Enterprise Edition (EE) โดยมีการแก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่ถูกจัดอยู่ในระดับ High Severity เช่น การโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอิน และการขโมย Credential จากผู้ใช้ที่มีสิทธิสูงกว่าในระบบ CI/CD pipeline ซึ่งอาจนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์โดยไม่ตั้งใจ

    ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไข
    CVE-2024-9183 (CVSS 7.7): ช่องโหว่ Race Condition ในระบบ CI/CD cache ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถขโมย Credential และทำงานในสิทธิ์ของผู้ใช้ที่มีสิทธิสูงกว่า
    CVE-2025-12571 (CVSS 7.5): ช่องโหว่ DoS ใน JSON input validation middleware ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีโจมตีระบบได้โดยไม่ต้องล็อกอิน
    CVE-2025-12653 (CVSS 6.5): ช่องโหว่ Authentication Bypass ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าร่วมองค์กรใด ๆ ได้โดยการแก้ไข Header ของ Request
    ช่องโหว่อื่น ๆ เช่น DoS ใน HTTP response processing, การเปิดเผยข้อมูลจาก Security Reports และการรั่วไหลของ Token ใน Terraform Registry

    คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบ
    GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบ อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที ได้แก่ 18.6.1, 18.5.3 หรือ 18.4.5 เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะสำหรับระบบที่เปิดให้เข้าถึงจากภายนอก (Public-facing instances) ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากที่สุด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    GitLab ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง
    ครอบคลุมทั้ง CE และ EE
    มีผลกระทบต่อระบบ CI/CD และการยืนยันตัวตน

    ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไข
    Credential Theft ผ่าน Race Condition (CVE-2024-9183)
    DoS โดยไม่ต้องล็อกอิน (CVE-2025-12571)
    Authentication Bypass (CVE-2025-12653)

    คำแนะนำจาก GitLab
    อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 18.6.1, 18.5.3 หรือ 18.4.5
    เน้นระบบที่เปิดให้เข้าถึงจากภายนอก

    คำเตือนสำหรับผู้ดูแลระบบ
    หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี Credential Theft และ DoS
    ช่องโหว่ Authentication Bypass อาจทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks/
    🛠️ GitLab ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง GitLab ประกาศอัปเดตความปลอดภัยล่าสุด ครอบคลุมทั้ง Community Edition (CE) และ Enterprise Edition (EE) โดยมีการแก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่ถูกจัดอยู่ในระดับ High Severity เช่น การโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอิน และการขโมย Credential จากผู้ใช้ที่มีสิทธิสูงกว่าในระบบ CI/CD pipeline ซึ่งอาจนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์โดยไม่ตั้งใจ 🔑 ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไข 🪲 CVE-2024-9183 (CVSS 7.7): ช่องโหว่ Race Condition ในระบบ CI/CD cache ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถขโมย Credential และทำงานในสิทธิ์ของผู้ใช้ที่มีสิทธิสูงกว่า 🪲 CVE-2025-12571 (CVSS 7.5): ช่องโหว่ DoS ใน JSON input validation middleware ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีโจมตีระบบได้โดยไม่ต้องล็อกอิน 🪲 CVE-2025-12653 (CVSS 6.5): ช่องโหว่ Authentication Bypass ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าร่วมองค์กรใด ๆ ได้โดยการแก้ไข Header ของ Request 🪲 ช่องโหว่อื่น ๆ เช่น DoS ใน HTTP response processing, การเปิดเผยข้อมูลจาก Security Reports และการรั่วไหลของ Token ใน Terraform Registry ⚡ คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบ GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบ อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที ได้แก่ 18.6.1, 18.5.3 หรือ 18.4.5 เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะสำหรับระบบที่เปิดให้เข้าถึงจากภายนอก (Public-facing instances) ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากที่สุด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ GitLab ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง ➡️ ครอบคลุมทั้ง CE และ EE ➡️ มีผลกระทบต่อระบบ CI/CD และการยืนยันตัวตน ✅ ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไข ➡️ Credential Theft ผ่าน Race Condition (CVE-2024-9183) ➡️ DoS โดยไม่ต้องล็อกอิน (CVE-2025-12571) ➡️ Authentication Bypass (CVE-2025-12653) ✅ คำแนะนำจาก GitLab ➡️ อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 18.6.1, 18.5.3 หรือ 18.4.5 ➡️ เน้นระบบที่เปิดให้เข้าถึงจากภายนอก ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ดูแลระบบ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี Credential Theft และ DoS ⛔ ช่องโหว่ Authentication Bypass อาจทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาต https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks/
    SECURITYONLINE.INFO
    GitLab Patch: Fixes CI/CD Credential Theft & Unauthenticated DoS Attacks
    Critical GitLab updates (18.6.1/18.5.3) fix severe CI/CD credential theft (CVE-2024-9183) & unauthenticated DoS flaws. Upgrade immediately.
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • เมื่อพรรคสีน้ำเงินกำลังกินรวบ

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก >> https://mgronline.com/daily/detail/9680000113517
    เมื่อพรรคสีน้ำเงินกำลังกินรวบ บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก >> https://mgronline.com/daily/detail/9680000113517
    MGRONLINE.COM
    เมื่อพรรคสีน้ำเงินกำลังกินรวบ
    เห็นภาพของตระกูลนักการเมืองบ้านใหญ่ในหลายจังหวัดไหลเข้าพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคสีน้ำเงิน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลศิลปอาชาที่ยอมทิ้งมรดกของพ่อ แม้จะฝากพรรคไว้ให้พี่สาวดูแล ตระกูลคุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรี ตระกูลอังกินันทน์ บ้านใหญ่เพชรบุรี ตระ
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับงานองค์กร

    หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 Pro ไปไม่นาน Anthropic ก็ได้เปิดตัว Opus 4.5 ซึ่งเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของโมเดล Claude โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้งานในองค์กรและการทำงานร่วมกับเครื่องมือสำนักงาน โดยเฉพาะ Microsoft Excel ที่ได้รับการผสานรวมอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ Claude ได้จาก Sidebar ของ Excel เพื่อช่วยสร้าง Pivot Table, กราฟ และอัปโหลดไฟล์ได้โดยตรง

    การทดสอบภายในของ Anthropic พบว่า Claude for Excel ช่วยเพิ่ม ความแม่นยำขึ้น 20% และ ประสิทธิภาพขึ้น 15% เมื่อเทียบกับการทำงานแบบเดิม ถือเป็นการยกระดับการใช้ AI ในงานเอกสารและการวิเคราะห์ข้อมูล

    Infinite Chat: แก้ปัญหา “ความจำสั้น” ของ AI
    หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ Infinite Chat ซึ่งออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ AI มักจะลืมบริบทเมื่อสนทนายาว ๆ หรือเมื่อมีหลายเอกสารเข้ามาเกี่ยวข้อง ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Claude สามารถรักษาความต่อเนื่องของการสนทนาได้โดยไม่ถูกจำกัดด้วยขนาด context window แบบเดิม ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานกับข้อมูลจำนวนมากได้อย่างราบรื่น

    นอกจากนี้ Anthropic ยังเปิดตัว Claude for Chrome Extension สำหรับผู้ใช้ระดับ Max เพื่อให้การใช้งาน AI ครอบคลุมทั้งใน Excel และบนเว็บเบราว์เซอร์

    ความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
    Anthropic ยืนยันว่า Opus 4.5 เป็นโมเดลที่ปลอดภัยที่สุดของบริษัทจนถึงตอนนี้ โดยสามารถต้านทานการโจมตีแบบ prompt injection ได้ดีกว่าแม้แต่ Gemini 3 Pro ของ Google อีกทั้งยังมีการปรับปรุงด้าน agentic workflows ทำให้ Claude สามารถแก้ไขตัวเองได้เมื่อทำงานในขั้นตอนที่ซับซ้อน

    สำหรับนักพัฒนา Opus 4.5 พร้อมใช้งานผ่าน API โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 5 ดอลลาร์ต่อการประมวลผล 1 ล้านโทเคน ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจและองค์กรสามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Claude for Excel เปิดตัวเต็มรูปแบบ
    รองรับ Pivot Table, กราฟ และอัปโหลดไฟล์ใน Sidebar
    เพิ่มความแม่นยำ 20% และประสิทธิภาพ 15%

    Infinite Chat แก้ปัญหาความจำสั้นของ AI
    รักษาบริบทการสนทนายาว ๆ และหลายเอกสารได้
    ใช้งานได้สำหรับผู้ใช้แบบชำระเงิน

    Claude for Chrome Extension เปิดตัว
    รองรับผู้ใช้ระดับ Max เพื่อใช้งาน AI บนเว็บ

    Opus 4.5 ปลอดภัยและทรงพลังขึ้น
    ต้านทาน prompt injection ได้ดีกว่า Gemini 3 Pro
    ปรับปรุง agentic workflows ให้แก้ไขตัวเองได้

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    Infinite Chat และ Claude for Chrome ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้แบบชำระเงิน
    ค่าใช้จ่าย API เริ่มต้นที่ 5 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านโทเคน อาจสูงสำหรับผู้ใช้รายย่อย

    https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai/
    📊 Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับงานองค์กร หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 Pro ไปไม่นาน Anthropic ก็ได้เปิดตัว Opus 4.5 ซึ่งเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของโมเดล Claude โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้งานในองค์กรและการทำงานร่วมกับเครื่องมือสำนักงาน โดยเฉพาะ Microsoft Excel ที่ได้รับการผสานรวมอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ Claude ได้จาก Sidebar ของ Excel เพื่อช่วยสร้าง Pivot Table, กราฟ และอัปโหลดไฟล์ได้โดยตรง การทดสอบภายในของ Anthropic พบว่า Claude for Excel ช่วยเพิ่ม ความแม่นยำขึ้น 20% และ ประสิทธิภาพขึ้น 15% เมื่อเทียบกับการทำงานแบบเดิม ถือเป็นการยกระดับการใช้ AI ในงานเอกสารและการวิเคราะห์ข้อมูล 🔄 Infinite Chat: แก้ปัญหา “ความจำสั้น” ของ AI หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ Infinite Chat ซึ่งออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ AI มักจะลืมบริบทเมื่อสนทนายาว ๆ หรือเมื่อมีหลายเอกสารเข้ามาเกี่ยวข้อง ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Claude สามารถรักษาความต่อเนื่องของการสนทนาได้โดยไม่ถูกจำกัดด้วยขนาด context window แบบเดิม ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานกับข้อมูลจำนวนมากได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ Anthropic ยังเปิดตัว Claude for Chrome Extension สำหรับผู้ใช้ระดับ Max เพื่อให้การใช้งาน AI ครอบคลุมทั้งใน Excel และบนเว็บเบราว์เซอร์ 🛡️ ความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า Anthropic ยืนยันว่า Opus 4.5 เป็นโมเดลที่ปลอดภัยที่สุดของบริษัทจนถึงตอนนี้ โดยสามารถต้านทานการโจมตีแบบ prompt injection ได้ดีกว่าแม้แต่ Gemini 3 Pro ของ Google อีกทั้งยังมีการปรับปรุงด้าน agentic workflows ทำให้ Claude สามารถแก้ไขตัวเองได้เมื่อทำงานในขั้นตอนที่ซับซ้อน สำหรับนักพัฒนา Opus 4.5 พร้อมใช้งานผ่าน API โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 5 ดอลลาร์ต่อการประมวลผล 1 ล้านโทเคน ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจและองค์กรสามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Claude for Excel เปิดตัวเต็มรูปแบบ ➡️ รองรับ Pivot Table, กราฟ และอัปโหลดไฟล์ใน Sidebar ➡️ เพิ่มความแม่นยำ 20% และประสิทธิภาพ 15% ✅ Infinite Chat แก้ปัญหาความจำสั้นของ AI ➡️ รักษาบริบทการสนทนายาว ๆ และหลายเอกสารได้ ➡️ ใช้งานได้สำหรับผู้ใช้แบบชำระเงิน ✅ Claude for Chrome Extension เปิดตัว ➡️ รองรับผู้ใช้ระดับ Max เพื่อใช้งาน AI บนเว็บ ✅ Opus 4.5 ปลอดภัยและทรงพลังขึ้น ➡️ ต้านทาน prompt injection ได้ดีกว่า Gemini 3 Pro ➡️ ปรับปรุง agentic workflows ให้แก้ไขตัวเองได้ ‼️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ Infinite Chat และ Claude for Chrome ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้แบบชำระเงิน ⛔ ค่าใช้จ่าย API เริ่มต้นที่ 5 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านโทเคน อาจสูงสำหรับผู้ใช้รายย่อย https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai/
    SECURITYONLINE.INFO
    Anthropic Unleashes Opus 4.5: Excel Integration & 'Infinite Chat' for Enterprise AI
    Anthropic unveils Opus 4.5, with full Claude for Excel integration and "Infinite Chat" memory for long context. It is designed as a state-of-the-art model for enterprise and coding.
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • Tor Project เปิดตัว CGO Encryption แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่

    เครือข่าย Tor เป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องมือรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ แต่โปรโตคอลเข้ารหัสเดิมที่ชื่อว่า Tor1 กลับมีจุดอ่อนสำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attacks ซึ่งผู้ไม่หวังดีสามารถแก้ไขข้อมูลที่ผ่านโหนดหนึ่ง แล้วติดตามการเปลี่ยนแปลงที่ปลายทางเพื่อระบุตัวผู้ใช้งานได้ นอกจากนี้ Tor1 ยังใช้ AES key ซ้ำ ตลอดเส้นทาง และมีระบบตรวจสอบเพียง 4 ไบต์ ทำให้มีโอกาสที่ข้อมูลปลอมจะเล็ดลอดเข้ามาได้

    เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนา Counter Galois Onion (CGO) ซึ่งเป็นอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการแก้ไขข้อมูลระหว่างทาง หากมีการดัดแปลงแม้เพียงเล็กน้อย ข้อมูลทั้งชุดจะไม่สามารถใช้งานได้ทันที ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ Tor อย่างมีนัยสำคัญ

    การพัฒนาและการใช้งานจริง
    CGO ถูกนำไปใช้แล้วใน Arti ซึ่งเป็น Tor client ที่เขียนด้วยภาษา Rust โดยมีการออกแบบให้รองรับการทำงานร่วมกับโครงสร้างเดิมของ Tor ที่ยังใช้ภาษา C อยู่ แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่ทีมงานเชื่อว่าการใช้ Rust จะช่วยลดช่องโหว่ด้านหน่วยความจำที่เคยเกิดขึ้นในเวอร์ชันก่อน ๆ และทำให้ระบบมีความเสถียรมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การนำ CGO มาใช้ใน Tor Browser ยังไม่มีการกำหนดเวลาแน่ชัด ทีมงานกำลังมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับ CPU รุ่นใหม่ เนื่องจาก CGO อาจมีค่าใช้จ่ายด้านการประมวลผลสูงกว่า Tor1 แต่ก็มีศักยภาพในการปรับแต่งให้เร็วขึ้นในอนาคต

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และความสำคัญ
    การเปลี่ยนผ่านจาก Tor1 ไปสู่ CGO ถือเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อการใช้งาน Tor ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังรวมถึงนักข่าว นักเคลื่อนไหว และองค์กรที่ต้องการรักษาความลับของข้อมูล การมีระบบเข้ารหัสที่แข็งแกร่งขึ้นจึงช่วยสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงจากการถูกติดตาม

    ในภาพรวม CGO ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาที่ Tor1 มีมานาน แต่ยังเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาการเข้ารหัสรุ่นใหม่ ๆ ที่จะทำให้ Tor ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Tor1 Protocol มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ tagging attacks ที่สามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้
    ใช้ AES key ซ้ำ และมีระบบตรวจสอบเพียง 4 ไบต์

    Tor Project พัฒนา Counter Galois Onion (CGO)
    ป้องกันการแก้ไขข้อมูลระหว่างทาง หากถูกดัดแปลง ข้อมูลจะไม่สามารถใช้งานได้
    ใช้ใน Arti (Rust-based client) และมีเวอร์ชันรองรับโครงสร้างเดิม

    CGO อยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพ
    ยังไม่มีกำหนดการชัดเจนสำหรับการใช้งานใน Tor Browser
    ทีมงานกำลังปรับแต่งให้เหมาะสมกับ CPU รุ่นใหม่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Tor ในปัจจุบัน
    Tor1 ยังคงมีความเสี่ยงจากการโจมตีและการติดตามข้อมูล
    การใช้งาน Tor Browser ยังไม่สามารถพึ่งพา CGO ได้เต็มรูปแบบในตอนนี้

    https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol/
    🔐 Tor Project เปิดตัว CGO Encryption แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่ เครือข่าย Tor เป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องมือรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ แต่โปรโตคอลเข้ารหัสเดิมที่ชื่อว่า Tor1 กลับมีจุดอ่อนสำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attacks ซึ่งผู้ไม่หวังดีสามารถแก้ไขข้อมูลที่ผ่านโหนดหนึ่ง แล้วติดตามการเปลี่ยนแปลงที่ปลายทางเพื่อระบุตัวผู้ใช้งานได้ นอกจากนี้ Tor1 ยังใช้ AES key ซ้ำ ตลอดเส้นทาง และมีระบบตรวจสอบเพียง 4 ไบต์ ทำให้มีโอกาสที่ข้อมูลปลอมจะเล็ดลอดเข้ามาได้ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนา Counter Galois Onion (CGO) ซึ่งเป็นอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการแก้ไขข้อมูลระหว่างทาง หากมีการดัดแปลงแม้เพียงเล็กน้อย ข้อมูลทั้งชุดจะไม่สามารถใช้งานได้ทันที ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ Tor อย่างมีนัยสำคัญ ⚙️ การพัฒนาและการใช้งานจริง CGO ถูกนำไปใช้แล้วใน Arti ซึ่งเป็น Tor client ที่เขียนด้วยภาษา Rust โดยมีการออกแบบให้รองรับการทำงานร่วมกับโครงสร้างเดิมของ Tor ที่ยังใช้ภาษา C อยู่ แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่ทีมงานเชื่อว่าการใช้ Rust จะช่วยลดช่องโหว่ด้านหน่วยความจำที่เคยเกิดขึ้นในเวอร์ชันก่อน ๆ และทำให้ระบบมีความเสถียรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การนำ CGO มาใช้ใน Tor Browser ยังไม่มีการกำหนดเวลาแน่ชัด ทีมงานกำลังมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับ CPU รุ่นใหม่ เนื่องจาก CGO อาจมีค่าใช้จ่ายด้านการประมวลผลสูงกว่า Tor1 แต่ก็มีศักยภาพในการปรับแต่งให้เร็วขึ้นในอนาคต 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้และความสำคัญ การเปลี่ยนผ่านจาก Tor1 ไปสู่ CGO ถือเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อการใช้งาน Tor ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังรวมถึงนักข่าว นักเคลื่อนไหว และองค์กรที่ต้องการรักษาความลับของข้อมูล การมีระบบเข้ารหัสที่แข็งแกร่งขึ้นจึงช่วยสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงจากการถูกติดตาม ในภาพรวม CGO ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาที่ Tor1 มีมานาน แต่ยังเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาการเข้ารหัสรุ่นใหม่ ๆ ที่จะทำให้ Tor ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Tor1 Protocol มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ➡️ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ tagging attacks ที่สามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ ➡️ ใช้ AES key ซ้ำ และมีระบบตรวจสอบเพียง 4 ไบต์ ✅ Tor Project พัฒนา Counter Galois Onion (CGO) ➡️ ป้องกันการแก้ไขข้อมูลระหว่างทาง หากถูกดัดแปลง ข้อมูลจะไม่สามารถใช้งานได้ ➡️ ใช้ใน Arti (Rust-based client) และมีเวอร์ชันรองรับโครงสร้างเดิม ✅ CGO อยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพ ➡️ ยังไม่มีกำหนดการชัดเจนสำหรับการใช้งานใน Tor Browser ➡️ ทีมงานกำลังปรับแต่งให้เหมาะสมกับ CPU รุ่นใหม่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Tor ในปัจจุบัน ⛔ Tor1 ยังคงมีความเสี่ยงจากการโจมตีและการติดตามข้อมูล ⛔ การใช้งาน Tor Browser ยังไม่สามารถพึ่งพา CGO ได้เต็มรูปแบบในตอนนี้ https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol/
    SECURITYONLINE.INFO
    Tor Project Develops New CGO Encryption to Replace Vulnerable Tor1 Protocol
    The Tor Project is developing the Counter Galois Onion (CGO) algorithm to replace the vulnerable Tor1 protocol, enhancing security against tagging attacks and key reuse.
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251126 #securityonline

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Syncope (CVE-2025-65998)
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยจาก Apache เกี่ยวกับซอฟต์แวร์จัดการตัวตนชื่อ Syncope ที่องค์กรใหญ่ใช้กันมาก ปัญหาคือมีการฝัง "กุญแจ AES" เอาไว้ในโค้ดแบบตายตัว เมื่อผู้ดูแลระบบเลือกใช้การเข้ารหัสรหัสผ่านในฐานข้อมูล Syncope จะใช้กุญแจเดียวกันทุกระบบ ทำให้ถ้าใครเข้าถึงฐานข้อมูลได้ก็สามารถถอดรหัสรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ทันที ปัญหานี้กระทบหลายเวอร์ชัน และ Apache แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเกรดไปยังเวอร์ชันใหม่ที่แก้ไขแล้ว เพราะเวอร์ชันเก่าไม่มีแพตช์รองรับ
    https://securityonline.info/apache-syncope-flaw-cve-2025-65998-exposes-encrypted-user-passwords-due-to-hard-coded-aes-key

    Zenitel TCIV-3+ Intercoms เจอช่องโหว่ร้ายแรงหลายจุด (CVSS 9.8)
    Zenitel ออกประกาศด่วนพร้อมกับ CISA ว่าระบบอินเตอร์คอม TCIV-3+ มีช่องโหว่ถึง 5 จุด โดย 3 จุดเป็นการโจมตีแบบ OS Command Injection ที่ร้ายแรงมาก สามารถให้คนร้ายสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ XSS และ Out-of-Bounds Write ที่ทำให้เครื่องแครชได้ การแก้ไขคือผู้ใช้ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชัน 9.3.3.0 หรือใหม่กว่าโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้ อุปกรณ์สื่อสารสำคัญเหล่านี้อาจถูกควบคุมจากภายนอกได้
    https://securityonline.info/urgent-patch-required-zenitel-tciv-3-intercoms-hit-by-multiple-critical-flaws-cvss-9-8

