• ตร.ปากเกร็ดรวบทันควัน! เพื่อนสนิทรัวยิงหนุ่มแบงก์ 17 นัด ดับคารถ ที่แท้ปมรักสามเส้าเคลียร์ไม่ลงตัว แย่งหญิงคนเดียวกัน

    จากกรณีเหตุยิงกันจนมีผู้เสียชีวิตบริเวณหน้าปากซอยต้นสน 15 อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายใต้อำนวยสั่งการของ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.การุณย์ ลิมปิโรจนฤทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.ยศธเดช สุขเทียบ สว.สส.สภ.ปากเกร็ด ตำรวจฝ่ายสืบสวนสภ.ปากเกร็ด จับกุมตัวนายสิทธิพงษ์ สิงหพ หรือแม็ก อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีเลขที่ 614/2568 ลงวันที่ 3 พ.ค.68 ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง , พาอาวุธปืนไปในทาง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต , ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน โดยตำรวจจับกุมตัวได้ที่ บ้านพักแห่งหนึ่ง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000041535

    #MGROnline #รัวยิง #หนุ่มแบงก์ #17นัด
    ตร.ปากเกร็ดรวบทันควัน! เพื่อนสนิทรัวยิงหนุ่มแบงก์ 17 นัด ดับคารถ ที่แท้ปมรักสามเส้าเคลียร์ไม่ลงตัว แย่งหญิงคนเดียวกัน • จากกรณีเหตุยิงกันจนมีผู้เสียชีวิตบริเวณหน้าปากซอยต้นสน 15 อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายใต้อำนวยสั่งการของ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.การุณย์ ลิมปิโรจนฤทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.ยศธเดช สุขเทียบ สว.สส.สภ.ปากเกร็ด ตำรวจฝ่ายสืบสวนสภ.ปากเกร็ด จับกุมตัวนายสิทธิพงษ์ สิงหพ หรือแม็ก อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีเลขที่ 614/2568 ลงวันที่ 3 พ.ค.68 ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง , พาอาวุธปืนไปในทาง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต , ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน โดยตำรวจจับกุมตัวได้ที่ บ้านพักแห่งหนึ่ง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000041535 • #MGROnline #รัวยิง #หนุ่มแบงก์ #17นัด
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • ล็อคเก็ตหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี ปี2512
    ล็อคเก็ตหลวงพ่อมุ่ย (หลังฝังสิงห์แกะ พร้อมผ้าจีวรพระ ) วัดดอนไร่ ต.หนองสะเดา อำเภอสามชุก จ.สุพรรณบุรี ปี2512 //พระเกจิชื่อดัง ต้นตำรับวัตถุมงคลพระเครื่องดัง เป็นที่หายาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และเปี่ยมด้วยอำนาจบารมี แคล้วคลาดปลอดภัย เดินทางปลอดภัย เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เป็นสิริมงคลยิ่งนัก >>>


    ** หลวงพ่อมุ่ย ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกองค์ที่ไม่ธรรมดา และอาจารย์ของท่านก็ไม่ธรรมดาเช่นกันอย่างเช่น 1.หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า 2.หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และ อีกหลายท่านเพราะท่าน วัตถุมงคลของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์และมีประสบการณ์แก่ผู้อาราธนาสวมใส่

    หลวงพ่อมุ่ย มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก คาถาอาคมของท่านเข้มขลังยิ่งนัก ทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อมุ่ย ทุกรุ่นได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมาก >>>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    ล็อคเก็ตหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี ปี2512 ล็อคเก็ตหลวงพ่อมุ่ย (หลังฝังสิงห์แกะ พร้อมผ้าจีวรพระ ) วัดดอนไร่ ต.หนองสะเดา อำเภอสามชุก จ.สุพรรณบุรี ปี2512 //พระเกจิชื่อดัง ต้นตำรับวัตถุมงคลพระเครื่องดัง เป็นที่หายาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และเปี่ยมด้วยอำนาจบารมี แคล้วคลาดปลอดภัย เดินทางปลอดภัย เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เป็นสิริมงคลยิ่งนัก >>> ** หลวงพ่อมุ่ย ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกองค์ที่ไม่ธรรมดา และอาจารย์ของท่านก็ไม่ธรรมดาเช่นกันอย่างเช่น 1.หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า 2.หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และ อีกหลายท่านเพราะท่าน วัตถุมงคลของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์และมีประสบการณ์แก่ผู้อาราธนาสวมใส่ หลวงพ่อมุ่ย มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก คาถาอาคมของท่านเข้มขลังยิ่งนัก ทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อมุ่ย ทุกรุ่นได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมาก >>> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • 78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅

    เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า?

    เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥

    เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก

    "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ"

    “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี

    😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5”

    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน

    แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨

    ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป

    สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน

    🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️

    “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ”

    🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน

    เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ

    “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ”

    🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง

    จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน”

    สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา

    📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก...

    ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌

    แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล”

    😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร

    “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้

    เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ

    🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร

    🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ

    🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่...

    เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า”

    คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓

    ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ?

    ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง?

    ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว?

    🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ
    แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี

    เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568

    📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅 เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า? เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥 เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ" “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี 😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5” ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨 ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน 🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️ “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ” 🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ” 🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน” สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา 📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก... ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล” 😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้ เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ 🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร 🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ 🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่... เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า” คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓ ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ? ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง? ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว? 🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568 📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    0 Comments 0 Shares 346 Views 0 Reviews
  • 63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥

    ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

    🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า

    🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️

    จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️

    🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚

    เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭

    ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞

    🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️

    ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔

    🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾

    ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️

    🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ

    จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️

    🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️

    🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️

    🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗

    แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค

    🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

    ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568

    🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥 ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ 🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า 🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️ จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️ 🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚 เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭 ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞 🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️ ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔ 🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾 ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️ 🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️ 🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️ 🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️ 🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗ แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค 🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568 🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 Comments 0 Shares 438 Views 0 Reviews
  • 'ลูกท็อป' ไม่ปลื้ม โดนบีบแลกกระทรวง ยันขอทำงานร่วมทุกฝ่าย
    .
    กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีแรงขึ้นมาทุกขณะ คราวนี้มีหวยมาออกที่พรรคชาติไทยพัฒนา ภายหลังมีรายงานว่านายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค อาจโดนโยกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงของมนุษย์มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งบ้านใหญ่สุพรรณบุรีดูจะไม่ปลื้มเท่าใดนัก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000036914

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    'ลูกท็อป' ไม่ปลื้ม โดนบีบแลกกระทรวง ยันขอทำงานร่วมทุกฝ่าย . กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีแรงขึ้นมาทุกขณะ คราวนี้มีหวยมาออกที่พรรคชาติไทยพัฒนา ภายหลังมีรายงานว่านายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค อาจโดนโยกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงของมนุษย์มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งบ้านใหญ่สุพรรณบุรีดูจะไม่ปลื้มเท่าใดนัก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000036914 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    15
    0 Comments 0 Shares 1032 Views 0 Reviews
  • สำหรับ 29 โครงการ ที่ DSI เปิดรายชื่อออกมามีดังนี้ คือ1.อาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น ชุมชนดินแดง การเคหะแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 807 ล้านบาท2.ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาพวะผู้สูงอายุแบบครบวงจร โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร วงเงิน 563 ล้านบาท3.เปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ถนนอรุณอมรินทร์-บรมราชชนนี-พรานนก การไฟฟ้านครหลวง กรุงเทพมหานคร วงเงิน 1,261 ล้านบาท4.อาคารที่ทำการสถานีตำรวจ สน.สุทธิสาร กรุงเทพมหานคร วงเงิน 139 ล้านบาท5.อาคารบ้านพักส่วนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ลือชา) กรุงเทพมหานคร วงเงิน 231 ล้านบาท6.อาคารที่ทำการศาลแรงงานกลาง สำนักงานศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 467 ล้านบาท7.ระบบรวบรวมน้ำเสียเพิ่มเติม ริมคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 541 ล้านบาท8.วางท่อประปาและงานที่เกี่ยวข้อง การประปานครหลวง กรุงเทพมหานคร วงเงิน 347 ล้านบาท9.อาคารที่ทำการศาลแพ่งมีนบุรีและศาลอาญามีนบุรี สำนักงานศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 782 ล้านบาท10.หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต วงเงิน 129 ล้านบาท11.ทาวน์โฮมสองชั้น โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 343 ล้านบาท12.อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 210 ล้านบาท13.อาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 9 จังหวัดสงขลา วงเงิน 386 ล้านบาท14.อาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุโรงพยาบาลสงขลา วงเงิน 424 ล้านบาท15.อาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ท่าอากาศยานนราธิวาส วงเงิน 639 ล้านบาท16.งานเสริมเสถียรภาพและป้องกันน้ำท่วมตามแนวคลองประปาจังหวัดปทุมธานี วงเงิน 194 ล้านบาท17.ระบบป้องกันน้ำท่วมบริเวณโดยรอบสถานีสูบน้ำดิบสำแล จังหวัดปทุมธานี วงเงิน 372 ล้านบาท18.สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) จังหวัดนนทบุรี วงเงิน 716 ล้านบาท19.อาคารคลังพัสดุสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร วงเงิน 146 ล้านบาท20.อาคารกองบังคับการ กรมพลาธิการทหารเรือ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 179 ล้านบาท21.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) กรุงเทพมหานคร วงเงิน 2,136 ล้านบาท22.อาคารเรียนและสิ่งปลูกสร้างของโรงเรียนวัดอัมรินทราราม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 160 ล้านบาท23.อาคารสถาบันวิชาการ (PEA ACADEMY) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐม วงเงิน 606 ล้านบาท24.อาคารหอพักบุคลากรกางการแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย วงเงิน468 ล้านบาท25.ศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ วงเงิน 540 ล้านบาท26.การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) วงเงิน 608 ล้านบาท27.แขวงทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี วงเงิน 10.7 ล้านบาท28.แขวงทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี วงเงิน 9.9 ล้านบาท29.รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา วงเงิน 9,348 ล้านบาท
    สำหรับ 29 โครงการ ที่ DSI เปิดรายชื่อออกมามีดังนี้ คือ1.อาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น ชุมชนดินแดง การเคหะแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 807 ล้านบาท2.ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาพวะผู้สูงอายุแบบครบวงจร โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร วงเงิน 563 ล้านบาท3.เปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ถนนอรุณอมรินทร์-บรมราชชนนี-พรานนก การไฟฟ้านครหลวง กรุงเทพมหานคร วงเงิน 1,261 ล้านบาท4.อาคารที่ทำการสถานีตำรวจ สน.สุทธิสาร กรุงเทพมหานคร วงเงิน 139 ล้านบาท5.อาคารบ้านพักส่วนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ลือชา) กรุงเทพมหานคร วงเงิน 231 ล้านบาท6.อาคารที่ทำการศาลแรงงานกลาง สำนักงานศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 467 ล้านบาท7.ระบบรวบรวมน้ำเสียเพิ่มเติม ริมคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 541 ล้านบาท8.วางท่อประปาและงานที่เกี่ยวข้อง การประปานครหลวง กรุงเทพมหานคร วงเงิน 347 ล้านบาท9.อาคารที่ทำการศาลแพ่งมีนบุรีและศาลอาญามีนบุรี สำนักงานศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 782 ล้านบาท10.หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต วงเงิน 129 ล้านบาท11.ทาวน์โฮมสองชั้น โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 343 ล้านบาท12.อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 210 ล้านบาท13.อาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 9 จังหวัดสงขลา วงเงิน 386 ล้านบาท14.อาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุโรงพยาบาลสงขลา วงเงิน 424 ล้านบาท15.อาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ท่าอากาศยานนราธิวาส วงเงิน 639 ล้านบาท16.งานเสริมเสถียรภาพและป้องกันน้ำท่วมตามแนวคลองประปาจังหวัดปทุมธานี วงเงิน 194 ล้านบาท17.ระบบป้องกันน้ำท่วมบริเวณโดยรอบสถานีสูบน้ำดิบสำแล จังหวัดปทุมธานี วงเงิน 372 ล้านบาท18.สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) จังหวัดนนทบุรี วงเงิน 716 ล้านบาท19.อาคารคลังพัสดุสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร วงเงิน 146 ล้านบาท20.อาคารกองบังคับการ กรมพลาธิการทหารเรือ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 179 ล้านบาท21.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) กรุงเทพมหานคร วงเงิน 2,136 ล้านบาท22.อาคารเรียนและสิ่งปลูกสร้างของโรงเรียนวัดอัมรินทราราม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 160 ล้านบาท23.อาคารสถาบันวิชาการ (PEA ACADEMY) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐม วงเงิน 606 ล้านบาท24.อาคารหอพักบุคลากรกางการแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย วงเงิน468 ล้านบาท25.ศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ วงเงิน 540 ล้านบาท26.การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) วงเงิน 608 ล้านบาท27.แขวงทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี วงเงิน 10.7 ล้านบาท28.แขวงทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี วงเงิน 9.9 ล้านบาท29.รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา วงเงิน 9,348 ล้านบาท
    Angry
    1
    1 Comments 1 Shares 652 Views 0 Reviews
  • ครั้งหนึ่งในสยาม EP7 ตอน จอมโจรจันทร์เจ้า

    ย้อนกลับไปในปี 2446 โจรกลุ่มหนึ่ง ที่นำการปล้นโดยหัวหน้าที่ชื่อว่า “จันทร์เจ้า” ออกปล้นสะดม ในพื้นที่แขวงเมืองสุพรรณบุรี อยุธยา และปทุมธานี สร้างความหวาดหวั่นให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ไม่นานโจรจันทร์เจ้า ก็ถูกจับตัวได้ แม้จะปฏิเสธสักเท่าใด สุดท้ายหัวหน้าโจรผู้น่าเกรงขามยอมรับสารภาพ เพราะคำถามที่แฝงไว้ด้วยเหลี่ยมคมเพียงไม่กี่ประโยค ติดตามเรื่องราวนี้ในสารคดี ครั้งหนึ่งในสยาม ตอน จอมโจรจันทร์เจ้า

    #ครั้งหนึ่งในสยาม #จอมโจรจันทร์เจ้า #คดีสะเทือนขวัญ #โจรปล้นสุพรรณ #อาชญากรรมในอดีต #สุพรรณบุรี2446 #อยุธยา #ปทุมธานี #คำถามเด็ดสะท้านใจ #เรื่องจริงจากประวัติศาสตร์ #สารคดีไทย #thaitimes
    ครั้งหนึ่งในสยาม EP7 ตอน จอมโจรจันทร์เจ้า ย้อนกลับไปในปี 2446 โจรกลุ่มหนึ่ง ที่นำการปล้นโดยหัวหน้าที่ชื่อว่า “จันทร์เจ้า” ออกปล้นสะดม ในพื้นที่แขวงเมืองสุพรรณบุรี อยุธยา และปทุมธานี สร้างความหวาดหวั่นให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ไม่นานโจรจันทร์เจ้า ก็ถูกจับตัวได้ แม้จะปฏิเสธสักเท่าใด สุดท้ายหัวหน้าโจรผู้น่าเกรงขามยอมรับสารภาพ เพราะคำถามที่แฝงไว้ด้วยเหลี่ยมคมเพียงไม่กี่ประโยค ติดตามเรื่องราวนี้ในสารคดี ครั้งหนึ่งในสยาม ตอน จอมโจรจันทร์เจ้า #ครั้งหนึ่งในสยาม #จอมโจรจันทร์เจ้า #คดีสะเทือนขวัญ #โจรปล้นสุพรรณ #อาชญากรรมในอดีต #สุพรรณบุรี2446 #อยุธยา #ปทุมธานี #คำถามเด็ดสะท้านใจ #เรื่องจริงจากประวัติศาสตร์ #สารคดีไทย #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 507 Views 3 0 Reviews
  • ประธานมูลนิธิข้าวขวัญเผยสูญที่ดิน 6 ไร่ที่จะใช้สร้างโรงพยาบาลทางเลือก ถูกยึดกลายเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ถาม "แอ๊ด คาราบาว" เงินบริจาคนักธุรกิจ 5 ล้านบาทหายไปไหน ติดต่อไปก็ไม่ได้ แนะเจ้าของเงินและผู้แนะนำช่วยทวงถาม รวมทั้งผู้บริจาคเงินนับหมื่นราย

    วันนี้ (23 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Deycha Siripatra ของ อาจารย์เดชา ศิริภัทร หมอพื้นบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) เพื่อใช้ทางการแพทย์ โพสต์ข้อความระบุว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผมและตัวแทนผู้บริจาคฯ​ ได้ไปทำพิธี​อำลา​ที่ดิน​ 6​ ไร่ ที่ดินผืนนี้​ (มี​รั้ว​ ระบบน้ำ​ อาคารสำนักงาน)​ ใช้เงินบริจาค 5​ ล้านบาท​ แต่ถูกยึดครองไปโดยใช้กระบวนการกฎหมาย​ และ​ผู้มีอิทธิพล​ในท้องถิ่น​ จนกลายเป็นทรัพย์สิน​ส่วนบุคคล ผมทำได้เพียง​แจ้งความจริงให้ผู้บริจาค​ ผู้ป่วย​ และผู้รอคอยโรงพยาบาลฯ​ ได้รับทราบ และขอโทษ​ที่มีส่วน​ทำให้ผู้บริจาคคาดหวัง และเชื่อมั่นว่า​เงินบริจาคจะใช้เป็นประโยชน์ แต่กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งยักย้ายเอาสิ่งที่เกิดจากเงินบริจาค​ไปเป็นทรัพย์สิน​ส่วนบุคคล จึงต้องยอมรับถึงความไม่รู้เท่าทัน​ ความไว้วางใจนำคนกลุ่มนี้มาร่วมงานด้วย​ตั้งแต่แรก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000027594

    #MGROnline #ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ #โรงพยาบาลทางเลือก

    ประธานมูลนิธิข้าวขวัญเผยสูญที่ดิน 6 ไร่ที่จะใช้สร้างโรงพยาบาลทางเลือก ถูกยึดกลายเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ถาม "แอ๊ด คาราบาว" เงินบริจาคนักธุรกิจ 5 ล้านบาทหายไปไหน ติดต่อไปก็ไม่ได้ แนะเจ้าของเงินและผู้แนะนำช่วยทวงถาม รวมทั้งผู้บริจาคเงินนับหมื่นราย • วันนี้ (23 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Deycha Siripatra ของ อาจารย์เดชา ศิริภัทร หมอพื้นบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) เพื่อใช้ทางการแพทย์ โพสต์ข้อความระบุว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผมและตัวแทนผู้บริจาคฯ​ ได้ไปทำพิธี​อำลา​ที่ดิน​ 6​ ไร่ ที่ดินผืนนี้​ (มี​รั้ว​ ระบบน้ำ​ อาคารสำนักงาน)​ ใช้เงินบริจาค 5​ ล้านบาท​ แต่ถูกยึดครองไปโดยใช้กระบวนการกฎหมาย​ และ​ผู้มีอิทธิพล​ในท้องถิ่น​ จนกลายเป็นทรัพย์สิน​ส่วนบุคคล ผมทำได้เพียง​แจ้งความจริงให้ผู้บริจาค​ ผู้ป่วย​ และผู้รอคอยโรงพยาบาลฯ​ ได้รับทราบ และขอโทษ​ที่มีส่วน​ทำให้ผู้บริจาคคาดหวัง และเชื่อมั่นว่า​เงินบริจาคจะใช้เป็นประโยชน์ แต่กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งยักย้ายเอาสิ่งที่เกิดจากเงินบริจาค​ไปเป็นทรัพย์สิน​ส่วนบุคคล จึงต้องยอมรับถึงความไม่รู้เท่าทัน​ ความไว้วางใจนำคนกลุ่มนี้มาร่วมงานด้วย​ตั้งแต่แรก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000027594 • #MGROnline #ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ #โรงพยาบาลทางเลือก
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 540 Views 0 Reviews
  • 🙏✨พระผงวัดพลับพิมพ์ #วันทาเสมา องค์นี้จัดสร้างปีพ.ศ.2516 โดย #หลวงตาเหลือ วัดพลับเป็นผู้รวบรวมมวลสารซึ่งผงส่วนใหญ่มาจากเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อกดพิมพ์พระแล้วเสร็จได้นำไปขอให้ #หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกตลอดไตรมาส พระรุ่นนี้จึงได้ชื่อว่ามีพุทธคุณเป็นเลิศทั้งด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ และ แคล้วคลาด คงกะพันชาตรี.
    🙏✨พระผงวัดพลับพิมพ์ #วันทาเสมา องค์นี้จัดสร้างปีพ.ศ.2516 โดย #หลวงตาเหลือ วัดพลับเป็นผู้รวบรวมมวลสารซึ่งผงส่วนใหญ่มาจากเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อกดพิมพ์พระแล้วเสร็จได้นำไปขอให้ #หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกตลอดไตรมาส พระรุ่นนี้จึงได้ชื่อว่ามีพุทธคุณเป็นเลิศทั้งด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ และ แคล้วคลาด คงกะพันชาตรี.
    0 Comments 0 Shares 377 Views 2 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อขอม รุ่นเสาร์ 5 วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
    เหรียญหลวงพ่อขอม รุ่นเสาร์ 5 เนื้อกะไหล่เงิน วัดไผ่โรงวัว หรือ วัดโพธาราม จ.สุพรรณบุรี // พุทธคุณสูงและโดดเด่นทางด้าน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดกันภัย โชคลาภค้าขาย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณสูงและโดดเด่นทางด้าน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดกันภัย โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >>

