• อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าสิ่งที่ไม่ปรุง(เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต).
    สัทธรรมลำดับที่ : 386
    ชื่อบทธรรม :- สิ่งที่ไม่ปรุง(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต.
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=386
    เนื้อความทั้งหมด :-
    (ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต).
    --สิ่งที่ไม่ปรุง
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใด
    อวิชชาของภิกษุละขาดไป วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ;
    เธอนั้น เพราะอวิชชาจางหายไป เพราะวิชชาเกิดขึ้นแทน
    ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันเป็นบุญนั่นเทียว,
    ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันมิใช่บุญ,
    ย่อมไม่ปรุงเครื่อง ปรุงอันเป็นอเนญชา.
    เธอนั้น
    เมื่อไม่ปรุง เมื่อไม่ก่อ ย่อมไม่ถือมั่นสิ่งไร ๆ ในโลก.
    เมื่อไม่ถือมั่น ย่อมไม่เสียวสะดุ้ง.
    เมื่อไม่เสียวสะดุ้ง ย่อมปรินิพพาน.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=ปรินิพฺพายติ
    เธอนั้น ย่อมรู้ชัดว่า
    “ชาติสิ้นสุดแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว
    กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความหลุดพ้นเช่นนี้มิได้มีอีก”
    ดังนี้ แล.-

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/81/192.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๙๙/๑๙๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติ่ม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=386
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=386
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25
    ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าสิ่งที่ไม่ปรุง(เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต). สัทธรรมลำดับที่ : 386 ชื่อบทธรรม :- สิ่งที่ไม่ปรุง(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต. https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=386 เนื้อความทั้งหมด :- (ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต). --สิ่งที่ไม่ปรุง --ภิกษุ ท. ! เมื่อใด อวิชชาของภิกษุละขาดไป วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ; เธอนั้น เพราะอวิชชาจางหายไป เพราะวิชชาเกิดขึ้นแทน ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันเป็นบุญนั่นเทียว, ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันมิใช่บุญ, ย่อมไม่ปรุงเครื่อง ปรุงอันเป็นอเนญชา. เธอนั้น เมื่อไม่ปรุง เมื่อไม่ก่อ ย่อมไม่ถือมั่นสิ่งไร ๆ ในโลก. เมื่อไม่ถือมั่น ย่อมไม่เสียวสะดุ้ง. เมื่อไม่เสียวสะดุ้ง ย่อมปรินิพพาน. http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=ปรินิพฺพายติ เธอนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นสุดแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความหลุดพ้นเช่นนี้มิได้มีอีก” ดังนี้ แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/81/192. http://etipitaka.com/read/thai/16/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๙๙/๑๙๒. http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติ่ม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=386 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=386 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25 ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สิ่งที่ไม่ปรุง(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต).
    -(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต). สิ่งที่ไม่ปรุง ภิกษุ ท. ! เมื่อใด อวิชชาของภิกษุละขาดไป วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ; เธอนั้น เพราะอวิชชาจางหายไป เพราะวิชชาเกิดขึ้นแทน ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันเป็นบุญนั่นเทียว, ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันมิใช่บุญ, ย่อมไม่ปรุงเครื่อง ปรุงอันเป็นอเนญชา. เธอนั้น เมื่อไม่ปรุง เมื่อไม่ก่อ ย่อมไม่ถือมั่นสิ่งไร ๆ ในโลก. เมื่อไม่ถือมั่น ย่อมไม่เสียวสะดุ้ง. เมื่อไม่เสียวสะดุ้ง ย่อมปรินิพพาน. เธอนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นสุดแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความหลุดพ้นเช่นนี้มิได้มีอีก” ดังนี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าเห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเราและการดับทุกข์สิ้นเชิง
    สัทธรรมลำดับที่ : 381
    ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี !
    ....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร
    ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !”
    --ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ
    ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย
    พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด.
    ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้,
    #ความตายจะไม่แลเห็นท่าน
    http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช
    ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล.
    --- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99
    --- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99
    http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94

    --การดับทุกข์สิ้นเชิง
    --ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
    (นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ
    หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ;
    ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
    ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่.
    พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ
    ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- )
    --การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “
    อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    (ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ)​
    โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ
    แล้วได้ตรัสว่า :-​ )​
    --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ
    คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....
    และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....
    ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....
    จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....
    พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....
    รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้.
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า)
    ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้,
    ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.-

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302
    http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94​
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าเห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเราและการดับทุกข์สิ้นเชิง สัทธรรมลำดับที่ : 381 ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381 เนื้อความทั้งหมด :- --เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา --“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี ! ....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !” --ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด. ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้, #ความตายจะไม่แลเห็นท่าน http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล. --- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙. http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99 --- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔. http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99 http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94 --การดับทุกข์สิ้นเชิง --ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ (นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ; ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่. พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- ) --การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “ อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” (ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ)​ โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ แล้วได้ตรัสว่า :-​ )​ --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ.... และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ.... ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ.... จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ.... พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ.... รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า) ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้, ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302 http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94​ อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒. http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
    -เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา “ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี ! ....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !” ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด. ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้, ความตายจะไม่แลเห็นท่าน ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล. สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙. - จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔. การดับทุกข์สิ้นเชิง ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ (นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ; ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่ เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่. พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- ) สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” (ต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ แล้วได้ตรัสว่า :-) สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....๑ และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....๑ ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ๑. ลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต ผู้ปรารถนาจะทราบโดยละเอียด พึงดูได้ที่หัวข้อว่า “ธรรมธาตุต่างๆ ที่เป็นผล ของสมถวิปัสสนาอันดับสุดท้าย” ที่หน้า ๔๙๕ แห่งหนังสือนี้. เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....๑ จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....๑ พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....๑ รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า) ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้, ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การปฏิบัติอย่างมีสัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 748
    ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=748
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
    --อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ
    (ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย
    (สัปปายปฏิปทา)
    แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ
    )
    อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า

    “ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา;
    ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา.
    สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น”
    ดังนี้.

    ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่.
    เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่,
    วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือ #ภาวะไม่มีอุปาทาน.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อนุปาทาโน

    --อานนท์ ! ภิกษุ #ผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น).
    http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=ปรินิพฺพายตีติ
    +--“น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า !
    ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า !
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
    ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว
    ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ)
    ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ*--๑)
    แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.-

    *--๑​
    (คำว่า โอฆนิตถรณะ ในที่นี้ คือ การถอนตนขึ้นจากโอฆะ
    (ความตกจมอยู่ในกิเลสและความทุกข์ ด้วยกาม-ทิฏฐิ-ภพ-อวิชชา)
    เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน กล่าวคือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นทั้งหลาย อันมีเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับการยึดมั่นถือมั่น และไม่ยึดมั่นแม้แต่ในการบรรลุธรรมของตน; เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ดับเย็น เป็นปรินิพพาน
    นี้เรียกว่า โอฆนิตถรณะ หรือ อริยวิโมกข์ ก็เรียก
    (ศึกษาได้ในข้อสัทธรรมหรือเรื่องถัดไป)
    เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน
    )

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/60/91.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/60/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๙/๙๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=748
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
    ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การปฏิบัติอย่างมีสัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ สัทธรรมลำดับที่ : 748 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=748 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ --อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ (ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย (สัปปายปฏิปทา) แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ ) อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า “ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา; ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา. สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่. เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่, วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือ #ภาวะไม่มีอุปาทาน. http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อนุปาทาโน --อานนท์ ! ภิกษุ #ผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น). http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=ปรินิพฺพายตีติ +--“น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ! ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า ! ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ) ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ*--๑) แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.- *--๑​ (คำว่า โอฆนิตถรณะ ในที่นี้ คือ การถอนตนขึ้นจากโอฆะ (ความตกจมอยู่ในกิเลสและความทุกข์ ด้วยกาม-ทิฏฐิ-ภพ-อวิชชา) เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน กล่าวคือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นทั้งหลาย อันมีเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับการยึดมั่นถือมั่น และไม่ยึดมั่นแม้แต่ในการบรรลุธรรมของตน; เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ดับเย็น เป็นปรินิพพาน นี้เรียกว่า โอฆนิตถรณะ หรือ อริยวิโมกข์ ก็เรียก (ศึกษาได้ในข้อสัทธรรมหรือเรื่องถัดไป) เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน ) #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/60/91. http://etipitaka.com/read/thai/14/60/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๙/๙๑. http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=748 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
    -สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ (ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย (สัปปายปฏิปทา) แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ) อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า “ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา; ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา. สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่. เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่, วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือภาวะไม่มีอุปาทาน. อานนท์ ! ภิกษุผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น). “น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ! ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า ! ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ) ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ) แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
    สัทธรรมลำดับที่ : 379
    ชื่อบทธรรม :- ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
    --ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ
    ๑.อนุสัยคือกามราคะ ๑
    ๒.อนุสัยคือปฏิฆะ ๑
    ๓.อนุสัยคือทิฏฐิ ๑
    ๔.อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑
    ๕.อนุสัยคือมานะ ๑
    ๖.อนุสัยคือภวราคะ ๑
    ๗.อนุสัยคืออวิชชา ๑.
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง.
    เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ กามราคะ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ปฏิฆะ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ทิฏฐิ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ วิจิกิจฉา,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ มานะ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ภวราคะ,
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ อวิชชา,
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล
    อนุสัยคือกามราคะก็ดี,
    อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี,
    อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี,
    อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี,
    อนุสัยคือมานะก็ดี,
    อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และ
    อนุสัยคืออวิชชาก็ดี,
    เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า
    ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ;
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า
    “#ตัดตัณหาได้แล้วรื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์
    http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=ตณฺหํ+วิวตฺตยิ+สญฺโญชนํ
    เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว”
    ดังนี้ แล.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/8-9/11-12.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/8/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๘-๙/๑๑-๑๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=379
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด สัทธรรมลำดับที่ : 379 ชื่อบทธรรม :- ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379 เนื้อความทั้งหมด :- --ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด --ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ ๑.อนุสัยคือกามราคะ ๑ ๒.อนุสัยคือปฏิฆะ ๑ ๓.อนุสัยคือทิฏฐิ ๑ ๔.อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑ ๕.อนุสัยคือมานะ ๑ ๖.อนุสัยคือภวราคะ ๑ ๗.อนุสัยคืออวิชชา ๑. --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ กามราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ปฏิฆะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ทิฏฐิ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ วิจิกิจฉา, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ มานะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ภวราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ อวิชชา, --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล. --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล อนุสัยคือกามราคะก็ดี, อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี, อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี, อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี, อนุสัยคือมานะก็ดี, อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และ อนุสัยคืออวิชชาก็ดี, เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ; --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “#ตัดตัณหาได้แล้วรื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์ http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=ตณฺหํ+วิวตฺตยิ+สญฺโญชนํ เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว” ดังนี้ แล.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/8-9/11-12. http://etipitaka.com/read/thai/23/8/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๘-๙/๑๑-๑๒. http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=379 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
    -ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ อนุสัยคือกามราคะ ๑ อนุสัยคือปฏิฆะ ๑ อนุสัยคือทิฏฐิ ๑ อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑ อนุสัยคือมานะ ๑ อนุสัยคือภวราคะ ๑ อนุสัยคืออวิชชา ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง. ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือกามราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือปฏิฆะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือทิฏฐิ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือวิจิกิจฉา, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือมานะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือภวราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคืออวิชชา, ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล. ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล อนุสัยคือกามราคะก็ดี, อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี, อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี, อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี, อนุสัยคือมานะก็ดี, อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และอนุสัยคืออวิชชาก็ดี, เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ; ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว” ดังนี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าความปลอดจากอวิชชาโยคะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 376
    ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
    --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง
    ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย
    ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย
    ซึ่งรสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย
    ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย
    ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ;
    เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น,
    อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก
    อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ.

    --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น
    ๑.การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑
    ๒.การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑
    ๓.การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และ
    ๔.การไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑.
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด
    อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่
    อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ;
    เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/15/?keywords=โยคกฺเขมี
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ #ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง
    แล.

    (คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
    --สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ
    และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ.
    ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง,
    ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ,และพรากออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา,
    สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง,
    เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ;
    ดังนี้แล.-

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/10/10.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/10/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๕/๑๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=376
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าความปลอดจากอวิชชาโยคะ สัทธรรมลำดับที่ : 376 ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากอวิชชาโยคะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376 เนื้อความทั้งหมด :- --ความปลอดจากอวิชชาโยคะ --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งรสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ; เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ. --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น ๑.การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑ ๒.การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑ ๓.การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และ ๔.การไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑. --ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่ อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ; เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/21/15/?keywords=โยคกฺเขมี --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ #ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง แล. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) --สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ. ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง, ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ,และพรากออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา, สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง, เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ; ดังนี้แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/10/10. http://etipitaka.com/read/thai/21/10/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๕/๑๐. http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=376 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
    -ความปลอดจากอวิชชาโยคะ ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่ง รสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ; เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ. ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑ การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑ การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และการไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑. ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่ อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ; เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง แล. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ. ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง, ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ, และพราก ออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา, สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง, เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ; ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่า ความปลอดจากกามโยคะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 373
    ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากกามโยคะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=373
    เนื้อความทั้งหมด :-
    ความปลอดจากกามโยคะ
    --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกิเลส อันเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ มี ๔ อย่างเหล่านี้.
    สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ
    ความปลอดจากกามโยคะ,
    ความปลอดจากภวโยคะ,
    ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ,
    ความปลอดจากอวิชชาโยคะ.
    --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกามโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง
    ซึ่งความก่อขึ้นแห่งกามทั้งหลายด้วย
    ซึ่งความดับไปแห่งกามทั้งหลายด้วย
    ซึ่งรสอร่อยแห่งกามทั้งหลายด้วย
    ซึ่งโทษแห่งกามทั้งหลายด้วย
    ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากกามทั้งหลายด้วย ;

    เมื่อเขารู้ตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น,
    ความกำหนัดในกาม
    ความเพลิดเพลินในกาม
    ความเสน่หาในกาม
    ความสยบอยู่ในกาม
    ความหิว กระหายในกาม
    ความเร่าร้อนเพราะกาม
    ความเมาหมกในกาม
    และกามตัณหา, ในกามทั้งหลาย
    เหล่านี้ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดจากกามโยคะ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=กามโยควิสํโยโค

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/9/10.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๔/๑๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/13/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    ศึกษาเพ้่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=373
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=373
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่า ความปลอดจากกามโยคะ สัทธรรมลำดับที่ : 373 ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากกามโยคะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=373 เนื้อความทั้งหมด :- ความปลอดจากกามโยคะ --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกิเลส อันเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ มี ๔ อย่างเหล่านี้. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ ความปลอดจากกามโยคะ, ความปลอดจากภวโยคะ, ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ, ความปลอดจากอวิชชาโยคะ. --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกามโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งความดับไปแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งรสอร่อยแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งโทษแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากกามทั้งหลายด้วย ; เมื่อเขารู้ตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, ความกำหนัดในกาม ความเพลิดเพลินในกาม ความเสน่หาในกาม ความสยบอยู่ในกาม ความหิว กระหายในกาม ความเร่าร้อนเพราะกาม ความเมาหมกในกาม และกามตัณหา, ในกามทั้งหลาย เหล่านี้ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดจากกามโยคะ.- http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=กามโยควิสํโยโค #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/9/10. http://etipitaka.com/read/thai/21/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๔/๑๐. http://etipitaka.com/read/pali/21/13/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 ศึกษาเพ้่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=373 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=373 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความปลอดจากกามโยคะ
    -ความปลอดจากกามโยคะ ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกิเลส อันเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ มี ๔ อย่างเหล่านี้. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ ความปลอดจากกามโยคะ, ความปลอดจากภวโยคะ, ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ, ความปลอดจากอวิชชาโยคะ. ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากกามโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งความดับไปแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งรสอร่อยแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งโทษแห่งกามทั้งหลายด้วย ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกพ้นไปได้จากกามทั้งหลายด้วย ; เมื่อเขารู้ตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, ความกำหนัดในกาม ความเพลิดเพลินในกาม ความเสน่หาในกาม ความสยบอยู่ในกาม ความหิว กระหายในกาม ความเร่าร้อนเพราะกาม ความเมาหมกในกาม และกามตัณหา, ในกามทั้งหลาย เหล่านี้ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความปลอดจากกามโยคะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    สัทธรรมลำดับที่ : 359
    ชื่อบทธรรม :- ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    --ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะ
    ความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว,
    ความละไปของตัณหานั้น,
    ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น,
    ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และ
    ความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า #การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ภารนิกฺเขปนนฺติ

    (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป)
    ---“ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ !
    +--บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป.
    +--การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก.
    +--การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข.
    +--พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว.
    +--ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก.
    +--ก็เป็นผู้ #ถอนตัณหา ขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ;
    +--เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ”
    ดังนี้.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/32/52-53
    http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=359
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ สัทธรรมลำดับที่ : 359 ชื่อบทธรรม :- ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359 เนื้อความทั้งหมด :- --ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ --ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะ ความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และ ความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ; --ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า #การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ภารนิกฺเขปนนฺติ (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป) ---“ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ! +--บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป. +--การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก. +--การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข. +--พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว. +--ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. +--ก็เป็นผู้ #ถอนตัณหา ขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ; +--เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ” ดังนี้.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/32/52-53 http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓ http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=359 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    -ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ; ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป : “ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ! บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป. การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก. การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข. พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว. ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. ก็เป็นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ; เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
    สัทธรรมลำดับที่ : 727
    ชื่อบทธรรม :- เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=727
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
    --ภิกษุ ทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้
    อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี
    เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น
    อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ
    --ภิกษุ ทั้งหลาย เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕
    แม้นิวรณ์ ๕ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓
    แม้ทุจริต ๓ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของทุจริต ๓ ควรกล่าวว่า การไม่สำรวมอินทรีย์
    แม้การไม่สำรวมอินทรีย์เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารแห่งการไม่สำรวมอินทรีย์ ควรกล่าวว่า ความไม่มีสติสัมปชัญญะ
    แม้ความไม่มีสติสัมปชัญญะเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีสติสัมปชัญญะ ควรกล่าวว่า การกระทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย
    แม้การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ควรกล่าวว่า ความไม่มีศรัทธา
    แม้ความไม่มีศรัทธาเราก็กล่าวว่ามีอาหารมิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีศรัทธา ควรกล่าวว่า การไม่ฟังสัทธรรม
    แม้การไม่ฟังสัทธรรมเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
    ก็อะไรเป็นอาหารของการไม่ฟังสัทธรรม ควรกล่าวว่า การไม่คบสัปบุรุษ
    --ภิกษุ ทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้
    การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรม ให้บริบูรณ์
    การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์
    ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ให้บริบูรณ์
    การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะ ให้บริบูรณ์
    ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ ให้บริบูรณ์
    การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
    ทุจริต ๓ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์
    นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์ย่อมยังอวิชชา ให้บริบูรณ์
    อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้
    ...
    --ภิกษุ ทั้งหลาย
    +--การคบสัปบุรุษ เป็นไปบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการฟัง สัทธรรมให้บริบูรณ์ ;
    +--การฟังสัทธรรม บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสัทธาให้บริบูรณ์ ;
    +--สัทธา บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์ ;
    +--โยนิโสมนสิการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะใหบริบูรณ์ ;
    +--ความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการสำรวม อินทรีย์ให้บริบูรณ์ ;
    +--การสำรวมอินทรีย์ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสุจริต ๓ ประการให้ บริบูรณ์ ;
    +--สุจริต ๓ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน ๔ ประการให้ บริบูรณ์ ;
    +--สติปัฏฐาน ๔ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ ๗ ประการ ให้บริบูรณ์ ;
    +--โพชฌงค์ ๗ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์.
    --ภิกษุ ทั้งหลาย #อาหารแห่งวิชชาและวิมุตตินี้
    ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ และ บริบูรณ์แล้ว
    ด้วยอาการอย่างนี้.

    --ภิกษุ ทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่อฝนเม็ดหยาบตกลงเบื้องบนภูเขา
    เมื่อฝนตกหนักๆอยู่ น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็ม
    ซอกเขา ลำธารและห้วยที่เต็มย่อมยังหนองให้เต็ม หนองที่เต็มย่อมยังบึงให้เต็ม
    บึงที่เต็มย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม แม่น้ำน้อยที่เต็ม ย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม
    แม่น้ำใหญ่ที่เต็ม ย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็มมหาสมุทรสาครนั้นมีอาหารอย่างนี้
    และเต็มเปี่ยมอย่างนี้ แม้ฉันใด .-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/105/61.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๒๓/๖๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/123/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=727
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=727
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54
    ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสึยงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ สัทธรรมลำดับที่ : 727 ชื่อบทธรรม :- เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=727 เนื้อความทั้งหมด :- --เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ --ภิกษุ ทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ --ภิกษุ ทั้งหลาย เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕ แม้นิวรณ์ ๕ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓ แม้ทุจริต ๓ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของทุจริต ๓ ควรกล่าวว่า การไม่สำรวมอินทรีย์ แม้การไม่สำรวมอินทรีย์เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารแห่งการไม่สำรวมอินทรีย์ ควรกล่าวว่า ความไม่มีสติสัมปชัญญะ แม้ความไม่มีสติสัมปชัญญะเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีสติสัมปชัญญะ ควรกล่าวว่า การกระทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย แม้การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ควรกล่าวว่า ความไม่มีศรัทธา แม้ความไม่มีศรัทธาเราก็กล่าวว่ามีอาหารมิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีศรัทธา ควรกล่าวว่า การไม่ฟังสัทธรรม แม้การไม่ฟังสัทธรรมเราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการไม่ฟังสัทธรรม ควรกล่าวว่า การไม่คบสัปบุรุษ --ภิกษุ ทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรม ให้บริบูรณ์ การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์ ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย ให้บริบูรณ์ การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะ ให้บริบูรณ์ ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ ให้บริบูรณ์ การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์ ทุจริต ๓ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์ นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์ย่อมยังอวิชชา ให้บริบูรณ์ อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ... --ภิกษุ ทั้งหลาย +--การคบสัปบุรุษ เป็นไปบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการฟัง สัทธรรมให้บริบูรณ์ ; +--การฟังสัทธรรม บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสัทธาให้บริบูรณ์ ; +--สัทธา บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์ ; +--โยนิโสมนสิการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะใหบริบูรณ์ ; +--ความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการสำรวม อินทรีย์ให้บริบูรณ์ ; +--การสำรวมอินทรีย์ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสุจริต ๓ ประการให้ บริบูรณ์ ; +--สุจริต ๓ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน ๔ ประการให้ บริบูรณ์ ; +--สติปัฏฐาน ๔ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ ๗ ประการ ให้บริบูรณ์ ; +--โพชฌงค์ ๗ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์. --ภิกษุ ทั้งหลาย #อาหารแห่งวิชชาและวิมุตตินี้ ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ และ บริบูรณ์แล้ว ด้วยอาการอย่างนี้. --ภิกษุ ทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่อฝนเม็ดหยาบตกลงเบื้องบนภูเขา เมื่อฝนตกหนักๆอยู่ น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็ม ซอกเขา ลำธารและห้วยที่เต็มย่อมยังหนองให้เต็ม หนองที่เต็มย่อมยังบึงให้เต็ม บึงที่เต็มย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม แม่น้ำน้อยที่เต็ม ย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม แม่น้ำใหญ่ที่เต็ม ย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็มมหาสมุทรสาครนั้นมีอาหารอย่างนี้ และเต็มเปี่ยมอย่างนี้ แม้ฉันใด .- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/105/61. http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๒๓/๖๑. http://etipitaka.com/read/pali/24/123/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=727 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=727 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54 ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสึยงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ
    -เหตุปัจจัยแห่งวิชชาและวิมุตติ ภิกษุ ท. ! การคบสัปบุรุษ เป็นไปบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการฟัง สัทธรรมให้บริบูรณ์ ; การฟังสัทธรรม บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสัทธาให้บริบูรณ์ ; สัทธา บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์ ; โยนิโสมนสิการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะใหบริบูรณ์ ; ความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำการสำรวม อินทรีย์ให้บริบูรณ์ ; ๑. สูตร มาจากบาลีว่า สุตฺต หมายถึงแนวธรรม หรือหลักธรรมที่จัดเป็นระบบหนึ่ง ๆ. ๒. สากัจฉา คือการสนทนาธรรมเพื่อตีความหมายแห่งธรรมให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง. การสำรวมอินทรีย์ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสุจริต ๓ ประการให้ บริบูรณ์ ; สุจริต ๓ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน ๔ ประการให้ บริบูรณ์ ; สติปัฏฐาน ๔ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ ๗ ประการ ให้บริบูรณ์ ; โพชฌงค์ ๗ ประการ บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์. ภิกษุ ท. ! อาหารแห่งวิชชาและวิมุตตินี้ ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ และ บริบูรณ์แล้ว ด้วยอาการอย่างนี้. (ต่อจากนี้ตรัสอุปมาด้วยฝนตกลงในที่สูงแล้วไหลลงมาในที่ต่ำ ย่อมทำให้เต็มบริบูรณ์ต่อๆ กันลงมาตามลำดับ จนกระทั่งถึงทะเล).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 351
    ชื่อบทธรรม :- ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=351
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
    --ภิกษุ ท.! เพราะความจางคลาย
    จนดับไม่เหลือแห่งอวิชชา นั่นแหละ จึงมีความดับแห่งสังขาร ;
    เพราะความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ;
    เพราะความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ;
    เพราะความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งอายตนะหก ;
    เพราะความดับแห่งอายตนะหก จึงมีความดับแห่งผัสสะ ;
    เพราะความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ;
    เพราะความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ;
    เพราะความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ;
    เพราะความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ;
    เพราะความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ;
    เพราะความดับแห่งชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส
    ย่อมดับไม่เหลือ.
    ความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น(ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ)​
    ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล.-
    http://etipitaka.com/read/pali/16/2/?keywords=ทุกฺขกฺขนฺธสฺส+นิโรโธ

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/2/3.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/2/?keywords=%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒/๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/2/?keywords=%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=351
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=351
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาลูกโซ่แห่งความดับทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 351 ชื่อบทธรรม :- ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=351 เนื้อความทั้งหมด :- --ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์ --ภิกษุ ท.! เพราะความจางคลาย จนดับไม่เหลือแห่งอวิชชา นั่นแหละ จึงมีความดับแห่งสังขาร ; เพราะความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; เพราะความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; เพราะความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งอายตนะหก ; เพราะความดับแห่งอายตนะหก จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; เพราะความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; เพราะความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ; เพราะความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะความดับแห่งชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ย่อมดับไม่เหลือ. ความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น(ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ)​ ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล.- http://etipitaka.com/read/pali/16/2/?keywords=ทุกฺขกฺขนฺธสฺส+นิโรโธ #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/2/3. http://etipitaka.com/read/thai/16/2/?keywords=%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒/๓. http://etipitaka.com/read/pali/16/2/?keywords=%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=351 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=351 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์
    -ลูกโซ่แห่งความดับทุกข์ ภิกษุ ท.! เพราะความจางคลาย จนดับไม่เหลือแห่งอวิชชา นั่นแหละ จึงมีความดับแห่งสังขาร ; เพราะความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; เพราะความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; เพราะความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งอายตนะหก ; เพราะความดับแห่งอายตนะหก จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; เพราะความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; เพราะความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ; เพราะความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะความดับแห่งชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ย่อมดับไม่เหลือ. ความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา
    สัทธรรมลำดับที่ : 718
    ชื่อบทธรรม :- ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา
    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ?
    สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา.
    --ภิกษุ ท. ! #สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=สมโถ
    อบรมแล้ว จิตจะเจริญ.
    จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    เจริญแล้ว #จะละราคะได้.
    --ภิกษุ ท. ! #วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=วิปสฺสนา
    เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ.
    ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    เจริญแล้ว #จะละอวิชชาได้แล.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ 20/49/275.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/49/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ ๒๐/๗๗/๒๗๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%95
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=718
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา สัทธรรมลำดับที่ : 718 ชื่อบทธรรม :- ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718 เนื้อความทั้งหมด :- --ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ? สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา. --ภิกษุ ท. ! #สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=สมโถ อบรมแล้ว จิตจะเจริญ. จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว #จะละราคะได้. --ภิกษุ ท. ! #วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=วิปสฺสนา เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ. ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว #จะละอวิชชาได้แล.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ 20/49/275. http://etipitaka.com/read/thai/20/49/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ ๒๐/๗๗/๒๗๕. http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%95 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=718 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา
    -ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ? สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา. ภิกษุ ท. ! สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? อบรมแล้ว จิตจะเจริญ. จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว จะละราคะได้. ภิกษุ ท. ! วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ. ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว จะละอวิชชาได้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่าอวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    สัทธรรมลำดับที่ : 346
    ชื่อบทธรรม :- อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=346
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกกันว่า
    ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้นั้น เป็นอย่างไร ?
    http://etipitaka.com/read/pali/17/209/?keywords=อวิชฺชา+อวิชฺชาติ
    และด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่า เป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ?
    พระเจ้าข้า !”
    --ภิกษุ ! ในกรณีนี้ บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ
    +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริง ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อันมีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา ว่า
    “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา”
    ดังนี้ ;
    +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อันมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า
    “เป็นสิ่งที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา”
    ดังนี้ ;
    +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อันมีทั้งความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า
    “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา”
    ดังนี้.
    -​-ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า #อวิชชา ;
    และบุคคลชื่อว่าเป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ย่อมมีได้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้
    แล.-

    #ทุกขสมุทัย#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/209/320.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/165/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๙/๓๒๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/209/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=346
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=346
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่าอวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา สัทธรรมลำดับที่ : 346 ชื่อบทธรรม :- อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=346 เนื้อความทั้งหมด :- --อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้นั้น เป็นอย่างไร ? http://etipitaka.com/read/pali/17/209/?keywords=อวิชฺชา+อวิชฺชาติ และด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่า เป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ? พระเจ้าข้า !” --ภิกษุ ! ในกรณีนี้ บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริง ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา” ดังนี้ ; +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา” ดังนี้ ; +--ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีทั้งความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา” ดังนี้. -​-ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า #อวิชชา ; และบุคคลชื่อว่าเป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ย่อมมีได้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.- #ทุกขสมุทัย​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/209/320. http://etipitaka.com/read/thai/17/165/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๙/๓๒๐. http://etipitaka.com/read/pali/17/209/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=346 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=346 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    -อวิชชา ของผู้ถึงซึ่งอวิชชา “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้นั้น เป็นอย่างไร ? และด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่า เป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ? พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ! ในกรณีนี้ บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริง ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา” ดังนี้ ; ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา” ดังนี้ ; ไม่รู้ชัดแจ้งตามเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีทั้งความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ว่า “เป็นสิ่งที่มีความก่อขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา” ดังนี้. ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า อวิชชา ; และบุคคลชื่อว่าเป็นผู้ถึงซึ่งอวิชชา ย่อมมีได้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    สัทธรรมลำดับที่ : 714
    ชื่อบทธรรม :- อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    --ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ
    ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย
    ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา.
    องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้
    ๑.เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง (ศีล-ปาติโมกขสังวร)
    ๒.เป็นผู้ยิงได้ไกล (ปัญญา-ญาณ)
    ๓.เป็นผู้ยิงได้เร็ว (อริยสัจจ)และ
    ๔.เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆ(อวิชชา)ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ
    เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล
    เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
    ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้
    เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร
    http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=สีลวา+โหติ
    ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร
    มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย
    สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.
    นี้แล #ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ
    ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน
    ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด
    เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า
    “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา”
    ดังนี้.

    (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน).

    นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้ไกล.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า
    “นี้ทุกข์
    นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”
    ดังนี้.
    นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้.
    นี้แล #ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล
    ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล
    ปาหุเนยยบุคคล
    ทักขิเณยยบุคคล
    อัญชลิกรณียบุคคล
    เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.-
    (การรู้อริยสัจทั้งสี่ ท่านจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
    แต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่รวดเร็วกว่าสัมมาทิฏฐิอื่นๆ
    ในการทำลายกิเลส บรรลุนิพพาน
    ดังนั้นจึงเรียกในที่นี้ว่า #ญาณประเภทยิงเร็ว
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/165/181.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/165/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๑/๑๘๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=714
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52
    ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว สัทธรรมลำดับที่ : 714 ชื่อบทธรรม :- อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714 เนื้อความทั้งหมด :- --อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว --ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา. องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้ ๑.เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง (ศีล-ปาติโมกขสังวร) ๒.เป็นผู้ยิงได้ไกล (ปัญญา-ญาณ) ๓.เป็นผู้ยิงได้เร็ว (อริยสัจจ)และ ๔.เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆ(อวิชชา)ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า. ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=สีลวา+โหติ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. นี้แล #ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน). นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้ไกล. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้. นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้. นี้แล #ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.- (การรู้อริยสัจทั้งสี่ ท่านจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ แต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่รวดเร็วกว่าสัมมาทิฏฐิอื่นๆ ในการทำลายกิเลส บรรลุนิพพาน ดังนั้นจึงเรียกในที่นี้ว่า #ญาณประเภทยิงเร็ว ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/165/181. http://etipitaka.com/read/thai/21/165/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๑/๑๘๑. http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=714 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52 ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    -อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา. องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า. ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. นี้แล ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน). นี้แล ภิกษุผู้ยิงได้ไกล. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”ดังนี้. นี้แล ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้. นี้แล ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา
    สัทธรรมลำดับที่ : 345
    ชื่อบทธรรม :- บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=345
    เนื้อความทั้งหมด :-
    บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คนกล่าวกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้.
    ก็อวิชชานั้น เป็นอย่างไร ?
    และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ?​ พระเจ้าข้า !”
    --ภิกษุ ! ในโลกนี้ บุถุชนผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง ย่อม
    ไม่รู้จัก รูป,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของรูป,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของรูป,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของรูป ;
    +--เขาย่อม
    ไม่รู้จัก เวทนา,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของเวทนา,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของเวทนา,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของเวทนา;
    +--เขาย่อม
    ไม่รู้จัก สัญญา,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของสัญญา,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของสัญญา,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับของไม่เหลือของสัญญา ;
    +--เขาย่อม
    ไม่รู้จัก สังขารทั้งหลาย,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของ สังขารทั้งหลาย,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของ สังขารทั้งหลาย,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของ สังขารทั้งหลาย ;
    +--เขาย่อม
    ไม่รู้จัก วิญญาณ*--๑,
    ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของวิญญาณ,
    ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของวิญญาณ,
    ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของวิญญาณ,
    +--ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า “#อวิชชา” ;
    http://etipitaka.com/read/pali/17/198/?keywords=อวิชฺชา
    และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชาด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.-

    *--๑.วิญญาณในที่นี้ หมายถึง มโนวิญญาณ #ที่รู้สึกต่อความเพลินและความมัวเมาในรูปนั้น;
    ไม่ใช่จักขุวิญญาณ ที่เห็นรูปตามธรรมดา.

    #ทุกขสมุทัย#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/156/300.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/156/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๘/๓๐๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/198/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=345
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=345
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา สัทธรรมลำดับที่ : 345 ชื่อบทธรรม :- บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=345 เนื้อความทั้งหมด :- บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คนกล่าวกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้. ก็อวิชชานั้น เป็นอย่างไร ? และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ?​ พระเจ้าข้า !” --ภิกษุ ! ในโลกนี้ บุถุชนผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง ย่อม ไม่รู้จัก รูป, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของรูป, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของรูป, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของรูป ; +--เขาย่อม ไม่รู้จัก เวทนา, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของเวทนา, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของเวทนา, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของเวทนา; +--เขาย่อม ไม่รู้จัก สัญญา, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของสัญญา, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของสัญญา, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับของไม่เหลือของสัญญา ; +--เขาย่อม ไม่รู้จัก สังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของ สังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของ สังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของ สังขารทั้งหลาย ; +--เขาย่อม ไม่รู้จัก วิญญาณ*--๑, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของวิญญาณ, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของวิญญาณ, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของวิญญาณ, +--ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า “#อวิชชา” ; http://etipitaka.com/read/pali/17/198/?keywords=อวิชฺชา และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชาด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.- *--๑.วิญญาณในที่นี้ หมายถึง มโนวิญญาณ #ที่รู้สึกต่อความเพลินและความมัวเมาในรูปนั้น; ไม่ใช่จักขุวิญญาณ ที่เห็นรูปตามธรรมดา. #ทุกขสมุทัย​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/156/300. http://etipitaka.com/read/thai/17/156/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๘/๓๐๐. http://etipitaka.com/read/pali/17/198/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=345 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=345 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา
    -บุคคลผู้ถึงซึ่งอวิชชา “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คนกล่าวกันว่า ‘อวิชชา-อวิชชา’ ดังนี้. ก็อวิชชานั้น เป็นอย่างไร ? และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ? พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ! ในโลกนี้ บุถุชนผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง ย่อม ไม่รู้จักรูป, ไม่รู้จัก เหตุให้เกิดของรูป, ไม่รู้จัก ความดับไม่เหลือของรูป, ไม่รู้จัก ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของรูป ; เขาย่อมไม่รู้จัก เวทนา, ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของเวทนา, ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของเวทนา, ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของเวทนา; เขาย่อมไม่รู้จัก สัญญา, ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของสัญญา, ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของสัญญา, ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับ ๑. วิญญาณในที่นี้ หมายถึงมโนวิญญาณที่รู้สึกต่อความเพลินและความมัวเมาในรูปนั้น; ไม่ใช่จักขุวิญญาณ ที่เห็นรูปตามธรรมดา. ไม่เหลือของสัญญา ; เขาย่อมไม่รู้จักสังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของสังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของสังขารทั้งหลาย, ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของสังขารทั้งหลาย ; เขาย่อมไม่รู้จัก วิญญาณ, ไม่รู้จักเหตุให้เกิดของวิญญาณ, ไม่รู้จักความดับไม่เหลือของวิญญาณ, ไม่รู้จักทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของวิญญาณ, ภิกษุ ! ความไม่รู้นี้ เราเรียกว่า “อวิชชา” ; และบุคคลชื่อว่า มีอวิชชาด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    สัทธรรมลำดับที่ : 709
    ชื่อบทธรรม :- ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    (ระดับสูงสุด)
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ;
    สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?”
    --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=อตฺถิต+นตฺถิต
    ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ
    ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา).
    --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง
    ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่,
    ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี.
    --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง
    ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่,
    ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี.
    --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวส เป็นเครื่องผูกพัน ;
    ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ
    ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น
    ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า
    “อัตตาของเรา”
    ดังนี้.
    “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด
    ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ”
    ดังนี้
    เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล.
    ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ.
    --กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ

    (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้
    เป็น #สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ
    ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป
    http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=อวิชฺชา
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
    ...
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
    เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    ...
    ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
    ).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/15-16/42-44.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/15/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐-๒๑/๔๒-๔๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=709
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51
    ลำดับสาธยายธรรม : 51​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) สัทธรรมลำดับที่ : 709 ชื่อบทธรรม :- ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709 เนื้อความทั้งหมด :- --ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) (ระดับสูงสุด) --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ; สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?” --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=อตฺถิต+นตฺถิต ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา). --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี. --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี. --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวส เป็นเครื่องผูกพัน ; ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า “อัตตาของเรา” ดังนี้. “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ” ดังนี้ เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล. ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ. --กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล. http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ เป็น #สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=อวิชฺชา เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ ... ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ... ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/15-16/42-44. http://etipitaka.com/read/thai/16/15/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐-๒๑/๔๒-๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=709 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51 ลำดับสาธยายธรรม : 51​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    -ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) (ระดับสูงสุด) “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ; สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?” กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา). กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี. กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี. กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวสเป็นเครื่องผูกพัน๑ ; ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า “อัตตาของเรา” ดังนี้. “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ” ดังนี้ เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล. ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ. กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล. (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ เป็น สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าอาสวะทั้งหลาย(กาม​ ภพ​ และอวิชชา)​
    สัทธรรมลำดับที่ : 336
    ชื่อบทธรรม :- อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=336
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=อาสว
    บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ
    บุคคลผู้ สำคัญว่าอาบัติในสิ่งที่มิใช่อาบัติ
    บุคคลผู้ สำคัญว่าไม่ใช่อาบัติในสิ่งที่เป็นอาบัติ.
    ....-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. 20/79/357.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/79/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%97
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=336
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=336
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าอาสวะทั้งหลาย(กาม​ ภพ​ และอวิชชา)​ สัทธรรมลำดับที่ : 336 ชื่อบทธรรม :- อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=336 เนื้อความทั้งหมด :- --ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก. http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=อาสว บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ บุคคลผู้ สำคัญว่าอาบัติในสิ่งที่มิใช่อาบัติ บุคคลผู้ สำคัญว่าไม่ใช่อาบัติในสิ่งที่เป็นอาบัติ. ....- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. 20/79/357. http://etipitaka.com/read/pali/20/79/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๗. http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%97 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=336 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=336 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ¸­à¸²à¸ªà¸§à¸°à¸—ั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก
    -ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ จำพวก. บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ บุคคลผู้ สำคัญว่าอาบัติในสิ่งที่มิใช่อาบัติ บุคคลผู้ สำคัญว่าไม่ใช่อาบัติในสิ่งที่เป็นอาบัติ. ....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 333
    ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า
    “อาสวะ
    นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ
    เวมัตตตาแห่งอาสวะ
    วิบากแห่งอาสวะ
    นิโรธแห่งอาสวะ
    ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ
    เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง”
    นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือ
    กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/461/?keywords=กามา

    --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็น @นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=นิทานสมฺภว
    --ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. !
    อาสวะนำไปสู่นรกก็มี
    อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี
    อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี
    อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี
    อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=เวมตฺตตา

    --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว
    เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น*--๑
    เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/463/?keywords=วิบาก

    --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า?
    --ภิกษุ ท. !
    ความดับแห่งอาสวะมี #เพราะความดับแห่งอวิชชา.
    อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ;
    ปฏิปทานั้นได้แก่
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.

    --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม
    รู้ชัดซึ่ง อาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง เวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง วิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง นิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ;
    ในกาลนั้น
    อริยสาวกนั้นย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้
    อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/22/464/?keywords=อาสวนิโรธ

    *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม :
    ภาษาคนก็คือ เกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่;
    ถ้าเป็น
    ภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป
    ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย;
    ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน.

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #ตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/369-370/334.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/369/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๒-๔๖๓/๓๓๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=333
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ สัทธรรมลำดับที่ : 333 ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333 เนื้อความทั้งหมด :- --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “อาสวะ นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ เวมัตตตาแห่งอาสวะ วิบากแห่งอาสวะ นิโรธแห่งอาสวะ ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/461/?keywords=กามา --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็น @นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=นิทานสมฺภว --ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อาสวะนำไปสู่นรกก็มี อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=เวมตฺตตา --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น*--๑ เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/463/?keywords=วิบาก --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า? --ภิกษุ ท. ! ความดับแห่งอาสวะมี #เพราะความดับแห่งอวิชชา. อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม รู้ชัดซึ่ง อาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง เวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง วิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง นิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้นย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้ อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.- http://etipitaka.com/read/pali/22/464/?keywords=อาสวนิโรธ *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือ เกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่; ถ้าเป็น ภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #ตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/369-370/334. http://etipitaka.com/read/thai/22/369/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๒-๔๖๓/๓๓๔. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=333 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    -รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “อาสวะ นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ เวมัตตตาแห่งอาสวะ วิบากแห่งอาสวะ นิโรธแห่งอาสวะ ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ? ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็นนิทานสัมภวะแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! อาสวะนำไปสู่นรกก็มี อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น๑ เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท. ! ความดับแห่งอาสวะมี เพราะความดับแห่งอวิชชา. อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อมรู้ชัดซึ่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่; ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาอนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
    สัทธรรมลำดับที่ : 332
    ชื่อบทธรรม :- อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=332
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
    --ภิกษุ ท. !
    บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เสวย
    สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง.
    แม้อริยสาวกผู้มีการสดับ ก็เสวย
    สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อเป็นเช่นนั้น
    ในระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ กับบุถุชนผู้ไม่มีการสดับดังที่กล่าวมานี้
    อะไรเป็นความผิดแผกแตกต่างกัน อะไรเป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน
    อะไรเป็นเหตุที่แตกต่างกัน
    ระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ จากบุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ?
    --ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น กราบทูลวิงวอนว่า
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
    ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล
    มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เป็นการชอบแล้วหนอ
    ขอให้อรรถแห่งภาษิตนั้น จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเองเถิด
    ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก
    ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือน ;
    เขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้ง ๒ ฝ่าย คือเวทนาทั้งทางกายและทางจิต.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/257/?keywords=เวทยติ+กายิกญฺจ+เจตสิกญฺจ

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนบุรุษพึงยิงบุรุษด้วยลูกศร แล้วพึงยิงซ้ำ
    ซึ่งบุรุษนั้นด้วยลูกศรที่สองอีก บุรุษผู้ถูกยิงด้วยลูกศรสองลูกอย่างนี้
    ย่อมเสวยเวทนาทางกายด้วย ทางจิตด้วย, แม้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เป็นฉันนั้น คือ
    เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน
    เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือนอยู่ ;
    ชื่อว่าเขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้งสองอย่าง คือทั้งทางกายและทางจิต.
    เขาเป็นผู้มีปฏิฆะเพราะทุกขเวทนานั้นนั่นเอง.
    ๑.#ปฏิฆานุสัยอันใด อันเกิดจากทุกขเวทนา,
    ปฏิฆานุสัยอันนั้น ก็ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้นผู้มีปฏิฆะด้วยทุกขเวทนา.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=ปฏิฆา
    บุถุชนนั้นอันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมจะ(น้อมนึก)พอใจซึ่งกามสุข.
    ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ
    ย่อมไม่รู้ชัดอุบายเครื่องปลดเปลื้องซึ่งทุกขเวทนาอื่นนอกไปจากกามสุข.
    เมื่อบุถุชนนั้น พอใจยิ่งอยู่ซึ่งกามสุข,
    ๒.#ราคานุสัยอันใด อันเกิดจากสุขเวทนา,
    ราคานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=ราคา
    บุถุชนนั้น ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งเวทนา
    ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้
    ซึ่งรสอร่อย
    ซึ่งโทษอันต่ำทราม และ
    ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น
    แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้นตามที่เป็นจริง,
    เมื่อบุถุชนนั้น
    ไม่รู้ชัดอยู่ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้น
    ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้
    ซึ่งรสอร่อย
    ซึ่งโทษอันต่ำทราม และ
    ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น
    แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ตามที่เป็นจริงอยู่.
    ๓.#อวิชชานุสัยอันใด อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา,
    อวิชชานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=อวิชฺชา
    บุถุชนนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนาย่อมเป็นผู้ติดพัน (ในเวทนา) เสวยเวทนานั้น;
    ถ้าเสวยทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น ;
    ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น.

    --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับนี้
    เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้ว ด้วยชาติชรามรณะ
    โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ;
    เรากล่าวว่า #เป็นผู้ติดพันแล้วด้วยทุกข์
    ดังนี้.-

    #ทุกขสมุทัย#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/222-223/369-370.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/222/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๗-๒๕๘/๓๖๙-๓๗๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/257/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%99
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=332
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=332
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาอนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา สัทธรรมลำดับที่ : 332 ชื่อบทธรรม :- อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=332 เนื้อความทั้งหมด :- --อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เสวย สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง. แม้อริยสาวกผู้มีการสดับ ก็เสวย สุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง. --ภิกษุ ท. ! เมื่อเป็นเช่นนั้น ในระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ กับบุถุชนผู้ไม่มีการสดับดังที่กล่าวมานี้ อะไรเป็นความผิดแผกแตกต่างกัน อะไรเป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน อะไรเป็นเหตุที่แตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ จากบุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ? --ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น กราบทูลวิงวอนว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เป็นการชอบแล้วหนอ ขอให้อรรถแห่งภาษิตนั้น จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเองเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือน ; เขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้ง ๒ ฝ่าย คือเวทนาทั้งทางกายและทางจิต. http://etipitaka.com/read/pali/18/257/?keywords=เวทยติ+กายิกญฺจ+เจตสิกญฺจ --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนบุรุษพึงยิงบุรุษด้วยลูกศร แล้วพึงยิงซ้ำ ซึ่งบุรุษนั้นด้วยลูกศรที่สองอีก บุรุษผู้ถูกยิงด้วยลูกศรสองลูกอย่างนี้ ย่อมเสวยเวทนาทางกายด้วย ทางจิตด้วย, แม้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เป็นฉันนั้น คือ เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือนอยู่ ; ชื่อว่าเขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้งสองอย่าง คือทั้งทางกายและทางจิต. เขาเป็นผู้มีปฏิฆะเพราะทุกขเวทนานั้นนั่นเอง. ๑.#ปฏิฆานุสัยอันใด อันเกิดจากทุกขเวทนา, ปฏิฆานุสัยอันนั้น ก็ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้นผู้มีปฏิฆะด้วยทุกขเวทนา. http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=ปฏิฆา บุถุชนนั้นอันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมจะ(น้อมนึก)พอใจซึ่งกามสุข. ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อมไม่รู้ชัดอุบายเครื่องปลดเปลื้องซึ่งทุกขเวทนาอื่นนอกไปจากกามสุข. เมื่อบุถุชนนั้น พอใจยิ่งอยู่ซึ่งกามสุข, ๒.#ราคานุสัยอันใด อันเกิดจากสุขเวทนา, ราคานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น. http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=ราคา บุถุชนนั้น ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งเวทนา ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ ซึ่งรสอร่อย ซึ่งโทษอันต่ำทราม และ ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้นตามที่เป็นจริง, เมื่อบุถุชนนั้น ไม่รู้ชัดอยู่ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้น ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ ซึ่งรสอร่อย ซึ่งโทษอันต่ำทราม และ ซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ตามที่เป็นจริงอยู่. ๓.#อวิชชานุสัยอันใด อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา, อวิชชานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น. http://etipitaka.com/read/pali/18/258/?keywords=อวิชฺชา บุถุชนนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนาย่อมเป็นผู้ติดพัน (ในเวทนา) เสวยเวทนานั้น; ถ้าเสวยทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น ; ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น. --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้ว ด้วยชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ; เรากล่าวว่า #เป็นผู้ติดพันแล้วด้วยทุกข์ ดังนี้.- #ทุกขสมุทัย​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/222-223/369-370. http://etipitaka.com/read/thai/18/222/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๗-๒๕๘/๓๖๙-๓๗๐. http://etipitaka.com/read/pali/18/257/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=332 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=332 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา
    -อนุสัยทั้งสามเกิดได้ แม้เมื่อเสวยทุกขเวทนา ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง. แม้อริยสาวกผู้มีการสดับ ก็เสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง. ภิกษุ ท. ! เมื่อเป็นเช่นนั้น ในระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ กับบุถุชนผู้ไม่มีการสดับดังที่กล่าวมานี้ อะไรเป็นความผิดแผกแตกต่างกัน อะไรเป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน อะไรเป็นเหตุที่แตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้มีการสดับ จากบุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ? ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น กราบทูลวิงวอนว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เป็นการชอบแล้วหนอ ขอให้อรรถแห่งภาษิตนั้น จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเองเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือน ; เขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้ง ๒ ฝ่าย คือเวทนาทั้งทางกายและทางจิต. ภิกษุ ท. !เปรียบเหมือนบุรุษพึงยิงบุรุษด้วยลูกศร แล้วพึงยิงซ้ำ ซึ่งบุรุษนั้นด้วยลูกศรที่สองอีก บุรุษผู้ถูกยิงด้วยลูกศรสองลูกอย่างนี้ ย่อมเสวยเวทนาทางกายด้วย ทางจิตด้วย, แม้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ก็เป็นฉันนั้น คือ เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเศร้าโศก ย่อมกระวนกระวาย ย่อมร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ถึงความมีสติฟั่นเฟือนอยู่ ; ชื่อว่าเขาย่อมเสวยซึ่งเวทนาทั้งสองอย่าง คือทั้งทางกายและทางจิต. เขาเป็นผู้มีปฏิฆะเพราะทุกขเวทนานั้นนั่นเอง. ปฏิฆานุสัยอันใด อันเกิดจากทุกขเวทนา, ปฏิฆานุสัยอันนั้น ก็ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้นผู้มีปฏิฆะด้วยทุกขเวทนา. บุถุชนนั้นอันทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมจะ(น้อมนึก)พอใจซึ่งกามสุข. ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ย่อมไม่รู้ชัดอุบายเครื่องปลดเปลื้องซึ่งทุกขเวทนาอื่นนอกไปจากกามสุข. เมื่อบุถุชนนั้น พอใจยิ่งอยู่ซึ่งกามสุข, ราคานุสัยอันใด อันเกิดจากสุขเวทนา, ราคานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น. บุถุชนนั้น ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งเวทนา ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ ซึ่งรสอร่อย ซึ่งโทษอันต่ำทราม และซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ตามที่เป็นจริง, เมื่อบุถุชนนั้น ไม่รู้ชัดอยู่ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้น ซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ ซึ่งรสอร่อย ซึ่งโทษอันต่ำทราม และซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกไปพ้น แห่งเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ตามที่เป็นจริงอยู่. อวิชชานุสัยอันใด อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา, อวิชชานุสัยอันนั้น ย่อมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้น. บุถุชนนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนาย่อมเป็นผู้ติดพัน (ในเวทนา) เสวยเวทนานั้น; ถ้าเสวยทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น ; ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยเวทนานั้น. ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้ว ด้วยชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ; เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้วด้วยทุกข์ ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาอนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา
    สัทธรรมลำดับที่ : 331
    ชื่อบทธรรม :- อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=331
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา
    --ภิกษุ ท. ! เวทนา ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
    สามอย่างเหล่าไหนเล่า ? สามอย่างคือ
    สุขเวทนา
    ทุกขเวทนา
    อทุกขมสุขเวทนา.
    --ภิกษุ ท. !
    ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/254/?keywords=ราคา
    ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/255/?keywords=ปฏิฆา
    อวิชชานุสัยอันเกิด จากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/255/?keywords=อวิชฺชา
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใด
    ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว,
    ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว.
    อวิชชานุสัยอันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว ;
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า
    เป็นผู้ไม่มีอนุสัย เป็นผู้เห็นชอบ
    ตัดตัณหาได้ขาด แล้ว
    รื้อถอนสังโยชน์ได้ แล้ว
    กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แล้ว
    เพราะรู้เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ.

    (คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
    --เมื่อบุคคลเสวยสุขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น
    ราคานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น.
    --เมื่อบุคคลเสวยทุกขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น
    ปฏิฆานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น.
    --บุคคลเพลิดเพลินแม้ในอทุกขมสุข
    อันพระภูริปัญญาพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นธรรมอันรำงับ ก็หาพ้นจากทุกข์ไปได้ไม่.
    --เมื่อใดภิกษุ มีความเพียรเผากิเลส ไม่ทอดทิ้งสัมปชัญญะ
    ก็เป็นบัณฑิต รอบรู้เวทนาทั้งปวง.
    ภิกษุนั้น เพราะรอบรู้ซึ่งเวทนา จึงเป็นผู้ไม่มีอาสวะในทิฏฐธรรม
    เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม จนกระทั่งกายแตก จบเวท ไม่เข้าถึงซึ่งการนับ (ว่าเป็นอะไร)
    แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/220/363-364.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/220/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๔/๓๖๓-๓๖๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/254/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=331
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=331
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาอนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา สัทธรรมลำดับที่ : 331 ชื่อบทธรรม :- อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=331 เนื้อความทั้งหมด :- --อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา --ภิกษุ ท. ! เวทนา ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. สามอย่างเหล่าไหนเล่า ? สามอย่างคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา. --ภิกษุ ท. ! ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. http://etipitaka.com/read/pali/18/254/?keywords=ราคา ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. http://etipitaka.com/read/pali/18/255/?keywords=ปฏิฆา อวิชชานุสัยอันเกิด จากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. http://etipitaka.com/read/pali/18/255/?keywords=อวิชฺชา --ภิกษุ ท. ! เมื่อใด ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว, ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว. อวิชชานุสัยอันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว ; --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่มีอนุสัย เป็นผู้เห็นชอบ ตัดตัณหาได้ขาด แล้ว รื้อถอนสังโยชน์ได้ แล้ว กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แล้ว เพราะรู้เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) --เมื่อบุคคลเสวยสุขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น ราคานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น. --เมื่อบุคคลเสวยทุกขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น ปฏิฆานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น. --บุคคลเพลิดเพลินแม้ในอทุกขมสุข อันพระภูริปัญญาพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นธรรมอันรำงับ ก็หาพ้นจากทุกข์ไปได้ไม่. --เมื่อใดภิกษุ มีความเพียรเผากิเลส ไม่ทอดทิ้งสัมปชัญญะ ก็เป็นบัณฑิต รอบรู้เวทนาทั้งปวง. ภิกษุนั้น เพราะรอบรู้ซึ่งเวทนา จึงเป็นผู้ไม่มีอาสวะในทิฏฐธรรม เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม จนกระทั่งกายแตก จบเวท ไม่เข้าถึงซึ่งการนับ (ว่าเป็นอะไร) แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/220/363-364. http://etipitaka.com/read/thai/18/220/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๔/๓๖๓-๓๖๔. http://etipitaka.com/read/pali/18/254/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=331 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=331 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา
    -อนุสัยเนื่องอยู่กับเวทนา ภิกษุ ท. ! เวทนา ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. สามอย่างเหล่าไหนเล่า ? สามอย่างคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา. ภิกษุ ท. ! ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. อวิชชานุสัยอันเกิด จากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ควรละเสีย. ภิกษุ ท. ! เมื่อใด ราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว, ปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว. อวิชชานุสัยอันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนา เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว ; ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่มีอนุสัย เป็นผู้เห็นชอบ ตัดตัณหาได้ขาดแล้ว รื้อถอนสังโยชน์ได้แล้ว กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้แล้วเพราะรู้เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) เมื่อบุคคลเสวยสุขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น ราคานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น. เมื่อบุคคลเสวยทุกขเวทนาอยู่ ไม่รู้จักชัดซึ่งเวทนานั้น ปฏิฆานุสัยย่อมมีแก่เขาผู้มองไม่เห็นทางออกจากอำนาจของเวทนานั้น. บุคคลเพลิดเพลินแม้ในอทุกขมสุข อันพระภูริปัญญาพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นธรรมอันรำงับ ก็หาพ้นจากทุกข์ไปได้ไม่. เมื่อใดภิกษุ มีความเพียรเผากิเลส ไม่ทอดทิ้งสัมปชัญญะ ก็เป็นบัณฑิต รอบรู้เวทนาทั้งปวง. ภิกษุนั้น เพราะรอบรู้ซึ่งเวทนา จึงเป็นผู้ไม่มีอาสวะในทิฏฐธรรม เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม จนกระทั่งกายแตก จบเวท ไม่เข้าถึงซึ่งการนับ (ว่าเป็นอะไร) แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าอนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 330
    ชื่อบทธรรม :- อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=330
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม
    --ภิกษุ ท. ! เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ;
    การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ;
    เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
    อันเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง.
    บุคคลนั้น
    --เมื่อสุขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ ;
    อนุสัยคือราคะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้)
    แก่บุคคลนั้น (ตสฺส ราคานุสโย อนุเสติ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/14/517/?keywords=ตสฺส+ราคานุสโย+อนุเสติ
    --เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ เขาย่อมเศร้าโศก
    ย่อมระทมใจ ย่อมคร่ำครวญ ย่อมตีอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหลอยู่ ;
    อนุสัยคือปฏิฆะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้)
    แก่บุคคลนั้น.
    --เมื่อเวทนาอันไม่ใช่ทุกข์ไม่สุขถูกต้องอยู่ เขาย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง
    ซึ่งเหตุให้เกิดเวทนานั้นด้วย ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งเวทนานั้นด้วย
    ซึ่งอัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนานั้นด้วย
    ซึ่งอาทีนวะ (โทษ) ของเวทนานั้นด้วย
    ซึ่งนิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไป) ของเวทนานั้นด้วย ;
    อนุสัยคืออวิชชา ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้)
    แก่บุคคลนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลนั้นหนอ
    ยังละราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนาไม่ได้ ;
    ยังบรรเทาปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนาไม่ได้ ;
    ยังถอนอวิชชานุสัย อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้ ;
    เมื่อยังละอวิชชาไม่ได้ และยังทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว,
    เขาจักทำที่สุดแห่งทุกข์ในทิฏฐธรรม (ปัจจุบัน) นี้ได้ นั้น ;
    ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้.
    ---
    (ในกรณีแห่ง
    หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ
    ก็ได้ตรัสโดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่ง ตา
    ).
    ---

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. 14/391/822.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/391/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/516/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=330
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=330
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าอนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม สัทธรรมลำดับที่ : 330 ชื่อบทธรรม :- อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=330 เนื้อความทั้งหมด :- --อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม --ภิกษุ ท. ! เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา อันเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง. บุคคลนั้น --เมื่อสุขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ ; อนุสัยคือราคะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น (ตสฺส ราคานุสโย อนุเสติ) ; http://etipitaka.com/read/pali/14/517/?keywords=ตสฺส+ราคานุสโย+อนุเสติ --เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมระทมใจ ย่อมคร่ำครวญ ย่อมตีอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหลอยู่ ; อนุสัยคือปฏิฆะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น. --เมื่อเวทนาอันไม่ใช่ทุกข์ไม่สุขถูกต้องอยู่ เขาย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง ซึ่งเหตุให้เกิดเวทนานั้นด้วย ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งเวทนานั้นด้วย ซึ่งอัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่งอาทีนวะ (โทษ) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่งนิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไป) ของเวทนานั้นด้วย ; อนุสัยคืออวิชชา ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น. --ภิกษุ ท. ! บุคคลนั้นหนอ ยังละราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนาไม่ได้ ; ยังบรรเทาปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนาไม่ได้ ; ยังถอนอวิชชานุสัย อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้ ; เมื่อยังละอวิชชาไม่ได้ และยังทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว, เขาจักทำที่สุดแห่งทุกข์ในทิฏฐธรรม (ปัจจุบัน) นี้ได้ นั้น ; ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้. --- (ในกรณีแห่ง หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ก็ได้ตรัสโดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่ง ตา ). --- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. 14/391/822. http://etipitaka.com/read/thai/14/391/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒. http://etipitaka.com/read/pali/14/516/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=330 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=330 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม
    -(การที่บุคคลละสักกายทิฏฐิเป็นต้นไม่ได้ จนเป็นธรรมชาติมีกำลังถึงกับเขานำออกไม่ได้ นั่นคือลักษณะแห่งความเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์. รายละเอียดของสักกายทิฏฐิ ดูได้ที่หัวข้อว่า “สักกายทิฏฐิ มีได้ด้วยอาการอย่างไร” แห่งหนังสือเล่มนี้ ที่หน้า ๓๗๒). อนุสัยสามคู่กับเวทนาสาม ภิกษุ ท. ! เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา อันเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง. บุคคลนั้น เมื่อสุขเวทนาถูกต้องอยู่ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ ; อนุสัยคือราคะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น (ตสฺส ราคานุสโย อนุเสติ) ; เมื่อทุกขเวทนาถูกต้องอยู่ เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมระทมใจ ย่อมคร่ำครวญ ย่อมตีอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหลอยู่ ; อนุสัยคือปฏิฆะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น. เมื่อเวทนาอันไม่ใช่ทุกข์ไม่สุขถูกต้องอยู่ เขาย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง ซึ่งเหตุให้เกิดเวทนานั้นด้วย ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งเวทนานั้นด้วย ซึ่งอัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่งอาทีนวะ (โทษ) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่ง นิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไป) ของเวทนานั้นด้วย ; อนุสัยคืออวิชชา ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น. ภิกษุ ท. ! บุคคลนั้นหนอ ยังละราคานุสัยอันเกิดจากสุขเวทนาไม่ได้ ; ยังบรรเทาปฏิฆานุสัยอันเกิดจากทุกขเวทนาไม่ได้ ; ยังถอนอวิชชานุสัย อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้ ; เมื่อยังละอวิชชาไม่ได้ และยังทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว, เขาจักทำที่สุดแห่งทุกข์ในทิฏฐธรรม (ปัจจุบัน) นี้ได้ นั้น ; ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้. (ในกรณีแห่ง หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ก็ได้ตรัสโดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งตา).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าเมื่อสังโยชน์สิบ
    สัทธรรมลำดับที่ : 328
    ชื่อบทธรรม :- สังโยชน์สิบ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=328
    เนื้อความทั้งหมด :- สังโยชน์สิบ
    --ภิกษุ ท. ! สังโยชน์ ๑๐ ประการเหล่านี้ มีอยู่.
    สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการ คือ
    โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ
    อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ.
    --โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
    สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามฉันทะ พยาบาท
    : เหล่านี้ คือ #โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ปญฺโจรมฺภาคิยานิ+สํโยชนานิ

    --อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
    รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา
    : เหล่านี้ คือ #อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ปญฺจุทฺธมฺภาคิยานิ+สํโยชนานิ

    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล สัญโญชน์ ๑๐ ประการ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ทส+สํโยชนา

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทาสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/16-17/13.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/16/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๘-๑๙/๑๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/18/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=328
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=328
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าเมื่อสังโยชน์สิบ สัทธรรมลำดับที่ : 328 ชื่อบทธรรม :- สังโยชน์สิบ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=328 เนื้อความทั้งหมด :- สังโยชน์สิบ --ภิกษุ ท. ! สังโยชน์ ๑๐ ประการเหล่านี้ มีอยู่. สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการ คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. --โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามฉันทะ พยาบาท : เหล่านี้ คือ #โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ปญฺโจรมฺภาคิยานิ+สํโยชนานิ --อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา : เหล่านี้ คือ #อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ปญฺจุทฺธมฺภาคิยานิ+สํโยชนานิ --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล สัญโญชน์ ๑๐ ประการ.- http://etipitaka.com/read/pali/24/19/?keywords=ทส+สํโยชนา #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทาสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/16-17/13. http://etipitaka.com/read/thai/24/16/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๘-๑๙/๑๓. http://etipitaka.com/read/pali/24/18/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=328 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=328 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สังโยชน์สิบ
    -สังโยชน์สิบ ภิกษุ ท. ! สังโยชน์ ๑๐ ประการเหล่านี้ มีอยู่. สิบประการอย่างไรเล่า ? สิบประการ คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามฉันทะ พยาบาท : เหล่านี้ คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา : เหล่านี้ คือ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล สัญโญชน์ ๑๐ ประการ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาสังโยชน์เจ็ด
    สัทธรรมลำดับที่ : 326
    ชื่อบทธรรม :- สังโยชน์เจ็ด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=326
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สังโยชน์เจ็ด
    --ภิกษุ ท. ! สัญโญชน์ (สิ่งผูกพัน) ๗ อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=สญฺโญชนา
    เจ็ดอย่าง อย่างไรเล่า ? เจ็ดอย่าง คือ
    ๑.อนุนยสัญโญชน์ (สังโยชน์คือกามราคะเป็นเหตุให้ติดตาม) ๑
    ๒.ปฏิฆสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความโกรธไม่ได้อย่างใจ) ๑
    ๓.ทิฏฐิสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความเห็นผิด) ๑
    ๔.วิจิกิจฉาสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความลังเลสงสัย) ๑
    ๕.มานสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความสำคัญตน) ๑
    ๖.ภวราคสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความกำหนัดในภพ) ๑
    ๗.อวิชชาสัญโญชน์ (สังโยชน์คืออวิชชา) ๑.
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือสัญโญชน์ ๗ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง สัญโญชน์ ๗ อย่าง.
    เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง
    อนุนยสัญโญชน์ ๑
    ปฏิฆสัญโญชน์ ๑
    ทิฏฐิสัญโญชน์ ๑
    วิจิกิจฉาสัญโญชน์ ๑
    มานสัญโญชน์ ๑
    ภวราคสัญโญชน์ ๑
    อวิชชาสัญโญชน์ ๑.
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้
    เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งสัญโญชน์ ๗ อย่างเหล่านี้แล.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล,
    อนุนยสัญโญชน์ก็ดี
    ปฏิฆสัญโญชน์ก็ดี
    ทิฏฐิสัญโญชน์ก็ดี
    วิจิกิจฉาสัญโญชน์ก็ดี
    มานสัญโญชน์ก็ดี
    ภวราคสัญโญชน์ก็ดี
    อวิชชาสัญโญชน์ก็ดี
    เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว
    ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ;
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า
    “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์
    #เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว”
    http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=สญฺโญชนา
    ดังนี้แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัยสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/7-8/8-9.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/7/?keywords=%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๗-๘/๘-๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=326
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=326
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22
    ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาสังโยชน์เจ็ด สัทธรรมลำดับที่ : 326 ชื่อบทธรรม :- สังโยชน์เจ็ด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=326 เนื้อความทั้งหมด :- --สังโยชน์เจ็ด --ภิกษุ ท. ! สัญโญชน์ (สิ่งผูกพัน) ๗ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=สญฺโญชนา เจ็ดอย่าง อย่างไรเล่า ? เจ็ดอย่าง คือ ๑.อนุนยสัญโญชน์ (สังโยชน์คือกามราคะเป็นเหตุให้ติดตาม) ๑ ๒.ปฏิฆสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความโกรธไม่ได้อย่างใจ) ๑ ๓.ทิฏฐิสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความเห็นผิด) ๑ ๔.วิจิกิจฉาสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความลังเลสงสัย) ๑ ๕.มานสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความสำคัญตน) ๑ ๖.ภวราคสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความกำหนัดในภพ) ๑ ๗.อวิชชาสัญโญชน์ (สังโยชน์คืออวิชชา) ๑. --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือสัญโญชน์ ๗ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง สัญโญชน์ ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง อนุนยสัญโญชน์ ๑ ปฏิฆสัญโญชน์ ๑ ทิฏฐิสัญโญชน์ ๑ วิจิกิจฉาสัญโญชน์ ๑ มานสัญโญชน์ ๑ ภวราคสัญโญชน์ ๑ อวิชชาสัญโญชน์ ๑. --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งสัญโญชน์ ๗ อย่างเหล่านี้แล. --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล, อนุนยสัญโญชน์ก็ดี ปฏิฆสัญโญชน์ก็ดี ทิฏฐิสัญโญชน์ก็ดี วิจิกิจฉาสัญโญชน์ก็ดี มานสัญโญชน์ก็ดี ภวราคสัญโญชน์ก็ดี อวิชชาสัญโญชน์ก็ดี เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ; --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์ #เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว” http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=สญฺโญชนา ดังนี้แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัยสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/7-8/8-9. http://etipitaka.com/read/thai/23/7/?keywords=%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๗-๘/๘-๙. http://etipitaka.com/read/pali/23/7/?keywords=%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=326 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22&id=326 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=22 ลำดับสาธยายธรรม : 22 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_22.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สังโยชน์เจ็ด
    -สังโยชน์เจ็ด ภิกษุ ท. ! สัญโญชน์ (สิ่งผูกพัน) ๗ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. เจ็ดอย่าง อย่างไรเล่า ? เจ็ดอย่าง คือ อนุนยสัญโญชน์ (สังโยชน์คือกามราคะเป็นเหตุให้ติดตาม) ๑ ปฏิฆสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความโกรธไม่ได้อย่างใจ) ๑ ทิฏฐิสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความเห็นผิด) ๑ วิจิกิจฉาสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความลังเลสงสัย) ๑ มานสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความสำคัญตน) ๑ ภวราคสัญโญชน์ (สังโยชน์คือความกำหนัดในภพ) ๑ อวิชชาสัญโญชน์ (สังโยชน์คืออวิชชา) ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือสัญโญชน์ ๗ อย่าง. ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง สัญโญชน์ ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่ง อนุนยสัญโญชน์ ๑ ปฏิฆสัญโญชน์ ๑ ทิฏฐิสัญโญชน์ ๑ วิจิกิจฉาสัญโญชน์ ๑ มานสัญโญชน์ ๑ ภวราคสัญโญชน์ ๑ อวิชชาสัญโญชน์ ๑. ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งสัญโญชน์ ๗ อย่างเหล่านี้แล. ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล, อนุนยสัญโญชน์ก็ดี ปฏิฆสัญโญชน์ก็ดี ทิฏฐิสัญโญชน์ก็ดี วิจิกิจฉาสัญโญชน์ก็ดี มานสัญโญชน์ก็ดี ภวราคสัญโญชน์ก็ดี อวิชชาสัญโญชน์ก็ดี เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ; ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์ เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่าง ถูกต้องแล้ว” ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​มัชฌิมาปฏิปทา(ในความหมายชั้นลึก)
    สัทธรรมลำดับที่ : 692
    ชื่อบทธรรม :- มัชฌิมาปฏิปทา(ในความหมายชั้นลึก)ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=692
    เนื้อความทั้งหมด :-

    ค. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นลึก)
    (หลักเกณฑ์นี้ อาศัยพระบาลีที่ตรัสโต้ตอบแก่บุคคลผู้มาทูลถาม ซึ่งส่วนมากเป็นพรหมณ์
    ได้ถามเรื่องสิ่งตรงข้ามที่แยกกันเป็นคู่ๆ ;
    เช่นว่า สิ่งทั้งปวงมี หรือไม่มี; สิ่งทั้งปวงเหมือนกัน หรือต่างกัน ;
    ตนเองหรือผู้อื่นเป็นผู้กระทำหรือเสวยผล ;
    การกล่าวลงไปว่า สิ่งนั้นๆเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว
    หรือว่าเป็นอย่างอื่นจากความเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว ;
    ดังนี้เป็นต้น.
    พระองค์ ตรัสตอบโดยสายกลาง (มชฺเฌน) ไม่ยอมรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง,
    โดยพระบาลีว่า
    “เอเต เต พฺราหฺมณ อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ ฯลฯ” :-
    )​
    --พราหมณ์ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง (มชฺเฌน)
    http://etipitaka.com/read/pali/16/92/?keywords=มชฺเฌน
    ไม่เข้า ไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า :-
    (การเกิด)​
    ๑-“เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ;
    ๒-เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ;
    ๓-เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป ;
    ๔-เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ;
    ๕-เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ;
    ๖-เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;
    ๗-เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;
    ๘-เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ;
    ๙-เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ;
    ๑๐-เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ;
    ๑๑-เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.
    (การดับ)
    ๑-เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ;
    ๒-เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ;
    ๓-เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ;
    ๔-เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ ;
    ๕-เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ ;
    ๖-เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ;
    ๗-เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ;
    ๘-เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ;
    ๙-เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ;
    ๑๐-เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ;
    ๑๑-เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นเอง, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้”
    ดังนี้.-

    (คำว่า มชฺเฌน โดยพระบาลีข้างบนนี้ ก็คือคำว่า มัชฌิมาปฏิปทา นั่นเอง,
    มัชฌิมาปฏิปทาจึงได้แก่กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท ดังที่กล่าวแล้วในสูตรนี้
    ซึ่งทำให้ไม่อาจกล่าวสิ่งใดๆโดยความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยส่วนเดียว
    ที่เรียกว่าส่วนสุดข้างหนึ่ง ๆ.
    ความเห็นท่านผู้เรียบเรียงท่านพุทธทาส-อยากจะแนะว่า
    ในการศึกษาเรื่องมัชฌิมาปฏิปทานั้น
    ควรจะศึกษามัชฌิมาปฏิปทาชั้นพื้นฐานทั่วไปคืออัฏฐังคิกมรรค เป็นลำดับแรก,
    แล้วศึกษามัชฌิมาปฏิปทาในความหมายชั้นกว้างคือโพธิปักขิยธรรมทั้งหมด เป็นลำดับที่สอง,
    แล้วจึงศึกษามัชฺมาปฏิปทาในความหมายชั้นลึกคือปฏิจจสมุปบาท เป็นลำดับสุดท้าย ;
    มิฉะนั้นจะลำบาก).
    -- นิทาน. สํ. ๑๖/๙๑,๙๒,๙๐,๒๗,๒๔,๗๒-๗๔/๑๗๓,๑๗๖,๑๗๐,๕๕,๕๐,๑๒๙-๑๓๒.
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - 16/91/173.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/74/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ๑๖/๙๑/๑๗๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/91/?keywords=๑๗๓

    --ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด
    ทางมีองค์แปด เป็นทางอันประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย.
    บทแห่งอริยสัจสี่ ประเสริฐกว่าบททั้งหลาย.
    วิราคธรรม ประเสริฐกว่าธรรมทั้งหลาย.
    ผู้มีพุทธจักษุ ประเสริฐกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย.
    นี่แหละทางเพื่อความหมดจด แห่งทัสสนะ ทางอื่นมิได้มี.
    --เธอทั้งหลาย จงเดินตามทางนั้น อันเป็นที่หลงแห่งมาร ;
    เธอทั้งหลาย เดินตามทางนั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
    --ทางเราบอกแล้วแก่เธอทั้งหลาย
    เพื่อการรู้จักการถอนซึ่งลูกศร ; ความเพียรเป็นกิจอันเธอทั้งหลายพึงกระทำ
    ตถาคตทั้งหลายเป็นเพียงผู้บอก (วิธีแห่งการกระทำ).
    ผู้มุ่งปฏิบัติแล้ว ย่อมพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร.
    --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง” ;
    เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
    : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.
    --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์” ;
    เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
    : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.
    --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา” ;
    เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
    : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/35/30.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/35/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=692
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=692
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​มัชฌิมาปฏิปทา(ในความหมายชั้นลึก) สัทธรรมลำดับที่ : 692 ชื่อบทธรรม :- มัชฌิมาปฏิปทา(ในความหมายชั้นลึก)ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=692 เนื้อความทั้งหมด :- ค. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นลึก) (หลักเกณฑ์นี้ อาศัยพระบาลีที่ตรัสโต้ตอบแก่บุคคลผู้มาทูลถาม ซึ่งส่วนมากเป็นพรหมณ์ ได้ถามเรื่องสิ่งตรงข้ามที่แยกกันเป็นคู่ๆ ; เช่นว่า สิ่งทั้งปวงมี หรือไม่มี; สิ่งทั้งปวงเหมือนกัน หรือต่างกัน ; ตนเองหรือผู้อื่นเป็นผู้กระทำหรือเสวยผล ; การกล่าวลงไปว่า สิ่งนั้นๆเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว หรือว่าเป็นอย่างอื่นจากความเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว ; ดังนี้เป็นต้น. พระองค์ ตรัสตอบโดยสายกลาง (มชฺเฌน) ไม่ยอมรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง, โดยพระบาลีว่า “เอเต เต พฺราหฺมณ อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ ฯลฯ” :- )​ --พราหมณ์ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง (มชฺเฌน) http://etipitaka.com/read/pali/16/92/?keywords=มชฺเฌน ไม่เข้า ไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า :- (การเกิด)​ ๑-“เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; ๒-เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; ๓-เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป ; ๔-เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ; ๕-เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ; ๖-เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; ๗-เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; ๘-เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ; ๙-เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ; ๑๐-เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ; ๑๑-เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. (การดับ) ๑-เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ; ๒-เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; ๓-เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; ๔-เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ ; ๕-เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; ๖-เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; ๗-เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ; ๘-เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; ๙-เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; ๑๐-เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; ๑๑-เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นเอง, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้.- (คำว่า มชฺเฌน โดยพระบาลีข้างบนนี้ ก็คือคำว่า มัชฌิมาปฏิปทา นั่นเอง, มัชฌิมาปฏิปทาจึงได้แก่กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท ดังที่กล่าวแล้วในสูตรนี้ ซึ่งทำให้ไม่อาจกล่าวสิ่งใดๆโดยความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยส่วนเดียว ที่เรียกว่าส่วนสุดข้างหนึ่ง ๆ. ความเห็นท่านผู้เรียบเรียงท่านพุทธทาส-อยากจะแนะว่า ในการศึกษาเรื่องมัชฌิมาปฏิปทานั้น ควรจะศึกษามัชฌิมาปฏิปทาชั้นพื้นฐานทั่วไปคืออัฏฐังคิกมรรค เป็นลำดับแรก, แล้วศึกษามัชฌิมาปฏิปทาในความหมายชั้นกว้างคือโพธิปักขิยธรรมทั้งหมด เป็นลำดับที่สอง, แล้วจึงศึกษามัชฺมาปฏิปทาในความหมายชั้นลึกคือปฏิจจสมุปบาท เป็นลำดับสุดท้าย ; มิฉะนั้นจะลำบาก). -- นิทาน. สํ. ๑๖/๙๑,๙๒,๙๐,๒๗,๒๔,๗๒-๗๔/๑๗๓,๑๗๖,๑๗๐,๕๕,๕๐,๑๒๙-๑๓๒. อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - 16/91/173. http://etipitaka.com/read/thai/16/74/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ๑๖/๙๑/๑๗๓. http://etipitaka.com/read/pali/16/91/?keywords=๑๗๓ --ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด ทางมีองค์แปด เป็นทางอันประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย. บทแห่งอริยสัจสี่ ประเสริฐกว่าบททั้งหลาย. วิราคธรรม ประเสริฐกว่าธรรมทั้งหลาย. ผู้มีพุทธจักษุ ประเสริฐกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย. นี่แหละทางเพื่อความหมดจด แห่งทัสสนะ ทางอื่นมิได้มี. --เธอทั้งหลาย จงเดินตามทางนั้น อันเป็นที่หลงแห่งมาร ; เธอทั้งหลาย เดินตามทางนั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. --ทางเราบอกแล้วแก่เธอทั้งหลาย เพื่อการรู้จักการถอนซึ่งลูกศร ; ความเพียรเป็นกิจอันเธอทั้งหลายพึงกระทำ ตถาคตทั้งหลายเป็นเพียงผู้บอก (วิธีแห่งการกระทำ). ผู้มุ่งปฏิบัติแล้ว ย่อมพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร. --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด. --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด. --เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/35/30. http://etipitaka.com/read/thai/25/35/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐. http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=692 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=692 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด
    -(มัชฌิมาปฏิปทาตามที่ทรงแสดงไว้ในสูตรนี้ เห็นได้ว่า ทรงแสดงส่วนสุดสองข้างไว้ด้วยอาฬ๎หปฏิปทา คือความตกไปในกาม และนิชฌามปฏิปทา คือ วัตรปฏิบัติของ อเจลกะซึ่งเรียกกันโดยทั่วๆ ไปว่า อัตตกิลมถานุโยค หรือตปัสสีวัตร ซึ่งมีรายละเอียดหาดูได้ในหนังสือ พุ. โอ. ที่หน้า ๕๖-๕๗. ในที่นี้จะเห็นได้ว่า โพธิปักขิยธรรมทั้งสามสิบเจ็ดข้อ นั่นแหละคือมัชฌิมาปฏิปทา ; หรือถึงกับจะกล่าวได้ว่า ข้อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหมดในพระพุทธศาสนา ซึ่งรวมกันแล้วเรียกได้ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา หรือพรหมจรรย์ทั้งสิ้น, นั่นแหละคือ มัชฌิมาปฏิปทา). ค. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นลึก) (หลักเกณฑ์นี้ อาศัยพระบาลีที่ตรัสโต้ตอบแก่บุคคลผู้มาทูลถาม ซึ่งส่วนมากเป็นพรหมณ์ ได้ถามเรื่องสิ่งตรงข้ามที่แยกกันเป็นคู่ๆ ; เช่นว่า สิ่งทั้งปวงมี หรือไม่มี; สิ่งทั้งปวงเหมือนกัน หรือต่างกัน ; ตนเองหรือผู้อื่นเป็นผู้กระทำหรือเสวยผล ; การกล่าวลงไปว่า สิ่งนั้นๆเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว หรือว่าเป็นอย่างอื่นจากความเป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว ; ดังนี้เป็นต้น. พระองค์ ตรัสตอบโดยสายกลาง (มชฺเฌน) ไม่ยอมรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง, โดยพระบาลีว่า “เอเต เต พฺราหฺมณ อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ ฯลฯ” :-) พราหมณ์ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง (มชฺเฌน) ไม่เข้า ไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า : “เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป ; เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ; เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ; เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป ; เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ ; เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ ; เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา ; เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา ; เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นเอง, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้. นิทาน. สํ. ๑๖/๙๑,๙๒,๙๐,๒๗,๒๔,๗๒-๗๔/๑๗๓,๑๗๖,๑๗๐,๕๕,๕๐,๑๒๙-๑๓๒. (คำว่า มชฺเฌน โดยพระบาลีข้างบนนี้ ก็คือคำว่า มัชฌิมาปฏิปทา นั่นเอง, มัชฌิมาปฏิปทาจึงได้แก่กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท ดังที่กล่าวแล้วในสูตรนี้ ซึ่งทำให้ไม่อาจกล่าวสิ่งใดๆโดยความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยส่วนเดียว ที่เรียกว่าส่วนสุดข้างหนึ่ง ๆ. รายละเอียดเกี่ยวกับสุดโต่งเป็นคู่ๆนี้ หาดูได้จากหนังสือ พุ. โอ. ตั้งแต่หน้า ๒๔๗ ถึงหน้า ๒๕๒. อยากจะแนะว่า ในการศึกษาเรื่องมัชฌิมาปฏิปทานั้น ควรจะศึกษามัชฌิมาปฏิปทาชั้นพื้นฐานทั่วไปคืออัฏฐังคิกมรรค เป็นลำดับแรก, แล้วศึกษามัชฌิมาปฏิปทาในความหมายชั้นกว้างคือโพธิปักขิยธรรมทั้งหมด เป็นลำดับที่สอง, แล้วจึงศึกษามัชฺมาปฏิปทาในความหมายชั้นลึกคือปฏิจจสมุปบาท เป็นลำดับสุดท้าย ; มิฉะนั้นจะลำบาก). ลักษณะหนทางแห่งความหมดจด ทางมีองค์แปด เป็นทางอันประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย. บทแห่งอริยสัจสี่ ประเสริฐกว่าบททั้งหลาย. วิราคธรรม ประเสริฐกว่าธรรมทั้งหลาย. ผู้มีพุทธจักษุ ประเสริฐกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย. นี่แหละทางเพื่อความหมดจด แห่งทัสสนะ ทางอื่นมิได้มี. เธอทั้งหลาย จงเดินตามทางนั้น อันเป็นที่หลงแห่งมาร ; เธอทั้งหลาย เดินตามทางนั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. ทางเราบอกแล้วแก่เธอทั้งหลาย เพื่อการรู้จักการถอนซึ่งลูกศร ; ความเพียรเป็นกิจอันเธอทั้งหลายพึงกระทำ ตถาคตทั้งหลายเป็นเพียงผู้บอก (วิธีแห่งการกระทำ). ผู้มุ่งปฏิบัติแล้ว ย่อมพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร. เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด. เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด. เมื่อใด บุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า “ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา” ; เมื่อนั้น เขาย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ : นั่นแหละเป็นทางแห่งความหมดจด.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 1054
    ชื่อบทธรรม :- การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    --เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
    แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้.
    สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ
    อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริ

    (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ
    : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว,
    ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง,
    ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ,
    ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ,
    เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน,
    ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์.
    ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ.
    และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้.
    --เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว
    เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก.
    กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี*--๑ มีอยู่
    ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่),
    --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร
    : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ?
    “พึงตอบได้ , พระองค์ !”
    --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล
    จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=อิทฺธิปาฏิหาริ
    *--๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ.

    (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต
    ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า
    ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้.
    . . . . ฯลฯ . . . .
    กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่
    ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่),
    --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร
    : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ?
    “พึงตอบได้ , พระองค์ !”
    --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล
    จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/275/?keywords=อาเทสนาปาฏิหาริ

    (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า
    “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ,
    จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ,
    จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่”
    ดังนี้.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า #อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ

    --เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง
    สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก
    เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์
    เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์.
    ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์
    พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว
    สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม.
    ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด,
    ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=ตถาคโต
    : คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต.
    เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า
    “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง;
    การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย.
    ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช
    เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้.
    โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว.
    ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์
    ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร,
    มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย
    สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย,
    ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล,
    มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย,
    ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ.
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป
    เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว
    มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ

    --(ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วย
    จุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร –
    สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ –
    การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้
    ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน -- จตุตถฌาน –
    ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต –
    เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ
    และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์
    อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึง
    #อาสวักขยญาณ ซึ่งมีข้อความว่า :- )​
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น
    ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว,
    เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า
    “นี้ทุกข์,
    นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์,
    นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์,
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”;
    และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า
    “เหล่านี้อาสวะ,
    นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ,
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ,
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”.
    เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ.
    ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”.
    เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว
    กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก”
    ดังนี้.
    --เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว,
    คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น,
    เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น,
    เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า
    “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้
    หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น”
    ดังนี้;
    ฉันใดก็ฉันนั้น.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    --เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.-
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริยา

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/306 - 309/339 - 242.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๗๓ - ๒๗๖/๓๓๙ - ๒๔๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1054
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92
    ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ สัทธรรมลำดับที่ : 1054 ชื่อบทธรรม :- การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054 เนื้อความทั้งหมด :- --การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ --เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้. สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริ (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ, ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ, เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้. --เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี*--๑ มีอยู่ ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=อิทฺธิปาฏิหาริ *--๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ. (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. . . . . ฯลฯ . . . . กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/275/?keywords=อาเทสนาปาฏิหาริ (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ, จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ, จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่” ดังนี้. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า #อนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ --เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=ตถาคโต : คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร, มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล, มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย, ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ. --เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ --(ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วย จุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร – สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ – การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้ ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน -- จตุตถฌาน – ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต – เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์ อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึง #อาสวักขยญาณ ซึ่งมีข้อความว่า :- )​ --เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว, เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”; และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า “เหล่านี้อาสวะ, นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”. เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”. เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” ดังนี้. --เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว, คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้ หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” ดังนี้; ฉันใดก็ฉันนั้น. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. --เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.- http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริยา #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/306 - 309/339 - 242. http://etipitaka.com/read/thai/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๗๓ - ๒๗๖/๓๓๙ - ๒๔๒. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1054 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92 ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    -การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้. สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์. (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ, ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ, เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้. เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี๑ มีอยู่ ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์. (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. . . . . ฯลฯ . . . . กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), เกวัฏฏะ ! ท่าน ๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ. จะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์. (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ, จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ, จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้า กระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร, มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล, มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย, ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ. เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. (ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วยจุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร – สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ – การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน - จตุตถฌาน – ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต – เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์ อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึงอาสวักขยญาณซึ่งมีข้อความว่า :-) เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่น ไหว เช่นนี้แล้ว, เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”; และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า “เหล่านี้อาสวะ, นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”. เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”. เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว, คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้ หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” ดังนี้; ฉันใดก็ฉันนั้น. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 534 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 1052
    ชื่อบทธรรม :-ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1052
    เนื้อความทั้งหมด :-
    [ในสูตรอื่น ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ ไว้ว่า :-]

    --สารีบุตร ! อริยสาวกจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า

    “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งมีเบื้องต้นและที่สุดอันบุคคล
    ไปตามอยู่รู้ไม่ได้ เบื้องต้นที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แก่สัตว์ทั้งปลายผู้มี
    อวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก
    กำลังเล่นไป ท่องเที่ยวไป.
    ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้น มีอยู่;
    นั่น เป็นบทที่สงบ นั่น เป็นบทที่ประณีต, กล่าวคือ
    เป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง
    เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน”

    --สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้น ของอริยสาวกนั้น #ย่อมเป็นปัญญินทรีย์*--๑ของเธอนั้น.-
    http://etipitaka.com/read/pali/19/300/?keywords=นปฺปญฺญายติ

    *--๑. ในสูตรอื่น (๒๒/๑๒/๑๕)
    http://etipitaka.com/read/pali/22/12/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95
    แทนที่จะเรียกว่าปัญญินทรีย์ ตรัสเรียกว่า #ปัญญาพละ ก็มี ซึ่งมีใจความอย่างเดียวกัน.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/12/?keywords=ปญฺญาพลํ

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/247/1020.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/247/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙๙/๑๐๒๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1052
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1052
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92
    ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ สัทธรรมลำดับที่ : 1052 ชื่อบทธรรม :-ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1052 เนื้อความทั้งหมด :- [ในสูตรอื่น ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ ไว้ว่า :-] --สารีบุตร ! อริยสาวกจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งมีเบื้องต้นและที่สุดอันบุคคล ไปตามอยู่รู้ไม่ได้ เบื้องต้นที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แก่สัตว์ทั้งปลายผู้มี อวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังเล่นไป ท่องเที่ยวไป. ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้น มีอยู่; นั่น เป็นบทที่สงบ นั่น เป็นบทที่ประณีต, กล่าวคือ เป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” --สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้น ของอริยสาวกนั้น #ย่อมเป็นปัญญินทรีย์*--๑ของเธอนั้น.- http://etipitaka.com/read/pali/19/300/?keywords=นปฺปญฺญายติ *--๑. ในสูตรอื่น (๒๒/๑๒/๑๕) http://etipitaka.com/read/pali/22/12/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95 แทนที่จะเรียกว่าปัญญินทรีย์ ตรัสเรียกว่า #ปัญญาพละ ก็มี ซึ่งมีใจความอย่างเดียวกัน. http://etipitaka.com/read/pali/22/12/?keywords=ปญฺญาพลํ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/247/1020. http://etipitaka.com/read/thai/19/247/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙๙/๑๐๒๐. http://etipitaka.com/read/pali/19/299/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1052 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1052 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92 ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - [ในสูตรอื่น ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ ไว้ว่า :-]
    -[ในสูตรอื่น ได้ทรงแสดง ลักษณะแห่งปัญญินทรีย์ ไว้ว่า :-] สารีบุตร ! . . . . อริยสาวกจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า “สังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งมีเบื้องต้นและที่สุดอันบุคคลไปตามอยู่รู้ไม่ได้ เบื้องต้นที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แก่สัตว์ทั้งปลายผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังเล่นไป ท่องเที่ยวไป. ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้น มีอยู่; นั่น เป็นบทที่สงบ นั่น เป็นบทที่ประณีต, กล่าวคือ เป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” สารีบุตร ! ความรู้ชัดเช่นนั้น ของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็นปัญญินทรีย์ของเธอนั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคเพื่อสำรอกราคะในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
    สัทธรรมลำดับที่ : 684
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=684
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
    --ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า
    “อาวุโส ท.! ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสมณโคดม
    เพื่อประโยชน์อะไรกัน?” ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า
    “อาวุโส ท.! เราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อประโยชน์แก่การ
    สำรอกซึ่งราคะ (ราควิราคตฺถํ)”.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=ราควิราคตฺถํ

    [และยังตรัสต่อไปว่า :-
    -เพื่อประโยชน์แก่การ ละสังโยชน์ (สญฺโญชนปหานตฺถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ ถอนอนุสัย (อนุสยสมุคฺฆาตนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ กำหนดรู้ความที่สัตว์ ต้องเดินทางไกลด้วยอวิชชา (อทฺธานปริญฺญตถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่ความ สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวานํ ขยตฺถํ) ดังนี้ ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ ทำให้แจ้งซึ่งผลคือวิชชาและวิมุตติ (วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยตฺถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ รู้การเห็น (ญาณทสฺสนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ;
    -เพื่อประโยชน์แก่การ #ดับเย็นในทิฏธรรมเพราะไม่ยึดมั่น (อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ) ดังนี้ก็มี
    http://etipitaka.com/read/pali/19/34/?keywords=อนุปาทาปรินิพฺพาน
    ].

    --ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า
    “อาวุโส ท. ! มรรคมีหรือ ปฏิปทามีหรือ เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ?”
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว
    พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่เพื่อการ สำรอกซึ่งราคะ.
    --ภิกษุ ท. ! มรรคนั้นเป็นอย่างไร ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไร เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ?
    #อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง, ได้แก่
    http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=อฏฺฐงฺคิโก+มคฺโค
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ,
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ,
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ :
    +--ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แลปฏิปทา เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ.

    (ขยายความตามท่านพุทธทาส :-
    ข้อความสองย่อหน้าข้างบนนี้ มีต่อท้ายหลักธรรมที่เป็นจุดหมายของ
    พรหมจรรย์ตามรายนามที่กล่าวไว้ข้างบนทุกๆข้อ
    เช่นข้อว่า “เพื่อประโยชน์แก่การละสังโยชน์“ เป็นต้น
    ผู้ศึกษาพึงกำหนดเอาเอง
    ).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/27-29/117-128.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/27/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๓-๓๕/๑๑๗-๑๒๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=684
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=684
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49
    ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคเพื่อสำรอกราคะในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย สัทธรรมลำดับที่ : 684 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=684 เนื้อความทั้งหมด :- --อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย --ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า “อาวุโส ท.! ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสมณโคดม เพื่อประโยชน์อะไรกัน?” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า “อาวุโส ท.! เราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อประโยชน์แก่การ สำรอกซึ่งราคะ (ราควิราคตฺถํ)”. http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=ราควิราคตฺถํ [และยังตรัสต่อไปว่า :- -เพื่อประโยชน์แก่การ ละสังโยชน์ (สญฺโญชนปหานตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ ถอนอนุสัย (อนุสยสมุคฺฆาตนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ กำหนดรู้ความที่สัตว์ ต้องเดินทางไกลด้วยอวิชชา (อทฺธานปริญฺญตถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่ความ สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวานํ ขยตฺถํ) ดังนี้ ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ ทำให้แจ้งซึ่งผลคือวิชชาและวิมุตติ (วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ รู้การเห็น (ญาณทสฺสนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; -เพื่อประโยชน์แก่การ #ดับเย็นในทิฏธรรมเพราะไม่ยึดมั่น (อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ) ดังนี้ก็มี http://etipitaka.com/read/pali/19/34/?keywords=อนุปาทาปรินิพฺพาน ]. --ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า “อาวุโส ท. ! มรรคมีหรือ ปฏิปทามีหรือ เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ?” --ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่เพื่อการ สำรอกซึ่งราคะ. --ภิกษุ ท. ! มรรคนั้นเป็นอย่างไร ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไร เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ? #อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง, ได้แก่ http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=อฏฺฐงฺคิโก+มคฺโค สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ , สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ , สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ : +--ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แลปฏิปทา เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ. (ขยายความตามท่านพุทธทาส :- ข้อความสองย่อหน้าข้างบนนี้ มีต่อท้ายหลักธรรมที่เป็นจุดหมายของ พรหมจรรย์ตามรายนามที่กล่าวไว้ข้างบนทุกๆข้อ เช่นข้อว่า “เพื่อประโยชน์แก่การละสังโยชน์“ เป็นต้น ผู้ศึกษาพึงกำหนดเอาเอง ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/27-29/117-128. http://etipitaka.com/read/thai/19/27/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๓-๓๕/๑๑๗-๑๒๘. http://etipitaka.com/read/pali/19/33/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=684 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=684 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49 ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย
    -(คำว่า เจริญกระทำให้มากซึ่งองค์มรรค ชนิดที่อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ เป็นต้นดังที่กล่าวข้างบนนั้น ในบางสูตรตรัสว่า เจริญกระทำให้มากซึ่งองค์มรรคชนิดที่ มีการนำออกซึ่ง ราคะ - โทสะ - โมหะ เป็นปริโยสาน ดังนี้ก็มี - ๑๙/๕๒/๒๐๕ ; ในบางสูตรตรัสว่า ชนิดที่ มีการหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่ไปในเบื้องหน้า มีอมตะเป็นปริโยสาน ดังนี้ก็มี - ๑๙/๕๕/๒๒๐ ; และในบางสูตรตรัสว่า ชนิดที่ ลาดไปสู่นิพพาน เอียงไปสู่นิพพาน เงื้อมไปสู่นิพพาน ดังนี้ก็มี - ๑๙/๕๘/๒๓๖. คำที่ว่า ลาด เอียง เงื้อม ไปทางทิศปราจีนนั้น ในบางสูตรทรงใช้คำว่า ลาด เอียง เงื้อม ไปสู่สมุทร ก็มี - ๑๙/๕๐,๕๔,๕๗,๖๐/๑๙๗,๒๑๒,๒๒๗,๒๔๓). อัฏฐังคิกมรรคในฐานะหนทางให้ถึงจุดหมาย ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า “อาวุโส ท.! ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสมณโคดม เพื่อประโยชน์อะไรกัน?” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า “อาวุโส ท.! เราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อประโยชน์แก่การ สำรอกซึ่งราคะ (ราควิราคตฺถํ)”. [และยังมีในสูตรอื่นที่ตรัสว่า :- เพื่อประโยชน์แก่การ ละสังโยชน์ (สญฺโญชนปหานตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การ ถอนอนุสัย (อนุสยสมุคฺฆาตนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การ กำหนดรู้ความที่สัตว์ ต้องเดินทางไกลด้วยอวิชชา (อทฺธานปริญฺญตถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวานํ ขยตฺถํ) ดังนี้ ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การทำให้แจ้งซึ่งผลคือวิชชาและวิมุตติ (วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การรู้การเห็น (ญาณทสฺสนตฺถํ) ดังนี้ก็มี ; เพื่อประโยชน์แก่การดับเย็นในทิฏธรรมเพราะไม่ยึดมั่น (อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ) ดังนี้ก็มี]. ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์อื่น จะพึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า “อาวุโส ท. ! มรรคมีหรือ ปฏิปทามีหรือ เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ?” ภิกษุ ท. ! เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว พวกเธอพึงพยากรณ์แก่เขาว่า มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่เพื่อการ สำรอกซึ่งราคะ. ภิกษุ ท. ! มรรคนั้นเป็นอย่างไร ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไร เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ ? อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง, ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ : ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แลปฏิปทา เพื่อการสำรอกซึ่งราคะ. (ข้อความสองย่อหน้าข้างบนนี้ มีต่อท้ายหลักธรรมที่เป็นจุดหมายของ พรหมจรรย์ตามรายนามที่กล่าวไว้ข้างบนทุกๆข้อ เช่นข้อว่า “เพื่อประโยชน์แก่การละสังโยชน์“ เป็นต้นผู้ศึกษาพึงกำหนดเอาเอง).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts