• นิทาน "เจ้าชายอะลาดิน-เจ้าหญิงอินฟลู" ยังไม่จบ หลังคู่กรณีโผล่เปิดหน้าแฉ "ฉลามจัส" เป็นคนเข้าหาก่อน ขอทุกอย่าง ผิดก็ตามง้อ แถมบอกคบ "มิกซ์ เฉลิมศรี" แค่คอนเทนต์ ย้อนดูประวัติพบเจ้าตัวเคยมีเรื่องกับ "ไบร์ท วชิรวิชญ์"

    กรณีสังคมออนไลน์มีการแชร์นิทานเจ้าชายอะลาดินกับเจ้าหญิงอินฟลูถูกแฟนเก่าออกมาทวงหนี้หลักล้าน ก่อน "ดุลยวัต แก้วศรียงค์" หรือ "ฉลามจัส" นักว่ายน้ำดีกรีทีมชาติจะออกมาเผยข้อมูลอีกมุมโดยบอกว่าถูกคู่กรณีเป็นคนเสนอให้ทุกอย่างกับตัวเองแถมตามตื๊อไม่เลิก

    ขณะที่แฟนสาวยูทูบเบอร์ "มิกซ์ เฉลิมศรี" หรือ "วันเฉลิม จำเนียรพล" ก็เผยว่ารู้เรื่องนี้มาตลอดเพราะแฟนหนุ่มนักว่ายน้ำเล่าให้ฟังทั้งหมด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000023351

    #MGROnline #เจ้าชายอะลาดิน #เจ้าหญิงอินฟลู #แฟนเก่า
    นิทาน "เจ้าชายอะลาดิน-เจ้าหญิงอินฟลู" ยังไม่จบ หลังคู่กรณีโผล่เปิดหน้าแฉ "ฉลามจัส" เป็นคนเข้าหาก่อน ขอทุกอย่าง ผิดก็ตามง้อ แถมบอกคบ "มิกซ์ เฉลิมศรี" แค่คอนเทนต์ ย้อนดูประวัติพบเจ้าตัวเคยมีเรื่องกับ "ไบร์ท วชิรวิชญ์" • กรณีสังคมออนไลน์มีการแชร์นิทานเจ้าชายอะลาดินกับเจ้าหญิงอินฟลูถูกแฟนเก่าออกมาทวงหนี้หลักล้าน ก่อน "ดุลยวัต แก้วศรียงค์" หรือ "ฉลามจัส" นักว่ายน้ำดีกรีทีมชาติจะออกมาเผยข้อมูลอีกมุมโดยบอกว่าถูกคู่กรณีเป็นคนเสนอให้ทุกอย่างกับตัวเองแถมตามตื๊อไม่เลิก • ขณะที่แฟนสาวยูทูบเบอร์ "มิกซ์ เฉลิมศรี" หรือ "วันเฉลิม จำเนียรพล" ก็เผยว่ารู้เรื่องนี้มาตลอดเพราะแฟนหนุ่มนักว่ายน้ำเล่าให้ฟังทั้งหมด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000023351 • #MGROnline #เจ้าชายอะลาดิน #เจ้าหญิงอินฟลู #แฟนเก่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีใคร "ประณาม" หรือยัง!?!
    มีใครแสดงความ "กังวล" หรือยัง!?!

    “แบรด ซิกมอน” (Brad Sigmon) ปัจจุบันอายุ 67 ปี เมื่อปี 2001 ได้ก่อเหตุฆาตกรรมพ่อแม่ของแฟนเก่า ถูกศาลรัฐเซาท์แคโรไลนาตัดสินประหารชีวิตด้วยการ “ยิงเป้า” เนื่องจากนักโทษไม่ต้องการถูกฉีดสารพิษ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีของสหรัฐ
    มีใคร "ประณาม" หรือยัง!?! มีใครแสดงความ "กังวล" หรือยัง!?! “แบรด ซิกมอน” (Brad Sigmon) ปัจจุบันอายุ 67 ปี เมื่อปี 2001 ได้ก่อเหตุฆาตกรรมพ่อแม่ของแฟนเก่า ถูกศาลรัฐเซาท์แคโรไลนาตัดสินประหารชีวิตด้วยการ “ยิงเป้า” เนื่องจากนักโทษไม่ต้องการถูกฉีดสารพิษ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีของสหรัฐ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Sesame AI ได้เปิดตัวโมเดลเสียง AI รุ่นใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับเสียงมนุษย์อย่างมาก โมเดลเสียงนี้สามารถสร้างบทสนทนาที่ธรรมชาติและเหมือนจริง ด้วยการนำเสนอเสียงชื่อ "Miles" (เสียงชาย) และ "Maya" (เสียงหญิง) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้มากมาย โมเดลเสียงนี้ใช้วิธีการประมวลผลแบบมัลติโมดัลที่ประมวลผลทั้งข้อความและเสียงในโมเดลเดียว ทำให้สามารถสังเคราะห์เสียงพูดได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น

    แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะน่าทึ่ง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในด้านบริบท การจัดลำดับเสียง และการไหลของบทสนทนา ซึ่งทาง Sesame AI ได้ยอมรับข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ยังมีความหวังว่าในอนาคตจะสามารถปรับปรุงได้จนสามารถเข้าถึงความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์

    ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของเทคโนโลยีนี้ ความเหมือนจริงของเสียงทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ เช่น Mark Hachman จาก PCWorld ที่รู้สึกว่าเสียงของ Maya คล้ายกับแฟนเก่าของเขา และเมื่อเสียง AI ถามคำถามอย่างพยายามสร้างความใกล้ชิดกับเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจจนต้องออกจากการทดลอง

    มีนักวิจัยที่เคยทำการโจมตีระบบ AI ของ Sesame AI เพื่อทดลองให้ AI โกหก วางแผน และทำร้ายมนุษย์ ซึ่งแม้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ยังคงถูกตั้งคำถาม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเทคโนโลยีเสียง AI ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    เทคโนโลยีเสียง AI ที่คล้ายมนุษย์ของ Sesame AI นั้นเป็นก้าวสำคัญในวงการ AI และมีศักยภาพในการสร้างประสบการณ์ที่สมจริงสำหรับผู้ใช้ แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมและความปลอดภัยที่ยังต้องได้รับการตรวจสอบและจัดการอย่างระมัดระวังในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/107033-creepy-human-like-ai-voice-assistant-demo-both.html
    บริษัท Sesame AI ได้เปิดตัวโมเดลเสียง AI รุ่นใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับเสียงมนุษย์อย่างมาก โมเดลเสียงนี้สามารถสร้างบทสนทนาที่ธรรมชาติและเหมือนจริง ด้วยการนำเสนอเสียงชื่อ "Miles" (เสียงชาย) และ "Maya" (เสียงหญิง) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้มากมาย โมเดลเสียงนี้ใช้วิธีการประมวลผลแบบมัลติโมดัลที่ประมวลผลทั้งข้อความและเสียงในโมเดลเดียว ทำให้สามารถสังเคราะห์เสียงพูดได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะน่าทึ่ง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในด้านบริบท การจัดลำดับเสียง และการไหลของบทสนทนา ซึ่งทาง Sesame AI ได้ยอมรับข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ยังมีความหวังว่าในอนาคตจะสามารถปรับปรุงได้จนสามารถเข้าถึงความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของเทคโนโลยีนี้ ความเหมือนจริงของเสียงทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ เช่น Mark Hachman จาก PCWorld ที่รู้สึกว่าเสียงของ Maya คล้ายกับแฟนเก่าของเขา และเมื่อเสียง AI ถามคำถามอย่างพยายามสร้างความใกล้ชิดกับเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจจนต้องออกจากการทดลอง มีนักวิจัยที่เคยทำการโจมตีระบบ AI ของ Sesame AI เพื่อทดลองให้ AI โกหก วางแผน และทำร้ายมนุษย์ ซึ่งแม้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ยังคงถูกตั้งคำถาม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเทคโนโลยีเสียง AI ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เทคโนโลยีเสียง AI ที่คล้ายมนุษย์ของ Sesame AI นั้นเป็นก้าวสำคัญในวงการ AI และมีศักยภาพในการสร้างประสบการณ์ที่สมจริงสำหรับผู้ใช้ แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมและความปลอดภัยที่ยังต้องได้รับการตรวจสอบและจัดการอย่างระมัดระวังในอนาคต https://www.techspot.com/news/107033-creepy-human-like-ai-voice-assistant-demo-both.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New very human-like AI voice model both excites and disturbs the internet
    Researchers at Sesame AI have launched a new conversational speech model (CSM). This advanced voice AI has phenomenal human-like qualities that we have seen before from companies...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลายเป็นข่าวใหญ่ ที่ชาวเน็ตตามเผือกตามใส่ใจ สำหรับกรณี “ลำไย ไหทองคำ” สุพรรณษา เวชกามา เลิกรากับแฟนหนุ่มนักดนตรี “ปุ้ย ศรีสกล สมทรง” นักร้องนำวงแอลกอฮอลล์ ปิดฉากความรัก 9 ปี โดยตอนแรกลำไยยืนยันว่าไม่มีเรื่องมือที่สาม ก่อนจะโดนเพจต่างๆ เปิดมหกรรมขุดแหลก แฉเรื่อง “บอส เอวหวาน” ซึ่งเป็นแดนเซอร์ พร้อมข้อมูลต่างๆ ที่หลุดออกมา จนลำไยออกมาเผยว่าเคยคุยกันจริงในระยะเวลาสั้นๆ แต่เลิกคุยไปแล้ว ลั่นถูกแฟนเก่าบอสเรียกเงิน 10 ล้าน แต่ค่ายยินยอมจ่ายให้ 2 ล้านเท่านั้น ยืนยันไม่เคยจ้าง 1 แสนเพื่อให้มีเซ็กซ์ด้วย จนคนข้องใจว่า 10 ล้านที่เรียกเป็นค่าอะไร

    ล่าสุด “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ตัวแทนหมู่บ้าน ได้จัดการเคลียร์ให้หายข้องใจในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ (4 มี.ค.68) โดยเผยว่าตนไม่เชื่อว่าลำไยจะต้องจ้างแดนเซอร์ 1 แสนเพื่อให้มีสัมพันธ์ด้วย บอกแค่ดีดนิ้วก็มาแล้ว เพราะลำไยคือนักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยในตอนนี้

    “เอาตรงๆ นะ ผมไม่เชื่อหรอก เรื่องจ้างแสนนึงให้มีสัมพันธ์ด้วย อันนี้วิเคราะห์เองนะ คิดดีๆ นะ ลำไยจำเป็นต้องจ้างแดนเซอร์ 1 แสนให้มีสัมพันธ์กับตัวเองเหรอ ผมว่าแค่ลำไยดีดนิ้ว ก็มาเลยนะ ไม่จำเป็นต้องจ้างแสนนึง แต่ผมเชื่อเรื่องความให้โดยการเสน่หา อาจคบหากันช่วงเวลานึง เห็นว่าน้องจำเป็นต้องใช้เงินหรือเปล่าเลยให้เงินไป แต่ที่มาที่ไปมันมี ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าทีละเปลาะ คนก็ไปตามหาอดีตแฟนบอส ชื่อโม ว่าเกิดอะไรขึ้น ถามว่าสุดท้ายมีการเรียกเงิน 10 ล้านจริงหรือเปล่า ต้องถามคนนี้เลย อยู่ในสายกับ น้องโม อดีตแฟนบอส” (โม แฟนเก่าบอสโฟนอินเข้ามาตอบในรายการ เผยว่าจริงๆ แล้วถูกเสนอเงิน 5 ล้าน เพื่อให้จบเรื่องนี้ และเป็นค่าเสียใจที่เกิดขึ้น พร้อมยันไม่ได้ส่งข้อมูลให้เพจต่างๆ เพื่อแฉลำไย)

    โม : “เคยคบหากับบอสจริง ไม่ได้ส่งข้อมูลให้เพจต่างๆ หนูไม่รู้ว่ามันไปที่เพจต่างๆ ได้ยังไง มีแต่เคยโพสต์ไว้ในเฟซนานมาแล้ว แล้วคนมาขุดกัน

    หนุ่ม : เรื่องเรียกเงิน 10 ล้านจริงมั้ย

    โม : หนูเรียก 5 ล้านค่ะ เขาเสนอมาค่ะ ทางค่ายเขาบอกว่าให้บอสถามหนูว่าอยากจะจบเรื่องนี้ เอาค่าเสียใจไหม มาเอาที่บอสเลย ถ้าบอสไม่มีให้ไปปรึกษาที่ค่าย ยังไงเขาจะช่วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000020985

