• “Chat Control: กฎหมายสแกนแชต EU ใกล้ผ่าน — เสียงคัดค้านเพิ่มขึ้น แต่แรงสนับสนุนยังแข็งแกร่ง”

    ในวันที่ 12 กันยายน 2025 สภาสหภาพยุโรป (EU Council) เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายต่อร่างกฎหมาย “Chat Control” ซึ่งมีเป้าหมายในการตรวจจับเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก (CSAM) โดยบังคับให้บริการส่งข้อความทุกประเภท — แม้จะมีการเข้ารหัสแบบ end-to-end — ต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้ทั้งหมด

    แม้จะมีเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU ถึง 15 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และสวีเดน แต่กระแสคัดค้านก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเยอรมนีและลักเซมเบิร์กได้เข้าร่วมกับออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ในการต่อต้านร่างกฎหมายนี้ โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์กว่า 600 คน รวมถึงนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ยกเลิกร่างกฎหมายนี้ โดยระบุว่าการสแกนแชตแบบ client-side จะทำให้ระบบเข้ารหัสอ่อนแอลง และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายนอกได้ง่ายขึ้น

    แม้ร่างกฎหมายจะระบุว่า “การเข้ารหัสควรได้รับการปกป้องอย่างครอบคลุม” แต่ข้อกำหนดที่ให้สแกนเนื้อหาทั้งหมด รวมถึงไฟล์และลิงก์ที่ส่งผ่าน WhatsApp, Signal หรือ ProtonMail ก็ยังคงอยู่ โดยบัญชีของรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน

    การลงคะแนนเสียงครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 และหากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าแชตส่วนตัวของผู้ใช้ในยุโรปอาจถูกสแกนทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้

    ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย Chat Control
    สภา EU เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายในวันที่ 12 กันยายน 2025
    ร่างกฎหมายมีเป้าหมายตรวจจับ CSAM โดยสแกนแชตผู้ใช้ทุกคน แม้จะมีการเข้ารหัส
    บัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน
    หากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2025

    ประเทศที่สนับสนุนและคัดค้าน
    ประเทศสนับสนุน ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน ลิทัวเนีย ไซปรัส ลัตเวีย และไอร์แลนด์
    ประเทศคัดค้านล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์
    เบลเยียมเรียกร่างนี้ว่า “สัตว์ประหลาดที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและควบคุมไม่ได้”
    ประเทศที่ยังไม่ตัดสินใจ ได้แก่ เอสโตเนีย กรีซ โรมาเนีย และสโลวีเนีย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 คนลงนามคัดค้าน โดยชี้ว่าการสแกนแบบ client-side มี false positive สูงถึง 10%
    การเปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอาจกลายเป็น “ภัยความมั่นคงระดับชาติ”
    การสแกนเนื้อหาแบบเรียลไทม์ยังไม่มีเทคโนโลยีที่แม่นยำพอ
    การเข้ารหัสแบบ end-to-end เป็นหัวใจของความปลอดภัยในยุคดิจิทัล

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    🔐 “Chat Control: กฎหมายสแกนแชต EU ใกล้ผ่าน — เสียงคัดค้านเพิ่มขึ้น แต่แรงสนับสนุนยังแข็งแกร่ง” ในวันที่ 12 กันยายน 2025 สภาสหภาพยุโรป (EU Council) เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายต่อร่างกฎหมาย “Chat Control” ซึ่งมีเป้าหมายในการตรวจจับเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก (CSAM) โดยบังคับให้บริการส่งข้อความทุกประเภท — แม้จะมีการเข้ารหัสแบบ end-to-end — ต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้ทั้งหมด แม้จะมีเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU ถึง 15 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และสวีเดน แต่กระแสคัดค้านก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเยอรมนีและลักเซมเบิร์กได้เข้าร่วมกับออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ในการต่อต้านร่างกฎหมายนี้ โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์กว่า 600 คน รวมถึงนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ยกเลิกร่างกฎหมายนี้ โดยระบุว่าการสแกนแชตแบบ client-side จะทำให้ระบบเข้ารหัสอ่อนแอลง และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายนอกได้ง่ายขึ้น แม้ร่างกฎหมายจะระบุว่า “การเข้ารหัสควรได้รับการปกป้องอย่างครอบคลุม” แต่ข้อกำหนดที่ให้สแกนเนื้อหาทั้งหมด รวมถึงไฟล์และลิงก์ที่ส่งผ่าน WhatsApp, Signal หรือ ProtonMail ก็ยังคงอยู่ โดยบัญชีของรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน การลงคะแนนเสียงครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 และหากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าแชตส่วนตัวของผู้ใช้ในยุโรปอาจถูกสแกนทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย Chat Control ➡️ สภา EU เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายในวันที่ 12 กันยายน 2025 ➡️ ร่างกฎหมายมีเป้าหมายตรวจจับ CSAM โดยสแกนแชตผู้ใช้ทุกคน แม้จะมีการเข้ารหัส ➡️ บัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน ➡️ หากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2025 ✅ ประเทศที่สนับสนุนและคัดค้าน ➡️ ประเทศสนับสนุน ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน ลิทัวเนีย ไซปรัส ลัตเวีย และไอร์แลนด์ ➡️ ประเทศคัดค้านล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ ➡️ เบลเยียมเรียกร่างนี้ว่า “สัตว์ประหลาดที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและควบคุมไม่ได้” ➡️ ประเทศที่ยังไม่ตัดสินใจ ได้แก่ เอสโตเนีย กรีซ โรมาเนีย และสโลวีเนีย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 คนลงนามคัดค้าน โดยชี้ว่าการสแกนแบบ client-side มี false positive สูงถึง 10% ➡️ การเปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอาจกลายเป็น “ภัยความมั่นคงระดับชาติ” ➡️ การสแกนเนื้อหาแบบเรียลไทม์ยังไม่มีเทคโนโลยีที่แม่นยำพอ ➡️ การเข้ารหัสแบบ end-to-end เป็นหัวใจของความปลอดภัยในยุคดิจิทัล https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    WWW.TECHRADAR.COM
    Chat Control: The list of countries opposing the law grows, but support remains strong
    Germany and Luxembourg joined the opposition on the eve of the crucial September 12 meeting
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • ตอนนี้อนุทิน สั่งยกเลิกmou43,44,tor46สมตามเรา..ประชาชนเชื่อว่าอนุทินต้องไม่เป็นแบบรัฐบาลที่แล้ว,เพราะความเป็นจริง ข้อมูลค่าจริงคงรับรู้กันหมดแล้ว พรรคภูมิใจไทยเองยังเห็สด้วยในการยกเลิกmou43,44ก่อนตนมาเป็นรัฐบาลอีก,ภูมิใจที่จะทำสิ่งชั่วเลวหรือภูมิใจที่จะทำสิ่งดีต่อประชาชนต่อชาติก็ต้องเลือกเอา,ประชุมมาจริงกับเขมรแต่เสียกลยุทธทางสงครามเผด็จศึกตัดกำลังตัดศักยภาพทางสงครามสนามรบกับเขมร ก็ต้องไม่ทำตามผลที่ประชุมผีบ้านี้กระทำกัน ,ถ้าเปิดด่าน ย่อมแสดงว่ามีเจตนาทำลายแผนการยุทธวิธีจัดการเขมร ตัดกำลังเขมรทางทหารให้อ่อนแอลงไป,มิให้รุกรานคุกคามเพื่อเข้ายึดประเทศไทยเราได้,หรือถ้าเปิดด่านจะเสียแผนการรบกำจัดศัตรูนั้นเอง,

    https://youtube.com/watch?v=qImPV7rNAI8&si=_TORWlrxmDgFu_tc
    ตอนนี้อนุทิน สั่งยกเลิกmou43,44,tor46สมตามเรา..ประชาชนเชื่อว่าอนุทินต้องไม่เป็นแบบรัฐบาลที่แล้ว,เพราะความเป็นจริง ข้อมูลค่าจริงคงรับรู้กันหมดแล้ว พรรคภูมิใจไทยเองยังเห็สด้วยในการยกเลิกmou43,44ก่อนตนมาเป็นรัฐบาลอีก,ภูมิใจที่จะทำสิ่งชั่วเลวหรือภูมิใจที่จะทำสิ่งดีต่อประชาชนต่อชาติก็ต้องเลือกเอา,ประชุมมาจริงกับเขมรแต่เสียกลยุทธทางสงครามเผด็จศึกตัดกำลังตัดศักยภาพทางสงครามสนามรบกับเขมร ก็ต้องไม่ทำตามผลที่ประชุมผีบ้านี้กระทำกัน ,ถ้าเปิดด่าน ย่อมแสดงว่ามีเจตนาทำลายแผนการยุทธวิธีจัดการเขมร ตัดกำลังเขมรทางทหารให้อ่อนแอลงไป,มิให้รุกรานคุกคามเพื่อเข้ายึดประเทศไทยเราได้,หรือถ้าเปิดด่านจะเสียแผนการรบกำจัดศัตรูนั้นเอง, https://youtube.com/watch?v=qImPV7rNAI8&si=_TORWlrxmDgFu_tc
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • แกะรอยนักล่า ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (3)
    คุณครูผู้ปกครอง CRS เขียนสมุดรายงานความประพฤตินักเรียนไทยแบบไม่ต้องตีความกันมาก อเมริการับไม่ได้ที่จะให้ไทยแลนด์เล่นกีฬาสีภายในกันไปตลอดชาติ มันต้องหยุดเสียที จะหยุดแบบไหน ก็แบบที่ทำให้ประเทศไทยมีความสงบมั่นคงนั่นแหละ เพราะมันเป็นความจำเป็นของนักล่า ในการจะใช้ไทย ที่มีบ้านเมืองสงบมั่นคง ร่วมขบวนทัพไปบุกบ้านอาเฮีย !

คุณครูเขียนเองนะว่า ประเทศไทยเป็นที่ชื่นชมว่า มีความมั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองมาตลอด จนเมื่อมีการปฏิวัติ ค.ศ. 2006 (เมื่อมีการไล่ไอ้โจรร้ายออกไป แล้วไอ้โจรร้ายมันไม่ยอมรับ ไม่ว่าผลทางกฏหมาย หรือผลทางการเมือง มันถึงได้ตีตั๋วรวนแบบตั๋วไม่มีหมดอายุ จนกว่าหมดอายุกันไปข้างหนึ่งน่ะแหละ) เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ ถ้าสื่อนอกหรือคุณนายฑูต มันว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย ก็เอารายงานคุณครู CRS ของพวกมันเองนี้แหละ ส่งไปให้อ่านนะครับ ทำเป็นแผ่นโปสเตอร์ใหญ่ ติดหน้าสถาน
ฑูตมันเลยดีไหมพี่น้อง เดี๋ยวผมจะเอา link มาลง แล้วก็ช่วยกันอ่าน ช่วยกันก๊อบส่งกันไป จริง ๆ ก็หาไม่ยากอะไร กดถามอากู “Thailand : Background and US Relations” ปี ค.ศ. 2013 มันก็ขึ้นมาแล้วครับ
    นักล่ามันจะทนนั่งเกาหัวดูอยู่เฉย ๆ ได้ยังไง ประเทศนี้อยู่ในอุ้งมือมันมาตั้งกะ ค.ศ. 1954 กว่า 60 ปีมาแล้ว ของมันเคย เคยมี เคยสั่ง เคยใช้กันได้ วันดีคืนดีมีอาเฮียมายืนพุงโต แอบจับมือกับสมันน้อยอีกคน ความอิจฉาตาร้อนก็ต้องมีเป็นธรรมดา ยังมาปากแข็งทำเป็นขู่ว่า ไอไม่ให้ไทยแลนด์เล่นเป็นตัวเอกในหนังใหม่เรื่อง เมื่อคาวบอยบุก
เซียงไฮ้ “Rebalancing” พูดแบบนี้ นึกว่าสมันน้อยจะร้องไห้ฟูมฟายหรือ ขอโทษผ่านมา 60 ปีแล้ว ไม่มีคอมมี่มาขู่ให้สมันน้อยผวาแล้ว แถมตอนนี้สมันน้อยเนื้อหอม
ไม่ให้เล่นเป็นพระเอก ในเรื่องคาวบอยบุกเซียงไฮ้ สมันน้อยอาจจะเลือกไปเล่นเป็นนางเอกเรื่อง เมื่อเซียงไฮ้ถล่มแอลเอ แทนก็ได้นะ
แล้วไงล่ะ ไปเอาพวกตัวประกอบหน้าใหม่ ผักชีโรยหน้ามาเล่นแทนนะ จะให้กบกระโดดมาจากอินโดนีเซี ย หรือออสเตรเลีย ไม่มีใบบัวแถวชุมพรรองรับ กบได้จมน้ำตายเกลี้ยง เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน ก็รู้อยู่แก่ใจ จนหลุดปากบอกออกมาแล้วว่า ตำแหน่งที่ประเทศไทยตั้งอยู่มันเป็นส่วนสำคัญ (อย่างยิ่ง !) สำหรับการจะเข้าไปเล่นบทคาวบอยบุกเซียงไฮ้
    รายงานของคุณครูผู้ปกครอง CRS ออกมาปลายธันวาคม ค.ศ. 2013
shut down กรุงเทพฯ ของลุงกำนัน 9 ธันวาคม เกิดขึ้นแล้ว นักล่าเห็นแล้วว่า
มวลมหาประชาชน แม้จะร้องรำทำเพลงประกอบการประท้วงขับไล่ทุกวัน แต่ก็เอาจริง (เอะ ! หรือนักล่ามันเป็นคนช่วยส่ง ช่วยเสริม ให้เอาจริง ความสงบจะได้มาเร็ว !?!) แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ให้เห็นว่ารัฐบาลแพ้ยับเยิน บวกกับรายงานการสำรวจของ Asia Foundation ที่บอกว่าคนชั้นกลางจำนวนมาก ซึ่งเป็นผู้มีรายได้ สนับสนุนฝ่ายไล่รัฐบาล
    นักล่าไม่ต้องคิดมาก คุณครู CRS เขียนสารภาพออกมาแล้วว่า ไทยเป็นลูกค้ารายใหญ่ นำเข้าสินค้าจากอเมริกาเป็นจำนวนมาก ชนชั้นกลางคือผู้มีกำลังซื้อ จะปล่อยให้เล่นชกมวยสนามในบ้านไปเรื่อย ๆ แบบนี้ทำให้นักล่าเสียหายในสนามภูมิภาค แถมจะกระเทือนตำแหน่งแชมป์โลกเอาด้วย ไหนจะเรื่องกบจะจมน้ำเพราะไม่มีใบบัวรองรับ ไหนจะมีอาเฮียคอยคว้าสะเอวสมัน น้อยไปเดินเล่น นี่ยังมีเรื่องค้าขายอีก โอ้ พระเจ้า เศรษฐกิจไอกำลังอาการหนัก ต้องการกำลังซื้ออย่างยิ่ง แล้วพวกผักชีโรยหน้าที่ไปเจรจาไว้นะ เอาเข้าจริงจะพึ่งได้แบบ Mil to Mil อย่างคุณพี่ทหารของไทยแลนด์หรือเปล่า สิงคโปร์น่ะ ยังต้องส่งทหารมาฝึกกับคุณพี่ตู่ทุกปี เวียตนามล่ะ รบคนละแนว อาวุธยุทโธปกรณ์เขาก็ได้จากพี่ปูของรัสเซียทั้งนั้น แล้วแน่ใจหรือว่าคุณเวียตเขาจะเชื่อว่านักล่า รักจริงหวังแต่ง รบราฆ่าฟันกันจนตายเป็นเบื่อ เขาไม่ลืมง่าย ๆ หรอกน่า
    ส่วนอินโดน่ะ ตอนคุณพี่ Obama ไปตั้งให้เป็นคู่หูคนใหม่ เพราะบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่เคยอาศัยอยู่บ้านเมืองเขาอยู่เมื่อเด็ก ๆ น่ะ นักวิเคราะห์ค่ายนักล่าเอง หัวร่อกันครืน บอกว่าทดแทนบุญคุณผิดที่เสียแล้วท่าน ท่านอาจจะกำลังยื่นดาบให้ศัตรู (อ้าวตาย เรื่องนี้เขาปิดกันหรือเปล่านะ) ฟิลิปปินส์เองก็ใช่ว่าหายเคืองกัน เดี๋ยวสั่งปิดเดี๋ยวสั่งเปิดฐานทัพ ชาวบ้านเขาก็เบื่อเป็นเหมือนกันนะ วัน ๆ วิดน้ำทะเลออกจากบ้านก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว พายุมาแล้ว มาอีก แล้วคุณพ่ออเมริกามาช่วยอะไรบ้างล่ะ ถ้าจะให้ดีช่วยกลับไปอ่าน ยุทธการกบกระโดด อีกรอบนะครับ จะได้ประหยัดแรงงานคนแก่ ไม่ต้องเขียนซ้ำ
    เห็นได้ชัดว่า นักล่าแทบไม่มีทางเลือกหรอก อยากจะบุกเซียงไฮ้ ไม่มีไทยแลนด์เข้าฉากด้วย บอกได้คำเดียวว่าหนังจืดครับ เผลอ ๆ คนดูนอนหลับ น้ำลายไหลยึด จะลุยกับ
อาเฮียเขาทั้งที มันต้องยกทัพโยธาเป็นขบวนใหญ่ มันถึงจะสมศักดิ์ศรีนักล่า มีแต่เด็ก ๆ หรือพวกหน้าใหม่ผักชีโรยหน้าไป แต่หัวหมู่ทะลวงฟันคบกับมา 60 ปี มองหน้ารู้ใจ
ไม่เอาไปด้วย อย่างนี้ต้องส่งสามก๊กบวกตำรา ซุนวูไปให้ คุณพี่ Obama อ่านแทนฟังรายงานของ ไอ้พวกถังสมอง (think tank) พูดถึงเรื่องถังสมอง เดี๋ยวจะแถมให้ก่อนจบ ถ้าไม่ลืมซะก่อน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (3) คุณครูผู้ปกครอง CRS เขียนสมุดรายงานความประพฤตินักเรียนไทยแบบไม่ต้องตีความกันมาก อเมริการับไม่ได้ที่จะให้ไทยแลนด์เล่นกีฬาสีภายในกันไปตลอดชาติ มันต้องหยุดเสียที จะหยุดแบบไหน ก็แบบที่ทำให้ประเทศไทยมีความสงบมั่นคงนั่นแหละ เพราะมันเป็นความจำเป็นของนักล่า ในการจะใช้ไทย ที่มีบ้านเมืองสงบมั่นคง ร่วมขบวนทัพไปบุกบ้านอาเฮีย !