    Node-forge (CVE-2025-12816) ช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็น
    ไลบรารีชื่อดัง node-forge ที่ใช้กันในหลายระบบทั่วโลก (ดาวน์โหลดกว่า 21 ล้านครั้งต่อสัปดาห์) ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้การตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลถูกหลอกได้ โดยการจัดการข้อมูล ASN.1 ที่บิดเบือน ทำให้ระบบที่ใช้ node-forge ตรวจสอบใบรับรองหรือไฟล์ที่เซ็นดิจิทัลอาจยอมรับข้อมูลปลอมว่าเป็นจริง ผลกระทบคือการปลอมตัวตน การยอมรับซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไข หรือการเจาะระบบผ่านแพ็กเกจที่ดูเหมือนถูกต้อง ทางผู้พัฒนาได้ออกเวอร์ชัน 1.3.2 เพื่อแก้ไขแล้ว และแนะนำให้รีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/critical-node-forge-flaw-cve-2025-12816-allows-signature-verification-bypass-via-asn-1-manipulation-21m-downloads-week

    RelayNFC มัลแวร์ Android ที่ทำให้มือถือกลายเป็นเครื่องอ่านบัตร
    นักวิจัยจาก Cyble พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันทำให้มือถือ Android ของเหยื่อกลายเป็นเครื่องอ่านบัตรเครดิต/เดบิตจากระยะไกล คนร้ายสามารถใช้ข้อมูลที่ได้ไปทำธุรกรรมเหมือนถือบัตรจริงอยู่ในมือ จุดน่ากลัวคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับใน VirusTotal และแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย เมื่อเหยื่อดาวน์โหลดแอปปลอมและทำตามคำสั่ง เช่น แตะบัตรกับมือถือ ข้อมูลบัตรและรหัส PIN จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคนร้ายทันที ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมาก
    https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers

    WordPress Plugin Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ถูกโจมตีจริงแล้ว
    ปลั๊กอิน Sneeit Framework ที่ใช้ในธีมยอดนิยมอย่าง FlatNews ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงระดับ 9.8 (Critical) ที่เปิดทางให้คนร้ายรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ฟังก์ชันที่ผิดพลาดคือการรับอินพุตจากผู้ใช้แล้วส่งต่อไปยัง call_user_func() โดยตรง ทำให้ใครก็ตามสามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลดเว็บเชลล์ หรือยึดเว็บไซต์ไปได้ทันที ตอนนี้มีการโจมตีจริงเกิดขึ้นแล้ว โดย Wordfence รายงานว่ามีการบล็อกการโจมตีเกือบ 500 ครั้งในวันเดียว ผู้พัฒนาปลั๊กอินได้ออกเวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขแล้ว เจ้าของเว็บไซต์ WordPress ต้องรีบอัปเดตโดยด่วน
    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce

    ASUS Router เจอช่องโหว่ 8 จุด (CVE-2025-59366)
    ASUS ประกาศเตือนว่าเราท์เตอร์หลายรุ่นมีช่องโหว่รวม 8 จุด โดยมีช่องโหว่ Authentication Bypass ที่ร้ายแรงมาก (CVSS 9.4) ทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ผลกระทบคือผู้โจมตีอาจควบคุมการตั้งค่าเครือข่ายหรือดักข้อมูลการใช้งานได้ทันที ASUS แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4

    Fluent Bit เจอช่องโหว่ร้ายแรง เปิดทาง RCE และแก้ไข Telemetry
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือเก็บและส่งข้อมูล Log ที่องค์กรใหญ่ใช้กัน ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้คนร้ายสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ รวมถึงแก้ไขข้อมูล Telemetry ที่ส่งออกไป ทำให้ระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลผิดเพี้ยนได้ทันที ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชัน และมีความเสี่ยงสูงต่อองค์กรที่ใช้ Fluent Bit ในระบบคลาวด์หรือโครงสร้างพื้นฐานหลัก
    https://securityonline.info/critical-fluent-bit-flaws-enable-rce-and-telemetry-tampering-in-major-orgs

    CISA เตือนด่วน: Spyware ใช้ Zero-Click และ QR Code มุ่งโจมตีแอปแชท
    CISA ออกประกาศฉุกเฉินว่ามี Spyware เชิงพาณิชย์ที่ใช้เทคนิค Zero-Click และ QR Code อันตรายเพื่อแฮ็กแอปแชทบนมือถือ โดยไม่ต้องให้เหยื่อกดหรือทำอะไรเลย เพียงแค่เปิดข้อความหรือสแกน QR Code ก็ถูกเจาะได้ทันที ผลคือข้อมูลส่วนตัว การสนทนา และบัญชีผู้ใช้สามารถถูกยึดไปได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นภัยคุกคามที่กำลังแพร่กระจายและต้องระวังอย่างมาก
    https://securityonline.info/cisa-emergency-alert-commercial-spyware-exploiting-zero-click-and-malicious-qr-codes-to-hijack-messaging-apps

    GRU Unit 29155 ใช้ SocGholish โจมตีบริษัทในสหรัฐฯ
    มีรายงานว่า GRU Unit 29155 ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ใช้มัลแวร์ SocGholish ในการโจมตีบริษัทสหรัฐฯ โดย SocGholish มักปลอมตัวเป็นการอัปเดตเบราว์เซอร์เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งมัลแวร์ จากนั้นเปิดทางให้คนร้ายเข้าถึงระบบภายในองค์กรได้ การโจมตีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เครื่องมือไซเบอร์ขั้นสูงในปฏิบัติการทางการเมืองและเศรษฐกิจ
    https://securityonline.info/gru-unit-29155-uses-socgholish-to-target-us-firm

    ASUS Router พบช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดตด่วน
    ASUS ออกประกาศเตือนผู้ใช้เร้าเตอร์ หลังพบช่องโหว่รวม 8 จุดที่อาจถูกโจมตีได้ โดยมีช่องโหว่ร้ายแรงที่สุดคือการ Authentication Bypass ในระบบ AiCloud ที่มีคะแนนความเสี่ยงสูงถึง 9.4 ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงฟังก์ชันโดยไม่ต้องมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีปัญหา Path Traversal, Command Injection และ SQL Injection ที่อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือดึงข้อมูลออกไปได้ ASUS ได้ปล่อยเฟิร์มแวร์ใหม่ในเดือนตุลาคม 2025 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4

    มัลแวร์ RelayNFC บน Android เปลี่ยนมือถือเป็นเครื่องอ่านบัตร
    นักวิจัยจาก Cyble Research พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันสามารถเปลี่ยนมือถือ Android ของเหยื่อให้กลายเป็นเครื่องอ่านบัตร NFC จากนั้นส่งข้อมูลบัตรและรหัส PIN ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์แบบเรียลไทม์ จุดที่น่ากังวลคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับโดยโปรแกรมแอนติไวรัสใด ๆ และถูกแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย ผู้ใช้ที่หลงเชื่อจะถูกหลอกให้ติดตั้งแอป APK อันตรายและกรอกข้อมูลบัตรของตัวเอง ทำให้แฮกเกอร์สามารถทำธุรกรรมเสมือนว่ามีบัตรจริงอยู่ในมือ
    https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers

    ช่องโหว่ MyASUS เปิดทางให้ยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM
    ASUS ยังเจอปัญหาอีกหนึ่งอย่างในซอฟต์แวร์ MyASUS โดยมีช่องโหว่ Local Privilege Escalation (CVE-2025-59373) ที่ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถยกระดับเป็น SYSTEM ได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์สูงสุดบน Windows ช่องโหว่นี้เกิดจากกลไกการกู้ไฟล์ที่ตรวจสอบไม่ดี ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทนที่ไฟล์ที่เชื่อถือได้ด้วยไฟล์อันตราย และเมื่อระบบเรียกใช้งานก็จะรันในสิทธิ์สูงสุดทันที ASUS ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ใช้สามารถอัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ASUS โดยตรง
    https://securityonline.info/asus-lpe-flaw-cve-2025-59373-high-severity-bug-grants-system-privileges-via-myasus-component

    ศาลสหรัฐฯ สั่งห้าม OpenAI ใช้ชื่อ "Cameo" ใน Sora
    เกิดคดีฟ้องร้องระหว่างแพลตฟอร์มวิดีโอคนดัง Cameo กับ OpenAI ที่ใช้ชื่อ “Cameo” ในฟีเจอร์ของแอป Sora ศาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งชั่วคราวห้าม OpenAI ใช้คำนี้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม โดยให้เหตุผลว่าชื่อดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้สับสนกับบริการของ Cameo ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ฝั่ง Cameo มองว่านี่คือการปกป้องแบรนด์ ส่วน OpenAI แย้งว่าคำว่า “cameo” เป็นคำทั่วไปที่ไม่ควรมีใครถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้จะมีการไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 19 ธันวาคมเพื่อพิจารณาว่าจะทำให้คำสั่งนี้ถาวรหรือไม่
    https://securityonline.info/cameo-wins-tro-against-openai-sora-barred-from-using-cameo-trademark

    Google เตรียมรวม Android และ ChromeOS ภายใต้ชื่อ Aluminium OS
    มีการค้นพบจากประกาศรับสมัครงานที่เผยว่า Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน Aluminium OS จะรองรับหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ไปจนถึงมินิพีซี และมีการแบ่งระดับเป็น Entry, Mass Premium และ Premium แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มคือ ChromeOS จะถูกแทนที่ในอนาคต และ Aluminium OS จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้แทนทั้งหมด
    https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os

    Chromium เปิดดีเบตอีกครั้งเรื่อง JPEG-XL หลัง Apple นำไปใช้
    ทีมพัฒนา Chromium กำลังถกเถียงว่าจะนำฟอร์แมตภาพ JPEG-XL กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ Apple ได้ประกาศรองรับในระบบของตน ฟอร์แมตนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแทน JPEG แบบดั้งเดิม โดยมีคุณภาพสูงกว่าและขนาดไฟล์เล็กกว่า แต่ก่อนหน้านี้ Google เคยตัดสินใจถอดออกจาก Chromium เพราะมองว่าไม่จำเป็น ตอนนี้การที่ Apple นำไปใช้ทำให้เกิดแรงกดดันให้ Google พิจารณาใหม่ว่าจะกลับมาเปิดใช้งานหรือไม่
    https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it

    OpenAI เปิดตัว Shopping Research สร้างคู่มือซื้อของเฉพาะบุคคล
    OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า Shopping Research ที่สามารถสร้างคู่มือการซื้อสินค้าแบบเฉพาะบุคคลได้ โดยผู้ใช้เพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการ เช่น “หาหูฟังสำหรับวิ่ง” ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูล รีวิว และตัวเลือกที่เหมาะสม แล้วสรุปออกมาเป็นคู่มือการซื้อที่เข้าใจง่าย จุดเด่นคือการทำให้การค้นหาสินค้าไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลเอง แต่ได้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น
    https://securityonline.info/openai-launches-shopping-research-chatgpt-now-generates-personalized-buying-guides

    Android เตรียมเพิ่ม Universal Clipboard ใช้งานข้ามอุปกรณ์ได้
    Google กำลังพัฒนา Universal Clipboard สำหรับ Android ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความหรือไฟล์จากมือถือ แล้วนำไปวางบน Chromebook หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ทันที ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การทำงานระหว่างหลายอุปกรณ์ราบรื่นขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีส่งไฟล์หรือข้อความผ่านแอปแชทอีกต่อไป ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งาน Android ให้ใกล้เคียงกับระบบนิเวศของ Apple ที่มีฟีเจอร์คล้ายกันอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/android-getting-native-universal-clipboard-seamless-sync-coming-to-phones-chromebooks

    ราคาการ์ดจอ AMD จะขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026
    มีรายงานว่า AMD GPU จะปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำที่ใช้ผลิตการ์ดจอเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การปรับราคานี้จะกระทบทั้งรุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและรุ่นสำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดการ์ดจออาจเผชิญแรงกดดันจากทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพราะความต้องการยังสูง แต่ต้นทุนกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
    https://securityonline.info/amd-gpu-prices-to-increase-by-at-least-10-in-2026-due-to-surging-memory-costs

    Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มจัดการคดีสำหรับทีมดิจิทัลฟอเรนสิก
    ​​​​​​​บริษัท Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการจัดการคดีที่ออกแบบมาเพื่อทีมดิจิทัลฟอเรนสิกและการตอบสนองเหตุการณ์ไซเบอร์ ระบบนี้ช่วยให้ทีมสามารถเก็บหลักฐาน จัดการข้อมูล และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การทำงานที่ซับซ้อนสามารถจัดการได้ง่ายขึ้นและลดเวลาในการสืบสวน
    https://securityonline.info/detego-global-launches-case-management-platform-for-digital-forensics-and-incident-response-teams
    📌🔒🟢 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟢🔒📌 #รวมข่าวIT #20251126 #securityonline 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Syncope (CVE-2025-65998) เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยจาก Apache เกี่ยวกับซอฟต์แวร์จัดการตัวตนชื่อ Syncope ที่องค์กรใหญ่ใช้กันมาก ปัญหาคือมีการฝัง "กุญแจ AES" เอาไว้ในโค้ดแบบตายตัว เมื่อผู้ดูแลระบบเลือกใช้การเข้ารหัสรหัสผ่านในฐานข้อมูล Syncope จะใช้กุญแจเดียวกันทุกระบบ ทำให้ถ้าใครเข้าถึงฐานข้อมูลได้ก็สามารถถอดรหัสรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ทันที ปัญหานี้กระทบหลายเวอร์ชัน และ Apache แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเกรดไปยังเวอร์ชันใหม่ที่แก้ไขแล้ว เพราะเวอร์ชันเก่าไม่มีแพตช์รองรับ 🔗 https://securityonline.info/apache-syncope-flaw-cve-2025-65998-exposes-encrypted-user-passwords-due-to-hard-coded-aes-key 📞 Zenitel TCIV-3+ Intercoms เจอช่องโหว่ร้ายแรงหลายจุด (CVSS 9.8) Zenitel ออกประกาศด่วนพร้อมกับ CISA ว่าระบบอินเตอร์คอม TCIV-3+ มีช่องโหว่ถึง 5 จุด โดย 3 จุดเป็นการโจมตีแบบ OS Command Injection ที่ร้ายแรงมาก สามารถให้คนร้ายสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ XSS และ Out-of-Bounds Write ที่ทำให้เครื่องแครชได้ การแก้ไขคือผู้ใช้ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชัน 9.3.3.0 หรือใหม่กว่าโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้ อุปกรณ์สื่อสารสำคัญเหล่านี้อาจถูกควบคุมจากภายนอกได้ 🔗 https://securityonline.info/urgent-patch-required-zenitel-tciv-3-intercoms-hit-by-multiple-critical-flaws-cvss-9-8 🔐 Node-forge (CVE-2025-12816) ช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็น ไลบรารีชื่อดัง node-forge ที่ใช้กันในหลายระบบทั่วโลก (ดาวน์โหลดกว่า 21 ล้านครั้งต่อสัปดาห์) ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้การตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลถูกหลอกได้ โดยการจัดการข้อมูล ASN.1 ที่บิดเบือน ทำให้ระบบที่ใช้ node-forge ตรวจสอบใบรับรองหรือไฟล์ที่เซ็นดิจิทัลอาจยอมรับข้อมูลปลอมว่าเป็นจริง ผลกระทบคือการปลอมตัวตน การยอมรับซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไข หรือการเจาะระบบผ่านแพ็กเกจที่ดูเหมือนถูกต้อง ทางผู้พัฒนาได้ออกเวอร์ชัน 1.3.2 เพื่อแก้ไขแล้ว และแนะนำให้รีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/critical-node-forge-flaw-cve-2025-12816-allows-signature-verification-bypass-via-asn-1-manipulation-21m-downloads-week 📱 RelayNFC มัลแวร์ Android ที่ทำให้มือถือกลายเป็นเครื่องอ่านบัตร นักวิจัยจาก Cyble พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันทำให้มือถือ Android ของเหยื่อกลายเป็นเครื่องอ่านบัตรเครดิต/เดบิตจากระยะไกล คนร้ายสามารถใช้ข้อมูลที่ได้ไปทำธุรกรรมเหมือนถือบัตรจริงอยู่ในมือ จุดน่ากลัวคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับใน VirusTotal และแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย เมื่อเหยื่อดาวน์โหลดแอปปลอมและทำตามคำสั่ง เช่น แตะบัตรกับมือถือ ข้อมูลบัตรและรหัส PIN จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคนร้ายทันที ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers 🌐 WordPress Plugin Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ถูกโจมตีจริงแล้ว ปลั๊กอิน Sneeit Framework ที่ใช้ในธีมยอดนิยมอย่าง FlatNews ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงระดับ 9.8 (Critical) ที่เปิดทางให้คนร้ายรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ฟังก์ชันที่ผิดพลาดคือการรับอินพุตจากผู้ใช้แล้วส่งต่อไปยัง call_user_func() โดยตรง ทำให้ใครก็ตามสามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลดเว็บเชลล์ หรือยึดเว็บไซต์ไปได้ทันที ตอนนี้มีการโจมตีจริงเกิดขึ้นแล้ว โดย Wordfence รายงานว่ามีการบล็อกการโจมตีเกือบ 500 ครั้งในวันเดียว ผู้พัฒนาปลั๊กอินได้ออกเวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขแล้ว เจ้าของเว็บไซต์ WordPress ต้องรีบอัปเดตโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce 📡 ASUS Router เจอช่องโหว่ 8 จุด (CVE-2025-59366) ASUS ประกาศเตือนว่าเราท์เตอร์หลายรุ่นมีช่องโหว่รวม 8 จุด โดยมีช่องโหว่ Authentication Bypass ที่ร้ายแรงมาก (CVSS 9.4) ทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ผลกระทบคือผู้โจมตีอาจควบคุมการตั้งค่าเครือข่ายหรือดักข้อมูลการใช้งานได้ทันที ASUS แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4 💻 Fluent Bit เจอช่องโหว่ร้ายแรง เปิดทาง RCE และแก้ไข Telemetry Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือเก็บและส่งข้อมูล Log ที่องค์กรใหญ่ใช้กัน ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้คนร้ายสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ รวมถึงแก้ไขข้อมูล Telemetry ที่ส่งออกไป ทำให้ระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลผิดเพี้ยนได้ทันที ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชัน และมีความเสี่ยงสูงต่อองค์กรที่ใช้ Fluent Bit ในระบบคลาวด์หรือโครงสร้างพื้นฐานหลัก 🔗 https://securityonline.info/critical-fluent-bit-flaws-enable-rce-and-telemetry-tampering-in-major-orgs 📲 CISA เตือนด่วน: Spyware ใช้ Zero-Click และ QR Code มุ่งโจมตีแอปแชท CISA ออกประกาศฉุกเฉินว่ามี Spyware เชิงพาณิชย์ที่ใช้เทคนิค Zero-Click และ QR Code อันตรายเพื่อแฮ็กแอปแชทบนมือถือ โดยไม่ต้องให้เหยื่อกดหรือทำอะไรเลย เพียงแค่เปิดข้อความหรือสแกน QR Code ก็ถูกเจาะได้ทันที ผลคือข้อมูลส่วนตัว การสนทนา และบัญชีผู้ใช้สามารถถูกยึดไปได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นภัยคุกคามที่กำลังแพร่กระจายและต้องระวังอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/cisa-emergency-alert-commercial-spyware-exploiting-zero-click-and-malicious-qr-codes-to-hijack-messaging-apps 🎭 GRU Unit 29155 ใช้ SocGholish โจมตีบริษัทในสหรัฐฯ มีรายงานว่า GRU Unit 29155 ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ใช้มัลแวร์ SocGholish ในการโจมตีบริษัทสหรัฐฯ โดย SocGholish มักปลอมตัวเป็นการอัปเดตเบราว์เซอร์เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งมัลแวร์ จากนั้นเปิดทางให้คนร้ายเข้าถึงระบบภายในองค์กรได้ การโจมตีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เครื่องมือไซเบอร์ขั้นสูงในปฏิบัติการทางการเมืองและเศรษฐกิจ 🔗 https://securityonline.info/gru-unit-29155-uses-socgholish-to-target-us-firm 🛡️ ASUS Router พบช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดตด่วน ASUS ออกประกาศเตือนผู้ใช้เร้าเตอร์ หลังพบช่องโหว่รวม 8 จุดที่อาจถูกโจมตีได้ โดยมีช่องโหว่ร้ายแรงที่สุดคือการ Authentication Bypass ในระบบ AiCloud ที่มีคะแนนความเสี่ยงสูงถึง 9.4 ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงฟังก์ชันโดยไม่ต้องมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีปัญหา Path Traversal, Command Injection และ SQL Injection ที่อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือดึงข้อมูลออกไปได้ ASUS ได้ปล่อยเฟิร์มแวร์ใหม่ในเดือนตุลาคม 2025 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4 📱 มัลแวร์ RelayNFC บน Android เปลี่ยนมือถือเป็นเครื่องอ่านบัตร นักวิจัยจาก Cyble Research พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันสามารถเปลี่ยนมือถือ Android ของเหยื่อให้กลายเป็นเครื่องอ่านบัตร NFC จากนั้นส่งข้อมูลบัตรและรหัส PIN ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์แบบเรียลไทม์ จุดที่น่ากังวลคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับโดยโปรแกรมแอนติไวรัสใด ๆ และถูกแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย ผู้ใช้ที่หลงเชื่อจะถูกหลอกให้ติดตั้งแอป APK อันตรายและกรอกข้อมูลบัตรของตัวเอง ทำให้แฮกเกอร์สามารถทำธุรกรรมเสมือนว่ามีบัตรจริงอยู่ในมือ 🔗 https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers ⚠️ ช่องโหว่ MyASUS เปิดทางให้ยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ASUS ยังเจอปัญหาอีกหนึ่งอย่างในซอฟต์แวร์ MyASUS โดยมีช่องโหว่ Local Privilege Escalation (CVE-2025-59373) ที่ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถยกระดับเป็น SYSTEM ได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์สูงสุดบน Windows ช่องโหว่นี้เกิดจากกลไกการกู้ไฟล์ที่ตรวจสอบไม่ดี ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทนที่ไฟล์ที่เชื่อถือได้ด้วยไฟล์อันตราย และเมื่อระบบเรียกใช้งานก็จะรันในสิทธิ์สูงสุดทันที ASUS ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ใช้สามารถอัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ASUS โดยตรง 🔗 https://securityonline.info/asus-lpe-flaw-cve-2025-59373-high-severity-bug-grants-system-privileges-via-myasus-component ⚖️ ศาลสหรัฐฯ สั่งห้าม OpenAI ใช้ชื่อ "Cameo" ใน Sora เกิดคดีฟ้องร้องระหว่างแพลตฟอร์มวิดีโอคนดัง Cameo กับ OpenAI ที่ใช้ชื่อ “Cameo” ในฟีเจอร์ของแอป Sora ศาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งชั่วคราวห้าม OpenAI ใช้คำนี้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม โดยให้เหตุผลว่าชื่อดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้สับสนกับบริการของ Cameo ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ฝั่ง Cameo มองว่านี่คือการปกป้องแบรนด์ ส่วน OpenAI แย้งว่าคำว่า “cameo” เป็นคำทั่วไปที่ไม่ควรมีใครถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้จะมีการไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 19 ธันวาคมเพื่อพิจารณาว่าจะทำให้คำสั่งนี้ถาวรหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/cameo-wins-tro-against-openai-sora-barred-from-using-cameo-trademark 💻 Google เตรียมรวม Android และ ChromeOS ภายใต้ชื่อ Aluminium OS มีการค้นพบจากประกาศรับสมัครงานที่เผยว่า Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน Aluminium OS จะรองรับหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ไปจนถึงมินิพีซี และมีการแบ่งระดับเป็น Entry, Mass Premium และ Premium แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มคือ ChromeOS จะถูกแทนที่ในอนาคต และ Aluminium OS จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้แทนทั้งหมด 🔗 https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os 🖼️ Chromium เปิดดีเบตอีกครั้งเรื่อง JPEG-XL หลัง Apple นำไปใช้ ทีมพัฒนา Chromium กำลังถกเถียงว่าจะนำฟอร์แมตภาพ JPEG-XL กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ Apple ได้ประกาศรองรับในระบบของตน ฟอร์แมตนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแทน JPEG แบบดั้งเดิม โดยมีคุณภาพสูงกว่าและขนาดไฟล์เล็กกว่า แต่ก่อนหน้านี้ Google เคยตัดสินใจถอดออกจาก Chromium เพราะมองว่าไม่จำเป็น ตอนนี้การที่ Apple นำไปใช้ทำให้เกิดแรงกดดันให้ Google พิจารณาใหม่ว่าจะกลับมาเปิดใช้งานหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it 🛍️ OpenAI เปิดตัว Shopping Research สร้างคู่มือซื้อของเฉพาะบุคคล OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า Shopping Research ที่สามารถสร้างคู่มือการซื้อสินค้าแบบเฉพาะบุคคลได้ โดยผู้ใช้เพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการ เช่น “หาหูฟังสำหรับวิ่ง” ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูล รีวิว และตัวเลือกที่เหมาะสม แล้วสรุปออกมาเป็นคู่มือการซื้อที่เข้าใจง่าย จุดเด่นคือการทำให้การค้นหาสินค้าไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลเอง แต่ได้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/openai-launches-shopping-research-chatgpt-now-generates-personalized-buying-guides 🔗 Android เตรียมเพิ่ม Universal Clipboard ใช้งานข้ามอุปกรณ์ได้ Google กำลังพัฒนา Universal Clipboard สำหรับ Android ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความหรือไฟล์จากมือถือ แล้วนำไปวางบน Chromebook หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ทันที ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การทำงานระหว่างหลายอุปกรณ์ราบรื่นขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีส่งไฟล์หรือข้อความผ่านแอปแชทอีกต่อไป ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งาน Android ให้ใกล้เคียงกับระบบนิเวศของ Apple ที่มีฟีเจอร์คล้ายกันอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/android-getting-native-universal-clipboard-seamless-sync-coming-to-phones-chromebooks 💸 ราคาการ์ดจอ AMD จะขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 มีรายงานว่า AMD GPU จะปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำที่ใช้ผลิตการ์ดจอเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การปรับราคานี้จะกระทบทั้งรุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและรุ่นสำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดการ์ดจออาจเผชิญแรงกดดันจากทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพราะความต้องการยังสูง แต่ต้นทุนกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง 🔗 https://securityonline.info/amd-gpu-prices-to-increase-by-at-least-10-in-2026-due-to-surging-memory-costs 🕵️‍♂️ Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มจัดการคดีสำหรับทีมดิจิทัลฟอเรนสิก ​​​​​​​บริษัท Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการจัดการคดีที่ออกแบบมาเพื่อทีมดิจิทัลฟอเรนสิกและการตอบสนองเหตุการณ์ไซเบอร์ ระบบนี้ช่วยให้ทีมสามารถเก็บหลักฐาน จัดการข้อมูล และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การทำงานที่ซับซ้อนสามารถจัดการได้ง่ายขึ้นและลดเวลาในการสืบสวน 🔗 https://securityonline.info/detego-global-launches-case-management-platform-for-digital-forensics-and-incident-response-teams
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • สิงคโปร์สั่ง Apple และ Google ป้องกันการปลอมตัวเป็นหน่วยงานรัฐบนแพลตฟอร์มข้อความ

