• รอบชิงหมอนทองทำเกินคาด อ.ลั่นจะดีกว่านี้หากได้ทำ...?? (19/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หมอนทอง #การแข่งขัน #กีฬาไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    รอบชิงหมอนทองทำเกินคาด อ.ลั่นจะดีกว่านี้หากได้ทำ...?? (19/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หมอนทอง #การแข่งขัน #กีฬาไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จากปาก อ.สกล โค้ชทีมหมอนทอง เงินอัดฉีด ทะลัก ไม่มาตามนัดเพียบ : คนเคาะข่าว 18-11-68
    : อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ โค้ชทีมฟุตบอล โรงเรียนหมอนทองวิทยา
    ดำเนินรายการโดย นพรัฐ พรวนสุข

    https://www.youtube.com/watch?v=cyiTsKAmT6A
    จากปาก อ.สกล โค้ชทีมหมอนทอง เงินอัดฉีด ทะลัก ไม่มาตามนัดเพียบ : คนเคาะข่าว 18-11-68 : อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ โค้ชทีมฟุตบอล โรงเรียนหมอนทองวิทยา ดำเนินรายการโดย นพรัฐ พรวนสุข https://www.youtube.com/watch?v=cyiTsKAmT6A
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หมอนทอง ฟีเวอร์” ปลุกกระแสเยาวชนเมืองแปดริ้วตื่นตัวสมัครร่วมแคมป์ฟุตบอลแล้วกว่า 120 คน , หลังทีมหมอนทองวิทยาดังจากศึก 7HD ทำให้เยาวชนหลั่งไหลเข้าร่วมจนแทบเป็นโรงเรียนกีฬา พร้อมซ้อมหนักทุกวันตามโปรแกรม

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110286

    #ฉะเชิงเทรา #หมอนทองวิทยา #ฟุตบอลเยาวชน #กีฬาเยาวชน #แคมป์ฟุตบอล #News1live #News1
    “หมอนทอง ฟีเวอร์” ปลุกกระแสเยาวชนเมืองแปดริ้วตื่นตัวสมัครร่วมแคมป์ฟุตบอลแล้วกว่า 120 คน , หลังทีมหมอนทองวิทยาดังจากศึก 7HD ทำให้เยาวชนหลั่งไหลเข้าร่วมจนแทบเป็นโรงเรียนกีฬา พร้อมซ้อมหนักทุกวันตามโปรแกรม • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110286 • #ฉะเชิงเทรา #หมอนทองวิทยา #ฟุตบอลเยาวชน #กีฬาเยาวชน #แคมป์ฟุตบอล #News1live #News1
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newsstory : สนธิเผยสาเหตุ ทำไมต้องสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลรร.หมอนทองวิทยา

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #หมอนทองวิทยา #ฟุตบอลไทย #สนธิสนับสนุนหมอนทองวิทยา
    Newsstory : สนธิเผยสาเหตุ ทำไมต้องสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลรร.หมอนทองวิทยา #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #หมอนทองวิทยา #ฟุตบอลไทย #สนธิสนับสนุนหมอนทองวิทยา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • บอลเยาวชน น่าดูกว่าบอลทีมชาติ

    มีผู้รู้ในวงการฟุตบอลหลายคน วิจารณ์ปรากฎการณ์สนามแตก การแข่งขันฟุตบอล 7 คน รายการแชมป์กีฬา 7 HD ปี 2025 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างโรงเรียนหมอนทองวิทยา จ.ฉะเชิงเทรา กับ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 HD เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่สนามศุภชลาศัย พบว่ามีผู้เข้าชมแน่นเกินความจุของสนาม ที่รองรับได้เพียง 20,000 คน ซึ่งทางผู้จัดงานมองว่าเกินความคาดหมายไปมาก อีกทั้งการถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มช่อง 7 HD มีผู้เข้าชมพร้อมกัน 4.2 ล้านคน ยอดชมทางออนไลน์มากกว่า 45 ล้านวิว

    แม้ฟุตบอลนัดดังกล่าว หมอนทองวิทยาจะพ่ายให้กับ อบจ.ชัยนาทไป 1 ประตูต่อ 2 แต่ก็ถือว่าสมศักดิ์ศรี เพราะหมอนทองวิทยาไปไกลเกินกว่าที่ฝัน จากเดิม อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่ขับสองแถวหกล้อ "รถขนฝัน" จากบางน้ำเปรี้ยวมาถึงกรุงเทพฯ เคยตั้งเป้าไว้เพียงแค่รอบ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ขณะที่ทีม อบจ.ชัยนาท ปี 2023 แพ้ให้กับโรงเรียนกันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ คราวนี้สามารถล้างตาคว้าแชมป์มาได้สำเร็จ ไม่นับรวมชื่อเสียงของนักเตะเยาวชน ทั้งทีมหมอนทองวิทยา ที่มี เต-วรากร ช่างเขียนดี ที่ได้ฉายาวิตินญ่าเมืองไทย กับทีม อบจ.ชัยนาท ที่มีนักเตะลาว พายัก สีพะนม กัปตันทีม คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) และทีมชาติลาวเรียกไปรับใช้ชาติในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ในเดือน ธ.ค.นี้

    กระแสหมอนทองวิทยา มาจากไวรัลบนโซเชียลฯ ที่กล่าวถึงทีมฟุตบอลเยาวชน มาจากโรงเรียนที่ชื่อแปลกและไม่คุ้นหูมาก่อน รวมถึงการเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสชนะน้อย (Underdog) เมื่อเทียบกับโรงเรียนคู่แข่งที่มีศักยภาพที่ดีกว่า แต่กลับสามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศมาได้ และอาจารย์สกล ผู้ซึ่งทุ่มเทแก่ลูกศิษย์ด้วยจิตวิญญาณ ใช้รถสองแถวหกล้อคันเก่า พานักเตะไปแข่งตลอดทัวร์นาเมนต์ โดยปฎิเสธรถบัสปรับอากาศที่มีคนเสนอให้ ด้วยเหตุผลคือ เริ่มยังไงก็ขอให้จบอย่างงั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาวันสุดท้าย ยิ่งสร้างศรัทธาแก่แฟนบอลอย่างล้นหลาม

    กระแสฟุตบอลเยาวชนที่เกิดขึ้น สวนทางกับฟุตบอลทีมชาติไทย ที่แฟนบอลส่วนหนึ่งเสื่อมศรัทธา หลังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ปลด มาซาทาดะ อิชิอิ ออกจากผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่า ทีมชาติไทยมีระบบเด็กเส้นและระบบลูกรักหรือไม่ และหลังจากแต่งตั้ง แอนโธนี่ ฮัดสัน เข้ามาคุมทีมแทน ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าทีมชาติไทยยุคใหม่อายุรวมกันเกือบ 700 ปี อาจเรียกได้ว่าการแข่งขันแชมป์กีฬา 7 HD กลายเป็นความหวังและความสุขของคนไทย แม้กระแสที่ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วจะมาเร็วไปเร็ว ตามธรรมชาติของไวรัลก็ตาม

    #Newskit
    บอลเยาวชน น่าดูกว่าบอลทีมชาติ มีผู้รู้ในวงการฟุตบอลหลายคน วิจารณ์ปรากฎการณ์สนามแตก การแข่งขันฟุตบอล 7 คน รายการแชมป์กีฬา 7 HD ปี 2025 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างโรงเรียนหมอนทองวิทยา จ.ฉะเชิงเทรา กับ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 HD เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่สนามศุภชลาศัย พบว่ามีผู้เข้าชมแน่นเกินความจุของสนาม ที่รองรับได้เพียง 20,000 คน ซึ่งทางผู้จัดงานมองว่าเกินความคาดหมายไปมาก อีกทั้งการถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มช่อง 7 HD มีผู้เข้าชมพร้อมกัน 4.2 ล้านคน ยอดชมทางออนไลน์มากกว่า 45 ล้านวิว แม้ฟุตบอลนัดดังกล่าว หมอนทองวิทยาจะพ่ายให้กับ อบจ.ชัยนาทไป 1 ประตูต่อ 2 แต่ก็ถือว่าสมศักดิ์ศรี เพราะหมอนทองวิทยาไปไกลเกินกว่าที่ฝัน จากเดิม อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่ขับสองแถวหกล้อ "รถขนฝัน" จากบางน้ำเปรี้ยวมาถึงกรุงเทพฯ เคยตั้งเป้าไว้เพียงแค่รอบ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ขณะที่ทีม อบจ.ชัยนาท ปี 2023 แพ้ให้กับโรงเรียนกันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ คราวนี้สามารถล้างตาคว้าแชมป์มาได้สำเร็จ ไม่นับรวมชื่อเสียงของนักเตะเยาวชน ทั้งทีมหมอนทองวิทยา ที่มี เต-วรากร ช่างเขียนดี ที่ได้ฉายาวิตินญ่าเมืองไทย กับทีม อบจ.ชัยนาท ที่มีนักเตะลาว พายัก สีพะนม กัปตันทีม คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) และทีมชาติลาวเรียกไปรับใช้ชาติในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ในเดือน ธ.ค.นี้ กระแสหมอนทองวิทยา มาจากไวรัลบนโซเชียลฯ ที่กล่าวถึงทีมฟุตบอลเยาวชน มาจากโรงเรียนที่ชื่อแปลกและไม่คุ้นหูมาก่อน รวมถึงการเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสชนะน้อย (Underdog) เมื่อเทียบกับโรงเรียนคู่แข่งที่มีศักยภาพที่ดีกว่า แต่กลับสามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศมาได้ และอาจารย์สกล ผู้ซึ่งทุ่มเทแก่ลูกศิษย์ด้วยจิตวิญญาณ ใช้รถสองแถวหกล้อคันเก่า พานักเตะไปแข่งตลอดทัวร์นาเมนต์ โดยปฎิเสธรถบัสปรับอากาศที่มีคนเสนอให้ ด้วยเหตุผลคือ เริ่มยังไงก็ขอให้จบอย่างงั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาวันสุดท้าย ยิ่งสร้างศรัทธาแก่แฟนบอลอย่างล้นหลาม กระแสฟุตบอลเยาวชนที่เกิดขึ้น สวนทางกับฟุตบอลทีมชาติไทย ที่แฟนบอลส่วนหนึ่งเสื่อมศรัทธา หลังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ปลด มาซาทาดะ อิชิอิ ออกจากผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่า ทีมชาติไทยมีระบบเด็กเส้นและระบบลูกรักหรือไม่ และหลังจากแต่งตั้ง แอนโธนี่ ฮัดสัน เข้ามาคุมทีมแทน ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าทีมชาติไทยยุคใหม่อายุรวมกันเกือบ 700 ปี อาจเรียกได้ว่าการแข่งขันแชมป์กีฬา 7 HD กลายเป็นความหวังและความสุขของคนไทย แม้กระแสที่ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วจะมาเร็วไปเร็ว ตามธรรมชาติของไวรัลก็ตาม #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรากฏการณ์หมอนทอง บอลเด็กนักเรียนล่าฝัน จบเกมนี้…มีแต่ผู้ชนะ
    ศุภชลาศัยแตก! เกมฟุตบอลนักเรียน 7 สี ระหว่างโรงเรียนหมอนทองวิทยา และโรงเรียนอบจ.ชัยนาท กลายเป็นปรากฏการณ์แห่งพลังเยาวชนไทยที่สะท้อนความฝัน ความมุ่งมั่น และหัวใจนักสู้ของเด็กไทยในสนามลูกหนัง

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000106930

    #News1live #News1 #Sondhitalk #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ปมร้อนข่าวลึก #ฟุตบอล7สี #หมอนทองวิทยา #อบจชัยนาท #ฟุตบอลเยาวชน #แรงบันดาลใจ #truthfromthailand #newsupdate
    ปรากฏการณ์หมอนทอง บอลเด็กนักเรียนล่าฝัน จบเกมนี้…มีแต่ผู้ชนะ ศุภชลาศัยแตก! เกมฟุตบอลนักเรียน 7 สี ระหว่างโรงเรียนหมอนทองวิทยา และโรงเรียนอบจ.ชัยนาท กลายเป็นปรากฏการณ์แห่งพลังเยาวชนไทยที่สะท้อนความฝัน ความมุ่งมั่น และหัวใจนักสู้ของเด็กไทยในสนามลูกหนัง อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000106930 #News1live #News1 #Sondhitalk #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ปมร้อนข่าวลึก #ฟุตบอล7สี #หมอนทองวิทยา #อบจชัยนาท #ฟุตบอลเยาวชน #แรงบันดาลใจ #truthfromthailand #newsupdate
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนรอย คนแน่นทะลักลู่วิ่ง จนสนามแตก (09/11/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟุตบอล7สี #หมอนทองวิทยา #คู่ชิงบอล7สี #สนามแตก #TikTokการกีฬา
    ย้อนรอย คนแน่นทะลักลู่วิ่ง จนสนามแตก (09/11/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟุตบอล7สี #หมอนทองวิทยา #คู่ชิงบอล7สี #สนามแตก #TikTokการกีฬา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หลั่งไหลไม่หยุด! ดารา-คนดัง จัดหนักยอดอัดฉีด (09/11/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #TikTokการกีฬา #ฟุตบอล7สี #หมอนทองวิทยา #คู่ชิงบอล7สี #สนามแตก
    หลั่งไหลไม่หยุด! ดารา-คนดัง จัดหนักยอดอัดฉีด (09/11/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #TikTokการกีฬา #ฟุตบอล7สี #หมอนทองวิทยา #คู่ชิงบอล7สี #สนามแตก
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เบื้องหลังสนธิ "อัดฉีด" หมอนทองวิทยา (8/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สนธิ #หมอนทองวิทยา #การศึกษาไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    เบื้องหลังสนธิ "อัดฉีด" หมอนทองวิทยา (8/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สนธิ #หมอนทองวิทยา #การศึกษาไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ธนกร” ไทยก้าวใหม่ ชื่นชม “หมอนทองวิทยาคม” สะท้อนพลังเด็กต่างจังหวัด เชื่อ “โอกาส” คือกุญแจพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/22269/
    .
    #ไทยไท #ธนกรบรรพสิริ #หมอนทองวิทยาคม #โอกาสทางการศึกษา #ศักยภาพเยาวชน #ไทยก้าวใหม่
    “ธนกร” ไทยก้าวใหม่ ชื่นชม “หมอนทองวิทยาคม” สะท้อนพลังเด็กต่างจังหวัด เชื่อ “โอกาส” คือกุญแจพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทย https://www.thai-tai.tv/news/22269/ . #ไทยไท #ธนกรบรรพสิริ #หมอนทองวิทยาคม #โอกาสทางการศึกษา #ศักยภาพเยาวชน #ไทยก้าวใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • มือปั้นลูกหนังขาสั้น อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ 07/11/68 #หมอนทองวิทยา #อาจารย์สกล #สกล เกลี้ยงประเสริฐ #มือปั้นลูกหนังขาสั้น
    มือปั้นลูกหนังขาสั้น อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ 07/11/68 #หมอนทองวิทยา #อาจารย์สกล #สกล เกลี้ยงประเสริฐ #มือปั้นลูกหนังขาสั้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รู้จักหมอนทองวิทยาไหม (07/11/68) #news1 #tiktokการกีฬา #ข่าวกีฬา #โรงเรืยนหมอนทองวิทยา
    รู้จักหมอนทองวิทยาไหม (07/11/68) #news1 #tiktokการกีฬา #ข่าวกีฬา #โรงเรืยนหมอนทองวิทยา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ขายทุเรียนป่าละอู ส่งตรงถึงท่านจากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่นะครับ ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิตปลายฤดูกาลครับ

    สำหรับ fans สนธิทอร์ค, news1, และเครือ ผจก ให้ระบุใน in box ว่ามาจาก Thai town จะลดให้อีก10% จากราคารวมตามเงื่อนไขโปรโมชั่นครับ

    ต้องขออภัยทางไทยทาวน์ ขอวางลิงค์ facebook ไว้เป็นข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมครับ https://www.facebook.com/share/p/185sW6wkYB/?mibextid=wwXIfr
    -----------

    โค้งสุดท้ายก่อนหมดฤดูกาล

    จำหน่ายทุเรียนป่าละอูแท้ 100%

    จากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด โครงการตามพระราชประสงค์ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

    ทุเรียนป่าละอูเป็นทุเรียนคุณภาพสูง และ มีการพัฒนามาอย่างยาวนานโดยทรงคุณค่าในความเฉพาะตัวและรักษาเอกลักษณ์ของแหล่งผลิตไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นความภูมิใจของชุมชนและคนไทยทั้งปวง

    ได้รับการขึ้นทะเบียน GI :
    ได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยในฐานะเป็นผู้ผลิต "ทุเรียนป่าละอู" ทะเบียนเลขที่ สช 57100062 จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา

    ทุเรียนป่าละอูแท้มีให้รับประทาน ปีละครั้งเดียว ช่วงเดือน มิถุนายนไปจนสิ้นเดือนกรกฎาคม เป็นการนำทุเรียนหมอนทองและชะนีมาปลูกพัฒนาในพื้นที่ป่าจนได้ลักษณะพิเศษของเนื้อและพันธ์ุที่บ่มเพาะโดยดินฟ้าอากาศและน้ำจากป่าเขาธรรมชาติ

    ------------------------------------------------------

    วันนี้ บริษัท เนียร์นอร์ท จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย (รายใหม่) และได้เริ่มดำเนินแผนในการส่งออก รวมทั้งเตรียมจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลาย

    โดยได้ร่วมมือกับสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจากสงครามราคาทุเรียน และ โปรโมทสินค้าในท้ายฤดูกาลนี้

    ⭐️จึงจัดจำหน่ายราคาเดียวกับสหกรณ์ ⭐️

    ทุเรียนจะถูกตัดสดจากสวนของสมาชิกในสหกรณ์ และส่งโดยตรงถึงท่าน

    เริ่มจัดส่งตั้งแต่ 14 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน
    หรือ จนสินค้าหมด

    --------------------------

    ⚡️ราคาจำหน่าย : ทุเรียน กิโลกรัมละ 269 บาท ส่งฟรี

    คิดราคาตามน้ำหนัก

    1 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 269 บาท

    2 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 3-5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 259 บาท

    3 ผล ขึ้นไป น้ำหนักเฉลี่ย 6-9 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 249 บาท

    ซื้อ 10 กก.ขึ้นไป จำหน่ายกิโลกรัมละ 239 บาท
    ------------------------------
    ตัวอย่างการคำนวณ :

    ซื้อ 3 กก. → 259 × 3 = 777 บาท (จากปกติ 807 บาท)

    ซื้อ 5 กก. → 259 × 5 = 1,295 บาท (จากปกติ 1,345 บาท)

    ซื้อ 10 กก. → 239 × 10 = 2,390 บาท (จากปกติ 2,690 บาท)

    -------------------------------

    วิธีสั่งซื้อ:
    1. ทักอินบ๊อกเพจ
    2. แจ้งจำนวนลูกที่ต้องการ / หรือ แจ้งเป็นกิโลกรัม จะจัดส่งโดยเฉลี่ยน้ำหนัก
    3. ทีมงานจะสรุปยอด และ แจ้งบัญชี
    4. ลูกค้าส่งสลิปโอน จะทำการตัดยอด
    5. ทางสหกรณ์จะดำเนินการส่งให้ลูกค้าโดยตรงในวันรุ่งขึ้น

    ก่อนแกะทุเรียน
    ทางสหกรณ์จะมีคำแนะนำวันที่ในการแกะที่เหมาะสม โปรดสังเกตคำแนะนำตามฉลากที่ขั้วทุเรียน

    หากพบปัญหาให้ถ่ายรูปพร้อมฉลาก และแจ้งตามช่องทางที่ระบุที่ฉลากบนขั้วทุเรียนเพื่อดำเนินการจัดส่ง

    รับเคลม โดยเป็นไปตามเงื่อนไขคำแนะนำวันที่ รวมถึงความชำรุดบกพร่องในการขนส่ง ยกเว้นกรณีลูกค้าแกะก่อนสุกโดยไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำ

    โปรดอ่านเงื่อนไขการรับเคลมโดยละเอียด

    ( ภาพแกะเนื้อเป็นภาพตัวอย่างเนื้อ เพื่อการโฆษณา )

    --------------------------------------------
    --------------------------------------------

    ประวัติการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนป่าละอู

    ทุเรียนป่าละอูมีความเกี่ยวข้องกับโครงการตามพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานต้นกล้าทุเรียนพันธุ์หมอนทองให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกในพื้นที่

    ทุเรียนป่าละอู เริ่มมีการนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ป่าละอู ประมาณปีพ.ศ. 2527 ผู้ที่นำเข้ามาคนแรก คือนายพยุง พรายใย โดยนำพันธ์เม็ดใน ก้านยาว จากจังหวัดนนทบุรี และพันธุ์หมอนทอง จากระยอง มาทดลองปลูกจำนวน 100 ต้น ได้ผลผลิตที่ดีและแตกต่างจากต้นพันธุ์ที่นำมาจากทั้งสองจังหวัด

    เนื่องจากความสัมพันธ์กับพื้นที่เพาะปลูกที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ มีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำปราณบุรีไหลผ่าน สภาพพื้นดินอุดมสมบูรณ์มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี มีความชื้นสัมพันธ์สูง อุณหภูมิต่ำในเวลากลางคืน ช่วงหน้าฝนจะมีน้ำไหลบ่าลงจากยอดเขานำเอาแร่ธาตุอาหารมาเติมให้กับพื้นที่เกษตร สภาพดินเป็นดินปนทราย น้ำไม่ขังนาน เหมาะแก่การปลูกทุเรียน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ทุเรียนป่าละอูมีความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง

    ทุเรียนลูกใหญ่กว่าที่อื่น เฉลี่ยน้ำหนักอยู่ที่ 1.5-5 กิโลกรัมต่อลูก ผลมีลักษณะเป็นวงรี ด้านใต้ผลจะแหลม ปลายหนามคม เห็นร่องพูชัดเจน

    โดยสีของเปลือกจะเป็นสีเขียวปนน้ำตาล ในส่วนของลักษณะเนื้อทุเรียน คือ มีรสหวาน เนื้อหนาเนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน กลิ่นไม่รุนแรง และมีรสชาติดี เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่ไม่ชอบทุเรียนที่กลิ่นแรง.

    ที่มาข้อมูล : กรมทรัพย์สินทางปัญญา
    https://www.ipthailand.go.th/images/781/s_57100062_1.pdf
    ขายทุเรียนป่าละอู ส่งตรงถึงท่านจากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่นะครับ ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิตปลายฤดูกาลครับ สำหรับ fans สนธิทอร์ค, news1, และเครือ ผจก ให้ระบุใน in box ว่ามาจาก Thai town จะลดให้อีก10% จากราคารวมตามเงื่อนไขโปรโมชั่นครับ ต้องขออภัยทางไทยทาวน์ ขอวางลิงค์ facebook ไว้เป็นข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมครับ https://www.facebook.com/share/p/185sW6wkYB/?mibextid=wwXIfr ----------- 📢โค้งสุดท้ายก่อนหมดฤดูกาล 📢 ☀️☀️☀️☀️☀️จำหน่ายทุเรียนป่าละอูแท้ 100% จากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด โครงการตามพระราชประสงค์ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทุเรียนป่าละอูเป็นทุเรียนคุณภาพสูง และ มีการพัฒนามาอย่างยาวนานโดยทรงคุณค่าในความเฉพาะตัวและรักษาเอกลักษณ์ของแหล่งผลิตไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นความภูมิใจของชุมชนและคนไทยทั้งปวง 🌟ได้รับการขึ้นทะเบียน GI : ได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยในฐานะเป็นผู้ผลิต "ทุเรียนป่าละอู" ทะเบียนเลขที่ สช 57100062 จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทุเรียนป่าละอูแท้มีให้รับประทาน ปีละครั้งเดียว ช่วงเดือน มิถุนายนไปจนสิ้นเดือนกรกฎาคม เป็นการนำทุเรียนหมอนทองและชะนีมาปลูกพัฒนาในพื้นที่ป่าจนได้ลักษณะพิเศษของเนื้อและพันธ์ุที่บ่มเพาะโดยดินฟ้าอากาศและน้ำจากป่าเขาธรรมชาติ ------------------------------------------------------ 📣📣📣 วันนี้ บริษัท เนียร์นอร์ท จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย (รายใหม่) และได้เริ่มดำเนินแผนในการส่งออก รวมทั้งเตรียมจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลาย โดยได้ร่วมมือกับสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจากสงครามราคาทุเรียน และ โปรโมทสินค้าในท้ายฤดูกาลนี้ ⭐️จึงจัดจำหน่ายราคาเดียวกับสหกรณ์ ⭐️ ทุเรียนจะถูกตัดสดจากสวนของสมาชิกในสหกรณ์ และส่งโดยตรงถึงท่าน เริ่มจัดส่งตั้งแต่ 14 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน หรือ จนสินค้าหมด -------------------------- ⚡️ราคาจำหน่าย : ทุเรียน กิโลกรัมละ 269 บาท ส่งฟรี คิดราคาตามน้ำหนัก 1 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 269 บาท 2 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 3-5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 259 บาท 3 ผล ขึ้นไป น้ำหนักเฉลี่ย 6-9 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 249 บาท ซื้อ 10 กก.ขึ้นไป จำหน่ายกิโลกรัมละ 239 บาท ------------------------------ ตัวอย่างการคำนวณ : ซื้อ 3 กก. → 259 × 3 = 777 บาท (จากปกติ 807 บาท) ซื้อ 5 กก. → 259 × 5 = 1,295 บาท (จากปกติ 1,345 บาท) ซื้อ 10 กก. → 239 × 10 = 2,390 บาท (จากปกติ 2,690 บาท) ------------------------------- ✅วิธีสั่งซื้อ: 1. ทักอินบ๊อกเพจ 2. แจ้งจำนวนลูกที่ต้องการ / หรือ แจ้งเป็นกิโลกรัม จะจัดส่งโดยเฉลี่ยน้ำหนัก 3. ทีมงานจะสรุปยอด และ แจ้งบัญชี 4. ลูกค้าส่งสลิปโอน จะทำการตัดยอด 5. ทางสหกรณ์จะดำเนินการส่งให้ลูกค้าโดยตรงในวันรุ่งขึ้น ⚠️ ก่อนแกะทุเรียน ทางสหกรณ์จะมีคำแนะนำวันที่ในการแกะที่เหมาะสม โปรดสังเกตคำแนะนำตามฉลากที่ขั้วทุเรียน หากพบปัญหาให้ถ่ายรูปพร้อมฉลาก และแจ้งตามช่องทางที่ระบุที่ฉลากบนขั้วทุเรียนเพื่อดำเนินการจัดส่ง ✅ รับเคลม โดยเป็นไปตามเงื่อนไขคำแนะนำวันที่ รวมถึงความชำรุดบกพร่องในการขนส่ง ยกเว้นกรณีลูกค้าแกะก่อนสุกโดยไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำ ⚠️โปรดอ่านเงื่อนไขการรับเคลมโดยละเอียด ( ภาพแกะเนื้อเป็นภาพตัวอย่างเนื้อ เพื่อการโฆษณา ) -------------------------------------------- -------------------------------------------- ✨ประวัติการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนป่าละอู✨ ทุเรียนป่าละอูมีความเกี่ยวข้องกับโครงการตามพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานต้นกล้าทุเรียนพันธุ์หมอนทองให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกในพื้นที่ ทุเรียนป่าละอู เริ่มมีการนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ป่าละอู ประมาณปีพ.ศ. 2527 ผู้ที่นำเข้ามาคนแรก คือนายพยุง พรายใย โดยนำพันธ์เม็ดใน ก้านยาว จากจังหวัดนนทบุรี และพันธุ์หมอนทอง จากระยอง มาทดลองปลูกจำนวน 100 ต้น ได้ผลผลิตที่ดีและแตกต่างจากต้นพันธุ์ที่นำมาจากทั้งสองจังหวัด เนื่องจากความสัมพันธ์กับพื้นที่เพาะปลูกที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ มีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำปราณบุรีไหลผ่าน สภาพพื้นดินอุดมสมบูรณ์มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี มีความชื้นสัมพันธ์สูง อุณหภูมิต่ำในเวลากลางคืน ช่วงหน้าฝนจะมีน้ำไหลบ่าลงจากยอดเขานำเอาแร่ธาตุอาหารมาเติมให้กับพื้นที่เกษตร สภาพดินเป็นดินปนทราย น้ำไม่ขังนาน เหมาะแก่การปลูกทุเรียน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ทุเรียนป่าละอูมีความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ทุเรียนลูกใหญ่กว่าที่อื่น เฉลี่ยน้ำหนักอยู่ที่ 1.5-5 กิโลกรัมต่อลูก ผลมีลักษณะเป็นวงรี ด้านใต้ผลจะแหลม ปลายหนามคม เห็นร่องพูชัดเจน โดยสีของเปลือกจะเป็นสีเขียวปนน้ำตาล ในส่วนของลักษณะเนื้อทุเรียน คือ มีรสหวาน เนื้อหนาเนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน กลิ่นไม่รุนแรง และมีรสชาติดี เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่ไม่ชอบทุเรียนที่กลิ่นแรง. ที่มาข้อมูล : กรมทรัพย์สินทางปัญญา https://www.ipthailand.go.th/images/781/s_57100062_1.pdf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 824 มุมมอง 0 รีวิว
  • สายฝนพรำๆ ลุงภพ หัวใจนักสู้
    ตั้งแผงเล่ขายทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด
    หัวใจไม่หวั่น
    ////////////////


    ปรับตัวแล้วทำให้เดินต่อได้
    พ่อค้าขายทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาล ตามตลาดนัด พบเส้นทางทำการค้าฝ่าวิกฤติยุคเศรษฐกิจ ไม่ดี
    เมื่อเวลา 10.00 นาฬิกา ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2568
    ทีมข่าวได้พูดคุยกับ
    นายเอกภพ พุ่มม่วง
    อายุ 52 ปี หรือ ลุงภพ
    อยู่บ้านเลขที่10 หมู่ที่.3 ตำบลหัวสำโร อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี พ่อค้าขายทุเรียนตามตลาดนัดและตั้งแผงลอย
    ในบริเวณริมถนนลพบุรีสิงห์บุรี
    ต้นตือใหญ่ ต.พรหมมาศ อ.เมือง จ.ลพบุรี
    ลุงภพ เปิดใจตอนหนึ่งว่า
    ขายผลไม้ตามฤดูกาล ผมขายมาหลายปีแล้วครับ
    บ้านผมอยู่ท่าวุ้งครับเป็นคนลพบุรีโดยกำเนิด

    ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ค้าขายผลไม้และทุเรียน ในช่วงนี้ขายไปเรื่อยๆ
    ตอนนี้ไม่ค่อยดีนักเศรษฐกิจมันแย่
    ทางร้านเรา ขายราคาไม่แพงก็ออกได้ตามปกติอย่าเอาแพงมากเพราะยุคเศรษฐกิจไม่ดีต้องราคาถูกลูกค้าจับต้องได้ราคาแพงประชาชนไม่มีแรง ซื้อมัน ขายไม่ออกขายไม่ได้เลย
    ไม่มีหนี้สินก็ ก็อยู่ได้สบายไม่ต้องไปเครียด คิดอย่างเดียวเอาผลไม้ที่มีคุณภาพและทุเรียนที่มีคุณภาพมาขายให้ลูกค้าขายกับพี่น้องประชาชนชาวลพบุรีได้กินของอร่อยได้กินของคุณภาพก็พอใจแล้วราคาไม่แพงจับต้องได้ราคาถูกคนลพบุรีก็ซื้อได้ราคาแพงมากไปบางครอบครัวเงินไม่ถึงเงินไม่มีพอก็ซื้อไม่ได้เช่นกัน
    ร้านลุงภพ มี ผลไม้ตามฤดูกาลมาขายอีกด้วยยกตัวอย่างเช่นเงาะโรงเรียน
    กิโลละ 35 บาท 3 กิโล 100 บาท ราคานี้ไม่แพงจับต้องได้ลองไปอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ

    ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ที่ร้านมี ทุเรียนหมอนทองจันทบุรี หวานหอม อร่อย มีทุกเนื้อให้เลือกทาน หรือซื้อยกลูกกิโลละ 150 บาทต่อกิโล
    และแบบแพ็คราคาเริ่มต้น 150 บาทขึ้นไปหรือราคา 350 บาท ตามคุณภาพ

    ร้านลุงภพผลไม้
    เป็นแผงลอยตั้งอยู่ริม
    ถนนลพบุรี-สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 311) บริเวณข้ามสะพานแม่น้ำลพบุรี หรือ คนลพบุรีเรียกว่าสะพาน 2
    วัดมณีชลขัณฑ์
    ตำบล พรหมมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
    เลยป้อมตำรวจ จะเห็นร้านเลย
    มาอุดหนุนลุงกันเยอะๆ นะครับ มีผลไม้ให้เลือกมากมายพระเอกก็คือทุเรียนราคาไม่แพงลองมาซื้อกันของลุงสดๆใหม่ๆมาจัดสวนเลยนะ
    สายฝนพรำๆ ลุงภพ หัวใจนักสู้ ตั้งแผงเล่ขายทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด หัวใจไม่หวั่น //////////////// ปรับตัวแล้วทำให้เดินต่อได้ พ่อค้าขายทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาล ตามตลาดนัด พบเส้นทางทำการค้าฝ่าวิกฤติยุคเศรษฐกิจ ไม่ดี เมื่อเวลา 10.00 นาฬิกา ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2568 ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเอกภพ พุ่มม่วง อายุ 52 ปี หรือ ลุงภพ อยู่บ้านเลขที่10 หมู่ที่.3 ตำบลหัวสำโร อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี พ่อค้าขายทุเรียนตามตลาดนัดและตั้งแผงลอย ในบริเวณริมถนนลพบุรีสิงห์บุรี ต้นตือใหญ่ ต.พรหมมาศ อ.เมือง จ.ลพบุรี ลุงภพ เปิดใจตอนหนึ่งว่า ขายผลไม้ตามฤดูกาล ผมขายมาหลายปีแล้วครับ บ้านผมอยู่ท่าวุ้งครับเป็นคนลพบุรีโดยกำเนิด ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ค้าขายผลไม้และทุเรียน ในช่วงนี้ขายไปเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่ค่อยดีนักเศรษฐกิจมันแย่ ทางร้านเรา ขายราคาไม่แพงก็ออกได้ตามปกติอย่าเอาแพงมากเพราะยุคเศรษฐกิจไม่ดีต้องราคาถูกลูกค้าจับต้องได้ราคาแพงประชาชนไม่มีแรง ซื้อมัน ขายไม่ออกขายไม่ได้เลย ไม่มีหนี้สินก็ ก็อยู่ได้สบายไม่ต้องไปเครียด คิดอย่างเดียวเอาผลไม้ที่มีคุณภาพและทุเรียนที่มีคุณภาพมาขายให้ลูกค้าขายกับพี่น้องประชาชนชาวลพบุรีได้กินของอร่อยได้กินของคุณภาพก็พอใจแล้วราคาไม่แพงจับต้องได้ราคาถูกคนลพบุรีก็ซื้อได้ราคาแพงมากไปบางครอบครัวเงินไม่ถึงเงินไม่มีพอก็ซื้อไม่ได้เช่นกัน ร้านลุงภพ มี ผลไม้ตามฤดูกาลมาขายอีกด้วยยกตัวอย่างเช่นเงาะโรงเรียน กิโลละ 35 บาท 3 กิโล 100 บาท ราคานี้ไม่แพงจับต้องได้ลองไปอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ที่ร้านมี ทุเรียนหมอนทองจันทบุรี หวานหอม อร่อย มีทุกเนื้อให้เลือกทาน หรือซื้อยกลูกกิโลละ 150 บาทต่อกิโล และแบบแพ็คราคาเริ่มต้น 150 บาทขึ้นไปหรือราคา 350 บาท ตามคุณภาพ ร้านลุงภพผลไม้ เป็นแผงลอยตั้งอยู่ริม ถนนลพบุรี-สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 311) บริเวณข้ามสะพานแม่น้ำลพบุรี หรือ คนลพบุรีเรียกว่าสะพาน 2 วัดมณีชลขัณฑ์ ตำบล พรหมมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เลยป้อมตำรวจ จะเห็นร้านเลย มาอุดหนุนลุงกันเยอะๆ นะครับ มีผลไม้ให้เลือกมากมายพระเอกก็คือทุเรียนราคาไม่แพงลองมาซื้อกันของลุงสดๆใหม่ๆมาจัดสวนเลยนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 578 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • พันธุ์เดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน!
    "ทุเรียนจีน" แพ้ "ทุเรียนไทย" กระจุย
    นักวิทย์จีนอึ้ง สารอาหารต่างกันลิบลับ
    .
    วันนี้ (22 ธ.ค.) สื่อเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ของฮ่องกงรายงานว่าจากผลการตรวจสอบสารอาหารของทุเรียนที่เพาะปลูกบนเกาะไหหลำ (มณฑลไห่หนาน) ของจีนนั้น พบว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำกว่าทุเรียนพันธุ์เดียวกันที่นำเข้าจากประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก
    .
    สำหรับการศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรก ๆ ในเรื่องนี้ นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำยกตัวอย่างว่า "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" ที่ปลูกในประเทศจีนนั้นไม่มีสารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเลย ในขณะที่ทุเรียนหมอนทองที่ปลูกในไทยอุดมด้วยสารเคอร์ซิตินจำนวนมาก
    .
    นอกจากนี้ ทุเรียนที่ปลูกบนเกาะไหหลำพันธุ์เดียวที่มีสารเคอร์ซิตินอยู่บ้างคือ "ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว" แต่สารเคอร์ซิตินที่มีนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าทุเรียนก้านยานที่ปลูกประะเทศไทยถึง 520 เท่า และต่ำกว่าพันธุ์หมอนทองของไทยถึง 540,000 เท่า !
    .
    ในส่วนของกรดแกลลิก (Gallic Acid) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็ง นักวิจัยของจีนพบว่า ไม่พบสารดังกล่าวในพันธุ์ก้านยาวที่ปลูกในจีน ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ แต่ระดับของกรดแกลลิกในพันธุ์หมอนทองนั้น “ต่ำกว่าระดับที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้มาก”
    .
    ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาคุณค่าทางอาหารของ "ทุเรียนไทย" ในปี 2551 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" มีกรดแกลลิกราว 2,072 ไมโครกรัมต่อทุเรียน 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าทุเรียนที่ปลูกในจีนซึ่งมีกรดแกลลิกเพียงแค่ 22.85 นาโนกรัม ถึง 906 เท่า
    .
    จาง จิง หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยซานย่าหนานฝานแห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำ (海南大学南繁学院) ให้เหตุผลว่า “ความแตกต่างของสภาพอากาศและปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารในดินอาจส่งผลต่อการสะสมสารอาหารในระหว่างกระบวนการเจริญเติบโตของทุเรียน โดยอาจส่งผลให้มีสารบางชนิดในปริมาณที่สูงขึ้น ในขณะที่บางชนิดอาจไม่มีเลย” เธอกล่าว
    .
    ในรายงานที่ตีพิมพ์ลงวารสารภาษาจีน Food and Fermentation Industries (食品与发酵工业) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา นักวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระหลักที่พบในทุเรียน 3 ชนิดที่ศึกษา ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง ก้านยาว และมูซังคิง ได้แก่ โพรไซยานิดิน บี 1, คาเทชิน และเคอร์ซิติน

    “ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าก้านยาวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองที่แข็งแกร่งที่สุด (จากทั้งสามชนิด)” นักวิจัยจีนระบุ
    .
    ปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนมากที่สุดในโลก โดยจีนนำเข้าทุเรียนมากถึง 95% ของทั่วโลก โดยต่อมาในปี 2561 จีนได้ดำเนินการเริ่มปลูกทุเรียนเชิงพาณิชย์ที่เกาะไหหลำ ซึ่งเป็พื้นที่เพียงแห่งเดียวที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการปลูกผลไม้เขตร้อนชนิดนี้
    .
    จริง ๆ แล้ว จีนเริ่มมีการเพาะพันธุ์ทุเรียนอย่างจริงจังที่มณฑลไห่หนาน หรือ เกาะไหหลำเมื่อประมาณ 60 กว่าปีที่แล้ว คือในปี 2501 โดยมีการนำต้นกล้าทุเรียนจากประเทศมาเลเซียเข้ามาปลูกบนเกาะ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการปลูก และการคัดเลือกสายพันธุ์ทุเรียนในสมัยนั้นยังมีข้อจำกัด จึงมีต้นทุเรียนเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้ จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้หลังจากใช้ความพยายามมานานกว่า 60 ปี นักวิทยาศาสตร์และเกษตรกรของจีนได้ทำการผสมเกสรเทียม ปรับปรุงพันธุ์ และใช้เทคโนโลยีการเกษตรในการปลูกทุเรียนจนประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้ เกาะไหหลำมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 10,000 ไร่ ให้ผลผลิตทุเรียนมากถึง 40,000 ตันต่อปี แต่ว่าก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการนำเข้าทุเรียนของจีนที่คิดเป็นปริมาณมากกว่า 1 ล้าน 4 แสนตันต่อปี
    .
    คลิกฟัง Podcast บูรพาไม่แพ้ Ep.96 : ไหวไหม? ทุเรียน Made in China ท้าแข่งทุเรียนไทย
    >> https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0
    .
    .
    อ้างอิง :
    • Scientists find key nutrient missing in China-grown durian
    https://www.scmp.com/news/china/science/article/3291480/scientists-find-key-nutrient-missing-china-grown-durian
    • ภาพประกอบจากwww.xinhuathai.com
    พันธุ์เดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน! "ทุเรียนจีน" แพ้ "ทุเรียนไทย" กระจุย นักวิทย์จีนอึ้ง สารอาหารต่างกันลิบลับ . วันนี้ (22 ธ.ค.) สื่อเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ของฮ่องกงรายงานว่าจากผลการตรวจสอบสารอาหารของทุเรียนที่เพาะปลูกบนเกาะไหหลำ (มณฑลไห่หนาน) ของจีนนั้น พบว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำกว่าทุเรียนพันธุ์เดียวกันที่นำเข้าจากประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก . สำหรับการศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรก ๆ ในเรื่องนี้ นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำยกตัวอย่างว่า "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" ที่ปลูกในประเทศจีนนั้นไม่มีสารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเลย ในขณะที่ทุเรียนหมอนทองที่ปลูกในไทยอุดมด้วยสารเคอร์ซิตินจำนวนมาก . นอกจากนี้ ทุเรียนที่ปลูกบนเกาะไหหลำพันธุ์เดียวที่มีสารเคอร์ซิตินอยู่บ้างคือ "ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว" แต่สารเคอร์ซิตินที่มีนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าทุเรียนก้านยานที่ปลูกประะเทศไทยถึง 520 เท่า และต่ำกว่าพันธุ์หมอนทองของไทยถึง 540,000 เท่า ! . ในส่วนของกรดแกลลิก (Gallic Acid) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็ง นักวิจัยของจีนพบว่า ไม่พบสารดังกล่าวในพันธุ์ก้านยาวที่ปลูกในจีน ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ แต่ระดับของกรดแกลลิกในพันธุ์หมอนทองนั้น “ต่ำกว่าระดับที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้มาก” . ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาคุณค่าทางอาหารของ "ทุเรียนไทย" ในปี 2551 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" มีกรดแกลลิกราว 2,072 ไมโครกรัมต่อทุเรียน 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าทุเรียนที่ปลูกในจีนซึ่งมีกรดแกลลิกเพียงแค่ 22.85 นาโนกรัม ถึง 906 เท่า . จาง จิง หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยซานย่าหนานฝานแห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำ (海南大学南繁学院) ให้เหตุผลว่า “ความแตกต่างของสภาพอากาศและปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารในดินอาจส่งผลต่อการสะสมสารอาหารในระหว่างกระบวนการเจริญเติบโตของทุเรียน โดยอาจส่งผลให้มีสารบางชนิดในปริมาณที่สูงขึ้น ในขณะที่บางชนิดอาจไม่มีเลย” เธอกล่าว . ในรายงานที่ตีพิมพ์ลงวารสารภาษาจีน Food and Fermentation Industries (食品与发酵工业) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา นักวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระหลักที่พบในทุเรียน 3 ชนิดที่ศึกษา ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง ก้านยาว และมูซังคิง ได้แก่ โพรไซยานิดิน บี 1, คาเทชิน และเคอร์ซิติน “ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าก้านยาวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองที่แข็งแกร่งที่สุด (จากทั้งสามชนิด)” นักวิจัยจีนระบุ . ปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนมากที่สุดในโลก โดยจีนนำเข้าทุเรียนมากถึง 95% ของทั่วโลก โดยต่อมาในปี 2561 จีนได้ดำเนินการเริ่มปลูกทุเรียนเชิงพาณิชย์ที่เกาะไหหลำ ซึ่งเป็พื้นที่เพียงแห่งเดียวที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการปลูกผลไม้เขตร้อนชนิดนี้ . จริง ๆ แล้ว จีนเริ่มมีการเพาะพันธุ์ทุเรียนอย่างจริงจังที่มณฑลไห่หนาน หรือ เกาะไหหลำเมื่อประมาณ 60 กว่าปีที่แล้ว คือในปี 2501 โดยมีการนำต้นกล้าทุเรียนจากประเทศมาเลเซียเข้ามาปลูกบนเกาะ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการปลูก และการคัดเลือกสายพันธุ์ทุเรียนในสมัยนั้นยังมีข้อจำกัด จึงมีต้นทุเรียนเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้ จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้หลังจากใช้ความพยายามมานานกว่า 60 ปี นักวิทยาศาสตร์และเกษตรกรของจีนได้ทำการผสมเกสรเทียม ปรับปรุงพันธุ์ และใช้เทคโนโลยีการเกษตรในการปลูกทุเรียนจนประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้ เกาะไหหลำมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 10,000 ไร่ ให้ผลผลิตทุเรียนมากถึง 40,000 ตันต่อปี แต่ว่าก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการนำเข้าทุเรียนของจีนที่คิดเป็นปริมาณมากกว่า 1 ล้าน 4 แสนตันต่อปี . คลิกฟัง Podcast บูรพาไม่แพ้ Ep.96 : ไหวไหม? ทุเรียน Made in China ท้าแข่งทุเรียนไทย >> https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0 . . อ้างอิง : • Scientists find key nutrient missing in China-grown durian https://www.scmp.com/news/china/science/article/3291480/scientists-find-key-nutrient-missing-china-grown-durian • ภาพประกอบจากwww.xinhuathai.com
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่งด่วน1วัน รีวิวเยอะสุด เกรดพรีเมี่ยม ทุเรียนหมอนทอง จันทบุรี แกะเนื้อล้วน พร้อมทาน ส่งรถเย็น
    พิกัด: https://s.shopee.co.th/3q4lnB45iK
    ❤️ส่งด่วน1วัน รีวิวเยอะสุด 🙏เกรดพรีเมี่ยม ทุเรียนหมอนทอง จันทบุรี แกะเนื้อล้วน พร้อมทาน 🚚ส่งรถเย็น พิกัด: https://s.shopee.co.th/3q4lnB45iK
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮอตพอต ซินีมา กินสุกี้ไปดูหนังไป

    ในขณะที่ประเทศไทยกำลังดรามาเรื่อง 9 จังหวัดในประเทศไทยที่ไม่มีโรงภาพยนตร์ อันเนื่องมาจากภาพยนตร์ดรามาแนว LGBTQ เรื่อง วิมาณหนาม ของค่าย GDH ว่าด้วยความรักของชายสองคนที่ถูกแย่งชิงสวนทุเรียน ซึ่งเนื้อเรื่องระบุชื่อ "สวนแม่ฮ่องสอนหมอนทองคำเสก" และใช้จังหวัดตราดสถานที่ถ่ายทำ แต่ก็โยงไปว่าทั้งสองจังหวัดไม่มีโรงภาพยนตร์แม้แต่โรงเดียว

    ที่ประเทศมาเลเซีย มีไวรัลที่โรงภาพยนตร์ดาดี้ ซินีมา (Dadi Cinema) ชั้น 5 ศูนย์การค้าพาวิเลียน เคแอล (Pavilion KL) ย่านบูกิต บินตัง (Bukit Bintang) ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มีการโพสต์ภาพเมื่อวันที่ 24 ส.ค. เป็นการเนรมิตโรงภาพยนตร์ผสมผสานกับเมนูอาหารสุกียากี้ ภายใต้ชื่อ "ฮอตพอต ซินีมา" (Hotpot Cinema) เป็นแห่งแรก ซึ่งจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้

    รูปแบบการให้บริการจะมีการเสิร์ฟสุกียากี้ที่ปรุงด้วยน้ำซุปพร้อมกับเนื้อสัตว์และผักต่างๆ ขณะชมภาพยนตร์เรื่องโปรด ซึ่งในภาพจะเป็นโรงภาพยนตร์ชั้นสตาร์พลัส แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ได้โพสต์ภาพดังกล่าวลงบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของทางโรงภาพยนตร์ ทำให้บรรดาผู้ชมภาพยนตร์ต่างตั้งตารอที่จะใช้บริการ

    อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าจะปรุงและรับประทานสุกียากี้อย่างไรภายในโรงภาพยนตร์ที่มืด อีกความเห็นหนึ่งระบุว่า ดูไม่สะดวกสบาย ถ้าในโรงภาพยนตร์มีหม้อไฟเสิร์ฟ จะทำให้มีสมาธิในการดูภาพยนตร์น้อยลง เพราะจะโฟกัสไปที่การกินมากเกินไป

    สำหรับโรงภาพยนตร์ดาดี้ ซินีมา เป็นธุรกิจในเครือดาดี้ มีเดีย กลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 มีโรงภาพยนตร์ 2,936 โรง ใน 191 แห่งทั่วประเทศจีน ก่อนที่จะขยายกิจการมายังมาเลเซียเป็นประเทศแรกเมื่อปี 2564 ปัจจุบันมี 2 สาขา ได้แก่ ศูนย์การค้าพาวิเลียน เคแอล กรุงกัวลาลัมเปอร์ และศูนย์การค้าดาเมน มอลล์ เมืองสุบังจายา รัฐสลังงอร์

    บริการ "ฮอตพอต ซินีมา" ปรากฎครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในเมืองฝัวชาน มณฑลกวางตุ้งของจีน สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานเมื่อเดือน ก.พ. 2567 ว่า ลูกค้าจะต้องจ่ายค่าบัตรชมภาพยนตร์แยกต่างหาก สนนราคาชุด 2 คน 188 หยวน (ประมาณ 900 บาท) ประกอบด้วยอาหารทะเลสด เนื้อวัว และผัก

    แต่ละโต๊ะจะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า และโคมไฟให้ผู้ชมมองเห็นอาหารและวัตถุดิบ มีหม้อขนาดเล็ก และน้ำซุปที่ใช้มีกลิ่นไม่แรง เพื่อลดผลกระทบต่อประสบการณ์การชมภาพยนตร์ อีกทั้งในโรงภาพยนตร์ยังมีจุดระบายอากาศหลายจุดเพื่อปรับคุณภาพอากาศ และมีระบบป้องกันอัคคีภัยเช่นเดียวกับภัตตาคารทั่วไป จึงไม่มีข้อกังวลด้านความปลอดภัย

    ฮอตพอต ซินีมา กลายเป็นไวรัลในจีน และกำลังจะเปิดตัวขึ้นในมาเลเซีย ส่วนประเทศไทย ปัจจุบันธุรกิจโรงภาพยนตร์ผูกขาดอยู่สองรายหลัก ได้แก่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) และ เอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น (SF) ขึ้นอยู่กับว่าจะสนใจไอเดียนี้หรือไม่ จากที่ผ่านมาได้ทดลองโมเดลธุรกิจหลายรูปแบบ เช่น โรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก โรงภาพยนตร์สำหรับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

    #Newskit #HotpotCinema #DadiCinema
    ฮอตพอต ซินีมา กินสุกี้ไปดูหนังไป ในขณะที่ประเทศไทยกำลังดรามาเรื่อง 9 จังหวัดในประเทศไทยที่ไม่มีโรงภาพยนตร์ อันเนื่องมาจากภาพยนตร์ดรามาแนว LGBTQ เรื่อง วิมาณหนาม ของค่าย GDH ว่าด้วยความรักของชายสองคนที่ถูกแย่งชิงสวนทุเรียน ซึ่งเนื้อเรื่องระบุชื่อ "สวนแม่ฮ่องสอนหมอนทองคำเสก" และใช้จังหวัดตราดสถานที่ถ่ายทำ แต่ก็โยงไปว่าทั้งสองจังหวัดไม่มีโรงภาพยนตร์แม้แต่โรงเดียว ที่ประเทศมาเลเซีย มีไวรัลที่โรงภาพยนตร์ดาดี้ ซินีมา (Dadi Cinema) ชั้น 5 ศูนย์การค้าพาวิเลียน เคแอล (Pavilion KL) ย่านบูกิต บินตัง (Bukit Bintang) ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มีการโพสต์ภาพเมื่อวันที่ 24 ส.ค. เป็นการเนรมิตโรงภาพยนตร์ผสมผสานกับเมนูอาหารสุกียากี้ ภายใต้ชื่อ "ฮอตพอต ซินีมา" (Hotpot Cinema) เป็นแห่งแรก ซึ่งจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ รูปแบบการให้บริการจะมีการเสิร์ฟสุกียากี้ที่ปรุงด้วยน้ำซุปพร้อมกับเนื้อสัตว์และผักต่างๆ ขณะชมภาพยนตร์เรื่องโปรด ซึ่งในภาพจะเป็นโรงภาพยนตร์ชั้นสตาร์พลัส แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ได้โพสต์ภาพดังกล่าวลงบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของทางโรงภาพยนตร์ ทำให้บรรดาผู้ชมภาพยนตร์ต่างตั้งตารอที่จะใช้บริการ อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าจะปรุงและรับประทานสุกียากี้อย่างไรภายในโรงภาพยนตร์ที่มืด อีกความเห็นหนึ่งระบุว่า ดูไม่สะดวกสบาย ถ้าในโรงภาพยนตร์มีหม้อไฟเสิร์ฟ จะทำให้มีสมาธิในการดูภาพยนตร์น้อยลง เพราะจะโฟกัสไปที่การกินมากเกินไป สำหรับโรงภาพยนตร์ดาดี้ ซินีมา เป็นธุรกิจในเครือดาดี้ มีเดีย กลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 มีโรงภาพยนตร์ 2,936 โรง ใน 191 แห่งทั่วประเทศจีน ก่อนที่จะขยายกิจการมายังมาเลเซียเป็นประเทศแรกเมื่อปี 2564 ปัจจุบันมี 2 สาขา ได้แก่ ศูนย์การค้าพาวิเลียน เคแอล กรุงกัวลาลัมเปอร์ และศูนย์การค้าดาเมน มอลล์ เมืองสุบังจายา รัฐสลังงอร์ บริการ "ฮอตพอต ซินีมา" ปรากฎครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในเมืองฝัวชาน มณฑลกวางตุ้งของจีน สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานเมื่อเดือน ก.พ. 2567 ว่า ลูกค้าจะต้องจ่ายค่าบัตรชมภาพยนตร์แยกต่างหาก สนนราคาชุด 2 คน 188 หยวน (ประมาณ 900 บาท) ประกอบด้วยอาหารทะเลสด เนื้อวัว และผัก แต่ละโต๊ะจะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า และโคมไฟให้ผู้ชมมองเห็นอาหารและวัตถุดิบ มีหม้อขนาดเล็ก และน้ำซุปที่ใช้มีกลิ่นไม่แรง เพื่อลดผลกระทบต่อประสบการณ์การชมภาพยนตร์ อีกทั้งในโรงภาพยนตร์ยังมีจุดระบายอากาศหลายจุดเพื่อปรับคุณภาพอากาศ และมีระบบป้องกันอัคคีภัยเช่นเดียวกับภัตตาคารทั่วไป จึงไม่มีข้อกังวลด้านความปลอดภัย ฮอตพอต ซินีมา กลายเป็นไวรัลในจีน และกำลังจะเปิดตัวขึ้นในมาเลเซีย ส่วนประเทศไทย ปัจจุบันธุรกิจโรงภาพยนตร์ผูกขาดอยู่สองรายหลัก ได้แก่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) และ เอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น (SF) ขึ้นอยู่กับว่าจะสนใจไอเดียนี้หรือไม่ จากที่ผ่านมาได้ทดลองโมเดลธุรกิจหลายรูปแบบ เช่น โรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก โรงภาพยนตร์สำหรับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น #Newskit #HotpotCinema #DadiCinema
    Like
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1340 มุมมอง 0 รีวิว