คุณครูเขียนเองนะว่า ประเทศไทยเป็นที่ชื่นชมว่า มีความมั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองมาตลอด จนเมื่อมีการปฏิวัติ ค.ศ. 2006 (เมื่อมีการไล่ไอ้โจรร้ายออกไป แล้วไอ้โจรร้ายมันไม่ยอมรับ ไม่ว่าผลทางกฏหมาย หรือผลทางการเมือง มันถึงได้ตีตั๋วรวนแบบตั๋วไม่มีหมดอายุ จนกว่าหมดอายุกันไปข้างหนึ่งน่ะแหละ) เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ ถ้าสื่อนอกหรือคุณนายฑูต มันว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย ก็เอารายงานคุณครู CRS ของพวกมันเองนี้แหละ ส่งไปให้อ่านนะครับ ทำเป็นแผ่นโปสเตอร์ใหญ่ ติดหน้าสถาน
ฑูตมันเลยดีไหมพี่น้อง เดี๋ยวผมจะเอา link มาลง แล้วก็ช่วยกันอ่าน ช่วยกันก๊อบส่งกันไป จริง ๆ ก็หาไม่ยากอะไร กดถามอากู “Thailand : Background and US Relations” ปี ค.ศ. 2013 มันก็ขึ้นมาแล้วครับ นักล่ามันจะทนนั่งเกาหัวดูอยู่เฉย ๆ ได้ยังไง ประเทศนี้อยู่ในอุ้งมือมันมาตั้งกะ ค.ศ. 1954 กว่า 60 ปีมาแล้ว ของมันเคย เคยมี เคยสั่ง เคยใช้กันได้ วันดีคืนดีมีอาเฮียมายืนพุงโต แอบจับมือกับสมันน้อยอีกคน ความอิจฉาตาร้อนก็ต้องมีเป็นธรรมดา ยังมาปากแข็งทำเป็นขู่ว่า ไอไม่ให้ไทยแลนด์เล่นเป็นตัวเอกในหนังใหม่เรื่อง เมื่อคาวบอยบุก
เซียงไฮ้ “Rebalancing” พูดแบบนี้ นึกว่าสมันน้อยจะร้องไห้ฟูมฟายหรือ ขอโทษผ่านมา 60 ปีแล้ว ไม่มีคอมมี่มาขู่ให้สมันน้อยผวาแล้ว แถมตอนนี้สมันน้อยเนื้อหอม
ไม่ให้เล่นเป็นพระเอก ในเรื่องคาวบอยบุกเซียงไฮ้ สมันน้อยอาจจะเลือกไปเล่นเป็นนางเอกเรื่อง เมื่อเซียงไฮ้ถล่มแอลเอ แทนก็ได้นะ
แล้วไงล่ะ ไปเอาพวกตัวประกอบหน้าใหม่ ผักชีโรยหน้ามาเล่นแทนนะ จะให้กบกระโดดมาจากอินโดนีเซี ย หรือออสเตรเลีย ไม่มีใบบัวแถวชุมพรรองรับ กบได้จมน้ำตายเกลี้ยง เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน ก็รู้อยู่แก่ใจ จนหลุดปากบอกออกมาแล้วว่า ตำแหน่งที่ประเทศไทยตั้งอยู่มันเป็นส่วนสำคัญ (อย่างยิ่ง !) สำหรับการจะเข้าไปเล่นบทคาวบอยบุกเซียงไฮ้ รายงานของคุณครูผู้ปกครอง CRS ออกมาปลายธันวาคม ค.ศ. 2013
shut down กรุงเทพฯ ของลุงกำนัน 9 ธันวาคม เกิดขึ้นแล้ว นักล่าเห็นแล้วว่า
มวลมหาประชาชน แม้จะร้องรำทำเพลงประกอบการประท้วงขับไล่ทุกวัน แต่ก็เอาจริง (เอะ ! หรือนักล่ามันเป็นคนช่วยส่ง ช่วยเสริม ให้เอาจริง ความสงบจะได้มาเร็ว !?!) แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ให้เห็นว่ารัฐบาลแพ้ยับเยิน บวกกับรายงานการสำรวจของ Asia Foundation ที่บอกว่าคนชั้นกลางจำนวนมาก ซึ่งเป็นผู้มีรายได้ สนับสนุนฝ่ายไล่รัฐบาล นักล่าไม่ต้องคิดมาก คุณครู CRS เขียนสารภาพออกมาแล้วว่า ไทยเป็นลูกค้ารายใหญ่ นำเข้าสินค้าจากอเมริกาเป็นจำนวนมาก ชนชั้นกลางคือผู้มีกำลังซื้อ จะปล่อยให้เล่นชกมวยสนามในบ้านไปเรื่อย ๆ แบบนี้ทำให้นักล่าเสียหายในสนามภูมิภาค แถมจะกระเทือนตำแหน่งแชมป์โลกเอาด้วย ไหนจะเรื่องกบจะจมน้ำเพราะไม่มีใบบัวรองรับ ไหนจะมีอาเฮียคอยคว้าสะเอวสมัน น้อยไปเดินเล่น นี่ยังมีเรื่องค้าขายอีก โอ้ พระเจ้า เศรษฐกิจไอกำลังอาการหนัก ต้องการกำลังซื้ออย่างยิ่ง แล้วพวกผักชีโรยหน้าที่ไปเจรจาไว้นะ เอาเข้าจริงจะพึ่งได้แบบ Mil to Mil อย่างคุณพี่ทหารของไทยแลนด์หรือเปล่า สิงคโปร์น่ะ ยังต้องส่งทหารมาฝึกกับคุณพี่ตู่ทุกปี เวียตนามล่ะ รบคนละแนว อาวุธยุทโธปกรณ์เขาก็ได้จากพี่ปูของรัสเซียทั้งนั้น แล้วแน่ใจหรือว่าคุณเวียตเขาจะเชื่อว่านักล่า รักจริงหวังแต่ง รบราฆ่าฟันกันจนตายเป็นเบื่อ เขาไม่ลืมง่าย ๆ หรอกน่า ส่วนอินโดน่ะ ตอนคุณพี่ Obama ไปตั้งให้เป็นคู่หูคนใหม่ เพราะบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่เคยอาศัยอยู่บ้านเมืองเขาอยู่เมื่อเด็ก ๆ น่ะ นักวิเคราะห์ค่ายนักล่าเอง หัวร่อกันครืน บอกว่าทดแทนบุญคุณผิดที่เสียแล้วท่าน ท่านอาจจะกำลังยื่นดาบให้ศัตรู (อ้าวตาย เรื่องนี้เขาปิดกันหรือเปล่านะ) ฟิลิปปินส์เองก็ใช่ว่าหายเคืองกัน เดี๋ยวสั่งปิดเดี๋ยวสั่งเปิดฐานทัพ ชาวบ้านเขาก็เบื่อเป็นเหมือนกันนะ วัน ๆ วิดน้ำทะเลออกจากบ้านก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว พายุมาแล้ว มาอีก แล้วคุณพ่ออเมริกามาช่วยอะไรบ้างล่ะ ถ้าจะให้ดีช่วยกลับไปอ่าน ยุทธการกบกระโดด อีกรอบนะครับ จะได้ประหยัดแรงงานคนแก่ ไม่ต้องเขียนซ้ำ เห็นได้ชัดว่า นักล่าแทบไม่มีทางเลือกหรอก อยากจะบุกเซียงไฮ้ ไม่มีไทยแลนด์เข้าฉากด้วย บอกได้คำเดียวว่าหนังจืดครับ เผลอ ๆ คนดูนอนหลับ น้ำลายไหลยึด จะลุยกับ
อาเฮียเขาทั้งที มันต้องยกทัพโยธาเป็นขบวนใหญ่ มันถึงจะสมศักดิ์ศรีนักล่า มีแต่เด็ก ๆ หรือพวกหน้าใหม่ผักชีโรยหน้าไป แต่หัวหมู่ทะลวงฟันคบกับมา 60 ปี มองหน้ารู้ใจ
ไม่เอาไปด้วย อย่างนี้ต้องส่งสามก๊กบวกตำรา ซุนวูไปให้ คุณพี่ Obama อ่านแทนฟังรายงานของ ไอ้พวกถังสมอง (think tank) พูดถึงเรื่องถังสมอง เดี๋ยวจะแถมให้ก่อนจบ ถ้าไม่ลืมซะก่อน คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    ตอนที่ 3
    จะแสดงอภิมหาแสนยานุภาพทั้งที ต้องดูตาถี่ตาห่าง ทบทวนกันหน่อยว่าตอนนี้
    ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู ใครเป็นพวกใคร น้ำหนักเท่าไหร่ ความไวเป็นอย่างไร จุดเป็น จุดตาย จุดอ่อนจุดแข็ง อยู่ตรงไหน โลกมันเปลี่ยนไปเร็ว เห็นตัวอย่างจากการโตเร็วของอาเฮียแดนมังกรแล้ว ไม่ทำการบ้านให้ดี ถลาเข้ามาเดินเชิดหน้าพองขน ดันโดนรุมสกรัม พุ่งถลาหน้าแหก คงไม่สง่างามสมกับเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่งของโลก
    เอ้า วัดสัดส่วนเทียบทุกจุดแล้ว โผออกมาดังนี้
    1. กลุ่มที่จะกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกาและพวก คือ
    – จีน และ เกาหลีเหนือ สำหรับ กลุ่มพวกเอเซีย
    – อิหร่านและซีเรีย (และกลุ่มหัวรุนแรง ที่ไม่ประกาศสัญชาติ) สำหรับ กลุ่ม
    ตะวันออกกลาง
    – รัสเซีย สำหรับ กลุ่มเอเซีย และยุโรป
    2. คู่แข่งในการแสดงอำนาจและบารมีของอเมริกาในภูมิภาคต่าง ๆ
    – จีน ในเอเซียตะวันออก เอเซียกลาง และอาฟริกา (โปรดสังเกต ไม่มีเอเซีย
    ตะวันออกเฉียงใต้ แสดงว่าประเทศแถวนี้ มันหมูในอวย หรือลูกหาบตลอดการของนักล่า หือไม่ขึ้นแล้ว อาเฮียลื้ออย่ามาเกี้ยวให้เสียเวลาเลย ฮา !)
    – อิหร่าน ในตะวันออกกลาง
    – รัสเซีย ในเอเซียกลาง และบริเวณใกล้เคียง
    3. คู่แข่งในเรื่องกองทัพและอาวุธ
    – จีน และเกาหลีเหนือ
    – อิหร่าน
    (เอะ ! ทำไมตัวละครมันซ้ำ ๆ กันแบบนี้ คนทำการบ้านวิเคราะห์ถูกหรือเปล่านะ คนเล่า
    นิทานชักเบื่อ ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย)
    รู้มิตร รู้ศัตรู รู้หน้าตาคู่แข่ง พวกก้างขวางคอ แล้วอเมริกาจะจัดการอย่างไรกับฐานทัพและกองทัพ ที่กระจายกันอยู่ทั่วโลก เพื่อรุกไปขย่มขวัญอาเฮียใน Asia Pacific และรับมือกับบรรดาก้างขวางคอ
    ผู้ทำแผนการล่าเหยื่อบอกไม่มีปัญหา เรามีแผนจัดเป็นโปรแกรม โปรดเลือกเอาตาม
    สะดวก ชอบโปรแกรมไหน กดไป ใช้ได้เลย เสียดายไม่ยักกะมีเพลงประจำ แต่ละโปรแกรมมาด้วย
    – โปรแกรมขย่มขวัญ
    จัดให้เพื่อแสดงบทขย่มขวัญจีนและเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ และให้พรรคพวกอุ่นใจ
    ว่านักล่ายังฟันคมกริบ กรงเล็บแข็ง ตะปบแม่น ถ้าอเมริกาต้องการแสดงแสนยานุภาพ
    ไปทางเอเซียอย่างเต็มที่ ! มันต้องยังงั้น ! ไปท้าทายเขาถึงหน้าบ้านเลย ดูซิว่าจีนกับเกาหลีเหนือ จะยืนเกาหัวมึนไป หรือนักล่าจะถูกดักตีหัวแบะเอง ให้มันรู้กันไป เป็นจิกโก๋ต้องใจสู้ เข้าไปท้าชิงในถิ่นเขาเลย !
    การจะใช้โปรแกรมขย่มขวัญ อเมริกาต้องขยายฐานทัพ และสร้างภาพให้โลก โดยเฉพาะ
    ผู้ที่อเมริกาอยากขย่มขวัญ เห็นว่าอเมริกามาแล้ว มาอยู่ตรงนี้จริง ๆ (permanent presence) ดังนั้นควรมีการขยายฐานทัพ/สร้างฐานทัพ ของพวกลูกหาบ เช่น ในฟิลิปปินส์ ไทยแลนด์ (ของสมันน้อยไงจ๊ะ ! ) สิงคโปร์และออสเตรเลียเพิ่มขึ้น
    และหาทางเจรจาสร้างฐานทัพกับมาเลเซียเวียตนาม และอินโดนีเซีย (พวกผักชีโรยหน้า) เพื่อเป็นการรองรับปัญหาที่อาจจะมาจากกรณีทะเลจีนใต้ (ที่ตนเองไปเสี้ยมไว้) ขณะเดียวกัน ก็ต้องเพิ่มการฝึกซ้อมรบร่วมกันทั้งทางอากาศและทางทะเล กับพวกลูกหาบให้บ่อยมากขึ้น
    ส่วนฐานทัพที่อยู่ในอเมริกาไม่ต้องทำอะไร แค่ดูให้มั่นใจว่ารับศึกที่จะมาคุกคาม พรรคพวกแถวยุโรปกับอาหรับได้เป็นพอ
    (เรียกว่าเป็นโปรแกรมใหญ่ ค่าตั๋วน่าจะแพง กินงบประมาณแผ่นดินกันถ้วนหน้า ถ้าชิงรางวัลใหญ่ไม่ได้ อาจกลายเป็นเสียเมืองแทน
    พวกลูกหาบระวังตัวให้ดีแล้วกัน)
    – โปรแกรมรับมือ
    เป็นการเตรียมรับมือในกรณี เกิดความไม่มั่นคงในตะวันออกกลาง เพราะทะเลาะกันเอง
    หรือการเมือง เศรษฐกิจของหลายประเทศไม่มั่นคง (ก็เกิดจากการเสี้ยมของอเมริกานั่นแหละ ไม่ต้องวิเคราะห์มากให้ปวดหัว)
    รายการนี้ต้องใช้ฐานทัพและกองกำลังของอเมริกาเป็นตัวหลัก
    ยุทธศาสตร์นี้จะใช้ต่อเมื่อจีนไม่มีปฎิกริยาโต้ตอบกับอเมริกา เหมือนเป็นกองกำลังกงเต๊ก ส่วนในยุโรปก็ไม่มีผู้ท้าชิง ในทางตรงกันข้าม อิหร่านเกิดบ้าเลือดมาแรง เผลอ ๆ จะได้เห็นนิวเคลียร์ยี่ห้ออิหร่านลงแอลเอ ! ดังนั้น กองกำลังที่อยู่ในยุโรปและในอเมริกาเองจะต้องปรับ เพื่อให้คล่องตัวในการเล่นศึกกับอิหร่าน สำหรับเอเซีย การปรับเปลี่ยนกองกำลังและฐานทัพ จะเป็นเช่นเดียวกับโปรแกรมขย่มขวัญ
    (โปรแกรมนี้ดูมันไม่ค่อยมีเหตุผลนะ แต่ก็อยากเห็น ระเบิดลงหัวนักล่า
    เหมือนกันแหละ !)
    – โปรแกรมนักล่าตัวจริง
    กรณีนี้ใช้สำหรับนักล่าตัวจริง หมายเลข 1 ของโลก ที่จะล่ามันไปทั่วทั้งบริเวณ
    East Asia, ยุโรป และตะวันออกกลาง และขยายฐานที่มีอยู่ใน Southeast Asia ไปจนถึงตะวันออกกลาง ทั้งในด้านการเมืองและการเงิน
    ถ้าเลือกโปรแกรมนี้ นักล่าต้องฟิตหนัก เพราะต้องเตรียมตัวรับ กับ การขยายตัวทางการทหารจากจีน และเกาหลีเหนือ (ก็ยื่นหน้าไปเบ่งกล้ามใส่เขา คิดว่าเขา
    จะอยู่เฉยหรือไง !) และยังต้องมีกองกำลังในตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมรับมือกับอิหร่านอีกด้วย
    และต้องพร้อมที่จะชนะการปะทะแถวยุโรป เพื่อแสดงให้เด็ก ๆ แถว Nato เห็นว่าลูกพี่ยังแน่อยู่
    กองทัพแถวยุโรป จึงต้องยังมีและพร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม นักล่าต้องทำให้น่าเชื่อว่าตัวเอง ดูแลอย่างใกล้ชิดประเทศในแถบ GCC (Gulf Cooperation Council) สร้างภาพให้เป็นที่เชื่อถือ มีภาพตัวเองติดอยู่ในแถบ GCC (ติดรูปไว้ทุกเสาไฟฟ้าเลยนะ)
    และควรมีการทำข้อตกลงกับ Saudi Arabia และ India ที่จะใช้ฐานทัพในแถบนั้นได้ ในกรณีวิกฤติ (อันนี้ไม่ใช่ผักชีโรย แต่เป็นอาหารจานหลักนี่หว่า หลอกแขกชัด ๆ) ส่วนกองกำลังปะทะ (combat) และกองกำลังเคลื่อนที่ จะต้องมีอยู่ในฐานทัพต่าง ๆ ของอเมริกา
    (นี่มันโปรแกรมฝันกลางวัน เอ ! หรือนักล่าเอาจริง ! )
    แล้วตกลงอเมริกาจะเลือกใช้โปรแกรมไหน น่าสังเกตว่าทุกโปรแกรม ยุโรปเหมือนเป็นตัว
    ประกอบราคาถูก หรือไม่กล้าใช้นายเหนืออีกทีกันแน่
    แต่ที่น่าสนใจฝ่ายวางแผนล่าเหยื่อบอกว่า อเมริกาต้องตัดสินใจ ว่าจะจัดการกับกองกำลังและฐานทัพที่เกลื่อนอยู่ทั่วโลกอย่างไร มันใช้เงินโขอยู่ ตอนนี้ก็ไม่ได้รวยอย่างที่โม้ไว้ เพราะฉะนั้นเลือกเลยว่า จะแค่ขย่มขวัญ รับมือ หรือเป็นนักล่าตัวจริง ใหญ่ค้ำโลก
    การเลือกของอเมริกาในเรื่องนี้ มันจะแสดงให้เห็นอนาคตของโลกนี้ว่า
    กระบวนยุทธครั้งนี้ของอเมริกา เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ไหม ขณะนี้อเมริกายังไม่พูดให้ชัดว่าจะเล่นแค่ Asia Pacific เป็นฉากหน้า แต่ของจริงล่าทั้งโลก ส่วนไอ้เรื่องโปรแกรมรับมือน่ะ ไม่มีทาง เขียนมาให้โวยเล่น นักล่าหรือจะคิดแค่รับมือ!