    รัฐบาลสิงคโปร์ออกคำสั่งให้ Apple (iMessage) และ Google (Messages) ต้องป้องกันการปลอมตัวเป็นหน่วยงานรัฐ หลังพบการหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริการจาก SingPost และหน่วยงานอื่น ๆ โดยคำสั่งนี้อยู่ภายใต้ Online Criminal Harms Act ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสกัดการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการก่ออาชญากรรมไซเบอร์

    กลไกการหลอกลวงที่พบ
    ตำรวจสิงคโปร์ระบุว่ามีการส่งข้อความที่ดูเหมือนมาจากหน่วยงานรัฐหรือบริษัทท้องถิ่น แต่จริง ๆ แล้วเป็นการปลอมตัวเพื่อหลอกให้ผู้ใช้เปิดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว การปลอมแปลงดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของประชาชน และอาจนำไปสู่การโจมตีทางการเงินหรือการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และบริษัทเทคโนโลยี
    คำสั่งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของสิงคโปร์ในการจัดการภัยไซเบอร์ โดยบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ในประเทศ การบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้อาจกลายเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่น ๆ ใช้แนวทางเดียวกัน เพื่อควบคุมการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูง

    บทเรียนและข้อควรระวัง
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผู้ใช้ควรระมัดระวังในการเปิดข้อความหรือคลิกลิงก์ แม้จะดูเหมือนมาจากหน่วยงานทางการก็ตาม การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อความและใช้ช่องทางทางการในการติดต่อยังคงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีต้องพัฒนาระบบตรวจจับและป้องกันการปลอมตัวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    คำสั่งจากรัฐบาลสิงคโปร์
    บังคับ Apple และ Google ป้องกันการปลอมตัวเป็นหน่วยงานรัฐบนแพลตฟอร์มข้อความ

    กลไกการหลอกลวง
    ใช้ข้อความปลอมแปลงอ้างว่าเป็น SingPost และหน่วยงานอื่น ๆ

    ผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี
    ต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้และอาจเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่น ๆ

    แนวทางป้องกันสำหรับผู้ใช้
    ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อความและใช้ช่องทางทางการในการติดต่อ

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    อย่าคลิกลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัวจากข้อความที่ไม่แน่ใจ

    ความเสี่ยงในอนาคต
    การปลอมตัวอาจพัฒนาไปสู่การโจมตีทางการเงินและการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/singapore-orders-apple-google-to-prevent-government-spoofing-on-messaging-platforms
    🇸🇬 สิงคโปร์สั่ง Apple และ Google ป้องกันการปลอมตัวเป็นหน่วยงานรัฐบนแพลตฟอร์มข้อความ รัฐบาลสิงคโปร์ออกคำสั่งให้ Apple (iMessage) และ Google (Messages) ต้องป้องกันการปลอมตัวเป็นหน่วยงานรัฐ หลังพบการหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริการจาก SingPost และหน่วยงานอื่น ๆ โดยคำสั่งนี้อยู่ภายใต้ Online Criminal Harms Act ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสกัดการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ 📩 กลไกการหลอกลวงที่พบ ตำรวจสิงคโปร์ระบุว่ามีการส่งข้อความที่ดูเหมือนมาจากหน่วยงานรัฐหรือบริษัทท้องถิ่น แต่จริง ๆ แล้วเป็นการปลอมตัวเพื่อหลอกให้ผู้ใช้เปิดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว การปลอมแปลงดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของประชาชน และอาจนำไปสู่การโจมตีทางการเงินหรือการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้และบริษัทเทคโนโลยี คำสั่งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของสิงคโปร์ในการจัดการภัยไซเบอร์ โดยบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ในประเทศ การบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้อาจกลายเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่น ๆ ใช้แนวทางเดียวกัน เพื่อควบคุมการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูง 🛡️ บทเรียนและข้อควรระวัง ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผู้ใช้ควรระมัดระวังในการเปิดข้อความหรือคลิกลิงก์ แม้จะดูเหมือนมาจากหน่วยงานทางการก็ตาม การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อความและใช้ช่องทางทางการในการติดต่อยังคงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีต้องพัฒนาระบบตรวจจับและป้องกันการปลอมตัวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ คำสั่งจากรัฐบาลสิงคโปร์ ➡️ บังคับ Apple และ Google ป้องกันการปลอมตัวเป็นหน่วยงานรัฐบนแพลตฟอร์มข้อความ ✅ กลไกการหลอกลวง ➡️ ใช้ข้อความปลอมแปลงอ้างว่าเป็น SingPost และหน่วยงานอื่น ๆ ✅ ผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี ➡️ ต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้และอาจเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่น ๆ ✅ แนวทางป้องกันสำหรับผู้ใช้ ➡️ ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อความและใช้ช่องทางทางการในการติดต่อ ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ อย่าคลิกลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัวจากข้อความที่ไม่แน่ใจ ‼️ ความเสี่ยงในอนาคต ⛔ การปลอมตัวอาจพัฒนาไปสู่การโจมตีทางการเงินและการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/singapore-orders-apple-google-to-prevent-government-spoofing-on-messaging-platforms
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore orders Apple, Google to prevent government spoofing on messaging platforms
    SINGAPORE (Reuters) -Singapore's police have ordered Apple [AAPL.O] and Google [GOOGL.O] to prevent the spoofing of government agencies on their messaging platforms, the home affairs ministry said on Tuesday.
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • ข่าวเด่น: “7 สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาสร้างกรอบ Cybersecurity ใหม่”

    องค์กรจำนวนมากยังคงใช้ Cybersecurity Framework ที่ล้าสมัย โดยไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคามดิจิทัล บทความนี้ระบุว่า หากกรอบความปลอดภัยไม่ได้รับการทบทวนหรือปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ระบบเสี่ยงต่อการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ

    7 สัญญาณหลักมีดังนี้:

    1. ไม่มีกระบวนการไดนามิกในการรับรู้การเปลี่ยนแปลง
    หากองค์กรไม่สามารถตรวจจับหรือปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมไซเบอร์ได้ทันเวลา กรอบความปลอดภัยจะล้าสมัยและไม่สามารถป้องกันภัยใหม่ ๆ ได้

    2. เคยถูกโจมตีสำเร็จแม้เพียงเล็กน้อย
    การถูกโจมตีแสดงให้เห็นว่ากรอบความปลอดภัยมีช่องโหว่และไม่ทันต่อภัยคุกคามที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    3. การกำกับดูแลต่อเนื่องเป็นเรื่องท้าทาย
    หากระบบไม่สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา หรือไม่รองรับการจัดการความเสี่ยงเชิงรุก แสดงว่าต้องสร้างกรอบใหม่ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน เช่น NIST

    4. การทบทวนกรอบความปลอดภัยใช้เวลานานเกินไป
    หากไม่มีการปรับปรุงกรอบความปลอดภัยภายใน 3 ปีขึ้นไป ถือว่าล้าสมัย เพราะภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงเร็ว โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ Generative AI

    5. การทำงานอยู่ในโหมด Reactive ตลอดเวลา
    หากทีมงานมัวแต่ “วิ่งตามแจ้งเตือน” โดยไม่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า จะทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีที่ใหญ่กว่าในอนาคต

    6. ตัวชี้วัดความเสี่ยง (KRIs) และประสิทธิภาพ (KPIs) มีแนวโน้มแย่ลง
    หากตัวชี้วัดแสดงผลลบอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ากรอบความปลอดภัยไม่ตอบโจทย์ธุรกิจ และอาจถูกใช้เป็นเพียงเช็กลิสต์ compliance

    7. การออกแบบกรอบเพื่อ “ผ่านการตรวจสอบ” เท่านั้น
    หากกรอบความปลอดภัยถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผ่าน audit โดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายธุรกิจจริง ๆ จะทำให้ระบบดูดีบนกระดาษ แต่ไม่สามารถป้องกันภัยได้จริง

    https://www.csoonline.com/article/4094743/7-signs-your-cybersecurity-framework-needs-rebuilding.html
    🔐 ข่าวเด่น: “7 สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาสร้างกรอบ Cybersecurity ใหม่” องค์กรจำนวนมากยังคงใช้ Cybersecurity Framework ที่ล้าสมัย โดยไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคามดิจิทัล บทความนี้ระบุว่า หากกรอบความปลอดภัยไม่ได้รับการทบทวนหรือปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ระบบเสี่ยงต่อการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ 7 สัญญาณหลักมีดังนี้: 1. ❌ ไม่มีกระบวนการไดนามิกในการรับรู้การเปลี่ยนแปลง หากองค์กรไม่สามารถตรวจจับหรือปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมไซเบอร์ได้ทันเวลา กรอบความปลอดภัยจะล้าสมัยและไม่สามารถป้องกันภัยใหม่ ๆ ได้ 2. ⚠️ เคยถูกโจมตีสำเร็จแม้เพียงเล็กน้อย การถูกโจมตีแสดงให้เห็นว่ากรอบความปลอดภัยมีช่องโหว่และไม่ทันต่อภัยคุกคามที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 3. 🔍 การกำกับดูแลต่อเนื่องเป็นเรื่องท้าทาย หากระบบไม่สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา หรือไม่รองรับการจัดการความเสี่ยงเชิงรุก แสดงว่าต้องสร้างกรอบใหม่ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน เช่น NIST 4. 📆 การทบทวนกรอบความปลอดภัยใช้เวลานานเกินไป หากไม่มีการปรับปรุงกรอบความปลอดภัยภายใน 3 ปีขึ้นไป ถือว่าล้าสมัย เพราะภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงเร็ว โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ Generative AI 5. 🚨 การทำงานอยู่ในโหมด Reactive ตลอดเวลา หากทีมงานมัวแต่ “วิ่งตามแจ้งเตือน” โดยไม่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า จะทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีที่ใหญ่กว่าในอนาคต 6. 📉 ตัวชี้วัดความเสี่ยง (KRIs) และประสิทธิภาพ (KPIs) มีแนวโน้มแย่ลง หากตัวชี้วัดแสดงผลลบอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ากรอบความปลอดภัยไม่ตอบโจทย์ธุรกิจ และอาจถูกใช้เป็นเพียงเช็กลิสต์ compliance 7. 📝 การออกแบบกรอบเพื่อ “ผ่านการตรวจสอบ” เท่านั้น หากกรอบความปลอดภัยถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผ่าน audit โดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายธุรกิจจริง ๆ จะทำให้ระบบดูดีบนกระดาษ แต่ไม่สามารถป้องกันภัยได้จริง https://www.csoonline.com/article/4094743/7-signs-your-cybersecurity-framework-needs-rebuilding.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    7 signs your cybersecurity framework needs rebuilding
    Is your organization’s cybersecurity framework able to withstand a new generation of sophisticated attackers? If it isn’t, it’s time to rethink and redesign your approach to cyber risk.
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • Google Aluminium OS: ระบบปฏิบัติการใหม่

    Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อแทนที่ ChromeOS ในอนาคต และรองรับอุปกรณ์หลายประเภทตั้งแต่โน้ตบุ๊กไปจนถึงแท็บเล็ต

    จากประกาศรับสมัครงานล่าสุด Aluminium OS ถูกระบุว่าเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐาน Android แต่จะถูกออกแบบให้ทำงานได้กับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Laptop, Detachable Notebook, Tablet และ Mini-PCs จุดเด่นคือการรวมความสามารถของ Android ที่มี ecosystem แข็งแกร่ง เข้ากับ ChromeOS ที่เคยถูกใช้ใน Chromebook เพื่อสร้างแพลตฟอร์มเดียวที่ครอบคลุมมากขึ้น

    โครงสร้างและการแบ่งระดับ
    Aluminium OS จะมีหลายระดับ ได้แก่ Entry, Mass Premium และ Premium ซึ่งคล้ายกับการแบ่งชั้นบริการ subscription แม้ยังไม่ชัดเจนว่ามีความหมายเชิงฟีเจอร์หรือราคา แต่สะท้อนว่า Google อาจต้องการสร้างระบบที่ยืดหยุ่นและปรับใช้ได้ตามกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกัน

    เป้าหมายระยะยาว
    แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ Aluminium OS ถูกมองว่าเป็นการวางรากฐานเพื่อ แทนที่ ChromeOS ในอนาคต โดยในช่วงแรกจะยังคงมีการใช้งานคู่กันไปก่อน การเปลี่ยนผ่านนี้คล้ายกับการที่ Google ใช้ชื่อโครงการจากตารางธาตุ เช่น Chromium และ Aluminium เพื่อสื่อถึงการสร้างเทคโนโลยีใหม่ที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด
    หาก Aluminium OS เปิดตัวจริง จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานและใช้งานแอป Android ได้อย่างราบรื่นบน Chromebook และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้ ecosystem ของ Google แข็งแกร่งขึ้น และแข่งขันกับ Apple ที่มีระบบปฏิบัติการแบบ unified ระหว่าง iOS และ macOS ได้มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Aluminium OS คือระบบใหม่จาก Google
    รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน

    รองรับหลายอุปกรณ์
    Laptop, Tablet, Detachable Notebook, Mini-PCs

    มีการแบ่งระดับระบบ
    Entry, Mass Premium, Premium

    เป้าหมายระยะยาว
    แทนที่ ChromeOS และสร้าง ecosystem ที่แข็งแกร่งขึ้น

    ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน
    Google ยังไม่ประกาศ timeline หรือฟีเจอร์ที่แน่นอน

    https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os/
    💻 Google Aluminium OS: ระบบปฏิบัติการใหม่ Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อแทนที่ ChromeOS ในอนาคต และรองรับอุปกรณ์หลายประเภทตั้งแต่โน้ตบุ๊กไปจนถึงแท็บเล็ต จากประกาศรับสมัครงานล่าสุด Aluminium OS ถูกระบุว่าเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐาน Android แต่จะถูกออกแบบให้ทำงานได้กับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Laptop, Detachable Notebook, Tablet และ Mini-PCs จุดเด่นคือการรวมความสามารถของ Android ที่มี ecosystem แข็งแกร่ง เข้ากับ ChromeOS ที่เคยถูกใช้ใน Chromebook เพื่อสร้างแพลตฟอร์มเดียวที่ครอบคลุมมากขึ้น 🔧 โครงสร้างและการแบ่งระดับ Aluminium OS จะมีหลายระดับ ได้แก่ Entry, Mass Premium และ Premium ซึ่งคล้ายกับการแบ่งชั้นบริการ subscription แม้ยังไม่ชัดเจนว่ามีความหมายเชิงฟีเจอร์หรือราคา แต่สะท้อนว่า Google อาจต้องการสร้างระบบที่ยืดหยุ่นและปรับใช้ได้ตามกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกัน 🚀 เป้าหมายระยะยาว แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ Aluminium OS ถูกมองว่าเป็นการวางรากฐานเพื่อ แทนที่ ChromeOS ในอนาคต โดยในช่วงแรกจะยังคงมีการใช้งานคู่กันไปก่อน การเปลี่ยนผ่านนี้คล้ายกับการที่ Google ใช้ชื่อโครงการจากตารางธาตุ เช่น Chromium และ Aluminium เพื่อสื่อถึงการสร้างเทคโนโลยีใหม่ที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด หาก Aluminium OS เปิดตัวจริง จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานและใช้งานแอป Android ได้อย่างราบรื่นบน Chromebook และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้ ecosystem ของ Google แข็งแกร่งขึ้น และแข่งขันกับ Apple ที่มีระบบปฏิบัติการแบบ unified ระหว่าง iOS และ macOS ได้มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Aluminium OS คือระบบใหม่จาก Google ➡️ รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน ✅ รองรับหลายอุปกรณ์ ➡️ Laptop, Tablet, Detachable Notebook, Mini-PCs ✅ มีการแบ่งระดับระบบ ➡️ Entry, Mass Premium, Premium ✅ เป้าหมายระยะยาว ➡️ แทนที่ ChromeOS และสร้าง ecosystem ที่แข็งแกร่งขึ้น ‼️ ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน ⛔ Google ยังไม่ประกาศ timeline หรือฟีเจอร์ที่แน่นอน https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os/
    SECURITYONLINE.INFO
    Google’s New Merged OS Revealed? Job Listing Points to ‘Aluminium OS’
    A job posting revealed the codename 'Aluminium OS' for Google's project to merge Android and ChromeOS into a single platform for laptops, tablets, and mini-PCs.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ASUS Router มีช่องโหว่ Authentication Bypass CVE-2025-59366

    ASUS ได้ออกแพตช์เร่งด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 8 รายการในเราเตอร์หลายรุ่น โดยมีช่องโหว่ Authentication Bypass (CVE-2025-59366) ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 9.4) ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที

    ช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดอยู่ใน AiCloud ของ ASUS Router ซึ่งเกิดจากการทำงานร่วมกับ Samba ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันบางอย่างได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ หากถูกโจมตีสำเร็จ อาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลหรือการควบคุมอุปกรณ์โดยตรง ถือเป็นระดับ Critical (CVSS 9.4)

    ช่องโหว่อื่น ๆ ที่ถูกค้นพบ
    นอกจาก Authentication Bypass ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ ที่มีความรุนแรงสูง เช่น:
    Path Traversal (WebDAV – CVE-2025-12003, CVSS 8.2) → เขียนไฟล์นอกไดเรกทอรีที่ตั้งใจไว้
    Command Injection (bwdpi – CVE-2025-59370, CVSS 7.5) → รันคำสั่งอันตรายบนอุปกรณ์
    SQL Injection (bwdpi – CVE-2025-59369, CVSS 7.5) → เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    Authentication Bypass (IFTTT – CVE-2025-59371, CVSS 7.5) → เข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์
    Stack Buffer Overflow (CVE-2025-59365, CVSS 6.9) → ทำให้อุปกรณ์หยุดทำงาน
    Path Traversal (CVE-2025-59372, CVSS 6.9) → เขียนไฟล์ผิดตำแหน่ง
    Integer Underflow (CVE-2025-59368, CVSS 6.0) → กระทบต่อความเสถียรของระบบ

