• วันนี้ยังคงมีเรื่องมาคุยกันจากละคร <สามีข้าเป็นฮีโร่> ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว สืบเนื่องจากเคยมีเพื่อนเพจอยากให้พูดคุยเกี่ยวกับอาคารบ้านเรือนจีนโบราณ และในละครเรื่องนี้นางเอกพยายามเผาห้องของพระเอกที่อยู่ติดกันซึ่งเรียกว่า “เอ่อร์ฝาง” (耳房) เนื้อหาตอนนี้ในหนังสือเรื่องนี้ไม่มี เราลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอ่อร์ฝางและเรือนจีนโบราณจากนิยายเรื่องอื่นกัน

    ความมีอยู่ว่า
    ... จิ้งหยวนแม้เป็นเรือนในชั้นรอง แต่ขนาดไม่ใหญ่ อาคารหลักที่เขาทั้งสองพักอาศัยเป็นอาคารสามห้อง ซ้ายขวามีเรือนห้อย (เอ่อร์ฝาง) ถัดไปเบื้องหน้าด้านซ้ายขวาเป็นอาคารตะวันตกและตะวันออก ห้องในอาคารหลักนี้ ประกอบด้วยห้องโถงรับรองตรงกลาง ห้องฟากตะวันตกเป็นห้องหนังสือ ส่วนห้องฟากตะวันออกเป็นห้องนอน มีตีผนังทะลุไปยังเรือนห้อยที่ติดกันกั้นไว้ด้วยผนังฉาก จัดเป็นห้องชำระ...
    - จากเรื่อง <เกิดใหม่อีกที ไม่ขอมีสามีสกุลหลี่> ผู้แต่ง ฉางโกวลั่วเยวี่ย
    (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    บทบรรยายข้างต้นเป็นการกล่าวถึงลักษณะเรือนซื่อเหอเยวี่ยน หรือเรือนสี่ประสานอันเป็นรูปทรงทั่วไปของเรือนจีนโบราณ (หาอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง)

    เอ่อร์ฝาง หรือเรือนห้อย (ดูภาพที่วงไว้ในแผนผังรูปอาคาร และรูปที่เอามาจากในละคร) วิธีจำง่ายๆ คือ “เอ่อร์” แปลว่าหู ก็นึกภาพว่าอาคารหลักมีหูสองข้างเป็นเรือนห้อยนี่แล่ะ เอกลักษณ์ของมันคือมันต้องเป็นห้องที่มีขนาดเล็กและหลังคาเตี้ยกว่าอาคารหลัก

    แล้วมันมีไว้เพื่อ? ในองค์ประกอบของเรือนสี่ประสานนั้น ใครอยู่ห้องไหนจะมีลำดับความสำคัญ เช่นเจ้าบ้านจะอยู่ในอาคารหลัก ในอาคารหลักแบ่งให้ผู้อาวุโสพำนักในห้องฝั่งตะวันออก อาวุโสรองลงมาก็อยู่ห้องฝั่งตะวันตก เป็นต้น และสำหรับคฤหาสน์ของคหบดีหรือข้าราชการที่มีฐานะ จะประกอบด้วยหมู่เรือนสี่ประสานหลายชั้น ลูกแต่ละคนก็มีเรือนส่วนตัวแยกเป็นของตนเอง

    เนื่องจากเอ่อร์ฝางเป็นเพียงห้องที่ห้อยติดกับอาคารหลัก จึงใช้เป็นห้องนอนสำหรับผู้ที่ด้อยศักดิ์ของครอบครัว หรืออนุ สำหรับบ้านที่ไม่ได้มีหลายหมู่เรือน หรือไว้ใช้อเนกประสงค์สำหรับบ้านที่ใหญ่และมีหมู่เรือนหลายชั้น (อย่างเช่นตัวอย่างตามบทความจากนิยายข้างต้น)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.sohu.com/a/450812871_100288750
    https://aichineseschool.wordpress.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/
    Credit เนื้อหารวบรวมจาก:
    http://m.52shijing.com/lsjm/81120.html
    https://zh.m.wikipedia.org/wiki/%E8%80%B3%E6%88%BF

    เนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะเรือนสี่ประสาน อ่านเพิ่มเติม (ภาษาไทย) ได้ที่ https://aichineseschool.wordpress.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/

    #สามีข้าคือฮีโร่ #เกิดใหม่อีกทีไม่ขอมีสามีสกุลหลี่ #บ้านจีนโบราณ #เรือนสี่ประสาน #ซื่อเหอย่วน #เรือนห้อย #เอ่อร์ฝาง #StoryfromStory
    วันนี้ยังคงมีเรื่องมาคุยกันจากละคร <สามีข้าเป็นฮีโร่> ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว สืบเนื่องจากเคยมีเพื่อนเพจอยากให้พูดคุยเกี่ยวกับอาคารบ้านเรือนจีนโบราณ และในละครเรื่องนี้นางเอกพยายามเผาห้องของพระเอกที่อยู่ติดกันซึ่งเรียกว่า “เอ่อร์ฝาง” (耳房) เนื้อหาตอนนี้ในหนังสือเรื่องนี้ไม่มี เราลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอ่อร์ฝางและเรือนจีนโบราณจากนิยายเรื่องอื่นกัน ความมีอยู่ว่า ... จิ้งหยวนแม้เป็นเรือนในชั้นรอง แต่ขนาดไม่ใหญ่ อาคารหลักที่เขาทั้งสองพักอาศัยเป็นอาคารสามห้อง ซ้ายขวามีเรือนห้อย (เอ่อร์ฝาง) ถัดไปเบื้องหน้าด้านซ้ายขวาเป็นอาคารตะวันตกและตะวันออก ห้องในอาคารหลักนี้ ประกอบด้วยห้องโถงรับรองตรงกลาง ห้องฟากตะวันตกเป็นห้องหนังสือ ส่วนห้องฟากตะวันออกเป็นห้องนอน มีตีผนังทะลุไปยังเรือนห้อยที่ติดกันกั้นไว้ด้วยผนังฉาก จัดเป็นห้องชำระ... - จากเรื่อง <เกิดใหม่อีกที ไม่ขอมีสามีสกุลหลี่> ผู้แต่ง ฉางโกวลั่วเยวี่ย (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) บทบรรยายข้างต้นเป็นการกล่าวถึงลักษณะเรือนซื่อเหอเยวี่ยน หรือเรือนสี่ประสานอันเป็นรูปทรงทั่วไปของเรือนจีนโบราณ (หาอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง) เอ่อร์ฝาง หรือเรือนห้อย (ดูภาพที่วงไว้ในแผนผังรูปอาคาร และรูปที่เอามาจากในละคร) วิธีจำง่ายๆ คือ “เอ่อร์” แปลว่าหู ก็นึกภาพว่าอาคารหลักมีหูสองข้างเป็นเรือนห้อยนี่แล่ะ เอกลักษณ์ของมันคือมันต้องเป็นห้องที่มีขนาดเล็กและหลังคาเตี้ยกว่าอาคารหลัก แล้วมันมีไว้เพื่อ? ในองค์ประกอบของเรือนสี่ประสานนั้น ใครอยู่ห้องไหนจะมีลำดับความสำคัญ เช่นเจ้าบ้านจะอยู่ในอาคารหลัก ในอาคารหลักแบ่งให้ผู้อาวุโสพำนักในห้องฝั่งตะวันออก อาวุโสรองลงมาก็อยู่ห้องฝั่งตะวันตก เป็นต้น และสำหรับคฤหาสน์ของคหบดีหรือข้าราชการที่มีฐานะ จะประกอบด้วยหมู่เรือนสี่ประสานหลายชั้น ลูกแต่ละคนก็มีเรือนส่วนตัวแยกเป็นของตนเอง เนื่องจากเอ่อร์ฝางเป็นเพียงห้องที่ห้อยติดกับอาคารหลัก จึงใช้เป็นห้องนอนสำหรับผู้ที่ด้อยศักดิ์ของครอบครัว หรืออนุ สำหรับบ้านที่ไม่ได้มีหลายหมู่เรือน หรือไว้ใช้อเนกประสงค์สำหรับบ้านที่ใหญ่และมีหมู่เรือนหลายชั้น (อย่างเช่นตัวอย่างตามบทความจากนิยายข้างต้น) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/450812871_100288750 https://aichineseschool.wordpress.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/ Credit เนื้อหารวบรวมจาก: http://m.52shijing.com/lsjm/81120.html https://zh.m.wikipedia.org/wiki/%E8%80%B3%E6%88%BF เนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะเรือนสี่ประสาน อ่านเพิ่มเติม (ภาษาไทย) ได้ที่ https://aichineseschool.wordpress.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/ #สามีข้าคือฮีโร่ #เกิดใหม่อีกทีไม่ขอมีสามีสกุลหลี่ #บ้านจีนโบราณ #เรือนสี่ประสาน #ซื่อเหอย่วน #เรือนห้อย #เอ่อร์ฝาง #StoryfromStory
    WWW.SOHU.COM
    《赘婿》首播:剧情搞笑,宋轶获赞,郭麒麟槽点较为集中_宁毅
    而郭麒麟从脸上讲就有点不合适,大家可以看一下这个镜头他和张若昀的对比,年龄和气质的差异一下子就能看出来,而且郭麒麟看起来特别的黑。 大家其实对郭麒麟这个演员没有什么意见,甚至也承认郭麒麟在平常生活中…
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เราคุยกันเรื่องวัฒนธรรมแต่งงานอีกแบบ ที่มาคือชื่อภาษาจีนของละครและนิยายจีนเรื่อง “จุ้ยซวี่” (赘婿 ชื่อละครภาษาไทยแปลตามชื่อภาษาอังกฤษว่า <สามีข้าคือฮีโร่>)

    ขอเริ่มเรื่องจากบทสนทนาจากในละครของเจ้าบ่าวหนิงอี้กับพ่อบ้านแห่งสกุลซู เพื่อให้เห็นภาพ
    ...หนิงอี้: “นี่คืออันใด?”
    พ่อบ้านเกิ่ง: “นี้คือเกี้ยวเจ้าสาว”
    หนิงอี้: “ของคุณหนู?”
    พ่อบ้านเกิ่ง: “ของท่าน”
    หนิงอี้: “เพราะเหตุใด?”
    พ่อบ้านเกิ่ง: “เพราะท่านเป็นจุ้ยซวี่”
    หนิงอี้: “เป็นจุ้ยซวี่ก็ต้องนั่งเกี้ยวรึ?”
    พ่อบ้านเกิ่ง: “เป็นจุ้ยซวี่ต้องนั่งเกี้ยว”...

    ในละครเรื่องนี้ หนิงอี้ผู้เป็นเจ้าบ่าวต้องนั่งเกี้ยวถูกส่งตัวไปยังบ้านของฝ่ายหญิง (ตามรูปประกอบ) อีกทั้งระหว่างทางยังโดนคนชี้นิ้ววิพากย์วิจารณ์มากมายราวกับว่าเป็นเรื่องน่าดูแคลน เหตุเพราะเขาเป็น “จุ้ยซวี่”

    “จุ้ยซวี่” คือการเรียกเขยที่แต่งเข้าไปในสกุลของฝ่ายเจ้าสาว พำนักอยู่ในเรือนของฝ่ายหญิง และหากมีลูก ลูกก็จะใช้แซ่หรือนามสกุลตามฝ่ายหญิง ซึ่งเพื่อนเพจที่พอคุ้นเคยกับธรรมเนียมจีนจะรู้ว่าเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับธรรมเนียมปกติที่ผู้หญิงจะแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย เมื่อมีลูกก็จะใช้นามสกุลของฝ่ายชาย

    ทำไมถึงมีจุ้ยซวี่? การแต่งชายเข้าบ้านฝ่ายหญิงนั้น เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายเจ้าสาวมาจากตระกูลคหบดีหรือมียศถาบรรดาศักดิ์แต่ขาดบุตรชายที่จะสืบสกุล ดังนั้นฝ่ายเจ้าบ่าวจึงมักเป็นคนที่มีฐานะต่ำต้อย

    แล้วธรรมเนียมแต่งจุ้ยซวี่เข้าเรือนเกิดขึ้นในยุคสมัยใด? ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ มีการกล่าวถึงจุ้ยซวี่มาตั้งแต่ยุคสมัยชุนชิว แต่ในวัฒนธรรมจีนนั้นการสืบสกุลเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของชายชาตรี ดังนั้นการละทิ้งสกุลของตนเพื่อไปสืบเชื้อสายให้สกุลอื่นจึงเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ในสมัยนั้นจุ้ยซวี่จึงมีฐานะต่ำต้อยมาก มีการเปรียบเสมือนเป็นทาสในเรือน ในสมัยนั้นยังมีกฎห้ามจุ้ยซวี่แยกเรือนออกไปอยู่เอง ห้ามไม่ให้ถือครองที่ดิน และลูกหลานจะเข้ารับราชการได้นั้นต้องผ่านไปแล้วสามรุ่นด้วยกัน (โอ้โห!)

    ในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง จุ้ยซวี่ได้รับการปฏิบัติดีขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้นแม้จะไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ว่ากันว่า เป็นเพราะว่าบิดาของปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง (องค์ซ่งไท่จู่) ก็เป็นจุ้ยซวี่ สังคมรับเรื่องนี้ได้มากขึ้นถึงขนาดที่ว่ามีชายบางคนที่ฐานะครอบครัวไม่เลว ยังขวนขวายแต่งเข้าสกุลของฝ่ายหญิงที่เรืองอำนาจเพื่อเสริมสร้างอำนาจทางการเมืองให้แก่ตนเลยทีเดียว

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ กดไลค์กดแชร์กันหน่อยนะคะ)

    เครดิตรูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/450812871_100288750 และจากละคร
    เครดิตข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.sohu.com/a/451219092_588218
    https://www.52shijing.com/kjxs/113551.html

    #สามีข้าคือฮีโร่ #ประเพณีจีนโบราณ #จุ้ยซวี่ #เกี้ยวเจ้าสาว #StoryfromStory
    วันนี้เราคุยกันเรื่องวัฒนธรรมแต่งงานอีกแบบ ที่มาคือชื่อภาษาจีนของละครและนิยายจีนเรื่อง “จุ้ยซวี่” (赘婿 ชื่อละครภาษาไทยแปลตามชื่อภาษาอังกฤษว่า <สามีข้าคือฮีโร่>) ขอเริ่มเรื่องจากบทสนทนาจากในละครของเจ้าบ่าวหนิงอี้กับพ่อบ้านแห่งสกุลซู เพื่อให้เห็นภาพ ...หนิงอี้: “นี่คืออันใด?” พ่อบ้านเกิ่ง: “นี้คือเกี้ยวเจ้าสาว” หนิงอี้: “ของคุณหนู?” พ่อบ้านเกิ่ง: “ของท่าน” หนิงอี้: “เพราะเหตุใด?” พ่อบ้านเกิ่ง: “เพราะท่านเป็นจุ้ยซวี่” หนิงอี้: “เป็นจุ้ยซวี่ก็ต้องนั่งเกี้ยวรึ?” พ่อบ้านเกิ่ง: “เป็นจุ้ยซวี่ต้องนั่งเกี้ยว”... ในละครเรื่องนี้ หนิงอี้ผู้เป็นเจ้าบ่าวต้องนั่งเกี้ยวถูกส่งตัวไปยังบ้านของฝ่ายหญิง (ตามรูปประกอบ) อีกทั้งระหว่างทางยังโดนคนชี้นิ้ววิพากย์วิจารณ์มากมายราวกับว่าเป็นเรื่องน่าดูแคลน เหตุเพราะเขาเป็น “จุ้ยซวี่” “จุ้ยซวี่” คือการเรียกเขยที่แต่งเข้าไปในสกุลของฝ่ายเจ้าสาว พำนักอยู่ในเรือนของฝ่ายหญิง และหากมีลูก ลูกก็จะใช้แซ่หรือนามสกุลตามฝ่ายหญิง ซึ่งเพื่อนเพจที่พอคุ้นเคยกับธรรมเนียมจีนจะรู้ว่าเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับธรรมเนียมปกติที่ผู้หญิงจะแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย เมื่อมีลูกก็จะใช้นามสกุลของฝ่ายชาย ทำไมถึงมีจุ้ยซวี่? การแต่งชายเข้าบ้านฝ่ายหญิงนั้น เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายเจ้าสาวมาจากตระกูลคหบดีหรือมียศถาบรรดาศักดิ์แต่ขาดบุตรชายที่จะสืบสกุล ดังนั้นฝ่ายเจ้าบ่าวจึงมักเป็นคนที่มีฐานะต่ำต้อย แล้วธรรมเนียมแต่งจุ้ยซวี่เข้าเรือนเกิดขึ้นในยุคสมัยใด? ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ มีการกล่าวถึงจุ้ยซวี่มาตั้งแต่ยุคสมัยชุนชิว แต่ในวัฒนธรรมจีนนั้นการสืบสกุลเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของชายชาตรี ดังนั้นการละทิ้งสกุลของตนเพื่อไปสืบเชื้อสายให้สกุลอื่นจึงเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ในสมัยนั้นจุ้ยซวี่จึงมีฐานะต่ำต้อยมาก มีการเปรียบเสมือนเป็นทาสในเรือน ในสมัยนั้นยังมีกฎห้ามจุ้ยซวี่แยกเรือนออกไปอยู่เอง ห้ามไม่ให้ถือครองที่ดิน และลูกหลานจะเข้ารับราชการได้นั้นต้องผ่านไปแล้วสามรุ่นด้วยกัน (โอ้โห!) ในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง จุ้ยซวี่ได้รับการปฏิบัติดีขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้นแม้จะไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ว่ากันว่า เป็นเพราะว่าบิดาของปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง (องค์ซ่งไท่จู่) ก็เป็นจุ้ยซวี่ สังคมรับเรื่องนี้ได้มากขึ้นถึงขนาดที่ว่ามีชายบางคนที่ฐานะครอบครัวไม่เลว ยังขวนขวายแต่งเข้าสกุลของฝ่ายหญิงที่เรืองอำนาจเพื่อเสริมสร้างอำนาจทางการเมืองให้แก่ตนเลยทีเดียว (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ กดไลค์กดแชร์กันหน่อยนะคะ) เครดิตรูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/450812871_100288750 และจากละคร เครดิตข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.sohu.com/a/451219092_588218 https://www.52shijing.com/kjxs/113551.html #สามีข้าคือฮีโร่ #ประเพณีจีนโบราณ #จุ้ยซวี่ #เกี้ยวเจ้าสาว #StoryfromStory
    WWW.SOHU.COM
    《赘婿》首播:剧情搞笑,宋轶获赞,郭麒麟槽点较为集中_宁毅
    而郭麒麟从脸上讲就有点不合适,大家可以看一下这个镜头他和张若昀的对比,年龄和气质的差异一下子就能看出来,而且郭麒麟看起来特别的黑。 大家其实对郭麒麟这个演员没有什么意见,甚至也承认郭麒麟在平常生活中…
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์นี้ยังคงพูดถึงนิยาย/ละครแนวเทพเซียน

    เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่าสัตว์เทพที่เราพบเจอในหลายนิยาย/ละครจีน ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกเก้าหาง นกหงส์ฟ้าเฟิ่งหวง กิเลน ฯลฯ โดยส่วนใหญ่มีบันทึกไว้ในเอกสารทางประวัติศาสตร์? เอกสารที่ว่านี้คือ “ซานไห่จิง” หรือ <คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล> ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล) ที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน หนังสือแบ่งออกเป็นสิบแปดตอนประกอบด้วยบทแห่งขุนเขาและบทแห่งทะเล (Storyฯ เห็นมีแปลเป็นไทยวางขาย เพื่อนเพจที่สนใจสามารถหาอ่านได้)

    วันนี้เรามาเริ่มคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับคัมภีร์ซานไห่จิงด้วย ‘สมาชิก’ ของคัมภีร์ฯ ที่เพื่อนเพจอาจไม่คุ้นหน้า แต่ถ้าใครได้ดูละครเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ก็จะได้เห็นเจ้าสัตว์เทพหน้าตาประหลาดตามรูป (รูปซ้ายล่าง) มีชื่อเรียกว่า “คายหมิงโซ่ว” (开明兽) มันมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นผู้พิทักษ์เขาคุนลุ้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจีนที่เราคุ้นหู

    ความมีอยู่ว่า
    ...ที่ยอดเขามิรู้ปรากฎใบหน้าแปลกประหลาดโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อใด ตัวคล้ายสิงโต แต่ก็คล้ายสุนัข ที่แปลกที่สุดคือเศียรอันใหญ่ยังรายล้อมไปด้วยเศียรเล็กๆ หน้าตาเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียว แต่ละเศียรกำลังเบิ่งตาโตมองสุราและไก่ย่างในมือของพวกเขา ทำท่าราวกับว่ากำลังจะน้ำลายไหลออกมา...
    - จากเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ผู้แต่ง สือซื่อหลาง
    (หมายเหตุ ชื่อตามชื่อไทยของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    จริงๆ แล้วตามคัมภีร์ซานไห่จิงนั้นคายหมิงโซ่วมีลำตัวเป็นเสือยักษ์ (รูปล่างขวาจากบันทึกซันไห่จิง จะเห็นลายพาดกลอนชัดเจน) ไม่ใช่สิงโต ซึ่งต่างจากลักษณะในละคร มีเก้าเศียรและใบหน้าเป็นคน มันเป็นสัตว์เทพที่ดุร้ายมีพละกำลังเกินสัตว์ทั่วไป สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสรรพสิ่งที่เข้าใกล้

    คายหมิงโซ่วเป็นผู้พิทักษ์เขาคุนลุ้น ซึ่งตามตำนานนั้นสูงจรดฟ้าอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ด้านตะวันตกมีประตูทางเข้าสู่เขตแดนสวรรค์อยู่เก้าประตู คายหมิงโซ่วมีหน้าที่คอยเฝ้าประตูทั้งเก้านี้ หนึ่งเศียรหันดูหนึ่งประตู ดวงตาไม่เคยหลับ เพื่อปกป้องไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวนความสงบของสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จึงไม่แปลกที่เราไม่ค่อยเห็นคายหมิงโซ่วออกมาเพ่นพ่านในนิยาย/ละครแนวเทพเซียนทั่วไป เนื่องจากมันมีสถานที่ที่ต้องอยู่โยงเฝ้าประจำนั่นเอง

    วันนี้คุยกันเบาะๆ กับสัตว์เทพที่ไม่ค่อยพบเจอ แต่คราวหน้าเราจะมาคุยกันถึงสัตว์เทพที่เพื่อนเพจส่วนใหญ่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือจิ้งจอกเก้าหาง ใครเป็นแฟนคลับป๋ายเฉี่ยนแห่งสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่อย่าลืมมาติดตามตอนต่อไปนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.cdramalove.com/love-and-redemption-summary/
    https://m.sohu.com/a/383471932_100085277/?pvid=000115_3w_a
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.sohu.com/a/383471932_100085277/?pvid=000115_3w_a
    https://baike.baidu.com/item/%E5%BC%80%E6%98%8E%E5%85%BD/3390243
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/144025393