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” ตอนที่ 3 จะแสดงอภิมหาแสนยานุภาพทั้งที ต้องดูตาถี่ตาห่าง ทบทวนกันหน่อยว่าตอนนี้ ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู ใครเป็นพวกใคร น้ำหนักเท่าไหร่ ความไวเป็นอย่างไร จุดเป็น จุดตาย จุดอ่อนจุดแข็ง อยู่ตรงไหน โลกมันเปลี่ยนไปเร็ว เห็นตัวอย่างจากการโตเร็วของอาเฮียแดนมังกรแล้ว ไม่ทำการบ้านให้ดี ถลาเข้ามาเดินเชิดหน้าพองขน ดันโดนรุมสกรัม พุ่งถลาหน้าแหก คงไม่สง่างามสมกับเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่งของโลก เอ้า วัดสัดส่วนเทียบทุกจุดแล้ว โผออกมาดังนี้ 1. กลุ่มที่จะกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกาและพวก คือ – จีน และ เกาหลีเหนือ สำหรับ กลุ่มพวกเอเซีย – อิหร่านและซีเรีย (และกลุ่มหัวรุนแรง ที่ไม่ประกาศสัญชาติ) สำหรับ กลุ่ม ตะวันออกกลาง – รัสเซีย สำหรับ กลุ่มเอเซีย และยุโรป 2. คู่แข่งในการแสดงอำนาจและบารมีของอเมริกาในภูมิภาคต่าง ๆ – จีน ในเอเซียตะวันออก เอเซียกลาง และอาฟริกา (โปรดสังเกต ไม่มีเอเซีย ตะวันออกเฉียงใต้ แสดงว่าประเทศแถวนี้ มันหมูในอวย หรือลูกหาบตลอดการของนักล่า หือไม่ขึ้นแล้ว อาเฮียลื้ออย่ามาเกี้ยวให้เสียเวลาเลย ฮา !) – อิหร่าน ในตะวันออกกลาง – รัสเซีย ในเอเซียกลาง และบริเวณใกล้เคียง 3. คู่แข่งในเรื่องกองทัพและอาวุธ – จีน และเกาหลีเหนือ – อิหร่าน (เอะ ! ทำไมตัวละครมันซ้ำ ๆ กันแบบนี้ คนทำการบ้านวิเคราะห์ถูกหรือเปล่านะ คนเล่า นิทานชักเบื่อ ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย) รู้มิตร รู้ศัตรู รู้หน้าตาคู่แข่ง พวกก้างขวางคอ แล้วอเมริกาจะจัดการอย่างไรกับฐานทัพและกองทัพ ที่กระจายกันอยู่ทั่วโลก เพื่อรุกไปขย่มขวัญอาเฮียใน Asia Pacific และรับมือกับบรรดาก้างขวางคอ ผู้ทำแผนการล่าเหยื่อบอกไม่มีปัญหา เรามีแผนจัดเป็นโปรแกรม โปรดเลือกเอาตาม สะดวก ชอบโปรแกรมไหน กดไป ใช้ได้เลย เสียดายไม่ยักกะมีเพลงประจำ แต่ละโปรแกรมมาด้วย – โปรแกรมขย่มขวัญ จัดให้เพื่อแสดงบทขย่มขวัญจีนและเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ และให้พรรคพวกอุ่นใจ ว่านักล่ายังฟันคมกริบ กรงเล็บแข็ง ตะปบแม่น ถ้าอเมริกาต้องการแสดงแสนยานุภาพ ไปทางเอเซียอย่างเต็มที่ ! มันต้องยังงั้น ! ไปท้าทายเขาถึงหน้าบ้านเลย ดูซิว่าจีนกับเกาหลีเหนือ จะยืนเกาหัวมึนไป หรือนักล่าจะถูกดักตีหัวแบะเอง ให้มันรู้กันไป เป็นจิกโก๋ต้องใจสู้ เข้าไปท้าชิงในถิ่นเขาเลย ! การจะใช้โปรแกรมขย่มขวัญ อเมริกาต้องขยายฐานทัพ และสร้างภาพให้โลก โดยเฉพาะ ผู้ที่อเมริกาอยากขย่มขวัญ เห็นว่าอเมริกามาแล้ว มาอยู่ตรงนี้จริง ๆ (permanent presence) ดังนั้นควรมีการขยายฐานทัพ/สร้างฐานทัพ ของพวกลูกหาบ เช่น ในฟิลิปปินส์ ไทยแลนด์ (ของสมันน้อยไงจ๊ะ ! ) สิงคโปร์และออสเตรเลียเพิ่มขึ้น และหาทางเจรจาสร้างฐานทัพกับมาเลเซียเวียตนาม และอินโดนีเซีย (พวกผักชีโรยหน้า) เพื่อเป็นการรองรับปัญหาที่อาจจะมาจากกรณีทะเลจีนใต้ (ที่ตนเองไปเสี้ยมไว้) ขณะเดียวกัน ก็ต้องเพิ่มการฝึกซ้อมรบร่วมกันทั้งทางอากาศและทางทะเล กับพวกลูกหาบให้บ่อยมากขึ้น ส่วนฐานทัพที่อยู่ในอเมริกาไม่ต้องทำอะไร แค่ดูให้มั่นใจว่ารับศึกที่จะมาคุกคาม พรรคพวกแถวยุโรปกับอาหรับได้เป็นพอ (เรียกว่าเป็นโปรแกรมใหญ่ ค่าตั๋วน่าจะแพง กินงบประมาณแผ่นดินกันถ้วนหน้า ถ้าชิงรางวัลใหญ่ไม่ได้ อาจกลายเป็นเสียเมืองแทน พวกลูกหาบระวังตัวให้ดีแล้วกัน) – โปรแกรมรับมือ เป็นการเตรียมรับมือในกรณี เกิดความไม่มั่นคงในตะวันออกกลาง เพราะทะเลาะกันเอง หรือการเมือง เศรษฐกิจของหลายประเทศไม่มั่นคง (ก็เกิดจากการเสี้ยมของอเมริกานั่นแหละ ไม่ต้องวิเคราะห์มากให้ปวดหัว) รายการนี้ต้องใช้ฐานทัพและกองกำลังของอเมริกาเป็นตัวหลัก ยุทธศาสตร์นี้จะใช้ต่อเมื่อจีนไม่มีปฎิกริยาโต้ตอบกับอเมริกา เหมือนเป็นกองกำลังกงเต๊ก ส่วนในยุโรปก็ไม่มีผู้ท้าชิง ในทางตรงกันข้าม อิหร่านเกิดบ้าเลือดมาแรง เผลอ ๆ จะได้เห็นนิวเคลียร์ยี่ห้ออิหร่านลงแอลเอ ! ดังนั้น กองกำลังที่อยู่ในยุโรปและในอเมริกาเองจะต้องปรับ เพื่อให้คล่องตัวในการเล่นศึกกับอิหร่าน สำหรับเอเซีย การปรับเปลี่ยนกองกำลังและฐานทัพ จะเป็นเช่นเดียวกับโปรแกรมขย่มขวัญ (โปรแกรมนี้ดูมันไม่ค่อยมีเหตุผลนะ แต่ก็อยากเห็น ระเบิดลงหัวนักล่า เหมือนกันแหละ !) – โปรแกรมนักล่าตัวจริง กรณีนี้ใช้สำหรับนักล่าตัวจริง หมายเลข 1 ของโลก ที่จะล่ามันไปทั่วทั้งบริเวณ East Asia, ยุโรป และตะวันออกกลาง และขยายฐานที่มีอยู่ใน Southeast Asia ไปจนถึงตะวันออกกลาง ทั้งในด้านการเมืองและการเงิน ถ้าเลือกโปรแกรมนี้ นักล่าต้องฟิตหนัก เพราะต้องเตรียมตัวรับ กับ การขยายตัวทางการทหารจากจีน และเกาหลีเหนือ (ก็ยื่นหน้าไปเบ่งกล้ามใส่เขา คิดว่าเขา จะอยู่เฉยหรือไง !) และยังต้องมีกองกำลังในตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมรับมือกับอิหร่านอีกด้วย และต้องพร้อมที่จะชนะการปะทะแถวยุโรป เพื่อแสดงให้เด็ก ๆ แถว Nato เห็นว่าลูกพี่ยังแน่อยู่ กองทัพแถวยุโรป จึงต้องยังมีและพร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม นักล่าต้องทำให้น่าเชื่อว่าตัวเอง ดูแลอย่างใกล้ชิดประเทศในแถบ GCC (Gulf Cooperation Council) สร้างภาพให้เป็นที่เชื่อถือ มีภาพตัวเองติดอยู่ในแถบ GCC (ติดรูปไว้ทุกเสาไฟฟ้าเลยนะ) และควรมีการทำข้อตกลงกับ Saudi Arabia และ India ที่จะใช้ฐานทัพในแถบนั้นได้ ในกรณีวิกฤติ (อันนี้ไม่ใช่ผักชีโรย แต่เป็นอาหารจานหลักนี่หว่า หลอกแขกชัด ๆ) ส่วนกองกำลังปะทะ (combat) และกองกำลังเคลื่อนที่ จะต้องมีอยู่ในฐานทัพต่าง ๆ ของอเมริกา (นี่มันโปรแกรมฝันกลางวัน เอ ! หรือนักล่าเอาจริง ! ) แล้วตกลงอเมริกาจะเลือกใช้โปรแกรมไหน น่าสังเกตว่าทุกโปรแกรม ยุโรปเหมือนเป็นตัว ประกอบราคาถูก หรือไม่กล้าใช้นายเหนืออีกทีกันแน่ แต่ที่น่าสนใจฝ่ายวางแผนล่าเหยื่อบอกว่า อเมริกาต้องตัดสินใจ ว่าจะจัดการกับกองกำลังและฐานทัพที่เกลื่อนอยู่ทั่วโลกอย่างไร มันใช้เงินโขอยู่ ตอนนี้ก็ไม่ได้รวยอย่างที่โม้ไว้ เพราะฉะนั้นเลือกเลยว่า จะแค่ขย่มขวัญ รับมือ หรือเป็นนักล่าตัวจริง ใหญ่ค้ำโลก การเลือกของอเมริกาในเรื่องนี้ มันจะแสดงให้เห็นอนาคตของโลกนี้ว่า กระบวนยุทธครั้งนี้ของอเมริกา เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ไหม ขณะนี้อเมริกายังไม่พูดให้ชัดว่าจะเล่นแค่ Asia Pacific เป็นฉากหน้า แต่ของจริงล่าทั้งโลก ส่วนไอ้เรื่องโปรแกรมรับมือน่ะ ไม่มีทาง เขียนมาให้โวยเล่น นักล่าหรือจะคิดแค่รับมือ! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • สตาร์บัคส์มาเลเซียอ่วม หางเลขบอยคอตขาดทุนยับ

    กิจกรรมคว่ำบาตรจากเหตุความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ส่งผลทำให้ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน สตาร์บัคส์ (Starbucks) ในประเทศมาเลเซีย ภายใต้การบริหารงานของเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด (Berjaya Food Berhad) ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชัน (Berjaya Corporation) ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรายงานผลประกอบการไปยังตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซามาเลเซีย (Bursa Malaysia) ว่า งบการเงินปี 2025 มีรายได้รวม 476.770 ล้านริงกิต ขาดทุน 291.99 ล้านริงกิต (ประมาณ 2,232.37 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด เทียบกับงบการเงินปี 2024 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 ที่มีรายได้รวม 750.70 ล้านบาท ขาดทุน 90.92 ล้านริงกิต

    สาเหตุหลักมาจากผลกระทบที่ยืดเยื้อ ของกระแสความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลต่อพลวัตของตลาดและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค นับจากนี้จะมุ่งเน้นกระจายตลาดทั้งในและต่างประเทศ (ซึ่งบริหารร้านสตาร์บัคส์ในประเทศบรูไน และไอซ์แลนด์) พร้อมกับปรับโครงสร้างร้านค้าในประเทศ ใช้นวัตกรรมควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการขยายตัวในด้านดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ควบคู่กับประสบการณ์ร้านค้าที่มีชีวิต

    ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ มาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากกรณีบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ฟ้องร้องสหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ กรณีโพสต์ข้อความสนับสนุนปาเลสไตน์ จากเหตุปะทะกับอิสราเอลในฉนวนกาซาเมื่อปี 2566 ทำให้เกิดกิจกรรมคว่ำบาตรไปทั่วโลก แม้แต่มาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ก็ได้รับอิทธิพลจากการรณรงค์ในครั้งนี้ ส่งผลให้รายได้ลดลง ต้องทยอยปิดสาขาที่รายได้ลดลง แม้ผู้ก่อตั้งกลุ่มเบอร์จายาอย่างวินเซนต์ ตัน (Vincent Tan) จะขอร้องให้ทบทวน ย้ำว่าผู้บริหารร้านเป็นบริษัทมาเลเซีย และพนักงาน 85% เป็นชาวมุสลิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบริจาคเงิน 1 ล้านริงกิตแก่กองทุนเพื่อมนุษยธรรมของชาวปาเลสไตน์ (AAKRP) ของรัฐบาลมาเลเซียอีกด้วย

    ร้านสตาร์บัคส์ มาเลเซีย เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2541 ที่ศูนย์การค้าเคแอล พลาซา ย่านบูกิตบินตัง (ปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าฟาเรนไฮต์ 88) ก่อนขยายสาขาไปทั่วประเทศ กระทั่งในปี 2567 มีจำนวนสาขารวม 408 แห่ง ซึ่งเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด ยังเป็นผู้บริหารร้านอาหารเคนนี่ โรเจอร์ โรสเตอร์, ร้านคริสปี้ ครีม, ร้านปารีสบาแก็ต, ร้านจอยบีน และร้านเคลาวา นอกจากนี้ กลุ่มเบอร์จายา ยังเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) ในมาเลเซีย ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 2,646 แห่ง

    #Newskit
    สตาร์บัคส์มาเลเซียอ่วม หางเลขบอยคอตขาดทุนยับ กิจกรรมคว่ำบาตรจากเหตุความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ส่งผลทำให้ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน สตาร์บัคส์ (Starbucks) ในประเทศมาเลเซีย ภายใต้การบริหารงานของเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด (Berjaya Food Berhad) ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชัน (Berjaya Corporation) ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรายงานผลประกอบการไปยังตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซามาเลเซีย (Bursa Malaysia) ว่า งบการเงินปี 2025 มีรายได้รวม 476.770 ล้านริงกิต ขาดทุน 291.99 ล้านริงกิต (ประมาณ 2,232.37 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด เทียบกับงบการเงินปี 2024 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 ที่มีรายได้รวม 750.70 ล้านบาท ขาดทุน 90.92 ล้านริงกิต สาเหตุหลักมาจากผลกระทบที่ยืดเยื้อ ของกระแสความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลต่อพลวัตของตลาดและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค นับจากนี้จะมุ่งเน้นกระจายตลาดทั้งในและต่างประเทศ (ซึ่งบริหารร้านสตาร์บัคส์ในประเทศบรูไน และไอซ์แลนด์) พร้อมกับปรับโครงสร้างร้านค้าในประเทศ ใช้นวัตกรรมควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการขยายตัวในด้านดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ควบคู่กับประสบการณ์ร้านค้าที่มีชีวิต ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ มาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากกรณีบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ฟ้องร้องสหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ กรณีโพสต์ข้อความสนับสนุนปาเลสไตน์ จากเหตุปะทะกับอิสราเอลในฉนวนกาซาเมื่อปี 2566 ทำให้เกิดกิจกรรมคว่ำบาตรไปทั่วโลก แม้แต่มาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ก็ได้รับอิทธิพลจากการรณรงค์ในครั้งนี้ ส่งผลให้รายได้ลดลง ต้องทยอยปิดสาขาที่รายได้ลดลง แม้ผู้ก่อตั้งกลุ่มเบอร์จายาอย่างวินเซนต์ ตัน (Vincent Tan) จะขอร้องให้ทบทวน ย้ำว่าผู้บริหารร้านเป็นบริษัทมาเลเซีย และพนักงาน 85% เป็นชาวมุสลิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบริจาคเงิน 1 ล้านริงกิตแก่กองทุนเพื่อมนุษยธรรมของชาวปาเลสไตน์ (AAKRP) ของรัฐบาลมาเลเซียอีกด้วย ร้านสตาร์บัคส์ มาเลเซีย เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2541 ที่ศูนย์การค้าเคแอล พลาซา ย่านบูกิตบินตัง (ปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าฟาเรนไฮต์ 88) ก่อนขยายสาขาไปทั่วประเทศ กระทั่งในปี 2567 มีจำนวนสาขารวม 408 แห่ง ซึ่งเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด ยังเป็นผู้บริหารร้านอาหารเคนนี่ โรเจอร์ โรสเตอร์, ร้านคริสปี้ ครีม, ร้านปารีสบาแก็ต, ร้านจอยบีน และร้านเคลาวา นอกจากนี้ กลุ่มเบอร์จายา ยังเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) ในมาเลเซีย ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 2,646 แห่ง #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • Viking River Cruise เส้นทาง 3 แม่น้ำยุโรป เปิดประตูสู่หัวใจของยุโรปกลาง ผ่านไรน์ ไมน์ และดานูบ
    18 วัน 17 คืน ล่องผ่าน 4 ประเทศ ชมเมืองประวัติศาสตร์ & มรดกโลก UNESCO
    เส้นทาง Switzerland - Germany - France - Netherland

    เดินทาง เม.ย. - ต.ค. 2569

    ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD 11,495
    โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม

    ราคานี้รวมครบ
    ทัวร์ชายฝั่ง 1 รายการทุกเมืองที่เรือจอด
    Wi-Fi บนเรือสำราญ
    เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ
    ค่าภาษีและค่าทิปพนักงานบนเรือ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-18D17N-BSL-BUD-2610281
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e63bfa

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #VikingRiverCruise #DanubeRiver #RhineRiver #MainRiver #Austria #Hungary #LuxuryCruise #ล่องเรือยุโรป #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #โปรโมชั่นพิเศษ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    🚢 Viking River Cruise เส้นทาง 3 แม่น้ำยุโรป เปิดประตูสู่หัวใจของยุโรปกลาง ผ่านไรน์ ไมน์ และดานูบ 18 วัน 17 คืน ล่องผ่าน 4 ประเทศ ชมเมืองประวัติศาสตร์ & มรดกโลก UNESCO เส้นทาง Switzerland - Germany - France - Netherland 📅 เดินทาง เม.ย. - ต.ค. 2569 ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD 11,495 โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม 💥 ✨ ราคานี้รวมครบ ✅ ทัวร์ชายฝั่ง 1 รายการทุกเมืองที่เรือจอด ✅ Wi-Fi บนเรือสำราญ ✅ เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ ✅ ค่าภาษีและค่าทิปพนักงานบนเรือ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-18D17N-BSL-BUD-2610281 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e63bfa ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #VikingRiverCruise #DanubeRiver #RhineRiver #MainRiver #Austria #Hungary #LuxuryCruise #ล่องเรือยุโรป #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #โปรโมชั่นพิเศษ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • Google กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ — เมื่อพลังงานสะอาดกลายเป็นหัวใจของคลาวด์และ AI

    ในยุคที่ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นเส้นเลือดหลักของโลกดิจิทัล และ AI ต้องการพลังงานมหาศาล Google กำลังเดินเกมใหม่ด้วยการลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ โดยร่วมมือกับ Kairos Power และ TVA เพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก Hermes 2 ที่เมือง Oak Ridge รัฐเทนเนสซี

    โรงไฟฟ้า Hermes 2 เป็นโรงไฟฟ้ารุ่น Generation IV ที่ใช้เทคโนโลยีหล่อเย็นด้วยเกลือฟลูออไรด์ (fluoride salt-cooled reactor) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ต่างจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ

    โรงไฟฟ้านี้จะผลิตไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์ เริ่มดำเนินการในปี 2030 และส่งพลังงานเข้าสู่ระบบของ TVA เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Google ที่รัฐเทนเนสซีและแอละแบมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวที่จะเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์ถึง 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2035

    สิ่งที่น่าสนใจคือรูปแบบความร่วมมือครั้งนี้เป็น Power Purchase Agreement (PPA) แบบใหม่ ที่ Google รับความเสี่ยงด้านต้นทุนและการพัฒนาเทคโนโลยี ส่วน TVA รับผิดชอบด้านการซื้อไฟฟ้าและส่งต่อพลังงานสะอาดให้กับ Google

    นอกจากเรื่องพลังงานแล้ว โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ Oak Ridge ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของการวิจัยนิวเคลียร์ในอดีต โดยมีแผนฝึกอบรมแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเทนเนสซีเพื่อเตรียมบุคลากรสำหรับงานด้านเทคนิคในโรงไฟฟ้า

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Google ร่วมมือกับ Kairos Power และ TVA สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Hermes 2 ที่ Oak Ridge, Tennessee
    Hermes 2 เป็นโรงไฟฟ้า Generation IV ที่ใช้เทคโนโลยี fluoride salt-cooled reactor
    เริ่มดำเนินการในปี 2030 และผลิตไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์
    พลังงานจะถูกส่งเข้าสู่ระบบของ TVA เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Google ที่ Tennessee และ Alabama
    ความร่วมมือเป็นรูปแบบ Power Purchase Agreement ที่ Google รับความเสี่ยงด้านต้นทุน
    โครงการนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า Gen IV ครั้งแรกของสหรัฐฯ
    Google มีแผนเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์เป็น 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2035
    Oak Ridge จะกลายเป็นศูนย์กลางนิวเคลียร์อีกครั้ง พร้อมโครงการฝึกอบรมแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัย
    Hermes 2 จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้กับระบบคลาวด์
    โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัฐเทนเนสซีและหน่วยงานด้านพลังงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Kairos Power เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากแคลิฟอร์เนียที่พัฒนาเทคโนโลยี KP-FHR มาตั้งแต่ปี 2016
    Hermes 2 ใช้เชื้อเพลิงแบบ TRISO pebble bed ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและทนความร้อนได้ดี
    โรงไฟฟ้าแบบ SMR (Small Modular Reactor) มีขนาดเล็กและสามารถสร้างได้เร็วกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม
    ศูนย์ข้อมูลอาจใช้ไฟฟ้าสูงถึง 9% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2030
    การใช้พลังงานนิวเคลียร์ช่วยให้ Google สามารถจัดการโหลดพลังงานของ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.techradar.com/pro/google-is-building-a-small-nuclear-reactor-in-tennessee-to-power-its-data-centers
    ⚛️ Google กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ — เมื่อพลังงานสะอาดกลายเป็นหัวใจของคลาวด์และ AI ในยุคที่ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นเส้นเลือดหลักของโลกดิจิทัล และ AI ต้องการพลังงานมหาศาล Google กำลังเดินเกมใหม่ด้วยการลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ โดยร่วมมือกับ Kairos Power และ TVA เพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก Hermes 2 ที่เมือง Oak Ridge รัฐเทนเนสซี โรงไฟฟ้า Hermes 2 เป็นโรงไฟฟ้ารุ่น Generation IV ที่ใช้เทคโนโลยีหล่อเย็นด้วยเกลือฟลูออไรด์ (fluoride salt-cooled reactor) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ต่างจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โรงไฟฟ้านี้จะผลิตไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์ เริ่มดำเนินการในปี 2030 และส่งพลังงานเข้าสู่ระบบของ TVA เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Google ที่รัฐเทนเนสซีและแอละแบมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวที่จะเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์ถึง 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2035 สิ่งที่น่าสนใจคือรูปแบบความร่วมมือครั้งนี้เป็น Power Purchase Agreement (PPA) แบบใหม่ ที่ Google รับความเสี่ยงด้านต้นทุนและการพัฒนาเทคโนโลยี ส่วน TVA รับผิดชอบด้านการซื้อไฟฟ้าและส่งต่อพลังงานสะอาดให้กับ Google นอกจากเรื่องพลังงานแล้ว โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ Oak Ridge ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของการวิจัยนิวเคลียร์ในอดีต โดยมีแผนฝึกอบรมแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเทนเนสซีเพื่อเตรียมบุคลากรสำหรับงานด้านเทคนิคในโรงไฟฟ้า 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Google ร่วมมือกับ Kairos Power และ TVA สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Hermes 2 ที่ Oak Ridge, Tennessee ➡️ Hermes 2 เป็นโรงไฟฟ้า Generation IV ที่ใช้เทคโนโลยี fluoride salt-cooled reactor ➡️ เริ่มดำเนินการในปี 2030 และผลิตไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์ ➡️ พลังงานจะถูกส่งเข้าสู่ระบบของ TVA เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Google ที่ Tennessee และ Alabama ➡️ ความร่วมมือเป็นรูปแบบ Power Purchase Agreement ที่ Google รับความเสี่ยงด้านต้นทุน ➡️ โครงการนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า Gen IV ครั้งแรกของสหรัฐฯ ➡️ Google มีแผนเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์เป็น 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2035 ➡️ Oak Ridge จะกลายเป็นศูนย์กลางนิวเคลียร์อีกครั้ง พร้อมโครงการฝึกอบรมแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัย ➡️ Hermes 2 จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้กับระบบคลาวด์ ➡️ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัฐเทนเนสซีและหน่วยงานด้านพลังงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Kairos Power เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากแคลิฟอร์เนียที่พัฒนาเทคโนโลยี KP-FHR มาตั้งแต่ปี 2016 ➡️ Hermes 2 ใช้เชื้อเพลิงแบบ TRISO pebble bed ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและทนความร้อนได้ดี ➡️ โรงไฟฟ้าแบบ SMR (Small Modular Reactor) มีขนาดเล็กและสามารถสร้างได้เร็วกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม ➡️ ศูนย์ข้อมูลอาจใช้ไฟฟ้าสูงถึง 9% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2030 ➡️ การใช้พลังงานนิวเคลียร์ช่วยให้ Google สามารถจัดการโหลดพลังงานของ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.techradar.com/pro/google-is-building-a-small-nuclear-reactor-in-tennessee-to-power-its-data-centers
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • ศาลพิพากษาดาราดัง คดีเมาแล้วขับ! จุดประกายถกเถียงบทลงโทษเพียงพอหรือไม่? ปฏิเสธเป่าแอลกอฮอล์ควรผิดเท่าเมาแล้วขับ! ถึงเวลาแก้กฎหมายคุ้มครองชีวิตประชาชน!

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081259

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลพิพากษาดาราดัง คดีเมาแล้วขับ! จุดประกายถกเถียงบทลงโทษเพียงพอหรือไม่? ปฏิเสธเป่าแอลกอฮอล์ควรผิดเท่าเมาแล้วขับ! ถึงเวลาแก้กฎหมายคุ้มครองชีวิตประชาชน! อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081259 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 316 Views 0 Reviews
  • "มารี เบรินเนอร์" รับทราบข้อหา "เมาแล้วขับ" หลังปฏิเสธเป่าแอลกอฮอล์ ตำรวจนำตัวส่งศาล ยันการอ้างชื่อ "พี่แมน" เป็นแค่คำพูดคนเมา
    https://www.thai-tai.tv/news/21118/
    .
    #มารีเบรินเนอร์ #เมาแล้วขับ #สนวังทองหลาง #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวบันเทิง #ไทยไท

    "มารี เบรินเนอร์" รับทราบข้อหา "เมาแล้วขับ" หลังปฏิเสธเป่าแอลกอฮอล์ ตำรวจนำตัวส่งศาล ยันการอ้างชื่อ "พี่แมน" เป็นแค่คำพูดคนเมา https://www.thai-tai.tv/news/21118/ . #มารีเบรินเนอร์ #เมาแล้วขับ #สนวังทองหลาง #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวบันเทิง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • มาเลย์เปิดเดินรถไฟ ETS3 เคแอลเซ็นทรัล-คลวง

    สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย ทรงประกอบพิธีเปิดบริการรถไฟด่วนพิเศษ ETS รุ่นที่ 3 (ETS3) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. และทรงขับรถไฟขบวนใหม่จากสถานีกัวลาลัมเปอร์ไปยังสถานีคลวง (Kluang) รัฐยะโฮร์ ระยะทาง 285 กิโลเมตร นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของระบบรางในมาเลเซีย นอกจากเป็นการเดินขบวนรถไฟรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว ยังเป็นการเปิดเส้นทางเดินรถเพิ่มเติม ตามโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร หลังขยายการเดินรถไฟ ETS ไปยังปลายทางสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ยังเสด็จฯ เปิดสวนสาธารณะ ลามัน เรล มาห์โกตา (Laman Rel Mahkota) ความยาว 2.8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้สถานีคลวง ก่อสร้างขึ้นบนทางรถไฟเดิม ขนานไปกับทางรถไฟยกระดับ โดยนำส่วนประกอบทางรถไฟเก่ามาปรับใช้และผสานเข้ากับสวนสาธารณะ เช่น ป้ายบอกทางดั้งเดิมของสถานี รางรถไฟและชานชาลาเก่า ที่พักรถไฟ ไปจนถึงสะพานคนเดินอันเป็นเอกลักษณ์ โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.

    การเปิดเส้นทางเดินรถไฟครั้งนี้ ไม่ได้ขยายบริการรถไฟจากสถานีปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส และสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง ที่มีอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันให้บริการถึงสถานีปลายทางเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่เป็นการเดินรถขบวนใหม่ ระหว่างสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานีคลวง ด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เที่ยวไป ขบวนที่ EP9511 ออกจากสถานีเคแอล เซ็นทรัล 07.45 น. ถึงสถานีคลวง 11.18 น. เที่ยวกลับ ขบวนที่ EP9514 ออกจากสถานีคลวง 17.13 น. ถึงสถานีเคแอล เซ็นทรัล 20.40 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 90-162 ริงกิต (696-1,252 บาท) เปิดสำรองที่นั่งแล้วผ่านแอปฯ KITS Style และเว็บไซต์ online.ktmb.com.my และให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.เป็นต้นไป

    สำหรับโครงการ EDTP ช่วงที่เหลือจากสถานีคลวง ถึงสถานีเจบีเซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทาง 87 กิโลเมตร แม้จะยังไม่มีกำหนดเปิดให้บริการ แต่นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า รถไฟ ETS3 จำนวน 2 ชุด อยู่ระหว่างทดสอบทางเทคนิค หากประสบความสำเร็จคาดว่าจะเริ่มให้บริการในเดือนนี้ ส่วนที่เหลืออีก 8 ชุดกำลังประกอบที่โรงงาน CRRC Rolling Stock Centre ในเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก หากครบทั้ง 10 ขบวนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2569

    #Newskit
    มาเลย์เปิดเดินรถไฟ ETS3 เคแอลเซ็นทรัล-คลวง สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย ทรงประกอบพิธีเปิดบริการรถไฟด่วนพิเศษ ETS รุ่นที่ 3 (ETS3) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. และทรงขับรถไฟขบวนใหม่จากสถานีกัวลาลัมเปอร์ไปยังสถานีคลวง (Kluang) รัฐยะโฮร์ ระยะทาง 285 กิโลเมตร นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของระบบรางในมาเลเซีย นอกจากเป็นการเดินขบวนรถไฟรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว ยังเป็นการเปิดเส้นทางเดินรถเพิ่มเติม ตามโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร หลังขยายการเดินรถไฟ ETS ไปยังปลายทางสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ยังเสด็จฯ เปิดสวนสาธารณะ ลามัน เรล มาห์โกตา (Laman Rel Mahkota) ความยาว 2.8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้สถานีคลวง ก่อสร้างขึ้นบนทางรถไฟเดิม ขนานไปกับทางรถไฟยกระดับ โดยนำส่วนประกอบทางรถไฟเก่ามาปรับใช้และผสานเข้ากับสวนสาธารณะ เช่น ป้ายบอกทางดั้งเดิมของสถานี รางรถไฟและชานชาลาเก่า ที่พักรถไฟ ไปจนถึงสะพานคนเดินอันเป็นเอกลักษณ์ โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. การเปิดเส้นทางเดินรถไฟครั้งนี้ ไม่ได้ขยายบริการรถไฟจากสถานีปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส และสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง ที่มีอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันให้บริการถึงสถานีปลายทางเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่เป็นการเดินรถขบวนใหม่ ระหว่างสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานีคลวง ด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เที่ยวไป ขบวนที่ EP9511 ออกจากสถานีเคแอล เซ็นทรัล 07.45 น. ถึงสถานีคลวง 11.18 น. เที่ยวกลับ ขบวนที่ EP9514 ออกจากสถานีคลวง 17.13 น. ถึงสถานีเคแอล เซ็นทรัล 20.40 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 90-162 ริงกิต (696-1,252 บาท) เปิดสำรองที่นั่งแล้วผ่านแอปฯ KITS Style และเว็บไซต์ online.ktmb.com.my และให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.เป็นต้นไป สำหรับโครงการ EDTP ช่วงที่เหลือจากสถานีคลวง ถึงสถานีเจบีเซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทาง 87 กิโลเมตร แม้จะยังไม่มีกำหนดเปิดให้บริการ แต่นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า รถไฟ ETS3 จำนวน 2 ชุด อยู่ระหว่างทดสอบทางเทคนิค หากประสบความสำเร็จคาดว่าจะเริ่มให้บริการในเดือนนี้ ส่วนที่เหลืออีก 8 ชุดกำลังประกอบที่โรงงาน CRRC Rolling Stock Centre ในเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก หากครบทั้ง 10 ขบวนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2569 #Newskit
    1 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • Trafalgar Reverie ล่องดานูบ สัมผัสมนต์เสน่ห์ 4 ประเทศ 5 เมืองยุโรปคลาสสิก
    ดื่มด่ำเส้นทางในฝันผ่าน บูดาเปสต์ – บราติสลาวา – เวียนนา – ลินซ์ – พัสเซา
    สัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ เมืองหลวงแห่งศิลปะ สถาปัตยกรรมงดงามริมแม่น้ำ

    วันที่ เม.ย. - ต.ค. 2569

    ⭕️ ราคาปกติ เริ่มต้น : 2,799 USD ลดเหลือ 2,049 USD
    โปรโมชั่นรับส่วนลด 1,500 USD ต่อคู่ สำหรับการล่องเรือแม่น้ำตามเส้นทางที่เลือก เมื่อจองก่อนวันที่ 30 กันยายน 2568

    ราคานี้รวมครบ
    พิเศษงานเลี้ยงต้นรับจากกัปตัน และทีมงานคุณภาพบนเรือ พร้อม Sparkling wine
    ห้องพักบนเรือสำราญ
    ทัวร์ชายฝั่งและ ไกด์ผู้ชำนาญทางจากทางเรือ
    เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : TFGP-8D7N-BUD-PAS-2610171
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/ea8b0e

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #TrafalgarReverie #Trafalgar #DanubeRiver #Budapest #Hungary #Schonbrunn #Austria #WachauValley #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    🚢 Trafalgar Reverie ✨ ล่องดานูบ สัมผัสมนต์เสน่ห์ 4 ประเทศ 5 เมืองยุโรปคลาสสิก ดื่มด่ำเส้นทางในฝันผ่าน บูดาเปสต์ – บราติสลาวา – เวียนนา – ลินซ์ – พัสเซา สัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ เมืองหลวงแห่งศิลปะ สถาปัตยกรรมงดงามริมแม่น้ำ 🏰 📅 วันที่ เม.ย. - ต.ค. 2569 ⭕️ ราคาปกติ เริ่มต้น : 2,799 USD ลดเหลือ 2,049 USD โปรโมชั่นรับส่วนลด 1,500 USD ต่อคู่ สำหรับการล่องเรือแม่น้ำตามเส้นทางที่เลือก เมื่อจองก่อนวันที่ 30 กันยายน 2568 💥 ✨ ราคานี้รวมครบ ✅ พิเศษงานเลี้ยงต้นรับจากกัปตัน และทีมงานคุณภาพบนเรือ พร้อม Sparkling wine ✅ ห้องพักบนเรือสำราญ ✅ ทัวร์ชายฝั่งและ ไกด์ผู้ชำนาญทางจากทางเรือ ✅ เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : TFGP-8D7N-BUD-PAS-2610171 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/ea8b0e ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #TrafalgarReverie #Trafalgar #DanubeRiver #Budapest #Hungary #Schonbrunn #Austria #WachauValley #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • สัมผัสยุโรปคลาสสิกผ่านสายน้ำไรน์บนเรือ Viking River Cruise 5 ดาว 8 วัน 7 คืน
    ล่องผ่าน 4 ประเทศ ไฮไลต์ครบทั้งธรรมชาติ เมืองเก่า มรดกโลก แวะเที่ยวเมืองดังอย่างสตราสบูร์ก โคโลญจน์ อัมสเตอร์ดัม

    เส้นทาง บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์ - ไบรซัค, เยอรมนี - สตราสบูร์ก, ฝรั่งเศส - ชไปเออร์, เยอรมนี - รืเดสไฮม์, เยอรมนี - โคเบลนซ์, เยอรมนี - โคโลญจน์, เยอรมนี - คินเดอร์ไดค์, เนเธอร์แลนด์ - อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์

    วันที่ มี.ค. - ต.ค. 2569

    ⭕️ ราคาเริ่มต้น 6,195AUD
    โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม

    All inclusive
    โรงแรมที่พักในเบอร์ลิน 2 คืน
    ทัวร์ชายฝั่งฟรี 1 รายการในทุกเมืองที่เรือจอด
    ฟรี Wi-Fi
    เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-8D7N-BSL-AMS-2611211
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e3ccf4

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #VikingRiverCruise #ElegantElbe #Switzerland #Germany #France #Netherland #Cologne #KinderdijkWindmills #Speyer #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    🚢 สัมผัสยุโรปคลาสสิกผ่านสายน้ำไรน์บนเรือ Viking River Cruise 5 ดาว 8 วัน 7 คืน ล่องผ่าน 4 ประเทศ ไฮไลต์ครบทั้งธรรมชาติ เมืองเก่า มรดกโลก แวะเที่ยวเมืองดังอย่างสตราสบูร์ก โคโลญจน์ อัมสเตอร์ดัม ➡️ เส้นทาง บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์ - ไบรซัค, เยอรมนี - สตราสบูร์ก, ฝรั่งเศส - ชไปเออร์, เยอรมนี - รืเดสไฮม์, เยอรมนี - โคเบลนซ์, เยอรมนี - โคโลญจน์, เยอรมนี - คินเดอร์ไดค์, เนเธอร์แลนด์ - อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ 📅 วันที่ มี.ค. - ต.ค. 2569 ⭕️ ราคาเริ่มต้น 6,195AUD โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม 💥 ✨ All inclusive ✅ โรงแรมที่พักในเบอร์ลิน 2 คืน ✅ ทัวร์ชายฝั่งฟรี 1 รายการในทุกเมืองที่เรือจอด ✅ ฟรี Wi-Fi ✅ เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-8D7N-BSL-AMS-2611211 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e3ccf4 ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #VikingRiverCruise #ElegantElbe #Switzerland #Germany #France #Netherland #Cologne #KinderdijkWindmills #Speyer #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 Comments 0 Shares 321 Views 0 Reviews
  • เรือ Viking Cruise Only, 10 วัน 9 คืน – สัมผัสความหรูหราอย่างมีระดับบนแม่น้ำเอลเบ
    ทริปเดียวเที่ยว 2 ประเทศ! เยอรมนี-เช็ก
    พร้อมวิวธรรมชาติสุดโรแมนติก เมืองเก่าริมแม่น้ำ ปราสาทหินผาสุดอลัง และบรรยากาศคลาสสิกตลอดเส้นทาง

    เส้นทาง : เบอร์ลิน, เยอรมนี - พอทสดัม, เยอรมนี - วิตเทนเบิร์ก, เยอรมนี - ไมเซิน - เดรสเดน, เยอรมนี - ล่องเรือชมวิวแซกซอน, สวิตเซอร์แลนด์ - บาดชานเดา, เยอรมนี - เมืองเดชิน, เข็ก - ปราก, เช็ก

    วันที่ มี.ค. - พ.ย. 2568

    ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD7,695 ต่อท่าน
    โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม

    ราคานี้รวมครบ
    โรงแรมที่พักในเบอร์ลิน 2 คืน
    ทัวร์ชายฝั่งฟรี 1 รายการในทุกเมืองที่เรือจอด
    ฟรี Wi-Fi
    เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-10D9N-BER-PRG-2611211
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/edb0ca

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #VikingRiverCruise #เรือVikingAstrild #เรือVikingBeyla #ElegantElbe #VltavaRiver #Czech #Prague #Saxon #Switzerland #Wittenberg #Germany #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    🚢 เรือ Viking Cruise Only, 10 วัน 9 คืน – สัมผัสความหรูหราอย่างมีระดับบนแม่น้ำเอลเบ ทริปเดียวเที่ยว 2 ประเทศ! เยอรมนี-เช็ก พร้อมวิวธรรมชาติสุดโรแมนติก เมืองเก่าริมแม่น้ำ ปราสาทหินผาสุดอลัง และบรรยากาศคลาสสิกตลอดเส้นทาง ➡️ เส้นทาง : เบอร์ลิน, เยอรมนี - พอทสดัม, เยอรมนี - วิตเทนเบิร์ก, เยอรมนี - ไมเซิน - เดรสเดน, เยอรมนี - ล่องเรือชมวิวแซกซอน, สวิตเซอร์แลนด์ - บาดชานเดา, เยอรมนี - เมืองเดชิน, เข็ก - ปราก, เช็ก 📅 วันที่ มี.ค. - พ.ย. 2568 ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD7,695 ต่อท่าน โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม 💥 ✨ ราคานี้รวมครบ ✅ โรงแรมที่พักในเบอร์ลิน 2 คืน ✅ ทัวร์ชายฝั่งฟรี 1 รายการในทุกเมืองที่เรือจอด ✅ ฟรี Wi-Fi ✅ เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-10D9N-BER-PRG-2611211 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/edb0ca ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #VikingRiverCruise #เรือVikingAstrild #เรือVikingBeyla #ElegantElbe #VltavaRiver #Czech #Prague #Saxon #Switzerland #Wittenberg #Germany #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • ฟื้นคืนชีพฟลอปปี้ดิสก์ในปี 2025: เมื่อความหลงใหลชนะข้อจำกัดของเทคโนโลยี

    ในยุคที่ SSD ขนาดเท่าหัวแม่มือสามารถเก็บข้อมูลได้หลายเทราไบต์ การกลับไปสร้างแผ่นฟลอปปี้ดิสก์อาจฟังดูไร้สาระ แต่สำหรับ Polymatt มันคือความท้าทายและการเคารพต่อยุคบุกเบิกของคอมพิวเตอร์

    เขาเริ่มจากการออกแบบโครงสร้างของแผ่นดิสก์ด้วย Shapr3D และ MakeraCAM แล้วใช้เครื่อง CNC ตัดอะลูมิเนียมเพื่อสร้างโครงที่แม่นยำ จากนั้นใช้เลเซอร์ตัดแผ่น PET film และเคลือบด้วยสารแขวนลอยของผงเหล็กออกไซด์ เพื่อสร้างพื้นผิวแม่เหล็กที่สามารถบันทึกข้อมูลได้

    ขั้นตอนที่ยากที่สุดคือการทำให้สารเคลือบติดแน่นกับแผ่น PET โดยต้องปรับสูตรหลายครั้ง ใช้สาร PVA, แอลกอฮอล์, กลีเซอรีน และสารลดแรงตึงผิว Tween 20 พร้อมทั้งอบด้วยเครื่องพิมพ์ 3D เพื่อให้ความหนาและความเรียบเท่ากัน