    การแก้ไขและคำแนะนำจาก ASUS
    ASUS ได้ออก เฟิร์มแวร์ใหม่ (ตุลาคม 2025) เพื่อแก้ไขช่องโหว่ทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีผ่านหน้า ASUS Support Page หรือเมนูอัปเดตในเราเตอร์ การอัปเดตนี้ครอบคลุมหลายรุ่น รวมถึงซีรีส์ 3.0.0.4_386 ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ Authentication Bypass CVE-2025-59366
    เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์

    ช่องโหว่เพิ่มเติมอีก 7 รายการ
    รวมถึง Path Traversal, Command Injection, SQL Injection และ Buffer Overflow

    ASUS ออกเฟิร์มแวร์แก้ไขแล้ว
    ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    ความเสี่ยงหากไม่อัปเดต
    อุปกรณ์อาจถูกควบคุมจากระยะไกล, ข้อมูลรั่วไหล, หรือระบบหยุดทำงาน

    https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4/
    🔐 ASUS Router มีช่องโหว่ Authentication Bypass CVE-2025-59366 ASUS ได้ออกแพตช์เร่งด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 8 รายการในเราเตอร์หลายรุ่น โดยมีช่องโหว่ Authentication Bypass (CVE-2025-59366) ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 9.4) ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที ช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดอยู่ใน AiCloud ของ ASUS Router ซึ่งเกิดจากการทำงานร่วมกับ Samba ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันบางอย่างได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ หากถูกโจมตีสำเร็จ อาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลหรือการควบคุมอุปกรณ์โดยตรง ถือเป็นระดับ Critical (CVSS 9.4) ⚠️ ช่องโหว่อื่น ๆ ที่ถูกค้นพบ นอกจาก Authentication Bypass ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ ที่มีความรุนแรงสูง เช่น: 🪲 Path Traversal (WebDAV – CVE-2025-12003, CVSS 8.2) → เขียนไฟล์นอกไดเรกทอรีที่ตั้งใจไว้ 🪲 Command Injection (bwdpi – CVE-2025-59370, CVSS 7.5) → รันคำสั่งอันตรายบนอุปกรณ์ 🪲 SQL Injection (bwdpi – CVE-2025-59369, CVSS 7.5) → เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต 🪲 Authentication Bypass (IFTTT – CVE-2025-59371, CVSS 7.5) → เข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ 🪲 Stack Buffer Overflow (CVE-2025-59365, CVSS 6.9) → ทำให้อุปกรณ์หยุดทำงาน 🪲 Path Traversal (CVE-2025-59372, CVSS 6.9) → เขียนไฟล์ผิดตำแหน่ง 🪲 Integer Underflow (CVE-2025-59368, CVSS 6.0) → กระทบต่อความเสถียรของระบบ 🛠️ การแก้ไขและคำแนะนำจาก ASUS ASUS ได้ออก เฟิร์มแวร์ใหม่ (ตุลาคม 2025) เพื่อแก้ไขช่องโหว่ทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีผ่านหน้า ASUS Support Page หรือเมนูอัปเดตในเราเตอร์ การอัปเดตนี้ครอบคลุมหลายรุ่น รวมถึงซีรีส์ 3.0.0.4_386 ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ Authentication Bypass CVE-2025-59366 ➡️ เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ ✅ ช่องโหว่เพิ่มเติมอีก 7 รายการ ➡️ รวมถึง Path Traversal, Command Injection, SQL Injection และ Buffer Overflow ✅ ASUS ออกเฟิร์มแวร์แก้ไขแล้ว ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี ‼️ ความเสี่ยงหากไม่อัปเดต ⛔ อุปกรณ์อาจถูกควบคุมจากระยะไกล, ข้อมูลรั่วไหล, หรือระบบหยุดทำงาน https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4/
    SECURITYONLINE.INFO
    8 Flaws: ASUS Routers Urgently Need Patch for Authentication Bypass (CVE-2025-59366, CVSS 9.4)
    ASUS fixes 8 severe router flaws, including a critical AiCloud authentication bypass (CVSS 9.4). Users must update firmware immediately to patch vulnerabilities.
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน MyASUS Component

    ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน ASUS System Control Interface Service ซึ่งถูกใช้ในเครื่อง ASUS หลายประเภท เช่น Desktop, Laptop, NUC และ All-in-One PC โดยมีปัญหาที่ กลไกการ restore ไฟล์ไม่ได้ตรวจสอบสิทธิ์อย่างถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทนที่ไฟล์ที่เชื่อถือได้ด้วยไฟล์อันตราย และรันในสิทธิ์ SYSTEM ซึ่งเป็นสิทธิ์สูงสุดบน Windows

    ผลกระทบและความเสี่ยง
    หากถูกโจมตี ผู้ไม่หวังดีสามารถ:
    สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่ที่มีสิทธิ์แอดมิน
    ติดตั้งมัลแวร์หรือ Webshell เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกล
    แก้ไขไฟล์ระบบเพื่อยึดครองเครื่องทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้แม้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถยกระดับสิทธิ์ได้ทันที ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป

    การแก้ไขจาก ASUS
    ASUS ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน:
    ASUS System Control Interface 3.1.48.0 (x64)
    ASUS System Control Interface 4.2.48.0 (ARM) ผู้ใช้สามารถตรวจสอบเวอร์ชันได้ที่ MyASUS → Settings → About และควรอัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ASUS Support โดยเร็วที่สุด

    แนวโน้มและคำแนะนำ
    ช่องโหว่ LPE (Local Privilege Escalation) เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของมัลแวร์ เนื่องจากช่วยให้ผู้โจมตีเข้าถึงสิทธิ์สูงสุดได้ง่าย การอัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการใช้ Endpoint Security และการตรวจสอบพฤติกรรมไฟล์ที่ผิดปกติ เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-59373 ใน MyASUS
    เกิดจากกลไก restore ไฟล์ที่ไม่ตรวจสอบสิทธิ์

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM และควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ

    ASUS ออกแพตช์แก้ไขแล้ว
    เวอร์ชัน 3.1.48.0 (x64) และ 4.2.48.0 (ARM)

    ความเสี่ยงหากไม่อัปเดต
    อาจถูกสร้างบัญชีแอดมินปลอม, ติดตั้งมัลแวร์, หรือยึดครองเครื่องทั้งหมด

    https://securityonline.info/asus-lpe-flaw-cve-2025-59373-high-severity-bug-grants-system-privileges-via-myasus-component/
    🖥️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน MyASUS Component ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน ASUS System Control Interface Service ซึ่งถูกใช้ในเครื่อง ASUS หลายประเภท เช่น Desktop, Laptop, NUC และ All-in-One PC โดยมีปัญหาที่ กลไกการ restore ไฟล์ไม่ได้ตรวจสอบสิทธิ์อย่างถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทนที่ไฟล์ที่เชื่อถือได้ด้วยไฟล์อันตราย และรันในสิทธิ์ SYSTEM ซึ่งเป็นสิทธิ์สูงสุดบน Windows 🚨 ผลกระทบและความเสี่ยง หากถูกโจมตี ผู้ไม่หวังดีสามารถ: 🪲 สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่ที่มีสิทธิ์แอดมิน 🪲 ติดตั้งมัลแวร์หรือ Webshell เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกล 🪲 แก้ไขไฟล์ระบบเพื่อยึดครองเครื่องทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้แม้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถยกระดับสิทธิ์ได้ทันที ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป 🔧 การแก้ไขจาก ASUS ASUS ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน: 🪛 ASUS System Control Interface 3.1.48.0 (x64) 🪛 ASUS System Control Interface 4.2.48.0 (ARM) ผู้ใช้สามารถตรวจสอบเวอร์ชันได้ที่ MyASUS → Settings → About และควรอัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ASUS Support โดยเร็วที่สุด 📈 แนวโน้มและคำแนะนำ ช่องโหว่ LPE (Local Privilege Escalation) เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของมัลแวร์ เนื่องจากช่วยให้ผู้โจมตีเข้าถึงสิทธิ์สูงสุดได้ง่าย การอัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการใช้ Endpoint Security และการตรวจสอบพฤติกรรมไฟล์ที่ผิดปกติ เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-59373 ใน MyASUS ➡️ เกิดจากกลไก restore ไฟล์ที่ไม่ตรวจสอบสิทธิ์ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM และควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ✅ ASUS ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ➡️ เวอร์ชัน 3.1.48.0 (x64) และ 4.2.48.0 (ARM) ‼️ ความเสี่ยงหากไม่อัปเดต ⛔ อาจถูกสร้างบัญชีแอดมินปลอม, ติดตั้งมัลแวร์, หรือยึดครองเครื่องทั้งหมด https://securityonline.info/asus-lpe-flaw-cve-2025-59373-high-severity-bug-grants-system-privileges-via-myasus-component/
    SECURITYONLINE.INFO
    ASUS LPE Flaw (CVE-2025-59373): High-Severity Bug Grants SYSTEM Privileges via MyASUS Component
    ASUS urges users to patch a high-severity LPE flaw (CVE-2025-59373) in its System Control Interface Service, which allows low-privileged users to escalate to full SYSTEM control.
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • การกลับมาของ JPEG-XL บน Chromium

    Google กำลังพิจารณานำฟีเจอร์ JPEG-XL กลับมาใน Chromium หลังจากที่ Apple ได้เพิ่มการรองรับใน Safari และ iPhone 16 Pro ซึ่งอาจทำให้ฟอร์แมตนี้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภาพดิจิทัล

    JPEG-XL เป็นฟอร์แมตภาพรุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ JPEG โดยมีจุดเด่นคือ การบีบอัดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และยังคงความเข้ากันได้กับไฟล์ JPEG เดิมได้ดี Google เคยทดสอบและนำมาใช้ใน Chromium ตั้งแต่ปี 2021 แต่ในปี 2023 ได้ตัดสินใจลบออกเนื่องจาก "ขาดความสนใจจาก ecosystem" อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Apple นำ JPEG-XL มาใช้ใน Safari และเพิ่มตัวเลือกถ่ายภาพ JPEG-XL ใน iPhone 16 Pro ทำให้ Google ต้องกลับมาเปิดการถกเถียงอีกครั้ง

    Apple จุดประกายให้ JPEG-XL กลับมา
    การที่ Apple นำ JPEG-XL มาใช้จริงถือเป็นแรงผลักดันสำคัญ เพราะ ecosystem ของ Apple มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล การรองรับใน Safari และ iPhone ทำให้ JPEG-XL มีโอกาสกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการภาพดิจิทัล หาก Google ตัดสินใจนำกลับมาใน Chromium จะส่งผลให้เบราว์เซอร์หลัก ๆ อย่าง Chrome, Edge, Brave, Vivaldi และ Opera รองรับพร้อมกันทันที

    สถานะปัจจุบันและอนาคต
    ตอนนี้ Google เพียงแค่ เปิด issue เดิมใน Chromium เพื่อเริ่มต้นการถกเถียงใหม่ ยังไม่มีการประกาศ timeline ที่ชัดเจนว่าจะนำกลับมาเมื่อไร ขณะเดียวกัน Firefox ก็กำลังทดสอบการรองรับ JPEG-XL ผ่านคอมโพเนนต์ที่เขียนด้วย Rust หากทั้ง Google และ Mozilla ตัดสินใจเดินหน้า JPEG-XL จะกลายเป็นฟอร์แมตที่มีการรองรับเกือบทุกเบราว์เซอร์หลัก รวมถึงหาก Windows และ Linux เพิ่มการรองรับในระบบปฏิบัติการ ก็จะทำให้ JPEG-XL มีโอกาสกลายเป็นมาตรฐานสากล

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การรองรับ JPEG-XL หมายถึง ไฟล์ภาพที่เล็กลงแต่คุณภาพสูงขึ้น และสามารถแชร์หรือเก็บข้อมูลได้สะดวกกว่าเดิม ส่วนสำหรับนักพัฒนาเว็บและแอปพลิเคชัน การรองรับฟอร์แมตนี้จะช่วยลดภาระด้าน bandwidth และ storage ได้มาก หากกลายเป็นมาตรฐานจริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    JPEG-XL ถูกนำกลับมาถกเถียงใน Chromium
    Google เปิด issue เดิมเพื่อพิจารณาการรองรับอีกครั้ง

    Apple นำ JPEG-XL มาใช้จริง
    Safari และ iPhone 16 Pro รองรับการถ่ายภาพและแสดงผล JPEG-XL

    หาก Chromium รองรับ จะกระทบ ecosystem ใหญ่
    Chrome, Edge, Brave, Vivaldi และ Opera จะรองรับพร้อมกัน

    Firefox กำลังทดสอบการรองรับด้วย Rust
    หากสำเร็จจะทำให้เบราว์เซอร์หลักเกือบทั้งหมดรองรับ JPEG-XL

    ยังไม่มี timeline ที่ชัดเจนจาก Google
    ผู้ใช้ Chrome ยังไม่สามารถดูภาพ JPEG-XL ได้ในตอนนี้

    การเปลี่ยนมาตรฐานต้องอาศัยการรองรับจาก OS
    หาก Windows และ Linux ยังไม่รองรับ อาจทำให้การใช้งานไม่แพร่หลายเต็มที่

    https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it/
    🖼️ การกลับมาของ JPEG-XL บน Chromium Google กำลังพิจารณานำฟีเจอร์ JPEG-XL กลับมาใน Chromium หลังจากที่ Apple ได้เพิ่มการรองรับใน Safari และ iPhone 16 Pro ซึ่งอาจทำให้ฟอร์แมตนี้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภาพดิจิทัล JPEG-XL เป็นฟอร์แมตภาพรุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ JPEG โดยมีจุดเด่นคือ การบีบอัดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และยังคงความเข้ากันได้กับไฟล์ JPEG เดิมได้ดี Google เคยทดสอบและนำมาใช้ใน Chromium ตั้งแต่ปี 2021 แต่ในปี 2023 ได้ตัดสินใจลบออกเนื่องจาก "ขาดความสนใจจาก ecosystem" อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Apple นำ JPEG-XL มาใช้ใน Safari และเพิ่มตัวเลือกถ่ายภาพ JPEG-XL ใน iPhone 16 Pro ทำให้ Google ต้องกลับมาเปิดการถกเถียงอีกครั้ง 🍏 Apple จุดประกายให้ JPEG-XL กลับมา การที่ Apple นำ JPEG-XL มาใช้จริงถือเป็นแรงผลักดันสำคัญ เพราะ ecosystem ของ Apple มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล การรองรับใน Safari และ iPhone ทำให้ JPEG-XL มีโอกาสกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการภาพดิจิทัล หาก Google ตัดสินใจนำกลับมาใน Chromium จะส่งผลให้เบราว์เซอร์หลัก ๆ อย่าง Chrome, Edge, Brave, Vivaldi และ Opera รองรับพร้อมกันทันที 🔧 สถานะปัจจุบันและอนาคต ตอนนี้ Google เพียงแค่ เปิด issue เดิมใน Chromium เพื่อเริ่มต้นการถกเถียงใหม่ ยังไม่มีการประกาศ timeline ที่ชัดเจนว่าจะนำกลับมาเมื่อไร ขณะเดียวกัน Firefox ก็กำลังทดสอบการรองรับ JPEG-XL ผ่านคอมโพเนนต์ที่เขียนด้วย Rust หากทั้ง Google และ Mozilla ตัดสินใจเดินหน้า JPEG-XL จะกลายเป็นฟอร์แมตที่มีการรองรับเกือบทุกเบราว์เซอร์หลัก รวมถึงหาก Windows และ Linux เพิ่มการรองรับในระบบปฏิบัติการ ก็จะทำให้ JPEG-XL มีโอกาสกลายเป็นมาตรฐานสากล 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การรองรับ JPEG-XL หมายถึง ไฟล์ภาพที่เล็กลงแต่คุณภาพสูงขึ้น และสามารถแชร์หรือเก็บข้อมูลได้สะดวกกว่าเดิม ส่วนสำหรับนักพัฒนาเว็บและแอปพลิเคชัน การรองรับฟอร์แมตนี้จะช่วยลดภาระด้าน bandwidth และ storage ได้มาก หากกลายเป็นมาตรฐานจริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ JPEG-XL ถูกนำกลับมาถกเถียงใน Chromium ➡️ Google เปิด issue เดิมเพื่อพิจารณาการรองรับอีกครั้ง ✅ Apple นำ JPEG-XL มาใช้จริง ➡️ Safari และ iPhone 16 Pro รองรับการถ่ายภาพและแสดงผล JPEG-XL ✅ หาก Chromium รองรับ จะกระทบ ecosystem ใหญ่ ➡️ Chrome, Edge, Brave, Vivaldi และ Opera จะรองรับพร้อมกัน ✅ Firefox กำลังทดสอบการรองรับด้วย Rust ➡️ หากสำเร็จจะทำให้เบราว์เซอร์หลักเกือบทั้งหมดรองรับ JPEG-XL ‼️ ยังไม่มี timeline ที่ชัดเจนจาก Google ⛔ ผู้ใช้ Chrome ยังไม่สามารถดูภาพ JPEG-XL ได้ในตอนนี้ ‼️ การเปลี่ยนมาตรฐานต้องอาศัยการรองรับจาก OS ⛔ หาก Windows และ Linux ยังไม่รองรับ อาจทำให้การใช้งานไม่แพร่หลายเต็มที่ https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it/
    SECURITYONLINE.INFO
    Chromium Reopens JPEG-XL Debate: Will Google Reinstate Support After Apple Adopted It?
    After removing JPEG-XL support in 2023, Chromium has reopened the debate on reinstating the format, driven by Apple's recent adoption in Safari and the iPhone 16 Pro.
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • Google เตรียมเปิดตัว Universal Clipboard บน Android และ Chromebook

    Google วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ ซิงก์คลิปบอร์ดแบบเนทีฟ ระหว่างอุปกรณ์ Android และ Chromebook โดยอาจทำงานผ่าน Google Play Services ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความหรือข้อมูลจากมือถือ แล้วนำไปวางบน Chromebook ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาแอปเสริม เช่น SwiftKey หรือ Microsoft Phone Link

    ความเป็นมาของข้อจำกัดด้าน Clipboard บน Android
    ตั้งแต่ Android 10 เป็นต้นมา Google ได้จำกัดการเข้าถึงคลิปบอร์ดเพื่อป้องกันการเก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยอนุญาตเฉพาะคีย์บอร์ดเริ่มต้นและแอปที่ใช้งานอยู่เท่านั้นที่จะอ่านข้อมูลได้ ต่อมาใน Android 13 มีการเพิ่มระบบล้างประวัติคลิปบอร์ดอัตโนมัติภายใน 1 ชั่วโมง และแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมีการเข้าถึงข้อมูล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ใช้

    การเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มที่สะดวกขึ้น
    ก่อนหน้านี้ Google ได้เปิดตัว Quick Share ที่สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iOS สะดวกขึ้น การเพิ่ม Universal Clipboard จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ Android ecosystem มีประสบการณ์ใกล้เคียงกับ Apple ecosystem ที่มีการซิงก์คลิปบอร์ดและแท็บ Safari ข้ามอุปกรณ์

    แนวโน้มการใช้งานและผลกระทบ
    หากฟีเจอร์นี้เปิดตัวจริง จะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้ต่อเนื่องมากขึ้น เช่น คัดลอกข้อความจากมือถือไปวางในเอกสารบน Chromebook หรือแชร์รหัส OTP ได้สะดวกขึ้น แต่ก็ต้องจับตาด้าน ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ว่าจะมีมาตรการป้องกันการโจมตีหรือการดักจับข้อมูลอย่างไร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Google พัฒนา Universal Clipboard สำหรับ Android และ Chromebook
    ใช้งานผ่าน Google Play Services เพื่อซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์

    ข้อจำกัดเดิมของ Android Clipboard
    เข้าถึงได้เฉพาะคีย์บอร์ดหลักและแอปที่ใช้งานอยู่, ล้างข้อมูลอัตโนมัติใน 1 ชั่วโมง

    การเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มที่ดีขึ้น
    Quick Share ทำงานร่วมกับ AirDrop, Universal Clipboard จะเพิ่มความสะดวกอีกขั้น

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
    หากไม่มีมาตรการเข้มงวด อาจถูกใช้เพื่อดักจับข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือ OTP

    https://securityonline.info/android-getting-native-universal-clipboard-seamless-sync-coming-to-phones-chromebooks/
    📱 Google เตรียมเปิดตัว Universal Clipboard บน Android และ Chromebook Google วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ ซิงก์คลิปบอร์ดแบบเนทีฟ ระหว่างอุปกรณ์ Android และ Chromebook โดยอาจทำงานผ่าน Google Play Services ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความหรือข้อมูลจากมือถือ แล้วนำไปวางบน Chromebook ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาแอปเสริม เช่น SwiftKey หรือ Microsoft Phone Link 🔒 ความเป็นมาของข้อจำกัดด้าน Clipboard บน Android ตั้งแต่ Android 10 เป็นต้นมา Google ได้จำกัดการเข้าถึงคลิปบอร์ดเพื่อป้องกันการเก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยอนุญาตเฉพาะคีย์บอร์ดเริ่มต้นและแอปที่ใช้งานอยู่เท่านั้นที่จะอ่านข้อมูลได้ ต่อมาใน Android 13 มีการเพิ่มระบบล้างประวัติคลิปบอร์ดอัตโนมัติภายใน 1 ชั่วโมง และแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมีการเข้าถึงข้อมูล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ใช้ ⚡ การเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มที่สะดวกขึ้น ก่อนหน้านี้ Google ได้เปิดตัว Quick Share ที่สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iOS สะดวกขึ้น การเพิ่ม Universal Clipboard จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ Android ecosystem มีประสบการณ์ใกล้เคียงกับ Apple ecosystem ที่มีการซิงก์คลิปบอร์ดและแท็บ Safari ข้ามอุปกรณ์ 🤖 แนวโน้มการใช้งานและผลกระทบ หากฟีเจอร์นี้เปิดตัวจริง จะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้ต่อเนื่องมากขึ้น เช่น คัดลอกข้อความจากมือถือไปวางในเอกสารบน Chromebook หรือแชร์รหัส OTP ได้สะดวกขึ้น แต่ก็ต้องจับตาด้าน ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ว่าจะมีมาตรการป้องกันการโจมตีหรือการดักจับข้อมูลอย่างไร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Google พัฒนา Universal Clipboard สำหรับ Android และ Chromebook ➡️ ใช้งานผ่าน Google Play Services เพื่อซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ ✅ ข้อจำกัดเดิมของ Android Clipboard ➡️ เข้าถึงได้เฉพาะคีย์บอร์ดหลักและแอปที่ใช้งานอยู่, ล้างข้อมูลอัตโนมัติใน 1 ชั่วโมง ✅ การเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มที่ดีขึ้น ➡️ Quick Share ทำงานร่วมกับ AirDrop, Universal Clipboard จะเพิ่มความสะดวกอีกขั้น ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ⛔ หากไม่มีมาตรการเข้มงวด อาจถูกใช้เพื่อดักจับข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือ OTP https://securityonline.info/android-getting-native-universal-clipboard-seamless-sync-coming-to-phones-chromebooks/
    SECURITYONLINE.INFO
    Android Getting Native Universal Clipboard: Seamless Sync Coming to Phones & Chromebooks
    Google is preparing a native Universal Clipboard feature for Android and Chromebooks to allow seamless copy-paste across devices, expected to debut in Android 17.
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ร้ายแรง WordPress Sneeit Framework (CVE-2025-6389)