    #ปลดผนึกหัวใจ #ตำนานจีน #คายหมิงโซ่ว #ซานไห่จิง #StoryfromStory
    สัปดาห์นี้ยังคงพูดถึงนิยาย/ละครแนวเทพเซียน เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่าสัตว์เทพที่เราพบเจอในหลายนิยาย/ละครจีน ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกเก้าหาง นกหงส์ฟ้าเฟิ่งหวง กิเลน ฯลฯ โดยส่วนใหญ่มีบันทึกไว้ในเอกสารทางประวัติศาสตร์? เอกสารที่ว่านี้คือ “ซานไห่จิง” หรือ <คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล> ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล) ที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน หนังสือแบ่งออกเป็นสิบแปดตอนประกอบด้วยบทแห่งขุนเขาและบทแห่งทะเล (Storyฯ เห็นมีแปลเป็นไทยวางขาย เพื่อนเพจที่สนใจสามารถหาอ่านได้) วันนี้เรามาเริ่มคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับคัมภีร์ซานไห่จิงด้วย ‘สมาชิก’ ของคัมภีร์ฯ ที่เพื่อนเพจอาจไม่คุ้นหน้า แต่ถ้าใครได้ดูละครเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ก็จะได้เห็นเจ้าสัตว์เทพหน้าตาประหลาดตามรูป (รูปซ้ายล่าง) มีชื่อเรียกว่า “คายหมิงโซ่ว” (开明兽) มันมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นผู้พิทักษ์เขาคุนลุ้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจีนที่เราคุ้นหู ความมีอยู่ว่า ...ที่ยอดเขามิรู้ปรากฎใบหน้าแปลกประหลาดโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อใด ตัวคล้ายสิงโต แต่ก็คล้ายสุนัข ที่แปลกที่สุดคือเศียรอันใหญ่ยังรายล้อมไปด้วยเศียรเล็กๆ หน้าตาเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียว แต่ละเศียรกำลังเบิ่งตาโตมองสุราและไก่ย่างในมือของพวกเขา ทำท่าราวกับว่ากำลังจะน้ำลายไหลออกมา... - จากเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ผู้แต่ง สือซื่อหลาง (หมายเหตุ ชื่อตามชื่อไทยของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) จริงๆ แล้วตามคัมภีร์ซานไห่จิงนั้นคายหมิงโซ่วมีลำตัวเป็นเสือยักษ์ (รูปล่างขวาจากบันทึกซันไห่จิง จะเห็นลายพาดกลอนชัดเจน) ไม่ใช่สิงโต ซึ่งต่างจากลักษณะในละคร มีเก้าเศียรและใบหน้าเป็นคน มันเป็นสัตว์เทพที่ดุร้ายมีพละกำลังเกินสัตว์ทั่วไป สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสรรพสิ่งที่เข้าใกล้ คายหมิงโซ่วเป็นผู้พิทักษ์เขาคุนลุ้น ซึ่งตามตำนานนั้นสูงจรดฟ้าอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ด้านตะวันตกมีประตูทางเข้าสู่เขตแดนสวรรค์อยู่เก้าประตู คายหมิงโซ่วมีหน้าที่คอยเฝ้าประตูทั้งเก้านี้ หนึ่งเศียรหันดูหนึ่งประตู ดวงตาไม่เคยหลับ เพื่อปกป้องไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวนความสงบของสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จึงไม่แปลกที่เราไม่ค่อยเห็นคายหมิงโซ่วออกมาเพ่นพ่านในนิยาย/ละครแนวเทพเซียนทั่วไป เนื่องจากมันมีสถานที่ที่ต้องอยู่โยงเฝ้าประจำนั่นเอง วันนี้คุยกันเบาะๆ กับสัตว์เทพที่ไม่ค่อยพบเจอ แต่คราวหน้าเราจะมาคุยกันถึงสัตว์เทพที่เพื่อนเพจส่วนใหญ่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือจิ้งจอกเก้าหาง ใครเป็นแฟนคลับป๋ายเฉี่ยนแห่งสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่อย่าลืมมาติดตามตอนต่อไปนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.cdramalove.com/love-and-redemption-summary/ https://m.sohu.com/a/383471932_100085277/?pvid=000115_3w_a Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.sohu.com/a/383471932_100085277/?pvid=000115_3w_a https://baike.baidu.com/item/%E5%BC%80%E6%98%8E%E5%85%BD/3390243 https://zhuanlan.zhihu.com/p/144025393 #ปลดผนึกหัวใจ #ตำนานจีน #คายหมิงโซ่ว #ซานไห่จิง #StoryfromStory
    WWW.CDRAMALOVE.COM
    Love And Redemption Summary - C-Drama Love - Show Summary
    Chinese Drama Love And Redemption Summary (琉璃) The drama tells the story of Chu Xuan Ji, a girl born with an incomplete "sixth sense", and Yu
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจดังแฉ "สีกากอล์ฟ" สึกพระชั้นผู้ใหญ่แล้ว 5 ยังเหลืออีกหลายรูป
    https://www.thai-tai.tv/news/20159/
    .
    #สีกากอล์ฟ #ข่าววงการสงฆ์ #พระลาสิกขา #วัดตรีทศเทพ #วัดพระพุทธฉาย #วัดปากน้ำ #วัดโสธรวราราม #เจ้าคุณอาชว์ #แบล็คเมล์ #ศาสนาพุทธ
    เพจดังแฉ "สีกากอล์ฟ" สึกพระชั้นผู้ใหญ่แล้ว 5 ยังเหลืออีกหลายรูป https://www.thai-tai.tv/news/20159/ . #สีกากอล์ฟ #ข่าววงการสงฆ์ #พระลาสิกขา #วัดตรีทศเทพ #วัดพระพุทธฉาย #วัดปากน้ำ #วัดโสธรวราราม #เจ้าคุณอาชว์ #แบล็คเมล์ #ศาสนาพุทธ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา 9/7/68

    “‘ทักษิณ’ ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน แค่มีคนอุดไว้ บอก นายกฯ อิ๊งค์ ยังอยากให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล แต่เขาใช้คลิปฮุนเซน เป็นจังหวะเตะลูก พร้อมแฉกลฮั้วสว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. รับตกใจเห็นวิสัยทัศน์แยบยล ขาย สส.พ่วง สว. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตู มีโอกาสกลืนเลือด 4 ปี๊บ จูบปาก ‘ภท.’ รอบสาม หากติดคณิตศาสตร์การเมือง ลั่น ผมหมูจะตาย มีแต่ช่วยคน จะกลัวผมทำไม ชี้ ผมต้องช่วยประเทศ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เผย ไม่ได้คุยกับ ‘เนวิน - อนุทิน’ เลย มอง ภท. เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน ลั่น พ่อนายกอยู่นี่ เชื่อการเมืองไม่มีสูญญากาศ แม้ ‘อิ๊งค์’ ถูกสั่งพักงาน ชม มท.1 คนใหม่ มาถูกทาง สั่งโยกย้ายทันทีหลังเริ่มงาน บอก river of no return หากจะรีเทิร์นต้องรอสมัยหน้า

    เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ

    โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที โดยนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีได้ถามนายทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด

    นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย”

    จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีได้ถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “แสดงว่ามีคนอุดไว้ มันถึงจะตัน เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น”

    ส่วนเป็นกลุ่มใด องค์กรใดที่ไปอุดไว้ทำให้เกิดทางตัน นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยเรานี้ คนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะเล่าให้ฟังคนที่อยากไปเป็นนายกฯ นี่ เขายอมทำทุกอย่าง เพราะอยากให้หมอดูแม่น เดี๋ยวหมอดูจะไม่แม่นไป

    เมื่อถามว่า เขาทำเพื่อหมอดูหรือเพื่อตัวเอง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ด้วยกัน ส่วนจะได้เป็นนายกหรือไม่นั้นตนไม่รู้เพราะเห็นว่าลูกชายพูดแบบนั้น

    จากนั้นพิธีกร ถามว่าในแคนดิเดตนายกฯ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกสาว แต่มีอยู่คนเดียว คือ น.หนูอนุทินแน่ๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดนะ

    พิธีย้อนถามถึงปัญหาทางตันที่เกิดขึ้น นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามเข้ามาด้วย บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภาฯ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตคณิตศาสตร์หมด มันไม่มีอะไรเกินกว่าที่ไม่สามารถแก้ได้ ตนบอกเลยว่าไม่ตัน

    เมื่อถามถึง การเอาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลจะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายทักษิณ ย้ำว่าไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย เพราะแถลงไปแล้วมันเป็นไปตามที่แถลงก็ต้องพยามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย ก็นโยบายหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจน ทุกอย่างเรื่องหนี้ เรื่องโอทอป มันต้องอาศัยกลไกของมหาดไทยทั้งนั้น เเม้กระทั่ง เรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปีก็ต้องไปผ่านมหาดไทย

    ”พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกเล่าให้ตนฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุฮุนเซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม“

    พิธีกร ถามว่า เขามีการคอนเน็คติ้งกันหรือไม่ ระหว่างกัมพูชา ในไทยกับกัมพูชาในกัมพูชา นายทักษิณ กล่าวว่า ผมไม่กลัาจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ

    นายทักษิณ ยังย้ำว่าการแก้ไขทางตันนั้นไม่มีปัญหาอะไรต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง พร้อมยืนยันเสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่ใช่ตันเลย

    พิธีกรได้ถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วขย่มร่วมกับกลไกของ สว. จนทำให้นายกฯ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจะเล่าให้ฟัง เรื่องการฮั้วสว. ซึ่งสวโดนกล่าวหา ว่ามีการฮั้ว ซึ่งพูดเพราะไปนะ ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้จริยธรรมมันไม่มีแล้ว แล้วจะมาร้องจริยธรรมทำไม ในเมื่อคนร้องไม่มีจริยธรรมแล้วจะมาร้องจริยธรรมคนอื่น เป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้รัฐบาลล่ม ให้ทันกรกฎาคน มันกลายเป็นว่า zero-sum game แล้วเป็น Race Against Time

    “ผมถามเรื่องสว.พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ตนเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้งสส. ตนตกใจสุดขีดว่าวิสัยทัศน์เขาดีมาก ที่สส.เลือกตั้งก่อน แล้วใครคุมสส. 15 คนจะได้โควตา สว.หนึ่งคน นายทักษิณ กล่าว

    พิธีกร ย้อนถามเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำยังไง นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง ” ฉันป่าวนะเขามาเอง“ก็ไม่มีปัญหา พวกเราเป็นเบิร์ด เพราะรักทุกๆคน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้เขาไม่ได้มีไว้ให้แบก ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาก็เครียดตายไม่ต้องนอน

    “ เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกาแต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฎิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบี้ยวกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก “ นายทักษิณ กล่าว

    ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม

    นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบคอมแมนคอนโทรล สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม ระบบยังมีกติกาของมันอยู่ แม้จะหยุมหยิม แต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสิน จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน โดนจนชินแล้ว เป็นเรื่องที่เราก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น

    นายทักษิณ มองว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อลดกระแสมากกว่า คนละเรื่องกับการตัดสิน ส่วนวิตกกังวลหรือไม่ว่าน.ส.แพทองธารจะพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภาฯ นายทักษิณยืนยันว่าตนมั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง ส่วนพรรคที่ออกไป เพราะคิดว่าน.ส.แพทองธารไม่รอดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรหรือไม่

    หากเขาไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ บอกว่าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ตนเดาอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาออก แต่เขาอยากออก แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจกับมัน เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะเราชวนเขาแล้ว เขาไม่เอา ไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา

    สำหรับกรณีที่หากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรค ภท. ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกขั้วหนึ่ง ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น นายทักษิณ บอกว่าการเมืองต้องเข้าใจว่าการเมืองบ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง ผมกลับมาลืมอดีตหมดแล้ว พยายามจะเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะมีรอบที่สามกับภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายทักษิณ บอกว่า การเมืองบ้านเรา วันนี้เป็นการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติมาเนี่ยแหละ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนตนแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสาม กับภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ ระบุการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด ซัก 3-4 ปี๊ป ก็ว่าไป ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น บอกสีน้ำเงินส้ม จับมือกันได้หลวมๆ เหตุเป็นปลาคนละน้ำ ชี้บริบทรัฐบาล มีหลายออฟชั่น

    นายทักษิณ ยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะท่านหรือไม่นั้น ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้ตนมีขาประจำ ซึ่งตนเมินขาประจำที่เป็นมา 20 ปี พ่อเสียชีวิตก็ลืมถามว่าพ่อของใครมีปัญหากับพ่อของเขาหรือไม่ ส่วนที่เหตุใดจึงไม่สามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ได้นั้น ตนมองว่าหากคนกลุ่มนี้มาพูดคุยกับตน ซึ่งบางคนไม่รู้จักตนด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว ซึ่งตนเป็นคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมาด้วยตัวเอง จึงไม่ค่อยอะไร

    ส่วนมาถามว่าเพราะอะไรถึงเห็นในทีวีแล้วหมั่นไส้ นายทักษิณ ระบุว่า ตนยังคงงงอยู่ ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน นายทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กวาดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก”

    ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี โอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชนนายทักษิณ ระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีมีความจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศรัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะตนได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นตนจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน

    หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบ ”ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย“

    สำหรับสีน้ำเงินกับสีส้มมีโอกาสจับมือกันได้หรือไม่ในขณะที่เป็น ตนมองว่า หากจะจับก็จับหลวมๆ เพราะเป็นปลาคนละน้ำ ส่วนน้ำของแดงกับส้มใกล้เคียงกว่ากันนั้นหรือไม่ หากพูดความจริงเป็นพรรคที่เกิดจากนโยบายพรรคที่เกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน ถ้าเห็นไทยรักไทยอย่างไรพรรคส้มก็คล้ายๆ กัน

    อย่างนั้นส้มกับน้ำเงินปลาคนละน้ำ แต่แดงกับส้มปลาน้ำกันใช่หรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า เป็นวงสีธรรมชาติ สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปประสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป

    ส่วนที่อดีตนายกวิเคราะห์ ยังไม่จำเป็นที่จะจับมือกับสีส้ม เสียงอย่างพอ โดยนายทักษิณระบุว่า พรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าต้องคุมในสภามาให้โดสภาแค่นั้นเอง ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ
    ส่วนหลังจากนั้นหนูเปล่านะเขามาเอง

    ส่วนกลไกการเมืองในปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบัน นายทักษิณ ระบุว่า มีปัญหาไว้ให้แก้เมื่อมีอุปสรรคต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ไม่ตัน ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้น นายทักษิณ ระบุว่า มีหลาย option 1.คือนายกแพทองธารทองคำรอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. แต่ถ้าสมมุติว่าไม่รอดมี 2 ทางเลือก คือเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้นายชัยเกษมก็ยังฟิต อยู่ตีกอล์ฟสบายมาก

    เมื่อถามว่า ท่านดูอารมณ์ของคนไทย ที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่สองอาวุธ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่านายชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่สาม จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังอยู่เอาออกไม่ได้ ตนยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก

    เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกับช่วงสิงหาคมปี 2566 มีทัวร์ลงเยอะ วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาวันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป มันแก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ผมหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด ตนต้องทำให้บ้านเมือง จะให้ทำอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ ถ้าตนไม่เสือกแล้วใครจะเสือก มันยากนะ วันนี้ปัญหาบ้านเมืองตนอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน วันนี้ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนออกนอกประเทศไม่ได้ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้

    เมื่อถามว่าอยากจะออกไปช่วย แล้วมีคดีมองว่าเหมือนมีใครมาล่ามขาไว้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว ตอนที่ปฏิวัติปี 2549 คดีของตนจะหมดอายุความก็เลยล็อคไว้ก่อน โดยใช้การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับม. 112 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งตนไม่กังวล เราไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่เป็นภาวะพิเศษ

    เมื่อถามว่า ในกลไกบริบททางการเมือง ในปัจจุบันทั้งกลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์การอิสระ จะมีกลไกมีอำนาจอะไรที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้ สะดุดตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์การอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คดีหลบไปหมด ซึ่งอาจจะส่งเสริมอาชีพนักร้อง บางคนรับจ้างร้องหรือบางคนรับจ้างหยุดร้อง

    เมื่อถามว่า การกลับมาเป็น สทร. กลัวจะมีอำนาจอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่ามากลัวตน หมูเรียกพี่ใครเจอตน ผมหมูจะตาย ไม่เคยฆ่าใครมีแต่ช่วยคน

    เมื่อถามว่า สายน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวลูกแต่กลัวพ่อนายทักษิณ กล่าวว่า ตนคุยชัดเจนจะตาย ถ้าชัดเจนแบบที่ตนบอกก็จบไปแล้ว

    เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายเนวิน หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่ได้คุยเลย เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปลสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน

    เมื่อถามว่า ไม่รู้จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น นายทักษิณ กล่าวว่า น่าจะแค้นมากกว่าค้าน เมื่อถามถึงเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนกระทรวงมหาดไทยที่เข้าไปดูแลกรมที่ดิน ประเมินเรื่องเขากระโดงอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา และกฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็โดนสั่งถอน ว่ากันไปตามกติกามีสิทธิ์ก็รักษาสิทธิ์ไป ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน ม. 157 และเดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีคนมาร้อง มท.1ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มาแล้ว เป็นอย่างที่เขาบอกว่าบ้านเมืองเราไม่ใช่ผู้เสียหายก็ร้องได้เลอะเทอะไปหมด

    ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ มีการโยกย้ายทันที ถือว่ามาถูกทางหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่าต้องเห็นใจ เขามาจากกระทรวงกลาโหม มาถึงตรงนี้ต้องเด็ดขาด และมองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว ได้ข่าวรัฐมนตรีบอกว่าจะดุเอง บอกว่าไม่ต้องมาต้อนรับ หากผู้ว่าฯไม่ทำงานก็จะโดน

    ส่วนในแง่การทำงานระหว่างที่นางสาวแพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า

    “พ่อนายกอยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสูญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return”

    เมื่อถามว่าระบบราชการหลังรัฐประหารเปลี่ยนไป นายทักษิณยอมรับว่า เปลี่ยนไป ข้าราชการบางคนบอกว่าจะกลับมา แต่ตนขอบอกว่า river of no return จะรีเทิร์นต้องรอเลือกตั้งสมัยหน้า

    เมื่อถามว่าคะแนนนิยมที่ลดลง น่าห่วงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวะการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด

    ส่วนจะขับเคลื่อนโครงการใหญ่ได้อย่างไร ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ นายทักษิณกล่าวว่าอะไรที่เคลื่อนได้ก็ต้องเคลื่อน อะไรที่เป็นรูทีนก็ต้องขับเคลื่อนทั้งเรื่องยาเสพติดการแก้หนี้การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องโครงการใหญ่ใหญ่อยู่ในแนยทางอยู่แล้วก็ต้องทำไปส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญก็ไม่เป็นไร”
    รีโพสต์เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา 9/7/68 “‘ทักษิณ’ ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน แค่มีคนอุดไว้ บอก นายกฯ อิ๊งค์ ยังอยากให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล แต่เขาใช้คลิปฮุนเซน เป็นจังหวะเตะลูก พร้อมแฉกลฮั้วสว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. รับตกใจเห็นวิสัยทัศน์แยบยล ขาย สส.พ่วง สว. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตู มีโอกาสกลืนเลือด 4 ปี๊บ จูบปาก ‘ภท.’ รอบสาม หากติดคณิตศาสตร์การเมือง ลั่น ผมหมูจะตาย มีแต่ช่วยคน จะกลัวผมทำไม ชี้ ผมต้องช่วยประเทศ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เผย ไม่ได้คุยกับ ‘เนวิน - อนุทิน’ เลย มอง ภท. เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน ลั่น พ่อนายกอยู่นี่ เชื่อการเมืองไม่มีสูญญากาศ แม้ ‘อิ๊งค์’ ถูกสั่งพักงาน ชม มท.1 คนใหม่ มาถูกทาง สั่งโยกย้ายทันทีหลังเริ่มงาน บอก river of no return หากจะรีเทิร์นต้องรอสมัยหน้า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที โดยนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีได้ถามนายทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย” จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีได้ถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “แสดงว่ามีคนอุดไว้ มันถึงจะตัน เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น” ส่วนเป็นกลุ่มใด องค์กรใดที่ไปอุดไว้ทำให้เกิดทางตัน นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยเรานี้ คนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะเล่าให้ฟังคนที่อยากไปเป็นนายกฯ นี่ เขายอมทำทุกอย่าง เพราะอยากให้หมอดูแม่น เดี๋ยวหมอดูจะไม่แม่นไป เมื่อถามว่า เขาทำเพื่อหมอดูหรือเพื่อตัวเอง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ด้วยกัน ส่วนจะได้เป็นนายกหรือไม่นั้นตนไม่รู้เพราะเห็นว่าลูกชายพูดแบบนั้น จากนั้นพิธีกร ถามว่าในแคนดิเดตนายกฯ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกสาว แต่มีอยู่คนเดียว คือ น.หนูอนุทินแน่ๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดนะ พิธีย้อนถามถึงปัญหาทางตันที่เกิดขึ้น นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามเข้ามาด้วย บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภาฯ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตคณิตศาสตร์หมด มันไม่มีอะไรเกินกว่าที่ไม่สามารถแก้ได้ ตนบอกเลยว่าไม่ตัน เมื่อถามถึง การเอาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลจะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายทักษิณ ย้ำว่าไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย เพราะแถลงไปแล้วมันเป็นไปตามที่แถลงก็ต้องพยามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย ก็นโยบายหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจน ทุกอย่างเรื่องหนี้ เรื่องโอทอป มันต้องอาศัยกลไกของมหาดไทยทั้งนั้น เเม้กระทั่ง เรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปีก็ต้องไปผ่านมหาดไทย ”พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกเล่าให้ตนฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุฮุนเซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม“ พิธีกร ถามว่า เขามีการคอนเน็คติ้งกันหรือไม่ ระหว่างกัมพูชา ในไทยกับกัมพูชาในกัมพูชา นายทักษิณ กล่าวว่า ผมไม่กลัาจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ นายทักษิณ ยังย้ำว่าการแก้ไขทางตันนั้นไม่มีปัญหาอะไรต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง พร้อมยืนยันเสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่ใช่ตันเลย พิธีกรได้ถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วขย่มร่วมกับกลไกของ สว. จนทำให้นายกฯ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจะเล่าให้ฟัง เรื่องการฮั้วสว. ซึ่งสวโดนกล่าวหา ว่ามีการฮั้ว ซึ่งพูดเพราะไปนะ ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้จริยธรรมมันไม่มีแล้ว แล้วจะมาร้องจริยธรรมทำไม ในเมื่อคนร้องไม่มีจริยธรรมแล้วจะมาร้องจริยธรรมคนอื่น เป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้รัฐบาลล่ม ให้ทันกรกฎาคน มันกลายเป็นว่า zero-sum game แล้วเป็น Race Against Time “ผมถามเรื่องสว.พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ตนเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้งสส. ตนตกใจสุดขีดว่าวิสัยทัศน์เขาดีมาก ที่สส.เลือกตั้งก่อน แล้วใครคุมสส. 15 คนจะได้โควตา สว.หนึ่งคน นายทักษิณ กล่าว พิธีกร ย้อนถามเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำยังไง นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง ” ฉันป่าวนะเขามาเอง“ก็ไม่มีปัญหา พวกเราเป็นเบิร์ด เพราะรักทุกๆคน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้เขาไม่ได้มีไว้ให้แบก ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาก็เครียดตายไม่ต้องนอน “ เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกาแต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฎิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบี้ยวกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก “ นายทักษิณ กล่าว ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบคอมแมนคอนโทรล สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม ระบบยังมีกติกาของมันอยู่ แม้จะหยุมหยิม แต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสิน จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน โดนจนชินแล้ว เป็นเรื่องที่เราก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น นายทักษิณ มองว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อลดกระแสมากกว่า คนละเรื่องกับการตัดสิน ส่วนวิตกกังวลหรือไม่ว่าน.ส.แพทองธารจะพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภาฯ นายทักษิณยืนยันว่าตนมั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง ส่วนพรรคที่ออกไป เพราะคิดว่าน.ส.แพทองธารไม่รอดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรหรือไม่ หากเขาไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ บอกว่าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ตนเดาอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาออก แต่เขาอยากออก แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจกับมัน เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะเราชวนเขาแล้ว เขาไม่เอา ไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา สำหรับกรณีที่หากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรค ภท. ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกขั้วหนึ่ง ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น นายทักษิณ บอกว่าการเมืองต้องเข้าใจว่าการเมืองบ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง ผมกลับมาลืมอดีตหมดแล้ว พยายามจะเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะมีรอบที่สามกับภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายทักษิณ บอกว่า การเมืองบ้านเรา วันนี้เป็นการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติมาเนี่ยแหละ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนตนแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสาม กับภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ ระบุการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด ซัก 3-4 ปี๊ป ก็ว่าไป ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น บอกสีน้ำเงินส้ม จับมือกันได้หลวมๆ เหตุเป็นปลาคนละน้ำ ชี้บริบทรัฐบาล มีหลายออฟชั่น นายทักษิณ ยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะท่านหรือไม่นั้น ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้ตนมีขาประจำ ซึ่งตนเมินขาประจำที่เป็นมา 20 ปี พ่อเสียชีวิตก็ลืมถามว่าพ่อของใครมีปัญหากับพ่อของเขาหรือไม่ ส่วนที่เหตุใดจึงไม่สามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ได้นั้น ตนมองว่าหากคนกลุ่มนี้มาพูดคุยกับตน ซึ่งบางคนไม่รู้จักตนด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว ซึ่งตนเป็นคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมาด้วยตัวเอง จึงไม่ค่อยอะไร ส่วนมาถามว่าเพราะอะไรถึงเห็นในทีวีแล้วหมั่นไส้ นายทักษิณ ระบุว่า ตนยังคงงงอยู่ ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน นายทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กวาดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก” ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี โอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชนนายทักษิณ ระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีมีความจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศรัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะตนได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นตนจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบ ”ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย“ สำหรับสีน้ำเงินกับสีส้มมีโอกาสจับมือกันได้หรือไม่ในขณะที่เป็น ตนมองว่า หากจะจับก็จับหลวมๆ เพราะเป็นปลาคนละน้ำ ส่วนน้ำของแดงกับส้มใกล้เคียงกว่ากันนั้นหรือไม่ หากพูดความจริงเป็นพรรคที่เกิดจากนโยบายพรรคที่เกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน ถ้าเห็นไทยรักไทยอย่างไรพรรคส้มก็คล้ายๆ กัน อย่างนั้นส้มกับน้ำเงินปลาคนละน้ำ แต่แดงกับส้มปลาน้ำกันใช่หรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า เป็นวงสีธรรมชาติ สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปประสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป ส่วนที่อดีตนายกวิเคราะห์ ยังไม่จำเป็นที่จะจับมือกับสีส้ม เสียงอย่างพอ โดยนายทักษิณระบุว่า พรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าต้องคุมในสภามาให้โดสภาแค่นั้นเอง ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ ส่วนหลังจากนั้นหนูเปล่านะเขามาเอง ส่วนกลไกการเมืองในปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบัน นายทักษิณ ระบุว่า มีปัญหาไว้ให้แก้เมื่อมีอุปสรรคต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ไม่ตัน ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้น นายทักษิณ ระบุว่า มีหลาย option 1.คือนายกแพทองธารทองคำรอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. แต่ถ้าสมมุติว่าไม่รอดมี 2 ทางเลือก คือเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้นายชัยเกษมก็ยังฟิต อยู่ตีกอล์ฟสบายมาก เมื่อถามว่า ท่านดูอารมณ์ของคนไทย ที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่สองอาวุธ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่านายชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่สาม จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังอยู่เอาออกไม่ได้ ตนยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกับช่วงสิงหาคมปี 2566 มีทัวร์ลงเยอะ วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาวันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป มันแก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ผมหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด ตนต้องทำให้บ้านเมือง จะให้ทำอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ ถ้าตนไม่เสือกแล้วใครจะเสือก มันยากนะ วันนี้ปัญหาบ้านเมืองตนอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน วันนี้ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนออกนอกประเทศไม่ได้ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้ เมื่อถามว่าอยากจะออกไปช่วย แล้วมีคดีมองว่าเหมือนมีใครมาล่ามขาไว้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว ตอนที่ปฏิวัติปี 2549 คดีของตนจะหมดอายุความก็เลยล็อคไว้ก่อน โดยใช้การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับม. 112 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งตนไม่กังวล เราไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่เป็นภาวะพิเศษ เมื่อถามว่า ในกลไกบริบททางการเมือง ในปัจจุบันทั้งกลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์การอิสระ จะมีกลไกมีอำนาจอะไรที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้ สะดุดตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์การอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คดีหลบไปหมด ซึ่งอาจจะส่งเสริมอาชีพนักร้อง บางคนรับจ้างร้องหรือบางคนรับจ้างหยุดร้อง เมื่อถามว่า การกลับมาเป็น สทร. กลัวจะมีอำนาจอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่ามากลัวตน หมูเรียกพี่ใครเจอตน ผมหมูจะตาย ไม่เคยฆ่าใครมีแต่ช่วยคน เมื่อถามว่า สายน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวลูกแต่กลัวพ่อนายทักษิณ กล่าวว่า ตนคุยชัดเจนจะตาย ถ้าชัดเจนแบบที่ตนบอกก็จบไปแล้ว เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายเนวิน หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่ได้คุยเลย เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปลสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน เมื่อถามว่า ไม่รู้จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น นายทักษิณ กล่าวว่า น่าจะแค้นมากกว่าค้าน เมื่อถามถึงเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนกระทรวงมหาดไทยที่เข้าไปดูแลกรมที่ดิน ประเมินเรื่องเขากระโดงอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา และกฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็โดนสั่งถอน ว่ากันไปตามกติกามีสิทธิ์ก็รักษาสิทธิ์ไป ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน ม. 157 และเดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีคนมาร้อง มท.1ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มาแล้ว เป็นอย่างที่เขาบอกว่าบ้านเมืองเราไม่ใช่ผู้เสียหายก็ร้องได้เลอะเทอะไปหมด ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ มีการโยกย้ายทันที ถือว่ามาถูกทางหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่าต้องเห็นใจ เขามาจากกระทรวงกลาโหม มาถึงตรงนี้ต้องเด็ดขาด และมองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว ได้ข่าวรัฐมนตรีบอกว่าจะดุเอง บอกว่าไม่ต้องมาต้อนรับ หากผู้ว่าฯไม่ทำงานก็จะโดน ส่วนในแง่การทำงานระหว่างที่นางสาวแพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า “พ่อนายกอยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสูญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return” เมื่อถามว่าระบบราชการหลังรัฐประหารเปลี่ยนไป นายทักษิณยอมรับว่า เปลี่ยนไป ข้าราชการบางคนบอกว่าจะกลับมา แต่ตนขอบอกว่า river of no return จะรีเทิร์นต้องรอเลือกตั้งสมัยหน้า เมื่อถามว่าคะแนนนิยมที่ลดลง น่าห่วงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวะการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด ส่วนจะขับเคลื่อนโครงการใหญ่ได้อย่างไร ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ นายทักษิณกล่าวว่าอะไรที่เคลื่อนได้ก็ต้องเคลื่อน อะไรที่เป็นรูทีนก็ต้องขับเคลื่อนทั้งเรื่องยาเสพติดการแก้หนี้การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องโครงการใหญ่ใหญ่อยู่ในแนยทางอยู่แล้วก็ต้องทำไปส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญก็ไม่เป็นไร”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันถึงสัตว์เทพในคัมภีร์ซานไห่จิง (คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉินที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน วันนี้เรามาคุยกันถึงจิ้งจอกเก้าหาง

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ที่เสวียนหนี่ว์กล่าวมา ท่านราชาปีศาจฟังเข้าใจแล้วหรือไม่ ป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิวเป็นจิ้งจอกขาวเก้าหาง เลือดหัวใจของจิ้งจอกขาวเก้าหางมีสรรพคุณเยี่ยงไร ท่านถามถามชายาของท่านดู”...
    - จากเรื่อง <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่> ผู้แต่ง ถังชีกงจื่อ

    ตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางมีไม่น้อย ส่วนใหญ่ผูกโยงกับปีศาจจิ้งจอกที่ทำให้คนลุ่มหลง แต่แฟนคลับจากเรื่องชุดสามชาติสามภพฯ จะรู้ว่า ในเรื่องนี้จิ้งจอกเก้าหางเป็นเทพขั้นสูงปกครองดินแดนชิงชิว ไม่ใช่ปีศาจร้ายที่คอยยั่วราคะใคร

    ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจคือ ในบรรดาเอกสารโบราณหรือวรรณคดีที่พูดถึงจิ้งจอกเก้าหางนั้น ดูจะมีในคัมภีร์ซานไห่จิงที่เดียวที่กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางและดินแดนชิงชิวไปพร้อมๆ กัน โดยมีการบรรยายไว้ว่า เขาชิงชิวอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกอีกสามร้อยหลี่ ด้านที่เจอแสงอาทิตย์ของเขานั้นอุดมด้วยหยก ด้านที่มืดมีแร่ธาตุที่ใช้ผลิตสีเขียวได้ บนเขามีสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง รูปร่างเป็นจิ้งจอก มีเก้าหาง เสียงของมันเหมือนเสียงร้องไห้ของทารก มันกินมนุษย์ได้ และหากมนุษย์ใดกินเนื้อมันเข้าไปจะมีภูมิต้านทานมนต์ดำของปีศาจ

    จิ้งจอกเก้าหางเดิมได้รับการยกย่องเป็นสัตว์มงคล ในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นนั้น ในรูปภาพของพระแม่ตะวันตก(ซีหวางหมู่) มักปรากฎสัตว์เทพสี่ตัวอยู่แทบพระบาท หนึ่งในนั้นคือจิ้งจอกเก้าหาง ว่ากันว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของการมีบุตรหลานมากมาย

    แต่ภาพลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางเริ่มตกต่ำลงเมื่อพ้นยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อความนับถือในพระแม่ซีหวางหมู่ลดลง และเริ่มพูดถึงจิ้งจอกแปลงกายเป็นคนได้เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ พร้อมๆ กับความเป็น “สัตว์เทพ” แปรเปลี่ยนไปเป็น “ปีศาจ” มีนิทานปรัมปราเรื่องปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาสิงร่างของต๋าจีผู้เป็นพระสนมขององค์โจ้วหวางแห่งราชวงศ์ซาง แล้วทำให้พระองค์ทรงลุ่มหลงจนทำแต่เรื่องร้ายๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตอกย้ำภาพลักษณ์ปีศาจเพศหญิงที่งามสะคราญยั่วยวนให้ชายลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสตัณหา เป็นภาพลักษณ์ที่คงอยู่มาจนปัจจุบัน

    แต่สำหรับ Storyฯ แล้ว จิ้งจอกเก้าหางตัวไหนก็ไม่ประทับใจเท่าป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิว เพื่อนเพจล่ะคะ?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_1636558
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/7367050
    https://3g.163.com/dy/article_cambrian/EJB4QI9105418R2V.html
    https://zhidao.baidu.com/question/175130842.html

    #สามชาติสามภพ #จิ้งจอกเก้าหาง #ป๋ายเฉี่ยน #ต๋าจี #ซานไห่จิง #ชิงชิว #ตำนานจีน #StoryfromStory
    สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันถึงสัตว์เทพในคัมภีร์ซานไห่จิง (คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉินที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน วันนี้เรามาคุยกันถึงจิ้งจอกเก้าหาง ความมีอยู่ว่า ... “ที่เสวียนหนี่ว์กล่าวมา ท่านราชาปีศาจฟังเข้าใจแล้วหรือไม่ ป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิวเป็นจิ้งจอกขาวเก้าหาง เลือดหัวใจของจิ้งจอกขาวเก้าหางมีสรรพคุณเยี่ยงไร ท่านถามถามชายาของท่านดู”... - จากเรื่อง <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่> ผู้แต่ง ถังชีกงจื่อ ตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางมีไม่น้อย ส่วนใหญ่ผูกโยงกับปีศาจจิ้งจอกที่ทำให้คนลุ่มหลง แต่แฟนคลับจากเรื่องชุดสามชาติสามภพฯ จะรู้ว่า ในเรื่องนี้จิ้งจอกเก้าหางเป็นเทพขั้นสูงปกครองดินแดนชิงชิว ไม่ใช่ปีศาจร้ายที่คอยยั่วราคะใคร ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจคือ ในบรรดาเอกสารโบราณหรือวรรณคดีที่พูดถึงจิ้งจอกเก้าหางนั้น ดูจะมีในคัมภีร์ซานไห่จิงที่เดียวที่กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางและดินแดนชิงชิวไปพร้อมๆ กัน โดยมีการบรรยายไว้ว่า เขาชิงชิวอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกอีกสามร้อยหลี่ ด้านที่เจอแสงอาทิตย์ของเขานั้นอุดมด้วยหยก ด้านที่มืดมีแร่ธาตุที่ใช้ผลิตสีเขียวได้ บนเขามีสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง รูปร่างเป็นจิ้งจอก มีเก้าหาง เสียงของมันเหมือนเสียงร้องไห้ของทารก มันกินมนุษย์ได้ และหากมนุษย์ใดกินเนื้อมันเข้าไปจะมีภูมิต้านทานมนต์ดำของปีศาจ จิ้งจอกเก้าหางเดิมได้รับการยกย่องเป็นสัตว์มงคล ในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นนั้น ในรูปภาพของพระแม่ตะวันตก(ซีหวางหมู่) มักปรากฎสัตว์เทพสี่ตัวอยู่แทบพระบาท หนึ่งในนั้นคือจิ้งจอกเก้าหาง ว่ากันว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของการมีบุตรหลานมากมาย แต่ภาพลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางเริ่มตกต่ำลงเมื่อพ้นยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อความนับถือในพระแม่ซีหวางหมู่ลดลง และเริ่มพูดถึงจิ้งจอกแปลงกายเป็นคนได้เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ พร้อมๆ กับความเป็น “สัตว์เทพ” แปรเปลี่ยนไปเป็น “ปีศาจ” มีนิทานปรัมปราเรื่องปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาสิงร่างของต๋าจีผู้เป็นพระสนมขององค์โจ้วหวางแห่งราชวงศ์ซาง แล้วทำให้พระองค์ทรงลุ่มหลงจนทำแต่เรื่องร้ายๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตอกย้ำภาพลักษณ์ปีศาจเพศหญิงที่งามสะคราญยั่วยวนให้ชายลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสตัณหา เป็นภาพลักษณ์ที่คงอยู่มาจนปัจจุบัน แต่สำหรับ Storyฯ แล้ว จิ้งจอกเก้าหางตัวไหนก็ไม่ประทับใจเท่าป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิว เพื่อนเพจล่ะคะ? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_1636558 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/7367050 https://3g.163.com/dy/article_cambrian/EJB4QI9105418R2V.html https://zhidao.baidu.com/question/175130842.html #สามชาติสามภพ #จิ้งจอกเก้าหาง #ป๋ายเฉี่ยน #ต๋าจี #ซานไห่จิง #ชิงชิว #ตำนานจีน #StoryfromStory
    《三生三世十里桃花》里的青丘到底在四海八荒的哪里_翻书党_澎湃新闻-The Paper
    随着《三生三世十里桃花》的热播,“青丘”、“帝君”等热门词的流行唤起了广大观众对神仙世界、对中国古代神话的求知兴趣。那么青丘国究竟坐落于四海八荒的何处?
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ((( ห นั ก แ ผ่ น ดิ น )))

    อหังกา อีทรัมปป์เหี้ยส่งจดหมายตรงถึงในหลวง ตบหน้ารัฐบาลไทยขายชาติ ตบหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ตบหน้าระบบข้าราชการไทย ตามระเบียบแล้ว วิธีปฎิบัติสากลทั่วโลก หากจะมีจดหมายจากประเทศใดถึงพระมหากษัตริย์ จะผ่านตัวแทนทางการฑูต ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และตัวแทนรัฐบาลนำทูลเกล้า แต่นี่ ส่งตรงจากทำเนียบขาวถึงวังโดยตรง เอ่ยพระนามชัดเจน แปลว่าสุดทนแล้ว แปลว่าอะไร กูจะไล่เรียงบรรทัดให้มรึงฟัง

    1.อีทรัมปป์ไม่เอารัฐบาลขายชาติชุดนี้ จบมั้ย? คุยไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นงาน เอาเด็กเมื่อวานซืนมานั่นเก้าอี้ผู้นำประเทศ บ่งบอกถึงสมองควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว บ่งบอกคุณภาพประชากรควายประเทศมรึงได้ดี แดร๊กปชต.ตอแหลจนควายเรียกเพ่ มันถึงได้เสียมารยาทอย่างรุนแรง และกร่างเกิน ส่งจดหมายตรงถึงสำนักพระราชวัง ในหลวง ใช่เพื่อนเล่นมรึงเหรอ? เค้าคุยกันแค่เฉพาะระดับราชวงศ์

    2.ต้องการสื่อเจตนารมณ์ชัด กูจะเอาภาษีมรึง 36% หากไม่อยากจ่ายขนาดนี้ แนะนำให้ย้ายโรงงานมาผลิตในสหรัฐไปเลย นั่นไง จุดอ่อนโผล่ทันที มันไม่เหลือโรงงานผลิตแล้วไงล่ะ เพราะย้ายหนีออกหมดเกลี้ยง ปิดกิจการกันทั้งแผ่นดิน ไอ้ที่ไล่เก็บภาษีโหดบัดซบ ก็ต้องการให้นานาชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิต เพราะมันรู้ตัวเองดีแล้วว่า ที่สู้จีนไม่ได้ เพราะกูมัวแต่อาศัยจมูกคนอื่นหายใจ กำลังการผลิตไม่มี จะเอาอำนาจที่ไหนต่อรองไปสู้เค้าได้

    3.ต้องการแยกไทยออกมาจากจีน เพราะไทยคือยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดในอาเซียน ไทยสนิทกับจีนมากจนเกินไป แต่มรึงหารู้ไม่ พระราชสำนักเชื่อมสัมพันธไมตรีกับจีนมายาวนานกว่าประเทศมรึงจะเกิดซะอีก ดีออก? เค้าคุยกันมากว่า 500 ปี มรึงแค่ 250 ปี ยังไม่ได้เกิดเลย เป็นใครฟ่ะ จะเข้ามาเสือกเนี่ย? ไทยเราได้รับการอุ้มชูอย่างมาก จากจีน รัสเซีย แค่ดวงอาทิตย์ที่ 2 ที่จีนมอบให้ มันคือหลักประกันพลังงานไม่รู้จบ มีแค่ชาติเดียวที่จีนมอบให้ และร่วมค้นคว้ามาด้วยกัน เหตุเพราะฝีมือในหลวงทั้งนั้น พระเทพเยือนจีนถี่ยิบ มาตลอดหลายปีเพื่อ

    4.อีทรัมปป์ส่งสัญญานตรงถึงสำนักราชวัง เรื่องขอบเขตอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยกับการปกครอง เป้าหมายคือ มอ112 ที่ผ่านมา อีส้มเน่า อี 3 นิ้วนรก อีกลุ่มเหี้ยทะลุเหี้ย อี NGO อีแดง และขบวนการล้มเจ้าทั้งหลาย ท่อน้ำเลี้ยงมาจาก NED ทั้งสิ้น ซึ่งอเมริกาเป้นผู้หนุนหลังล้มเจ้านั่นเอง เพื่อต้องการจะเข้ามายึดพระราชสมบัติทั้งหมด อเมริกาเป็นแค่ขี้ข้ายิว มีหน้าที่ปล้นสะดมภ์เค้าแดร๊ก มรึงเข้าใจยังว่า "ศัตรูของแผ่นดินแท้จริงคือใคร" ไม่ใช่แค่ตระกูลเหี้ย และขี้ข้าขบวนการล้มเจ้า มันคือ "อียิวระยำสัดนรก ท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยทั้งหมด" กูว่าถึงเวลาเชิญอิหร่านเข้ามาได้แล้วล่ะ ไม่ต้องไปไล่ อียิวอยู่ปายเท่าไหร่ ส่งอิหร่านเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน 2 เท่า เดี๋ยวเค้าจัดการกันเอง

    5.การสื่อสารแบบนี้ การข้ามขั้นตอนแบบนี้ ระดับโลกเค้ามองไม่ให้เกียรติ และไม่เป็นมืออาชีพ แปลว่าอะไร? อีทรัมปป์จนปัญญาแล้ว สู้ขั้วใหม่ไม่ได้ ก็เล่นบทโจรแม่งซะเลย อ้างขาดดุลการค้า ไม่เป็นธรรม นั่นแค่ "หน้าฉาก" ไม่จำเป็นต้องส่งจดหมายตรงถึงพระราชสำนัก มรึงเข้าใจเกมส์ยัง? มันดิ้นแบบนี้ เพราะรู้แล้วว่า ไทยกำลังจะออกห่างอเมริกานั่นเอง ผลจาก 5 ปีหลัง เทดอลล่าร์กระจาย อุ้มทองคำต่อเนื่องแบบเงียบๆ เหี้ยมันรู้หมด ส่งสัญญานเตรียมจะสั่งขี้ข้ายิวในไทย ออกอาละวาดไงล่ะ สัญญานดอกนี้ บีบให้ทหารต้องทำรัฐประหาร เพื่อดึงความมั่นคงชาติกลับมาอยู่ในมือกองทัพ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองเอาชาติไปขายแดร๊ก ทรงมาเต็มตรีนเลยมรึง มิน่า กองทัพไทย ประกาศแสนยานุภาพก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ให้อีขะแมร์ดู แต่ให้เหี้ยยิวดูต่างหากล่ะ

    บทสรุป : ชัดเจนพอยัง? 93 ปี ศัตรูของแผ่นดินไทยทั้งชาติ คืออียิวเหี้ยไซออนนิสต์ พ่อทุกสถาบันเหี้ยไอ้อีทุกตัวบนโลกใบนี้ กูชี้เป้าไม่เคยพลาด ด่ามันมาตั้งแต่ 20 ปีก่อน เพราะเหี้ยมันมีแค่ตัวเดียว ใครล่ะ ที่สามารถสั่งฆ่า ลอบปลงพระชนม์พ่ออยู่หัวร.8 ได้ ใครสั่ง? หากสมเด็จย่าไม่ทรงปรีชาสามารถ เอาตัวรอด และต่อรองให้ยังคงรักษาสายพระโลหิตของราชวงศ์จักรีต่อไว้ได้ ป่านนี้ ไทยเราคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ประวัติศาสตร์มันสอน ไม่มีใครทำร้ายแผ่นดินนี้ได้ นอกจากคนไทยกันเอง ถึงเวลาจัดการ ทุกไอ้อีที่ "หนักแผ่นดินรึยัง" กวาดให้เรียบ ย้อนหลัง ย้อนคดีของเก่าที่ผ่านมา 93 ปี ให้หมด ใครเคยทรยศแผ่นดินนี้ไว้ ยึดอำนาจให้สิ้น จับไปตัดหัว 9 ชั่วโคตร กลับมาใช้ "พ่อปกครองลูก" กฎต้องแรง อาญาต้องสะเด็ดน้ำ อย่าให้ไอ้อีหน้าไหนกล้าทรยศแผ่นดินได้อีก ขอเริ่มต้นที่ตระกูลชินจังก่อนเลยเป็นไง 9 ชั่วโคตร เอาให้เลือดชั่วๆ ของตระกูลอัปรีย์จัญไรสิ้นไปจากโลกในพศ.นี้ แม่งซะเลย ดวงดาวแห่งแสง เริ่มฉายปรากฎความจริงเด่นชัดมากขึ้นแล้ว จงเดินตามแสง แล้วความจริงจะปรากฎต่อหน้ามรึง?

    หมี CNN(เปิดหน้ากันหมดแล้วสิมรึง! อีทรัมปป์เร่งเกมส์มากไปหน่อย จีน รัสเซีย บีบจนขี้แตก อ่านทะลุมิติ ไทยเรารอดแล้ว มาทรงนี้คือ "ปะทะแน่นอน" เกมส์การศึกปล่อยให้ทหารจัดการไปซะ ส่วนพวกเรา เกมส์ภายใน จงเร่งมือเป่าประกาศให้โลกรู้ ไอ้อีตัวไหนที่ทุรยศแผ่นดินอโยธยา ไอ้อีทุกตัวต้องโดนโทษหนักประหารชีวิตสถานเดียว พลังแห่งแสง พลังโซเชี่ยลฝ่ายธรรม จะรุกฆาตเหี้ยทุกไอ้อี อย่าให้มันมีที่ยืนในแผ่นดินไทยได้อีก ทหารเอกอโยธยาทั้งหลาย จงกล้าและตามกูมา ตายครั้งเดียว อย่าได้เสียดายชีวิต กูจะตามไปอยู่กับพ่อกูที่สรวงสวรรค์ ขอฝากผลงานมาสเตอร์พีซ ให้โลกประจักษ์ก่อนตาย)
    09 กรกฎาคม 68
    10.00 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    ((( ห นั ก แ ผ่ น ดิ น ))) อหังกา อีทรัมปป์เหี้ยส่งจดหมายตรงถึงในหลวง ตบหน้ารัฐบาลไทยขายชาติ ตบหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ตบหน้าระบบข้าราชการไทย ตามระเบียบแล้ว วิธีปฎิบัติสากลทั่วโลก หากจะมีจดหมายจากประเทศใดถึงพระมหากษัตริย์ จะผ่านตัวแทนทางการฑูต ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และตัวแทนรัฐบาลนำทูลเกล้า แต่นี่ ส่งตรงจากทำเนียบขาวถึงวังโดยตรง เอ่ยพระนามชัดเจน แปลว่าสุดทนแล้ว แปลว่าอะไร กูจะไล่เรียงบรรทัดให้มรึงฟัง 1.อีทรัมปป์ไม่เอารัฐบาลขายชาติชุดนี้ จบมั้ย? คุยไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นงาน เอาเด็กเมื่อวานซืนมานั่นเก้าอี้ผู้นำประเทศ บ่งบอกถึงสมองควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว บ่งบอกคุณภาพประชากรควายประเทศมรึงได้ดี แดร๊กปชต.ตอแหลจนควายเรียกเพ่ มันถึงได้เสียมารยาทอย่างรุนแรง และกร่างเกิน ส่งจดหมายตรงถึงสำนักพระราชวัง ในหลวง ใช่เพื่อนเล่นมรึงเหรอ? เค้าคุยกันแค่เฉพาะระดับราชวงศ์ 2.ต้องการสื่อเจตนารมณ์ชัด กูจะเอาภาษีมรึง 36% หากไม่อยากจ่ายขนาดนี้ แนะนำให้ย้ายโรงงานมาผลิตในสหรัฐไปเลย นั่นไง จุดอ่อนโผล่ทันที มันไม่เหลือโรงงานผลิตแล้วไงล่ะ เพราะย้ายหนีออกหมดเกลี้ยง ปิดกิจการกันทั้งแผ่นดิน ไอ้ที่ไล่เก็บภาษีโหดบัดซบ ก็ต้องการให้นานาชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิต เพราะมันรู้ตัวเองดีแล้วว่า ที่สู้จีนไม่ได้ เพราะกูมัวแต่อาศัยจมูกคนอื่นหายใจ กำลังการผลิตไม่มี จะเอาอำนาจที่ไหนต่อรองไปสู้เค้าได้ 3.ต้องการแยกไทยออกมาจากจีน เพราะไทยคือยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดในอาเซียน ไทยสนิทกับจีนมากจนเกินไป แต่มรึงหารู้ไม่ พระราชสำนักเชื่อมสัมพันธไมตรีกับจีนมายาวนานกว่าประเทศมรึงจะเกิดซะอีก ดีออก? เค้าคุยกันมากว่า 500 ปี มรึงแค่ 250 ปี ยังไม่ได้เกิดเลย เป็นใครฟ่ะ จะเข้ามาเสือกเนี่ย? ไทยเราได้รับการอุ้มชูอย่างมาก จากจีน รัสเซีย แค่ดวงอาทิตย์ที่ 2 ที่จีนมอบให้ มันคือหลักประกันพลังงานไม่รู้จบ มีแค่ชาติเดียวที่จีนมอบให้ และร่วมค้นคว้ามาด้วยกัน เหตุเพราะฝีมือในหลวงทั้งนั้น พระเทพเยือนจีนถี่ยิบ มาตลอดหลายปีเพื่อ 4.อีทรัมปป์ส่งสัญญานตรงถึงสำนักราชวัง เรื่องขอบเขตอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยกับการปกครอง เป้าหมายคือ มอ112 ที่ผ่านมา อีส้มเน่า อี 3 นิ้วนรก อีกลุ่มเหี้ยทะลุเหี้ย อี NGO อีแดง และขบวนการล้มเจ้าทั้งหลาย ท่อน้ำเลี้ยงมาจาก NED ทั้งสิ้น ซึ่งอเมริกาเป้นผู้หนุนหลังล้มเจ้านั่นเอง เพื่อต้องการจะเข้ามายึดพระราชสมบัติทั้งหมด อเมริกาเป็นแค่ขี้ข้ายิว มีหน้าที่ปล้นสะดมภ์เค้าแดร๊ก มรึงเข้าใจยังว่า "ศัตรูของแผ่นดินแท้จริงคือใคร" ไม่ใช่แค่ตระกูลเหี้ย และขี้ข้าขบวนการล้มเจ้า มันคือ "อียิวระยำสัดนรก ท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยทั้งหมด" กูว่าถึงเวลาเชิญอิหร่านเข้ามาได้แล้วล่ะ ไม่ต้องไปไล่ อียิวอยู่ปายเท่าไหร่ ส่งอิหร่านเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน 2 เท่า เดี๋ยวเค้าจัดการกันเอง 5.การสื่อสารแบบนี้ การข้ามขั้นตอนแบบนี้ ระดับโลกเค้ามองไม่ให้เกียรติ และไม่เป็นมืออาชีพ แปลว่าอะไร? อีทรัมปป์จนปัญญาแล้ว สู้ขั้วใหม่ไม่ได้ ก็เล่นบทโจรแม่งซะเลย อ้างขาดดุลการค้า ไม่เป็นธรรม นั่นแค่ "หน้าฉาก" ไม่จำเป็นต้องส่งจดหมายตรงถึงพระราชสำนัก มรึงเข้าใจเกมส์ยัง? มันดิ้นแบบนี้ เพราะรู้แล้วว่า ไทยกำลังจะออกห่างอเมริกานั่นเอง ผลจาก 5 ปีหลัง เทดอลล่าร์กระจาย อุ้มทองคำต่อเนื่องแบบเงียบๆ เหี้ยมันรู้หมด ส่งสัญญานเตรียมจะสั่งขี้ข้ายิวในไทย ออกอาละวาดไงล่ะ สัญญานดอกนี้ บีบให้ทหารต้องทำรัฐประหาร เพื่อดึงความมั่นคงชาติกลับมาอยู่ในมือกองทัพ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองเอาชาติไปขายแดร๊ก ทรงมาเต็มตรีนเลยมรึง มิน่า กองทัพไทย ประกาศแสนยานุภาพก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ให้อีขะแมร์ดู แต่ให้เหี้ยยิวดูต่างหากล่ะ บทสรุป : ชัดเจนพอยัง? 93 ปี ศัตรูของแผ่นดินไทยทั้งชาติ คืออียิวเหี้ยไซออนนิสต์ พ่อทุกสถาบันเหี้ยไอ้อีทุกตัวบนโลกใบนี้ กูชี้เป้าไม่เคยพลาด ด่ามันมาตั้งแต่ 20 ปีก่อน เพราะเหี้ยมันมีแค่ตัวเดียว ใครล่ะ ที่สามารถสั่งฆ่า ลอบปลงพระชนม์พ่ออยู่หัวร.8 ได้ ใครสั่ง? หากสมเด็จย่าไม่ทรงปรีชาสามารถ เอาตัวรอด และต่อรองให้ยังคงรักษาสายพระโลหิตของราชวงศ์จักรีต่อไว้ได้ ป่านนี้ ไทยเราคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ประวัติศาสตร์มันสอน ไม่มีใครทำร้ายแผ่นดินนี้ได้ นอกจากคนไทยกันเอง ถึงเวลาจัดการ ทุกไอ้อีที่ "หนักแผ่นดินรึยัง" กวาดให้เรียบ ย้อนหลัง ย้อนคดีของเก่าที่ผ่านมา 93 ปี ให้หมด ใครเคยทรยศแผ่นดินนี้ไว้ ยึดอำนาจให้สิ้น จับไปตัดหัว 9 ชั่วโคตร กลับมาใช้ "พ่อปกครองลูก" กฎต้องแรง อาญาต้องสะเด็ดน้ำ อย่าให้ไอ้อีหน้าไหนกล้าทรยศแผ่นดินได้อีก ขอเริ่มต้นที่ตระกูลชินจังก่อนเลยเป็นไง 9 ชั่วโคตร เอาให้เลือดชั่วๆ ของตระกูลอัปรีย์จัญไรสิ้นไปจากโลกในพศ.นี้ แม่งซะเลย ดวงดาวแห่งแสง เริ่มฉายปรากฎความจริงเด่นชัดมากขึ้นแล้ว จงเดินตามแสง แล้วความจริงจะปรากฎต่อหน้ามรึง? หมี CNN(เปิดหน้ากันหมดแล้วสิมรึง! อีทรัมปป์เร่งเกมส์มากไปหน่อย จีน รัสเซีย บีบจนขี้แตก อ่านทะลุมิติ ไทยเรารอดแล้ว มาทรงนี้คือ "ปะทะแน่นอน" เกมส์การศึกปล่อยให้ทหารจัดการไปซะ ส่วนพวกเรา เกมส์ภายใน จงเร่งมือเป่าประกาศให้โลกรู้ ไอ้อีตัวไหนที่ทุรยศแผ่นดินอโยธยา ไอ้อีทุกตัวต้องโดนโทษหนักประหารชีวิตสถานเดียว พลังแห่งแสง พลังโซเชี่ยลฝ่ายธรรม จะรุกฆาตเหี้ยทุกไอ้อี อย่าให้มันมีที่ยืนในแผ่นดินไทยได้อีก ทหารเอกอโยธยาทั้งหลาย จงกล้าและตามกูมา ตายครั้งเดียว อย่าได้เสียดายชีวิต กูจะตามไปอยู่กับพ่อกูที่สรวงสวรรค์ ขอฝากผลงานมาสเตอร์พีซ ให้โลกประจักษ์ก่อนตาย) 09 กรกฎาคม 68 10.00 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์นี้ยังคงวนเวียนอยู่กับนิยาย/ละครแนวเทพเซียน วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง มนุษย์เงือก

    สืบเนื่องจากสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราคุยกันถึงสัตว์เทพในคัมภีร์ซานไห่จิง (คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน เพื่อนเพจคงคิดเหมือน Storyฯ ว่าต้องมีเรื่องราวของมนุษย์เงือกปรากฎในคัมภีร์ฯ นี้แน่นอน คำตอบคือไม่เชิง เพราะว่าคัมภีร์ฯ กล่าวถึงสัตว์ประหลาดกึ่งมนุษย์กึ่งปลาหลายชนิด บ้างมีขาบ้างไม่มีขา และไม่ได้เรียกชื่อเดียวกับมนุษย์เงือก (เจียวเหริน หรือ 鲛人) ที่เรามักได้ยินทั่วไป

    แต่ตำนานเกี่ยวกับมนุษย์เงือกนั้นมีมากมาย รวมถึงไข่มุกเงือกที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างล่างนี้
    ความมีอยู่ว่า
    ...นักล่าไข่มุกเมื่อหาไข่มุกไม่พอ ก็จะใช้เด็กผูกเชือกไว้ที่เอวดำลงไปในทะเลเพื่อล่อให้มนุษย์เงือก (เจียวเหริน) ปรากฎ จากนั้นก็ฆ่าเด็กให้มนุษย์เงือกดู มนุษย์เงือกมีจิตใจอ่อนโยน ยามน้ำตาไหลจะเกิดเป็นไข่มุกสะท้อนแสงภายใต้แสงจันทร์...
    - จากเรื่อง <ไข่มุกเคียงบัลลังก์> ผู้แต่ง เซียงหรูเซ่อ
    (หมายเหตุ ชื่อไทยตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ แต่บทความข้างต้น Storyฯ แปลเองจ้า)

    ตำนานที่ว่าน้ำตาของมนุษย์เงือกกลายเป็นไข่มุกได้นั้น ปรากฎอยู่ในบันทึกโซวเสินจี้ หรือ 搜神记 (สมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก) ในบันทึกฯ นี้กล่าวถึงมนุษย์เงือก (เจียวเหริน) นี้ว่าอาศัยอยู่ในทะเลใต้ สันทัดการถักทอ ยามร้องไห้ น้ำตาจะกลายเป็นไข่มุก

    มีเรื่องเล่าขานอีกว่า ยังมีของวิเศษที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เงือกอีกสองอย่าง หนึ่งคือผ้าไหม “เจียวซา” ที่ทอจากน้ำโดยมนุษย์เงือก มีสรรพคุณคือเป็นผ้าที่โดนน้ำไม่เปียก สองคือน้ำมันที่สกัดจากมนุษย์เงือกนั้นสามารถจุดไฟได้นานพันปีไม่มีดับ (ฟังดูโหดร้าย!) ว่ากันว่าในสุสานขององค์จิ๋นซีฮ่องเต้ก็มีตะเกียงที่จุดไว้ด้วยน้ำมันมนุษย์เงือก (จริงเท็จแค่ไหนไม่รู้เลย)

    นอกจากเรื่อง <ไข่มุกเคียงบัลลังก์> แล้ว เพื่อนเพจลองนึกออกไหมว่าเคยพบเจอมนุษย์เงือกจากนิยาย/ละครเรื่องอื่นเรื่องไหนอีก?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://dramapanda.com/2020/05/novoland-pearl-eclipse-releases-dreamy.html
    http://chinesemov.com/tv/2020/Novoland-Pearl-Eclipse.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://cul.qq.com/a/20160219/041874.htm
    https://baike.baidu.com/item/鲛人/3813051

    #ไข่มุกเคียงบัลลังก์ #มนุษย์เงือก #ตำนานจีน #เจียวเหริน #สัตว์เทพจีน #โซวเสินจี้ #StoryfromStory
    สัปดาห์นี้ยังคงวนเวียนอยู่กับนิยาย/ละครแนวเทพเซียน วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง มนุษย์เงือก สืบเนื่องจากสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราคุยกันถึงสัตว์เทพในคัมภีร์ซานไห่จิง (คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน เพื่อนเพจคงคิดเหมือน Storyฯ ว่าต้องมีเรื่องราวของมนุษย์เงือกปรากฎในคัมภีร์ฯ นี้แน่นอน คำตอบคือไม่เชิง เพราะว่าคัมภีร์ฯ กล่าวถึงสัตว์ประหลาดกึ่งมนุษย์กึ่งปลาหลายชนิด บ้างมีขาบ้างไม่มีขา และไม่ได้เรียกชื่อเดียวกับมนุษย์เงือก (เจียวเหริน หรือ 鲛人) ที่เรามักได้ยินทั่วไป แต่ตำนานเกี่ยวกับมนุษย์เงือกนั้นมีมากมาย รวมถึงไข่มุกเงือกที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างล่างนี้ ความมีอยู่ว่า ...นักล่าไข่มุกเมื่อหาไข่มุกไม่พอ ก็จะใช้เด็กผูกเชือกไว้ที่เอวดำลงไปในทะเลเพื่อล่อให้มนุษย์เงือก (เจียวเหริน) ปรากฎ จากนั้นก็ฆ่าเด็กให้มนุษย์เงือกดู มนุษย์เงือกมีจิตใจอ่อนโยน ยามน้ำตาไหลจะเกิดเป็นไข่มุกสะท้อนแสงภายใต้แสงจันทร์... - จากเรื่อง <ไข่มุกเคียงบัลลังก์> ผู้แต่ง เซียงหรูเซ่อ (หมายเหตุ ชื่อไทยตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ แต่บทความข้างต้น Storyฯ แปลเองจ้า) ตำนานที่ว่าน้ำตาของมนุษย์เงือกกลายเป็นไข่มุกได้นั้น ปรากฎอยู่ในบันทึกโซวเสินจี้ หรือ 搜神记 (สมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก) ในบันทึกฯ นี้กล่าวถึงมนุษย์เงือก (เจียวเหริน) นี้ว่าอาศัยอยู่ในทะเลใต้ สันทัดการถักทอ ยามร้องไห้ น้ำตาจะกลายเป็นไข่มุก มีเรื่องเล่าขานอีกว่า ยังมีของวิเศษที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เงือกอีกสองอย่าง หนึ่งคือผ้าไหม “เจียวซา” ที่ทอจากน้ำโดยมนุษย์เงือก มีสรรพคุณคือเป็นผ้าที่โดนน้ำไม่เปียก สองคือน้ำมันที่สกัดจากมนุษย์เงือกนั้นสามารถจุดไฟได้นานพันปีไม่มีดับ (ฟังดูโหดร้าย!) ว่ากันว่าในสุสานขององค์จิ๋นซีฮ่องเต้ก็มีตะเกียงที่จุดไว้ด้วยน้ำมันมนุษย์เงือก (จริงเท็จแค่ไหนไม่รู้เลย) นอกจากเรื่อง <ไข่มุกเคียงบัลลังก์> แล้ว เพื่อนเพจลองนึกออกไหมว่าเคยพบเจอมนุษย์เงือกจากนิยาย/ละครเรื่องอื่นเรื่องไหนอีก? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://dramapanda.com/2020/05/novoland-pearl-eclipse-releases-dreamy.html http://chinesemov.com/tv/2020/Novoland-Pearl-Eclipse.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://cul.qq.com/a/20160219/041874.htm https://baike.baidu.com/item/鲛人/3813051 #ไข่มุกเคียงบัลลังก์ #มนุษย์เงือก #ตำนานจีน #เจียวเหริน #สัตว์เทพจีน #โซวเสินจี้ #StoryfromStory
    DRAMAPANDA.COM
    Novoland: Pearl Eclipse Releases Dreamy Posters to Announce Cast Led by Yang Mi and William Chan - DramaPanda
    If that poster didn’t have you clicking fast enough, just wait until you see the rest! The team behind the newest addition to the Novoland franchise, Novoland: Pearl Eclipse 斛珠夫人 just gave us all a little peek at what’s in store for viewers with these gorgeous posters below. It’s a wee bit different from the usual angsty dark tones in some of its earlier offerings, but with a title like Pearl Eclipse, the colour palette change to aquatic shades is certainly quite apt. If you can still remember, the drama was actually included in the line-up of dramas announced by Tencent (Pearl Eclipse will
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • วลีรักจาก <จันทราอัสดง>

    สวัสดีย้อนหลังวันวาเลนไทน์ วันนี้มาคุยเกี่ยวกับวลีบอกรักจากบทกวีจีนโบราณที่กล่าวถึงสองสัตว์ที่นับเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก

    วลีบอกรักนี้ เราเห็นในเรื่อง <จันทราอัสดง> ในฉากที่เยี่ยปิงส่างป่วยเพราะโดนปีศาจจับตัวไป พอฟื้นขึ้นมาเห็นองค์ชายเซียวหลิ่นเฝ้าอยู่ก็ร่ำไห้เอ่ยปากวลีสองวรรค หลังจากนั้นจึงได้หมั้นหมายกัน วลีที่ว่านี้คือ “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” (得成比目何辞死,愿作鸳鸯不羡仙) (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ‘ยวนยาง’ คือนกเป็ดน้ำแมนดารินที่เพื่อนเพจคงคุ้นเคยเพราะมีการกล่าวถึงในหลายนิยายซีรีส์และละครว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ทั้งนี้ เพราะมันมักจะอยู่เป็นคู่ จึงถูกนำมาเปรียบเป็นคู่สามีภรรยาแต่โบราณโดยแรกปรากฏในบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (กวีเอกสมัยราชวงศ์ฮั่น เจ้าของบทประพันธ์ซ่างหลินฟู่ที่ Storyฯ เคยเขียนถึง) ตอนจีบจั๋วเหวินจวิน (ย้อนอ่านเรื่องราวความรักของทั้งคู่ได้ในบทความเก่า https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02KgmDKe2nCXSPkUDKWTYDNCXpfyP1PzzBqQCkdVtEw46Y7ZMkeZSwoVYxGFR9QHjhl)

    แล้ว ‘ปี่มู่’ ล่ะคืออะไร?