    สุดท้ายเขาสามารถประกอบแผ่นดิสก์เข้ากับโครงอะลูมิเนียม ทดสอบในไดรฟ์จริง และสามารถอ่านเขียนข้อมูลได้ แม้จะเป็นระดับพื้นฐาน แต่ถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งในยุคที่เทคโนโลยีนี้ถูกประกาศว่า “ตาย” ไปแล้วตั้งแต่ปี 2010

    https://www.techradar.com/pro/security/remember-floppy-disks-this-youtuber-set-out-to-build-his-own-from-scratch-see-how-he-got-on
    🧠 ฟื้นคืนชีพฟลอปปี้ดิสก์ในปี 2025: เมื่อความหลงใหลชนะข้อจำกัดของเทคโนโลยี ในยุคที่ SSD ขนาดเท่าหัวแม่มือสามารถเก็บข้อมูลได้หลายเทราไบต์ การกลับไปสร้างแผ่นฟลอปปี้ดิสก์อาจฟังดูไร้สาระ แต่สำหรับ Polymatt มันคือความท้าทายและการเคารพต่อยุคบุกเบิกของคอมพิวเตอร์ เขาเริ่มจากการออกแบบโครงสร้างของแผ่นดิสก์ด้วย Shapr3D และ MakeraCAM แล้วใช้เครื่อง CNC ตัดอะลูมิเนียมเพื่อสร้างโครงที่แม่นยำ จากนั้นใช้เลเซอร์ตัดแผ่น PET film และเคลือบด้วยสารแขวนลอยของผงเหล็กออกไซด์ เพื่อสร้างพื้นผิวแม่เหล็กที่สามารถบันทึกข้อมูลได้ ขั้นตอนที่ยากที่สุดคือการทำให้สารเคลือบติดแน่นกับแผ่น PET โดยต้องปรับสูตรหลายครั้ง ใช้สาร PVA, แอลกอฮอล์, กลีเซอรีน และสารลดแรงตึงผิว Tween 20 พร้อมทั้งอบด้วยเครื่องพิมพ์ 3D เพื่อให้ความหนาและความเรียบเท่ากัน สุดท้ายเขาสามารถประกอบแผ่นดิสก์เข้ากับโครงอะลูมิเนียม ทดสอบในไดรฟ์จริง และสามารถอ่านเขียนข้อมูลได้ แม้จะเป็นระดับพื้นฐาน แต่ถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งในยุคที่เทคโนโลยีนี้ถูกประกาศว่า “ตาย” ไปแล้วตั้งแต่ปี 2010 https://www.techradar.com/pro/security/remember-floppy-disks-this-youtuber-set-out-to-build-his-own-from-scratch-see-how-he-got-on
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • เฉิงตู – สี่ดรุณี – จิ่วจ้ายโกว – ใบไม้เปลี่ยนสี 5 วัน 4 คืน
    เดินทาง ต.ค.–พ.ย. 2568
    ราคาเริ่มต้นเพียง 20,899.-
    VZ – ไทยเวียดเจ็ท แอร์

    ภูเขาสี่ดรุณี ฉายา "เทือกเขาแอลป์แห่งเมืองเสฉวน" งดงามดั่งแดนสวรรค์
    จิ่วจ้ายโกว อุทยานแห่งชาติกลางหุบเขา งดงามดั่งภาพวาด
    ไหว้พระ วัดต้าฉือ และอารามพระถังซัมจั๋ง อายุยาวนานกว่า 1,600 ปี
    ชมหมีแพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS สุดน่ารัก
    เพลิดเพลินช้อปปิ้ง ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ และชุนซีลู่

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e002de

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ChinaTrip #Chengdu #MountSiguniang #Jiuzhaigou #PandaIFS #เที่ยวจีน #ใบไม้เปลี่ยนสี #เสฉวน #ทัวร์จีน #เที่ยวกับเรา
    🍁 เฉิงตู – สี่ดรุณี – จิ่วจ้ายโกว – ใบไม้เปลี่ยนสี 5 วัน 4 คืน ✈️ เดินทาง ต.ค.–พ.ย. 2568 ราคาเริ่มต้นเพียง 20,899.- VZ – ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏔️ ภูเขาสี่ดรุณี ฉายา "เทือกเขาแอลป์แห่งเมืองเสฉวน" งดงามดั่งแดนสวรรค์ 🌄 จิ่วจ้ายโกว อุทยานแห่งชาติกลางหุบเขา งดงามดั่งภาพวาด 🙏 ไหว้พระ วัดต้าฉือ และอารามพระถังซัมจั๋ง อายุยาวนานกว่า 1,600 ปี 🐼 ชมหมีแพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS สุดน่ารัก 🛍️ เพลิดเพลินช้อปปิ้ง ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ และชุนซีลู่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e002de ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ChinaTrip #Chengdu #MountSiguniang #Jiuzhaigou #PandaIFS #เที่ยวจีน #ใบไม้เปลี่ยนสี #เสฉวน #ทัวร์จีน #เที่ยวกับเรา
    0 Comments 0 Shares 441 Views 0 Reviews
  • ‘เงินเฟ้อ’ ต่ำ ทำ เงินฝืด!? : [Biz Talk]
    เงินเฟ้อไทย ติดลบ 4 เดือนติด/ ก.ค.68 ลดลง 0.70% พาณิชย์ ยันไม่ใช่ภาวะ‘เงินฝืด’ เพราะสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อทั่วไป ลดลง มาจากการลดลงของราคาพลังงาน ,ผัก,ผลไม้สด เป็นหลัก ไม่ได้มาจากปัจจัยอุปสงค์ ความต้องการซื้อ การใช้จ่ายยังปกติ ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอาหาร-เครื่องดื่ม ไม่มีแอลกอฮอล์ และเงินเฟ้อพื้นฐาน ก็ยังสูงอยู่
    ‘เงินเฟ้อ’ ต่ำ ทำ เงินฝืด!? : [Biz Talk] เงินเฟ้อไทย ติดลบ 4 เดือนติด/ ก.ค.68 ลดลง 0.70% พาณิชย์ ยันไม่ใช่ภาวะ‘เงินฝืด’ เพราะสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อทั่วไป ลดลง มาจากการลดลงของราคาพลังงาน ,ผัก,ผลไม้สด เป็นหลัก ไม่ได้มาจากปัจจัยอุปสงค์ ความต้องการซื้อ การใช้จ่ายยังปกติ ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอาหาร-เครื่องดื่ม ไม่มีแอลกอฮอล์ และเงินเฟ้อพื้นฐาน ก็ยังสูงอยู่
    0 Comments 0 Shares 458 Views 0 0 Reviews
  • เปิดเมืองแปลกปอนตินัค แอร์เอเชียบินตรงจากเคแอล-กูชิง

    หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไปนาน ในที่สุดสายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย (AK) เปิดเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศ จากท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) และท่าอากาศยานกูชิง (KCH) รัฐซาราวัก ไปยังปลายทางเมืองปอนตินัค (Pontinak หรือ PNK) เมืองหลวงของจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ โดยมาเลเซียมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียมาเยือนมาเลเซีย 4.3 ล้านคนในปี 2568 สอดรับกับปีแห่งการท่องเที่ยวมาเลเซีย Visit Malaysia 2026 และรัฐซาราวักตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 5 ล้านคนภายในสิ้นปี

    ในทางกลับกัน ยังเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวหลัก มาเยือนอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว 16 ล้านคน รวมทั้งส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ชาวจังหวัดกาลิมันตันตะวันตกของอินโดนีเซีย ในการมองหาโอกาสทางธุรกิจ การท่องเที่ยวพักผ่อน และบริการทางการแพทย์ในรัฐซาราวักและกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง ซึ่งเที่ยวบินปอนตินัค-กูชิง ใช้เวลาเดินทางเพียง 50 นาที เมื่อเทียบกับเดินทางด้วยรถบัสที่ใช้เวลา 8 ชั่วโมง และเที่ยวบินปอนตินัค-กัวลาลัมเปอร์ บินตรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนเที่ยวบินที่กรุงจาการ์ตา

    เที่ยวบินปลายทางปอนตินัค เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่

    กัวลาลัมเปอร์-ปอนตินัค-กัวลาลัมเปอร์ เฉพาะวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

    AK492 ออกจากกัวลาลัมเปอร์ 11.15 น. ถึงปอนตินัค 12.05 น.
    AK491 ออกจากปอนตินัค 12.30 น. ถึงกัวลาลัมเปอร์ 15.10 น.

    กูชิง-ปอนตินัค-กูชิง วันละ 2 เที่ยวบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที

    AK1781 ออกจากกูชิง 09.05 น. ถึงปอนตินัค 08.55 น.
    AK1783 ออกจากกูชิง 19.20 น. ถึงปอนตินัค 19.05 น.
    AK1782 ออกจากปอนตินัค 09.20 น. ถึงกูชิง 11.05 น.
    AK1784 ออกจากปอนตินัค 19.30 น. ถึงกูชิง 21.15 น.

    (เวลามาเลเซียเร็วกว่าเวลาอินโดนีเซีย 1 ชั่วโมง)

    สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองปอนตินัค ได้แก่ มัสยิดมูจาฮีดีน (Mujahidin Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก, อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) เป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์

    #Newskit
    เปิดเมืองแปลกปอนตินัค แอร์เอเชียบินตรงจากเคแอล-กูชิง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไปนาน ในที่สุดสายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย (AK) เปิดเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศ จากท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) และท่าอากาศยานกูชิง (KCH) รัฐซาราวัก ไปยังปลายทางเมืองปอนตินัค (Pontinak หรือ PNK) เมืองหลวงของจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ โดยมาเลเซียมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียมาเยือนมาเลเซีย 4.3 ล้านคนในปี 2568 สอดรับกับปีแห่งการท่องเที่ยวมาเลเซีย Visit Malaysia 2026 และรัฐซาราวักตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 5 ล้านคนภายในสิ้นปี ในทางกลับกัน ยังเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวหลัก มาเยือนอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว 16 ล้านคน รวมทั้งส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ชาวจังหวัดกาลิมันตันตะวันตกของอินโดนีเซีย ในการมองหาโอกาสทางธุรกิจ การท่องเที่ยวพักผ่อน และบริการทางการแพทย์ในรัฐซาราวักและกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง ซึ่งเที่ยวบินปอนตินัค-กูชิง ใช้เวลาเดินทางเพียง 50 นาที เมื่อเทียบกับเดินทางด้วยรถบัสที่ใช้เวลา 8 ชั่วโมง และเที่ยวบินปอนตินัค-กัวลาลัมเปอร์ บินตรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนเที่ยวบินที่กรุงจาการ์ตา เที่ยวบินปลายทางปอนตินัค เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่ กัวลาลัมเปอร์-ปอนตินัค-กัวลาลัมเปอร์ เฉพาะวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง AK492 ออกจากกัวลาลัมเปอร์ 11.15 น. ถึงปอนตินัค 12.05 น. AK491 ออกจากปอนตินัค 12.30 น. ถึงกัวลาลัมเปอร์ 15.10 น. กูชิง-ปอนตินัค-กูชิง วันละ 2 เที่ยวบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที AK1781 ออกจากกูชิง 09.05 น. ถึงปอนตินัค 08.55 น. AK1783 ออกจากกูชิง 19.20 น. ถึงปอนตินัค 19.05 น. AK1782 ออกจากปอนตินัค 09.20 น. ถึงกูชิง 11.05 น. AK1784 ออกจากปอนตินัค 19.30 น. ถึงกูชิง 21.15 น. (เวลามาเลเซียเร็วกว่าเวลาอินโดนีเซีย 1 ชั่วโมง) สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองปอนตินัค ได้แก่ มัสยิดมูจาฮีดีน (Mujahidin Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก, อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) เป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 442 Views 0 Reviews
  • “ฮุนเซน” ใช้อำนาจประธานพรรครัฐบาล สั่งปลด “ธิย โสวันธา” พ้นรองผู้ว่าฯ แถมไล่ออกจากราชการ และขับไล่ออกจากพรรค ฐานโพสต์เฟซบุ๊กระบุทหารกัมพูชาเป็นโรคความดัน เบาหวาน โรคตับ เพราะดื่มแอลกอฮอล์ ชี้สร้างความเสียหายต่อกองทัพ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073350

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “ฮุนเซน” ใช้อำนาจประธานพรรครัฐบาล สั่งปลด “ธิย โสวันธา” พ้นรองผู้ว่าฯ แถมไล่ออกจากราชการ และขับไล่ออกจากพรรค ฐานโพสต์เฟซบุ๊กระบุทหารกัมพูชาเป็นโรคความดัน เบาหวาน โรคตับ เพราะดื่มแอลกอฮอล์ ชี้สร้างความเสียหายต่อกองทัพ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073350 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 456 Views 0 Reviews
  • 🛳 ทัวร์ล่องเรือสำราญ Star Voyager, Cruise Only By StarCruises 4 วัน 2 คืน

    เส้นทาง : ฮ่องกง - น่านน้ำสากล - ฮ่องกง พร้อมเมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ชาบูชาบู 🍽

    🗓 วันที่ 28 - 31 ส.ค. 2568 ---> คณะยืนยันออกเดินทาง

    ราคาปกติ 16,998 ลดเหลือเพียง 14,900 บาท/ท่าน

    ที่พักบนเรือสำราญ 106 คืน
    อาหาร 5 มื้อต่อวัน (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์)
    กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันบนเรือ
    สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย คาราโอเกะ

    ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : STCT-HX-4D2N-HKG-HKG-2508281
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e89faf

    ดูเรือ Star Cruise ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e20770

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือStarCruise #StarVoyager #StarCruise #Hongkong #TsimShaTsui #ทัวร์เรือ #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    🛳 ทัวร์ล่องเรือสำราญ Star Voyager, Cruise Only By StarCruises 4 วัน 2 คืน 📍 เส้นทาง : ฮ่องกง - น่านน้ำสากล - ฮ่องกง พร้อมเมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ชาบูชาบู 🍽 🗓 วันที่ 28 - 31 ส.ค. 2568 ---> คณะยืนยันออกเดินทาง ราคาปกติ 16,998 ลดเหลือเพียง 14,900 บาท/ท่าน ✅ ที่พักบนเรือสำราญ 106 คืน ✅ อาหาร 5 มื้อต่อวัน (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์) ✅ กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันบนเรือ ✅ สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย คาราโอเกะ ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : STCT-HX-4D2N-HKG-HKG-2508281 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e89faf ดูเรือ Star Cruise ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e20770 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือStarCruise #StarVoyager #StarCruise #Hongkong #TsimShaTsui #ทัวร์เรือ #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • “พระยาละแวก” นักตีท้ายครัวในประวัติศาสตร์! ถูกชำระแค้นจนเมืองละแวกหายไปทั้งเมือง!!

    “พระยาละแวก” เป็นคำที่พงศาวดารไทยเรียกกษัตริย์เขมรที่ครองราชย์เมืองละแวก ส่วนใหญ่แล้วเขมรจะตั้งเมืองหลวงอยู่ที่พนมเปญและอุดงมีชัย ในปี ๒๐๔๖ สมเด็จพระศรีสุคนธบท ครองราชย์อยู่เมืองพนมเปญ ถูกกบฏปลงพระชนม์ แต่ นักองค์จัน ผู้เป็นอนุชา หนีมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาและได้กองทัพไทยไปช่วยปราบปรามจนได้ราชสมบัติคืนใน พ.ศ.๒๐๕๙ สถาปนานักองค์จันขึ้นครองราชย์ เป็น พระบรมราชาที่ ๓ และได้ย้ายเมืองหลวงมาอยู่เมืองละแวก เหนือกรุงพนมเปญขึ้นไป

    ใน พ.ศ.๒๑๐๙ นักพระสัตถา พระราชโอรส ขึ้นครองราชย์ต่อ เป็น พระบรมราชา ที่ ๔ ใน พ.ศ.๒๑๑๙ ทรงสถาปนา พระราชโองการ พระราชโอรสขึ้นเป็นพระบรมราชาที่ ๕

    จนถึง พ.ศ.๒๑๓๖ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงจัดการกับพม่าเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาชำระแค้นกับพระยาละแวกที่แอบเข้ามาตีท้ายครัวมาตลอด เผาเมืองละแวกจนย่อยยับ กลายเป็นแค่อำเภอหนึ่งในจังหวัดกำปงชนังของกัมพูชาขณะนี้

    แม้ไทยจะช่วยกษัตริย์เขมรมาตลอด แต่ความไม่ไว้วางใจและความแค้นฝังใจที่ขอมเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในย่านนี้มาก่อน แต่ถูกกรุงศรีอยุธยาทำลายจนย่อยยับมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าสามพระยา ซึ่งเขมรก็ไม่อาจแก้แค้นได้เพราะความเข้มแข็งต่างกันมาก จนเมื่อใดที่ไทยอ่อนแอลง เขมรจึงถือเป็นโอกาส อย่างสมัยที่เสียกรุงครั้งที่ ๑ ถูกพม่ายึดอาวุธไปหมด ผู้คนส่วนใหญ่หนีไปหลบซ่อนอยู่ในป่า ยังไม่ทันกลับเข้าเมือง จึงเป็นโอกาสดีของเขมร ในปี ๒๑๑๓ พระบรมราชาที่ ๔ ได้นำกำลัง ๓๐,๐๐๐ คนมุ่งมาตีกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายไทยเห็นว่าไม่มีกำลังจะสู้เขมรได้ คิดจะถอยขึ้นไปเมืองพิษณุโลก แต่มาทราบว่าเจ้าเมืองเพชรบูรณ์คนเก่าตั้งกองโจรดักปล้นอยู่กลางทาง จึงต้องตัดสินใจปักหลักสู้พระยาละแวกที่กรุงศรีอยุธยา แต่พอสู้กันจริงๆ กองทัพพระยาละแวกก็แหยงฝีมือไทย ถอยกลับไปโดยกวาดต้อนผู้คนรายทางกลับไปมาก

    ต่อมาอีก ๕ ปี พระบรมราชที่ ๔ เจ้าเก่า ได้ข่าวว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชายกกองทัพไปช่วยพระเจ้ากรุงหงสาวดีตีกรุงศรีสัตนาคนหุต จึงยกกองทัพเรือเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงวัดพนัญเชิง แต่เผอิญสมเด็จพระนเรศวรซึ่งติดตามพระราชบิดาไปทัพด้วย เกิดเป็นไข้ทรพิษกลางทาง พระเจ้าบุเรงนองเลยให้กองทัพไทยกลับมาก่อน มาเจอเอากองทัพของพระยาละแวกแอบเข้ามาตีท้ายครัวเข้าพอดี เลยตีเสียกระเจิง แต่ตอนถอยออกไปพระยาละแวกก็ถือโอกาสขนเอาเทวรูปสัมฤทธิ์ ๒ องค์ที่เมืองพระประแดงและกวาดต้อนราษฎรไทยตามหัวเมืองชายทะเลกลับไปอีก

    รุ่งขึ้นอีกปี ใน พ.ศ.๒๑๑๔ พระบรมราชาธิราชที่ ๕ ขึ้นครองราชย์เมืองละแวก ได้ยกกองทัพเรือมีกำลังถึง ๗๐,๐๐๐ คนข้ามทะเลมาตีเมืองเพชรบุรี ล้อมถึง ๓ วันก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้ เสียทหารไปเป็นจำนวนมาก พระยาละแวกต้องถอยไปตั้งหลักใหม่ และตัดสินใจเข้าตีอีกครั้ง หากไม่สำเร็จก็จะกลับ แต่การตั้งรับศึกครั้งใหม่แม่ทัพไทยเกิดแตกคอกัน ต่างคนต่างตั้งรับด้านของตัวไม่ยอมประสานกัน พระยาละแวกเลยเข้าเมืองได้ ๓ แม่ทัพไทยที่แตกคอกันเองตายในที่รบ พระยาละแวกกวาดต้อนผู้คนไปอีกมาก

    ต่อมาอีก ๒ ปี เขมรก็เอาอีก เพราะช่วงนั้นไทยยังไม่พ้นความอ่อนแอ พระยาละแวกก็ส่งกองทัพม้าทัพช้าง ๕,๐๐๐ คนมาลาดตระเวนด้านตะวันออกของไทย สมเด็จพระนเรศวรทราบข่าวขณะประทับอยู่เมืองพิษณุโลก รับสั่งให้กองทัพเมืองชัยบุรีและเมืองถมอรัตน์ (เพชรบูรณ์) ป้องกันด้านในด่านไว้ ส่วนพระองค์นำทหาร ๓,๐๐๐ คนเข้าขับไล่กองทัพพระยาละแวกจนถอยกลับไป
    หลังการประกาศอิสรภาพ สมเด็จพระนเรศวรทรงปรับปรุงกองทัพไทยให้เข้มแข็ง เมื่อพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงกรีฑาทัพมาปราบ ก็ต้องแตกพ่ายไป ในปี พ.ศ.๒๑๒๘ พระบรมราชาที่ ๕ ที่แอบเข้ามาตีท้ายครัวเป็นประจำ กลัวว่าจะถูกคิดบัญชีแค้น จึงแต่งราชทูตและถือศุภอักษรเข้ามาขอเป็นไมตรี สมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับพม่า หากสงบศึกกับเขมรได้ ก็ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จึงทรงรับเป็นไมตรี

    เมื่อไทยเกิดศึกกับกรุงหงสาวดีครั้งที่ ๒ พระบรมราชาที่ ๕ ได้ส่งพระศรีสุพรรณมาธิราช พระอนุชา คุมกำลังเข้ามาช่วย แต่พระศรีสุพรรณมาธิราชกลับแสดงกิริยากระด้างกระเดื่อง ตอนพระนเรศวรทรงเรือพระที่นั่งกลับมาจากชนะศึกที่เชียงใหม่ ขณะที่ผ่านกองเรือเขมร พระศรีสุพรรณฯก็นั่งอยู่ในเรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมแสดงความเคารพ ทำให้พระองค์ดำทรงพิโรธ รับสั่งให้ตัดศีรษะเชลยศึกที่จับมาไปเสียบไว้ที่กราบเรือพระศรีสุพรรณฯ

    ในปี พ.ศ.๒๑๓๐ ขณะพระเจ้ากรุงหงสาวดีส่งกำลังมาล้อมกรุงศรีอยุธยาอีก พระบรมราชาที่ ๕ ซึ่งเคยส่งกำลังมาช่วย ได้ส่งฟ้าทะละหะนำกำลังเข้ามาตีเมืองปราจีน สมเด็จพระนเรศวรทรงส่งพระยาศรีไสยณรงค์กับพระยาสีหราชเดโชชัยยกกองทัพไปป้องกัน พอถึงเมืองนครนายกก็ปะทะกับกองทัพเขมร จึงเข้าตีจนแตกพ่าย และตามตีจนพ้นเขตแดนไทย

    เมื่อสมเด็จพระนเรศวรขึ้นครองราชย์แล้ว ศึกทางพม่าว่างเว้น ทรงเห็นว่าจะต้องกำราบเขมรที่คอยตีท้ายครัวให้เข็ดหลาบเสียที ทรงร่วมกับสมเด็จพระเอกาทศรถยกกองทัพไป ให้พระราชมนูเป็นกองทัพหน้า พระยาละแวกยกมาสกัดที่เมืองโพธิสัตว์และพระตะบอง พระราชมนูถลำเข้าไปไม่รู้ตัว เลยถูกตีถอยมาถึงทัพหลวง สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธจะให้ประหารชีวิตแม่ทัพเสีย แต่สมเด็จพระเอกาทศรถทูลขอชีวิตให้โอกาสแก้ตัว พระราชมนูจึงกลับไปตีเมืองโพธิสัตว์และพระตะบองได้ กองทัพหลวงเข้าล้อมเมืองละแวก แต่ก็ขาดเสบียงอาหาร จึงต้องยกกลับ

    ในปี พ.ศ.๒๑๓๖ สมเด็จพระนเรศวรทรงนำกองทัพไปตีเมืองละแวกเป็นครั้งที่ ๒ จับพระยาละแวกได้ แล้วทำพิธีกรรมให้ประหารชีวิตเอาโลหิตล้างพระบาท

    แต่มีบันทึกของบาทหลวงฝรั่งเศสกล่าวว่า พระบรมราชาที่ ๕ ไม่ได้ถูกสมเด็จพระนเรศวรประหาร แต่ได้หนีข้ามแดนไปอยู่ที่เมืองเชียงแตงในลาวพร้อมกับพระราชบุตร ๒ องค์ กองทัพไทยได้เผาเมืองละแวกวอดและกวาดต้อนผู้คนมา ต่อมาพระบรมราชาที่ ๕ พร้อมพระราชบุตรทั้ง ๒ ได้สิ้นพระชนม์ที่เมืองเชียงแตง

    การทำพิธีกรรมเอาโลหิตล้างพระบาท จึงอาจคลาดเคลื่อนมาจากพิธีกรรมอย่างอื่นก็เป็นได้ หรือเป็นรสชาติของประวัติศาสตร์ตามเจตนาของคนบันทึก

    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000124260
    “พระยาละแวก” นักตีท้ายครัวในประวัติศาสตร์! ถูกชำระแค้นจนเมืองละแวกหายไปทั้งเมือง!! “พระยาละแวก” เป็นคำที่พงศาวดารไทยเรียกกษัตริย์เขมรที่ครองราชย์เมืองละแวก ส่วนใหญ่แล้วเขมรจะตั้งเมืองหลวงอยู่ที่พนมเปญและอุดงมีชัย ในปี ๒๐๔๖ สมเด็จพระศรีสุคนธบท ครองราชย์อยู่เมืองพนมเปญ ถูกกบฏปลงพระชนม์ แต่ นักองค์จัน ผู้เป็นอนุชา หนีมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาและได้กองทัพไทยไปช่วยปราบปรามจนได้ราชสมบัติคืนใน พ.ศ.๒๐๕๙ สถาปนานักองค์จันขึ้นครองราชย์ เป็น พระบรมราชาที่ ๓ และได้ย้ายเมืองหลวงมาอยู่เมืองละแวก เหนือกรุงพนมเปญขึ้นไป ใน พ.ศ.๒๑๐๙ นักพระสัตถา พระราชโอรส ขึ้นครองราชย์ต่อ เป็น พระบรมราชา ที่ ๔ ใน พ.ศ.๒๑๑๙ ทรงสถาปนา พระราชโองการ พระราชโอรสขึ้นเป็นพระบรมราชาที่ ๕ จนถึง พ.ศ.๒๑๓๖ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงจัดการกับพม่าเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาชำระแค้นกับพระยาละแวกที่แอบเข้ามาตีท้ายครัวมาตลอด เผาเมืองละแวกจนย่อยยับ กลายเป็นแค่อำเภอหนึ่งในจังหวัดกำปงชนังของกัมพูชาขณะนี้ แม้ไทยจะช่วยกษัตริย์เขมรมาตลอด แต่ความไม่ไว้วางใจและความแค้นฝังใจที่ขอมเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในย่านนี้มาก่อน แต่ถูกกรุงศรีอยุธยาทำลายจนย่อยยับมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าสามพระยา ซึ่งเขมรก็ไม่อาจแก้แค้นได้เพราะความเข้มแข็งต่างกันมาก จนเมื่อใดที่ไทยอ่อนแอลง เขมรจึงถือเป็นโอกาส อย่างสมัยที่เสียกรุงครั้งที่ ๑ ถูกพม่ายึดอาวุธไปหมด ผู้คนส่วนใหญ่หนีไปหลบซ่อนอยู่ในป่า ยังไม่ทันกลับเข้าเมือง จึงเป็นโอกาสดีของเขมร ในปี ๒๑๑๓ พระบรมราชาที่ ๔ ได้นำกำลัง ๓๐,๐๐๐ คนมุ่งมาตีกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายไทยเห็นว่าไม่มีกำลังจะสู้เขมรได้ คิดจะถอยขึ้นไปเมืองพิษณุโลก แต่มาทราบว่าเจ้าเมืองเพชรบูรณ์คนเก่าตั้งกองโจรดักปล้นอยู่กลางทาง จึงต้องตัดสินใจปักหลักสู้พระยาละแวกที่กรุงศรีอยุธยา แต่พอสู้กันจริงๆ กองทัพพระยาละแวกก็แหยงฝีมือไทย ถอยกลับไปโดยกวาดต้อนผู้คนรายทางกลับไปมาก ต่อมาอีก ๕ ปี พระบรมราชที่ ๔ เจ้าเก่า ได้ข่าวว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชายกกองทัพไปช่วยพระเจ้ากรุงหงสาวดีตีกรุงศรีสัตนาคนหุต จึงยกกองทัพเรือเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงวัดพนัญเชิง แต่เผอิญสมเด็จพระนเรศวรซึ่งติดตามพระราชบิดาไปทัพด้วย เกิดเป็นไข้ทรพิษกลางทาง พระเจ้าบุเรงนองเลยให้กองทัพไทยกลับมาก่อน มาเจอเอากองทัพของพระยาละแวกแอบเข้ามาตีท้ายครัวเข้าพอดี เลยตีเสียกระเจิง แต่ตอนถอยออกไปพระยาละแวกก็ถือโอกาสขนเอาเทวรูปสัมฤทธิ์ ๒ องค์ที่เมืองพระประแดงและกวาดต้อนราษฎรไทยตามหัวเมืองชายทะเลกลับไปอีก รุ่งขึ้นอีกปี ใน พ.ศ.๒๑๑๔ พระบรมราชาธิราชที่ ๕ ขึ้นครองราชย์เมืองละแวก ได้ยกกองทัพเรือมีกำลังถึง ๗๐,๐๐๐ คนข้ามทะเลมาตีเมืองเพชรบุรี ล้อมถึง ๓ วันก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้ เสียทหารไปเป็นจำนวนมาก พระยาละแวกต้องถอยไปตั้งหลักใหม่ และตัดสินใจเข้าตีอีกครั้ง หากไม่สำเร็จก็จะกลับ แต่การตั้งรับศึกครั้งใหม่แม่ทัพไทยเกิดแตกคอกัน ต่างคนต่างตั้งรับด้านของตัวไม่ยอมประสานกัน พระยาละแวกเลยเข้าเมืองได้ ๓ แม่ทัพไทยที่แตกคอกันเองตายในที่รบ พระยาละแวกกวาดต้อนผู้คนไปอีกมาก ต่อมาอีก ๒ ปี เขมรก็เอาอีก เพราะช่วงนั้นไทยยังไม่พ้นความอ่อนแอ พระยาละแวกก็ส่งกองทัพม้าทัพช้าง ๕,๐๐๐ คนมาลาดตระเวนด้านตะวันออกของไทย สมเด็จพระนเรศวรทราบข่าวขณะประทับอยู่เมืองพิษณุโลก รับสั่งให้กองทัพเมืองชัยบุรีและเมืองถมอรัตน์ (เพชรบูรณ์) ป้องกันด้านในด่านไว้ ส่วนพระองค์นำทหาร ๓,๐๐๐ คนเข้าขับไล่กองทัพพระยาละแวกจนถอยกลับไป หลังการประกาศอิสรภาพ สมเด็จพระนเรศวรทรงปรับปรุงกองทัพไทยให้เข้มแข็ง เมื่อพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงกรีฑาทัพมาปราบ ก็ต้องแตกพ่ายไป ในปี พ.ศ.๒๑๒๘ พระบรมราชาที่ ๕ ที่แอบเข้ามาตีท้ายครัวเป็นประจำ กลัวว่าจะถูกคิดบัญชีแค้น จึงแต่งราชทูตและถือศุภอักษรเข้ามาขอเป็นไมตรี สมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับพม่า หากสงบศึกกับเขมรได้ ก็ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จึงทรงรับเป็นไมตรี เมื่อไทยเกิดศึกกับกรุงหงสาวดีครั้งที่ ๒ พระบรมราชาที่ ๕ ได้ส่งพระศรีสุพรรณมาธิราช พระอนุชา คุมกำลังเข้ามาช่วย แต่พระศรีสุพรรณมาธิราชกลับแสดงกิริยากระด้างกระเดื่อง ตอนพระนเรศวรทรงเรือพระที่นั่งกลับมาจากชนะศึกที่เชียงใหม่ ขณะที่ผ่านกองเรือเขมร พระศรีสุพรรณฯก็นั่งอยู่ในเรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมแสดงความเคารพ ทำให้พระองค์ดำทรงพิโรธ รับสั่งให้ตัดศีรษะเชลยศึกที่จับมาไปเสียบไว้ที่กราบเรือพระศรีสุพรรณฯ ในปี พ.ศ.๒๑๓๐ ขณะพระเจ้ากรุงหงสาวดีส่งกำลังมาล้อมกรุงศรีอยุธยาอีก พระบรมราชาที่ ๕ ซึ่งเคยส่งกำลังมาช่วย ได้ส่งฟ้าทะละหะนำกำลังเข้ามาตีเมืองปราจีน สมเด็จพระนเรศวรทรงส่งพระยาศรีไสยณรงค์กับพระยาสีหราชเดโชชัยยกกองทัพไปป้องกัน พอถึงเมืองนครนายกก็ปะทะกับกองทัพเขมร จึงเข้าตีจนแตกพ่าย และตามตีจนพ้นเขตแดนไทย เมื่อสมเด็จพระนเรศวรขึ้นครองราชย์แล้ว ศึกทางพม่าว่างเว้น ทรงเห็นว่าจะต้องกำราบเขมรที่คอยตีท้ายครัวให้เข็ดหลาบเสียที ทรงร่วมกับสมเด็จพระเอกาทศรถยกกองทัพไป ให้พระราชมนูเป็นกองทัพหน้า พระยาละแวกยกมาสกัดที่เมืองโพธิสัตว์และพระตะบอง พระราชมนูถลำเข้าไปไม่รู้ตัว เลยถูกตีถอยมาถึงทัพหลวง สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธจะให้ประหารชีวิตแม่ทัพเสีย แต่สมเด็จพระเอกาทศรถทูลขอชีวิตให้โอกาสแก้ตัว พระราชมนูจึงกลับไปตีเมืองโพธิสัตว์และพระตะบองได้ กองทัพหลวงเข้าล้อมเมืองละแวก แต่ก็ขาดเสบียงอาหาร จึงต้องยกกลับ ในปี พ.ศ.๒๑๓๖ สมเด็จพระนเรศวรทรงนำกองทัพไปตีเมืองละแวกเป็นครั้งที่ ๒ จับพระยาละแวกได้ แล้วทำพิธีกรรมให้ประหารชีวิตเอาโลหิตล้างพระบาท แต่มีบันทึกของบาทหลวงฝรั่งเศสกล่าวว่า พระบรมราชาที่ ๕ ไม่ได้ถูกสมเด็จพระนเรศวรประหาร แต่ได้หนีข้ามแดนไปอยู่ที่เมืองเชียงแตงในลาวพร้อมกับพระราชบุตร ๒ องค์ กองทัพไทยได้เผาเมืองละแวกวอดและกวาดต้อนผู้คนมา ต่อมาพระบรมราชาที่ ๕ พร้อมพระราชบุตรทั้ง ๒ ได้สิ้นพระชนม์ที่เมืองเชียงแตง การทำพิธีกรรมเอาโลหิตล้างพระบาท จึงอาจคลาดเคลื่อนมาจากพิธีกรรมอย่างอื่นก็เป็นได้ หรือเป็นรสชาติของประวัติศาสตร์ตามเจตนาของคนบันทึก https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000124260
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 603 Views 0 Reviews
  • เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL

    หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น

    เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line,

    สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line

    ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น

    #Newskit
    เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line, สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น #Newskit
    0 Comments 0 Shares 573 Views 0 Reviews
  • 20 ประเทศจับมือเดินเกมใช้กฎหมายระหว่างประเทศเล่นงานอิสราเอล!

    กลุ่ม 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึงจีน สเปน และไอร์แลนด์ จะจัดการประชุมกันที่โบโกตา ประเทศโคลอมเบียในสัปดาห์หน้า เพื่อลงมติใช้มาตรการอย่างจริงจังในการลงโทษอิสราเอล หลังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายครั้งจากปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา

    ประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ได้แก่ แอลจีเรีย บังกลาเทศ โบลิเวีย บราซิล ชิลี จีน โคลอมเบีย คิวบา จิบูตี ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย ไอร์แลนด์ เลบานอน มาเลเซีย นามิเบีย นิการากัว โอมาน โปรตุเกส สเปน กาตาร์ เซเนกัล แอฟริกาใต้ ตุรกี เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ อุรุกวัย และปาเลสไตน์

    ทางด้านสหรัฐและอิสราเอล ออกแถลงการณ์ประณามการประชุมครั้งนี้ทันที

    โดยสหรัฐระบุว่า ประเทศเหล่านี้กำลังใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งเป็นภัยต่อระเบียบโลกเพื่อโจมตีอิสราเอล

    ส่วนทางอิสราเอล ออกมาตอบโต้โดยอ้างถึงการเสียชีวิตของชาวยิว 1200 ราย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ว่า ประเทศเหล่านี้คงลืมไปแล้ว ว่าอิสราเอลเป็นฝ่ายถูกกระทำ และนี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามทั้งปวง พร้อมย้ำว่า “สงครามจะไม่ยุติ ตราบใดที่ตัวประกันยังไม่ถูกปล่อย และฮามาสไม่ถูกทำลาย”
    20 ประเทศจับมือเดินเกมใช้กฎหมายระหว่างประเทศเล่นงานอิสราเอล! กลุ่ม 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึงจีน สเปน และไอร์แลนด์ จะจัดการประชุมกันที่โบโกตา ประเทศโคลอมเบียในสัปดาห์หน้า เพื่อลงมติใช้มาตรการอย่างจริงจังในการลงโทษอิสราเอล หลังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายครั้งจากปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา ประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ได้แก่ แอลจีเรีย บังกลาเทศ โบลิเวีย บราซิล ชิลี จีน โคลอมเบีย คิวบา จิบูตี ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย ไอร์แลนด์ เลบานอน มาเลเซีย นามิเบีย นิการากัว โอมาน โปรตุเกส สเปน กาตาร์ เซเนกัล แอฟริกาใต้ ตุรกี เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ อุรุกวัย และปาเลสไตน์ ทางด้านสหรัฐและอิสราเอล ออกแถลงการณ์ประณามการประชุมครั้งนี้ทันที โดยสหรัฐระบุว่า ประเทศเหล่านี้กำลังใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งเป็นภัยต่อระเบียบโลกเพื่อโจมตีอิสราเอล ส่วนทางอิสราเอล ออกมาตอบโต้โดยอ้างถึงการเสียชีวิตของชาวยิว 1200 ราย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ว่า ประเทศเหล่านี้คงลืมไปแล้ว ว่าอิสราเอลเป็นฝ่ายถูกกระทำ และนี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามทั้งปวง พร้อมย้ำว่า “สงครามจะไม่ยุติ ตราบใดที่ตัวประกันยังไม่ถูกปล่อย และฮามาสไม่ถูกทำลาย”
    0 Comments 0 Shares 450 Views 0 Reviews
  • #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 Comments 0 Shares 760 Views 0 Reviews
  • น.ส.ณัฐสินี ภิญโญปิยวิศว์ หรือขวัญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการฯ วุฒิสภา เผย ถูก สว.ลวนลาม เปิดพฤติกรรมเคยคบหากับ สว. รายนี้มาก่อน แต่เลิกไปเมื่อปี 2567 เพราะมีเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่าง แต่บางครั้งต้องเจอกันในห้องประชุม จึงต้องรักษามารยาทในการทำงาน ปกติจะส่งข้อความอวยพรวันเกิด สว. ทุกคน รวมถึง สว. รายนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ วันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา สว. ชวนไปรับประทานอาหาร ซึ่งตอบตกลง เพราะควรผูกมิตรดีกว่ามีศัตรู แต่เพื่อความปลอดภัย จึงไม่ไปช่วงดึก และเปลี่ยนเป็นเลี้ยงขนมที่ร้านชื่อดังแถวถนนบรรทัดทอง ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ตนเองเป็นคนจ่ายค่าขนม ขณะกำลังจะลงจากรถ สว.ได้ดึงแขนตนเองและล็อกตัวไม่ให้ลง ก่อนพาไปที่คอนโดมิเนียมและใช้นิ้วสอดใส่ ยืนยัน ไม่ไกล่เกลี่ย ดำเนินคดีถึงสุด

    -ทลายเครือข่าย"ก๊ก อาน"
    -ช็อกเล็กน้อยภาษีไทย 36%
    -ปรับงบประมาณรับมือภาษี
    -สำรวจกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน
    น.ส.ณัฐสินี ภิญโญปิยวิศว์ หรือขวัญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการฯ วุฒิสภา เผย ถูก สว.ลวนลาม เปิดพฤติกรรมเคยคบหากับ สว. รายนี้มาก่อน แต่เลิกไปเมื่อปี 2567 เพราะมีเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่าง แต่บางครั้งต้องเจอกันในห้องประชุม จึงต้องรักษามารยาทในการทำงาน ปกติจะส่งข้อความอวยพรวันเกิด สว. ทุกคน รวมถึง สว. รายนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ วันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา สว. ชวนไปรับประทานอาหาร ซึ่งตอบตกลง เพราะควรผูกมิตรดีกว่ามีศัตรู แต่เพื่อความปลอดภัย จึงไม่ไปช่วงดึก และเปลี่ยนเป็นเลี้ยงขนมที่ร้านชื่อดังแถวถนนบรรทัดทอง ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ตนเองเป็นคนจ่ายค่าขนม ขณะกำลังจะลงจากรถ สว.ได้ดึงแขนตนเองและล็อกตัวไม่ให้ลง ก่อนพาไปที่คอนโดมิเนียมและใช้นิ้วสอดใส่ ยืนยัน ไม่ไกล่เกลี่ย ดำเนินคดีถึงสุด -ทลายเครือข่าย"ก๊ก อาน" -ช็อกเล็กน้อยภาษีไทย 36% -ปรับงบประมาณรับมือภาษี -สำรวจกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 544 Views 0 0 Reviews
  • ในโลกใต้ดินของแรนซัมแวร์ เหล่าแก๊งแฮกเกอร์ไม่ได้แค่รอเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ แต่ยังต้องแข่งกันเอง — ล่าสุด “DragonForce” (กลุ่มอาชญากรไซเบอร์รัสเซีย) ไม่พอใจที่ “RansomHub” แย่งพันธมิตรในเครือข่ายแรนซัมแวร์ → จึงเปิดศึกแย่งพื้นที่ (turf war) โดยเริ่มจากการโจมตี “เว็บบนดาร์กเว็บของ RansomHub” ให้ล่มไปเลย

    สิ่งที่นักวิเคราะห์กลัวคือ: → แก๊งทั้งสองอาจโจมตีเหยื่อองค์กรเดียวกัน “พร้อมกัน” เพื่อแย่งผลงานกันเอง → หรือบางกรณีเกิด “แรนซัมซ้อนแรนซัม” — เรียกค่าไถ่จากเหยื่อซ้ำหลายรอบ → เหมือนกรณี UnitedHealth Group ที่เคยจ่ายค่าไถ่ให้แก๊งหนึ่งไปแล้ว แต่ถูกอีกแก๊งใช้ช่องทางอื่นมารีดซ้ำอีกจนต้องจ่ายอีกรอบ

    นักวิเคราะห์จาก Google Threat Intelligence Group เตือนว่า → วิกฤตนี้อาจทำให้สภาพแวดล้อมภัยไซเบอร์สำหรับเหยื่อแย่ลงมาก → เพราะ “ความไร้เสถียรภาพของแก๊งแฮกเกอร์เอง” ก็เพิ่มโอกาสถูกโจมตีซ้ำหรือโดนรีดไถต่อเนื่อง → แต่บางฝั่งก็มองว่า การแตกคอกันในวงการแรนซัมแวร์อาจทำให้แก๊งเหล่านี้อ่อนแอลงจากภายในในระยะยาวก็ได้

    แก๊ง DragonForce กำลังทำสงครามไซเบอร์กับ RansomHub เพื่อแย่งพื้นที่และพันธมิตรในโลกอาชญากรรม  
    • เริ่มจากการถล่มเว็บไซต์ดาร์กเว็บของ RansomHub  
    • เหตุเพราะ RansomHub ขยายบริการและดึงดูดเครือข่ายได้มากขึ้น

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “ดับเบิลรีดไถ” คือเหยื่อถูกเรียกค่าไถ่จากหลายกลุ่มพร้อมกัน  
    • เหมือนกรณีของ UnitedHealth Group ที่โดนรีด 2 รอบจาก 2 แก๊ง  
    • เสี่ยงสูญเสียข้อมูล–ชื่อเสียง–เงินทุนมากกว่าเดิม

    ระบบ Ransomware-as-a-Service ยังดำเนินต่อไปแม้แก๊งหลักจะพัง → แค่เปลี่ยนชื่อและ affiliate ไปอยู่กับกลุ่มใหม่

    Google เตือนว่า ความไร้เสถียรภาพของโลกอาชญากรรมไซเบอร์ส่งผลโดยตรงต่อระดับภัยคุกคามของเหยื่อองค์กร

    บางกลุ่มเช่น Conti เคยล่มสลายหลังรัสเซียบุกยูเครน เพราะความขัดแย้งระหว่างสมาชิกจากสองประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/hacker-turf-war-unfolding-as-russian-dragonforce-ransomware-gang-drama-could-lead-to-double-extortionions-making-life-even-worse-for-potential-victims
    ในโลกใต้ดินของแรนซัมแวร์ เหล่าแก๊งแฮกเกอร์ไม่ได้แค่รอเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ แต่ยังต้องแข่งกันเอง — ล่าสุด “DragonForce” (กลุ่มอาชญากรไซเบอร์รัสเซีย) ไม่พอใจที่ “RansomHub” แย่งพันธมิตรในเครือข่ายแรนซัมแวร์ → จึงเปิดศึกแย่งพื้นที่ (turf war) โดยเริ่มจากการโจมตี “เว็บบนดาร์กเว็บของ RansomHub” ให้ล่มไปเลย สิ่งที่นักวิเคราะห์กลัวคือ: → แก๊งทั้งสองอาจโจมตีเหยื่อองค์กรเดียวกัน “พร้อมกัน” เพื่อแย่งผลงานกันเอง → หรือบางกรณีเกิด “แรนซัมซ้อนแรนซัม” — เรียกค่าไถ่จากเหยื่อซ้ำหลายรอบ → เหมือนกรณี UnitedHealth Group ที่เคยจ่ายค่าไถ่ให้แก๊งหนึ่งไปแล้ว แต่ถูกอีกแก๊งใช้ช่องทางอื่นมารีดซ้ำอีกจนต้องจ่ายอีกรอบ นักวิเคราะห์จาก Google Threat Intelligence Group เตือนว่า → วิกฤตนี้อาจทำให้สภาพแวดล้อมภัยไซเบอร์สำหรับเหยื่อแย่ลงมาก → เพราะ “ความไร้เสถียรภาพของแก๊งแฮกเกอร์เอง” ก็เพิ่มโอกาสถูกโจมตีซ้ำหรือโดนรีดไถต่อเนื่อง → แต่บางฝั่งก็มองว่า การแตกคอกันในวงการแรนซัมแวร์อาจทำให้แก๊งเหล่านี้อ่อนแอลงจากภายในในระยะยาวก็ได้ ✅ แก๊ง DragonForce กำลังทำสงครามไซเบอร์กับ RansomHub เพื่อแย่งพื้นที่และพันธมิตรในโลกอาชญากรรม   • เริ่มจากการถล่มเว็บไซต์ดาร์กเว็บของ RansomHub   • เหตุเพราะ RansomHub ขยายบริการและดึงดูดเครือข่ายได้มากขึ้น ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “ดับเบิลรีดไถ” คือเหยื่อถูกเรียกค่าไถ่จากหลายกลุ่มพร้อมกัน   • เหมือนกรณีของ UnitedHealth Group ที่โดนรีด 2 รอบจาก 2 แก๊ง   • เสี่ยงสูญเสียข้อมูล–ชื่อเสียง–เงินทุนมากกว่าเดิม ✅ ระบบ Ransomware-as-a-Service ยังดำเนินต่อไปแม้แก๊งหลักจะพัง → แค่เปลี่ยนชื่อและ affiliate ไปอยู่กับกลุ่มใหม่ ✅ Google เตือนว่า ความไร้เสถียรภาพของโลกอาชญากรรมไซเบอร์ส่งผลโดยตรงต่อระดับภัยคุกคามของเหยื่อองค์กร ✅ บางกลุ่มเช่น Conti เคยล่มสลายหลังรัสเซียบุกยูเครน เพราะความขัดแย้งระหว่างสมาชิกจากสองประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/hacker-turf-war-unfolding-as-russian-dragonforce-ransomware-gang-drama-could-lead-to-double-extortionions-making-life-even-worse-for-potential-victims
    0 Comments 0 Shares 485 Views 0 Reviews
More Results