    ** “หลวงพ่อขอม อนิโช” อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ โรงวัว เป็นพระนักพัฒนารูปสำคัญ ก่อสร้างพระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกในงานพุทธาภิเษกตามวัดต่างๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งงานใหญ่ๆ ต้องมีท่านด้วยเสมอ ขณะไปปลุกเสกในการสร้างพระให้วัดอื่นๆ ท่านมีปณิธานว่า จะสร้างพระจำนวนโกฏิ (สิบล้านองค์) พระเครื่องของท่านก็มีประสบการณ์ดีครับ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อขอม รุ่นเสาร์ 5 วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี เหรียญหลวงพ่อขอม รุ่นเสาร์ 5 เนื้อกะไหล่เงิน วัดไผ่โรงวัว หรือ วัดโพธาราม จ.สุพรรณบุรี // พุทธคุณสูงและโดดเด่นทางด้าน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดกันภัย โชคลาภค้าขาย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณสูงและโดดเด่นทางด้าน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดกันภัย โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >> ** “หลวงพ่อขอม อนิโช” อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ โรงวัว เป็นพระนักพัฒนารูปสำคัญ ก่อสร้างพระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกในงานพุทธาภิเษกตามวัดต่างๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งงานใหญ่ๆ ต้องมีท่านด้วยเสมอ ขณะไปปลุกเสกในการสร้างพระให้วัดอื่นๆ ท่านมีปณิธานว่า จะสร้างพระจำนวนโกฏิ (สิบล้านองค์) พระเครื่องของท่านก็มีประสบการณ์ดีครับ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • ป.ป.ส. ร่วมภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 3 ทลายเครือข่ายส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินรวม มูลค่า 80 ล้านบาท

    วันนี้ (5 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. , พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย 2 จุด/ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/ จ.สุพรรณบุรี 2 จุด/ จ.อ่างทอง 2 จุด/ จ.สุโขทัย 1 จุด / จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน

    พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021390

    #MGROnline #ตัดไฟแต่ต้นลม
    ป.ป.ส. ร่วมภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 3 ทลายเครือข่ายส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินรวม มูลค่า 80 ล้านบาท • วันนี้ (5 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. , พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย 2 จุด/ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/ จ.สุพรรณบุรี 2 จุด/ จ.อ่างทอง 2 จุด/ จ.สุโขทัย 1 จุด / จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน • พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021390 • #MGROnline #ตัดไฟแต่ต้นลม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 667 Views 0 Reviews
  • เตรียมพยาน 1000 ปาก 'ดีเอสไอ' พร้อมลุยสอบฮั้ว ส.ว. วุฒิสภา เตรียมซักฟอกกลับ
    .
    ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกส.ว.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะยังต้องรอความชัดเจนจากการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน แต่ปรากฎว่าเวลานี้มีการเผยแพร่เอกสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นรายชื่อพยานมากกว่า 100 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมนำมาให้ข้อมูลแล้ว
    .
    ทั้งนี้มีรายงานจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อกว่า 1,200 รายที่ปรากฏในโพยพยานของดีเอสไอ มีทั้งในส่วนของผู้สมัครสมาชิก สว. และผู้ได้รับเลือกเป็น สว. อาทิ พื้นที่ จ.กระบี่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาทชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เป็นต้น
    .
    ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า สำหรับรายชื่อกว่า 1,200 ชื่อ ที่ปรากฏชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้ว สว.67 นั้น หากในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมหารือครั้งที่ 2 เพื่อเอาคำตอบสุดท้ายของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ในการมีมติในที่ประชุมว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ หากผลมติในที่ประชุมขอให้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทยอยออกหมายเรียกพยานกว่า 1,200 ราย เข้าให้ปากคำและสอบสวนดำเนินการต่อเนื่อง
    .
    ขณะที่ ความเคลื่อนของส.ว. ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 4 มี.ค. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ
    .
    สาระของญัตติที่เสนอดังกล่าวมีการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐมีมาตรฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพบว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ทำคดีล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษอย่างแท้จริง รวมถึงไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่เป็นปัญหายาวนานและทวีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
    .
    นอกจากนี้ ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้อภิปรายระดมความคิดเห็นเพื่อพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย และเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับวุฒิสภา ข้อ 35
    ...........
    Sondhi X
    เตรียมพยาน 1000 ปาก 'ดีเอสไอ' พร้อมลุยสอบฮั้ว ส.ว. วุฒิสภา เตรียมซักฟอกกลับ . ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกส.ว.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะยังต้องรอความชัดเจนจากการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน แต่ปรากฎว่าเวลานี้มีการเผยแพร่เอกสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นรายชื่อพยานมากกว่า 100 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมนำมาให้ข้อมูลแล้ว . ทั้งนี้มีรายงานจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อกว่า 1,200 รายที่ปรากฏในโพยพยานของดีเอสไอ มีทั้งในส่วนของผู้สมัครสมาชิก สว. และผู้ได้รับเลือกเป็น สว. อาทิ พื้นที่ จ.กระบี่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาทชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เป็นต้น . ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า สำหรับรายชื่อกว่า 1,200 ชื่อ ที่ปรากฏชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้ว สว.67 นั้น หากในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมหารือครั้งที่ 2 เพื่อเอาคำตอบสุดท้ายของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ในการมีมติในที่ประชุมว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ หากผลมติในที่ประชุมขอให้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทยอยออกหมายเรียกพยานกว่า 1,200 ราย เข้าให้ปากคำและสอบสวนดำเนินการต่อเนื่อง . ขณะที่ ความเคลื่อนของส.ว. ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 4 มี.ค. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ . สาระของญัตติที่เสนอดังกล่าวมีการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐมีมาตรฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพบว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ทำคดีล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษอย่างแท้จริง รวมถึงไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่เป็นปัญหายาวนานและทวีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ . นอกจากนี้ ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้อภิปรายระดมความคิดเห็นเพื่อพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย และเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับวุฒิสภา ข้อ 35 ........... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    8
    0 Comments 0 Shares 2858 Views 0 Reviews
  • ✨พระผง #วัดพลับ พิมพ์ตุ๊กตาเล็กจัดสร้างระหว่างปีพ.ศ.2514-2516 โดยตามประวัติหลวงตาเหลือ วัดพลับเป็นผู้รวบรวมผงโดยส่วนใหญ่มาจากเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผงเก่าตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วนำผงแป้งเหล่านี้มาปั้นเป็นแท่งและลบให้เป็นผงวิเศษทั้งห้า เมื่อจัดสร้างพระแล้วเสร็จได้นำไปขอให้ #หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกให้อย่างเข้มขลังตลอดไตรมาส ด้านพุทธคุณจึงเป็นที่ยอมรับว่าเด่นดีทางด้านเมตตามหานิยมยิ่งนัก
    ✨พระผง #วัดพลับ พิมพ์ตุ๊กตาเล็กจัดสร้างระหว่างปีพ.ศ.2514-2516 โดยตามประวัติหลวงตาเหลือ วัดพลับเป็นผู้รวบรวมผงโดยส่วนใหญ่มาจากเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผงเก่าตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วนำผงแป้งเหล่านี้มาปั้นเป็นแท่งและลบให้เป็นผงวิเศษทั้งห้า เมื่อจัดสร้างพระแล้วเสร็จได้นำไปขอให้ #หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกให้อย่างเข้มขลังตลอดไตรมาส ด้านพุทธคุณจึงเป็นที่ยอมรับว่าเด่นดีทางด้านเมตตามหานิยมยิ่งนัก
    0 Comments 0 Shares 614 Views 0 0 Reviews
  • สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น

    📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️

    การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️

    🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568
    การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่

    ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร
    - มีสัญชาติไทย 🇹🇭
    - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ
    - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥
    - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน
    - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓

    🚨 ข้อกำหนดพิเศษ
    - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨
    - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน

    📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป

    🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร
    ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน
    ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
    ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง
    ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว
    ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี
    ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี
    ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล

    📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท

    🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ

    🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ

    📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568
    การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่
    📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน
    - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน
    - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ!

    📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน
    -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร

    🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน
    เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร

    📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568
    🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์:
    ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com
    📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง

    🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร
    ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸
    ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔
    ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠
    ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓
    ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง
    ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖

    📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB

    💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ
    - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท
    - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท
    📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้

    📍 ช่องทางชำระเงิน:
    - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦
    - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲
    - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย
    🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น!

    📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
    📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่
    📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com

    🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน!
    🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน
    📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า
    🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย

    🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง
    ✅ ท่องศัพท์
    ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า
    ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ

    🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ
    🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง

    🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ
    😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ

    🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀

    📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่
    🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568

    📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น 📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️ การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️ 🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568 การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร - มีสัญชาติไทย 🇹🇭 - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥 - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓 🚨 ข้อกำหนดพิเศษ - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨ - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน 📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป 🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล 📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร 🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท 🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ 🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ 📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568 การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่ 📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ! 📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร 🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร 📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568 🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์: ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com 📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง 🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸 ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔 ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠 ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓 ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖 📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB 💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท 📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้ 📍 ช่องทางชำระเงิน: - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦 - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲 - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย 🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น! 📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ 📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่ 📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com 🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน! 🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน 📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า 🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย 🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง ✅ ท่องศัพท์ ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ 🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ 🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง 🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ 😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ 🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀 📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่ 🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568 📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    0 Comments 0 Shares 2674 Views 0 Reviews
  • พระกลีบบัวอาจารย์ชุม ไชยคีรี วัดพระบรมธาตุ ปี2497

    พระกลีบบัวปางมารวิชัย อาจารย์ชุม ไชยคีรี วัดพระบรมธาตุ ปี2497 // พระดีพิธีใหญ่ จัดเป็นพิมพ์พิเศษที่สร้างในพิธี จำนวนสร้างน้อย หายากมาก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณสูงแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เหนียว ฟันแทงไม่เข้า ได้โชค ได้ลาภ เสริมด้านเมตตา มหานิยม ด้านโภคทรัพย์และมีโชคมีลาภ >>

    ** มวลสารที่รวบรวมมามีพระกรุสุดยอดพระเครื่องจากทั่วประเทศ มาดำเนินการสร้างพระนี้ จากการรวบรวมปรากฎว่าได้พระกรุมากว่า 108 กรุ ว่านยาอีก 108 ชนิด รวมทั้งผงวิเศษ อาทิเช่น พระกรุนางตรา-ท่าเรือ, กรุท้าวโคตร, สมเด็จวัดระฆัง, สมเด็จบางขุนพรหม, พระผงสุพรรณ, ผงดำผงแดงหุ่นพยนต์, หลวงพ่อเกตุ วัดขวิด, ขุนแผนวัดพระรูปและวัดบ้านกร่าง, พระนางพญาวัดนางพญาและวัดต้นจันทร์ สุพรรณบุรี, พระกรุต่าง ๆ ในกำแพงเพชร, พระกรุต่าง ๆ ในสุโขทัย, หูยานลพบุรี, ท่ากระดานหูไห กาญจนบุรี, พระกรุวัดท่ามะปราง, พระวัดชินราช พิษณุโลก, พระหลวงพ่อจุก, พระจุฬามณี พิษณุโลก, พระรอด พระคง พระเปิม-ลำพูน, มหาว่านวัดเขาอ้อ-พัทลุง, และพระกรุศรีวิชัยฯลฯ พิธีปลุกเสกได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณภัทรมุขมุณี วัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระกลีบบัวอาจารย์ชุม ไชยคีรี วัดพระบรมธาตุ ปี2497 พระกลีบบัวปางมารวิชัย อาจารย์ชุม ไชยคีรี วัดพระบรมธาตุ ปี2497 // พระดีพิธีใหญ่ จัดเป็นพิมพ์พิเศษที่สร้างในพิธี จำนวนสร้างน้อย หายากมาก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณสูงแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เหนียว ฟันแทงไม่เข้า ได้โชค ได้ลาภ เสริมด้านเมตตา มหานิยม ด้านโภคทรัพย์และมีโชคมีลาภ >> ** มวลสารที่รวบรวมมามีพระกรุสุดยอดพระเครื่องจากทั่วประเทศ มาดำเนินการสร้างพระนี้ จากการรวบรวมปรากฎว่าได้พระกรุมากว่า 108 กรุ ว่านยาอีก 108 ชนิด รวมทั้งผงวิเศษ อาทิเช่น พระกรุนางตรา-ท่าเรือ, กรุท้าวโคตร, สมเด็จวัดระฆัง, สมเด็จบางขุนพรหม, พระผงสุพรรณ, ผงดำผงแดงหุ่นพยนต์, หลวงพ่อเกตุ วัดขวิด, ขุนแผนวัดพระรูปและวัดบ้านกร่าง, พระนางพญาวัดนางพญาและวัดต้นจันทร์ สุพรรณบุรี, พระกรุต่าง ๆ ในกำแพงเพชร, พระกรุต่าง ๆ ในสุโขทัย, หูยานลพบุรี, ท่ากระดานหูไห กาญจนบุรี, พระกรุวัดท่ามะปราง, พระวัดชินราช พิษณุโลก, พระหลวงพ่อจุก, พระจุฬามณี พิษณุโลก, พระรอด พระคง พระเปิม-ลำพูน, มหาว่านวัดเขาอ้อ-พัทลุง, และพระกรุศรีวิชัยฯลฯ พิธีปลุกเสกได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณภัทรมุขมุณี วัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 923 Views 0 Reviews
  • สู้ชีวิตสุดๆสำหรับ “แจ๊ค” นัดกท่องเที่ยวต่างชาติ เหมารถจะไปเที่ยวเกาะเต่า จ.สุราษฎษ์ธานี แต่กลับไปโผล่ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ซ้ำถูกปล่อยทิ้งจ.ลำพูน โบกรถผักไปต่อ คืนแรกไปจบที่ จ.สุพรรณบุรี โชคดีได้พลเมืองดี และตำรวจช่วยเหลือให้ผ่านคืนแรกไปได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014511

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สู้ชีวิตสุดๆสำหรับ “แจ๊ค” นัดกท่องเที่ยวต่างชาติ เหมารถจะไปเที่ยวเกาะเต่า จ.สุราษฎษ์ธานี แต่กลับไปโผล่ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ซ้ำถูกปล่อยทิ้งจ.ลำพูน โบกรถผักไปต่อ คืนแรกไปจบที่ จ.สุพรรณบุรี โชคดีได้พลเมืองดี และตำรวจช่วยเหลือให้ผ่านคืนแรกไปได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014511 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 1215 Views 0 Reviews
  • พระรอดหลัง ภปร. วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549

    พระรอดหลัง ภปร.( ยิงโค้ดเลข ๙ และดวงตราสัญลักษณ์ด้วยเลเซอร์ที่ด้านหลัง ) วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 //พระดีพิธีใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตราย และความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผล และคงกระพันชาตรี เสริมสิริมงคล เสริมดวงชะตา กระทำการสิ่งใดสำเร็จทุกประการ >>

    ** พระรอดหลัง ภปร. วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 มวลสารศักดิ์สิทธิ์จากวัดต้นกำเนิด ทั้ง 5 วัด และผงอิทธิเจ ปัตทะมัง จากเจ้าประคุณสมเด็จ

    ** รายนามพระเกจิที่อธิษฐานจิต
    1. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ กทม.
    2. สมเด็จพระมหาธีรจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) วัดชนะสงคราม กทม.
    3. สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สนฺตงฺกุโร) วัดเทพศิรินทร์ กทม.
    4. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศาราม กทม.
    5. สมเด็จมหารัชมัคลาจารย์ (ช่วง วรปุณฺโณ) วัดปากน้ำ กทม.
    6. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา
    7. หลวงพ่อรวย วัดตะโก อยุธยา
    8. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา
    9. หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน อยุธยา
    10. หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม
    11. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง เพชรบุรี
    12. หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี
    13. หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี
    14. หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน อยุธยา
    15. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อยุธยา
    16. หลวงพ่อทอง วัดพระธาตุจอมทอง เชียงใหม่
    17. หลวงพ่อเนื่อง วัดระฆังโฆสิตาราม กทม.
    18. หลวงพ่อทองสืบ วัดอินทรวิหาร กทม.
    19. หลวงปู่แหวน วัดมหาธาตุ กทม.
    20. หลวงพ่อธงชัย วัดไตรมิตร กทม.
    21. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย นนทบุรี
    22. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ ปทุมธานี
    23. หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม ปทุมธานี
    24. หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย ปทุมธานี
    25. หลวงพ่อวิเชียร วัดมูลจินดา ปทุมธานี
    26.. หลวงพ่อทองหล่อ วัดคันลัด สมุทรปราการ
    27. หลวงพ่อสมโภชน์ วัดแค สมุทรปราการ
    28. หลวงพ่อจรัญ วัดบางพลีใหญ่ใน สมุทรปราการ
    29. หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ อยุธยา
    30. หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
    31. หลวงพ่อสงวน วัดเสาธงทอง ลพบุรี
    32. หลวงพ่อสมพร วัดป่าธรรมโสภณ ลพบุรี
    33. หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส สุพรรณบุรี
    34. หลวงพ่อสอิ้ง วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    35. หลวงพ่อสุนทร วัดเพชรสมุทร สมุทรสงคราม
    36. หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    37. หลวงพ่อแดง วัดอินทาราม สมุทรสงคราม
    38. หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก สมุทรสงคราม
    39. หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา
    40. หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดโสธร ฉะเชิงเทรา
    41. หลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ ฉะเชิงเทรา
    42. หลวงพ่อฉิ้น เมืองยะลา
    43. หลวงพ่อกลัง เขาอ้อ
    44. หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน พัทลุง
    45. หลวงพ่อจ่าง วัดน้ำรอบ สุราษฏร์ธานี
    46. หลวงพ่อบุญศรี วัดนาคาราม ภูเก็ต
    47. หลวงพ่อเสนอ วัดตะโปทาราม ระนอง
    48. หลวงพ่อห่วง วัดดอนกาหลง สตูล
    49. หลวงพ่อนวน วัดประดิษฐานราม นครศรีธรรมราช
    50. หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว สงขลา
    51. หลวงพ่ออุทธีร์ วัดเวฬุวัน ร้อยเอ็ด
    52. หลวงพ่อเที่ยง วัดพระบาทเขากระโพง บุรีรัมย์
    53. หลวงพ่อทองจันทร์ วัดคำแคน กาฬสิทธิ์
    54. หลวงพ่อสมเกียรติ วัดมหาวนาราม อุบลราชธานี
    55. หลวงพ่อไพรินทร์ วัดพระศรีมหาธาตุ พิษณุโลก
    56. หลวงพ่อแขก วัดอรัญญิก พิษณุโลก
    57. หลวงพ่อธงชั วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
    58. หลวงพ่อสมพงศ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว นครปฐม
    59. หลวงพ่อศรี วัดหน้าพระลาน สระบุรี
    60. หลวงพ่อบุญธรรม วัดตะเคียน อ่างทอง
    61. หลวงพ่อทอด วัดหนองสุ่ม สิ่งห์บุรี
    62. หลวงพ่อประเทือง วัดบางกระเบา ปราจีนบุรี
    63. หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม นครปฐม
    64. หลวงพ่อแก่น วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา
    65. หลวงพ่อเกตุ วัดอุดมธานี นครนายก
    66. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ วัดบางพระ นครปฐม
    67. พระครูเฉลียว วัดมหาธาตุ กทม.
    68. พระครูประดิษฐ์นวกิจ วัดท่าตะคร้อ กาญจนบุรี
    69. พระครูภาวนาวรกิจ วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ กาญจนบุรี

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระรอดหลัง ภปร. วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 พระรอดหลัง ภปร.( ยิงโค้ดเลข ๙ และดวงตราสัญลักษณ์ด้วยเลเซอร์ที่ด้านหลัง ) วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 //พระดีพิธีใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตราย และความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผล และคงกระพันชาตรี เสริมสิริมงคล เสริมดวงชะตา กระทำการสิ่งใดสำเร็จทุกประการ >> ** พระรอดหลัง ภปร. วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 มวลสารศักดิ์สิทธิ์จากวัดต้นกำเนิด ทั้ง 5 วัด และผงอิทธิเจ ปัตทะมัง จากเจ้าประคุณสมเด็จ ** รายนามพระเกจิที่อธิษฐานจิต 1. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ กทม. 2. สมเด็จพระมหาธีรจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) วัดชนะสงคราม กทม. 3. สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สนฺตงฺกุโร) วัดเทพศิรินทร์ กทม. 4. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศาราม กทม. 5. สมเด็จมหารัชมัคลาจารย์ (ช่วง วรปุณฺโณ) วัดปากน้ำ กทม. 6. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา 7. หลวงพ่อรวย วัดตะโก อยุธยา 8. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา 9. หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน อยุธยา 10. หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม 11. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง เพชรบุรี 12. หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี 13. หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี 14. หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน อยุธยา 15. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อยุธยา 16. หลวงพ่อทอง วัดพระธาตุจอมทอง เชียงใหม่ 17. หลวงพ่อเนื่อง วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. 18. หลวงพ่อทองสืบ วัดอินทรวิหาร กทม. 19. หลวงปู่แหวน วัดมหาธาตุ กทม. 20. หลวงพ่อธงชัย วัดไตรมิตร กทม. 21. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย นนทบุรี 22. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ ปทุมธานี 23. หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม ปทุมธานี 24. หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย ปทุมธานี 25. หลวงพ่อวิเชียร วัดมูลจินดา ปทุมธานี 26.. หลวงพ่อทองหล่อ วัดคันลัด สมุทรปราการ 27. หลวงพ่อสมโภชน์ วัดแค สมุทรปราการ 28. หลวงพ่อจรัญ วัดบางพลีใหญ่ใน สมุทรปราการ 29. หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ อยุธยา 30. หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก อยุธยา 31. หลวงพ่อสงวน วัดเสาธงทอง ลพบุรี 32. หลวงพ่อสมพร วัดป่าธรรมโสภณ ลพบุรี 33. หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส สุพรรณบุรี 34. หลวงพ่อสอิ้ง วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี 35. หลวงพ่อสุนทร วัดเพชรสมุทร สมุทรสงคราม 36. หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม 37. หลวงพ่อแดง วัดอินทาราม สมุทรสงคราม 38. หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก สมุทรสงคราม 39. หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา 40. หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดโสธร ฉะเชิงเทรา 41. หลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ ฉะเชิงเทรา 42. หลวงพ่อฉิ้น เมืองยะลา 43. หลวงพ่อกลัง เขาอ้อ 44. หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน พัทลุง 45. หลวงพ่อจ่าง วัดน้ำรอบ สุราษฏร์ธานี 46. หลวงพ่อบุญศรี วัดนาคาราม ภูเก็ต 47. หลวงพ่อเสนอ วัดตะโปทาราม ระนอง 48. หลวงพ่อห่วง วัดดอนกาหลง สตูล 49. หลวงพ่อนวน วัดประดิษฐานราม นครศรีธรรมราช 50. หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว สงขลา 51. หลวงพ่ออุทธีร์ วัดเวฬุวัน ร้อยเอ็ด 52. หลวงพ่อเที่ยง วัดพระบาทเขากระโพง บุรีรัมย์ 53. หลวงพ่อทองจันทร์ วัดคำแคน กาฬสิทธิ์ 54. หลวงพ่อสมเกียรติ วัดมหาวนาราม อุบลราชธานี 55. หลวงพ่อไพรินทร์ วัดพระศรีมหาธาตุ พิษณุโลก 56. หลวงพ่อแขก วัดอรัญญิก พิษณุโลก 57. หลวงพ่อธงชั วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่ 58. หลวงพ่อสมพงศ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว นครปฐม 59. หลวงพ่อศรี วัดหน้าพระลาน สระบุรี 60. หลวงพ่อบุญธรรม วัดตะเคียน อ่างทอง 61. หลวงพ่อทอด วัดหนองสุ่ม สิ่งห์บุรี 62. หลวงพ่อประเทือง วัดบางกระเบา ปราจีนบุรี 63. หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม นครปฐม 64. หลวงพ่อแก่น วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา 65. หลวงพ่อเกตุ วัดอุดมธานี นครนายก 66. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ วัดบางพระ นครปฐม 67. พระครูเฉลียว วัดมหาธาตุ กทม. 68. พระครูประดิษฐ์นวกิจ วัดท่าตะคร้อ กาญจนบุรี 69. พระครูภาวนาวรกิจ วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ กาญจนบุรี ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 1331 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระพุทธวัดม่วงเจริญผล จ.สุพรรณบุรี ปี2553

    เหรียญพระพุทธวัดม่วงเจริญผล อำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ปี2553 //ปลุกเสกพิธีเสาร์ห้า หลวงพ่อรวย วัดตะโก ปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณมั่งมีเงินทอง ทรัพย์สมบัติ มีกินมีใช้ ไม่อดอยากยากจน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน หนุนดวงชะตา ปกป้องคุ้มครอง คงกะพันชาตรี >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131


    เหรียญพระพุทธวัดม่วงเจริญผล จ.สุพรรณบุรี ปี2553 เหรียญพระพุทธวัดม่วงเจริญผล อำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ปี2553 //ปลุกเสกพิธีเสาร์ห้า หลวงพ่อรวย วัดตะโก ปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณมั่งมีเงินทอง ทรัพย์สมบัติ มีกินมีใช้ ไม่อดอยากยากจน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน หนุนดวงชะตา ปกป้องคุ้มครอง คงกะพันชาตรี >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • ✨พระนางกวักหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก จังหวัดสุพรรณบุรี จัดสร้างในปีพ.ศ.2497 ท่านเป็นศิษย์สืบสายพุทธาคมของหลวงพ่อเหนี่ยง และหลวงพ่อโหน่ง ดังนั้นวิธีการสร้างพระจึงคล้ายกับอาจารย์ของท่านขณะเดียวกัน พุทธะคุณเป็นที่กล่าวขานสืบต่อกันมาว่าโดดเด่นทางด้านเมดตาค้าขายยิ่งนัก
    ✨พระนางกวักหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก จังหวัดสุพรรณบุรี จัดสร้างในปีพ.ศ.2497 ท่านเป็นศิษย์สืบสายพุทธาคมของหลวงพ่อเหนี่ยง และหลวงพ่อโหน่ง ดังนั้นวิธีการสร้างพระจึงคล้ายกับอาจารย์ของท่านขณะเดียวกัน พุทธะคุณเป็นที่กล่าวขานสืบต่อกันมาว่าโดดเด่นทางด้านเมดตาค้าขายยิ่งนัก
    0 Comments 0 Shares 469 Views 0 0 Reviews
  • เสือหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม

    เสือเนื้อเรซิ่น ไม่บรรจุกริ่ง หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม // จัดสร้างประมาณปี พ.ศ.253...กว่าๆ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ** พุทธคุณดีเด่นทางด้านแคล้วคลาด คงกระพัน และเสริมบารมี อำนาจดีมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้อำนาจ บารมี เป็นเจ้านายในการคุมลูกน้อง >>

    ** หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดบางพระ ท่านได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์มาตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็กท่านได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรีซึ่งหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ก็เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดัน
    หลวงพ่อเปิ่นท่านได้วิชาอาคมจากหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอกมามากมาย และท่านได้วิชาการสักยันต์จากหลวงพ่อหิ่มอย่างเต็มสูตรวิชา นอกจากนั้นท่านยังได้ขอตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี โดยได้ร่ำเรียนวิชามามากมายจากท่านโอภาสี >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เสือหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม เสือเนื้อเรซิ่น ไม่บรรจุกริ่ง หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม // จัดสร้างประมาณปี พ.ศ.253...กว่าๆ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ** พุทธคุณดีเด่นทางด้านแคล้วคลาด คงกระพัน และเสริมบารมี อำนาจดีมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้อำนาจ บารมี เป็นเจ้านายในการคุมลูกน้อง >> ** หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดบางพระ ท่านได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์มาตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็กท่านได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรีซึ่งหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ก็เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดัน หลวงพ่อเปิ่นท่านได้วิชาอาคมจากหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอกมามากมาย และท่านได้วิชาการสักยันต์จากหลวงพ่อหิ่มอย่างเต็มสูตรวิชา นอกจากนั้นท่านยังได้ขอตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี โดยได้ร่ำเรียนวิชามามากมายจากท่านโอภาสี >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 321 Views 0 Reviews
  • โหวตโนผงาด ศึกเลือกตั้ง อบจ.

    การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ แม้ด้านหนึ่งผู้ชนะการเลือกตั้งส่วนใหญ่ล้วนมาจากบ้านใหญ่แบบไม่พลิกโผ ผู้มาใช้สิทธิไม่คึกคักเพราะจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งลางานไม่ได้ และไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า

    แต่อีกด้านหนึ่ง "ช่องไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด" กลับสูงขึ้นหลายจังหวัด สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจ อาทิ จังหวัดยะลา ที่มีนายมุขตาร์ มะทา อดีตนายก อบจ. 4 สมัย ชนะเป็นสมัยที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิ 224,707 คน ปรากฎว่าบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงถึง 29,334 ใบ คิดเป็น 13.05%

    จังหวัดสงขลาที่แข่งขันกันสูงด้วยจำนวนผู้สมัคร 9 ราย นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง ทีมสงขลาพลังใหม่ ชนะการเลือกตั้งด้วยแรงสนับสนุนจากนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้มาใช้สิทธิ 687,944 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงถึง 86,855 ใบ คิดเป็น 12.63%

    จังหวัดนครราชสีมา ที่นางยลดา หวังศุภกิจโกศล อดีตนายก อบจ. ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย ด้วยแรงสนับสนุนจากนายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ที่ไปเปิดตัวผู้สมัครด้วยตัวเอง มีผู้มาใช้สิทธิ 1,155,142 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 110,934 ใบ คิดเป็น 9.60%

    จังหวัดนนทบุรี ที่ พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ อดีตนายก อบจ. 4 สมัย ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิ 432,613 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 37,562 ใบ คิดเป็น 8.68%

    จังหวัดสมุทรปราการ ที่นายสุนทร ปานแสงทอง อดีต รมช.เกษตรฯ จากกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า (อัศวเหม) ชนะการเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิ 569,659 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 42,142 ใบ คิดเป็น 7.40%

    จังหวัดเชียงราย ที่นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ. ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย มีผู้มาใช้สิทธิ 605,780 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 43,406 ใบ คิดเป็น 7.17%

    จังหวัดอื่นๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้มาใช้สิทธิ 877,640 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 57,625 ใบ คิดเป็น 6.57% จังหวัดสุพรรณบุรี มีผู้มาใช้สิทธิ 393,849 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 24,113 ใบ คิดเป็น 6.12%

    จังหวัดสมุทรสาคร มีผู้มาใช้สิทธิ 211,071 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 11,573 ใบ คิดเป็น 5.48% และจังหวัดมหาสารคาม มีผู้มาใช้สิทธิ 453,567 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 16,452 ใบ คิดเป็น 3.63% สะท้อนให้เห็นความเบื่อหน่ายของประชาชนต่อการเมืองท้องถิ่นและโยงไปถึงระดับชาติที่ไม่ควรมองข้าม

    #Newskit
    โหวตโนผงาด ศึกเลือกตั้ง อบจ. การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ แม้ด้านหนึ่งผู้ชนะการเลือกตั้งส่วนใหญ่ล้วนมาจากบ้านใหญ่แบบไม่พลิกโผ ผู้มาใช้สิทธิไม่คึกคักเพราะจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งลางานไม่ได้ และไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า แต่อีกด้านหนึ่ง "ช่องไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด" กลับสูงขึ้นหลายจังหวัด สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจ อาทิ จังหวัดยะลา ที่มีนายมุขตาร์ มะทา อดีตนายก อบจ. 4 สมัย ชนะเป็นสมัยที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิ 224,707 คน ปรากฎว่าบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงถึง 29,334 ใบ คิดเป็น 13.05% จังหวัดสงขลาที่แข่งขันกันสูงด้วยจำนวนผู้สมัคร 9 ราย นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง ทีมสงขลาพลังใหม่ ชนะการเลือกตั้งด้วยแรงสนับสนุนจากนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้มาใช้สิทธิ 687,944 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงถึง 86,855 ใบ คิดเป็น 12.63% จังหวัดนครราชสีมา ที่นางยลดา หวังศุภกิจโกศล อดีตนายก อบจ. ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย ด้วยแรงสนับสนุนจากนายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ที่ไปเปิดตัวผู้สมัครด้วยตัวเอง มีผู้มาใช้สิทธิ 1,155,142 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 110,934 ใบ คิดเป็น 9.60% จังหวัดนนทบุรี ที่ พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ อดีตนายก อบจ. 4 สมัย ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิ 432,613 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 37,562 ใบ คิดเป็น 8.68% จังหวัดสมุทรปราการ ที่นายสุนทร ปานแสงทอง อดีต รมช.เกษตรฯ จากกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า (อัศวเหม) ชนะการเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิ 569,659 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 42,142 ใบ คิดเป็น 7.40% จังหวัดเชียงราย ที่นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ. ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย มีผู้มาใช้สิทธิ 605,780 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 43,406 ใบ คิดเป็น 7.17% จังหวัดอื่นๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้มาใช้สิทธิ 877,640 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 57,625 ใบ คิดเป็น 6.57% จังหวัดสุพรรณบุรี มีผู้มาใช้สิทธิ 393,849 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 24,113 ใบ คิดเป็น 6.12% จังหวัดสมุทรสาคร มีผู้มาใช้สิทธิ 211,071 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 11,573 ใบ คิดเป็น 5.48% และจังหวัดมหาสารคาม มีผู้มาใช้สิทธิ 453,567 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 16,452 ใบ คิดเป็น 3.63% สะท้อนให้เห็นความเบื่อหน่ายของประชาชนต่อการเมืองท้องถิ่นและโยงไปถึงระดับชาติที่ไม่ควรมองข้าม #Newskit
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 1004 Views 0 Reviews

  • เขาขึ้นหรือเขานางบวชและวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ
    ....
    ในท้องทุ่งแห่งลุ่มแม่น้ำน้อยมีตำนานเล่าเรื่องวีรชนแห่งบ้านระจันหรือบางระจัน ที่ต้านทัพพม่า ซึ่งเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาที่อยู่ทางใต้ไม่ไกลนักได้ถึง ๗ ครั้ง ชาวบ้านบางระจันได้รวมตัวกันต่อสู้รบและเสียชีวิตทั้งหมู่บ้านในครั้งที่ ๘ แม้นักประวัติศาสตร์หลายท่านจะเห็นแย้งและกล่าวว่าทัพพม่าเข้ามาทางบ้านตากนั้นยังคงไม่ถึงกรุงศรีอยุธยา เอกสารที่บันทึกไว้อย่างละเอียดน่าจะเป็นพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวน่าจะขยายความและบรรยายอย่างละเอียด โดยมีนำมากล่าวถึงในหนังสือไทยรบพม่าของ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ส่วนพระราชพงศาวดารฉบับอื่นคงบรรยายไว้เพียงไม่มาก ปรากฎชื่อสถานที่ว่า ‘บ้านระจัน’ พระอาจารย์วัดเขานางบวชซึ่งก็หมายถึงพระอาจารย์ธรรมโชติ นายจันเขียว พระยารัตนาธิเบศ
    .
    อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารและบันทึกคำให้การต่างๆ ล้วนมีการบันทึกเหตุการณ์ที่ชาวบ้านเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญและมีส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างใดนั้น เรื่องเล่าติดที่คือตำนานต่างๆ ถูกสร้างและแต่งเสริมด้วยผู้คนที่เป็นชาวบ้านแห่งท้องทุ่งในลุ่มแม่น้ำน้อยนี้
    .
    น่าสนใจว่า ผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญ คือ ‘พระอาจารย์ธรรมโชติ’ แห่งวัดเขานางบวช สุพรรณบุรี นั้นกลายเป็น Culture hero แห่งเขตพื้นที่กลางอันเป็นพื้นที่นครรัฐเจนลีฟูแต่เดิม เมื่อย้อนกลับไปราวห้าร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้น
    .
    พื้นที่สู้รบนั้นอยู่ตามลำแม่น้ำน้อย ตั้งแต่แขวงเมืองวิเศษไชยชาญจนลงเข้าสู่ผักไห่และตั้งค่ายสำคัญอยู่ที่สีกุก
    .
    ส่วนด้านทางเหนือก็เข้าควบคุมพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านไปรวมกันแถบรอบวัดโพธิ์เก้าต้น ต่อชาวบ้านไปอาราธนาพระอาจารย์ธรรมโชติจากวัดเขานางบวช ให้ไปช่วยคุ้มครองทำผ้าประเจียด ตะกรุด พิสมร (ตะกรุดรูปแบบหนึ่ง ใช้ร้อยสายไว้ป้องกันอันตราย) แจกจ่ายนักรบชาวบ้าน เล่าสืบต่อมาว่าพระอาจารย์ธรรมโชติ บวชครั้งแรกที่ ‘วัดยาง’ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง กับวัดโพธิ์เก้าต้นหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘วัดแดง’ เพราะมีดงไม้แดงขึ้นเยอะ ทั้งสองวัดนี้เป็นวัดเก่า เพราะมีวิหารแบบแอ่นท้องสำเภา พระพุทธรูปหินทราย และพระพุทธรูปปูนปั้นประดิษฐานไว้ ก่อนย้ายไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานในถ้ำบนยอดเขานางบวช ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนามาอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้รบ
    .
    บริเวณ ‘วัดโพธิ์เก้าต้น’ นี้เป็นย่านชุมชนเก่ามาตั้งแต่สมัยทวารวดีช่วงปลาย แต่อยู่อาศัยกันบางเบาเพราะเป็นเขตที่ต้องใช้ดารเดินทางติดต่อทางน้ำเป็นหลัก [Riverine] เพราะอยู่ไม่ไกลจาก ‘เมืองคูเมือง’ ในตำบลแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ที่อยู่ห่างไปราว ๓ กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเมืองรูปสี่เหลี่ยมของลุ่มน้ำระหว่างลำสีบัวทองและแม่น้ำน้อย มีการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยทวารวดีและยุคลพบุรีหรือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ และคงอยู่สืบเนื่องกันต่อเรื่อยมาจนถึงสิ้นกรุงศรีอยุธยา
    .
    พอพม่าเข้าตีค่ายบางระจันที่วัดโพธิ์เก้าต้นได้ ใน ‘ไทยรบพม่า’ พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ว่าชาวบ้านที่เหลือตายหนีไปได้บ้าง พม่าจับเอาไปเป็นเชลยบ้าง แต่พระอาจารย์ธรรมโชตินั้นเลยหายสาบสูญไป จะถึงมรณภาพในเวลาเสียค่ายพม่าหรือหนีรอดไปได้ไม่มีหลักฐานปรากฎ
    .
    แต่ในบทความของอาจารย์มนัส โอภากุล เรื่อง พระอาจารย์ธรรมโชติ หายไปไหน? (มนัส โอภากุล. พระอาจารย์ธรรมโชติหายไปไหน? ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๒๗) ใช้ข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจากทายกวัดนางบวช อายุ ๗๕ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๗ เล่าว่า พระอาจารย์ธรรมโชติกลับมาจำพรรษาที่วัดเขานางบวชตามเดิม โดยคำบอกเล่าของปู่ย่าตายายเล่าว่า เมื่อค่ายบางระจันแตก พระอาจารย์ธรรมโชติหลบหนีมาที่เขานางบวช ทหารก็ไล่ติดตามมาจนมาค้นที่วัดเขานางบวชหาตัวเท่าไหร่ก็ไม่พบ เพราะท่านลงไปหลบในอุโมงค์ภายในวิหารที่ยังปรากฎอยู่จนปัจจุบันที่เคยเป็นที่นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เล่ากันว่าภายในมีพื้นที่ให้คนนั่งรวมกันได้ ๕ - ๖ คน ทุกวันนี้ก็ยังปรากฎอยู่....
    .
    ซึ่งเป็นความเชื่อในคุณวิเศษของพระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ชาวบ้านทางแถบเดิมบางตลอดไปจนถึงเขาพระ หัวเขาและบ้านกำมะเชียร ในย่านลุ่มน้ำสุพรรณเชื่อถือกันสืบต่อมา
    .
    พระวิหารวิปัสสนาที่เขาขึ้นหรือวัดเขานางบวชนั้น เป็นอาคารยาวมุงกระเบื้องกาบกล้วยแบบเก่า ประดิษฐานรอยพระบาท ด้านหลังเป็นโพรงหรืออุโมงค์ลงไปในโพรงแคบๆ ของพระเจดีย์ที่อาจจะเป็นกรุมาแต่ดั้งเดิม (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชวินิจฉัยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นโพรงถ้ำวิปัสสนามาแต่ก่อน
    .
    ‘เขาขึ้น’ หรือ ‘เขานางบวช’ นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มโบราณสถานบนเขาและชุมชนยุคแรกๆ มราเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ เนื่องจากใกล้ชิดกับชุมชนที่เดิมบางฯ ริมแม่น้ำสุพรรณซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อเส้นทางเดินทางสมัยโบราณได้หลายทิศทาง ไม่ว่าจะขึ้นเหนือไปทางลุ่มน้ำสะแกกรังผ่านไปทางลำน้ำปิง ทางลำน้ำมะเขามเฒ่าสู่กลุ่มเมืองทางอู่ตะเภาและพื้นที่ดอนที่ติดต่อกับที่ราบสูงโคราช ทางตะวันตกสู่ลุ่มน้ำสุพรรณ อู่ทองและแม่กลอง และทางใต้ติดต่อกับท้องทุ่งและลำน้ำใหญ่น้อยที่ลงสูากลุ่มละโว้ได้เช่นกัน และมีการอยู่อาศัยต่อเนื่อง จนกลายเป็นแลนด์มาร์กและวัดสำคัญของท้องถิ่น มำตำนานของผู้เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ๆ สร้างให้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น และกลายมาเป็นการสร้างประเพณีสำคัญของท้องถิ่นสืบมาจนถึงปัจจุบัน
    .
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสขึ้นบนเขานางบวช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ในพระราชหัตถเลขาบันทึกไว้ว่า
    .
    ...ที่บนนั้นมีพระอุโบสถหลังหนึ่ง ห้าห้อง ไม่มีหน้าต่าง ก่อเว้นช่องอย่างวัดพุทไธสวรรย์ แต่ไม่มีหลังคามุงแฝกคลุมไว้ พระที่ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเป็นพระพุทธรูปศิลาปั้นปูน ประกอบปิดทอง ผนังโบสถ์ด้านหนึ่งก่อเป็นแท่นเหมือนอาสนสงฆ์ ตั้งพระพุทธรูป เป็นพระยืนขนาดใหญ่ เห็นจะเป็นพระเก่าผีมือดี ๆ อย่างโบราณ สวมเทริด หน้าต่าง ๆ แต่ ชำรุดทั้งสิ้น ได้เชิญให้ลงมาปฏิสังขรณ์ ๔ องค์ ถ้าเสร็จแล้วจะส่งกลับไปไว้ที่เขานั้นบ้าง เสมาใช้ศิลาแผ่นใหญ่ ๆ อย่างเสมาวัดหลวงกรุงเก่า มีกำแพงแก้วรอบไป จนกระทั่งเจดีย์และวิหารด้วย แต่วิหารนั้นเป็นที่น่าสงสัยอยู่ว่า ทำเป็นสองคราว เพราะกระชั้นพระเจดีย์นัก ไม่ได้ไว้ช่อง อีกมีช่องหน้าต่างเล็กสูงเพียงศอกเดียว กว้างกับเศษ ๒ ช่องเท่านั้น ท้ายวิหารจดฐานพระเจดีย์ มีทางเข้าไปในองค์พระเจดีย์ที่กำแพงแก้ว มีพระเจดีย์ประจำมุมเห็นจะมีถึงด้านละ ๔ องค์ พระเจดีย์นั้นก็เป็นพานแว่นฟ้า ๓ ชั้น
    .
    เขานางบวชนี้เป็นที่ราษฎรนับถือมาก มีกำหนดขึ้นไหว้กันกลางเดือน ๔ ทุกปี มาแต่หัวเมืองอื่นก็มากใช้เดินทางบกทั้งนั้น...
    .
    ลักษณะของเจดีย์ที่สร้างแบบผสมกับหินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งมักนิยมสร้างกันเช่นนี้ตามเขาที่มีฐานวิหารและพระเจดีย์บนเขา เช่น ที่บ้านหัวเขาในอำเภอเดิมบางฯ นี้ และแนวเขาพระที่ต่อเนื่องมาจากอู่ทองจนถึงเลาขวัญอีกหลายแห่ง ก็มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งเป็นยุคสมัยแบบลพบุรีหรือในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ อันเป็นช่วงร่วมสมัยกับกลุ่มนครรัฐเจนลีฟูที่ปรากฎขึ้นในบริเวณนี้ และเป็นรัฐที่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลักตามระบุไว้ในจดหมายเหตุจีน
    .
    และยังพบฐานแท่นหินทรายขนาดย่อมๆ สำหรับประติมากรรมที่อาจเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูปก็ได้ และพระพุทธรูปยืนสวมเทริดทำจากหินที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงที่อาจนำไปปฏิสังขรณ์แล้วและอาจไม่ได้ส่งกลับมาก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปแบบหินทรายปางมารวิชัยแบบเก่าซึ่งพบในแถบพื้นที่ดอนของสามชุก หนองหญ้าไซ และดอนเจดีย์
    ...
    ภาพ วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติบนเขาขึ้นหรือเขานางบวช ต่อด้วยเจดีย์ทำจากก้อนหินผสมกับอิฐ ซึ่งมีโพรงด้านใน และพระอุโบสถมีพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยที่พบในเขตนี้หลายองค์ ทั้งใบเสมาทำจากหินชนวนแบบวัดหลวงแต่ทำลวดลายที่พบได้ทั่วไปในเขตชัยนาท เมืองสิงห์เก่าและเมืองพรหมเก่า
    เขาขึ้นหรือเขานางบวชและวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ .... ในท้องทุ่งแห่งลุ่มแม่น้ำน้อยมีตำนานเล่าเรื่องวีรชนแห่งบ้านระจันหรือบางระจัน ที่ต้านทัพพม่า ซึ่งเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาที่อยู่ทางใต้ไม่ไกลนักได้ถึง ๗ ครั้ง ชาวบ้านบางระจันได้รวมตัวกันต่อสู้รบและเสียชีวิตทั้งหมู่บ้านในครั้งที่ ๘ แม้นักประวัติศาสตร์หลายท่านจะเห็นแย้งและกล่าวว่าทัพพม่าเข้ามาทางบ้านตากนั้นยังคงไม่ถึงกรุงศรีอยุธยา เอกสารที่บันทึกไว้อย่างละเอียดน่าจะเป็นพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวน่าจะขยายความและบรรยายอย่างละเอียด โดยมีนำมากล่าวถึงในหนังสือไทยรบพม่าของ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ส่วนพระราชพงศาวดารฉบับอื่นคงบรรยายไว้เพียงไม่มาก ปรากฎชื่อสถานที่ว่า ‘บ้านระจัน’ พระอาจารย์วัดเขานางบวชซึ่งก็หมายถึงพระอาจารย์ธรรมโชติ นายจันเขียว พระยารัตนาธิเบศ . อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารและบันทึกคำให้การต่างๆ ล้วนมีการบันทึกเหตุการณ์ที่ชาวบ้านเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญและมีส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างใดนั้น เรื่องเล่าติดที่คือตำนานต่างๆ ถูกสร้างและแต่งเสริมด้วยผู้คนที่เป็นชาวบ้านแห่งท้องทุ่งในลุ่มแม่น้ำน้อยนี้ . น่าสนใจว่า ผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญ คือ ‘พระอาจารย์ธรรมโชติ’ แห่งวัดเขานางบวช สุพรรณบุรี นั้นกลายเป็น Culture hero แห่งเขตพื้นที่กลางอันเป็นพื้นที่นครรัฐเจนลีฟูแต่เดิม เมื่อย้อนกลับไปราวห้าร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้น . พื้นที่สู้รบนั้นอยู่ตามลำแม่น้ำน้อย ตั้งแต่แขวงเมืองวิเศษไชยชาญจนลงเข้าสู่ผักไห่และตั้งค่ายสำคัญอยู่ที่สีกุก . ส่วนด้านทางเหนือก็เข้าควบคุมพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านไปรวมกันแถบรอบวัดโพธิ์เก้าต้น ต่อชาวบ้านไปอาราธนาพระอาจารย์ธรรมโชติจากวัดเขานางบวช ให้ไปช่วยคุ้มครองทำผ้าประเจียด ตะกรุด พิสมร (ตะกรุดรูปแบบหนึ่ง ใช้ร้อยสายไว้ป้องกันอันตราย) แจกจ่ายนักรบชาวบ้าน เล่าสืบต่อมาว่าพระอาจารย์ธรรมโชติ บวชครั้งแรกที่ ‘วัดยาง’ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง กับวัดโพธิ์เก้าต้นหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘วัดแดง’ เพราะมีดงไม้แดงขึ้นเยอะ ทั้งสองวัดนี้เป็นวัดเก่า เพราะมีวิหารแบบแอ่นท้องสำเภา พระพุทธรูปหินทราย และพระพุทธรูปปูนปั้นประดิษฐานไว้ ก่อนย้ายไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานในถ้ำบนยอดเขานางบวช ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนามาอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้รบ . บริเวณ ‘วัดโพธิ์เก้าต้น’ นี้เป็นย่านชุมชนเก่ามาตั้งแต่สมัยทวารวดีช่วงปลาย แต่อยู่อาศัยกันบางเบาเพราะเป็นเขตที่ต้องใช้ดารเดินทางติดต่อทางน้ำเป็นหลัก [Riverine] เพราะอยู่ไม่ไกลจาก ‘เมืองคูเมือง’ ในตำบลแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ที่อยู่ห่างไปราว ๓ กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเมืองรูปสี่เหลี่ยมของลุ่มน้ำระหว่างลำสีบัวทองและแม่น้ำน้อย มีการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยทวารวดีและยุคลพบุรีหรือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ และคงอยู่สืบเนื่องกันต่อเรื่อยมาจนถึงสิ้นกรุงศรีอยุธยา . พอพม่าเข้าตีค่ายบางระจันที่วัดโพธิ์เก้าต้นได้ ใน ‘ไทยรบพม่า’ พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ว่าชาวบ้านที่เหลือตายหนีไปได้บ้าง พม่าจับเอาไปเป็นเชลยบ้าง แต่พระอาจารย์ธรรมโชตินั้นเลยหายสาบสูญไป จะถึงมรณภาพในเวลาเสียค่ายพม่าหรือหนีรอดไปได้ไม่มีหลักฐานปรากฎ . แต่ในบทความของอาจารย์มนัส โอภากุล เรื่อง พระอาจารย์ธรรมโชติ หายไปไหน? (มนัส โอภากุล. พระอาจารย์ธรรมโชติหายไปไหน? ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๒๗) ใช้ข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจากทายกวัดนางบวช อายุ ๗๕ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๗ เล่าว่า พระอาจารย์ธรรมโชติกลับมาจำพรรษาที่วัดเขานางบวชตามเดิม โดยคำบอกเล่าของปู่ย่าตายายเล่าว่า เมื่อค่ายบางระจันแตก พระอาจารย์ธรรมโชติหลบหนีมาที่เขานางบวช ทหารก็ไล่ติดตามมาจนมาค้นที่วัดเขานางบวชหาตัวเท่าไหร่ก็ไม่พบ เพราะท่านลงไปหลบในอุโมงค์ภายในวิหารที่ยังปรากฎอยู่จนปัจจุบันที่เคยเป็นที่นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เล่ากันว่าภายในมีพื้นที่ให้คนนั่งรวมกันได้ ๕ - ๖ คน ทุกวันนี้ก็ยังปรากฎอยู่.... . ซึ่งเป็นความเชื่อในคุณวิเศษของพระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ชาวบ้านทางแถบเดิมบางตลอดไปจนถึงเขาพระ หัวเขาและบ้านกำมะเชียร ในย่านลุ่มน้ำสุพรรณเชื่อถือกันสืบต่อมา . พระวิหารวิปัสสนาที่เขาขึ้นหรือวัดเขานางบวชนั้น เป็นอาคารยาวมุงกระเบื้องกาบกล้วยแบบเก่า ประดิษฐานรอยพระบาท ด้านหลังเป็นโพรงหรืออุโมงค์ลงไปในโพรงแคบๆ ของพระเจดีย์ที่อาจจะเป็นกรุมาแต่ดั้งเดิม (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชวินิจฉัยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นโพรงถ้ำวิปัสสนามาแต่ก่อน . ‘เขาขึ้น’ หรือ ‘เขานางบวช’ นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มโบราณสถานบนเขาและชุมชนยุคแรกๆ มราเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ เนื่องจากใกล้ชิดกับชุมชนที่เดิมบางฯ ริมแม่น้ำสุพรรณซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อเส้นทางเดินทางสมัยโบราณได้หลายทิศทาง ไม่ว่าจะขึ้นเหนือไปทางลุ่มน้ำสะแกกรังผ่านไปทางลำน้ำปิง ทางลำน้ำมะเขามเฒ่าสู่กลุ่มเมืองทางอู่ตะเภาและพื้นที่ดอนที่ติดต่อกับที่ราบสูงโคราช ทางตะวันตกสู่ลุ่มน้ำสุพรรณ อู่ทองและแม่กลอง และทางใต้ติดต่อกับท้องทุ่งและลำน้ำใหญ่น้อยที่ลงสูากลุ่มละโว้ได้เช่นกัน และมีการอยู่อาศัยต่อเนื่อง จนกลายเป็นแลนด์มาร์กและวัดสำคัญของท้องถิ่น มำตำนานของผู้เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ๆ สร้างให้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น และกลายมาเป็นการสร้างประเพณีสำคัญของท้องถิ่นสืบมาจนถึงปัจจุบัน . เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสขึ้นบนเขานางบวช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ในพระราชหัตถเลขาบันทึกไว้ว่า . ...ที่บนนั้นมีพระอุโบสถหลังหนึ่ง ห้าห้อง ไม่มีหน้าต่าง ก่อเว้นช่องอย่างวัดพุทไธสวรรย์ แต่ไม่มีหลังคามุงแฝกคลุมไว้ พระที่ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเป็นพระพุทธรูปศิลาปั้นปูน ประกอบปิดทอง ผนังโบสถ์ด้านหนึ่งก่อเป็นแท่นเหมือนอาสนสงฆ์ ตั้งพระพุทธรูป เป็นพระยืนขนาดใหญ่ เห็นจะเป็นพระเก่าผีมือดี ๆ อย่างโบราณ สวมเทริด หน้าต่าง ๆ แต่ ชำรุดทั้งสิ้น ได้เชิญให้ลงมาปฏิสังขรณ์ ๔ องค์ ถ้าเสร็จแล้วจะส่งกลับไปไว้ที่เขานั้นบ้าง เสมาใช้ศิลาแผ่นใหญ่ ๆ อย่างเสมาวัดหลวงกรุงเก่า มีกำแพงแก้วรอบไป จนกระทั่งเจดีย์และวิหารด้วย แต่วิหารนั้นเป็นที่น่าสงสัยอยู่ว่า ทำเป็นสองคราว เพราะกระชั้นพระเจดีย์นัก ไม่ได้ไว้ช่อง อีกมีช่องหน้าต่างเล็กสูงเพียงศอกเดียว กว้างกับเศษ ๒ ช่องเท่านั้น ท้ายวิหารจดฐานพระเจดีย์ มีทางเข้าไปในองค์พระเจดีย์ที่กำแพงแก้ว มีพระเจดีย์ประจำมุมเห็นจะมีถึงด้านละ ๔ องค์ พระเจดีย์นั้นก็เป็นพานแว่นฟ้า ๓ ชั้น . เขานางบวชนี้เป็นที่ราษฎรนับถือมาก มีกำหนดขึ้นไหว้กันกลางเดือน ๔ ทุกปี มาแต่หัวเมืองอื่นก็มากใช้เดินทางบกทั้งนั้น... . ลักษณะของเจดีย์ที่สร้างแบบผสมกับหินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งมักนิยมสร้างกันเช่นนี้ตามเขาที่มีฐานวิหารและพระเจดีย์บนเขา เช่น ที่บ้านหัวเขาในอำเภอเดิมบางฯ นี้ และแนวเขาพระที่ต่อเนื่องมาจากอู่ทองจนถึงเลาขวัญอีกหลายแห่ง ก็มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งเป็นยุคสมัยแบบลพบุรีหรือในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ อันเป็นช่วงร่วมสมัยกับกลุ่มนครรัฐเจนลีฟูที่ปรากฎขึ้นในบริเวณนี้ และเป็นรัฐที่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลักตามระบุไว้ในจดหมายเหตุจีน . และยังพบฐานแท่นหินทรายขนาดย่อมๆ สำหรับประติมากรรมที่อาจเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูปก็ได้ และพระพุทธรูปยืนสวมเทริดทำจากหินที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงที่อาจนำไปปฏิสังขรณ์แล้วและอาจไม่ได้ส่งกลับมาก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปแบบหินทรายปางมารวิชัยแบบเก่าซึ่งพบในแถบพื้นที่ดอนของสามชุก หนองหญ้าไซ และดอนเจดีย์ ... ภาพ วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติบนเขาขึ้นหรือเขานางบวช ต่อด้วยเจดีย์ทำจากก้อนหินผสมกับอิฐ ซึ่งมีโพรงด้านใน และพระอุโบสถมีพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยที่พบในเขตนี้หลายองค์ ทั้งใบเสมาทำจากหินชนวนแบบวัดหลวงแต่ทำลวดลายที่พบได้ทั่วไปในเขตชัยนาท เมืองสิงห์เก่าและเมืองพรหมเก่า
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 867 Views 0 Reviews
  • ✨พระผงชานหมาก กลีบบัว หลวงพ่อโบ้ยวัดมะนาว จังหวัดสุพรรณบุรี จัดสร้างราวปีพ.ศ.2500 พุทธลักษณะเป็นพระพิมพ์พระพุทธนั่งสมาธิ โดยหลวงพ่อโบ้ย ท่านถือเป็นผู้ที่มีญาณสมาบัติสูงและวิทยาคมแกร่งกล้า ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีความเข้มขลังทั้งในด้านแคล้วคลาดและคงกระพัน ชาตรี.
    ✨พระผงชานหมาก กลีบบัว หลวงพ่อโบ้ยวัดมะนาว จังหวัดสุพรรณบุรี จัดสร้างราวปีพ.ศ.2500 พุทธลักษณะเป็นพระพิมพ์พระพุทธนั่งสมาธิ โดยหลวงพ่อโบ้ย ท่านถือเป็นผู้ที่มีญาณสมาบัติสูงและวิทยาคมแกร่งกล้า ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีความเข้มขลังทั้งในด้านแคล้วคลาดและคงกระพัน ชาตรี.
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 0 Reviews
  • 433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘

    ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้

    สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี
    ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา

    ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง

    สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา

    พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว

    เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว

    เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ

    เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ
    เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว

    ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง

    เผชิญหน้าบนหลังช้าง
    พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า

    “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด”

    มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง

    ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่

    ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี

    หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้

    ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย
    สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

    พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ

    มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี
    1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน?
    ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    2. ช้างศึกคืออะไร?
    ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์

    3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ?
    เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ

    ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้

    เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568

    #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย

    🎉
    433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘 ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้ สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง เผชิญหน้าบนหลังช้าง พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด” มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่ ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้ ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี 1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน? ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี 2. ช้างศึกคืออะไร? ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์ 3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ? เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้ เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568 #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย 🎉
    0 Comments 0 Shares 1294 Views 0 Reviews
More Results