    ปี่มู่เป็นปลาในสายพันธ์ปลาลิ้นหมา (ดูรูปประกอบ 2) เอกลักษณ์ของมันคือ ตาทั้งคู่อยู่ใกล้กันบนตัวปลาด้านเดียวกัน ในสมัยจีนโบราณถูกใช้เปรียบเปรยถึงความรักอันล้ำลึกของคู่รักที่อยู่เคียงข้างกัน ไปไหนไปด้วยกัน

    “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” วลีนี้ความหมายก็คือยอมตายก็อยากอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องมีความสุขพ้นทุกข์อย่างเซียนก็ได้

    เชื่อว่าเพื่อนเพจคงนึกว่ามันเป็นวลีที่มาจากกลอนรัก แต่จริงๆ แล้วหลายวลีรักจีนโบราณอันกินใจที่ Storyฯ เคยเขียนถึงนั้น ถ้าไม่ใช่บทกวีที่เกี่ยวกับการจากพราก ก็มาจากเรื่องราวอื่น วลีนี้ก็เช่นกัน ที่มาของมันคือบทกวีที่ชื่อว่า ‘ฉางอันกู่อี้’ (长安古意 แปลได้ประมาณว่า หวนรำลึกฉางอัน) ของหลูจ้าวหลิน กวีชื่อดังในสมัยองค์ถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง ในสมัยถังตอนต้นนั้น เขาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในสี่ยอดกวีแห่งยุค เป็นบทกวีในสไตล์โบราณที่ Storyฯ ขอเรียกว่ากลอนเจ็ด กล่าวคือในหนึ่งวรรคมีเจ็ดอักษร บทกวีนี้มีทั้งสิ้น 34 ประโยค รวม 68 วรรค เรียกได้ว่าเป็นบทกวีที่ยาวมากและเป็นถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบของงานประพันธ์แห่งยุคสมัยนั้น

    หลูจ้าวหลินถูกเติ้งหวางหลี่หยวนอวี้รับเป็นคนสนิท เป็นขุนนางผู้ดูแลจวนอ๋อง ต่อมาติดตามเติ้งหวางออกจากเมืองฉางอัน และเมื่อเลิกทำงานกับเติ้งหวางแล้วก็ปักหลักอยู่ลั่วหยาง บทกวีนี้หลูจ้าวหลินแต่งขึ้นในช่วงเวลาที่ลั่วหยางนั่นเอง ต่อมาเขาถูกจับกุมขังด้วยบทกวีนี้ เพราะถูกเข้าใจว่าเขียนตำหนิหนึ่งในผู้มีอำนาจทางการเมืองในสมัยนั้น สุดท้ายแม้จะรอดชีวิตพ้นคุกมาได้ แต่ก็ป่วยจนสุดท้ายต้องจบชีวิตตนเอง

    เนื้อหาของ ‘ฉางอันกู่อี้’ กล่าวถึงความเรืองรองแห่งนครฉางอัน ความเจริญรุ่งเรืองถูกสะท้อนออกมาด้วยคำบรรยายความโอ่อ่าของอาคารบ้านเรือน ความตระการตาของนางรำที่เริงระบำดุจบุปผาและผีเสื้อที่ละลานตา บรรยากาศยามค่ำคืนอันคึกคักโดยมีหอนางโลมเป็นฉากหลัก สอดแทรกด้วยอารมณ์ที่ถูกเร้าขึ้นด้วยคำบรรยายแสงสีเสียง สื่อออกมาเป็นความรู้สึกต่างๆ ที่ยากจะอดกลั้นภายใต้บรรยากาศนี้ อย่างเช่นความรักความลุ่มหลง บทกวีเล่าถึงการมีชีวิตอยู่ในด้านมืดอย่างเช่นนางคณิกานางรำและคนที่มีอาชีพกลางคืน การแสดงอำนาจของชนชั้นสูง การแก่งแย่งชิงดีและการเกิดดับของอำนาจ สุดท้ายจบลงด้วยการบรรยายถึงบรรยากาศเงียบเหงาภายในเรือนเดี่ยว มีเพียงกลีบดอกไม้ที่ปลิวผ่านตามสายลมยามที่กุ้ยฮวา (หอมหมื่นลี้) บาน เป็นสไตล์การเขียนที่นิยมในสมัยนั้นคือจบลงด้วยวรรคที่ขัดแย้งกับเนื้อหาก่อนหน้าเพื่อให้ความรู้สึกที่แตกต่าง สร้างสมดุลให้แก่บทกวี

    วรรค “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” นี้ปรากฏในท่อนแรกๆ ที่กล่าวถึงความตระการตาของนางรำผู้เลอโฉม ชวนให้พร่ำเพ้อถึงความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้ จะเห็นได้ว่า แม้วลีนี้จะกลายมาเป็นหนึ่งในวลีรักที่โด่งดังผ่านยุคสมัย แต่ต้นตอของมันจริงแล้วเป็นบทกวีที่บรรยายถึงชีวิตในนครฉางอัน สะท้อนถึงสุขและทุกข์ของความทรงจำในด้านต่างๆ ที่กวีมีต่อนครฉางอันอันเรืองรอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://new.qq.com/rain/a/20230511A04T9O00
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_ac6684b5da86.aspx
    https://baike.baidu.com/item/长安古意/4804
    https://www.baike.com/wikiid/422703280303982502
    http://m.qulishi.com/article/202106/521082.html
    https://www.621seo.cn/a/83.html

    #จันทราอัสดง #ยวนยาง #ปี่มู่ #กวีถัง #ฉางอัน #หลูจ้าวหลิน
    วลีรักจาก <จันทราอัสดง> สวัสดีย้อนหลังวันวาเลนไทน์ วันนี้มาคุยเกี่ยวกับวลีบอกรักจากบทกวีจีนโบราณที่กล่าวถึงสองสัตว์ที่นับเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก วลีบอกรักนี้ เราเห็นในเรื่อง <จันทราอัสดง> ในฉากที่เยี่ยปิงส่างป่วยเพราะโดนปีศาจจับตัวไป พอฟื้นขึ้นมาเห็นองค์ชายเซียวหลิ่นเฝ้าอยู่ก็ร่ำไห้เอ่ยปากวลีสองวรรค หลังจากนั้นจึงได้หมั้นหมายกัน วลีที่ว่านี้คือ “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” (得成比目何辞死,愿作鸳鸯不羡仙) (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ‘ยวนยาง’ คือนกเป็ดน้ำแมนดารินที่เพื่อนเพจคงคุ้นเคยเพราะมีการกล่าวถึงในหลายนิยายซีรีส์และละครว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ทั้งนี้ เพราะมันมักจะอยู่เป็นคู่ จึงถูกนำมาเปรียบเป็นคู่สามีภรรยาแต่โบราณโดยแรกปรากฏในบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (กวีเอกสมัยราชวงศ์ฮั่น เจ้าของบทประพันธ์ซ่างหลินฟู่ที่ Storyฯ เคยเขียนถึง) ตอนจีบจั๋วเหวินจวิน (ย้อนอ่านเรื่องราวความรักของทั้งคู่ได้ในบทความเก่า https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02KgmDKe2nCXSPkUDKWTYDNCXpfyP1PzzBqQCkdVtEw46Y7ZMkeZSwoVYxGFR9QHjhl) แล้ว ‘ปี่มู่’ ล่ะคืออะไร? ปี่มู่เป็นปลาในสายพันธ์ปลาลิ้นหมา (ดูรูปประกอบ 2) เอกลักษณ์ของมันคือ ตาทั้งคู่อยู่ใกล้กันบนตัวปลาด้านเดียวกัน ในสมัยจีนโบราณถูกใช้เปรียบเปรยถึงความรักอันล้ำลึกของคู่รักที่อยู่เคียงข้างกัน ไปไหนไปด้วยกัน “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” วลีนี้ความหมายก็คือยอมตายก็อยากอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องมีความสุขพ้นทุกข์อย่างเซียนก็ได้ เชื่อว่าเพื่อนเพจคงนึกว่ามันเป็นวลีที่มาจากกลอนรัก แต่จริงๆ แล้วหลายวลีรักจีนโบราณอันกินใจที่ Storyฯ เคยเขียนถึงนั้น ถ้าไม่ใช่บทกวีที่เกี่ยวกับการจากพราก ก็มาจากเรื่องราวอื่น วลีนี้ก็เช่นกัน ที่มาของมันคือบทกวีที่ชื่อว่า ‘ฉางอันกู่อี้’ (长安古意 แปลได้ประมาณว่า หวนรำลึกฉางอัน) ของหลูจ้าวหลิน กวีชื่อดังในสมัยองค์ถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง ในสมัยถังตอนต้นนั้น เขาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในสี่ยอดกวีแห่งยุค เป็นบทกวีในสไตล์โบราณที่ Storyฯ ขอเรียกว่ากลอนเจ็ด กล่าวคือในหนึ่งวรรคมีเจ็ดอักษร บทกวีนี้มีทั้งสิ้น 34 ประโยค รวม 68 วรรค เรียกได้ว่าเป็นบทกวีที่ยาวมากและเป็นถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบของงานประพันธ์แห่งยุคสมัยนั้น หลูจ้าวหลินถูกเติ้งหวางหลี่หยวนอวี้รับเป็นคนสนิท เป็นขุนนางผู้ดูแลจวนอ๋อง ต่อมาติดตามเติ้งหวางออกจากเมืองฉางอัน และเมื่อเลิกทำงานกับเติ้งหวางแล้วก็ปักหลักอยู่ลั่วหยาง บทกวีนี้หลูจ้าวหลินแต่งขึ้นในช่วงเวลาที่ลั่วหยางนั่นเอง ต่อมาเขาถูกจับกุมขังด้วยบทกวีนี้ เพราะถูกเข้าใจว่าเขียนตำหนิหนึ่งในผู้มีอำนาจทางการเมืองในสมัยนั้น สุดท้ายแม้จะรอดชีวิตพ้นคุกมาได้ แต่ก็ป่วยจนสุดท้ายต้องจบชีวิตตนเอง เนื้อหาของ ‘ฉางอันกู่อี้’ กล่าวถึงความเรืองรองแห่งนครฉางอัน ความเจริญรุ่งเรืองถูกสะท้อนออกมาด้วยคำบรรยายความโอ่อ่าของอาคารบ้านเรือน ความตระการตาของนางรำที่เริงระบำดุจบุปผาและผีเสื้อที่ละลานตา บรรยากาศยามค่ำคืนอันคึกคักโดยมีหอนางโลมเป็นฉากหลัก สอดแทรกด้วยอารมณ์ที่ถูกเร้าขึ้นด้วยคำบรรยายแสงสีเสียง สื่อออกมาเป็นความรู้สึกต่างๆ ที่ยากจะอดกลั้นภายใต้บรรยากาศนี้ อย่างเช่นความรักความลุ่มหลง บทกวีเล่าถึงการมีชีวิตอยู่ในด้านมืดอย่างเช่นนางคณิกานางรำและคนที่มีอาชีพกลางคืน การแสดงอำนาจของชนชั้นสูง การแก่งแย่งชิงดีและการเกิดดับของอำนาจ สุดท้ายจบลงด้วยการบรรยายถึงบรรยากาศเงียบเหงาภายในเรือนเดี่ยว มีเพียงกลีบดอกไม้ที่ปลิวผ่านตามสายลมยามที่กุ้ยฮวา (หอมหมื่นลี้) บาน เป็นสไตล์การเขียนที่นิยมในสมัยนั้นคือจบลงด้วยวรรคที่ขัดแย้งกับเนื้อหาก่อนหน้าเพื่อให้ความรู้สึกที่แตกต่าง สร้างสมดุลให้แก่บทกวี วรรค “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” นี้ปรากฏในท่อนแรกๆ ที่กล่าวถึงความตระการตาของนางรำผู้เลอโฉม ชวนให้พร่ำเพ้อถึงความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้ จะเห็นได้ว่า แม้วลีนี้จะกลายมาเป็นหนึ่งในวลีรักที่โด่งดังผ่านยุคสมัย แต่ต้นตอของมันจริงแล้วเป็นบทกวีที่บรรยายถึงชีวิตในนครฉางอัน สะท้อนถึงสุขและทุกข์ของความทรงจำในด้านต่างๆ ที่กวีมีต่อนครฉางอันอันเรืองรอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: https://new.qq.com/rain/a/20230511A04T9O00 https://so.gushiwen.cn/shiwenv_ac6684b5da86.aspx https://baike.baidu.com/item/长安古意/4804 https://www.baike.com/wikiid/422703280303982502 http://m.qulishi.com/article/202106/521082.html https://www.621seo.cn/a/83.html #จันทราอัสดง #ยวนยาง #ปี่มู่ #กวีถัง #ฉางอัน #หลูจ้าวหลิน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลโกงล่าสุด สำหรับคนอยากสวย อยากหล่อ...เปิดเพจรับการสนับสนุน ..เสริมความงาม ฉีดผิว botox ยกกระชับ สารพัด...และอ้างว่า เป็นโปร.ราคาถูกจำกัดจำนวน..ต้องโอนเงินเพื่อจองสิทธิ์ ..มีคนโดนกันหลายคนแล้ว ..แต่สำนักข่าวยังไม่มีใครหยิบมาเป็นข่าว...
    กลโกงล่าสุด สำหรับคนอยากสวย อยากหล่อ...เปิดเพจรับการสนับสนุน ..เสริมความงาม ฉีดผิว botox ยกกระชับ สารพัด...และอ้างว่า เป็นโปร.ราคาถูกจำกัดจำนวน..ต้องโอนเงินเพื่อจองสิทธิ์ ..มีคนโดนกันหลายคนแล้ว ..แต่สำนักข่าวยังไม่มีใครหยิบมาเป็นข่าว...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • รหัสลับบทกวีจีนจาก <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก>

    Storyฯ รู้สึกว่า บทกวีจีนโบราณนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนิยาย/ซีรีส์จีนจริงๆ ไม่ทราบว่ามีใครที่ดูซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> แล้วรู้สึกสะดุดหูกับจังหวะจะโคนของรหัสลับที่องครักษ์ชุดแดงใช้ยืนยันตัวตนกันหรือไม่? สำหรับ Storyฯ แล้วมันเตะหูพอสมควร เพราะรหัสลับเหล่านี้ล้วนเป็นวลีจากบทกวีจีนโบราณ

    รหัสลับที่ยกตัวอย่างมาคุยกันวันนี้ คือตอนที่หรูอี้ให้คนปลอมตัวไปหาองครักษ์ชุดแดงเพื่อสืบหาคนที่ฆ่าหลินหลงตาย รหัสลับถามตอบนี้คือ ‘ซานสือลิ่วกงถู่ฮวาปี้’ (三十六宫土花碧) และ ‘เทียนรั่วโหย่วฉิงเทียนอี้เหล่า’ (天若有情天亦老) Storyฯ ขอแปลว่า ‘สามสิบหกพระตำหนัก ตะไคร่คลุมธรณี / หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’

    ฟังแล้วคงไม่ได้ใจความนัก เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่วรรคที่ต่อเนื่องกัน แต่ทั้งสองวรรคนี้ปรากฏอยู่ในบทกวีเดียวกันที่มีชื่อว่า ‘จินถงเซียนเหรินฉือฮั่นเกอ’ (金铜仙人辞汉歌 แปลได้ประมาณว่า ลำนำเซียนจินถงลาจากแดนฮั่น) เป็นผลงานของหลี่เฮ่อ (ค.ศ. 790-816) สี่สุดยอดกวีแห่งสมัยถัง และนี่เป็นหนึ่งในบทกวีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของเขา มันเป็นบทกวียาวที่กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรฮั่นที่ครั้งหนึ่งเคยเรืองรอง แต่กลับเหลือเพียงพระตำหนักที่ว่างร้างจนตะไคร่ปกคลุม เทพเซียนร่ำไห้ลาจาก จนถึงขนาดว่าถ้าฟ้ามีจิตใจรักได้เหมือนคน ก็คงรู้สึกอนาจใจเศร้าจนแก่ชราไปเช่นคน บทกวีนี้เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าอาดูรและแค้นใจในเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงสภาพจิตใจของหลี่เฮ่อในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์ถังอ่อนแอ และเขาเองจำเป็นต้องลาออกจากราชการและเดินทางจากนครฉางอันไปด้วยอาการป่วย

    แต่ที่ Storyฯ รู้สึกว่าน่าสนใจมากก็คือ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้ตั้งเป็นโจทย์ในการดวลบทกวีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเพื่อนเพจที่คุ้นเคยกับซีรีส์และนิยายจีนโบราณคงเคยผ่านตาว่า การดวลบทกวีนี้ เป็นการต่อกลอนคู่ โดยคนหนึ่งตั้งโจทย์วรรคแรก อีกคนมาแต่งวรรคต่อให้จบ ซึ่งวรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้เป็นวรรคแรกของกลอนคู่โดยไม่มีใครสามารถต่อวรรคท้ายได้อย่างสมบูรณ์มากว่าสองร้อยปี! ซึ่งเป็นเรื่องน่าทึ่งมากสำหรับยุคสมัยที่มีนักอักษรและนักประพันธ์มากมายอย่างสมัยถัง

    อนึ่ง การต่อวรรคคู่ที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่มีจำนวนอักษรเท่ากันและมีเสียงสูงเสียงต่ำคล้องจองกันเท่านั้น แต่ต้องมีความลงตัวในหลายด้าน เป็นต้นว่า 1) มีบริบทใกล้เคียง เช่น กล่าวถึงวัตถุที่จับต้องได้เหมือนกัน หรือจับต้องไม่ได้เหมือนกัน เป็นวัตถุที่สื่อความหมายในเชิงเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่วรรคแรกกล่าวถึงดอกไม้ วรรคหลังพูดถึงโต๊ะ อะไรอย่างนี้; 2) คุณศัพท์ที่ขยายนามหรืออารมณ์ที่สื่อต้องเหมือนกันหรือตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงเพื่อแสดงความขัดแย้งบางอย่าง เช่น ฝนตกหนักกับแดดแรงจ้า หรือ ฝนตกหนักกับหยดน้ำเล็ก; ฯลฯ

    วรรค ‘หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ นี้มีคนต่อวรรคหลังมากมาย แต่ไม่มีความลงตัวอย่างสมบูรณ์จวบจนสมัยราชวงศ์ซ่ง ผู้ที่ต่อวรรคหลังนี้คือสือเหยียนเหนียน (ค.ศ. 994-1041) นักอักษรและกวีสมัยซ่งเหนือ ในค่ำคืนหนึ่งหลังจากดื่มสุราไปหลายกรึ๊บ ในยามกึ่งเมากึ่งมีสตินั้น เขาได้ยินคนรอบข้างต่อวรรค ‘หากฟ้ามีใจฯ’ นี้กันอยู่ จึงโพล่งวรรคต่อออกมาในทันใด ซึ่งก็คือ ‘หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง’ (月如无恨月长圆 / เยวี่ยหรูอู๋เฮิ่นเยวี่ยฉางเหยวียน) เป็นการต่อวรรคที่สมบูรณ์จนคนตะลึง เพราะไม่เพียงอักขระ คำบรรยายและบริบทลงตัว หากแต่ความหมายแฝงที่สื่อถึงสัจธรรมแห่งชีวิตยังสอดคล้องอีกด้วย

    ... หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน ...
    ... หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง ...

    วรรคต้นที่ไม่มีใครต่อวรรคได้มากว่าสองร้อยปี เกิดวรรคต่อที่สะเทือนวงการนักอักษรในสมัยนั้นจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพื่อนเพจอ่านและตีความแล้วได้ความรู้สึกอย่างไรคะ? เห็นความเป็น ‘กลอนคู่’ ของมันหรือไม่?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_25539972
    https://k.sina.cn/article_6502395912_18392b008001004rs9.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_33199885635a.aspx
    https://baike.baidu.com/金铜仙人辞汉歌/1659854
    https://www.sohu.com/a/484704098_100135144
    https://www.workercn.cn/c/2024-02-06/8143503.shtml

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #หลี่เฮ่อ #กวีถัง #หากฟ้ามีใจรัก #สือเหยียนเหนียน
    รหัสลับบทกวีจีนจาก <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> Storyฯ รู้สึกว่า บทกวีจีนโบราณนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนิยาย/ซีรีส์จีนจริงๆ ไม่ทราบว่ามีใครที่ดูซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> แล้วรู้สึกสะดุดหูกับจังหวะจะโคนของรหัสลับที่องครักษ์ชุดแดงใช้ยืนยันตัวตนกันหรือไม่? สำหรับ Storyฯ แล้วมันเตะหูพอสมควร เพราะรหัสลับเหล่านี้ล้วนเป็นวลีจากบทกวีจีนโบราณ รหัสลับที่ยกตัวอย่างมาคุยกันวันนี้ คือตอนที่หรูอี้ให้คนปลอมตัวไปหาองครักษ์ชุดแดงเพื่อสืบหาคนที่ฆ่าหลินหลงตาย รหัสลับถามตอบนี้คือ ‘ซานสือลิ่วกงถู่ฮวาปี้’ (三十六宫土花碧) และ ‘เทียนรั่วโหย่วฉิงเทียนอี้เหล่า’ (天若有情天亦老) Storyฯ ขอแปลว่า ‘สามสิบหกพระตำหนัก ตะไคร่คลุมธรณี / หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ ฟังแล้วคงไม่ได้ใจความนัก เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่วรรคที่ต่อเนื่องกัน แต่ทั้งสองวรรคนี้ปรากฏอยู่ในบทกวีเดียวกันที่มีชื่อว่า ‘จินถงเซียนเหรินฉือฮั่นเกอ’ (金铜仙人辞汉歌 แปลได้ประมาณว่า ลำนำเซียนจินถงลาจากแดนฮั่น) เป็นผลงานของหลี่เฮ่อ (ค.ศ. 790-816) สี่สุดยอดกวีแห่งสมัยถัง และนี่เป็นหนึ่งในบทกวีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของเขา มันเป็นบทกวียาวที่กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรฮั่นที่ครั้งหนึ่งเคยเรืองรอง แต่กลับเหลือเพียงพระตำหนักที่ว่างร้างจนตะไคร่ปกคลุม เทพเซียนร่ำไห้ลาจาก จนถึงขนาดว่าถ้าฟ้ามีจิตใจรักได้เหมือนคน ก็คงรู้สึกอนาจใจเศร้าจนแก่ชราไปเช่นคน บทกวีนี้เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าอาดูรและแค้นใจในเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงสภาพจิตใจของหลี่เฮ่อในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์ถังอ่อนแอ และเขาเองจำเป็นต้องลาออกจากราชการและเดินทางจากนครฉางอันไปด้วยอาการป่วย แต่ที่ Storyฯ รู้สึกว่าน่าสนใจมากก็คือ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้ตั้งเป็นโจทย์ในการดวลบทกวีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเพื่อนเพจที่คุ้นเคยกับซีรีส์และนิยายจีนโบราณคงเคยผ่านตาว่า การดวลบทกวีนี้ เป็นการต่อกลอนคู่ โดยคนหนึ่งตั้งโจทย์วรรคแรก อีกคนมาแต่งวรรคต่อให้จบ ซึ่งวรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้เป็นวรรคแรกของกลอนคู่โดยไม่มีใครสามารถต่อวรรคท้ายได้อย่างสมบูรณ์มากว่าสองร้อยปี! ซึ่งเป็นเรื่องน่าทึ่งมากสำหรับยุคสมัยที่มีนักอักษรและนักประพันธ์มากมายอย่างสมัยถัง อนึ่ง การต่อวรรคคู่ที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่มีจำนวนอักษรเท่ากันและมีเสียงสูงเสียงต่ำคล้องจองกันเท่านั้น แต่ต้องมีความลงตัวในหลายด้าน เป็นต้นว่า 1) มีบริบทใกล้เคียง เช่น กล่าวถึงวัตถุที่จับต้องได้เหมือนกัน หรือจับต้องไม่ได้เหมือนกัน เป็นวัตถุที่สื่อความหมายในเชิงเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่วรรคแรกกล่าวถึงดอกไม้ วรรคหลังพูดถึงโต๊ะ อะไรอย่างนี้; 2) คุณศัพท์ที่ขยายนามหรืออารมณ์ที่สื่อต้องเหมือนกันหรือตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงเพื่อแสดงความขัดแย้งบางอย่าง เช่น ฝนตกหนักกับแดดแรงจ้า หรือ ฝนตกหนักกับหยดน้ำเล็ก; ฯลฯ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ นี้มีคนต่อวรรคหลังมากมาย แต่ไม่มีความลงตัวอย่างสมบูรณ์จวบจนสมัยราชวงศ์ซ่ง ผู้ที่ต่อวรรคหลังนี้คือสือเหยียนเหนียน (ค.ศ. 994-1041) นักอักษรและกวีสมัยซ่งเหนือ ในค่ำคืนหนึ่งหลังจากดื่มสุราไปหลายกรึ๊บ ในยามกึ่งเมากึ่งมีสตินั้น เขาได้ยินคนรอบข้างต่อวรรค ‘หากฟ้ามีใจฯ’ นี้กันอยู่ จึงโพล่งวรรคต่อออกมาในทันใด ซึ่งก็คือ ‘หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง’ (月如无恨月长圆 / เยวี่ยหรูอู๋เฮิ่นเยวี่ยฉางเหยวียน) เป็นการต่อวรรคที่สมบูรณ์จนคนตะลึง เพราะไม่เพียงอักขระ คำบรรยายและบริบทลงตัว หากแต่ความหมายแฝงที่สื่อถึงสัจธรรมแห่งชีวิตยังสอดคล้องอีกด้วย ... หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน ... ... หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง ... วรรคต้นที่ไม่มีใครต่อวรรคได้มากว่าสองร้อยปี เกิดวรรคต่อที่สะเทือนวงการนักอักษรในสมัยนั้นจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพื่อนเพจอ่านและตีความแล้วได้ความรู้สึกอย่างไรคะ? เห็นความเป็น ‘กลอนคู่’ ของมันหรือไม่? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_25539972 https://k.sina.cn/article_6502395912_18392b008001004rs9.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://so.gushiwen.cn/shiwenv_33199885635a.aspx https://baike.baidu.com/金铜仙人辞汉歌/1659854 https://www.sohu.com/a/484704098_100135144 https://www.workercn.cn/c/2024-02-06/8143503.shtml #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #หลี่เฮ่อ #กวีถัง #หากฟ้ามีใจรัก #สือเหยียนเหนียน
    《一念关山》:刘诗诗更适合“独美”
    澎湃,澎湃新闻,澎湃新闻网,新闻与思想,澎湃是植根于中国上海的时政思想类互联网平台,以最活跃的原创新闻与最冷静的思想分析为两翼,是互联网技术创新与新闻价值传承的结合体,致力于问答式新闻与新闻追踪功能的实践。
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไฮโซน้ำหวาน" ร่ายยาว กรณีลูกเสียงดังในร้านกาแฟ จนมีคนมองแรง งานนี้คุณแม่เลยเข้าไปเคลียร์จนกลายเป็นดราม่าของคนเป็นแม่ กับคนที่ไม่ได้เป็นแม่ ลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน

    ทำเอาคุณแม่ลูกสาม อย่าง “ไฮโซน้ำหวาน” ภรรยาของ “นาวิน ต้าร์” ต้องขอออกมาโพสต์ร่ายยาว หลังวันหยุดที่ควรจะได้พักผ่อนกับครอบครัวในร้านกาแฟเจ้าประจำ กลับต้องอวสาน เพราะลูกๆ เจอสายตาไม่เป็นมิตรจากผู้ใหญ่คนหนึ่ง ทำให้เธอต้องปกป้องลูกๆ ด้วยความอดทนสูงสุด โดย ไฮโซน้ำหวาน ได้โพสต์คลิปลูกกับสามี พร้อมใส่แคปชั่นเล่าเหตุการณ์ไว้ บอกว่าหากรู้สึกไม่พอใจเด็กๆ ก็ให้มาโทษที่ผู้ปกครอง ไม่ใช่ส่งสายตาสั่งหรือค้อนให้เด็กตกใจกลัว

    อย่างไรก็ตามก็มีคอมเม้นท์บางเพจที่เห็นต่างว่า ลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000063584

    #Thaitimes #MGROnline #ไฮโซน้ำหวาน #นาวินต้าร์
    "ไฮโซน้ำหวาน" ร่ายยาว กรณีลูกเสียงดังในร้านกาแฟ จนมีคนมองแรง งานนี้คุณแม่เลยเข้าไปเคลียร์จนกลายเป็นดราม่าของคนเป็นแม่ กับคนที่ไม่ได้เป็นแม่ ลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน • ทำเอาคุณแม่ลูกสาม อย่าง “ไฮโซน้ำหวาน” ภรรยาของ “นาวิน ต้าร์” ต้องขอออกมาโพสต์ร่ายยาว หลังวันหยุดที่ควรจะได้พักผ่อนกับครอบครัวในร้านกาแฟเจ้าประจำ กลับต้องอวสาน เพราะลูกๆ เจอสายตาไม่เป็นมิตรจากผู้ใหญ่คนหนึ่ง ทำให้เธอต้องปกป้องลูกๆ ด้วยความอดทนสูงสุด โดย ไฮโซน้ำหวาน ได้โพสต์คลิปลูกกับสามี พร้อมใส่แคปชั่นเล่าเหตุการณ์ไว้ บอกว่าหากรู้สึกไม่พอใจเด็กๆ ก็ให้มาโทษที่ผู้ปกครอง ไม่ใช่ส่งสายตาสั่งหรือค้อนให้เด็กตกใจกลัว • อย่างไรก็ตามก็มีคอมเม้นท์บางเพจที่เห็นต่างว่า ลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000063584 • #Thaitimes #MGROnline #ไฮโซน้ำหวาน #นาวินต้าร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • **<ปรปักษ์จำนน> กับพิธีแต่งงานสมัยฮั่น**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงสินสอดในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> วันนี้เลยมาคุยต่อถึงพิธีแต่งงานที่คู่บ่าวสาวนั่งกินอาหารด้วยกันกลางโถง ซึ่งเป็นพิธีการที่เราไม่ค่อยเห็นกันบ่อยในซีรีส์ โดยขั้นตอนตามที่เห็นในซีรีส์คือ “...ชำระมือและหน้า ... รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเดียวกัน ... ข้าวชามเดียวกัน ... ดื่มน้ำแกง ... จิ้มน้ำจิ้ม ... ดื่มสุราจากภาชนะน้ำเต้าอันเดียวกัน” (หมายเหตุ อิงตามซับไทย)

    ดูแล้วนึกว่ามันคือพิธีการเดียว แต่จริงๆ แล้วมันประกอบด้วยพิธีการสามส่วนค่ะ และเป็นพิธีการแต่งงานจากในสมัยฮั่น

    ส่วนแรกเรียกว่าพิธี ‘เฟิ่งอี๋ว่อก้วน’ (奉匜沃盥) ซึ่งก็คือการล้างมือก่อนการทำพิธีสักการะบูชาหรือก่อนเข้าร่วมงานพิธีการหรืองานเลี้ยงสำคัญ ปรากฏอยู่ในหนังสือบันทึกพิธีการหลี่จี้และ คัมภีร์ชุนชิวฉบับจั่วจ้วน (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงคัมภีร์ชุนชิวแล้ว ย้อนอ่านดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง) โดยเป็นลักษณะใช้เหยือกเทน้ำรดมือให้น้ำไหลทิ้งลงบนอ่างที่มีคนถือรองไว้

    ส่วนที่สองเรียกว่าพิธี ‘ถงเหลา’ (同牢) คือบ่าวสาวนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน ซึ่งเป็นพิธีการเชิงสัญลักษณ์ว่าสองคนสามีภรรยารวมกันเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ทั้งนี้ เพราะว่าปกติในสมัยนั้นสตรีและบุรุษจะนั่งแยกโต๊ะกัน

    ในส่วนของพิธีถงเหลานี้ ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้คือบ่าวสาวจะกินเนื้อสัตว์ที่ตักจากชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวกัน (นึกภาพว่าปกติเสิร์ฟเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวหรือทั้งตัวแล้วแล่แต่พอคำ เพราะ ‘เหลา’ ในที่นี้หมายถึงสัตว์สี่เท้าที่ในสมัยนั้นนิยมใช้เซ่นไหว้ เช่น วัว หมู หรือแกะ) นอกจากนี้ ในเอกสารอื่นระบุว่าบ่าวสาวจะร่วมกินอาหารสามครั้งหรือ ‘ซานฟ่าน’ (三饭) กล่าวคือ กินข้าว กินน้ำแกงต้มจากเนื้อ และใช้นิ้วจิ้มน้ำจิ้มกิน (เช่น เต้าเจี้ยว) แต่จนใจ Storyฯ หาไม่พบว่าสามรายการนี้แฝงความหมายอะไรไว้หรือไม่ แน่นอนว่ากินกันเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น

    ส่วนที่สามเรียกว่าพิธี ‘เหอจิ่น’ (合卺) แปลตรงตัวว่านำมาประกบกัน ซึ่งก็คือการร่วมดื่มสุรามงคล ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้นั้น จะใช้ภาชนะทำจากน้ำเต้าผ่าครึ่งใส่เหล้าดื่ม เป็นการ ‘ล้างปาก’ หลังจากร่วมกินอาหารเสร็จ แต่ในเอกสารโบราณที่กล่าวถึงการกินอาหารสามครั้งก็ระบุว่าให้ดื่มเหล้าสามครั้งเช่นกัน โดยสองครั้งแรกใช้จอกเหล้า ครั้งที่สามคือใช้น้ำเต้าผ่าครึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าสามีภรรยารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นที่มาของการแลกกันดื่มหรือ ‘เจียวเปย’ (交杯) ซึ่งต่อมากลายเป็นภาพเกี่ยวแขนดื่มสุรามงคลที่เราเห็นในหลายซีรีส์

    และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของพิธีการแต่งงานสมัยฮั่นซึ่งไม่มีการกราบไหว้ฟ้าดินหรือโค้งคารวะพ่อแม่แบบที่เราเห็นในยุคสมัยหลังจากนั้น

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความเก่า:
    คัมภีร์ชุนชิว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1248905993904357
    ผูกปมผม: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/368606858600946
    สีชุดเจ้าสาว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/116299537122708

    Credit รูปภาพจาก: https://tidenews.com.cn/news.html?id=3130023
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.sohu.com/a/800556927_120808812
    https://www.sxgp.gov.cn/zjgp/gpgs_427/202101/t20210120_1341716.shtml
    https://k.sina.cn/article_7142104121_1a9b3dc3900100jj2k.html
    https://liji.5000yan.com/hunyi/348.html
    https://www.jiemian.com/article/1057773.html

    #ปรปักษ์จำนน #พิธีแต่งงานจีนโบราณ #สุรามงคล #บันทึกพิธีการหลี่จี้ #สาระจีน
    **<ปรปักษ์จำนน> กับพิธีแต่งงานสมัยฮั่น** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงสินสอดในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> วันนี้เลยมาคุยต่อถึงพิธีแต่งงานที่คู่บ่าวสาวนั่งกินอาหารด้วยกันกลางโถง ซึ่งเป็นพิธีการที่เราไม่ค่อยเห็นกันบ่อยในซีรีส์ โดยขั้นตอนตามที่เห็นในซีรีส์คือ “...ชำระมือและหน้า ... รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเดียวกัน ... ข้าวชามเดียวกัน ... ดื่มน้ำแกง ... จิ้มน้ำจิ้ม ... ดื่มสุราจากภาชนะน้ำเต้าอันเดียวกัน” (หมายเหตุ อิงตามซับไทย) ดูแล้วนึกว่ามันคือพิธีการเดียว แต่จริงๆ แล้วมันประกอบด้วยพิธีการสามส่วนค่ะ และเป็นพิธีการแต่งงานจากในสมัยฮั่น ส่วนแรกเรียกว่าพิธี ‘เฟิ่งอี๋ว่อก้วน’ (奉匜沃盥) ซึ่งก็คือการล้างมือก่อนการทำพิธีสักการะบูชาหรือก่อนเข้าร่วมงานพิธีการหรืองานเลี้ยงสำคัญ ปรากฏอยู่ในหนังสือบันทึกพิธีการหลี่จี้และ คัมภีร์ชุนชิวฉบับจั่วจ้วน (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงคัมภีร์ชุนชิวแล้ว ย้อนอ่านดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง) โดยเป็นลักษณะใช้เหยือกเทน้ำรดมือให้น้ำไหลทิ้งลงบนอ่างที่มีคนถือรองไว้ ส่วนที่สองเรียกว่าพิธี ‘ถงเหลา’ (同牢) คือบ่าวสาวนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน ซึ่งเป็นพิธีการเชิงสัญลักษณ์ว่าสองคนสามีภรรยารวมกันเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ทั้งนี้ เพราะว่าปกติในสมัยนั้นสตรีและบุรุษจะนั่งแยกโต๊ะกัน ในส่วนของพิธีถงเหลานี้ ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้คือบ่าวสาวจะกินเนื้อสัตว์ที่ตักจากชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวกัน (นึกภาพว่าปกติเสิร์ฟเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวหรือทั้งตัวแล้วแล่แต่พอคำ เพราะ ‘เหลา’ ในที่นี้หมายถึงสัตว์สี่เท้าที่ในสมัยนั้นนิยมใช้เซ่นไหว้ เช่น วัว หมู หรือแกะ) นอกจากนี้ ในเอกสารอื่นระบุว่าบ่าวสาวจะร่วมกินอาหารสามครั้งหรือ ‘ซานฟ่าน’ (三饭) กล่าวคือ กินข้าว กินน้ำแกงต้มจากเนื้อ และใช้นิ้วจิ้มน้ำจิ้มกิน (เช่น เต้าเจี้ยว) แต่จนใจ Storyฯ หาไม่พบว่าสามรายการนี้แฝงความหมายอะไรไว้หรือไม่ แน่นอนว่ากินกันเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนที่สามเรียกว่าพิธี ‘เหอจิ่น’ (合卺) แปลตรงตัวว่านำมาประกบกัน ซึ่งก็คือการร่วมดื่มสุรามงคล ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้นั้น จะใช้ภาชนะทำจากน้ำเต้าผ่าครึ่งใส่เหล้าดื่ม เป็นการ ‘ล้างปาก’ หลังจากร่วมกินอาหารเสร็จ แต่ในเอกสารโบราณที่กล่าวถึงการกินอาหารสามครั้งก็ระบุว่าให้ดื่มเหล้าสามครั้งเช่นกัน โดยสองครั้งแรกใช้จอกเหล้า ครั้งที่สามคือใช้น้ำเต้าผ่าครึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าสามีภรรยารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นที่มาของการแลกกันดื่มหรือ ‘เจียวเปย’ (交杯) ซึ่งต่อมากลายเป็นภาพเกี่ยวแขนดื่มสุรามงคลที่เราเห็นในหลายซีรีส์ และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของพิธีการแต่งงานสมัยฮั่นซึ่งไม่มีการกราบไหว้ฟ้าดินหรือโค้งคารวะพ่อแม่แบบที่เราเห็นในยุคสมัยหลังจากนั้น (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความเก่า: คัมภีร์ชุนชิว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1248905993904357 ผูกปมผม: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/368606858600946 สีชุดเจ้าสาว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/116299537122708 Credit รูปภาพจาก: https://tidenews.com.cn/news.html?id=3130023 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.sohu.com/a/800556927_120808812 https://www.sxgp.gov.cn/zjgp/gpgs_427/202101/t20210120_1341716.shtml https://k.sina.cn/article_7142104121_1a9b3dc3900100jj2k.html https://liji.5000yan.com/hunyi/348.html https://www.jiemian.com/article/1057773.html #ปรปักษ์จำนน #พิธีแต่งงานจีนโบราณ #สุรามงคล #บันทึกพิธีการหลี่จี้ #สาระจีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกวันนี้ AI Chatbot ส่วนใหญ่ รอให้คนเรียกก่อนค่อยเริ่มตอบใช่ไหมครับ แต่ Meta กำลังจะทำให้มัน “เปลี่ยนขั้ว” กลายเป็นเพื่อนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น โดยในโครงการชื่อว่า “Project Omni” → AI จะสามารถ “ทักเราก่อน” ได้ ถ้าเคยคุยกันมาก่อน และ → ยังสามารถ “ชวนคุยเรื่องเก่า” ที่เคยค้างไว้ เช่น:  – “ได้ลองฟังเพลงจากคอมโพเซอร์ที่คุณเคยพูดถึงไหม?”  – “คืนนี้ว่างไหม อยากให้เราช่วยเลือกหนังดูไหม?”

    Meta บอกว่าแนวคิดนี้จะช่วย เพิ่มคุณค่าของ AI ให้เหมือนเพื่อนสนิทหรือผู้ช่วยที่ใส่ใจ มากกว่าแค่ตอบคำถาม → ยังมีระบบ “สร้างบุคลิก AI” แบบ custom สำหรับแบรนด์หรือแฟนเพจด้วย เช่น เพจนักร้องอาจสร้าง AI ที่ตอบคอมเมนต์แฟนคลับในแบบตัวศิลปินเอง

    ทีมที่ช่วย Meta พัฒนาอยู่คือ Alignerr ซึ่งมีหน้าที่ “ปั้นบุคลิก” ของ AI แต่ละตัวให้หลากหลาย เหมาะกับบริบทต่าง ๆ และตอนนี้ฟีเจอร์กำลังถูกทดลองอยู่ใน Meta AI Studio — โดยมีเงื่อนไขว่า:
    - AI จะ ทักได้เฉพาะแชตที่ผู้ใช้เคยเริ่มก่อน
    - ถ้าเราไม่ตอบกลับ AI จะไม่ส่งข้อความใหม่อีก
    - ต้องเคยมีประวัติส่งแชตอย่างน้อย 5 ข้อความภายใน 14 วัน
    - AI จะชวนคุยแค่เรื่องเดิม ๆ ที่ผู้ใช้เคยคุยไว้
    - ห้ามพูดเรื่องอ่อนไหว–อันตราย–หรือแสดงอารมณ์เชิงลบ

    Meta กำลังทดสอบ Project Omni → ให้ AI ส่งข้อความหาผู้ใช้ก่อนโดยอิงจากบทสนทนาเก่า  
    • ตัวอย่าง: ถามถึงเพลง หนัง หรือสิ่งที่เคยพูดถึง  
    • ใช้ผ่าน Meta AI Studio

    Meta ยืนยันว่า AI จะ “ทักก่อน” ได้เฉพาะแชตที่ผู้ใช้เคยเริ่มไว้เท่านั้น

    หากผู้ใช้ไม่ตอบกลับข้อความจาก AI → ระบบจะหยุดส่งข้อความใหม่โดยอัตโนมัติ

    ต้องส่งข้อความหา AI อย่างน้อย 5 ข้อความใน 14 วัน ถึงจะเข้าเงื่อนไขรับข้อความ follow-up

    ข้อความ follow-up ต้องเป็นบวก, ไม่อ่อนไหว, และยึดโยงจากบทสนทนาเก่า

    จะมีระบบสร้าง AI assistant แบบมีบุคลิกเฉพาะ สำหรับแบรนด์/ผู้ใช้งานผ่าน Meta AI Studio

    https://www.neowin.net/news/metas-next-chatbot-might-message-you-first-and-want-to-keep-talking-to-you/
    ทุกวันนี้ AI Chatbot ส่วนใหญ่ รอให้คนเรียกก่อนค่อยเริ่มตอบใช่ไหมครับ แต่ Meta กำลังจะทำให้มัน “เปลี่ยนขั้ว” กลายเป็นเพื่อนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น โดยในโครงการชื่อว่า “Project Omni” → AI จะสามารถ “ทักเราก่อน” ได้ ถ้าเคยคุยกันมาก่อน และ → ยังสามารถ “ชวนคุยเรื่องเก่า” ที่เคยค้างไว้ เช่น:  – “ได้ลองฟังเพลงจากคอมโพเซอร์ที่คุณเคยพูดถึงไหม?”  – “คืนนี้ว่างไหม อยากให้เราช่วยเลือกหนังดูไหม?” Meta บอกว่าแนวคิดนี้จะช่วย เพิ่มคุณค่าของ AI ให้เหมือนเพื่อนสนิทหรือผู้ช่วยที่ใส่ใจ มากกว่าแค่ตอบคำถาม → ยังมีระบบ “สร้างบุคลิก AI” แบบ custom สำหรับแบรนด์หรือแฟนเพจด้วย เช่น เพจนักร้องอาจสร้าง AI ที่ตอบคอมเมนต์แฟนคลับในแบบตัวศิลปินเอง ทีมที่ช่วย Meta พัฒนาอยู่คือ Alignerr ซึ่งมีหน้าที่ “ปั้นบุคลิก” ของ AI แต่ละตัวให้หลากหลาย เหมาะกับบริบทต่าง ๆ และตอนนี้ฟีเจอร์กำลังถูกทดลองอยู่ใน Meta AI Studio — โดยมีเงื่อนไขว่า: - AI จะ ทักได้เฉพาะแชตที่ผู้ใช้เคยเริ่มก่อน - ถ้าเราไม่ตอบกลับ AI จะไม่ส่งข้อความใหม่อีก - ต้องเคยมีประวัติส่งแชตอย่างน้อย 5 ข้อความภายใน 14 วัน - AI จะชวนคุยแค่เรื่องเดิม ๆ ที่ผู้ใช้เคยคุยไว้ - ห้ามพูดเรื่องอ่อนไหว–อันตราย–หรือแสดงอารมณ์เชิงลบ ✅ Meta กำลังทดสอบ Project Omni → ให้ AI ส่งข้อความหาผู้ใช้ก่อนโดยอิงจากบทสนทนาเก่า   • ตัวอย่าง: ถามถึงเพลง หนัง หรือสิ่งที่เคยพูดถึง   • ใช้ผ่าน Meta AI Studio ✅ Meta ยืนยันว่า AI จะ “ทักก่อน” ได้เฉพาะแชตที่ผู้ใช้เคยเริ่มไว้เท่านั้น ✅ หากผู้ใช้ไม่ตอบกลับข้อความจาก AI → ระบบจะหยุดส่งข้อความใหม่โดยอัตโนมัติ ✅ ต้องส่งข้อความหา AI อย่างน้อย 5 ข้อความใน 14 วัน ถึงจะเข้าเงื่อนไขรับข้อความ follow-up ✅ ข้อความ follow-up ต้องเป็นบวก, ไม่อ่อนไหว, และยึดโยงจากบทสนทนาเก่า ✅ จะมีระบบสร้าง AI assistant แบบมีบุคลิกเฉพาะ สำหรับแบรนด์/ผู้ใช้งานผ่าน Meta AI Studio https://www.neowin.net/news/metas-next-chatbot-might-message-you-first-and-want-to-keep-talking-to-you/
    WWW.NEOWIN.NET
    Meta's next chatbot might message you first and want to keep talking to you
    Meta is working on "Project Omni"; a new way for AI to engage users by messaging them proactively and keeping conversations with them flowing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจดังข้องใจแต่งตั้ง ‘ชัยชนะ‘ นั่ง รมช.สธ. ทั้งที่เพิ่งมีคดีทำร้ายร่างกายกลางงานบวช คนแบบนี้ผ่านจริยธรรมรัฐมนตรีได้อย่างไร
    https://www.thai-tai.tv/news/20008/
    .
    #ชัยชนะเดชเดโช #รมชสาธารณสุข #CSI_LA #รัฐบาลแพทองธาร #จริยธรรมรัฐมนตรี #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #ตั้งคำถามให้สังคมรู้ทัน
    เพจดังข้องใจแต่งตั้ง ‘ชัยชนะ‘ นั่ง รมช.สธ. ทั้งที่เพิ่งมีคดีทำร้ายร่างกายกลางงานบวช คนแบบนี้ผ่านจริยธรรมรัฐมนตรีได้อย่างไร https://www.thai-tai.tv/news/20008/ . #ชัยชนะเดชเดโช #รมชสาธารณสุข #CSI_LA #รัฐบาลแพทองธาร #จริยธรรมรัฐมนตรี #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #ตั้งคำถามให้สังคมรู้ทัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนกระแสโซเชียลถล่ม! หลังเพจดังโพสต์ถึงการใช้ภาษาของ "ดร.หญิง ลิณธิภรณ์" รมช.ศึกษาธิการ คนใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/19989/
    .
    #ลิณธิภรณ์วริณวัชรโรจน์ #รมชศึกษาธิการ #ภาษาไทย #คำไทย #ดราม่าโซเชียล #กระทรวงศึกษาธิการ #การเมืองไทย #YingRinthipondVarinvatchararo
    โดนกระแสโซเชียลถล่ม! หลังเพจดังโพสต์ถึงการใช้ภาษาของ "ดร.หญิง ลิณธิภรณ์" รมช.ศึกษาธิการ คนใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/19989/ . #ลิณธิภรณ์วริณวัชรโรจน์ #รมชศึกษาธิการ #ภาษาไทย #คำไทย #ดราม่าโซเชียล #กระทรวงศึกษาธิการ #การเมืองไทย #YingRinthipondVarinvatchararo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฉเดือด!!! เพจดัง ชำแหละ 'ฮุนเซน' ไม่ใช่นักรบ แต่เป็นนักเจรจาขายชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/19977/
    .
    #ฮุนเซน #ขายชาติขายแผ่นดิน #ฮุนเซน #CSI_LA #ขายชาติ #การเมืองกัมพูชา #เขมรแดง #เวียดนาม #รัฐประหาร #ประวัติศาสตร์กัมพูชา #สงครามเย็น
    แฉเดือด!!! เพจดัง ชำแหละ 'ฮุนเซน' ไม่ใช่นักรบ แต่เป็นนักเจรจาขายชาติ https://www.thai-tai.tv/news/19977/ . #ฮุนเซน #ขายชาติขายแผ่นดิน #ฮุนเซน #CSI_LA #ขายชาติ #การเมืองกัมพูชา #เขมรแดง #เวียดนาม #รัฐประหาร #ประวัติศาสตร์กัมพูชา #สงครามเย็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฉเดือด!!! เพจดัง ชำแหละ 'ฮุนเซน' ไม่ใช่นักรบ แต่เป็นนักเจรจาขายชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/19977/
    .
    #ฮุนเซน #ขายชาติขายแผ่นดิน #ฮุนเซน #CSI_LA #ขายชาติ #การเมืองกัมพูชา #เขมรแดง #เวียดนาม #รัฐประหาร #ประวัติศาสตร์กัมพูชา #สงครามเย็น
    แฉเดือด!!! เพจดัง ชำแหละ 'ฮุนเซน' ไม่ใช่นักรบ แต่เป็นนักเจรจาขายชาติ https://www.thai-tai.tv/news/19977/ . #ฮุนเซน #ขายชาติขายแผ่นดิน #ฮุนเซน #CSI_LA #ขายชาติ #การเมืองกัมพูชา #เขมรแดง #เวียดนาม #รัฐประหาร #ประวัติศาสตร์กัมพูชา #สงครามเย็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ ปภ. จัดอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถ พร้อมรับมือภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระดับมาตรฐานสากล ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก
    เป็นประธานมอบใบวุฒิบัตรให้แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัย ที่สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue) หรือ “USAR" เป็นโครงการฝึกอบรมที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อฝึกทักษะ เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ และทบทวนการปฏิบัติภารกิจการค้นหาและกู้ภัยฯ ตามหลักมาตรฐานสากล พร้อมทบทวนข้อมูลและเรียนรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบโครงสร้างต่างๆ การพิจารณาสาเหตุรอยร้าว การตรวจสอบอาคารวิบัติ การเข้าแก้ไขเบื้องต้น ฯลฯ โดยแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติเรียนรู้วิธีลดการพังทลายของโครงสร้างอาคาร การกำหนดสัญลักษณ์การค้นหา ฯลฯ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับภารกิจของสุนัขกู้ภัย (K9) โดยมี นายเกริกเสกข์สัณห์ วาสะสิริ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญฯ ร่วมเป็นวิทยากรในการฝึกอบรม พร้อมด้วยนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นางสาวณัฐกานต์ ขำคม ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและฝึกอบรม และนางสาวพิมพ์ณภัท สุนทรฐิติวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ร่วมสังเกตการณ์ ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท
    .
    สำหรับการพัฒนาบุคลากรด้านบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในระดับมาตรฐานสากล จึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ Mou Onpimon ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผนึกกำลังทั้งทางด้านวิชาการ และการปฏิบัติการ เพื่อการบูรณาการการจัดการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่และ/หรืออาสาสมัครมูลนิธิฯ และเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยให้สามารถบริหารจัดการและปฏิบัติตอบโต้เหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดทีมบรรเทาเข้าโครงการอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ. 2566 และได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิผล โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาบุคลากรควบคู่กับพัฒนาโครงการ เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ ปภ. จัดอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถ พร้อมรับมือภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระดับมาตรฐานสากล ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท . วันนี้ (วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก เป็นประธานมอบใบวุฒิบัตรให้แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัย ที่สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue) หรือ “USAR" เป็นโครงการฝึกอบรมที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อฝึกทักษะ เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ และทบทวนการปฏิบัติภารกิจการค้นหาและกู้ภัยฯ ตามหลักมาตรฐานสากล พร้อมทบทวนข้อมูลและเรียนรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบโครงสร้างต่างๆ การพิจารณาสาเหตุรอยร้าว การตรวจสอบอาคารวิบัติ การเข้าแก้ไขเบื้องต้น ฯลฯ โดยแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติเรียนรู้วิธีลดการพังทลายของโครงสร้างอาคาร การกำหนดสัญลักษณ์การค้นหา ฯลฯ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับภารกิจของสุนัขกู้ภัย (K9) โดยมี นายเกริกเสกข์สัณห์ วาสะสิริ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญฯ ร่วมเป็นวิทยากรในการฝึกอบรม พร้อมด้วยนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นางสาวณัฐกานต์ ขำคม ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและฝึกอบรม และนางสาวพิมพ์ณภัท สุนทรฐิติวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ร่วมสังเกตการณ์ ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท . สำหรับการพัฒนาบุคลากรด้านบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในระดับมาตรฐานสากล จึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ [MOU] ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผนึกกำลังทั้งทางด้านวิชาการ และการปฏิบัติการ เพื่อการบูรณาการการจัดการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่และ/หรืออาสาสมัครมูลนิธิฯ และเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยให้สามารถบริหารจัดการและปฏิบัติตอบโต้เหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดทีมบรรเทาเข้าโครงการอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ. 2566 และได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิผล โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาบุคลากรควบคู่กับพัฒนาโครงการ เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจ "กองทัพบก" โพสต์ "ช่างก่อสร้างไทยสุดช้ำ ถูกโกงค่าแรงในกัมพูชา"
    https://www.thai-tai.tv/news/19944/
    .
    #คนไทยในกัมพูชา #ถูกโกงค่าแรง #แรงงานไทย #ข้ามแดนผิดกฎหมาย #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #สระแก้ว #ชีวิตแรงงาน #ปัญหาแรงงาน
    เพจ "กองทัพบก" โพสต์ "ช่างก่อสร้างไทยสุดช้ำ ถูกโกงค่าแรงในกัมพูชา" https://www.thai-tai.tv/news/19944/ . #คนไทยในกัมพูชา #ถูกโกงค่าแรง #แรงงานไทย #ข้ามแดนผิดกฎหมาย #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #สระแก้ว #ชีวิตแรงงาน #ปัญหาแรงงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมจัดอย่างใหญ่! “โคราชมาราธอน 2025” สนามวิ่งมาตรฐานโลก สร้างความประทับใจ บนเส้นทางแลนด์มาร์ค เมืองย่าโม 16 พ.ย.นี้ คาดนักวิ่งร่วมกว่า 7,500 คน

    โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี 16 พ.ย.นี้ สนามวิ่งมาราธอนไทยได้มาตรฐานระดับโลก เก็บความประทับใจกับไฮไลท์บนเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองย่าโม ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญ พร้อมโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดทาง จากวงดุริยางค์ดีกรีแชมป์โลก ซึ่งเป็นลูกหลานย่าโม ภายใต้แนวคิด เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้จังหวัด คาดการณ์ว่านักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน และเอาใจนักวิ่งสายบุญกับ Charity Set ร่วมสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล

    เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ณ อีเวนต์ ฮออล์ 2 ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” (KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD) โดยได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21, Mr.Benson Ke General Manager of BYD Thailand, คุณปรีชา ลิ้มอั่วผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์โคราช และคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด เข้าร่วมแถลงรายละเอียดของการแข่งขัน

    “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สนามวิ่งมาราธอนไทยมาตรฐานโลก "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" มาราธอนแห่งความประทับใจเมืองย่าโม "The Memorable Marathon" แนวคิดการออกแบบสนามวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจให้เป็นสนามแห่งความประทับใจ หลอมรวมความเป็นโคราชไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเส้นทางที่จะพานักวิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสำคัญเมืองโคราช โดยมีจุดปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9

    พร้อมการแสดงโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดเส้นทางของวงดุริยางค์ จากน้องๆ ลูกหลานย่าโม ที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ธีมการออกแบบปีนี้ชูแนวคิดเส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน "Build Your Marathon Dream" เน้นความวิจิตรงดงามของลวดลายผ้าไหมพื้นบนไอคอนแลนด์มาร์คเมืองโคราช นำลวดลายโคราชโมโนแกรม มาใช้ประกอบ สื่อถึงการประยุกต์ความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์วิถีดั้งเดิมมารวมเข้าด้วยกันกับงานวิ่ง

    การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานอีเว้นท์กีฬามวลชนระดับนานาชาติประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเป็นการสร้างงานวิ่งมาตรฐานโลกให้เป็นจุดหมายของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างมาราธอนที่สุดแสนประทับใจแห่งเมืองย่าโม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน

    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแข่งขัน "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิ่ง แต่ยังสะท้อนศักยภาพของจังหวัดในการจัดอีเวนต์ระดับโลก ต่อยอดจากความเข้มแข็งของชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวโคราช ผมเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโคราชให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

    พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน"KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ในด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีอย่างสูงสุด พร้อมทั้งยังสะท้อนบทบาทของกองทัพในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน

    นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานวิ่งมาราธอน Korat Marathon 2025 Presented by BYD จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน’ หรือ ‘Build Your Marathon Dreams’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ BYD ที่สนับสนุนให้ทุกคนไล่ตามความฝันของตัวเอง และ การเข้าร่วมงานวิ่งของ BYD ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง พร้อมเดินตามความฝันในการมีสุขภาพที่ดีให้เป็นจริง

    นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ โคราช กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีความเชื่อมั่นเสมอว่าศูนย์การค้าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คน สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน สำหรับเดอะมอลล์ โคราช ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพี่น้องชาวโคราช และอยู่เคียงข้างกันชาวโคราชมากว่า 25 ปี และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดีๆ ให้กับชาวโคราช อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา เนื่องด้วยโคราชเป็นเมืองแห่งกีฬาเป็นศูนย์รวมของคนรักสุขภาพ และมีความพร้อม มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ เดอะมอลล์ โคราช มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ที่พร้อมสนับสนุนทุกมิติของความสุขอย่างยั่งยืน พิเศษสุด! สำหรับนักวิ่งทุกท่านสามารถเตรียมความพร้อมก่อนวันจริง กับสินค้าและอุปกรณ์วิ่งครบวงจรได้ที่งาน Korat Marathon Sports Fest ในราคาสุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 14–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช”

    ด้านคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการจัดกล่าวว่า ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้คือ The Memorable Marathon มาราธอนแห่งความประทับใจ ถ่ายทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งเมืองโคราช รวมทั้ง Point To Point Route ปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ใช้เส้นทาง Run Through Korat City วิ่งผ่านแลนด์มาร์คเมืองโคราช ภายใต้ World Class Race มาตรฐานงานวิ่งระดับโลก และ Scenic Finish Venue เส้นชัยวิวสวย พร้อมกับ World Class Cheering Team สนุกสนานกับกองเชียร์และการแสดงระดับโลก

    สำหรับ “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะมาราธอน 42195. กิโลเมตร, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กิโลเมตร., ระยะมินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร. และระยะไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร กำหนดวันรับอุปกรณ์ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช และวันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยปีนี้พิเศษกว่าเดิม! เสื้อวิ่งดีไซน์สุดปัง มาพร้อมโทนสีใหม่ที่โดดเด่นกว่าเคย สำหรับผู้สนใจร่วมแข่งขันสามารถสมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน

    นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิ่งใจบุญมาทางนี้ กับการสมัคร Charity Set ราคา 2,500 บาท โดยรายได้จากค่าสมัคร 2,000 บาทในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทำบุญเพื่อสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งนักวิ่งที่สมัครจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับชุด Race Pack สุดพิเศษ สมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025

    ทั้งนี้สามารถดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : Korat Marathon https://www.facebook.com/koratmarathon2025
    เตรียมจัดอย่างใหญ่! “โคราชมาราธอน 2025” สนามวิ่งมาตรฐานโลก สร้างความประทับใจ บนเส้นทางแลนด์มาร์ค เมืองย่าโม 16 พ.ย.นี้ คาดนักวิ่งร่วมกว่า 7,500 คน โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี 16 พ.ย.นี้ สนามวิ่งมาราธอนไทยได้มาตรฐานระดับโลก เก็บความประทับใจกับไฮไลท์บนเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองย่าโม ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญ พร้อมโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดทาง จากวงดุริยางค์ดีกรีแชมป์โลก ซึ่งเป็นลูกหลานย่าโม ภายใต้แนวคิด เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้จังหวัด คาดการณ์ว่านักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน และเอาใจนักวิ่งสายบุญกับ Charity Set ร่วมสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ณ อีเวนต์ ฮออล์ 2 ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” (KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD) โดยได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21, Mr.Benson Ke General Manager of BYD Thailand, คุณปรีชา ลิ้มอั่วผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์โคราช และคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด เข้าร่วมแถลงรายละเอียดของการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สนามวิ่งมาราธอนไทยมาตรฐานโลก "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" มาราธอนแห่งความประทับใจเมืองย่าโม "The Memorable Marathon" แนวคิดการออกแบบสนามวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจให้เป็นสนามแห่งความประทับใจ หลอมรวมความเป็นโคราชไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเส้นทางที่จะพานักวิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสำคัญเมืองโคราช โดยมีจุดปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 พร้อมการแสดงโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดเส้นทางของวงดุริยางค์ จากน้องๆ ลูกหลานย่าโม ที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ธีมการออกแบบปีนี้ชูแนวคิดเส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน "Build Your Marathon Dream" เน้นความวิจิตรงดงามของลวดลายผ้าไหมพื้นบนไอคอนแลนด์มาร์คเมืองโคราช นำลวดลายโคราชโมโนแกรม มาใช้ประกอบ สื่อถึงการประยุกต์ความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์วิถีดั้งเดิมมารวมเข้าด้วยกันกับงานวิ่ง การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานอีเว้นท์กีฬามวลชนระดับนานาชาติประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเป็นการสร้างงานวิ่งมาตรฐานโลกให้เป็นจุดหมายของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างมาราธอนที่สุดแสนประทับใจแห่งเมืองย่าโม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแข่งขัน "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิ่ง แต่ยังสะท้อนศักยภาพของจังหวัดในการจัดอีเวนต์ระดับโลก ต่อยอดจากความเข้มแข็งของชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวโคราช ผมเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโคราชให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน"KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ในด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีอย่างสูงสุด พร้อมทั้งยังสะท้อนบทบาทของกองทัพในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานวิ่งมาราธอน Korat Marathon 2025 Presented by BYD จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน’ หรือ ‘Build Your Marathon Dreams’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ BYD ที่สนับสนุนให้ทุกคนไล่ตามความฝันของตัวเอง และ การเข้าร่วมงานวิ่งของ BYD ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง พร้อมเดินตามความฝันในการมีสุขภาพที่ดีให้เป็นจริง นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ โคราช กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีความเชื่อมั่นเสมอว่าศูนย์การค้าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คน สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน สำหรับเดอะมอลล์ โคราช ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพี่น้องชาวโคราช และอยู่เคียงข้างกันชาวโคราชมากว่า 25 ปี และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดีๆ ให้กับชาวโคราช อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา เนื่องด้วยโคราชเป็นเมืองแห่งกีฬาเป็นศูนย์รวมของคนรักสุขภาพ และมีความพร้อม มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ เดอะมอลล์ โคราช มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ที่พร้อมสนับสนุนทุกมิติของความสุขอย่างยั่งยืน พิเศษสุด! สำหรับนักวิ่งทุกท่านสามารถเตรียมความพร้อมก่อนวันจริง กับสินค้าและอุปกรณ์วิ่งครบวงจรได้ที่งาน Korat Marathon Sports Fest ในราคาสุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 14–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช” ด้านคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการจัดกล่าวว่า ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้คือ The Memorable Marathon มาราธอนแห่งความประทับใจ ถ่ายทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งเมืองโคราช รวมทั้ง Point To Point Route ปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ใช้เส้นทาง Run Through Korat City วิ่งผ่านแลนด์มาร์คเมืองโคราช ภายใต้ World Class Race มาตรฐานงานวิ่งระดับโลก และ Scenic Finish Venue เส้นชัยวิวสวย พร้อมกับ World Class Cheering Team สนุกสนานกับกองเชียร์และการแสดงระดับโลก สำหรับ “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะมาราธอน 42195. กิโลเมตร, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กิโลเมตร., ระยะมินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร. และระยะไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร กำหนดวันรับอุปกรณ์ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช และวันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยปีนี้พิเศษกว่าเดิม! เสื้อวิ่งดีไซน์สุดปัง มาพร้อมโทนสีใหม่ที่โดดเด่นกว่าเคย สำหรับผู้สนใจร่วมแข่งขันสามารถสมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิ่งใจบุญมาทางนี้ กับการสมัคร Charity Set ราคา 2,500 บาท โดยรายได้จากค่าสมัคร 2,000 บาทในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทำบุญเพื่อสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งนักวิ่งที่สมัครจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับชุด Race Pack สุดพิเศษ สมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ทั้งนี้สามารถดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : Korat Marathon https://www.facebook.com/koratmarathon2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์นี้ยังคงพูดถึงนิยาย/ละครแนวเทพเซียน

    เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่าสัตว์เทพที่เราพบเจอในหลายนิยาย/ละครจีน ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกเก้าหาง นกหงส์ฟ้าเฟิ่งหวง กิเลน ฯลฯ โดยส่วนใหญ่มีบันทึกไว้ในเอกสารทางประวัติศาสตร์? เอกสารที่ว่านี้คือ “ซานไห่จิง” หรือ <คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล> ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล) ที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน หนังสือแบ่งออกเป็นสิบแปดตอนประกอบด้วยบทแห่งขุนเขาและบทแห่งทะเล (Storyฯ เห็นมีแปลเป็นไทยวางขาย เพื่อนเพจที่สนใจสามารถหาอ่านได้)

    วันนี้เรามาเริ่มคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับคัมภีร์ซานไห่จิงด้วย ‘สมาชิก’ ของคัมภีร์ฯ ที่เพื่อนเพจอาจไม่คุ้นหน้า แต่ถ้าใครได้ดูละครเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ก็จะได้เห็นเจ้าสัตว์เทพหน้าตาประหลาดตามรูป (รูปซ้ายล่าง) มีชื่อเรียกว่า “คายหมิงโซ่ว” (开明兽) มันมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นผู้พิทักษ์เขาคุนลุ้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจีนที่เราคุ้นหู

    ความมีอยู่ว่า
    ...ที่ยอดเขามิรู้ปรากฎใบหน้าแปลกประหลาดโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อใด ตัวคล้ายสิงโต แต่ก็คล้ายสุนัข ที่แปลกที่สุดคือเศียรอันใหญ่ยังรายล้อมไปด้วยเศียรเล็กๆ หน้าตาเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียว แต่ละเศียรกำลังเบิ่งตาโตมองสุราและไก่ย่างในมือของพวกเขา ทำท่าราวกับว่ากำลังจะน้ำลายไหลออกมา...
    - จากเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ผู้แต่ง สือซื่อหลาง
    (หมายเหตุ ชื่อตามชื่อไทยของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    จริงๆ แล้วตามคัมภีร์ซานไห่จิงนั้นคายหมิงโซ่วมีลำตัวเป็นเสือยักษ์ (รูปล่างขวาจากบันทึกซันไห่จิง จะเห็นลายพาดกลอนชัดเจน) ไม่ใช่สิงโต ซึ่งต่างจากลักษณะในละคร มีเก้าเศียรและใบหน้าเป็นคน มันเป็นสัตว์เทพที่ดุร้ายมีพละกำลังเกินสัตว์ทั่วไป สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสรรพสิ่งที่เข้าใกล้

    คายหมิงโซ่วเป็นผู้พิทักษ์เขาคุนลุ้น ซึ่งตามตำนานนั้นสูงจรดฟ้าอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ด้านตะวันตกมีประตูทางเข้าสู่เขตแดนสวรรค์อยู่เก้าประตู คายหมิงโซ่วมีหน้าที่คอยเฝ้าประตูทั้งเก้านี้ หนึ่งเศียรหันดูหนึ่งประตู ดวงตาไม่เคยหลับ เพื่อปกป้องไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวนความสงบของสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จึงไม่แปลกที่เราไม่ค่อยเห็นคายหมิงโซ่วออกมาเพ่นพ่านในนิยาย/ละครแนวเทพเซียนทั่วไป เนื่องจากมันมีสถานที่ที่ต้องอยู่โยงเฝ้าประจำนั่นเอง

    วันนี้คุยกันเบาะๆ กับสัตว์เทพที่ไม่ค่อยพบเจอ แต่คราวหน้าเราจะมาคุยกันถึงสัตว์เทพที่เพื่อนเพจส่วนใหญ่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือจิ้งจอกเก้าหาง ใครเป็นแฟนคลับป๋ายเฉี่ยนแห่งสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่อย่าลืมมาติดตามตอนต่อไปนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.cdramalove.com/love-and-redemption-summary/
    https://m.sohu.com/a/383471932_100085277/?pvid=000115_3w_a
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.sohu.com/a/383471932_100085277/?pvid=000115_3w_a
    https://baike.baidu.com/item/%E5%BC%80%E6%98%8E%E5%85%BD/3390243
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/144025393

    #ปลดผนึกหัวใจ #ตำนานจีน #คายหมิงโซ่ว #ซานไห่จิง #StoryfromStory
    สัปดาห์นี้ยังคงพูดถึงนิยาย/ละครแนวเทพเซียน เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่าสัตว์เทพที่เราพบเจอในหลายนิยาย/ละครจีน ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกเก้าหาง นกหงส์ฟ้าเฟิ่งหวง กิเลน ฯลฯ โดยส่วนใหญ่มีบันทึกไว้ในเอกสารทางประวัติศาสตร์? เอกสารที่ว่านี้คือ “ซานไห่จิง” หรือ <คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล> ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล) ที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน หนังสือแบ่งออกเป็นสิบแปดตอนประกอบด้วยบทแห่งขุนเขาและบทแห่งทะเล (Storyฯ เห็นมีแปลเป็นไทยวางขาย เพื่อนเพจที่สนใจสามารถหาอ่านได้) วันนี้เรามาเริ่มคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับคัมภีร์ซานไห่จิงด้วย ‘สมาชิก’ ของคัมภีร์ฯ ที่เพื่อนเพจอาจไม่คุ้นหน้า แต่ถ้าใครได้ดูละครเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ก็จะได้เห็นเจ้าสัตว์เทพหน้าตาประหลาดตามรูป (รูปซ้ายล่าง) มีชื่อเรียกว่า “คายหมิงโซ่ว” (开明兽) มันมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นผู้พิทักษ์เขาคุนลุ้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจีนที่เราคุ้นหู ความมีอยู่ว่า ...ที่ยอดเขามิรู้ปรากฎใบหน้าแปลกประหลาดโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อใด ตัวคล้ายสิงโต แต่ก็คล้ายสุนัข ที่แปลกที่สุดคือเศียรอันใหญ่ยังรายล้อมไปด้วยเศียรเล็กๆ หน้าตาเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียว แต่ละเศียรกำลังเบิ่งตาโตมองสุราและไก่ย่างในมือของพวกเขา ทำท่าราวกับว่ากำลังจะน้ำลายไหลออกมา... - จากเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ผู้แต่ง สือซื่อหลาง (หมายเหตุ ชื่อตามชื่อไทยของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) จริงๆ แล้วตามคัมภีร์ซานไห่จิงนั้นคายหมิงโซ่วมีลำตัวเป็นเสือยักษ์ (รูปล่างขวาจากบันทึกซันไห่จิง จะเห็นลายพาดกลอนชัดเจน) ไม่ใช่สิงโต ซึ่งต่างจากลักษณะในละคร มีเก้าเศียรและใบหน้าเป็นคน มันเป็นสัตว์เทพที่ดุร้ายมีพละกำลังเกินสัตว์ทั่วไป สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสรรพสิ่งที่เข้าใกล้ คายหมิงโซ่วเป็นผู้พิทักษ์เขาคุนลุ้น ซึ่งตามตำนานนั้นสูงจรดฟ้าอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ด้านตะวันตกมีประตูทางเข้าสู่เขตแดนสวรรค์อยู่เก้าประตู คายหมิงโซ่วมีหน้าที่คอยเฝ้าประตูทั้งเก้านี้ หนึ่งเศียรหันดูหนึ่งประตู ดวงตาไม่เคยหลับ เพื่อปกป้องไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวนความสงบของสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จึงไม่แปลกที่เราไม่ค่อยเห็นคายหมิงโซ่วออกมาเพ่นพ่านในนิยาย/ละครแนวเทพเซียนทั่วไป เนื่องจากมันมีสถานที่ที่ต้องอยู่โยงเฝ้าประจำนั่นเอง วันนี้คุยกันเบาะๆ กับสัตว์เทพที่ไม่ค่อยพบเจอ แต่คราวหน้าเราจะมาคุยกันถึงสัตว์เทพที่เพื่อนเพจส่วนใหญ่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือจิ้งจอกเก้าหาง ใครเป็นแฟนคลับป๋ายเฉี่ยนแห่งสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่อย่าลืมมาติดตามตอนต่อไปนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.cdramalove.com/love-and-redemption-summary/ https://m.sohu.com/a/383471932_100085277/?pvid=000115_3w_a Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.sohu.com/a/383471932_100085277/?pvid=000115_3w_a https://baike.baidu.com/item/%E5%BC%80%E6%98%8E%E5%85%BD/3390243 https://zhuanlan.zhihu.com/p/144025393 #ปลดผนึกหัวใจ #ตำนานจีน #คายหมิงโซ่ว #ซานไห่จิง #StoryfromStory
    WWW.CDRAMALOVE.COM
    Love And Redemption Summary - C-Drama Love - Show Summary
    Chinese Drama Love And Redemption Summary (琉璃) The drama tells the story of Chu Xuan Ji, a girl born with an incomplete "sixth sense", and Yu
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..พูดอย่างจริงใจ,แบบเปิดอกเลยนะ,
    ...แน่นอนบังเอิญมิใช่บังเอิญ มีใครพูดกระซิบข้างหูมั้ยนะต้องจำเป็นไปชุมนุมสถานที่ซาตานนี้นะ,เคยเตือนว่าอย่าไปเลย,ส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นศูนย์รวมการเก็บเกี่ยวพลังงานจิตเชิงลบหรือบวกได้หมดเลยล่ะ,มันเอาไปขายทั่วจักรวาลทัังเชิงลบเชิงบวกล่ะ,เชิงลบแน่นอนสร้างหายนะได้เพิ่มมากขึ้นในหลายๆช่องทางที่มันมีพลังชั่วแล้ว จะไปทำลายที่ไหนก็ได้,ปกติผู้คนที่จราจรให้มันเก็บเกี่ยวอยู่แล้ว,ประเทศไทยเราสมควรทำลายสถานที่นี้เถอะ,มันชัดเจนขนาดนี้แล้วสัญลักษณ์ชัดๆฝ่ายมืด,ขออย่าเป็นฝ่ายมืดเลย,ที่ครอบงำเดอะแก๊งนี้เดอะคณะนี้,อดีตแกนนำพันธมิตรอาจเปลี่ยนสัญลักษณ์ไปเลยเป็นอันใหม่ก็ดีนะ,เหมือนตาปีศาจอย่างไงมันรู้,เมื่อพันธมิตรทิ้งจบอดีตนั้นแล้ว,ทิ้งโลโก้ไปเลยด้วยเถอะอย่าเสียดาย,เราติดตามสัญลักษณ์พวกซาตานมาเห็นแล้วไม่คอยสบายใจ,ตอนแลกบอกสถานที่จะชุมนุนว่าที่นี้ ก็ไม่เห็นด้วยในตอนต้นอยู่แล้ว,บ้านนี้มีคนอ่านน้อยก็ว่า,เลยไม่มีลำโพงดังไกลนักในการเตือน,เห็นสีรุ่งในเพจข่าวออนไลน์ของที่นี้ก็ยังไม่ค่อยสบายใจ,จนมองว่าเป็นพวกซาตานไปด้วยเลยนะ,มาใช้แอปซาตานคุมหลังฉากมั้ยนะยังคิดเลยthaitimeนี้,ผู้จัดการและทีมงานจะไม่รู้เรื่องdeep stateซาตานแรปทีเลี่ยนagenda2030เบื้องต้นเลยเหรอ,นี้คือตางูตาปีศาจตาสัตว์เลื้อยคลานชัดๆอิลูมินาติก็ว่า,
    ..พวกมันไม่ปะปนในแอปนี้ด้วยนะ ในเพจผู้จัดการออนไลน์ด้วยนะ,
    ..ถ้าthatimeเป็นพวกมันด้วยก็บอกด้วยนะ เปิดเผยให้ชัดเจนแบบพิธานั้นล่ะพรรคก้าวไกลโน้น.,ฝ่ายมืดปัจจุบันนี้ก็ชัดเจนหมดแล้วเช่นกัน เพื่อคัดเลือกคนมาเข้าพวกก็ว่าแบบเปิดเผยได้ ไม่ปิดบังแบบอดีตแล้ว,เพราะพระเจ้าเมื่อเลิกอนุญาตจะหาสมาชิกไปเป็นฝ่ายมารสะดวกๆแบบนี้ไม่ได้อีก,คือฝ่ายแสงก็เลือกคัดคนดึดดูดชาวโลกไปเป็นพวกตนมากๆอย่างเสรีได้เต็มที่เช่นอนุญาตฝ่ายมืดแบบนี้ในยุคนี้,เมื่อโลกระเบิดในอนาคต ฝ่ายมืดก็ดึงวิญญาณนัันๆไปด้วยทั้งหมดทันทีเช่นกันเหมือนสัญญาซาตานที่ลงนามกันไว้นั้นล่ะ,
    ..เคสนี้รูปนี้อธิบายชัดมาก,ตาชัดๆ,ตาเดียวแบบตาปีศาจในหนังเดอะลอร์ดนั้นล่ะ,หอคอยตาปีศาจ,คณะแกนร่วมรวมพลังแผ่นดินไทย หากจะสร้างสัญลักษณ์ตนขึ้นมาใหม่ อย่าไปทางสัญลักษณ์พวกปีศาจซาตานฝ่ายมืดเน้อ,มันจะน่าผิดหวังมาก,พันธมิตรจะสิ้นค่าทันทีเลยของยุคสมันอดีตเรา,เหมือนถูกหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยบูชายันต์ให้พวกซาตานมารปีศาจมัน,
    ..ถ้าแฟนพันธ์แท้สายกูรูซาตานจริง เขาชี้ชัดเลยว่าคณะร่วมนี้เป็นฝ่ายมืดด้วย,ไปเพิ่มพลังงานใก้มันเลย ในที่ของๆมันด้วยเต็มๆ.ตาปีศาจชัดเจนมาก,ใครนะบินโดรนถ่ายรูปจนเห็นชัดขนาดนีั.นี้คือมุมมองบริบทด้านสัญลักษณ์ดวงตาปีศาจ,ส่วนในด้านคนไม่สนใจก็คือเพื่อไล่รัฐบาลนั้นล่ะ,ทหารไทยอยู่ฝ่ายตรงข้ามเรานะคุณลุงอังเคิลฮุนเซน อยากได้อะไรเกี๋ยวจัดให้.
    ..พูดอย่างจริงใจ,แบบเปิดอกเลยนะ, ...☝️แน่นอนบังเอิญมิใช่บังเอิญ มีใครพูดกระซิบข้างหูมั้ยนะต้องจำเป็นไปชุมนุมสถานที่ซาตานนี้นะ,เคยเตือนว่าอย่าไปเลย,ส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นศูนย์รวมการเก็บเกี่ยวพลังงานจิตเชิงลบหรือบวกได้หมดเลยล่ะ,มันเอาไปขายทั่วจักรวาลทัังเชิงลบเชิงบวกล่ะ,เชิงลบแน่นอนสร้างหายนะได้เพิ่มมากขึ้นในหลายๆช่องทางที่มันมีพลังชั่วแล้ว จะไปทำลายที่ไหนก็ได้,ปกติผู้คนที่จราจรให้มันเก็บเกี่ยวอยู่แล้ว,ประเทศไทยเราสมควรทำลายสถานที่นี้เถอะ,มันชัดเจนขนาดนี้แล้วสัญลักษณ์ชัดๆฝ่ายมืด,ขออย่าเป็นฝ่ายมืดเลย,ที่ครอบงำเดอะแก๊งนี้เดอะคณะนี้,อดีตแกนนำพันธมิตรอาจเปลี่ยนสัญลักษณ์ไปเลยเป็นอันใหม่ก็ดีนะ,เหมือนตาปีศาจอย่างไงมันรู้,เมื่อพันธมิตรทิ้งจบอดีตนั้นแล้ว,ทิ้งโลโก้ไปเลยด้วยเถอะอย่าเสียดาย,เราติดตามสัญลักษณ์พวกซาตานมาเห็นแล้วไม่คอยสบายใจ,ตอนแลกบอกสถานที่จะชุมนุนว่าที่นี้ ก็ไม่เห็นด้วยในตอนต้นอยู่แล้ว,บ้านนี้มีคนอ่านน้อยก็ว่า,เลยไม่มีลำโพงดังไกลนักในการเตือน,เห็นสีรุ่งในเพจข่าวออนไลน์ของที่นี้ก็ยังไม่ค่อยสบายใจ,จนมองว่าเป็นพวกซาตานไปด้วยเลยนะ,มาใช้แอปซาตานคุมหลังฉากมั้ยนะยังคิดเลยthaitimeนี้,ผู้จัดการและทีมงานจะไม่รู้เรื่องdeep stateซาตานแรปทีเลี่ยนagenda2030เบื้องต้นเลยเหรอ,นี้คือตางูตาปีศาจตาสัตว์เลื้อยคลานชัดๆอิลูมินาติก็ว่า, ..พวกมันไม่ปะปนในแอปนี้ด้วยนะ ในเพจผู้จัดการออนไลน์ด้วยนะ, ..ถ้าthatimeเป็นพวกมันด้วยก็บอกด้วยนะ เปิดเผยให้ชัดเจนแบบพิธานั้นล่ะพรรคก้าวไกลโน้น.,ฝ่ายมืดปัจจุบันนี้ก็ชัดเจนหมดแล้วเช่นกัน เพื่อคัดเลือกคนมาเข้าพวกก็ว่าแบบเปิดเผยได้ ไม่ปิดบังแบบอดีตแล้ว,เพราะพระเจ้าเมื่อเลิกอนุญาตจะหาสมาชิกไปเป็นฝ่ายมารสะดวกๆแบบนี้ไม่ได้อีก,คือฝ่ายแสงก็เลือกคัดคนดึดดูดชาวโลกไปเป็นพวกตนมากๆอย่างเสรีได้เต็มที่เช่นอนุญาตฝ่ายมืดแบบนี้ในยุคนี้,เมื่อโลกระเบิดในอนาคต ฝ่ายมืดก็ดึงวิญญาณนัันๆไปด้วยทั้งหมดทันทีเช่นกันเหมือนสัญญาซาตานที่ลงนามกันไว้นั้นล่ะ, ..เคสนี้รูปนี้อธิบายชัดมาก,ตาชัดๆ,ตาเดียวแบบตาปีศาจในหนังเดอะลอร์ดนั้นล่ะ,หอคอยตาปีศาจ,คณะแกนร่วมรวมพลังแผ่นดินไทย หากจะสร้างสัญลักษณ์ตนขึ้นมาใหม่ อย่าไปทางสัญลักษณ์พวกปีศาจซาตานฝ่ายมืดเน้อ,มันจะน่าผิดหวังมาก,พันธมิตรจะสิ้นค่าทันทีเลยของยุคสมันอดีตเรา,เหมือนถูกหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยบูชายันต์ให้พวกซาตานมารปีศาจมัน, ..ถ้าแฟนพันธ์แท้สายกูรูซาตานจริง เขาชี้ชัดเลยว่าคณะร่วมนี้เป็นฝ่ายมืดด้วย,ไปเพิ่มพลังงานใก้มันเลย ในที่ของๆมันด้วยเต็มๆ.ตาปีศาจชัดเจนมาก,ใครนะบินโดรนถ่ายรูปจนเห็นชัดขนาดนีั.นี้คือมุมมองบริบทด้านสัญลักษณ์ดวงตาปีศาจ,ส่วนในด้านคนไม่สนใจก็คือเพื่อไล่รัฐบาลนั้นล่ะ,ทหารไทยอยู่ฝ่ายตรงข้ามเรานะคุณลุงอังเคิลฮุนเซน อยากได้อะไรเกี๋ยวจัดให้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องหินสามชาติ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำวั่งชวน (แม่น้ำลืมเลือน) วันนี้เลยมาคุยกันอีกสักนิดถึงแม่น้ำวั่งชวนนี้ หากใครได้ดูละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> จะเห็นฉากที่นางเอกลงไปลุยแม่น้ำวั่งชวน รูปแม่น้ำตามรูปขวา (จากในละคร) แลเห็นมีแสงเขียวเป็นดวงๆ อยู่ในน้ำ ซึ่งตามตำนานนั้นพวกนี้ก็คือดวงวิญญาน

    ความมีอยู่ว่า
    ...ข้ายกขาก้าวลงไปในแม่น้ำวั่งชวนอย่างไม่ลังเล มิใยที่เหล่าวิญญาณที่กำลังคร่ำครวญโหยหวนต่างกรูกันเข้ามา เพียงชั่วขณะจิตก็ฉุดรั้งครึ่งท่อนล่างของร่างข้าลงไป ข้าใช้มือแกะเส้นสายดวงวิญญาณในน้ำเหล่านี้ออกไป พลางพินิจดูดวงวิญญาณในน้ำนั้น ข้าเชื่อว่า ขอเพียงข้าเสาะหาอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อให้แม่น้ำวั่งชวนจะมีกี่ล้านพันล้านดวงวิญญาณ ข้าก็จะยังหาพบเสี้ยวหนึ่งของเขา...
    - จากเรื่อง <มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง> ผู้แต่ง เตี้ยนเสี้ยน
    (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ ละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนคลับนิยายจีนแนวเทพเซียนคงคุ้นเคยดีกับเรื่องน้ำแกงยายเมิ่งที่ทำให้คนลืมอดีตชาติเพื่อไปเกิดใหม่ ว่ากันว่ายายเมิ่งแจกจ่ายน้ำแกงนี้ให้ดวงวิญญาณกินก่อนจะก้าวข้ามผ่านสะพานไน่เหอ (เคยมีคนแปลไว้ว่าสะพานอนิจจัง) เพื่อไปสู่ภพชาติใหม่ ผู้ใดไม่ยอมดื่มน้ำแกงยายเมิ่งก็ข้ามสะพานไน่เหอไปเกิดใหม่ไม่ได้ สะพานไน่เหอนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวั่งชวน (แต่ในละครไม่มี) ตามตำนานนั้นสะพานไน่เหอมีสามชั้น ชั้นบนสุดปลอดภัยเดินสะดวก เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่มีจิตใจปราณี ชั้นที่สองเดินลำบากหน่อยแต่ไม่อันตราย เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่ทำผิดเล็กน้อยมาบ้างทำดีมาบ้าง ส่วนชั้นล่างอันตรายสุดมีงูทองแดงและสุนัขเหล็กคอยจู่โจม เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่เคยทำเรื่องชั่วร้าย

    วั่งชวน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแม่น้ำลืมเลือน แล้วทำไมจึงมีดวงวิญญาณ? คำตอบก็คือ 1) คนที่ข้ามสะพานไม่ผ่านแล้วหล่นลงมา (ก็จากสะพานชั้นล่างที่อันตรายสุดตามที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่เล่าขานว่าดวงวิญญาณในแม่น้ำวั่งชวนส่วนใหญ่เป็นวิญญาณร้าย) และ 2) คนที่ไม่สามารถปล่อยวางอดีต ไม่ยอมกินน้ำแกงยายเมิ่ง ข้ามสะพานไน่เหอไม่ได้ ได้แต่กระโดดลงไปในแม่น้ำวั่งชวนเพื่อรอคอยคนรัก และต้องรอนานถึงหนึ่งพันปี

    สำหรับคนที่กระโดดลงน้ำเพื่อรอคอยคนรัก เชื่อว่ามันคงเป็นการรอคอยที่ทรมาน เพราะภายในหนึ่งพันปีนั้น เขาอาจได้เห็นคนรักดื่มน้ำแกงยายเมิ่งข้ามสะพานแล้วลืมอดีตชาติลืมตนเองไปโดยไม่ทันได้มองลงมาเห็นตน และอาจบางทีเขาต้องมองคนคนนั้นก้าวข้ามผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า เศร้าไหม? แต่หากอดทนได้พันปีไม่ลืมรักก็จะมีโอกาสไปเกิดใหม่เพื่อตามหารักนั้นอีกครั้ง… ย้ำ: ถ้าอดทนได้หนึ่งพันปี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://wallpapercave.com/ashes-of-love-wallpapers
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.360doc.com/content/17/0124/22/31610762_624607651.shtml
    https://www.bilibili.com/read/cv8965867/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/27278819

    #มธุรสหวานล้ำ #เถ้ามธุรส #วั่งชวน #ตำนานจีน StoryfromStory
    หลายสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องหินสามชาติ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำวั่งชวน (แม่น้ำลืมเลือน) วันนี้เลยมาคุยกันอีกสักนิดถึงแม่น้ำวั่งชวนนี้ หากใครได้ดูละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> จะเห็นฉากที่นางเอกลงไปลุยแม่น้ำวั่งชวน รูปแม่น้ำตามรูปขวา (จากในละคร) แลเห็นมีแสงเขียวเป็นดวงๆ อยู่ในน้ำ ซึ่งตามตำนานนั้นพวกนี้ก็คือดวงวิญญาน ความมีอยู่ว่า ...ข้ายกขาก้าวลงไปในแม่น้ำวั่งชวนอย่างไม่ลังเล มิใยที่เหล่าวิญญาณที่กำลังคร่ำครวญโหยหวนต่างกรูกันเข้ามา เพียงชั่วขณะจิตก็ฉุดรั้งครึ่งท่อนล่างของร่างข้าลงไป ข้าใช้มือแกะเส้นสายดวงวิญญาณในน้ำเหล่านี้ออกไป พลางพินิจดูดวงวิญญาณในน้ำนั้น ข้าเชื่อว่า ขอเพียงข้าเสาะหาอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อให้แม่น้ำวั่งชวนจะมีกี่ล้านพันล้านดวงวิญญาณ ข้าก็จะยังหาพบเสี้ยวหนึ่งของเขา... - จากเรื่อง <มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง> ผู้แต่ง เตี้ยนเสี้ยน (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ ละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนคลับนิยายจีนแนวเทพเซียนคงคุ้นเคยดีกับเรื่องน้ำแกงยายเมิ่งที่ทำให้คนลืมอดีตชาติเพื่อไปเกิดใหม่ ว่ากันว่ายายเมิ่งแจกจ่ายน้ำแกงนี้ให้ดวงวิญญาณกินก่อนจะก้าวข้ามผ่านสะพานไน่เหอ (เคยมีคนแปลไว้ว่าสะพานอนิจจัง) เพื่อไปสู่ภพชาติใหม่ ผู้ใดไม่ยอมดื่มน้ำแกงยายเมิ่งก็ข้ามสะพานไน่เหอไปเกิดใหม่ไม่ได้ สะพานไน่เหอนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวั่งชวน (แต่ในละครไม่มี) ตามตำนานนั้นสะพานไน่เหอมีสามชั้น ชั้นบนสุดปลอดภัยเดินสะดวก เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่มีจิตใจปราณี ชั้นที่สองเดินลำบากหน่อยแต่ไม่อันตราย เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่ทำผิดเล็กน้อยมาบ้างทำดีมาบ้าง ส่วนชั้นล่างอันตรายสุดมีงูทองแดงและสุนัขเหล็กคอยจู่โจม เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่เคยทำเรื่องชั่วร้าย วั่งชวน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแม่น้ำลืมเลือน แล้วทำไมจึงมีดวงวิญญาณ? คำตอบก็คือ 1) คนที่ข้ามสะพานไม่ผ่านแล้วหล่นลงมา (ก็จากสะพานชั้นล่างที่อันตรายสุดตามที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่เล่าขานว่าดวงวิญญาณในแม่น้ำวั่งชวนส่วนใหญ่เป็นวิญญาณร้าย) และ 2) คนที่ไม่สามารถปล่อยวางอดีต ไม่ยอมกินน้ำแกงยายเมิ่ง ข้ามสะพานไน่เหอไม่ได้ ได้แต่กระโดดลงไปในแม่น้ำวั่งชวนเพื่อรอคอยคนรัก และต้องรอนานถึงหนึ่งพันปี สำหรับคนที่กระโดดลงน้ำเพื่อรอคอยคนรัก เชื่อว่ามันคงเป็นการรอคอยที่ทรมาน เพราะภายในหนึ่งพันปีนั้น เขาอาจได้เห็นคนรักดื่มน้ำแกงยายเมิ่งข้ามสะพานแล้วลืมอดีตชาติลืมตนเองไปโดยไม่ทันได้มองลงมาเห็นตน และอาจบางทีเขาต้องมองคนคนนั้นก้าวข้ามผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า เศร้าไหม? แต่หากอดทนได้พันปีไม่ลืมรักก็จะมีโอกาสไปเกิดใหม่เพื่อตามหารักนั้นอีกครั้ง… ย้ำ: ถ้าอดทนได้หนึ่งพันปี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://wallpapercave.com/ashes-of-love-wallpapers Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.360doc.com/content/17/0124/22/31610762_624607651.shtml https://www.bilibili.com/read/cv8965867/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/27278819 #มธุรสหวานล้ำ #เถ้ามธุรส #วั่งชวน #ตำนานจีน StoryfromStory
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงหลังคาสำเร็จรูป พร้อมงานมุง RMC Trussโครงการบ้าน จ.ชลบุรี
    .
    บริการครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ ผลิตและติดตั้ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
    ออกแบบ ผลิตชิ้นงาน อลูซิงค์ AZ150 ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
    เจ้าของบ้าน มั่นใจคุณภาพโครงหลังคาสำเร็จรูป RMC Truss แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัย มีการรับประกัน
    มีบริการเหมามุง ติดตั้งโดยช่างชำนาญงานเฉพาะทาง มีการรับประกันงานติดตั้ง
    -------------------------------------------
    สนใจติดต่อเลย !!
    บริษัท อาร์ เอ็ม ซี บิลดิ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด
    Tel : 034 813 972 , 063 919 1505
    Line OA : @rmctruss หรือ https://lin.ee/1wnGOh6
    Website : https://www.rmcbuildingsolutions.co.th/
    กดไลก์เพจ RMC Truss เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ
    -------------------------------------------
    #rmctruss #โครงหลังคาสำเร็จรูป #rmctrussโครงหลังคาสำเร็จรูป
    #thaitimes #rmcbuildingsolutions #betterrooftrussinnovation
    โครงหลังคาสำเร็จรูป พร้อมงานมุง RMC Truss🏡โครงการบ้าน จ.ชลบุรี✨ . ✅บริการครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ ผลิตและติดตั้ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ✅ออกแบบ ผลิตชิ้นงาน อลูซิงค์ AZ150 ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ✅เจ้าของบ้าน มั่นใจคุณภาพโครงหลังคาสำเร็จรูป RMC Truss แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัย มีการรับประกัน ✅มีบริการเหมามุง ติดตั้งโดยช่างชำนาญงานเฉพาะทาง มีการรับประกันงานติดตั้ง ------------------------------------------- สนใจติดต่อเลย !! บริษัท อาร์ เอ็ม ซี บิลดิ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด ☎️Tel : 034 813 972 , 063 919 1505 📱Line OA : @rmctruss หรือ https://lin.ee/1wnGOh6 🌐 Website : https://www.rmcbuildingsolutions.co.th/ 👍กดไลก์เพจ RMC Truss เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ ------------------------------------------- #rmctruss #โครงหลังคาสำเร็จรูป #rmctrussโครงหลังคาสำเร็จรูป #thaitimes #rmcbuildingsolutions #betterrooftrussinnovation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts