• 🕹️ การเสื่อมถอยของเกมแนววางแผน (Strategy): สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมและพฤติกรรมผู้เล่น

    เกมประเภทวางแผนหรือ Strategy เคยยืนอยู่แถวหน้าในโลกของวิดีโอเกม โดยเฉพาะในช่วงยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 ซึ่งเต็มไปด้วยเกมระดับตำนานอย่าง Age of Empires, StarCraft, Command & Conquer, และ Civilization ที่ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ความสนุกเร้าใจ แต่ยังฝึกฝนทักษะสำคัญ เช่น การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการบริหารจัดการทรัพยากร

    อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้เล่นในยุคดิจิทัล ความนิยมของเกมแนว Strategy กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คำถามเกิดขึ้นว่า "เหตุใดเกมแนวที่เคยรุ่งโรจน์จึงเริ่มถูกลืม?" บทความนี้จะพาไปสำรวจต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทักษะของผู้เล่น และแนวทางในการฟื้นฟูเกมแนว Strategy ให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง

    🌚 สาเหตุหลักที่ทำให้เกมแนว Strategy เสื่อมความนิยม
    1️⃣ การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเล่น
    การเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟนและเกมบนแพลตฟอร์มมือถือได้เปลี่ยนรูปแบบการบริโภคความบันเทิงของผู้เล่นอย่างสิ้นเชิง เกมแนว Action, MOBA, Battle Royale และเกมกดเล่นเร็ว (Casual Games) กลายเป็นกระแสหลัก เนื่องจากสามารถเข้าถึงง่าย เล่นจบไว และให้ความรู้สึกตื่นเต้นทันใจ

    ในทางกลับกัน เกมแนว Strategy มักต้องอาศัยอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง, หน้าจอขนาดใหญ่, และเวลาเล่นยาวนาน ซึ่งขัดกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็วและสะดวกสบาย ส่งผลให้เกมแนวนี้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดมือถือที่โตอย่างรวดเร็วได้

    2️⃣ ความซับซ้อนและข้อจำกัดด้านเวลา
    เกมแนว Strategy โดยธรรมชาติแล้วต้องการเวลาในการเรียนรู้ระบบเกม รวมถึงใช้สมาธิในการวางแผน คาดการณ์ และบริหารจัดการ ซึ่งต่างจากเกมแนวอื่นที่สามารถเข้าใจและสนุกได้ทันทีหลังเริ่มเล่น

    สำหรับผู้เล่นยุคใหม่ที่มีเวลาว่างจำกัดและต้องการความบันเทิงแบบ "เข้าใจง่าย-จบเร็ว" เกมแนว Strategy จึงมักถูกมองว่าเข้าถึงยากและไม่คุ้มค่าเวลา

    3️⃣ ทิศทางการตลาดที่เปลี่ยนไป
    อุตสาหกรรมเกมในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยโมเดลการทำกำไรระยะสั้น เช่น ระบบ microtransactions, loot boxes, และ battle passes ซึ่งเน้นการดึงดูดผู้เล่นให้ใช้จ่ายภายในเกมอย่างต่อเนื่อง

    ในขณะที่เกมแนว Strategy มักไม่มีระบบเหล่านี้ หรือมีในลักษณะที่จำกัด ทำให้ผู้พัฒนาหลายรายเลือกไม่ลงทุนสร้างเกมประเภทนี้ และหันไปพัฒนาเกมที่ "ขายได้ง่าย" แทน ส่งผลให้เกม Strategy ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพลดน้อยลง และฐานผู้เล่นใหม่ก็หายไปพร้อมกัน

    🌏 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลดลงของเกมแนว Strategy
    1️⃣ การถดถอยของทักษะการคิดวิเคราะห์และการวางแผนระยะยาว
    เกมแนว Strategy มีจุดเด่นในการส่งเสริมทักษะด้านตรรกะ การวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจท่ามกลางความไม่แน่นอน และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นทักษะที่มีคุณค่ามหาศาลทั้งในชีวิตจริงและโลกการทำงาน

    การที่เกมแนวนี้ลดบทบาทลง อาจหมายถึงช่องทางการฝึกฝนทักษะเหล่านี้ผ่านเกมลดน้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เติบโตมากับเกมแนวสั้น ๆ เร้าใจแต่ขาดการกระตุ้นเชิงปัญญา

    2️⃣ การขาดโอกาสในการฝึกฝนการจัดการทรัพยากร
    หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเกม Strategy คือการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดสรรเงิน, วัตถุดิบ, กำลังพล และเวลาให้เหมาะสมตามสถานการณ์ในเกม ซึ่งสะท้อนถึงทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการวางแผนชีวิต การเงิน และการบริหารองค์กร

    การขาดเกมที่ส่งเสริมแนวคิดนี้เท่ากับการขาดสภาพแวดล้อมจำลองที่ให้ผู้เล่นได้ฝึกทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงในชีวิตจริง

    3️⃣ การลดลงของความอดทนและทักษะการทำงานร่วมกัน
    เกม Strategy หลายเกมโดยเฉพาะแบบ multiplayer ต้องอาศัยการวางแผนร่วมกัน การประสานงานระหว่างสมาชิกในทีม และความอดทนรอจังหวะที่เหมาะสมในการลงมือ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคมจริง

    ในขณะที่เกมแนวใหม่มักส่งเสริมการแข่งขันแบบทันทีทันใด และเน้นผลลัพธ์ระยะสั้น การสูญเสียเกมที่ฝึกความอดทนและความร่วมมืออาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้เล่นในระยะยาว

    ✅ แนวทางการฟื้นฟูเกม Strategy ให้กลับมามีบทบาท
    - การพัฒนาเกมให้เหมาะกับแพลตฟอร์มใหม่: นักพัฒนาอาจต้องปรับปรุงเกม Strategy ให้เข้ากับมือถือและแท็บเล็ต โดยเน้น UI ที่เข้าใจง่าย ระบบเล่นสั้นได้แต่มีความลึกในระยะยาว หรือใช้ระบบ cloud gaming เพื่อรองรับการประมวลผล

    - สร้างการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน: การรีแบรนด์เกม Strategy ให้ดูทันสมัย และชูจุดเด่นด้านการพัฒนาทักษะชีวิต อาจช่วยดึงดูดผู้เล่นรุ่นใหม่ให้หันกลับมาสนใจ

    - รวมฟีเจอร์ social และระบบ co-op: การผสมผสานเกม Strategy เข้ากับระบบการเล่นแบบร่วมมือหรือแข่งขันเชิงกลยุทธ์ อาจช่วยเพิ่มความสนุก และขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ผู้เล่นที่ชื่นชอบการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม

    ℹ️ℹ️ สรุป ℹ️ℹ️
    ความเสื่อมความนิยมของเกมแนว Strategy ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนรสนิยมของตลาด แต่ยังสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้เล่นและโครงสร้างอุตสาหกรรมเกมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของเกมประเภทนี้ในฐานะเครื่องมือฝึกทักษะเชิงปัญญาและการบริหารจัดการยังไม่เสื่อมคลาย