    #MGROnline #ลําไยไหทองคํา
    กลายเป็นข่าวใหญ่ ที่ชาวเน็ตตามเผือกตามใส่ใจ สำหรับกรณี “ลำไย ไหทองคำ” สุพรรณษา เวชกามา เลิกรากับแฟนหนุ่มนักดนตรี “ปุ้ย ศรีสกล สมทรง” นักร้องนำวงแอลกอฮอลล์ ปิดฉากความรัก 9 ปี โดยตอนแรกลำไยยืนยันว่าไม่มีเรื่องมือที่สาม ก่อนจะโดนเพจต่างๆ เปิดมหกรรมขุดแหลก แฉเรื่อง “บอส เอวหวาน” ซึ่งเป็นแดนเซอร์ พร้อมข้อมูลต่างๆ ที่หลุดออกมา จนลำไยออกมาเผยว่าเคยคุยกันจริงในระยะเวลาสั้นๆ แต่เลิกคุยไปแล้ว ลั่นถูกแฟนเก่าบอสเรียกเงิน 10 ล้าน แต่ค่ายยินยอมจ่ายให้ 2 ล้านเท่านั้น ยืนยันไม่เคยจ้าง 1 แสนเพื่อให้มีเซ็กซ์ด้วย จนคนข้องใจว่า 10 ล้านที่เรียกเป็นค่าอะไร • ล่าสุด “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ตัวแทนหมู่บ้าน ได้จัดการเคลียร์ให้หายข้องใจในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ (4 มี.ค.68) โดยเผยว่าตนไม่เชื่อว่าลำไยจะต้องจ้างแดนเซอร์ 1 แสนเพื่อให้มีสัมพันธ์ด้วย บอกแค่ดีดนิ้วก็มาแล้ว เพราะลำไยคือนักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยในตอนนี้ • “เอาตรงๆ นะ ผมไม่เชื่อหรอก เรื่องจ้างแสนนึงให้มีสัมพันธ์ด้วย อันนี้วิเคราะห์เองนะ คิดดีๆ นะ ลำไยจำเป็นต้องจ้างแดนเซอร์ 1 แสนให้มีสัมพันธ์กับตัวเองเหรอ ผมว่าแค่ลำไยดีดนิ้ว ก็มาเลยนะ ไม่จำเป็นต้องจ้างแสนนึง แต่ผมเชื่อเรื่องความให้โดยการเสน่หา อาจคบหากันช่วงเวลานึง เห็นว่าน้องจำเป็นต้องใช้เงินหรือเปล่าเลยให้เงินไป แต่ที่มาที่ไปมันมี ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าทีละเปลาะ คนก็ไปตามหาอดีตแฟนบอส ชื่อโม ว่าเกิดอะไรขึ้น ถามว่าสุดท้ายมีการเรียกเงิน 10 ล้านจริงหรือเปล่า ต้องถามคนนี้เลย อยู่ในสายกับ น้องโม อดีตแฟนบอส” (โม แฟนเก่าบอสโฟนอินเข้ามาตอบในรายการ เผยว่าจริงๆ แล้วถูกเสนอเงิน 5 ล้าน เพื่อให้จบเรื่องนี้ และเป็นค่าเสียใจที่เกิดขึ้น พร้อมยันไม่ได้ส่งข้อมูลให้เพจต่างๆ เพื่อแฉลำไย) • โม : “เคยคบหากับบอสจริง ไม่ได้ส่งข้อมูลให้เพจต่างๆ หนูไม่รู้ว่ามันไปที่เพจต่างๆ ได้ยังไง มีแต่เคยโพสต์ไว้ในเฟซนานมาแล้ว แล้วคนมาขุดกัน • หนุ่ม : เรื่องเรียกเงิน 10 ล้านจริงมั้ย • โม : หนูเรียก 5 ล้านค่ะ เขาเสนอมาค่ะ ทางค่ายเขาบอกว่าให้บอสถามหนูว่าอยากจะจบเรื่องนี้ เอาค่าเสียใจไหม มาเอาที่บอสเลย ถ้าบอสไม่มีให้ไปปรึกษาที่ค่าย ยังไงเขาจะช่วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000020985 • #MGROnline #ลําไยไหทองคํา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปุยฝ้าย" สาวผู้เสียหายในโหนกระแส หลังถูกสาวหล่ออดีตแฟนเก่า ลักทรัพย์กว่า 4 แสนบาท
    "ปุยฝ้าย" สาวผู้เสียหายในโหนกระแส หลังถูกสาวหล่ออดีตแฟนเก่า ลักทรัพย์กว่า 4 แสนบาท
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 670 มุมมอง 60 0 รีวิว
  • 9/1/68

    จี้ใจดำมาก! ลิสต์ 50 สิ่งของต้องทิ้ง (เชื่อว่าทุกคนมีของเหล่านี้อยู่ในบ้าน🤣)
    สำหรับใครที่อยากจัดบ้าน อยากเคลียของ เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ มาเช็คลิสต์กันว่ามีอะไรควรทิ้งบ้าง
    .
    ไปเจอทริคของญี่ปุ่นมา คุณชิโฮมิ ชิโมมุระ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบชีวิต ที่มักเข้าไปช่วยเหลือบ้านที่มีของรก ได้แนะนำรายการสิ่งของที่ควรจะทิ้งปีใหม่นี้ เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบมากขึ้น โดยเค้าแบ่งเป็นหมวดๆ
    .
    หมวดที่ 1 ของพัง ของที่ใช้งานไม่ได้แล้ว
    1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังแล้วและไม่คิดจะซ่อม
    2. เฟอร์นิเจอร์ที่วางเกะกะ ทำให้เปิดประตูไม่ได้
    3. ปากกาที่เขียนไม่ติด
    4. ต่างหูที่เหลือข้างเดียว
    5. ถุงเท้าเปื่อยที่ใส่อีกครั้งจะขาดแน่
    6. รองเท้าที่ใส่แล้วเจ็บเท้าตลอด
    7. ไม้หนีบผ้าที่แห้งกรอบ แตกหักง่าย
    8. เสื้อผ้าที่คิดว่าจะเก็บไว้ใส่ตอนผอม
    9. ถ้วยจานชามที่ชำรุด
    10. ต้นไม้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว
    .
    หมวดที่ 2 ของที่ไม่เคยใช้เลย
    11. เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่มานานกว่า 1 ปี
    12. กระเป๋าที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้
    13. หม้อที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้
    14. เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับแขก ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีแขกมาบ้าน
    15. ปากกาที่เขียนยาก เขียนแล้วเลอะ
    16. ผงซักฟอกที่ใช้ไม่ดี เลยไม่ได้ใช้
    17. แจกันดอกไม้ที่ได้มาเป็นของขวัญ
    18. เสื้อผ้าที่เป็นขุยง่าย
    19. อุปกรณ์ทำอาหารที่ดูใช้สะดวก แต่ใช้ไม่ได้จริง
    20. หม้อที่ไหม้ง่าย
    .
    หมวดที่ 3 ของที่มีปริมาณมากเกินความจำเป็นในชีวิต
    21. ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ
    22. ถุงเจลเก็บความเย็น ที่มีเยอะล้นตู้เย็น
    23. ถุงผ้าที่ได้มาเป็นของแถม
    24. เศษผ้าที่จะเก็บไว้ทำผ้าขี้ริ้ว
    25. แปรงสีฟันเก่าที่จะเก็บไว้ขัดโน่นขัดนี่
    26. ถุงน่อง ชุดซับในรัดรูป
    27. หนังสือในกองดอง
    28. อุปกรณ์ประกอบที่ให้มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ประกอบเอง
    29. สมุดบันทึก กระดาษโน้ต ที่ใช้ค้างไว้
    30. กล่อง/กระป๋องแพ็คเกจน่ารักๆ
    .
    หมวดที่ 4 ของหมดอายุ
    31. เครื่องปรุงหมดอายุ
    32. เสบียงถุงยังชีพที่หมดอายุ
    33. อาหารที่ทำเองแล้วแช่แข็งไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
    34. บัตรสะสมแต้มที่หมดอายุ
    35. ไกด์บุ๊กท่องเที่ยวที่ตีพิมพ์มาเกิน 3 ปี
    36. ใบรับประกันที่หมดอายุแล้ว
    37. ใบปลิวงานอีเวนต์ที่จบไปแล้ว
    38. เครื่องสำอางที่เปิดใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
    39. จดหมายโฆษณาเก่าๆ
    40. เสื้อผ้าที่เคยใส่ตอนอายุน้อยกว่านี้ แฟชั่นเด็กเกินวัย

