• อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าเห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเราและการดับทุกข์สิ้นเชิง
    สัทธรรมลำดับที่ : 381
    ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี !
    ....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร
    ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !”
    --ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ
    ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย
    พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด.
    ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้,
    #ความตายจะไม่แลเห็นท่าน
    http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช
    ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล.
    --- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99
    --- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99
    http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94

    --การดับทุกข์สิ้นเชิง
    --ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
    (นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ
    หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ;
    ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
    ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่.
    พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ
    ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- )
    --การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “
    อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    (ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ)​
    โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ
    แล้วได้ตรัสว่า :-​ )​
    --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ
    คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....
    และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....
    ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....
    จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....
    พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....
    รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า)
    ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้,
    ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.-

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302
    http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94​
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าเห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเราและการดับทุกข์สิ้นเชิง สัทธรรมลำดับที่ : 381 ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381 เนื้อความทั้งหมด :- --เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา --“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี ! ....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !” --ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด. ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้, #ความตายจะไม่แลเห็นท่าน http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล. --- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙. http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99 --- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔. http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99 http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94 --การดับทุกข์สิ้นเชิง --ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ (นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ; ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่. พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- ) --การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “ อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” (ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ)​ โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ แล้วได้ตรัสว่า :-​ )​ --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ.... และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ.... ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ.... จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ.... พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ.... รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า) ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้, ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302 http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94​ อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒. http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
    -เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา “ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี ! ....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !” ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด. ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้, ความตายจะไม่แลเห็นท่าน ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล. สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙. - จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔. การดับทุกข์สิ้นเชิง ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ (นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ; ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่ เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่. พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- ) สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” (ต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ แล้วได้ตรัสว่า :-) สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....๑ และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....๑ ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ๑. ลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต ผู้ปรารถนาจะทราบโดยละเอียด พึงดูได้ที่หัวข้อว่า “ธรรมธาตุต่างๆ ที่เป็นผล ของสมถวิปัสสนาอันดับสุดท้าย” ที่หน้า ๔๙๕ แห่งหนังสือนี้. เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....๑ จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....๑ พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....๑ รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า) ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้, ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การปฏิบัติอย่างมีสัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 748
    ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=748
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
    --อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ
    (ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย
    (สัปปายปฏิปทา)
    แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ
    )
    อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า

    “ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา;
    ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา.
    สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น”
    ดังนี้.

    ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่.
    เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่,
    วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือ #ภาวะไม่มีอุปาทาน.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อนุปาทาโน

    --อานนท์ ! ภิกษุ #ผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น).
    http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=ปรินิพฺพายตีติ
    +--“น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า !
    ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า !
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
    ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว
    ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ)
    ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ*--๑)
    แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.-

    *--๑​
    (คำว่า โอฆนิตถรณะ ในที่นี้ คือ การถอนตนขึ้นจากโอฆะ
    (ความตกจมอยู่ในกิเลสและความทุกข์ ด้วยกาม-ทิฏฐิ-ภพ-อวิชชา)
    เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน กล่าวคือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นทั้งหลาย อันมีเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับการยึดมั่นถือมั่น และไม่ยึดมั่นแม้แต่ในการบรรลุธรรมของตน; เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ดับเย็น เป็นปรินิพพาน
    นี้เรียกว่า โอฆนิตถรณะ หรือ อริยวิโมกข์ ก็เรียก
    (ศึกษาได้ในข้อสัทธรรมหรือเรื่องถัดไป)
    เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน
    )

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/60/91.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/60/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๙/๙๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=748
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
    ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การปฏิบัติอย่างมีสัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ สัทธรรมลำดับที่ : 748 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=748 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ --อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ (ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย (สัปปายปฏิปทา) แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ ) อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า “ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา; ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา. สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่. เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่, วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือ #ภาวะไม่มีอุปาทาน. http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อนุปาทาโน --อานนท์ ! ภิกษุ #ผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น). http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=ปรินิพฺพายตีติ +--“น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ! ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า ! ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ) ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ*--๑) แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.- *--๑​ (คำว่า โอฆนิตถรณะ ในที่นี้ คือ การถอนตนขึ้นจากโอฆะ (ความตกจมอยู่ในกิเลสและความทุกข์ ด้วยกาม-ทิฏฐิ-ภพ-อวิชชา) เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน กล่าวคือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นทั้งหลาย อันมีเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับการยึดมั่นถือมั่น และไม่ยึดมั่นแม้แต่ในการบรรลุธรรมของตน; เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ดับเย็น เป็นปรินิพพาน นี้เรียกว่า โอฆนิตถรณะ หรือ อริยวิโมกข์ ก็เรียก (ศึกษาได้ในข้อสัทธรรมหรือเรื่องถัดไป) เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน ) #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/60/91. http://etipitaka.com/read/thai/14/60/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๙/๙๑. http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=748 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
    -สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ (ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย (สัปปายปฏิปทา) แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ) อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า “ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา; ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา. สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่. เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่, วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือภาวะไม่มีอุปาทาน. อานนท์ ! ภิกษุผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น). “น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ! ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า ! ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ) ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ) แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
    สัทธรรมลำดับที่ : 379
    ชื่อบทธรรม :- ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
    --ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ
    ๑.อนุสัยคือกามราคะ ๑
    ๒.อนุสัยคือปฏิฆะ ๑
    ๓.อนุสัยคือทิฏฐิ ๑
    ๔.อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑
    ๕.อนุสัยคือมานะ ๑
    ๖.อนุสัยคือภวราคะ ๑
    ๗.อนุสัยคืออวิชชา ๑.
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง.
    เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ กามราคะ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ปฏิฆะ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ทิฏฐิ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ วิจิกิจฉา,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ มานะ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ภวราคะ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ อวิชชา,
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล
    อนุสัยคือกามราคะก็ดี,
    อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี,
    อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี,
    อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี,
    อนุสัยคือมานะก็ดี,
    อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และ
    อนุสัยคืออวิชชาก็ดี,
    เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า
    ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ;
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า
    “#ตัดตัณหาได้แล้วรื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์
    http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=ตณฺหํ+วิวตฺตยิ+สญฺโญชนํ
    เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว”
    ดังนี้ แล.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/8-9/11-12.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/8/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๘-๙/๑๑-๑๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=379
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด สัทธรรมลำดับที่ : 379 ชื่อบทธรรม :- ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379 เนื้อความทั้งหมด :- --ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด --ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ ๑.อนุสัยคือกามราคะ ๑ ๒.อนุสัยคือปฏิฆะ ๑ ๓.อนุสัยคือทิฏฐิ ๑ ๔.อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑ ๕.อนุสัยคือมานะ ๑ ๖.อนุสัยคือภวราคะ ๑ ๗.อนุสัยคืออวิชชา ๑. --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ กามราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ปฏิฆะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ทิฏฐิ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ วิจิกิจฉา, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ มานะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ภวราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ อวิชชา, --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล. --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล อนุสัยคือกามราคะก็ดี, อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี, อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี, อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี, อนุสัยคือมานะก็ดี, อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และ อนุสัยคืออวิชชาก็ดี, เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ; --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “#ตัดตัณหาได้แล้วรื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์ http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=ตณฺหํ+วิวตฺตยิ+สญฺโญชนํ เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว” ดังนี้ แล.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/8-9/11-12. http://etipitaka.com/read/thai/23/8/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๘-๙/๑๑-๑๒. http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=379 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
    -ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ อนุสัยคือกามราคะ ๑ อนุสัยคือปฏิฆะ ๑ อนุสัยคือทิฏฐิ ๑ อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑ อนุสัยคือมานะ ๑ อนุสัยคือภวราคะ ๑ อนุสัยคืออวิชชา ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง. ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือกามราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือปฏิฆะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือทิฏฐิ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือวิจิกิจฉา, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือมานะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือภวราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคืออวิชชา, ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล. ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล อนุสัยคือกามราคะก็ดี, อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี, อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี, อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี, อนุสัยคือมานะก็ดี, อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และอนุสัยคืออวิชชาก็ดี, เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ; ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว” ดังนี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าความปลอดจากอวิชชาโยคะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 376
    ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
    --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง
    ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย
    ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย
    ซึ่งรสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย
    ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย
    ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ;
    เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น,
    อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก
    อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ.

    --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น
    ๑.การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑
    ๒.การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑
    ๓.การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และ
    ๔.การไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑.
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด
    อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่
    อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ;
    เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/15/?keywords=โยคกฺเขมี
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ #ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง
    แล.

    (คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
    --สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ
    และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ.
    ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง,
    ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ,และพรากออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา,
    สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง,
    เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ;
    ดังนี้แล.-

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/10/10.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/10/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๕/๑๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=376
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าความปลอดจากอวิชชาโยคะ สัทธรรมลำดับที่ : 376 ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากอวิชชาโยคะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376 เนื้อความทั้งหมด :- --ความปลอดจากอวิชชาโยคะ --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งรสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ; เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ. --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น ๑.การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑ ๒.การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑ ๓.การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และ ๔.การไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑. --ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่ อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ; เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/21/15/?keywords=โยคกฺเขมี --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ #ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง แล. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) --สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ. ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง, ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ,และพรากออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา, สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง, เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ; ดังนี้แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/10/10. http://etipitaka.com/read/thai/21/10/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๕/๑๐. http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=376 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
    -ความปลอดจากอวิชชาโยคะ ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่ง รสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ; เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ. ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑ การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑ การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และการไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑. ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่ อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ; เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง แล. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ. ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง, ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ, และพราก ออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา, สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง, เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ; ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่า ความปลอดจากกามโยคะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 373
    ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากกามโยคะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=373
    เนื้อความทั้งหมด :-
    ความปลอดจากกามโยคะ
    --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกิเลส อันเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ มี ๔ อย่างเหล่านี้.
    สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ
    ความปลอดจากกามโยคะ,
    ความปลอดจากภวโยคะ,
    ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ,
    ความปลอดจากอวิชชาโยคะ.
    --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกามโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง
    ซึ่งความก่อขึ้นแห่งกามทั้งหลายด้วย
    ซึ่งความดับไปแห่งกามทั้งหลายด้วย
    ซึ่งรสอร่อยแห่งกามทั้งหลายด้วย
    ซึ่งโทษแห่งกามทั้งหลายด้วย
    ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากกามทั้งหลายด้วย ;

    เมื่อเขารู้ตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น,
    ความกำหนัดในกาม
    ความเพลิดเพลินในกาม
    ความเสน่หาในกาม
    ความสยบอยู่ในกาม
    ความหิว กระหายในกาม
    ความเร่าร้อนเพราะกาม
    ความเมาหมกในกาม
    และกามตัณหา, ในกามทั้งหลาย
    เหล่านี้ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดจากกามโยคะ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=กามโยควิสํโยโค

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/9/10.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๔/๑๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/13/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    ศึกษาเพ้่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=373
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=373
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่า ความปลอดจากกามโยคะ สัทธรรมลำดับที่ : 373 ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากกามโยคะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=373 เนื้อความทั้งหมด :- ความปลอดจากกามโยคะ --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกิเลส อันเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ มี ๔ อย่างเหล่านี้. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ ความปลอดจากกามโยคะ, ความปลอดจากภวโยคะ, ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ, ความปลอดจากอวิชชาโยคะ. --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกามโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งความดับไปแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งรสอร่อยแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งโทษแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากกามทั้งหลายด้วย ; เมื่อเขารู้ตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, ความกำหนัดในกาม ความเพลิดเพลินในกาม ความเสน่หาในกาม ความสยบอยู่ในกาม ความหิว กระหายในกาม ความเร่าร้อนเพราะกาม ความเมาหมกในกาม และกามตัณหา, ในกามทั้งหลาย เหล่านี้ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดจากกามโยคะ.- http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=กามโยควิสํโยโค #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/9/10. http://etipitaka.com/read/thai/21/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๔/๑๐. http://etipitaka.com/read/pali/21/13/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 ศึกษาเพ้่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=373 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=373 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความปลอดจากกามโยคะ
    -ความปลอดจากกามโยคะ ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกิเลส อันเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ มี ๔ อย่างเหล่านี้. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ ความปลอดจากกามโยคะ, ความปลอดจากภวโยคะ, ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ, ความปลอดจากอวิชชาโยคะ. ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกามโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งความดับไปแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งรสอร่อยแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งโทษแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากกามทั้งหลายด้วย ; เมื่อเขารู้ตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, ความกำหนัดในกาม ความเพลิดเพลินในกาม ความเสน่หาในกาม ความสยบอยู่ในกาม ความหิว กระหายในกาม ความเร่าร้อนเพราะกาม ความเมาหมกในกาม และกามตัณหา, ในกามทั้งหลาย เหล่านี้ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความปลอดจากกามโยคะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    สัทธรรมลำดับที่ : 359
    ชื่อบทธรรม :- ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    --ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะ
    ความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว,
    ความละไปของตัณหานั้น,
    ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น,
    ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และ
    ความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า #การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ภารนิกฺเขปนนฺติ

    (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป)
    ---“ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ !
    +--บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป.
    +--การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก.
    +--การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข.
    +--พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว.
    +--ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก.
    +--ก็เป็นผู้ #ถอนตัณหา ขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ;
    +--เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ”
    ดังนี้.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/32/52-53
    http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=359
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ สัทธรรมลำดับที่ : 359 ชื่อบทธรรม :- ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359 เนื้อความทั้งหมด :- --ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ --ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะ ความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และ ความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ; --ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า #การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ภารนิกฺเขปนนฺติ (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป) ---“ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ! +--บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป. +--การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก. +--การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข. +--พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว. +--ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. +--ก็เป็นผู้ #ถอนตัณหา ขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ; +--เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ” ดังนี้.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/32/52-53 http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓ http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=359 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    -ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ; ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป : “ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ! บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป. การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก. การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข. พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว. ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. ก็เป็นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ; เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
    สัทธรรมลำดับที่ : 727
    ชื่อบทธรรม :- เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=727
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
    --ภิกษุ ทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้
    อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี
    เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น
    อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ
    --ภิกษุ ทั้งหลาย เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕
    แม้นิวรณ์ ๕ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓
    แม้ทุจริต ๓ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของทุจริต ๓ ควรกล่าวว่า การไม่สำรวมอินทรีย์
    แม้การไม่สำรวมอินทรีย์เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารแห่งการไม่สำรวมอินทรีย์ ควรกล่าวว่า ความไม่มีสติสัมปชัญญะ
    แม้ความไม่มีสติสัมปชัญญะเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีสติสัมปชัญญะ ควรกล่าวว่า การกระทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย
    แม้การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ควรกล่าวว่า ความไม่มีศรัทธา
    แม้ความไม่มีศรัทธาเราก็กล่าวว่ามีอาหารมิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีศรัทธา ควรกล่าวว่า การไม่ฟังสัทธรรม
    แม้การไม่ฟังสัทธรรมเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของการไม่ฟังสัทธรรม ควรกล่าวว่า การไม่คบสัปบุรุษ
    --ภิกษุ ทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้
    การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรม ให้บริบูรณ์
    การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์
    ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ให้บริบูรณ์
    การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะ ให้บริบูรณ์
    ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ ให้บริบูรณ์
    การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
    ทุจริต ๓ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์
    นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์ย่อมยังอวิชชา ให้บริบูรณ์
    อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้
    ...
    --ภิกษุ ทั้งหลาย
    +--การคบสัปบุรุษ เป็นไปบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการฟัง สัทธรรมให้บริบูรณ์ ;
    +--การฟังสัทธรรม บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสัทธาให้บริบูรณ์ ;
    +--สัทธา บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์ ;
    +--โยนิโสมนสิการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะใหบริบูรณ์ ;
    +--ความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการสำรวม อินทรีย์ให้บริบูรณ์ ;
    +--การสำรวมอินทรีย์ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสุจริต ๓ ประการให้ บริบูรณ์ ;
    +--สุจริต ๓ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน ๔ ประการให้ บริบูรณ์ ;
    +--สติปัฏฐาน ๔ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ ๗ ประการ ให้บริบูรณ์ ;
    +--โพชฌงค์ ๗ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์.
    --ภิกษุ ทั้งหลาย #อาหารแห่งวิชชาและวิมุตตินี้
    ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ และ บริบูรณ์แล้ว
    ด้วยอาการอย่างนี้.

    --ภิกษุ ทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่อฝนเม็ดหยาบตกลงเบื้องบนภูเขา
    เมื่อฝนตกหนักๆอยู่ น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็ม
    ซอกเขา ลำธารและห้วยที่เต็มย่อมยังหนองให้เต็ม หนองที่เต็มย่อมยังบึงให้เต็ม
    บึงที่เต็มย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม แม่น้ำน้อยที่เต็ม ย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม
    แม่น้ำใหญ่ที่เต็ม ย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็มมหาสมุทรสาครนั้นมีอาหารอย่างนี้
    และเต็มเปี่ยมอย่างนี้ แม้ฉันใด .-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/105/61.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๒๓/๖๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/123/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=727
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=727
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54
    ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสึยงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ สัทธรรมลำดับที่ : 727 ชื่อบทธรรม :- เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=727 เนื้อความทั้งหมด :- --เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ --ภิกษุ ทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ --ภิกษุ ทั้งหลาย เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕ แม้นิวรณ์ ๕ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓ แม้ทุจริต ๓ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของทุจริต ๓ ควรกล่าวว่า การไม่สำรวมอินทรีย์ แม้การไม่สำรวมอินทรีย์เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารแห่งการไม่สำรวมอินทรีย์ ควรกล่าวว่า ความไม่มีสติสัมปชัญญะ แม้ความไม่มีสติสัมปชัญญะเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีสติสัมปชัญญะ ควรกล่าวว่า การกระทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย แม้การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ควรกล่าวว่า ความไม่มีศรัทธา แม้ความไม่มีศรัทธาเราก็กล่าวว่ามีอาหารมิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีศรัทธา ควรกล่าวว่า การไม่ฟังสัทธรรม แม้การไม่ฟังสัทธรรมเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการไม่ฟังสัทธรรม ควรกล่าวว่า การไม่คบสัปบุรุษ --ภิกษุ ทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรม ให้บริบูรณ์ การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์ ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ให้บริบูรณ์ การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะ ให้บริบูรณ์ ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ ให้บริบูรณ์ การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์ ทุจริต ๓ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์ นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์ย่อมยังอวิชชา ให้บริบูรณ์ อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ... --ภิกษุ ทั้งหลาย +--การคบสัปบุรุษ เป็นไปบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการฟัง สัทธรรมให้บริบูรณ์ ; +--การฟังสัทธรรม บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสัทธาให้บริบูรณ์ ; +--สัทธา บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์ ; +--โยนิโสมนสิการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะใหบริบูรณ์ ; +--ความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการสำรวม อินทรีย์ให้บริบูรณ์ ; +--การสำรวมอินทรีย์ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสุจริต ๓ ประการให้ บริบูรณ์ ; +--สุจริต ๓ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน ๔ ประการให้ บริบูรณ์ ; +--สติปัฏฐาน ๔ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ ๗ ประการ ให้บริบูรณ์ ; +--โพชฌงค์ ๗ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์. --ภิกษุ ทั้งหลาย #อาหารแห่งวิชชาและวิมุตตินี้ ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ และ บริบูรณ์แล้ว ด้วยอาการอย่างนี้. --ภิกษุ ทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่อฝนเม็ดหยาบตกลงเบื้องบนภูเขา เมื่อฝนตกหนักๆอยู่ น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็ม ซอกเขา ลำธารและห้วยที่เต็มย่อมยังหนองให้เต็ม หนองที่เต็มย่อมยังบึงให้เต็ม บึงที่เต็มย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม แม่น้ำน้อยที่เต็ม ย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม แม่น้ำใหญ่ที่เต็ม ย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็มมหาสมุทรสาครนั้นมีอาหารอย่างนี้ และเต็มเปี่ยมอย่างนี้ แม้ฉันใด .- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/105/61. http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๒๓/๖๑. http://etipitaka.com/read/pali/24/123/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=727 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=727 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54 ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสึยงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
    -เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ ภิกษุ ท. ! การคบสัปบุรุษ เป็นไปบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการฟัง สัทธรรมให้บริบูรณ์ ; การฟังสัทธรรม บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสัทธาให้บริบูรณ์ ; สัทธา บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์ ; โยนิโสมนสิการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะใหบริบูรณ์ ; ความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการสำรวม อินทรีย์ให้บริบูรณ์ ; ๑. สูตร มาจากบาลีว่า สุตฺต หมายถึงแนวธรรม หรือหลักธรรมที่จัดเป็นระบบหนึ่ง ๆ. ๒. สากัจฉา คือการสนทนาธรรมเพื่อตีความหมายแห่งธรรมให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง. การสำรวมอินทรีย์ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสุจริต ๓ ประการให้ บริบูรณ์ ; สุจริต ๓ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน ๔ ประการให้ บริบูรณ์ ; สติปัฏฐาน ๔ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ ๗ ประการ ให้บริบูรณ์ ; โพชฌงค์ ๗ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์. ภิกษุ ท. ! อาหารแห่งวิชชาและวิมุตตินี้ ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ และ บริบูรณ์แล้ว ด้วยอาการอย่างนี้. (ต่อจากนี้ตรัสอุปมาด้วยฝนตกลงในที่สูงแล้วไหลลงมาในที่ต่ำ ย่อมทำให้เต็มบริบูรณ์ต่อๆ กันลงมาตามลำดับ จนกระทั่งถึงทะเล).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 351
    ชื่อบทธรรม :- ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=351
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
    --ภิกษุ ท.! เพราะความจางคลาย
    จนดับไม่เหลือแห่งอวิชชา นั่นแหละ จึงมีความดับแห่งสังขาร ;
    เพราะความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ;
    เพราะความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ;
    เพราะความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งอายตนะหก ;
    เพราะความดับแห่งอายตนะหก จึงมีความดับแห่งผัสสะ ;
    เพราะความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ;
    เพราะความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ;
    เพราะความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ;
    เพราะความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ;
    เพราะความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ;
    เพราะความดับแห่งชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส
    ย่อมดับไม่เหลือ.
    ความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น(ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ)​
    ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล.-
    http://etipitaka.com/read/pali/16/2/?keywords=ทุกฺขกฺขนฺธสฺส+นิโรโธ

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/2/3.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/2/?keywords=%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒/๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/2/?keywords=%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=351
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=351
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาลูกโซ่แห่งความดับทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 351 ชื่อบทธรรม :- ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=351 เนื้อความทั้งหมด :- --ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์ --ภิกษุ ท.! เพราะความจางคลาย จนดับไม่เหลือแห่งอวิชชา นั่นแหละ จึงมีความดับแห่งสังขาร ; เพราะความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; เพราะความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; เพราะความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งอายตนะหก ; เพราะความดับแห่งอายตนะหก จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; เพราะความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; เพราะความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ; เพราะความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะความดับแห่งชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ย่อมดับไม่เหลือ. ความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น(ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ)​ ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล.- http://etipitaka.com/read/pali/16/2/?keywords=ทุกฺขกฺขนฺธสฺส+นิโรโธ #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/2/3. http://etipitaka.com/read/thai/16/2/?keywords=%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒/๓. http://etipitaka.com/read/pali/16/2/?keywords=%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=351 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=351 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
    -ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์ ภิกษุ ท.! เพราะความจางคลาย จนดับไม่เหลือแห่งอวิชชา นั่นแหละ จึงมีความดับแห่งสังขาร ; เพราะความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; เพราะความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; เพราะความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งอายตนะหก ; เพราะความดับแห่งอายตนะหก จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; เพราะความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; เพราะความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ; เพราะความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะความดับแห่งชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ย่อมดับไม่เหลือ. ความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา
    สัทธรรมลำดับที่ : 718
    ชื่อบทธรรม :- ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา
    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ?
    สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา.
    --ภิกษุ ท. ! #สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=สมโถ
    อบรมแล้ว จิตจะเจริญ.
    จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    เจริญแล้ว #จะละราคะได้.
    --ภิกษุ ท. ! #วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=วิปสฺสนา
    เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ.
    ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    เจริญแล้ว #จะละอวิชชาได้แล.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ 20/49/275.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/49/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ ๒๐/๗๗/๒๗๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%95
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=718
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา สัทธรรมลำดับที่ : 718 ชื่อบทธรรม :- ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718 เนื้อความทั้งหมด :- --ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ? สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา. --ภิกษุ ท. ! #สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=สมโถ อบรมแล้ว จิตจะเจริญ. จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว #จะละราคะได้. --ภิกษุ ท. ! #วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=วิปสฺสนา เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ. ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว #จะละอวิชชาได้แล.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ 20/49/275. http://etipitaka.com/read/thai/20/49/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ ๒๐/๗๗/๒๗๕. http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%95 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=718 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา
    -ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ? สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา. ภิกษุ ท. ! สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? อบรมแล้ว จิตจะเจริญ. จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว จะละราคะได้. ภิกษุ ท. ! วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ. ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว จะละอวิชชาได้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่าอวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    สัทธรรมลำดับที่ : 346
    ชื่อบทธรรม :- อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=346
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกกันว่า
    ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้นั้น เป็นอย่างไร ?
    http://etipitaka.com/read/pali/17/209/?keywords=อวิชฺชา+อวิชฺชาติ
    และด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่า เป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ?
    พระเจ้าข้า !”
    --ภิกษุ ! ในกรณีนี้ บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ
    +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริง ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อันมีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา ว่า
    “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา”
    ดังนี้ ;
    +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อันมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า
    “เป็นสิ่งที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา”
    ดังนี้ ;
    +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อันมีทั้งความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า
    “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา”
    ดังนี้.
    -​-ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า #อวิชชา ;
    และบุคคลชื่อว่าเป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ย่อมมีได้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้
    แล.-