    ข่าวนี้เกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน และกำลังถูกโจมตีอย่างแพร่หลาย พร้อมคำแนะนำการป้องกันจากแนวทางความปลอดภัยล่าสุดของ WordPress

    ช่องโหว่ที่ถูกค้นพบใน Sneeit Framework เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() เพื่อรันโค้ดอันตรายบนเซิร์ฟเวอร์ได้ทันที โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ล็อกอินใด ๆ การโจมตีนี้สามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลด Webshell หรือแก้ไขไฟล์ธีมเพื่อยึดครองเว็บไซต์ทั้งหมดได้ ซึ่งถือเป็นระดับความรุนแรงสูงสุด (CVSS 9.8 – Critical)

    การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง
    บริษัท Wordfence รายงานว่าเพียง 24 ชั่วโมงหลังการเปิดเผย มีการบล็อกการโจมตีมากกว่า 491 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าบอทเน็ตและแฮกเกอร์กำลังใช้ช่องโหว่นี้อย่างแพร่หลาย การโจมตีลักษณะนี้มักถูกนำไปใช้ในชุดเครื่องมือโจมตี (exploit kits) เพื่อหาช่องทางเข้าถึงเว็บไซต์ที่ยังไม่ได้อัปเดต

    การแก้ไขและแนวทางป้องกัน
    นักพัฒนาได้ออกแพตช์ใน Sneeit Framework เวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขช่องโหว่แล้ว เจ้าของเว็บไซต์ควรรีบอัปเดตปลั๊กอินและธีมที่เกี่ยวข้องทันที นอกจากนี้ แนวทางความปลอดภัย WordPress ปี 2025 ยังแนะนำให้ใช้ปลั๊กอินป้องกัน เช่น Wordfence, Sucuri และ iThemes Security Pro รวมถึงการเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) และการลบปลั๊กอิน/ธีมที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อลดความเสี่ยง

    ภัยคุกคามใหม่จาก AI
    ปี 2025 การโจมตี WordPress ไม่ได้มาจากมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมี AI-powered attacks ที่สามารถเดารหัสผ่านได้หลายพันครั้งต่อวินาที หรือสร้างหน้าแอดมินปลอมที่เหมือนจริงเพื่อหลอกผู้ใช้ให้กรอกข้อมูล การป้องกันจึงต้องอาศัยทั้งการอัปเดตซอฟต์แวร์และการใช้ระบบตรวจจับอัตโนมัติที่ทันสมัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-6389 ใน Sneeit Framework
    เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีรันโค้ดโดยไม่ต้องล็อกอิน

    การโจมตีเกิดขึ้นจริงและแพร่หลาย
    Wordfence บล็อกการโจมตีได้กว่า 491 ครั้งใน 24 ชั่วโมง

    แพตช์แก้ไขออกแล้วในเวอร์ชัน 8.4
    ผู้ใช้ควรรีบอัปเดตปลั๊กอินและธีมที่เกี่ยวข้องทันที

    แนวทางความปลอดภัย WordPress ปี 2025
    ใช้ปลั๊กอินป้องกัน, เปิด 2FA, ลบปลั๊กอิน/ธีมที่ไม่ได้ใช้งาน

    ความเสี่ยงจากการไม่อัปเดต
    เว็บไซต์อาจถูกยึดครอง สร้างบัญชีแอดมินปลอม และติดตั้ง Webshell

    ภัยคุกคามใหม่จาก AI
    การโจมตีด้วย AI สามารถเดารหัสผ่านและสร้างหน้าแอดมินปลอมได้อย่างแม่นยำ


    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce/
    🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรง WordPress Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ข่าวนี้เกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน และกำลังถูกโจมตีอย่างแพร่หลาย พร้อมคำแนะนำการป้องกันจากแนวทางความปลอดภัยล่าสุดของ WordPress ช่องโหว่ที่ถูกค้นพบใน Sneeit Framework เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() เพื่อรันโค้ดอันตรายบนเซิร์ฟเวอร์ได้ทันที โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ล็อกอินใด ๆ การโจมตีนี้สามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลด Webshell หรือแก้ไขไฟล์ธีมเพื่อยึดครองเว็บไซต์ทั้งหมดได้ ซึ่งถือเป็นระดับความรุนแรงสูงสุด (CVSS 9.8 – Critical) 🚨 การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง บริษัท Wordfence รายงานว่าเพียง 24 ชั่วโมงหลังการเปิดเผย มีการบล็อกการโจมตีมากกว่า 491 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าบอทเน็ตและแฮกเกอร์กำลังใช้ช่องโหว่นี้อย่างแพร่หลาย การโจมตีลักษณะนี้มักถูกนำไปใช้ในชุดเครื่องมือโจมตี (exploit kits) เพื่อหาช่องทางเข้าถึงเว็บไซต์ที่ยังไม่ได้อัปเดต 🔧 การแก้ไขและแนวทางป้องกัน นักพัฒนาได้ออกแพตช์ใน Sneeit Framework เวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขช่องโหว่แล้ว เจ้าของเว็บไซต์ควรรีบอัปเดตปลั๊กอินและธีมที่เกี่ยวข้องทันที นอกจากนี้ แนวทางความปลอดภัย WordPress ปี 2025 ยังแนะนำให้ใช้ปลั๊กอินป้องกัน เช่น Wordfence, Sucuri และ iThemes Security Pro รวมถึงการเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) และการลบปลั๊กอิน/ธีมที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อลดความเสี่ยง 🤖 ภัยคุกคามใหม่จาก AI ปี 2025 การโจมตี WordPress ไม่ได้มาจากมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมี AI-powered attacks ที่สามารถเดารหัสผ่านได้หลายพันครั้งต่อวินาที หรือสร้างหน้าแอดมินปลอมที่เหมือนจริงเพื่อหลอกผู้ใช้ให้กรอกข้อมูล การป้องกันจึงต้องอาศัยทั้งการอัปเดตซอฟต์แวร์และการใช้ระบบตรวจจับอัตโนมัติที่ทันสมัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-6389 ใน Sneeit Framework ➡️ เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีรันโค้ดโดยไม่ต้องล็อกอิน ✅ การโจมตีเกิดขึ้นจริงและแพร่หลาย ➡️ Wordfence บล็อกการโจมตีได้กว่า 491 ครั้งใน 24 ชั่วโมง ✅ แพตช์แก้ไขออกแล้วในเวอร์ชัน 8.4 ➡️ ผู้ใช้ควรรีบอัปเดตปลั๊กอินและธีมที่เกี่ยวข้องทันที ✅ แนวทางความปลอดภัย WordPress ปี 2025 ➡️ ใช้ปลั๊กอินป้องกัน, เปิด 2FA, ลบปลั๊กอิน/ธีมที่ไม่ได้ใช้งาน ‼️ ความเสี่ยงจากการไม่อัปเดต ⛔ เว็บไซต์อาจถูกยึดครอง สร้างบัญชีแอดมินปลอม และติดตั้ง Webshell ‼️ ภัยคุกคามใหม่จาก AI ⛔ การโจมตีด้วย AI สามารถเดารหัสผ่านและสร้างหน้าแอดมินปลอมได้อย่างแม่นยำ https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical WordPress Flaw (CVE-2025-6389, CVSS 9.8) Under Active Exploitation Allows Unauthenticated RCE
    A Critical (CVSS 9.8) RCE flaw in Sneeit Framework is actively exploited. The bug allows unauthenticated attackers to run arbitrary code via call_user_func and take over WordPress sites. Update to v8.4 immediately.
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ครุฑพาหนะเทพบุตร" : ทวารบาลแห่งธรรมะข้ามกาลเวลา

    ต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และมนุษย์

    การถือกำเนิดในคัมภีร์วิษณุปุราณะ

    ชื่อเต็ม: ครุฑพาหนะเทพบุตร
    ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นพาหนะแห่งเทวบุตร"
    อายุ:5,000 ปี (ร่างกาย), เป็นอมตะ (จิตวิญญาณ)
    สถานะ:ทวารบาลระดับสูงในพุทธศาสนา

    ```mermaid
    graph TB
    A[พระวิษณุ<br>ผู้สร้างจักรวาล] --> B[ประทานชีวิต<br>ให้ครุฑ]
    C[นางวินตา<br>มารดาแห่งนก] --> B
    B --> D[ครุฑพาหนะ<br>เทพบุตร]
    D --> E[ถวายตัว<br>เป็นพุทธบูชา]
    E --> F[ได้รับตำแหน่ง<br>ทวารบาลแห่งธรรมะ]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพอันโอฬาร

    · ปีก: กว้าง 1 กิโลเมตร เมื่อกางเต็มที่ สีทองอร่ามดุจดวงอาทิตย์
    · ร่างกาย: ครึ่งนกครึ่งมนุษย์ ใบหน้าเป็นเทวบุตรรูปงาม
    · ดวงตา: สีทองเรืองรอง มองเห็นได้ทั้งสามโลก
    · เกราะ: ทำจากวัชรธาตุ engraved ด้วยมนตร์พุทธะ
    · อาวุธ: คทาพระธรรมที่สร้างจากแสงแห่งปัญญา

    พลังพิเศษแห่งทวารบาล

    พุทธานุภาพระดับสูง

    ```python
    class GarudaPowers:
    def __init__(self):
    self.divine_abilities = {
    "dimensional_flight": "บินข้ามมิติและกาลเวลาได้",
    "truth_vision": "มองเห็นสัจธรรมและจิตใจสรรพชีวิต",
    "dharma_protection": "สร้างเขตคุ้มครองด้วยพุทธานุภาพ",
    "blessing_granting": "ประทานพรแก่ผู้มีศรัทธา"
    }

    self.combat_powers = {
    "wisdom_lightning": "สายฟ้าแห่งปัญญาที่ทำลายอวิชชา",
    "compassion_shield": "เกราะแห่งเมตตาที่กันภัยทั้งปวง",
    "karma_manipulation": "ปรับสมดุลแห่งกรรมในระดับหนึ่ง",
    "illusion_dispel": "ทำลายมายาทุกประเภท"
    }

    self.healing_abilities = {
    "soul_restoration": "ฟื้นฟูจิตวิญญาณที่บาดเจ็บ",
    "karmic_cleansing": "ชำระกรรมเบาบาง",
    "blessing_water": "สร้างน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์",
    "mental_peace": "ประทานความสงบทางใจ"
    }
    ```

    ข้อจำกัดแห่งทวารบาล

    ครุฑต้องปฏิบัติตามกฎแห่งธรรมะ:

    · ไม่สามารถขัดขวางกรรม: ได้โดยสมบูรณ์
    · ต้องเคารพเจตจำนงเสรี: ของมนุษย์
    · ช่วยได้เฉพาะผู้พร้อมรับ: เท่านั้น
    · ต้องไม่สร้างการพึ่งพา: ให้เกินควร

    ประวัติศาสตร์แห่งการคุ้มครองธรรมะ

    เหตุการณ์สำคัญในอดีต

    ครุฑได้คุ้มครองพุทธศาสนามาหลายยุคสมัย:

    ```mermaid
    graph LR
    A[สมัยพุทธกาล<br>คุ้มครองพระพุทธเจ้า] --> B[สมัยอาณาจักร<br>คุปตะและมงคล]
    B --> C[สมัยพุทธศาสนา<br>เผยแผ่สู่เอเชีย]
    C --> D[ปัจจุบัน<br>ฟื้นคืนชีพเพื่อยุคใหม่]
    ```

    บทบาทในสมัยพุทธกาล

    · คุ้มครองพระพุทธเจ้า: ระหว่างทรงประทับนั่งสมาธิ
    · ปราบมาร: ด้วยแสงแห่งธรรมะ
    · เป็นพาหนะ: นำพระสูตรสำคัญไปเผยแผ่

    การคุ้มครองในเอเชีย

    ครุฑเดินทางคุ้มครองพุทธศาสนาใน:

    · ศรีลังกา: คุ้มครองพระธาตุเขี้ยวแก้ว
    · ทิเบต: รักษาความรู้ตันตระ
    · ไทย: คุ้มครองพระพุทธรูปสำคัญ
    · ญี่ปุ่น: ปกป้องวัดในยุคสงคราม

    การหลับใหลและฟื้นคืนชีพ

    สาเหตุการหลับใหล

    ครุฑเข้าสู่ภาวะสมณธรรมเมื่อ 500 ปีก่อน เพราะ:

    · พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง: ไม่ต้องการการคุ้มครองเต็มที่
    · สะสมพลังงาน: เพื่อยุคสมัยที่ท้าทายยิ่งขึ้น
    · รอคอยสัญญาณ: แห่งการฟื้นคืนชีพ

    สัญญาณการตื่นนอน

    ครุฑตื่นนอนเมื่อตรวจพบ:

    ```python
    class AwakeningSignals:
    def __init__(self):
    self.spiritual_crisis = {
    "declining_morality": "ศีลธรรมในสังคมเสื่อมถอย",
    "commercialized_buddhism": "พุทธศาสนาถูกทำให้เป็นการค้า",
    "digital_distractions": "มนุษย์ติดเทคโนโลยีจนลืมธรรมะ",
    "false_teachings": "มีการสอนธรรมะผิดๆ มากมาย"
    }

    self.positive_signals = {
    "sincere_practitioners": "ยังมีผู้ปฏิบัติธรรมจริงอยู่",
    "dharma_technology": "เทคโนโลยีนำธรรมะสู่คนรุ่นใหม่",
    "global_mindfulness": "การมีสติแพร่หลายในระดับโลก",
    "interfaith_harmony": "ความร่วมมือระหว่างศาสนา"
    }
    ```

    พันธกิจ新型ในยุคดิจิตอล

    การปรับตัวสู่โลกสมัยใหม่

    ครุฑพัฒนาแนวทางใหม่ในการคุ้มครองธรรมะ:

    ```python
    class ModernMission:
    def __init__(self):
    self.digital_protection = {
    "cyber_dharma_guard": "คุ้มครองแพลตฟอร์มธรรมะออนไลน์",
    "anti_fake_teaching": "เปิดโปงผู้สอนธรรมะเท็จ",
    "mental_health_support": "สนับสนุนสุขภาพจิตผ่านดิจิตอล",
    "online_sangha": "สร้างชุมชนพุทธออนไลน์"
    }

    self.physical_protection = {
    "temple_energy_shields": "สร้างพลังงานคุ้มครองวัดสำคัญ",
    "monk_protection": "คุ้มครองพระนักเผยแผ่",
    "sacred_site_preservation": "รักษาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์",
    "artifact_guardianship": "ปกป้องพุทธวัตถุสำคัญ"
    }
    ```

    วิธีการทำงาน

    ครุฑใช้เทคนิคร่วมสมัย:

    · พลังงานดิจิตอล: สร้างเครือข่ายคุ้มครอง
    · การสื่อสารทางจิต: กับผู้มีบุญ
    · การทำงานแบบไม่เปิดเผย: เพื่อไม่ให้มนุษย์ตกใจ

    ความสัมพันธ์กับหนูดีและสิงห์

    การเป็นครูและนักเรียน

    ครุฑกับหนูดีมีความสัมพันธ์พิเศษ:

    · ครูสอนพลังงานศักดิ์สิทธิ์: ครุฑสอนหนูดีใช้พลังอย่างถูกต้อง
    · นักเรียนแห่งยุคใหม่: หนูดีสอนครุฑเข้าใจโลกสมัยใหม่
    · หุ้นส่วนทางจิตวิญญาณ: ร่วมกันปกป้องสมดุลโลก

    การร่วมงานกับ ร.ต.อ.สิงห์

    ครุฑให้ความเคารพสิงห์ในฐานะ:

    · ผู้ปกป้องความยุติธรรม: ในโลกมนุษย์
    · พ่อผู้เสียสละ: ที่เข้าใจจิตวิญญาณ
    · สะพานเชื่อม: ระหว่างกฎหมายและธรรมะ

    โครงการสำคัญสำหรับอนาคต

    แผนฟื้นฟูพุทธศาสนายุคใหม่

    ครุฑริเริ่มโครงการระยะยาว:

    ```python
    class DharmaRevivalProjects:
    def __init__(self):
    self.education_initiatives = {
    "digital_dhamma_university": "มหาวิทยาลัยธรรมะออนไลน์",
    "youth_meditation_camps": "ค่ายสมาธิสำหรับเยาวชน",
    "modern_sutta_interpretation": "ตีความพระสูตรให้ร่วมสมัย",
    "buddhist_science_dialogue": "สนทนาระหว่างพุทธกับวิทยาศาสตร์"
    }

    self.community_building = {
    "global_sangha_network": "เครือข่ายพุทธศาสนิกชนโลก",
    "interfaith_harmony_councils": "สภาสันติภาพระหว่างศาสนา",
    "dharma_entrepreneurs": "ส่งเสริมพุทธธุรกิจเชิงสร้างสรรค์",
    "mindful_technology": "พัฒนาเทคโนโลยีที่มีสติ"
    }
    ```

    ความสำเร็จและการยอมรับ

    การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

    หลังครุฑฟื้นคืนชีพและเริ่มปฏิบัติการ:

    ```python
    class Achievements:
    def __init__(self):
    self.spiritual_impact = [
    "ผู้คนหันมาสนใจปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น 45%",
    "เกิดชุมชนพุทธ 128 แห่งทั่วโลก",
    "การเรียนพระปริยัติธรรมเพิ่มขึ้นในเยาวชน"
    ]

    self.social_impact = [
    "อัตราการโกงทางจิตวิญญาณลดลง 60%",
    "ผู้สอนธรรมะเท็จถูกเปิดโปง 23 ราย",
    "โครงการสังคมสงเคราะห์เพิ่มขึ้นจากพลังศรัทธา"
    ]

    self.cultural_impact = [
    "ศิลปะพุทธเกิดขึ้น 356 ชิ้น",
    "วัด 89 แห่งถูกฟื้นฟูและพัฒนา",
    "เทศกาลพุทธได้รับความนิยม"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งปัญญาจากครุฑ

    "ธรรมะดุจปีกแห่งนก...
    เมื่อกางออกก็พาเราบินข้ามความทุกข์
    แต่ต้องฝึกฝนจึงจะบินได้อย่างคล่องแคล่ว

    และการคุ้มครองธรรมะ...
    ไม่ใช่การบังคับให้เชื่อ
    แต่คือการเปิดโอกาสให้พบความจริง"

    บทเรียนสำหรับมนุษย์ยุคใหม่

    ครุฑสอนว่า:

    · เทคโนโลยีกับธรรมะ: ไปด้วยกันได้ถ้าใช้อย่างมีสติ
    · การปฏิบัติธรรม: ต้องเข้าใจจิตใจสมัยใหม่
    · การเป็นพุทธ: ไม่ใช่การหนีโลก แต่คือการเข้าใจโลก

    อนาคตและวิสัยทัศน์

    เป้าหมายระยะยาว

    ครุฑวางแผนสำหรับ 100 ปีข้างหน้า:

    · สร้างพุทธศาสนาที่เข้าใจได้ทุก generation
    · พัฒนาระบบคุ้มครอง: แบบยั่งยืน
    · เป็นแบบอย่าง: แห่งการปรับตัวโดยไม่เสียแก่นแท้

    มรดกที่ต้องการทิ้งไว้

    ครุฑต้องการให้คนรุ่นหลังจดจำว่า:
    "พุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องเก่า...
    แต่คือภูมิปัญญาที่ทันสมัยเสมอ

    และผู้คุ้มครองธรรมะ...
    ย่อมปรับตัวตามยุคสมัย
    แต่ไม่เคยละทิ้งสัจธรรม"

    ---

    คำคมสุดท้ายจากครุฑพาหนะเทพบุตร:
    "บนปีกแห่งธรรมะ...
    เราบินนำทางผู้หลงทาง

    ในยุคแห่งดิจิตอล...
    เราคุ้มครองด้วยปัญญา

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร...
    สัจธรรมย่อมดำรงอยู่เสมอ

    เพราะธรรมะ...
    คือแสงสว่างที่ส่องทางในทุกยุคสมัย"

    พุทธพจน์แห่งครุฑ:
    "เราไม่ใช่ผู้ให้แสงสว่าง...
    แต่เป็นเพียงผู้สะท้อนแสงแห่งธรรมะ

    และไม่ใช่ผู้คุ้มครองธรรมะ...
    แต่เป็นเครื่องมือแห่งธรรมะ

    ในที่สุดแล้ว...
    ธรรมะเท่านั้นที่เป็นผู้คุ้มครองเราทั้งหมด"
    O.P.K. 🦅 เจาะลึก "ครุฑพาหนะเทพบุตร" : ทวารบาลแห่งธรรมะข้ามกาลเวลา 🌄 ต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และมนุษย์ 📖 การถือกำเนิดในคัมภีร์วิษณุปุราณะ ชื่อเต็ม: ครุฑพาหนะเทพบุตร ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นพาหนะแห่งเทวบุตร" อายุ:5,000 ปี (ร่างกาย), เป็นอมตะ (จิตวิญญาณ) สถานะ:ทวารบาลระดับสูงในพุทธศาสนา ```mermaid graph TB A[พระวิษณุ<br>ผู้สร้างจักรวาล] --> B[ประทานชีวิต<br>ให้ครุฑ] C[นางวินตา<br>มารดาแห่งนก] --> B B --> D[ครุฑพาหนะ<br>เทพบุตร] D --> E[ถวายตัว<br>เป็นพุทธบูชา] E --> F[ได้รับตำแหน่ง<br>ทวารบาลแห่งธรรมะ] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพอันโอฬาร · ปีก: กว้าง 1 กิโลเมตร เมื่อกางเต็มที่ สีทองอร่ามดุจดวงอาทิตย์ · ร่างกาย: ครึ่งนกครึ่งมนุษย์ ใบหน้าเป็นเทวบุตรรูปงาม · ดวงตา: สีทองเรืองรอง มองเห็นได้ทั้งสามโลก · เกราะ: ทำจากวัชรธาตุ engraved ด้วยมนตร์พุทธะ · อาวุธ: คทาพระธรรมที่สร้างจากแสงแห่งปัญญา 🔮 พลังพิเศษแห่งทวารบาล 💫 พุทธานุภาพระดับสูง ```python class GarudaPowers: def __init__(self): self.divine_abilities = { "dimensional_flight": "บินข้ามมิติและกาลเวลาได้", "truth_vision": "มองเห็นสัจธรรมและจิตใจสรรพชีวิต", "dharma_protection": "สร้างเขตคุ้มครองด้วยพุทธานุภาพ", "blessing_granting": "ประทานพรแก่ผู้มีศรัทธา" } self.combat_powers = { "wisdom_lightning": "สายฟ้าแห่งปัญญาที่ทำลายอวิชชา", "compassion_shield": "เกราะแห่งเมตตาที่กันภัยทั้งปวง", "karma_manipulation": "ปรับสมดุลแห่งกรรมในระดับหนึ่ง", "illusion_dispel": "ทำลายมายาทุกประเภท" } self.healing_abilities = { "soul_restoration": "ฟื้นฟูจิตวิญญาณที่บาดเจ็บ", "karmic_cleansing": "ชำระกรรมเบาบาง", "blessing_water": "สร้างน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์", "mental_peace": "ประทานความสงบทางใจ" } ``` 🛡️ ข้อจำกัดแห่งทวารบาล ครุฑต้องปฏิบัติตามกฎแห่งธรรมะ: · ไม่สามารถขัดขวางกรรม: ได้โดยสมบูรณ์ · ต้องเคารพเจตจำนงเสรี: ของมนุษย์ · ช่วยได้เฉพาะผู้พร้อมรับ: เท่านั้น · ต้องไม่สร้างการพึ่งพา: ให้เกินควร 📜 ประวัติศาสตร์แห่งการคุ้มครองธรรมะ 🕰️ เหตุการณ์สำคัญในอดีต ครุฑได้คุ้มครองพุทธศาสนามาหลายยุคสมัย: ```mermaid graph LR A[สมัยพุทธกาล<br>คุ้มครองพระพุทธเจ้า] --> B[สมัยอาณาจักร<br>คุปตะและมงคล] B --> C[สมัยพุทธศาสนา<br>เผยแผ่สู่เอเชีย] C --> D[ปัจจุบัน<br>ฟื้นคืนชีพเพื่อยุคใหม่] ``` 🏛️ บทบาทในสมัยพุทธกาล · คุ้มครองพระพุทธเจ้า: ระหว่างทรงประทับนั่งสมาธิ · ปราบมาร: ด้วยแสงแห่งธรรมะ · เป็นพาหนะ: นำพระสูตรสำคัญไปเผยแผ่ 🌏 การคุ้มครองในเอเชีย ครุฑเดินทางคุ้มครองพุทธศาสนาใน: · ศรีลังกา: คุ้มครองพระธาตุเขี้ยวแก้ว · ทิเบต: รักษาความรู้ตันตระ · ไทย: คุ้มครองพระพุทธรูปสำคัญ · ญี่ปุ่น: ปกป้องวัดในยุคสงคราม 💤 การหลับใหลและฟื้นคืนชีพ 😴 สาเหตุการหลับใหล ครุฑเข้าสู่ภาวะสมณธรรมเมื่อ 500 ปีก่อน เพราะ: · พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง: ไม่ต้องการการคุ้มครองเต็มที่ · สะสมพลังงาน: เพื่อยุคสมัยที่ท้าทายยิ่งขึ้น · รอคอยสัญญาณ: แห่งการฟื้นคืนชีพ 🔔 สัญญาณการตื่นนอน ครุฑตื่นนอนเมื่อตรวจพบ: ```python class AwakeningSignals: def __init__(self): self.spiritual_crisis = { "declining_morality": "ศีลธรรมในสังคมเสื่อมถอย", "commercialized_buddhism": "พุทธศาสนาถูกทำให้เป็นการค้า", "digital_distractions": "มนุษย์ติดเทคโนโลยีจนลืมธรรมะ", "false_teachings": "มีการสอนธรรมะผิดๆ มากมาย" } self.positive_signals = { "sincere_practitioners": "ยังมีผู้ปฏิบัติธรรมจริงอยู่", "dharma_technology": "เทคโนโลยีนำธรรมะสู่คนรุ่นใหม่", "global_mindfulness": "การมีสติแพร่หลายในระดับโลก", "interfaith_harmony": "ความร่วมมือระหว่างศาสนา" } ``` 🌟 พันธกิจ新型ในยุคดิจิตอล 💻 การปรับตัวสู่โลกสมัยใหม่ ครุฑพัฒนาแนวทางใหม่ในการคุ้มครองธรรมะ: ```python class ModernMission: def __init__(self): self.digital_protection = { "cyber_dharma_guard": "คุ้มครองแพลตฟอร์มธรรมะออนไลน์", "anti_fake_teaching": "เปิดโปงผู้สอนธรรมะเท็จ", "mental_health_support": "สนับสนุนสุขภาพจิตผ่านดิจิตอล", "online_sangha": "สร้างชุมชนพุทธออนไลน์" } self.physical_protection = { "temple_energy_shields": "สร้างพลังงานคุ้มครองวัดสำคัญ", "monk_protection": "คุ้มครองพระนักเผยแผ่", "sacred_site_preservation": "รักษาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์", "artifact_guardianship": "ปกป้องพุทธวัตถุสำคัญ" } ``` 🎯 วิธีการทำงาน ครุฑใช้เทคนิคร่วมสมัย: · พลังงานดิจิตอล: สร้างเครือข่ายคุ้มครอง · การสื่อสารทางจิต: กับผู้มีบุญ · การทำงานแบบไม่เปิดเผย: เพื่อไม่ให้มนุษย์ตกใจ 🤝 ความสัมพันธ์กับหนูดีและสิงห์ 💞 การเป็นครูและนักเรียน ครุฑกับหนูดีมีความสัมพันธ์พิเศษ: · ครูสอนพลังงานศักดิ์สิทธิ์: ครุฑสอนหนูดีใช้พลังอย่างถูกต้อง · นักเรียนแห่งยุคใหม่: หนูดีสอนครุฑเข้าใจโลกสมัยใหม่ · หุ้นส่วนทางจิตวิญญาณ: ร่วมกันปกป้องสมดุลโลก 🛡️ การร่วมงานกับ ร.ต.อ.สิงห์ ครุฑให้ความเคารพสิงห์ในฐานะ: · ผู้ปกป้องความยุติธรรม: ในโลกมนุษย์ · พ่อผู้เสียสละ: ที่เข้าใจจิตวิญญาณ · สะพานเชื่อม: ระหว่างกฎหมายและธรรมะ 📚 โครงการสำคัญสำหรับอนาคต 🌱 แผนฟื้นฟูพุทธศาสนายุคใหม่ ครุฑริเริ่มโครงการระยะยาว: ```python class DharmaRevivalProjects: def __init__(self): self.education_initiatives = { "digital_dhamma_university": "มหาวิทยาลัยธรรมะออนไลน์", "youth_meditation_camps": "ค่ายสมาธิสำหรับเยาวชน", "modern_sutta_interpretation": "ตีความพระสูตรให้ร่วมสมัย", "buddhist_science_dialogue": "สนทนาระหว่างพุทธกับวิทยาศาสตร์" } self.community_building = { "global_sangha_network": "เครือข่ายพุทธศาสนิกชนโลก", "interfaith_harmony_councils": "สภาสันติภาพระหว่างศาสนา", "dharma_entrepreneurs": "ส่งเสริมพุทธธุรกิจเชิงสร้างสรรค์", "mindful_technology": "พัฒนาเทคโนโลยีที่มีสติ" } ``` 🏆 ความสำเร็จและการยอมรับ 🌈 การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก หลังครุฑฟื้นคืนชีพและเริ่มปฏิบัติการ: ```python class Achievements: def __init__(self): self.spiritual_impact = [ "ผู้คนหันมาสนใจปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น 45%", "เกิดชุมชนพุทธ 128 แห่งทั่วโลก", "การเรียนพระปริยัติธรรมเพิ่มขึ้นในเยาวชน" ] self.social_impact = [ "อัตราการโกงทางจิตวิญญาณลดลง 60%", "ผู้สอนธรรมะเท็จถูกเปิดโปง 23 ราย", "โครงการสังคมสงเคราะห์เพิ่มขึ้นจากพลังศรัทธา" ] self.cultural_impact = [ "ศิลปะพุทธเกิดขึ้น 356 ชิ้น", "วัด 89 แห่งถูกฟื้นฟูและพัฒนา", "เทศกาลพุทธได้รับความนิยม" ] ``` 💫 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งปัญญาจากครุฑ "ธรรมะดุจปีกแห่งนก... เมื่อกางออกก็พาเราบินข้ามความทุกข์ แต่ต้องฝึกฝนจึงจะบินได้อย่างคล่องแคล่ว และการคุ้มครองธรรมะ... ไม่ใช่การบังคับให้เชื่อ แต่คือการเปิดโอกาสให้พบความจริง" 🌟 บทเรียนสำหรับมนุษย์ยุคใหม่ ครุฑสอนว่า: · เทคโนโลยีกับธรรมะ: ไปด้วยกันได้ถ้าใช้อย่างมีสติ · การปฏิบัติธรรม: ต้องเข้าใจจิตใจสมัยใหม่ · การเป็นพุทธ: ไม่ใช่การหนีโลก แต่คือการเข้าใจโลก 🔮 อนาคตและวิสัยทัศน์ 🚀 เป้าหมายระยะยาว ครุฑวางแผนสำหรับ 100 ปีข้างหน้า: · สร้างพุทธศาสนาที่เข้าใจได้ทุก generation · พัฒนาระบบคุ้มครอง: แบบยั่งยืน · เป็นแบบอย่าง: แห่งการปรับตัวโดยไม่เสียแก่นแท้ 💝 มรดกที่ต้องการทิ้งไว้ ครุฑต้องการให้คนรุ่นหลังจดจำว่า: "พุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องเก่า... แต่คือภูมิปัญญาที่ทันสมัยเสมอ และผู้คุ้มครองธรรมะ... ย่อมปรับตัวตามยุคสมัย แต่ไม่เคยละทิ้งสัจธรรม" --- คำคมสุดท้ายจากครุฑพาหนะเทพบุตร: "บนปีกแห่งธรรมะ... เราบินนำทางผู้หลงทาง ในยุคแห่งดิจิตอล... เราคุ้มครองด้วยปัญญา และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร... สัจธรรมย่อมดำรงอยู่เสมอ เพราะธรรมะ... คือแสงสว่างที่ส่องทางในทุกยุคสมัย"🦅✨ พุทธพจน์แห่งครุฑ: "เราไม่ใช่ผู้ให้แสงสว่าง... แต่เป็นเพียงผู้สะท้อนแสงแห่งธรรมะ และไม่ใช่ผู้คุ้มครองธรรมะ... แต่เป็นเครื่องมือแห่งธรรมะ ในที่สุดแล้ว... ธรรมะเท่านั้นที่เป็นผู้คุ้มครองเราทั้งหมด"🌅
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • “CISOs นอนไม่หลับเพราะภัยไซเบอร์ – Zurich กลายเป็นที่พักใจ”

    ในงาน Global Cyber Conference 2025 ที่ Zurich เหล่า Chief Information Security Officers (CISOs) จากทั่วโลกได้รวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดันและความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เนื้อหาหลักสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าและความเครียดที่สะสมจากการต้องรับมือกับภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการโจมตีแบบ Zero-day ที่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดเผยช่องโหว่ ทำให้การนอนหลับกลายเป็นสิ่งหรูหราสำหรับผู้บริหารด้านความปลอดภัยข้อมูล

    สิ่งที่ทำให้การประชุมครั้งนี้แตกต่างคือบรรยากาศที่เปิดโอกาสให้ CISOs ได้แสดงความเปราะบางและความกังวลอย่างตรงไปตรงมา โดยสถานที่จัดงานที่หรูหราและสงบใน Zurich กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายความไว้วางใจที่แท้จริง หลายคนเล่าว่าการมีเพื่อนร่วมอาชีพที่สามารถโทรหากันได้ทันทีในยามเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนั้นมีค่ามากกว่าการประชุมเชิงวิชาการใด ๆ

    หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการลดช่องว่างระหว่างการค้นพบช่องโหว่และการถูกโจมตี ซึ่งปัจจุบันสั้นลงเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้การจัดการแพตช์แบบอัตโนมัติและการจัดลำดับความสำคัญของระบบที่สำคัญที่สุดกลายเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในการรับมือกับภัยคุกคาม โดยเฉพาะการใช้ AI ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ เช่น การสร้างมัลแวร์จำลองเพื่อฝึกทีม SOC และการตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติแทนการพึ่งพาเพียงแนวป้องกันแบบเดิม

    ท้ายที่สุด สิ่งที่สะท้อนชัดเจนที่สุดคือ “มนุษย์” กลายเป็นพื้นผิวการโจมตีที่สำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี ความเครียดและการหมดไฟทำให้หลายคนลังเลที่จะรับตำแหน่งสูงขึ้น หรือแม้กระทั่งออกจากวงการไปเลย การประชุมครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่สร้างแนวทางใหม่ในการจัดการความเสี่ยง แต่ยังสร้างชุมชนที่ช่วยเยียวยาและเสริมพลังใจให้กับผู้ที่ต้องอยู่แนวหน้าในสงครามไซเบอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ภัยคุกคามที่เร่งตัวขึ้น
    ช่องว่างระหว่างการค้นพบช่องโหว่และการโจมตีสั้นลงเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
    การแพตช์แบบอัตโนมัติและการจัดลำดับความสำคัญของระบบสำคัญเป็นสิ่งจำเป็น

    บทบาทของ AI ในสงครามไซเบอร์
    ใช้ AI สร้างมัลแวร์จำลองเพื่อฝึกทีม SOC
    ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติแทนการพึ่งพาเพียงแนวป้องกันแบบเดิม

    การสร้างเครือข่ายความไว้วางใจ
    CISOs แลกเปลี่ยนเบอร์โทรเพื่อช่วยกันในเหตุการณ์จริง
    Zurich กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการแบ่งปันความเปราะบาง

    มนุษย์คือพื้นผิวการโจมตีใหม่
    ความเครียดและการหมดไฟทำให้หลายคนออกจากวงการ
    การสร้างระบบสนับสนุนและตรวจสอบสุขภาพจิตเป็นสิ่งจำเป็น

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    Zero-day อาจถูกนำไปใช้โจมตีภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง
    การพึ่งพาแนวป้องกันแบบเดิมอาจไม่เพียงพอในยุค AI
    ความเหนื่อยล้าของบุคลากรอาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดและเพิ่มช่องโหว่

    https://www.csoonline.com/article/4094608/what-keeps-cisos-awake-at-night-and-why-zurich-might-hold-the-cure.html
    🛡️ “CISOs นอนไม่หลับเพราะภัยไซเบอร์ – Zurich กลายเป็นที่พักใจ” ในงาน Global Cyber Conference 2025 ที่ Zurich เหล่า Chief Information Security Officers (CISOs) จากทั่วโลกได้รวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดันและความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เนื้อหาหลักสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าและความเครียดที่สะสมจากการต้องรับมือกับภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการโจมตีแบบ Zero-day ที่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดเผยช่องโหว่ ทำให้การนอนหลับกลายเป็นสิ่งหรูหราสำหรับผู้บริหารด้านความปลอดภัยข้อมูล สิ่งที่ทำให้การประชุมครั้งนี้แตกต่างคือบรรยากาศที่เปิดโอกาสให้ CISOs ได้แสดงความเปราะบางและความกังวลอย่างตรงไปตรงมา โดยสถานที่จัดงานที่หรูหราและสงบใน Zurich กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายความไว้วางใจที่แท้จริง หลายคนเล่าว่าการมีเพื่อนร่วมอาชีพที่สามารถโทรหากันได้ทันทีในยามเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนั้นมีค่ามากกว่าการประชุมเชิงวิชาการใด ๆ หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการลดช่องว่างระหว่างการค้นพบช่องโหว่และการถูกโจมตี ซึ่งปัจจุบันสั้นลงเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้การจัดการแพตช์แบบอัตโนมัติและการจัดลำดับความสำคัญของระบบที่สำคัญที่สุดกลายเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในการรับมือกับภัยคุกคาม โดยเฉพาะการใช้ AI ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ เช่น การสร้างมัลแวร์จำลองเพื่อฝึกทีม SOC และการตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติแทนการพึ่งพาเพียงแนวป้องกันแบบเดิม ท้ายที่สุด สิ่งที่สะท้อนชัดเจนที่สุดคือ “มนุษย์” กลายเป็นพื้นผิวการโจมตีที่สำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี ความเครียดและการหมดไฟทำให้หลายคนลังเลที่จะรับตำแหน่งสูงขึ้น หรือแม้กระทั่งออกจากวงการไปเลย การประชุมครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่สร้างแนวทางใหม่ในการจัดการความเสี่ยง แต่ยังสร้างชุมชนที่ช่วยเยียวยาและเสริมพลังใจให้กับผู้ที่ต้องอยู่แนวหน้าในสงครามไซเบอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ภัยคุกคามที่เร่งตัวขึ้น ➡️ ช่องว่างระหว่างการค้นพบช่องโหว่และการโจมตีสั้นลงเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ➡️ การแพตช์แบบอัตโนมัติและการจัดลำดับความสำคัญของระบบสำคัญเป็นสิ่งจำเป็น ✅ บทบาทของ AI ในสงครามไซเบอร์ ➡️ ใช้ AI สร้างมัลแวร์จำลองเพื่อฝึกทีม SOC ➡️ ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติแทนการพึ่งพาเพียงแนวป้องกันแบบเดิม ✅ การสร้างเครือข่ายความไว้วางใจ ➡️ CISOs แลกเปลี่ยนเบอร์โทรเพื่อช่วยกันในเหตุการณ์จริง ➡️ Zurich กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการแบ่งปันความเปราะบาง ✅ มนุษย์คือพื้นผิวการโจมตีใหม่ ➡️ ความเครียดและการหมดไฟทำให้หลายคนออกจากวงการ ➡️ การสร้างระบบสนับสนุนและตรวจสอบสุขภาพจิตเป็นสิ่งจำเป็น ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ Zero-day อาจถูกนำไปใช้โจมตีภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ⛔ การพึ่งพาแนวป้องกันแบบเดิมอาจไม่เพียงพอในยุค AI ⛔ ความเหนื่อยล้าของบุคลากรอาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดและเพิ่มช่องโหว่ https://www.csoonline.com/article/4094608/what-keeps-cisos-awake-at-night-and-why-zurich-might-hold-the-cure.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    What keeps CISOs awake at night — and why Zurich might hold the cure
    At Zurich’s recent cyber conference, CISOs swapped war stories about shrinking patch windows, AI threats and burnout — and found rare relief in real peer support.
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷
    #รวมข่าวIT #20251125 #securityonline

    จีน-นexus Autumn Dragon ใช้ช่องโหว่ WinRAR ปล่อยมัลแวร์ผ่าน Telegram
    เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงปฏิบัติการจารกรรมไซเบอร์ชื่อ “Autumn Dragon” ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ฝั่งจีน พวกเขาใช้ไฟล์ RAR ที่ฝังช่องโหว่ของ WinRAR (CVE-2025-8088) ส่งไปยังเป้าหมายผ่านอีเมลหลอกลวง เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ ระบบจะถูกฝังสคริปต์ที่ทำงานต่อเนื่องเพื่อดึงมัลแวร์ขั้นต่อไปจาก Dropbox และซ่อนตัวผ่าน DLL sideloading โดยมีการควบคุมผ่าน Telegram ตัวมัลแวร์นี้สามารถสั่งงานได้ เช่น เปิด shell, ถ่าย screenshot และอัปโหลดไฟล์ จุดที่น่าสนใจคือการออกแบบให้ฟังก์ชันน้อยเพื่อไม่ให้ถูกตรวจจับง่าย เป้าหมายหลักคือหน่วยงานรัฐบาลและสื่อในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    https://securityonline.info/china-nexus-autumn-dragon-apt-exploits-winrar-flaw-to-deploy-telegram-c2-backdoor

    Notepad เพิ่มฟีเจอร์ Markdown Table และ Copilot Streaming
    จากเดิมที่ Notepad เป็นเพียงโปรแกรมจดข้อความธรรมดา ตอนนี้ Microsoft ได้ยกระดับให้รองรับการสร้างตารางในรูปแบบ Markdown ผู้ใช้สามารถเลือกจำนวนแถวคอลัมน์ได้ง่าย ๆ คล้ายกับการใส่ตารางใน Word และยังสามารถแก้ไขขยายหรือลดขนาดได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Microsoft Copilot โดยเพิ่มความสามารถในการเขียนใหม่และสรุปข้อความแบบ “streaming” คือผลลัพธ์จะปรากฏทันทีโดยไม่ต้องรอจนเสร็จทั้งหมด ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad กลายเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยและตอบโจทย์นักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น
    https://securityonline.info/notepad-update-adds-markdown-table-support-streaming-copilot-ai-responses

    Microsoft แก้ปัญหา File Explorer ช้าใน Windows 11 ด้วย Preloading
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนบ่นว่า File Explorer เปิดช้า โดยเฉพาะเมื่อโหลดโฟลเดอร์ที่มีรูปภาพเยอะ ๆ Microsoft จึงออกฟีเจอร์ใหม่ใน Build 26220.7271 ที่เรียกว่า “preloading” ซึ่งจะโหลด Explorer เข้าหน่วยความจำล่วงหน้า ทำให้การเปิดใช้งานเร็วขึ้น แม้จะยังไม่แก้ปัญหาการหน่วงหลังเปิดไฟล์ได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดเวลารอไปหลายร้อยมิลลิวินาที ผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์นี้ได้หากไม่ต้องการ แต่โดยทั่วไปมันใช้ RAM น้อยและช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นมาก
    https://securityonline.info/microsoft-tries-to-fix-windows-11-file-explorer-lag-with-new-preloading-feature

      Qualcomm ยืนยัน Quick Share ใช้งานร่วมกับ AirDrop ได้บนมือถือ Snapdragon
    หลังจาก Google ประกาศว่า Pixel 10 จะสามารถส่งไฟล์ผ่าน Quick Share ไปยัง iPhone ได้เหมือน AirDrop ล่าสุด Qualcomm ก็ออกมายืนยันว่า ฟีเจอร์นี้จะไม่จำกัดเฉพาะ Pixel แต่จะขยายไปยังมือถือ Android ที่ใช้ชิป Snapdragon ด้วย หมายความว่าผู้ใช้ Android และ iOS จะสามารถแชร์ไฟล์กันได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งแอปเสริม ถือเป็นการเชื่อมโลกสองฝั่งที่เคยถูกแบ่งแยกมานาน คาดว่า Samsung Galaxy S26 จะเป็นรุ่นแรก ๆ ที่นำมาใช้ และนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแชร์ไฟล์ข้ามระบบนิเวศ
    https://securityonline.info/qualcomm-confirms-quick-share-airdrop-interoperability-coming-to-all-snapdragon-phones

    ทีมไซเบอร์ระดับโลกเปิดตัว Blast Security ด้วยทุน $10M
    Blast Security คือสตาร์ทอัพใหม่จาก Tel Aviv ที่ก่อตั้งโดยทีมผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์จาก Solebit และหน่วย IDF พวกเขาเปิดตัวแพลตฟอร์ม “Preemptive Cloud Defense” ที่เน้นการป้องกันเชิงรุกแทนการตรวจจับและแก้ไขทีหลัง จุดเด่นคือการสร้างระบบป้องกันที่ทำงานต่อเนื่อง ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของคลาวด์ และลดความเสี่ยงได้กว่า 90% การลงทุนรอบ seed ได้เงินทุนถึง 10 ล้านดอลลาร์จาก 10D และ MizMaa Ventures เป้าหมายคือการทำให้ “การป้องกัน” กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยบนคลาวด์
    https://securityonline.info/elite-cyber-veterans-launch-blast-security-with-10m-to-turn-cloud-detection-into-prevention

    CISA เตือนภัยสปายแวร์เชิงพาณิชย์โจมตีแอปแชทด้วย Zero-Click และ QR Code อันตราย
    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนเร่งด่วนว่ามีการใช้สปายแวร์เชิงพาณิชย์โจมตีผู้ใช้งานแอปแชทยอดนิยม เช่น WhatsApp และ Signal โดยไม่ต้องให้เหยื่อกดหรือทำอะไรเลย ผ่านช่องโหว่แบบ Zero-Click และการหลอกให้สแกน QR Code ที่เชื่อมบัญชีไปยังเครื่องของแฮกเกอร์ เมื่อถูกเจาะแล้ว ผู้โจมตีสามารถอ่านข้อความ รายชื่อผู้ติดต่อ เปิดไมโครโฟน และติดตามตำแหน่งได้ทันที เป้าหมายหลักคือบุคคลสำคัญ นักข่าว และองค์กรภาคประชาสังคมในหลายภูมิภาคทั่วโลก
    https://securityonline.info/cisa-emergency-alert-commercial-spyware-exploiting-zero-click-and-malicious-qr-codes-to-hijack-messaging-apps

    ช่องโหว่ร้ายแรง WordPress (CVE-2025-6389)
    เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเว็บได้ทันที มีการเปิดเผยช่องโหว่ระดับวิกฤติในปลั๊กอิน Sneeit Framework ที่ใช้ในธีมยอดนิยมอย่าง FlatNews ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ทำให้สามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลดเว็บเชลล์ และยึดครองเว็บไซต์ได้ทันที นักวิจัยพบว่ามีการโจมตีจริงแล้วหลายร้อยครั้งในเวลาเพียงวันเดียว ผู้พัฒนาได้ออกเวอร์ชันใหม่เพื่อแก้ไข แต่ใครที่ยังไม่อัปเดตถือว่าเสี่ยงสูงมาก
    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce

    ช่องโหว่กล้อง Vivotek รุ่นเก่า เปิดช่องให้สั่งรันคำสั่งได้โดยไม่ต้องล็อกอิน
    ทีมวิจัยจาก Akamai พบช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในกล้อง IP ของ Vivotek รุ่นที่หมดอายุการสนับสนุนแล้ว ช่องโหว่นี้อยู่ในไฟล์ eventtask.cgi ซึ่งเปิดให้ผู้โจมตีส่งคำสั่งไปยังระบบโดยตรงโดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ทำให้สามารถเข้าควบคุมกล้องได้เต็มรูปแบบ ปัญหาคือเฟิร์มแวร์รุ่นที่มีช่องโหว่นี้ถูกยกเลิกไปแล้ว จึงไม่มีแพตช์แก้ไข ผู้ใช้งานจึงถูกแนะนำให้รีบแยกอุปกรณ์ออกจากเครือข่ายหรือเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่แทน
    https://securityonline.info/critical-unpatched-flaw-vivotek-eol-ip-cameras-exposed-to-unauthenticated-rce-via-command-injection

    CVE-2025-63207: ช่องโหว่ยึดระบบออกอากาศ R.V.R Elettronica TEX ได้ทั้งหมด
    นักวิจัยเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงในอุปกรณ์ออกอากาศ TEX ของ R.V.R Elettronica ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถรีเซ็ตรหัสผ่านของผู้ใช้ทุกระดับ รวมถึงแอดมิน ได้ด้วยคำสั่ง HTTP เพียงครั้งเดียวโดยไม่ต้องล็อกอิน เมื่อรีเซ็ตรหัสผ่านแล้ว แฮกเกอร์สามารถเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบและอาจเปลี่ยนการตั้งค่าออกอากาศหรือเจาะลึกไปยังระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่ ปัจจุบันยังไม่มีแพตช์แก้ไข จึงแนะนำให้ผู้ดูแลจำกัดการเข้าถึงและตรวจสอบการใช้งานอย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/cve-2025-63207-cvss-9-8-critical-broken-access-control-flaw-exposes-r-v-r-elettronica-tex-devices-to-full-system-takeover

    ToddyCat APT โจมตี Microsoft 365 ขโมยอีเมลผ่านการดูด OAuth Token และไฟล์ OST ที่ถูกล็อก
    รายงานจาก Kaspersky เผยว่า ToddyCat กลุ่มแฮกเกอร์สายสอดแนมได้พัฒนาวิธีใหม่ในการเจาะระบบอีเมลองค์กร ทั้งแบบ on-premises และบนคลาวด์ โดยใช้เครื่องมือ PowerShell และ C++ เพื่อขโมยข้อมูลเบราว์เซอร์ ไฟล์อีเมล Outlook ที่ถูกล็อก และที่น่ากังวลที่สุดคือการดูด OAuth Token จากหน่วยความจำของแอป Microsoft 365 ทำให้สามารถเข้าถึงอีเมลได้จากภายนอกโดยไม่ถูกตรวจจับ วิธีนี้ช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลย้อนหลังหลายปีและเลี่ยงการตรวจสอบจากระบบรักษาความปลอดภัยได้อย่างแนบเนียน
    https://securityonline.info/toddycat-apt-steals-microsoft-365-cloud-email-by-dumping-oauth-tokens-from-memory-and-copying-locked-ost-files

    Kimsuky APT ใช้สองเวอร์ชันของ KimJongRAT เลี่ยงการตรวจจับ Windows Defender
    กลุ่มแฮกเกอร์ Kimsuky จากเกาหลีเหนือถูกพบว่ากำลังใช้กลยุทธ์ใหม่ โดยปล่อยมัลแวร์ KimJongRAT สองรูปแบบ ทั้งไฟล์ PE และสคริปต์ PowerShell เพื่อเลือกใช้งานตามสถานะของ Windows Defender หาก Defender เปิดอยู่ พวกเขาจะใช้ PowerShell ที่พรางตัวได้ดีกว่า แต่ถ้า Defender ถูกปิด ก็จะใช้ไฟล์ PE ที่ทำงานตรงไปตรงมา วิธีนี้ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถขโมยข้อมูลและควบคุมระบบได้โดยลดโอกาสถูกตรวจจับลงอย่างมาก
    https://securityonline.info/kimsuky-apt-deploys-dual-kimjongrat-payloads-switching-between-pe-powershell-based-on-windows-defender-status

    โทรจันธนาคารบราซิลแพร่ผ่าน WhatsApp ด้วย Python Worm
    นักวิจัยพบโทรจันธนาคารสายพันธุ์ใหม่จากบราซิลที่ใช้วิธีแพร่กระจายผ่าน WhatsApp โดยเขียนด้วย Python และทำงานแบบ worm สามารถส่งต่อไฟล์อันตรายไปยังผู้ติดต่อโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน IMAP เพื่อดึงข้อมูลเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง ทำให้สามารถขโมยรหัสผ่านและข้อมูลการเข้าสู่ระบบได้ทันทีโดยไม่ทิ้งร่องรอยบนดิสก์ ถือเป็นการผสมผสานเทคนิคที่ทั้งแพร่กระจายได้รวดเร็วและซ่อนตัวได้แนบเนียน
    https://securityonline.info/brazilian-banking-trojan-uses-python-whatsapp-worm-and-imap-c2-for-in-memory-credential-theft

    ปฏิบัติการ DreamJob ของเกาหลีเหนือโจมตียุโรปด้วย WhatsApp Job Lure
    มีการเปิดเผยว่าปฏิบัติการ DreamJob ของเกาหลีเหนือได้พัฒนาแคมเปญใหม่ในยุโรป โดยใช้ข้อความหลอกลวงผ่าน WhatsApp เสนอ “งานในฝัน” เพื่อหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดมัลแวร์รุ่นใหม่ชื่อ MISTPEN และ BURNBOOK ซึ่งเป็น backdoor ที่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ วิธีการนี้ต่อยอดจากการโจมตี LinkedIn ในอดีต แต่ปรับให้เข้ากับพฤติกรรมผู้ใช้ที่นิยมใช้ WhatsApp ในการติดต่อหางาน ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น
    https://securityonline.info/north-koreas-operation-dreamjob-hits-europe-whatsapp-job-lure-delivers-evolved-mistpen-burnbook-backdoors

    📌🔒🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷🔒📌 #รวมข่าวIT #20251125 #securityonline 🐉 จีน-นexus Autumn Dragon ใช้ช่องโหว่ WinRAR ปล่อยมัลแวร์ผ่าน Telegram เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงปฏิบัติการจารกรรมไซเบอร์ชื่อ “Autumn Dragon” ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ฝั่งจีน พวกเขาใช้ไฟล์ RAR ที่ฝังช่องโหว่ของ WinRAR (CVE-2025-8088) ส่งไปยังเป้าหมายผ่านอีเมลหลอกลวง เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ ระบบจะถูกฝังสคริปต์ที่ทำงานต่อเนื่องเพื่อดึงมัลแวร์ขั้นต่อไปจาก Dropbox และซ่อนตัวผ่าน DLL sideloading โดยมีการควบคุมผ่าน Telegram ตัวมัลแวร์นี้สามารถสั่งงานได้ เช่น เปิด shell, ถ่าย screenshot และอัปโหลดไฟล์ จุดที่น่าสนใจคือการออกแบบให้ฟังก์ชันน้อยเพื่อไม่ให้ถูกตรวจจับง่าย เป้าหมายหลักคือหน่วยงานรัฐบาลและสื่อในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 🔗 https://securityonline.info/china-nexus-autumn-dragon-apt-exploits-winrar-flaw-to-deploy-telegram-c2-backdoor 📝 Notepad เพิ่มฟีเจอร์ Markdown Table และ Copilot Streaming จากเดิมที่ Notepad เป็นเพียงโปรแกรมจดข้อความธรรมดา ตอนนี้ Microsoft ได้ยกระดับให้รองรับการสร้างตารางในรูปแบบ Markdown ผู้ใช้สามารถเลือกจำนวนแถวคอลัมน์ได้ง่าย ๆ คล้ายกับการใส่ตารางใน Word และยังสามารถแก้ไขขยายหรือลดขนาดได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Microsoft Copilot โดยเพิ่มความสามารถในการเขียนใหม่และสรุปข้อความแบบ “streaming” คือผลลัพธ์จะปรากฏทันทีโดยไม่ต้องรอจนเสร็จทั้งหมด ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad กลายเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยและตอบโจทย์นักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/notepad-update-adds-markdown-table-support-streaming-copilot-ai-responses 💻 Microsoft แก้ปัญหา File Explorer ช้าใน Windows 11 ด้วย Preloading ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนบ่นว่า File Explorer เปิดช้า โดยเฉพาะเมื่อโหลดโฟลเดอร์ที่มีรูปภาพเยอะ ๆ Microsoft จึงออกฟีเจอร์ใหม่ใน Build 26220.7271 ที่เรียกว่า “preloading” ซึ่งจะโหลด Explorer เข้าหน่วยความจำล่วงหน้า ทำให้การเปิดใช้งานเร็วขึ้น แม้จะยังไม่แก้ปัญหาการหน่วงหลังเปิดไฟล์ได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดเวลารอไปหลายร้อยมิลลิวินาที ผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์นี้ได้หากไม่ต้องการ แต่โดยทั่วไปมันใช้ RAM น้อยและช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นมาก 🔗 https://securityonline.info/microsoft-tries-to-fix-windows-11-file-explorer-lag-with-new-preloading-feature 📱  Qualcomm ยืนยัน Quick Share ใช้งานร่วมกับ AirDrop ได้บนมือถือ Snapdragon หลังจาก Google ประกาศว่า Pixel 10 จะสามารถส่งไฟล์ผ่าน Quick Share ไปยัง iPhone ได้เหมือน AirDrop ล่าสุด Qualcomm ก็ออกมายืนยันว่า ฟีเจอร์นี้จะไม่จำกัดเฉพาะ Pixel แต่จะขยายไปยังมือถือ Android ที่ใช้ชิป Snapdragon ด้วย หมายความว่าผู้ใช้ Android และ iOS จะสามารถแชร์ไฟล์กันได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งแอปเสริม ถือเป็นการเชื่อมโลกสองฝั่งที่เคยถูกแบ่งแยกมานาน คาดว่า Samsung Galaxy S26 จะเป็นรุ่นแรก ๆ ที่นำมาใช้ และนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแชร์ไฟล์ข้ามระบบนิเวศ 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-confirms-quick-share-airdrop-interoperability-coming-to-all-snapdragon-phones ☁️ ทีมไซเบอร์ระดับโลกเปิดตัว Blast Security ด้วยทุน $10M Blast Security คือสตาร์ทอัพใหม่จาก Tel Aviv ที่ก่อตั้งโดยทีมผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์จาก Solebit และหน่วย IDF พวกเขาเปิดตัวแพลตฟอร์ม “Preemptive Cloud Defense” ที่เน้นการป้องกันเชิงรุกแทนการตรวจจับและแก้ไขทีหลัง จุดเด่นคือการสร้างระบบป้องกันที่ทำงานต่อเนื่อง ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของคลาวด์ และลดความเสี่ยงได้กว่า 90% การลงทุนรอบ seed ได้เงินทุนถึง 10 ล้านดอลลาร์จาก 10D และ MizMaa Ventures เป้าหมายคือการทำให้ “การป้องกัน” กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยบนคลาวด์ 🔗 https://securityonline.info/elite-cyber-veterans-launch-blast-security-with-10m-to-turn-cloud-detection-into-prevention 🛡️ CISA เตือนภัยสปายแวร์เชิงพาณิชย์โจมตีแอปแชทด้วย Zero-Click และ QR Code อันตราย หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนเร่งด่วนว่ามีการใช้สปายแวร์เชิงพาณิชย์โจมตีผู้ใช้งานแอปแชทยอดนิยม เช่น WhatsApp และ Signal โดยไม่ต้องให้เหยื่อกดหรือทำอะไรเลย ผ่านช่องโหว่แบบ Zero-Click และการหลอกให้สแกน QR Code ที่เชื่อมบัญชีไปยังเครื่องของแฮกเกอร์ เมื่อถูกเจาะแล้ว ผู้โจมตีสามารถอ่านข้อความ รายชื่อผู้ติดต่อ เปิดไมโครโฟน และติดตามตำแหน่งได้ทันที เป้าหมายหลักคือบุคคลสำคัญ นักข่าว และองค์กรภาคประชาสังคมในหลายภูมิภาคทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/cisa-emergency-alert-commercial-spyware-exploiting-zero-click-and-malicious-qr-codes-to-hijack-messaging-apps 💻 ช่องโหว่ร้ายแรง WordPress (CVE-2025-6389) เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเว็บได้ทันที มีการเปิดเผยช่องโหว่ระดับวิกฤติในปลั๊กอิน Sneeit Framework ที่ใช้ในธีมยอดนิยมอย่าง FlatNews ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ทำให้สามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลดเว็บเชลล์ และยึดครองเว็บไซต์ได้ทันที นักวิจัยพบว่ามีการโจมตีจริงแล้วหลายร้อยครั้งในเวลาเพียงวันเดียว ผู้พัฒนาได้ออกเวอร์ชันใหม่เพื่อแก้ไข แต่ใครที่ยังไม่อัปเดตถือว่าเสี่ยงสูงมาก 🔗 https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce 📷 ช่องโหว่กล้อง Vivotek รุ่นเก่า เปิดช่องให้สั่งรันคำสั่งได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ทีมวิจัยจาก Akamai พบช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในกล้อง IP ของ Vivotek รุ่นที่หมดอายุการสนับสนุนแล้ว ช่องโหว่นี้อยู่ในไฟล์ eventtask.cgi ซึ่งเปิดให้ผู้โจมตีส่งคำสั่งไปยังระบบโดยตรงโดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ทำให้สามารถเข้าควบคุมกล้องได้เต็มรูปแบบ ปัญหาคือเฟิร์มแวร์รุ่นที่มีช่องโหว่นี้ถูกยกเลิกไปแล้ว จึงไม่มีแพตช์แก้ไข ผู้ใช้งานจึงถูกแนะนำให้รีบแยกอุปกรณ์ออกจากเครือข่ายหรือเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่แทน 🔗 https://securityonline.info/critical-unpatched-flaw-vivotek-eol-ip-cameras-exposed-to-unauthenticated-rce-via-command-injection 📡 CVE-2025-63207: ช่องโหว่ยึดระบบออกอากาศ R.V.R Elettronica TEX ได้ทั้งหมด นักวิจัยเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงในอุปกรณ์ออกอากาศ TEX ของ R.V.R Elettronica ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถรีเซ็ตรหัสผ่านของผู้ใช้ทุกระดับ รวมถึงแอดมิน ได้ด้วยคำสั่ง HTTP เพียงครั้งเดียวโดยไม่ต้องล็อกอิน เมื่อรีเซ็ตรหัสผ่านแล้ว แฮกเกอร์สามารถเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบและอาจเปลี่ยนการตั้งค่าออกอากาศหรือเจาะลึกไปยังระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่ ปัจจุบันยังไม่มีแพตช์แก้ไข จึงแนะนำให้ผู้ดูแลจำกัดการเข้าถึงและตรวจสอบการใช้งานอย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-63207-cvss-9-8-critical-broken-access-control-flaw-exposes-r-v-r-elettronica-tex-devices-to-full-system-takeover 📧 ToddyCat APT โจมตี Microsoft 365 ขโมยอีเมลผ่านการดูด OAuth Token และไฟล์ OST ที่ถูกล็อก รายงานจาก Kaspersky เผยว่า ToddyCat กลุ่มแฮกเกอร์สายสอดแนมได้พัฒนาวิธีใหม่ในการเจาะระบบอีเมลองค์กร ทั้งแบบ on-premises และบนคลาวด์ โดยใช้เครื่องมือ PowerShell และ C++ เพื่อขโมยข้อมูลเบราว์เซอร์ ไฟล์อีเมล Outlook ที่ถูกล็อก และที่น่ากังวลที่สุดคือการดูด OAuth Token จากหน่วยความจำของแอป Microsoft 365 ทำให้สามารถเข้าถึงอีเมลได้จากภายนอกโดยไม่ถูกตรวจจับ วิธีนี้ช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลย้อนหลังหลายปีและเลี่ยงการตรวจสอบจากระบบรักษาความปลอดภัยได้อย่างแนบเนียน 🔗 https://securityonline.info/toddycat-apt-steals-microsoft-365-cloud-email-by-dumping-oauth-tokens-from-memory-and-copying-locked-ost-files 🖥️ Kimsuky APT ใช้สองเวอร์ชันของ KimJongRAT เลี่ยงการตรวจจับ Windows Defender กลุ่มแฮกเกอร์ Kimsuky จากเกาหลีเหนือถูกพบว่ากำลังใช้กลยุทธ์ใหม่ โดยปล่อยมัลแวร์ KimJongRAT สองรูปแบบ ทั้งไฟล์ PE และสคริปต์ PowerShell เพื่อเลือกใช้งานตามสถานะของ Windows Defender หาก Defender เปิดอยู่ พวกเขาจะใช้ PowerShell ที่พรางตัวได้ดีกว่า แต่ถ้า Defender ถูกปิด ก็จะใช้ไฟล์ PE ที่ทำงานตรงไปตรงมา วิธีนี้ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถขโมยข้อมูลและควบคุมระบบได้โดยลดโอกาสถูกตรวจจับลงอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/kimsuky-apt-deploys-dual-kimjongrat-payloads-switching-between-pe-powershell-based-on-windows-defender-status 💰 โทรจันธนาคารบราซิลแพร่ผ่าน WhatsApp ด้วย Python Worm นักวิจัยพบโทรจันธนาคารสายพันธุ์ใหม่จากบราซิลที่ใช้วิธีแพร่กระจายผ่าน WhatsApp โดยเขียนด้วย Python และทำงานแบบ worm สามารถส่งต่อไฟล์อันตรายไปยังผู้ติดต่อโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน IMAP เพื่อดึงข้อมูลเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง ทำให้สามารถขโมยรหัสผ่านและข้อมูลการเข้าสู่ระบบได้ทันทีโดยไม่ทิ้งร่องรอยบนดิสก์ ถือเป็นการผสมผสานเทคนิคที่ทั้งแพร่กระจายได้รวดเร็วและซ่อนตัวได้แนบเนียน 🔗 https://securityonline.info/brazilian-banking-trojan-uses-python-whatsapp-worm-and-imap-c2-for-in-memory-credential-theft 🎭 ปฏิบัติการ DreamJob ของเกาหลีเหนือโจมตียุโรปด้วย WhatsApp Job Lure มีการเปิดเผยว่าปฏิบัติการ DreamJob ของเกาหลีเหนือได้พัฒนาแคมเปญใหม่ในยุโรป โดยใช้ข้อความหลอกลวงผ่าน WhatsApp เสนอ “งานในฝัน” เพื่อหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดมัลแวร์รุ่นใหม่ชื่อ MISTPEN และ BURNBOOK ซึ่งเป็น backdoor ที่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ วิธีการนี้ต่อยอดจากการโจมตี LinkedIn ในอดีต แต่ปรับให้เข้ากับพฤติกรรมผู้ใช้ที่นิยมใช้ WhatsApp ในการติดต่อหางาน ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น 🔗 https://securityonline.info/north-koreas-operation-dreamjob-hits-europe-whatsapp-job-lure-delivers-evolved-mistpen-burnbook-backdoors
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 Reviews
  • ความเสี่ยงใหญ่ของ CISO – ผู้นำฝ่ายความปลอดภัยลาออก

    บทความจาก CSO Online ชี้ให้เห็นว่า CISO (Chief Information Security Officer) กำลังเผชิญความเสี่ยงสำคัญ ไม่ใช่แค่ภัยไซเบอร์ แต่คือการสูญเสีย ผู้นำระดับแผนก (functional security leaders) ที่กำลังหมดไฟและพร้อมจะลาออก เนื่องจากภาระงานที่หนักเกินไปแต่ไม่ได้รับการยอมรับหรือผลตอบแทนที่เหมาะสม

    สาเหตุของการลาออกและความเหนื่อยล้า
    ภาระงานเกินกำลัง: ผู้นำฝ่ายความปลอดภัยต้องรับผิดชอบทั้งการปกป้องระบบและสนับสนุนผลลัพธ์ทางธุรกิจ พร้อมทั้งจัดการกับกฎระเบียบใหม่และเทคโนโลยีที่ซับซ้อน
    ทรัพยากรจำกัด: ทีมงานขาดบุคลากรและงบประมาณ ทำให้ต้องทำงานมากขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้เต็มที่
    วัฒนธรรมที่ไม่ยั่งยืน: ถูกคาดหวังให้ “ถูกต้องทุกครั้ง” ในขณะที่แฮกเกอร์ต้องการแค่ครั้งเดียวในการเจาะระบบ สร้างความกดดันอย่างต่อเนื่อง
    ขาดเส้นทางความก้าวหน้า: หลายองค์กรมีโครงสร้างที่ทำให้ผู้นำระดับกลางไม่เห็นโอกาสเติบโตไปสู่ตำแหน่งสูงกว่า เช่น CISO

    แนวทางแก้ไขที่แนะนำ
    ปรับโครงสร้างงาน: ลดการสวมหมวกหลายใบ และให้ผู้นำฝ่ายความปลอดภัยมีอำนาจตัดสินใจจริง
    สนับสนุนการเติบโตในสายอาชีพ: สร้างเส้นทางความก้าวหน้าที่ชัดเจน ไม่จำกัดแค่ตำแหน่ง CISO แต่รวมถึงสาขาใหม่ เช่น AI governance หรือ privacy
    เพิ่มการมีส่วนร่วมเชิงกลยุทธ์: ให้ผู้นำฝ่ายความปลอดภัยมีที่นั่งในโต๊ะผู้บริหาร เพื่อสะท้อนความต้องการและทรัพยากรที่จำเป็น
    ใช้ตัวชี้วัดใหม่: วัดความสำเร็จจากการป้องกัน downtime และลดความเสี่ยง แทนที่จะเน้นเฉพาะการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    สรุปสาระสำคัญ
    ความเสี่ยงใหม่ของ CISO
    การสูญเสียผู้นำฝ่ายความปลอดภัยที่หมดไฟและลาออก

    สาเหตุหลักของการลาออก
    ภาระงานหนักเกินไปและทรัพยากรจำกัด
    ความกดดันจากความคาดหวังที่ไม่สมดุล
    ขาดเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ

    แนวทางแก้ไข
    ปรับโครงสร้างงานและให้อำนาจตัดสินใจ
    สร้างเส้นทางอาชีพใหม่ เช่น AI governance
    เพิ่มบทบาทเชิงกลยุทธ์ในระดับผู้บริหาร

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    หากไม่แก้ไข อาจสูญเสียบุคลากรสำคัญ
    ความต่อเนื่องและนวัตกรรมด้านความปลอดภัยจะถูกกระทบ
    การมอง cybersecurity เป็น cost center ทำให้เสี่ยงต่อการตัดงบประมาณ

    https://www.csoonline.com/article/4094734/the-cisos-greatest-risk-department-leaders-quitting.html
    📰 ความเสี่ยงใหญ่ของ CISO – ผู้นำฝ่ายความปลอดภัยลาออก บทความจาก CSO Online ชี้ให้เห็นว่า CISO (Chief Information Security Officer) กำลังเผชิญความเสี่ยงสำคัญ ไม่ใช่แค่ภัยไซเบอร์ แต่คือการสูญเสีย ผู้นำระดับแผนก (functional security leaders) ที่กำลังหมดไฟและพร้อมจะลาออก เนื่องจากภาระงานที่หนักเกินไปแต่ไม่ได้รับการยอมรับหรือผลตอบแทนที่เหมาะสม 🔥 สาเหตุของการลาออกและความเหนื่อยล้า 💠 ภาระงานเกินกำลัง: ผู้นำฝ่ายความปลอดภัยต้องรับผิดชอบทั้งการปกป้องระบบและสนับสนุนผลลัพธ์ทางธุรกิจ พร้อมทั้งจัดการกับกฎระเบียบใหม่และเทคโนโลยีที่ซับซ้อน 💠 ทรัพยากรจำกัด: ทีมงานขาดบุคลากรและงบประมาณ ทำให้ต้องทำงานมากขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้เต็มที่ 💠 วัฒนธรรมที่ไม่ยั่งยืน: ถูกคาดหวังให้ “ถูกต้องทุกครั้ง” ในขณะที่แฮกเกอร์ต้องการแค่ครั้งเดียวในการเจาะระบบ สร้างความกดดันอย่างต่อเนื่อง 💠 ขาดเส้นทางความก้าวหน้า: หลายองค์กรมีโครงสร้างที่ทำให้ผู้นำระดับกลางไม่เห็นโอกาสเติบโตไปสู่ตำแหน่งสูงกว่า เช่น CISO 💡 แนวทางแก้ไขที่แนะนำ 💠 ปรับโครงสร้างงาน: ลดการสวมหมวกหลายใบ และให้ผู้นำฝ่ายความปลอดภัยมีอำนาจตัดสินใจจริง 💠 สนับสนุนการเติบโตในสายอาชีพ: สร้างเส้นทางความก้าวหน้าที่ชัดเจน ไม่จำกัดแค่ตำแหน่ง CISO แต่รวมถึงสาขาใหม่ เช่น AI governance หรือ privacy 💠 เพิ่มการมีส่วนร่วมเชิงกลยุทธ์: ให้ผู้นำฝ่ายความปลอดภัยมีที่นั่งในโต๊ะผู้บริหาร เพื่อสะท้อนความต้องการและทรัพยากรที่จำเป็น 💠 ใช้ตัวชี้วัดใหม่: วัดความสำเร็จจากการป้องกัน downtime และลดความเสี่ยง แทนที่จะเน้นเฉพาะการตอบสนองต่อเหตุการณ์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความเสี่ยงใหม่ของ CISO ➡️ การสูญเสียผู้นำฝ่ายความปลอดภัยที่หมดไฟและลาออก ✅ สาเหตุหลักของการลาออก ➡️ ภาระงานหนักเกินไปและทรัพยากรจำกัด ➡️ ความกดดันจากความคาดหวังที่ไม่สมดุล ➡️ ขาดเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ ปรับโครงสร้างงานและให้อำนาจตัดสินใจ ➡️ สร้างเส้นทางอาชีพใหม่ เช่น AI governance ➡️ เพิ่มบทบาทเชิงกลยุทธ์ในระดับผู้บริหาร ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ หากไม่แก้ไข อาจสูญเสียบุคลากรสำคัญ ⛔ ความต่อเนื่องและนวัตกรรมด้านความปลอดภัยจะถูกกระทบ ⛔ การมอง cybersecurity เป็น cost center ทำให้เสี่ยงต่อการตัดงบประมาณ https://www.csoonline.com/article/4094734/the-cisos-greatest-risk-department-leaders-quitting.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The CISO’s greatest risk? Department leaders quitting
    A security exec’s job is not just to manage cyber risk. Protecting personnel from burnout, championing cyber’s business value, and fostering career growth are just as vital to building a resilient, sustainable organization.
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • Windows 11 Update KB5062553 ทำระบบหลักล่ม

    Microsoft ยืนยันว่าอัปเดต KB5062553 ซึ่งปล่อยในเดือนกรกฎาคม 2025 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2 ก่อให้เกิดความผิดพลาดในหลายส่วนของระบบหลัก โดยเฉพาะ Start Menu, File Explorer และ System Settings ที่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ปัญหานี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงใน Windows XAML components ซึ่งเป็นแกนสำคัญในการแสดงผลอินเทอร์เฟซ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเจออาการ crash และ critical error เมื่อใช้งาน

    อาการที่ผู้ใช้พบ
    หลังติดตั้ง KB5062553 ผู้ใช้รายงานว่า File Explorer crash บ่อยครั้ง, Start Menu ไม่สามารถเปิดได้, System Settings ไม่ตอบสนอง และบางครั้ง shellhost.exe ล่มโดยไม่มีคำเตือน นอกจากนี้ยังมีปัญหากับการแสดงผล XAML Island views ที่ทำให้แอปพลิเคชันบางตัวไม่สามารถเปิดได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้การใช้งานประจำวันสะดุดและสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ที่อัปเดตระบบ

    แนวทางแก้ไขชั่วคราวจาก Microsoft
    Microsoft ได้ออกเอกสารสนับสนุน KB5072911 เพื่อแนะนำวิธีแก้ไขชั่วคราว โดยผู้ใช้สามารถใช้ PowerShell commands ที่ระบุไว้เพื่อบรรเทาปัญหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เป็นเพียงการแก้ไขเฉพาะหน้า ไม่ใช่การแก้ไขถาวร ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ยังคงต้องรอการอัปเดตใหม่จาก Microsoft ที่จะออกมาแก้ไขปัญหานี้อย่างสมบูรณ์

    สรุปสาระสำคัญ
    ปัญหาที่เกิดจาก KB5062553
    Start Menu ไม่สามารถเปิดได้และแสดง critical error
    File Explorer crash และไม่แสดงบน taskbar
    System Settings ไม่ตอบสนอง

    สาเหตุของปัญหา
    เกิดจากการเปลี่ยนแปลงใน Windows XAML components
    ส่งผลกระทบต่อ shellhost.exe และ XAML Island views

    แนวทางแก้ไขชั่วคราว
    Microsoft แนะนำให้ใช้ PowerShell commands ตามเอกสาร KB5072911
    วิธีแก้เป็นเพียงชั่วคราว ต้องรออัปเดตใหม่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การติดตั้ง KB5062553 อาจทำให้ระบบหลักใช้งานไม่ได้
    การใช้วิธีแก้ชั่วคราวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
    ผู้ใช้ควรพิจารณาชะลอการอัปเดตจนกว่าจะมีแพตช์แก้ไขถาวร

    https://securityonline.info/core-failure-windows-11-update-kb5062553-is-causing-system-start-menu-and-explorer-crashes/
    💻 Windows 11 Update KB5062553 ทำระบบหลักล่ม Microsoft ยืนยันว่าอัปเดต KB5062553 ซึ่งปล่อยในเดือนกรกฎาคม 2025 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2 ก่อให้เกิดความผิดพลาดในหลายส่วนของระบบหลัก โดยเฉพาะ Start Menu, File Explorer และ System Settings ที่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ปัญหานี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงใน Windows XAML components ซึ่งเป็นแกนสำคัญในการแสดงผลอินเทอร์เฟซ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเจออาการ crash และ critical error เมื่อใช้งาน ⚙️ อาการที่ผู้ใช้พบ หลังติดตั้ง KB5062553 ผู้ใช้รายงานว่า File Explorer crash บ่อยครั้ง, Start Menu ไม่สามารถเปิดได้, System Settings ไม่ตอบสนอง และบางครั้ง shellhost.exe ล่มโดยไม่มีคำเตือน นอกจากนี้ยังมีปัญหากับการแสดงผล XAML Island views ที่ทำให้แอปพลิเคชันบางตัวไม่สามารถเปิดได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้การใช้งานประจำวันสะดุดและสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ที่อัปเดตระบบ 🛠️ แนวทางแก้ไขชั่วคราวจาก Microsoft Microsoft ได้ออกเอกสารสนับสนุน KB5072911 เพื่อแนะนำวิธีแก้ไขชั่วคราว โดยผู้ใช้สามารถใช้ PowerShell commands ที่ระบุไว้เพื่อบรรเทาปัญหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เป็นเพียงการแก้ไขเฉพาะหน้า ไม่ใช่การแก้ไขถาวร ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ยังคงต้องรอการอัปเดตใหม่จาก Microsoft ที่จะออกมาแก้ไขปัญหานี้อย่างสมบูรณ์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ปัญหาที่เกิดจาก KB5062553 ➡️ Start Menu ไม่สามารถเปิดได้และแสดง critical error ➡️ File Explorer crash และไม่แสดงบน taskbar ➡️ System Settings ไม่ตอบสนอง ✅ สาเหตุของปัญหา ➡️ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงใน Windows XAML components ➡️ ส่งผลกระทบต่อ shellhost.exe และ XAML Island views ✅ แนวทางแก้ไขชั่วคราว ➡️ Microsoft แนะนำให้ใช้ PowerShell commands ตามเอกสาร KB5072911 ➡️ วิธีแก้เป็นเพียงชั่วคราว ต้องรออัปเดตใหม่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การติดตั้ง KB5062553 อาจทำให้ระบบหลักใช้งานไม่ได้ ⛔ การใช้วิธีแก้ชั่วคราวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ⛔ ผู้ใช้ควรพิจารณาชะลอการอัปเดตจนกว่าจะมีแพตช์แก้ไขถาวร https://securityonline.info/core-failure-windows-11-update-kb5062553-is-causing-system-start-menu-and-explorer-crashes/
    SECURITYONLINE.INFO
    Core Failure: Windows 11 Update KB5062553 is Causing System, Start Menu, and Explorer Crashes
    A major bug in the Windows 11 July update (KB5062553) is causing widespread crashes in core system components like File Explorer, Taskbar, and Start Menu on 24H2/25H2.
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • Microsoft ปิดฉาก WINS หลัง Windows Server 2025

    WINS หรือ Windows Internet Name Service เปิดตัวครั้งแรกในปี 1994 เพื่อแก้ปัญหาการแปลงชื่อ NetBIOS เป็น IP Address ในยุคที่ DNS ยังไม่แพร่หลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป DNS กลายเป็นมาตรฐานสากลที่มีความปลอดภัยและรองรับการขยายตัวได้ดีกว่า ทำให้ WINS ค่อย ๆ ถูกลดบทบาทลง และในที่สุด Microsoft ประกาศว่า Windows Server 2025 จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ยังคงมี WINS ให้ใช้งาน

    องค์กรที่ยังพึ่งพา WINS จะยังได้รับการสนับสนุนต่อไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2034 ภายใต้ Fixed Lifecycle Policy แต่หลังจากนั้น Microsoft จะหยุดการอัปเดตด้านความปลอดภัยและบั๊กทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าการใช้งาน WINS ต่อไปจะเสี่ยงต่อการโจมตีและไม่สอดคล้องกับมาตรฐานเครือข่ายสมัยใหม่

    ทำไมต้องเปลี่ยนไปใช้ DNS
    DNS ไม่เพียงแต่เป็นมาตรฐานที่ใช้ทั่วโลก แต่ยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า เช่น DNSSEC ที่ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ spoofing และ cache poisoning ซึ่ง WINS ไม่สามารถทำได้ อีกทั้ง DNS ยังรองรับ IPv6 และการทำงานร่วมกับบริการคลาวด์และ Active Directory ได้อย่างราบรื่น ต่างจาก WINS ที่ยังคงยึดติดกับ IPv4 และโครงสร้างแบบ centralized replication ที่ไม่เหมาะกับเครือข่ายขนาดใหญ่

    การเปลี่ยนผ่านไปใช้ DNS จึงไม่ใช่แค่การอัปเกรด แต่เป็นการลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและลดภาระการดูแลระบบที่ซับซ้อนจากการคงไว้ซึ่งเทคโนโลยีเก่า

    ผลกระทบต่อองค์กรและแนวทางการปรับตัว
    องค์กรที่ยังมีระบบหรือแอปพลิเคชันเก่าที่พึ่งพา WINS จำเป็นต้องเร่งตรวจสอบและวางแผนการย้ายไปใช้ DNS โดยเฉพาะในกรณีที่ยังมีการใช้ NetBIOS หรือระบบที่ต้องการ short-name resolution หากไม่ปรับตัวทันเวลา อาจเกิดปัญหาการเชื่อมต่อ การค้นหาทรัพยากรในเครือข่าย และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่รุนแรงขึ้น

    Microsoft แนะนำให้ใช้วิธีการอย่าง conditional forwarders, split-brain DNS และ DNS suffix search lists เพื่อทดแทนการทำงานของ WINS รวมถึงการปรับปรุงหรือเลิกใช้งานแอปพลิเคชันที่ยังคงพึ่งพาเทคโนโลยีนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การประกาศยุติ WINS
    Windows Server 2025 เป็นรุ่นสุดท้ายที่ยังมี WINS
    การสนับสนุนจะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน 2034

    ข้อดีของ DNS เทียบกับ WINS
    รองรับ IPv6 และการทำงานกับ Active Directory
    มีระบบความปลอดภัย DNSSEC ป้องกันการโจมตี
    โครงสร้างแบบ distributed และ scalable

    แนวทางการปรับตัวขององค์กร
    ตรวจสอบระบบที่ยังพึ่งพา WINS
    ใช้ conditional forwarders และ DNS suffix lists
    ปรับปรุงหรือเลิกใช้แอปพลิเคชันเก่า

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    หลังปี 2034 จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัย
    ระบบที่ยังใช้ WINS อาจถูกโจมตีด้วย NetBIOS spoofing
    การพึ่งพา WINS ทำให้ไม่สอดคล้องกับ Zero Trust และ Cloud-native architectures

    https://securityonline.info/wins-is-dead-microsoft-to-fully-retire-wins-name-resolution-from-windows-server-post-2025/
    🖥️ Microsoft ปิดฉาก WINS หลัง Windows Server 2025 WINS หรือ Windows Internet Name Service เปิดตัวครั้งแรกในปี 1994 เพื่อแก้ปัญหาการแปลงชื่อ NetBIOS เป็น IP Address ในยุคที่ DNS ยังไม่แพร่หลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป DNS กลายเป็นมาตรฐานสากลที่มีความปลอดภัยและรองรับการขยายตัวได้ดีกว่า ทำให้ WINS ค่อย ๆ ถูกลดบทบาทลง และในที่สุด Microsoft ประกาศว่า Windows Server 2025 จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ยังคงมี WINS ให้ใช้งาน องค์กรที่ยังพึ่งพา WINS จะยังได้รับการสนับสนุนต่อไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2034 ภายใต้ Fixed Lifecycle Policy แต่หลังจากนั้น Microsoft จะหยุดการอัปเดตด้านความปลอดภัยและบั๊กทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าการใช้งาน WINS ต่อไปจะเสี่ยงต่อการโจมตีและไม่สอดคล้องกับมาตรฐานเครือข่ายสมัยใหม่ 🔐 ทำไมต้องเปลี่ยนไปใช้ DNS DNS ไม่เพียงแต่เป็นมาตรฐานที่ใช้ทั่วโลก แต่ยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า เช่น DNSSEC ที่ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ spoofing และ cache poisoning ซึ่ง WINS ไม่สามารถทำได้ อีกทั้ง DNS ยังรองรับ IPv6 และการทำงานร่วมกับบริการคลาวด์และ Active Directory ได้อย่างราบรื่น ต่างจาก WINS ที่ยังคงยึดติดกับ IPv4 และโครงสร้างแบบ centralized replication ที่ไม่เหมาะกับเครือข่ายขนาดใหญ่ การเปลี่ยนผ่านไปใช้ DNS จึงไม่ใช่แค่การอัปเกรด แต่เป็นการลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและลดภาระการดูแลระบบที่ซับซ้อนจากการคงไว้ซึ่งเทคโนโลยีเก่า ⚠️ ผลกระทบต่อองค์กรและแนวทางการปรับตัว องค์กรที่ยังมีระบบหรือแอปพลิเคชันเก่าที่พึ่งพา WINS จำเป็นต้องเร่งตรวจสอบและวางแผนการย้ายไปใช้ DNS โดยเฉพาะในกรณีที่ยังมีการใช้ NetBIOS หรือระบบที่ต้องการ short-name resolution หากไม่ปรับตัวทันเวลา อาจเกิดปัญหาการเชื่อมต่อ การค้นหาทรัพยากรในเครือข่าย และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่รุนแรงขึ้น Microsoft แนะนำให้ใช้วิธีการอย่าง conditional forwarders, split-brain DNS และ DNS suffix search lists เพื่อทดแทนการทำงานของ WINS รวมถึงการปรับปรุงหรือเลิกใช้งานแอปพลิเคชันที่ยังคงพึ่งพาเทคโนโลยีนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การประกาศยุติ WINS ➡️ Windows Server 2025 เป็นรุ่นสุดท้ายที่ยังมี WINS ➡️ การสนับสนุนจะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน 2034 ✅ ข้อดีของ DNS เทียบกับ WINS ➡️ รองรับ IPv6 และการทำงานกับ Active Directory ➡️ มีระบบความปลอดภัย DNSSEC ป้องกันการโจมตี ➡️ โครงสร้างแบบ distributed และ scalable ✅ แนวทางการปรับตัวขององค์กร ➡️ ตรวจสอบระบบที่ยังพึ่งพา WINS ➡️ ใช้ conditional forwarders และ DNS suffix lists ➡️ ปรับปรุงหรือเลิกใช้แอปพลิเคชันเก่า ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ หลังปี 2034 จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัย ⛔ ระบบที่ยังใช้ WINS อาจถูกโจมตีด้วย NetBIOS spoofing ⛔ การพึ่งพา WINS ทำให้ไม่สอดคล้องกับ Zero Trust และ Cloud-native architectures https://securityonline.info/wins-is-dead-microsoft-to-fully-retire-wins-name-resolution-from-windows-server-post-2025/
    SECURITYONLINE.INFO
    WINS is Dead: Microsoft to Fully Retire WINS Name Resolution from Windows Server Post-2025
    Microsoft will fully retire the WINS name-resolution service after Windows Server 2025. Support for existing deployments ends in 2034, urging migration to DNS now.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
More Results