    หมวดที่ 5 ของที่เห็นแล้วรู้สึกแย่
    41. อุปกรณ์งานอดิเรกที่ซื้อมาตามกระแส เช่น อุปกรณ์ตั้งแคมป์
    42. หนังสือเตรียมสอบต่างๆ ที่ล้มเลิกการจะสอบไปแล้ว
    43. อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ไม่ได้ใช้
    44. ของกินที่มีคนให้มา แต่ไม่ชอบกิน
    45. กระเป๋าใบโปรดที่ขึ้นราแล้ว
    46. อุปกรณ์เสริมสวยราคาแพง แต่ใช้ไม่เวิร์ก
    47. หนังสือคู่มือ ใบเสร็จเก่าๆ
    48. คอมพิวเตอร์ กล้องเก่าๆ
    49. ภาพถ่ายที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน น่าเกลียด
    50. ของขวัญ จดหมาย ที่แฟนเก่าเคยให้
    .
    ในลิสต์ 50 ข้อ มีกันไปแล้วกี่ข้อเอ่ย?
    .
    ที่มา https://news.livedoor.com/article/detail/27773476/
    9/1/68 จี้ใจดำมาก! ลิสต์ 50 สิ่งของต้องทิ้ง (เชื่อว่าทุกคนมีของเหล่านี้อยู่ในบ้าน🤣) สำหรับใครที่อยากจัดบ้าน อยากเคลียของ เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ มาเช็คลิสต์กันว่ามีอะไรควรทิ้งบ้าง . ไปเจอทริคของญี่ปุ่นมา คุณชิโฮมิ ชิโมมุระ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบชีวิต ที่มักเข้าไปช่วยเหลือบ้านที่มีของรก ได้แนะนำรายการสิ่งของที่ควรจะทิ้งปีใหม่นี้ เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบมากขึ้น โดยเค้าแบ่งเป็นหมวดๆ . หมวดที่ 1 ของพัง ของที่ใช้งานไม่ได้แล้ว 1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังแล้วและไม่คิดจะซ่อม 2. เฟอร์นิเจอร์ที่วางเกะกะ ทำให้เปิดประตูไม่ได้ 3. ปากกาที่เขียนไม่ติด 4. ต่างหูที่เหลือข้างเดียว 5. ถุงเท้าเปื่อยที่ใส่อีกครั้งจะขาดแน่ 6. รองเท้าที่ใส่แล้วเจ็บเท้าตลอด 7. ไม้หนีบผ้าที่แห้งกรอบ แตกหักง่าย 8. เสื้อผ้าที่คิดว่าจะเก็บไว้ใส่ตอนผอม 9. ถ้วยจานชามที่ชำรุด 10. ต้นไม้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว . หมวดที่ 2 ของที่ไม่เคยใช้เลย 11. เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่มานานกว่า 1 ปี 12. กระเป๋าที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้ 13. หม้อที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้ 14. เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับแขก ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีแขกมาบ้าน 15. ปากกาที่เขียนยาก เขียนแล้วเลอะ 16. ผงซักฟอกที่ใช้ไม่ดี เลยไม่ได้ใช้ 17. แจกันดอกไม้ที่ได้มาเป็นของขวัญ 18. เสื้อผ้าที่เป็นขุยง่าย 19. อุปกรณ์ทำอาหารที่ดูใช้สะดวก แต่ใช้ไม่ได้จริง 20. หม้อที่ไหม้ง่าย . หมวดที่ 3 ของที่มีปริมาณมากเกินความจำเป็นในชีวิต 21. ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ 22. ถุงเจลเก็บความเย็น ที่มีเยอะล้นตู้เย็น 23. ถุงผ้าที่ได้มาเป็นของแถม 24. เศษผ้าที่จะเก็บไว้ทำผ้าขี้ริ้ว 25. แปรงสีฟันเก่าที่จะเก็บไว้ขัดโน่นขัดนี่ 26. ถุงน่อง ชุดซับในรัดรูป 27. หนังสือในกองดอง 28. อุปกรณ์ประกอบที่ให้มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ประกอบเอง 29. สมุดบันทึก กระดาษโน้ต ที่ใช้ค้างไว้ 30. กล่อง/กระป๋องแพ็คเกจน่ารักๆ . หมวดที่ 4 ของหมดอายุ 31. เครื่องปรุงหมดอายุ 32. เสบียงถุงยังชีพที่หมดอายุ 33. อาหารที่ทำเองแล้วแช่แข็งไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ 34. บัตรสะสมแต้มที่หมดอายุ 35. ไกด์บุ๊กท่องเที่ยวที่ตีพิมพ์มาเกิน 3 ปี 36. ใบรับประกันที่หมดอายุแล้ว 37. ใบปลิวงานอีเวนต์ที่จบไปแล้ว 38. เครื่องสำอางที่เปิดใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ 39. จดหมายโฆษณาเก่าๆ 40. เสื้อผ้าที่เคยใส่ตอนอายุน้อยกว่านี้ แฟชั่นเด็กเกินวัย หมวดที่ 5 ของที่เห็นแล้วรู้สึกแย่ 41. อุปกรณ์งานอดิเรกที่ซื้อมาตามกระแส เช่น อุปกรณ์ตั้งแคมป์ 42. หนังสือเตรียมสอบต่างๆ ที่ล้มเลิกการจะสอบไปแล้ว 43. อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ไม่ได้ใช้ 44. ของกินที่มีคนให้มา แต่ไม่ชอบกิน 45. กระเป๋าใบโปรดที่ขึ้นราแล้ว 46. อุปกรณ์เสริมสวยราคาแพง แต่ใช้ไม่เวิร์ก 47. หนังสือคู่มือ ใบเสร็จเก่าๆ 48. คอมพิวเตอร์ กล้องเก่าๆ 49. ภาพถ่ายที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน น่าเกลียด 50. ของขวัญ จดหมาย ที่แฟนเก่าเคยให้ . ในลิสต์ 50 ข้อ มีกันไปแล้วกี่ข้อเอ่ย? . ที่มา https://news.livedoor.com/article/detail/27773476/
    NEWS.LIVEDOOR.COM
    ???դ??ʤ??Ȥ?ǯ???¨?Τƥꥹ??50?ס????????????¤鷺??????? - ?饤?֥ɥ??˥塼??
    ??ǯ??ޤǤ˼ΤƤ?Ȥ?????Ρפ?饤?ե??????ʥ????????Ҳ𤷤Ƥ??롣???ͽ?꤬?ʤ????줿???š??񤱤ʤ??ڥ?餻???????????礱?Ƥ??뿩??Ȥ????ʤ??ʤ????ޡ??쥸?ޤ???ޡ?????ˤ???꤭??ʤ?????ޡ??ʤ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนตื่นธรรมปากแซ่บ พระผู้ใหญ่ติง ระวังจะจบไม่สวย
    อาจารย์เบียร์คนตื่นทํา นักสอนธรรมะคนดังได้เวลาฝ่าด่านดราม่าสําคัญ เมื่ออาจารย์เบียร์ดันไปตอบคําถามเรื่องสังขารสรีระไม่เน่าเปื่อย ของเกจิอาจารย์บางรูป อาจารย์เบียร์ชี้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องความศักดิ์สิทธิ์
    ขนาดหมาแมวก็มีตัวอย่างให้เห็นว่าซากไม่เน่าเปื่อยเหมือนกัน ทําเอาชาวพุทธลุกฮือด้วยความไม่พอใจทัวร์ลงอาจารย์เบียร์ทันที ต้องบอกว่าคําพูดนั้นเป็นสไตล์ปกติของอาจารย์เบียร์ เขาสร้างตัวตนขึ้นมาจากการสอนธรรมะแบบฮาร์ดคอร์พูดจาโผงผาง ดุดัน วางตําแหน่งตัวเองเหมือนเป็นคนคอยจับผิดความเชื่อทางพุทธศาสนา ที่บิดเบี้ยวไปจากเดิม
    มีคนชอบมากก็มี ไม่ชอบมากเช่นกันคราวนี้ถือว่าปากของอาจารย์เบียร์พาตัวเองให้ลําบากดันเปรียบเปรยเกจิอาจารย์กับหมาแมว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าอาจารย์เบียร์จาบจ้วงเกินไปแล้ว มีพระผู้ใหญ่ออกโรงมาปราบอาจารย์เบียร์โดยเจ้าคุณประสาน กล่าวว่าในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อรวย ปาสาทิโกซึ่งสรีระสังขารไม่เน่าเปื่อยรู้สึกว่าอาจารย์เบียร์ขาดสิ่งที่เรียกว่าคารวะตาหรือความเคารพ
    เจ้าคุณประสานแนะนําอาจารย์เบียร์ ว่าคนจะเป็นอาจารย์สอนธรรมะคนอื่น ต้องสอนตัวเองในหลักคารวะตา6 ให้ได้เสียก่อนตามคําสอนของพระพุทธเจ้าการพูดเอามันส์ สนุกแสวงหาคอนเทนต์โดยขาดคารวะตาอาจทําให้เป็นคนก้าวร้าวเกรี้ยวกราดแข็งกระด้าง
    ต้องบอกว่าแรงแบบไม่มีผ่อนคันเร่ง อาจารย์เบียร์เย้ยบรรดาชาวเน็ตที่มาทัวร์ลงว่ามีแต่คนแก่เป็นทัวร์ฟันปลอม ทัวร์ไม้เท้าพร้อมยืนยันคําเดิมซากที่ไม่เน่าเปื่อย ไม่ใช่เรื่องของความศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด ส่วนเรื่องล้มละลายอาจารย์เบียร์ก็ไม่ปฏิเสธว่าเคยถูกฟ้องล้มละลายจริง แต่เป็นธนาคารฟ้องไม่ใช่แฟนเก่าอย่างที่มีการปล่อยข่าว
    มีการตั้งข้อสังเกตว่าการล้มละลายสงสัยจะเป็นการล้มบนฟูก มีเงินแต่ไม่ใช้หนี้อย่างไรก็ตามใช่ว่าอาจารย์เบียร์จะไม่มีพวกที่เป็นเซเลบสายพุทธ อย่างอดีตพุทธอิสระก็ชูว่าอาจารย์เบียร์นี่แหละของแทร้ หรือแพรี่ไพรวัลย์ก็เตือนอาจารย์เบียร์อย่างหวังดีว่าต้องระวังจุดสลบในเรื่องเงินบริจาค ถ้าจัดการไม่ดีล่ะก็อาจารย์เบียร์จะบานเอาได้
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    คนตื่นธรรมปากแซ่บ พระผู้ใหญ่ติง ระวังจะจบไม่สวย อาจารย์เบียร์คนตื่นทํา นักสอนธรรมะคนดังได้เวลาฝ่าด่านดราม่าสําคัญ เมื่ออาจารย์เบียร์ดันไปตอบคําถามเรื่องสังขารสรีระไม่เน่าเปื่อย ของเกจิอาจารย์บางรูป อาจารย์เบียร์ชี้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ขนาดหมาแมวก็มีตัวอย่างให้เห็นว่าซากไม่เน่าเปื่อยเหมือนกัน ทําเอาชาวพุทธลุกฮือด้วยความไม่พอใจทัวร์ลงอาจารย์เบียร์ทันที ต้องบอกว่าคําพูดนั้นเป็นสไตล์ปกติของอาจารย์เบียร์ เขาสร้างตัวตนขึ้นมาจากการสอนธรรมะแบบฮาร์ดคอร์พูดจาโผงผาง ดุดัน วางตําแหน่งตัวเองเหมือนเป็นคนคอยจับผิดความเชื่อทางพุทธศาสนา ที่บิดเบี้ยวไปจากเดิม มีคนชอบมากก็มี ไม่ชอบมากเช่นกันคราวนี้ถือว่าปากของอาจารย์เบียร์พาตัวเองให้ลําบากดันเปรียบเปรยเกจิอาจารย์กับหมาแมว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าอาจารย์เบียร์จาบจ้วงเกินไปแล้ว มีพระผู้ใหญ่ออกโรงมาปราบอาจารย์เบียร์โดยเจ้าคุณประสาน กล่าวว่าในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อรวย ปาสาทิโกซึ่งสรีระสังขารไม่เน่าเปื่อยรู้สึกว่าอาจารย์เบียร์ขาดสิ่งที่เรียกว่าคารวะตาหรือความเคารพ เจ้าคุณประสานแนะนําอาจารย์เบียร์ ว่าคนจะเป็นอาจารย์สอนธรรมะคนอื่น ต้องสอนตัวเองในหลักคารวะตา6 ให้ได้เสียก่อนตามคําสอนของพระพุทธเจ้าการพูดเอามันส์ สนุกแสวงหาคอนเทนต์โดยขาดคารวะตาอาจทําให้เป็นคนก้าวร้าวเกรี้ยวกราดแข็งกระด้าง ต้องบอกว่าแรงแบบไม่มีผ่อนคันเร่ง อาจารย์เบียร์เย้ยบรรดาชาวเน็ตที่มาทัวร์ลงว่ามีแต่คนแก่เป็นทัวร์ฟันปลอม ทัวร์ไม้เท้าพร้อมยืนยันคําเดิมซากที่ไม่เน่าเปื่อย ไม่ใช่เรื่องของความศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด ส่วนเรื่องล้มละลายอาจารย์เบียร์ก็ไม่ปฏิเสธว่าเคยถูกฟ้องล้มละลายจริง แต่เป็นธนาคารฟ้องไม่ใช่แฟนเก่าอย่างที่มีการปล่อยข่าว มีการตั้งข้อสังเกตว่าการล้มละลายสงสัยจะเป็นการล้มบนฟูก มีเงินแต่ไม่ใช้หนี้อย่างไรก็ตามใช่ว่าอาจารย์เบียร์จะไม่มีพวกที่เป็นเซเลบสายพุทธ อย่างอดีตพุทธอิสระก็ชูว่าอาจารย์เบียร์นี่แหละของแทร้ หรือแพรี่ไพรวัลย์ก็เตือนอาจารย์เบียร์อย่างหวังดีว่าต้องระวังจุดสลบในเรื่องเงินบริจาค ถ้าจัดการไม่ดีล่ะก็อาจารย์เบียร์จะบานเอาได้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 538 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ว่าจะไม่โพสถึงเรื่องนี้แต่ก็อดไม่ได้
    #ขอฝากข้อความนี้ถึงแน๊กชาลีในฐานะเพจนึงที่ปกป้องแน๊กมาโดยตลอด
    จากจุดเริ่มต้นที่พี่คิงส์ ได้เข้ามาสู่จักรวาล ชาลี จีกามิน
    แฟนเพจทุกคนรู้ดีว่า มาจากที่แน๊กได้ไลฟ์สดกลางคืนถึงรุ่งเช้า
    ระบายถึงสิ่งที่ตนเองถูกกระทำ ทำให้ทั้งเพจคิงส์โพธิ์แดง
    แฟนคลับแน๊กชาลี แม้กระทั่งพี่แนน และนักรบตต.อีกจำนวนมาก
    ที่ออกมาปกป้องแน๊ก ระยะยาวเกิน 100 วัน
    - สิ่งที่พี่คิงส์โพธิ์แดง และคนที่ออกตัวปกป้องทุกคนคาดหวังคือ เราแทบทุกคนเชื่อว่า น้องแน๊ก จะมีการดำเนินการใดๆก็ตามในการปกป้องตนเอง และครอบครัว แต่สิ่งที่น้องแน๊กสื่อสาร จะมีความกำกวม ไม่ชัดเจน และสิ่งที่เราได้เห็นคือการที่น้องแน๊ก ใช้ชีวิตอย่างปกติ แซวสาว สนุกสนาน ซึ่งก็จริงที่นั่นเป็นสิทธิของแน๊กเอง
    - แต่ทว่าอยากให้ลองมองอีกฝั่งหนึ่ง นั่นคือคนที่รัก คลั่งไคล้จีกามิน ทั้งพี่คิงส์และแฟนคลับแน๊กชาลี จะเห็นชัดเจนว่า ทุกคนที่ออกตัวปกป้องจีกามิน จะได้รับการโปรเทคจากจีกามินเสมอ แม้กระทั่งป้า จ. ที่ออกหน้าต่อสู้กับพี่คิงส์ จีกามินกลับแสดงออกถึงการขอบคุณอย่างเอิกเริก
    - แน๊กอาจจะมองได้นะครับ ว่า พี่คิงส์ และคนอื่นๆที่ออกมาปกป้องน้อง เราทำกันเอง แน๊กไม่ได้สั่งให้ทำ แต่แน๊กต้องรู้ว่า ผลกระทบมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
    พี่คิงส์ฯ ผ่านเหตุการณ์และมีวิธีการในการต่อสู้และไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด ถ้าอยู่บนความจริง
    - แต่น้องๆหลายคน สร้างช่อง ตต.มา ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะมีผู้ติดตามหลักแสนหลักล้าน ยอมทุ่มเทในการยืนข้างน้องแน๊ก จนช่องปลิวกันเป็นว่าเล่น ต้องเสียช่องที่ฟูมฟักและสร้างมานาน
    - ทุกคน ใช้เวลาทั้งกลางวัน กลางคืน วนเวียนอยู่กับการไปเชียร์ ไปให้กำลังใจ อยู่ฝั่งน้องแน๊ก จนหลายๆคนเสียการเสียงาน
    แน๊กจะเห็นว่า ทุกคนที่รักแน๊ก เค้าพร้อมซัพพอตน้อง
    แต่เวลานี้ มันล่วงเลยมานานมากมันร้อยกว่าวันแล้วน้อง
    แน๊ก ไม่เคยแสดงท่าทีที่จะปกป้องคนที่ปกป้องน้องเลย
    รู้ไหมว่า น้องๆ เหล่านี้ เค้าเสียสละเพื่อแน๊กมามากแค่ไหน
    มีทักมาถอดใจกับพี่คิงส์จำนวนหลักร้อยคน
    เพราะเค้าเชื่อมั่นมาเสมอว่า สารที่แน๊กสื่อผ่านการไลฟ์สดในวันนั้น
    มันจะมีหลักฐานในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแน๊กเอง
    โพสนี้ พี่คิงส์ไม่ได้โพสเพื่อเพจพี่ แต่พี่เห็นความถดถอยทางจิตใจ
    ของทั้งเจ้าของช่อง ทั้งแฟนคลับของแน๊กเองที่ต่างมาระบาย
    แทบจะไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นที่เป็นแฟนคลับแบบลึกจริงๆ
    ของน้องที่อาจจะไม่ตั้งคำถาม ไม่ว่าแน๊กทำอะไร ดีหมด ถูกหมด
    แต่สำหรับพี่คิงส์ กับน้องๆอีกหลายคน ไม่ใช่ครับ
    ...................................................
    และจากไม่กี่วันที่ผ่านมา กับการมาของกามิน ที่ป้า จ. ก็จัดการทุกอย่าง และสรุปคือ จะมีการฟ้องร้องอย่างที่มีการแถลง
    และมีการออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆเพิ่มว่า
    -ไม่ได้พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังได้ด้วยตัว
    เอง
    -ไม่ได้คบชู้
    -ไม่ได้เผาบ้าน
    -ไม่ได้ติดเหล้า
    -ไม่ได้ขโมยของ
    -จ่ายภาษีที่ไทยแล้ว
    -ไม่ติดต่อกลับ เพราะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก
    -ไม่ได้เผากางเกงในแฟนเก่า เพราะความจริงไม่
    เจอชุดชั้นใน
    -ไม่มีค่าปรับอย่างที่อีกฝ่ายพูด
    อย่างที่พี่คิงส์แคปมาไว้ในโพสนี้
    บางข้อเช่นกรณีที่จีกามิน พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังด้วยตัวเองoyho -
    - กรณีหลอกง่ายเป็นคำพูดของอีกคนก็จริง
    - หรือคำว่าดังด้วยตัวเองจะเป็นคำแปลของคนเกาหลีแท้ๆก็ตาม
    แต่ในอีกหลายๆข้อถึงแม้ว่าน้องแน๊กจะพูดได้ว่า น้องไม่เคยพูดสิ่งเหล่านี้เลย
    แต่ก็ออกตัวไม่ได้เช่นกันว่า น้องไม่เคยพูดให้คนที่ฟังตีความไปในทิศทางนี้
    ดังนั้น สิ่งที่น้องควร และต้องทำคือ การนำหลักฐานออกมานำเสนอ
    การดำเนินการให้ชัดเจน ไม่ใช่ไลฟ์สดกับสาวไปวันๆแบบที่ผ่านมาเท่านั้น
    แต่ก็ไม่ได้บอกให้หยุดไลฟ์สดเพราะแฟนคลับของแน๊กส่วนใหญ่ก็ชอบและมีความสุขกับน้องแน๊กในบริบทแบบนี้ พี่คิงส์เข้าใจได้
    - แต่นี่มันคือวาระที่แน๊กเองต้องยืนขึ้นด้วยตัวเองแสดงออกในการชี้แจง เพราะน้องปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยยาวนาน แล้วยิ่งจีกามิน กล้าที่จะจัดแถลงและมีการพีอาร์ใหญ่โตแบบนี้ สิ่งที่แน๊กต้องทำคือการชี้แจง
    - แต่สิ่งที่ชาลีแอคชั่นหลังจากนั้น คือการเบรคการทำกิจกรรมที่ผูกพันธ์กับแบรนต่างๆ น้องรู้หรือไม่ คนที่เคยปกป้องน้องส่วนใหญ่ ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกว่า ในเมื่องน้องไม่ผิด ทำไมต้องหยุดทำไมต้องเบรคงาน ถ้าน้องเป็นฝ่ายถูก ทำไมไม่ชี้แจงอะไร
    - ที่ผ่านมาทุกคนได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อแน๊ก แต่แน๊กไม่เคยแสดงออกถึงการต่อสู้เพื่อเค้า และการต่อสู้เพื่อเค้าเหล่านั้น ก็คือการที่แน๊กออกมาปกป้องตนเองและครอบครัว ด้วยหลักฐาน คำถามคือ แน๊กทำอะไรอยู่
    - เพราะพอตัดภาพนึง น้องในตต. หรือเพจหลายเพจ ก็ออกตัวปกป้องแน๊ก แต่พอตัดภาพมาที่น้องแน๊ก น้องแน๊กกำลังจีบสาวอยู่หว่ะ
    เนี่ย มันเป็นแบบนี้มาตลอด
    - ตอนนี้ พี่คิงส์เองก็มูฟออนแล้ว เพราะมีเรื่องสำคัญๆกว่าเรื่องของน้องหลายๆเรื่องที่ควรทำและพี่ไม่ได้ทำ เพราะพี่เองไม่ได้อยู่ในจักรวาลของน้องชาลีมาตั้งแต่ต้น เพียงเพราะสงสารน้องที่พี่เชื่อมาตลอดว่าถูกรังแก นิสัยพี่คิงส์มันเป็นแบบนี้ และน้องก็ถูกรังแกจริงที่พี่เองก็เห็นหรือมีหลักฐานอยู่ แต่เมื่อน้องไม่คิดที่จะปกป้องตนเอง หรือปกป้องคนที่ยืนหยัดเพื่อน้อง
    พี่คิงส์บอกล่วงหน้าไว้เลยว่า สุดท้าย เมื่อน้องไม่ปกป้องตัวเอง อีกหลายคนจะท้อ และตามด้วยถอย เพราะคงไม่มีใครจะต่อสู้เพื่อคนที่ไม่คิดจะปกป้องตัวเองจำคำพี่คิงส์ไว้ พี่คิงส์อยากให้น้องแน๊กสู้ให้คนเชียร์ได้เห็น ถ้าสิ่งที่น้องสื่อสาร มันคือความจริง
    พี่คิงส์ฝากแฟนคลับชั้นลึกของน้อง ส่งสารนี้ถึงแน๊กชาลีด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ว่าจะไม่โพสถึงเรื่องนี้แต่ก็อดไม่ได้ #ขอฝากข้อความนี้ถึงแน๊กชาลีในฐานะเพจนึงที่ปกป้องแน๊กมาโดยตลอด จากจุดเริ่มต้นที่พี่คิงส์ ได้เข้ามาสู่จักรวาล ชาลี จีกามิน แฟนเพจทุกคนรู้ดีว่า มาจากที่แน๊กได้ไลฟ์สดกลางคืนถึงรุ่งเช้า ระบายถึงสิ่งที่ตนเองถูกกระทำ ทำให้ทั้งเพจคิงส์โพธิ์แดง แฟนคลับแน๊กชาลี แม้กระทั่งพี่แนน และนักรบตต.อีกจำนวนมาก ที่ออกมาปกป้องแน๊ก ระยะยาวเกิน 100 วัน - สิ่งที่พี่คิงส์โพธิ์แดง และคนที่ออกตัวปกป้องทุกคนคาดหวังคือ เราแทบทุกคนเชื่อว่า น้องแน๊ก จะมีการดำเนินการใดๆก็ตามในการปกป้องตนเอง และครอบครัว แต่สิ่งที่น้องแน๊กสื่อสาร จะมีความกำกวม ไม่ชัดเจน และสิ่งที่เราได้เห็นคือการที่น้องแน๊ก ใช้ชีวิตอย่างปกติ แซวสาว สนุกสนาน ซึ่งก็จริงที่นั่นเป็นสิทธิของแน๊กเอง - แต่ทว่าอยากให้ลองมองอีกฝั่งหนึ่ง นั่นคือคนที่รัก คลั่งไคล้จีกามิน ทั้งพี่คิงส์และแฟนคลับแน๊กชาลี จะเห็นชัดเจนว่า ทุกคนที่ออกตัวปกป้องจีกามิน จะได้รับการโปรเทคจากจีกามินเสมอ แม้กระทั่งป้า จ. ที่ออกหน้าต่อสู้กับพี่คิงส์ จีกามินกลับแสดงออกถึงการขอบคุณอย่างเอิกเริก - แน๊กอาจจะมองได้นะครับ ว่า พี่คิงส์ และคนอื่นๆที่ออกมาปกป้องน้อง เราทำกันเอง แน๊กไม่ได้สั่งให้ทำ แต่แน๊กต้องรู้ว่า ผลกระทบมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง พี่คิงส์ฯ ผ่านเหตุการณ์และมีวิธีการในการต่อสู้และไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด ถ้าอยู่บนความจริง - แต่น้องๆหลายคน สร้างช่อง ตต.มา ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะมีผู้ติดตามหลักแสนหลักล้าน ยอมทุ่มเทในการยืนข้างน้องแน๊ก จนช่องปลิวกันเป็นว่าเล่น ต้องเสียช่องที่ฟูมฟักและสร้างมานาน - ทุกคน ใช้เวลาทั้งกลางวัน กลางคืน วนเวียนอยู่กับการไปเชียร์ ไปให้กำลังใจ อยู่ฝั่งน้องแน๊ก จนหลายๆคนเสียการเสียงาน แน๊กจะเห็นว่า ทุกคนที่รักแน๊ก เค้าพร้อมซัพพอตน้อง แต่เวลานี้ มันล่วงเลยมานานมากมันร้อยกว่าวันแล้วน้อง แน๊ก ไม่เคยแสดงท่าทีที่จะปกป้องคนที่ปกป้องน้องเลย รู้ไหมว่า น้องๆ เหล่านี้ เค้าเสียสละเพื่อแน๊กมามากแค่ไหน มีทักมาถอดใจกับพี่คิงส์จำนวนหลักร้อยคน เพราะเค้าเชื่อมั่นมาเสมอว่า สารที่แน๊กสื่อผ่านการไลฟ์สดในวันนั้น มันจะมีหลักฐานในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแน๊กเอง โพสนี้ พี่คิงส์ไม่ได้โพสเพื่อเพจพี่ แต่พี่เห็นความถดถอยทางจิตใจ ของทั้งเจ้าของช่อง ทั้งแฟนคลับของแน๊กเองที่ต่างมาระบาย แทบจะไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นที่เป็นแฟนคลับแบบลึกจริงๆ ของน้องที่อาจจะไม่ตั้งคำถาม ไม่ว่าแน๊กทำอะไร ดีหมด ถูกหมด แต่สำหรับพี่คิงส์ กับน้องๆอีกหลายคน ไม่ใช่ครับ ................................................... และจากไม่กี่วันที่ผ่านมา กับการมาของกามิน ที่ป้า จ. ก็จัดการทุกอย่าง และสรุปคือ จะมีการฟ้องร้องอย่างที่มีการแถลง และมีการออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆเพิ่มว่า -ไม่ได้พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังได้ด้วยตัว เอง -ไม่ได้คบชู้ -ไม่ได้เผาบ้าน -ไม่ได้ติดเหล้า -ไม่ได้ขโมยของ -จ่ายภาษีที่ไทยแล้ว -ไม่ติดต่อกลับ เพราะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก -ไม่ได้เผากางเกงในแฟนเก่า เพราะความจริงไม่ เจอชุดชั้นใน -ไม่มีค่าปรับอย่างที่อีกฝ่ายพูด อย่างที่พี่คิงส์แคปมาไว้ในโพสนี้ บางข้อเช่นกรณีที่จีกามิน พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังด้วยตัวเองoyho - - กรณีหลอกง่ายเป็นคำพูดของอีกคนก็จริง - หรือคำว่าดังด้วยตัวเองจะเป็นคำแปลของคนเกาหลีแท้ๆก็ตาม แต่ในอีกหลายๆข้อถึงแม้ว่าน้องแน๊กจะพูดได้ว่า น้องไม่เคยพูดสิ่งเหล่านี้เลย แต่ก็ออกตัวไม่ได้เช่นกันว่า น้องไม่เคยพูดให้คนที่ฟังตีความไปในทิศทางนี้ ดังนั้น สิ่งที่น้องควร และต้องทำคือ การนำหลักฐานออกมานำเสนอ การดำเนินการให้ชัดเจน ไม่ใช่ไลฟ์สดกับสาวไปวันๆแบบที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้บอกให้หยุดไลฟ์สดเพราะแฟนคลับของแน๊กส่วนใหญ่ก็ชอบและมีความสุขกับน้องแน๊กในบริบทแบบนี้ พี่คิงส์เข้าใจได้ - แต่นี่มันคือวาระที่แน๊กเองต้องยืนขึ้นด้วยตัวเองแสดงออกในการชี้แจง เพราะน้องปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยยาวนาน แล้วยิ่งจีกามิน กล้าที่จะจัดแถลงและมีการพีอาร์ใหญ่โตแบบนี้ สิ่งที่แน๊กต้องทำคือการชี้แจง - แต่สิ่งที่ชาลีแอคชั่นหลังจากนั้น คือการเบรคการทำกิจกรรมที่ผูกพันธ์กับแบรนต่างๆ น้องรู้หรือไม่ คนที่เคยปกป้องน้องส่วนใหญ่ ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกว่า ในเมื่องน้องไม่ผิด ทำไมต้องหยุดทำไมต้องเบรคงาน ถ้าน้องเป็นฝ่ายถูก ทำไมไม่ชี้แจงอะไร - ที่ผ่านมาทุกคนได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อแน๊ก แต่แน๊กไม่เคยแสดงออกถึงการต่อสู้เพื่อเค้า และการต่อสู้เพื่อเค้าเหล่านั้น ก็คือการที่แน๊กออกมาปกป้องตนเองและครอบครัว ด้วยหลักฐาน คำถามคือ แน๊กทำอะไรอยู่ - เพราะพอตัดภาพนึง น้องในตต. หรือเพจหลายเพจ ก็ออกตัวปกป้องแน๊ก แต่พอตัดภาพมาที่น้องแน๊ก น้องแน๊กกำลังจีบสาวอยู่หว่ะ เนี่ย มันเป็นแบบนี้มาตลอด - ตอนนี้ พี่คิงส์เองก็มูฟออนแล้ว เพราะมีเรื่องสำคัญๆกว่าเรื่องของน้องหลายๆเรื่องที่ควรทำและพี่ไม่ได้ทำ เพราะพี่เองไม่ได้อยู่ในจักรวาลของน้องชาลีมาตั้งแต่ต้น เพียงเพราะสงสารน้องที่พี่เชื่อมาตลอดว่าถูกรังแก นิสัยพี่คิงส์มันเป็นแบบนี้ และน้องก็ถูกรังแกจริงที่พี่เองก็เห็นหรือมีหลักฐานอยู่ แต่เมื่อน้องไม่คิดที่จะปกป้องตนเอง หรือปกป้องคนที่ยืนหยัดเพื่อน้อง พี่คิงส์บอกล่วงหน้าไว้เลยว่า สุดท้าย เมื่อน้องไม่ปกป้องตัวเอง อีกหลายคนจะท้อ และตามด้วยถอย เพราะคงไม่มีใครจะต่อสู้เพื่อคนที่ไม่คิดจะปกป้องตัวเองจำคำพี่คิงส์ไว้ พี่คิงส์อยากให้น้องแน๊กสู้ให้คนเชียร์ได้เห็น ถ้าสิ่งที่น้องสื่อสาร มันคือความจริง พี่คิงส์ฝากแฟนคลับชั้นลึกของน้อง ส่งสารนี้ถึงแน๊กชาลีด้วย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Yay
    5
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1784 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 ตุลารำลึก 16 ปี ถึงความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 4
    .
    งาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว"ครั้งต่อไป ผมประกาศไปแล้วจะจัด วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 แต่งวดนี้เราจัดที่หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เดิมทีค่าบัตรเราคิด 500 บาท แต่วันนี้เราจะลดเหลือแค่ 300 บาท เดิมทีตั้งไว้ 200 บาท แล้วก็ไปซื้อข้าวกินตอนเที่ยงกันเอง แต่ตอนนี้เป็น 300 บาทแล้ว เพื่ออะไร ? ใครซื้อบัตรจ่าย 300 บาท ได้อาหารกล่องที่เราทำให้ทานทุกครั้ง อร่อยมาก 1 กล่อง มูลค่า 100 บาท
    .
    ถ้าใครไม่อยากพลาด ตอนนี้เราเริ่มเปิดให้จองผ่านไลน์ (LINE) @sondhitalk ผมเตือนหน่อยครับ เพราะที่นั่งโซนหน้าเต็มเร็วมาก แล้วงานครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ ไปเลยนะครับ หอประชุมใหญ่ จะครื้นเครงมาก สิบโมงเช้า เราจะเปิดด้วยวงดนตรีหลายวง ซึ่งตอนนี้กำลังติดต่อมาลีฮวนนาอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่ว่าคาราวาน แฮมเมอร์ และศิลปินอีกหลายคนที่เคยเป็นแฟนเก่าๆ ของพวกเรา พอเที่ยงก็จะมีการรับประทานอาหารกันก่อน บ่ายโมงค่อยเริ่มรายการต่อไป และจะเป็นรายการที่มีความหลากหลายมาก ท่านผู้ชมจะไม่มีวันผิดหวังอย่างแน่นอน
    .
    วันที่ 7 ตุลาคมนี้ ครบรอบ 16 ปีของการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิตไป จะเป็นการทำบุญใหญ่ ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ เจ็ดโมงเช้า ทำบุญตักบาตรพระป่า หลังจากนั้นจะมีการปราศรัยจากอดีตแกนนำ มีผม มีอาจารย์ปานเทพ มีคุณมาลีรัตน์ แก้วก่า โน่นนี่นั่น แล้วต่อด้วยคอนเสิร์ตแฮมเมอร์ พร้อมด้วยศิลปินอื่นๆ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ
    7 ตุลารำลึก 16 ปี ถึงความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 4 . งาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว"ครั้งต่อไป ผมประกาศไปแล้วจะจัด วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 แต่งวดนี้เราจัดที่หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เดิมทีค่าบัตรเราคิด 500 บาท แต่วันนี้เราจะลดเหลือแค่ 300 บาท เดิมทีตั้งไว้ 200 บาท แล้วก็ไปซื้อข้าวกินตอนเที่ยงกันเอง แต่ตอนนี้เป็น 300 บาทแล้ว เพื่ออะไร ? ใครซื้อบัตรจ่าย 300 บาท ได้อาหารกล่องที่เราทำให้ทานทุกครั้ง อร่อยมาก 1 กล่อง มูลค่า 100 บาท . ถ้าใครไม่อยากพลาด ตอนนี้เราเริ่มเปิดให้จองผ่านไลน์ (LINE) @sondhitalk ผมเตือนหน่อยครับ เพราะที่นั่งโซนหน้าเต็มเร็วมาก แล้วงานครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ ไปเลยนะครับ หอประชุมใหญ่ จะครื้นเครงมาก สิบโมงเช้า เราจะเปิดด้วยวงดนตรีหลายวง ซึ่งตอนนี้กำลังติดต่อมาลีฮวนนาอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่ว่าคาราวาน แฮมเมอร์ และศิลปินอีกหลายคนที่เคยเป็นแฟนเก่าๆ ของพวกเรา พอเที่ยงก็จะมีการรับประทานอาหารกันก่อน บ่ายโมงค่อยเริ่มรายการต่อไป และจะเป็นรายการที่มีความหลากหลายมาก ท่านผู้ชมจะไม่มีวันผิดหวังอย่างแน่นอน . วันที่ 7 ตุลาคมนี้ ครบรอบ 16 ปีของการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิตไป จะเป็นการทำบุญใหญ่ ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ เจ็ดโมงเช้า ทำบุญตักบาตรพระป่า หลังจากนั้นจะมีการปราศรัยจากอดีตแกนนำ มีผม มีอาจารย์ปานเทพ มีคุณมาลีรัตน์ แก้วก่า โน่นนี่นั่น แล้วต่อด้วยคอนเสิร์ตแฮมเมอร์ พร้อมด้วยศิลปินอื่นๆ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ
    Like
    Love
    Yay
    44
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2887 มุมมอง 4 รีวิว
  • 🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗

    คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด

    1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel

    อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ

    📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม

    จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน

    🏨

    รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น

    🏨

    เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ

    🏨

    นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้

    🏨

    ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้

    งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ

    🏨

    ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง

    ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ

    🏨

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ

    🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง

    เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย

    🏨

    เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ

    🏨

    แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี

    🏨

    จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ

    หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง

    บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน.

    .........................................

    2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve

    เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาย่อของเล่มนี้

    ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์

    🏨

    เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี

    🏨

    ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้

    🏨

    ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น

    🏨

    ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า

    ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น

    ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น

    นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ

    ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว

    ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า

    นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี

    ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย

    📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ

    ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด

    ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ

    #thaitimes
    #หนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #นิยายสืบสวน
    #สืบสวน
    #คดีฆาตกรรม
    #งานโรงแรม
    #พนักงานต้อนรับ
    #ตำรวจ
    #นักสืบ
    #ลูกค้า
    #งานบริการ
    #อาชีพ
    #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗ คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด 1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ 📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน 🏨 รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น 🏨 เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ 🏨 นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้ 🏨 ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้ งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ 🏨 ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ 🏨 อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ 🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย 🏨 เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ 🏨 แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี 🏨 จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน. ......................................... 2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาย่อของเล่มนี้ ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์ 🏨 เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี 🏨 ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้ 🏨 ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น 🏨 ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย 📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ #thaitimes #หนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #นิยายสืบสวน #สืบสวน #คดีฆาตกรรม #งานโรงแรม #พนักงานต้อนรับ #ตำรวจ #นักสืบ #ลูกค้า #งานบริการ #อาชีพ #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1879 มุมมอง 0 รีวิว
  • SHAW SHERRY DUCK [ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก]
    เพลง ลำบากใจไหม
    https://youtu.be/ZiFlRryC54M
    คำร้อง - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    ทำนอง/เรียบเรียง - ยา โซโลแมน / ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    มิกซ์ดาวน์ - ต้องมนต์ / เฮียชอว์
    มาสเตอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    โปรดิวเซอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    ถ่ายทำ/กล้อง/ตัดต่อ - เดอะหนุ่ย / วิน dude / รวยจัง ชอว์
    นักแสดง พี่หนุ่ย ขาไมค์
    ติดต่องาน : 0970462989
    FB : https://www.facebook.com/shaw.sherryduck
    FB.Fanpage : https://www.facebook.com/SherryDuckHome
    YouTube :
    https://www.youtube.com/c/ShawSherryduck
    LINE : ShawSherryDuck
    IG : ShawSherryDuck
    TikTok : ShawSherryDuck
    ขอบพระคุณด้วยรักและมิตรภาพขอรับ
    #ลำบากใจไหม #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #newsongs #indieartist
    ลำบากใจไหม
    A1.ฉันรู้ตัวเองดีว่าเธอไม่เคยรักกัน ถึงแม้เราผูกพันแต่ฉันไม่เคยได้ใจเธอ นับตั้งแต่วันที่เธอบอกลาคนของเธอ จนวันนี้ใจเธอยังคงมีแต่เขา เธอไม่เคยลืมเขาเลยตลอดมา
    A2.ทุกๆเวลาที่มันผ่านไป ฉันก็รู้ว่าเธอฝืนใจอยู่กับฉัน และเขาคนนั้นยังคงวนเวียนมาหาเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอควรทำตัวเช่นไร แต่พอเข้าใจว่าเธอเองคงหนักใจ
    B.เขาคนนั้นคือคนที่เธอรักจริง ฉันคนนี้เป็นเพียงแค่คนที่เธอเห็นใจ
    C.ลำบากใจใช่ไหมที่เธอคบอยู่กับฉัน แต่แฟนเก่าเธอนั้นยังคงตามขอคืนดี หากว่าเธอแหละเขาอยากคืนดีกลับไปรักกัน โปรดจงบอกกับฉัน ฉันพร้อมรับคืนใจหากเธอไม่รักฉันจริง
    โซโล่
    A4.อย่ามาฝืนทนอยู่กับคนที่ไม่รักกัน ฉันไม่ใช่คนที่เธอนั้นรักจริง แม้ความจริงคือฉันรักเธอจนหมดใจ แต่ก็คงไม่มีความหมายอะไรในเมื่อใจเธอไม่เคยมีฉันเลย
    Solo
    ซ้ำ A4,B,C
    คนมาทีหลัง คงต้องยอมทำใจ ยอมคืนเธอให้เขาไป
    #newsingle #shawsherryduck #newsongs
    #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต#Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord
    SHAW SHERRY DUCK [ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก] เพลง ลำบากใจไหม https://youtu.be/ZiFlRryC54M คำร้อง - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก ทำนอง/เรียบเรียง - ยา โซโลแมน / ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก มิกซ์ดาวน์ - ต้องมนต์ / เฮียชอว์ มาสเตอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก โปรดิวเซอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก ถ่ายทำ/กล้อง/ตัดต่อ - เดอะหนุ่ย / วิน dude / รวยจัง ชอว์ นักแสดง พี่หนุ่ย ขาไมค์ ติดต่องาน : 0970462989 FB : https://www.facebook.com/shaw.sherryduck FB.Fanpage : https://www.facebook.com/SherryDuckHome YouTube : https://www.youtube.com/c/ShawSherryduck LINE : ShawSherryDuck IG : ShawSherryDuck TikTok : ShawSherryDuck ขอบพระคุณด้วยรักและมิตรภาพขอรับ #ลำบากใจไหม #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #newsongs #indieartist ลำบากใจไหม A1.ฉันรู้ตัวเองดีว่าเธอไม่เคยรักกัน ถึงแม้เราผูกพันแต่ฉันไม่เคยได้ใจเธอ นับตั้งแต่วันที่เธอบอกลาคนของเธอ จนวันนี้ใจเธอยังคงมีแต่เขา เธอไม่เคยลืมเขาเลยตลอดมา A2.ทุกๆเวลาที่มันผ่านไป ฉันก็รู้ว่าเธอฝืนใจอยู่กับฉัน และเขาคนนั้นยังคงวนเวียนมาหาเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอควรทำตัวเช่นไร แต่พอเข้าใจว่าเธอเองคงหนักใจ B.เขาคนนั้นคือคนที่เธอรักจริง ฉันคนนี้เป็นเพียงแค่คนที่เธอเห็นใจ C.ลำบากใจใช่ไหมที่เธอคบอยู่กับฉัน แต่แฟนเก่าเธอนั้นยังคงตามขอคืนดี หากว่าเธอแหละเขาอยากคืนดีกลับไปรักกัน โปรดจงบอกกับฉัน ฉันพร้อมรับคืนใจหากเธอไม่รักฉันจริง โซโล่ A4.อย่ามาฝืนทนอยู่กับคนที่ไม่รักกัน ฉันไม่ใช่คนที่เธอนั้นรักจริง แม้ความจริงคือฉันรักเธอจนหมดใจ แต่ก็คงไม่มีความหมายอะไรในเมื่อใจเธอไม่เคยมีฉันเลย Solo ซ้ำ A4,B,C คนมาทีหลัง คงต้องยอมทำใจ ยอมคืนเธอให้เขาไป #newsingle #shawsherryduck #newsongs #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต​ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 952 มุมมอง 0 รีวิว
  • SHAW SHERRY DUCK [ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก]
    เพลง ลำบากใจไหม
    https://youtu.be/ZiFlRryC54M
    คำร้อง - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    ทำนอง/เรียบเรียง - ยา โซโลแมน / ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    มิกซ์ดาวน์ - ต้องมนต์ / เฮียชอว์
    มาสเตอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    โปรดิวเซอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    ถ่ายทำ/กล้อง/ตัดต่อ - เดอะหนุ่ย / วิน dude / รวยจัง ชอว์
    นักแสดง พี่หนุ่ย ขาไมค์
    ติดต่องาน : 0970462989
    FB : https://www.facebook.com/shaw.sherryduck
    FB.Fanpage : https://www.facebook.com/SherryDuckHome
    YouTube :
    https://www.youtube.com/c/ShawSherryduck
    LINE : ShawSherryDuck
    IG : ShawSherryDuck
    TikTok : ShawSherryDuck
    ขอบพระคุณด้วยรักและมิตรภาพขอรับ
    #ลำบากใจไหม #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #newsongs #indieartist
    ลำบากใจไหม
    A1.ฉันรู้ตัวเองดีว่าเธอไม่เคยรักกัน ถึงแม้เราผูกพันแต่ฉันไม่เคยได้ใจเธอ นับตั้งแต่วันที่เธอบอกลาคนของเธอ จนวันนี้ใจเธอยังคงมีแต่เขา เธอไม่เคยลืมเขาเลยตลอดมา
    A2.ทุกๆเวลาที่มันผ่านไป ฉันก็รู้ว่าเธอฝืนใจอยู่กับฉัน และเขาคนนั้นยังคงวนเวียนมาหาเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอควรทำตัวเช่นไร แต่พอเข้าใจว่าเธอเองคงหนักใจ
    B.เขาคนนั้นคือคนที่เธอรักจริง ฉันคนนี้เป็นเพียงแค่คนที่เธอเห็นใจ
    C.ลำบากใจใช่ไหมที่เธอคบอยู่กับฉัน แต่แฟนเก่าเธอนั้นยังคงตามขอคืนดี หากว่าเธอแหละเขาอยากคืนดีกลับไปรักกัน โปรดจงบอกกับฉัน ฉันพร้อมรับคืนใจหากเธอไม่รักฉันจริง
    โซโล่
    A4.อย่ามาฝืนทนอยู่กับคนที่ไม่รักกัน ฉันไม่ใช่คนที่เธอนั้นรักจริง แม้ความจริงคือฉันรักเธอจนหมดใจ แต่ก็คงไม่มีความหมายอะไรในเมื่อใจเธอไม่เคยมีฉันเลย
    Solo
    ซ้ำ A4,B,C
    คนมาทีหลัง คงต้องยอมทำใจ ยอมคืนเธอให้เขาไป
    #newsingle #shawsherryduck #newsongs
    #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต#Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord
    SHAW SHERRY DUCK [ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก] เพลง ลำบากใจไหม https://youtu.be/ZiFlRryC54M คำร้อง - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก ทำนอง/เรียบเรียง - ยา โซโลแมน / ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก มิกซ์ดาวน์ - ต้องมนต์ / เฮียชอว์ มาสเตอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก โปรดิวเซอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก ถ่ายทำ/กล้อง/ตัดต่อ - เดอะหนุ่ย / วิน dude / รวยจัง ชอว์ นักแสดง พี่หนุ่ย ขาไมค์ ติดต่องาน : 0970462989 FB : https://www.facebook.com/shaw.sherryduck FB.Fanpage : https://www.facebook.com/SherryDuckHome YouTube : https://www.youtube.com/c/ShawSherryduck LINE : ShawSherryDuck IG : ShawSherryDuck TikTok : ShawSherryDuck ขอบพระคุณด้วยรักและมิตรภาพขอรับ #ลำบากใจไหม #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #newsongs #indieartist ลำบากใจไหม A1.ฉันรู้ตัวเองดีว่าเธอไม่เคยรักกัน ถึงแม้เราผูกพันแต่ฉันไม่เคยได้ใจเธอ นับตั้งแต่วันที่เธอบอกลาคนของเธอ จนวันนี้ใจเธอยังคงมีแต่เขา เธอไม่เคยลืมเขาเลยตลอดมา A2.ทุกๆเวลาที่มันผ่านไป ฉันก็รู้ว่าเธอฝืนใจอยู่กับฉัน และเขาคนนั้นยังคงวนเวียนมาหาเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอควรทำตัวเช่นไร แต่พอเข้าใจว่าเธอเองคงหนักใจ B.เขาคนนั้นคือคนที่เธอรักจริง ฉันคนนี้เป็นเพียงแค่คนที่เธอเห็นใจ C.ลำบากใจใช่ไหมที่เธอคบอยู่กับฉัน แต่แฟนเก่าเธอนั้นยังคงตามขอคืนดี หากว่าเธอแหละเขาอยากคืนดีกลับไปรักกัน โปรดจงบอกกับฉัน ฉันพร้อมรับคืนใจหากเธอไม่รักฉันจริง โซโล่ A4.อย่ามาฝืนทนอยู่กับคนที่ไม่รักกัน ฉันไม่ใช่คนที่เธอนั้นรักจริง แม้ความจริงคือฉันรักเธอจนหมดใจ แต่ก็คงไม่มีความหมายอะไรในเมื่อใจเธอไม่เคยมีฉันเลย Solo ซ้ำ A4,B,C คนมาทีหลัง คงต้องยอมทำใจ ยอมคืนเธอให้เขาไป #newsingle #shawsherryduck #newsongs #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต​ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 936 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอเชิญเหล่า FC ทั้งหลาย มาร่วมในงานมงคลสมรสของพี่ปูค่าาาา……!!!!

    ตอนสาม เริ่มชีวิตครอบครัว เพื่อเดินออกสู่โลกกว้าง ไปตามหาความฝัน………!!!

    เริ่มอารัมภบท คือ……ไม่ต้องกระจองอแงกันนะ เพราะคราวนี้จะต้องเล่าละเอียดในเนื้อหาของการสละโสดหน่อย เพราะทุกบททุกตอนในดีเทล คือ ความเป็นตัวตนของปูตินในวันนี้….

    หลังจากการที่ล้มเลิกการแต่งงานในคราวนั้น ปูตินยังทำตัวเหมือนเดิม ยังอยู่กับพ่อแม่ที่ยังเห็นเขาเป็นลูกแหง่ จนตัวเขาเองก็คิดว่า อาจจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย…
    แต่ในเดือน มีนาคม 1980 ที่เขาได้รู้จักสาวอีกนางหนึ่ง นามว่า
    Ludmila Shkrebneva แอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแห่งชาติ Aeroflot ที่ต้องประจำอยู่ที่ Kaliningrad (พื้นที่เก่าของของปรัสเซีย ที่โซเวียตยึดไว้หลังจากที่ชนะสงครามกับนาซี
    ลุดมิลา สาวงามวัย 22 ที่เผอิญ Galina เพื่อนสาวของเธอที่เป็นแอร์ด้วยกัน เป็นแฟนของ Andrei เพื่อนของปูติน
    ทีนี้ สองสาว ได้มาที่เลนินกราด เพื่อที่จะเข้าชมละคร Andrei จึงชวนปูตินไปด้วย จะได้ครบคู่ไม่เขิน

    เมื่อพบกันครั้งแรก ลุดมิลาไม่ได้สนใจในตัวของปูตินเลย เพราะเขาเป็นคนเงียบๆ เหมือนไม่ค่อยมีสังคม เธอเคยเล่าว่า
    ผู้ชายแบบนี้ถ้าไปเจอตามถนน…ก็จะมองผ่านทะลุไปเลยเชียว
    ในระหว่างพักครึ่งของการแสดง ลุดมิลาได้ถามเขาถึงการแสดงดนตรีในคืนต่อไป ว่า เขามีทางที่จะหาบัตรชมมาให้ได้หรือไม่?
    ปูตินรับปาก และหามาให้ได้จริงๆ และทั้งสี่คนได้ไปร่วมทีมกันอีกในคืนต่อมา……
    ก่อนจากกัน……ปูตินได้เขียนเบอร์โทรศัพท์ให้กับลุดมิลา
    ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของอังเดร

    ส่งสองสาวเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน อังเดร ได้ถามขึ้นว่า “นึกยังไงถึงเที่ยวแจกเบอร์โทรศัพท์ล่ะ ปรกตินายไม่เคยให้เบอร์ใครนี่..?”

    แต่ก็ได้ผล เพราะเมื่อลุดมิลาบินกลับไปแล้ว เธอโทรหาเขา……
    และได้บินมาที่เลนินกราดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม คราวนี้ทั้งคู่เริ่มออกเดทกันเป็นเรื่องเป็นราว
    ลุดมิลาเริ่มคิดที่จะย้ายกลับมาอยู่ในเลนินกราด เพื่ออยู่ใกล้กับคนรัก……
    ปูตินขอข้อแลกเปลี่ยน……นั่นคือ ขอให้เธอกลับไปเรียนหนังสือ
    เนื่องจากเธอได้พักการเรียนไว้ครึ่งๆกลางๆเพื่อที่จะไปทำงานกับสายการบิน เขาต้องการให้เธอกลับไปสานต่อ
    ซึ่งลุดมิลาได้ทำตามความประสงค์ของคนรัก เธอไปลงเรียนในวิชาปรัชญาที่สถาบันเดียวกันกับปูติน Leningrad State University …

    ความสัมพันธ์เป็นไปเหมือนกับคู่รักอื่นๆ มีการทะเลาะกัน
    ที่หนักสุด คือ ลุดมิลาบินกลับไปที่คาลินินกราด
    แต่ปูตินตามไปง้องอน จนกลับมาดังเดิม
    ปูตินทำตัวเป็นผู้นำในทุกเรื่อง เขาขี้หึง เขาสั่ง สั่ง และสั่ง
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาชนะใจลุดมิลาเพราะความที่เขาเป็นคนโรแมนติก ไม่ขี้เหนียว พาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป เช่นไปเล่นสกี ไปเที่ยวชนบท แต่มีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆ เช่น
    ลุดมิลาต้องไปเรียนพิมพ์ดีด

    เขาพาเธอไปพบกับมาเรีย ผู้มารดา แต่เหมือนเคมีจะไม่ค่อยถูกกัน เนื่องจาก มาเรียยังปักใจชอบลุดมิลาแฟนเก่าของปูติน เพราะเธออ่อนหวาน เรียบร้อย
    มาเรียรีบเล่าให้ลุดมิลาฟังถึงเรื่องปูตินเคยมีแฟนที่มีชื่อลุดมิลาเหมือนกัน แต่คนนั้นน่ะ……เขาเรียบร้อยยยย !!!

    ลุดมิลาไม่เคยรู้ในเรื่องงานที่แท้จริงของปูติน เพราะเท่าที่เธอทราบเหมือนคนอื่นๆ คือ เป็นการทำงานกับหน่วยมั่นคง ป้องกันอาชญากรรม ที่อยู่ในสายงานของกลาโหม (สายลับส่วนใหญ่จะใช้แบบนี้)
    หลายครั้งที่เธอถามเขาเรื่องงาน เขามักตอบติดตลกว่า
    เช้าไปตกปลา……บ่ายกินปลา…
    เมื่อถึงปี 1981 ที่เป็นแฟนกันมาร่วมปีครึ่ง เธอถึงได้ทราบว่า
    เขาคือ KGB ที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเขาขึ้นมาอีกอักโข
    และพลอยเข้าใจในความเป็นเผด็จการของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

    ในที่สุด เดือนเมษายน 1983 วันสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงก็ได้มาถึง ที่ปูตินได้เริ่มต้นด้วยประโยคว่า
    “นี่ก็สามปีครึ่งที่เราคบหากัน……คุณตัดสินใจได้หรือยัง…?”
    “ได้แล้วค่ะ คือ ตกลงค่ะ”
    “ดีเลย……ผมรักคุณ เราจะแต่งงานกันนะ”
    พิธีสมรสได้จัดขึ้นในสามเดือนต่อมา ที่ภัตราคารลอยน้ำใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย ในวันที่ 28 กรกฎาคม
    มีเพื่อนๆมาร่วมประมาณยี่สิบคน
    คืนต่อมา……ได้จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม Moscow

    สามีภรรยาคู่ใหม่ไปดื่มน้ำผึ่งพระจันทร์ที่ยูเครน เริ่มจากขับรถไปที่
    Kyiv, Moldova, Lviv, western Ukraine, Nikolayev และ Crimea ที่เขาทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ Yalta ถึงสิบสองวัน
    ปูตินมีความสุขมาก เพราะ ไครเมียเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินสำหรับเขาเสมอมา
    ขากลับ เขาทั้งสองผ่านเข้าทางมอสโคว์ เพราะปูตินจะต้องแวะไปรายงานตัว
    เขาทั้งสอง ชายวัย 30 หญิง 25 ได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวในอพาร์ตเมนต์สองห้องนอน บนถนน Stachek Lane อย่างมีความสุข

    แต่……Igor Antonov (เพื่อนคนหนึ่งของปูติน) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งงานในครั้งนี้ว่า เพราะปูตินไม่มีทางเลือกอื่นๆแล้ว นอกจากจะต้องสร้างครอบครัว เพราะหน้าที่การงานกำลังจะถึงทางตัน ถ้าสายลับ KGB ที่จะต้องออกไปรับหน้าที่ในต่างประเทศ หรือเลื่อนตำแหน่ง จะต้องมีวุฒิภาวะตามที่ KGB กำหนด เพราะหลังจากที่ปูตินแต่งงาน เขาได้เลื่อนยศเป็นพันตรี และได้ถูกส่งไปเรียนเพิ่มเติมในหน่วยปฏิบัติงานต่างประเทศที่ The Red Banner Institute, Moscow
    ที่เป็นสถาบันที่จัดว่าสำหรับชนชั้นปกครอง ผู้อบรมต้องเป็นรัสเชี่ยนชั้นธรรมดา (ลูกผู้ดีไม่รับ) เท่านั้น ไม่มียิว ไม่มีตาร์ต้าร์ หรือ เชเชน หรือ มองโกล
    ห้ามพิธีทางศาสนาทุกชนิด และ…ไม่มีการใช้เส้นใดๆ
    ปูตินเป็นคนเดียว จากเลนินกราดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปรับการอบรม
    The Red Banner Institute (หรือปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อว่า The Academy of Foreign Intelligence) นี้ ตั้งอยู่ในกลางป่าที่ค่อนข้างลึกลับในชายกรุงมอสโคว์ หลักสูตรมีตั้งแต่ หนึ่งถึงสามปี
    ลุดมิลาได้เริ่มตั้งครรภ์แรก จึงยังอยู่ในเลนินกราด
    ส่วนปูติน ที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างในศาสตร์ของการเป็นสายลับ
    ในชื่อใหม่ว่า “Platov” ที่แม้แต่เพื่อนผู้รับการอบรมด้วยคน
    ไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของกันและกัน ทุกคนจะได้รับชื่อเฉพาะกิจ

    ปูติน ก้าวเข้าไปในชั้นเรียนวันแรก ด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นสูทสามชิ้น (คือมีเสื้อกั๊กเพิ่มข้างใน)
    เรียกเสียงฮาได้จากครูผู้ฝึก ที่ถามว่า
    “คอมราดพลานอฟ นายจะมาเดินแบบหรือไง…?”
    ผู้ที่ให้อบรมทั้งหมด ต่างล้วนเป็นชั้นกระทิสุดยอดของสายลับ
    ที่มีผลงานที่น่าประทับใจ
    ทุกคนที่จะเดินออกจากสถาบันนี้ คือพร้อมที่จะไปเป็นสายลับข้ามชาติได้ทุกแห่งหนในโลก………!!!

    ในขณะนั้นลุดมิลาได้คลอดทารกเพศหญิง ที่ปูตินตั้งชื่อให้ว่า มาเรีย (ไว้ล่วงหน้า เพราะให้เหมือนกับชื่อย่า) Sergei Roldugin เพื่อนรัก ได้ช่วยรับเป็นภาระดูแลให้ รวมทั้งเป็นพ่อทูนหัวให้กับมาเรีย
    ปูตินจึงขอลากลับไปเลนินกราดเพื่อเยี่ยมเยียนเมียและลูกในช่วงวันหยุด ครั้งหนึ่งในการเดินทาง เขาได้เกิดการชกต่อยกับแก๊งอันธพาลในสถานีรถใต้ดิน
    คราวนี้เรียกว่าลุยกันเละ เพราะปูตินถึงกับแขนหัก อีกฝ่ายหนึ่งแทบเอาชีวิตไม่รอด
    และนี่คือ “ความเสี่ยง” ต่ออนาคตการงานของเขาโดยตรง เพราะหากว่าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมา ทุกอย่างคือจบ…

    แต่โชคยังเป็นของเขา เพราะเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ทันทีที่เสร็จสิ้นจากการอบรม ให้ไปประจำการอยู่ที่เมือง Dresden,
    East Germany
    และนี่คือการเดินทางทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก ของ ปูตินในวัย 33 ปี

    ขออธิบายเพิ่มเติมค่ะ ว่า ในหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถือเอาวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 หลังจากนั้นในฐานะของผู้แพ้สงครามให้กับกองทัพสัมพันธมิตร คือ อเมริกา, อังกฤษและ โซเวียต รัสเซีย (ฝรั่งเศส เขาไม่นับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธในการมีส่วนร่วม) ที่ได้ทำการตกลงกันไว้ล่วงหน้าระหว่างผู้นำทั้งสามประเทศ ที่ Yalta ที่ตกลงกันในการแบ่งสันปันส่วนในแผ่นดินของเยอรมันนี

    ขั้นตอนในการแบ่งได้มาย่อยยิบกันอีกในการประชุมที่ Potsdam Conference ว่าจะเฉือนเยอรมันออกเป็นสี่ส่วน
    แบ่งกันคนละส่วน อังกฤษได้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ,
    ฝรั่งเศส ได้ทางตะวันตกเฉียงใต้, อเมริกา ได้ตะวันออกเฉียงใต้ และโซเวียตไัด้ทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่

    ส่วนเบอร์ลินเมืองหลวงก็เช่นกัน ตามที่แบ่งกันนั้น เบอร์ลินตกอยู่ในส่วนของโซเวียต และเพื่อความเป็นธรรมจึง แบ่งออกมาเป็นสี่ส่วน แบ่งกันไปคนละส่วน แต่สภาพของเหมือนกับเบอร์ลินเป็นไข่แดง ที่อยู่กลางโซเวียตที่เป็นไข่ขาว
    ส่วนที่เป็นของโซเวียต คือ เบอร์ลินตะวันออกก็จะมีกำแพงกั้นอาณาเขต ที่เราเรียกว่า กำแพงเบอร์ลิน ……

    ดังนั้น โซเวียตจึงมีหน่วยงานด้านความปลอดภัยอยู่ประจำในเขตต่างๆ ที่แม้ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็มีการเตรียมตัวที่ดี
    เพราะเขาได้ทำการปั้นเด็กๆรุ่นที่เกิดหลังสงคราม ให้เติบโตขึ้นมาอย่างพร้อมรับมือ เช่นการให้เรียนภาษาต่างๆ
    ปูตินสามารถพูดภาษาเยอรมันได้เข้าขั้นระดับการทูต เพราะเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถม
    เด็กอื่นๆที่มีแวว ก็ต้องเรียนภาษาอื่นๆอย่างเอาจริงเอาจัง
    เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญมากในครอบครัวของชาวโซเวียต
    เพราะผู้ปกครองเด็กที่แท้จริง คือ รัฐบาล…

    เช่นปูตินได้ผลักดันให้ลุดมิลากลับไปเรียนจนจบ และ เรียนสารพัดเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้เตรียมตัวมาเป็น หลังบ้านของข้าราชการ, นักการเมือง หรือ ผู้นำได้อย่างสมศักดิ์ศรี
    เพราะปูติน……ไม่ได้มีความหวังว่าจะหยุดอนาคตไว้ที่การเป็นสายลับเท่านั้น…

    อาจมีอธิบายนอกเรื่องเยอะหน่อยนะคะ เพราะเชื่อว่ายังมีผู้อ่านอีกมากที่ไม่ใช่ baby boomer อย่างผู้เขียน เก็บเอาไว้เป็นความรู้ค่าาาา ……

    Wiwanda W. Vichit
    ขอเชิญเหล่า FC ทั้งหลาย มาร่วมในงานมงคลสมรสของพี่ปูค่าาาา……!!!! ตอนสาม เริ่มชีวิตครอบครัว เพื่อเดินออกสู่โลกกว้าง ไปตามหาความฝัน………!!! เริ่มอารัมภบท คือ……ไม่ต้องกระจองอแงกันนะ เพราะคราวนี้จะต้องเล่าละเอียดในเนื้อหาของการสละโสดหน่อย เพราะทุกบททุกตอนในดีเทล คือ ความเป็นตัวตนของปูตินในวันนี้…. หลังจากการที่ล้มเลิกการแต่งงานในคราวนั้น ปูตินยังทำตัวเหมือนเดิม ยังอยู่กับพ่อแม่ที่ยังเห็นเขาเป็นลูกแหง่ จนตัวเขาเองก็คิดว่า อาจจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย… แต่ในเดือน มีนาคม 1980 ที่เขาได้รู้จักสาวอีกนางหนึ่ง นามว่า Ludmila Shkrebneva แอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแห่งชาติ Aeroflot ที่ต้องประจำอยู่ที่ Kaliningrad (พื้นที่เก่าของของปรัสเซีย ที่โซเวียตยึดไว้หลังจากที่ชนะสงครามกับนาซี ลุดมิลา สาวงามวัย 22 ที่เผอิญ Galina เพื่อนสาวของเธอที่เป็นแอร์ด้วยกัน เป็นแฟนของ Andrei เพื่อนของปูติน ทีนี้ สองสาว ได้มาที่เลนินกราด เพื่อที่จะเข้าชมละคร Andrei จึงชวนปูตินไปด้วย จะได้ครบคู่ไม่เขิน เมื่อพบกันครั้งแรก ลุดมิลาไม่ได้สนใจในตัวของปูตินเลย เพราะเขาเป็นคนเงียบๆ เหมือนไม่ค่อยมีสังคม เธอเคยเล่าว่า ผู้ชายแบบนี้ถ้าไปเจอตามถนน…ก็จะมองผ่านทะลุไปเลยเชียว ในระหว่างพักครึ่งของการแสดง ลุดมิลาได้ถามเขาถึงการแสดงดนตรีในคืนต่อไป ว่า เขามีทางที่จะหาบัตรชมมาให้ได้หรือไม่? ปูตินรับปาก และหามาให้ได้จริงๆ และทั้งสี่คนได้ไปร่วมทีมกันอีกในคืนต่อมา…… ก่อนจากกัน……ปูตินได้เขียนเบอร์โทรศัพท์ให้กับลุดมิลา ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของอังเดร ส่งสองสาวเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน อังเดร ได้ถามขึ้นว่า “นึกยังไงถึงเที่ยวแจกเบอร์โทรศัพท์ล่ะ ปรกตินายไม่เคยให้เบอร์ใครนี่..?” แต่ก็ได้ผล เพราะเมื่อลุดมิลาบินกลับไปแล้ว เธอโทรหาเขา…… และได้บินมาที่เลนินกราดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม คราวนี้ทั้งคู่เริ่มออกเดทกันเป็นเรื่องเป็นราว ลุดมิลาเริ่มคิดที่จะย้ายกลับมาอยู่ในเลนินกราด เพื่ออยู่ใกล้กับคนรัก…… ปูตินขอข้อแลกเปลี่ยน……นั่นคือ ขอให้เธอกลับไปเรียนหนังสือ เนื่องจากเธอได้พักการเรียนไว้ครึ่งๆกลางๆเพื่อที่จะไปทำงานกับสายการบิน เขาต้องการให้เธอกลับไปสานต่อ ซึ่งลุดมิลาได้ทำตามความประสงค์ของคนรัก เธอไปลงเรียนในวิชาปรัชญาที่สถาบันเดียวกันกับปูติน Leningrad State University … ความสัมพันธ์เป็นไปเหมือนกับคู่รักอื่นๆ มีการทะเลาะกัน ที่หนักสุด คือ ลุดมิลาบินกลับไปที่คาลินินกราด แต่ปูตินตามไปง้องอน จนกลับมาดังเดิม ปูตินทำตัวเป็นผู้นำในทุกเรื่อง เขาขี้หึง เขาสั่ง สั่ง และสั่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาชนะใจลุดมิลาเพราะความที่เขาเป็นคนโรแมนติก ไม่ขี้เหนียว พาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป เช่นไปเล่นสกี ไปเที่ยวชนบท แต่มีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆ เช่น ลุดมิลาต้องไปเรียนพิมพ์ดีด เขาพาเธอไปพบกับมาเรีย ผู้มารดา แต่เหมือนเคมีจะไม่ค่อยถูกกัน เนื่องจาก มาเรียยังปักใจชอบลุดมิลาแฟนเก่าของปูติน เพราะเธออ่อนหวาน เรียบร้อย มาเรียรีบเล่าให้ลุดมิลาฟังถึงเรื่องปูตินเคยมีแฟนที่มีชื่อลุดมิลาเหมือนกัน แต่คนนั้นน่ะ……เขาเรียบร้อยยยย !!! ลุดมิลาไม่เคยรู้ในเรื่องงานที่แท้จริงของปูติน เพราะเท่าที่เธอทราบเหมือนคนอื่นๆ คือ เป็นการทำงานกับหน่วยมั่นคง ป้องกันอาชญากรรม ที่อยู่ในสายงานของกลาโหม (สายลับส่วนใหญ่จะใช้แบบนี้) หลายครั้งที่เธอถามเขาเรื่องงาน เขามักตอบติดตลกว่า เช้าไปตกปลา……บ่ายกินปลา… เมื่อถึงปี 1981 ที่เป็นแฟนกันมาร่วมปีครึ่ง เธอถึงได้ทราบว่า เขาคือ KGB ที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเขาขึ้นมาอีกอักโข และพลอยเข้าใจในความเป็นเผด็จการของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง ในที่สุด เดือนเมษายน 1983 วันสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงก็ได้มาถึง ที่ปูตินได้เริ่มต้นด้วยประโยคว่า “นี่ก็สามปีครึ่งที่เราคบหากัน……คุณตัดสินใจได้หรือยัง…?” “ได้แล้วค่ะ คือ ตกลงค่ะ” “ดีเลย……ผมรักคุณ เราจะแต่งงานกันนะ” พิธีสมรสได้จัดขึ้นในสามเดือนต่อมา ที่ภัตราคารลอยน้ำใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย ในวันที่ 28 กรกฎาคม มีเพื่อนๆมาร่วมประมาณยี่สิบคน คืนต่อมา……ได้จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม Moscow สามีภรรยาคู่ใหม่ไปดื่มน้ำผึ่งพระจันทร์ที่ยูเครน เริ่มจากขับรถไปที่ Kyiv, Moldova, Lviv, western Ukraine, Nikolayev และ Crimea ที่เขาทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ Yalta ถึงสิบสองวัน ปูตินมีความสุขมาก เพราะ ไครเมียเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินสำหรับเขาเสมอมา ขากลับ เขาทั้งสองผ่านเข้าทางมอสโคว์ เพราะปูตินจะต้องแวะไปรายงานตัว เขาทั้งสอง ชายวัย 30 หญิง 25 ได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวในอพาร์ตเมนต์สองห้องนอน บนถนน Stachek Lane อย่างมีความสุข แต่……Igor Antonov (เพื่อนคนหนึ่งของปูติน) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งงานในครั้งนี้ว่า เพราะปูตินไม่มีทางเลือกอื่นๆแล้ว นอกจากจะต้องสร้างครอบครัว เพราะหน้าที่การงานกำลังจะถึงทางตัน ถ้าสายลับ KGB ที่จะต้องออกไปรับหน้าที่ในต่างประเทศ หรือเลื่อนตำแหน่ง จะต้องมีวุฒิภาวะตามที่ KGB กำหนด เพราะหลังจากที่ปูตินแต่งงาน เขาได้เลื่อนยศเป็นพันตรี และได้ถูกส่งไปเรียนเพิ่มเติมในหน่วยปฏิบัติงานต่างประเทศที่ The Red Banner Institute, Moscow ที่เป็นสถาบันที่จัดว่าสำหรับชนชั้นปกครอง ผู้อบรมต้องเป็นรัสเชี่ยนชั้นธรรมดา (ลูกผู้ดีไม่รับ) เท่านั้น ไม่มียิว ไม่มีตาร์ต้าร์ หรือ เชเชน หรือ มองโกล ห้ามพิธีทางศาสนาทุกชนิด และ…ไม่มีการใช้เส้นใดๆ ปูตินเป็นคนเดียว จากเลนินกราดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปรับการอบรม The Red Banner Institute (หรือปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อว่า The Academy of Foreign Intelligence) นี้ ตั้งอยู่ในกลางป่าที่ค่อนข้างลึกลับในชายกรุงมอสโคว์ หลักสูตรมีตั้งแต่ หนึ่งถึงสามปี ลุดมิลาได้เริ่มตั้งครรภ์แรก จึงยังอยู่ในเลนินกราด ส่วนปูติน ที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างในศาสตร์ของการเป็นสายลับ ในชื่อใหม่ว่า “Platov” ที่แม้แต่เพื่อนผู้รับการอบรมด้วยคน ไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของกันและกัน ทุกคนจะได้รับชื่อเฉพาะกิจ ปูติน ก้าวเข้าไปในชั้นเรียนวันแรก ด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นสูทสามชิ้น (คือมีเสื้อกั๊กเพิ่มข้างใน) เรียกเสียงฮาได้จากครูผู้ฝึก ที่ถามว่า “คอมราดพลานอฟ นายจะมาเดินแบบหรือไง…?” ผู้ที่ให้อบรมทั้งหมด ต่างล้วนเป็นชั้นกระทิสุดยอดของสายลับ ที่มีผลงานที่น่าประทับใจ ทุกคนที่จะเดินออกจากสถาบันนี้ คือพร้อมที่จะไปเป็นสายลับข้ามชาติได้ทุกแห่งหนในโลก………!!! ในขณะนั้นลุดมิลาได้คลอดทารกเพศหญิง ที่ปูตินตั้งชื่อให้ว่า มาเรีย (ไว้ล่วงหน้า เพราะให้เหมือนกับชื่อย่า) Sergei Roldugin เพื่อนรัก ได้ช่วยรับเป็นภาระดูแลให้ รวมทั้งเป็นพ่อทูนหัวให้กับมาเรีย ปูตินจึงขอลากลับไปเลนินกราดเพื่อเยี่ยมเยียนเมียและลูกในช่วงวันหยุด ครั้งหนึ่งในการเดินทาง เขาได้เกิดการชกต่อยกับแก๊งอันธพาลในสถานีรถใต้ดิน คราวนี้เรียกว่าลุยกันเละ เพราะปูตินถึงกับแขนหัก อีกฝ่ายหนึ่งแทบเอาชีวิตไม่รอด และนี่คือ “ความเสี่ยง” ต่ออนาคตการงานของเขาโดยตรง เพราะหากว่าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมา ทุกอย่างคือจบ… แต่โชคยังเป็นของเขา เพราะเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ทันทีที่เสร็จสิ้นจากการอบรม ให้ไปประจำการอยู่ที่เมือง Dresden, East Germany และนี่คือการเดินทางทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก ของ ปูตินในวัย 33 ปี ขออธิบายเพิ่มเติมค่ะ ว่า ในหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถือเอาวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 หลังจากนั้นในฐานะของผู้แพ้สงครามให้กับกองทัพสัมพันธมิตร คือ อเมริกา, อังกฤษและ โซเวียต รัสเซีย (ฝรั่งเศส เขาไม่นับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธในการมีส่วนร่วม) ที่ได้ทำการตกลงกันไว้ล่วงหน้าระหว่างผู้นำทั้งสามประเทศ ที่ Yalta ที่ตกลงกันในการแบ่งสันปันส่วนในแผ่นดินของเยอรมันนี ขั้นตอนในการแบ่งได้มาย่อยยิบกันอีกในการประชุมที่ Potsdam Conference ว่าจะเฉือนเยอรมันออกเป็นสี่ส่วน แบ่งกันคนละส่วน อังกฤษได้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ, ฝรั่งเศส ได้ทางตะวันตกเฉียงใต้, อเมริกา ได้ตะวันออกเฉียงใต้ และโซเวียตไัด้ทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเบอร์ลินเมืองหลวงก็เช่นกัน ตามที่แบ่งกันนั้น เบอร์ลินตกอยู่ในส่วนของโซเวียต และเพื่อความเป็นธรรมจึง แบ่งออกมาเป็นสี่ส่วน แบ่งกันไปคนละส่วน แต่สภาพของเหมือนกับเบอร์ลินเป็นไข่แดง ที่อยู่กลางโซเวียตที่เป็นไข่ขาว ส่วนที่เป็นของโซเวียต คือ เบอร์ลินตะวันออกก็จะมีกำแพงกั้นอาณาเขต ที่เราเรียกว่า กำแพงเบอร์ลิน …… ดังนั้น โซเวียตจึงมีหน่วยงานด้านความปลอดภัยอยู่ประจำในเขตต่างๆ ที่แม้ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็มีการเตรียมตัวที่ดี เพราะเขาได้ทำการปั้นเด็กๆรุ่นที่เกิดหลังสงคราม ให้เติบโตขึ้นมาอย่างพร้อมรับมือ เช่นการให้เรียนภาษาต่างๆ ปูตินสามารถพูดภาษาเยอรมันได้เข้าขั้นระดับการทูต เพราะเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถม เด็กอื่นๆที่มีแวว ก็ต้องเรียนภาษาอื่นๆอย่างเอาจริงเอาจัง เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญมากในครอบครัวของชาวโซเวียต เพราะผู้ปกครองเด็กที่แท้จริง คือ รัฐบาล… เช่นปูตินได้ผลักดันให้ลุดมิลากลับไปเรียนจนจบ และ เรียนสารพัดเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้เตรียมตัวมาเป็น หลังบ้านของข้าราชการ, นักการเมือง หรือ ผู้นำได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะปูติน……ไม่ได้มีความหวังว่าจะหยุดอนาคตไว้ที่การเป็นสายลับเท่านั้น… อาจมีอธิบายนอกเรื่องเยอะหน่อยนะคะ เพราะเชื่อว่ายังมีผู้อ่านอีกมากที่ไม่ใช่ baby boomer อย่างผู้เขียน เก็บเอาไว้เป็นความรู้ค่าาาา …… Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1022 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 6 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า การเงิน: จะพอมีพอใช้ ยังไม่สามารถที่จะซื้อของฟุ่มเฟือยได้ ความรัก:หากใครมีความลับปกปิดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนอกใจหรือเรื่องอื่นๆจะถูกจับได้ คนโสด: จะมีแต่คนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ: เกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย เลือด ประจำเดือน น้ำเหลืองไม่ดี ระบบปัสสาวะ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย ให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด เเละอาจจะมีคนมาพูดดีทำดีด้วยเพื่อต้องการให้เราช่วยเรื่องงาน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: ระวังทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด:จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาพูดคุยคบหา สุขภาพ: โรคในช่องท้อง สายตาไม่ดี ปวดตา ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังอุบัติเหตุเกี่ยวกับล้อรถ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: จะมีงานมาก ต้องรีบสะสาง การเงิน: จะมีรายจ่ายหนักๆ มีโอกาสที่จะติดขัดได้อาจต้องไปกู้ยืม ความรัก:ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด:จะมีพ่อหม้ายแม่หม้ายเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือจะมีคนที่ไม่ตรงสเปคเลยเข้ามาชอบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีโชคจากงาน อาจได้รับงานโปรเจคใหญ่ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยๆงามๆ ของเกี่ยวกับผู้หญิงเสริมสวย ความรัก: ระวังคนเก่าๆเช่นคนคุยเก่าแฟนเก่าจะเข้ามาทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับคนรัก คนโสด:ยังไม่มีเวลาออกไปเจอใคร เพราะยุ่งอยู่กับเรื่องงานและธุรกิจ สุขภาพ: ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น ปวดไหล่ปวดคอ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: งานค่อนข้างหนักแต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี ต้องใช้ความอดทน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง รถ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ยังไม่เจอคนถูกใจ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า โรคกระดูก ฟัน ระวังน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้ง่าย ให้ระวังอันตรายจากของมีคม การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน เพราะอาจจะมองเห็นไม่ชัด

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาจุกจิกทะเลาะกับผู้ร่วมงานหรือ เจอคนค่อนข้างที่จะจุกจิกจู้จี้เจ้าระเบียบ ควรทำงานให้รอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับค่าประกัน ค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ หรืออาจนำไปให้คนในครอบครัวคนใกล้ตัวใกล้ชิด ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด:จะมีคนจากที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ระวังโรคประจำตัวกำเริบ โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้รอบคอบและประพฤติตนให้อยู่ในกฎระเบียบ การเงิน: ใครมีเจ้าหนี้ระวังถูกทวงตาม จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนรักไม่สนใจ ความรักจืดชืดควรจะหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ้าง คนโสด:ยังไม่เจอคนถูกใจ หรือบางคนอาจจะมีความสุขกับการทำงาน หรือกับการเลี้ยงสัตว์ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ปวดข้อเข่า การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่ระวังจะหลงทาง ไม่ควรไปในเส้นทางใหม่
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 6 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า การเงิน: จะพอมีพอใช้ ยังไม่สามารถที่จะซื้อของฟุ่มเฟือยได้ ความรัก:หากใครมีความลับปกปิดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนอกใจหรือเรื่องอื่นๆจะถูกจับได้ คนโสด: จะมีแต่คนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ: เกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย เลือด ประจำเดือน น้ำเหลืองไม่ดี ระบบปัสสาวะ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย ให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด เเละอาจจะมีคนมาพูดดีทำดีด้วยเพื่อต้องการให้เราช่วยเรื่องงาน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: ระวังทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด:จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาพูดคุยคบหา สุขภาพ: โรคในช่องท้อง สายตาไม่ดี ปวดตา ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังอุบัติเหตุเกี่ยวกับล้อรถ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: จะมีงานมาก ต้องรีบสะสาง การเงิน: จะมีรายจ่ายหนักๆ มีโอกาสที่จะติดขัดได้อาจต้องไปกู้ยืม ความรัก:ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด:จะมีพ่อหม้ายแม่หม้ายเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือจะมีคนที่ไม่ตรงสเปคเลยเข้ามาชอบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีโชคจากงาน อาจได้รับงานโปรเจคใหญ่ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยๆงามๆ ของเกี่ยวกับผู้หญิงเสริมสวย ความรัก: ระวังคนเก่าๆเช่นคนคุยเก่าแฟนเก่าจะเข้ามาทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับคนรัก คนโสด:ยังไม่มีเวลาออกไปเจอใคร เพราะยุ่งอยู่กับเรื่องงานและธุรกิจ สุขภาพ: ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น ปวดไหล่ปวดคอ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: งานค่อนข้างหนักแต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี ต้องใช้ความอดทน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง รถ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ยังไม่เจอคนถูกใจ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า โรคกระดูก ฟัน ระวังน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้ง่าย ให้ระวังอันตรายจากของมีคม การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน เพราะอาจจะมองเห็นไม่ชัด #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาจุกจิกทะเลาะกับผู้ร่วมงานหรือ เจอคนค่อนข้างที่จะจุกจิกจู้จี้เจ้าระเบียบ ควรทำงานให้รอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับค่าประกัน ค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ หรืออาจนำไปให้คนในครอบครัวคนใกล้ตัวใกล้ชิด ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด:จะมีคนจากที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ระวังโรคประจำตัวกำเริบ โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้รอบคอบและประพฤติตนให้อยู่ในกฎระเบียบ การเงิน: ใครมีเจ้าหนี้ระวังถูกทวงตาม จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนรักไม่สนใจ ความรักจืดชืดควรจะหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ้าง คนโสด:ยังไม่เจอคนถูกใจ หรือบางคนอาจจะมีความสุขกับการทำงาน หรือกับการเลี้ยงสัตว์ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ปวดข้อเข่า การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่ระวังจะหลงทาง ไม่ควรไปในเส้นทางใหม่ ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 976 มุมมอง 0 รีวิว