    #ทุกขสมุทัย#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/209/320.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/165/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๙/๓๒๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/209/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=346
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=346
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่าอวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา สัทธรรมลำดับที่ : 346 ชื่อบทธรรม :- อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=346 เนื้อความทั้งหมด :- --อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้นั้น เป็นอย่างไร ? http://etipitaka.com/read/pali/17/209/?keywords=อวิชฺชา+อวิชฺชาติ และด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่า เป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ? พระเจ้าข้า !” --ภิกษุ ! ในกรณีนี้ บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริง ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา” ดังนี้ ; +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา” ดังนี้ ; +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีทั้งความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา” ดังนี้. -​-ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า #อวิชชา ; และบุคคลชื่อว่าเป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ย่อมมีได้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.- #ทุกขสมุทัย​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/209/320. http://etipitaka.com/read/thai/17/165/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๙/๓๒๐. http://etipitaka.com/read/pali/17/209/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=346 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=346 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    -อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้นั้น เป็นอย่างไร ? และด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่า เป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ? พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ! ในกรณีนี้ บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริง ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา” ดังนี้ ; ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา” ดังนี้ ; ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีทั้งความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา” ดังนี้. ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า อวิชชา ; และบุคคลชื่อว่าเป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ย่อมมีได้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    สัทธรรมลำดับที่ : 714
    ชื่อบทธรรม :- อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    --ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ
    ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย
    ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา.
    องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้
    ๑.เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง (ศีล-ปาติโมกขสังวร)
    ๒.เป็นผู้ยิงได้ไกล (ปัญญา-ญาณ)
    ๓.เป็นผู้ยิงได้เร็ว (อริยสัจจ)และ
    ๔.เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆ(อวิชชา)ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ
    เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล
    เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
    ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้
    เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร
    http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=สีลวา+โหติ
    ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร
    มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย
    สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.
    นี้แล #ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ
    ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน
    ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด
    เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า
    “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา”
    ดังนี้.

    (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน).

    นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้ไกล.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า
    “นี้ทุกข์
    นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”
    ดังนี้.
    นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้.
    นี้แล #ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล
    ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล
    ปาหุเนยยบุคคล
    ทักขิเณยยบุคคล
    อัญชลิกรณียบุคคล
    เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.-
    (การรู้อริยสัจทั้งสี่ ท่านจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
    แต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่รวดเร็วกว่าสัมมาทิฏฐิอื่นๆ
    ในการทำลายกิเลส บรรลุนิพพาน
    ดังนั้นจึงเรียกในที่นี้ว่า #ญาณประเภทยิงเร็ว
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/165/181.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/165/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๑/๑๘๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=714
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52
    ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว สัทธรรมลำดับที่ : 714 ชื่อบทธรรม :- อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714 เนื้อความทั้งหมด :- --อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว --ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา. องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้ ๑.เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง (ศีล-ปาติโมกขสังวร) ๒.เป็นผู้ยิงได้ไกล (ปัญญา-ญาณ) ๓.เป็นผู้ยิงได้เร็ว (อริยสัจจ)และ ๔.เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆ(อวิชชา)ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า. ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=สีลวา+โหติ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. นี้แล #ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน). นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้ไกล. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้. นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้. นี้แล #ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.- (การรู้อริยสัจทั้งสี่ ท่านจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ แต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่รวดเร็วกว่าสัมมาทิฏฐิอื่นๆ ในการทำลายกิเลส บรรลุนิพพาน ดังนั้นจึงเรียกในที่นี้ว่า #ญาณประเภทยิงเร็ว ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/165/181. http://etipitaka.com/read/thai/21/165/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๑/๑๘๑. http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=714 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52 ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    -อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา. องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า. ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. นี้แล ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน). นี้แล ภิกษุผู้ยิงได้ไกล. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”ดังนี้. นี้แล ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้. นี้แล ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา
    สัทธรรมลำดับที่ : 345
    ชื่อบทธรรม :- บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=345
    เนื้อความทั้งหมด :-
    บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คนกล่าวกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้.
    ก็อวิชชานั้น เป็นอย่างไร ?
    และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ?​ พระเจ้าข้า !”
    --ภิกษุ ! ในโลกนี้ บุถุชนผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง ย่อม
    ไม่รู้จัก รูป,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของรูป,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของรูป,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของรูป ;
    +--เขาย่อม
    ไม่รู้จัก เวทนา,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของเวทนา,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของเวทนา,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของเวทนา;
    +--เขาย่อม
    ไม่รู้จัก สัญญา,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของสัญญา,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของสัญญา,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับของไม่เหลือของสัญญา ;
    +--เขาย่อม
    ไม่รู้จัก สังขารทั้งหลาย,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของ สังขารทั้งหลาย,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของ สังขารทั้งหลาย,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของ สังขารทั้งหลาย ;
    +--เขาย่อม
    ไม่รู้จัก วิญญาณ*--๑,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของวิญญาณ,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของวิญญาณ,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของวิญญาณ,
    +--ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า “#อวิชชา” ;
    http://etipitaka.com/read/pali/17/198/?keywords=อวิชฺชา
    และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชาด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.-

    *--๑.วิญญาณในที่นี้ หมายถึง มโนวิญญาณ #ที่รู้สึกต่อความเพลินและความมัวเมาในรูปนั้น;
    ไม่ใช่จักขุวิญญาณ ที่เห็นรูปตามธรรมดา.

    #ทุกขสมุทัย#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/156/300.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/156/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๘/๓๐๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/198/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=345
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=345
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา สัทธรรมลำดับที่ : 345 ชื่อบทธรรม :- บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=345 เนื้อความทั้งหมด :- บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คนกล่าวกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้. ก็อวิชชานั้น เป็นอย่างไร ? และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ?​ พระเจ้าข้า !” --ภิกษุ ! ในโลกนี้ บุถุชนผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง ย่อม ไม่รู้จัก รูป, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของรูป, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของรูป, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของรูป ; +--เขาย่อม ไม่รู้จัก เวทนา, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของเวทนา, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของเวทนา, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของเวทนา; +--เขาย่อม ไม่รู้จัก สัญญา, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของสัญญา, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของสัญญา, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับของไม่เหลือของสัญญา ; +--เขาย่อม ไม่รู้จัก สังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของ สังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของ สังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของ สังขารทั้งหลาย ; +--เขาย่อม ไม่รู้จัก วิญญาณ*--๑, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของวิญญาณ, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของวิญญาณ, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของวิญญาณ, +--ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า “#อวิชชา” ; http://etipitaka.com/read/pali/17/198/?keywords=อวิชฺชา และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชาด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.- *--๑.วิญญาณในที่นี้ หมายถึง มโนวิญญาณ #ที่รู้สึกต่อความเพลินและความมัวเมาในรูปนั้น; ไม่ใช่จักขุวิญญาณ ที่เห็นรูปตามธรรมดา. #ทุกขสมุทัย​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/156/300. http://etipitaka.com/read/thai/17/156/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๘/๓๐๐. http://etipitaka.com/read/pali/17/198/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=345 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=345 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    -บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คนกล่าวกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้. ก็อวิชชานั้น เป็นอย่างไร ? และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ? พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ! ในโลกนี้ บุถุชนผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง ย่อม ไม่รู้จักรูป, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของรูป, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของรูป, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของรูป ; เขาย่อมไม่รู้จัก เวทนา, ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของเวทนา, ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของเวทนา, ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของเวทนา; เขาย่อมไม่รู้จัก สัญญา, ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของสัญญา, ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของสัญญา, ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับ ๑. วิญญาณในที่นี้ หมายถึงมโนวิญญาณที่รู้สึกต่อความเพลินและความมัวเมาในรูปนั้น; ไม่ใช่จักขุวิญญาณ ที่เห็นรูปตามธรรมดา. ไม่เหลือของสัญญา ; เขาย่อมไม่รู้จักสังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของสังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของสังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของสังขารทั้งหลาย ; เขาย่อมไม่รู้จัก วิญญาณ, ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของวิญญาณ, ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของวิญญาณ, ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของวิญญาณ, ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า “อวิชชา” ; และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชาด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    สัทธรรมลำดับที่ : 709
    ชื่อบทธรรม :- ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    (ระดับสูงสุด)
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ;
    สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?”
    --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=อตฺถิต+นตฺถิต
    ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ
    ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา).
    --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง
    ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่,
    ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี.
    --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง
    ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่,
    ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี.
    --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวส เป็นเครื่องผูกพัน ;
    ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ
    ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น
    ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า
    “อัตตาของเรา”
    ดังนี้.
    “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด
    ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ”
    ดังนี้
    เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล.
    ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ.
    --กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ

    (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้
    เป็น #สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ
    ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป
    http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=อวิชฺชา
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
    ...
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
    เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    ...
    ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
    ).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/15-16/42-44.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/15/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐-๒๑/๔๒-๔๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=709
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51
    ลำดับสาธยายธรรม : 51​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) สัทธรรมลำดับที่ : 709 ชื่อบทธรรม :- ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709 เนื้อความทั้งหมด :- --ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) (ระดับสูงสุด) --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ; สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?” --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=อตฺถิต+นตฺถิต ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา). --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี. --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี. --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวส เป็นเครื่องผูกพัน ; ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า “อัตตาของเรา” ดังนี้. “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ” ดังนี้ เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล. ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ. --กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล. http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ เป็น #สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=อวิชฺชา เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ ... ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ... ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/15-16/42-44. http://etipitaka.com/read/thai/16/15/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐-๒๑/๔๒-๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=709 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51 ลำดับสาธยายธรรม : 51​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    -ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) (ระดับสูงสุด) “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ; สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?” กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา). กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี. กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี. กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวสเป็นเครื่องผูกพัน๑ ; ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า “อัตตาของเรา” ดังนี้. “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ” ดังนี้ เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล. ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ. กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล. (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ เป็น สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าอาสวะทั้งหลาย(กาม​ ภพ​ และอวิชชา)​
    สัทธรรมลำดับที่ : 336
    ชื่อบทธรรม :- อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=336
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=อาสว
    บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ
    บุคคลผู้ สำคัญว่าอาบัติในสิ่งที่มิใช่อาบัติ
    บุคคลผู้ สำคัญว่าไม่ใช่อาบัติในสิ่งที่เป็นอาบัติ.
    ....-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. 20/79/357.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/79/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%97
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=336
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=336
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าอาสวะทั้งหลาย(กาม​ ภพ​ และอวิชชา)​ สัทธรรมลำดับที่ : 336 ชื่อบทธรรม :- อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=336 เนื้อความทั้งหมด :- --ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก. http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=อาสว บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ บุคคลผู้ สำคัญว่าอาบัติในสิ่งที่มิใช่อาบัติ บุคคลผู้ สำคัญว่าไม่ใช่อาบัติในสิ่งที่เป็นอาบัติ. ....- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. 20/79/357. http://etipitaka.com/read/pali/20/79/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๗. http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%97 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=336 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=336 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ¸­à¸²à¸ªà¸§à¸°à¸—ั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก
    -ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก. บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ บุคคลผู้ สำคัญว่าอาบัติในสิ่งที่มิใช่อาบัติ บุคคลผู้ สำคัญว่าไม่ใช่อาบัติในสิ่งที่เป็นอาบัติ. ....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 333
    ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า
    “อาสวะ
    นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ
    เวมัตตตาแห่งอาสวะ
    วิบากแห่งอาสวะ
    นิโรธแห่งอาสวะ
    ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ
    เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง”
    นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือ
    กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/461/?keywords=กามา

    --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็น @นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=นิทานสมฺภว
    --ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. !
    อาสวะนำไปสู่นรกก็มี
    อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี
    อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี
    อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี
    อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=เวมตฺตตา

    --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว
    เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น*--๑
    เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/463/?keywords=วิบาก

    --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า?
    --ภิกษุ ท. !
    ความดับแห่งอาสวะมี #เพราะความดับแห่งอวิชชา.
    อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ;
    ปฏิปทานั้นได้แก่
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.

    --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม
    รู้ชัดซึ่ง อาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง เวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง วิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง นิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ;
    ในกาลนั้น
    อริยสาวกนั้นย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้
    อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/22/464/?keywords=อาสวนิโรธ

    *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม :
    ภาษาคนก็คือ เกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่;
    ถ้าเป็น
    ภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป
    ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย;
    ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน.

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #ตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/369-370/334.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/369/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๒-๔๖๓/๓๓๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=333
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ สัทธรรมลำดับที่ : 333 ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333 เนื้อความทั้งหมด :- --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “อาสวะ นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ เวมัตตตาแห่งอาสวะ วิบากแห่งอาสวะ นิโรธแห่งอาสวะ ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/461/?keywords=กามา --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็น @นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=นิทานสมฺภว --ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อาสวะนำไปสู่นรกก็มี อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=เวมตฺตตา --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น*--๑ เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/463/?keywords=วิบาก --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า? --ภิกษุ ท. ! ความดับแห่งอาสวะมี #เพราะความดับแห่งอวิชชา. อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม รู้ชัดซึ่ง อาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง เวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง วิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง นิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้นย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้ อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.- http://etipitaka.com/read/pali/22/464/?keywords=อาสวนิโรธ *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือ เกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่; ถ้าเป็น ภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #ตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/369-370/334. http://etipitaka.com/read/thai/22/369/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๒-๔๖๓/๓๓๔. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=333 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    -รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “อาสวะ นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ เวมัตตตาแห่งอาสวะ วิบากแห่งอาสวะ นิโรธแห่งอาสวะ ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ? ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็นนิทานสัมภวะแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! อาสวะนำไปสู่นรกก็มี อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น๑ เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท. ! ความดับแห่งอาสวะมี เพราะความดับแห่งอวิชชา. อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อมรู้ชัดซึ่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่; ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาอนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
    สัทธรรมลำดับที่ : 332
    ชื่อบทธรรม :- อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=332
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
    --ภิกษุ ท. !
    บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เสวย
    สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง.
    แม้อริยสาวกผู้มีการสดับ ก็เสวย
    สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อเป็นเช่นนั้น
    ในระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ กับบุถุชนผู้ไม่มีการสดับดังที่กล่าวมานี้
    อะไรเป็นความผิดแผกแตกต่างกัน อะไรเป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน
    อะไรเป็นเหตุที่แตกต่างกัน
    ระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ จากบุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ?
    --ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น กราบทูลวิงวอนว่า
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
    ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล
    มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เป็นการชอบแล้วหนอ
    ขอให้อรรถแห่งภาษิตนั้น จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเองเถิด
    ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก
    ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือน ;
    เขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้ง ๒ ฝ่าย คือเวทนาทั้งทางกายและทางจิต.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/257/?keywords=เวทยติ+กายิกญฺจ+เจตสิกญฺจ

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนบุรุษพึงยิงบุรุษด้วยลูกศร แล้วพึงยิงซ้ำ
    ซึ่งบุรุษนั้นด้วยลูกศรที่สองอีก บุรุษผู้ถูกยิงด้วยลูกศรสองลูกอย่างนี้
    ย่อมเสวยเวทนาทางกายด้วย ทางจิตด้วย, แม้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เป็นฉันนั้น คือ
    เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน
    เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือนอยู่ ;
    ชื่อว่าเขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้งสองอย่าง คือทั้งทางกายและทางจิต.
    เขาเป็นผู้มีปฏิฆะเพราะทุกขเวทนานั้นนั่นเอง.
    ๑.#ปฏิฆานุสัยอันใด อันเกิดจากทุกขเวทนา,
    ปฏิฆานุสัยอันนั้น ก็ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้นผู้มีปฏิฆะด้วยทุกขเวทนา.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=ปฏิฆา
    บุถุชนนั้นอันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมจะ(น้อมนึก)พอใจซึ่งกามสุข.
    ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ
    ย่อมไม่รู้ชัดอุบายเครื่องปลดเปลื้องซึ่งทุกขเวทนาอื่นนอกไปจากกามสุข.
    เมื่อบุถุชนนั้น พอใจยิ่งอยู่ซึ่งกามสุข,
    ๒.#ราคานุสัยอันใด อันเกิดจากสุขเวทนา,
    ราคานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=ราคา
    บุถุชนนั้น ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งเวทนา
    ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้
    ซึ่งรสอร่อย
    ซึ่งโทษอันต่ำทราม และ
    ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น
    แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้นตามที่เป็นจริง,
    เมื่อบุถุชนนั้น
    ไม่รู้ชัดอยู่ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้น
    ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้
    ซึ่งรสอร่อย
    ซึ่งโทษอันต่ำทราม และ
    ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น
    แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ตามที่เป็นจริงอยู่.
    ๓.#อวิชชานุสัยอันใด อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา,
    อวิชชานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=อวิชฺชา
    บุถุชนนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนาย่อมเป็นผู้ติดพัน (ในเวทนา) เสวยเวทนานั้น;
    ถ้าเสวยทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น ;
    ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น.

    --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับนี้
    เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้ว ด้วยชาติชรามรณะ
    โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ;
    เรากล่าวว่า #เป็นผู้ติดพันแล้วด้วยทุกข์
    ดังนี้.-

    #ทุกขสมุทัย#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/222-223/369-370.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/222/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๗-๒๕๘/๓๖๙-๓๗๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/257/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%99
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=332
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=332
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาอนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา สัทธรรมลำดับที่ : 332 ชื่อบทธรรม :- อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=332 เนื้อความทั้งหมด :- --อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เสวย สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง. แม้อริยสาวกผู้มีการสดับ ก็เสวย สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง. --ภิกษุ ท. ! เมื่อเป็นเช่นนั้น ในระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ กับบุถุชนผู้ไม่มีการสดับดังที่กล่าวมานี้ อะไรเป็นความผิดแผกแตกต่างกัน อะไรเป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน อะไรเป็นเหตุที่แตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ จากบุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ? --ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น กราบทูลวิงวอนว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เป็นการชอบแล้วหนอ ขอให้อรรถแห่งภาษิตนั้น จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเองเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือน ; เขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้ง ๒ ฝ่าย คือเวทนาทั้งทางกายและทางจิต. http://etipitaka.com/read/pali/18/257/?keywords=เวทยติ+กายิกญฺจ+เจตสิกญฺจ --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนบุรุษพึงยิงบุรุษด้วยลูกศร แล้วพึงยิงซ้ำ ซึ่งบุรุษนั้นด้วยลูกศรที่สองอีก บุรุษผู้ถูกยิงด้วยลูกศรสองลูกอย่างนี้ ย่อมเสวยเวทนาทางกายด้วย ทางจิตด้วย, แม้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เป็นฉันนั้น คือ เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือนอยู่ ; ชื่อว่าเขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้งสองอย่าง คือทั้งทางกายและทางจิต. เขาเป็นผู้มีปฏิฆะเพราะทุกขเวทนานั้นนั่นเอง. ๑.#ปฏิฆานุสัยอันใด อันเกิดจากทุกขเวทนา, ปฏิฆานุสัยอันนั้น ก็ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้นผู้มีปฏิฆะด้วยทุกขเวทนา. http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=ปฏิฆา บุถุชนนั้นอันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมจะ(น้อมนึก)พอใจซึ่งกามสุข. ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อมไม่รู้ชัดอุบายเครื่องปลดเปลื้องซึ่งทุกขเวทนาอื่นนอกไปจากกามสุข. เมื่อบุถุชนนั้น พอใจยิ่งอยู่ซึ่งกามสุข, ๒.#ราคานุสัยอันใด อันเกิดจากสุขเวทนา, ราคานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น. http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=ราคา บุถุชนนั้น ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งเวทนา ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ ซึ่งรสอร่อย ซึ่งโทษอันต่ำทราม และ ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้นตามที่เป็นจริง, เมื่อบุถุชนนั้น ไม่รู้ชัดอยู่ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้น ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ ซึ่งรสอร่อย ซึ่งโทษอันต่ำทราม และ ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ตามที่เป็นจริงอยู่. ๓.#อวิชชานุสัยอันใด อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา, อวิชชานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น. http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=อวิชฺชา บุถุชนนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนาย่อมเป็นผู้ติดพัน (ในเวทนา) เสวยเวทนานั้น; ถ้าเสวยทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น ; ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น. --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้ว ด้วยชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ; เรากล่าวว่า #เป็นผู้ติดพันแล้วด้วยทุกข์ ดังนี้.- #ทุกขสมุทัย​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/222-223/369-370. http://etipitaka.com/read/thai/18/222/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๗-๒๕๘/๓๖๙-๓๗๐. http://etipitaka.com/read/pali/18/257/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=332 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=332 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
    -อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง. แม้อริยสาวกผู้มีการสดับ ก็เสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง. ภิกษุ ท. ! เมื่อเป็นเช่นนั้น ในระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ กับบุถุชนผู้ไม่มีการสดับดังที่กล่าวมานี้ อะไรเป็นความผิดแผกแตกต่างกัน อะไรเป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน อะไรเป็นเหตุที่แตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ จากบุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ? ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น กราบทูลวิงวอนว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เป็นการชอบแล้วหนอ ขอให้อรรถแห่งภาษิตนั้น จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเองเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือน ; เขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้ง ๒ ฝ่าย คือเวทนาทั้งทางกายและทางจิต. ภิกษุ ท. !เปรียบเหมือนบุรุษพึงยิงบุรุษด้วยลูกศร แล้วพึงยิงซ้ำ ซึ่งบุรุษนั้นด้วยลูกศรที่สองอีก บุรุษผู้ถูกยิงด้วยลูกศรสองลูกอย่างนี้ ย่อมเสวยเวทนาทางกายด้วย ทางจิตด้วย, แม้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เป็นฉันนั้น คือ เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือนอยู่ ; ชื่อว่าเขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้งสองอย่าง คือทั้งทางกายและทางจิต. เขาเป็นผู้มีปฏิฆะเพราะทุกขเวทนานั้นนั่นเอง. ปฏิฆานุสัยอันใด อันเกิดจากทุกขเวทนา, ปฏิฆานุสัยอันนั้น ก็ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้นผู้มีปฏิฆะด้วยทุกขเวทนา. บุถุชนนั้นอันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมจะ(น้อมนึก)พอใจซึ่งกามสุข. ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อมไม่รู้ชัดอุบายเครื่องปลดเปลื้องซึ่งทุกขเวทนาอื่นนอกไปจากกามสุข. เมื่อบุถุชนนั้น พอใจยิ่งอยู่ซึ่งกามสุข, ราคานุสัยอันใด อันเกิดจากสุขเวทนา, ราคานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น. บุถุชนนั้น ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งเวทนา ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ ซึ่งรสอร่อย ซึ่งโทษอันต่ำทราม และซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ตามที่เป็นจริง, เมื่อบุถุชนนั้น ไม่รู้ชัดอยู่ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้น ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ ซึ่งรสอร่อย ซึ่งโทษอันต่ำทราม และซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ตามที่เป็นจริงอยู่. อวิชชานุสัยอันใด อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา, อวิชชานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น. บุถุชนนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนาย่อมเป็นผู้ติดพัน (ในเวทนา) เสวยเวทนานั้น; ถ้าเสวยทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น ; ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น. ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้ว ด้วยชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ; เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้วด้วยทุกข์ ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาอนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา
    สัทธรรมลำดับที่ : 331
    ชื่อบทธรรม :- อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=331
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา
    --ภิกษุ ท. ! เวทนา ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
    สามอย่างเหล่าไหนเล่า ? สามอย่างคือ
    สุขเวทนา
    ทุกขเวทนา
    อทุกขมสุขเวทนา.
    --ภิกษุ ท. !
    ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/254/?keywords=ราคา
    ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/255/?keywords=ปฏิฆา
    อวิชชานุสัยอันเกิด จากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/255/?keywords=อวิชฺชา
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใด
    ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว,
    ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว.
    อวิชชานุสัยอันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว ;
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า
    เป็นผู้ไม่มีอนุสัย เป็นผู้เห็นชอบ
    ตัดตัณหาได้ขาด แล้ว
    รื้อถอนสังโยชน์ได้ แล้ว
    กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แล้ว
    เพราะรู้เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ.

    (คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
    --เมื่อบุคคลเสวยสุขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น
    ราคานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น.
    --เมื่อบุคคลเสวยทุกขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น
    ปฏิฆานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น.
    --บุคคลเพลิดเพลินแม้ในอทุกขมสุข
    อันพระภูริปัญญาพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นธรรมอันรำงับ ก็หาพ้นจากทุกข์ไปได้ไม่.
    --เมื่อใดภิกษุ มีความเพียรเผากิเลส ไม่ทอดทิ้งสัมปชัญญะ
    ก็เป็นบัณฑิต รอบรู้เวทนาทั้งปวง.
    ภิกษุนั้น เพราะรอบรู้ซึ่งเวทนา จึงเป็นผู้ไม่มีอาสวะในทิฏฐธรรม
    เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม จนกระทั่งกายแตก จบเวท ไม่เข้าถึงซึ่งการนับ (ว่าเป็นอะไร)
    แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/220/363-364.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/220/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๔/๓๖๓-๓๖๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/254/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=331
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=331
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาอนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา สัทธรรมลำดับที่ : 331 ชื่อบทธรรม :- อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=331 เนื้อความทั้งหมด :- --อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา --ภิกษุ ท. ! เวทนา ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. สามอย่างเหล่าไหนเล่า ? สามอย่างคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา. --ภิกษุ ท. ! ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. http://etipitaka.com/read/pali/18/254/?keywords=ราคา ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. http://etipitaka.com/read/pali/18/255/?keywords=ปฏิฆา อวิชชานุสัยอันเกิด จากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. http://etipitaka.com/read/pali/18/255/?keywords=อวิชฺชา --ภิกษุ ท. ! เมื่อใด ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว, ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว. อวิชชานุสัยอันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว ; --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่มีอนุสัย เป็นผู้เห็นชอบ ตัดตัณหาได้ขาด แล้ว รื้อถอนสังโยชน์ได้ แล้ว กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แล้ว เพราะรู้เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) --เมื่อบุคคลเสวยสุขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น ราคานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น. --เมื่อบุคคลเสวยทุกขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น ปฏิฆานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น. --บุคคลเพลิดเพลินแม้ในอทุกขมสุข อันพระภูริปัญญาพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นธรรมอันรำงับ ก็หาพ้นจากทุกข์ไปได้ไม่. --เมื่อใดภิกษุ มีความเพียรเผากิเลส ไม่ทอดทิ้งสัมปชัญญะ ก็เป็นบัณฑิต รอบรู้เวทนาทั้งปวง. ภิกษุนั้น เพราะรอบรู้ซึ่งเวทนา จึงเป็นผู้ไม่มีอาสวะในทิฏฐธรรม เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม จนกระทั่งกายแตก จบเวท ไม่เข้าถึงซึ่งการนับ (ว่าเป็นอะไร) แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/220/363-364. http://etipitaka.com/read/thai/18/220/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๔/๓๖๓-๓๖๔. http://etipitaka.com/read/pali/18/254/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=331 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=331 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา
    -อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา ภิกษุ ท. ! เวทนา ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. สามอย่างเหล่าไหนเล่า ? สามอย่างคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา. ภิกษุ ท. ! ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. อวิชชานุสัยอันเกิด จากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. ภิกษุ ท. ! เมื่อใด ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว, ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว. อวิชชานุสัยอันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว ; ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่มีอนุสัย เป็นผู้เห็นชอบ ตัดตัณหาได้ขาดแล้ว รื้อถอนสังโยชน์ได้แล้ว กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้แล้วเพราะรู้เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) เมื่อบุคคลเสวยสุขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น ราคานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น. เมื่อบุคคลเสวยทุกขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น ปฏิฆานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น. บุคคลเพลิดเพลินแม้ในอทุกขมสุข อันพระภูริปัญญาพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นธรรมอันรำงับ ก็หาพ้นจากทุกข์ไปได้ไม่. เมื่อใดภิกษุ มีความเพียรเผากิเลส ไม่ทอดทิ้งสัมปชัญญะ ก็เป็นบัณฑิต รอบรู้เวทนาทั้งปวง. ภิกษุนั้น เพราะรอบรู้ซึ่งเวทนา จึงเป็นผู้ไม่มีอาสวะในทิฏฐธรรม เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม จนกระทั่งกายแตก จบเวท ไม่เข้าถึงซึ่งการนับ (ว่าเป็นอะไร) แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าอนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 330
    ชื่อบทธรรม :- อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=330
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม
    --ภิกษุ ท. ! เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ;
    การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ;
    เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
    อันเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง.
    บุคคลนั้น
    --เมื่อสุขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ ;
    อนุสัยคือราคะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้)
    แก่บุคคลนั้น (ตสฺส ราคานุสโย อนุเสติ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/14/517/?keywords=ตสฺส+ราคานุสโย+อนุเสติ
    --เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ เขาย่อมเศร้าโศก
    ย่อมระทมใจ ย่อมคร่ำครวญ ย่อมตีอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหลอยู่ ;
    อนุสัยคือปฏิฆะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้)
    แก่บุคคลนั้น.
    --เมื่อเวทนาอันไม่ใช่ทุกข์ไม่สุขถูกต้องอยู่ เขาย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง
    ซึ่งเหตุให้เกิดเวทนานั้นด้วย ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งเวทนานั้นด้วย
    ซึ่งอัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนานั้นด้วย
    ซึ่งอาทีนวะ (โทษ) ของเวทนานั้นด้วย
    ซึ่งนิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไป) ของเวทนานั้นด้วย ;
    อนุสัยคืออวิชชา ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้)
    แก่บุคคลนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลนั้นหนอ
    ยังละราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนาไม่ได้ ;
    ยังบรรเทาปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนาไม่ได้ ;
    ยังถอนอวิชชานุสัย อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้ ;
    เมื่อยังละอวิชชาไม่ได้ และยังทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว,
    เขาจักทำที่สุดแห่งทุกข์ในทิฏฐธรรม (ปัจจุบัน) นี้ได้ นั้น ;
    ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้.
    ---
    (ในกรณีแห่ง
    หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ
    ก็ได้ตรัสโดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่ง ตา
    ).
    ---

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. 14/391/822.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/391/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/516/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=330
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=330
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าอนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม สัทธรรมลำดับที่ : 330 ชื่อบทธรรม :- อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=330 เนื้อความทั้งหมด :- --อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม --ภิกษุ ท. ! เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา อันเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง. บุคคลนั้น --เมื่อสุขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ ; อนุสัยคือราคะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น (ตสฺส ราคานุสโย อนุเสติ) ; http://etipitaka.com/read/pali/14/517/?keywords=ตสฺส+ราคานุสโย+อนุเสติ --เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมระทมใจ ย่อมคร่ำครวญ ย่อมตีอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหลอยู่ ; อนุสัยคือปฏิฆะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น. --เมื่อเวทนาอันไม่ใช่ทุกข์ไม่สุขถูกต้องอยู่ เขาย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง ซึ่งเหตุให้เกิดเวทนานั้นด้วย ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งเวทนานั้นด้วย ซึ่งอัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่งอาทีนวะ (โทษ) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่งนิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไป) ของเวทนานั้นด้วย ; อนุสัยคืออวิชชา ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น. --ภิกษุ ท. ! บุคคลนั้นหนอ ยังละราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนาไม่ได้ ; ยังบรรเทาปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนาไม่ได้ ; ยังถอนอวิชชานุสัย อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้ ; เมื่อยังละอวิชชาไม่ได้ และยังทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว, เขาจักทำที่สุดแห่งทุกข์ในทิฏฐธรรม (ปัจจุบัน) นี้ได้ นั้น ; ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้. --- (ในกรณีแห่ง หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ก็ได้ตรัสโดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่ง ตา ). --- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. 14/391/822. http://etipitaka.com/read/thai/14/391/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒. http://etipitaka.com/read/pali/14/516/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=330 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=330 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม
    -(การที่บุคคลละสักกายทิฏฐิเป็นต้นไม่ได้ จนเป็นธรรมชาติมีกำลังถึงกับเขานำออกไม่ได้ นั่นคือลักษณะแห่งความเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์. รายละเอียดของสักกายทิฏฐิ ดูได้ที่หัวข้อว่า “สักกายทิฏฐิ มีได้ด้วยอาการอย่างไร” แห่งหนังสือเล่มนี้ ที่หน้า ๓๗๒). อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม ภิกษุ ท. ! เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา อันเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง. บุคคลนั้น เมื่อสุขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ ; อนุสัยคือราคะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น (ตสฺส ราคานุสโย อนุเสติ) ; เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมระทมใจ ย่อมคร่ำครวญ ย่อมตีอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหลอยู่ ; อนุสัยคือปฏิฆะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น. เมื่อเวทนาอันไม่ใช่ทุกข์ไม่สุขถูกต้องอยู่ เขาย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง ซึ่งเหตุให้เกิดเวทนานั้นด้วย ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งเวทนานั้นด้วย ซึ่งอัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่งอาทีนวะ (โทษ) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่ง นิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไป) ของเวทนานั้นด้วย ; อนุสัยคืออวิชชา ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น. ภิกษุ ท. ! บุคคลนั้นหนอ ยังละราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนาไม่ได้ ; ยังบรรเทาปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนาไม่ได้ ; ยังถอนอวิชชานุสัย อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้ ; เมื่อยังละอวิชชาไม่ได้ และยังทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว, เขาจักทำที่สุดแห่งทุกข์ในทิฏฐธรรม (ปัจจุบัน) นี้ได้ นั้น ; ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้. (ในกรณีแห่ง หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ก็ได้ตรัสโดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งตา).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าเมื่อสังโยชน์สิบ
    สัทธรรมลำดับที่ : 328
    ชื่อบทธรรม :- สังโยชน์สิบ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=328
    เนื้อความทั้งหมด :- สังโยชน์สิบ
    --ภิกษุ ท. ! สังโยชน์ ๑๐ ประการเหล่านี้ มีอยู่.
    สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการ คือ
    โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ
    อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ.
    --โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
    สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามฉันทะ พยาบาท
    : เหล่านี้ คือ #โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ปญฺโจรมฺภาคิยานิ+สํโยชนานิ

    --อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
    รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา
    : เหล่านี้ คือ #อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ปญฺจุทฺธมฺภาคิยานิ+สํโยชนานิ

    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล สัญโญชน์ ๑๐ ประการ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ทส+สํโยชนา

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทาสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/16-17/13.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/16/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๘-๑๙/๑๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/18/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=328
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=328
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าเมื่อสังโยชน์สิบ สัทธรรมลำดับที่ : 328 ชื่อบทธรรม :- สังโยชน์สิบ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=328 เนื้อความทั้งหมด :- สังโยชน์สิบ --ภิกษุ ท. ! สังโยชน์ ๑๐ ประการเหล่านี้ มีอยู่. สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการ คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. --โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามฉันทะ พยาบาท : เหล่านี้ คือ #โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ปญฺโจรมฺภาคิยานิ+สํโยชนานิ --อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา : เหล่านี้ คือ #อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ปญฺจุทฺธมฺภาคิยานิ+สํโยชนานิ --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล สัญโญชน์ ๑๐ ประการ.- http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ทส+สํโยชนา #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทาสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/16-17/13. http://etipitaka.com/read/thai/24/16/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๘-๑๙/๑๓. http://etipitaka.com/read/pali/24/18/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=328 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=328 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สังโยชน์สิบ
    -สังโยชน์สิบ ภิกษุ ท. ! สังโยชน์ ๑๐ ประการเหล่านี้ มีอยู่. สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการ คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามฉันทะ พยาบาท : เหล่านี้ คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา : เหล่านี้ คือ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล สัญโญชน์ ๑๐ ประการ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาสังโยชน์เจ็ด
    สัทธรรมลำดับที่ : 326
    ชื่อบทธรรม :- สังโยชน์เจ็ด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=326
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สังโยชน์เจ็ด
    --ภิกษุ ท. ! สัญโญชน์ (สิ่งผูกพัน) ๗ อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=สญฺโญชนา
    เจ็ดอย่าง อย่างไรเล่า ? เจ็ดอย่าง คือ
    ๑.อนุนยสัญโญชน์ (สังโยชน์คือกามราคะเป็นเหตุให้ติดตาม) ๑
    ๒.ปฏิฆสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความโกรธไม่ได้อย่างใจ) ๑
    ๓.ทิฏฐิสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความเห็นผิด) ๑
    ๔.วิจิกิจฉาสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความลังเลสงสัย) ๑
    ๕.มานสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความสำคัญตน) ๑
    ๖.ภวราคสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความกำหนัดในภพ) ๑
    ๗.อวิชชาสัญโญชน์ (สังโยชน์คืออวิชชา) ๑.
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือสัญโญชน์ ๗ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง สัญโญชน์ ๗ อย่าง.
    เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง
    อนุนยสัญโญชน์ ๑
    ปฏิฆสัญโญชน์ ๑
    ทิฏฐิสัญโญชน์ ๑
    วิจิกิจฉาสัญโญชน์ ๑
    มานสัญโญชน์ ๑
    ภวราคสัญโญชน์ ๑
    อวิชชาสัญโญชน์ ๑.
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งสัญโญชน์ ๗ อย่างเหล่านี้แล.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล,
    อนุนยสัญโญชน์ก็ดี
    ปฏิฆสัญโญชน์ก็ดี
    ทิฏฐิสัญโญชน์ก็ดี
    วิจิกิจฉาสัญโญชน์ก็ดี
    มานสัญโญชน์ก็ดี
    ภวราคสัญโญชน์ก็ดี
    อวิชชาสัญโญชน์ก็ดี
    เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว
    ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ;
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า
    “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์
    #เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว”
    http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=สญฺโญชนา
    ดังนี้แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัยสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/7-8/8-9.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/7/?keywords=%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๗-๘/๘-๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=326
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=326
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาสังโยชน์เจ็ด สัทธรรมลำดับที่ : 326 ชื่อบทธรรม :- สังโยชน์เจ็ด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=326 เนื้อความทั้งหมด :- --สังโยชน์เจ็ด --ภิกษุ ท. ! สัญโญชน์ (สิ่งผูกพัน) ๗ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=สญฺโญชนา เจ็ดอย่าง อย่างไรเล่า ? เจ็ดอย่าง คือ ๑.อนุนยสัญโญชน์ (สังโยชน์คือกามราคะเป็นเหตุให้ติดตาม) ๑ ๒.ปฏิฆสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความโกรธไม่ได้อย่างใจ) ๑ ๓.ทิฏฐิสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความเห็นผิด) ๑ ๔.วิจิกิจฉาสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความลังเลสงสัย) ๑ ๕.มานสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความสำคัญตน) ๑ ๖.ภวราคสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความกำหนัดในภพ) ๑ ๗.อวิชชาสัญโญชน์ (สังโยชน์คืออวิชชา) ๑. --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือสัญโญชน์ ๗ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง สัญโญชน์ ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง อนุนยสัญโญชน์ ๑ ปฏิฆสัญโญชน์ ๑ ทิฏฐิสัญโญชน์ ๑ วิจิกิจฉาสัญโญชน์ ๑ มานสัญโญชน์ ๑ ภวราคสัญโญชน์ ๑ อวิชชาสัญโญชน์ ๑. --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งสัญโญชน์ ๗ อย่างเหล่านี้แล. --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล, อนุนยสัญโญชน์ก็ดี ปฏิฆสัญโญชน์ก็ดี ทิฏฐิสัญโญชน์ก็ดี วิจิกิจฉาสัญโญชน์ก็ดี มานสัญโญชน์ก็ดี ภวราคสัญโญชน์ก็ดี อวิชชาสัญโญชน์ก็ดี เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ; --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์ #เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว” http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=สญฺโญชนา ดังนี้แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัยสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/7-8/8-9. http://etipitaka.com/read/thai/23/7/?keywords=%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๗-๘/๘-๙. http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=326 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=326 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สังโยชน์เจ็ด
    -สังโยชน์เจ็ด ภิกษุ ท. ! สัญโญชน์ (สิ่งผูกพัน) ๗ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. เจ็ดอย่าง อย่างไรเล่า ? เจ็ดอย่าง คือ อนุนยสัญโญชน์ (สังโยชน์คือกามราคะเป็นเหตุให้ติดตาม) ๑ ปฏิฆสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความโกรธไม่ได้อย่างใจ) ๑ ทิฏฐิสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความเห็นผิด) ๑ วิจิกิจฉาสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความลังเลสงสัย) ๑ มานสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความสำคัญตน) ๑ ภวราคสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความกำหนัดในภพ) ๑ อวิชชาสัญโญชน์ (สังโยชน์คืออวิชชา) ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือสัญโญชน์ ๗ อย่าง. ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง สัญโญชน์ ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง อนุนยสัญโญชน์ ๑ ปฏิฆสัญโญชน์ ๑ ทิฏฐิสัญโญชน์ ๑ วิจิกิจฉาสัญโญชน์ ๑ มานสัญโญชน์ ๑ ภวราคสัญโญชน์ ๑ อวิชชาสัญโญชน์ ๑. ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งสัญโญชน์ ๗ อย่างเหล่านี้แล. ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล, อนุนยสัญโญชน์ก็ดี ปฏิฆสัญโญชน์ก็ดี ทิฏฐิสัญโญชน์ก็ดี วิจิกิจฉาสัญโญชน์ก็ดี มานสัญโญชน์ก็ดี ภวราคสัญโญชน์ก็ดี อวิชชาสัญโญชน์ก็ดี เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ; ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์ เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่าง ถูกต้องแล้ว” ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​มัชฌิมาปฏิปทา(ในความหมายชั้นลึก)
    สัทธรรมลำดับที่ : 692
    ชื่อบทธรรม :- มัชฌิมาปฏิปทา(ในความหมายชั้นลึก)ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=692
    เนื้อความทั้งหมด :-

    ค. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นลึก)
    (หลักเกณฑ์นี้ อาศัยพระบาลีที่ตรัสโต้ตอบแก่บุคคลผู้มาทูลถาม ซึ่งส่วนมากเป็นพรหมณ์
    ได้ถามเรื่องสิ่งตรงข้ามที่แยกกันเป็นคู่ๆ ;
    เช่นว่า สิ่งทั้งปวงมี หรือไม่มี; สิ่งทั้งปวงเหมือนกัน หรือต่างกัน ;
    ตนเองหรือผู้อื่นเป็นผู้กระทำหรือเสวยผล ;
    การกล่าวลงไปว่า สิ่งนั้นๆเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว
    หรือว่าเป็นอย่างอื่นจากความเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว ;
    ดังนี้เป็นต้น.
    พระองค์ ตรัสตอบโดยสายกลาง (มชฺเฌน) ไม่ยอมรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง,
    โดยพระบาลีว่า
    “เอเต เต พฺราหฺมณ อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ ฯลฯ” :-
    )​
    --พราหมณ์ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง (มชฺเฌน)
    http://etipitaka.com/read/pali/16/92/?keywords=มชฺเฌน
    ไม่เข้า ไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า :-
    (การเกิด)​
    ๑-“เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ;
    ๒-เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ;
    ๓-เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป ;
    ๔-เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ;
    ๕-เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ;
    ๖-เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;
    ๗-เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;
    ๘-เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ;
    ๙-เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ;
    ๑๐-เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ;
    ๑๑-เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.
    (การดับ)
    ๑-เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ;
    ๒-เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ;
    ๓-เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ;
    ๔-เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ ;
    ๕-เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ ;
    ๖-เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ;
    ๗-เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ;
    ๘-เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ;
    ๙-เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ;
    ๑๐-เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ;
    ๑๑-เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นเอง, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้”
    ดังนี้.-

    (คำว่า มชฺเฌน โดยพระบาลีข้างบนนี้ ก็คือคำว่า มัชฌิมาปฏิปทา นั่นเอง,
    มัชฌิมาปฏิปทาจึงได้แก่กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท ดังที่กล่าวแล้วในสูตรนี้
    ซึ่งทำให้ไม่อาจกล่าวสิ่งใดๆโดยความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยส่วนเดียว
    ที่เรียกว่าส่วนสุดข้างหนึ่ง ๆ.
    ความเห็นท่านผู้เรียบเรียงท่านพุทธทาส-อยากจะแนะว่า
    ในการศึกษาเรื่องมัชฌิมาปฏิปทานั้น
    ควรจะศึกษามัชฌิมาปฏิปทาชั้นพื้นฐานทั่วไปคืออัฏฐังคิกมรรค เป็นลำดับแรก,
    แล้วศึกษามัชฌิมาปฏิปทาในความหมายชั้นกว้างคือโพธิปักขิยธรรมทั้งหมด เป็นลำดับที่สอง,
    แล้วจึงศึกษามัชฺมาปฏิปทาในความหมายชั้นลึกคือปฏิจจสมุปบาท เป็นลำดับสุดท้าย ;
    มิฉะนั้นจะลำบาก).
    -- นิทาน. สํ. ๑๖/๙๑,๙๒,๙๐,๒๗,๒๔,๗๒-๗๔/๑๗๓,๑๗๖,๑๗๐,๕๕,๕๐,๑๒๙-๑๓๒.
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - 16/91/173.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/74/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ๑๖/๙๑/๑๗๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/91/?keywords=๑๗๓

    --ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด
    ทางมีองค์แปด เป็นทางอันประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย.
    บทแห่งอริยสัจสี่ ประเสริฐกว่าบททั้งหลาย.
    วิราคธรรม ประเสริฐกว่าธรรมทั้งหลาย.
    ผู้มีพุทธจักษุ ประเสริฐกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย.
    นี่แหละทางเพื่อความหมดจด แห่งทัสสนะ ทางอื่นมิได้มี.
    --เธอทั้งหลาย จงเดินตามทางนั้น อันเป็นที่หลงแห่งมาร ;
    เธอทั้งหลาย เดินตามทางนั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
    --ทางเราบอกแล้วแก่เธอทั้งหลาย
    เพื่อการรู้จักการถอนซึ่งลูกศร ; ความเพียรเป็นกิจอันเธอทั้งหลายพึงกระทำ
    ตถาคตทั้งหลายเป็นเพียงผู้บอก (วิธีแห่งการกระทำ).
    ผู้มุ่งปฏิบัติแล้ว ย่อมพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร.
    --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง” ;
    เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
    : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.
    --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์” ;
    เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
    : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.
    --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา” ;
    เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
    : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/35/30.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/35/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=692
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=692
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​มัชฌิมาปฏิปทา(ในความหมายชั้นลึก) สัทธรรมลำดับที่ : 692 ชื่อบทธรรม :- มัชฌิมาปฏิปทา(ในความหมายชั้นลึก)ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=692 เนื้อความทั้งหมด :- ค. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นลึก) (หลักเกณฑ์นี้ อาศัยพระบาลีที่ตรัสโต้ตอบแก่บุคคลผู้มาทูลถาม ซึ่งส่วนมากเป็นพรหมณ์ ได้ถามเรื่องสิ่งตรงข้ามที่แยกกันเป็นคู่ๆ ; เช่นว่า สิ่งทั้งปวงมี หรือไม่มี; สิ่งทั้งปวงเหมือนกัน หรือต่างกัน ; ตนเองหรือผู้อื่นเป็นผู้กระทำหรือเสวยผล ; การกล่าวลงไปว่า สิ่งนั้นๆเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว หรือว่าเป็นอย่างอื่นจากความเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว ; ดังนี้เป็นต้น. พระองค์ ตรัสตอบโดยสายกลาง (มชฺเฌน) ไม่ยอมรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง, โดยพระบาลีว่า “เอเต เต พฺราหฺมณ อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ ฯลฯ” :- )​ --พราหมณ์ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง (มชฺเฌน) http://etipitaka.com/read/pali/16/92/?keywords=มชฺเฌน ไม่เข้า ไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า :- (การเกิด)​ ๑-“เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; ๒-เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; ๓-เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป ; ๔-เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ; ๕-เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ; ๖-เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; ๗-เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; ๘-เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ; ๙-เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ; ๑๐-เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ; ๑๑-เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. (การดับ) ๑-เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ; ๒-เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; ๓-เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; ๔-เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ ; ๕-เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; ๖-เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; ๗-เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ; ๘-เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; ๙-เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; ๑๐-เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; ๑๑-เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นเอง, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้.- (คำว่า มชฺเฌน โดยพระบาลีข้างบนนี้ ก็คือคำว่า มัชฌิมาปฏิปทา นั่นเอง, มัชฌิมาปฏิปทาจึงได้แก่กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท ดังที่กล่าวแล้วในสูตรนี้ ซึ่งทำให้ไม่อาจกล่าวสิ่งใดๆโดยความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยส่วนเดียว ที่เรียกว่าส่วนสุดข้างหนึ่ง ๆ. ความเห็นท่านผู้เรียบเรียงท่านพุทธทาส-อยากจะแนะว่า ในการศึกษาเรื่องมัชฌิมาปฏิปทานั้น ควรจะศึกษามัชฌิมาปฏิปทาชั้นพื้นฐานทั่วไปคืออัฏฐังคิกมรรค เป็นลำดับแรก, แล้วศึกษามัชฌิมาปฏิปทาในความหมายชั้นกว้างคือโพธิปักขิยธรรมทั้งหมด เป็นลำดับที่สอง, แล้วจึงศึกษามัชฺมาปฏิปทาในความหมายชั้นลึกคือปฏิจจสมุปบาท เป็นลำดับสุดท้าย ; มิฉะนั้นจะลำบาก). -- นิทาน. สํ. ๑๖/๙๑,๙๒,๙๐,๒๗,๒๔,๗๒-๗๔/๑๗๓,๑๗๖,๑๗๐,๕๕,๕๐,๑๒๙-๑๓๒. อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - 16/91/173. http://etipitaka.com/read/thai/16/74/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ๑๖/๙๑/๑๗๓. http://etipitaka.com/read/pali/16/91/?keywords=๑๗๓ --ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด ทางมีองค์แปด เป็นทางอันประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย. บทแห่งอริยสัจสี่ ประเสริฐกว่าบททั้งหลาย. วิราคธรรม ประเสริฐกว่าธรรมทั้งหลาย. ผู้มีพุทธจักษุ ประเสริฐกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย. นี่แหละทางเพื่อความหมดจด แห่งทัสสนะ ทางอื่นมิได้มี. --เธอทั้งหลาย จงเดินตามทางนั้น อันเป็นที่หลงแห่งมาร ; เธอทั้งหลาย เดินตามทางนั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. --ทางเราบอกแล้วแก่เธอทั้งหลาย เพื่อการรู้จักการถอนซึ่งลูกศร ; ความเพียรเป็นกิจอันเธอทั้งหลายพึงกระทำ ตถาคตทั้งหลายเป็นเพียงผู้บอก (วิธีแห่งการกระทำ). ผู้มุ่งปฏิบัติแล้ว ย่อมพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร. --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด. --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด. --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/35/30. http://etipitaka.com/read/thai/25/35/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐. http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=692 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=692 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด
    -(มัชฌิมาปฏิปทาตามที่ทรงแสดงไว้ในสูตรนี้ เห็นได้ว่า ทรงแสดงส่วนสุดสองข้างไว้ด้วยอาฬ๎หปฏิปทา คือความตกไปในกาม และนิชฌามปฏิปทา คือ วัตรปฏิบัติของ อเจลกะซึ่งเรียกกันโดยทั่วๆ ไปว่า อัตตกิลมถานุโยค หรือตปัสสีวัตร ซึ่งมีรายละเอียดหาดูได้ในหนังสือ พุ. โอ. ที่หน้า ๕๖-๕๗. ในที่นี้จะเห็นได้ว่า โพธิปักขิยธรรมทั้งสามสิบเจ็ดข้อ นั่นแหละคือมัชฌิมาปฏิปทา ; หรือถึงกับจะกล่าวได้ว่า ข้อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหมดในพระพุทธศาสนา ซึ่งรวมกันแล้วเรียกได้ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา หรือพรหมจรรย์ทั้งสิ้น, นั่นแหละคือ มัชฌิมาปฏิปทา). ค. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นลึก) (หลักเกณฑ์นี้ อาศัยพระบาลีที่ตรัสโต้ตอบแก่บุคคลผู้มาทูลถาม ซึ่งส่วนมากเป็นพรหมณ์ ได้ถามเรื่องสิ่งตรงข้ามที่แยกกันเป็นคู่ๆ ; เช่นว่า สิ่งทั้งปวงมี หรือไม่มี; สิ่งทั้งปวงเหมือนกัน หรือต่างกัน ; ตนเองหรือผู้อื่นเป็นผู้กระทำหรือเสวยผล ; การกล่าวลงไปว่า สิ่งนั้นๆเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว หรือว่าเป็นอย่างอื่นจากความเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว ; ดังนี้เป็นต้น. พระองค์ ตรัสตอบโดยสายกลาง (มชฺเฌน) ไม่ยอมรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง, โดยพระบาลีว่า “เอเต เต พฺราหฺมณ อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ ฯลฯ” :-) พราหมณ์ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง (มชฺเฌน) ไม่เข้า ไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า : “เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป ; เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ; เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ; เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ ; เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ; เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นเอง, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้. นิทาน. สํ. ๑๖/๙๑,๙๒,๙๐,๒๗,๒๔,๗๒-๗๔/๑๗๓,๑๗๖,๑๗๐,๕๕,๕๐,๑๒๙-๑๓๒. (คำว่า มชฺเฌน โดยพระบาลีข้างบนนี้ ก็คือคำว่า มัชฌิมาปฏิปทา นั่นเอง, มัชฌิมาปฏิปทาจึงได้แก่กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท ดังที่กล่าวแล้วในสูตรนี้ ซึ่งทำให้ไม่อาจกล่าวสิ่งใดๆโดยความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยส่วนเดียว ที่เรียกว่าส่วนสุดข้างหนึ่ง ๆ. รายละเอียดเกี่ยวกับสุดโต่งเป็นคู่ๆนี้ หาดูได้จากหนังสือ พุ. โอ. ตั้งแต่หน้า ๒๔๗ ถึงหน้า ๒๕๒. อยากจะแนะว่า ในการศึกษาเรื่องมัชฌิมาปฏิปทานั้น ควรจะศึกษามัชฌิมาปฏิปทาชั้นพื้นฐานทั่วไปคืออัฏฐังคิกมรรค เป็นลำดับแรก, แล้วศึกษามัชฌิมาปฏิปทาในความหมายชั้นกว้างคือโพธิปักขิยธรรมทั้งหมด เป็นลำดับที่สอง, แล้วจึงศึกษามัชฺมาปฏิปทาในความหมายชั้นลึกคือปฏิจจสมุปบาท เป็นลำดับสุดท้าย ; มิฉะนั้นจะลำบาก). ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด ทางมีองค์แปด เป็นทางอันประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย. บทแห่งอริยสัจสี่ ประเสริฐกว่าบททั้งหลาย. วิราคธรรม ประเสริฐกว่าธรรมทั้งหลาย. ผู้มีพุทธจักษุ ประเสริฐกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย. นี่แหละทางเพื่อความหมดจด แห่งทัสสนะ ทางอื่นมิได้มี. เธอทั้งหลาย จงเดินตามทางนั้น อันเป็นที่หลงแห่งมาร ; เธอทั้งหลาย เดินตามทางนั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. ทางเราบอกแล้วแก่เธอทั้งหลาย เพื่อการรู้จักการถอนซึ่งลูกศร ; ความเพียรเป็นกิจอันเธอทั้งหลายพึงกระทำ ตถาคตทั้งหลายเป็นเพียงผู้บอก (วิธีแห่งการกระทำ). ผู้มุ่งปฏิบัติแล้ว ย่อมพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร. เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด. เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด. เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 1054
    ชื่อบทธรรม :- การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    --เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
    แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้.
    สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ
    อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริ

    (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ
    : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว,
    ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง,
    ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ,
    ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ,
    เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน,
    ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์.
    ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ.
    และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้.
    --เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว
    เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก.
    กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี*--๑ มีอยู่
    ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่),
    --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร
    : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ?
    “พึงตอบได้ , พระองค์ !”
    --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล
    จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=อิทฺธิปาฏิหาริ
    *--๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ.

    (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต
    ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า
    ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้.
    . . . . ฯลฯ . . . .
    กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่
    ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่),
    --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร
    : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ?
    “พึงตอบได้ , พระองค์ !”
    --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล
    จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/275/?keywords=อาเทสนาปาฏิหาริ

    (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า
    “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ,
    จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ,
    จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่”
    ดังนี้.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า #อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ

    --เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง
    สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก
    เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์
    เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์.
    ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์
    พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว
    สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม.
    ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด,
    ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=ตถาคโต
    : คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต.
    เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า
    “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง;
    การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย.
    ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช
    เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้.
    โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว.
    ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์
    ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร,
    มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย
    สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย,
    ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล,
    มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย,
    ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ.
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป
    เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว
    มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ

    --(ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วย
    จุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร –
    สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ –
    การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้
    ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน -- จตุตถฌาน –
    ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต –
    เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ
    และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์
    อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึง
    #อาสวักขยญาณ ซึ่งมีข้อความว่า :- )​
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น
    ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว,
    เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า
    “นี้ทุกข์,
    นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์,
    นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์,
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”;
    และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า
    “เหล่านี้อาสวะ,
    นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ,
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ,
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”.
    เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ.
    ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”.
    เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว
    กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก”
    ดังนี้.
    --เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว,
    คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น,
    เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น,
    เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า
    “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้
    หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น”
    ดังนี้;
    ฉันใดก็ฉันนั้น.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    --เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.-
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริยา

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/306 - 309/339 - 242.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๗๓ - ๒๗๖/๓๓๙ - ๒๔๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1054
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92
    ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ สัทธรรมลำดับที่ : 1054 ชื่อบทธรรม :- การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054 เนื้อความทั้งหมด :- --การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ --เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้. สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริ (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ, ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ, เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้. --เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี*--๑ มีอยู่ ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=อิทฺธิปาฏิหาริ *--๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ. (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. . . . . ฯลฯ . . . . กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/275/?keywords=อาเทสนาปาฏิหาริ (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ, จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ, จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่” ดังนี้. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า #อนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ --เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=ตถาคโต : คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร, มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล, มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย, ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ. --เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ --(ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วย จุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร – สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ – การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้ ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน -- จตุตถฌาน – ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต – เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์ อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึง #อาสวักขยญาณ ซึ่งมีข้อความว่า :- )​ --เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว, เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”; และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า “เหล่านี้อาสวะ, นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”. เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”. เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” ดังนี้. --เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว, คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้ หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” ดังนี้; ฉันใดก็ฉันนั้น. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. --เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.- http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริยา #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/306 - 309/339 - 242. http://etipitaka.com/read/thai/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๗๓ - ๒๗๖/๓๓๙ - ๒๔๒. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1054 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92 ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    -การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้. สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์. (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ, ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ, เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้. เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี๑ มีอยู่ ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์. (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. . . . . ฯลฯ . . . . กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), เกวัฏฏะ ! ท่าน ๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ. จะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์. (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ, จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ, จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้า กระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร, มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล, มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย, ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ. เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. (ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วยจุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร – สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ – การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน - จตุตถฌาน – ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต – เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์ อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึงอาสวักขยญาณซึ่งมีข้อความว่า :-) เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่น ไหว เช่นนี้แล้ว, เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”; และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า “เหล่านี้อาสวะ, นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”. เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”. เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว, คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้ หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” ดังนี้; ฉันใดก็ฉันนั้น. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 1052
    ชื่อบทธรรม :-ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1052
    เนื้อความทั้งหมด :-
    [ในสูตรอื่น ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ ไว้ว่า :-]

    --สารีบุตร ! อริยสาวกจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า

    “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งมีเบื้องต้นและที่สุดอันบุคคล
    ไปตามอยู่รู้ไม่ได้ เบื้องต้นที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แก่สัตว์ทั้งปลายผู้มี
    อวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก
    กำลังเล่นไป ท่องเที่ยวไป.
    ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้น มีอยู่;
    นั่น เป็นบทที่สงบ นั่น เป็นบทที่ประณีต, กล่าวคือ
    เป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง
    เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน”

    --สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้น ของอริยสาวกนั้น #ย่อมเป็นปัญญินทรีย์*--๑ของเธอนั้น.-
    http://etipitaka.com/read/pali/19/300/?keywords=นปฺปญฺญายติ

    *--๑. ในสูตรอื่น (๒๒/๑๒/๑๕)
    http://etipitaka.com/read/pali/22/12/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95
    แทนที่จะเรียกว่าปัญญินทรีย์ ตรัสเรียกว่า #ปัญญาพละ ก็มี ซึ่งมีใจความอย่างเดียวกัน.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/12/?keywords=ปญฺญาพลํ

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/247/1020.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/247/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙๙/๑๐๒๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1052
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1052
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92
    ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ สัทธรรมลำดับที่ : 1052 ชื่อบทธรรม :-ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1052 เนื้อความทั้งหมด :- [ในสูตรอื่น ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ ไว้ว่า :-] --สารีบุตร ! อริยสาวกจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งมีเบื้องต้นและที่สุดอันบุคคล ไปตามอยู่รู้ไม่ได้ เบื้องต้นที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แก่สัตว์ทั้งปลายผู้มี อวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังเล่นไป ท่องเที่ยวไป. ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้น มีอยู่; นั่น เป็นบทที่สงบ นั่น เป็นบทที่ประณีต, กล่าวคือ เป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” --สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้น ของอริยสาวกนั้น #ย่อมเป็นปัญญินทรีย์*--๑ของเธอนั้น.- http://etipitaka.com/read/pali/19/300/?keywords=นปฺปญฺญายติ *--๑. ในสูตรอื่น (๒๒/๑๒/๑๕) http://etipitaka.com/read/pali/22/12/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95 แทนที่จะเรียกว่าปัญญินทรีย์ ตรัสเรียกว่า #ปัญญาพละ ก็มี ซึ่งมีใจความอย่างเดียวกัน. http://etipitaka.com/read/pali/22/12/?keywords=ปญฺญาพลํ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/247/1020. http://etipitaka.com/read/thai/19/247/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙๙/๑๐๒๐. http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1052 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1052 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92 ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - [ในสูตรอื่น ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ ไว้ว่า :-]
    -[ในสูตรอื่น ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ ไว้ว่า :-] สารีบุตร ! . . . . อริยสาวกจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งมีเบื้องต้นและที่สุดอันบุคคลไปตามอยู่รู้ไม่ได้ เบื้องต้นที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แก่สัตว์ทั้งปลายผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังเล่นไป ท่องเที่ยวไป. ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้น มีอยู่; นั่น เป็นบทที่สงบ นั่น เป็นบทที่ประณีต, กล่าวคือ เป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้น ของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็นปัญญินทรีย์ของเธอนั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคเพื่อสำรอกราคะในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
    สัทธรรมลำดับที่ : 684
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=684
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
    --ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า
    “อาวุโส ท.! ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสมณโคดม
    เพื่อประโยชน์อะไรกัน?” ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า
    “อาวุโส ท.! เราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อประโยชน์แก่การ
    สำรอกซึ่งราคะ (ราควิราคตฺถํ)”.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=ราควิราคตฺถํ

    [และยังตรัสต่อไปว่า :-
    -เพื่อประโยชน์แก่การ ละสังโยชน์ (สญฺโญชนปหานตฺถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ ถอนอนุสัย (อนุสยสมุคฺฆาตนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ กำหนดรู้ความที่สัตว์ ต้องเดินทางไกลด้วยอวิชชา (อทฺธานปริญฺญตถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่ความ สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวานํ ขยตฺถํ) ดังนี้ ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ ทำให้แจ้งซึ่งผลคือวิชชาและวิมุตติ (วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยตฺถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ รู้การเห็น (ญาณทสฺสนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ #ดับเย็นในทิฏธรรมเพราะไม่ยึดมั่น (อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ) ดังนี้ก็มี
    http://etipitaka.com/read/pali/19/34/?keywords=อนุปาทาปรินิพฺพาน
    ].

    --ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า
    “อาวุโส ท. ! มรรคมีหรือ ปฏิปทามีหรือ เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ?”
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว
    พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่เพื่อการ สำรอกซึ่งราคะ.
    --ภิกษุ ท. ! มรรคนั้นเป็นอย่างไร ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไร เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ?
    #อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง, ได้แก่
    http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=อฏฺฐงฺคิโก+มคฺโค
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ,
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ,
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ :
    +--ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แลปฏิปทา เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ.

    (ขยายความตามท่านพุทธทาส :-
    ข้อความสองย่อหน้าข้างบนนี้ มีต่อท้ายหลักธรรมที่เป็นจุดหมายของ
    พรหมจรรย์ตามรายนามที่กล่าวไว้ข้างบนทุกๆข้อ
    เช่นข้อว่า “เพื่อประโยชน์แก่การละสังโยชน์“ เป็นต้น
    ผู้ศึกษาพึงกำหนดเอาเอง
    ).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/27-29/117-128.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/27/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๓-๓๕/๑๑๗-๑๒๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=684
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=684
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49
    ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคเพื่อสำรอกราคะในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย สัทธรรมลำดับที่ : 684 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=684 เนื้อความทั้งหมด :- --อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย --ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า “อาวุโส ท.! ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสมณโคดม เพื่อประโยชน์อะไรกัน?” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า “อาวุโส ท.! เราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อประโยชน์แก่การ สำรอกซึ่งราคะ (ราควิราคตฺถํ)”. http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=ราควิราคตฺถํ [และยังตรัสต่อไปว่า :- -เพื่อประโยชน์แก่การ ละสังโยชน์ (สญฺโญชนปหานตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ ถอนอนุสัย (อนุสยสมุคฺฆาตนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ กำหนดรู้ความที่สัตว์ ต้องเดินทางไกลด้วยอวิชชา (อทฺธานปริญฺญตถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่ความ สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวานํ ขยตฺถํ) ดังนี้ ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ ทำให้แจ้งซึ่งผลคือวิชชาและวิมุตติ (วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ รู้การเห็น (ญาณทสฺสนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ #ดับเย็นในทิฏธรรมเพราะไม่ยึดมั่น (อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ) ดังนี้ก็มี http://etipitaka.com/read/pali/19/34/?keywords=อนุปาทาปรินิพฺพาน ]. --ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า “อาวุโส ท. ! มรรคมีหรือ ปฏิปทามีหรือ เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ?” --ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่เพื่อการ สำรอกซึ่งราคะ. --ภิกษุ ท. ! มรรคนั้นเป็นอย่างไร ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไร เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ? #อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง, ได้แก่ http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=อฏฺฐงฺคิโก+มคฺโค สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ , สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ , สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ : +--ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แลปฏิปทา เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ. (ขยายความตามท่านพุทธทาส :- ข้อความสองย่อหน้าข้างบนนี้ มีต่อท้ายหลักธรรมที่เป็นจุดหมายของ พรหมจรรย์ตามรายนามที่กล่าวไว้ข้างบนทุกๆข้อ เช่นข้อว่า “เพื่อประโยชน์แก่การละสังโยชน์“ เป็นต้น ผู้ศึกษาพึงกำหนดเอาเอง ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/27-29/117-128. http://etipitaka.com/read/thai/19/27/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๓-๓๕/๑๑๗-๑๒๘. http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=684 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=684 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49 ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
    -(คำว่า เจริญกระทำให้มากซึ่งองค์มรรค ชนิดที่อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ เป็นต้นดังที่กล่าวข้างบนนั้น ในบางสูตรตรัสว่า เจริญกระทำให้มากซึ่งองค์มรรคชนิดที่ มีการนำออกซึ่ง ราคะ - โทสะ - โมหะ เป็นปริโยสาน ดังนี้ก็มี - ๑๙/๕๒/๒๐๕ ; ในบางสูตรตรัสว่า ชนิดที่ มีการหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่ไปในเบื้องหน้า มีอมตะเป็นปริโยสาน ดังนี้ก็มี - ๑๙/๕๕/๒๒๐ ; และในบางสูตรตรัสว่า ชนิดที่ ลาดไปสู่นิพพาน เอียงไปสู่นิพพาน เงื้อมไปสู่นิพพาน ดังนี้ก็มี - ๑๙/๕๘/๒๓๖. คำที่ว่า ลาด เอียง เงื้อม ไปทางทิศปราจีนนั้น ในบางสูตรทรงใช้คำว่า ลาด เอียง เงื้อม ไปสู่สมุทร ก็มี - ๑๙/๕๐,๕๔,๕๗,๖๐/๑๙๗,๒๑๒,๒๒๗,๒๔๓). อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า “อาวุโส ท.! ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสมณโคดม เพื่อประโยชน์อะไรกัน?” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า “อาวุโส ท.! เราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อประโยชน์แก่การ สำรอกซึ่งราคะ (ราควิราคตฺถํ)”. [และยังมีในสูตรอื่นที่ตรัสว่า :- เพื่อประโยชน์แก่การ ละสังโยชน์ (สญฺโญชนปหานตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การ ถอนอนุสัย (อนุสยสมุคฺฆาตนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การ กำหนดรู้ความที่สัตว์ ต้องเดินทางไกลด้วยอวิชชา (อทฺธานปริญฺญตถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวานํ ขยตฺถํ) ดังนี้ ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การทำให้แจ้งซึ่งผลคือวิชชาและวิมุตติ (วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การรู้การเห็น (ญาณทสฺสนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การดับเย็นในทิฏธรรมเพราะไม่ยึดมั่น (อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ) ดังนี้ก็มี]. ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า “อาวุโส ท. ! มรรคมีหรือ ปฏิปทามีหรือ เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ?” ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่เพื่อการ สำรอกซึ่งราคะ. ภิกษุ ท. ! มรรคนั้นเป็นอย่างไร ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไร เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ? อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง, ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ : ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แลปฏิปทา เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ. (ข้อความสองย่อหน้าข้างบนนี้ มีต่อท้ายหลักธรรมที่เป็นจุดหมายของ พรหมจรรย์ตามรายนามที่กล่าวไว้ข้างบนทุกๆข้อ เช่นข้อว่า “เพื่อประโยชน์แก่การละสังโยชน์“ เป็นต้นผู้ศึกษาพึงกำหนดเอาเอง).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ปัจจัยแห่งทุกข์โดยอเนกปริยาย
    สัทธรรมลำดับที่ : 313
    ชื่อบทธรรม :- ปัจจัยแห่งทุกข์โดยอเนกปริยาย
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=313
    เนื้อความทั้งหมด :-
    #ปัจจัยแห่งทุกข์โดยอเนกปริยาย
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อุปธิ เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อวิชชา เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @สังขาร เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @วิญญาณ เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @ผัสสะ เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @เวทนา เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @ตัณหา เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อุปาทาน เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อารัมภะ (ความเกาะเกี่ยว) เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อาหาร เป็นปัจจัย....--
    .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อิญชิตะ (ความหวั่นไหว) เป็นปัจจัย....--
    นี้เป็นอนุปัสสนาหนึ่ง ๆ.
    ---
    (อนุปัสสนา ๑๑ ประการนี้ เป็นคู่กับอนุปัสสนาอีก ๑๑ ประการ
    อันเป็นฝ่ายนิโรธ
    ซึ่งได้แยกไปใส่ไว้ในหมวดทุกขนิโรธอริยสัจ
    โดยหัวข้อว่า
    “เหตุดับแห่งทุกข์ที่ตรัสไว้โดยอเนกปริยาย”.
    ผู้ศึกษาพึงสังเกตเห็นได้เองว่า การแยกให้เป็นปริยายมากออกไป
    กระทำได้โดยลักษณะเช่นนี้
    ).-
    ---

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. 25/352-357/392-402.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/352/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%99%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๔๗๔-๔๗๙/๓๙๒-๔๐๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/474/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%99%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=313
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=313
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
    ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ปัจจัยแห่งทุกข์โดยอเนกปริยาย สัทธรรมลำดับที่ : 313 ชื่อบทธรรม :- ปัจจัยแห่งทุกข์โดยอเนกปริยาย https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=313 เนื้อความทั้งหมด :- #ปัจจัยแห่งทุกข์โดยอเนกปริยาย .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อุปธิ เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อวิชชา เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @สังขาร เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @วิญญาณ เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @ผัสสะ เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @เวทนา เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @ตัณหา เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อุปาทาน เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อารัมภะ (ความเกาะเกี่ยว) เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อาหาร เป็นปัจจัย....-- .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี @อิญชิตะ (ความหวั่นไหว) เป็นปัจจัย....-- นี้เป็นอนุปัสสนาหนึ่ง ๆ. --- (อนุปัสสนา ๑๑ ประการนี้ เป็นคู่กับอนุปัสสนาอีก ๑๑ ประการ อันเป็นฝ่ายนิโรธ ซึ่งได้แยกไปใส่ไว้ในหมวดทุกขนิโรธอริยสัจ โดยหัวข้อว่า “เหตุดับแห่งทุกข์ที่ตรัสไว้โดยอเนกปริยาย”. ผู้ศึกษาพึงสังเกตเห็นได้เองว่า การแยกให้เป็นปริยายมากออกไป กระทำได้โดยลักษณะเช่นนี้ ).- --- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. 25/352-357/392-402. http://etipitaka.com/read/thai/25/352/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%99%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๔๗๔-๔๗๙/๓๙๒-๔๐๒. http://etipitaka.com/read/pali/25/474/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%99%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=313 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=313 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21 ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ปัจจัยแห่งทุกข์โดยอเนกปริยาย
    -ปัจจัยแห่งทุกข์โดยอเนกปริยาย .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี อุปธิ เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี อวิชชา เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี สังขาร เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี วิญญาณ เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี ผัสสะ เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี เวทนา เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี ตัณหา เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี อุปาทาน เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี อารัมภะ (ความเกาะเกี่ยว) เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี อาหาร เป็นปัจจัย.... .... ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งปวงนั้นมี อิญชิตะ (ความหวั่นไหว) เป็นปัจจัย.... นี้เป็นอนุปัสสนาหนึ่ง ๆ. (อนุปัสสนา ๑๑ ประการนี้ เป็นคู่กับอนุปัสสนาอีก ๑๑ ประการ อันเป็นฝ่ายนิโรธซึ่งได้แยกไปใส่ไว้ในหมวดทุกขนิโรธอริยสัจ โดยหัวข้อว่า “เหตุดับแห่งทุกข์ที่ตรัสไว้โดยอเนกปริยาย”. ผู้ศึกษาพึงสังเกตเห็นได้เองว่า การแยกให้เป็นปริยายมากออกไป กระทำได้โดยลักษณะเช่นนี้).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts