อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเราและการดับทุกข์สิ้นเชิง
สัทธรรมลำดับที่ : 381
ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
เนื้อความทั้งหมด :-
--เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี !
....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร
ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !”
--ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ
ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย
พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด.
ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้,
#ความตายจะไม่แลเห็นท่าน
http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช
ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล.
--- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙.
http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99
--- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔.
http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99
http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94
--การดับทุกข์สิ้นเชิง
--ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
(นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ
หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ;
ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่.
พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ
ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- )
--การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “
อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
(ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ)
โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ
แล้วได้ตรัสว่า :- )
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ
คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....
และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....
ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....
จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....
พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....
รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า)
ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้,
ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302
http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒.
http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
สัทธรรมลำดับที่ : 381
ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
เนื้อความทั้งหมด :-
--เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี !
....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร
ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !”
--ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ
ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย
พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด.
ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้,
#ความตายจะไม่แลเห็นท่าน
http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช
ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล.
--- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙.
http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99
--- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔.
http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99
http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94
--การดับทุกข์สิ้นเชิง
--ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
(นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ
หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ;
ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่.
พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ
ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- )
--การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “
อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
(ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ)
โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ
แล้วได้ตรัสว่า :- )
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ
คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....
และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....
ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....
จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....
พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....
รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า)
ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้,
ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302
http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒.
http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเราและการดับทุกข์สิ้นเชิง
สัทธรรมลำดับที่ : 381
ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
เนื้อความทั้งหมด :-
--เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี !
....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร
ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !”
--ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ
ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย
พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด.
ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้,
#ความตายจะไม่แลเห็นท่าน
http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช
ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล.
--- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙.
http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99
--- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔.
http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99
http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94
--การดับทุกข์สิ้นเชิง
--ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
(นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ
หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ;
ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่.
พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ
ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- )
--การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “
อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
(ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ)
โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ
แล้วได้ตรัสว่า :- )
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ
คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....
และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....
ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....
จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....
พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....
รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า)
ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้,
ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302
http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒.
http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
11 มุมมอง
0 รีวิว