• การระเบิดภูเขาไฟเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดกาฬโรคในยุโรป

    นักวิจัยพบหลักฐานใหม่ที่บ่งชี้ว่า การระเบิดภูเขาไฟครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1345 อาจเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดสภาวะภูมิอากาศผิดปกติ และนำไปสู่การแพร่ระบาดของ กาฬโรค (Black Death) ในยุโรปช่วงกลางศตวรรษที่ 14

    การศึกษาจากนักประวัติศาสตร์และนักธรณีวิทยาได้ใช้ข้อมูลจาก แกนน้ำแข็งในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา รวมถึง วงปีของต้นไม้ในยุโรป พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของก๊าซซัลเฟอร์อย่างผิดปกติในชั้นบรรยากาศราวปี 1345 ซึ่งเป็นสัญญาณของการระเบิดภูเขาไฟครั้งใหญ่ ผลที่ตามมาคือฤดูร้อนที่หนาวเย็นและฝนตกหนักต่อเนื่องหลายปี ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรล้มเหลวและเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร

    ในช่วงเวลาเดียวกัน เมืองท่าของอิตาลี เช่น เวนิส เจนัว และปิซา ต้องนำเข้าธัญพืชจากดินแดนของ Golden Horde บริเวณทะเลดำ การขนส่งธัญพืชเหล่านี้กลายเป็นเส้นทางที่แบคทีเรีย Yersinia pestis ซึ่งอาศัยอยู่ในหมัดที่ติดมากับสินค้า แพร่เข้าสู่ยุโรปและก่อให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การระเบิดภูเขาไฟครั้งนี้ไม่ได้เพียงสร้างความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าและการเคลื่อนย้ายสินค้า ซึ่งกลายเป็นตัวเร่งให้เชื้อโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “พายุสมบูรณ์แบบ” ที่รวมปัจจัยภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และสังคมเข้าด้วยกันจนเกิดวิกฤติครั้งใหญ่

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    หลักฐานการระเบิดภูเขาไฟปี 1345
    พบซัลเฟอร์สูงผิดปกติในแกนน้ำแข็ง
    วงปีต้นไม้บ่งชี้ฤดูร้อนหนาวเย็นต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อยุโรป
    เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและราคาธัญพืชพุ่งสูง
    เมืองท่าอิตาลีต้องนำเข้าธัญพืชจาก Golden Horde

    การแพร่ระบาดของกาฬโรค
    หมัดที่ติดมากับธัญพืชนำเชื้อ Yersinia pestis เข้าสู่ยุโรป
    การค้าทางทะเลเป็นเส้นทางหลักของการแพร่เชื้อ

    ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
    ภาวะอากาศผิดปกติสามารถกระทบต่อระบบอาหารโลก
    การเปลี่ยนเส้นทางการค้าอาจเพิ่มโอกาสแพร่โรคใหม่ในอนาคต

    บทเรียนจากอดีต
    วิกฤติสิ่งแวดล้อมสามารถเชื่อมโยงกับโรคระบาดใหญ่
    การเฝ้าระวังและเตรียมรับมือเป็นสิ่งจำเป็นต่อความมั่นคงของมนุษย์

    https://www.sciencealert.com/black-deaths-carnage-traced-to-a-volcanic-eruption-half-a-world-away
    🌋 การระเบิดภูเขาไฟเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดกาฬโรคในยุโรป นักวิจัยพบหลักฐานใหม่ที่บ่งชี้ว่า การระเบิดภูเขาไฟครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1345 อาจเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดสภาวะภูมิอากาศผิดปกติ และนำไปสู่การแพร่ระบาดของ กาฬโรค (Black Death) ในยุโรปช่วงกลางศตวรรษที่ 14 การศึกษาจากนักประวัติศาสตร์และนักธรณีวิทยาได้ใช้ข้อมูลจาก แกนน้ำแข็งในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา รวมถึง วงปีของต้นไม้ในยุโรป พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของก๊าซซัลเฟอร์อย่างผิดปกติในชั้นบรรยากาศราวปี 1345 ซึ่งเป็นสัญญาณของการระเบิดภูเขาไฟครั้งใหญ่ ผลที่ตามมาคือฤดูร้อนที่หนาวเย็นและฝนตกหนักต่อเนื่องหลายปี ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรล้มเหลวและเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ในช่วงเวลาเดียวกัน เมืองท่าของอิตาลี เช่น เวนิส เจนัว และปิซา ต้องนำเข้าธัญพืชจากดินแดนของ Golden Horde บริเวณทะเลดำ การขนส่งธัญพืชเหล่านี้กลายเป็นเส้นทางที่แบคทีเรีย Yersinia pestis ซึ่งอาศัยอยู่ในหมัดที่ติดมากับสินค้า แพร่เข้าสู่ยุโรปและก่อให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ สิ่งที่น่าสนใจคือ การระเบิดภูเขาไฟครั้งนี้ไม่ได้เพียงสร้างความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าและการเคลื่อนย้ายสินค้า ซึ่งกลายเป็นตัวเร่งให้เชื้อโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “พายุสมบูรณ์แบบ” ที่รวมปัจจัยภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และสังคมเข้าด้วยกันจนเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ หลักฐานการระเบิดภูเขาไฟปี 1345 ➡️ พบซัลเฟอร์สูงผิดปกติในแกนน้ำแข็ง ➡️ วงปีต้นไม้บ่งชี้ฤดูร้อนหนาวเย็นต่อเนื่อง ✅ ผลกระทบต่อยุโรป ➡️ เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและราคาธัญพืชพุ่งสูง ➡️ เมืองท่าอิตาลีต้องนำเข้าธัญพืชจาก Golden Horde ✅ การแพร่ระบาดของกาฬโรค ➡️ หมัดที่ติดมากับธัญพืชนำเชื้อ Yersinia pestis เข้าสู่ยุโรป ➡️ การค้าทางทะเลเป็นเส้นทางหลักของการแพร่เชื้อ ‼️ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ⛔ ภาวะอากาศผิดปกติสามารถกระทบต่อระบบอาหารโลก ⛔ การเปลี่ยนเส้นทางการค้าอาจเพิ่มโอกาสแพร่โรคใหม่ในอนาคต ‼️ บทเรียนจากอดีต ⛔ วิกฤติสิ่งแวดล้อมสามารถเชื่อมโยงกับโรคระบาดใหญ่ ⛔ การเฝ้าระวังและเตรียมรับมือเป็นสิ่งจำเป็นต่อความมั่นคงของมนุษย์ https://www.sciencealert.com/black-deaths-carnage-traced-to-a-volcanic-eruption-half-a-world-away
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Black Death's Carnage Traced to a Volcanic Eruption Half a World Away
    A major volcanic cataclysm may have been ultimately responsible for the spread of the Black Death across Europe in the 1340s.
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    คดีแห่งแสง: ศึกเทพ-มารที่กระทบมนุษย์

    โลกที่แสงและความมืดปะทะกัน

    ในยามที่มนุษย์คิดว่าตนเองก้าวเข้าสู่ยุคทองของเทคโนโลยี ความขัดแย้งอันเป็นนิรันดร์ระหว่าง "เทพแห่งแสง" และ "มารแห่งความมืด" กำลังถึงจุดวิกฤติ ผลพวงของสงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทบโลกมนุษย์อย่างจับต้องได้

    ```mermaid
    graph TB
    A[สงครามเทพ-มาร<br>ขยายสู่โลกมนุษย์] --> B[มนุษย์เริ่ม<br>แสดงอาการผิดปกติ]
    B --> C[ผู้ที่สัมผัสแสงมาก<br>เกินไปกลายเป็นสุดโต่ง]
    B --> D[ผู้ที่อยู่ในความมืด<br>นานเกินสูญเสีย]
    C --> E[มนุษย์แสง: พัฒนาพลัง<br>แต่สูญเสียความเห็นอกเห็นใจ]
    D --> F[มนุษย์มืด: แข็งแกร่ง<br>แต่โหดร้าย]
    E --> G[สงครามกลางเมือง<br>ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน]
    F --> G
    ```

    เคสปริศนาที่ปรากฏ

    กรณีผู้หายตัวไปสามประเภท

    1. ผู้ศรัทธาสุดโต่ง - หายไปพร้อมกับแสงจ้าปริศนา
    2. ผู้สิ้นหวังเรื้อรัง - หายไปในความมืดมิด
    3. คนกลางทั่วไป - เริ่มแสดงพลังประหลาดโดยไม่รู้ตัว

    ลักษณะคดีที่น่าสงสัย

    ```python
    class StrangeCases:
    def __init__(self):
    self.light_abductions = {
    "สถานที่": "แหล่งเทคโนโลยีสูง, วัด, ห้องสมุด",
    "เวลา": "เที่ยงวันพอดี",
    "พยาน": "รายงานเห็นแสงสีขาวจ้า",
    "หลักฐาน": "เหลือแต่เสื้อผ้าไร้ร่องรอยการต่อสู้"
    }

    self.dark_abductions = {
    "สถานที่": "โรงงานร้าง, ซอยมืด, ท้องถนนยามดึก",
    "เวลา": "เที่ยงคืนตรง",
    "พยาน": "รู้สึกหนาวเหน็บและได้ยินเสียงกระซิบ",
    "หลักฐาน": "รอยเท้าที่หายไปกลางอากาศ"
    }

    self.awakenings = {
    "อาการ": "ควบคุมแสง/ความมืดได้โดยไม่รู้ตัว",
    "ผลกระทบ": "สร้างความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ",
    "จิตใต้สำนึก: "สับสนระหว่างความเป็นมนุษย์และพลังเหนือธรรมชาติ"
    }ล
    ```

    การค้นพบความจริงที่น่าตกใจ

    การสืบสวนของหนูดี

    หนูดีได้รับมอบหมายคดีจากหน่วยงานพิเศษ หลังพบว่า โอปปาติกะหลายคนเริ่มเลือกข้าง ในสงครามนี้โดยไม่รู้ตัว

    ธรรมบาลเทพ ปรากฏตัวพร้อมคำเตือน:
    "หนูดี... นี่ไม่ใช่สงครามที่เจ้าคิด
    นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจักรวาล
    และมนุษย์กำลังจะกลายเป็นเหยื่อและนักรบไปพร้อมกัน"

    สมดุลที่แตกสลาย

    ```mermaid
    graph LR
    A[สมดุลเดิม<br>เทพ-มาร-มนุษย์] --> B[มนุษย์พัฒนา<br>เทคโนโลยีและจิตวิญญาณ]
    B --> C[เทพแห่งแสง<br>ต้องการมนุษย์เป็นทหาร]
    B --> D[มารแห่งความมืด<br>ต้องการมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง]
    C --> E[สมดุลพังทลาย<br>มนุษย์ตกอยู่กลางศึก]
    D --> E
    ```

    ความลับที่ถูกเปิดเผย

    ที่มาที่แท้จริงของมนุษย์

    ธรรมบาลเทพเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ:

    "มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้...
    พวกเจ้าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เทพและมารร่วมกันสร้าง
    เพื่อพิสูจน์ว่าแสงหรือความมืดมีคุณค่ากว่ากัน"

    "และตอนนี้... เวลาสำหรับการตัดสินได้มาถึงแล้ว
    มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด
    หรือจะพยายามรักษาสมดุลแบบที่เป็นอยู่"

    บทบาทของโอปปาติกะ

    หนูดีค้นพบว่า:

    · โอปปาติกะคือ มนุษย์รุ่นดัดแปลงพิเศษ
    · ถูกสร้างมาให้เป็น ตัวกลางระหว่างสามฝ่าย
    · แต่หลายคนเริ่ม เอียงข้าง เนื่องจากพลังที่ได้รับ

    ```python
    class OpapatikaRevelation:
    def __init__(self):
    self.true_origin = {
    "วัตถุประสงค์เดิม": "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทพ-มาร-มนุษย์",
    "ความสามารถพิเศษ": "เข้าใจและสื่อสารกับทั้งสามฝ่ายได้",
    "พันธสัญญา": "ต้องรักษาความเป็นกลางเพื่อความสมดุล",
    "ภัยคุกคาม": "พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ยากต่อการควบคุมตนเอง"
    }

    self.current_crisis = {
    "ฝ่ายแสง": "โอปปาติกะบางคนถูกเทพแห่งแสงชักจูง",
    "ฝ่ายมืด": "โอปปาติกะบางคนถูกมารแห่งความมืดครอบงำ",
    "ฝ่ายกลาง": "เหลือน้อยลงทุกทีและกำลังถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย",
    "หนูดี": "ถูกทั้งสองฝ่ายจับตามองเพราะพลังบริสุทธิ์ที่ยังไม่เลือกข้าง"
    }
    ```

    การเผชิญหน้าครั้งใหม่

    การปรากฏตัวของเทพแห่งแสง

    สุริยเทพ ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มหนูดี:
    "โอปปาติกะผู้ยิ่งใหญ่... มาร่วมมือกับเรา
    มนุษย์ควรก้าวสู่ความสว่างไสวอย่างสมบูรณ์
    เราจะลบล้างความมืดและความไม่สมบูรณ์ทั้งหมด
    สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน"

    การปรากฏตัวของมารแห่งความมืด

    ราตรีมาร ปรากฏจากเงามืด:
    "อย่าเชื่อคำสัญญาโกหกของแสง...
    ในความมืดมีอิสระที่แท้จริง
    มนุษย์ควรปลดปล่อยตนเองจากพันธะกรรม
    ยอมรับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่แสงสว่างเสมอไป"

    ทางเลือกที่สาม

    หนูดีเริ่มเข้าใจบทเรียนจากพ่อที่ลึกซึ้งขึ้น:
    "พ่อเคยบอกว่า... ความจริงมักไม่ใช่สีขาวหรือดำ
    แต่คือเฉดสีเทาที่ต้องเข้าใจด้วยหัวใจ"

    ยุทธศาสตร์ใหม่

    การค้นพบจุดอ่อนของสงคราม

    หนูดีวิเคราะห์ว่า:

    1. เทพแห่งแสง ต้องการศรัทธาและความเชื่ออย่างblind
    2. มารแห่งความมืด ต้องการความสิ้นหวังและความกลัว
    3. มนุษย์มีสิ่งที่ทั้งสองขาด - อิสระในการเลือก

    ยุทธวิธี "ความเป็นมนุษย์"

    หนูดีพัฒนายุทธศาสตร์ที่ไม่พึ่งพาพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว:

    ```python
    class HumanStrategy:
    def __init__(self):
    self.weapons = {
    "การตั้งคำถาม": "ทำให้ทั้งเทพและมารอ่อนแอเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคย",
    "อารมณ์ที่ซับซ้อน": "ความรักที่ทั้งแสงและความมืดเข้าใจไม่หมด",
    "ความคิดสร้างสรรค์": "สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีในแผนการของเทพหรือมาร",
    "ความไม่แน่นอน": "มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่ติดตรึงแบบพลังเหนือธรรมชาติ"
    }

    self.allies = [
    "โอปปาติกะที่ยังเป็นกลาง",
    "มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ยอมถูกควบคุม",
    "สิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับผลกระทบ",
    "เทพ/มารบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถาม"
    ]
    ```

    การปฏิบัติการพิเศษ

    ปฏิบัติการ "แสงเทียนในความมืด"

    หนูดีและทีมเริ่มปฏิบัติการเพื่อ:

    1. ช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง
    2. เปิดโปงแผนการของทั้งสองฝ่าย
    3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่ต้องการเป็นกลาง
    4. ค้นหาวิธียุติสงครามโดยไม่ทำลายสมดุล

    การสร้างพันธมิตรที่คาดไม่ถึง

    ในระหว่างปฏิบัติการ หนูดีพบว่า:

    · มีเทพบางองค์ ที่เห็นว่าการบังคับมนุษย์เป็นสิ่งผิด
    · มีมารบางตน ที่เชื่อในอิสระของการเลือกของมนุษย์
    · มนุษย์ธรรมดาหลายคน พร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาตนเอง

    จุดแตกหัก

    การพิพากษาครั้งใหญ่

    เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืดประกาศว่า:
    "ในคืนจันทรคราสที่จะมาถึง...
    มนุษย์ทุกคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด
    ผู้ที่ยังคงเป็นกลางจะถูกกำจัดทั้งสองฝ่าย"

    คำประกาศของหนูดี

    หนูดีปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองฝ่ายพร้อมคำประกาศ:

    "พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า...
    มนุษย์คือผลงานที่ท่านร่วมกันสร้าง
    การบังคับให้เราเลือกข้าง
    คือการปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ของท่านเอง

    และเราขอประกาศว่า...
    มนุษย์จะเลือกทางที่สาม
    ทางของเราเอง

    เราจะไม่เป็นทาสของแสง
    และจะไม่เป็นเชื้อเพลิงของความมืด
    เราจะเป็น... มนุษย์อย่างสมบูรณ์"

    การต่อสู้ครั้งสำคัญ

    ศึกสามฝ่ายที่จุดสมดุล

    หนูดีนำทั้ง มนุษย์ โอปปาติกะ เทพและมารที่เป็นกลาง ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิในการกำหนดชะตากรรม

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดีและฝ่ายกลาง] --> B[ต่อสู้เพื่อสิทธิ<br>ในการกำหนดชะตากรรม]
    C[เทพแห่งแสง] --> D[ต้องการควบคุม<br>มนุษย์เพื่อ'ความสมบูรณ์แบบ']
    E[มารแห่งความมืด] --> F[ต้องการมนุษย์<br>เป็นแหล่งพลังงาน]
    D --> G[ศึกตัดสินที่<br>จุดสมดุลแห่งจักรวาล]
    F --> G
    B --> G
    ```

    พลังใหม่ที่กำเนิดขึ้น

    ในยามคับขัน หนูดีค้นพบว่า:
    "พลังที่แท้จริงของโอปปาติกะ...
    ไม่ใช่การควบคุมแสงหรือความมืด
    แต่คือการเข้าใจว่าทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
    และมนุษย์คือผู้ที่สามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันได้"

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    โลกใหม่ที่เกิดจากทางเลือก

    หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน:

    1. เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืด ยอมรับสิทธิของมนุษย์
    2. สนธิสัญญาใหม่ ถูกเซ็น - มนุษย์มีสิทธิกำหนดวิถีตนเอง
    3. โอปปาติกะ กลายเป็นผู้รักษาสมดุลอย่างเป็นทางการ
    4. มนุษย์เรียนรู้ ที่จะใช้ทั้งแสงและความมืดอย่างชาญฉลาด

    พันธสัญญาสามฝ่าย

    ```python
    class NewCovenant:
    def __init__(self):
    self.agreements = {
    "เทพแห่งแสง": [
    "เคารพการเลือกของมนุษย์",
    "ให้ความรู้แต่ไม่บังคับ",
    "ยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์คือความงามอย่างหนึ่ง"
    ],
    "มารแห่งความมืด": [
    "ไม่ใช้มนุษย์เป็นทรัพยากร",
    "เคารพอิสระในการเลือก",
    "ยอมรับว่าความมืดไม่ใช่ทางออกเดียว"
    ],
    "มนุษย์": [
    "รับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง",
    "ไม่ใช้พลังในทางที่ทำลายสมดุล",
    "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกต่างๆ"
    ]
    }

    self.guardians = [
    "โอปปาติกะเป็นผู้ดูแลสนธิสัญญา",
    "หนูดีเป็นประธานคณะกรรมการสมดุล",
    "มนุษย์เทพและมนุษย์มารร่วมทำงานกัน"
    ]
    ```

    คำสอนใหม่ของหนูดี

    การเติบโตอีกขั้น

    หนูดีเรียนรู้ว่า:

    "การเป็นโอปปาติกะไม่ใช่การควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ...
    แต่คือการเข้าใจว่าพลังทุกชนิดมีที่มาและจุดหมาย

    และการเป็นมนุษย์ที่แท้...
    คือการมีอิสระที่จะเลือก
    พร้อมกับความรับผิดชอบต่อการเลือกนั้น"

    คำคมสรุปคดี

    "ในสงครามระหว่างแสงและความมืด...
    มนุษย์ค้นพบว่าเรามีทั้งสองอย่างในตนเอง

    และทางออกไม่ใช่การเลือกข้าง...
    แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคู่
    ในเวลาที่เหมาะสม

    เพราะมนุษย์ที่สมบูรณ์...
    คือผู้ที่เข้าใจว่าแสงส่องสว่างเมื่อจำเป็น
    และความมืดให้ความสงบเมื่อต้องการ

    และนี่คือบทเรียนที่เทพและมาร...
    ต้องเรียนรู้จากลูกหลานของพวกเขาเอง"

    ---

    บทส่งท้าย:
    สงครามแห่งแสงจบลง แต่การเดินทางของมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น
    หนูดีและโอปปาติกะกลายเป็นผู้พิทักษ์สมดุลใหม่
    ในโลกที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังที่ได้รับมาอย่างรับผิดชอบ

    และบางที... นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่
    ที่เทพ มาร และมนุษย์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน
    ไม่ใช่ผ่านการทำสงคราม
    แต่ผ่านการเข้าใจในความแตกต่าง
    O.P.K. 🔥 คดีแห่งแสง: ศึกเทพ-มารที่กระทบมนุษย์ 🌌 โลกที่แสงและความมืดปะทะกัน ในยามที่มนุษย์คิดว่าตนเองก้าวเข้าสู่ยุคทองของเทคโนโลยี ความขัดแย้งอันเป็นนิรันดร์ระหว่าง "เทพแห่งแสง" และ "มารแห่งความมืด" กำลังถึงจุดวิกฤติ ผลพวงของสงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทบโลกมนุษย์อย่างจับต้องได้ ```mermaid graph TB A[สงครามเทพ-มาร<br>ขยายสู่โลกมนุษย์] --> B[มนุษย์เริ่ม<br>แสดงอาการผิดปกติ] B --> C[ผู้ที่สัมผัสแสงมาก<br>เกินไปกลายเป็นสุดโต่ง] B --> D[ผู้ที่อยู่ในความมืด<br>นานเกินสูญเสีย] C --> E[มนุษย์แสง: พัฒนาพลัง<br>แต่สูญเสียความเห็นอกเห็นใจ] D --> F[มนุษย์มืด: แข็งแกร่ง<br>แต่โหดร้าย] E --> G[สงครามกลางเมือง<br>ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน] F --> G ``` 🚨 เคสปริศนาที่ปรากฏ 👥 กรณีผู้หายตัวไปสามประเภท 1. ผู้ศรัทธาสุดโต่ง - หายไปพร้อมกับแสงจ้าปริศนา 2. ผู้สิ้นหวังเรื้อรัง - หายไปในความมืดมิด 3. คนกลางทั่วไป - เริ่มแสดงพลังประหลาดโดยไม่รู้ตัว 🔍 ลักษณะคดีที่น่าสงสัย ```python class StrangeCases: def __init__(self): self.light_abductions = { "สถานที่": "แหล่งเทคโนโลยีสูง, วัด, ห้องสมุด", "เวลา": "เที่ยงวันพอดี", "พยาน": "รายงานเห็นแสงสีขาวจ้า", "หลักฐาน": "เหลือแต่เสื้อผ้าไร้ร่องรอยการต่อสู้" } self.dark_abductions = { "สถานที่": "โรงงานร้าง, ซอยมืด, ท้องถนนยามดึก", "เวลา": "เที่ยงคืนตรง", "พยาน": "รู้สึกหนาวเหน็บและได้ยินเสียงกระซิบ", "หลักฐาน": "รอยเท้าที่หายไปกลางอากาศ" } self.awakenings = { "อาการ": "ควบคุมแสง/ความมืดได้โดยไม่รู้ตัว", "ผลกระทบ": "สร้างความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ", "จิตใต้สำนึก: "สับสนระหว่างความเป็นมนุษย์และพลังเหนือธรรมชาติ" }ล ``` 🌓 การค้นพบความจริงที่น่าตกใจ 🕵️ การสืบสวนของหนูดี หนูดีได้รับมอบหมายคดีจากหน่วยงานพิเศษ หลังพบว่า โอปปาติกะหลายคนเริ่มเลือกข้าง ในสงครามนี้โดยไม่รู้ตัว ธรรมบาลเทพ ปรากฏตัวพร้อมคำเตือน: "หนูดี... นี่ไม่ใช่สงครามที่เจ้าคิด นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจักรวาล และมนุษย์กำลังจะกลายเป็นเหยื่อและนักรบไปพร้อมกัน" ⚖️ สมดุลที่แตกสลาย ```mermaid graph LR A[สมดุลเดิม<br>เทพ-มาร-มนุษย์] --> B[มนุษย์พัฒนา<br>เทคโนโลยีและจิตวิญญาณ] B --> C[เทพแห่งแสง<br>ต้องการมนุษย์เป็นทหาร] B --> D[มารแห่งความมืด<br>ต้องการมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง] C --> E[สมดุลพังทลาย<br>มนุษย์ตกอยู่กลางศึก] D --> E ``` 👁️ ความลับที่ถูกเปิดเผย 🧬 ที่มาที่แท้จริงของมนุษย์ ธรรมบาลเทพเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ: "มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้... พวกเจ้าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เทพและมารร่วมกันสร้าง เพื่อพิสูจน์ว่าแสงหรือความมืดมีคุณค่ากว่ากัน" "และตอนนี้... เวลาสำหรับการตัดสินได้มาถึงแล้ว มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด หรือจะพยายามรักษาสมดุลแบบที่เป็นอยู่" 💔 บทบาทของโอปปาติกะ หนูดีค้นพบว่า: · โอปปาติกะคือ มนุษย์รุ่นดัดแปลงพิเศษ · ถูกสร้างมาให้เป็น ตัวกลางระหว่างสามฝ่าย · แต่หลายคนเริ่ม เอียงข้าง เนื่องจากพลังที่ได้รับ ```python class OpapatikaRevelation: def __init__(self): self.true_origin = { "วัตถุประสงค์เดิม": "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทพ-มาร-มนุษย์", "ความสามารถพิเศษ": "เข้าใจและสื่อสารกับทั้งสามฝ่ายได้", "พันธสัญญา": "ต้องรักษาความเป็นกลางเพื่อความสมดุล", "ภัยคุกคาม": "พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ยากต่อการควบคุมตนเอง" } self.current_crisis = { "ฝ่ายแสง": "โอปปาติกะบางคนถูกเทพแห่งแสงชักจูง", "ฝ่ายมืด": "โอปปาติกะบางคนถูกมารแห่งความมืดครอบงำ", "ฝ่ายกลาง": "เหลือน้อยลงทุกทีและกำลังถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย", "หนูดี": "ถูกทั้งสองฝ่ายจับตามองเพราะพลังบริสุทธิ์ที่ยังไม่เลือกข้าง" } ``` ⚡ การเผชิญหน้าครั้งใหม่ 🌟 การปรากฏตัวของเทพแห่งแสง สุริยเทพ ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มหนูดี: "โอปปาติกะผู้ยิ่งใหญ่... มาร่วมมือกับเรา มนุษย์ควรก้าวสู่ความสว่างไสวอย่างสมบูรณ์ เราจะลบล้างความมืดและความไม่สมบูรณ์ทั้งหมด สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน" 🌑 การปรากฏตัวของมารแห่งความมืด ราตรีมาร ปรากฏจากเงามืด: "อย่าเชื่อคำสัญญาโกหกของแสง... ในความมืดมีอิสระที่แท้จริง มนุษย์ควรปลดปล่อยตนเองจากพันธะกรรม ยอมรับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่แสงสว่างเสมอไป" 🕊️ ทางเลือกที่สาม หนูดีเริ่มเข้าใจบทเรียนจากพ่อที่ลึกซึ้งขึ้น: "พ่อเคยบอกว่า... ความจริงมักไม่ใช่สีขาวหรือดำ แต่คือเฉดสีเทาที่ต้องเข้าใจด้วยหัวใจ" 🛡️ ยุทธศาสตร์ใหม่ 🔮 การค้นพบจุดอ่อนของสงคราม หนูดีวิเคราะห์ว่า: 1. เทพแห่งแสง ต้องการศรัทธาและความเชื่ออย่างblind 2. มารแห่งความมืด ต้องการความสิ้นหวังและความกลัว 3. มนุษย์มีสิ่งที่ทั้งสองขาด - อิสระในการเลือก 💡 ยุทธวิธี "ความเป็นมนุษย์" หนูดีพัฒนายุทธศาสตร์ที่ไม่พึ่งพาพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว: ```python class HumanStrategy: def __init__(self): self.weapons = { "การตั้งคำถาม": "ทำให้ทั้งเทพและมารอ่อนแอเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคย", "อารมณ์ที่ซับซ้อน": "ความรักที่ทั้งแสงและความมืดเข้าใจไม่หมด", "ความคิดสร้างสรรค์": "สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีในแผนการของเทพหรือมาร", "ความไม่แน่นอน": "มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่ติดตรึงแบบพลังเหนือธรรมชาติ" } self.allies = [ "โอปปาติกะที่ยังเป็นกลาง", "มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ยอมถูกควบคุม", "สิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับผลกระทบ", "เทพ/มารบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถาม" ] ``` 🌈 การปฏิบัติการพิเศษ 🎯 ปฏิบัติการ "แสงเทียนในความมืด" หนูดีและทีมเริ่มปฏิบัติการเพื่อ: 1. ช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง 2. เปิดโปงแผนการของทั้งสองฝ่าย 3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่ต้องการเป็นกลาง 4. ค้นหาวิธียุติสงครามโดยไม่ทำลายสมดุล 🤝 การสร้างพันธมิตรที่คาดไม่ถึง ในระหว่างปฏิบัติการ หนูดีพบว่า: · มีเทพบางองค์ ที่เห็นว่าการบังคับมนุษย์เป็นสิ่งผิด · มีมารบางตน ที่เชื่อในอิสระของการเลือกของมนุษย์ · มนุษย์ธรรมดาหลายคน พร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาตนเอง 💥 จุดแตกหัก ⚖️ การพิพากษาครั้งใหญ่ เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืดประกาศว่า: "ในคืนจันทรคราสที่จะมาถึง... มนุษย์ทุกคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด ผู้ที่ยังคงเป็นกลางจะถูกกำจัดทั้งสองฝ่าย" 🛡️ คำประกาศของหนูดี หนูดีปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองฝ่ายพร้อมคำประกาศ: "พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า... มนุษย์คือผลงานที่ท่านร่วมกันสร้าง การบังคับให้เราเลือกข้าง คือการปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ของท่านเอง และเราขอประกาศว่า... มนุษย์จะเลือกทางที่สาม ทางของเราเอง เราจะไม่เป็นทาสของแสง และจะไม่เป็นเชื้อเพลิงของความมืด เราจะเป็น... มนุษย์อย่างสมบูรณ์" 🌟 การต่อสู้ครั้งสำคัญ 🔥 ศึกสามฝ่ายที่จุดสมดุล หนูดีนำทั้ง มนุษย์ โอปปาติกะ เทพและมารที่เป็นกลาง ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิในการกำหนดชะตากรรม ```mermaid graph TB A[หนูดีและฝ่ายกลาง] --> B[ต่อสู้เพื่อสิทธิ<br>ในการกำหนดชะตากรรม] C[เทพแห่งแสง] --> D[ต้องการควบคุม<br>มนุษย์เพื่อ'ความสมบูรณ์แบบ'] E[มารแห่งความมืด] --> F[ต้องการมนุษย์<br>เป็นแหล่งพลังงาน] D --> G[ศึกตัดสินที่<br>จุดสมดุลแห่งจักรวาล] F --> G B --> G ``` ✨ พลังใหม่ที่กำเนิดขึ้น ในยามคับขัน หนูดีค้นพบว่า: "พลังที่แท้จริงของโอปปาติกะ... ไม่ใช่การควบคุมแสงหรือความมืด แต่คือการเข้าใจว่าทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และมนุษย์คือผู้ที่สามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันได้" 🕊️ บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 🌍 โลกใหม่ที่เกิดจากทางเลือก หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน: 1. เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืด ยอมรับสิทธิของมนุษย์ 2. สนธิสัญญาใหม่ ถูกเซ็น - มนุษย์มีสิทธิกำหนดวิถีตนเอง 3. โอปปาติกะ กลายเป็นผู้รักษาสมดุลอย่างเป็นทางการ 4. มนุษย์เรียนรู้ ที่จะใช้ทั้งแสงและความมืดอย่างชาญฉลาด 📜 พันธสัญญาสามฝ่าย ```python class NewCovenant: def __init__(self): self.agreements = { "เทพแห่งแสง": [ "เคารพการเลือกของมนุษย์", "ให้ความรู้แต่ไม่บังคับ", "ยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์คือความงามอย่างหนึ่ง" ], "มารแห่งความมืด": [ "ไม่ใช้มนุษย์เป็นทรัพยากร", "เคารพอิสระในการเลือก", "ยอมรับว่าความมืดไม่ใช่ทางออกเดียว" ], "มนุษย์": [ "รับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง", "ไม่ใช้พลังในทางที่ทำลายสมดุล", "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกต่างๆ" ] } self.guardians = [ "โอปปาติกะเป็นผู้ดูแลสนธิสัญญา", "หนูดีเป็นประธานคณะกรรมการสมดุล", "มนุษย์เทพและมนุษย์มารร่วมทำงานกัน" ] ``` 💫 คำสอนใหม่ของหนูดี 🌱 การเติบโตอีกขั้น หนูดีเรียนรู้ว่า: "การเป็นโอปปาติกะไม่ใช่การควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ... แต่คือการเข้าใจว่าพลังทุกชนิดมีที่มาและจุดหมาย และการเป็นมนุษย์ที่แท้... คือการมีอิสระที่จะเลือก พร้อมกับความรับผิดชอบต่อการเลือกนั้น" 🕯️ คำคมสรุปคดี "ในสงครามระหว่างแสงและความมืด... มนุษย์ค้นพบว่าเรามีทั้งสองอย่างในตนเอง และทางออกไม่ใช่การเลือกข้าง... แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคู่ ในเวลาที่เหมาะสม เพราะมนุษย์ที่สมบูรณ์... คือผู้ที่เข้าใจว่าแสงส่องสว่างเมื่อจำเป็น และความมืดให้ความสงบเมื่อต้องการ และนี่คือบทเรียนที่เทพและมาร... ต้องเรียนรู้จากลูกหลานของพวกเขาเอง"✨ --- 📖 บทส่งท้าย: สงครามแห่งแสงจบลง แต่การเดินทางของมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น หนูดีและโอปปาติกะกลายเป็นผู้พิทักษ์สมดุลใหม่ ในโลกที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังที่ได้รับมาอย่างรับผิดชอบ และบางที... นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่เทพ มาร และมนุษย์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่ผ่านการทำสงคราม แต่ผ่านการเข้าใจในความแตกต่าง🌈
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • ฤดูหนาวที่ศรีราชา ไม่หนาวมาก แต่ก็มีอากาศเย็น สบายๆ
    สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    ฤดูหนาวที่ศรีราชา ไม่หนาวมาก แต่ก็มีอากาศเย็น สบายๆ สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    2 Comments 0 Shares 29 Views 0 0 Reviews
  • ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง กระแสน้ำวน AMOC: เส้นเลือดใหญ่ของภูมิอากาศโลกเริ่มล่มสลาย

    ไอซ์แลนด์ประกาศให้ความเสี่ยงการล่มสลายของกระแสน้ำวน AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติ เพราะอาจส่งผลต่อภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และความอยู่รอดของประเทศ พร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบจะกระจายไปทั่วโลก

    กระแสน้ำวน Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) ทำหน้าที่เหมือนสายพานยักษ์ที่ลำเลียงน้ำอุ่นจากเขตร้อนขึ้นเหนือ และส่งน้ำเย็นกลับลงใต้ กระบวนการนี้ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรปที่ได้อานิสงส์จากฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัดเกินไป อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดชี้ว่าการละลายของน้ำแข็งกรีนแลนด์และอาร์กติกกำลังเติมน้ำจืดมหาศาลลงมหาสมุทร ทำให้สมดุลความเค็มและความหนาแน่นของน้ำเสียไป กระแส AMOC จึงอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง

    ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง
    รัฐบาลไอซ์แลนด์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความเสี่ยงการล่มสลายของ AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศนี้จัดให้ปรากฏการณ์ภูมิอากาศเป็นภัยความมั่นคงโดยตรง เหตุผลคือหาก AMOC ล่มสลาย ไอซ์แลนด์อาจเผชิญฤดูหนาวที่หนาวจัดจนถูกล้อมด้วยน้ำแข็ง ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และอุตสาหกรรมประมงที่เป็นหัวใจเศรษฐกิจ

    ผลกระทบระดับโลก
    นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยุโรป แต่จะกระจายไปทั่วโลก เช่น ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยโลก ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวนจนเกิดภัยแล้ง ขณะที่ซีกโลกใต้เสี่ยงต่อการเร่งละลายของน้ำแข็งแอนตาร์กติก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้หลายประเทศต้องเผชิญวิกฤตอาหารและการอพยพครั้งใหญ่

    วิทยาศาสตร์และสัญญาณเตือน
    แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า AMOC จะล่มสลายเมื่อใด แต่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นภายในศตวรรษนี้ และบางการศึกษาคาดว่าอาจเร็วภายในไม่กี่ทศวรรษ การเฝ้าระวังสัญญาณ เช่น การเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำในมหาสมุทร จึงเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือวิธีเดียวที่จะชะลอความเสี่ยงนี้

    สรุปเป็นหัวข้อ
    บทบาทของ AMOC
    กระแสน้ำวนทำหน้าที่ลำเลียงน้ำอุ่นขึ้นเหนือและน้ำเย็นกลับใต้
    ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรป

    การประกาศของไอซ์แลนด์
    ยกระดับความเสี่ยง AMOC เป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ
    ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมประมง

    ผลกระทบระดับโลก
    ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้น
    ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวน

    งานวิจัยและการเฝ้าระวัง
    นักวิทยาศาสตร์คาดว่า AMOC อาจล่มสลายภายในศตวรรษนี้
    การลดก๊าซเรือนกระจกคือวิธีชะลอความเสี่ยง

    คำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์
    การล่มสลายของ AMOC อาจนำไปสู่ “ยุคน้ำแข็งสมัยใหม่” ในยุโรป
    เสี่ยงต่อภัยแล้งและวิกฤตอาหารในหลายภูมิภาค

    ความไม่แน่นอนของวิทยาศาสตร์
    ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเรื่องเวลา แต่สัญญาณอ่อนแรงปรากฏแล้ว
    การเพิกเฉยต่อความเสี่ยงอาจทำให้โลกไม่ทันรับมือ

    https://edition.cnn.com/2025/11/15/climate/iceland-warming-current-amoc-collapse-threat
    🌊 ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง กระแสน้ำวน AMOC: เส้นเลือดใหญ่ของภูมิอากาศโลกเริ่มล่มสลาย ไอซ์แลนด์ประกาศให้ความเสี่ยงการล่มสลายของกระแสน้ำวน AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติ เพราะอาจส่งผลต่อภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และความอยู่รอดของประเทศ พร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบจะกระจายไปทั่วโลก กระแสน้ำวน Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) ทำหน้าที่เหมือนสายพานยักษ์ที่ลำเลียงน้ำอุ่นจากเขตร้อนขึ้นเหนือ และส่งน้ำเย็นกลับลงใต้ กระบวนการนี้ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรปที่ได้อานิสงส์จากฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัดเกินไป อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดชี้ว่าการละลายของน้ำแข็งกรีนแลนด์และอาร์กติกกำลังเติมน้ำจืดมหาศาลลงมหาสมุทร ทำให้สมดุลความเค็มและความหนาแน่นของน้ำเสียไป กระแส AMOC จึงอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง 🇮🇸 ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง รัฐบาลไอซ์แลนด์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความเสี่ยงการล่มสลายของ AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศนี้จัดให้ปรากฏการณ์ภูมิอากาศเป็นภัยความมั่นคงโดยตรง เหตุผลคือหาก AMOC ล่มสลาย ไอซ์แลนด์อาจเผชิญฤดูหนาวที่หนาวจัดจนถูกล้อมด้วยน้ำแข็ง ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และอุตสาหกรรมประมงที่เป็นหัวใจเศรษฐกิจ 🌍 ผลกระทบระดับโลก นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยุโรป แต่จะกระจายไปทั่วโลก เช่น ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยโลก ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวนจนเกิดภัยแล้ง ขณะที่ซีกโลกใต้เสี่ยงต่อการเร่งละลายของน้ำแข็งแอนตาร์กติก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้หลายประเทศต้องเผชิญวิกฤตอาหารและการอพยพครั้งใหญ่ 🔬 วิทยาศาสตร์และสัญญาณเตือน แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า AMOC จะล่มสลายเมื่อใด แต่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นภายในศตวรรษนี้ และบางการศึกษาคาดว่าอาจเร็วภายในไม่กี่ทศวรรษ การเฝ้าระวังสัญญาณ เช่น การเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำในมหาสมุทร จึงเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือวิธีเดียวที่จะชะลอความเสี่ยงนี้ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ บทบาทของ AMOC ➡️ กระแสน้ำวนทำหน้าที่ลำเลียงน้ำอุ่นขึ้นเหนือและน้ำเย็นกลับใต้ ➡️ ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรป ✅ การประกาศของไอซ์แลนด์ ➡️ ยกระดับความเสี่ยง AMOC เป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ ➡️ ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมประมง ✅ ผลกระทบระดับโลก ➡️ ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้น ➡️ ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวน ✅ งานวิจัยและการเฝ้าระวัง ➡️ นักวิทยาศาสตร์คาดว่า AMOC อาจล่มสลายภายในศตวรรษนี้ ➡️ การลดก๊าซเรือนกระจกคือวิธีชะลอความเสี่ยง ‼️ คำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ ⛔ การล่มสลายของ AMOC อาจนำไปสู่ “ยุคน้ำแข็งสมัยใหม่” ในยุโรป ⛔ เสี่ยงต่อภัยแล้งและวิกฤตอาหารในหลายภูมิภาค ‼️ ความไม่แน่นอนของวิทยาศาสตร์ ⛔ ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเรื่องเวลา แต่สัญญาณอ่อนแรงปรากฏแล้ว ⛔ การเพิกเฉยต่อความเสี่ยงอาจทำให้โลกไม่ทันรับมือ https://edition.cnn.com/2025/11/15/climate/iceland-warming-current-amoc-collapse-threat
    EDITION.CNN.COM
    A crucial system of ocean currents may be on course to collapse. This country just declared it a national security threat | CNN
    Without warm currents from the South Atlantic, Iceland would be much icier and stormier. Now, those currents are at risk of collapse and the country is preparing for this “existential threat.”
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • “ฟินแลนด์เริ่มสร้างแบตเตอรี่ทราย 250MWh สำหรับความร้อนและบริการเสริม”.

    ฟินแลนด์กำลังจะเริ่มการก่อสร้างแบตเตอรี่ทรายขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความจุถึง 250 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้คือการใช้ ทรายธรรมดา เป็นสื่อเก็บพลังงานความร้อน ซึ่งสามารถเก็บความร้อนไว้ได้นานหลายเดือนและนำมาใช้ในฤดูหนาวที่ต้องการพลังงานสูง

    แบตเตอรี่ทรายทำงานโดยการใช้ไฟฟ้าส่วนเกินจากพลังงานหมุนเวียน เช่น ลมและแสงอาทิตย์ มาสร้างความร้อนและเก็บไว้ในทรายที่มีฉนวนกันความร้อน เมื่อถึงเวลาที่ต้องการพลังงาน ระบบสามารถปล่อยความร้อนออกมาเพื่อใช้ในการทำความร้อนในเมือง หรือแปลงกลับเป็นไฟฟ้าเพื่อเสริมเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า

    โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ยังมีต้นทุนต่ำกว่าการสร้างแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ และมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากทรายไม่ติดไฟและไม่เสื่อมสภาพเร็วเหมือนสารเคมีในแบตเตอรี่ทั่วไป

    นอกจากนี้ การพัฒนาแบตเตอรี่ทรายยังสะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ในยุโรปที่มุ่งหาวิธีการจัดเก็บพลังงานหมุนเวียนในระยะยาว เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดพลังงานโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดโครงการ
    แบตเตอรี่ทรายขนาด 250MWh จะเริ่มก่อสร้างในฟินแลนด์
    ใช้ทรายเป็นสื่อเก็บพลังงานความร้อน

    การทำงานของแบตเตอรี่ทราย
    ใช้ไฟฟ้าส่วนเกินจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อสร้างความร้อน
    เก็บความร้อนไว้ในทรายและปล่อยออกมาเมื่อจำเป็น

    ข้อดีของเทคโนโลยีนี้
    ต้นทุนต่ำกว่าการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
    ปลอดภัย ไม่ติดไฟ และเก็บพลังงานได้นานหลายเดือน

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การแปลงความร้อนกลับเป็นไฟฟ้ายังมีประสิทธิภาพต่ำ
    ต้องใช้พื้นที่และโครงสร้างขนาดใหญ่ในการติดตั้ง

    ผลกระทบระยะยาว
    หากไม่พัฒนาเทคโนโลยีเสริม อาจจำกัดการใช้งานในบางสถานการณ์
    ต้องพิจารณาการบูรณาการเข้ากับระบบพลังงานเดิมอย่างรอบคอบ

    https://www.energy-storage.news/250mwh-sand-battery-to-start-construction-in-finland-for-both-heating-and-ancillary-services/
    🏗️ “ฟินแลนด์เริ่มสร้างแบตเตอรี่ทราย 250MWh สำหรับความร้อนและบริการเสริม”. ฟินแลนด์กำลังจะเริ่มการก่อสร้างแบตเตอรี่ทรายขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความจุถึง 250 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้คือการใช้ ทรายธรรมดา เป็นสื่อเก็บพลังงานความร้อน ซึ่งสามารถเก็บความร้อนไว้ได้นานหลายเดือนและนำมาใช้ในฤดูหนาวที่ต้องการพลังงานสูง แบตเตอรี่ทรายทำงานโดยการใช้ไฟฟ้าส่วนเกินจากพลังงานหมุนเวียน เช่น ลมและแสงอาทิตย์ มาสร้างความร้อนและเก็บไว้ในทรายที่มีฉนวนกันความร้อน เมื่อถึงเวลาที่ต้องการพลังงาน ระบบสามารถปล่อยความร้อนออกมาเพื่อใช้ในการทำความร้อนในเมือง หรือแปลงกลับเป็นไฟฟ้าเพื่อเสริมเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ยังมีต้นทุนต่ำกว่าการสร้างแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ และมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากทรายไม่ติดไฟและไม่เสื่อมสภาพเร็วเหมือนสารเคมีในแบตเตอรี่ทั่วไป นอกจากนี้ การพัฒนาแบตเตอรี่ทรายยังสะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ในยุโรปที่มุ่งหาวิธีการจัดเก็บพลังงานหมุนเวียนในระยะยาว เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดพลังงานโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดโครงการ ➡️ แบตเตอรี่ทรายขนาด 250MWh จะเริ่มก่อสร้างในฟินแลนด์ ➡️ ใช้ทรายเป็นสื่อเก็บพลังงานความร้อน ✅ การทำงานของแบตเตอรี่ทราย ➡️ ใช้ไฟฟ้าส่วนเกินจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อสร้างความร้อน ➡️ เก็บความร้อนไว้ในทรายและปล่อยออกมาเมื่อจำเป็น ✅ ข้อดีของเทคโนโลยีนี้ ➡️ ต้นทุนต่ำกว่าการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ➡️ ปลอดภัย ไม่ติดไฟ และเก็บพลังงานได้นานหลายเดือน ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การแปลงความร้อนกลับเป็นไฟฟ้ายังมีประสิทธิภาพต่ำ ⛔ ต้องใช้พื้นที่และโครงสร้างขนาดใหญ่ในการติดตั้ง ‼️ ผลกระทบระยะยาว ⛔ หากไม่พัฒนาเทคโนโลยีเสริม อาจจำกัดการใช้งานในบางสถานการณ์ ⛔ ต้องพิจารณาการบูรณาการเข้ากับระบบพลังงานเดิมอย่างรอบคอบ https://www.energy-storage.news/250mwh-sand-battery-to-start-construction-in-finland-for-both-heating-and-ancillary-services/
    WWW.ENERGY-STORAGE.NEWS
    250MWh 'Sand Battery' to start construction in Finland, for both heating and ancillary services
    Polar Night Energy and Lahti Energia have partnered for a project using 'Sand Battery' technology for a district heating network in Finland.
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • อุตุฯ ออกประกาศฉบับที่ 21 เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมาก จากหย่อมความกดอากาศต่ำและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังแรง หลายพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ขณะที่อ่าวไทยมีคลื่นสูง 2–3 เมตร พื้นที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

    ไทยตอนบนอากาศเย็นลง มีลมแรง ภาคเหนือ–อีสานมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง กทม.–ปริมณฑล ภาคตะวันออก และใต้ตอนบน อากาศเย็นในตอนเช้า พร้อมเตือนระวังอัคคีภัยจากลมแรงและอากาศแห้ง

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112604

    #อุตุนิยมวิทยา #เตือนภัยฝนตกหนัก #คลื่นลมแรง #อากาศเย็น #News1live #News1
    อุตุฯ ออกประกาศฉบับที่ 21 เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมาก จากหย่อมความกดอากาศต่ำและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังแรง หลายพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ขณะที่อ่าวไทยมีคลื่นสูง 2–3 เมตร พื้นที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง • ไทยตอนบนอากาศเย็นลง มีลมแรง ภาคเหนือ–อีสานมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง กทม.–ปริมณฑล ภาคตะวันออก และใต้ตอนบน อากาศเย็นในตอนเช้า พร้อมเตือนระวังอัคคีภัยจากลมแรงและอากาศแห้ง • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112604 • #อุตุนิยมวิทยา #เตือนภัยฝนตกหนัก #คลื่นลมแรง #อากาศเย็น #News1live #News1
    Like
    Sad
    5
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews
  • เชียงรายหนาวต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 พื้นราบอุณหภูมิ 15-18 องศาฯ หมอกเช้าหนาจนรถต้องระวัง ขณะที่ภูชี้ฟ้า อุณหภูมิลดฮวบเหลือ 8 องศาฯ ฟ้าใสลมหนาวพัดแรง นักท่องเที่ยวทยอยขึ้นชมวิวคึกคัก

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110838

    #เชียงราย #ภูชี้ฟ้า #อากาศหนาว #หมอกหนา #ท่องเที่ยว #ภาคเหนือ #News1live #News1
    เชียงรายหนาวต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 พื้นราบอุณหภูมิ 15-18 องศาฯ หมอกเช้าหนาจนรถต้องระวัง ขณะที่ภูชี้ฟ้า อุณหภูมิลดฮวบเหลือ 8 องศาฯ ฟ้าใสลมหนาวพัดแรง นักท่องเที่ยวทยอยขึ้นชมวิวคึกคัก • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110838 • #เชียงราย #ภูชี้ฟ้า #อากาศหนาว #หมอกหนา #ท่องเที่ยว #ภาคเหนือ #News1live #News1
    0 Comments 0 Shares 296 Views 0 Reviews
  • ที่ศรีราชา เข้าสู่ช่วงปลายฝน ต้นหนาว ในเดือน พ.ย. 68 มีอุณหภูมิเย็นเบาบาง มีแดดในตอนกลางวัน สลับกับมีฝนตก ในบางพื้นที่
    สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    ที่ศรีราชา เข้าสู่ช่วงปลายฝน ต้นหนาว ในเดือน พ.ย. 68 มีอุณหภูมิเย็นเบาบาง มีแดดในตอนกลางวัน สลับกับมีฝนตก ในบางพื้นที่ สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    2 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • ลมหนาวมาแล้ว! นักท่องเที่ยวไทย–เทศแห่เที่ยวเกาะล้าน แม้คลื่นลมแรง

    ท่าเรือแหลมบาลีฮายคึกคักทั้งวัน นักท่องเที่ยวหลั่งไหลข้ามไปเกาะล้านต่อเนื่อง แม้อากาศเย็นลงและคลื่นลมแรง เจ้าท่า–พัทยาเข้มคุมมาตรการความปลอดภัย สวมเสื้อชูชีพตลอดการเดินทาง

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109279

    #News1live #News1 #เกาะล้าน #พัทยา #ลมหนาว #ท่องเที่ยวไทย #บาลีฮาย #Chonburi #newsupdate
    ลมหนาวมาแล้ว! นักท่องเที่ยวไทย–เทศแห่เที่ยวเกาะล้าน แม้คลื่นลมแรง • ท่าเรือแหลมบาลีฮายคึกคักทั้งวัน นักท่องเที่ยวหลั่งไหลข้ามไปเกาะล้านต่อเนื่อง แม้อากาศเย็นลงและคลื่นลมแรง เจ้าท่า–พัทยาเข้มคุมมาตรการความปลอดภัย สวมเสื้อชูชีพตลอดการเดินทาง • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109279 • #News1live #News1 #เกาะล้าน #พัทยา #ลมหนาว #ท่องเที่ยวไทย #บาลีฮาย #Chonburi #newsupdate
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • “บ้านอัจฉริยะเริ่มต้นที่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ – เทคโนโลยีเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิต”

    คุณอาจคิดว่าบ้านอัจฉริยะต้องมีอุปกรณ์ล้ำยุคเต็มบ้าน แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นอาจเป็นแค่ “เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ” ตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง

    ลองนึกภาพว่าแสงแดดส่องเข้าหน้าต่างตอนบ่าย เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนแล้วสั่งให้ม่านปิดอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงเกินไป พัดลมก็เปิดเองโดยไม่ต้องแตะสวิตช์

    ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันอันตราย และดูแลคนในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เช่น แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิลดต่ำจนเสี่ยงท่อน้ำแข็งแตก หรือเมื่ออากาศในบ้านร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เลี้ยง

    เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เซนเซอร์ที่เชื่อมกับแอปมือถือก็สามารถแจ้งเตือนให้คุณเปิดหน้าต่าง ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เตรียมก่อไฟในเตาผิงได้ทันเวลา

    ใช้เซนเซอร์ควบคุมม่านอัตโนมัติ
    ปรับม่านตามอุณหภูมิภายนอกเพื่อควบคุมความร้อนในบ้าน
    ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงาน
    ใช้ร่วมกับระบบ SwitchBot หรือแพลตฟอร์มอื่นได้

    เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ
    เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในแต่ละห้อง
    สั่งงานผ่านสมาร์ทปลั๊กหรือระบบบ้านอัจฉริยะ
    เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบ HVAC รวมศูนย์

    รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ
    แจ้งเมื่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินค่าที่ตั้งไว้
    ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง พืช และสมาชิกในบ้าน
    วิเคราะห์ประวัติอุณหภูมิเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน

    เปิดหรือปิดหน้าต่างตามสภาพอากาศ
    เปรียบเทียบอุณหภูมิภายนอกกับภายใน
    แจ้งเตือนให้เปิดหน้าต่างเมื่ออากาศเย็นกว่า
    สามารถตั้งระบบเปิดหน้าต่างอัตโนมัติได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม)

    ป้องกันท่อน้ำแข็งแตกในฤดูหนาว
    ติดตั้งเซนเซอร์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใต้ถุนหรือห้องใต้ดิน
    แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป
    บางรุ่นมีฟังก์ชันวัดความชื้นเพื่อเตือนภัยน้ำรั่ว

    การติดตั้งในพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่เสถียร
    เซนเซอร์บางรุ่นอาจไม่ทำงานหาก Wi-Fi หรือ Bluetooth ขาดช่วง
    ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขาดการเชื่อมต่อ

    ความแม่นยำของเซนเซอร์ราคาถูก
    เซนเซอร์บางรุ่นอาจมีค่าคลาดเคลื่อนสูง
    ควรตรวจสอบรีวิวและเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้

    https://www.slashgear.com/2017704/temperature-sensor-home-uses/
    🌡️ “บ้านอัจฉริยะเริ่มต้นที่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ – เทคโนโลยีเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิต” คุณอาจคิดว่าบ้านอัจฉริยะต้องมีอุปกรณ์ล้ำยุคเต็มบ้าน แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นอาจเป็นแค่ “เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ” ตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง ลองนึกภาพว่าแสงแดดส่องเข้าหน้าต่างตอนบ่าย เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนแล้วสั่งให้ม่านปิดอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงเกินไป พัดลมก็เปิดเองโดยไม่ต้องแตะสวิตช์ ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันอันตราย และดูแลคนในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เช่น แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิลดต่ำจนเสี่ยงท่อน้ำแข็งแตก หรือเมื่ออากาศในบ้านร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เลี้ยง เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เซนเซอร์ที่เชื่อมกับแอปมือถือก็สามารถแจ้งเตือนให้คุณเปิดหน้าต่าง ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เตรียมก่อไฟในเตาผิงได้ทันเวลา ✅ ใช้เซนเซอร์ควบคุมม่านอัตโนมัติ ➡️ ปรับม่านตามอุณหภูมิภายนอกเพื่อควบคุมความร้อนในบ้าน ➡️ ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงาน ➡️ ใช้ร่วมกับระบบ SwitchBot หรือแพลตฟอร์มอื่นได้ ✅ เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ➡️ เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในแต่ละห้อง ➡️ สั่งงานผ่านสมาร์ทปลั๊กหรือระบบบ้านอัจฉริยะ ➡️ เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบ HVAC รวมศูนย์ ✅ รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ ➡️ แจ้งเมื่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินค่าที่ตั้งไว้ ➡️ ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง พืช และสมาชิกในบ้าน ➡️ วิเคราะห์ประวัติอุณหภูมิเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน ✅ เปิดหรือปิดหน้าต่างตามสภาพอากาศ ➡️ เปรียบเทียบอุณหภูมิภายนอกกับภายใน ➡️ แจ้งเตือนให้เปิดหน้าต่างเมื่ออากาศเย็นกว่า ➡️ สามารถตั้งระบบเปิดหน้าต่างอัตโนมัติได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม) ✅ ป้องกันท่อน้ำแข็งแตกในฤดูหนาว ➡️ ติดตั้งเซนเซอร์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใต้ถุนหรือห้องใต้ดิน ➡️ แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป ➡️ บางรุ่นมีฟังก์ชันวัดความชื้นเพื่อเตือนภัยน้ำรั่ว ‼️ การติดตั้งในพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่เสถียร ⛔ เซนเซอร์บางรุ่นอาจไม่ทำงานหาก Wi-Fi หรือ Bluetooth ขาดช่วง ⛔ ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขาดการเชื่อมต่อ ‼️ ความแม่นยำของเซนเซอร์ราคาถูก ⛔ เซนเซอร์บางรุ่นอาจมีค่าคลาดเคลื่อนสูง ⛔ ควรตรวจสอบรีวิวและเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ https://www.slashgear.com/2017704/temperature-sensor-home-uses/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Handy Ways To Use Temperature Sensors In Your Home - SlashGear
    If you think smart home, you might not imagine a temperature sensor, but there's a lot you can achieve with one of those and some imagination.
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • งานนี้หนาวแน่ เช็คบิล "ย้อนหลังเรียงตัว" MOU43-44 (2/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #MOU43 #MOU44 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปานเทพ #รัฐบาลไทย #กัมพูชา #ข่าวด่วน #newsupdate #ข่าวtiktok
    งานนี้หนาวแน่ เช็คบิล "ย้อนหลังเรียงตัว" MOU43-44 (2/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #MOU43 #MOU44 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปานเทพ #รัฐบาลไทย #กัมพูชา #ข่าวด่วน #newsupdate #ข่าวtiktok
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”

    บทนำ

    (1)

    จากประวัติศาสตร์ ที่ฝรั่งทั้งเขียนทั้งแต่ง และคนไทยเอามาแปล เป็นทั้งหนังสืออ่าน และบทเรียนประวัติศาสตร์สากล ทำให้เราเข้าใจ และเชื่อว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นจาก เหตุการณ์ลอบฆ่าอาชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของออสเตรีย-ฮังการี โดยชาวเซอรเบีย ที่เซราเจโว เมืองหลวงของเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน คศ 1914

    มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และเป็นสายชนวนเส้นหนึ่ง ของสงครามโลกครั้งที่ 1 จริง แต่มันไม่ใช่ “สาเหตุ ” แท้จริงที่ทำให้เกิดสงครามโลก แม้เหตุการณ์นั้น จะทำให้ออสเตรียโกรธจัด ควันออกหูก็ตาม ออสเตรียกับเซอร์เบียขบเขี้ยวกันมานานแล้ว เนื่องจากออสเตรียซึ่งตอนนั้นคิดว่าตนเองกล้ามใหญ่ ไปผนวกเอาบอสเนียและเฮอเซโกวีนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน มาเป็นของตน ตั้งแต่ประมาณปี คศ 1878 ทำให้เซอร์เบียซี่งถือว่าบอสเนียเป็นพวกเดียวกันตัว เป็นเดือดเป็นแค้นแทน และเอาความแค้นไปฝากใส่หูรัสเซีย ในฐานะลูกพี่ใหญ่ของพวกสลาฟ และกลุ่มนิกายออโธดอกซ์

    หลังจากมีการเจรจา ที่มีเค้าว่าจะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ประมาณ 1 เดือน ในวันที่ 28 กรกฏาคม คศ 1914 ออสเตรียก็ประกาศสงครามกับเซอร์เบียรัฐเล็กกระจ้อย เพื่อให้รับผิดชอบการฆาตกรรมดังกล่าว ออสเตรียเชื่อว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากเยอรมัน หากรัสเซียออกมาหนุนหลังให้เซอร์เบีย ออสเตรียคงต้องลุ้นหนักว่า เยอรมันจะมาช่วยทันไหม เพราะวันรุ่งขึ้น 29 กรกฏาคม รัสเซียก็ประกาศระดมพล เตรียมตัวรบแล้ว

    ในวันเดียวกันนั้น ไกเซอร์ของเยอรมัน ก็ส่งโทรเลขไปหาซาร์นิโคลัสของรัสเซีย ขอร้องไม่ให้เรียกระดมพล และคงเพราะมีไมตรีต่อกันฉันท์ญาติ ซาร์จึงระงับคำสั่งระดมพลไว้ชั่วคราว แต่ฝ่ายกองทัพของรัสเซียไม่ชอบใจ ที่ซาร์ออกอาการลังเล วันรุ่งขึ้น 30 กรกฏาคม จึงพากันเดินตบเท้า เข้าไปกล่อม แกมบีบให้ซาร์มีคำสั่งระดมพลต่อ

    คงมีใครอยากรบเต็มที วันที่ 31 กรกฏาคม ทูตเยอรมันประจำเมือง St Petersburg ก็เข้าไปพบซาร์ และยื่นหนังสือของเยอรมัน ที่ประกาศสงครามต่อรัสเซีย หลังจากนั้นก็เอามือปิดหน้าและเดินออกไปจากห้อง ไม่ใช่คนเยอรมันทุกคนอยากทำสงคราม โดยเฉพาะกับรัสเซีย ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่ได้เป็นศัตรูกับเยอรมัน
    เนื่องจากรู้ว่า ฝรั่งเศสและรัสเซียมีสัญญาให้การร่วมมือกันทางกองทัพ เยอรมันจึงตัดสินใจว่า จะต้องจัดการอย่างรวดเร็ว ให้ฝรั่งเศสหมอบราบเสียก่อนที่รัสเซียจะขยับมาช่วยทัน เพราะเยอรมันคาดว่า รัสเซียน่าจะใช้เวลานานในการระดมพล ขณะนั้นกองทัพของรัสเซียมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป วันที่ 3 สิงหาคม คศ 1914 เยอรมันจึงรีบประกาศสงครามกับฝรั่งเศส หลังจากนั้นเยอรมันก็เคลื่อนพลเข้าไปในเบลเยี่ยม เพื่อใช้เป็นทางข้ามไปโจมตีฝรั่งเศส

    อังกฤษคงกลัวน้อยหน้า เดี๋ยวเขาจะว่าเก่งแต่ปาก วันที่ 4 สิงหาคม คศ 1914 อังกฤษจึงรีบประกาศสงครามกับเยอรมันบ้าง โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อปกป้องความเป็นกลางของเบลเยี่ยม เป็นการอ้างเหตุผลการเข้าสงครามที่ตอแหลอย่างน่าทุเรศ เหตุผลจริงของอังกฤษในการทำสงคราม ชั่วร้ายเกินกว่าที่เราจะนึก แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สถานะการเงินของอังกฤษ ขณะตัดสินใจประกาศทำสงครามกับเยอรมันนั้น อังกฤษอยู่ในสภาพล้มละลาย

    ถังแตกขนาดนั้น ทำไมอังกฤษยังคิดทำสงคราม และทำได้อย่างไร

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทนำ

    (2)

    ประมาณปี คศ 1890 อังกฤษ แม้จะอยู่บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อยของเท้าซ้าย แต่ก็สร้างเสริมตนเอง ด้วยความฉลาด เล่ห์เหลี่ยม และความชั่วร้าย จนโดดเด่น มีอำนาจทั้งในด้านการเมือง การทหาร และ การค้า และคิดเอาเองว่า ไม่มีใครจะกล้ามาทาบรัศมี จักรภพอังกฤษอันกว้างใหญ่ แผ่ไพศาลไปเกือบทั่วโลก จนดวงอาทิตย์หาที่ตกในจักรภพไม่ได้ เมื่อคิดอย่างนั้น อังกฤษก็พยายามทำทุกอย่าง ที่จะรักษาความเป็นที่หนึ่ง และเอาโลกใบนี้ให้อยู่ในกำมือของตนเองตลอดกาล หรือให้นานที่สุดเท่าที่จะยืดคอทำได้

    จะเอาโลกไว้ในกำมือ อังกฤษต้องทำให้ตนเองมีเสาหลัก หรืออำนาจควบคุมใน 3 เรื่อง

    – ควบคุมเส้นทางเดินเรือ

    – ควบคุมระบบการเงินการธนาคาร

    – ควบคุม หรือครอบครองทรัพยากรที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ของตน
    เสาหลักแรก: การควบคุมเส้นทางเดินเรือ อังกฤษ ทำได้สำเร็จ โดยใช้บริษัทประกันภัยใหญ่หมายเลขหนึ่งของอังกฤษ Lloyd ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก บวกกับการใช้เครือข่ายของธนาคารอังกฤษ เป็นผู้วางกฏ เกี่ยวกับการการขนส่งทางเรือ รวมทั้งใช้กองทัพเรือของตน ที่อังกฤษภูมิใจหนักหนาว่า ไม่มีใครเก่งเทียบ และไม่กล้าท้าทาย ทำหน้าที่เป็นเรือคุ้มกันภัย ให้กับเรือขนส่งสินค้าสัญชาติอังกฤษ โดยไม่ต้องทำประกันภัย ขณะที่คู่แข่ง ถูกบังคับให้ทำประกันภัยกับ Lloyd หรือคิดจะเสี่ยง กับการเจอภัยพิบัติกลางทะเล มันดูไม่ต่างกับการขู่กรรโชกของโจรสลัด

    สินเชื่อ และตั๋วแลกเงิน ที่จำเป็นต้องออกให้แก่กันในการค้าขาย และขนส่งสินค้าทางเรือ อังกฤษบีบให้ทำผ่านธนาคารของอังกฤษ ซึ่งเป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Bank of England ซึ่งก็เป็นผลผลิต ของกลุ่มนักการเงินใน City of London ที่นำโดย เจ้าพ่อใหญ่ ตระกูล Rothschild และพวก เช่น Barings, Hambros เป็นต้น

    ประมาณ ปี 1900 อังกฤษ ยืนยืด อกแอ่น จนแทบหงายหลัง ประกาศว่า เรามีเสาหลักนี้ ตั้งตระหง่านเรียบร้อยแล้ว

    เสาหลักที่สอง: การควบคุบระบบการเงิน และระบบการธนาคาร อังกฤษวางแผนอย่างคร่ำเคร่ง แต่เงียบสนิท และผลของมัน ทำให้เกิดระบบธนาคารกลางในอังกฤษ และที่สำคัญ อังกฤษเป็นตัวการสำคัญ ในการวางแผนอีกต่อหนึ่ง ทำให้เกิด Federal Reserve System ในอเมริกา ในปี คศ 1913 ที่เรารู้จักกันในนาม Federal Reserve Bank หรือ ที่เรียกกันสั้นๆว่า Fed ซึ่งเป็นของเอกชน ไม่ใช่เป็นของรัฐ และเป็นเอกชนไม่กี่ตระกูล ที่ส่วนใหญ่เป็นเครือข่าย ของตระกูล Rothschild ของฝั่งอังกฤษ และ ตระกูล Rockefeller และ Morgan ของฝั่งอเมริกา

    Fed มีอำนาจมากมาย และมีอิสระหลายเรื่อง ที่ไม่ต้องอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน โดยเฉพาะ ในการพิมพ์ธนบัตร การกำหนดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างสถาบัน ฯลฯ การตัดสินใจของ Fed มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้น ของอเมริกา และของโลก แม้แต่สมันน้อย ยังต้องคอยฟังว่า เฟด เขาว่าอะไร ฟังแล้ว รู้เรื่องจริงไหม เข้าใจไหม เป็นอีกเรื่อง แต่ต้องคอยฟัง ต้องพูดถึง เพราะมันเข้าสมัย และผู้บริหารบ้านเราก็แสนฉลาด เดินทุกก้าวตาม ที่เฟด บอก

    Fed จึงกลายเป็นตัวสำคัญในการชักใยการเงินโลกจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของเสาหลักที่สอง ที่มีอานุภาพรุนแรงและยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ

    เสาหลักที่สาม: ควบคุม หรือครอบครอง ทรัพยากรที่มีผลสำคัญต่อยุทธศาสตร์ ในความหมายของอังกฤษ ขณะนั้น และยังมีผลจนถึงขณะนี้ก็คือ น้ำมัน! ซึ่งไม่ใช่มีความหมายเฉพาะกับอังกฤษเท่านั้น แต่มันมีความหมาย และมีผลกับโลกนี้ทั้งใบ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (1) จากประวัติศาสตร์ ที่ฝรั่งทั้งเขียนทั้งแต่ง และคนไทยเอามาแปล เป็นทั้งหนังสืออ่าน และบทเรียนประวัติศาสตร์สากล ทำให้เราเข้าใจ และเชื่อว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นจาก เหตุการณ์ลอบฆ่าอาชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของออสเตรีย-ฮังการี โดยชาวเซอรเบีย ที่เซราเจโว เมืองหลวงของเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน คศ 1914 มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และเป็นสายชนวนเส้นหนึ่ง ของสงครามโลกครั้งที่ 1 จริง แต่มันไม่ใช่ “สาเหตุ ” แท้จริงที่ทำให้เกิดสงครามโลก แม้เหตุการณ์นั้น จะทำให้ออสเตรียโกรธจัด ควันออกหูก็ตาม ออสเตรียกับเซอร์เบียขบเขี้ยวกันมานานแล้ว เนื่องจากออสเตรียซึ่งตอนนั้นคิดว่าตนเองกล้ามใหญ่ ไปผนวกเอาบอสเนียและเฮอเซโกวีนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน มาเป็นของตน ตั้งแต่ประมาณปี คศ 1878 ทำให้เซอร์เบียซี่งถือว่าบอสเนียเป็นพวกเดียวกันตัว เป็นเดือดเป็นแค้นแทน และเอาความแค้นไปฝากใส่หูรัสเซีย ในฐานะลูกพี่ใหญ่ของพวกสลาฟ และกลุ่มนิกายออโธดอกซ์ หลังจากมีการเจรจา ที่มีเค้าว่าจะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ประมาณ 1 เดือน ในวันที่ 28 กรกฏาคม คศ 1914 ออสเตรียก็ประกาศสงครามกับเซอร์เบียรัฐเล็กกระจ้อย เพื่อให้รับผิดชอบการฆาตกรรมดังกล่าว ออสเตรียเชื่อว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากเยอรมัน หากรัสเซียออกมาหนุนหลังให้เซอร์เบีย ออสเตรียคงต้องลุ้นหนักว่า เยอรมันจะมาช่วยทันไหม เพราะวันรุ่งขึ้น 29 กรกฏาคม รัสเซียก็ประกาศระดมพล เตรียมตัวรบแล้ว ในวันเดียวกันนั้น ไกเซอร์ของเยอรมัน ก็ส่งโทรเลขไปหาซาร์นิโคลัสของรัสเซีย ขอร้องไม่ให้เรียกระดมพล และคงเพราะมีไมตรีต่อกันฉันท์ญาติ ซาร์จึงระงับคำสั่งระดมพลไว้ชั่วคราว แต่ฝ่ายกองทัพของรัสเซียไม่ชอบใจ ที่ซาร์ออกอาการลังเล วันรุ่งขึ้น 30 กรกฏาคม จึงพากันเดินตบเท้า เข้าไปกล่อม แกมบีบให้ซาร์มีคำสั่งระดมพลต่อ คงมีใครอยากรบเต็มที วันที่ 31 กรกฏาคม ทูตเยอรมันประจำเมือง St Petersburg ก็เข้าไปพบซาร์ และยื่นหนังสือของเยอรมัน ที่ประกาศสงครามต่อรัสเซีย หลังจากนั้นก็เอามือปิดหน้าและเดินออกไปจากห้อง ไม่ใช่คนเยอรมันทุกคนอยากทำสงคราม โดยเฉพาะกับรัสเซีย ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่ได้เป็นศัตรูกับเยอรมัน เนื่องจากรู้ว่า ฝรั่งเศสและรัสเซียมีสัญญาให้การร่วมมือกันทางกองทัพ เยอรมันจึงตัดสินใจว่า จะต้องจัดการอย่างรวดเร็ว ให้ฝรั่งเศสหมอบราบเสียก่อนที่รัสเซียจะขยับมาช่วยทัน เพราะเยอรมันคาดว่า รัสเซียน่าจะใช้เวลานานในการระดมพล ขณะนั้นกองทัพของรัสเซียมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป วันที่ 3 สิงหาคม คศ 1914 เยอรมันจึงรีบประกาศสงครามกับฝรั่งเศส หลังจากนั้นเยอรมันก็เคลื่อนพลเข้าไปในเบลเยี่ยม เพื่อใช้เป็นทางข้ามไปโจมตีฝรั่งเศส อังกฤษคงกลัวน้อยหน้า เดี๋ยวเขาจะว่าเก่งแต่ปาก วันที่ 4 สิงหาคม คศ 1914 อังกฤษจึงรีบประกาศสงครามกับเยอรมันบ้าง โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อปกป้องความเป็นกลางของเบลเยี่ยม เป็นการอ้างเหตุผลการเข้าสงครามที่ตอแหลอย่างน่าทุเรศ เหตุผลจริงของอังกฤษในการทำสงคราม ชั่วร้ายเกินกว่าที่เราจะนึก แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สถานะการเงินของอังกฤษ ขณะตัดสินใจประกาศทำสงครามกับเยอรมันนั้น อังกฤษอยู่ในสภาพล้มละลาย ถังแตกขนาดนั้น ทำไมอังกฤษยังคิดทำสงคราม และทำได้อย่างไร นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (2) ประมาณปี คศ 1890 อังกฤษ แม้จะอยู่บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อยของเท้าซ้าย แต่ก็สร้างเสริมตนเอง ด้วยความฉลาด เล่ห์เหลี่ยม และความชั่วร้าย จนโดดเด่น มีอำนาจทั้งในด้านการเมือง การทหาร และ การค้า และคิดเอาเองว่า ไม่มีใครจะกล้ามาทาบรัศมี จักรภพอังกฤษอันกว้างใหญ่ แผ่ไพศาลไปเกือบทั่วโลก จนดวงอาทิตย์หาที่ตกในจักรภพไม่ได้ เมื่อคิดอย่างนั้น อังกฤษก็พยายามทำทุกอย่าง ที่จะรักษาความเป็นที่หนึ่ง และเอาโลกใบนี้ให้อยู่ในกำมือของตนเองตลอดกาล หรือให้นานที่สุดเท่าที่จะยืดคอทำได้ จะเอาโลกไว้ในกำมือ อังกฤษต้องทำให้ตนเองมีเสาหลัก หรืออำนาจควบคุมใน 3 เรื่อง – ควบคุมเส้นทางเดินเรือ – ควบคุมระบบการเงินการธนาคาร – ควบคุม หรือครอบครองทรัพยากรที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ของตน เสาหลักแรก: การควบคุมเส้นทางเดินเรือ อังกฤษ ทำได้สำเร็จ โดยใช้บริษัทประกันภัยใหญ่หมายเลขหนึ่งของอังกฤษ Lloyd ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก บวกกับการใช้เครือข่ายของธนาคารอังกฤษ เป็นผู้วางกฏ เกี่ยวกับการการขนส่งทางเรือ รวมทั้งใช้กองทัพเรือของตน ที่อังกฤษภูมิใจหนักหนาว่า ไม่มีใครเก่งเทียบ และไม่กล้าท้าทาย ทำหน้าที่เป็นเรือคุ้มกันภัย ให้กับเรือขนส่งสินค้าสัญชาติอังกฤษ โดยไม่ต้องทำประกันภัย ขณะที่คู่แข่ง ถูกบังคับให้ทำประกันภัยกับ Lloyd หรือคิดจะเสี่ยง กับการเจอภัยพิบัติกลางทะเล มันดูไม่ต่างกับการขู่กรรโชกของโจรสลัด สินเชื่อ และตั๋วแลกเงิน ที่จำเป็นต้องออกให้แก่กันในการค้าขาย และขนส่งสินค้าทางเรือ อังกฤษบีบให้ทำผ่านธนาคารของอังกฤษ ซึ่งเป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Bank of England ซึ่งก็เป็นผลผลิต ของกลุ่มนักการเงินใน City of London ที่นำโดย เจ้าพ่อใหญ่ ตระกูล Rothschild และพวก เช่น Barings, Hambros เป็นต้น ประมาณ ปี 1900 อังกฤษ ยืนยืด อกแอ่น จนแทบหงายหลัง ประกาศว่า เรามีเสาหลักนี้ ตั้งตระหง่านเรียบร้อยแล้ว เสาหลักที่สอง: การควบคุบระบบการเงิน และระบบการธนาคาร อังกฤษวางแผนอย่างคร่ำเคร่ง แต่เงียบสนิท และผลของมัน ทำให้เกิดระบบธนาคารกลางในอังกฤษ และที่สำคัญ อังกฤษเป็นตัวการสำคัญ ในการวางแผนอีกต่อหนึ่ง ทำให้เกิด Federal Reserve System ในอเมริกา ในปี คศ 1913 ที่เรารู้จักกันในนาม Federal Reserve Bank หรือ ที่เรียกกันสั้นๆว่า Fed ซึ่งเป็นของเอกชน ไม่ใช่เป็นของรัฐ และเป็นเอกชนไม่กี่ตระกูล ที่ส่วนใหญ่เป็นเครือข่าย ของตระกูล Rothschild ของฝั่งอังกฤษ และ ตระกูล Rockefeller และ Morgan ของฝั่งอเมริกา Fed มีอำนาจมากมาย และมีอิสระหลายเรื่อง ที่ไม่ต้องอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน โดยเฉพาะ ในการพิมพ์ธนบัตร การกำหนดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างสถาบัน ฯลฯ การตัดสินใจของ Fed มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้น ของอเมริกา และของโลก แม้แต่สมันน้อย ยังต้องคอยฟังว่า เฟด เขาว่าอะไร ฟังแล้ว รู้เรื่องจริงไหม เข้าใจไหม เป็นอีกเรื่อง แต่ต้องคอยฟัง ต้องพูดถึง เพราะมันเข้าสมัย และผู้บริหารบ้านเราก็แสนฉลาด เดินทุกก้าวตาม ที่เฟด บอก Fed จึงกลายเป็นตัวสำคัญในการชักใยการเงินโลกจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของเสาหลักที่สอง ที่มีอานุภาพรุนแรงและยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ เสาหลักที่สาม: ควบคุม หรือครอบครอง ทรัพยากรที่มีผลสำคัญต่อยุทธศาสตร์ ในความหมายของอังกฤษ ขณะนั้น และยังมีผลจนถึงขณะนี้ก็คือ น้ำมัน! ซึ่งไม่ใช่มีความหมายเฉพาะกับอังกฤษเท่านั้น แต่มันมีความหมาย และมีผลกับโลกนี้ทั้งใบ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 เม.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 644 Views 0 Reviews
  • กำลังจะปั่นเชื้อโรคในช่วงฤดูหนาวฝั่งเอเชียอีกแล้ว,เป้าหมายพยายามลดประชากรฝั่งเอเชียให้มากที่สุด โดยเฉพาะคนจีน คนอินเดีย
    https://x.com/toobaffled/status/1981508333246042276?t=_QpqQWeTjdBlZxmMxxYIqw&s=19
    กำลังจะปั่นเชื้อโรคในช่วงฤดูหนาวฝั่งเอเชียอีกแล้ว,เป้าหมายพยายามลดประชากรฝั่งเอเชียให้มากที่สุด โดยเฉพาะคนจีน คนอินเดีย https://x.com/toobaffled/status/1981508333246042276?t=_QpqQWeTjdBlZxmMxxYIqw&s=19
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • ลมหนาวมาแล้ววว…

    ปลายฝนต้นหนาว ทุ่งนาที่เคยเขียวขจีเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม รอวันเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ในขณะที่ธรรมชาติให้ความหวัง เหตุการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบ

    พื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากอยู่ในรัศมีการปะทะเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกษตรกรตัวเล็กๆ อย่างเราได้แต่หวังว่า…จะไม่มีการปะทะซ้ำในช่วงที่ผลผลิตกำลังจะออก

    ลองมองผ่านสายตาวรรณกรรมสามก๊ก กลยุทธ์ “ไฟเผาทัพ” ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสงครามยุคนั้น ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก แต่สร้างผลลัพธ์มหาศาล

    โจโฉเผาค่ายลิโป้ที่เสียวพ่าย

    เผาเสบียงอ้วนเสี้ยวที่อู่เฉา

    ขงเบ้งวางแผนเผาทัพโจโฉที่โบหย๋อง

    ผาแดง…ลมตะวันออกพัดไฟเผาทัพเรือโจโฉ

    ลกซุนเผาค่ายเล่าปี่ที่อิเหลง

    และอีกหลายกลยุทธ์ที่ใช้ “ไฟ” เป็นอาวุธหลัก

    ไฟในสามก๊กคือกลยุทธ์ แต่ไฟในชีวิตจริง…คือความหวังที่อาจถูกเผาไหม้

    เราไม่สนับสนุนสงคราม แต่เรากลัว…กลัวสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เกษตรกรตัวน้อยๆ ต้องเร่งเก็บเกี่ยวก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

    #ลมหนาวมาแล้ว #สามก๊ก #กลยุทธ์ไฟเผาทัพ #ชายแดนไทยกัมพูชา #เกษตรกรตัวน้อย
    🍃 ลมหนาวมาแล้ววว… ปลายฝนต้นหนาว ทุ่งนาที่เคยเขียวขจีเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม รอวันเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ในขณะที่ธรรมชาติให้ความหวัง เหตุการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบ พื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากอยู่ในรัศมีการปะทะเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกษตรกรตัวเล็กๆ อย่างเราได้แต่หวังว่า…จะไม่มีการปะทะซ้ำในช่วงที่ผลผลิตกำลังจะออก 🧠 ลองมองผ่านสายตาวรรณกรรมสามก๊ก กลยุทธ์ “ไฟเผาทัพ” ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสงครามยุคนั้น ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก แต่สร้างผลลัพธ์มหาศาล โจโฉเผาค่ายลิโป้ที่เสียวพ่าย เผาเสบียงอ้วนเสี้ยวที่อู่เฉา ขงเบ้งวางแผนเผาทัพโจโฉที่โบหย๋อง ผาแดง…ลมตะวันออกพัดไฟเผาทัพเรือโจโฉ ลกซุนเผาค่ายเล่าปี่ที่อิเหลง และอีกหลายกลยุทธ์ที่ใช้ “ไฟ” เป็นอาวุธหลัก 🔥 ไฟในสามก๊กคือกลยุทธ์ แต่ไฟในชีวิตจริง…คือความหวังที่อาจถูกเผาไหม้ เราไม่สนับสนุนสงคราม แต่เรากลัว…กลัวสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เกษตรกรตัวน้อยๆ ต้องเร่งเก็บเกี่ยวก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป #ลมหนาวมาแล้ว #สามก๊ก #กลยุทธ์ไฟเผาทัพ #ชายแดนไทยกัมพูชา #เกษตรกรตัวน้อย
    0 Comments 0 Shares 425 Views 0 Reviews
  • มทภ.2 ลงพื้นที่ค้างคืนกับกำลังพลแนวรบ ชายแดนไทย-กัมพูชา ดูแลสิ่งอุปโภค บริโภค รับหน้าหนาว สร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ เน้นย้ำอย่าประมาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000100679

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    มทภ.2 ลงพื้นที่ค้างคืนกับกำลังพลแนวรบ ชายแดนไทย-กัมพูชา ดูแลสิ่งอุปโภค บริโภค รับหน้าหนาว สร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ เน้นย้ำอย่าประมาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000100679 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 316 Views 0 Reviews
  • เรื่อง ห้องทดลอง
    “ห้องทดลอง”

    (1)

    ผ่านไปไม่กี่วัน จากไปเดินเรียงแถวคล้องแขน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น่า สลดที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 ตุรกี ที่ส่งนายกรัฐมนตรี นาย Amed Davutoglu ไปร่วมเดินห่างไม่กี่แถว กับคู่แค้น Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เกิดอาการเบรคแตก

    Independent สื่อค่ายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฉบับวันที่ 14 มกราคม 2015 รายงานว่า ประธานาธิบดี RecepTayip Erdogan ของตุรกี ให้ข่าวทันที ว่า

    ” พวกตะวันตก the west กำลังเล่นเกมส์ เล่นกันกลางกรุงปารีส ด้วยโดยการโยนให้มุสลิมเป็นเหยื่อ …คนฝรั่งเศส เป็นคนจัดการให้มีการฆ่า แล้วโยนบาปมาให้คนมุสลิม ฝ่ายข่าวกรองของฝรั่งเศส ไม่รู้จักตามรอยคนออกมาจากคุกหรือไง? หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการโจมตีสุเหร่าของอิสลาม …เห็นชัดถึงการตอแหล จอมปลอมของพวกตะวันตก เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายใดเลย …เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ สร้างคำพูดใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้กับพวกมุสลิม”

    “กำลังมีการเล่นเกมส์กับโลกมุสลิม เราต้องรับรู้เรื่องนี้กันไว้ ” นาย Erdogan กล่าวเพิ่ม

    สหภาพมุสลิมในฝรั่งเศสรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านมุสลิมประมาณ 50 รายการ ซึ่งรวมถึงการไล่ยิง และการพยายามเผาสุเหร่า

    นาย Erdogan ยังไม่จบง่ายๆ ด่าฝากแถมไปถึงการไปเดินเรียงแถวของ นาย Netanyahoo ว่า
    เขาทำไปได้ยังไง ทำไมคนที่สั่งฆ่าคน 2,500 คน ที่กาซ่า ยังมีหน้ามาเดินโบกมืออยู่ในปารีส เหมือนมีคนมาคอยต้อนรับด้วยความตื่นเต้น กล้าดีไปเดินอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่นึกถึง เด็กและผู้หญิง ที่ตัวเองฆ่าบ้างเลยหรือ”

    คงยังไม่หนำใจ นายกเทศมนตรี เมืองหลวง Ankara ของตุรกี ช่วยออกมาเสริมอีก
    ” นี่ต้องเป็นผลงานของ Mossad ( หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ที่ฝีมือชั่วไม่แพ้ CIA หรืออาจจะมากกว่า! ) อยู่เบื้องหลังแน่นอน เป็นการเพิ่มความรังเกียจต่อคนอิสลาม”

    โห รายการนี้ด่ากันแรงนะครับ ถ้าตุรกีไม่ได้ไปถูกเสี้ยนตำตีน หรือเหยียบไปบนขี้หมากองโต ที่กลางกรุงปารีส ระหว่างเดินเรียงแถวกันละก้อ สงสัยต้องมีเรื่องใหญ่คิดการณ์เอาไว้แล้ว ถึงได้ตอกใส่กันแรงขนาดนี้

    ฝ่ายอิสราเอล ก็ไม่ใช่เล่น ถูกด่าปั้บ ออกมาตอกกลับทันที ยังกะสั่งหนังสือพิมพ์ ให้ออกข่าวรอล่วงหน้า เหมือนกับรู้ว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไร

    วันที่ 14 มกราคม วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ the Jerusalem Post ลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahoo และรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Avigdor Liberman บอกว่า นาย Erdogan ของตุรกี เป็นพวกเกลียดยิว anti-Semitic เป็นเพื่อนบ้านจอมป่วน และกล่าวอ้อมๆว่า ตุรกีให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย

    ” การปราบปรามผู้ก่อการร้าย ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก ถ้าเรายังใช้วิธีเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกกันอยู่อย่างนี้ เราไม่ได้ยินผู้นำระดับโลกคนใดเลย ออกมามาประนามคำพูดของนาย Erdogan ไม่มีสักคนจริงๆ ” นาย Netanyahoo สำทับ

    คำสำทับนี้ดูเหมือนไม่ได้ส่งกลับ ไปที่ นาย Erdogan แต่น่าจะส่งไปไกลกว่านั้น

    เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้นายโอบามา ไม่หวานชื่นกับ Nethanyahoo ไม่เหมือน ประธานาธิบดีอเมริกันคนอื่นๆ ที่คอยเอาใจพวกยิว โดยเฉพาะ ก่อนการเลือกตั้ง

    ขณะที่อิสราเอลเหน็บอเมริกา ตุรกี ซึ่งอเมริกามองว่าเป็นลูกกระเป๋งมาตลอด แต่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ องค์กรฮามาส Hamas ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์ และเป็นองค์กรที่อเมริกา และสหภาพยุโรป ต่างขึ้นบัญชีดำ ให้เป็นผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญ แต่ดูเหมือนตุรกีจะไม่สนใจ
    แถมล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวา คม ปี 2014 ตุรกีได้เชิญ นาย Khaled Meshaal หัวหน้ากลุ่มฮามาส ไปเยียนตุรกี และเอานาย Meshaal ไปเข้าร่วมประชุมพรรค AKP ของประธานาธิบดี Erdogan ด้วย แน่จริงๆ เรียกว่าท้าทายกันแบบไม่เกรงใจใครเลย
    เอะ แล้วตุรกีต้องเกรงใจใครหรือ?!

    ข่าวหัวหน้าฮามาส ไปเดินฉุยฉายลอยชายอยู่ตุรกี แน่นอนยอมมีคนหงุดหงิด นักล่าใบตองแห้งหงุดหงิดง่ายอ ยู่แล้ว แค่ลมพัดใบตองแห้ง แกว่งแรงไปหน่อย ยังออกเสียงฮึมแฮ่เลย นี่หัวหน้าฮามาส ที่นักล่า อยากขยี้มาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลงทุนเปลี่ยนแผน ขยี้ไม่ตาย แต่ถ้าซื้อขายอาจจะโอเคมั่งนะ แต่ขอโทษ ฮามาส นอกจากไม่ยอมขายตัวแล้ว ยังไปนั่งสบายใจ เฮฮา กับสุดยอดนักไต่ลวด นายErdogan แชมป์เล่นเกมเสียว เหมือนโชว์ให้ใครดูเสียอีก แบบนี้นักล่าหรือจะปล่อยไปเฉยๆ

    วันที่ 8 มกราคม คศ 2015 คุณหนูเจน Psaki โฆษก กระทรวงการต่างประเทศของนักล่า เลยต้องออกมาทำหน้าเครียดแถลงข่าวว่า

    ” ท่าทีของเราต่อขบวนการฮามาสยังไม่เปลี่ยนนะ ฮามาสคือองค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และฮามาส ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ช่วงสิงหาคม ปีที่แล้ว) ในความขัดแย้งกับอิสราเอล”

    “เรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับฮามาส และเมื่อรู้ว่า Meshaal ไปเยี่ยมตุรกี เราได้ขอให้รัฐบาลตุรกีกดดันฮามาส เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความรุนแรง” แหม คุณหนู ช่างไม่มีศิลปะในการพูดเสียเลย มิน่าแถลงข่าวที่ไร ถูกนักข่าวหนุ่มๆ ต้อนจนติดอ่าง ฮา

    ขณะเดียวกันมีข่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีบอกว่า ตุรกียินดีต้อนรับ Khaled Meshaal หัวหน้าฮามาส หลังจากมีข่าวว่า Meshaal ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่กาต้าร์ ได้ถูกทางการของกาต้าร์ ขับออกนอกประเทศแล้ว และเขาอาจจะไปตุรกี

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีบอกว่า ไม่ว่าใคร จะเป็นคนของประเทศใด ก็สามารถเข้าออกตุรกีได้อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาด้านกฏหมาย นี่มันต้องตอบแบบกลิ้งได้หลายตลบอย่างนี้ สมกับเป็นพวกนักไต่ลวดจริงๆ นักล่าใบตองแห้งน่าจะส่งคุณหนู Psaki มาฝึกงานแถวตุรกีซะหน่อยนะ ฮาอีกครั้ง

    อเมริกา อิสราเอล และตุรกี กำลังมีอะไรคาใจ หรือเล่นบทอะไรกันอยู่หรือ ถึงใช้วิธีเหมือนกาฝาก บินโฉบทิ้งของที่ระลึก แล้วแฉลบข้ามไปต่อ

    #######
    (2)

    ฝ่ายทางกลุ่มฮามาสเองก็ฉุนขาด เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของอเมริกา เกี่ยวกับการไปนั่งชมวิวตุรกีของนายMehsaal ที่ถ่ายทอดโดยฝีปากของคุณหนู Psaki บอกว่าอเมริกาสามหาว และเหยียดเผ่าพันธ์มากไปแล้ว รัฐบาลอเมริกากำลังไต่อันดับ ทำตัวเข้าข่ายเป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาทีเดียว ทั้งนี้ตามคำแถลงของ Al-Qassam Brigades ฝ่ายกองทัพของกลุ่มฮามาส

    ส่วนเรื่องกาต้าร์ขับไล่ นายMeshaal ออกจากประเทศ กาต้าร์ไม่ยืนยัน แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กาต้าร์ขับไล่ระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood 7 คน ที่กาต้าร์เลี้ยงดูไว้นานแล้วออกจากประเทศ เพื่อเป็นการเอาใจพวกราชวงศ์เสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง และรัฐบาลอียิปต์ อืม มาแปลก

    กาต้าร์ไม่ใช่นายทุนรายเดียวที่สนับสนันเลี้ยงดู Muslim Brotherhood ตุรกีก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน

    Muslim Brotherhood เป็นกลุ่มอิสลามฝักใฝ่การเมือง ที่รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา ตุรกีย่อมให้การสนับสนุนไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจอนาคตของตนเอง ส่วนกาต้าร์ละ เข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย

    เมื่ออียิปต์เกิดอาหรับสปริง ที่ไม่แน่ว่า สาเหตุจะมาจากการที่ นายมูบารัค ของอียิปต์มีนโยบายเกี่ยวกับปาเลสไตน์ สวนทางกับอิสราเอลหรือเปล่า และอเมริกาภายใต้การกดดันของอิสราเอล จึงส่งอาหรับสปริง เป็นของขวัญให้นายมูบารัค

    ลูกไปเข้าทางของ Muslim Brotherhood อิยิปต์จึงได้ นาย Mohamed Morsi ของ Muslim Brotherhood มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องถูกใจตุรกีอย่างยิ่ง เพราะถ้าอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขต ด้านหนึ่ง ติดกับด้านใต้ของอิสราเอล มีผู้มีอำนาจปกครองเป็นพวกเดียวกับตุรกี เมื่อไหร่ที่อิสราเอลทำซ่า อาละวาดใส่ปาเลสไตน์ที่ตุรกีสนับสนุนมาตลอด ตุรกีกับอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขตประกบหัวท้ายอิสราเอลอยู่ คิดเล่นแซนด์วิช ผลัดกันโยนหัวปลีข้ามใส่อิสราเอล ก็น่าจะลดความกร่างของอิสราเอลไปได้บ้าง
    และก็เพราะการเดินสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบนี้ ในช่วงหลังๆของตุรกี โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับอิสราเอล สัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับตุรกี จึงไม่หวานอย่างเดิม และมีส่วนให้ นาย Morsi ของ Muslim Brotherhood น่าจะถูกใบสั่ง ให้ทหารอียิปต์ทำการปฏิวัติซ้อน ทำเอา นาย Morsi หล่นจากแท่นอำนาจไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมามีอำนาจได้เพียงปีเดียว ดูกันไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไร

    นอกจากมีเรื่องกับอิสราเอลแล้ว เรื่องซีเรียก็เป็นปัญหาใหญ่ อเมริกาบอกชักจะเบื่อการเล่นเกมของตุรกี ที่พักหลังมีแต่ all pain, no gain แล้วนะ เราชักอยากให้ตุรกีเลือกข้างมาให้ชัดๆเลย เราไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนเลย ถ้าไม่ได้ใช้ฐานทัพของเรา ที่อยู่ในตุรกีเพื่อทำการฝึกให้กับฝ่ายต่อต้านไอซิส หรือต่อต้านซีเรีย เราไม่ได้ต้องการให้กองทัพตุรกี ไปสู้ศึกที่ซีเรีย ที่เราต้องต้องการให้ตุรกีทำคือ ให้ตุรกีไปสืบดูให้ได้ และขจัดเส้นทางเข้าออกของผู้ก่อการร้าย เครือข่ายการธุรกิจ และการเงิน ที่ทำผ่านตุรกี ไปให้ซีเรีย ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้โตขึ้นอย่างมากใน 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ตุรกีทำไม่ได้ หรือไม่ทำให้อเมริกา

    จะให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปเอาแผนที่มากางดู อียิปต์อยู่ด้านล่าง ถัดขึ้นมาข้างบนเอียงขวาหน่อย เป็นอิสราเอล เหนืออิสราเอลเป็นเลบานอน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนมีเนื้อที่แถบเล็กๆ คือปาเลสไตน์ เหนือเลบานอนเป็นซีเรียและอิรัค เหนือชีเรียเป็นตุรกี เหนือตรุกีเป็นจอร์เจีย ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย เหนืออิรัคเป็นอิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดกับรัสเซียยาวเหยียด

    เล่าแผนที่มายาว เพื่อให้เห็นความสำคัญของปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย ตุรกี อิรัค และอิหร่าน ซึ่งเหมือนขนมชั้น ขวางทางเข้าสู่รัสเซีย มันเป็นขนมชั้นที่มีความสำคัญ ทั้งในมิติของสงครามภูมิภาค และมิติสงครามโลก !

    และหมากที่จะเดินให้เป็นสงครามภูมิภาค หรือสงครามโลกตัวสำคัญตัวหนึ่งของฝ่ายอเมริกาคือ อิสราเอล ซึ่งมีอิทธิพล และเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก ถึงขนาด อาจจะเป็นตัวบีบ ให้อเมริกาเดินหมากตัวอื่นตามที่ตนเองต้องการ เผลอๆอาจจะเหลี่ยมสูง ถึงขนาดบีบให้ตัวอเมริกาเอง เดินตามที่อิสราเอลหลอกให้เดินก็มีทางเป็นไปได้

    ในขณะที่ตุรกีเป็นหมากตัวใหม่ ที่เหมือนแสดงตัวเปิดเผยว่า เราไม่ใช่อยู่ฝ่ายอเมริกาแล้วนะ ตุรกีและ อิหร่าน น่าจะเป็นหมากที่เดินตามจังหวะที่น่าสนใจ ให้กับฝ่ายรัสเซียในตะวันออกกลาง

    การขยับของอิสราเอล ตุรกี และอิหร่าน ย่อมมีความหมาย ไม่น้อยกว่าการขยับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ในยุโรป มันดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อเนื่องกัน จึงโปรดอย่าลืมจับตา คอยดูการขยับของหมากทั้ง 6 ตัวนี้

    #####
    (3)

    อิหร่าน เป็นหมากอีกตัวที่สำคัญของฝ่ายรัสเซีย เพราะมีข่าวว่า กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่าง ซุ่มเงียบ อเมริกานักล่าใบตองแห้ง แน่นอน ย่อมหงุดหงิดออกอาการ น้ำลายฟูมปาก แต่ก็คิดหนัก เพราะอิหร่านนั้น เหมือนผีดิบคืนชีพ โดนอเมริกาบดขยี้มาหลายรอบ ไม่ตายคาที่เสียที แค่ช้ำใน กลัดหนองอยู่นาน ปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ไปเรื่อยๆ นอกจากเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ ทั้งอิหร่านเอง และช่วยฝ่ายรัสเซียแล้ว ยังทำให้อิสราเอลไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่นกลางแดดได้ ในตะวันออกกลาง แต่สูตรยาขจัดอิหร่านแบบยกเดียวจบ อเมริกายังคิดไม่สำเร็จ

    อิสราเอลตัวแสบ ต้องรู้อะไรลึกและมีแผนซับซ้อน จึงหนุน แนะ หรือสั่งให้อเมริกาใช้วิธีเจรจากับอิหร่านไปพลางๆก่อน และอเมริกาก็หันมาสั่งสหภาพยุโรปอีกต่อ เจรจากับอิหร่านต่อไปนะพวก เอะ ตกลงใครใหญ่กันแน่

    การเจรจากับอิหร่านในปี 2014 ดูเหมือนราบรื่นดี ผู้ที่รับบทหนักในการเดินสาย เดินสารปั่นหัว เหล่าคณะกรรมการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ กับอิหร่าน คือ รัฐมนตรีด้านงานข่าวกรอง Minister of Intelligence ของอิสราเอล นาย Yuval Steinitz ซึ่งเดินทางจนนักข่าวแซวว่า ได้ไมล์เลจเป็นบัตรแพลตินั่มหลายใบแล้ว นาย Steinitz เป็นคนไปเอาเอกสารลับมาป้อนให้ คณะกรรมการเจรจา เอาไว้ยันหน้ากับอิหร่าน นอกจากนั้น ทีมงานข่าวกรองของอิสราเอล หน่วยงาน Mossad ก็ทำงานหนัก เพราะเป็นตัวจริง
    เรื่อง ห้องทดลอง “ห้องทดลอง” (1) ผ่านไปไม่กี่วัน จากไปเดินเรียงแถวคล้องแขน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น่า สลดที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 ตุรกี ที่ส่งนายกรัฐมนตรี นาย Amed Davutoglu ไปร่วมเดินห่างไม่กี่แถว กับคู่แค้น Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เกิดอาการเบรคแตก Independent สื่อค่ายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฉบับวันที่ 14 มกราคม 2015 รายงานว่า ประธานาธิบดี RecepTayip Erdogan ของตุรกี ให้ข่าวทันที ว่า ” พวกตะวันตก the west กำลังเล่นเกมส์ เล่นกันกลางกรุงปารีส ด้วยโดยการโยนให้มุสลิมเป็นเหยื่อ …คนฝรั่งเศส เป็นคนจัดการให้มีการฆ่า แล้วโยนบาปมาให้คนมุสลิม ฝ่ายข่าวกรองของฝรั่งเศส ไม่รู้จักตามรอยคนออกมาจากคุกหรือไง? หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการโจมตีสุเหร่าของอิสลาม …เห็นชัดถึงการตอแหล จอมปลอมของพวกตะวันตก เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายใดเลย …เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ สร้างคำพูดใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้กับพวกมุสลิม” “กำลังมีการเล่นเกมส์กับโลกมุสลิม เราต้องรับรู้เรื่องนี้กันไว้ ” นาย Erdogan กล่าวเพิ่ม สหภาพมุสลิมในฝรั่งเศสรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านมุสลิมประมาณ 50 รายการ ซึ่งรวมถึงการไล่ยิง และการพยายามเผาสุเหร่า นาย Erdogan ยังไม่จบง่ายๆ ด่าฝากแถมไปถึงการไปเดินเรียงแถวของ นาย Netanyahoo ว่า เขาทำไปได้ยังไง ทำไมคนที่สั่งฆ่าคน 2,500 คน ที่กาซ่า ยังมีหน้ามาเดินโบกมืออยู่ในปารีส เหมือนมีคนมาคอยต้อนรับด้วยความตื่นเต้น กล้าดีไปเดินอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่นึกถึง เด็กและผู้หญิง ที่ตัวเองฆ่าบ้างเลยหรือ” คงยังไม่หนำใจ นายกเทศมนตรี เมืองหลวง Ankara ของตุรกี ช่วยออกมาเสริมอีก ” นี่ต้องเป็นผลงานของ Mossad ( หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ที่ฝีมือชั่วไม่แพ้ CIA หรืออาจจะมากกว่า! ) อยู่เบื้องหลังแน่นอน เป็นการเพิ่มความรังเกียจต่อคนอิสลาม” โห รายการนี้ด่ากันแรงนะครับ ถ้าตุรกีไม่ได้ไปถูกเสี้ยนตำตีน หรือเหยียบไปบนขี้หมากองโต ที่กลางกรุงปารีส ระหว่างเดินเรียงแถวกันละก้อ สงสัยต้องมีเรื่องใหญ่คิดการณ์เอาไว้แล้ว ถึงได้ตอกใส่กันแรงขนาดนี้ ฝ่ายอิสราเอล ก็ไม่ใช่เล่น ถูกด่าปั้บ ออกมาตอกกลับทันที ยังกะสั่งหนังสือพิมพ์ ให้ออกข่าวรอล่วงหน้า เหมือนกับรู้ว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไร วันที่ 14 มกราคม วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ the Jerusalem Post ลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahoo และรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Avigdor Liberman บอกว่า นาย Erdogan ของตุรกี เป็นพวกเกลียดยิว anti-Semitic เป็นเพื่อนบ้านจอมป่วน และกล่าวอ้อมๆว่า ตุรกีให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย ” การปราบปรามผู้ก่อการร้าย ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก ถ้าเรายังใช้วิธีเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกกันอยู่อย่างนี้ เราไม่ได้ยินผู้นำระดับโลกคนใดเลย ออกมามาประนามคำพูดของนาย Erdogan ไม่มีสักคนจริงๆ ” นาย Netanyahoo สำทับ คำสำทับนี้ดูเหมือนไม่ได้ส่งกลับ ไปที่ นาย Erdogan แต่น่าจะส่งไปไกลกว่านั้น เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้นายโอบามา ไม่หวานชื่นกับ Nethanyahoo ไม่เหมือน ประธานาธิบดีอเมริกันคนอื่นๆ ที่คอยเอาใจพวกยิว โดยเฉพาะ ก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่อิสราเอลเหน็บอเมริกา ตุรกี ซึ่งอเมริกามองว่าเป็นลูกกระเป๋งมาตลอด แต่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ องค์กรฮามาส Hamas ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์ และเป็นองค์กรที่อเมริกา และสหภาพยุโรป ต่างขึ้นบัญชีดำ ให้เป็นผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญ แต่ดูเหมือนตุรกีจะไม่สนใจ แถมล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวา คม ปี 2014 ตุรกีได้เชิญ นาย Khaled Meshaal หัวหน้ากลุ่มฮามาส ไปเยียนตุรกี และเอานาย Meshaal ไปเข้าร่วมประชุมพรรค AKP ของประธานาธิบดี Erdogan ด้วย แน่จริงๆ เรียกว่าท้าทายกันแบบไม่เกรงใจใครเลย เอะ แล้วตุรกีต้องเกรงใจใครหรือ?! ข่าวหัวหน้าฮามาส ไปเดินฉุยฉายลอยชายอยู่ตุรกี แน่นอนยอมมีคนหงุดหงิด นักล่าใบตองแห้งหงุดหงิดง่ายอ ยู่แล้ว แค่ลมพัดใบตองแห้ง แกว่งแรงไปหน่อย ยังออกเสียงฮึมแฮ่เลย นี่หัวหน้าฮามาส ที่นักล่า อยากขยี้มาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลงทุนเปลี่ยนแผน ขยี้ไม่ตาย แต่ถ้าซื้อขายอาจจะโอเคมั่งนะ แต่ขอโทษ ฮามาส นอกจากไม่ยอมขายตัวแล้ว ยังไปนั่งสบายใจ เฮฮา กับสุดยอดนักไต่ลวด นายErdogan แชมป์เล่นเกมเสียว เหมือนโชว์ให้ใครดูเสียอีก แบบนี้นักล่าหรือจะปล่อยไปเฉยๆ วันที่ 8 มกราคม คศ 2015 คุณหนูเจน Psaki โฆษก กระทรวงการต่างประเทศของนักล่า เลยต้องออกมาทำหน้าเครียดแถลงข่าวว่า ” ท่าทีของเราต่อขบวนการฮามาสยังไม่เปลี่ยนนะ ฮามาสคือองค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และฮามาส ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ช่วงสิงหาคม ปีที่แล้ว) ในความขัดแย้งกับอิสราเอล” “เรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับฮามาส และเมื่อรู้ว่า Meshaal ไปเยี่ยมตุรกี เราได้ขอให้รัฐบาลตุรกีกดดันฮามาส เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความรุนแรง” แหม คุณหนู ช่างไม่มีศิลปะในการพูดเสียเลย มิน่าแถลงข่าวที่ไร ถูกนักข่าวหนุ่มๆ ต้อนจนติดอ่าง ฮา ขณะเดียวกันมีข่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีบอกว่า ตุรกียินดีต้อนรับ Khaled Meshaal หัวหน้าฮามาส หลังจากมีข่าวว่า Meshaal ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่กาต้าร์ ได้ถูกทางการของกาต้าร์ ขับออกนอกประเทศแล้ว และเขาอาจจะไปตุรกี เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีบอกว่า ไม่ว่าใคร จะเป็นคนของประเทศใด ก็สามารถเข้าออกตุรกีได้อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาด้านกฏหมาย นี่มันต้องตอบแบบกลิ้งได้หลายตลบอย่างนี้ สมกับเป็นพวกนักไต่ลวดจริงๆ นักล่าใบตองแห้งน่าจะส่งคุณหนู Psaki มาฝึกงานแถวตุรกีซะหน่อยนะ ฮาอีกครั้ง อเมริกา อิสราเอล และตุรกี กำลังมีอะไรคาใจ หรือเล่นบทอะไรกันอยู่หรือ ถึงใช้วิธีเหมือนกาฝาก บินโฉบทิ้งของที่ระลึก แล้วแฉลบข้ามไปต่อ ####### (2) ฝ่ายทางกลุ่มฮามาสเองก็ฉุนขาด เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของอเมริกา เกี่ยวกับการไปนั่งชมวิวตุรกีของนายMehsaal ที่ถ่ายทอดโดยฝีปากของคุณหนู Psaki บอกว่าอเมริกาสามหาว และเหยียดเผ่าพันธ์มากไปแล้ว รัฐบาลอเมริกากำลังไต่อันดับ ทำตัวเข้าข่ายเป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาทีเดียว ทั้งนี้ตามคำแถลงของ Al-Qassam Brigades ฝ่ายกองทัพของกลุ่มฮามาส ส่วนเรื่องกาต้าร์ขับไล่ นายMeshaal ออกจากประเทศ กาต้าร์ไม่ยืนยัน แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กาต้าร์ขับไล่ระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood 7 คน ที่กาต้าร์เลี้ยงดูไว้นานแล้วออกจากประเทศ เพื่อเป็นการเอาใจพวกราชวงศ์เสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง และรัฐบาลอียิปต์ อืม มาแปลก กาต้าร์ไม่ใช่นายทุนรายเดียวที่สนับสนันเลี้ยงดู Muslim Brotherhood ตุรกีก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน Muslim Brotherhood เป็นกลุ่มอิสลามฝักใฝ่การเมือง ที่รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา ตุรกีย่อมให้การสนับสนุนไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจอนาคตของตนเอง ส่วนกาต้าร์ละ เข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย เมื่ออียิปต์เกิดอาหรับสปริง ที่ไม่แน่ว่า สาเหตุจะมาจากการที่ นายมูบารัค ของอียิปต์มีนโยบายเกี่ยวกับปาเลสไตน์ สวนทางกับอิสราเอลหรือเปล่า และอเมริกาภายใต้การกดดันของอิสราเอล จึงส่งอาหรับสปริง เป็นของขวัญให้นายมูบารัค ลูกไปเข้าทางของ Muslim Brotherhood อิยิปต์จึงได้ นาย Mohamed Morsi ของ Muslim Brotherhood มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องถูกใจตุรกีอย่างยิ่ง เพราะถ้าอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขต ด้านหนึ่ง ติดกับด้านใต้ของอิสราเอล มีผู้มีอำนาจปกครองเป็นพวกเดียวกับตุรกี เมื่อไหร่ที่อิสราเอลทำซ่า อาละวาดใส่ปาเลสไตน์ที่ตุรกีสนับสนุนมาตลอด ตุรกีกับอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขตประกบหัวท้ายอิสราเอลอยู่ คิดเล่นแซนด์วิช ผลัดกันโยนหัวปลีข้ามใส่อิสราเอล ก็น่าจะลดความกร่างของอิสราเอลไปได้บ้าง และก็เพราะการเดินสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบนี้ ในช่วงหลังๆของตุรกี โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับอิสราเอล สัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับตุรกี จึงไม่หวานอย่างเดิม และมีส่วนให้ นาย Morsi ของ Muslim Brotherhood น่าจะถูกใบสั่ง ให้ทหารอียิปต์ทำการปฏิวัติซ้อน ทำเอา นาย Morsi หล่นจากแท่นอำนาจไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมามีอำนาจได้เพียงปีเดียว ดูกันไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไร นอกจากมีเรื่องกับอิสราเอลแล้ว เรื่องซีเรียก็เป็นปัญหาใหญ่ อเมริกาบอกชักจะเบื่อการเล่นเกมของตุรกี ที่พักหลังมีแต่ all pain, no gain แล้วนะ เราชักอยากให้ตุรกีเลือกข้างมาให้ชัดๆเลย เราไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนเลย ถ้าไม่ได้ใช้ฐานทัพของเรา ที่อยู่ในตุรกีเพื่อทำการฝึกให้กับฝ่ายต่อต้านไอซิส หรือต่อต้านซีเรีย เราไม่ได้ต้องการให้กองทัพตุรกี ไปสู้ศึกที่ซีเรีย ที่เราต้องต้องการให้ตุรกีทำคือ ให้ตุรกีไปสืบดูให้ได้ และขจัดเส้นทางเข้าออกของผู้ก่อการร้าย เครือข่ายการธุรกิจ และการเงิน ที่ทำผ่านตุรกี ไปให้ซีเรีย ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้โตขึ้นอย่างมากใน 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ตุรกีทำไม่ได้ หรือไม่ทำให้อเมริกา จะให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปเอาแผนที่มากางดู อียิปต์อยู่ด้านล่าง ถัดขึ้นมาข้างบนเอียงขวาหน่อย เป็นอิสราเอล เหนืออิสราเอลเป็นเลบานอน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนมีเนื้อที่แถบเล็กๆ คือปาเลสไตน์ เหนือเลบานอนเป็นซีเรียและอิรัค เหนือชีเรียเป็นตุรกี เหนือตรุกีเป็นจอร์เจีย ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย เหนืออิรัคเป็นอิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดกับรัสเซียยาวเหยียด เล่าแผนที่มายาว เพื่อให้เห็นความสำคัญของปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย ตุรกี อิรัค และอิหร่าน ซึ่งเหมือนขนมชั้น ขวางทางเข้าสู่รัสเซีย มันเป็นขนมชั้นที่มีความสำคัญ ทั้งในมิติของสงครามภูมิภาค และมิติสงครามโลก ! และหมากที่จะเดินให้เป็นสงครามภูมิภาค หรือสงครามโลกตัวสำคัญตัวหนึ่งของฝ่ายอเมริกาคือ อิสราเอล ซึ่งมีอิทธิพล และเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก ถึงขนาด อาจจะเป็นตัวบีบ ให้อเมริกาเดินหมากตัวอื่นตามที่ตนเองต้องการ เผลอๆอาจจะเหลี่ยมสูง ถึงขนาดบีบให้ตัวอเมริกาเอง เดินตามที่อิสราเอลหลอกให้เดินก็มีทางเป็นไปได้ ในขณะที่ตุรกีเป็นหมากตัวใหม่ ที่เหมือนแสดงตัวเปิดเผยว่า เราไม่ใช่อยู่ฝ่ายอเมริกาแล้วนะ ตุรกีและ อิหร่าน น่าจะเป็นหมากที่เดินตามจังหวะที่น่าสนใจ ให้กับฝ่ายรัสเซียในตะวันออกกลาง การขยับของอิสราเอล ตุรกี และอิหร่าน ย่อมมีความหมาย ไม่น้อยกว่าการขยับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ในยุโรป มันดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อเนื่องกัน จึงโปรดอย่าลืมจับตา คอยดูการขยับของหมากทั้ง 6 ตัวนี้ ##### (3) อิหร่าน เป็นหมากอีกตัวที่สำคัญของฝ่ายรัสเซีย เพราะมีข่าวว่า กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่าง ซุ่มเงียบ อเมริกานักล่าใบตองแห้ง แน่นอน ย่อมหงุดหงิดออกอาการ น้ำลายฟูมปาก แต่ก็คิดหนัก เพราะอิหร่านนั้น เหมือนผีดิบคืนชีพ โดนอเมริกาบดขยี้มาหลายรอบ ไม่ตายคาที่เสียที แค่ช้ำใน กลัดหนองอยู่นาน ปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ไปเรื่อยๆ นอกจากเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ ทั้งอิหร่านเอง และช่วยฝ่ายรัสเซียแล้ว ยังทำให้อิสราเอลไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่นกลางแดดได้ ในตะวันออกกลาง แต่สูตรยาขจัดอิหร่านแบบยกเดียวจบ อเมริกายังคิดไม่สำเร็จ อิสราเอลตัวแสบ ต้องรู้อะไรลึกและมีแผนซับซ้อน จึงหนุน แนะ หรือสั่งให้อเมริกาใช้วิธีเจรจากับอิหร่านไปพลางๆก่อน และอเมริกาก็หันมาสั่งสหภาพยุโรปอีกต่อ เจรจากับอิหร่านต่อไปนะพวก เอะ ตกลงใครใหญ่กันแน่ การเจรจากับอิหร่านในปี 2014 ดูเหมือนราบรื่นดี ผู้ที่รับบทหนักในการเดินสาย เดินสารปั่นหัว เหล่าคณะกรรมการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ กับอิหร่าน คือ รัฐมนตรีด้านงานข่าวกรอง Minister of Intelligence ของอิสราเอล นาย Yuval Steinitz ซึ่งเดินทางจนนักข่าวแซวว่า ได้ไมล์เลจเป็นบัตรแพลตินั่มหลายใบแล้ว นาย Steinitz เป็นคนไปเอาเอกสารลับมาป้อนให้ คณะกรรมการเจรจา เอาไว้ยันหน้ากับอิหร่าน นอกจากนั้น ทีมงานข่าวกรองของอิสราเอล หน่วยงาน Mossad ก็ทำงานหนัก เพราะเป็นตัวจริง
    1 Comments 0 Shares 1121 Views 0 Reviews
  • เรื่อง ของขวัญ
    “ของขวัญ”
    (1)
    ปีใหม่นี้ เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเขียนกลอนหน้าต่างสักบาน สองบาน ให้ท่านผู้อ่านครื้นเครงกันเล่น แต่สมองไม่แล่น ดันกลอนไม่ออก เลยได้แต่ส่งรูปช้างไทยหวงถิ่น ที่ผมแสนจะหลงรัก ประทับใจในความหวงถิ่นของช้างหนุ่มเชือกนี้ไปให้ดูแก้ขัดไปก่อน แต่อันที่จริงผมกำลังซุ่มเงียบ เขียนนิทานเรื่องลึกลับซับซ้อนอยู่ แต่มันก็ซับซ้อนเสียจนผมใช้เวลาถอดรหัสนานมาก อดใจรอหน่อยนะครับ
    ระหว่างนี้ ผมเห็นเขาส่งของขวัญกันเป็นว่าเล่น หลังจากดิ้นพล่านออกอาการสาระพัดเรื่องแบบเด็กขี้อิจฉาไปแล้ว คราวนี้ยกระดับความเข้มไปอีกหนึ่งหุน ถึงกับลงทุนส่งของขวัญจะไม่เขียนถึง เดี๋ยวคนจัดส่งของขวัญ เขาจะน้อยใจ ว่าไม่เห็นหัวเลยหรือไง เลยต้องเอาเสียหน่อย
    ผมเห็นเขาเริ่มส่งของขวัญกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ร้านกาแฟที่ออสเตรเลียก็จริง แต่เป้าหมายมุ่งไปไกลกว่านั้น ข่าวบอกว่าคนถือของขวัญเป็นชาวอิหร่านที่ขอเข้ามาอยู่ที่ออสเตรเลีย ข่าวหนึ่งบอกว่า ลี้ภัยการเมือง อีกข่าวดันบอกว่าเป็นคนบ๊อง เอะยังไง จะลี้ภัยหรือเป็นบ๊อง แต่ก็เป็นชาวอิหร่านแล้วกัน ทำไมต้องเป็นชาวอิหร่าน?
    อิหร่านเป็นแนวร่วมสำคัญยิ่งของคู่ชิงแชมป์ฝั่งรัสเซีย จีน มีความหมายมาก ทั้งด้านสถานที่ตั้งประเทศ อาวุธ ชั้นเชิง และที่สำคัญ ความพร้อมด้านจิตใจ อเมริกาพยายามทั้งบี้ ขยี้ แต่อิหร่านไม่แหลกคามือเสียที อิหร่านกลับฟื้น พร้อมพกอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ยิ่งทำให้อเมริกาหงุดหงิด ขัดใจมากขึ้น
    อเมริกากับอิหร่าน มีการเจรจากันเรื่องให้อิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายรอบ ในปี 2014 กำหนดการเจรจาสิ้นสุด 24 พฤศจิกายน โดยไม่มีความคืบหน้า อเมริกานินทาว่า อิหร่านเจรจาไปพัฒนาอาวุธไป ยิ่งเจรจานาน นิวเคลียร์อิหร่านคงเสร็จครบตามเป้าหมาย อิหร่านบอกงั้นเลิกเจรจาเอาไหมล่ะ ใบตองแห้งใจไม่ถึง ตกลงนัดเจอกันอีกทีเดือนธันวาคม เพื่อจะสรุปว่าจะการเจรจากันต่อไหม
    ก่อนถึงวันนัดสรุป มันก็ต้องมีการบีบบี้กันเบี้ยวเสียหน่อย ฉากที่สั่งให้เปิดแสดงง่ายๆ ก็เลยเลือกเอาแดนจิงโจ้ ที่ตอนประชุม G 20 ลบ 1 ช่วยกันแสดงบทผู้ดีรุมตีแขก ขอเปิดอีกสักฉากเป็นไรไป ไอ้พวกที่วิ่งหนีกระสุนน่ะ มันพวกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศเราทั้งนั้น คนของเราอย่าให้มายุ่ง แต่ดันหลุดโผไปคนนึง คุณแหม่มแกวิ่งหนีไม่ทัน ใบตองแห้งคิดว่าอิหร่านจะออกมาตอบโต้ จะได้ถือโอกาสบี้กลับ แหม เดาผิดไปไกลเลยพี่โอ อิหร่านน่ะเขามีบทเรียนแยะแล้ว ไม่หลงกลง่ายๆ สู้แอบซุ่ม สร้างระเบิดต่อดีกว่า ของขวัญเลยไม่ค่อยมีคนตื่นเต้น ตีปีบซะเกือบตาย ก็ไม่เอาดาราแดนจิ้งโจ้ดังๆมาเข้าฉากนี่น้า นับรอง CNN ตีข่าวไม่เลิก
    ส่วนการเจรจา ก็เลยสรุปว่า งั้นเราเจรจาต่อไปแล้วกันนะจนถึงเดือนมีนาคม 2015 และต้องจบเรื่องภายในเดือนนิถุนาย ปี 2015
    อิหร่านหัวร่อ หึ หึ แบบนี้ก็ผลิตได้อีกหลายลูก ไอ้ที่เจ็บที่ตาย เรื่องของใบตองแห้ง เราเสี่ยนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวด้วย
    (2)
    ของขวัญส่งชิ้นเดียวมันจะตื่นเต้นได้ยังไง ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มงวดเข้ามาแล้ว อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว สมันน้อยเดี๋ยวนี้ชักจะแข็งข้อ ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน (สงสัยอ่านนิทานมากไป ฮา) หันไปจับมือ จูบปากกับอาเฮีย ทำท่าจะเปิดบ้านให้พวกอาเฮียรวยทองมาสร้างทางรถไฟ แบบนี้มันหยามหน้าเรา สมันน้อยก็เตรียมตัวรับมือหน่อยนะ ใบตองแห้งมันเอาคืนแน่ แต่มันจะทอดเวลา รอเราลืมเรื่องสักแป๊บ แล้วมันค่อยส่งของขวัญมาให้
    แต่ไอ้ที่เคยเดินกร่าง เข้ามาในบ้านสมันน้อยง่ายๆ แบบสมัยก่อนน่ะ ไม่แน่ว่าสมันน้อยยุคคุณพี่ตู่แกจะยอมง่ายๆ คนรอขวาง รอเสียบมีอยู่นะ คุณพี่ตู่ก็อย่าหยิบบทผิดมาเล่นแล้วกันนะครับ แล้วจะทำยังไง บอกแล้วว่าใช้เป็นฐานทัพก็เรื่องหนึ่ง แต่การส่งบำรุงกำลังพลมันก็อีกเรื่องนึง ทอดตาดูแถบนี้แล้ว จะไปเอาใครที่ไหนมาส่งบำรุงกำลังให้ ไล่มาเลย ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น
    5 ประเทศแรก ไม่มีความพร้อมส่งทั้งด้านอาหารและพลังงาน เกาหลีพร้อม แต่ขืนไปเทียบท่าแถบนั้น ก็เท่ากับเดินเข้าปากอาเฮีย ถูกเคี้ยวอร่อยไปเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นอย่าไปพูดถึงเลย ของจริงน่าสงสารจนพูดไม่ออก เอาว่า ตัวเองก็จะไม่รอด แล้วจะไปส่งกำลังให้ใครได้
    แล้วเหลือใครในแถบนี้ ก็คงมีแค่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และสมันน้อย
    สิงคโปร์ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คงได้แค่ส่งกำลังบำรุง แบบเซ่นเจ้าไหว้ศาล ทั้งประเทศ ขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหา พระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ของเราอีก หัดภูมิใจบ้านเรากันบ้างนะครับ สิงคโปร์มันมีถนนหรู หลอกให้เดินซื้อของ 2,3 ถนนเอง กับถมทะเลทำเป็นที่นั่งเล่นนั่งกิน อาหารก็ไม่ได้เศษความอร่อยของบ้านเรา ป้าอ้วนแม่ครัวบ้านผมทำอร่อยกว่า 500 เท่า เราไม่ต้องเห่อเอาเงินไปให้มันหรอก ไอ้สิงคโปร์น่ะ
    เหลือมาเลเซียที่น่าสนใจ เราถึงได้เห็นนายโอบามาไปเดินโชว์ขาตะเกียบตีกอล์ฟกับนายราจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ขณะที่มาเลเซียกำลังน้ำท่วมถึงคอหอย ชาวมาเลย์ด่า เรียกให้นายกกลับมาดูแลได้แล้ว(โว้ย) ผลการตีกอล์ฟไปคุยไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ วันที่ 29 ธันวาคม เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเซีย ติดธงชาติมาเลย์ก็หายวับไปจากจอเรดาร์ เป็นเรื่องเศร้าส่งท้ายปีเก่า
    มาเลเซีย ถึงจะเป็นลูกกระเป๋งเก่า ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ แต่การเมืองภายในและเรื่องเชิ้อชาติศาสนา ซับซ้อน หลายพวกหลายกลุ่ม แถมเป็นถิ่นสำหรับกบดาน และทางผ่านของเหล่าเสือซ่อนรูป สารพัดสัญชาติ ไอ้นักล่าใบตองแห้งส่งพวก Contactor มาคุมเชิงอยู่หลายพันคน มาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักล่าใบตองแห้งเก็งไว้ว่า ถ้าจวนตัวจริงๆ สมันน้อยกลายเป็นช้างไทยหวงถิ่นขึ้นมา นักล่าก็คงต้องจำใจใช้มาเลเซีย เป็นฐานวิ่งรอกกับฐานลับที่หมู่เกาะ Diego Garcia แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ก็มันชุมทางเสือแบบนั้น ไว้ใจได้หรือ ใครเป็นใคร ใครกลายพันธ์ไปแล้วบ้าง ราคาต่อรองมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะน้ั้น สมันน้อยก็ต้องรอบคอบ ระวังตัวให้มากๆ ดูเหตุการณ์มาเลเซีย และฝรั่งเศสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เป็นอุทาหรณ์ไว้
    (3)
    เรื่องที่ฝรั่งเศส คงมีใครอยากให้บานปลาย กลายเป็นเรื่องระหว่างยิวกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง จะเป็นไอซิสพันธ์แท้ กลายพันธ์ หรือ พันธ์ปลอมก็แล้วแต่ แต่เรื่องคงจบไม่ง่ายๆ
อุตส่าห์ขนชุดปราบจราจลมาจนเกลี้ยงเมือง เงื้อง่ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว
    ต้องไม่ลืมว่า เมือต้นเดือนธันวาคม 2014 นายฟรังซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แวะไปจอดเครื่องบินแอบคุยกับคุณพี่ปูติน ที่มาคอยอยู่สนามบินกรุงมอสโคว์ แบบไม่มีหมายกำหนดการณ์ นี่มันผู้นำประเทศมหาอำนาจนะครับ ไม่ใช่คุณๆผมๆ ที่ขับรถผ่านบ้านแล้วคิดถึง ขอเข้ามากินกาแฟคุยกันสักหน่อย ท่านผู้นำเขาทำแบบนี้ แปลว่ามันต้องเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่คนที่น่าจะรู้เรื่องและนั่งไม่ติดมีหลายคน ตั้งแต่นายโอบามานักล่าขาตะเกียบ และไอ้จีบปาก นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ส่วนคุณป้าแมร์เคิลแห่งเยอรมัน ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน
    เพราะฉะนั้น ก่อนอเมริกาจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะเป็นยุทธศาสตร์รุกคืบ หรือรุกฆาตก็ตาม อเมริกาคงต้องมีส่งของขวัญ ไปถามใจเธอหน่อยกับบรรดาพันธมิตรรุ่นใหญ่ว่า ยังอยู่ดีกับพี่เบิ้มหรือเปล่าจ้ะ
    รุ่นใหญ่ที่ได้รับของขวัญเป็นรายแรก ต้อนรับปีใหม่ ก็คือฝรั่งเศส ที่แอบแวบไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินนั่นแหละ และถ้าถามกันแล้ว คำตอบไม่น่าพอใจ เราคงได้เห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสบานปลาย พอให้ยิวถือโอกาสขยับสัก 2,3 ก้าว เอาหัวรบไปจ่อ ฝ่ายตรงข้ามในตะวันออกกลาง กันไม่ให้อิหร่านขยับตัวคล่องไป และได้ดูใจตุรกีว่า ตกลงใจจะลงมาเดินบนพื้น หรืออยากไต่ลวดเล่นเสียวต่อ แต่ถ้ายิวเลยเถิด จะจ่อหัวรบเงยขึ้นไปทางเหนือแบบนั้น คงได้เห็นดอกเห็ดบานจริง
    หลายชาติไม่อยากทำสงคราม นอกจากกระเป๋ากำลังแห้งแล้ว แถมหนาวจะตายอีกด้วย ใครจะไปอยากรบ แต่เยอรมัน โดยคุณป้าแมร์เคิล เลือดยิวเก่า หัวเรือใหญ่ในยุโรปและนาโต้บอกว่า เราคงไม่คว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ พร้อมจับมือกับนาโต้เดินหน้าตามคำสั่งของนักล่าขาตะเกียบ
    แต่มีคำพูดรู้กันทั่วว่า ในเยอรมัน ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่ใหญ่ Siemens บริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ผลิตตั้งแต่เครื่องบิน เรือ รถไฟฟ้า จนถึงเครื่องซักผ้า และที่เป่าผม ก็คิดว่า ตัวเองใหญ่ไม่น้อยกว่ารัฐบาล เคยมีผู้บริหารใหญ่ของ Siemens พูดว่า Siemens ก็คือเยอรมันนั่นแหละ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่เราซิ อยู่คู่กับประเทศเยอรมันมาตลอด
    ไม่นานหลังจากที่ คุณพี่ปูตินผนวกไครเมียกลับมาอยู่ในอ้อมอก เมื่อต้นปีที่แล้ว นาย Joe Kaeser ซีอีโอของ Siemens เดินทางไปเยี่ยมนายปูตินที่บ้านพักนอกเมืองมอสโคว์ แล้วบอกกับนายปูตินว่า บริษัทเราทำธุรกิจกับรัสเซียมากว่า 160 ปีแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องไครเมีย ที่เป็นเรื่องวุ่นวายช่วงสั้นนี้ มากระทบความสัมพันธ์ของ Siemens กับรัสเซียอันยาวนานหรอก
    แบบนี้นักล่าใบตองแห้ง ก็คงยังต้องตามประกบคุณนายแมร์เคิลต่อไปอีก แต่อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า คนเยอรมันจะได้รับของขวัญหรือไม่
    ส่วนชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ชี้นกเป็นไม้คู่กับนักล่าใบตองแห้งมาตลอด คราวนี้โผบอก เราน่าจะสร้างเรื่องให้ยิวได้ทดลองขยับหมาก ดังนั้น หลังจากความอลหม่านเกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้ว คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าอังกฤษจะสั่งการรับมือเตรียมภัยขั้นสูงให้สอดคล้องกัน และอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับฝรั่งเศสลามไปที่อังกฤษด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่า นักล่ากับชาวเกาะ ช่วยกันห่อของขวัญ เช็คเรทติ่ง เตรียมปรับยุทธศาสตร์ ขยับหมากรุกแน่นอน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 มค. 2558
    เรื่อง ของขวัญ “ของขวัญ” (1) ปีใหม่นี้ เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเขียนกลอนหน้าต่างสักบาน สองบาน ให้ท่านผู้อ่านครื้นเครงกันเล่น แต่สมองไม่แล่น ดันกลอนไม่ออก เลยได้แต่ส่งรูปช้างไทยหวงถิ่น ที่ผมแสนจะหลงรัก ประทับใจในความหวงถิ่นของช้างหนุ่มเชือกนี้ไปให้ดูแก้ขัดไปก่อน แต่อันที่จริงผมกำลังซุ่มเงียบ เขียนนิทานเรื่องลึกลับซับซ้อนอยู่ แต่มันก็ซับซ้อนเสียจนผมใช้เวลาถอดรหัสนานมาก อดใจรอหน่อยนะครับ ระหว่างนี้ ผมเห็นเขาส่งของขวัญกันเป็นว่าเล่น หลังจากดิ้นพล่านออกอาการสาระพัดเรื่องแบบเด็กขี้อิจฉาไปแล้ว คราวนี้ยกระดับความเข้มไปอีกหนึ่งหุน ถึงกับลงทุนส่งของขวัญจะไม่เขียนถึง เดี๋ยวคนจัดส่งของขวัญ เขาจะน้อยใจ ว่าไม่เห็นหัวเลยหรือไง เลยต้องเอาเสียหน่อย ผมเห็นเขาเริ่มส่งของขวัญกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ร้านกาแฟที่ออสเตรเลียก็จริง แต่เป้าหมายมุ่งไปไกลกว่านั้น ข่าวบอกว่าคนถือของขวัญเป็นชาวอิหร่านที่ขอเข้ามาอยู่ที่ออสเตรเลีย ข่าวหนึ่งบอกว่า ลี้ภัยการเมือง อีกข่าวดันบอกว่าเป็นคนบ๊อง เอะยังไง จะลี้ภัยหรือเป็นบ๊อง แต่ก็เป็นชาวอิหร่านแล้วกัน ทำไมต้องเป็นชาวอิหร่าน? อิหร่านเป็นแนวร่วมสำคัญยิ่งของคู่ชิงแชมป์ฝั่งรัสเซีย จีน มีความหมายมาก ทั้งด้านสถานที่ตั้งประเทศ อาวุธ ชั้นเชิง และที่สำคัญ ความพร้อมด้านจิตใจ อเมริกาพยายามทั้งบี้ ขยี้ แต่อิหร่านไม่แหลกคามือเสียที อิหร่านกลับฟื้น พร้อมพกอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ยิ่งทำให้อเมริกาหงุดหงิด ขัดใจมากขึ้น อเมริกากับอิหร่าน มีการเจรจากันเรื่องให้อิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายรอบ ในปี 2014 กำหนดการเจรจาสิ้นสุด 24 พฤศจิกายน โดยไม่มีความคืบหน้า อเมริกานินทาว่า อิหร่านเจรจาไปพัฒนาอาวุธไป ยิ่งเจรจานาน นิวเคลียร์อิหร่านคงเสร็จครบตามเป้าหมาย อิหร่านบอกงั้นเลิกเจรจาเอาไหมล่ะ ใบตองแห้งใจไม่ถึง ตกลงนัดเจอกันอีกทีเดือนธันวาคม เพื่อจะสรุปว่าจะการเจรจากันต่อไหม ก่อนถึงวันนัดสรุป มันก็ต้องมีการบีบบี้กันเบี้ยวเสียหน่อย ฉากที่สั่งให้เปิดแสดงง่ายๆ ก็เลยเลือกเอาแดนจิงโจ้ ที่ตอนประชุม G 20 ลบ 1 ช่วยกันแสดงบทผู้ดีรุมตีแขก ขอเปิดอีกสักฉากเป็นไรไป ไอ้พวกที่วิ่งหนีกระสุนน่ะ มันพวกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศเราทั้งนั้น คนของเราอย่าให้มายุ่ง แต่ดันหลุดโผไปคนนึง คุณแหม่มแกวิ่งหนีไม่ทัน ใบตองแห้งคิดว่าอิหร่านจะออกมาตอบโต้ จะได้ถือโอกาสบี้กลับ แหม เดาผิดไปไกลเลยพี่โอ อิหร่านน่ะเขามีบทเรียนแยะแล้ว ไม่หลงกลง่ายๆ สู้แอบซุ่ม สร้างระเบิดต่อดีกว่า ของขวัญเลยไม่ค่อยมีคนตื่นเต้น ตีปีบซะเกือบตาย ก็ไม่เอาดาราแดนจิ้งโจ้ดังๆมาเข้าฉากนี่น้า นับรอง CNN ตีข่าวไม่เลิก ส่วนการเจรจา ก็เลยสรุปว่า งั้นเราเจรจาต่อไปแล้วกันนะจนถึงเดือนมีนาคม 2015 และต้องจบเรื่องภายในเดือนนิถุนาย ปี 2015 อิหร่านหัวร่อ หึ หึ แบบนี้ก็ผลิตได้อีกหลายลูก ไอ้ที่เจ็บที่ตาย เรื่องของใบตองแห้ง เราเสี่ยนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวด้วย (2) ของขวัญส่งชิ้นเดียวมันจะตื่นเต้นได้ยังไง ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มงวดเข้ามาแล้ว อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว สมันน้อยเดี๋ยวนี้ชักจะแข็งข้อ ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน (สงสัยอ่านนิทานมากไป ฮา) หันไปจับมือ จูบปากกับอาเฮีย ทำท่าจะเปิดบ้านให้พวกอาเฮียรวยทองมาสร้างทางรถไฟ แบบนี้มันหยามหน้าเรา สมันน้อยก็เตรียมตัวรับมือหน่อยนะ ใบตองแห้งมันเอาคืนแน่ แต่มันจะทอดเวลา รอเราลืมเรื่องสักแป๊บ แล้วมันค่อยส่งของขวัญมาให้ แต่ไอ้ที่เคยเดินกร่าง เข้ามาในบ้านสมันน้อยง่ายๆ แบบสมัยก่อนน่ะ ไม่แน่ว่าสมันน้อยยุคคุณพี่ตู่แกจะยอมง่ายๆ คนรอขวาง รอเสียบมีอยู่นะ คุณพี่ตู่ก็อย่าหยิบบทผิดมาเล่นแล้วกันนะครับ แล้วจะทำยังไง บอกแล้วว่าใช้เป็นฐานทัพก็เรื่องหนึ่ง แต่การส่งบำรุงกำลังพลมันก็อีกเรื่องนึง ทอดตาดูแถบนี้แล้ว จะไปเอาใครที่ไหนมาส่งบำรุงกำลังให้ ไล่มาเลย ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น 5 ประเทศแรก ไม่มีความพร้อมส่งทั้งด้านอาหารและพลังงาน เกาหลีพร้อม แต่ขืนไปเทียบท่าแถบนั้น ก็เท่ากับเดินเข้าปากอาเฮีย ถูกเคี้ยวอร่อยไปเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นอย่าไปพูดถึงเลย ของจริงน่าสงสารจนพูดไม่ออก เอาว่า ตัวเองก็จะไม่รอด แล้วจะไปส่งกำลังให้ใครได้ แล้วเหลือใครในแถบนี้ ก็คงมีแค่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และสมันน้อย สิงคโปร์ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คงได้แค่ส่งกำลังบำรุง แบบเซ่นเจ้าไหว้ศาล ทั้งประเทศ ขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหา พระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ของเราอีก หัดภูมิใจบ้านเรากันบ้างนะครับ สิงคโปร์มันมีถนนหรู หลอกให้เดินซื้อของ 2,3 ถนนเอง กับถมทะเลทำเป็นที่นั่งเล่นนั่งกิน อาหารก็ไม่ได้เศษความอร่อยของบ้านเรา ป้าอ้วนแม่ครัวบ้านผมทำอร่อยกว่า 500 เท่า เราไม่ต้องเห่อเอาเงินไปให้มันหรอก ไอ้สิงคโปร์น่ะ เหลือมาเลเซียที่น่าสนใจ เราถึงได้เห็นนายโอบามาไปเดินโชว์ขาตะเกียบตีกอล์ฟกับนายราจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ขณะที่มาเลเซียกำลังน้ำท่วมถึงคอหอย ชาวมาเลย์ด่า เรียกให้นายกกลับมาดูแลได้แล้ว(โว้ย) ผลการตีกอล์ฟไปคุยไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ วันที่ 29 ธันวาคม เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเซีย ติดธงชาติมาเลย์ก็หายวับไปจากจอเรดาร์ เป็นเรื่องเศร้าส่งท้ายปีเก่า มาเลเซีย ถึงจะเป็นลูกกระเป๋งเก่า ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ แต่การเมืองภายในและเรื่องเชิ้อชาติศาสนา ซับซ้อน หลายพวกหลายกลุ่ม แถมเป็นถิ่นสำหรับกบดาน และทางผ่านของเหล่าเสือซ่อนรูป สารพัดสัญชาติ ไอ้นักล่าใบตองแห้งส่งพวก Contactor มาคุมเชิงอยู่หลายพันคน มาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักล่าใบตองแห้งเก็งไว้ว่า ถ้าจวนตัวจริงๆ สมันน้อยกลายเป็นช้างไทยหวงถิ่นขึ้นมา นักล่าก็คงต้องจำใจใช้มาเลเซีย เป็นฐานวิ่งรอกกับฐานลับที่หมู่เกาะ Diego Garcia แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ก็มันชุมทางเสือแบบนั้น ไว้ใจได้หรือ ใครเป็นใคร ใครกลายพันธ์ไปแล้วบ้าง ราคาต่อรองมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะน้ั้น สมันน้อยก็ต้องรอบคอบ ระวังตัวให้มากๆ ดูเหตุการณ์มาเลเซีย และฝรั่งเศสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เป็นอุทาหรณ์ไว้ (3) เรื่องที่ฝรั่งเศส คงมีใครอยากให้บานปลาย กลายเป็นเรื่องระหว่างยิวกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง จะเป็นไอซิสพันธ์แท้ กลายพันธ์ หรือ พันธ์ปลอมก็แล้วแต่ แต่เรื่องคงจบไม่ง่ายๆ
อุตส่าห์ขนชุดปราบจราจลมาจนเกลี้ยงเมือง เงื้อง่ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว ต้องไม่ลืมว่า เมือต้นเดือนธันวาคม 2014 นายฟรังซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แวะไปจอดเครื่องบินแอบคุยกับคุณพี่ปูติน ที่มาคอยอยู่สนามบินกรุงมอสโคว์ แบบไม่มีหมายกำหนดการณ์ นี่มันผู้นำประเทศมหาอำนาจนะครับ ไม่ใช่คุณๆผมๆ ที่ขับรถผ่านบ้านแล้วคิดถึง ขอเข้ามากินกาแฟคุยกันสักหน่อย ท่านผู้นำเขาทำแบบนี้ แปลว่ามันต้องเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่คนที่น่าจะรู้เรื่องและนั่งไม่ติดมีหลายคน ตั้งแต่นายโอบามานักล่าขาตะเกียบ และไอ้จีบปาก นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ส่วนคุณป้าแมร์เคิลแห่งเยอรมัน ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ก่อนอเมริกาจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะเป็นยุทธศาสตร์รุกคืบ หรือรุกฆาตก็ตาม อเมริกาคงต้องมีส่งของขวัญ ไปถามใจเธอหน่อยกับบรรดาพันธมิตรรุ่นใหญ่ว่า ยังอยู่ดีกับพี่เบิ้มหรือเปล่าจ้ะ รุ่นใหญ่ที่ได้รับของขวัญเป็นรายแรก ต้อนรับปีใหม่ ก็คือฝรั่งเศส ที่แอบแวบไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินนั่นแหละ และถ้าถามกันแล้ว คำตอบไม่น่าพอใจ เราคงได้เห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสบานปลาย พอให้ยิวถือโอกาสขยับสัก 2,3 ก้าว เอาหัวรบไปจ่อ ฝ่ายตรงข้ามในตะวันออกกลาง กันไม่ให้อิหร่านขยับตัวคล่องไป และได้ดูใจตุรกีว่า ตกลงใจจะลงมาเดินบนพื้น หรืออยากไต่ลวดเล่นเสียวต่อ แต่ถ้ายิวเลยเถิด จะจ่อหัวรบเงยขึ้นไปทางเหนือแบบนั้น คงได้เห็นดอกเห็ดบานจริง หลายชาติไม่อยากทำสงคราม นอกจากกระเป๋ากำลังแห้งแล้ว แถมหนาวจะตายอีกด้วย ใครจะไปอยากรบ แต่เยอรมัน โดยคุณป้าแมร์เคิล เลือดยิวเก่า หัวเรือใหญ่ในยุโรปและนาโต้บอกว่า เราคงไม่คว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ พร้อมจับมือกับนาโต้เดินหน้าตามคำสั่งของนักล่าขาตะเกียบ แต่มีคำพูดรู้กันทั่วว่า ในเยอรมัน ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่ใหญ่ Siemens บริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ผลิตตั้งแต่เครื่องบิน เรือ รถไฟฟ้า จนถึงเครื่องซักผ้า และที่เป่าผม ก็คิดว่า ตัวเองใหญ่ไม่น้อยกว่ารัฐบาล เคยมีผู้บริหารใหญ่ของ Siemens พูดว่า Siemens ก็คือเยอรมันนั่นแหละ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่เราซิ อยู่คู่กับประเทศเยอรมันมาตลอด ไม่นานหลังจากที่ คุณพี่ปูตินผนวกไครเมียกลับมาอยู่ในอ้อมอก เมื่อต้นปีที่แล้ว นาย Joe Kaeser ซีอีโอของ Siemens เดินทางไปเยี่ยมนายปูตินที่บ้านพักนอกเมืองมอสโคว์ แล้วบอกกับนายปูตินว่า บริษัทเราทำธุรกิจกับรัสเซียมากว่า 160 ปีแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องไครเมีย ที่เป็นเรื่องวุ่นวายช่วงสั้นนี้ มากระทบความสัมพันธ์ของ Siemens กับรัสเซียอันยาวนานหรอก แบบนี้นักล่าใบตองแห้ง ก็คงยังต้องตามประกบคุณนายแมร์เคิลต่อไปอีก แต่อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า คนเยอรมันจะได้รับของขวัญหรือไม่ ส่วนชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ชี้นกเป็นไม้คู่กับนักล่าใบตองแห้งมาตลอด คราวนี้โผบอก เราน่าจะสร้างเรื่องให้ยิวได้ทดลองขยับหมาก ดังนั้น หลังจากความอลหม่านเกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้ว คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าอังกฤษจะสั่งการรับมือเตรียมภัยขั้นสูงให้สอดคล้องกัน และอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับฝรั่งเศสลามไปที่อังกฤษด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่า นักล่ากับชาวเกาะ ช่วยกันห่อของขวัญ เช็คเรทติ่ง เตรียมปรับยุทธศาสตร์ ขยับหมากรุกแน่นอน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 มค. 2558
    0 Comments 0 Shares 998 Views 0 Reviews
  • 20 ต.ค. นี้ ไม่เปิดด่าน นักการเมืองไทยมีหนาว!!? (16/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ชายแดนไทยกัมพูชา
    #ไม่เปิดด่าน
    #การเมืองไทย
    #ความมั่นคง
    #เทรนด์วันนี้
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    20 ต.ค. นี้ ไม่เปิดด่าน นักการเมืองไทยมีหนาว!!? (16/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไม่เปิดด่าน #การเมืองไทย #ความมั่นคง #เทรนด์วันนี้ #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 0 Reviews
  • Avalon Waterways เตรียมเปิดตัวเส้นทางต้อนรับปลายปี 2025

    "Cosy Cruise Collection" มัดรวมไฮไลท์หลักของแม่น้ำยุโรปมาไว้ในเส้นทาง
    เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว ซึ่งจะตรงกับช่วงเก็บเกี่ยวองุ่น ในเทศกาลไวน์ เทศกาลในช่วงต้นฤดูหนาวที่ถูกตกแต่งด้วยแสงไฟ และเทศกาลตลาดคริสต์มาสสุดอบอุ่น

    ดูเรือ Avalon Waterways ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/2bf26b

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือAvalonWaterways #AvalonWaterways #CosyCruiseCollection #RhineRiver #DanubeRiver #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #ข่าวเรือสำราญ #updates #News #CruiseDomain #thaitimes #ข่าวอัพเดต
    Avalon Waterways เตรียมเปิดตัวเส้นทางต้อนรับปลายปี 2025 "Cosy Cruise Collection" มัดรวมไฮไลท์หลักของแม่น้ำยุโรปมาไว้ในเส้นทาง เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว ซึ่งจะตรงกับช่วงเก็บเกี่ยวองุ่น ในเทศกาลไวน์ เทศกาลในช่วงต้นฤดูหนาวที่ถูกตกแต่งด้วยแสงไฟ และเทศกาลตลาดคริสต์มาสสุดอบอุ่น 🌉 ดูเรือ Avalon Waterways ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/2bf26b ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือAvalonWaterways #AvalonWaterways #CosyCruiseCollection #RhineRiver #DanubeRiver #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #ข่าวเรือสำราญ #updates #News #CruiseDomain #thaitimes #ข่าวอัพเดต
    0 Comments 0 Shares 526 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีบ่นว่าทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับข้อตกลงกาซาของทรัมป์มากเกินไปจนไม่มีใครสนใจยูเครน ทำให้รัสเซียฉวยโอกาสโจมตียูเครนรุนแรงขึ้น ยิ่งเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่หน้าหนาว ซึ่งยูเครนจำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างมาก
    เซเลนสกีบ่นว่าทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับข้อตกลงกาซาของทรัมป์มากเกินไปจนไม่มีใครสนใจยูเครน ทำให้รัสเซียฉวยโอกาสโจมตียูเครนรุนแรงขึ้น ยิ่งเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่หน้าหนาว ซึ่งยูเครนจำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างมาก
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 522 Views 0 0 Reviews
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 8 (ตอนจบ)

    ตั้งแต่อเมริกาบีบให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 อิหร่านก็เปิดประตูรับแขกตะวันตกน้อยลง โดยเฉพาะสัญชาติอเมริกัน สมน้ำหน้า ! เขาไม่รับให้เข้าไปเดินเล่นในประเทศ แล้วคุยผ่านคนกลาง มันจะน่าเชื่อถือได้มากหรือน้อย อิหร่านทำตัวต่างกับสมันน้อย ที่เปิดมันหมดทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างมีกี่บานเปิดถ่างมันหมด ข้อมูลทุกอย่างก็ไหลเหมือนท่อแตก ทำให้การวางแผนควบคุม (ไม่อยากใช้คำว่า เขมือบหรือขม้ำ มันแสลงใจกัน) สมันน้อย จึงเหมือนแค่ปลอกกล้วยให้ลิงกิน

    ตั้งแต่รบกับอินเดียนแดงชนะ ได้แผ่นดินเขามาครอง อเมริกาเคยรบข้าศึก หรือ ศัตรูในประเทศตัวเองบ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลย เคยแต่รบกันเอง เดินดาหน้าเป็นแถว ยิงปืนใส่กัน สมัยสงครามกลางเมืองเหนือใต้หลายร้อยปีมาแล้ว นอกนั้นอเมริการบนอกบ้านทั้งสิ้น แล้วการรบของอเมริกาที่นอกบ้านเป็นอย่างไร ที่เกาหลี เวียตนาม อาฟกานีสถาน และอิรัก รวมทั้งหลายแห่งในอาฟริกา ล้วนเป็นการรบกับประเทศที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธและฝีมือ อเมริกาใช้เวลา อาวุธ และกำลังพล เหมือนขี่ช้างไปจับตั๊กแตน และผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้น๊อกเช่นที่เวียตนาม ก็แพ้คะแนนในการรบทุกแห่ง ยกเว้นอาฟริกา ที่เหมือนรบกับคนใกล้ตาย อันนี้เป็นคำกล่าวของนายทหารอเมริกันเอง แล้วอิหร่านเป็นตั๊กแตนแน่หรือ ถ้าเป็นตั๊กแตน ก็ตั๊กแตนติดนิวเคลียร์ ดูเอาจากรายงานของคณะทำงานฉบับวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 ก็คงจะพอเดากันออก

    อเมริกาที่ใครๆคิดว่าแน่ คิดว่าใหญ่ เป็นพี่เบิ้มครองโลกหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะเก่งทางสร้างภาพผ่านสื่อ เอะอะก็ขู่จะเอากองทัพไปถล่มเขา เห็นลมพัดใบตองแห้งเป็นไม่ได้ ต้องออกเสียง แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนสมันน้อย ที่กลัวพี่เบิ้มใบตองแห้ง จนไม่กล้าขยับหนี คงเพราะถูกครอบด้วยกระป๋องสี่เหลี่ยมติดตายอยู่ที่หัว หรืออิ่มจนพูดไม่ออก เฮ้อ! เหนื่อยใจ! ไม่เบื่อกระป๋องสี่เหลี่ยม คิดถอดออกบ้างหรือไงครับ…!?

    ถึงอิหร่านจะถูกจับเป็นเหยื่อ มาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ได้หม่ายความว่า เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเป็นเหยื่อเขาไปตลอดกาล เหยื่อที่อ่อนแอเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น อิหร่านบอกว่าข้อเสนอของคาวบอย Bush เมื่อกลางปี ค.ศ.2006 เหมือนกับให้รัฐบาลอิหร่านไปเลียเกือกบู๊ทของ Bush ต่อหน้าสาธารณะ และเป็นการจบสิ้นศักดิ์ศรีทางการ เมืองของอิหร่าน “ Bush might as well have offered the Iranian regime a chance to lick his boots in public and commit political suicide…”

    เดือนตุลาคม ค.ศ.2007 คุณพี่ปูตินทำให้โลกอ้าปากค้าง มองตาไม่กระพริบ คุณพี่เดินทางไปอิหร่านอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้ารัฐบาลของรัสเซีย หลังจากรัสเซียไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอิหร่านมา 60 ปี คุณพี่ประกาศในการไปเยี่ยมอิหร่านว่า รัสเซียจะปกป้องอิหร่านจากการคุกคามของอเมริกา เหมือนเป็นทางการเตือนผ่านไปในอากาศ ข้ามทวีปไปถึงคาวบอย Bush ว่า “โปรดระวัง” เตือนมา 7 ปีมาแล้ว การเตือนนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่ น่าติดตาม

    เสียงเตือนของคุณพี่ปูติน ถูกแปลงเป็นการเร่งเครื่อง คาวบอยอเมริกันเหมือนถูกหยามหน้า Pentagon รายงานว่า มีการหารือกันถึงการวางแผนจะให้ของขวัญอิหร่าน จะเอาแบบ “a broad bombing attack” ทิ้งระเบิดแบบปูพรมทั่วไปทั้งเตหะราน หรือเอาแบบ “surgical” ส่งให้เฉพาะกองทัพของอิหร่านดีนะ เรือรบจำนวนกว่าครึ่งของกองทัพเรืออเมริกา ถูกสั่งให้พร้อมเคลื่อนที่ประชิดอิหร่าน หน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา National Security Strategy ออกข่าวในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ว่า “เราอาจจะไม่เคยเจอประเทศใดเพียงประเทศเดียว ที่ท้าทายเราได้มากเท่าอิหร่าน !” เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก จากหน่วยงานความมั่นคง ของนักล่าใบตองแห้ง
    เจ้าหน้าที่อเมริกันบันทึกว่า การแข่งขันระหว่างอเมริกา รัสเซีย ได้เริ่มต้นใหม่อีกแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง แชมป์โลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารในตะวันออกกลาง และเลยไปกว่านั้น แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็มีแต่การคว่ำบาตรกับการส่งเสียงใส่ใบตองแห้ง พี่เบิ้มอเมริกายังไม่ขยับเข้าไปใกล้เหยื่อชื่ออิหร่านมากกว่านั้น ยังปล่อยให้คาคออยู่อย่างนั้น

    จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องมีอุปกรณ์พร้อมอย่างน้อย 3 อย่าง อาวุธหนัก ทุนหนา และน้ำมันแน่น (ถัง) มันเป็นส่วนผสมที่เสริมสร้างกันเอง ดังนั้นอเมริกาต้อง “ได้” ตะวันออกกลาง ที่มีแหล่งน้ำมันกว่าครึ่งของโลก แต่จะได้ตะวันออกกลางอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ต้องจัดการเอาซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน 2 ประเทศใหญ่ของตะวันออกกลาง มาอยู่ในกรงเลี้ยงให้เชื่อง

    ซาอุดิอารเบียติดอาหารยี่ห้อกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เกาะนิ่ง แม้บางครั้งจะออกอาการกระสับกระส่าย แต่ไม่ออกฤทธิ์ ตรงกันข้ามกับเหยื่อชื่ออิหร่าน

    อิหร่านดิ้นรน ออกแรง เพื่อให้หลุดจากกรงเหยื่อมานาน และอเมริกาก็ใช้สารพัดกับดัก ไม้เสี้ยม ไม้เสียบเพื่อให้เหยื่อเชื่องอยู่มือ อเมริกาคิดว่าเหยื่อทุกรายในตะวัน ออกกลาง (และดูเหมือนจะทั้งโลก !) จะชอบอาหารยี่ห้อเดียวกัน อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะเสมอไป และตลอดไป เมื่อหมดหนทางทำให้เหยื่อเชื่อง อเมริกาก็ตัดสินใจทำลายเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด

    อิหร่านไม่หวังจะเป็นเหยื่อตลอดกาล แต่จะสู้โดยลำพัง ไม่แน่ว่าจะหลุดจากกรงได้ อิหร่านรู้จักสร้างแนวร่วม อิรัก เลบานอน และซีเรีย ซึ่งค่อยๆย้ายที่มายืนแถวเดียวกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ อิหร่านรู้จักแยกว่าใครคือเพื่อน และใครคือศัตรู

    สำหรับรัสเซียและจีน เพื่อไม่ให้อเมริกาครอบครองตะวันออกกลางทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทั้งรัสเซียและจีนเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหาย จึงมีแต่จะต้องสนันสนุนอิหร่านให้เข้มแข็ง ให้เป็นไม้ขวางที่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เหมือนท่อนซุงขวางทาง ไม่ให้อเมริกาก้าวครอบตะวันออก กลางทั้งหมดได้ง่ายๆ ยิ่งบวกอิรัก ซีเรีย และเลบานอน เข้าไปด้วย 4 ประเทศ รวมเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อเมริกาเห็นแล้วก็คงหนาว ขบวนการเข้าไปในอิรัก ฉายหนังโหดซ้ำซากรอบหลังนี้ และการทำลายซีเรีย ซึ่งไม่น่าต้องถามว่าฝีมือใคร

    นับตั้งแต่คุณพี่ปูติน เดินเข้าไปจับมือกับอิหร่านเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน รวมทั้งจีน ดูเหมือนยิ่งกระชับและชิดแน่น การสนับสนุนร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ มีทั้งเปิดเผยและปิดลับ มันเป็นการเปิดทางให้เหยื่อก้าวย่างออกจากกรงอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ

    อิหร่านถูกเหล่านักล่าตะวันตก ขูดเลือดเอาน้ำมันมากว่า 70 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกขูดอยู่ ผ่านสงครามโลกมา 2 ครั้ง ก็ยังถูกหลอก ถูกย่ำยี จนศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนกร่อนแห้ง จากถูกอังกฤษขูดเลือด มาถูกอเมริกาเลาะเนื้อเถือกระดูกต่อ คนอิหร่านยอมลำบาก แต่ไม่ยอมก้มหัวเป็นเหยื่ออีกต่อไป

    เมื่อเหยื่อรายสำคัญ ตัดสินใจเลือกเดินออกจากกรง อเมริกาจะปล่อยมือ เปิดกรงให้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อเมริกาน่าจะคิดหนัก แต่ดูเหมือนเสียง “โปรดระวัง” ของคุณพี่ปูตินจะลอยลมมาผ่านข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลก..….ให้อเมริกาได้ยิน…..อีกรอบหนึ่ง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 8 (ตอนจบ) ตั้งแต่อเมริกาบีบให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 อิหร่านก็เปิดประตูรับแขกตะวันตกน้อยลง โดยเฉพาะสัญชาติอเมริกัน สมน้ำหน้า ! เขาไม่รับให้เข้าไปเดินเล่นในประเทศ แล้วคุยผ่านคนกลาง มันจะน่าเชื่อถือได้มากหรือน้อย อิหร่านทำตัวต่างกับสมันน้อย ที่เปิดมันหมดทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างมีกี่บานเปิดถ่างมันหมด ข้อมูลทุกอย่างก็ไหลเหมือนท่อแตก ทำให้การวางแผนควบคุม (ไม่อยากใช้คำว่า เขมือบหรือขม้ำ มันแสลงใจกัน) สมันน้อย จึงเหมือนแค่ปลอกกล้วยให้ลิงกิน ตั้งแต่รบกับอินเดียนแดงชนะ ได้แผ่นดินเขามาครอง อเมริกาเคยรบข้าศึก หรือ ศัตรูในประเทศตัวเองบ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลย เคยแต่รบกันเอง เดินดาหน้าเป็นแถว ยิงปืนใส่กัน สมัยสงครามกลางเมืองเหนือใต้หลายร้อยปีมาแล้ว นอกนั้นอเมริการบนอกบ้านทั้งสิ้น แล้วการรบของอเมริกาที่นอกบ้านเป็นอย่างไร ที่เกาหลี เวียตนาม อาฟกานีสถาน และอิรัก รวมทั้งหลายแห่งในอาฟริกา ล้วนเป็นการรบกับประเทศที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธและฝีมือ อเมริกาใช้เวลา อาวุธ และกำลังพล เหมือนขี่ช้างไปจับตั๊กแตน และผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้น๊อกเช่นที่เวียตนาม ก็แพ้คะแนนในการรบทุกแห่ง ยกเว้นอาฟริกา ที่เหมือนรบกับคนใกล้ตาย อันนี้เป็นคำกล่าวของนายทหารอเมริกันเอง แล้วอิหร่านเป็นตั๊กแตนแน่หรือ ถ้าเป็นตั๊กแตน ก็ตั๊กแตนติดนิวเคลียร์ ดูเอาจากรายงานของคณะทำงานฉบับวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 ก็คงจะพอเดากันออก อเมริกาที่ใครๆคิดว่าแน่ คิดว่าใหญ่ เป็นพี่เบิ้มครองโลกหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะเก่งทางสร้างภาพผ่านสื่อ เอะอะก็ขู่จะเอากองทัพไปถล่มเขา เห็นลมพัดใบตองแห้งเป็นไม่ได้ ต้องออกเสียง แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนสมันน้อย ที่กลัวพี่เบิ้มใบตองแห้ง จนไม่กล้าขยับหนี คงเพราะถูกครอบด้วยกระป๋องสี่เหลี่ยมติดตายอยู่ที่หัว หรืออิ่มจนพูดไม่ออก เฮ้อ! เหนื่อยใจ! ไม่เบื่อกระป๋องสี่เหลี่ยม คิดถอดออกบ้างหรือไงครับ…!? ถึงอิหร่านจะถูกจับเป็นเหยื่อ มาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ได้หม่ายความว่า เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเป็นเหยื่อเขาไปตลอดกาล เหยื่อที่อ่อนแอเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น อิหร่านบอกว่าข้อเสนอของคาวบอย Bush เมื่อกลางปี ค.ศ.2006 เหมือนกับให้รัฐบาลอิหร่านไปเลียเกือกบู๊ทของ Bush ต่อหน้าสาธารณะ และเป็นการจบสิ้นศักดิ์ศรีทางการ เมืองของอิหร่าน “ Bush might as well have offered the Iranian regime a chance to lick his boots in public and commit political suicide…” เดือนตุลาคม ค.ศ.2007 คุณพี่ปูตินทำให้โลกอ้าปากค้าง มองตาไม่กระพริบ คุณพี่เดินทางไปอิหร่านอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้ารัฐบาลของรัสเซีย หลังจากรัสเซียไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอิหร่านมา 60 ปี คุณพี่ประกาศในการไปเยี่ยมอิหร่านว่า รัสเซียจะปกป้องอิหร่านจากการคุกคามของอเมริกา เหมือนเป็นทางการเตือนผ่านไปในอากาศ ข้ามทวีปไปถึงคาวบอย Bush ว่า “โปรดระวัง” เตือนมา 7 ปีมาแล้ว การเตือนนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่ น่าติดตาม เสียงเตือนของคุณพี่ปูติน ถูกแปลงเป็นการเร่งเครื่อง คาวบอยอเมริกันเหมือนถูกหยามหน้า Pentagon รายงานว่า มีการหารือกันถึงการวางแผนจะให้ของขวัญอิหร่าน จะเอาแบบ “a broad bombing attack” ทิ้งระเบิดแบบปูพรมทั่วไปทั้งเตหะราน หรือเอาแบบ “surgical” ส่งให้เฉพาะกองทัพของอิหร่านดีนะ เรือรบจำนวนกว่าครึ่งของกองทัพเรืออเมริกา ถูกสั่งให้พร้อมเคลื่อนที่ประชิดอิหร่าน หน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา National Security Strategy ออกข่าวในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ว่า “เราอาจจะไม่เคยเจอประเทศใดเพียงประเทศเดียว ที่ท้าทายเราได้มากเท่าอิหร่าน !” เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก จากหน่วยงานความมั่นคง ของนักล่าใบตองแห้ง เจ้าหน้าที่อเมริกันบันทึกว่า การแข่งขันระหว่างอเมริกา รัสเซีย ได้เริ่มต้นใหม่อีกแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง แชมป์โลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารในตะวันออกกลาง และเลยไปกว่านั้น แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็มีแต่การคว่ำบาตรกับการส่งเสียงใส่ใบตองแห้ง พี่เบิ้มอเมริกายังไม่ขยับเข้าไปใกล้เหยื่อชื่ออิหร่านมากกว่านั้น ยังปล่อยให้คาคออยู่อย่างนั้น จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องมีอุปกรณ์พร้อมอย่างน้อย 3 อย่าง อาวุธหนัก ทุนหนา และน้ำมันแน่น (ถัง) มันเป็นส่วนผสมที่เสริมสร้างกันเอง ดังนั้นอเมริกาต้อง “ได้” ตะวันออกกลาง ที่มีแหล่งน้ำมันกว่าครึ่งของโลก แต่จะได้ตะวันออกกลางอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ต้องจัดการเอาซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน 2 ประเทศใหญ่ของตะวันออกกลาง มาอยู่ในกรงเลี้ยงให้เชื่อง ซาอุดิอารเบียติดอาหารยี่ห้อกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เกาะนิ่ง แม้บางครั้งจะออกอาการกระสับกระส่าย แต่ไม่ออกฤทธิ์ ตรงกันข้ามกับเหยื่อชื่ออิหร่าน อิหร่านดิ้นรน ออกแรง เพื่อให้หลุดจากกรงเหยื่อมานาน และอเมริกาก็ใช้สารพัดกับดัก ไม้เสี้ยม ไม้เสียบเพื่อให้เหยื่อเชื่องอยู่มือ อเมริกาคิดว่าเหยื่อทุกรายในตะวัน ออกกลาง (และดูเหมือนจะทั้งโลก !) จะชอบอาหารยี่ห้อเดียวกัน อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะเสมอไป และตลอดไป เมื่อหมดหนทางทำให้เหยื่อเชื่อง อเมริกาก็ตัดสินใจทำลายเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด อิหร่านไม่หวังจะเป็นเหยื่อตลอดกาล แต่จะสู้โดยลำพัง ไม่แน่ว่าจะหลุดจากกรงได้ อิหร่านรู้จักสร้างแนวร่วม อิรัก เลบานอน และซีเรีย ซึ่งค่อยๆย้ายที่มายืนแถวเดียวกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ อิหร่านรู้จักแยกว่าใครคือเพื่อน และใครคือศัตรู สำหรับรัสเซียและจีน เพื่อไม่ให้อเมริกาครอบครองตะวันออกกลางทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทั้งรัสเซียและจีนเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหาย จึงมีแต่จะต้องสนันสนุนอิหร่านให้เข้มแข็ง ให้เป็นไม้ขวางที่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เหมือนท่อนซุงขวางทาง ไม่ให้อเมริกาก้าวครอบตะวันออก กลางทั้งหมดได้ง่ายๆ ยิ่งบวกอิรัก ซีเรีย และเลบานอน เข้าไปด้วย 4 ประเทศ รวมเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อเมริกาเห็นแล้วก็คงหนาว ขบวนการเข้าไปในอิรัก ฉายหนังโหดซ้ำซากรอบหลังนี้ และการทำลายซีเรีย ซึ่งไม่น่าต้องถามว่าฝีมือใคร นับตั้งแต่คุณพี่ปูติน เดินเข้าไปจับมือกับอิหร่านเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน รวมทั้งจีน ดูเหมือนยิ่งกระชับและชิดแน่น การสนับสนุนร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ มีทั้งเปิดเผยและปิดลับ มันเป็นการเปิดทางให้เหยื่อก้าวย่างออกจากกรงอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ อิหร่านถูกเหล่านักล่าตะวันตก ขูดเลือดเอาน้ำมันมากว่า 70 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกขูดอยู่ ผ่านสงครามโลกมา 2 ครั้ง ก็ยังถูกหลอก ถูกย่ำยี จนศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนกร่อนแห้ง จากถูกอังกฤษขูดเลือด มาถูกอเมริกาเลาะเนื้อเถือกระดูกต่อ คนอิหร่านยอมลำบาก แต่ไม่ยอมก้มหัวเป็นเหยื่ออีกต่อไป เมื่อเหยื่อรายสำคัญ ตัดสินใจเลือกเดินออกจากกรง อเมริกาจะปล่อยมือ เปิดกรงให้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อเมริกาน่าจะคิดหนัก แต่ดูเหมือนเสียง “โปรดระวัง” ของคุณพี่ปูตินจะลอยลมมาผ่านข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลก..….ให้อเมริกาได้ยิน…..อีกรอบหนึ่ง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 กันยายน 2557
    0 Comments 0 Shares 547 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5”
    อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ
    เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร
    ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก
    สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ
    แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง
    อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย
    แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม
    เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ )
    แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ
    แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน
    เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ :
    “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ…
    ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …”
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5” อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ ) แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ : “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ… ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …” สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 660 Views 0 Reviews
  • ดอกไม้ป่า—ร่องรอยแห่งชนบทในสำเนียงเมือง

    คณะดอกไม้ป่า ก้าวเข้ามาสู่ฉากดนตรีไทยในช่วงต้นทศวรรษ 2520 (ค.ศ. 1980s) ซึ่งถือเป็น ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของรสนิยมและการผลิตดนตรีในประเทศไทย พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มนักร้องที่รวมตัวกันตามธรรมชาติ แต่เป็นโครงการทางดนตรีที่ถูกกำหนดและออกแบบอย่างพิถีพิถันจากผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมเพลงมืออาชีพ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อตลาดชนชั้นกลางในเมืองที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

    สิ่งที่ทำให้วงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งคือความสามารถในการนำ "แก่นเรื่องแบบลูกทุ่ง" มาผสมผสานกับการเรียบเรียงและคุณภาพการผลิตแบบ "ดนตรีสตริงหรือป๊อป" อันนำไปสู่การก่อกำเนิดของแนวทางใหม่ที่เรียกว่า "ลูกทุ่งประยุกต์" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้กับรูปแบบดนตรีป๊อปที่ครองตลาดในทศวรรษต่อมา

    ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในช่วงปี พ.ศ. 2525–2526 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมหลังเหตุการณ์ทางการเมืองในทศวรรษก่อนหน้า วงนี้ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นนักร้องคู่ดูโอหญิงที่เน้นทักษะการประสานเสียง (Harmonizing Duo) พวกเขาสามารถดึงดูดผู้ฟังได้อย่างกว้างขวางด้วยการรักษาความรู้สึกและแก่นเรื่องของความเป็นไทยไว้ ในขณะที่นำเสนอผ่านสำเนียงป๊อปสมัยใหม่

    ในเชิงสังคมวิทยา ความสำเร็จของวงมีความสัมพันธ์กับการถอยห่างจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่รุนแรงของยุค 1970s ดนตรีป๊อปที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้มักหลีกเลี่ยงสารทางการเมือง และหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องราวส่วนตัว ความรัก และการมอบความบันเทิง ดอกไม้ป่าได้ปรับใช้แก่นเรื่องลูกทุ่งให้มีความอ่อนโยนและโรแมนติกในรูปแบบป๊อป ซึ่งทำให้บทเพลงของพวกเขากลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่ผู้บริโภคในเมืองสามารถยอมรับและเพลิดเพลินได้

    คณะดอกไม้ป่าถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจน โดยไม่ได้เกิดจากการรวมตัวกันของนักดนตรีตามธรรมชาติ การก่อตั้งมีรากฐานมาจากความต้องการขยายตลาดและรูปแบบความสำเร็จที่เคยมีมาก่อน โดยผู้ริเริ่มแนวคิดต้องการที่จะสรรหานักร้องหญิงคู่ประสานเสียงเป็นคู่ที่สอง เพื่อต่อยอดความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับวง The Hot Pepper Singers การตัดสินใจนี้สะท้อนให้เห็นว่า รูปแบบของ "นักร้องคู่ประสานเสียง" ที่มีภาพลักษณ์สุภาพและเน้นทักษะการร้องถือเป็นกลยุทธ์เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพสูง

    การเน้นที่ "นักร้องคู่ประสานเสียง" แสดงให้เห็นว่าคุณภาพเสียงและการจัดวางเสียงประสานถูกกำหนดให้เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้น แนวคิดนี้เป็นความพยายามที่จะยกระดับรูปแบบการร้องเพลงให้แตกต่างจากดนตรีลูกทุ่งทั่วไป การประสานเสียงที่ซับซ้อนนี้ถูกมองว่าเป็นคุณสมบัติของดนตรีแนวลูกกรุงและป๊อปที่มีความประณีตและมีรสนิยมสูง ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคในเมืองได้

    วงดอกไม้ป่าประกอบด้วยนักร้องดูโอหญิงสองคน: โชติมา ช่วงวิทย์ (ตุ้ม) และ ปัทมา มนต์รังสี (อ้อม) คุณโชติมาถือเป็นสมาชิกหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเธอเป็นบุตรสาวของ ชวลีย์ ช่วงวิทย์ นักร้องชื่อดังของวงสุนทราภรณ์ สายเลือดจากสุนทราภรณ์นี้มอบความน่าเชื่อถือทางวัฒนธรรมและ "ความเป็นลูกกรุง" ให้กับวงโดยอัตโนมัติ ทำให้ดอกไม้ป่าสามารถวางตำแหน่งตัวเองอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นลูกทุ่งและความเป็นลูกกรุง/คลาสสิก

    ในช่วงเวลาที่ดนตรีลูกทุ่งกำลังถูกกลุ่มรสนิยมใหม่ของคนเมืองมองว่าเป็น "ดนตรีบ้านนอก" การมีโชติมาได้ทำหน้าที่เป็น "การสร้างแบรนด์ทางวัฒนธรรม" ที่สำคัญยิ่ง การเชื่อมโยงนี้รับประกันว่าเพลงของดอกไม้ป่า แม้จะมีกลิ่นอายของลูกทุ่ง แต่ก็มีความสุภาพและมีคุณค่าในเชิงศิลปะแบบลูกกรุงสูง

    "ดอกไม้ป่าซาวด์" คือการผสมผสานทางดนตรี ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการนำองค์ประกอบทางทำนองเพลงพื้นบ้านหรือลูกทุ่ง มารวมเข้ากับการเรียบเรียงดนตรีและเครื่องดนตรีสมัยใหม่ตามแบบฉบับดนตรีสตริง/ป๊อปในยุค 80s

    แก่นเรื่องแบบลูกทุ่งยังคงเป็นหัวใจหลักในการเล่าเรื่อง ตัวอย่างเช่น เพลง "ทุยใจดำ" ที่สื่อถึงคนรักที่ไม่ซื่อสัตย์ และเพลง "สาวชนบท" ที่หยิบยกเรื่องราวความรักและชีวิตในท้องถิ่นมานำเสนอ แต่สิ่งที่ทำให้ดนตรีมีความแตกต่างคือการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ การใช้เครื่องดนตรีที่ซับซ้อน เช่น เปียโน กีตาร์ไฟฟ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องเป่า (Brass Section) ที่สร้างความหนาแน่นและพลังเสียงที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีการนำจังหวะที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีตะวันตกมาใช้ เช่น จังหวะช่าช่าช่า หรือฟังก์กี้ดิสโก้ในเพลงสนุกสนานอย่าง "ระบำยอดหญ้า" ทั้งหมดนี้ถูกขับร้องด้วยการประสานเสียงที่ไพเราะและสะอาดตา ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของดนตรีป๊อปในช่วงนั้น

    การวิเคราะห์เนื้อหาและแก่นหลักของบทเพลง
    1️⃣ ความรักที่ถูกทรยศในบริบทกึ่งชนบท: เพลงอย่าง "ทุยใจดำ" และ "ช้ำ" นำเสนอความผิดหวังในความรักจากมุมมองของผู้หญิง เมื่อเนื้อหาเหล่านี้ถูกขับร้องด้วยคุณภาพเสียงที่สะอาดและการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ ความดิบหรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับความยากจนในเพลงลูกทุ่งแบบดั้งเดิมก็ถูกลดทอนลง เนื้อหาจึงถูก "ทำให้สะอาด" ให้เหลือเพียงความเศร้าแบบโรแมนติกที่เข้ากับมาตรฐานของเพลงป๊อปในเมือง

    2️⃣ ความปรารถนาในชีวิตชนบทและความหวนคิดถึง: เพลง "สาวชนบท" และ "ระบำยอดหญ้า" นำเสนอภาพความสดใสและรื่นเริงของชีวิตในท้องถิ่น ผู้ฟังในเขตเมืองหลายคนซึ่งส่วนใหญ่อพยพมาจากชนบท ต่างให้การตอบรับต่อเพลงเหล่านี้อย่างดีเยี่ยม ดอกไม้ป่าจึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ "การหวนคิดถึงอย่างมีรสนิยม" (Aesthetic Nostalgia)

    ความสำเร็จอย่างสูงในตลาดเพลงสตริง/ป๊อป แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการ "เชื่อมรอยแยกทางวัฒนธรรม" ระหว่างรสนิยมของคนเมือง (ที่แสวงหาความทันสมัย) กับความผูกพันของกลุ่มผู้ฟังต่อชนบท

    ปี พ.ศ. 2525 เป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ของคณะดอกไม้ป่าจากการเปิดตัวอัลบั้ม ทุยใจดำ ซึ่งได้กำหนดทิศทางและลักษณะเฉพาะของวงอย่างชัดเจน เพลงเอก "ทุยใจดำ" เป็นตัวอย่างชั้นยอดของการผสมผสานระหว่าง Luk Thung และ Pop ผนวกกับการเรียบเรียงที่ใช้เครื่องดนตรีครบวงและจังหวะที่เร้าใจ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงเต้นรำที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

    วงยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในปี พ.ศ. 2526 โดยมีผลงานเพลงจากชุดต่อมา เช่น "สาวชนบท," "หนาวลมขมรัก," และ "รักทรมาน" การออกผลงานหลายชุดภายในเวลาอันสั้น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของค่ายเพลงในศักยภาพเชิงพาณิชย์และกระแสความนิยมที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานั้น การที่เพลงของพวกเขาถูกรวมอยู่ในอัลบั้มรวมเพลงฮิตเงินล้าน ร่วมกับศิลปินใหญ่แห่งยุค แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นวงชั้นนำในตลาดเพลงเทปคาสเซ็ตต์อย่างแท้จริง

    นอกจากคุณภาพทางดนตรีแล้ว ภาพลักษณ์ของคณะดอกไม้ป่ามีความสำคัญต่อการตลาดไม่น้อยไปกว่ากัน ภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอมีความเป็นมืออาชีพสูงและสอดคล้องกับแฟชั่นยุค 80s การปรากฏตัวทั้งในสตูดิโอและภาพคอนเสิร์ต แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในการผลิต และการแต่งกายที่ดูทันสมัยและสะอาดตา ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากภาพลักษณ์ลูกทุ่งแบบดั้งเดิม

    คณะดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญสองประการในต้นทศวรรษ 1980s นั่นคือพลวัตของการอพยพย้ายถิ่นฐาน และการเปลี่ยนแปลงของบทบาททางเพศ

    ในช่วงหลังปี 2520 สังคมไทยเข้าสู่ยุคของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขยายตัวของชนชั้นกลางในเขตเมืองอย่างชัดเจน ผู้คนจำนวนมากอพยพจากชนบทเข้าสู่กรุงเทพฯ ทำให้เกิดความตึงเครียดทางวัฒนธรรมระหว่างวิถีชีวิตแบบเมืองกับรากเหง้าที่ยังคงผูกพันกับชนบท

    กลุ่มผู้ฟังที่ย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ยังคงมีความผูกพันทางอารมณ์กับเนื้อหาและทำนองแบบลูกทุ่ง แต่รสนิยมทางเสียงของพวกเขาได้ถูกหล่อหลอมด้วยดนตรีป๊อปและสตริงที่ทันสมัย ดอกไม้ป่าจึงเข้ามาตอบโจทย์นี้ด้วยการนำเสนอ "ลูกทุ่งในแพ็คเกจป๊อป" เพลงที่มีธีมเกี่ยวกับ "สาวชนบท" ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยนักร้องที่ดูทันสมัยในบริบทเมือง จึงสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ฟังกลุ่มย้ายถิ่นฐานได้อย่างลึกซึ้ง บทเพลงของดอกไม้ป่าเปรียบเสมือน "ซาวด์แทร็กของการปรับตัว" ของคนชนบทเข้าสู่สังคมเมือง

    การที่คณะดอกไม้ป่าเป็นนักร้องดูโอหญิงในแนว Pop/Fusion แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาททางเพศในสื่อและสังคมในช่วงเวลานั้น ภาพลักษณ์ของ โชติมา และ ปัทมา เป็นตัวแทนของ ผู้หญิงในยุคสมัยใหม่ ที่สามารถเป็นทั้งผู้รักษามรดกทางวัฒนธรรมและเป็นผู้หญิงที่มีความทันสมัย (ผ่านสไตล์การแต่งกายและการนำเสนอแบบป๊อป)

    นอกจากนี้ เพลงที่กล้าแสดงออกถึงความผิดหวังในความรักและความช้ำ เป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตัวในที่สาธารณะได้มากขึ้น โดยที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีและไม่ฉีกกรอบทางสังคมมากนัก ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยที่บทบาทของผู้หญิงเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น

    ในช่วงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นช่วงที่สังคมกำลังฟื้นตัวหลังความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ ดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงมักจะไม่มีวาระทางการเมืองที่ชัดเจน คณะดอกไม้ป่าเองก็เน้นที่ความบันเทิงและเรื่องราวส่วนตัว การหลีกเลี่ยงข้อความที่อาจสร้างความขัดแย้งทางการเมืองในบทเพลง ส่งผลให้ดอกไม้ป่าสามารถเข้าถึงผู้ชมหลักได้อย่างง่ายดาย

    ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างสูงในช่วงยุครุ่งเรือง ดังที่ปรากฏหลักฐานจากการออกอัลบั้ม Longplay เต็มรูปแบบหลายชุด และการมีอัลบั้มรวมเพลงฮิต การที่เพลงของวงถูกนำไปรวมอยู่ในอัลบั้มที่ทำยอดขายสูงร่วมกับศิลปินสำคัญแห่งยุค ตอกย้ำสถานะของพวกเขาในฐานะวงชั้นนำของตลาดเทปคาสเซ็ตต์ ซึ่งเป็นรูปแบบการบริโภคหลักในยุคนั้น

    ดอกไม้ป่าไม่ได้เป็นเพียงวงดนตรีที่ขายดี แต่ยังได้สร้างต้นแบบ ให้กับแนวเพลงผสมผสานที่ทรงอิทธิพล พวกเขาเป็นตัวอย่างสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นว่าดนตรีที่มีรากฐานลูกทุ่งสามารถนำเสนอในรูปแบบป๊อปสตริงที่มีคุณภาพสูงและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ การเปิดทางนี้มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังจำนวนมากที่พยายามนำเสนอ "ลูกทุ่งสมัยใหม่" ซึ่งช่วยยืดอายุและปรับโฉมให้ดนตรีลูกทุ่งยังคงอยู่รอดในยุคที่ดนตรี String ครองตลาด

    การที่ดอกไม้ป่าสามารถนำเอาองค์ประกอบของลูกทุ่งและป๊อปมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้ผู้ผลิตเพลงเห็นว่า "สูตรผสม" นี้เป็นช่องทางที่มั่นคงในการขยายตลาดไปยังผู้ฟังที่มีรสนิยมหลากหลาย ถือเป็นการเร่งกระบวนการที่ทำให้ดนตรีสตริงได้ครอบครองความโดดเด่นในที่สุด

    มรดกทางดนตรีของดอกไม้ป่ายังคงยืนยง เพลงของพวกเขายังคงถูกค้นหาและรับฟังในปัจจุบันผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานของทำนองและเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลยังเห็นได้จากการที่สมาชิกหลักของวงยังคงมีความเคลื่อนไหวในการกลับมาทำเพลงใหม่ในนามดอกไม้ป่า ("พลังรัก") และมีการสร้างช่องทาง YouTube เฉพาะ การเคลื่อนไหวนี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าศิลปินยุคบุกเบิกสามารถใช้แพลตฟอร์มสมัยใหม่เพื่อรักษาและขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงผู้ฟังรุ่นใหม่ได้

    สรุป: มรดกของดอกไม้ป่า
    คณะดอกไม้ป่าจัดเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีและวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนในช่วงรอยต่อของสังคมไทย พวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความสมดุลระหว่างมรดกทางดนตรีคลาสสิก (ผ่านสายเลือดสุนทราภรณ์) กับความต้องการของตลาดป๊อปที่เน้นความทันสมัยและคุณภาพการผลิตสูง

    บทเพลงของดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นกลไกทางวัฒนธรรมที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางสังคมภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเมือง ด้วยการนำเสนอความบันเทิงที่ปลอดภัยและเป็นทางออกทางวัฒนธรรมสำหรับกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานที่ต้องการรักษาความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับชนบท ในขณะที่ปรับตัวเข้าสู่ความเป็นเมืองอย่างเต็มตัว

    มรดกที่สำคัญที่สุดของคณะดอกไม้ป่าคือการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่แข็งแกร่งที่สุดของ "ดนตรีลูกทุ่งประยุกต์" พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าความทันสมัยทางดนตรีไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากรากฐานทางวัฒนธรรมดั้งเดิม และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมเพลงป๊อปไทยในทศวรรษต่อมาให้ยอมรับและผสมผสานแนวเพลงที่มีรากฐานมาจาก Luk Thung เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงกระแสหลักได้อย่างลงตัว

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/NnrS7BYpRRc
    🌼 ดอกไม้ป่า—ร่องรอยแห่งชนบทในสำเนียงเมือง คณะดอกไม้ป่า 🌸 ก้าวเข้ามาสู่ฉากดนตรีไทยในช่วงต้นทศวรรษ 2520 (ค.ศ. 1980s) ซึ่งถือเป็น 🔄 ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของรสนิยมและการผลิตดนตรีในประเทศไทย พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มนักร้องที่รวมตัวกันตามธรรมชาติ แต่เป็นโครงการทางดนตรีที่ถูกกำหนดและออกแบบอย่างพิถีพิถันจากผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมเพลงมืออาชีพ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อตลาดชนชั้นกลางในเมืองที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำให้วงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งคือความสามารถในการนำ "แก่นเรื่องแบบลูกทุ่ง" 🧬🌾 มาผสมผสานกับการเรียบเรียงและคุณภาพการผลิตแบบ "ดนตรีสตริงหรือป๊อป" 🎧 อันนำไปสู่การก่อกำเนิดของแนวทางใหม่ที่เรียกว่า "ลูกทุ่งประยุกต์" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้กับรูปแบบดนตรีป๊อปที่ครองตลาดในทศวรรษต่อมา ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในช่วงปี พ.ศ. 2525–2526 🌟 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมหลังเหตุการณ์ทางการเมืองในทศวรรษก่อนหน้า วงนี้ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นนักร้องคู่ดูโอหญิงที่เน้นทักษะการประสานเสียง (Harmonizing Duo) พวกเขาสามารถดึงดูดผู้ฟังได้อย่างกว้างขวางด้วยการรักษาความรู้สึกและแก่นเรื่องของความเป็นไทยไว้ ในขณะที่นำเสนอผ่านสำเนียงป๊อปสมัยใหม่ ในเชิงสังคมวิทยา ความสำเร็จของวงมีความสัมพันธ์กับการถอยห่างจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่รุนแรงของยุค 1970s ดนตรีป๊อปที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้มักหลีกเลี่ยงสารทางการเมือง และหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องราวส่วนตัว ความรัก ❤️ และการมอบความบันเทิง ดอกไม้ป่าได้ปรับใช้แก่นเรื่องลูกทุ่งให้มีความอ่อนโยนและโรแมนติกในรูปแบบป๊อป ซึ่งทำให้บทเพลงของพวกเขากลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่ผู้บริโภคในเมืองสามารถยอมรับและเพลิดเพลินได้ คณะดอกไม้ป่าถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจน 💡 โดยไม่ได้เกิดจากการรวมตัวกันของนักดนตรีตามธรรมชาติ การก่อตั้งมีรากฐานมาจากความต้องการขยายตลาดและรูปแบบความสำเร็จที่เคยมีมาก่อน โดยผู้ริเริ่มแนวคิดต้องการที่จะสรรหานักร้องหญิงคู่ประสานเสียงเป็นคู่ที่สอง เพื่อต่อยอดความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับวง The Hot Pepper Singers การตัดสินใจนี้สะท้อนให้เห็นว่า รูปแบบของ "นักร้องคู่ประสานเสียง" 🎤🤝 ที่มีภาพลักษณ์สุภาพและเน้นทักษะการร้องถือเป็นกลยุทธ์เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพสูง การเน้นที่ "นักร้องคู่ประสานเสียง" แสดงให้เห็นว่าคุณภาพเสียงและการจัดวางเสียงประสานถูกกำหนดให้เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้น แนวคิดนี้เป็นความพยายามที่จะยกระดับรูปแบบการร้องเพลงให้แตกต่างจากดนตรีลูกทุ่งทั่วไป การประสานเสียงที่ซับซ้อนนี้ถูกมองว่าเป็นคุณสมบัติของดนตรีแนวลูกกรุงและป๊อปที่มีความประณีตและมีรสนิยมสูง ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคในเมืองได้ วงดอกไม้ป่าประกอบด้วยนักร้องดูโอหญิงสองคน: โชติมา ช่วงวิทย์ (ตุ้ม) และ ปัทมา มนต์รังสี (อ้อม) คุณโชติมาถือเป็นสมาชิกหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเธอเป็นบุตรสาวของ ชวลีย์ ช่วงวิทย์ นักร้องชื่อดังของวงสุนทราภรณ์ 👑 สายเลือดจากสุนทราภรณ์นี้มอบความน่าเชื่อถือทางวัฒนธรรมและ "ความเป็นลูกกรุง" ให้กับวงโดยอัตโนมัติ ทำให้ดอกไม้ป่าสามารถวางตำแหน่งตัวเองอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นลูกทุ่งและความเป็นลูกกรุง/คลาสสิก ในช่วงเวลาที่ดนตรีลูกทุ่งกำลังถูกกลุ่มรสนิยมใหม่ของคนเมืองมองว่าเป็น "ดนตรีบ้านนอก" การมีโชติมาได้ทำหน้าที่เป็น "การสร้างแบรนด์ทางวัฒนธรรม" ที่สำคัญยิ่ง การเชื่อมโยงนี้รับประกันว่าเพลงของดอกไม้ป่า แม้จะมีกลิ่นอายของลูกทุ่ง แต่ก็มีความสุภาพและมีคุณค่าในเชิงศิลปะแบบลูกกรุงสูง "ดอกไม้ป่าซาวด์" คือการผสมผสานทางดนตรี 🔥 ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการนำองค์ประกอบทางทำนองเพลงพื้นบ้านหรือลูกทุ่ง มารวมเข้ากับการเรียบเรียงดนตรีและเครื่องดนตรีสมัยใหม่ตามแบบฉบับดนตรีสตริง/ป๊อปในยุค 80s แก่นเรื่องแบบลูกทุ่งยังคงเป็นหัวใจหลักในการเล่าเรื่อง ตัวอย่างเช่น เพลง "ทุยใจดำ" 💔 ที่สื่อถึงคนรักที่ไม่ซื่อสัตย์ และเพลง "สาวชนบท" 🏡 ที่หยิบยกเรื่องราวความรักและชีวิตในท้องถิ่นมานำเสนอ แต่สิ่งที่ทำให้ดนตรีมีความแตกต่างคือการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ การใช้เครื่องดนตรีที่ซับซ้อน เช่น เปียโน กีตาร์ไฟฟ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องเป่า (Brass Section) 🎺🎷 ที่สร้างความหนาแน่นและพลังเสียงที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีการนำจังหวะที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีตะวันตกมาใช้ เช่น จังหวะช่าช่าช่า หรือฟังก์กี้ดิสโก้ในเพลงสนุกสนานอย่าง "ระบำยอดหญ้า" 💃 ทั้งหมดนี้ถูกขับร้องด้วยการประสานเสียงที่ไพเราะและสะอาดตา ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของดนตรีป๊อปในช่วงนั้น การวิเคราะห์เนื้อหาและแก่นหลักของบทเพลง 1️⃣ ความรักที่ถูกทรยศในบริบทกึ่งชนบท: เพลงอย่าง "ทุยใจดำ" และ "ช้ำ" นำเสนอความผิดหวังในความรักจากมุมมองของผู้หญิง เมื่อเนื้อหาเหล่านี้ถูกขับร้องด้วยคุณภาพเสียงที่สะอาดและการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ ความดิบหรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับความยากจนในเพลงลูกทุ่งแบบดั้งเดิมก็ถูกลดทอนลง เนื้อหาจึงถูก "ทำให้สะอาด" ให้เหลือเพียงความเศร้าแบบโรแมนติกที่เข้ากับมาตรฐานของเพลงป๊อปในเมือง 2️⃣ ความปรารถนาในชีวิตชนบทและความหวนคิดถึง: เพลง "สาวชนบท" และ "ระบำยอดหญ้า" นำเสนอภาพความสดใสและรื่นเริงของชีวิตในท้องถิ่น ผู้ฟังในเขตเมืองหลายคนซึ่งส่วนใหญ่อพยพมาจากชนบท ต่างให้การตอบรับต่อเพลงเหล่านี้อย่างดีเยี่ยม ดอกไม้ป่าจึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ "การหวนคิดถึงอย่างมีรสนิยม" (Aesthetic Nostalgia) 💖 ความสำเร็จอย่างสูงในตลาดเพลงสตริง/ป๊อป แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการ "เชื่อมรอยแยกทางวัฒนธรรม" 🔗 ระหว่างรสนิยมของคนเมือง (ที่แสวงหาความทันสมัย) กับความผูกพันของกลุ่มผู้ฟังต่อชนบท ปี พ.ศ. 2525 เป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ของคณะดอกไม้ป่าจากการเปิดตัวอัลบั้ม ทุยใจดำ 💿 ซึ่งได้กำหนดทิศทางและลักษณะเฉพาะของวงอย่างชัดเจน เพลงเอก "ทุยใจดำ" เป็นตัวอย่างชั้นยอดของการผสมผสานระหว่าง Luk Thung และ Pop ผนวกกับการเรียบเรียงที่ใช้เครื่องดนตรีครบวงและจังหวะที่เร้าใจ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงเต้นรำที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง วงยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในปี พ.ศ. 2526 โดยมีผลงานเพลงจากชุดต่อมา เช่น "สาวชนบท," "หนาวลมขมรัก," และ "รักทรมาน" การออกผลงานหลายชุดภายในเวลาอันสั้น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของค่ายเพลงในศักยภาพเชิงพาณิชย์และกระแสความนิยมที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานั้น การที่เพลงของพวกเขาถูกรวมอยู่ในอัลบั้มรวมเพลงฮิตเงินล้าน 💰 ร่วมกับศิลปินใหญ่แห่งยุค แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นวงชั้นนำในตลาดเพลงเทปคาสเซ็ตต์อย่างแท้จริง นอกจากคุณภาพทางดนตรีแล้ว ภาพลักษณ์ของคณะดอกไม้ป่ามีความสำคัญต่อการตลาดไม่น้อยไปกว่ากัน ภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอมีความเป็นมืออาชีพสูงและสอดคล้องกับแฟชั่นยุค 80s การปรากฏตัวทั้งในสตูดิโอและภาพคอนเสิร์ต 🎙️ แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในการผลิต และการแต่งกายที่ดูทันสมัยและสะอาดตา ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากภาพลักษณ์ลูกทุ่งแบบดั้งเดิม คณะดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญสองประการในต้นทศวรรษ 1980s นั่นคือพลวัตของการอพยพย้ายถิ่นฐาน 🚚 และการเปลี่ยนแปลงของบทบาททางเพศ ในช่วงหลังปี 2520 สังคมไทยเข้าสู่ยุคของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขยายตัวของชนชั้นกลางในเขตเมืองอย่างชัดเจน ผู้คนจำนวนมากอพยพจากชนบทเข้าสู่กรุงเทพฯ 🏙️ ทำให้เกิดความตึงเครียดทางวัฒนธรรมระหว่างวิถีชีวิตแบบเมืองกับรากเหง้าที่ยังคงผูกพันกับชนบท กลุ่มผู้ฟังที่ย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ยังคงมีความผูกพันทางอารมณ์กับเนื้อหาและทำนองแบบลูกทุ่ง แต่รสนิยมทางเสียงของพวกเขาได้ถูกหล่อหลอมด้วยดนตรีป๊อปและสตริงที่ทันสมัย ดอกไม้ป่าจึงเข้ามาตอบโจทย์นี้ด้วยการนำเสนอ "ลูกทุ่งในแพ็คเกจป๊อป" เพลงที่มีธีมเกี่ยวกับ "สาวชนบท" ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยนักร้องที่ดูทันสมัยในบริบทเมือง จึงสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ฟังกลุ่มย้ายถิ่นฐานได้อย่างลึกซึ้ง บทเพลงของดอกไม้ป่าเปรียบเสมือน "ซาวด์แทร็กของการปรับตัว" ของคนชนบทเข้าสู่สังคมเมือง การที่คณะดอกไม้ป่าเป็นนักร้องดูโอหญิงในแนว Pop/Fusion แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาททางเพศในสื่อและสังคมในช่วงเวลานั้น ภาพลักษณ์ของ โชติมา และ ปัทมา เป็นตัวแทนของ ผู้หญิงในยุคสมัยใหม่ 👩‍🎤 ที่สามารถเป็นทั้งผู้รักษามรดกทางวัฒนธรรมและเป็นผู้หญิงที่มีความทันสมัย (ผ่านสไตล์การแต่งกายและการนำเสนอแบบป๊อป) นอกจากนี้ เพลงที่กล้าแสดงออกถึงความผิดหวังในความรักและความช้ำ 💔 เป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตัวในที่สาธารณะได้มากขึ้น โดยที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีและไม่ฉีกกรอบทางสังคมมากนัก ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยที่บทบาทของผู้หญิงเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น ในช่วงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นช่วงที่สังคมกำลังฟื้นตัวหลังความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ ดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงมักจะไม่มีวาระทางการเมืองที่ชัดเจน คณะดอกไม้ป่าเองก็เน้นที่ความบันเทิงและเรื่องราวส่วนตัว การหลีกเลี่ยงข้อความที่อาจสร้างความขัดแย้งทางการเมืองในบทเพลง ส่งผลให้ดอกไม้ป่าสามารถเข้าถึงผู้ชมหลักได้อย่างง่ายดาย ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างสูงในช่วงยุครุ่งเรือง 💵💶💷 ดังที่ปรากฏหลักฐานจากการออกอัลบั้ม Longplay เต็มรูปแบบหลายชุด และการมีอัลบั้มรวมเพลงฮิต การที่เพลงของวงถูกนำไปรวมอยู่ในอัลบั้มที่ทำยอดขายสูงร่วมกับศิลปินสำคัญแห่งยุค ตอกย้ำสถานะของพวกเขาในฐานะวงชั้นนำของตลาดเทปคาสเซ็ตต์ 📼 ซึ่งเป็นรูปแบบการบริโภคหลักในยุคนั้น ดอกไม้ป่าไม่ได้เป็นเพียงวงดนตรีที่ขายดี แต่ยังได้สร้างต้นแบบ 🏗️ ให้กับแนวเพลงผสมผสานที่ทรงอิทธิพล พวกเขาเป็นตัวอย่างสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นว่าดนตรีที่มีรากฐานลูกทุ่งสามารถนำเสนอในรูปแบบป๊อปสตริงที่มีคุณภาพสูงและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ การเปิดทางนี้มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังจำนวนมากที่พยายามนำเสนอ "ลูกทุ่งสมัยใหม่" ซึ่งช่วยยืดอายุและปรับโฉมให้ดนตรีลูกทุ่งยังคงอยู่รอดในยุคที่ดนตรี String ครองตลาด การที่ดอกไม้ป่าสามารถนำเอาองค์ประกอบของลูกทุ่งและป๊อปมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้ผู้ผลิตเพลงเห็นว่า "สูตรผสม" นี้เป็นช่องทางที่มั่นคงในการขยายตลาดไปยังผู้ฟังที่มีรสนิยมหลากหลาย ถือเป็นการเร่งกระบวนการที่ทำให้ดนตรีสตริงได้ครอบครองความโดดเด่นในที่สุด มรดกทางดนตรีของดอกไม้ป่ายังคงยืนยง ⏳ เพลงของพวกเขายังคงถูกค้นหาและรับฟังในปัจจุบันผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานของทำนองและเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลยังเห็นได้จากการที่สมาชิกหลักของวงยังคงมีความเคลื่อนไหวในการกลับมาทำเพลงใหม่ในนามดอกไม้ป่า ("พลังรัก") และมีการสร้างช่องทาง YouTube เฉพาะ 🎥 การเคลื่อนไหวนี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าศิลปินยุคบุกเบิกสามารถใช้แพลตฟอร์มสมัยใหม่เพื่อรักษาและขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงผู้ฟังรุ่นใหม่ได้ ✨ ✅✅ สรุป: มรดกของดอกไม้ป่า ✅✅ คณะดอกไม้ป่าจัดเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีและวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนในช่วงรอยต่อของสังคมไทย พวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความสมดุลระหว่างมรดกทางดนตรีคลาสสิก (ผ่านสายเลือดสุนทราภรณ์) กับความต้องการของตลาดป๊อปที่เน้นความทันสมัยและคุณภาพการผลิตสูง บทเพลงของดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นกลไกทางวัฒนธรรมที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางสังคมภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเมือง ด้วยการนำเสนอความบันเทิงที่ปลอดภัยและเป็นทางออกทางวัฒนธรรมสำหรับกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานที่ต้องการรักษาความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับชนบท ในขณะที่ปรับตัวเข้าสู่ความเป็นเมืองอย่างเต็มตัว มรดกที่สำคัญที่สุดของคณะดอกไม้ป่าคือการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่แข็งแกร่งที่สุดของ "ดนตรีลูกทุ่งประยุกต์" 🎶 พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าความทันสมัยทางดนตรีไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากรากฐานทางวัฒนธรรมดั้งเดิม และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมเพลงป๊อปไทยในทศวรรษต่อมาให้ยอมรับและผสมผสานแนวเพลงที่มีรากฐานมาจาก Luk Thung เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงกระแสหลักได้อย่างลงตัว 💯 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/NnrS7BYpRRc
    0 Comments 0 Shares 870 Views 0 Reviews
  • “5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ผู้ใช้รีวิวว่ายกระดับห้องนอนได้ทันที — จากปลั๊กไฟยันผ้าห่มอุ่น”

    ห้องนอนคือพื้นที่พักผ่อนที่ควรสะดวกสบายและตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ล่าสุดเว็บไซต์ SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับรีวิวจากผู้ใช้จริงมากกว่า 1,000 ราย และมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.4 ดาวบน Amazon ซึ่งช่วยยกระดับห้องนอนให้ทันสมัยและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

    1️⃣ เริ่มจาก Qinlianf Outlet Extender ปลั๊กพ่วงอัจฉริยะที่มีทั้ง 5 ช่องเสียบไฟและ 4 ช่อง USB รวมถึงรุ่นอัปเกรดที่มีไฟกลางคืนในตัว เหมาะสำหรับบ้านเก่าที่มีช่องเสียบไฟน้อย และยังรองรับปลั๊กขนาดใหญ่ได้โดยไม่เบียดกัน

    2️⃣ ต่อมาคือ Rootro Table Lamp โคมไฟสัมผัสที่ปรับสีได้แบบ RGB และมีแสง 360 องศา เหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศผ่อนคลายก่อนนอน แม้จะไม่มีรีโมทหรือแอปควบคุม แต่ผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่เสีย

    3️⃣ Dreo Smart Humidifier เครื่องเพิ่มความชื้นที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ช่วยดูแลผิวและสุขภาพในห้องที่อากาศแห้ง มีถังน้ำขนาด 4 ลิตรที่เติมง่ายและมีระบบแจ้งเตือนทำความสะอาด

    4️⃣ Bedsure Heated Blanket ผ้าห่มไฟฟ้าที่ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ มีระบบตั้งเวลาและเนื้อผ้านุ่มสบาย เหมาะสำหรับฤดูหนาวหรือผู้ที่ต้องการความอบอุ่นเฉพาะจุด

    5️⃣ สุดท้ายคือ Huanuo Lap Desk โต๊ะวางแล็ปท็อปแบบพกพาที่มีเบาะรองมือและพื้นเอียง ช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์ในเตียงได้สะดวกขึ้น โดยมีให้เลือกหลายขนาดตามอุปกรณ์ที่ใช้

    https://www.slashgear.com/1985726/more-smart-gadgets-to-upgrade-bedroom/
    🛏️ “5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ผู้ใช้รีวิวว่ายกระดับห้องนอนได้ทันที — จากปลั๊กไฟยันผ้าห่มอุ่น” ห้องนอนคือพื้นที่พักผ่อนที่ควรสะดวกสบายและตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ล่าสุดเว็บไซต์ SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับรีวิวจากผู้ใช้จริงมากกว่า 1,000 ราย และมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.4 ดาวบน Amazon ซึ่งช่วยยกระดับห้องนอนให้ทันสมัยและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น 1️⃣ เริ่มจาก Qinlianf Outlet Extender ปลั๊กพ่วงอัจฉริยะที่มีทั้ง 5 ช่องเสียบไฟและ 4 ช่อง USB รวมถึงรุ่นอัปเกรดที่มีไฟกลางคืนในตัว เหมาะสำหรับบ้านเก่าที่มีช่องเสียบไฟน้อย และยังรองรับปลั๊กขนาดใหญ่ได้โดยไม่เบียดกัน 2️⃣ ต่อมาคือ Rootro Table Lamp โคมไฟสัมผัสที่ปรับสีได้แบบ RGB และมีแสง 360 องศา เหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศผ่อนคลายก่อนนอน แม้จะไม่มีรีโมทหรือแอปควบคุม แต่ผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่เสีย 3️⃣ Dreo Smart Humidifier เครื่องเพิ่มความชื้นที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ช่วยดูแลผิวและสุขภาพในห้องที่อากาศแห้ง มีถังน้ำขนาด 4 ลิตรที่เติมง่ายและมีระบบแจ้งเตือนทำความสะอาด 4️⃣ Bedsure Heated Blanket ผ้าห่มไฟฟ้าที่ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ มีระบบตั้งเวลาและเนื้อผ้านุ่มสบาย เหมาะสำหรับฤดูหนาวหรือผู้ที่ต้องการความอบอุ่นเฉพาะจุด 5️⃣ สุดท้ายคือ Huanuo Lap Desk โต๊ะวางแล็ปท็อปแบบพกพาที่มีเบาะรองมือและพื้นเอียง ช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์ในเตียงได้สะดวกขึ้น โดยมีให้เลือกหลายขนาดตามอุปกรณ์ที่ใช้ https://www.slashgear.com/1985726/more-smart-gadgets-to-upgrade-bedroom/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 More Smart Gadgets User Reviews Say Can Instantly Upgrade Any Bedroom - SlashGear
    Smart gadgets with thousands of reviews that users say improve comfort, lighting, and convenience in the bedroom while staying budget-friendly.
    0 Comments 0 Shares 419 Views 0 Reviews
  • ..เขมรคือภัยศัตรูประเทศไทยชัดเจนแล้ว,ไม่สามารถญาติดีใดๆด้วย,รมต.กลาโหมชุดอนุทินถือว่าถูกว่ายาถ้าอนุทินจะเป็นนานกฯคนต่อไปสมัยหน้าอีก,สร้างภาพให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล4เดือนของอนุทินชัดเจน,พออนุทินจะทำคะแนนสร้างชื่อเสียง สังเกตุมั้ยว่าจะออกมามีวาทะคำเด็ดให้ทัวร์คนไทยลง,พาลคนไทยเกลียดชังอนุทินไปด้วย ซึ่งพยายามทำคะแนนทางการเมืองอยู่ดีๆ เสียหมาแบบถูกเตะตัดขาได้เลย,นายกฯอนุทินตั้งรมต.กลาโหมมาฆ่าตัวเองและพรรคตัวเองแท้ๆ.

    ..เขมรคือศัตรูของชาติไทย,ต่างชาติแบบจีน แบบฝรั่งเศสหรือแบบอเมริกา ต้องการทรัพยากรมีค่ามากมายในเขมร บวกถ้าได้จากกรณี1:200,000แดกดินแดนไทยด้วยยิ่งดี,โดยยืมมือชื่อชาติเหี้ยเขมรมายึดดินแดนไทยไปด้วยเลย,สนับสนุนอาวุธให้เขมรทั้งทางแจ้งและทางลับ ค้าอาวุธไปในตัว ในหมู่ชาติค้าอาวุธทั่วโลก แดกตังจากเดอะแก๊งเถื่อนๆมากมายในเขมรนั้นล่ะให้ซื้ออาวุธมาปกป้องเขมร ปกป้องธุรกิจสีเทาสีเถื่อนของตนเต็มเขมรด้วย ตลอดเงินลงทุนตนที่ลงไปมากมายในเขมรอาจเสียหายนั้นเองหรือที่ได้สิทธิเช่าที่ดินทำกิจการธุรกิจแบบเหมืองแร่ต่างๆในเขมรกว่า99ปีจะเสียประโยชน์จากพื้นที่นี้ไป,ยิ่งไทยบอกว่าจะยึดชาติเขมร ยึดพระตะบอง ยึดเสียมราฐ ยึดศรีโสภณ ยึดเกาะกง ยึดเขตบูรพาใต้ในอดีตที่ฝรั่งเศสปล้นไปแล้วไม่คืนถูกคน ไทยเราจะยึดคืนทั้งหมดในคราวเดียวทันที,ต่างชาติที่ลงทุนในเขมรก็ดิ้นพล่านนะสิ เสือกเลยถ้าไทยทำสงครามแตกหักยึดดินแดนไทยในอดีตคืนจากฝรั่งเศสให้เขมรผิดประเทศไป,และเราชอบธรรมด้วยที่สามารถยึดคืนทวงคืนได้,พวกต่างประเทศที่ลงทุนบนพื้นที่ที่ว่านี้จึงมีหนาว กลัวเสียผลประโยชน์ชัดเจน ,จะออกนอกหน้าช่วยเขมร กลัวชาวโลกรับรู้ว่าช่วยอาชญากรรมชาติเขมรระดับโลกเสียชื่อเสียงไปด้วย เป็นฐานฟอกเงินช่วยต่างชาติแบบกูทางลับก็ได้อีก,อะไรเถื่อนๆกูยืมมือชาติเขมรออกนอกหน้าเสื่อมเสียชื่อเสียงแทนกูชาติต่างประเทศแบบกูที่ทำตัวดูดีตลอดมาแก่คนทั้งโลกได้หมด.

    ..เรื่องเขมรจริงๆไม่มีอะไรเลย,หลักเขตแดนที่ร.5ทำกับฝรั่งเศสที่1:1 สันปันน้ำก็ชัดเจนแล้ว สร้างรั้วลวดหนามได้เลย,ผลักดันจับกุมเขมรในฝั่งไทยได้หมดหากรุกล้ำเข้ามาจริง, ยกเลิกmou43ตัวต้นเรื่องปัญหาทั้งหมด 44และอะไรๆก็โมฆะอัตโนมัติเชื่อมโยงตัดขาดจบปัญหาได้ทันที,ดินแดนใครก็ของใคร อยู่ใครอยู่มันมีรั้วกำแพงถาวรกั้นกัน,ที่นักการเมืองและข้าราชการปฏิเสธไม่อยากทำเพราะจะหนีเมื่อทำผิด ออกไปทางช่องธรรมชาติของเขมรแบบที่เคยเป็นมาไม่ได้,เจ้าพ่อเจ้าสัวชั่ว ไทยเทา ผู้มีอิทธิพลมีเลี้ยงลูกน้องชั่วสั่งเก็บใคร แล้วหนีออกทางเขมรจะลำบากเพราะมีกำแพงรั้วลวดหนามกั้น ต้องผ่านด่านอย่างเดียว ความซวยและบรรลัยอนาถจึงเกิดขึ้นแน่นอน จึงยอมรับไม่ได้,ส่วนทางเขมรเองแบบคนเขมรหนีตายทางการเมืองเข้าไทยทางธรรมชาติก็ลำบากไปด้วย,ต้องผ่านด่านอีก,พวกต่างชาติเทาๆเถื่อนๆอีก หมายทำการค้าทำตังเถื่อนๆที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลต่อปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทยิ่งลำบากไปด้วย,มันเข้าเขมรออกทะเลได้สบาย.ขนอะไรได้สะดวก ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าอวัยวะมนุษย์ค้าเด็ก ขนทองคำ ขนแร่ธาตุต่างๆหนีภาษีได้หมด กำไรทั้งนั้น,เขมรจึงฮับสาระพัดชาติต่างประเทศชั่วๆเลวๆไปกกกันที่เขมรเถื่อนตรึมทั้งแบบหน้าฉากทำทีทำถูกกฎหมายขนอะไรใส่ตู้คอนเทเนอร์บนกฎหมายฮุนเซนเขมรเถื่อนคุ้มครองตีตราปกป้องสินค้าพวกนี้เต็มที่,ส่วนพวกแบบเถื่อนๆยิ่งโหด ไม่ต้องพูดถึง สาระพัดมิติช่องชั่วเลวพลิกแพลงได้หมด,ต่างชาติใดที่สนับสนุนเขมรจะทางแจ้งหรือทางลับล้วนเป็นชาติประเทศต่างขาติที่สาระเลวชั่วช้าเลวทรามด้วย,มันสนับสนุนเขมรร่วมก่ออาชญากรรมระดับสากลโลกกับเขมรชัดเจน,พวกนี้จะต้องคำสาปพระเจ้าไชยวรมันด้วยแน่นอน,ประเทศต่างชาตินั้นๆจะพบแต่ความหายนะ ภัยพิบัติ หรือบ้านเมืองตน ประเทศตนมันนั้นล่มสลายสิ้นชาติไปพร้อมกับเขมรด้วย,ยิ่งพลังงานจักรวาลแสงทองส่องลงมาโลกเปิดมิตินรกชั่วเลวมารับต่างชาติชั่วต่างชาติเลว ประเทศชาติไหนชั่วเลวแบบสมคบคิดกับเขมร จะถูกพลังงานนี้ทวีเร่งอัตราเดือดให้ชาติประเทศชั่วเลวนั้นๆพบเจอแต่ความหายนะล่มจมสิ้นประเทศ ประชาชนในประเทศตนพบแต่ความเดือดร้อนทุกข์ยากมหาทวีคูณ,พระเจ้าแห่งอนันตจักรวาลส่งสัญญาณส่งพลังงานเพื่อมากวาดล้างสิ่งชั่วเลวบนโลกนี้,อะไรไม่เคยเห็นเคยปรากฎที่แอบซ่อนความชั่ว ซ่อนสิ่งเลวชั่วร้ายไว้ปกปิดไว้จะถูกปิดออกและถูกกำจัดทันที,ด้วยอนุภาคพลังงานของแสงสว่างแห่งพระเจ้าจักรวาลนั้นที่ส่งมาถึงโลกแล้ว,โลกจะอัพเลเวลนั้นเอง,การคัดคนคัดกรองคนมันเริ่มแล้ว.,เมืองบาดาลใต้โลกใต้มหาสมุทรแบบโลกกลวงก็ไม่เว้น.,เขมรและต่างชาติต่างประเทศที่ส่งเสริมสนับสนุนเขมรก็ไม่เว้นก็ไม่รอด,กรรมหนักมากที่หมายร่วมทำลายเขตอภัยทานดินแดนแห่งพุทธะภูมิพุทธะธรรมคือประเทศไทยนี้,ประเทศไทยได้เปรียบเขตวัดวาอารามแล้วด้วยพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกแผ่นดินไทยนี้ทั้งประเทศเป็นแผ่นดินวัดแผ่นดินเขตวัดแผ่นดินในพระพุทธศาสนาแล้ว,มันผู้ใดเอาของวัดไปกรรมหนักมาก ไม่เอามาคืนจะพบแต่ภัยพิบัติพบแต่ความหายนะ ยิ่งปล้นชิงวัดอีก,เล่นๆที่ไหน,หลายๆประเทศแบบชาติล่าอาณานิคมมากมายกำลังประสบพบกรรมหายนะแห่งกรรมเริ่มทำงานอยู่ในขณะนี้,ไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศนะ ธรรมดาที่ไหน แดนดินแห่งชาติที่ร่ำรวยพระอรหันต์โน้นค้ำประกันแล้ว,เล่นๆที่ไหน.,ปัจเจกบุคคลอัจฉริยะอีกกระจายอยู่เต็มประเทศ.,ประเทศไทยดินแดนแห่งธรรมสายกลาง.,อารยะธรรมจักรวาลศูนย์กลางจักรวาลนี้คือประเทศไทยนี้ล่ะ.

    https://youtube.com/watch?v=QnaxRJTIAlY&si=PdL9IqkkJXFU4qt8
    ..เขมรคือภัยศัตรูประเทศไทยชัดเจนแล้ว,ไม่สามารถญาติดีใดๆด้วย,รมต.กลาโหมชุดอนุทินถือว่าถูกว่ายาถ้าอนุทินจะเป็นนานกฯคนต่อไปสมัยหน้าอีก,สร้างภาพให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล4เดือนของอนุทินชัดเจน,พออนุทินจะทำคะแนนสร้างชื่อเสียง สังเกตุมั้ยว่าจะออกมามีวาทะคำเด็ดให้ทัวร์คนไทยลง,พาลคนไทยเกลียดชังอนุทินไปด้วย ซึ่งพยายามทำคะแนนทางการเมืองอยู่ดีๆ เสียหมาแบบถูกเตะตัดขาได้เลย,นายกฯอนุทินตั้งรมต.กลาโหมมาฆ่าตัวเองและพรรคตัวเองแท้ๆ. ..เขมรคือศัตรูของชาติไทย,ต่างชาติแบบจีน แบบฝรั่งเศสหรือแบบอเมริกา ต้องการทรัพยากรมีค่ามากมายในเขมร บวกถ้าได้จากกรณี1:200,000แดกดินแดนไทยด้วยยิ่งดี,โดยยืมมือชื่อชาติเหี้ยเขมรมายึดดินแดนไทยไปด้วยเลย,สนับสนุนอาวุธให้เขมรทั้งทางแจ้งและทางลับ ค้าอาวุธไปในตัว ในหมู่ชาติค้าอาวุธทั่วโลก แดกตังจากเดอะแก๊งเถื่อนๆมากมายในเขมรนั้นล่ะให้ซื้ออาวุธมาปกป้องเขมร ปกป้องธุรกิจสีเทาสีเถื่อนของตนเต็มเขมรด้วย ตลอดเงินลงทุนตนที่ลงไปมากมายในเขมรอาจเสียหายนั้นเองหรือที่ได้สิทธิเช่าที่ดินทำกิจการธุรกิจแบบเหมืองแร่ต่างๆในเขมรกว่า99ปีจะเสียประโยชน์จากพื้นที่นี้ไป,ยิ่งไทยบอกว่าจะยึดชาติเขมร ยึดพระตะบอง ยึดเสียมราฐ ยึดศรีโสภณ ยึดเกาะกง ยึดเขตบูรพาใต้ในอดีตที่ฝรั่งเศสปล้นไปแล้วไม่คืนถูกคน ไทยเราจะยึดคืนทั้งหมดในคราวเดียวทันที,ต่างชาติที่ลงทุนในเขมรก็ดิ้นพล่านนะสิ เสือกเลยถ้าไทยทำสงครามแตกหักยึดดินแดนไทยในอดีตคืนจากฝรั่งเศสให้เขมรผิดประเทศไป,และเราชอบธรรมด้วยที่สามารถยึดคืนทวงคืนได้,พวกต่างประเทศที่ลงทุนบนพื้นที่ที่ว่านี้จึงมีหนาว กลัวเสียผลประโยชน์ชัดเจน ,จะออกนอกหน้าช่วยเขมร กลัวชาวโลกรับรู้ว่าช่วยอาชญากรรมชาติเขมรระดับโลกเสียชื่อเสียงไปด้วย เป็นฐานฟอกเงินช่วยต่างชาติแบบกูทางลับก็ได้อีก,อะไรเถื่อนๆกูยืมมือชาติเขมรออกนอกหน้าเสื่อมเสียชื่อเสียงแทนกูชาติต่างประเทศแบบกูที่ทำตัวดูดีตลอดมาแก่คนทั้งโลกได้หมด. ..เรื่องเขมรจริงๆไม่มีอะไรเลย,หลักเขตแดนที่ร.5ทำกับฝรั่งเศสที่1:1 สันปันน้ำก็ชัดเจนแล้ว สร้างรั้วลวดหนามได้เลย,ผลักดันจับกุมเขมรในฝั่งไทยได้หมดหากรุกล้ำเข้ามาจริง, ยกเลิกmou43ตัวต้นเรื่องปัญหาทั้งหมด 44และอะไรๆก็โมฆะอัตโนมัติเชื่อมโยงตัดขาดจบปัญหาได้ทันที,ดินแดนใครก็ของใคร อยู่ใครอยู่มันมีรั้วกำแพงถาวรกั้นกัน,ที่นักการเมืองและข้าราชการปฏิเสธไม่อยากทำเพราะจะหนีเมื่อทำผิด ออกไปทางช่องธรรมชาติของเขมรแบบที่เคยเป็นมาไม่ได้,เจ้าพ่อเจ้าสัวชั่ว ไทยเทา ผู้มีอิทธิพลมีเลี้ยงลูกน้องชั่วสั่งเก็บใคร แล้วหนีออกทางเขมรจะลำบากเพราะมีกำแพงรั้วลวดหนามกั้น ต้องผ่านด่านอย่างเดียว ความซวยและบรรลัยอนาถจึงเกิดขึ้นแน่นอน จึงยอมรับไม่ได้,ส่วนทางเขมรเองแบบคนเขมรหนีตายทางการเมืองเข้าไทยทางธรรมชาติก็ลำบากไปด้วย,ต้องผ่านด่านอีก,พวกต่างชาติเทาๆเถื่อนๆอีก หมายทำการค้าทำตังเถื่อนๆที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลต่อปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทยิ่งลำบากไปด้วย,มันเข้าเขมรออกทะเลได้สบาย.ขนอะไรได้สะดวก ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าอวัยวะมนุษย์ค้าเด็ก ขนทองคำ ขนแร่ธาตุต่างๆหนีภาษีได้หมด กำไรทั้งนั้น,เขมรจึงฮับสาระพัดชาติต่างประเทศชั่วๆเลวๆไปกกกันที่เขมรเถื่อนตรึมทั้งแบบหน้าฉากทำทีทำถูกกฎหมายขนอะไรใส่ตู้คอนเทเนอร์บนกฎหมายฮุนเซนเขมรเถื่อนคุ้มครองตีตราปกป้องสินค้าพวกนี้เต็มที่,ส่วนพวกแบบเถื่อนๆยิ่งโหด ไม่ต้องพูดถึง สาระพัดมิติช่องชั่วเลวพลิกแพลงได้หมด,ต่างชาติใดที่สนับสนุนเขมรจะทางแจ้งหรือทางลับล้วนเป็นชาติประเทศต่างขาติที่สาระเลวชั่วช้าเลวทรามด้วย,มันสนับสนุนเขมรร่วมก่ออาชญากรรมระดับสากลโลกกับเขมรชัดเจน,พวกนี้จะต้องคำสาปพระเจ้าไชยวรมันด้วยแน่นอน,ประเทศต่างชาตินั้นๆจะพบแต่ความหายนะ ภัยพิบัติ หรือบ้านเมืองตน ประเทศตนมันนั้นล่มสลายสิ้นชาติไปพร้อมกับเขมรด้วย,ยิ่งพลังงานจักรวาลแสงทองส่องลงมาโลกเปิดมิตินรกชั่วเลวมารับต่างชาติชั่วต่างชาติเลว ประเทศชาติไหนชั่วเลวแบบสมคบคิดกับเขมร จะถูกพลังงานนี้ทวีเร่งอัตราเดือดให้ชาติประเทศชั่วเลวนั้นๆพบเจอแต่ความหายนะล่มจมสิ้นประเทศ ประชาชนในประเทศตนพบแต่ความเดือดร้อนทุกข์ยากมหาทวีคูณ,พระเจ้าแห่งอนันตจักรวาลส่งสัญญาณส่งพลังงานเพื่อมากวาดล้างสิ่งชั่วเลวบนโลกนี้,อะไรไม่เคยเห็นเคยปรากฎที่แอบซ่อนความชั่ว ซ่อนสิ่งเลวชั่วร้ายไว้ปกปิดไว้จะถูกปิดออกและถูกกำจัดทันที,ด้วยอนุภาคพลังงานของแสงสว่างแห่งพระเจ้าจักรวาลนั้นที่ส่งมาถึงโลกแล้ว,โลกจะอัพเลเวลนั้นเอง,การคัดคนคัดกรองคนมันเริ่มแล้ว.,เมืองบาดาลใต้โลกใต้มหาสมุทรแบบโลกกลวงก็ไม่เว้น.,เขมรและต่างชาติต่างประเทศที่ส่งเสริมสนับสนุนเขมรก็ไม่เว้นก็ไม่รอด,กรรมหนักมากที่หมายร่วมทำลายเขตอภัยทานดินแดนแห่งพุทธะภูมิพุทธะธรรมคือประเทศไทยนี้,ประเทศไทยได้เปรียบเขตวัดวาอารามแล้วด้วยพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกแผ่นดินไทยนี้ทั้งประเทศเป็นแผ่นดินวัดแผ่นดินเขตวัดแผ่นดินในพระพุทธศาสนาแล้ว,มันผู้ใดเอาของวัดไปกรรมหนักมาก ไม่เอามาคืนจะพบแต่ภัยพิบัติพบแต่ความหายนะ ยิ่งปล้นชิงวัดอีก,เล่นๆที่ไหน,หลายๆประเทศแบบชาติล่าอาณานิคมมากมายกำลังประสบพบกรรมหายนะแห่งกรรมเริ่มทำงานอยู่ในขณะนี้,ไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศนะ ธรรมดาที่ไหน แดนดินแห่งชาติที่ร่ำรวยพระอรหันต์โน้นค้ำประกันแล้ว,เล่นๆที่ไหน.,ปัจเจกบุคคลอัจฉริยะอีกกระจายอยู่เต็มประเทศ.,ประเทศไทยดินแดนแห่งธรรมสายกลาง.,อารยะธรรมจักรวาลศูนย์กลางจักรวาลนี้คือประเทศไทยนี้ล่ะ. https://youtube.com/watch?v=QnaxRJTIAlY&si=PdL9IqkkJXFU4qt8
    0 Comments 0 Shares 899 Views 0 Reviews
More Results