    หากผู้พัฒนาเกมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถปรับตัวและออกแบบประสบการณ์เกมที่เหมาะสมกับยุคสมัยได้ เกมแนว Strategy ก็ยังมีโอกาสกลับมายืนในแถวหน้าอีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างสรรค์สังคมของผู้เล่นที่เก่งคิด เก่งวางแผน และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกจริงได้อย่างมั่นใจ
    🕹️ การเสื่อมถอยของเกมแนววางแผน (Strategy): สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมและพฤติกรรมผู้เล่น เกมประเภทวางแผนหรือ Strategy เคยยืนอยู่แถวหน้าในโลกของวิดีโอเกม โดยเฉพาะในช่วงยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 ซึ่งเต็มไปด้วยเกมระดับตำนานอย่าง Age of Empires, StarCraft, Command & Conquer, และ Civilization ที่ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ความสนุกเร้าใจ แต่ยังฝึกฝนทักษะสำคัญ เช่น การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการบริหารจัดการทรัพยากร อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้เล่นในยุคดิจิทัล ความนิยมของเกมแนว Strategy กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คำถามเกิดขึ้นว่า "เหตุใดเกมแนวที่เคยรุ่งโรจน์จึงเริ่มถูกลืม?" บทความนี้จะพาไปสำรวจต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทักษะของผู้เล่น และแนวทางในการฟื้นฟูเกมแนว Strategy ให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง 🌚 สาเหตุหลักที่ทำให้เกมแนว Strategy เสื่อมความนิยม 1️⃣ การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเล่น การเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟนและเกมบนแพลตฟอร์มมือถือได้เปลี่ยนรูปแบบการบริโภคความบันเทิงของผู้เล่นอย่างสิ้นเชิง เกมแนว Action, MOBA, Battle Royale และเกมกดเล่นเร็ว (Casual Games) กลายเป็นกระแสหลัก เนื่องจากสามารถเข้าถึงง่าย เล่นจบไว และให้ความรู้สึกตื่นเต้นทันใจ ในทางกลับกัน เกมแนว Strategy มักต้องอาศัยอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง, หน้าจอขนาดใหญ่, และเวลาเล่นยาวนาน ซึ่งขัดกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็วและสะดวกสบาย ส่งผลให้เกมแนวนี้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดมือถือที่โตอย่างรวดเร็วได้ 2️⃣ ความซับซ้อนและข้อจำกัดด้านเวลา เกมแนว Strategy โดยธรรมชาติแล้วต้องการเวลาในการเรียนรู้ระบบเกม รวมถึงใช้สมาธิในการวางแผน คาดการณ์ และบริหารจัดการ ซึ่งต่างจากเกมแนวอื่นที่สามารถเข้าใจและสนุกได้ทันทีหลังเริ่มเล่น สำหรับผู้เล่นยุคใหม่ที่มีเวลาว่างจำกัดและต้องการความบันเทิงแบบ "เข้าใจง่าย-จบเร็ว" เกมแนว Strategy จึงมักถูกมองว่าเข้าถึงยากและไม่คุ้มค่าเวลา 3️⃣ ทิศทางการตลาดที่เปลี่ยนไป อุตสาหกรรมเกมในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยโมเดลการทำกำไรระยะสั้น เช่น ระบบ microtransactions, loot boxes, และ battle passes ซึ่งเน้นการดึงดูดผู้เล่นให้ใช้จ่ายภายในเกมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เกมแนว Strategy มักไม่มีระบบเหล่านี้ หรือมีในลักษณะที่จำกัด ทำให้ผู้พัฒนาหลายรายเลือกไม่ลงทุนสร้างเกมประเภทนี้ และหันไปพัฒนาเกมที่ "ขายได้ง่าย" แทน ส่งผลให้เกม Strategy ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพลดน้อยลง และฐานผู้เล่นใหม่ก็หายไปพร้อมกัน 🌏 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลดลงของเกมแนว Strategy 1️⃣ การถดถอยของทักษะการคิดวิเคราะห์และการวางแผนระยะยาว เกมแนว Strategy มีจุดเด่นในการส่งเสริมทักษะด้านตรรกะ การวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจท่ามกลางความไม่แน่นอน และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นทักษะที่มีคุณค่ามหาศาลทั้งในชีวิตจริงและโลกการทำงาน การที่เกมแนวนี้ลดบทบาทลง อาจหมายถึงช่องทางการฝึกฝนทักษะเหล่านี้ผ่านเกมลดน้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เติบโตมากับเกมแนวสั้น ๆ เร้าใจแต่ขาดการกระตุ้นเชิงปัญญา 2️⃣ การขาดโอกาสในการฝึกฝนการจัดการทรัพยากร หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเกม Strategy คือการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดสรรเงิน, วัตถุดิบ, กำลังพล และเวลาให้เหมาะสมตามสถานการณ์ในเกม ซึ่งสะท้อนถึงทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการวางแผนชีวิต การเงิน และการบริหารองค์กร การขาดเกมที่ส่งเสริมแนวคิดนี้เท่ากับการขาดสภาพแวดล้อมจำลองที่ให้ผู้เล่นได้ฝึกทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงในชีวิตจริง 3️⃣ การลดลงของความอดทนและทักษะการทำงานร่วมกัน เกม Strategy หลายเกมโดยเฉพาะแบบ multiplayer ต้องอาศัยการวางแผนร่วมกัน การประสานงานระหว่างสมาชิกในทีม และความอดทนรอจังหวะที่เหมาะสมในการลงมือ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคมจริง ในขณะที่เกมแนวใหม่มักส่งเสริมการแข่งขันแบบทันทีทันใด และเน้นผลลัพธ์ระยะสั้น การสูญเสียเกมที่ฝึกความอดทนและความร่วมมืออาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้เล่นในระยะยาว ✅ แนวทางการฟื้นฟูเกม Strategy ให้กลับมามีบทบาท - การพัฒนาเกมให้เหมาะกับแพลตฟอร์มใหม่: นักพัฒนาอาจต้องปรับปรุงเกม Strategy ให้เข้ากับมือถือและแท็บเล็ต โดยเน้น UI ที่เข้าใจง่าย ระบบเล่นสั้นได้แต่มีความลึกในระยะยาว หรือใช้ระบบ cloud gaming เพื่อรองรับการประมวลผล - สร้างการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน: การรีแบรนด์เกม Strategy ให้ดูทันสมัย และชูจุดเด่นด้านการพัฒนาทักษะชีวิต อาจช่วยดึงดูดผู้เล่นรุ่นใหม่ให้หันกลับมาสนใจ - รวมฟีเจอร์ social และระบบ co-op: การผสมผสานเกม Strategy เข้ากับระบบการเล่นแบบร่วมมือหรือแข่งขันเชิงกลยุทธ์ อาจช่วยเพิ่มความสนุก และขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ผู้เล่นที่ชื่นชอบการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม ℹ️ℹ️ สรุป ℹ️ℹ️ ความเสื่อมความนิยมของเกมแนว Strategy ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนรสนิยมของตลาด แต่ยังสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้เล่นและโครงสร้างอุตสาหกรรมเกมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของเกมประเภทนี้ในฐานะเครื่องมือฝึกทักษะเชิงปัญญาและการบริหารจัดการยังไม่เสื่อมคลาย หากผู้พัฒนาเกมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถปรับตัวและออกแบบประสบการณ์เกมที่เหมาะสมกับยุคสมัยได้ เกมแนว Strategy ก็ยังมีโอกาสกลับมายืนในแถวหน้าอีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างสรรค์สังคมของผู้เล่นที่เก่งคิด เก่งวางแผน และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกจริงได้อย่างมั่นใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบดิจิทัล (Digital Divide) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยความเหลื่อมล้ำนี้สามารถแบ่งออกได้หลายมิติ ดังนี้:

    ### 1. **ความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างพื้นฐาน**
    - **พื้นที่เมือง vs. ชนบท**: ในเขตเมืองมักมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีกว่า ในขณะที่พื้นที่ห่างไกลหรือชนบทอาจขาดแคลนสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้า
    - **ความเร็วและความเสถียร**: แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ความเร็วและความเสถียรอาจไม่เท่ากัน ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพต่างกัน

    ### 2. **ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ**
    - **ค่าใช้จ่าย**: การเข้าถึงอุปกรณ์ดิจิทัล (เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์) และค่าบริการอินเทอร์เน็ตอาจเป็นภาระสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
    - **รายได้และโอกาส**: กลุ่มที่มีรายได้สูงมักมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลได้ดีกว่า ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจมากขึ้น

    ### 3. **ความเหลื่อมล้ำด้านทักษะและการศึกษา**
    - **ทักษะดิจิทัล**: กลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่ขาดโอกาสในการเรียนรู้อาจไม่มีความรู้เพียงพอในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
    - **การศึกษา**: โรงเรียนในเมืองอาจมีทรัพยากรด้านดิจิทัล (เช่น อุปกรณ์การเรียนออนไลน์) ดีกว่าโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล

    ### 4. **ความเหลื่อมล้ำด้านสังคมและประชากรศาสตร์**
    - **วัย**: คนรุ่นใหม่อาจปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ดีกว่าผู้สูงอายุ
    - **เพศ**: ในบางสังคม ผู้หญิงอาจมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีน้อยกว่าผู้ชายเนื่องจากอคติทางวัฒนธรรม

    ### 5. **นโยบายและการสนับสนุนจากรัฐ**
    - **การกระจายทรัพยากร**: นโยบายของรัฐอาจไม่ทั่วถึง ทำให้บางพื้นที่หรือกลุ่มคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    - **การส่งเสริมทักษะดิจิทัล**: โครงการฝึกอบรมอาจไม่เพียงพอหรือไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม

    ### ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำดิจิทัล
    - **เศรษฐกิจ**: กลุ่มที่ขาดแคลนโอกาสดิจิทัลอาจถูกกีดกันจากตลาดงานสมัยใหม่
    - **การศึกษา**: นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลอาจเสียเปรียบเนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์
    - **สุขภาพ**: การเข้าถึงบริการสุขภาพดิจิทัล (Telemedicine) อาจจำกัดในบางพื้นที่
    - **สังคม**: ความเหลื่อมล้ำอาจทำให้เกิดช่องว่างทางสังคมระหว่างกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีและกลุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    ### แนทางแก้ไข
    - **พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน** โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
    - **ลดค่าใช้จ่าย** ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัล
    - **ส่งเสริมการศึกษาและฝึกทักษะดิจิทัล** ให้กับทุกกลุ่มวัย
    - **ออกนโยบายที่ครอบคลุม** เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านหรือแจกแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน

    ความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัลเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะในยุคที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต การเข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียมจะช่วยลดความไม่เสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
    การเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบดิจิทัล (Digital Divide) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยความเหลื่อมล้ำนี้สามารถแบ่งออกได้หลายมิติ ดังนี้: ### 1. **ความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างพื้นฐาน** - **พื้นที่เมือง vs. ชนบท**: ในเขตเมืองมักมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีกว่า ในขณะที่พื้นที่ห่างไกลหรือชนบทอาจขาดแคลนสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้า - **ความเร็วและความเสถียร**: แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ความเร็วและความเสถียรอาจไม่เท่ากัน ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพต่างกัน ### 2. **ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ** - **ค่าใช้จ่าย**: การเข้าถึงอุปกรณ์ดิจิทัล (เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์) และค่าบริการอินเทอร์เน็ตอาจเป็นภาระสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย - **รายได้และโอกาส**: กลุ่มที่มีรายได้สูงมักมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลได้ดีกว่า ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจมากขึ้น ### 3. **ความเหลื่อมล้ำด้านทักษะและการศึกษา** - **ทักษะดิจิทัล**: กลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่ขาดโอกาสในการเรียนรู้อาจไม่มีความรู้เพียงพอในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล - **การศึกษา**: โรงเรียนในเมืองอาจมีทรัพยากรด้านดิจิทัล (เช่น อุปกรณ์การเรียนออนไลน์) ดีกว่าโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ### 4. **ความเหลื่อมล้ำด้านสังคมและประชากรศาสตร์** - **วัย**: คนรุ่นใหม่อาจปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ดีกว่าผู้สูงอายุ - **เพศ**: ในบางสังคม ผู้หญิงอาจมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีน้อยกว่าผู้ชายเนื่องจากอคติทางวัฒนธรรม ### 5. **นโยบายและการสนับสนุนจากรัฐ** - **การกระจายทรัพยากร**: นโยบายของรัฐอาจไม่ทั่วถึง ทำให้บางพื้นที่หรือกลุ่มคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง - **การส่งเสริมทักษะดิจิทัล**: โครงการฝึกอบรมอาจไม่เพียงพอหรือไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม ### ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำดิจิทัล - **เศรษฐกิจ**: กลุ่มที่ขาดแคลนโอกาสดิจิทัลอาจถูกกีดกันจากตลาดงานสมัยใหม่ - **การศึกษา**: นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลอาจเสียเปรียบเนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ - **สุขภาพ**: การเข้าถึงบริการสุขภาพดิจิทัล (Telemedicine) อาจจำกัดในบางพื้นที่ - **สังคม**: ความเหลื่อมล้ำอาจทำให้เกิดช่องว่างทางสังคมระหว่างกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีและกลุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ### แนทางแก้ไข - **พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน** โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล - **ลดค่าใช้จ่าย** ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัล - **ส่งเสริมการศึกษาและฝึกทักษะดิจิทัล** ให้กับทุกกลุ่มวัย - **ออกนโยบายที่ครอบคลุม** เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านหรือแจกแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัลเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะในยุคที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต การเข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียมจะช่วยลดความไม่เสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อการทำงานในองค์กร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกันและการลดช่องว่างด้านประสบการณ์ระหว่างพนักงาน

    การศึกษาโดย Procter & Gamble ร่วมกับนักวิจัยจาก Harvard, Wharton และ Digital Data Design Institute พบว่า AI เช่น GPT-4 สามารถช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก นอกจากนี้ AI ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ยังมีอุปสรรค เช่น ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI และความกังวลด้านจริยธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอัตราการใช้งาน AI ต่ำกว่าผู้ชาย

    บทความยังเน้นถึงบทบาทขององค์กรในการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI และการส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมทักษะและสร้างความร่วมมือในองค์กร

    ✅ ผลกระทบของ AI ต่อการทำงาน
    - AI ช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก
    - ลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน

    ✅ อุปสรรคในการนำ AI มาใช้
    - ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง
    - ความกังวลด้านจริยธรรมและการใช้งาน AI

    ✅ บทบาทขององค์กร
    - สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI
    - ส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้งาน AI
    - การใช้งาน AI ที่ไม่เหมาะสมอาจเพิ่มความไม่เท่าเทียมในองค์กร
    - ความกังวลด้านจริยธรรมอาจลดความไว้วางใจในเทคโนโลยี

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับองค์กร
    - สร้างการฝึกอบรมและการสนับสนุนเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน AI
    - ส่งเสริมการใช้งาน AI ในลักษณะที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/could-artificial-intelligence-be-your-best-teammate-at-work
    ข่าวนี้เล่าถึงผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อการทำงานในองค์กร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกันและการลดช่องว่างด้านประสบการณ์ระหว่างพนักงาน การศึกษาโดย Procter & Gamble ร่วมกับนักวิจัยจาก Harvard, Wharton และ Digital Data Design Institute พบว่า AI เช่น GPT-4 สามารถช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก นอกจากนี้ AI ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ยังมีอุปสรรค เช่น ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI และความกังวลด้านจริยธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอัตราการใช้งาน AI ต่ำกว่าผู้ชาย บทความยังเน้นถึงบทบาทขององค์กรในการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI และการส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมทักษะและสร้างความร่วมมือในองค์กร ✅ ผลกระทบของ AI ต่อการทำงาน - AI ช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก - ลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน ✅ อุปสรรคในการนำ AI มาใช้ - ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง - ความกังวลด้านจริยธรรมและการใช้งาน AI ✅ บทบาทขององค์กร - สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI - ส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้งาน AI - การใช้งาน AI ที่ไม่เหมาะสมอาจเพิ่มความไม่เท่าเทียมในองค์กร - ความกังวลด้านจริยธรรมอาจลดความไว้วางใจในเทคโนโลยี ℹ️ คำแนะนำสำหรับองค์กร - สร้างการฝึกอบรมและการสนับสนุนเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน AI - ส่งเสริมการใช้งาน AI ในลักษณะที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/could-artificial-intelligence-be-your-best-teammate-at-work
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Could artificial intelligence be your best teammate at work?
    More than two years after ChatGPT burst onto the scene, companies are still struggling to make the technological transition. However, a growing number of trials are showing that artificial intelligence is not just about automating tasks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลไกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสู่การพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจผสมผสานในประเทศเศรษฐกิจผสมผสาน (Integrated Economy) เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการผสานความแข็งแกร่งจากหลายภาคส่วน ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ ประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีความหลากหลายด้านทรัพยากรและวัฒนธรรม สามารถใช้ประโยชน์จากกลไกแรงขับเคลื่อนเหล่านี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนานี้ได้---1. การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันการวิจัยและพัฒนา (R&D): สนับสนุนการวิจัยในสถาบันการศึกษาและเอกชนเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้: ส่งเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI), IoT และ Big Data ในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการการพัฒนาสตาร์ทอัพ: ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างแนวคิดธุรกิจที่เชื่อมโยงทรัพยากรในประเทศเข้ากับตลาดโลก---2. การสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Economy)เศรษฐกิจที่ยั่งยืนไม่สามารถมองข้ามความสำคัญของสิ่งแวดล้อมได้การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน: สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวลการจัดการขยะและทรัพยากรหมุนเวียน: ส่งเสริมการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าการสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียว: พัฒนาสินค้าที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก---3. การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)เศรษฐกิจสร้างสรรค์ช่วยเพิ่มมูลค่าผ่านความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมศิลปะและวัฒนธรรม: นำมรดกวัฒนธรรมไทย เช่น ผ้าไหม งานหัตถกรรม และอาหาร มาปรับใช้ในตลาดสมัยใหม่การออกแบบและสื่อดิจิทัล: ส่งเสริมการพัฒนาภาพยนตร์ ดนตรี และเกมที่สะท้อนเอกลักษณ์ไทยการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น: พัฒนาผลิตภัณฑ์จากชุมชนเพื่อการส่งออก---4. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจผสมผสานประสบความสำเร็จการศึกษาและการฝึกอบรม: ปรับปรุงระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21การส่งเสริมทักษะที่หลากหลาย: เช่น ทักษะด้านดิจิทัล การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์การสนับสนุนแรงงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม: เพิ่มโอกาสให้แรงงานได้รับความรู้ใหม่และเทคโนโลยี---5. การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วนการผสานความร่วมมือระหว่างเกษตร อุตสาหกรรม และบริการช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจที่ครอบคลุมเกษตรกรรมอัจฉริยะ: ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเพิ่มผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป: พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่การท่องเที่ยวแบบครบวงจร: ผสมผสานวัฒนธรรม ธรรมชาติ และสุขภาพในการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยว---6. การสนับสนุนนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานการสนับสนุนจากรัฐบาลและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นการจัดทำนโยบายที่ยั่งยืน: เช่น การลดภาษีสำหรับธุรกิจสีเขียวและสร้างสรรค์การพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์: สร้างเครือข่ายการขนส่งที่ช่วยลดต้นทุนและเวลาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน: สนับสนุน SMEs และสตาร์ทอัพผ่านกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจ---สรุปการพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจผสมผสานในประเทศต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชน หากประเทศไทยสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งปรับตัวตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ก็จะสามารถสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งได้ในระยะยาว
    กลไกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสู่การพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจผสมผสานในประเทศเศรษฐกิจผสมผสาน (Integrated Economy) เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการผสานความแข็งแกร่งจากหลายภาคส่วน ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ ประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีความหลากหลายด้านทรัพยากรและวัฒนธรรม สามารถใช้ประโยชน์จากกลไกแรงขับเคลื่อนเหล่านี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนานี้ได้---1. การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันการวิจัยและพัฒนา (R&D): สนับสนุนการวิจัยในสถาบันการศึกษาและเอกชนเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้: ส่งเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI), IoT และ Big Data ในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการการพัฒนาสตาร์ทอัพ: ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างแนวคิดธุรกิจที่เชื่อมโยงทรัพยากรในประเทศเข้ากับตลาดโลก---2. การสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Economy)เศรษฐกิจที่ยั่งยืนไม่สามารถมองข้ามความสำคัญของสิ่งแวดล้อมได้การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน: สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวลการจัดการขยะและทรัพยากรหมุนเวียน: ส่งเสริมการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าการสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียว: พัฒนาสินค้าที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก---3. การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)เศรษฐกิจสร้างสรรค์ช่วยเพิ่มมูลค่าผ่านความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมศิลปะและวัฒนธรรม: นำมรดกวัฒนธรรมไทย เช่น ผ้าไหม งานหัตถกรรม และอาหาร มาปรับใช้ในตลาดสมัยใหม่การออกแบบและสื่อดิจิทัล: ส่งเสริมการพัฒนาภาพยนตร์ ดนตรี และเกมที่สะท้อนเอกลักษณ์ไทยการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น: พัฒนาผลิตภัณฑ์จากชุมชนเพื่อการส่งออก---4. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจผสมผสานประสบความสำเร็จการศึกษาและการฝึกอบรม: ปรับปรุงระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21การส่งเสริมทักษะที่หลากหลาย: เช่น ทักษะด้านดิจิทัล การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์การสนับสนุนแรงงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม: เพิ่มโอกาสให้แรงงานได้รับความรู้ใหม่และเทคโนโลยี---5. การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วนการผสานความร่วมมือระหว่างเกษตร อุตสาหกรรม และบริการช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจที่ครอบคลุมเกษตรกรรมอัจฉริยะ: ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเพิ่มผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป: พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่การท่องเที่ยวแบบครบวงจร: ผสมผสานวัฒนธรรม ธรรมชาติ และสุขภาพในการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยว---6. การสนับสนุนนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานการสนับสนุนจากรัฐบาลและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นการจัดทำนโยบายที่ยั่งยืน: เช่น การลดภาษีสำหรับธุรกิจสีเขียวและสร้างสรรค์การพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์: สร้างเครือข่ายการขนส่งที่ช่วยลดต้นทุนและเวลาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน: สนับสนุน SMEs และสตาร์ทอัพผ่านกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจ---สรุปการพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจผสมผสานในประเทศต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชน หากประเทศไทยสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งปรับตัวตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ก็จะสามารถสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งได้ในระยะยาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1041 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Vault ProEx By 10X Consulting
    นำเสนอสาระเทคนิคการวินิจฉัย และการยกระดับผลิตภาพ (Productivity) และการยกระดับผลงานที่เป็นเลิศ (Performance Excellence) สำหรับผู้สนใจได้ RUN กลยุทธ์ที่เน้นการ #Reskill เสริมทักษะใหม่ #Upskill ยกระดับทักษะที่มีอยู่ และ #Newskill ปลูกฝังทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
    The Vault ProEx By 10X Consulting นำเสนอสาระเทคนิคการวินิจฉัย และการยกระดับผลิตภาพ (Productivity) และการยกระดับผลงานที่เป็นเลิศ (Performance Excellence) สำหรับผู้สนใจได้ RUN กลยุทธ์ที่เน้นการ #Reskill เสริมทักษะใหม่ #Upskill ยกระดับทักษะที่มีอยู่ และ #Newskill ปลูกฝังทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😎นานมาแล้ว ก็เป็นอีก1กีฬาที่เสริมทักษะ สมาธิ สนุกดี ไม่เน้นท่าสวย เน้นทำคะแนน🤣
    😎นานมาแล้ว ก็เป็นอีก1กีฬาที่เสริมทักษะ สมาธิ สนุกดี ไม่เน้นท่าสวย เน้นทำคะแนน🤣
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 74 0 รีวิว
  • "คลาสถักมาคราเม่ Macrame"​ โดย​ ครูศักดิ์ชัย​​ ณ สมาคมบ้านปันรัก​ อารีย์ ซ.1
    การถักมาคราเม่ (Macrame) เป็นงานฝีมือที่ใช้เชือกป่านมาถักเป็นลวดลายต่างๆ นิยมนำมาทำเป็นของตกแต่งบ้าน กระเป๋า เครื่องประดับ หรือของใช้ต่างๆ
    อุปกรณ์ที่ใช้:
    เชือกป่าน: เลือกขนาดให้เหมาะกับงาน
    กรรไกร
    ไม้แขวน หรือ ตะปู สำหรับขึงงาน
    ไม้บรรทัด (กรณีต้องการงานที่มีขนาดเท่ากัน)
    เข็มกลัด (สำหรับงานบางประเภท)

    #สมาคมบ้านปันรัก#เรียนฟรี#เรียนออนไลน์#คอร์สเรียน#คลาสเรียน#เสริมทักษะ#อัพสกิล#skill
    #Macrame
    #สมาคมบ้านปันรัก
    #ถักมาคราเม่โดยครูศักดิ์ชัย
    #สยามโสภา#อาสาพาสุข#thaitimes #thaitimesสยามโสภา

    https://youtu.be/LuOxYfQbAuo?si=Umt2ZxQbnAYyqhto
    "คลาสถักมาคราเม่ Macrame"​ โดย​ ครูศักดิ์ชัย​​ ณ สมาคมบ้านปันรัก​ อารีย์ ซ.1 การถักมาคราเม่ (Macrame) เป็นงานฝีมือที่ใช้เชือกป่านมาถักเป็นลวดลายต่างๆ นิยมนำมาทำเป็นของตกแต่งบ้าน กระเป๋า เครื่องประดับ หรือของใช้ต่างๆ อุปกรณ์ที่ใช้: เชือกป่าน: เลือกขนาดให้เหมาะกับงาน กรรไกร ไม้แขวน หรือ ตะปู สำหรับขึงงาน ไม้บรรทัด (กรณีต้องการงานที่มีขนาดเท่ากัน) เข็มกลัด (สำหรับงานบางประเภท) #สมาคมบ้านปันรัก​ #เรียนฟรี​ #เรียนออนไลน์​ #คอร์สเรียน​ #คลาสเรียน​ #เสริมทักษะ​ #อัพสกิล​ #skill​ #Macrame​ #สมาคมบ้านปันรัก​ #ถักมาคราเม่โดยครูศักดิ์ชัย​ #สยามโสภา​ #อาสาพาสุข​ #thaitimes #thaitimesสยามโสภา https://youtu.be/LuOxYfQbAuo?si=Umt2ZxQbnAYyqhto
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1885 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชั้นเรียน สูงวัยใส่ใจสุขภาพ โดย ครูกัลป์ชัย เรียน On Site ที่ สมาคมบ้านปันรัก

    #สมาคมบ้านปันรัก #เรียนฟรี #เรียนออนไลน์ #คอร์สเรียน #คลาสเรียน #เสริมทักษะ #อัพสกิล #ผู้สูงวัย #Thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    ชั้นเรียน สูงวัยใส่ใจสุขภาพ โดย ครูกัลป์ชัย เรียน On Site ที่ สมาคมบ้านปันรัก #สมาคมบ้านปันรัก #เรียนฟรี #เรียนออนไลน์ #คอร์สเรียน #คลาสเรียน #เสริมทักษะ #อัพสกิล #ผู้สูงวัย #Thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1449 มุมมอง 304 0 รีวิว
  • กิจกรรม DIY รักษ์โลก โดย ครูศรีพิมล
    เพื่อช่วยกัน​ลดขยะ​ ลดโลกร้อน​ พิทักษ์โลกให้กรีนได้ง่ายๆ​ ด้วยการนำขยะ​มา​ reuse เป็นข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน​ เช่น​ กระบุง​ กระเป๋า​ กล่องกระดาษ​ทิชชู่​ ด้วยซองกาแฟสำเร็จรูป​

    เรียนทุกวันพุธ เว้นพุธ เวลา 13.00 - 14.30 น.
    ที่ สมาคมบ้านปันรัก อารีย์ ซ.1 (ใกล้ BTS อารีย์)

    ------------------------------------------------
    🔹 กิจกรรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย🔹
    ------------------------------------------------

    #สมาคมบ้านปันรัก #เรียนฟรี #เรียนออนไลน์ #คอร์สเรียน #คลาสเรียน #เสริมทักษะ #อัพสกิล #ผู้สูงวัย #thaitimes
    กิจกรรม DIY รักษ์โลก โดย ครูศรีพิมล เพื่อช่วยกัน​ลดขยะ​ ลดโลกร้อน​ พิทักษ์โลกให้กรีนได้ง่ายๆ​ ด้วยการนำขยะ​มา​ reuse เป็นข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน​ เช่น​ กระบุง​ กระเป๋า​ กล่องกระดาษ​ทิชชู่​ ด้วยซองกาแฟสำเร็จรูป​ เรียนทุกวันพุธ เว้นพุธ เวลา 13.00 - 14.30 น. ที่ สมาคมบ้านปันรัก อารีย์ ซ.1 (ใกล้ BTS อารีย์) ------------------------------------------------ 🔹 กิจกรรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย🔹 ------------------------------------------------ #สมาคมบ้านปันรัก #เรียนฟรี #เรียนออนไลน์ #คอร์สเรียน #คลาสเรียน #เสริมทักษะ #อัพสกิล #ผู้สูงวัย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1745 มุมมอง 231 0 รีวิว
  • Kidzooona เป็นศูนย์การเรียนรู้และเล่นในร่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่มองหากิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุ 2-12 ปี ที่นี่มีการออกแบบโซนการเล่นต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ผ่านการเล่นแบบโต้ตอบ เช่น มินิมาร์เก็ต ห้องครัว สระลูกบอล สนามเด็กเล่นในร่ม และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ

    จุดเด่นของ Kidzooona:
    - โซนการเล่นหลากหลาย: มีการจัดสรรพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เช่น โซนการเล่นสมมุติ โซนกีฬา โซนสร้างสรรค์ เช่น การระบายสี และการประดิษฐ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างทักษะต่างๆ ให้กับเด็ก
    - ความปลอดภัยสูง: มีเจ้าหน้าที่ดูแลและตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กๆ ตลอดเวลา ทำให้ผู้ปกครองสามารถปล่อยให้ลูกเล่นได้อย่างสบายใจ
    - กิจกรรมเสริมสร้างทักษะ: นอกจากการเล่นสนุกแล้ว Kidzooona ยังมีส่วนเสริมทักษะทางการสื่อสารและการเข้าสังคมผ่านการเล่นเป็นทีมกับเพื่อนๆ

    ค่าบริการและข้อกำหนด:
    - ค่าบริการ: ราคาบัตรเข้า Kidzooona อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาและวัน เช่น วันธรรมดาหรือวันหยุด โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 200-400 บาทต่อเด็กหนึ่งคน
    - ข้อกำหนดการเข้าใช้บริการ: ทุกคนที่เข้าใช้บริการต้องใส่ถุงเท้าเพื่อความสะอาดและความปลอดภัย

    Kidzooona เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยมีทั้งความสนุกและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่เล่นที่ปลอดภัยและมีความสร้างสรรค์สำหรับลูกน้อย Kidzooona เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด!

    #thaitimes #พาไปเที่ยว
    Kidzooona เป็นศูนย์การเรียนรู้และเล่นในร่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่มองหากิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุ 2-12 ปี ที่นี่มีการออกแบบโซนการเล่นต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ผ่านการเล่นแบบโต้ตอบ เช่น มินิมาร์เก็ต ห้องครัว สระลูกบอล สนามเด็กเล่นในร่ม และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ จุดเด่นของ Kidzooona: - โซนการเล่นหลากหลาย: มีการจัดสรรพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เช่น โซนการเล่นสมมุติ โซนกีฬา โซนสร้างสรรค์ เช่น การระบายสี และการประดิษฐ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างทักษะต่างๆ ให้กับเด็ก - ความปลอดภัยสูง: มีเจ้าหน้าที่ดูแลและตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กๆ ตลอดเวลา ทำให้ผู้ปกครองสามารถปล่อยให้ลูกเล่นได้อย่างสบายใจ - กิจกรรมเสริมสร้างทักษะ: นอกจากการเล่นสนุกแล้ว Kidzooona ยังมีส่วนเสริมทักษะทางการสื่อสารและการเข้าสังคมผ่านการเล่นเป็นทีมกับเพื่อนๆ ค่าบริการและข้อกำหนด: - ค่าบริการ: ราคาบัตรเข้า Kidzooona อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาและวัน เช่น วันธรรมดาหรือวันหยุด โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 200-400 บาทต่อเด็กหนึ่งคน - ข้อกำหนดการเข้าใช้บริการ: ทุกคนที่เข้าใช้บริการต้องใส่ถุงเท้าเพื่อความสะอาดและความปลอดภัย Kidzooona เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยมีทั้งความสนุกและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่เล่นที่ปลอดภัยและมีความสร้างสรรค์สำหรับลูกน้อย Kidzooona เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด! #thaitimes #พาไปเที่ยว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1635 มุมมอง 0 รีวิว